2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019  (อ่าน 21717 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: คู่หลักกำลังจะดราม่า คู่รองก็กำลังเข้าที่

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
18:00 ไม่เสียใจ

“ต้นปล่อย...ต้น...ตั้งต้น!” กีที่ตอนนี้โดนเจ้าของชื่อจับแขนลากไปตามทางร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง คนหน้าเขาทั้งลากทั้งดึงอย่างไม่ยอมฟังอะไรสักอย่าง จนออกมาถึงหน้าร้านรอพนักงานเอารถมาส่งอีกฝ่ายจึงยอมหยุดยืนแต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ามามองเขาอยู่ดี

“ต้น...” กีลองเรียกอีกฝ่ายเบาๆ ลอบสังเกตเสี้ยวหน้าของต้น แต่อีกคนก็ยังทำเมินเฉยเหมือนไม่ได้ยินเสียงเขา

“นายโกรธอะไร เมื่อกี้นึกว่าจะมีเรื่องกันจริงๆ ซะแล้ว”

คนตัวโตหันขวับมามองหน้า สายตาคมกริบที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจถูกส่งตรงมายังคนที่ตัวเล็กกว่า

“ก็เพราะใครล่ะ”

ว่าแค่นั้นแล้วก็หันหน้าไปอีกทางอย่างขุ่นเคือง หายไปจากโต๊ะแป๊ปเดียวมาเจออีกทีก็โดนไอ้ภูรุกซะแล้วแบบนี้จะไม่ให้โมโหได้ยังไง

“อะไร เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” กียังทำตาใสซื่อเหมือนไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่โดนโกรธแบบนี้แต่เขากลับรู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่ถ้าไม่กลัวคนตรงหน้าอารมณ์เสียกว่าที่เป็นอยู่คงยิ้มหน้าบานไปแล้ว

“ไม่ได้ทำอะไรหรอ นี่ตั้งแต่มาก็มองมันซะขนาดนั้น มันก็ต้องคิดว่าอยากเล่นด้วย ดีนะที่ไปช่วยออกมาไว้ทัน”

ในที่สุดกีก็กลั้นยิ้มไม่หยุด การที่อีกคนออกอาการโมโหแบบนี้มันทำให้เขาอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลย อย่างเมื่อกี้ก็อะไรนะ..

‘อย่ามายุ่งกับคนของกู’ หรอ

อ๊ายย มันได้อ่ะ ดุสุด!

“ยิ้มอะไร หรือว่าอยากได้มันจริงๆ”

กีรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อร่างใหญ่ตีความหมายของรอยยิ้มของเขาไปอีกแบบ

“งั้นขอโทษนะที่ไปขัดจังหวะ แต่มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน แล้วไงถ้าอยากได้เบอร์มันจะส่งให้วันหลัง”

ว่าจบต้นก็ไม่รอ รีบรับกุญแจรถจากพนักงานเมื่อรถมาจอด ส่งทิปให้ก่อนที่จะเดินไปฝั่งคนขับปิดประตูเสียงดัง กีรีบวิ่งไปเปิดประตูฝั่งตัวเองอย่างรวดเร็ว สอดตัวเข้าไปนั่งก่อนที่จะคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย กีพยายามหันหน้าไปนอกหน้าต่างไม่ให้คนขับเห็นหน้าที่หุบยิ้มไม่ได้ของเขา ภาพเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้หัวใจเขาพองโตกว่าที่เคย จินตนาการมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนเผลอยิ้มกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดเราก็มาจอดรถในลานจอดรถของคอนโดหรูหราแห่งหนึ่ง ต้นเปิดประตูรถเดินอ้อมมาทางฝั่งข้างคนขับ กีที่รีบเปิดประตูตามโดนฉุดแขนขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก ทั้งคู่เดินไปเอากระเป๋าที่ท้ายรถ ก่อนที่เสียงล๊อคประตูจะดังขึ้นพร้อมกับที่กีโดนเจ้าของรถจูงมือเดินไปขึ้นลิฟท์ ไม่มีการพูดคุยใดๆ เกิดขึ้นจนคนเดินนำเปิดประตูพาเขาเข้าไปและปิดห้องล๊อคเรียบร้อย

“คืนนี้ก็นอนห้องนอนนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ตื่นแล้วค่อยกลับ แล้วมีผ้าขนหนูไหม”

“มี”

“งั้นต้นไปล่ะ”

ต้นพูดขึ้นเสียงเรียบ เขายังคงโกรธอีกฝ่ายไม่หาย ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไปอาจจะไม่สามารถควบคุมความโกรธจนทำอะไรไม่ดีออกไปก็ได้ ทางที่ดีที่สุดคือควรอยู่ให้ห่างอีกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ต้น...” กีคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้เมื่อเจ้าตัวหัวหลังจะเดินออกไป แต่คนตัวโตก็ยังไม่ยอมหันมามองหน้ากัน จนกีเองก็เริ่มจะใจไม่ดีแล้วเหมือนกัน

“ขอโทษ...” คนตัวเล็กเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว

“...”

“แต่เราไม่ได้ไปยุ่งกับนายคนนั้นจริงๆ นะ”

“เฮอะ”

“จริงๆ นะ พยายามเลี่ยงแล้ว”

“นี่คิดว่าต้นตาบอดหรอ เห็นมองตั้งแต่เข้าร้านแล้ว”

“ก็มองเฉยๆ” กีพูดความจริงออกไป

“...”

“ต้นหึงหรอ” คนตัวโตหันควับมามองหน้าเขาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถาม ขมวดคิ้วแน่นเมื่อในหัวพยายามประมวลผลการกระทำของตัวเอง พอได้ยินอีกฝ่ายถามมาถึงได้ลองฉุกคิด ความรู้สึกที่ครุกรุ่นอยู่ในอกและการกระทำของเขา จริงๆ มันก็เหมือนคนกำลังหึงเหมือนกันนะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนและไม่เคยอยากเป็น สำหรับเขามันเคยเป็นการกระทำที่น่ารำคาญที่สุดมาตลอด

“แล้วไม่ได้หรือไง”

แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ต้นก็ทำได้แค่ตอบด้วยคำถาม หน้าตายังคงบึ้งตึงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“ได้สิ” เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด กีก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้ ฉีกยิ้มขึ้นมาก่อนที่จะเดินเข้าไปหา สอดสองมือใต้วงแขนของอีกฝ่าย โอบรัดแผ่นหลังของคนตัวใหญ่ไว้ เงยหน้ามองคนที่ก้มมามองด้วยสายตาที่ไม่คาดคิดกับการกระทำของเขา เมื่อใกล้กันระดับนี้กีสัมผัสได้ถึงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นรัวเร็วไม่ต่างกัน

“คนอย่างตั้งต้น หึงเราจริงๆ หรอเนี้ย” กีถามย้ำ ใจที่เปี่ยมสุขแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างอดกลั้นไม่ได้ ถึงจะเคยแอบหวังแต่กีก็คอยเตือนตัวเองมาตลอด แต่พอมาถึงวันนี้ที่คนตรงหน้าแสดงความรู้สึกด้านบวกออกมา เขากลับไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว รู้ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่ความรัก อาจจะไม่ใช่แม้แต่ความชอบ จะเป็นแค่การหวงก้าง หรือความรู้สึกแบบเด็กที่หวงของเล่นก็ตามแต่ แม้มันจะเล็กน้อยแค่ไหน วันนี้มันกลับเพียงพอแล้วสำหรับเขา

เพิ่งรู้ว่าตัวเขาชอบอีกคนไปมากขนาดนี้แล้ว

“สนุกมากไหม” ถึงจะใจอ่อนกับท่าทางน่ารักของอีกคน แต่ใจที่ร้อนรนก็ทำให้ต้นเอ่ยแบบนั้นไป

“ไม่สนุกสักนิด”

“ก็กีอยากให้เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอ” ถึงไม่ให้บอกใครว่าเป็นแฟนกันแต่แรก

“ใครบอก.. เราหึงแทบตายตอนเห็นต้นไปกับมิ้นต์”

“สนใจต้นด้วย?”

“ตลอดเวลาต่างหาก...” ว่าแล้วก็เอียงหน้าแนบอกอีกฝ่าย รัดคนตรงหน้าแน่นขึ้นกว่าเดิม กียิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุข เขาไม่ขอคิดถึงอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ใจขอแค่ตักตวงความสุขที่มีอยู่ตรงหน้าก็พอ

“...”

“หึงจริงๆ หรอ”

“จะถามย้ำอะไรนักหนา เออ หึง หึงมากด้วย พอใจหรือยัง” คนตัวโตเริ่มโมโห จับแขนสองข้างดึงตัวออกห่างให้ระยะพอสบตากันได้

“พอใจ แค่นี้ก็พอใจแล้ว”

“ปั่นหัวต้นได้ ต้องยิ้มแป้นขนาดนั้นเลย?”

“เปล่าสักหน่อย ที่ยิ้มขนาดนี้เพราะนายหึงต่างหาก”

“...”

“ตอนที่บอกว่าเป็นคนของกู ใจบางเฉียบเลยนะ”

คนตัวเล็กว่าแบบทีเล่นทีจริงพร้อมเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุ๊บลงที่คางของอีกฝ่ายเบาๆ

“ดีใจจนอยากเป็นของต้นจริงๆ เลย”

คราวนี้เขย่งสูงขึ้นไปอีกนิด จุ๊บลงที่ปากเรียวหนึ่งที ก่อนที่ผละออกมายิ้มกว้างจนตาปิด ท่าทางน่ารักของคนตัวเล็กทำให้ต้นปั่นป่วนกว่าเมื่อกี้เสียอีก อารมณ์ครุกรุ่นเพราะความโมโหตอนนี้มันโดนแทนที่ด้วยความร้อนที่เพิ่มขึ้นกลางลำตัวของเขา

“ระวังคำพูดคำจาหน่อย”

“ถ้าไม่ระวังล่ะ?” คนตัวเล็กยังทำใจกล้า ตอนนี้อารมณ์ดีจนไม่สนอะไรแล้ว ไม่ว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไงกับเขา จะรัก ชอบ หรือแค่รู้สึกลุ่มหลงชั่วคราว เขารู้แค่ว่าเขาอยากจะคว้าช่วงเวลานี้ ตักตวงและเก็บมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจไม่ว่าวันหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม

“เดี๋ยวเจอของจริงแล้วจะมาโวยวายอีก คราวนี้อย่าหวังว่าจะหนีไปได้นะ”

“ไม่หนีหรอก..” กีส่ายหน้าพร้อมโอบสองมือรอบคอแกร่ง เขย่งขึ้นจูบคนตรงหน้าอย่างหนักหน่วงจนฟันกระทบกัน ดุนดันลิ้นตนเข้าไปพัวพันกับอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายอย่างบ่งบอกจุดประสงค์ที่ชัดเจน ต้นที่นิ่งตะลึงกับการรุกของอีกฝ่ายในตอนแรกโต้ตอบกลับมาอย่างทันควัน สองแขนโอบรอบหลังคนตัวเล็กกว่าแน่นจนลำตัวของทั้งสองแนบชิดสนิท เสียงจูบที่ดูดดื่มดังก้องไปทั่วห้องเล็กก่อนที่ต้นจะยอมผละออกเมื่อคนตัวเล็กเหมือนจะหายใจไม่ทัน แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้อยากพัก ทันทีที่สบตากันอีกครั้ง ดวงตากลมชื้นก็จ้องตรงมาที่เขาก่อนที่จะเอ่ยคำที่ทำให้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมดของเขาหมดไป

“ต้น...สอนน้องกีหน่อยนะ”

ต้นสบถกับตัวเองทันทีเมื่อสิ้นคำของคนปากเก่ง ยกอุ้มคนตัวเล็กโยนลงเบาๆ บนเตียงนุ่มก่อนที่จะตามขึ้นไปคร่อมอีกฝ่าย โน้มลงกดจูบคนใต้ร่างอย่างหนักหน่วงอย่างต้องการที่จะระบายความร้อนรุ่มในอกทั้งหมดลงบนริมฝีปากบาง ทั้งดูดทั้งเม้มจนปากเล็กเจ่อและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มกว่าเดิม แทรกลิ้นร้อนเข้าไปภายในโพรงปาก ไล่เลียแสดงความเป็นของทุกซอกมุมที่ลิ้นร้อนจะสามารถไปถึงได้ สองมือเริ่มเคล้าคลึงบีบหนักๆ ไปตามสะโพกนุ่มที่แอ่นมาปะทะมือเขาอย่างไม่มีใครยอมใคร ต้นปวดหนึบไปตามช่วงล่าง บางสิ่งขยับขยายจนคับแน่นกางเกงยีนส์ไปหมด เป็นปกติที่ร่างกายเขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็วกับเรื่องแบบนี้ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือใจของเขาที่เต้นรัวแรงจนเหมือนจะทะลุออกมา เขามีเซ็กซ์มานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่จังหวะการเต้นของหัวใจเขาผิดปกติเท่าครั้งนี้

กีเอียงหน้าเปิดทางให้เมื่อคนตัวโตเริ่มซุกไซร้ลงมาตามซอกคอ กัดเม้ม ดูดดึงจนเสียววาบไปจนถึงกลางลำตัว ต้นสอดมือเข้ามาใต้เสื้อเชิ้ต ดันขึ้นจนเสื้อทั้งตัวเลื่อนมากองกันตรงหน้าอกก่อนจะก้มลงไปหยอกล้อเข้ากับตุ่มอ่อนไหวบนเนินอกข้างหนึ่ง ทั้งเลียทั้งเม้มจนมันแข็งชูชันขึ้นมา ใช้ฟันกัดเบาๆ จนคนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว ส่วนอ่อนไหวที่ถูไถกันอยู่เริ่มขยับขยายตามอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า กีเริ่มเป็นฝ่ายขยับขึ้นลงเพื่อให้ส่วนนั้นสัมผัสกันแนบแน่นขึ้น ถึงจะมีผ้าบางกัั้นระหว่างกัน แต่กีรู้สึกถึงความร้อนและการขยับขยายของส่วนใหญ่โตได้ชัดเจน เขารู้สึกมากกว่าที่เคยรู้สึกมาตลอดชีวิต รู้สึกจนคิดว่าอาจจะปลดปล่อยออกมาวินาทีใดวินาทีหนึ่งด้วยซ้ำ

ต้นรูดซิปกางเกงหนังของคนใต้ร่าง ดึงลงมาพร้อมชั้นในจนสุดก่อนที่มันจะโดนสลัดร่วงไปนอกเตียง หยิบถุงยางออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองโยนลงบนเตียง จัดการถอดทุกชิ้นส่วนของตนออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว กีแอบกลืนน้ำลายเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่กล้ามท้องของคนรูปร่างดี ก่อนที่จะตาโตเมื่อส่วนใหญ่โตโดนปลดปล่อยออกชี้ตรงมาที่เขา ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้มันขยายมากกว่าตอนที่เขาเคยเห็นครั้งทีี่แล้วเสียอีก แต่ก่อนที่จะมีโอกาสได้ทบทวนความกลัวในหัว ต้นก็ขึ้นมาค่อมร่างเขาอีกครั้ง ลิ้นร้อนสัมผัสลงมาที่ผิวกายละเอียด กีสอดนิ้วเรียวเข้าไปตามกลุ่มผมของอีกฝ่าย จับทึ้งแน่นเมื่อความเสียวมันเพิ่มขึ้นในทุกการกระทำ คนบนร่างเลื่อนลงต่ำไปถึงท้องน้อย ทั้งขบทั้งดูดในทุกอณูผิวที่พาดผ่าน ต้นยกงอขาขวาของคนใต้ร่างขึ้นมา แนบจมูกลงบนต้นขาอ่อนขาว คลอเคลียไปมาโดยมือที่ว่างก็เลื่อนไปสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายขึ้นลง เสียงครางที่เริ่มดังถี่กับแรงกระตุกเป็นระยะเป็นสัญญาณให้ต้นรู้ว่าคนใต้ร่างพร้อมที่จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปแล้ว

ต้นจับขาข้างที่ถูกยกขึ้นของอีกฝ่ายมาพาดเอวก่อนที่จะยื้อตัวขึ้นไปจูบปากคนที่ครางไม่หยุดอีกครั้ง มือใหญ่คลึงก้นกลมไปมาก่อนที่จะเริ่มสัมผัสส่วนหลังที่คับแน่น หมุนคลึงไปมาให้คนตัวเล็กครางหนักกว่าเดิมก่อนจะเริ่มสอดนิ้วยาวเข้าไปช้าๆ นิ้วเรียวเล็กของคนใต้ร่างจิกลงบนหลังเขาแน่นเมื่อนิ้วที่สองและสามของเขาตามเข้าไป กีขยับขึ้นลงตามจังหวะของนิ้วร้อนอย่างหยุดไม่ได้ เสียงครางที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ต้นทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาถอนนิ้วทั้งสามออกจากร่างอีกฝ่ายอย่างช้าๆ จนคนตัวเล็กร้องออกมาอย่างเคืองใจเล็กน้อย หยิบซองถุงยางอนามัยมาแกะและใส่เข้าไปอย่างชำนาญ ก่อนที่จะเอาแท่งร้อนไปเคล้าคลึงกับปากทางเข้าไปมา กดจูบเล้าเลียลงบนเนินอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอีกฝ่ายและในจังหวะหนึ่งก็สอดใส่สิ่งใหญ่โตเข้าไปทั้งแท่งจนคนตัวเล็กครางออกมาไม่เป็นภาษา

ตอนนี้กีเจ็บที่สุด เจ็บจนอยากจะด่าให้คนตรงหน้าเอาแท่งร้อนออกไป แต่เมื่อคนบนตัวเริ่มขยับจากความเจ็บก็กลายเป็นความเสียดแน่น จากความเสียดแน่นก็กลายเป็นความเสียวซ่าน ไม่ทันรู้ตัวสะโพกบางก็ขยับตามการชักจูงของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว จังหวะที่ทั้งเร็วและรุนแรงทำให้กีมึนหัวไปหมด เขาทำได้แค่เกาะแขนแกร่งของอีกฝ่ายแน่น ไม่สามารถยั้งตัวเองจนปลดปล่อยเสียงหน้าอายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดน้ำสีขุ่นร้อนก็พุ่งออกมาเต็มหน้าท้องของคนทั้งสอง คนตัวโตเร่งจังหวะเร็วขึ้นเพราะโดนตอดรัดแน่นเมื่ออีกคนไปถึงฝั่งฝันแล้ว ไม่ช้ากีก็รู้สึกได้ถึงความร้อนอุ่นที่พุ่งเข้ามาในร่างกายของเขา ต้นทิ้งตัวลงข้างกีทั้งอย่างนั้น ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงหอบหายใจที่ดังแข่งกัน ใช้เวลาสักพักกว่าระดับการหายใจของทั้งคู่จะกลับมาเป็นปกติ

“ไหวไหม” ต้นขยับตะแคงข้าง ใช้ข้อศอกยันเตียงนอนไว้

“ก็ไหวอยู่..”

“เมื่อกี้นี้แค่บทนำนะ”

“ห๊ะ”

“มาเริ่มเข้าบทเรียนแรกกันดีกว่า”

ว่าแล้วคนตัวโตก็อุ้มอีกคนขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเขา กีที่ยังไม่หายเหนื่อยดีได้แต่มองอีกฝ่ายหน้าเหว่อ ก่อนที่จะประมวลคำพูดอีกฝ่ายได้คนตรงหน้าก็เริ่มซุกไซร้ซอกคอเขาแล้ว

เมื่อกี้นี้มึงยังไม่เริ่มบทที่หนึ่งเลยหรอ!!!!!

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ควันสีขาวขุ่นลอยฟุ้งขึ้นไปในอากาศเมื่ิอต้นพ่นมันออกมา ร่างใหญ่ที่มีเพียงกางเกงยีนส์ห่อหุ้มกายยืนมองแสงไฟสีส้มที่ประปรายอยู่โดยรอบเมืองพัทยาอย่างเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียงห้องนอน

“แม่กับพ่อไม่ได้รักกัน”

หลังจากที่ต้นในวัยสิบสี่เห็นแม่จูบกับเลขาส่วนตัวในห้องทำงาน นี่คือคำอธิบายที่เขาได้รับ

“ที่พ่อกับแม่แต่งงานกันมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่ที่เราทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อลูก”

เขาไม่เห็นความสัมพันธ์ในประโยคที่คนตรงหน้ากล่าว การโกหกว่ารักกันต่อหน้าเขามันเป็นการทำเพื่อเขาตรงไหน สิ่งเดียวที่เขาได้เรียนรู้จากคนทั้งสองคือคนเราสามารถแกล้งทำเป็นรักกันได้แนบเนียนที่สุดถ้ามีผลประโยชน์ร่วมกัน

ความรัก..

สิ่งบัดซบที่สุดที่ไม่มีอยู่จริง

ต้นขยี้ปลายบุหรี่ลงในโถ จับราวระเบียงด้วยมือทั้งสองก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงไป เหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ในหัวคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องวันนี้ แต่ตั้งแต่ที่มีกีเข้ามาในชีวิตเหมือนอารมณ์ของเขาจะแปรปรวนจนหลายครั้งควบคุมไม่ได้

และที่สำคัญ...

เขาเกลียดความอุ่นซ่านที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้งตรงอกข้างซ้าย

ต้นส่ายหน้าให้กับตัวเองเมื่อความกลัวมันแทรกเข้ามาแทนที่ คนแบบเขาไม่มีทางรู้สึกอย่างนั้นกับใคร ไม่มีทาง...

“ต้น..”

ต้นหันไปตามเสียงเรียก เห็นกีที่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งบนที่นอน มีผ้าห่มที่ถูกคลุมถึงเอวส่งให้เขาสามารถมองเห็นเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยรอยแดงมากมายของอีกฝ่ายได้ชัดเจน ต้นเดินเข้าไปหาคนที่หลับเหมือดไปทันทีหลังจากที่เขาเสร็จรอบที่สี่

“ทำไมไม่นอนต่อ” ต้นทรุดลงนั่งบนเตียงข้างๆ อีกคน เอ่ยถามพร้อมเกลี่ยปลายผมนุ่มทัดหูให้อีกฝ่าย

“ก็ไม่เห็นอยู่บนเตียงเลยว่าจะลุกไปดู นึกว่าหนีกลับไปแล้ว”

“แล้วจะหนีทำไม นอนเถอะ”

ต้นตอบกลั้วหัวเราะก่อนที่เอนตัวลงนอน ดึงคนตัวเล็กเข้ามาให้ซบอก อีกฝ่ายทำตามโดยง่ายวางแขนเรียวรัดแน่นเอวของเขาเมื่อขยับหัวหาที่สบายให้ตัวเองได้แล้ว

“เจ็บมากไหม?”

