07:00 แก้แค้น?
วันศุกร์สุดสัปดาห์แบบนี้เป็นปกติที่ร้านอาหารกึ่งผับชื่อดังแห่งหนึ่งแถวสามย่านจะมีผู้คนมากันคึกคัก สถานที่แห่งนี้มักจะเต็มไปด้วยนิสิตนักศึกษาจากหลากหลายสถาบัน รวมถึงคนวัยทำงานที่มาพบปะสังสรรค์หลังจากทำงานกหนักกันมาทั้งอาทิตย์ วันนี้ธันเลือกนัดเพื่อนสนิทร้านนี้เพราะเป็นร้านที่บรรยากาศกำลังดี เสียงเพลงไม่ดังมากเกินไปจนต้องตะโกนคุยกัน แต่พอดึกๆร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร้าใจขึ้น ทำให้พอเมากันได้ที่ก็มันส์ต่อได้เลย
"โถถถ หงอยเลยนะมึง"
"แล้วนี่ไม่ได้คุยกันมากี่วันแล้วว่ะ"
แนทกับธันเริ่มซัก เมื่อฟังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนจบ คนที่เล่าไม่ใช่เจ้าของเรื่องที่นั่งเงียบๆอยู่มุมโต๊ะไม่พูดไม่จา แต่เป็นคนที่อยู่มอเดียวกันกับเจ้าของเรื่องต่างหาก
"ไม่ได้คุยกันมาสองอาทิตย์ละ"
"กีขอบใจมึงมาก แต่มึงหยุด กูอยากฟังไอ้อินเล่าบ้าง"
แนทผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มยกมือห้าม หันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนเหมือนอยากให้มันพูดอะไรบ้าง เมื่อมันยังไม่มีท่าทีจะพูดอะไรต่อผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจึงถามต่อ
"มึงโอเคไหม"
อินที่นั่งเอานิ้ววนเล่นกับขอบแก้วไปมาเงยหน้ามามองหน้าเพื่อนสนิททั้งสาม ทั้งๆที่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร ที่ยอมมาวันนี้ก็เพราะไอ้กีบังคับขู่เข็นมาเพราะไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวแท้ๆ แต่เมื่อเห็นเพื่อนเป็นห่วงเขาขนาดนี้ เขาก็อดที่จะเปิดปากพูดอะไรบ้างไม่ได้
"ไม่โอเค"
ตั้งแต่วันนั้นที่ทะเลาะกัน เขาไม่ได้คุยกับดินอีกเลย หลังจากที่อีกฝ่ายกลับไป เขาก็นอนไม่หลับทั้งคืน ทบทวนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ตอนแรกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าอีกฝ่ายอยู่ๆทำไมถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น
แต่พอลองเอาตัวเองไปวางในตำแหน่งที่ดินยืน เขาก็เริ่มจะเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น ดินไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฟนเก่าของเขาเลย
อีกคนไม่รู้ว่าแฟนที่อินลืมไม่ได้คือใคร
อีกคนไม่รู้ว่าอินมีแฟนมาแล้วกี่คน
อีกคนไม่รู้ว่าอินไม่เคยคบกับใครซ้อน
เพราะไม่รู้แล้วเอาสิ่งที่เห็นมาปะติดปะต่อเอง มันก็คงไม่แปลกที่จะทำให้อีกคนเข้าใจผิด
เป็นเขาเองที่ไม่เคยเล่าอะไรให้อีกฝ่ายฟัง
แต่ไม่ใช่อีกฝ่ายหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น เช้าถัดจากที่ทะเลาะกัน ดินก็มารอเขาที่หน้าหอตอนเช้าแต่เป็นเขาเองที่หลบหน้าอีกฝ่าย โทรมาหาก็ไม่รับสาย ไม่ยอมอ่านหรือตอบข้อความ จนในที่สุดก็ดูเหมือนอีกคนจะละความพยายามไปแล้ว
"คิดถึง?"
