สัมผัส{❤}ครั้งที่15
ดวงตาสีฟ้าของเจ้าประธานบริษัทอย่างผมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพของแพนวิ่งเข้ามาบังร่างผมไว้พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นในวินาทีเดียวกัน ร่างของแพนค่อยๆทรุดลงกับพื้นแล้วล้มลงทั้งที่ผมได้แต่มองภาพนั่นราวกับหัวใจจะหยุดเต้น
“แพน!!”ผมตะโกนเรียกแล้วอุ้มร่างนั้นขึ้นมาแนบอก เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมเลือกให้อีกฝ่ายตอนนี่ถูกย้อมเป็นสีแดงสดบริเวณกลางหน้าอกใกล้กับหัวใจ
เพียงแค่เห็นใบหน้าขาวที่เริ่มซีดโดยที่ริมฝีปากบางกระอักเลือดออกมาเล็กน้อยผมก็คว้าปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่าเป้าหมายที่ปืนกระบอกนี้เล็งไปคือคนที่กล้ายิงมายิงแพนของผม
ปัง!
ไม่มีความลังเล
ไม่มีความเมตตา
ไม่มีแม้ความสงสาร
ความรู้สึกเหล่านั้นหมดไปตั้งแต่ผมเห็นร่างของแพนทรุดลงไปแล้ว
“คุณติน”กายวิ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับมองดูแพนที่ถูกผมประคองไว้
ปัง!
ปัง!
“รักษาเบื้องต้นได้รึเปล่า?”ผมถามกายที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกเพื่อดูบาดแผล
“ขอเวลาสักครู่...กระสุนถูกยิงเข้าที่กลางหน้าอกบริเวณนี้มีเส้นเลือดใหญ่อยู่อันตรายมากครับ...การปฐมพยาบาลคงไม่ช่วยอะไรต้องรีบพาไปโรงพยาบาลและผ่าตัดโดยเร็วที่สุด”
“...”คำพูดที่ได้ยินยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นลงไปจริงๆ
อาการของแพน...สาหัสมาก
“คุณติน”
“ทางนั้นไปถึงไหนแล้ว...ตามไปช่วยกาย”ผมหันไปถามจิมที่วิ่งเดี่ยวไปยังรถที่ตามมาเพียงลำพัง
“ผมว่าไม่ต้องหรอกครับ...จิมกลับมาแล้ว”กายบอกโดยที่สายตามองไปยังจิมที่วิ่งเข้ามาสมทบ ใบหน้าของเขามีบาดแผลพอประมาณแต่ไม่ได้สาหัสอะไร
“จัดการหมดแล้วครับ”จิมอธิบาย
“จัดการเรื่องตำรวจด้วย”
“ได้ครับ...ทางนี้ผมจัดการเองรีบพาคุณแพนไปโรงพยาบาลเถอะครับ”จิมพูดต่อ
“อืม”ผมพยักหน้าแล้วเตรียมอุ้มร่างของแพนขึ้น
“อึก...แค่ก...แค่ก...”เสียงไออย่างรุนแรงดังขึ้นพร้อมกับเลือดที่ออกมา ดวงตาสีเขียวอ่อนค่อยๆลืมขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะมองไปรอบๆและหยุดอยู่ที่ผม
“แพน...เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล”ผมรีบบอก
“แค่ก...ติน...ติน...”เสียงนุ่มพยายามเอ่ยเรียกผมทั้งที่แทบไม่มีแรง
“ไม่เป็นไรแล้ว”
“คุณ...ไม่เป็นไร...อึก...นะ”คำพูดของคนอาการสาหัสในอ้อมแขนสร้างความเจ็บปวดที่หัวใจได้อย่างดี
ตัวเองเจ็บขนาดนี้ยังมาห่วงกันอีกงั้นเหรอ
“ติน...แค่ก...บอกผม...”
“ฉันไม่เป็นไร...นายสิที่แย่น่ะ”ผมตอบเสียงเบา ตอนนี้ต้องรีบพาไปโรงพยาบาล
“...ผมไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นที่ไหน...เงียบซะแพน”ขืนพูดมากเลือดได้ไหลหมดตัวพอดี
“กายเรียกรถ”ผมหันไปสั่ง
“ครับ”
ไม่นานรถแท็กซี่ก็มาจอดด้านหน้า ผมรีบพาร่างของแพนเข้าไปโดยบอกให้กายอยู่ช่วยจิมที่นี่...ตอนแรกกายก็ไม่เห็นด้วยเพราะมีความเป็นไปได้ที่อาจเจอศัตรูอีกแต่พอถูกสายตาแข็งๆมองไปกายก็ต้องยอมในที่สุด
“...ติน...อึก...จะพาไปไหน”
“ไปโรงพยาบาล...ทนหน่อยใกล้ถึงแล้ว”
“ไม่ไป...”
