ตอนที่ 25
แม็คมองตามสายตาของเต็น เห็นหลังไวๆ ของแชมป์จึงเอ่ยออกมา
“แล้วแฟนเขาไปไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่าทางเขาดูไม่ดีเลย” เต็นตอบ เข้าใจว่าแม็คคงหมายถึงมิว
“เหรอ แล้วไงดีอ่ะ” แม็คถามเพราะไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป พอจะจับน้ำเสียงและแววตาห่วงใยของคนตรงหน้าที่มีต่อคนที่เดินจากไป
“หมายถึงอะไรเอายังไง” เต็นหันมาถาม
“ก็เต็นยังจะเดินเที่ยวต่อกับแม็คหรือเปล่า หรือว่าจะ เอ่อ ตามนายแชมป์ไป”
“แล้วนายกายนั่นล่ะ”
“ก็ไม่อะไรนี่ พอเต็นแยกหนีเขาก็แยกหนีเหมือนกัน บอกแล้ว เขาไม่อะไรกะแม็คหรอก เห็นแม็คมากะเต็นก็คงจะเข้ามาแกล้งเล่นตามนิสัยเขาน่ะแหละ”
“แปลกดีเนอะ”
“ก็นะ ปล่อยเขาเถอะ แต่อย่าพูดถึงเขาเลย แม็คไม่อยากได้ชื่อว่านินทาคนที่เคยคบ”
“แม็คนี่น่ารักดีเนอะ”
“แล้วรักมั้ยล่ะครับ”
“คิดดูก่อน”
“ไม่ว่ากัน แล้วยังไงอ่ะยังไม่ตอบแม็คเลยว่าจะเอายังไง”
“อืม เต็นขอกลับห้องได้มั้ย เพลียแล้วอ่ะ”
“ได้ดิ เดี๋ยวแม็คไปส่ง”
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอก เต็นกลับเองได้”
“เถอะน่า แม็คก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”
“อ้าว ไม่เดินเล่นต่อแล้วเหรอ”
“ก็เต็นไม่อยู่แม็คก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม”
“เฮ้อ พูดซะไม่กล้ากลับเลย”
“จริงดิ มุกนี้ได้ผลแฮะ”
“เออ อย่าใช้บ่อยละกัน”
“โอ้ย ไม่ต้องห่วงมุกแม็คมีอีกเพียบ ว่าแต่ถ้าเต็นไม่กลับเราไปหาอะไรกินก่อนดีมั้ย แม็คชักหิว จากนั้นค่อยไปดูหนังเอาป่ะ”
“ตามใจละกัน”
หลังตกลงกันเสร็จสองคนจึงเดินคู่กันกลับเข้าไปในห้างดังเดิม เดินไปก็พูดคุยหยอกล้อกันไปคล้ายคนที่สนิทกันมาแล้วกว่าสิบปี ภาพนั้นไม่พ้นสายตาคนบางคนที่มองเห็นอย่างบังเอิญแล้วละสายตาจากไปไม่ได้
แชมป์มองภาพของคนสองคนที่เดินมาทางร้านอาหารที่ตนนั่งอยู่ สังเกตเห็นชัดเจนถึงรอยยิ้มสดใสและอาการร่าเริงของคนที่ตนเคยทำร้ายความรู้สึก มันช่างต่างความรู้สึกห่อเหี่ยวที่เกิดในใจของตัวเองตอนนี้ซะเหลือเกิน สองคนนั้นเดินมาหยุดที่หน้าร้าน เด็กหนุ่มขยับร่างกายเข้าหลบมุมเพราะรู้สึกไม่อยากเผชิญหน้ากับคนที่ดูมีความสุขในขณะที่ตัวเองกำลังมีทุกข์อย่างนี้ แต่แม้จะหลบมุมสายตาก็ยังแอบจับจ้องร่างสองร่างนั้นจนเห็นพากันเดินเข้ามาในร้าน