"อือ"
“มาก?”
“อือ มาก”
"แล้วทำไมไม่โทรหา"
"..."
"มึงโกรธที่เขาจูบมึงหรอ"
"เปล่า"
"แล้ว?"
"มันกลัวเขาเกลียดมัน" กีเป็นฝ่ายตอบแทนเมื่อเห็นเพื่อนสนิททำหน้าลำบากใจเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง
"คือประเด็น ดินมันคงคิดว่าอินมันคุยกับคนเยอะ เผื่อเลือกไรงี้"
"เฮ้ย ไม่หรอกมึง แล้วทำไมมึงไม่อธิบาย มึงไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย"
"กูอาจจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่ามึง"
เพื่อนทั้งสามเบิกตามองคนตรงหน้า จ้องตามันก็เห็นว่ามันไม่ได้ล้อเล่น มันคิดกับตัวเองอย่างที่มันพูดจริงๆ
"เฮ้ย ทำไมมึงพูดแบบนี้"
"ก็ไม่จริงหรอมึง กูมันพวกให้ความหวังเขาไปทั่ว กูคบกับคนใครก็ได้ แล้วมึง มึงต้องเห็นเตวันนั้น กูเพิ่งรู้ว่ากูแม่งโครตเลว ที่พวกมึงด่ากิตกันน่ะ กูก็ไม่ได้ต่างกับเขาสักนิด"
"มึงงง.." เป็นแนทที่เข้ามากอดเขา สงสารเพื่อนตัวเล็กที่มีนไม่เคยมีความสุขกับควารักทั้งที
“กูมันง่าย เขาควรได้เจอคนที่ดีกว่ากุไหม”
“มึงไม่ได้เป็นแบบนั้นไอ้อิน ไม่งั้นมึงจะมานั่งคิดมากแบบนี้หรอ”
ธันว่าเสริม เขาไม่ได้แค่ปลอบใจเพื่อนแต่เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไอ้อินเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ ถ้ามันทำให้ใครเสียใจ เขาเชื่อว่ามันเป็นเพราะความไม่รู้มากกว่าความตั้งใจ
“อิน มึงไม่เลว” กีแตะบ่าเพื่อนสนิท
“มึงแค่อ่อนแอเกินไป มึงถึงต้องการใคนสักคน แล้วการที่มึงลองคบกับใครมันก็ไม่ผิด มึงไม่ได้คบซ้อนสักหน่อย”
อินรู้ว่าเพื่อนสนิทพยายามปลอบเขา แต่เรื่องที่เจอมาในช่วงนี้หลายๆเรื่อง มันทำให้เขาต้องกลับมาคิด ยิ่งคิดได้มากเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่ายิ่งไม่ชอบตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ
“เขาคงเกลียดกูไปแล้วมั้ง”
“เอาอีกล่ะมึง มึงอย่าคิดไปเอง มีอะไรในใจก็พูดออกไป อย่างตอนไอ้กิต ถ้ามึงไม่อยากเลิกกับมัน มึงก็ไม่น่ายอมเลิก มึงต้องสู้เพื่องความรักของมึงบ้าง”
อินเงยหน้ามาสบตากับกี เป็นไม่กี่ครั้งที่อีกฝ่ายจะพูดจาจริงจังกับเขาแบบนี้
“แล้วเรื่องดินก็เหมือนกัน มึงไม่ต้องมานั่งเดาว่ามันจะเกลียดมีงหรืออะไร มึงต้องเผชิญหน้าความจริง จะเอาแต่หนีไม่ได้ มึงยังไม่ได้ให้โอกาสมันเลย เล่าให้มันซะ”
“...”