“แพน”มาดื้ออะไรตอนนี้เนี่ย
“ผมทนถึงนั่นไม่ไหว...”
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ...อยู่เงียบๆแล้วมองฉันแพน”อย่าพูดเหมือนกำลังจะจากไปแบบนั้น
“ติน...พาผมไปที่ที่มีต้นไม้เยอะๆที”แพนเอ่ยออกมาโดยที่ดวงตาสีเขียวอ่อนนั่นใกล้ปิดเต็มที
“แพน...”หมายความว่าไง
“ขอร้อง...”
“ถ้าไปแล้วนายจะไม่เป็นไรใช่ไหม”ผมถามย้ำ
“...อืม...”แพนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วส่งยิ้มบางๆมาให้
“พาไปที่ที่มีต้นไม้เยอะๆ เอาที่ใกล้ที่สุด”ผมตะโกนบอกคนขับรถด้านหน้า
ใช้เวลาไม่ถึง5นาทีรถแท็กซี่ก็หยุดลงหน้าป่าชายเลนติดกับชายทะเล ตอนนี้พวกเราคงอยู่แถวตัวเมืองชลบุรี...ต้นไม้ที่พอหาได้คงมีแต่ป่าชายเลนแบบนี้
พอจ่ายเงินเสร็จผมก็อุ้มแพนเดินไปตามสะพานที่ถูกสร้างด้วยไม้ สองข้างทางที่เดินผ่านเต็มไปด้วยต้นไม้หลายสายพันธ์...เสียงหายใจแรงๆที่ได้ยินตลอดทางเริ่มเงียบลงจนผมต้องก้มลงมองอีกฝ่ายอยู่ตลอด
“แพน...ต้นไม้แบบนี้ได้ไหม”ผมเอ่ยถามเมื่อเดินมาสักพัก
“อืม...”
“อย่าหลับตาแพน”ผมรีบปลุกเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ตื่น
“...ไม่เป็นไร...โยนผมลงไปได้ไหม...”
“จะฆ่าตัวตายรึไง”ใครจะทำแบบนั้นกัน
“...ไม่โยนงั้นช่วยวางผมไว้ติดกับต้นไม่หน่อย”
“คิดจะทำอะไรน่ะ”
“...เร็วติน...”
“ได้ๆ...”ผมรีบมองหาต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด โชคดีที่ทางเดินนี่สร้างขึ้นโดยมีบางส่วนติดกับต้นไม้ใหญ่ผมเลยสามารถวางร่างของแพนพิงกับต้นไม้ต้นนั้นได้
เมื่อวางเสร็จแสงสีเขียวอ่อนก็ค่อยปรากฏขึ้นล้อมร่างกายของแพนไว้ แพนที่ถูกล้อมด้วยแสงหลับตาลงพร้อมใบหน้าที่เริ่มมีเลือดไหลเวียนต่างกับเมื่อครู่ที่มีใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
ภาพอันน่าตกตะลึกนี้ไม่คิดว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้เห็น คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเทพของจริง...เทพที่ยอมช่วยชีวิตของมนุษย์แบบผมให้กลับมาอีกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...ผมถูกแพนช่วยถึง3ครั้ง
ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องช่วยก็ได้
แต่กลับ...