“ร้านอื่นมีเยอะแยะทำไมเลือกร้านนี้วะ” เด็กหนุ่มแอบบ่นเพราะไม่รู้จะตีสีหน้ายังไงหากได้เผชิญหน้า จิตใจตอนนี้ไม่ได้แข็งแรงพอที่จะกล้าสบตาหรือต่อปากต่อคำกับใคร เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกใส่เมื่อที่สุดสองคนนั้นก็เลือกที่นั่งในมุมเดียวที่ติดกับตัวเอง
“แชมป์” เต็นเอ่ยเรียกอย่างตกใจที่เมื่อเดินมาหยุดยังมุมที่เลือกแล้วเห็นคนคุ้นตากำลังนั่งอยู่ก่อนหน้า
“ตามสบายจะกลับแล้ว” แชมป์เอ่ยบอกแล้วรีบจะลุกเดิน แต่ก็พลันชะงักกับเสียงทักของอีกคนที่มากับคนที่ตนรู้จัก
“อะไรกันอาหารนายยังเหลือบานเลย อิ่มแล้วเหรอ”
“แล้วเกี่ยวอะไรด้วยวะ” แชมป์เอ่ยใส่หน้าเมื่อรู้สึกไม่พอใจกับคำทัก
“เราไปทานกันที่อื่นก็ได้แม็ค” เต็นรีบหันมาชวนคนข้างตัว เพราะเริ่มรู้สึกไม่ดีในท่าทีของคนที่ตนเคยคบ
“นายคือแม็คจริงด้วย” แชมป์เอ่ยออกมาเยาะๆ เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ตนเอ่ยว่าจากปากของเต็น
“หมายความความไง” แม็คเอ่ยถามอย่างงงๆ
“ฉันรู้จักนายกายอดีตกิ๊กของนาย ไปเดาเอาเองละกันว่าหมายความว่าไง” เอ่ยจบแชมป์ก็เดินจากไป โดยไม่ลืมที่จะมองสบสายตาอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยทิ้งท้ายก่อนพาร่างหายไปจากร้าน
“สองคนนั้นเคยเจอกันแล้ว ถ้าเดาไม่ผิดนายกายนั่นน่าจะเล่าเรื่องของเราให้แชมป์ฟังมั้ง” เต็นเดาเรื่องราว ถอนหายใจออกมาอย่างเพลียๆ กับสายตาและท่าทีของคนเคยคบ ฝ่ายนั้นมองคล้ายๆ น้อยใจ และไม่พอใจที่เห็นตนมากับคนข้างตัว นี่มันยังไงนะ
“แต่ท่าทางดุเอาเรื่องนะนายแชมป์เนี่ย หึงเต็นหรือเปล่าก็ไม่รู้” แม็คเอ่ยขันๆ ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะหันไปสนใจเมนูอาหาร ส่วนเต็นได้ยินประโยคนั้นจบก็อดที่จะหันไปมองตามทางที่แชมป์เดินจากไปไม่ได้
แชมป์เดินเตะถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ จนค่ำเพราะจิตใจที่ไม่ปกติจึงไม่รู้จะไปไหน กลับบ้านเหรอก็ไม่อยากกลับ ที่สุดในใจก็นึกครึ้มอยากจะเอาน้ำเมาเข้าปากให้ลืมเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ในใจสับสนในวันนี้ทิ้งไปเสียให้หมด เด็กหนุ่มจัดการโทรศัพท์เรียกเพื่อนในกลุ่มออกมาเจอเพื่อไปหาที่นั่งดื่ม แต่ติดต่อหาใครก็ไม่มีใครว่างสักคน
“โธ่โว้ย แม่งทำไมวันนี้ใครๆ ก็ทิ้งกูวะ” ด้วยอารมณ์น้อยใจที่สะสมมามากมายทำให้ต้องเอ่ยระบายออกไปแบบนั้น แต่สักพักก็ได้ยินเสียงทักที่ทำให้ต้องหันไปมอง
“ใครกันนะทิ้งหนุ่มหล่อได้ลงคอ”
เสียงนั่นเป็นเสียงของกาย ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวก็กำลังยืนยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้