“บอกมันไปว่าจริงๆมึงคิดยังไง แล้วถ้าเขาไม่เอามึง มึงค่อยกลับมาหาพวกกู โอเค๊”
กีเอามือมาขยี้ผมเพื่อนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว อินเบะปากลงเหมือนจะร้องไห้ สมองก็คิดตามที่คำที่อีกฝ่ายกล่าว อย่างนี้เขาถึงได้รักมันเพราะถึงมันจะดูไร้สาระไปวันๆแต่มันคือคนที่คอยเตือนสติเขาเสมอ
“เออกูจะลองดู”
“มันต้องอย่างนี้สิวะ เพื่อนกู”
“ถ้าเขาเมินกู...”
“กูเลี้ยงเหล้ามึงเองไอ้อิน แถมกูจะคอยดูแลแล้วลากมึงกลับห้องด้วย”
“กีกูรักมึงวะ” อินมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยิ้มให้กำลังใจมา เพื่อนอีกสองก็ทนไม่ไหว เข้าไปกอดมันบ้าง
“มึงนี่โครตแมนเลย”
“ผัวสุดล่ะคนนี้”
“อีเชี่ยยย ขนลุก อย่ามาชมกู ถ้าได้กันเองแล้วใครจะรุก”
ทั้งสามหัวเราะให้กับคนที่จริงจังได้ไม่ถึงนาทีก็กวนตีนอีกแล้ว พร้อมใจกันเอามือไปขยี้หัวเพื่อนสนิทที่ใครต่อใครว่าไร้สาระแต่ถ้าเพื่อนมีปัญหาเมื่อไหร่ก็พร้อมจะจริงจังขึ้นมาทุกที
“ว่าแต่ กับกิตนี้ตอนนี้เป็นยังไง” จู่ๆแนทก็ถามขึ้น
“เออๆ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นนางเดินกับแฟนนางเลยนะ เป็นเดือนแล้ว”
“ก็ไม่ไง ก็มีไลน์มาบ้าง”
“เฮ้ย ไหนมึงสัญญากับกูแล้ว!”
“ก็สัญญาแล้วไง ไม่เคยตอบเลย”
เมื่อเขาว่าอย่างนั้นกีก็โน้มหน้ามาหาเข้าจนตอนนี้จมูกของคนทั้งสองแทบจะชิดกันอยู่แล้ว
“อะไรของมึงเนี้ยยย”
“มึงแน่ใจว่าไม่ได้คุย” อีกฝ่ายจ้องเขาระยะประชิดเหมือนพยายามจะจับผิด
“เออ”
“ไม่เคยโทรหา?”
“ไม่”
“ไม่คิดถึง?”
“ก็พอมีบ้าง...”
“แต่ตอนนี้ดินสำคัญกว่า?”
“ก็ใช่...อะไรของมึงเนี้ย”
อินตอบคำถามสุดท้ายอย่างเขินๆ กียิ้มกว้างแล้วค่อยๆถอยออกไปนั่งที่ตัวเองดีๆ ยกแก้วเกล้าขึ้นมาจิบเบาๆ
“อาการเป็นไงครับหมอ” ธันพูดขึ้นมาอย่างรู้กัน
“คนไข้พัฒนาการดีมาก ไม่ดื้อยา”
“เขาใกล้หายแล้วใช่ไหมหมอ หนูดีใจที่สุดเลย”
อินส่ายหน้าให้กับอาการของเพื่อนๆตรงหน้า อยู่ด้วยกันทีไรรับมุกโยนมุกกันจนเขาปวดหัวตลอด
“เห้ย มึง! ดูทางนั้น” เป็นธันที่อยู่ๆก็ตะโกนออกมา
“เดือนม่อมอมึงนี่”
ทั้งโต๊ะหันไปทางที่ธันชี้ เจอมือกีต้าร์ที่คุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่แถวทางเดินไปห้องน้ำ ต้นคุยกับผู้หญิงหน้าตาดีคนนึงอยู่ อยากจะเรียกว่ายืนข้างกันแต่จากอาการแล้วตอนนี้เรียกว่าสิงกันอยู่จะถูกต้องกว่า ผู้ชายตัวโตเริ่มคลอเคลียบริเวณแก้มอีกฝ่ายก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไรแต่ผู้หญิงคนนั้นยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พยักหน้าเป็นการตกลง ก่อนที่ฝ่ายชายจะรวบเอวอีกฝ่ายแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“เสร็จไปอีกราย” แนทหันมาพูดเมื่ออีกฝ่ายหันไปลับตา
“แต่แม่งก็น่ากินจริงๆ กล้ามเป็นมัดเลย”
“ธันมึงอย่าง มีงก็รู้นิสัยมัน”
โอ้ย อีแนทกูล้อเล่น!”