“อึก...เจ็บ...”ร่างที่นอนพิงต้นไม้ใหญ่เด้งตัวขึ้นมานั่งพร้อมกับมือที่จับบริเวณแผลที่ถูกยิง แสงที่ล้อมร่างนั้นไว้ตอนนี้หายไปแล้ว
“แพน?”ร่างกายดูเหมือนจะฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วแม้แต่เลือดเองก็หยุดไหลแล้ว
“กระสุนนี่อยู่ลึกชะมัด...”บ่นเสร็จเขาก็วางมือข้างนึงลงเหนือแผล แสงสีเดิมส่องสว่างออกมาไม่นานวัตถุที่คาดว่าเป็นกระสุนก็ตกลงบนพื้นไม้พร้อมเสียงถอนหายใจยาว
“แพน...”ผมนั่งลงแล้วเอื้อมมือไปลูบบริเวณกลางหน้าอกที่บัดนี้บาดแผลสาหัสได้หายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“...ทำหน้าแบบนี้ทำไมติน...ห่วงกันเหรอ?”แพนยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบใบหน้าผมเบาๆ รอยยิ้มที่ส่งมาช่างเต็มไปด้วยความร่าเริงแม้ว่าจะดูเหนื่อยอ่อนไปบ้างก็ตาม
ถ้าเป็นปกติผมคงตอบกลับไปว่าใครเป็นห่วงกัน
แต่ครั้งนี้ผมกลับเลือกที่จะตอบตามสิ่งที่คิด
“ห่วงมาก...อย่าทำแบบนี้อีกนะแพน”มือของแพนข้างที่ลูบใบหน้าผมอยู่ถูกมือผมกุมเอาไว้แน่น
ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนจมกองเลือดผมไม่อยากเจออีกแล้ว
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ได้แต่มองดูอีกฝ่ายเจ็บ
“...คุณนี่นะ...ปกติไม่เห็นพูดตรงๆแบบนี้เลย...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“แน่ใจ?”
“อืม...ผมขอพลังจากพวกเขามา ช่วยได้เยอะจริงๆ...ขอบคุณนะทุกคน”ประโยคสุดท้ายแพนเงยหนาขึ้นไปบอกเหล่าต้นไม้รอบๆ เสียงของสายลมพักไปพาทำให้ต้นไม้รอบๆส่งเสียงราวกับตอบรับคำขอบคุณนั้น
“ทำไมไม่ให้พาไปโรงพยาบาล”ผมถามต่อ
“ผมทนถึงนั่นไม่ไหว”
“ทนอะไร บนรถก็พูดทีนึงแล้ว...พูดเหมือนสั่งเสียว่าจะตาย”
“เปล่า...ผมทนอยู่ในร่างมนุษย์นานขนาดนั้นไม่ไหว กว่าจะไปถึง กว่าจะผ่าตัด กว่าจะให้น้ำเกลือ...มันใช้เวลานานไป พลังที่ผมมีถูกใช้รักษาบาดแผลและคงหมดในเวลาไม่นาน...ถ้าเป็นแบบนั้นระหว่างทำการรักษาร่างของผมจะหายไปมีเพียงแค่ตินคนเดียวที่มองเห็น...แบบนั้นเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา”แพนอธิบายให้ผมหายสงสัย
“เข้าใจล่ะ”แบบนี้นี่เอง
“ตินไม่เป็นแน่นะ”อยู่ๆแพนก็ถามแล้วไล่มองผมตั้งแต่หัวลงมา
“ไม่เป็นไร...ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน...คนที่มีน่ะนายต่างหาก”
“ผมก็ไม่มีแล้วเถอะ”พูดจบก็เปิดเสื้อให้เห็นแผ่นอกขาวที่ปราศจากรอยใดๆ
“ดีแล้ว...”ผมพึมพำด้วยรอยยิ้ม แพนเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน
รอยยิ้มที่นึกว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
หมับ!
ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้ผมดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วกอดรัดไว้แน่น ความอุ่นที่แผ่ซ่านจากร่างของพวกเราทำให้ผมรู้สึกดีเราะแพนยังอยู่...เขายังมีชีวิตอยู่
“...ติน”
“ห้ามทำอะไรแบบนี้อีก”อย่าทำให้หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้นแบบนี้
“ผมก็ไม่รู้ตัวหรอก...รู้อีกทีก็เข้าไปรับกระสุนไว้แล้ว...สิ่งผมคิดมีแค่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณได้”
“แพน...”
“ตินเป็นมนุษย์ที่ผมเลือกที่จะช่วยชีวิต...เพราะงั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาพรากชีวิตที่ผมช่วยไปง่ายๆหรอก”ฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีเขียวอ่อนที่ประสานกับดวงตาสีฟ้าผม รอยยิ้มบางๆที่ส่งมาให้
ทุกอย่างมันช่างดึงดูดให้ผมขยับเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราสัมผัสกันเบาๆ เพียงแค่สัมผัสความรู้สึกดีก็แล่นเข้ามาจนผมต้องกดย้ำสัมผัสให้หนักขึ้นกว่าเดิม...แพนเองก็ไม่มีทีท่าจะผลักออกนั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจรุกหนักเข้าไปอีก
มือของแพนขยับขึ้นมาขย้ำเสื้อสีดำของผมก่อนจะเปลี่ยนมายังเส้นผมสีดำสนิทโดยที่ริมฝีปากเรายังไม่แยกจากกัน สัมผัสเมื่อถูกลูบเส้นผมยังคงเหมือนกับทุกครั้ง...มืออุ่นๆลูบไปตามตามเลือนผมก่อนจะออกแรงดึงอย่างแรง...