ต้นถามออกไปอย่างห่วงใย ถึงเขาจะแปลกใจตัวเองแต่เขาก็ไม่อยากคิดหาคำตอบอะไรทั้งนั้นตอนนี้

“ก็เจ็บ...”

“นอนพักดูอาการไปก่อนแล้วกัน ถ้าตอนเช้าปวดมากค่อยกินยา”

“อืม”

คนตัวโตไม่ได้ว่าอะไรต่อเพราะอยากปล่อยให้คนในอ้อมกอดนอนหลับ ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบก่อนที่กีจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“นายแม่งโครตดุ”

“หืม..” ต้นครางถามอย่างไม่เข้าใจจนกียกเงยหน้ามาสบตากัน

“นายแม่งโครตแซ่บสมคำร่ำลือ”

ต้นหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“นี่นินทาต้นกันหรอ”

“ใครก็รู้กันทั่วเหอะ ดังนักล่ะเรื่องอย่างงี้”

“นี่เขาพูดกันไปทั่ว?”

“อืม”

“โครตแซ่บเลยหรอ?”

ร่างบางหัวเราะให้กับหน้าตาที่แสดงความภูมิอดภูมิใจซะเหลือเกินของคนตัวโต แต่ต้องชะงักเพราะมันทุกครั้งที่หัวเราะมันสะเทือนไปถึงจุดที่บวมช้ำทุกที กียิ้มมองหน้าอีกฝ่ายที่ยังรอคำตอบก่อนที่จะยอมเอ่ยสิ่งที่คิด

“อือ แซ่บสุด แซ่บจริง! ยิ่งกว่าพริกยี่สิบเม็ด!” พูดไม่พอ กียกสองนิ้วโป้งขึ้นมาช่วยยืนยันอีกแรง คนที่มั่นใจในเรื่องนี้อยู่แล้วยิ้มหน้าบานก่อนที่จะเลื่อนมือไปกุมสะโพกอีกฝ่ายจนเจ้าตัวสะดุ้ง

“เอาอีกไหมล่ะ”

“ไม่เอาแล้วนะ ถึงจะอยากแต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“งั้นก็นอนได้แล้ว” ต้นหัวเราะในลำคอให้กับคำตอบของอีกคนก่อนจะยันหัวอีกฝ่ายลงที่อกตัวเองและรัดเอวสอบแน่นขึ้นกว่าเดิม

ความเงียบปกคลุมทั่วห้องมืดอีกครั้ง คนตัวโตยังเหม่อมองเพดานอย่างครุ่นคิด เขานอนไม่หลับ ตั้งแต่มีเซ็กส์ครั้งแรกต้นไม่เคยดูแลคู่นอนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดทำความสะอาดตัวให้อีกฝ่ายอย่างที่ทำวันนี้ การถามอย่างเอาใจใส่ หรือแม้แต่การนอนกอดกันอยู่แบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำ ไม่เคยคิดจะทำ แต่วันนี้เขายอมให้สัญชาตญาณนำทางทุกสิ่ง เขาเลือกทำในสิ่งที่เขาอยากทำโดยไม่คิดหาความหมายของมัน

ต้นตัดสินใจหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เขาเหนื่อยเกินไปที่จะคิดหาคำตอบของทุกสิ่งในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาจะหลับลึกลงไปเขากลับรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวช้าๆ ในอ้อมแขนของเขา กลุ่มผมนุ่มเลื่อนออกจากอก เขายังคงหลับตาเมื่อสัมผัสถึงความนุ่มอุ่นที่มาปะทะริมฝีปากเบาๆ ก่อนที่หัวใจจะเต้นรัวเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพร่าที่มาทำลายความเงียบสงบทั้งหมด

“แม้เรื่องของเราอาจจะต้องจบลงที่แค่หนึ่งเดือนก็ตาม แต่เราก็ดีใจที่เรื่องทััั้งหมดมันเกิดขึ้น และดีใจยิ่งกว่าที่มันเกิดขึ้นกับนาย”





***********

กีรักเยอะ เยอะมากกกด้วย ตอนนี้ยาวไปอีกกกก หวังว่าจะชอบนะคะ (>_<)

ตอนหน้าพระเอกนายเอกมาแน่นอนจ้า อู้ไปสองตอนแล้ว แต่พอนางมามาม่าก็มาด้วย เตรียมทิชชู่แป๊ปปป























ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ทั้งหมดที่มันเกิดเรื่องขึ้นเพราะการไม่พูดกันตรงๆ  เลยทำให้ต้องเลิกกันหรือทะเลาะกัน หวังว่าอินจะบอกเรื่องทั้งหมดกับดินและดินจะรอฟังอิน ไม่หลงเชื่อภาพที่มีคนส่งให้นะ อย่าดมาม่าเยอะนะ :hao5: กลับมาที่คู่ต้นกีคือแซ่บจ้า อย่าแค่หนึ่งเดือนเลยคบกันไปยาวๆเลย :z1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มีแววจะดราม่าทั้งสองคู่,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
19:00 คนโกหกไม่เนียน





“ว่า..ว่าไงดิน..” เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาตามสาย น้ำเสียงที่ดูร้อนรนเกินพอดีของอีกฝ่ายทำให้จินตนาการที่เลวร้ายของดินแย่กว่าเดิมไปอีก ดินส่ายหน้าเรียกสติ ในเมื่ออีกฝ่ายรับสายแล้วจะมาถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“กะ..ก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งเล่นอยู่บ้าน..”

“อยุ่บ้านหรอครับ งั้นเดี๋ยวดินเข้าไปหานะ”

“ไม่ๆ ๆ คืออยู่บ้านกีน่ะ!! ..”

“...”

โกหกอีกแล้ว

“ดินว่างหรอวันนี้..”

“อืม วันนี้ไม่ต้องไปทำเพลง เลยว่าจะเข้าไปหา”

“อ่า..เสียดายจัง”

“ครับ..” ดินได้แต่รับคำ ที่จริงเขาอยากถามทุกอย่างออกไปตอนนี้เลยแต่เหมือนคนปลายสายจะไม่สะดวกสักเท่าไหร่ แล้วเรื่องแบบนี้เขาอยากนัดมาคุยกันต่อหน้ามากกว่า

“ตอนเย็นดินว่างไหม..”

“ครับ?”

“อินมีเรื่องจะคุยด้วย”

ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ในอยากเคลียร์ให้รู้เรื่อง แต่พออีกฝ่ายเป็นคนถามมาเองเอง จู่ๆ ความกลัวก็เกาะกินเข้ามาเต็มหัวใจ

“ครับ งั้นตอนเย็นดินเข้าไปหานะ”

“โอเค งั้นอินวางก่อนนะ เพื่อนเรียกแล้ว เจอกันตอนเย็นเนอะ”

“อืม..บายครับ”

ดินวางโทรศัพท์เครื่องใหม่ลงบนคอนโซลหน้ารถเมื่ออีกฝ่ายตัดสายไป เอาสองมือกุมหัวขยี้ไปมาพยายามควบคุมความฟุ้งซ่านในหัว เขานิ่งคิดอยู่นิดก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิทของตน เมื่อหาเจอก็กดโทรออก ได้ยินเสียงรอสายไม่กี่ครั้งปลายสายก็ว่าขึ้น

“ว่าไงมึง”

“อยู่ไหนว่ะ”

“พัทยาไง”

“กับใคร”

“มีไรหรือเปล่าว่ะ” ต้นจับได้ถึงน้ำเสียงที่ไม่เป็นปกติของเพื่อนสนิท เขาจึงไม่ตอบแต่เลือกถามคำถามอื่นแทน พร้อมเดินแยกกับคนที่นั่งข้างๆ ออกไปคุยที่ระเบียง

“เปล่า แต่แค่อยากรู้ว่าอยู่กับใคร”

“กูก็บอกมึงไปแล้วนี่ แต่คุยได้นะ กูอยู่คนเดียวตอนนี้”

“กีหรอ?”

“อือ มึงเป็นอะไรหรือเปล่า โอเคปล่าวมึง”

“กูไม่ได้เป็นอะไร”

“แน่ใจ?”

“...”

“มึงได้เจออินบ้างหรือเปล่า”

ดินขมวดคิ้วแน่นเข้าหากัน เมื่อเพื่อนถามคำถามที่ไม่คาดคิดขึ้นมา อยู่ๆ ก็สังหรณ์ใจว่ามันรู้อะไรมาแล้วไม่ยอมบอกเขาหรือเปล่า คิดได้แบบนั้นก็รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันที

“ถามทำไม”

“เปล่า ก็ถามดู..”

“มึงรู้อะไรมา”

“เห้ย รู้อะไร ก็แค่เสียงมึงดูเครียดๆ เลยนึกว่าทะเลาะกัน” เมื่อได้ยินแบบนั้น ดินก็คลายปมระหว่างคิ้วออก เขาคงคิดมากจนระแวงไปหมดแล้ว ลอบสูดหายใจเข้าเต็มปอด พยายามปรับเสียงพูดของตัวให้ดูผ่อนคลายกว่าเดิม

“ไม่มีอะไรมึง แค่กลัวมึงจะติดลมจนมาวันเกิดกูไม่ทัน” ดินพูดกลั้วหัวเราะไม่อยากให้เพื่อนเขาคิดมากไปด้วย ปลายสายหัวเราะเมื่อดินว่าอย่างนั้นก่อนจะตอบกลับมาเสียงใส

“กูกลับเย็นนี้มึง ไปทันอยู่แล้ว กูจะพลาดได้ไง มึงก็รู้ว่ามึงมันหนึ่งในใจกูเสมอ”

“กูจะอ้วก พอเลยมึง”

“ว้าย ผมทำคุณท้องหรอครับ”

“ไอ้สัด” ต้นหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีทันทีที่โดนเพื่อนสนิทด่า

“เออ ต้องงี้สิถึงจะใช่ไอ้ดินตัวจริง” ดินยิ้มให้กับตัวเอง แค่คุยกับมันสองคำอารมณ์ขุ่นมัวก็เหมือนจะดีขึ้น

“อืม งั้นแค่นี้ล่ะ ไม่กวนแล้ว”

“เจอกันมึง”

เมื่อกดวางสายจากเพื่อนสนิทรอยแยกที่มุมปากก็กลับมาราบเรียบอีกครั้ง เขาหลับตาลงตั้งสมาธิ สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะค่อยๆ พ่นออกมาช้าๆ ทำอยู่หลายครั้งจนเริ่มรู้สึกว่าสมองมีอ๊อกซิเจนเข้าไปเลี้ยงมากขึ้นกว่าเดิม ดินรู้นิสัยตัวเองดี เขามันพวกขวานผ่าซาก คิดอะไรก็พูด ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็ด่าตรงๆ การที่ต้องมาแสดงว่าเขาโอเคทั้งที่ไม่ใช่ ถึงจะเป็นแค่ชั่วแว๊บเดียวที่คุยโทรศัพท์ มันก็ทำให้เขาเหนื่อยไปทั้งหัวใจ เอาหัวโขกกับพวงมาลัยรถเบาๆ หลายครั้ง ก่อนที่จะวางหัวทิ้งไว้บนนั้น เอียงข้างมองไปนอกหน้าต่างที่มีวิวหน้าบ้านของบางคนอยู่ตรงหน้า

ถ้าจะโกหกก็รู้จักหาข้ออ้างให้มันเนียนกว่านี้ไม่ได้หรือไง..

ดินยกโทรศัพท์ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา มือเลื่อนไปเปิดข้อความในไลน์ที่ได้รับมาเมื่อวานภาพของอินในร้านอาหารกับใครสักคน เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนในรูปเป็นใคร วัดจากระดัับความกว้างของรอยยิ้มของอินเขาก็พอจะรู้ว่าคนคนนั้นน่าจะเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด และยิ่งกว่ารอยยิ้มของอินมันคือสายตาที่คนแปลกหน้าในรูปส่งมาให้แฟนเขา สายตาที่อ่อนโยนจนแม้จะถ่ายจากที่ไกลก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมา

สายตาที่ไม่คิดจะปิดบังสักนิดว่ารักแค่ไหน

ดินเลื่อนไปที่รูปสุดท้ายแล้วก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งอีกครั้ง ภาพของคนตัวโตที่โอบกอดร่างเล็กแน่นไม่ได้ทำลายเขาได้มากเท่าหน้าตามีความสุขของคนในอ้อมกอด ถ้ารูปที่ผ่านมามันสามารถสร้างไฟร้อนในอกให้เขาได้มากแค่ไหน รูปสุดท้ายก็เหมือนการที่เขาโดนราดด้วยน้ำเย็นจัดจากหัวลงเท้า เหมือนโดนกระหน่ำตบหน้าจนตอนนี้หน้าชาจนไม่มีความรู้สึกอะไรเหลือแล้ว

เขาเคยคิดว่าเขาเข้าไปแล้ว...

เขาเข้าไปแทนที่ผู้ชายคนนั้นได้สำเร็จ

แต่ภาพตรงหน้ามันทำให้เขารู้สึกอีกครัั้ง

รู้สึกถึงความกังวลที่เขาพยายามเพิกเฉยมาโดยตลอด

ทั้งๆ ที่ทุ่มไปหมดทั้งใจ

แต่ความจริงก็คือ เขาไม่เคยแทรกเข้าไประหว่างคนทั้งสองได้เลย..

และในเมื่ออีกคนกลับมา วันนี้เขาก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว...





เมื่อวานตอนได้รับรูป เขาสามารถจินตนาการไปถึงตอนจบของเรื่องระหว่างเรา ใจบองเขายอมรับแต่โดยดีถึงผลความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น แต่ในห้วงลึกที่ยังคงแอบหวัง ดินจึงตััดสินที่จะโทรหาอินอีกครั้ง ถ้ามันจะจบเขาขอให้มันชัดออกจากปากอีกฝ่ายไปเลย การคิดเองเออเองมันทำลายพวกเขาสองคนมามากพอแล้ว เมื่อวานในขณะที่ต่อสายหาอีกคน ความกังวลก็ก่อตัวเพิ่มขึ้นในทุกขณะที่ได้ยินเสียงรอสาย ในซอกหนึ่งของหัวใจเขาภาวนาขอให้สิ่งที่เขาเห็นเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด อยากให้อีกฝ่ายพูดว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ

“ดิน..ว่าไง” ปลายสายว่าขึ้น

“อยู่ไหนครับ” ดินพยายามทำเสียงให้ดูปกติที่สุดทั้งๆ ที่โทรศัพท์ในมือสั่นไหวไปหมด

“อิน ออกมากินข้าวกับเพื่อน..”

“กับพวกกีหรอ”

“เปล่า เพื่อนมอปลาย”

“...”

“ดินมีอะไรหรือเปล่า คืออินไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่”

“โอเค งั้นเดี๋ยวดินโทรหาใหม่ก็ได้”

‘อินอิน จ่ายเงินเลยนะ’

‘ไม่เอากิต อินจัดการเอง’

จังหวะที่รอคำตอบอีกฝ่ายก็พอดีกับมีเสียงลอดเข้ามาในโทรศัพท์ก่อนที่อินจะตัดสายไป ดินนิ่งอึ้งถือโทรศัพท์ค้างไว้แบบนั้น อย่างไม่รู้ตัวดินกำมันแน่นเหมือนถ้ามันเป็นคอของผู้ชายคนนั้นอีกฝ่ายคงขาดลมหายใจไปแล้ว จนในที่สุดเมื่อทนต่อไปไม่ไหวดินก็ปามันออกไปแรงๆ กระแทกกับผนัง ชิ้นส่วนของเครื่องส่ือสารกระจัดกระจายไปตามพื้น ดินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้องเอามือกุมหัวไว้แน่น ขอบตาคมเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ความน้อยใจมันคับแน่นเต็มอกไปหมด เขาอยากออกไปหาสองคนนั้น เข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันแล้วลากคนของเขากลับมา แต่รู้ว่าถึงทำไปมันก็ไม่ได้อะไรถ้าอินยังอยากอยู่ตรงนั้น ถ้าเทียบกับคนที่อินรักมาห้าปี..

ความรักของเขามันดูไม่มีค่าอะไรเลย

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

อินเกาคอตัวเองอย่างเขินอายหลังจากวางโทรศัพท์จากดิน มองหน้าอีกคนที่ลงไปนอนขำกลิ้งอยู่บนโซฟา อินกลอกตามองบนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนต้องเอ่ยเสียงขุ่นห้ามปราม

“แทน เลิกหัวเราะได้ไหม”

“ก็มันขำนี่น่า จะเลิ่กลั่กอะไรขนาดนั้น”

“ก็มันหาข้ออ้างไม่ทันนี่น่า”

อินเป็นคนโกหกไม่เก่งอยู่แล้ว ถ้าต้องเลี่ยงส่วนใหญ่อินเลือกที่จะเงียบมากกว่าหาข้ออ้างมาตอบ พอมีเรื่องที่ต้องปิดบังขึ้นมา อินจึงทำตัวไม่ถูกจริงๆ

“แล้วเอาไง วันนี้พอแค่นี้ไหม”

“ถ้ายังมีเวลาขออีกสองสามรอบได้ไหม แล้วค่อยกลับ”

“ยังไม่มั่นใจอีกหรอ เราว่าโอเคแล้วนะ”

“ก็ไม่มั่นใจเลยนี่น่า”

“อ่ะๆ งั้นซ้อมอีกหน่อย เดี๋ยวเราไปส่ง”

“หึ้ย เรากลับเองได้ รบกวนเยอะแล้ว”

“รบกวนอะไรล่ะ เรื่องแค่นี้ ถือว่าอินก็มาช่วยเราด้วย”

“ไม่แน่ใจว่าจะช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลงนะ”

“ดีอยู่แล้ว อย่าคิดมากสิ อินซ้อมเยอะกว่าไอ้ต้นอีก”

“งั้น..ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ไปส่งเราที่บ้านเพื่อนหน่อยนะ”

“สบายมาก”

.

.

.

.

.

รถยุโรปคันหรูสีดำเลี้ยวเข้ามาในซอยหน้าบ้านอิน เมื่อมาถึงหน้าบ้านที่มืดสนิท ร่างบางก็หัันไปด้านหลังหยิบถุงกระดาษหลายถุงมาวางไว้บนตักก่อนที่จะกล่าวลาคนขับ

“พี่พลขอบคุณมากเลยนะครับ รบกวนพี่อีกแล้ว”

“เรื่องแค่นี้เองน้องอิน”

อินยกมือไหว้แฟนเพื่อน เขาไปหาไอ้แนทที่บ้านเพราะมันช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้เขาสำหรับที่จะแต่งไปงานวันเกิดดินพรุ่งนี้ พอดีกับที่พี่พลอยู่ที่นั่น พี่แกเลยอาสามาส่งบ้านเพราะเป็นทางผ่านพอดี ทั้งสองกล่าวลากันเล็กน้อยก่อนที่อินจะเปิดประตูลงมายืนข้างรถ พี่พลบีบแตรเป็นการลาอีกหนึ่งทีก่อนที่จะถอยรถออกไปจากซอย

อินหมุนตัวไปที่ประตูบ้าน ล้วงมือควานหากุญแจบ้านจากกระเป๋าสะพายหลัง ด้วยความที่ถุงกระดาษเต็มไม้เต็มมือไปหมด ขณะกำลังดึงกุญแจออกจากกระเป๋า ถุงกระดาษในมือก็ร่วงกระจายเต็มพื้น

“อ่ะ แย่แล้ว!!” อินตกใจรีบก้มลงจะหยิบถุงกระดาษ ของที่อยู่ในกระเป๋าสะพายหลังที่ไม่ได้รูดซิปก็ร่วงหล่นออกมาแทนที่

“วันอะไรเนี้ย..” อินส่ายหน้าไปมา แอบขำให้กับความลนลานของตัวเอง อินตัดสินใจวางของทั้งหมดลงพื้น นั่งชันเข่าข้างนึงกับพื้น ค่อยๆ เก็บของใส่กระเป๋า ก้มๆ อยู่ก็เห็นสองเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า อินรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที เพราะว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดไปแล้ว แถมบ้านยังไม่มีใครอยู่แบบนี้ ค่อยๆ เลื่อนสายตาไปตามขายาวข้างหน้าก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกเมื่อเจอคนที่คุ้นหน้า

“ดินเองหรอ ตกใจหมดเลย” อินว่าขึ้น ยืนขึ้นประชันหน้ากับอีกฝ่ายก่อนจะยกยิ้มให้

“นี่มาตอนไหน ไม่ได้ยินเสียงรถเลย”

“มารอได้สักพักแล้ว” ดินว่าพลางใช้คางชี้ไปที่รถตัวเองที่จอดอยู่ตามแนวกำแพงบ้านถัดไปอีกสองหลัง ความรู้สึกโล่งอกเมื่อกี้หายไปเมื่ออินได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ คนตรงหน้าเขาดูเหนื่อยล้ากว่าทุกครั้งที่ี่เจอ ตั้งแต่เจอกันเขายังไม่ได้เห็นรอยยิ้มขออีกฝ่ายเลยสักนิด

“จะมาก็น่าจะโทรมาบอกกันก่อน” ไม่รู้ว่ามารอนานแค่ไหน

“ขอโทษครับ” ดินที่เอ่ยขอโทษเสียงเรียบทำให้อินขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก ท่าทางจะอารมณ์ไม่ดี เขาเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายก่อนที่จะเอื้อมสองมือไปหยิกแก้มคนตัวโตไปมาไปมา

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ไม่ได้ว่าสักหน่อย แค่ไม่อยากให้ต้องรอนานแบบนี้” ดินยกยิ้มบางขึ้นมาก่อนที่จะเอื้อมมาจับมืออยู่ตรงแก้มตัวเอง

“ครับ แล้ววันหลังจะบอกก่อนนะ” เมื่อเห็นคนตรงหน้ายิ้มได้ อินก็เกลี่ยแก้มอีกฝ่ายไปมาอีกสองสามทีก่อนจะลดตัวลงไปเก็บของที่พื้นใส่ลงกระเป๋า ดินก้มลงมารวบถุงกระดาษที่กระจัดกระจายก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าบ้านไป

“นั่งก่อนสิ” เมื่อมาถึงห้องรับแขกอินก็เอาของทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะรับแขก ดินเดินตามทางที่มือเล็กผายเชื้อเชิญ นั่งลงที่โซฟานุ่มตัวหนึ่งในห้องรับแขก

“พ่อกับแม่ยังไม่กลับหรอ” ดินถามขึ้นเห็นอินเล่าให้ฟังว่าทั้งสองไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน

“อืม กลับวันอาทิตย์ ดินกินข้าวมายัง”

ตั้งแต่บ่ายเขาก็มาอยู่หน้าบ้านอีกฝ่าย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น ดินลุกเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายก่อนที่จะสอดมือเข้าไปโอบจากด้านหลัง

“ยังเลย แต่ยังไม่อยากกิน” กระซิบบอกพร้อมใช้ปลายจมูกเคล้าเคลียอยู่กับไหล่ข้างนึงของอิน

“ดิน..”