“เดี๋ยวกูมา” กีที่จ้องคนทั้งคู่ที่หายลับไปในห้องน้ำพูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว รีบเดินไปทางที่ทั้งสองหายเข้าไป แอบยิ้มอย่างผู้ชนะ วันนี้ล่ะเขาจะเอาคืนคนหน้าม่อให้สาสมที่สุด
*********************
วันนี้ต้นรู้สึกว่าตัวเองโชคดี
ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาแต่เพราะทนการคะยั้นคะยอของเพื่อนสนิทมอปลายไม่ไหวก็เลยยอมถ่อสังขารมาถึงที่นี่
ก็เมื่อคืนหลังเล่นดนตรีที่ร้าน เดือนบัญชีที่คุยกันไว้ก็มารอ พอพากันไปห้องก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไรแล้ว
รู้ตัวอีกทีก็สว่างคาเตียงเลยนี่น่า
ดีนะที่วันนี้ไม่มีเรียนบ่าย เลยได้นอนเอาแรงไปสองชั่วโมงก่อนที่จะออกมาท่องราตรีอีกรอบ ทีแรกก็ยัฃเนือยๆอยู่นะ แต่พอได้เจอดาวนิเทศที่เพื่อนสนิทเคยแนะนำให้รู้จักเท่านั้นแหละ เรี่ยวแรงมาจากไหนหมดก็ไม่รู้ แถมวันนี้เหมือนอีกฝ่ายจะอยู่ในอารมณ์อยากสนุกอยู่พอดี เพราะพอต้นเดินเข้าไปคุยด้วยแปปเดียวก็เหมือนอะไรอะไรมันจะง่ายจนเขาเองก็ยังแปลกใจ
“ต้...ต้น อ่าา อืมม”
จูบร้อนแรงเริ่มขึ้นจากหน้าห้องน้ำชาย คนตัวโตใช้สายตาลอบมองเร็วๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ดันอีกฝ่ายเข้าไปในห้องส้วมห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปได้คนตัวโตก็ดันผู้หญิงร่างเล็กให้ชิดประตูก่อนที่จะลงกลอนเรียบร้อย สองมือรัดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ค่อยๆดึงอีกคนเข้าหาตัวเองจนในที่สุดหน้าอกอวบอิ่มแนบเข้ากับหน้าอกของเขาจนชิดสนิท ฝ่ายหญิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ค่อยๆยกหัวเข่าแทรกเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้างของคนตัวโต ยกขึ้นสูงเรื่อยๆจนตอนนี้มันกำลังหยอกล้อกับส่วนที่กำลังเริ่มแข็งตัวของเขา คนตัวโตค่อยๆเลื่อนมือที่บีบสะโพกขึ้นสูงเรื่อยๆ บีบขย้ำทุกส่วนไปตลอดทางและมาหยุดลงใต้เนินอกของอีกฝ่าย บีบเค้นอย่างมันมือ
“ฮัลโหลมึงงง ทำอะไรอยู่”
“เออ กูมากินข้าวกับเพื่อนที่มอมึงอะ เออ ร้านเดิม”