“มาอยู่นี่ได้ไง” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทาย เห็นคนนั้นรีบปรี่เข้าใกล้จึงถอยออกห่างสองสามก้าว
“ระวังตัวจังเลยนะ” กายเอ่ยแซว รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาบ้างหลังจากที่ก่อนหน้าได้บูดเน่าไปจากการราวีคนรักเก่ากับเต็นไม่สำเร็จ
“แล้วทำไมจะต้องเข้ามาชิดล่ะ คุยห่างๆ ฉันก็ได้ยิน” แชมป์บอกตามจริง ยังทำใจเข้าใกล้ผู้ชายอ่อนไหวคนไหนไม่ได้เลยจริงๆ ที่ผ่านมาคนเช่นนี้ที่ถูกเนื้อต้องตัวเขามากที่สุดก็คือเต็น
“นะ ก็นายดูดีซะขนาดนี้ใครที่ไหนล่ะไม่อยากเข้าใกล้” กายเอ่ยชมตรงๆ สายตาก็ยังคงส่งให้แบบยั่วยวนเช่นเดิม
“ขอบใจที่ชม แต่ไม่ต้องชิดมากก็ได้หากไม่อยากให้ฉันเดินหนีอีก” แชมป์เสียงเบาลง เริ่มรู้สึกดีขึ้นจากอาการที่คิดว่าใครๆ ก็ทิ้งไปเมื่อครู่ อย่างน้อยที่สุดคนข้างหน้าก็น่าจะเป็นเพื่อนสนทนาได้อยู่ หากตัดทิ้งอาการกรุ้มกริ่มและสายตายั่วยวนที่นึกไม่ชอบมอง
“โอเค ไม่ชิดก็ไม่ชิด แล้วทำไมนายถึงมานั่งบ่นว่าใครทิ้งอยู่ตรงนี้ล่ะ” กายชวนคุย แม้นึกหมั่นไส้ในท่าทีหวงตัวแต่ก็เก็บอาการเพราะอยากลิ้มลองความเป็นชายคนตรงหน้าซะเหลือเกิน
“ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่นายควรจะรู้หรอก” แชมป์บอกปัด ไม่อยากนึกถึงทั้งภาพคนรักเก่าเลือกที่จะวิ่งกลับไปหาคนที่ทำให้ร้องไห้เสียใจนับครั้งไม่ถ้วน และภาพคนร่าเริงสุขใจของคนที่ตนเคยกลั่นแกล้ง ลองถามความรู้สึกในใจก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าภาพไหนที่ทำให้ต้องมานั่งน้อยอกน้อยใจอยู่แบบนี้ได้มากกว่ากัน
“ไม่รู้ก็ได้ แต่หากอยากได้คนพูดคุยที่ไม่มีทางทิ้งนายไป เรายินดีเป็นตัวเลือกนะ” กายบอก พอจะอ่านเกมออกว่าคนตรงหน้ากำลังรู้สึกล้าในใจเป็นแน่ ร้อยทั้งร้อยคนที่กำลังตกอยู่ในอาการเช่นนี้หากมีที่ระบายขี้คร้านจะวิ่งเข้าใส่ เด็กหนุ่มปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ได้ไวยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีตอนที่โดนคนตรงหน้ามองพินิจ จากแววตายั่วยวนเมื่อครู่จึงเปลี่ยนเป็นแววตาที่แสดงออกถึงความจริงใจในคำพูด
แชมป์มองเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้ารู้สึกพอใจขึ้นมาที่เห็นว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยนึกไม่ชอบ วันแรกที่เจอกับคนๆ นี้ก็ตรงหน้าร้านเหล้า ก็คงจะไม่เสี่ยงเกินไปหรอกนะหากจะชวนเจ้าตัวไปนั่งดื่มเป็นเพื่อน