“ไหนอินบอกมีอะไรจะคุยด้วย..”

“ก็มี..”

“ดินก็มีเหมือนกัน..”

อินหันมาทั้งตัวประชันหน้ากับอีกฝ่าย หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างห่วงใย เขารู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าอยุ่ในอารมณ์ไม่ปกติ เขาแค่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้น

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า..เล่าให้อินฟังได้นะ”

“อินนั่นแหละ เล่าให้ดินฟังได้นะ”

“เอ่อ...คือ”

“วันนี้ไปไหนมา?”

“คือ...”

“ใครมาส่ง”

“พี่พล แฟนแนท”

“เลิกโกหกสักทีได้ไหม!” อินห่อไหล่สะดุ้งอย่างตกใจที่อยู่ๆ ดินก็ตะโกนขึ้นมา

“ไม่ได้โกหกสักหน่อย”

“กีอยู่พัทยากับใครอินไม่รู้หรอ” เหมือนความโมโหที่พยายามควบคุมถูกทดสอบซ้ำแล้วซำ้เล่าด้วยคำโกหกของอีกฝ่าย เมื่ออีกคนพูดอะไรออกมามันก็ดูไม่จริงไปหมดแล้ว

“คิดว่าดินจะไม่คุยกับเพื่อนเลยหรอ”

เดินหลับตาลง ถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ต่อไปเรื่องทั้งหมดอาจจะเลวร้ายเกินการควบคุมของเขาก็ได้

“เห็นดินเป็นตัวอะไร ถ้าไม่พร้อมจะพูดความจริงใส่กัน ดินว่าเราก็พอเถอะ”

“ดิน! ฟังก่อน” อินรีบรั้งแขนอีกฝ่ายไว้เมื่ออีกคนหันหลังเดินออกไป เมื่อถูกรั้งดินจึงหันหน้ามาประจันอีกฝ่าย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะเปิดภาพที่เป็นต้นเหตุให้อารมณ์เขาแปรปรวนมาทั้งวันให้อีกฝ่ายดู เขาพอแล้วจริงๆ ความรักที่ไม่ยอมเปิดใจ มันทำให้เขาเหนื่อยเกินพอแล้ว

“เมื่อวานอินไปเจอกิตมา” ดินชะงักมือเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นคนพูดขึ้นเอง ดินกดล๊อคโทรศัพท์ก่อนที่จะใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม

“ที่เรียกมาวันนี้ ส่วนนึงก็ตั้งใจจะเล่าเรื่องนี้ให้ดินฟัง แล้วนั่นก็แฟนแนทจริิงๆ โทรถามได้เลยถ้าไม่เชื่อ..” อินพูดอย่างร้อนรน อินรู้มาตลอดว่านิสัยไม่ค่อยพูดมันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี

“ดินรู้แล้วใช่ไหม” สังเกตจากอาการอินก็เดาว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้แล้วหรือเปล่า แต่เพราะปกติด้วยความที่สีหน้าดินจะออกชัดทันที เขาเลยไม่แน่ใจ

“...”

“อินไม่ได้คิดจะปิดบังจริงๆ นะ ฟังอินก่อนได้ไหม...” อินถามคนตรงหน้าเสียงอ่อน ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมืออีกฝ่ายมาถือไว้ ใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือไปมา

“นะ” อินเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย ลำดับเหตุการณ์มันไม่ควรเป็นแบบนี้ การที่อีกฝ่ายไปรู้จากคนอื่นมันทำให้เรื่องยากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จะโทษใครก็ไม่ได้ก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ

“ถ้าอินจะเลิกโกหก ดินก็พร้อมจะฟังทุกอย่าง” ดินถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะว่าอย่างนั้น นี้คงเป็นความอดทนก้อนสุดท้ายที่เหลือของเขาแล้ว ถ้ามันจะจบเขาก็อยากให้มันจบไปเลยวันนี้ อินดึงมือคนตัวโตไปนั่งที่โซฟาก่อนที่หันหน้าเข้าหา

“อินเป็นคนนัดเจอกิตเอง... อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นได้ไหม” เมื่ออินว่าขึ้นดินก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเขาต้องการฟังจนจบหรือเปล่า สีหน้าที่แสดงออกมามันขัดเจนจนอินต้องเอ่ยท้วง

“เรามีเรื่องไม่เข้าใจกันหลายเรื่อง อินแค่ไม่อยากให้มันค้างคาอยู่แบบนั้น”

“แล้วเป็นยังไง” ดินว่าขึ้นบ้าง คนตรงหน้าเขายังเป็นคนที่เล่าเรื่องไม่เก่งเหมือนเดิม จนดินที่ตั้งใจจะฟังเงียบๆ ต้องเอ่ยออกมา อินเอ่ยเล่าอย่างละเอียดให้คนตรงหน้าฟัง เขาไม่คิดจะปิดบังอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว คราวนี้เขาเข็ดจริงๆ

“ตอนนี้ก็เข้าใจกันทุกเรื่องแล้ว..”

“...”

“มีอะไรอยากถามอินไหม”

“แล้ว..”

“แล้ว?”

“มีอะไรที่ดินควรจะรู้อีกไหม”

“อ่อ แล้วถ้าเผื่อเพื่อนดินเห็น กิตกอดอินตอนที่อินเอาของขวัญให้เขา มันเป็นของขวัญที่อินตั้งใจทำให้ตอนวันวาเลนไทน์ที่เลิกกัน อินเลยไม่อยากเก็บไว้”

“...” อินเข้าไปประชิดอีกฝ่าย วางหัวซบลงแผ่นอกกว้าง เมื่อคนตัวโตไม่ได้ว่าอะไรก็สวมกอดอีกฝ่ายแน่น

“ขอโทษนะ อินทำให้ดินคิดมากใช่ไหม อินควรคุยกับดินก่อนไปหากิตวันนั้น” ดินลอบถอนหายใจ ความรู้สึกที่หนักอึ้งมาตลอดวันค่อยๆ มลายหายไป เขายกมือทั้งสองข้างโอบตอบคนในอ้อมกอด รัดแน่นอย่างหวงแหน ทั้งๆ ที่คนตรงหน้ายังอยู่กับเขาตรงนี้ แต่เขายังต้องการบางสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจมากกว่านี้

“ในเมื่อเขาก็ยังรักอิน...” ดินเกริ่นสิ่งที่คิด

“แล้ว?”

“อินไม่อยากกลับไปคบกับเขาหรอ” ดินเอ่ยถามในสิ่งที่เขากลัวที่สุด ก็อีกคนเป็นผู้ชายที่อินไม่เคยลืมได้เลย ในเมื่อคนนั้นกลับมา..

“แต่อินรักดิน”

“...”

“รักแค่ดินคนเดียว”

“...”

“ไม่เชื่อหรอ?”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อ..แต่มันไม่น่าเชื่อ..ไม่ใช่หรอ”

อินลอบมองคนตรงหน้า ท่าทางเก้ๆ กัังๆ ดูไม่แน่ใจอะไรสักอย่างแบบนี้มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ไม่บ่อยจากคนมั่นใจในตัวเองคนนี้ ถ้าภาพเมื่อกี้ตอนที่ดินจะหันหลังเดินออกไปมันทำให้เขาใจหายได้มากแค่ไหน ท่าทางที่รักจนไม่มั่นใจมันก็ทำให้เขาอุ่นในหัวใจได้มากแค่นั้น อินกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนปนน้อยใจ

“ความรักของอินมันเชื่อไม่ได้เลยหรอ” คนตัวโตที่จับได้ถึงน้ำเสียงล้อเล่นหลุดยิ้มก่อนที่จะผละออกนิด พอให้ทั้งสองอยู่ในระยะที่สบตากันได้

“ก็เด็กดื้อบางคนชอบโกหก”

“ง่ะ ขอโทษครับ”

“แล้วปัญหาคือโกหกไม่เนียนด้วย”

“ฮืออออ”

“รู้ไหมว่าดินคิดไปไกลถึงไหนแล้ว หึงจนเป็นบ้า” อินยิ้มให้กับน้ำเสียงเง้างอนของอีกใฝ่าย ดีใจที่เด็กชายบดินทร์กลับมาแล้ว

“ขอโทษครับบ”

“แล้วยังให้มันกอดอีก...”

“...”

“อินเป็นของดินคนเดียว”

“อืม ให้ดินหมดเลย”

“...”

“อินขอโทษ..ดีกันนะ”

“มีอะไรต้องพูดกับดินตรงๆ นะ แบบนี้ดินไม่ไหวจริงๆ”

“โอเคครับ” ทั้งสองสวมกอดกันแน่น ต่างคนต่างต้องการซึบซับอารมณ์ตรงนี้ให้นานที่สุด ความรู้สึกหนักอึ้งจากการเก็บกั้นความรู้สึกค่อยๆ จางหายไป การแสดงออกให้อีกคนรู้ว่ารักแค่ไหนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่นอนว่าไม่มีสิ่งไหนสำคัญเท่ากับการกระทำที่อาจจะต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าคือการแสดงความจริงใจต่อกัน การพูดในสิ่งที่รู้สึก การแสดงตัวตนที่แท้จริง การเลือกที่จะเผชิญหน้าทุกสิ่งไปด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นโดยไม่โกหกหรือปิดบังความจริง อินยิ้มให้กับตัวเองรู้สึกอุ่นใจที่เราสองคนก้าวเข้าไปในความสัมพันธ์อีกขั้น ดินที่ยอมใจเย็นฟังเขาทั้งๆ ที่หัวร้อน กับเขาที่กล้าเปิดใจพูดในสิ่งที่คิด

โคร่กกก..

เมื่อสบายใจขึ้นเหมือนกระเพาะของดินจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ทั้งสองหัวเราะร่าให้กับเสียงประหลาดที่หลุดออกมา ความสบายใจครอบคลุมทั่วพื้นห้อง

“อยากกินอะไร เดี๋ยวอินทำให้นะ”

“แฮะๆ อยากกินสปาเกตตี้อีก”

“โอเคครับ”

อินเขย่งขึ้นไปจุ๊บปากคนตัวโต

“แล้ววันนี้ก็อยู่ค้างด้วยกันนะ” หน้าที่ขึ้นสีเรื่อเอ่ยออกมารัวๆ ก่อนจะผละออกไปทางห้องครัว ดินเบิกตามองตามอีกฝ่ายอย่างนึกอึ้ง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาให้กับคนนิ่งที่ซ่อนความขี้อ่อนไว้ในตัว

“จะทำให้รักไปถึงไหนนะ”





******************

ตอนนี้รีไรท์ไปสามร้อยรอบ ไม่รู้ว่ามันดูสมเหตุสมผลหรือเปล่าแต่ในที่สุดก็ตัดสินใจให้มันเป็นแบบนี้ หวังว่าจะชอบกันนะคะ ใกล้จบแล้วขอกำลังใจหน่อยยยยย ช่วงนี้เขียนไม่ค่อยออกเลย แงๆ ๆ















ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1: โล่งใจ เคลียร์ไปแล้ว 1 คู่

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เสียใจกับคนที่ส่งรูปภาพมาด้วยนะคิ้กค้ากเขายิ่งรักกันกว่าเดิม :katai3: สนุกมากๆเลยค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
20:00 ความรู้สึก

เสียงเพลงจังหวะสนุกดังคลอเคลียไปกับสายลมเย็นสบายยามเย็น ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงถูกแทนที่ด้วยดวงไฟเล็กๆ หลากสีสันที่ถูกตกแต่งไว้ตามพุ่มไม้บริเวณสวนหน้าบ้าน ลูกโป่งสีเทาอ่อนถูกประดับประดาไปทั่วบริเวณงานเลี้ยง วันนี้บ้านจัดสรรค์สองชั้นแห่งนี้ดูคึกครื้นกว่าปกติเพราะเป็นวันเกิดลูกชายคนเล็กของบ้าน ช่วงเที่ยงของวันดินไปฉลองวันเกิดกับพ่อแม่และพี่ชายของเขาที่ร้านอาหารประจำของครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ที่ไม่รู้ว่าเพราะอยากปล่อยให้ลูกได้สนุกสนานเต็มที่กับเพื่อนๆ หรือเพราะอยากหนีออกไปจู๋จี๋กันสองคนกันแน่ ถึงได้ถือโอกาสหนีไปเที่ยวเขาใหญ่กันตั้งแต่ช่วงบ่าย เหลือแต่พี่มิน พี่ชายของเขาที่อยู่ร่วมฉลองงานวันเกิดด้วย ในงานเต็มไปด้วยบรรดาเพื่อนฝูงของดินที่เริ่มทยอยกันมาแล้ว ด้วยความที่มีทั้งเพื่อนจากสมัยมัธยมและมหา’ ลัยมารวมกัน งานจึงดูคึกครื้นเป็นพิเศษ

“ไหน คนไหนที่อยากแนะนำให้พี่รู้จัก”

“นั่นไง นั่งอยู่ตรงนั้น” ดินใช้มือที่ถือแก้วเบียร์ชี้ไปทางที่คนรักนั่งอยู่ แอบยิ้มให้กับอีกฝ่ายเมื่อนึกถึงเมื่อเช้าที่คนบางคนทำตัวน่ารักจนเขาแทบอยากจะจับขังไว้ไม่ให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน

“อิน..”

ดินที่นั่งบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงชะงักเมื่อคนตัวเล็กที่อยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาเพียงตัวเดียวเปิดประตูห้องนอนเข้ามาพร้อมเค้กก้อนเล็กที่มีเทียนที่จุดไฟแล้วปักอยู่หนึ่งเล่ม เมื่อปิดประตูลง ขาเรียวก็ก้าวมาหาพร้อมเค้กในมือก่อนที่จะทรุดลงนั่งบนเตียงข้างเขา ยิ้มหวานถูกส่งมาให้พร้อมกับแววตาวาวไหว

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ...”

คำอวยพรยอดนิยมถูกเอ่ยออกมา ดินมองตามการขยับของริมฝีปากบางที่เคลื่อนไหวช้าเหมือนภาพสโลโมชั่น ดินนึกว่าเขาตื่นแล้วซะอีก แต่ภาพตรงหน้ามันดีเกินไปที่จะเป็นความจริง

“ขอบคุณนะที่เกิดมาให้อินรัก อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ”

ดินได้แต่อึ้งมองคนตรงหน้า นานเท่าไหร่แล้วนะที่คำอวยพรวันเกิดไม่ทำให้เขาใจเต้นแรงได้ขนาดนี้

“เอ้า เป่าสิ จะดับแล้วเนี้ย” อินส่งเสียงเตือนกล้ั้วหัวเราะเมื่อคนตรงหน้ายังมัวแต่มองเขาอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นดินจึงก้มลงทำท่าจะเป่าเค้กแต่ถูกอีกคนชักเค้กออกไปเสียก่อน

“อธิฐานก่อนสิ” อินหน้ามุ่ยทำเสียงดุใส่เจ้าของวันเกิด จนอีกฝ่ายได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอ

“ก็อินพูดไปแล้วนี่” อินเอียงคอเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด

“แค่ขอให้ได้อยู่แบบนี้กับอินไปเรื่อยๆ ดินก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว..”





“คนเสื้อขาวหรอ น่ารักดีว่ะ” ตาคมกริบหันขวับไปมองหน้าคนร่วมสายเลือดอย่างไม่เกรงกลัวว่าอีกคนแก่กว่า ก็พี่เขามันธรรมดาซะที่ไหน ชายก็ได้หญิงก็ดี เรียกว่าได้หมดถ้าสดชื่นตัวจริง

“เออๆ กูไม่ยุ่งหรอก แต่กูขอยุ่งกับเพื่อนเขาได้ไหม ที่นั่งติดกันน่ะ น่ารักฉิบหาย” ภูมินทร์รีบตบไหล่น้องชาย รู้ว่าไอ้ดินน่ากลัวแค่ไหนเวลาโมโห ตั้งแต่เกิดมามันไม่เคยบอกว่าจริงจังกับใครจนกระทั่งคนนี้ ขืนไปยุ่ง พ่อแม่เขาคงเหลือแค่ลูกชายคนเดียวแน่ๆ

“พี่มิน คนนั้นของน้อง” ไม่ใช่ดินที่ตอบกลับ มินหันหลังไปมองคนพูดที่ตอนนี้เอามือมาพาดไหล่เขาทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนหน้าถีบ เขายกยิ้มมุมปาก

“ไม่หวงสิครับคุณตั้งต้น” มินพูดดักคนที่เขารักเหมือนน้องชายอีกคน ก็รู้จักกันมาตั้งแต่ไอ้ดินเรียนมอต้น รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว หน้าอย่างมันไม่เกินสามวันก็เปลี่ยนคนใหม่ยังมีหน้ามาหวงอีก แต่ยิ้มเยาะได้ไม่นานมินก็ต้องชะงัก หรี่ตาข้างนึงพิจารณาหน้าอีกฝ่าย เมื่อตั้งต้นไม่ยอมยิ้มหรือเล่นมุกกลับมาสักที

“หรือมึงจริงจัง?” พูดเองก็ไม่เชื่อเอง คนอย่างมันเนี่ยนะจะจริงจังกับใคร

“พี่มินไม่เสือกดิ” ดินแทบจะสำลักเบียร์ที่กำลังดื่ม หลุดขำจนท้องแข็งเมื่อพี่ชายโดนเพื่อนสนิทตอกกลับ

“มึงพูดแบบนี้ ไม่ต้องเรียกกูว่าพี่หรอก”

“พูดเองนะมิน”

“ไอ้เหี้ยต้น ระวังเถอะ อย่างเผลอแล้วกันกูจะแย่งเด็กมึงมา”

“จะฟ้องแม่ว่าพี่มินแกล้งน้อง”

“สัด น่ารักตายแหละ ตัวเท่าควายแล้วมึงน่ะ”

“ต้น!”

เสียงเรียกจากคนที่อยู่ในบทสนทนาดังขึ้น ทำให้ต้นวางแก้วเบียร์ หันหลังไปดูก็เจออีกฝ่ายกวักมือเรียก เขาจึงลุกขึ้นจะเดินไปหา

“เหี้ย.. เรียกปั๊บขยับปุ๊บ ของตายชัดๆ เสียชื่อฉิบหาย”

“ไม่มีแล้วอิจฉาทำไม ภูมินทร์”

“มึงระวังเถอะ อย่าเผลอแล้วกันเดี๋ยวเจอกูตีท้ายครัว”

ต้นหัวเราะเดินตรงไปหาคนที่เรียกเขา นั่งลงตรงพนักเก้าอี้ของเจ้าตัวก่อนที่จะโน้มลงหอมแก้มหนึ่งที เขาเงยหน้าไปยักคิ้วให้พี่ชายเพื่อนเกมือนอวด มินเอามือตบหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม

หมดกันไอ้ต้นคนคูล หวงอย่ากับหมาเฝ้าเจ้าของเลยนะมึง

“มีไรครับน้องกี หรือว่าคิดถึงต้นหรอ”

“คนปากหมา”

“ห๊ะ” คนอารมณ์ดีหุบยิ้มฉับ งุนงงที่อยู่ๆ ก็โดนด่า

“ไหนบอกจะไม่เล่าให้ดินฟัง”

“เล่าอะไร” ต้นยังทำหน้างง

“ก็เรื่องที่ไปเจออินที่ร้านอาหาร”

“ไม่ได้เล่าเลยนะ ก็กีบอกจะคุยกับอินเองนี่”

“อ้าว แล้วใครบอกดินล่ะ” เมื่อต้นปฎิเสธเสียงแข็ง กีก็ทำปากยื่นขมวดคิ้วแน่น พร้อมใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง พออินมาเล่่าให้ฟังว่าดินรู้แล้ว เขาก็คิดว่าต้นเป็นคนเล่าซะอีก นอกจากมันจะเป็นใครไปได้ คิดไปคิดมากีก็ดีดนิ้วเสียงดัง ตาโตเบิกกว้างเมื่อมีบางคนแล่นเข้ามาในหัว

“ต้องใช่แน่ๆ!!!” กีโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“อะไรมึง” อินถามเมื่อแอบตกใจที่จู่ๆ มันก็ตะโกนออกมา

“ต้องเป็นทิวแน่ๆ!! วันนั้นนัดเจอกันที่ห้างนั้นพอดีนี่” กีเม้มปากแน่นอย่างหมั่นไส้อีกฝ่ายขึ้นมาจับใจ จ้องไปหาคนที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนสมัยมอปลายของดิน ซึ่งส่วนใหญ่เขาเคยเจอมาหมดแล้วตอนที่ไปทะเลด้วยกัน

“หึ ขี้อิจฉาอย่างกับตัวร้ายในละคร ไหนบอกว่าไม่มีอะไรไง ดูทำแต่ละเรื่อง” กีว่าขึ้น ประโยคหลังหันไปกระแนะกระแหนคนตัวโตที่ดูจะปกป้องทิวซะเหลือเกิน

“ช่างมันเถอะมึง ยังไงกูก็เคลียร์กับดินแล้ว” อินว่าต่ออย่างใจเย็น ไม่ว่าใครจะเป็นคนมาเล่า แต่คนที่ผิดก็คือเขาเอง เขาควรบอกดินแต่แรก