ฝ่ายหญิงแอบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในความเงียบ อีกฝ่ายคงพูดโทรศัพท์เพราะไม่ได้ยินเสียงผู่ร่วมสนทนา แต่ก็ต้องละความสนใจในทันทีเมื่อคนตัวโตค่อยๆเลื่อนมือมาแกะกระดุมเสื้อของเขาทีละเม็ด ใจนึงก็ยังเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายปิดประตูลงกลอนดังมาใกล้ๆ เดาว่าน่าจะอยู่ห้องส้วมถัดไปอีกสองห้อง ความสนใจของเขากลับมาที่คนตัวใหญ่อีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเริ่มใช้มือหนึ่งเลื่อนเข้าไปในกระโปรงพร้อมกับโน้มตัวไปซุกไซ้บริเวณซอกคอของเขา
“กูมีเรื่องจะเม้า มึงจำตั้งต้น ดุริยางค์ศิลป์ได้ป่ะ วันนี้กูเจอที่ร้านด้วย”
คราวนี้ทั้งสองคนที่กำลังทำกิจกรรมร้อนแรงอยู่ชะงักลงทั้งคู่ ตั้งต้นยังค้างอยู่ที่ซอกคอฝ่ายหญิง คอยเงี่ยหูฟังคนข้างนอก
“เออ มากับผู้หญิงอีกแล้ว คนใหม่มึง กูโครตสงสารเมียมันเลยว่ะ”
ต้นผละออกมาจากอีกฝ่าย ส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน
“ไม่ใช่เรานะ”
“แถวนี้เขาเรียกมันเดือนม่อทั้งนั้นแหละ”
เชี่ย! ต้นสบถในใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าหน้าบูดไปแล้ว
“ใช่ เมียมันท้องกี่เดือนแล้วนะ เออๆ กูโครตสงสารเด็ก ไม่รู้ติดโรคจากมันหรือเปล่า”
ตอนนี้ผู้หญิงตรงหน้าเขาเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไมาอยากเชื่อ
“เออ มันกินยาอยู่ ไม่มีใครดูออกหรอก แต่กูสงสารผู้หญิงที่มันไปอ่อยเขา เดี๋ยวก็ติดโรคไปกับมันหรอก”
ได้ยินแค่นั้นร่างเล็กก็ผลักคนตัวโตออกห่างทันที รีบติดกระดุมบนแล้วจัดความเรียบร้อยตัวเองเล็กหน่อยก่อนจะรีบเปิดประตูห้องออกไปอย่างรวดเร็ว
“โอ้ย”
ก่อนไปฝ่ายหญิงไม่ลืมกระทืบเข็มร้องเท้าลงบนรองเท้าอีกฝ่ายเต็มแรงไปหนึ่งที ก่อนจะสบถออกมาอย่างสุดทน
เมื่อสติกลับมา คนตัวโตที่ตอนนี้ความสับสนแปรเปลี่ยนเป็นความโมโหเรียบร้อยแล้ว ใครหน้าไหนมันมาแกล้งเขาแบบนี้ พุ่งตรงไปหน้าห้องส้วมห้องนึงที่ยังปิดอยู่ ทุบประตูดังๆหลายครั้ง
“มึงออกมาเลยนะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
แกร๊ก
“ไอ้เห...กี?”
เมื่ออีกคนเปิดประตูออกมาต้นเตรียมจะเริ่มด่า แต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อเจอหน้ามี่คุ้นตา ความโมโหที่โดนแกล้งเปลี่ยนเป็นความแปลกใจมากกว่า
“ว่าไงครับเดือนม่อ” กีพูดทักทายคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงกวนตีนที่สุดที่เขาจะทำได้
“ต่อไปน่าจะหลอกฟันแถวย่านนี้ไม่ได้แล้วมั้ง”
“ทำแบบนี้ทำไม”
“ก็ไม่ทำไม ก็แค่เกลียดคนเจ้าชู้แบบนาย”
“ไม่ใช่ซะละมั้ง”
“อะไร”
“นี่ตามมาขนาดนี้ ติดใจว่างั้น?”