“โอ๊ย...”ผมสะดุ้งจนต้องผละออกจากริมฝีปากตรงหน้าอย่างไม่ตั้งตัว
“ทำอะไรของคุณน่ะ”เมื่อแพนเป็นอิสระก็ตะโกนเสียงดังลั่น ใบหน้าขาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอายจากจูบเมื่อครู่
“...”ผมนิ่งไปเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจูบอีกฝ่าย
จูบ...สำหรับผมที่ไม่ชอบให้ใครมาแตะถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่จูบกับแพนได้โดยไม่รู้สึกแย่ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีจนไม่อยากหยุด
“ติน...อย่าเงียบสิ...ผมเขินรู้ไหมเนี่ย!”ตะโกนเสร็จก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดใบหน้าแดงๆของตัวเอง
“อืม”
“อืมอะไร...ผมถามว่าทำอะไรน่ะ”
“จูบนายไง”สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนแค่ไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรเท่านั้นเอง
“แค่นี้ผมรู้น่า...ที่ถามคือจูบทำไม”
“...ไม่รู้”เรื่องนี้คนที่อยากรู้ที่สุดก็คือตัวผมนี่แหละ
“ไม่รู้แล้วมาจูบกันเนี่ยนะ...จูบกับผู้ชายรู้สึกดีรึไง”
“ก็ไม่ได้แย่...นายเองก็รู้สึกดีนี่”ผมตอบกลับไป
“ห๊ะ?...พะ...พูดอะไรเนี่ย”
“ก็เห็นทำท่าเคลิ้มแถมยัง...”
“พอแล้วๆ...ผมขอล่ะอย่าพูดถึงมันเลย”แพนที่ตะโกนแทรกด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ขอโทษที่จูบ...”ผมบอกเสียงเบา
“ติน...”
“และขอบคุณที่ช่วยฉันไว้อีกรอบ”ถ้าไม่มีแพนวันนี้คงเป็นวันที่ผมต้องจบชีวิตลงไปแน่
“ไม่เป็นไร...ต่อให้กี่รอบผมก็จะช่วย”แพนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฉันไม่อยากให้นายช่วยเลยแพน”
“ทำไมล่ะ ผมน่ะไม่ตายเพราะถูกยิงหรอกนะเพราะงั้นคุณให้ผมเป็นเกราะได้...”
“ฉันไม่สนเรื่องนั้นเลยแพน...ฉันสนแค่นายจะต้องไม่มาบาดเจ็บเพราะฉันอีก”
เอามาเป็นเกราะเหรอ
พูดบ้าๆ
คิดว่าผมจะกล้าใช้เขาเป็นเกราะปกป้องตัวเองรึไง
“ติน...”