“มึงก็นางเอกละคร ยอมอย่างกับทาสเรือนเบี้ย” กีกระแนะกระแหน่เพื่อนสนิท อินทำได้แต่นั่งขำให้กับท่าทางของคนขี้โวยวาย กียังไม่หยุดพยายามกระตุ้นให้เพื่อนโมโหซำ้แล้ซ้ำเล่าแต่เมื่ิอมันยังนั่งใจเย็นเขาก็หันไปเล่นงานต้นแทน แต่นอกจากคนตัวโตจะไม่โกรธ กลับเป็นกีซะเองที่โดนทั้งสองรุมแกล้งจนโวยวายไม่หยุด

“ไอ้แทนมันเรียกแล้ว ต้นต้องไปเตรียมตัวก่อนนะ” ต้นหอมแก้มกีฟอดใหญ่ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนสนิทที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับเล่นสดคืนนี้ ดินเองก็เดินเข้ามาช่วยเพื่อนจัดการความเรียบร้อย ทั้งสามง่วนจัดแจงทุกอย่างก่อนที่จะเริ่มเล่นดนตรีตามกำหนดการตอนสองทุ่ม

“มึงจะเอาอะไรไหม กูจะไปตักของกินหน่อย” กีเอ่ยขึ้นขณะที่จะลุกไปตักอาหารที่จัดไว้ด้านใน

“ขอเบียร์อีกขวดดิ”

“เคร เดี๋ยวกูมา”

อินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นระหว่างรอเพื่อน เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเกากีต้าร์ดังขึ้นมา เป็นตั้งต้นที่เอ่ยพูดขึ้น

“สวัสดีครับทุกคน ขอบคุณที่มาร่วมงานวันเกิดของเพื่อนรักของผมนะครับ วันนี้ผมกับแทนจะมาเปิดคอนเสิร์ตเล็กๆ อยู่เป็นเพื่อนทุกคนนะครับ อยากได้เพลงไหนรีเควสกันมาได้เลยน้า แต่ว่าสำหรับเพลงแรกผมขอเชิญเจ้าของงานมาร้องเพลงที่มันอินที่สุดก่อนคร้าบบ”

ว่าแล้วคนพูดก็ผายมือไปทางดิน ให้เจ้าตัวต้องเดินมานั่งที่เก้าอี้ว่างหยิบไมค์ขึ้นมา ต้นจับคอกีต้าร์โปร่งมั่นและเริ่มบรรเลงอินโทรเพลงรักมือสองขึ้นมา อินยิ้มให้กับภาพตรงหน้า คิดถึงวันที่ร้านล่องลอยที่เขาทำใจกล้าเดินไปขออีกฝ่ายเป็นแฟน ฉีกยิ้มกว้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอสั้นๆ ลงสตอรี่ เขาไม่ได้ถ่ายคนบนเวที ทัั้งคลิปมีเพียงลูกโป่งสีเทาที่สั่นไหวไปมาตามลม มีเสียงร้องอบอุ่นและเสียงกีต้าร์โปร่งเป็นพื้นหลัง อินเขียนข้อความสั้นๆ บนนั้นก่อนที่จะอัพเผยแพร่มันออกไป

‘วันสำคัญของคนสำคัญ’

“นั่งด้วยนะ” เสียงเล็กว่าขึ้นทำให้อินเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ คนขออนุญาตไม่รอฟังคำตอบทรุดตัวนั่งกอดอกแน่นตรงที่ว่างข้างๆ เขา หน้าตาบึ้งตึงดูไม่เป็นมิตรอย่างเคย อินลอบมองอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่มีท่าทีจะพูดอะไรออกมา อินเลยมองตามสายตาของฝ่ายนั้น แล้วก็พบว่ามันไปจบลงที่คนที่กำลังร้องเพลง เขาหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ถ้ามองไม่ผิดเขาเห็นตากลมโตของอีกฝ่ายวาววับเรื่อน้ำเหมือนพยายามจะกลั้นน้ำตา อินอยากจะทักแต่เหมือนเจ้าตัวหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง อินเลยละความสนใจจากอีกคนหันกลับไปมองวงดนตรีแทน

“ปีหน้าเราจะไม่จัดงานวันเกิดให้ดินแล้วนะ” จู่ๆ ทิวก็โผล่งขึ้นมาเรียกความสนใจอินกลับมาอีกครั้งให้อินมองหน้าคนพูด

“เมื่อก่อนเพราะดินไม่มีแฟนเราเลยเป็นธุระให้ แต่จากนี้ต่อไปมันก็ควรเป็นหน้าที่นาย”

“...”

“ทำได้หรือเปล่า” อินที่ยังงงๆ อยู่พยักหน้ารับ

“ไม่ได้อยากยอมรับหรอกนะ แต่เราทำได้ทุกอย่างให้ดินมีความสุข แล้วถ้าความสุขของดินคือนาย ถึงจะไม่อยาก แต่เราก็ต้องปล่อยดินไป”

“...”

“ฝากดูแลเขาด้วยนะ รักเขาให้มากกว่าที่เรารักแล้วกัน ทำได้ไหม”

คนตรงหน้าหันมาสบตา ประโยคที่พูดออกมาไม่มีความอ่อนโยนในน้ำเสียง แต่แววตาที่ส่งมาแสดงความจริงใจและจริงจังที่สุด เขารู้ว่าอีกฝ่ายรักคนของมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าความรักของเขาแพ้ใครเหมือนกัน

“เราจะไม่มีวันทำให้ดินเสียใจ” อินพูดได้แค่นั้น เขาไม่คิดจะบอกอีกฝ่ายหรอกว่าเขารักดินมากกว่าอยู่แล้วทั้งๆ ที่ใจคิดแบบนั้น การที่คนตรงหน้ายอมมาพูดอะไรแบบนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวก็รักดินมากไม่แพ้ใคร ความรักที่รักมากเกินไปจนไม่อาจเห็นแก่ตัวรั้งคนคนนั้นไว้กับตัวเอง ความรักที่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปมีความสุขทั้งๆ ที่ตัวเองต้องทนเจ็บปวด

“ก็ลองทำสิ เราไม่ปล่อยนายไว้แน่” อินหัวเราะร่าออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เขานึกเอ็นดูอีกฝ่ายขึ้นมาทันที เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมดินถึงยอมให้อีกคนวนเวียนอยู่รอบตัวแบบนี้ ท่าทางที่ดูร้ายๆ แต่เอาเข้าจริงอีกฝ่ายดูจะเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายกว่าใคร

“ขอบใจนะ” อินว่าขึ้น

“เรื่อง?”

“ก็ที่ยอมรับเรา เราอยากเป็นเพื่อนกับทิวนะ”

ทิวเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อสิ่งที่หูได้ยิน หน้าตาที่ดูบึ้งตึงของเขากลับยิ่งดูประหลาดมากขึ้นเมื่อพยายามกลั้นยิ้ม จนในที่สุดก็ตัดสินใจเลิกล้มทิฐิทั้งหมด อย่างนี้สินะดินถึงรักคนนี้..

“ก็ได้..” อินฉีกยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบ

“แล้วเราจะเล่าเรื่องสมัยมอปลายของดินให้ฟัง อือฮือไม่เหมือนตอนนี้สักนิด”

“ยังไงหรอ” อินเขยิบเข้าหาอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ

“ตอนนั้นทั้งดินทั้งต้นร้ายจะตาย ขนาดเราไปป่าวประกาศว่าดินเป็นแฟนนะ ยังไม่มีใครสนเลย แล้วมาดูตอนนี้สิ อย่างกับพ่อบ้านใจกล้า” อินหลุดขำพรืดออกมา ลอบมองคนที่ถูกนินทาแล้วยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่ในใจ

“นี่มาหาเรื่องกันถึงนี่เลยหรอ!” ทั้งสองคนหันไปตามเสียงดังจากคนที่มายืนค้ำโต๊ะ เห็นกีที่ถือเบียร์สองขวดกับของกินเล่นอีกหนึ่งจานในมือมองมาด้วยแววตาจะกินเลือดกินเนื้อ

“กีมานั่งก่อนมึง” อินรีบลุกขึ้นยืนช่วยเพื่อนถือของในมือ ก่อนที่จะดึงอีกฝ่ายให้มานั่งลงตรงที่ว่างอีกข้างของตน กียังไม่ยอมละสายตาจากคนที่มาใหม่ ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมเมื่อทิวกลอกตามองบนใส่

“มันมาหาเรื่องมึงหรอไอ้อิน”

“เปล่า กูคุยกันดีแล้ว”

“ดีเชี่ยอะไรกูไม่เชื่อ”

“ตอนนี้กูกับทิวเป็นเพื่อนกันแล้ว”

“ห๊ะ มึงจะบ้าหรอไอ้อิน มึงจำไม่ได้หรอว่ามันเพิ่งทำอะไรไว้”

“เราทำอะไรให้หนักหนา โวยวายอยู่ได้” ทิวพูดขึ้นมา เขาไม่ใช่คนเงียบๆ ที่จะยอมโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวอยู่แล้ว

“พอเห็นไอ้อินไปกินข้าวกับคนอื่นก็รีบเอาไปตีไข่ใส่สีให้แฟนเขาฟัง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง แบบนี้จะให้เรียกว่าไง”

“ตีไข่ใส่สีอะไรว่ะ ไม่ได้ทำ มากล่าวหาอะไรกันเนี้ย” ทิวเริ่มโมโห

“ไม่ได้ทำอะไร ถ้านายไม่ได้เล่าแล้วใครเล่า”

“จะไปรู้หรอ แล้วนายไปกินข้าวกับใคร” ทิวหันไปมองอินทันทีอย่างจับผิด นี่เพิ่งพูดไปหยกๆ ถ้ามานอกใจดินพ่อจะจับตบตรงนี้เลย

“แฟนเก่า..มีเรื่องต้องเคลียร์กันเฉยๆ เล่าให้ดินฟังหมดแล้ว” อินรีบแก้ตัวกับอีกฝ่ายเมื่อโดนมองตาขวางแบบนั้น

“อ้าว แล้วสรุปใครพูดว่ะ”

“ช่างมันเถอะกี กูบอกแล้วไงว่ากูเคลียร์กับดินแล้ว แบบนี้ดีซะอีก ไม่ต้องมีอะไรปิดบังกัน” อินพยายามปลอบเพื่อนที่ยังหงุดหงิดแทนเขา เจ้าตัวยอมอ่อนลงเมื่ออินใช้มือลูบไปตามแขนอีกฝ่าย

“เออ ก็ถ้ามึงว่างั้น”

“แล้วนี่ทิวกำลังเล่าเรื่องตอนมอปลายอยู่เลย มึงอยากฟังเรื่องต้นไหม”

กีหูผึ่งขึ้นมาทันที สายตาที่ไม่เป็นมิตรค่อยๆ มลายหายไป ทิวที่นิสัยโกรธง่ายหายเร็วเหมือนกันก็ยกยิ้มตั้งหน้าตั้งตานินทาสองคนที่กำลังแสดงคอนเสิร์ตอย่างออกรส

.

.

.

.

.

.

บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างสนุกสนาน ดินเดินทักทายเพื่อนๆ ทั่วทัั้งงานก่อนที่สุดท้ายจะมานั่งข้างแฟนตัวเอง เมื่อกีเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ได้อยู่คนเดียวจึงผละไปช่วยหมีพูห์ที่โดนทิวจับให้เป็นช่างภาพจำเป็นประจำงาน ทั้งสองวุ่นไปกับการถ่ายภาพรอบๆ งาน แต่เหมือนกีจะเน้นหนักไปที่นักร้องกับมือกีต้าร์ซะเป็นส่วนใหญ่

“เบื่อไหม ดินไม่ค่อยได้มานั่งด้วยเลย”

“หือ ไม่เบื่อหรอก คนรู้จักเยอะแยะ”

“เห็นทิวมานั่งด้วย”

“อืม ลูกน้ำเพิ่งมาเรียกไปเมื่อกี้”

“ไม่มีอะไรใช่ไหม” ดินถามยั่งเชิง เขาแอบหวั่นๆ กลัวทิวจะมาทำให้อินคิดมากอีก

“แล้วมีอะไรหรือเปล่าล่ะ” อินย้อนถามตามใสทำให้ดินรีบตอบกลับเสียงหนักแน่น

“ไม่มี แลละก็ไม่เคยมีด้วย”

“งั้นก็ไม่มีอะไร” อินยิ้มวางมือลงบนหลังมืออีกฝ่าย ลูบไล้ไปมาแผ่วเบา

“เอาล่ะครับ เพลงสุดท้ายของผมก็จบไปแล้ว ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาทั้งคืน หวังว่าจะชอบกันนะครับ เจอกันใหม่งานหน้านะครับ” เสียงปรบมือพร้อมเสียงผิวปากดังกระหึ่มทั่วงานแสดงความขอบคุณที่ทั้งสองคนช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ภายในงานมาตลอดสองชั่วโมง

“สำหรับเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ ผมขอยกพื้นที่ตรงนี้ให้กับแทนคุณและแขกรับเชิญพิเศษ ไหน นั่งอยู่ตรงไหน แสดงตัวหน่อยครับ” คนในงานหันซ้ายหันขวามองหาคนที่ถูกกล่าวถึง

อินเม้มปากแน่นทำใจลุกขึ้นยืน ทำท่าลังเลจนต้นทนไม่ได้รีบเดินคว้ามืออีกฝ่ายไปนั่งเก้าอี้แทนเขา อินใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเมื่อคนรอบข้างโห่ร้องปรบมือ เหลือบไปมองหน้าเจ้าของวันเกิดที่ยังยืนตะลึงก็ยิ่งหน้าแดงผ่าว อยากหนีออกไปจากตรงนี้ซะเดี๋ยวนี้

“เปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ทันแล้วนะ” แทนว่าขึ้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง

“อย่าคาดหวังมากนะครับ คนมีแฟนเป็นนักร้องใช่จะร้องเพลงเพราะทุกคน” แทนที่เริ่มต้นเกากีต้าร์ยังคงปล่อยมุกเรียกเสียงฮา หวังให้อินผ่อนคลายมากกว่าเดิม

“เอ่า ก่อนจะเริ่มเพลงสุดท้าย มีอะไรจะพูดหรือเปล่าครับอิน”

“กะ..ก็ขอโทษทุกคนล่วงหน้านะครับ ช่วยทนฟังเสียงประหลาดๆ ของผมหน่อยแล้วกัน” อินเอ่ยขึ้นกล้าๆ กลัวๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนรอบตัว

“ถ้าตั้งต้นที่ไม่ได้ซ้อมเลยทำได้ อินที่แอบหลบแฟนไปซ้อมแทบเป็นแทบตายต้องทำได้อยู่แล้ว” แทนเอ่ยออกมาทีเล่นทีจริง หันมาขยิบตาให้คนที่เริ่มหายประหม่าแล้วหนึ่งที เจ้าของวันเกิดถึงบางอ้อขึ้นมาทันที ความสงสัยว่าคนของเขาหายหน้าหายตาไปไหนช่วงก่อนหน้านี้ได้รับคำตอบแล้ว

“ยังไงก็ขอให้เจ้าของวันเกิดมีความสุขมากๆ อยู่ฉลองด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะครับ” อินว่าขึ้นในขณะที่สบตากับดิน แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักถูกส่งมาให้กันและกันอย่างไม่คิดปิดบังในขณะที่แทนเริ่มเข้าอินโทรเพลงและเอ่ยร้องนำท่อนแรกให้อิน

เคยคิดว่าฉันรู้จักกับความรัก

เคยคิดว่าฉันเข้าใจเป็นอย่างดี

แต่แล้วก็ต้องเจ็บทุกที

เมื่อสิ่งที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่

แทนส่งสัญญาณให้อินเป็นฝ่ายร้องต่อ อินที่เริ่มรวบรวมสติได้แล้ว ก็ค่อยๆ ร้องเข้าจังหวะอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเริ่มร้องอย่างมั่นใจมากขึ้น

จนคิดสงสัยจะมีจริงไหม

คนที่ตามหาที่เกิดมาคู่เรา

แต่แล้วฉันก็ได้คำตอบ

เมื่อฉันได้เจอกับเธอในวันนี้

เขาแค่อยากร้องไปตามความรู้สึก อยากบอกให้อีกคนได้รับรู้ถึงความจริงที่อยู่ในใจของคนที่ไม่ค่อยแสดงออกคนนี้

ต้องขอบคุณเธอที่ทำวันนี้ให้งดงาม

ขอบคุณเธอที่เปลี่ยนชีวิตที่ฉันมี

ไม่เหมือนเดิม

เพราะเธอทำให้ฉันรู้สึก

ความรักที่ฉันไม่เคยรู้สึก

ส่วนลึกที่ใจไม่เคยค้นเจอ

จนได้พบเธอในวันนี้

เพราะเธอทำให้ฉันรู้จัก

ความรักที่ฉันไม่เคยสัมผัส

และขอสัญญาว่านับต่อจากนี้

จะรักเธอทุกๆ วินาที

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ต่อไปจากนี้จะเป็นแบบไหน

เส้นทางที่เดินลำบากสักเท่าไหร่

แต่ฉันจะไม่หวั่นไหว

แค่เพียงมีเราด้วยกันอยู่ตรงนี้

ต้องขอบคุณเธอที่ทำวันนี้ให้งดงาม

ขอบคุณเธอที่เปลี่ยนชีวิตที่ฉันมี

ไม่เหมือนเดิม

เพราะเธอทำให้ฉันรู้สึก

ความรักที่ฉันไม่เคยรู้สึก

ส่วนลึกที่ใจไม่เคยค้นเจอ

จนได้พบเธอในวันนี้

เพราะเธอทำให้ฉันรู้จัก

ความรักที่ฉันไม่เคยสัมผัส

และขอสัญญาว่านับต่อจากนี้

จะรักเธอทุกๆ วินาที

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ต้องขอบคุณเธอที่ทำวันนี้ให้งดงาม

ขอบคุณเธอที่เปลี่ยนชีวิตที่ฉันมี

ไม่เหมือนเดิม

อินใจเต้นแรงเมื่อดินเดินเข้ามาใกล้ สายตาของอีกฝ่ายจับจ้องอยู่ที่เขาไม่วางตาจนหน้าเล็กขึ้นสีแดงเรื่อ จู่ๆ อากาศเย็นสบายยามค่ำคืนก็ร้อนเรียกเหงื่อขึ้นมาฉับพลัน ดินยิ้มให้กับท่าทางเก้กังของคนตรงหน้าก่อนที่จะยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้ อินรับไปเปิดออกก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะร้องท่อนสุดท้ายไม่เป็นภาษา

เพราะเธอทำให้ฉันรู้สึก

ความรักที่ฉันไม่เคยรู้สึก

ส่วนลึกที่ใจไม่เคยค้นเจอ

จนได้พบเธอในวันนี้

เพราะเธอทำให้ฉันรู้จัก

ความรักที่ฉันไม่เคยสัมผัส

และขอสัญญาว่านับต่อจากนี้

จะรักเธอทุกๆ วินาที

จะรักเธอทุกวันนับจากนี้

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“น่ารักขนาดนี้ อิจฉาแฟนคุณนักร้องจังเลยครับ”





*****************

เครดิตเพลง; ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึก - Getsunova

เวลาเขารักกันเราจะแต่งได้เร็ว มาม่าเมื่อไหร่แก้ไปสองร้อยรอบ 5555

เอ๊ะๆ เห็นพี่แทนคนอบอุ่นกับน้องหมีพูห์ไหมมมมม อย่าลืมไปกดตามไว้นะคะ เรื่องนี้มาแน่นอน!



ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักมากๆเลยค่ะ :katai2-1:  :-[ แล้วใครเป็นคนถ่ายรูปล่ะทีนี้

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :o8: น่าอิจฉา ในที่สุดก็หวานทั้ง 2 คุ่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อินน่ารัก ทุ่มสุดตัวเพื่อเซอร์ไพรส์ดิน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีใจที่รับฟังกันไม่ทะเลาะกัน หวานๆไป

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
………


ชอบนะ ติดงอมเลย อ่านรวดเดียว สามชั่วโมง

ตั้งแต่ตอน 0.00 จนถึง22.00 สนุกทุกตอน

น่ารักทั้งคู่หลัก คู่รอง และคู่หน้า 5555


 :give2: :o9: :haun5: :interest: :teach: :give2: :o9: :haun5: :interest: :teach:


…………




ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
20:30 ตุ๊กตาหมี





“อินอิน”

“...”

“กิตดีใจนะ ที่อินอินนัดมาเจอกันวันนี้”

น้ำเสียงทุ้มอ่อนนุ่ม สายตาแห่งความหวังดีที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ความอุ่นซ่านแผ่เข้ามาในหัวใจ อินรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปตอนอายุสิบสี่อีกครั้ง วันที่เคยรู้สึกว่ากิตคือโลกทั้งใบ วันที่ไม่อาจจะคิดถึงตัวเองที่อยู่โดยปราศจากคนตรงหน้า เขาคิดอยู่แล้วว่ามันคงไม่ง่ายถ้าจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะยากกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ

“อินก็ดีใจที่กิตยอมมาเจอ”

วันนั้นที่ตัดสินใจปลดบล๊อคทุกอย่าง ไม่นานคนตัวโตก็ส่งข้อความเข้ามาทางไลน์ ทุกตัวอักษรที่แสดงว่าเจ้าตัวทุกข์ทรมานแค่ไหนมันทำให้อินใจสั่น เขารู้ตัวแล้วว่าคนคนนี้ยังคงสำคัญสำหรับเขาเสมอ อินไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องทุกข์ใจ โดยเฉพาะถ้ามันจะมีสาเหตุมาจากเขา

“สั่งอาหารกันก่อนเนอะ”

“อินอินรู้ว่ากิตชอบอะไร”

“...”

“สั่งให้หน่อยได้ไหม” อินเงยหน้าจากเมนู จ้องอีกคนที่พูดแฝงความใน นี่ก็คงเป็นเหตุผลนึงที่อีกฝ่ายเลือกร้านที่เราเคยมาประจำสินะ อินถอนหายใจอย่างหนักใจก่อนที่จะเอ่ยกับบริกรที่มารอรับออเดอร์

“งั้นเอาชุดทีโบนพริกไทยดำ 2 ที่ครับ” อินสั่งของทอดอีกสองสามอย่างพร้อมเครื่องดื่มก่อนที่จะปิดเมนูและยื่นกลับให้บริกร ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินจากไป

“อินอินยังรู้ใจกิตเหมือนเดิม”

“ก็กิตเล่นสั่งแต่เมนูนี้นี่น่า”

“อืม กิตยังเหมือนเดิมทุกอย่าง”

“...”

“ยังชอบเหมือนเดิม ยังรักเหมือนเดิม...”