“จะหลงตัวเองไปหน่อยแล้ว”
“หรือว่าหึง?” คนหน้าม่อถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนที่สุด
“หึ คนแบบนายมีอะไรน่าหึงว่ะ”
ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่ก็แอบใจสั่นกับสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มที่เคยทำให้เขาหลวมตัวไปกับอีกฝ่าย มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สักหน่อย ไม่ใช่เขาแต่อีกฝ่ายต่างหากที่ควรจะโมโหตอนนี้
“สมน้ำหน้า ตอนนี้เขาคิดว่านายเป็นโรคทั้งสามย่านแล้วมั้ง”
“หึ เข้าใจแล้ว”
“เข้าใจอะไรว่ะ!!”
“แบบนี้จะได้ไม่มีใครมายุ่ง ต้นจะได้เป็นของกีคนเดียว”
คนตัวโตค่อยก้าวเขามาใกล้เขา จนตอนนี้เขาพิงเข้ากับซิงค์ล้างมือ เอี้ยวคอหลบอีกฝ่ายที่พยายามจะเข้ามาคลอเคลียเขา
“ใช่ไหมครับ...น้องกี”
“เอาะ...ออกไป” กีพยายามดันอีกฝ่ายออกไป แต่เหมือนมันจะไม่มีผลอะไรเลย คนตัวใหญ่ซุกหน้าลงมาที่คอเข้า ดูดแรงๆตรงคอจนเขาสะดุ้ง
“ช่วยหน่อยสิ เมื่อกี้ยังค้างอยู่เลย”
ไม่พูดเปล่าอีกคนเริ่มงับที่ซอกคอเขาเบาๆ ลากลิ้นเลียไปเรื่อยจนถึงใต้ใบหู
“เห้ยยย อย่าเพิ่งอ้วกนะมึง ถึงห้องน้ำแล้ววว” เสียงโวยวายดังออกมาจากหน้าห้องน้ำ กีตกใจพยายามผลักอีกฝ่ายออกจากตัว คนตัวโตเอื้อมมือมาจับต้นคอเขาแล้วดึงเข้าไปกดจูบแรงๆหนึ่งทีก่อนจะผละออก
“ตัวแสบ วันนี้จะปล่อยไปก่อน แต่ไม่จบแค่นี้แน่” คนหน้าม่อว่าก่อนที่จะขยิบตาแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
กีมองอีกฝ่ายอย่างมึนงง ทั้งๆที่ตั้งใจมาเอาคืน แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดที่โดนเข้าใจผิดแบบนั้น เป็นเขาเองที่ตอนนี้มายืนมึนงงกับรสจูบของอีกฝ่าย กีมองรอยกัดที่คอผ่านกระจกแล้วเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากตัวเองอย่างงๆ อยู่แบบนั้นจนคนเข้ามาในห้องน้ำจึงทำเป็นล้างมือแล้วรีบเดินออกไปหน้าห้องน้ำ ตอนนี้เสียงเพลงที่ดังอยู่ในอากาศไม่สามารถกลบเสียงหัวใจที่เต้นแรงรัวของเขาได้เลย
*********
เรื่องของกีและต้นจะมาเรื่อยๆนะคะ ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะแยกเรื่องเป็นตอนพิเศษดีไหม แต่ที่คิดไว้คือมันจะเสริมๆกันไป จะพยายามไม่ทำให้งงแน่นอนคะ
แต่นอกจากเรื่องของสองคนนี้ยังมีอีกคู่นะคะ ทายสิใครเอ่ย?
เรื่องของสองคนนั้น เมย์ตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องแยกไปเลยคะ คิดพล๊อตเรื่องน่ารักๆได้แล้ว
ถ้าไม่ถูกใจหรือคำแนะนำอะไรเม้นกันมารัวๆเลยเน้อ ถ้าถูกใจก็เม้นมาได้นะคะ พอมีคนเม้นเข้ามามันคือกำลังใจจริงๆคะ ใครไม่เม้นก็ไม่ว่ากันน้า ขออย่างเดียวอย่าเทกัน อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องเลยเนาะ