“ไปกินเหล้ากันมั้ย แม่งเบื่อๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นในที่สุด กายรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้ยินประโยคเอ่ยชวน แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะหากตื่นตูมไปก็คงจะเสียโอกาสงามนี้แน่
“นายไม่กลัวเราแล้วเหรอ เราอาจจะลวนลามนายก็ได้นะหากนายเมา” เด็กหนุ่มแสร้งทำหน้าจ๋อยๆ เอ่ยถาม
“ฉันคงไม่ดื่มถึงเมาหรอก เพราะพรุ่งนี้มีเรียน แค่อยากดื่มระบายเท่านั้น แต่ตามใจนะ ถือว่าฉันชวนแล้ว ไม่ไปฉันก็คงกลับบ้าน” เต็นบอกแล้วจะเดินหนี กายรีบรั้งไว้
“เฮ้ย แค่ถามดู นายชวนทั้งทีใครล่ะจะปฏิเสธ แล้วจะไปยังไง นายสะดวกใจที่จะไปรถเรามั้ย ส่วนร้านไหนเราให้นายเลือก”
“แถวนี้มีที่ไหนน่านั่งบ้างล่ะ ฉันไม่ค่อยคุ้น”
“ก็มีหลายที่นะ ไปอ.ต.ก.มั้ยล่ะ”
แชมป์พยักหน้ายินยอม จากอารมณ์ห่อเหี่ยวในใจจึงไม่อยากคิดอะไรมาก ไม่รู้หรอกว่าถิ่นที่คนเสนอพาไปนั้นจะมีอะไรหรือคนเที่ยวประเภทไหนรออยู่
ทางด้านเต็นกับแม็ค หลังจากทานข้าวกันเสร็จก็ไปดูหนังกันต่อตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งกว่าหนังจะจบก็ดึกดื่น และแม็คก็ทำหน้าที่มาส่งเต็นที่หอพักเช่นเคย
หลังรถแม็คเลี้ยวกลับออกไปแล้ว ขณะจะเดินเข้าไปในหอพัก เต็นถึงกับสะดุ้งวาบตกใจเมื่อเห็นเป็นร่างคนคุ้นตามายืนขวางหน้าอยู่
“แชมป์ มาอยู่นี่ได้ไง” เด็กหนุ่มเอ่ยทัก ยังไม่ทันที่คนตรงหน้าจะตอบลุงยามที่เคยช่วยฉุดคนๆ นี้ช่วยตอนเมาครานั้นก็เอ่ยขึ้นก่อน
“โอ้ย พ่อหนุ่มนี่เขามารอเราสักชั่วโมงได้แล้วมั้ง เนี่ยอยู่คุยกับลุงจนไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรกันแล้ว”
“ชั่วโมงเลยเหรอ” เต็นทวนประโยค
“ก็ไม่คิดว่านายจะสวีทกับกิ๊กใหม่ได้ดึกดื่นขนาดนี้” แชมป์เอ่ยตอบเสียงนิ่ง ยังรู้สึกตกใจไม่หายกับการโดนล้อมหน้าล้อมหลังจากเพื่อนของคนที่พาไปร้านเหล้าในสถานที่นักเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ใช่ชายหญิงหญิงแท้ กว่าจะพาตัวเองรอดออกมาได้ก็ทำเอาเหงื่อตก นึกโกรธคนที่พาไปจนเกือบจะกระโดดชกหน้า แต่ก็โดนท้าทายกลับด้วยการที่ฝ่ายนั้นเอาเพื่อนกลุ่มใหญ่มาข่มขู่ พร้อมด่าว่าอย่างรุนแรงถึงอาการหวงเนื้อหวงตัวของตน สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงได้เรียกแท็กซี่ถอยฉากออกมา ตอนแรกก็คิดจะกลับบ้าน แต่จากอาการล้าในใจที่เจอหลายๆ เรื่องราวในวันนี้พร้อมกันจึงได้สั่งให้แท็กซี่พามาส่งที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าทำไมตอนนี้นึกอยากจะเจออยากจะคุยกับคนตรงหน้าเสียมากกว่าการไปเผชิญหน้ากับใครๆ