คนตัวโตเอื้อมมือที่อยู่ข้างกันมาวางทับบนมือเขา อินชะงักกับการกระทำของอีกฝ่าย ทำอะไรไม่ถูก สิ่งเดียวที่สามารถประมวลผลออกมาได้คือตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคนคนนี้ต้องการจะกลับมาหาเขาจริงๆ

“กิตเลิกกับเจแล้วนะ”

“อินรู้แล้ว..” คนตัวโตเบิกตากว้างอย่างงุนงันเมื่อคนฟังที่ดูไม่มีอาการตกใจตอบกลับมาแบบนี้

“อินเจอกับเจตอนไปที่คณะเป็นเพื่อนดิน”

“...”

“เจเล่าให้ฟังทั้งเรื่องตอนนี้ ทั้งเรื่องในอดีต เรื่องที่ทำให้เราเลิกกัน”

“เจเล่า..” กิตลังเลที่จะถามต่อ

“อือ แม้แต่เรื่องที่พยายามฆ่าตัวตาย”

บรรยากาศรอบตัวเขาทั้งสองอึมครึมขึ้นมาทันที ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดจนไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ

“ไม่ว่าเจจะว่ายังไง เรื่องทั้งหมดมันก็ผิดที่กิตเอง” เป็นกิตที่เอ่ยออกมาก่อนเมื่อทั้งคู่เริ่มกินอาหารบนโต๊ะ

“กิตปล่อยตัวปล่อยใจ ทั้งๆ ที่มีอินอยู่แล้ว กิตไม่ควรจะไปให้ความหวังเขาแบบนั้น”

“ดีใจที่กิตคิดแบบนั้น” อินที่กลืนเนื้อลงคอไปแล้วเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ มุมปาก

“เพราะอินก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” การที่กิตยอมรับในความผิดตัวเองได้แบบนี้ ในฐานะคนเคยรักกันเขาก็อดภูมิใจแทนเจ้าตัวไม่ได้

กิตโตขึ้นกว่าตอนนนั้นแล้ว

“แล้วตอนนี้เลิกกันทำไม” อินถามต่อ

“เจเป็นคนขอเลิกเอง”

“เพราะเจคิดว่ากิตไม่เคยรักเจน่ะสิ”

“..เจคิดว่ากิตลืมอินไม่ได้..”

“แล้วจริงไหม..” คนตัวโตพยักหน้า

“กิตลืมอินไม่ได้..” กิตยอมรับแต่โดยดี

“แล้วกิตรักเจไหม..”

“...” อินถอนหายใจหนัก มองคนที่ยังก้มเขี่ยอาหารไปมาไม่ยอมสบตาเขา อินวางมีดและส้อมไว้คู่กันในจาน ก่อนจะแกะกระดาษเปียกมาเช็ดปากจนสะอาด

“กิต อินมีแฟนใหม่แล้วนะ” ร่างโตหันขวับขึ้นมาสบตากันทันทีที่ได้ยิน อินส่งยิ้มบางให้อีกฝ่ายก่อนจะว่าต่อ

“อินมีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง..นั่งฟังย่อยอาหารแล้วกันเนอะ”

เมื่อคนตัวโตไม่พูดอะไรอินจึงเริ่มเล่าเรื่องที่อยู่ๆ ก็เข้ามาในหัวออกมา

“อินจำช่วงวันหยุดหน้าร้อนตอนอินจบปอสี่ได้แม่นเลยนะ แม่พาอินไปเที่ยวบ้านตากับยายที่ปากช่อง”

อินเริ่มเล่าความทรงจำในวัยเด็กที่เขาจำได้ขึ้นใจ มันเป็นหน้าร้อนที่เขาไม่เคยลืม

“ตอนนั้นอินมีตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งที่อินรักมาก เอาไปไหนมาไหนด้วยตลอด ไม่ว่าจะออกไปเล่นที่ไหนอินก็จะเอามันไปด้วย เวลานอนก็นอนด้วยกัน จำได้ว่าติดมันขนาดแม่จะเอาไปซักอินก็ไม่ยอม จนมันตัวสกปรกไปหมด จนตอนนั้นแม่ตั้งชื่อมันว่ามอมแมม” อินยิ้มหัวเราะให้กับภาพความทรงจำในอดีตที่หวนกลับมา สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเจ้าหมีสีน้ำตาลที่ครั้งหนึ่งเขาลืมสัมผัสนั้นไปแล้ว

“จนวัันนึงอินออกไปเล่นในสวนกับลูกพี่ลูกน้อง แน่นอนว่าในมือถือเจ้ามอมแมมติดไปด้วย วิ่งเล่นไปสักพักแขนของมันก็ไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ใหญ่ พออินพยายามดึงมันมา แขนมันก็ขาดวิ่นออกไปเลย”

“...”

“อินร้องไห้อยู่หลายวันจนยายทนไม่ไหวซื้อตุ๊กตาตัวใหม่มาให้ มันเป็นตุ๊กตาที่น่ารักและตัวใหญ่กว่าเจ้ามอมแมมมาก อินยังจำความตื่นเต้นที่เห็นมันครั้งแรกได้เลย มันกลายเป็นตุ๊กตาตัวโปรดตัวใหม่ของอินอย่างไม่ต้องสงสัย”

“แล้วอินอินตั้งชื่อมันว่าอะไร” อินเงยหน้ามาสบตาคนข้างตัว เมื่ออีกฝ่ายถามพร้อมส่งยิ้มใจดีมาให้

“มูมมาม” กิตหัวเราะหึในลำคอกับชื่อตุ๊กตาตัวใหม่ของอิน

“วันที่สองที่ได้มันมา เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้น ตอนที่ตาพาอินไปให้อาหารม้า ม้างับดึงจนขามูมมามขาดไปข้างนึงเลย อินยังช๊อคไม่หาย ภาพติดตามาก”

“...”

“อินร้องไห้ตลอดทางกลับบ้าน คิดว่าทำไมมีแต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง รู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด แต่พออินกลับไปถึงบ้าน ความคิดของอินก็เปลี่ยนใหม่ไปทั้งหมด กิตรู้ไหมว่าอินเจออะไร” คนตัวโตส่ายหน้าเป็นคำตอบ รอคอยสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังจะกล่าวต่อไป

“มอมแมม”

“..มอมแมม?”

“อืม.. ลูกพี่ลูกน้องอินเอามอมแมมกลับไปบ้าน ให้แม่เย็บแขนให้ ซักมันจนสะอาดเหมือนใหม่แล้วยังเย็บเสื้อผ้าให้มันด้วย”

“...”

“กิตรู้ไหมว่าตอนนั้นอินโกรธแค่ไหน อยากจะบอกออกไปว่ามันเป็นตุ๊กตาของอิน อยากแย่งมันกลับมาแต่ก็โดนแม่ห้ามไว้ วันนั้นอินจำได้ว่าอินร้องไห้จนหลับไปเลย”

“แล้วอินอินทำยังไง..”

“แล้วกิตคิดว่าไง อินควรทำยังไง”

คนฟังพยายามคิดตาม เขาก็ไม่แน่ใจว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไรเหมือนกัน

“แม่อินบอกว่า ถ้าเรารักสิ่งใดเราก็ต้องดูแลสิ่งนั้นให้ดี อินไม่มีสิทธิ์ในตัวมอมแมมอีกแล้วเพราะอินเป็นคนทิ้งมันเอง”

“...”

“กิตรู้ไหม พออินลองคิดตาม แม่พูดถูกทุกคำ มอมแมมวันนั้นน่ารักมาก มันอยู่ในชุดกะลาสีเรือสีขาวคาดฟ้า เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน มันดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเปลี่ยนไปมากจนไม่เหมือนตุ๊กตาของอินเลยด้วยซ้ำ”

“...”

“ถ้ายังไม่รู้จักดูแลมันให้ดี อินก็ควรปล่อยให้มันไปเจอเพื่อนที่ดีกว่าไม่ใช่หรอ”

คนที่ฟังเรื่องราวจากปากคนตัวเล็กอย่างตั้งใจมาตลอดได้แต่รู้สึกเจ็บในอก สิ่งที่อินต้องการจะสื่อออกมามันชัดเจนจนไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และดันทุรังต่อไปได้ เมื่อเรียบเรียงความคิดในหัวได้ดีแล้ว กิตก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยมันออกมาช้าๆ ยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสมเพศตัวเองก่อนที่จะเอื้อมมือไปวางบนกลุ่มผมนุ่มของคนร่างเล็กเบาๆ

“มอมแมมของกิตเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ” มือใหญ่ลูบไปมาอย่างนึกเอ็นดูคนเคยคุ้นเคยที่วันนี้ดูมีความมั่นใจ กล้าพูดในสิ่งที่คิด ไม่มีอีกแล้วอินอินที่คอยหลบอยู่ข้างหลัง คนที่ต้องรอให้เขาคอยยื่นมือไปช่วยอยู่เสมอ

“...”

“อยากให้อินอินรู้ว่ากิตเสียใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถ้าเลือกได้กิตจะไม่ยอมให้ใครเข้ามา กิตจะไม่มีวันทำลายความรักของเรา”

อินเอื้อมไปจับมือที่ลูบหัวเขามาถือไว้ด้วยสองมือ ลูบไล้ไปมาอย่างรักใคร่

“ถึงมอมแมมจะมีเพื่อนใหม่ แต่มอมแมมก็ไม่เคยลืมเพื่อนเก่านะ” คนตัวเล็กพูดกลั้วหัวเราะ ยกยิ้มกว้างให้คนตัวโตที่นั่งนิ่งอยู่ เขาเคยบอกกิตว่าสำหรับกิต เขาเป็นอะไรก็ได้ ในฐานะใดก็ได้ วันนี้มันก็ยังเหมือนเดิม เขายังมีแต่ความหวังดีให้กับคนตรงหน้าเสมอ นอกจากฐานะแฟนแล้ว เขายังเป็นอะไรก็ได้ที่อีกคนต้องการ กิตนั่งนิ่งมองอีกฝ่ายอย่างลืมหายใจเมื่อได้ยินคำที่อีกคนกล่าว

เขาเสียดาย...อินช่างแสนดีจนน่าเสียดาย..

เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากนั่งด่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อินดีใจนะที่ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน อินขอบคุณกิตมากเลยนะที่กิตเคยดูแลอินมาตลอด เรื่องไหนที่ไม่ดีก็ให้มันผ่านไปเนอะ”

“อิน...” อินหยิบกระเป๋าสะพายหลังมาไว้บนตัก เปิดกระเป๋าหยิบถุงสีน้ำตาลออกมายื่นให้กิต

“อ่ะ ของขวัญวันวาเลนไทน์ พอดีเลิกกันก่อนเลยไม่ได้ให้” คนตัวเล็กพูดทีเล่นทีจริง กิตตาโตเบิกกว้างเอื้อมไปรับก่อนที่จะเปิดถุงดึงของที่อยู่ข้างในออกมา เมื่อเห็นชัดๆ จึงรู้ว่ามันคือผ้าพันคอไหมพรมสีแดงเข้ม

“อินถักเอง ชอบไหม” อินถามออกไปด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า อินไม่เคยลืมความรู้สึกที่ถูกใส่ลงไปในขณะที่ถักแต่ละแถว อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่แสดงถึงความรักที่เขาเคยมีให้กับคนคนนี้ ไม่ทันตั้งตัวอีกฝ่ายก็โผตัวเข้ามารัดเขาแนบแน่น

“อินอิน.. กิตขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” น้ำเสียงสั่นเครือกระซิบข้างหู ตลอดเวลาที่คบกันมาอินแทบจะไม่เคยเห็นอีกคนแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลย นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาปลอบอีกฝ่ายแบบนี้ อินยกแขนขึ้นลูบหลังร่างโตขึ้นลงอย่างเบามือ

“ไม่เป็นไรเลย กิตชอบหรือเปล่า”

“ชอบ ชอบที่สุดเลย” อินฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินดังนั้น

“งั้นก็ดีแล้วเนอะ”

.

.

.

.

.

อินนั่งเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถ มือเรียวกำมือถือแน่น ลังเลว่าควรจะโทรกลับไปหาคนที่เพิ่งโทรมาตอนกำลังจะออกจากร้านอาหารดีไหม น้ำเสียงอีกคนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่รู้ว่างานละครมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แล้วอีกอย่างเรื่องที่มาหากิตวันนี้ยังไงก็ต้องหาเวลาเล่าให้คนนั้นฟัง

“พ่อแม่ของอินอินเป็นยังไงบ้างครับ” อินตื่นจากพวังค์เมื่อคนขับรถถามขึ้น

“ก็สบายดี ตอนนี้หนีไปเที่ยวญี่ปุ่นกันสองคน ทิ้งอินไว้คนเดียว” อินบ่นพึมพำในลำคอจนคนถามก็อดขำตามไม่ได้ บรรยากาศระหว่างเขาสองคนเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น อินดีใจที่วันนี้ตัดสินใจออกมาเปิดอกคุยกันแบบนี้

“กิตจำเรื่องที่เล่าวันนี้ได้ไหม” อินถามขึ้นตอนที่เราขับรถเข้ามาในหมู่บ้านของเขา

“อืม จำได้สิ เจ้ามอมแมม” กิตยิ้มกว้างตอบกลับมา

“แล้วจำเจ้ามูมมามได้หรือเปล่า” นำ้เสียงที่ดูจริงจังทำให้กิตเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ไม่แน่ใจว่าอีกคนต้องการจะสื่ออะไร พอดีกับที่รถมาจอดหน้าบ้าน พอรถจอดสนิทกิตจึงหันมาทั้งตัวแล้วตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามไว้

“จำได้สิ”

“แล้วคิดว่าจะทำยังไงกับมัน...”

“...”

“มันยังรออยู่นะ”

“...”

“มันยังรอให้เพื่อนที่มันรักที่สุดกลับไปหา กลับไปซ่อมแซม กลับไปเล่นกับมันอยู่”

“...”

“ไปคิดดูดีๆ ถ้ายังรักอยู่ก็ต้องดูแลให้ได้”

“...”

“มัวลังเล ถ้ามูมมามเจอเพื่อนใหม่แล้วอย่ามาร้องแล้วกัน” คนพูดชี้หน้ามาที่คนฟัง จนคนตัวโตอดไม่ได้หลุดหัวเราะให้กับท่าทางน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย เอื้อมมือไปขยี้ผมแรงๆ หลายครั้งจนอีกคนร้องโวยวายเอามือขึ้นมาปัดมือเขาออกหลายที

“เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งจนมาสอนกิตแบบนี้เลยนะ”

“ว่าไงนะ”

“ระวังเถอะ จะโดนคาบไปกินแล้วจะมานั่งเฉาตายแถวนี้”

“รู้ดีนักนะ”

“ก็กิตไม่ได้เรื่องเองอ่ะ”

“ว่ากิตหรอ”

“พูดความจริงทั้งนั้น อ๊ากก.. อย่างแกล้งสิ”

เสียงหัวเราะดังลั่นรถญี่ปุ่นคันเล็กที่จอดอยู่หน้าบ้าน อินไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่ามันจะมีวันนี้ วันที่เขาสองคนจะกลับมายิ้มและหัวเราะด้วยกันได้อย่างสบายใจแบบนี้..





*******

ตอนพิเศษสั้นๆ ค่ะ เรื่องวันที่อินนัดไปเจอกับกิตนะคะ เราว่ามันสำคัญก็เลยแยกตอนมาให้อ่านกันค่ะ เชื่อเถอะนะคะว่าจบแบบนี้หนูอินมีความสุขมากกว่า น้องเคยรักของน้องมามาก แล้วกิตนางก็เคยดีกับน้องมาเยอะ ก็แค่คนไม่หนักแน่นคนนึงแต่นางก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะคะ จบแบบยังเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้น่าจะดีที่สุด คนเขียนดราม่าไม่เก่งจริงๆ (หรือเปล่า) แหม๋ ขนาดทิวยังเป็นคนดีได้เลยนะ คิดดูสิ 555

ใกล้จบแล้ววววว อยู่ด้วยกันจนจบนะ ไหว้ละจ้า!















ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีมากๆเลยค่ะชอบเรื่องที่อินเล่ามากๆเลย :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ชอบเรื่องนี้ค่ะ  :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้องมอมแมมของพี่ :กอด1:

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
21:00 ไป ไม่ไป





“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม”

“...”

“ถ้ายังไม่ยอมคุยกันดีๆ อินกลับเลยนะ” อินว่าเสียงเข้ม ง้อมาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ผล ก็ต้องลองใช้ไม้นี้

“...”

“งั้นอินไปล่ะ”

หมับ!

อินลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมทันที เตรียมหันหลังจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นที่มีเด็กโข่งนั่งอยู่หนึ่งอัตรา แต่มือใหญ่ก็คว้าแขนเขาไว้ก่อน อินพยายามกลั้นยิ้ม ทำหน้าเรียบหันไปมองอีกคน เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไง

“ไม่ไปนะ..” เจ้าของบ้านตอบออกมาสั้นๆ

“ไม่อยากให้ไปก็ต้องคุยกันดีๆ” อินเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างกัน เอียงตัวประชันหน้ากับคนที่ยังหน้าบึ้งอยู่

“ง้อ..”

“ห๊า..” คนตรงหน้าพึมพำอะไรสักอย่างจนอินต้องถามซ้ำ ก็พอได้ยินอยู่หรอกนะแต่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่

“ง้ออีก” อินหลุดขำพรืด หัวเราะเสียงดังจนคนหน้าบึ้งยิ่งทำหน้าบึ้งตึงหนักกว่าเก่า หันหน้าไปทางอื่นเอาสองมือกอดอกแน่น

เด็กชายบดิ๊นนน!

อินเอาสองมือจับแก้มอีกฝ่ายมั่น ออกแรงดึงแรงๆ ให้เจ้าตัวหันหน้ามาหา จนคนโดนดึงร้องออกมาเสียงดัง

“ง้อนะครับบบบ” อินว่ากลั้วหัวเราะจับแก้มคนตัวโตส่ายไปมาไม่หยุด

“อิน!!!!!” ดินร้องเอามือหนาจับสองมือที่อยู่บนแก้มตนให้หยุดจนอินยอมปล่อยออกในที่สุด ทำให้คนโดนดึงแก้มลูบแก้มตัวเองไปมาพยายามบรรเทาความเจ็บ

“ไม่เอาเลิกงอนได้แล้ว ไร้สาระที่สุด”

“ไร้สาระที่ไหนอินจะไม่อยู่ตั้งหนึ่งอาทิตย์”

“แปปเดียวเอง”

“แต่มันอันตราย” อินยิ้มอย่างอ่อนใจให้คนที่ยังพยายามหาข้ออ้างสารพัด

“คนไปเยอะแยะ ธันกับแนทก็ไปด้วย หมีพูห์อีก”

“...”

“ก็ถึงบอกว่าให้ไปด้วยกัน”

“ได้ที่ไหนเล่า...” ดินที่ติดงานกับคณะอักษรบ่นอุบอิบ ถ้าทิ้งได้เขาคงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วไปกับอีกคนทันที

“รู้หรอกนะว่าที่จริงงอนเรื่องอะไร”

“...”

ก็เมื่อวานกีโทรมาชวนเขาไปเข้าค่ายอาสาสร้างห้องสมุดในพื้นที่ห่างไกลที่เชียงราย ค่ายนี้กีมันเคยไปเมื่อปีที่แล้ว อินเห็นว่าน่าสนุกดี ไหนๆ ก็อยู่ว่างๆ ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แถมได้เที่ยวไปในตัวด้วยก็เลยตอบตกลงไป แต่พอมาบอกดินเจ้าตัวก็งอนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ยอมคุยกันดีๆ จริงๆ ที่อ้างนู้นอ้างนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง เหตุผลจริงๆ ที่ไม่ยากให้ไปก็มีเพียงข้อเดียวแค่นั้นแหละ

“แต่ไอ้เตมันไปด้วย”

“แล้วยังไง..”

“หึ”

“เอาแต่ใจอีกแล้ว”

“ก็ไม่อยากให้อินไปกับมัน”

“ไม่ได้ไปกับเต แล้วอินก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร ไม่เชื่อใจกันหรอ”

“ดินเชื่อใจอิน แต่ไม่เชื่อใจมัน”

“...”

“ใครก็ดูออกว่ามันยังชอบอินอยู่”

อินถอนหายใจหนัก เรื่องกิตนี่ไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องเตนี่แตะต้องไม่ได้สักนิด ไม่รู้ไปมีเรื่องอะไรกัน อธิบายจนไม่อยากจะพูดอะไรแล้วแต่คนตัวโตก็ยังเหมือนเดิม

ไม่อยากจะใช้ไม้นี้เลย

“งั้นอินไม่ไปก็ได้” อินว่าก่อนจะคว้ามือถือในกระเป๋าขึ้นปลดล๊อค ดินที่ตั้งใจจะเถียงต่ออึ้งไปเมื่อคนตรงหน้ายอมเปลี่ยนใจอย่างง่ายดาย มองเสี้ยวหน้าของคนที่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรสักอย่าง ก่อนที่จะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวดึงโทรศัพท์ออกจากมือเรียวเล็ก

“อินไม่อยากไปแล้วหรอ?”

“ถามทำไมทั้งๆ ที่รู้”

“...”

“ก็ยังอยากไป แต่ไม่อยากมีปัญหากับดินมากกว่า”

อินว่าก่อนที่จะแบมือขอโทรศัพท์คืน พอดินยื่นให้ก็รับไปเปิดไลน์พิมพ์ข้อความเข้าไปในกรุ๊ปเพื่อนสนิทว่าคงไม่ได้ไปแล้ว ก่อนที่จะวางมันลงข้างตัวอีกครั้ง แล้วหันหน้ามาหาเขา

“โอเค อินไม่ไปแล้ว หายงอนแล้วนะ” น้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉยของอีกคนทำให้ดินใจเสีย รู้ว่าตัวเองทำตัวไร้เหตุผลแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกออกไปจริงๆ แค่อยากจะงอนให้ง้อเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าอินจะยอมตามใจจริงๆ ยิ่งอินยอมมากเท่าไหร่ การกระทำของเขายิ่งดูงี่เง่ากว่าเดิมเป็นร้อยเท่า

“..ขอโทษ”

“ช่างมันเถอะ อินไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว” ดินเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะยกโทรศัพท์อีกคนขึ้นมาปลดล๊อค เข้าไปในแชทที่อินคุยค้างไว้แล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป อินลอบมองการกระทำของอีกฝ่าย ถึงดินจะดูเอาแต่ใจ แต่ในที่สุดก็ยอมตามใจเขาอยู่ดี

“ทำอะไรน่ะ” อินถามกลับไปเสียงเข้ม อีกคนยื่นโทรศัพท์กลับมาให้

“ส่งข้อความบอกว่าอินจะไปด้วย”

“...”