“ต่อให้นายเป็นเทพและอาจไม่ตาย...แต่ฉันไม่อยากเห็นนายในสภาพนั้นอีก”ไม่อยากเห็นอีกแล้ว
“แต่ผมอยากช่วยนี่”
“แค่นายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว”เพียงพอแล้วจริงๆ
ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย
แค่อยู่ข้างๆคอยกวน คอยแหย่ คอยยิ้มและคอยหัวเราะ
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
จากนั้นผมก็นั่งรอแพนฟื้นพลังสักพักใหญ่ ระหว่างรอก็ติดต่อกายและจิมเพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง...ด้วยอำนาจที่มีไม่น้อยทำให้สามารถปิดเรื่องนี้ได้โดยไม่เกิดเรื่องแต่เรื่องนี้คงทำให้หมอนั่นไม่อยู่เฉยแน่
ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
แต่ตอนนี้อาจต้องเปลี่ยนใจแล้ว
กายและจิมใช้เวลาค่อนข้างนานในการเคลียร์เรื่องนี้ผมเลยบอกให้ไปเจอกันที่คอนโดเลยซึ่งพวกเขาก็รับคำตามปกติ อีกอย่างที่ผมไม่อยากให้พวกเขามาคืนแพนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเป็นมนุษย์ได้ ร่างในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกเปลี่ยนกลับเป็นยูกาตะสีเขียวขี้ม้าตามสไตล์ที่อีกฝ่ายชอบแล้วลอยไปมาอยู่บนหัวบ้าง ด้านข้างบ้างตลอดการเดินทางกลับโดยแท็กซี่ที่เรียกมา
เพราะไม่มีใครเห็นแพนเลยได้โอกาสพูดไม่หยุดจนผมต้องเบนหน้าหนีหลายต่อหลายรอบ พอเขาเห็นผมหันหน้าหนีก็ลอยตามมาจนต้องส่งสายตาเคืองๆกลับไป แน่นอนว่าเทพตรงหน้าไม่สะทกสะท้านสักนิด
“จะไปไหนแพน?”ผมถามเมื่อกลับมาถึงแล้วอีกฝ่ายลอยไปยังห้องนอน
“ผมขอพักสักหน่อย”
“อาการไม่ดีเหรอ”ผมถามต่อ
“ก็ไม่เชิง...แค่ยังเหนื่อยอยู่ ถึงจะได้พลังคืนมาแต่ร่างกายยังไม่ฟื้นในสภาพสมบูรณ์เพราะงั้นช่วงสองสามวันนี้ผมคงปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นไม่ได้...คุณก็คิดหาข้อแก้ตัวเอาละกัน”
“เข้าใจแล้ว...ไปพักเถอะ”
“ไปนอนด้วยกันไหม”ก่อนจะผ่านประตูไปแพนก็หันมาถามต่อ
“นอนไปเถอะ”ผมตอบ
“แต่ผมอยากให้คุณนอนด้วยนี่...เวลามีคุณนอนอยู่ข้างๆแล้วรู้สึกไม่เหงาดี”
“นอกจากจะกินเก่งแล้วยังขี้เหงาด้วยสินะ”ผมสรุปโดยจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน
“เปล่านะ...ก็แค่...แบบว่า...นอนคนเดียวก็ได้ ตินคนใจร้าย!”ทำหน้าเคืองเสร็จก็พาร่างลอยทะลุประตูเข้าไปในห้องนอนปล่อยให้ผมหลุดขำออกมากับท่าทางเหมือนเด็กนั่น
ถ้ามองแค่นิสัยหรือรูปลักษณ์ไม่มีอันไหนบ่งบอกเลยว่าเป็นเทพที่มีอายุหลายร้อยปี
ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักผมก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนอนก่อนจะเจอแพนหลับสนิทอยู่บนเตียงโดยไม่ห่มผ้าแต่นอนทับผ้านวมเลย ดวงตาที่ปิดสนิทกับเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหลับสนิท
ผมเดินเข้าไปข้างเตียงเพื่อมองดูคนที่นอนอยู่ชัดๆ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นแล้วเอื้อมไปลูบเส้นผมยาวสีเขียวเข้มตรงหน้าเบาๆ
“ฝันดีแพน...ขอบคุณที่ไม่เป็นไร”พูดจบผมก็เดินไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการกับร่างกายที่มีรอยเลือดเลอะทั้งเสื้อและแขน
อาบเสร็จก็ออกมานั่งเปิดโทรทัศน์ดูอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โทรศัพท์มือถือถูกยกขึ้นมาเปิดดูงานที่ถูกส่งมาให้...เนื้อหาภายในคือรายงานการประชุมตอน10โมงที่พึ่งผ่านไป
ดีที่คาดไว้ว่าคงไปไม่ทันการประชุมเลยบอกให้หนึ่งในเลขาส่งรายงานการประชุมมาให้หลังจบการประชุมทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”ผมบอกเสียงนิ่งเพราะรู้ว่าใครเป็นคนเคาะ
แกร็ก
“คุณแพนเป็นไงบ้างครับ?”จิมที่เดินตามกายเข้ามาถามขึ้นทันที