“ดูหนังเพิ่งจบ” เต็นตอบออกไปตามจริง ไม่ได้คิดหรอกว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไง จนเจ้าตัวเอ่ยบอกเสียงเบา
“คนนี้ตั้งใจจะคบจริงๆ แล้วใช่มั้ย”
เต็นมองสบตา ยังไม่กล้าที่จะตอบอะไรเพราะเห็นมีบุคคลที่สามยืนอยู่ด้วย แต่แล้วจู่ๆ บุคคลที่ว่าก็เอ่ยขึ้น
“ตามสบาย เดี๋ยวลุงว่าจะเดินไปตรวจในหอแล้ว” เอ่ยเสร็จลุงยามก็เดินจากไปพร้อมไฟฉายในมือ เต็นจึงเอ่ยถามขึ้น
“หมายความว่ายังไง”
“ก็เห็นควงนายนี่ทีแฟนเก่าที เราก็อยากรู้ว่าตกลงแล้วเต็นจะเลือกใคร”
“ตอนนี้เรายังเข็ดกับการไว้ใจใครอยู่ มันคงอีกนานแหละแชมป์กว่าที่เราจะคบใครอีกสักคนที่มากกว่าเพื่อน” เอ่ยเสร็จเต็นก็เดินผละหนี ไม่ได้อยากเอ่ยเลยกับประโยคเมื่อครู่เพราะเอ่ยเองก็สะเทือนใจเอง แต่เพราะคำกล่าวที่ได้ยินก่อนหน้าต่างหากที่บังคับให้ต้องเอ่ย
แชมป์ยืนนิ่งสักพัก เข้าใจว่าสิ่งที่เต็นเอ่ยเมื่อครู่คงหมายถึงเรื่องราวที่ตนเป็นคนทำไว้ เด็กหนุ่มค่อยๆ หมุนตัวเดินตามหลังฝ่ายนั้นไป จนถึงทางเข้าหอพักที่เจ้าตัวหยุดหันมามองหน้าจึงต้องหยุดตาม
“ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้าน” เต็นเอ่ยถามเสียงนิ่ง ถึงตอนนี้เริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากคนตรงหน้า
“อยู่ด้วยไม่ได้เหรอ ตอนนี้ยังไม่อยากไปไหน” แชมป์บอกจากใจจริง รู้สึกล้าๆ เหนื่อยๆ จนหมดแรงจะยืนได้ตรง ร่างทั้งร่างจึงเริ่มเซนิดๆ
“ทะเลาะกับมิวเหรอถึงต้องไปดื่มเหล้ามาอีก” เต็นถามเพราะเข้าใจว่าเรื่องราวมันต้องเป็นแบบนั้น ส่วนแชมป์จากอาการล้าในใจที่มีอยู่ก่อนแล้วพอเจอคำถามไม่เลิกจึงคิดไปว่าคนตรงหน้าคงรำคาญไม่อยากให้ตนอยู่ด้วยจึงเอ่ยขึ้นด้วยความน้อยใจ
“ถ้าไม่อยากให้อยู่ด้วยก็บอก ไม่ต้องถามเรื่องโน่นเรื่องนี้หรอก ขอโทษนะที่มารบกวน” เอ่ยเสร็จเด็กหนุ่มก็หมุนตัวจะเดินหนี แต่เพราะเคลื่อนไหวร่างกายเร็วไปหน่อย จึงเซทำท่าจะล้มลงไปจริงๆ ร้อนถึงอีกคนที่ยืนดูอยู่ต้องรีบเข้าพยุงไว้เป็นเหตุให้สองคนถูกเนื้อต้องตัวกันอีกครั้ง แถมคราวนี้ใบหน้าก็ชิดกันอยู่ไม่ถึงคืบ สายตาก็ประสานกันในระยะที่สามารถอ่านเข้าไปทะลุหัวใจกันและกันได้
“ห่วงแชมป์เหมือนกันเหรอ” แชมป์เอ่ยออกมาด้วยสรรพนามเดิม เมื่อมองเห็นแววตาระยะชิดใกล้ของคนที่เข้ากอดร่างตัวเองไว้