“ขอโทษที่ดินงี่เง่า” คนตัวโตเอามือมาจับแขนเขาลูบไปมา อินแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่เมื่อเห็นหน้าตาสำนึกผิดของอีกคน

“ตกลงว่าให้อินไป?”

“ก็ถ้าอินอยากไป.. อินไม่ต้องขออนุญาตดินสักหน่อย”

“...” อินคิดใคร่ครวญอยู่สักครู่ แล้วจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง พิมพ์ข้อความไปหาเพื่อนคนเดิมก่อนจะล๊อคโทรศัพท์ลง คราวนี้เขาไม่ได้แค่แกล้งทำ

“อินไม่ไปแล้ว”

“ไม่เอา อย่าทำแบบนี้ ดินดูเป็นคนไม่ดีเลย” ดินว่าขึ้นอย่างร้อนรน

“ไว้ดินว่างเมื่อไหร่ค่อยไปด้วยกันเนอะ” ถึงจะอยากไปในตอนแรก แต่ใจจริงก็ไม่ได้อยากทิ้งให้คนที่ต้องทำงานหนักเหงาอยู่ทางนี้คนเดียวเหมือนกัน

“อินไปเถอะ ดินขอร้อง” ตอนนี้กลายเป็นดินที่พยายามเกลี่ยกล่อมให้อีกคนไป แย่งโทรศัพท์ไปพิมพ์อีกครั้ง

อินลังเล ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรได้ก็ได้ยินเสียงคนเดินลงมาจากชั้นสอง พอหันไปก็เห็นพี่มินเดินโอบเอวลงมากับผู้ชายร่างเล็ก พอพี่มินเห็นเขาก็ส่งยิ้มทักทายมาให้

“ว่าไงอิน มานานยัง”

“สวัสดีครับพี่มิน สักพักแล้วครับ” อินตอบไปแค่นั้น มองตามคนทั้งสองที่เดินไปถึงประตูหน้าบ้าน พูดคุยอะไรกันเล็กน้อยก่อนที่คนตัวเล็กจะเขย่งขึ้นจุ๊บปากอีกฝ่ายเบาๆ แล้วเดินออกจากบ้านไป มินหมุนตัวกลับมาหาสองคนที่โซฟา

“เป็นอะไรกัน ไอ้ดินงอนอะไรอีก”

“กูไม่ใช่คนขี้งอนสักหน่อย” ดินรีบสวนกลับพี่ชายตัวเองทันที

“ยังจะกล้าพูดนะมึง ระวังเถอะ เดี๋ยวอินก็เบื่อหรอก” คนโดนว่าแทงใจดำหน้าหงอยขึ้นมาทันที กำลังจะง้ออินสำเร็จอยู่แล้ว โผล่มาทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้ แล้วยังจะมาพูดจาไม่เข้าหูอีก

“ถ้างอนก็จะง้อ ไม่เบื่อหรอกครับ” อินว่าขึ้นเสียงนุ่ม ยกยิ้มให้กับกับคนข้างตัว จนตอนนี้ดินหูตั้งหางกระดิกอีกครั้ง ยักคิ้วมองหน้าพี่ชายอย่างผู้ชนะ

ก็แฟนเขาน่ะ ทั้งรักทั้งหลงเขาจะตาย!

มินได้แต่กลอกตามองบน นึกหมั่นไส้คนสายเลือดเดียวกันขึ้นมาจับใจ มันเป็นคนเอาแต่ใจอยู่แล้ว โดยสปอยล์แบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ แบบนี้ต้องป่วนให้มันสำนึกซะบ้าง คิดได้ก็เดินไปหยิบบางอย่างที่หน้าทีวีก่อนจะเดินกลับมาหาคนเป็นน้อง

“อ่ะ” มินยื่นกระดาษสีขาวเล็กๆ หนึ่งปึกให้ คนเอื้อมมือมารับเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนที่จะคลี่มันออกมาดูทีละแผ่น อินเองก็เอื้อมมาหยิบไปคลี่ดูบ้าง อินตาโตเบิกกว้าง ด้านในกระดาษทุกแผ่นไม่มีอะไรเลยนอกจากมีชื่อและเบอร์โทรเขียนไว้

“กูรวบรวมมาให้จากงานวันเกิดมึง”

“...”

“แต่ส่วนใหญ่มาจากงานเมื่อคืน” อินขึงตาหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่าย เมื่อคืนเขาไม่ได้ไปด้วยตอนที่ดินไปร้องเพลงที่ร้านเพื่อนพี่มิน

“โปรยเสน่ห์เก่งเหมือนเดิมนะ มึงก็เลือกๆ ดูแล้วกัน สนคนไหนก็แอดไป กูไปนอนล่ะ ยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน” คนพูดหาวออกมา ยกมือสองข้างบิดขี้เกียจไปมาก่อนที่จะฮัมเพลงเดินขึ้นชั้นสองไปห้องตัวเอง อินหันขวับมองหน้าคนตรงหน้าทันที ร่างสูงได้แต่ส่่ายหน้าไปมา

“ดินไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ..โอ้ย!!!” ขณะกำลังแก้ตัว ดินก็ต้องร้องออกมาเพราะโดนมือเล็กดึงติ่งหูลงไปแรงๆ

“เสน่ห์แรงนักนะ” ว่าแล้วอินที่หงุดหงิดถึงขีดสุดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความอีกครั้ง

“อิน.. จะทำอะไร..”

“อินไม่ไปแล้ว ปล่อยไปวันเดียวดูสิมีมาเป็นปึก”

“โธ่ แต่ดินไม่ได้สนใจใครเลยนะ”

“ก็ลองดูสิ” อินกดส่งข้อความ ก่อนจะชี้หน้าคนที่มองเขาตาทะเล้น ยิ้มแป้นไม่หยุด

“ยังจะยิ้มอีก”

“ก็อินหึงนี่ น่ารักจัง” คนหึงหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะความโมโหอีกแล้ว

“...”

“ก็รู้ว่าพี่มินมันแกล้ง”

“ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” คนตัวโตหัวเราะชอบใจ ดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด ถึงจะชอบเวลาที่อีกฝ่ายหึงหวงแค่ไหนแต่เขาไม่อยากให้อีกคนเข้าใจผิดอีกแล้ว

“อินรู้ว่าดินไม่มีทางมองใคร..”

“...”

“รู้ใช่ไหม?” ดินเอื้อมไปจับคางอีกฝ่าย ดันเบาๆ ให้หันมาสบตากัน อินมองสายตาที่จริงจังของเจ้าของอ้อมกอดก็ต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“ก็รู้...” อินรู้ว่าเขาเชื่อใจอีกฝ่ายได้ และเขาก็รู้ดีว่างานที่อีกฝ่ายทำมันเสี่ยงต่อการมีคนเข้ามามากแค่ไหน นอกจากเชื่อใจกันแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอะไรอีกเลย ถ้าคนมันจะทำถึงเขาอยู่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“งั้นก็ไม่ต้องเฝ้า ถ้าอินอยากไปก็ไปนะครับ” อินลังเลอีกครั้ง มือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปในแอป แต่ตอนที่ตัดสินใจจะพิมพ์อะไรลงไปโทรศัพท์ของเขาก็มีสายเรียกเข้า เมื่อเห็นเป็นชื่อเพื่อนสนิทก็เลยรีบกดรับสาย

“กีว่าไงมึง”

เสียงตะโกนดังออกมาจากปลายสาย กว่าจะตั้งสติจนจับใจความได้สายก็โดนตัดไปซะแล้ว

[มึงสองผัวเมียช่วยไปตกลงกันก่อนนะ กูรำคาญ!!!]

.

.

.

.

.

.

.

กีนั่งสบถอยู่บนเตียง ตากลมยังจ้องข้อความที่เพื่อนแต่ละคนส่งมาสาปแช่งกับการเปลี่ยนใจไปเปลี่ยนใจมาของอินไม่หยุด ดูจากสำนวนการพิมพ์ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่แค่อินที่พิมพ์มา จนในที่สุดอดใจไม่ไหวโทรไปด่ามันจนได้ ขณะกำลังนั่งพิมพ์ข้อความด่ามันอย่างเมามันส์ประตูห้องนอนของเขาก็เปิดขึ้น กีเงยหน้าไปมองคนที่เข้ามาใหม่ ร่างสูงโปร่งที่มีเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวทำให้เขาเห็นลอนกล้ามแน่นได้อย่างชัดเจน ผมของอีกฝ่ายที่ปรกติจะยาวประบ่าถูกรวบไว้ด้านหลังทำให้ร่องลึกไหปลาร้าโดดเด่นขึ้นมากว่าเคย

ถ้าจะเซ็กซี่ขนาดนี้ ต้องรอบที่สี่ไหม!!

ต้นวางขวดน้ำเปล่ากับแก้วสูงสองใบลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างเขา กีเผลอกลืนน้ำลายตอนที่อีกคนโน้มหน้าเอาจมูกมาแนบแก้มของเขาก่อนที่จะสูดหนักๆ จนเกิดเสียงดังฟอดขึ้นในอากาศ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ใจเขาก็ยังเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเหมือนทุกครั้ง และเหมือนจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ กีเกร็งจนเผลอกลั้นหายใจจนเหมือนมีอากาศไปเลี้ยงสมองไม่พอ

“โวยวายอะไรอีก เสียงดังไปถึงข้างนอกแล้ว” คำพูดที่เหมือนตำหนิถูกกล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ต้นหันไปเปิดฝาขวดน้ำก่อนที่จะเทน้ำลงแก้วทั้งสองใบจนเต็ม ส่งแก้วใบนึงให้อีกฝ่ายก่อนที่จะยกแก้วขึ้นจิบแก้กระหายหลังจากที่เสียเหงื่อไปเยอะ

“ก็ไอ้อินกับดินน่ะสิ” คนตัวเล็กเกริ่น เริ่มจิบน้ำในแก้ว อีกมือยังคงอ่านแชทในกลุ่มที่ขึ้นมาไม่หยุด

“อะไรกันก็ไม่รู้ เราชวนมันไปค่ายอาสาแล้วมันคงเล่าให้ดินฟัง เนี้ยส่งข้อความมาไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เดี๋ยวก็ว่าจะไป เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจอยู่นั่น” กีบ่นอุบอิบไม่หยุด ต้นเพียงแต่พยักหน้ารับรู้ เข้าใจแล้วว่าเมื่อกี้ตอนที่กำลังถึงไหนต่อไหนเสียงเตือนจากโทรศัพท์อีกฝ่ายที่ดังซ้ำแล้วซ้ำอีกมันมาจากไหน แต่ตอนนี้เรื่องที่เขาสงสัยมันเป็นเรื่องอื่นต่างหาก

“ค่ายอะไร เมื่อไหร่ ทำไมต้นไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ต้นว่าขึ้นทำให้กีหันมาสบตา เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะถามเรื่องนี้ แล้วไหนจะน้ำเสียงตัดพ้อนั่นอีก

“ค่ายอาสาที่เชียงราย” กีตอบสั้นๆ หันกลับไปมองโทรศัพท์อีกครั้งยังคงสนใจโต้ตอบแชทกลุ่มต่อไป ต้นมองคนตรงหน้าที่ไม่สนใจเขาสักนิด ก็เริ่มโมโหจนทนไม่ไหว สุดท้ายเลยตัดสินใจดึงโทรศัพท์ออกจากมือกี จนอีกฝ่ายหันหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง ไม่เข้าใจในการกระทำของเขา

“แล้วไม่คิดจะชวนต้นเลยหรอ” กีมุ่นคิ้วสองข้างเข้าหากัน รู้สึกแปลกใจที่คนตรงหน้ามีหน้าตาบึ้งตึงแบบนี้

“ก็ไม่คิดว่าต้นว่าต้นจะชอบอะไรแบบนั้น มันลำบากนะ”

“ก็ไม่ได้สนใจที่ค่าย สนใจที่กี”

“...”

“แล้วจริงๆ ต้นก็ทำงานได้เยอะกว่ากีแน่”

กีหน้ามุ่ยให้กับคำพูดสบประมาทของอีกคน แต่ก็แอบยิ้มกรุ้มกริ่มกับประโยคแรก คือเขาก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าควรจะชวนอีกคนไปด้วยดีไหม ใจก็อยากให้ไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่เพราะคิดว่าคุณหนูแบบนี้ไม่มีทางจะไปปีนเขา แบกไม้ เทปูนสร้างบ้านได้หรอก พอคิดแบบนั้นเขาก็เลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะเอ่ยปากชวน และนอกจากนั้นเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เขาไม่กล้าชวนอีกคนก็คือ...

“เมื่อไหร่ล่ะ”

“เดือนหน้า..”

“...”

ใช่ เดือนหน้า..

วันที่จะไปมันเลยกำหนดหนึ่งเดือนที่เราสองคนตกลงคบกันไปแล้ว กีไม่แน่ใจเลยว่าถึงวันนั้นเราสองคนจะยังเป็นเหมือนเดิมแบบนี้อยู่ไหม แต่ถึงจะกลัวแสนกลัว ในเมื่อเป็นต้นเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน บางทีเขาก็อาจจะยังมีหวังอยู่ไม่ใช่หรอ

“อยากไปด้วยกันไหมล่ะ..” กีกำโทรศัพท์ในมือแน่นกลั้นใจถาม เงยหน้าสบตากับต้น แม้ในใจตอนนี้จะสั่นไหวจนแทบจะคุมสติไม่ได้แต่เขาก็ยังพยายามทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อยากให้ไปไหมล่ะ” คำถามลองใจถูกเอ่ยออกมาแทนคำตอบ กีไม่ใช่คนโง่ และเขาเกลียดการตกเป็นรอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าตลอดมาความสัมพันธ์ที่เรามี คนที่แสดงออกมากว่าคือเขา ถึงจะรู้ว่าไร้ศักดิ์ศรี แต่เสียงของหัวใจมันก็ดังเกินไปจนทำให้เขาละทิ้งทุกทิฐิจนหมดสิ้น ในเมื่อยอมเสี่ยงแล้ว เขาก็ต้องไปให้ถึงที่สุด

“นายก็รู้ว่าเราต้องอยากให้นายไป” กีตอบออกไปเสียงแผ่วเบา รู้สึกเขินอายกับคำสารภาพของตน สีแดงเรื่อเริ่มปรากฎชัดขึ้นบนแก้มขาวของคนร่างบาง

“แต่ว่ามันก็ไม่สำคัญหรอกนะ มันอยู่ที่ว่าจริงๆ แล้วนายอยากไปหรือเปล่า”

“...”

“คิดดีๆ ก่อนแล้วค่อยบอกเราก็ได้ เรารอนายได้เสมอนะ...คือเราหมายถึงจะไปตั้งเดือนหน้าไง ค่อยโทรไปบอกพี่เขาวันหลังก็ได้”

ต้นมองคนตรงหน้าที่เลิกลั่กพยายามอธิบายไม่หยุด เขาเข้าใจในความหมายที่อีกคนพยายามสื่ออกมา มันไม่ใช่คำถามใหม่ สิ่งเหล่านี้มันวนเวียนอยู่ในหัวเขามาตลอดอยู่แล้ว เขามั่นใจในตัวกีแต่ที่ไม่มั่นใจคือความรู้สึกของตัวเองต่างหาก และในเมื่อเขายังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ เขาก็เลยไม่มีคำตอบให้คนตรงหน้าเหมือนกัน

“งั้นขอต้นดูก่อนนะ แล้วเดี๋ยวบอกอีกที” ทันทีที่คำตอบถูกเอ่ยออกไป คนฟังก็หน้าเจื่อนลงทันที คำตอบที่คาดหวังไว้ไม่ถูกเอ่ยออกมา

“อืม..ค่อยบอกก็ได้”

.

.

.

เพราะว่าไม่รู้ว่าต้องการอะไร ถึงได้บอกไม่ได้ว่าต้องการอะไร

เพราะไม่แน่ใจว่าพร้อมจะ “ไป” ด้วยกันไหม ถึงยังตอบตกลงไม่ได้

ขอโทษนะ..

ที่ต้องตอบไปแบบนั้น

เพราะตอนนี้...

ทำได้แค่นี้จริงๆ













**********

ภูมินทรรรรรร์ ทำไมเลววววว ตกลงอินไปหรือเปล่ายังไม่รู้เลย งงกับมันสองคนมาก 555

ส่วนต้นกี เฮ้ออออออออ






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2019 03:37:49 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พี่มินก็แสบเกิ๊น  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขำความโทรไปด่าของกี555555 :pig4: :L1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กีคงรำคาญมากจริงๆ :laugh:

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
22:00 ปมสุดท้าย

อินที่นั่งไถมือถือเล่นไปมาเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีของบางอย่างวางลงบนโต๊ะไม้ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นคนคุ้นหน้าส่งยิ้มหวานมาให้ เจ้าตัววางข้าวของทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายข้าง, แฟ้มใส่โน๊ตเพลงและกีต้าร์โปร่งลงบนโต๊ะไม้ก่อนจะเอ่ยปากถามเสียงใส

“มานานยังครับ” อินส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบก่อนที่จะดึงถุงกระดาษที่อยู่ข้างตัวไปวางบนที่ว่างบนโต๊ะ หยิบมัฟฟิ่นกล้วยหอมที่วันนี้ตื่นมาทำแต่เช้ายื่นให้คนตรงหน้า

“งานเสร็จหรือยัง เมื่อกี้ดินบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรนี่ กินขนมรองท้องก่อนเนอะ เสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน” มือส่งของที่ภูมิใจนำเสนอให้อีกคน ก็เขาอุตส่าห์จริงจังขนาดไปลงเรียนคอร์สทำขนม ลองทำหลายรอบจนคนที่บ้านน้ำหนักขึ้นกันไปหลายโล ดังนั้นจึงรับรองได้ว่าต้องอร่อยแน่ๆ คนรับไปมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดูก็รู้ว่าดีใจมากแค่ไหน เจ้าตัวนั่งลงไม่พูดไม่จา งับของในมือคำโตจนแปปเดียวก็เหลือแต่ถ้วยกระดาษ

“อร่อยที่สุดตั้งแต่มีคนทำมัฟฟิ่นมาเลย” อินหัวเราะให้กับคนขี้โม้ที่ตอนนี้มาค้นถุงกระดาษหยิบชิ้นที่สองไปกินอย่างมูมมามจนสำลักไอค่อกแค่ก

“ช้าๆ ก็ได้ ไม่มีใครแย่งหรอก” อินเอ่ยแซว

“ใครแย่งอะไร อ่ะ ดินกินอะไรอยู่ อยากกินบ้าง”

เพี้ยะ!

ทิวถามขึ้นมาทันทีที่นั่งลงข้างอิน เหลือบมองเห็นถุงขนมก็เอื้อมมือจะไปหยิบแต่โดนมือหนาตีหลังมือซะก่อน

“ของเรา”

“อะไรดินนนน มีตั้งเยอะแยะ ขอชิ้นนึง”

“แต่อินทำมาให้เรา”

“ห๊า อินทำเองหรอ น่ากินมากกกก ขอกินชิ้นนึงนะ” ทิวส่งสายตาอ้อนวอนมาให้อิน สองมือจับแขนคนข้างตัวเขย่าไปมา แต่ก็ต้องปล่อยออกอย่างรวดเร็วเมื่อมือหนามือเดิมตามมาตีข้อมือเขาอีกรอบ

“ปล่อยอินเลยนะ”

“ดินใจร้าย อินเลิกกับคนแบบนี้เถอะ มาคบกับเราแทน” ทิวพูดเสียงใส อินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนให้กับสงครามย่อมๆ ตรงหน้า ได้แต่ยกสองนิ้วขึ้นมานวดหว่างคิ้วคลายอาการปวดหัว เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจริงๆ ในที่สุดอินจึงหันไปหาคนรักจ้องอยู่สักพักจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวและหันมาสบตากัน

“แบ่งให้ทิวอันนึงนะ” อินพูดเหมือนขอร้องแต่น้ำเสียงที่ใช้ทำให้คนหวงของไม่กล้าขัด ล้วงเข้าไปหยิบมัฟฟิ่นชิ้นที่ดูเล็กที่สุดยื่นให้คนที่ยิ้มหน้าบานรออยู่ คนรับกัดมัฟฟิ่นไปนึงคำก็กระโดดโลดเต้นไปมารอบโต๊ะ ร้องฟินกับรสชาติที่แตะปลายลิ้นจนคนหันมามองกันเต็ม ทิวบิขนมเป็นคำๆ ยัดใส่ปากเพื่อนที่นั่งทำงานอยู่แถวนั้นสองสามคนก่อนจะชี้มาที่คนทำ คนที่ได้กินไปก็ยกนิ้วโป้งชูขึ้นเป็นการเอ่ยชมกันยกใหญ่ อินอดหัวเราะให้กับอาการโอเว่อร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อหันกลับมามองหน้าคนตัวโตที่นั่งหน้าบูดเหมือนเด็กโดนแย่งขนมไปแล้ว

“เดี๋ยวว่างวันไหนดินก็แวะไปเอาคุ้กกี้เนยสดที่บ้าน” ได้ยินอย่างนั้นเด็กโข่งก็ยิ้มร่าขึ้นมาอีกครั้ง ดีใจที่อินจำได้ว่าเขาชอบกินคุกกี้เนยสดที่สุด ดินเอื้อมเอามือมาวางทับบนมือเล็ก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“งั้นไปเย็นนี้เลย”

“เย็นนี้ไม่ได้!!” ไม่ใช่อินแต่เป็นคนที่จัดการขนมหมดไปแล้วต่างหากที่เอ่ยขึ้น

“ทำไมไม่ได้ล่ะ” อินถามอย่างสงสัย นึกว่างานทั้งหมดเสร็จแล้วซะอีก “ยังเหลืออะไรต้องทำอีกหรอ” พอหันไปหาคนตัวโตเพื่อขอคำตอบ กลับเห็นสีหน้าที่มีความสงสัยไม่ต่างกัน เลยหันไปหาคนพูดอีกที

“เสร็จแล้ว ดีมากๆ เลยด้วยมีแต่คนชมดินกันทั้งนั้น” ทิวว่าต่อพร้อมนั่งลงที่โต๊ะไม้ ส่งสายตาอ้อนวอนขอขนมเพิ่มอีกชิ้น ดินดึงถุงมัฟฟิ่นไปถือทันที แต่พอมองหน้าอินก็สบถในลำคอนิดหน่อยก่อนจะยอมหยิบขนมออกมาชิ้นนึง ดึงแบ่งครึ่งก่อนจะยื่นครึ่งที่น้อยกว่าให้ทิว อินอดขำไม่ได้เมื่อคนตัวเล็กบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมรับไปกินอยู่ดี

“ก็วันนี้เราเตรียมปาร์ตี้ขอบคุณให้ดิน ไม่มีใครมาเยอะหรอก มีแต่คนรู้จักกันทั้งนั้น ร้านประจำแถวนี้แหละ” เมื่อทิวบอกชื่ออินก็ร้องอ๋อ ในใจ เป็นร้านประจำที่เขาเคยไปกับพวกธันก่อนหน้านี้

“อินชวนเพื่อนมาด้วยก็ได้นะ จะได้ไม่เบื่อ”

“ให้เราไปด้วยหรอ” อินที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับงานถามขึ้นมาอย่างเกรงใจ

“เอ้า งานของดิน แล้วอินจะไม่ไปได้ไง แล้วระวังเหอะ ปล่อยดินไปที่แบบนั้นคนเดียวบ่อยๆ จะหาว่าเราไม่เตือน”

“ทิว..” ดินว่าขึ้นเสียงเข้ม ตัั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทิวกลายเป็นพวกอินขึ้นมาเขาไม่แน่ใจจริงๆ

“ตกลงไปนะ” คนร่างเล็กไม่คิดฟังดิน เซ้าซี้คนข้างตัวอย่างไม่ลดละ

“ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจนะ แต่อยากไปด้วย” อินเหลือบมองคนตัวโตหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ ไม่อยากให้อีกคนคิดว่าเขาคอยตามประกบแจตลอดเวลา

“ไม่ให้อินปฎิเสธหรอกนะ” ดินเอื้อมมาจับมือเขาแบออก วางมือประสานกันก่อนจะสอดนิ้วเข้าไประหว่างนิ้วเขาแล้วกำมือลง ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านฝ่ามือมาถึงอกข้างซ้าย พอเผลอไปสบตากับอีกฝ่ายที่มองอยู่ก่อนแล้ว ผิวเนื้อบริเวณแก้มก็ขึ้นสีแดงเรื่อขึ้นมา

“ไปด้วยกันนะครับ”

.