“ไม่เป็นไรแล้ว...ตอนนี้นอนพักอยู่”ผมบอกพลางเหล่มองไปยังห้องนอนเพื่อให้ทั้งคู่รู้ว่าแพนอยู่ที่ไหน
“ทำไมไม่ให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักหน่อยละครับ...บาดแผลที่ได้รับค่อนข้างสาหัส ร่างกายไม่น่าฟื้นภายในไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้นะครับ”ครั้งนี้กายอธิบายบ้าง
“เขาไม่อยากนอนที่โรงพยาบาล”ผมโกหกไป
จะให้บอกความจริงว่าไม่ได้ไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้
ยิ่งเรื่องที่สามารถเอากระสุนออกมาได้เองยิ่งไม่สามารถบอกได้เข้าไปใหญ่
“ถึงไม่อยากแต่ร่างกายแบบนี้มันค่อนข้างอันตรายนะครับ”
“ฉันรู้...ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะพาไปโรงพยาบาลทันที...หมอนี่ดื้อจะตายพูดอะไรก็ไม่ยอมฟังท่าเดียว”พูดมาถึงตรงนี้เหตุการณ์ตอนที่ถูกเอาชีวิตก็ผุดเข้ามาอีกรอบ
ทั้งที่บอกให้อยู่เฉยๆแต่ก็ดันวิ่งออกไปให้ถูกเล็งยิง
ถ้าไม่ติดที่กำลังเจ็บอยู่คงได้บ่นยาวไปถึงพรุ่งนี้แน่
“ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่คุณตินก็ไม่ได้ไม่ชอบนี่ครับ”กายพูดพร้อมกับมองมายังผมนิ่งๆ
“หึ...ก็ถูก”ไม่ใช่ไม่ชอบ
สำหรับกายและจิมจะคิดแบบนั้นคงไม่แปลกเพราะยังไงพวกเขาก็เชื่อว่าผมกับแพนเป็นแฟนกัน ถ้าไม่ชอบผมคงไม่ยอมให้มาค้างหรือพาไปไหนมาไหนแบบนี้
แต่สำหรับตัวผมที่รู้ว่าเราไม่ใช่แฟนแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่านั้น...
ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มรับรู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายจนถึงวันที่ได้อยู่ข้างๆ
ความรู้สึกของผมมันเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย
จากที่เฉยๆเริ่มกลายเป็นสนใจ
จากที่สนใจเริ่มเปลี่ยนเป็นความพิเศษ
และความพิเศษนั่นก็กำลังจะเปลี่ยนไปตั้งแต่วินาทีที่คว้าตัวอีกฝ่ายมาจูบอย่างไม่รู้ตัว
“ให้ผมสั่งอาหารเตรียมไว้ไหมครับ”จิมเสนอความเห็น
“อย่าพึ่งเลย...ให้พักอีกสักหน่อยดีกว่า”ไม่รู้ว่าต้องใช้พลังไปขนาดไหนถึงสามารถรักษาตัวเองจนเกือบหายได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นมนุษย์ปกติอาจจะตายไปตั้งแต่ยังไม่ถึงโรงพยาบาลแล้วก็ได้
แค่มีพลังยังไม่พอ
แต่ความแข็งแกร่งนั้นดูจะเหนือกว่ามนุษย์ปกติด้วย
“แล้วเรื่องนี้จะเอายังไงต่อครับคุณติน?”กายถามด้วยแววตาจริงจัง
“นั่นสิ...ทำขนาดนี้จะให้อยู่เฉยคงไม่ได้”ถ้าเป็นผมที่โดนยิงอาจจะไม่คิดเอาเรื่องอีกฝ่าย แต่ในเมื่อความจริงคนโดนยิงคือแพนผมก็ไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้
“ว่ามาเลยครับ...พวกเราจะจัดการให้”
“เพิ่มบอดี้การ์ด...แล้วก็...กาย”
“ครับ?”
“สืบเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับสรพงศ์...ทุกอย่าง...เข้าใจนะ”ผมพูดย้ำคำว่าทุกอย่างเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยขนาดไหนผมก็ต้องรู้
“ได้ครับ”
“จิม”
“ครับคุณติน”
“ถ้าแพนหายดีตามติดเขาไว้อย่าให้เกิดอะไรขึ้น”
“ได้ครับ...ผมจะดูแลคุณแพนให้ดีที่สุด”
“ดีมาก...กลับไปพักผ่อนเถอะ...วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว ขอบคุณ”คำขอบคุณแม้จะแค่สั้นๆแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกจากใจ กายและจิมต่างคอยช่วยเหลือผมมาตลอดตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรก ผมไว้ใจพวกเขามาพอๆกับครอบครัวตัวเอง
ทุกครั้งที่มีเรื่องก็มักจะได้พวกเขาช่วยเหลือเสมอ
“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งคู่ตอบพร้อมกันก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป
(มีต่อค่ะ)