“มันเป็นตามสัญชาตญาณ”เต็นออกอาการปากแข็ง ก่อนจะปล่อยร่างที่ยืนเองได้แล้วให้เป็นอิสระก่อนเดินหนีไป แชมป์มองตาม ลอบยิ้มที่มุมปากนิดๆ อาการล้าในใจหายไปเมื่อเห็นอาการคนปากไม่ตรงกับใจ เด็กหนุ่มมีกำลังใจขึ้นมาพอที่จะก้าวเดินตามไปจนมาหยุดอยู่หน้าห้องพักคู่เจ้าตัวได้สำเร็จ
“แน่ใจแล้วเหรอแชมป์ที่ตามขึ้นมาแบบนี้” เต็นหันมาเอ่ยถามคนยืนข้างตัวขณะกำลังจะไขกุญแจ
“ทำไมเหรอ” แชมป์ถามงงๆ
“อืม ช่างเถอะ เราก็ถามเพ้อเจ้อไปงั้นแหละ” เต็นบอกปัดก่อนจะหันไปไขกุญแจ สิ่งที่ถามไปเมื่อครู่เพราะยังจดจำเหตุการณ์ที่ตัวเองโดนกล่าวหาว่าเป็นคนฉวยโอกาส การที่คนกล่าวหาตามขึ้นห้องมาแบบนี้จึงอดที่จะแปลกใจไม่ได้ แต่ในเมื่อถามไปขนาดนั้นแล้วเจ้าตัวยังไม่เข้าใจก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขยายความให้เหมือนเป็นคนขี้ประชด
“ห้องรกหน่อยนะ ยังไม่ได้เก็บ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกตอนที่คนที่ตามมาพาร่างเดินเข้ามาในห้อง หันไปมองเมื่อเห็นเจ้าปิดประตูลงพร้อมกดล็อค
“แชมป์ไม่ได้สนใจหรอกแค่ยอมให้แชมป์เข้ามามีที่ซุกหัวนอนแชมป์ก็ขอบคุณแล้ว” แชมป์เอ่ยบอก ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกเพราะรู้สึกเหนียวตัวและล้าจนอยากจะอาบน้ำนอนพัก เต็นมองเห็นรู้สึกไม่สบายใจที่จะอยู่มองคนที่กล่าวหาตัวเองว่าฉวยโอกาสเปลื้องผ้าต่อหน้าจึงคิดหาทางเลี่ยง ที่สุดก็มองเห็นตะกร้าผ้าจึงเอ่ย
“ตามสบายนะ เราขอเอาผ้าลงไปซักก่อน” เอ่ยจบเด็กหนุ่มก็รีบเดินไปคว้าเอาตะกร้าผ้าที่ว่าพร้อมอุปกรณ์การซักและกุญแจห้องเปิดประตูเดินลิ่วๆ หนีไป
“คนอะไรชอบซักผ้าดึกๆ ดื่นๆ” แชมป์เอ่ยตามหลังในตอนที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออกแล้ว ยังจำได้ถึงวันที่คนที่เดินจากไปเคยลงไปซักผ้าตอนเที่ยงคืนในวันที่รู้จักกันใหม่ๆ เด็กหนุ่มยังไม่เฉลียวใจเลยถึงเหตุการณ์ที่ตนเคยต่อว่าเจ้าตัวเป็นคนฉวยโอกาส กระทั่งได้รับสายน้ำเย็นที่ราดลงบนตัวตอนเข้าไปอาบ ในสมองเริ่มปลอดโปร่งพอจะคิดถึงเรื่องต่างๆ นาๆ ได้ ภาพในวันวานต่างๆ ที่ตนเคยกระทำกับเต็นจึงเริ่มวนเวียนมาให้คิดถึงเป็นฉากๆ จนถึงตอนหนึ่งที่ตนเคยเขวี้ยงถุงโจ๊กที่เจ้าตัวลงไปซื้อให้ทิ้งใส่หน้าวันนั้น จึงเริ่มเฉลียวใจว่าการที่เจ้าตัวคว้าตะกร้าผ้าหนีไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยคงไม่ใช่สาเหตุมาจากการชอบซักผ้าดึกๆ ดื่นๆ เป็นแน่
“หรือว่านายกลัวจะฉันจะหาว่าเป็นคนฉวยโอกาสอีกเต็น” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ตอนนึกได้ จึงรีบทำการชำระล้างร่างกาย พอเสร็จสรรพออกมาใส่เสื้อผ้าที่ถือวิสาสะเลือกมาใส่เอง ก็รีบเปิดประตูห้องเดินตามไปยังที่ซักผ้าของหอ โดยเบาฝีเท้าลงตอนที่กำลังจะเดินไปถึง