.

.

.

.

.

.

ในเวลาที่แสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า ร้านอาหารกึ่งผับประจำย่านก็เริ่มคึกคักขึ้นอย่างที่เป็นประจำ อาจจะไม่มากเท่าช่วงเปิดเทอม แต่คนวัยทำงานและนักศึกษาที่ไม่กลับบ้านก็ยังมีมากพอที่จะเติมเต็มที่ว่างของร้านให้ไม่ดูเงียบเหงา ถึงจะบอกว่ามีแต่คนรู้จักแต่คนที่ชอบจัดปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจก็ยังชวนคนที่คิดว่า ‘น่าจะเกี่ยวข้อง’ มาเยอะจนตอนนี้โต๊ะของเขากลายเป็นโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดกลางร้าน นี่ถ้ามองเผินๆ เขาคิดว่าคนตัวเล็กตั้งใจจะจัดงานวันเกิดให้ดินอีกรอบซะอีก

“มันก็แบบนี้แหละ หาข้ออ้างปาร์ตี้ไปเรื่อย” ลูกน้ำว่าขึ้น พร้อมยื่นแก้วเหล้าที่ชงแล้วมาให้อิน กี และธัน เพราะเป็นกลุ่มเพื่อนที่ก่อนหน้านี้เคยเจอกันแล้วที่หัวหิน พออินเอ่ยชวนมาพวกมันเลยตอบตกลงกันทันที มีแต่อีแนทที่มีนัดอยู่ก่อนแล้วจึงมาไม่ได้

“ติดผัวมึงงง” ธันเริ่มเม้าเพื่อน

“ว่าแต่วันนี้ฉลองอะไรกันวะ” อินหลุดขำเพื่อนสนิท ก็พอชวนมันมา มันก็ตอบตกลงโดยไม่ได้ถามอะไรเลยสักนิด

“เลี้ยงขอบคุณที่ดินไปช่วยงานอักษรอะ”

“อ่อ กูไม่เกี่ยง เหล้าฟรีกูยังไงก็ได้”

ว่าแล้วมันก็เริ่มเม้านู้นเม้านี่จนเสียงหัวเราะกระจายไปทั่วโต๊ะ พอกินเหล้าเข้าไปได้สองสามแก้วอินที่เริ่มอยากเข้าห้องน้ำจึงขอตัวออกจากโต๊ะ เดินไปทางห้องน้ำที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ รอคิวไม่นานก็ได้เข้าไปทำธุระส่วนตัว

“เอ้า เจ มาแล้วหรอ” ออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อไม่คาดคิดว่าจะเจออีกฝ่ายยืนล้างมืออยู่ก่อนแล้ว

“อืม ยังไม่ได้ไปโต๊ะก็แวะมาห้องน้ำก่อนเลย อั้นแทบตาย” อีกฝ่ายว่าขึ้นพร้อมทำหน้ายุ่งๆ จนอินอดขำไม่ได้ อินเอื้อมไปบีบสบู่เหลวก่อนจะเริ่มต้นล้างมือบ้าง เจปิดน้ำเอื้อมไปดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมือก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ล้างมืออยู่

“อิน..”

“หืม” อินหันหน้าไปมองเมื่อคนเรียกชื่อตน

“ขอบใจนะแล้วก็ขอโทษ..”

“มาขอบใจเราทำไม” อินพูดกลั้วหัวเราะ ถึงจะไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของคนตรงหน้า อินเอื้อมไปปิดน้ำก่อนที่จะดึงทิชชู่มาเช็ดมือบ้าง

“กิตมาคุยกับเราแล้ว..”

“อืม... คืนดีกันแล้วใช่ไหม” อินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเสี่ยงถามคำถามที่คิดว่าตัวเองเดาถูก

“อืม..”

“ก็ดีแล้วเนอะ...” อินส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมเอามือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ

“ไม่ต้องคิดมากเรื่องเราแล้วนะ” ร่างเล็กตรงหน้าพยักหน้าลงอีกครั้ง ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแสดงความซาบซึ้งใจอย่างที่สุด

“แล้วเราก็ขอโทษ.. สำหรับทุกอย่างแล้วก็เรื่องดิน...”

“เราบอกแล้วว่าอย่าคิดมาก แค่อย่าทำอีกก็พอ รอบที่แล้วดินโกรธจนเราเกือบไม่รอด” อินเย้าทีเล่นทีจริง ถึงจะไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรแล้วแต่เขาก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง

“ก็เราแค่อยากให้อินกับกิตกลับมาคบกัน ตอนนั้นคิดได้แค่นั้นจริงๆ” อินยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า รู้ว่าเจรักกิตมาก มากจนยอมทำทุกอย่างให้กิตมีความสุข แม้กระทั่งการส่งรูปไปให้ดินเพราะอยากให้เราเข้าใจผิดกัน ทั้งหมดก็แค่เพื่อให้อินกลับไปหากิต อินมารู้ทีหลังก็ตอนตัดสินใจถามดินไปตรงๆ ว่ารู้ได้ยังไงเรื่องที่เขาไปเจออีกฝ่าย แล้วพอเห็นชื่อคนส่งรูปมาก็ถึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด

“ช่างมันเถอะ แบบนี้ดีที่สุดแล้วเนอะ”

“อินเป็นคนดีจริงๆ เราไม่แปลกใจเลยที่กิตรักอินมากขนาดนี้”

“ไม่มากเท่าเจหรอก ป่ะ เข้าไปนั่งกันนะมูมมาม” อินจับไหล่สองข้างดันอีกคนให้เดินนำไปก่อน

“อ่ะ กิตก็เรียกเราแบบนี้ เม้าส์อะไรเรากัน” เจโวยวายขึ้นมาทันที รู้เลยว่าต้องมีอะไรแฝงขึ้น

“ก็กินเยอะหรือเปล่าช่วงนี้”

“ก็ไม่นะ เราก็กินปกตินี่” อินไม่ได้ตอบอะไรทำได้แค่หัวเราะแล้วดันอีกฝ่ายไปตามทางเดิน

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ครืด ครืด

โทรศัพท์ในมือของกีสั่นขึ้น เขาขอแยกตัวออกจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปหาที่สงบเพื่อรับสาย เมื่อเดินออกมานอกร้านก็หันซ้ายหันขวาเจอม้านั่งว่างอยู่ก็เดินไปหย่อนตัวลงนั่งก่อนที่จะกดรับ

“อยู่ไหนแล้วเนี่ย ทำไมยังไม่ถึงสักที” แค่ประโยคแรกที่เอ่ยทัก กีก็อดไม่ได้ที่จะบ่นคนที่มาสาย เพื่อนๆ มากันหมดแล้วแต่คนของเขายังไม่โผล่มาสักที

[รถติดนิดหน่อยน่ะ ใกล้ถึงแล้วน้องกี]

“ใกล้ถึงนี้กี่นาที ให้นั่งรอหน้าร้านเลยไหม”

[ไม่เป็นไรครับ ไปนั่งรอข้างในเถอะ ไม่เกินสิบนาทีถึงแน่นอน]

“เอางั้นนะ ขับรถระวังๆ ด้วยแล้วกัน”

[คร้าบ จะรีบไปเลย คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว] ปลายจมูกกีเริ่มขึ้นสีแดง ใจเต้นรัวขึ้นทันที ถึงจะโดนอีกฝ่ายปากหวานใส่เป็นประจำแต่ก็ไม่ชินสักที

“นายก็เว่อร์ ไม่เจอกันสองวัน”

[แค่สองนาทีก็ไม่ไหวแล้ว]

“หึ ล่มปากอ่าวหรอ สองนาทีก็ไม่ไหว” ต้นหัวเราะร่าเมื่อโดนคนขี้โวยวายย้อนกลับ นึกหมั่นไส้คนในสายจนอยากจะไปถึงเร็วๆ แล้วฟัดอีกฝ่ายให้หายปากเก่งไปเลย

[เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้ว่าจะจบที่ปากอ่าวหรือปากกี]

“ทะลึ่ง!”

[ต้นไม่ได้เริ่มเลยนะ]

“อ่ะๆ งั้นแค่นี้แหละ แล้วเจอกัน” คนที่เถียงไม่ออกจงใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เข้าตัวไปมากกว่านี้ กดวางสายทันทีโดยไม่ได้ฟังว่าปลายสายตอบรับมาว่ายังไง แม้วางสายไปแล้วแต่คนร่างเล็กยังคงนั่งจ้องโทรศัพท์ไม่วางตา

‘คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว’

คำหวานที่ถูกเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ตราตรึงอยู่ในหัวของเขา ยิ่งมันใกล้กำหนดหนึ่งเดือนที่ตกลงกันไว้ ทุกการกระทำของอีกฝ่ายจึงมีผลกับเขามากเป็นพิเศษ ยิ่งอีกคนทำแบบนี้ความหวังที่เคยมีน้อยนิดมันยิ่งเพิ่มขึ้นมากขึ้นทุกวัน

“เราก็รักจนใจจะขาดอยู่แล้ว”

กีพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจลุกยืนขึ้นเดินกลับเข้าร้าน เขาก้มมองพื้นตอนที่รู้สึกเหมือนเหยียบอะไรสักอย่าง แต่ก็พบว่าเป็นแค่เศษใบไม้

ปึ้ก!

“ขอโท...อ้าว ไอ้นท!” ขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาก็ดันไปชนเข้าอย่างจังกับคนที่เดินสวนออกมา พอจะเอ่ยขอโทษก็ต้องแปลกใจเมื่อดันเป็นคนรู้จัก

“มึงมาตอนไหนเนี้ย ไม่เห็นๆ เลย ไอ้เตมาด้วยหรือเปล่า” นทเป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนไปเข้าค่ายอาสา บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อที่เจ้าตัวดันเป็นเพื่อนห้องเดียวกับต้นและดินสมัยมอปลาย

“เปล่ามันไม่ได้มาหรอก” อีกฝ่ายตอบเสียงอู้อี้ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยหึ่งออกมาจากเจ้าตัว นี่ยังไม่ดึกเลยเจ้าตัวเริ่มเมาอีกแล้ว

“มาตั้งแต่กี่โมง มึงเมาไม่ไหวแล้วเนี้ย”

หมับ!

“นิดหน่อยน่า แค่โลกเอียงๆ แล้วแค่นั้น” นทเอามือพาดบ่ากีรัดเข้ามาใกล้ก่อนที่จะเอ่ยกระซิบข้างหู กีหัวเราะให้กับคนขี้เมาตรงหน้า มันเป็นแบบนี้ประจำตอนไปค่ายอาสามันก็น๊อคก่อนใครเพื่อน คออ่อนแล้วยังจะกินเยอะอีก

“แล้วจะเอาไง มึงจะให้กูเรียกแท๊กซี่เลยไหม”

“ไม่ๆ ขอสูดอากาศบริสุทธิ์แปป เดี๋ยวกูกลับเข้าไปใหม่”

“จะไหวไหมมึง แล้วคิดว่าจะกลับยังไงวันนี้” พูดไปก็ต้องคอยหลบคนหน้าร้านไป จนในที่สุดกีก็เดินหิ้วปีกคนเมาไปยืนตรงที่โล่งใกล้ๆ ทางเข้า

“เดี๋ยวไอ้กันต์ไปส่ง” นทพูดชื่อเพื่อนคนหนึ่งสมัยมอปลายที่กีก็เคยเจอตอนไปหัวหินด้วยกัน

“โอเค งั้นยืนรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวกูไปตามกันต์ให้” พอกีปล่อยคนข้างตัว มันก็ดันเซลงมาแทบจะล้มลงกับพื้นจนต้องรีบกลับไปเอาแขนอีกฝ่ายมาพาดคอตัวเองไว้ดังเดิม

“กูว่ามึงไม่ไหวแล้ว” ว่าแล้วก็พยายามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แขนข้างหนึ่งพยายามประคองคนที่คอพับคออ่อนแน่นขึ้น

“ธัน มึงเห็นกันต์ไหม เออเพื่อนไอ้นทเพื่อนกูไง บอกให้มันมาดูเพื่อนมันดิ ไอ้นทเมายังกับหมา”

“ม่ายช่ายหมา~” คนโดนว่าเป็นหมารีบแทรกขึ้นมา

“มึงยิ่งกว่าหมาอีก” กีทั้งขำทั้งอดด่ามันไม่ได้

“เออๆ มึงเจอมันแล้วนะ พวกกูรออยู่ทางประตูเข้าร้าน” ว่าเสร็จก็วางสายไป ไอ้คนข้างตัวก็เทน้ำหนักลงมามากขึ้นเรื่อยๆ จนกีเองก็เริ่มไม่ไหว ใช้สองมือสอดเข้าใต้แขนทั้งสองข้างของอีกคน เจ้าตัวคอพับคออ่อนจนตอนนี้เอนทั้งหัวมาซบไหล่เขา

“ลำบากกูฉิบหาย มึงติดเลี้ยงข้าวกูมื้อนึงนะ” กีพูดกรอกหูคนเมาอย่างอ่อนใจ เหงื่อเริ่มออกเพราะตัวอีกฝ่ายใหญ่กว่าเขามาก

“ซูชิ.. อยากกิน..” คนบนตัวเขาว่าพึมพำขึ้นมา จนกีหัวเราะร่าออกมา

“เออ ซูชิก็ดี จะเอาให้กระเป๋าแบนเลยมึง”

“วาซาบิ~”

“เออ ใส่เข้าไปเยอะๆ มึงจะได้สร่าง”

“อื้อ~ อย่าเสียงดัง ง่วงงง” กีอยากโยนคนเมาทิ้งเมื่อมันบ่นออกมา กอดรัดเอวเขาแน่น แนบแก้มข้างหนึ่งบนไหล่ ขยับสองสามทีหามุมสบาย แต่ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา หัวเราะเบาๆ คิดในใจว่าต้องด่ามันจริงๆ จังซะแล้ว นี่ถ้าไม่เจอเขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงกันแน่ ปล่อยตัวเองเมาขนาดนี้ได้ยังไง

“ไอ้หมา”

“ไม่ใช่หมา~” มึงยังจะเถียงอีก กีถอนหายใจออกมาอย่างหมั่นไส้ อยากจะเขวี้ยงมัดใส่มันสักสองสามทีเอาให้หายเมากันไปเลย กียังคงต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าโดยที่เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าการกระทำทั้งหมดของเขาตกอยู่ในสายตาของใครคนนึงมาหลายนาทีแล้ว...

*************

ไม่เข้มข้นเราไม่นอนนนนน

เรื่องนี้เหลือใช้แทคเดียว #รักมือสองอินดิน

เดี๋ยวนี้เริ่มหัดเล่นทวิตเตอร์กับเขาแล้วนะ เวลามีตอนใหม่หรือมีรีดแชทจะเอาลิ้งไปแปะไว้ให้นะคะ ฝากตามกันด้วยเน้อ (@maywrite1) ตอนนี้มีสามเรื่องใหม่ที่ตั้งใจว่าจะเขียนหลังจากจบเรื่องนี้ (เรื่องน้องหมีพูห์กับพี่แทนจะมาแน่ๆ) แต่จะเมื่อไหร่นั้น แฮะๆ ๆ ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ช่วงนี้วุ่นวายหลายสิ่งเหลือเกินชีวิต ยังไงอย่าเพิ่งไปไหน มาจบเรื่องนี้ไปด้วยกัน ใกล้แล้วๆ ๆ







ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กีกับต้นจะยังไงต่อ อยากเห็นฉากหึงๆของต้นจังเลย :pig4: :L1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai5: ต้นจะดราม่าหรอ เดี๋ยวน้องกีทิ้งไม่รู้ด้วยนะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนนี้น่าจะทำให้ต้นรู้สึกตัวก็ได้ว่าหึงและหวงกีมากขนาดไหน

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
23:00 แฟนเดือนเดียว





“คร้าบ จะรีบไปเลย คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว”

[นายก็เว่อร์ ไม่เจอกันสองวัน] ต้นได้ยินคำตอบจากอีกฝ่ายก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าตอนนี้อีกคนเขินหน้าแดงแค่ไหน

“แค่สองนาทีก็ไม่ไหวแล้ว”

[หึ ล่มปากอ่าวหรอ สองนาทีก็ไม่ไหว] ต้นตาเบิกกว้างหัวเราะลั่นรถ นึกหมั่นไส้คนในสายจนอยากจะไปถึงเร็วๆ แล้วฟัดอีกฝ่ายให้หายปากเก่งไปเลย

“เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้ว่าจะจบที่ปากอ่าวหรือปากกี”

[“ทะลึ่ง!]

“ต้นไม่ได้เริ่มเลยนะ” ก็ถ้าจะเริ่มเองแล้วอายเองแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ

[อ่ะๆ งั้นแค่นี้แหละ แล้วเจอกัน] ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกไปสายโทรศัพท์ก็ตัดไปแล้ว พอดีกับที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาเหยียบคันเร่งอีกครั้ง ใจคิดไปถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

เขาคิดถึงใจจะขาดจริงๆ

แค่ไม่ได้เจอกันวันสองวัน ชีวิตเขาดูหน้าเบื่ออย่างไม่น่าเชื่อ เวลาแต่ละนาทีเดินช้าจนวันๆ เขามองนาฬิกาในห้องทำงานไปไม่รู้กี่รอบ ช่วงปิดเทอมแบบนี้เขาต้องเข้าไปเรียนรู้งานในบริษัทของพ่อ ถึงจะไม่ใช่สายงานที่เขาอยากทำแต่ในเมื่อเป็นกิจการของครอบครัวเขาก็ไม่อาจละทิ้งได้

รถยุโรปสีดำมาจอดอยู่บริเวณลานจอดรถของร้านที่ห่างจากตัวร้านสามบล๊อค เมื่อปิดประตูรถเรียบร้อยต้นก็มุ่งหน้าเดินไปทางเข้าร้าน ก่อนจะถึงหน้าร้านจะมีถนนสองเลนกั้นอยู่ หันซ้ายหันขวาเมื่อมองแล้วว่าถนนโล่งดีก็ตัดสินใจก้าวเท้าออกไปหนึ่งข้าง แต่ก็ต้องชะงักลงทันทีเมื่อสายตาหันไปเห็นคนสองคนที่ตนรู้จักดียืนแนบชิดกันอยู่หน้าร้าน ต้นตัดสินใจถอยเท้ากลับมายืนบนริมฟุตบาทกอดอกมองทั้งสองคนอยู่อย่างนั้น

เมื่อมองอยู่สักพักความหึงหวงก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดเมื่อกีสอดแขนสองแขนเข้าไปใต้วงแขนอีกฝ่าย คนตัวใหญ่ก็ไม่เบา เอามือสองข้างโอบกระชับร่างเล็กไว้แน่นก่อนจะซบลงมาที่ไหล่บาง ต้นไม่คิดจะนออะไรอีกต่อไปแล้ว ตัดสินใจก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้ง ใจตอนนี้เพียงอยากจะข้ามถนนไปแยกคนทั้งสองออกจากกัน แล้วจับคนของเขามาตีให้ก้นลาย แต่เท้าของเขาก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนตัวเล็กลอยมาในอากาศ เผลอมองหน้าคนตัวเล็กที่ยิ้มหัวเราะอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น

ความรู้สึกในวันนั้นหวนกลับมา...

วันที่เห็นแม่กับเลขาส่วนตัวในห้องทำงาน...