“ไม่เห็นได้ยินเสียงเครื่องทำงานเลย” ปากบ่นออกมาเบาๆ เมื่อที่ตรงนั้นเงียบผิดสังเกต กระทั่งเดินไปจนสามารถมองเห็นได้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเครื่องซักผ้าไม่ทำงาน เพราะคนที่หอบตะกร้าผ้ามาเมื่อครู่ตอนนี้เพียงแค่นั่งชันเข่ามองดูเครื่องเฉยๆ ตะกร้าผ้านั่นยังคงมีผ้าอยู่เต็มเช่นเดิมซึ่งวางอยู่ข้างๆ เจ้าตัว
“ทำไมต้องอ้างแบบนี้ด้วยนะเต็น” แชมป์เอ่ยออกมาอย่างสะท้านใจเมื่อคิดว่าสิ่งที่เอ่ยคาดไว้ตอนอาบน้ำคงเป็นจริง เต็นคงไม่ได้ตั้งใจลงมาเพื่อซักผ้าจริงๆ แต่ที่ลงมาคงเพื่อหาวิธีหนีจากตนที่กำลังจะเปลื้องผ้าต่อหน้า เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหา เพื่อชวนกลับขึ้นห้อง
“ขึ้นห้องเถอะเต็น” ส่งเสียงทักออกไปเมื่อไปถึง เห็นฝ่ายนั้นสะดุ้งพร้อมยกมือขึ้นเช็ดที่แก้ม จึงนั่งลงมองใบหน้าเจ้าตัวชัดๆ ตกใจที่เห็นว่าจริงๆ แล้วเจ้าตัวนั่งร้องไห้อยู่
“เฮ้ย ร้องไห้ทำไมอ่ะเต็น” เด็กหนุ่มเอ่ยทักออกไป พลางเอื้อมมือไปจับไหล่จับร่างให้ฝ่ายนั้นหันมาเผชิญหน้า เพราะดูท่าทีกำลังเลี่ยงหลบ
“ปะ เปล่า ไม่มีอะไร นายอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” เต็นเอ่ยปฏิเสธทั้งๆ ที่เสียงยังสั่นไม่หาย หลังจากที่ลงมาจนถึงที่ซักผ้าเด็กหนุ่มก็นั่งลงอย่างคนหมดเรี่ยวแรง เพราะเหตุการณ์ในวันวานต่างๆ มันย้อนกลับ
มาให้คิดถึงได้อีก ยิ่งภาพวันที่โดยกล่าวหาว่าเป็นคนฉวยโอกาสวันนั้นยิ่งฉายชัดมากที่สุดจนเกิดอาการสะเทือนใจจนต้องร้องไห้เพื่อระบายอาการออกมา
“ไม่มีอะไรได้ไงก็เห็นอยู่ว่าร้องไห้ อย่าปากแข็งหน่อยเลยน่า เป็นอะไร บอกแชมป์สิ” แชมป์ถามต่อ รู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นน้ำตาของคนตรงหน้าในตอนนี้ มันชวนให้เขาสะเทือนใจไปด้วยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่ได้รู้สึกเช่นนี้เลย
“ไม่มีอะไรจริงๆ แชมป์ขึ้นไปนอนพักก่อนไป เดี๋ยวเราขอซักผ้าเดี๋ยว” เต็นออกอาการแข็งขืนลุกขึ้นจับตะกร้าไปเทลงถังปิดฝาหยอดเหรียญให้เครื่องทำงานทั้งๆ ที่ยังไม่ใส่ผงซักฟอก ก่อนจะยกมือเสยผมลวกๆ กระพริบตาถี่ๆ ไล่ม่านน้ำตาออกไป แชมป์มองภาพนั้นรู้ได้เองว่าตอนนี้จิตใจเจ้าตัวคงไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ซักผ้าด้วยวิธีการเช่นนี้ เด็กหนุ่มตัดสินเดินตรงเข้าไปดึงร่างเจ้าตัวมากอดไว้แนบอกกอดเอาไว้แน่น ก่อนเอ่ยปลอบเพราะเข้าใจว่าอาการเลื่อนลอยที่เห็นของเจ้าตัวคงเกิดจากตนที่เป็นคนกระทำ
“แชมป์ขอโทษเต็น แชมป์ขอโทษ”
ถึงตอนนี้เต็นไม่อาจข่มอารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิงได้อยู่ จึงปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเป็นสายพร้อมร่างกายที่สะอื้นไห้จนสั่นสะเทือนให้คนที่กอดอยู่ได้รู้สึก
“ไม่เอา อย่าร้องๆ แชมป์อยู่นี่แล้ว แชมป์ไม่ไปไหนแล้ว” แชมป์เอ่ยปลอบอีกคราวนี้ถึงกับยกมือขึ้นลูบเส้นผมคนในอ้อมกอดเพื่อแสดงออกถึงความจริงใจในคำพูดของตน สักพักแรงสะอื้นจากคนร้องให้จึงค่อยๆ ลดแรงลง ก่อนที่เจ้าตัวจะผละออกจากอก เอ่ยบอกทั้งน้ำตาและรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงอาการฝืนใจทำ
“มันไม่น่าเกิดขึ้นเลยเนาะ โทษทีนะ แชมป์ไม่จำเป็นต้องปลอบหรอก เดี๋ยวเต็นก็ดีขึ้นเองแหละ”
“งั้นเดี๋ยวเต็นขึ้นไปอาบน้ำให้สบายตัวสบายใจเถอะไป เดี๋ยวแชมป์ดูให้เรื่องเสื้อผ้า” แชมป์ยังไม่อยากจะพูดอะไรมากในตอนนี้จึงได้บอกไปแค่นั้น เห็นท่าทีลังเลของเจ้าของเสื้อผ้าจึงบอกอีกยิ้มๆ
“ไปเถอะน่า แชมป์ซักต่อให้ ไปล้างหน้าล้างตาซะ บวมหมดแล้วน่ะ”
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เต็นได้กลับมาเห็นรอยยิ้มจริงใจที่คนตรงหน้าส่งให้อีกครั้ง อยากจะยิ้มตอบให้แต่ยังไม่ไว้ใจอะไรนักจึงเลือกที่จะเดินจากไปเงียบๆ ส่วนแชมป์มองตามหลังจนร่างนั้นลับสายตาไปจึงค่อยหันมาจัดการเรื่องเสื้อผ้าเจ้าตัวต่อ แล้วค่อยเดินตามไปอีกคน
ภายในห้องขณะที่เต็นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เด็กหนุ่มจึงจัดแจงที่นอนบนโซฟาเตรียมไว้อีกหนึ่งที่ โดยมีอีกคนจ้องมองการกระทำอยู่
“ใจคอจะให้แชมป์นอนบนโซฟาจริงๆ เหรอเต็น” แชมป์เอ่ยถามเพราะคิดว่าเจ้าของห้องคงจัดเตรียมที่นอนให้ตน
“ที่นอนเต็น” เต็นหันมาตอบสั้นๆ ก่อนจะจัดการต่อ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อถูกรื้อออกจากมือของแชมป์
“ที่นอนก็กว้าง นอนด้วยกันข้างบนจะเป็นอะไร” แชมป์เอ่ยบอก แล้วโยนผ้าห่มและหมอนในมือขึ้นไปบนที่นอน เอ่ยบอกอีก
“เดี๋ยวแชมป์จะลงไปเอาผ้ามาตากให้ ง่วงก็นอนไปก่อนเลยนะ”
“ไม่ต้องวุ่นวายหรอก เสื้อผ้าเต็นเดี๋ยวเต็นทำเอง” เต็นเอ่ยบอกแล้วเดินผ่านหน้าเพื่อไปยังประตูแต่แล้วร่างก็โดนฉุดเอาไว้จนถลามาปะทะอกคนฉุด ตกใจเมื่อฝ่ายนั้นโน้มหน้าลงชิดใกล้พร้อมเอ่ยว่าเสียงเข้ม
“หาว่าแชมป์วุ่นวายเหรอเต็น”
โปรดติดตามตอนต่อไป