ปี๊ปป ปิ๊ปปป

เสียงบีบแตรของรถทำให้ต้นสติกลับมา เขาเม้มปากแน่นก่อนจะรีบหันหลังกลับไปยืนบนฟุตบาท แอบหันไปมองคนทั้งสองอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่รถ เมื่อเปิดประตูรถได้ก็สอดตัวเข้าไปนั่งก่อนที่จะปิดประตูดังปั้งอย่างไม่สนว่ามันจะพังหรือไม่ สองมือหนาฟาดลงไปบนพวงมาลัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหาที่ระบายความร้อนรุ่มในหัวใจ

“ไม่มีเลยหรอว่ะ”

ขอบตาร้อนผ่าว ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน

“สักคนก็ไม่มีเลยหรอว่ะ”





Rrrrrrrrrrrrrr

ต้นไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็ยิ้มเยาะกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย

“ครับ”

[ต้นอยู่ไหนแล้วเนี้ย ไหนว่าจะถึงแล้ว] เสียงโวยวายดังขึ้นทันทีเมื่อเขาพูดขึ้น

“ต้นไปไม่ได้แล้ว มีธุระด่วนพอดี”

[อ้าว แล้วทำไมไม่โทรมาบอก นี่ปล่อยให้รออยู่ได้นานสองนาน นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก เป็นห่วงจะแย่แล้ว] คนปลายสายยังโวยวายไม่หยุด แต่ตอนนี้ต้นไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจหรือตอบโต้อะไรทั้งนั้น มีเพียงคำเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่อก

หึ เป็นห่วงหรอ

“ขอโทษนะ ยุ่งๆ อยู่น่ะ แค่นี้นะ”

[อะ..อืม.. ถึงบ้านแล้วจะโทรหานะ] คนตัวเล็กที่อยากโวยวายรับคำเมื่อต้นว่าอย่างนั้น เจ้าตัวจับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของน้ำเสียง จึงไม่อยากเซ้าซี้ไปมากกว่านี้

“ครับ” เมื่อปลายสายตัดไปต้นก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ หลับตาลงพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน

พอแล้วไอ้ต้น ความรักมันไม่เหมาะกับมึง..

.

.

.

.

.

.

.

.

.





อินอมยิ้มยืนมองเพื่อนสนิทที่มือสั่นระริก คิ้วสองข้างที่ขมวดเข้าหากันแน่นบ่งบอกถึงความตั้งใจของคนตรงหน้า เหงื่อหยดเล็กหยดน้อยผุดขึ้นมาบนกรอบหน้าเรียวจนอินอดเอื้อมเอาผ้าไปซับให้มันไม่ได้ จนในที่สุดเมื่อไข่แดงใบที่สี่ถูกแยกออกมาในชามแก้วใส เจ้าตัวจึงฉีกยิ้มกว้างออกมา

“สำเร็จแล้ว!!!!” กีกระโดดโลดเต้นปรบมือให้กับตัวเองหลายที อินส่ายหน้าเหมือนเหนื่อยใจแต่ก็อดส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับมันไม่ได้ กีมันมีพี่จีพี่สาวคนเดียวของมันคอยช่วยเหลือมาตลอด ไม่เคยต้องหยิบจับอะไรเองสักอย่าง อย่าว่าแต่ทำกับข้าวเลย พับผ้าเองยังไม่เป็น มาเห็นมันทำได้ขนาดนี้เขาก็แอบภูมิใจในตัวมันเหมือนกัน

“แล้วกูต้องทำยังไงต่อ”

“ตีไข่ขาวก่อนแล้วพักทิ้งไว้” อินเอาเครื่องตีไฟฟ้าแบบมือยื่นส่งให้ ก่อนที่จะใส่น้ำตาลลงไปนิด เมื่อกีตีจนไข่ขาวเริ่มตั้งยอดแล้วก็ยกชามแก้วไปไว้ด้านข้าง ดันส่วนผสมอื่นๆ มาไว้แทนที่

“ใส่น้ำตาลงลงไปในไข่แดงนะ ค่อยๆ ตีให้มันเข้ากัน แล้วมึงก็ใส่ของเหลวไปก่อน แล้วตามด้วยของแห้ง” อินเอ่ยอธิบายง่ายๆ ให้กีตามทัน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระชอนขึ้นมาร่อนแป้งรอไว้

“ว่าแต่มึงทำให้ต้นหรอ” เขาเอ่ยถามไปตรงๆ ในสิ่งที่เดาไว้ เพราะมั่นใจว่าจู่ๆ มันคงไม่คึกทำเค้กให้ตัวเองกินหรอก กีที่ยังมุ่งมั่นกับการใส่ส่วนผสมเผลอพยักหน้าเป็นการยอมรับก่อนจะสะดุ้งเมื่อคิดได้ว่าเผยไต๋ไปซะแล้ว

“วันเกิดหรอ เมื่อไหร่ล่ะ แล้วจะจัดงานไหม กูยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยนะ” อินรีบถามขึ้นมาทันที เพราะถ้าเป็นวันเกิดต้น เขาก็ต้องหาของขวัญให้อีกฝ่ายเหมือนกัน อดแปลกใจไม่ได้ที่ดินไม่เห็นพูดอะไร

“ไม่ใช่มึง ก็แค่ทำเฉยๆ”

“...”

“มองหน้ากูทำไม” กีเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเจอเพื่อนสนิทยืนจ้องเขาอยู่ รอยยิ้มของมันไม่น่าไว้ใจสักนิด

“ชอบมันมากแล้วสิ”

“เห้ย.. เปล่า” กีปฎิเสธเสียงแข็ง เขาไม่อยากแสดงออกให้เพื่อนสนิทรู้ว่าเขาชอบอีกคนมากแค่ไหน ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนเจ้าชู้ ไม่มีใครคิดหรอกว่าต้นจะจริงจังกับเขา ทุกคนก็แค่รอวันที่อีกคนจะทิ้งเขากันทั้งนั้น ดังนั้นถ้าแสดงออกไปว่ารักมันมากเหลือเกิน ก็รั้งแต่จะทำให้เพื่อนสนิทเป็นห่วงเปล่าๆ ทุกวันนี้มันก็เป็นห่วงเขาแทบตายอยู่แล้ว

“แต่คุณหนูกีถึงขนาดทำเค้ก”

“ก็แค่เค้กไหมมึง” อินถอนหายใจให้กับท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกคน เมื่อมันไม่อยากตอบก็ไม่อยากคาดคั้นอะไรมันไปมากกว่านี้

“เออๆ ระวังตัวด้วยแล้วกัน กูเป็นห่วง”

“เออ กูดูแลตัวเองได้ มึงเถอะ คุ้กกี้มึงไหม้แล้วมั้ง” เมื่อกีว่าอย่างนั้นอินก็แทบสะดุ้งรีบวิ่งไปดูคุ้กกี้หน้าเตาอบ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่กอกเมื่อมันยังอยู่ในสภาพดี

“มึงไปปากช่องพรุ่งนี้หรอ” กีถามถึงโปรแกรมมที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า

“อืม นี่ก็ทำเอาไว้กินระหว่างทาง ดินชอบ”

“อือหือ เอาใจเต็มที่เลยนะมึง”

“ก็เดี๋ยวไปค่าย ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์” กีพยักหน้ารับรู้ ตายังมองส่วนผสมตรงหน้าที่เริ่มเป็นเนื้อเดียวกันในมือตน สมองคิดไปถึงคราวที่แล้วที่เพื่อนเคยพาไปหายาย จำได้ว่าสนุกจนแทบไม่อยากกลับ

“กูก็อยากไปอีกจัง ยายมึงโครตใจดี”

“เออ ไว้รอบหน้าชวนต้นไปด้วยกันดิ”

“เออ แล้วจะลองถามดู”

.

.

.

.

.

.

.

Nong-Ki: เย็นนี้ว่างหรือเปล่า

TangTon: ครับ

Nong-Ki: เดี๋ยวแวะไปหาที่ห้องนะ มีเรื่องจะคุยด้วย

TangTon: โอเคครับ

กีที่มือหนึ่งถือถุงเค้ก อีกมือถือโทรศัพท์กำลังยืนไล่อ่านแชทที่คุยกันก่อนหน้านี้อยู่หน้าลิฟท์ เขารู้สึกถึงความไม่ปกติบางอย่างในข้อความที่อีกคนส่งมา

มันสั้นเกินไปหรือเปล่านะ

ช่วงสองสามวันนี้อีกคนเหมือนไม่อยากคุยด้วย ถามคำตอบคำ ถ้าเขาไม่ทักไปก่อนก็เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เคยคิดทักมาเลย กีส่ายหัวสลัดความคิดแย่ๆ ทั้งหมดออกไป พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าต้นก็แค่ยุ่งกับงานที่บริษัทเท่านั้น อดด่าตัวเองในใจไม่ได้ เวลาแบบนี้แทนที่จะงี่เง่าที่เขาไม่มีเวลาให้ เขาควรให้กำลังใจอีกฝ่ายให้เยอะๆ มากกว่า

ติ้ง!

กดล๊อคโทรศัพท์แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกกว้าง เขาเดินเข้าไปข้างในก่อนจะหันไปกดหมายเลขชั้นที่ขึ้นไปประจำทั้งๆ ที่ไม่ได้มาครั้งแรกแต่วันนี้หัวใจกลับเต้นรัวเร็วจนเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้ว สายตามองตามหมายเลขลิฟท์ที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ปากก็ท่องทบทวนประโยคที่เตรียมไว้ซ้ำไปซ้ำมา

“..สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือนนะ...

...ไม่ใช่เดือนเดียว แต่ขอให้มันเป็นเดือนแรกของเรานะ”

สติที่หลุดไปกลับมาอีกครั้งเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก กีสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาแรงๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ เหลือบมองตัวเองเร็วๆ หัวจรดเท้าในกระจกบานใหญ่ของลิฟท์อีกครั้งเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย พอก้าวออกมาได้ก็อดไม่ได้ที่จะแง้มดูสภาพเค้กที่ถืออยู่ในมือว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า พอทุกอย่างดูเข้าที่เขาก็เดินตรงไปยังห้องของคนที่มาหา แต่ละก้าวที่เดินออกไปช่างหนักอึ้ง ในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการนับร้อยนับพันว่าเรื่องของเขาจะเป็นยังไงต่อไป ถึงใจจะบอกว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่ส่วนที่อยู่ลึกที่สุดก็ยังครอบคลุมไปด้วยความกลัว





ก๊อกๆ ๆ

ร่างบางเคาะประตูเบาๆ สามครั้ง รออยู่อึดใจประตูก็เปิดแง้มออก ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปต้องชะงักเมื่อช่วงหน้าเรียวเล็กของใครคนนึงที่เขาไม่รู้จักโผล่มาจากหลังประตู กีเหลือบไปมองหมายเลขห้องอีกครั้งเมื่อเห็นว่าถูกต้องก็ยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่หันกลับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา คนตรงหน้าดูท่าทางลุกลี้ลุกลน เหงื่อออกเต็มปลายจมูก เราสองคนจ้องกันสักพักและเป็นคนด้านในที่เอ่ยออกมาก่อน

“มะ..มาหาใครครับ..”

“เอ่อ.. ต้น.. ห้องตั้งต้นหรือเปล่า”

“อ่อ ใช่ๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่...เฮ้ย! อย่าเพิ่ง...” พอมั่นใจว่ามาถูกห้องกีก็ไม่รอฟังดันประตูเปิดกว้างก่อนจะเดินก้าวเข้าไปด้านในจนอีกคนร้องห้ามเสียงหลง กีไม่คิดจะฟัง ยิ่งคนตรงหน้าทำท่าเหมือนซ่อนอะไรอยู่ เขาก็ยิ่งอยากเข้าไปให้เห็นกับตา

เมื่อเข้ามายืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายกีก็ต้องตาโตเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง คนตรงหน้าเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ติดกระดุมอยู่แค่เม็ดเดียว แถมยังติดผิดจนชายเสื้อข้างหนึ่งสั้นกว่าอีกข้างอยู่มาก มองลงไปด้านล่างก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีเพียงบ็อกเซอร์สีแดงสั้นสีสด กีรู้สึกหน้าชา มือไม้สั่นจนแทบจะประคองเค้กในมือต่อไม่ไหวแล้ว

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรเนี้ย” กีพึมพำออกมาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่มันก็ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

“แกนั่นแหละเป็นใคร อยู่ๆ ก็เข้ามา ออกไปเลยนะ ไม่งั้นจะโทรเรียก รปภ.” อีกฝ่ายเริ่มโวยวายขึ้นมาบ้าง พอดีกับที่ประตูห้องนอนเปิดออกมา สภาพของคนมาใหม่ไม่ได้ต่างกับอีกคนมากนัก ร่างสูงใหญ่ที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนร่างมีเพียงกางเกงวอร์มสีดำที่รั้งต่ำจนเห็นแนววีเชฟชัดเจน กีบอกแล้วว่ากีไม่ใช่คนโง่ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ได้เองว่าสองคนที่อยู่ในสภาพนี้เพิ่งไปทำอะไรกันมา

“ต้นรู้จักหรือเปล่า อยู่ๆ มันก็บุกเข้ามา” คนตรงหน้ากีเริ่มฟ้อง เดินเข้าไปควงแขนอีกฝ่ายแน่น กีมองทุกการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่ละสายตา

“อืม ริวไปรอในห้องนอนนะ”

“แต่..”

“บอกให้ไปรอในห้องไง” เมื่อได้ยินต้นพูดซ้ำด้วยเสียงที่เข้มขึ้นริวก็ยอมตัดใจผละเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณอีกครั้ง ต้นเดินไปปิดประตูที่กีเปิดค้างไว้จนสนิทก่อนจะผายมือไปที่โซฟาเป็นการเชื้อเชิญ

“นั่งก่อนไห...”

“ไม่เป็นไร!!” กีรีบสวนกลับเสียงแข็งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาตัดสินใจวางกล่องเค้กในมือลงก่อนที่จะทำมันหล่นจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขาสั่นเป็นเจ้าเข้าไปหมดแล้ว

“ไหนกีบอกมีเรื่องจะคุยกับต้น” เมื่อกีปฎิเสธอีกฝ่ายก็ว่าต่อ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเรียบเฉยจนกีใจหาย เขาอดแปลกใจกับท่าทางที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวของคนตรงหน้าไม่ได้

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไร” กีทำได้แค่พูดคำถามเดิมซ้ำขึ้นมา ต้นเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เข้าใจก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วยกขึ้นดื่ม กีมองทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ท่าทางสบายๆ ของอีกคนทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มเดือดดาดขึ้นมากกว่าเดิม จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอื้อมไปคว้าขวดน้ำในมืออีกฝ่ายปาใส่ผนังด้านหนึ่งอย่างแรงจนน้ำกระฉอกเต็มพื้น

“ทำอะไรน่ะ” เสียงเข้มกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ ท่าทางสบายๆ ของต้นเปลี่ยนไปทันที ตาคมจ้องมองมาที่เขาอย่างนึกตำหนิ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว

“ไอ้เหี้ยในนั้นเป็นใคร”

“กี ระวังคำพูดหน่อย” คนตัวโตกล่าวเตือน

“ทำไมเราต้องระวัง นี่มันอะไรกัน” เสียงที่เอ่ยออกไปเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไร้การควบคุม

“เราถามว่ามันเป็นใคร!!”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับกีด้วย” คำตอบที่สั้นกระชับถูกสวนกลับมาอย่างเยือกเย็น กีที่ตั้งท่าจะโวยวายสะดุดอึ้งไปคำตอบที่ไม่คาดคิด แต่ความร้อนรุ่มข้างในก็ยังผลักดันให้ดื้อรั้นเถียงต่อไป

“ไม่เกี่ยวได้ไง ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ” เมื่อจบประโยคห้องเล็กก็โดนความเงียบปกคลุม กีกำหมัดแน่น กลั้นหายใจรอฟังคำตอบ จับจ้องอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงไปนั่งบนโซฟา เอาสองมือลูบหน้าตัวเองไปมา

“หึ..หึ” ไหล่ของต้นเริ่มสั่นไหว กีไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรจนเดินเข้าไปใกล้จึงเข้าใจได้อย่างชัดเจน

“ฮ่าๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลั่น มันดังขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนต้นไม่สามารถควบคุมมันได้ หงายหลังพิงโซฟาเอามือกุมท้องแน่น

“ต้น...” กีงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็แอบใจชื้นขึ้นมานิดเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายแกล้งอำเขาเล่น ยกยิ้มขึ้นเตรียมจะว่าคนที่เล่นแรงแบบนี้ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรอีกคนก็พูดขึ้นมาก่อน

“นี่ยังไม่ครบเดือนอีกหรอ” รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาต้องหายไปทันที

“มะ..หมายความว่าไง”

“ก็ไหนบอกเดือนเดียวไง ทำไมนานจัง”

“ก็นี่ไง ก็ครบเดือนพอดี” กีว่าพร้อมกับหันหลังตั้งใจจะไปหยิบเค้กที่เตรียมไว้มาให้

“งั้นก็ดีเลย จะได้จบๆ กันไปซะที” เท้าเขาชะงักทันที หันหน้ามาประจันกับอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหู

“นี่แค่เดือนเดียวเองนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเบื่อได้ขนาดนี้” คนตรงหน้ายังคงพ่นคำพูดร้ายออกมาอย่างกลัวเขาเจ็บไม่พอ กีจ้องเข้าไปในตาสีนิลของอีกฝ่ายเพื้อนต้นหาความจริงแต่ก็ต้องใจเสียมากขึ้น

ไม่มีความล้อเล่นในแววตานั้น

กีพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เขากัดฟันแน่นเพื่อห้ามน้ำตาไม่ให้ร่วงลงมาตอนนี้ ความทรงจำตลอดหนึ่งเดือนที่แสนหวานหวนกลับมาจนไม่อยากจะเชื่อกับทุกสิ่งตรงหน้า ตอนนี้หัวใจเกรี้ยวกราดจนอยากจะต่อว่าอีกฝ่ายให้สาสม แต่แล้วคำพูดที่เคยสัญญากันไว้ในวันแรกก็เข้ามาทำลายทุกสิ่ง

‘ก็ลองคบกันเดือนนึง พอครบเดือนถ้ามีคนไหนไม่อยากไปต่อค่อยเลิก ถ้าพอใจทั้งคู่ค่อยว่ากัน’

‘ได้ งั้นเดือนนึงนะ ถ้าไม่โอเคแล้วทางใครทางมันนะ’

น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา ทั้งที่โกรธมากมายแต่ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำผิดสัญญา ถ้าจะโกรธ ก็ต้องโกรธตัวเองที่ยอมรับข้อตกลงบ้าๆ แบบนี้

“อะ..เอางั้นหรอ” เสียงสั่นถูกเอ่ยออกไปเมื่อการพยายามควบคุมไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว เขาแอบเห็นแววตาวูบไหวในตาอีกคน แต่มันก็แค่แวบเดียวจนต้องคิดว่าเขาคิดไปเอง รออยู่สักพักเมื่ออีกคนไม่ว่าอะไรต่อ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดเอง

“โอเค งั้นก็ตามนี้” พูดเสร็จกีก็หันหน้าเดินออกไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมา เมื่อประตูปิดสนิทเขาก็ยืนค้างอยู่แบบนั้นสักพัก ส่วนลึกของหัวใจเขายังแอบหวังให้ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องโกหก ยังอยากให้อีกคนมารั้งไว้แล้วบอกว่าล้อเล่น แต่เมื่อไม่มีทีท่าว่าใครจะเปิดประตูออกมาเขาก็ตัดสินใจเดินตรงไปหน้าลิฟท์ หมายเลขชั้นของลิฟท์ที่เคลื่อนไหวตรงหน้าเริ่มพร่ามัวขึ้นจนในที่สุดก็มองไม่เห็น เมื่อลิฟท์ถูกเปิดออก กีก็รีบแทรกตัวเข้าไปด้านใน กดชั้นหนึ่งซ้ำๆ เหมือนหวังให้มันไปถึงเร็วขึ้น

ฮึก

กีร้องไห้อย่างไม่อาจจะเก็บกลั้นมันอีกต่อไปแล้ว ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดถูกระบายออกมาเป็นสายน้ำ ใจยังไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ ทั้งๆ ที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตา ได้ยินทุกถ้อยคำบาดลึกด้วยหูของตัวเองแท้ๆ เขายกมือข้างนึงจับหน้าอกข้างซ้ายที่บีบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก

“เจ็บ ฮึก..เจ็บ” พร่ำบอกออกมาเหมือนอยากให้คนบางคนได้ยิน

“ต้น... กีเจ็บ...”

ความเสียใจที่ก่อตัวทำให้เผลอเรียกหาคนที่เพิ่งตัดสินใจทิ้งกันไป

‘คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว’

กีปล่อยโฮอีกครั้ง ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเมื่อจู่ๆ ขำหวานที่อีกฝ่ายเคยบอกมามันแว๊บเข้ามาในหัว แม้แต่เวลาแบบนี้เขายังไม่อาจลืมสิ่งที่อีกคนเคยบอกไว้ จนในที่สุดสิ่งเดียวที่ทำได้คือพร่ำโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา









“ไอ้เหี้ยกี มึงมันโง่ มึงมันโง่”

















****************

ตอนหน้าตอนจบแล้วนะ!!





แต่!!

เรื่องขอต้นกีจบแค่นี้ค่ะ 55555 ด่าได้แต่อย่างแรงนะ เค้าใจอ่อนแอ (>~<)

อยากรู้ว่าสองคนนี้จะเป็นยังไง ต้องไปอ่านกันต่อในเรื่อง แฟนเดือนเดียว / A month boyfriend กันแน่นอนจ้า ไม่ยาวเท่าเรื่องนี้ด้วยอ่านเพลินน แปปเดียวจบงี้!!!

แฮทแทค #ต้นคนรักไม่เป็น

สารภาพว่าจบไม่ลงจริงๆ รักคู่นี้มากกกกก (อีดินจะงอนไหม) ก็เลยขออีกนิดแล้วกันเนาะ เปิดไว้บางที่แล้วนะคะ สำหรับบางที่ยังไม่ได้ลง ก็ตามทวิตเตอร์กันเด้อ ลงอัพเดทที่นั่นที่เดียว (@maywrite1) ยังไงของฝากสองคนนี้ด้วยเนาะ มาก่อนพี่แทนกับน้องหมีพูห์ไปอีก (โดนแซงไปหลายคิวเลยคู่นั้น)

อยู่ลุ้นตอนจบของคู่หลักไปด้วยกันนะคะขอบคุณค้า~

#รักมือสองอินดิน








ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดราม่าหนักกว่าคู่หลักเยอะเลย ตัดโดยไม่คิดจะถามเลยหราอิต้น :o12:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารกี :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด