2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019  (อ่าน 21693 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มาต่ออีกนะครับ,,,

ออฟไลน์ Panza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอน้าาา ส่งกำลังใจให้นู๋อิน ต้นกีคือน่าลุ้นน่าแกล้งมากก


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
08:00 แฟน




ดินเก็บหนังสือและชีทเรียนลงกระเป๋าเมื่ออาจารย์ประกาศเลิกคลาส วันนี้เขามีเรียนตั้งแต่เช้ายันเย็น กว่าจะเสร็จคาบสุดท้ายก็ปาไปเกือบห้าโมงเย็นแล้ว แถมวันนี้มีร้องเพลงที่ร้านอีก สำหรับดินวันนี้จึงเป็นวันที่เหนื่อยสุดๆไปเลย

แต่แบบนี้มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว



เวลาที่เขายุ่งๆแบบนี้อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านถึงคนบางคน คนที่ไม่ยอมคุยกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว 

คงจะโดนเกลียดเข้าไปจริงๆนั่นล่ะ



แต่ไหนแต่ไร ดินเป็นคนอารมณ์ร้อน เป็นประเภทพุ่งชน อยากได้อะไรลงมือทำ เก็บอารมณ์หรือควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาถึงคบกับใครไม่ค่อยยืด แล้ววันนั้นที่เห็นอินอยู่กับแฟนเก่าที่ผับ ภาพที่อินโดนจับแก้มมันก็แล่นซ้อนกลับมา แล้วยังแฟนเก่าอีกคนที่หายไปด้วยกันอีก วันนั้นสมองมันคิดเรื่องดีๆไม่ได้เลย จนในที่สุดก็ทำให้อีกคนร้องไห้



หลังจากวันนั้นเขาก็อยากขอโทษและอยากถามเจ้าตัวในหลายๆเรื่อง แต่มันก็มีคำถามซ้อนเข้ามาอีก



เขาเป็นใคร

มีสิทธิ์อะไรไปถามวุ่นวาย

เป็นอะไรกันแน่สำหรับอิน

แล้วพอไปๆมาๆ คำถามมันก็กลายเป็นว่า

ไม่มีเขา อีกฝ่ายจะรู้สึกอะไรไหม



ดินคิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ สองอาทิตย์มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ได้อย่างดีโดยไม่มีเขา มันก็ตั้งแต่แรกแล้วนี่ ที่เขาดึงดันจะเข้าไปในชีวิตอีกคน ทั้งๆที่เขาพยายามไล่ออกมาตลอด



“ไปมึง กินข้าวก่อนไหมแล้วค่อยเข้าร้าน” ต้นแตะบ่าเขาก่อนจะเอ่ยถาม เขาพยักหน้ารับเบาๆลุกออกจากห้องเรียนเตรียมเดินไปชั้นหนึ่งเพื่อไปลานจอดรถอีกที



“ไอ้แทนไปนั่งที่ร้านไหมวันนี้”

“ไม่ล่ะมึง กูง่วง กินข้าวกับพวกมึงเสร็จก็ว่าจะกลับห้องเลย”

“แล้วแต่เลย พวกกูอยู่ร้าน เปลี่ยนใจก็โทรมานะ”

ต้นเอ่ยชวนเพื่อนสนิทเป็นปกติ เขามักจะอยู่สังสรรค์กันหลังเล่นดนตรีเสร็จเสมอ เอามือพาดบ่าคนตัวหนาเดินลงบันไดลงมาชั้นหนึ่ง



“พี่ดินนนนนนนนนนนนนน”

เมื่อก้าวลงมาถึงชั้นหนึ่ง ดินก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังมา มองไปทางต้นเสียงเรียกแล้วก็แอบกรอกตาเมื่อเห็นน้องรหัสวิ่งพุ่งตรงมาหาเขา อ้าแขนรอเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะกำลังกระโดดเข้ามาหา และก็เกือบจะเป็นอย่างนั้นจริงๆถ้าไม่มีแขนมาคว้าอีกฝ่ายไว้ก่อน



“มึงหยุด” แทนเข้ามาขวางระหว่างเขากับหมีพูห์

“พี่แทนอย่าเสือก”

“มึงด่ากูหรอไอ้หมูพี”

“หมีพูห์เหอะ พี่ดิน พี่ต้น น้องโดนแกล้งงงงง”

“ฮ่าๆๆ โอ๋ๆๆ น้องหมีพูห์มาหาพี่ต้นม่ะ”

หมีพูห์รีบสะบัดแขนออกจากคนตัวโต พุ่งเข้าไปหาเพื่อนพี่รหัสอีกคน กอดเข้าที่เอวแล้วคลอเคลียกับกล้ามแขนแน่นปึ้กของอีกฝ่าย



“แรด”

“พี่ดินนนนน หมากัดน้อง”

ไม่พูดเปล่า หมีพูห์รีบวิ่งไปเกาะแขนพี่รหัสตัวเองตอนที่คนตัวโตเผลอ

“กูละสงสารมึงจริงๆไอ้ดิน”

“เออ พอเหอะไอ้แทนมึงก็ชอบแกล้งน้อง หมีพูห์มีอะไรหรือเปล่า วิ่งมาทำไมเดี๋ยวล้มหรอก”

แทนกลอกตามองบนเมื่อคนตัวเล็กแลบลิ้นมาให้เขา ก่อนที่จะหันไปยิ้มหวานให้พี่รหัสตัวเองแล้วว่าต่อ



“พี่ดินเข้าร้านไหมวันนี้ หมีพูห์จะไปนั่งกับเพื่อน”

“อืม วันนี้พี่มีร้องตอนทุ่มนึง มาสิ”

“ได้เลย วันนี้จะอวดเพื่อนให้หมดเลย ก็พี่รหัสผมหล่ออะ”

“กูไปด้วย” แทนพูดขึ้น

“อ้าวไหนมึงง่วง”

“กูเปลี่ยนใจล่ะ กูว่างพอดี”

“เออๆ งั้นไปกินข้าวกัน หมีพูห์ไปกับพี่ไหม”

“ไปครับๆ พี่ดินเลี้ยงนะ”

“เออ พี่ก็เลี้ยงเราทุกทีนี่”

คนตัวเล็กกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ส่งเสียงโวยวายกระโดดกอดพี่รหัสไม่หยุด



“ดิน” ดินหันไปหาเพื่อนสนิทที่เรียกเขา แต่ต้นไม่ได้มองมาที่เขา เขาจึงมองตามสายตาของอีกฝ่าย เห็นคนที่เขาคิดถึงมาสองสัปดาห์ยืนอยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อน เราสองคนสบตากันแปปนึงก่อนที้สายตาอีกฝ่ายจะเลื่อนลงไปที่แขนเขา บริเวณที่หมีพูห์จับอยู่



“เอาไงมึง” ต้นหันมาถาม

“มึงไปเจอกันที่ร้านเลยนะ กูขอไปหาเขาก่อน”

“ใครอ่ะพี่ดิน”

“แฟนมัน แล้วมึงก็ปล่อยแขนมันได้แล้ว แฟนเขาจะเข้าใจผิด” เป็นแทนที่ตอบคำถาม

“แฟนพี่ดินโครตน่ารักเลย ผมขอเข้าไปทำความรู้จัก..โอ้ยยย”

“มึงไปกินข้าวกับพวกกู”

หมีพูห์ที่กำลังจะพุ่งไปหาอินก็ร้องออกมาทันทีที่โดนดึงคอเสื้อแล้วลากไปอีกทาง เพื่อนทั้งสามบอกลากันเร็วๆก่อนที่ดินจะเดินตรงไปหาคนที่มายืนรออยู่



********

“หวัดดี” อินเอ่ยทักทายสั้นๆ
“อินมาทำไมแถวนี้หรอครับ”
“ก็มาหาดิน อยากคุยด้วย”
“ครับ?”
ทั้งๆที่ซ้อมคำพูดมาเยอะแยะแต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็ประหม่าจนไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน วันนี้คนตัวโตดูเย็นชากว่าที่เคย จนตอนนี้ใจฟ่อไปหมดแล้ว



“ไปหาอะไรกินไหม ค่อยคุยกัน”
“งั้นไปกินแถวร้านไหมครับ เดี๋ยวผมต้องร้องเพลงวันนี้”
อินหน้าชากับคำแทนตัวของอีกฝ่าย แต่ก็พยักหน้าเป็นการตกลง เราสองคนจึงเดินเงียบๆไปที่รถของดิน เมื่อเริ่มออกรถ ก็เป็นอินเองที่ตัดสินใจทำลายความเงียบ


“ดิน”
“ครับ?”
“โกรธเราหรอ?”
“เปล่า ผมจะโกรธอินทำไม”
“แล้วทำไมไม่แทนตัวเองว่าดินแล้ว”
“..”
“ขอโทษนะที่ไม่ติดต่อกลับมาเลย”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขอโทษที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความ”
“ไม่เป็นไรเลย ผมผิดเอง”
“ดินไม่ผิดสักหน่อย”
“ผิดสิ ผมไม่ควรไปแตะตัวอิน ถ้าอินไม่อนุญาต”
“...”
“แล้วผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้อินเล่าหรือไม่เล่าอะไร”

“...”

“แล้วไม่ว่าอินจะคุยกับใครก็ไม่เกี่ยวกับผม”

“...”

“จริงไหม?” คนตัวโตหันมามองเขา ทั้งที่น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน แต่สายตาที่ส่งมากลับปะปนไปด้วยความน้อยใจและความโมโห


“สามคน”

“ครับ?”

“หลังจากที่เลิกกับแฟนคนแรก เราก็คบกับอีกสามคน และตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกับใครนอกจากดิน”

“...”

“แล้วกับแฟนคนแรก เราแอบชอบเขามาสามปีก่อนที่จะคบกัน แล้วเลิกกันตอนมอหก”

“อินไม่จำเป..”

“เราอยากเล่า”

“...”

“ฟังได้ไหม”

คนตัวโตพยักหน้า พอดีกับที่เรามาถึงลานจอดรถหน้าร้านล่องลอยพอดี เราสองคนเดินไปนั่งตรงร้านบะหมี่ข้างๆ สั่งบะหมี่คนละชามก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่าง เรานั่งกินกันไปเงียบๆ ทั้งๆที่อินอยากจะเล่าแต่ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มยังไง ความกล้าที่มีก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว


“แล้วทำไมถึงเลิกกันครับ”

ดินเป็นฝ่ายเริ่มถามก่อน อินมองหน้าอีกฝ่าย ยกยิ้มมุมปาก เขาคิดถึงคนคนนี้ที่สุด คนที่แสดงออกทุกอย่างในสิ่งที่ตัวเองคิด


“โดนนอกใจ”

“เหี้ย แล้วทำไมถึงยังจำ” คนตัวโตสบถออกมา

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเพราะความทรงจำดีๆมันมากกว่า”

“...”

“หรืออาจจะเป็นอย่างที่ดินบอกก็ได้”

คนตัวโตคิ้วขมวดอย่างไม่แน่ใจ



“ไม่ใช่ว่ามันดีมาก”

“...”

“แต่เราเพิ่งเจอดินต่างหาก”











************



เมื่อทั้งสองเข้ามาในร้านดินก็กวาดตามองหาโต๊ะของเพื่อนสนิท เห็นต้น แทนและหมีพูห์นั่งกันอยู่ตรงมุมหนึ่งใกล้ๆเวที พอเห็นแล้วก็จับมืออีกคนจะจูงเข้าไปที่โต๊ะแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงไว้จนชะงักหันหลังกลับมาหา



“ครับ?”

“น้องคนนั้น...”

“หมีพูห์?”

“ชื่อหมีพูห์หรอ น่ารักดีนะ” ดินแอบอมยิ้ม

“น้องรหัสครับ ก็น่ารักดี”

ตอนนี้คนตัวเล็กหน้ามุ่ยไปแล้ว พยักหน้ารับรู้แล้วเดินนำหน้าไปที่โต๊ะ จนเขาต้องคว้ามือไว้ก่อนกระซิบข้างหู

“แต่อินน่ารักที่สุด”

“ปากหวานแบบนี้ เจ้าชู้ชัวร์”

“เอ้า พูดความจริงครับ”

“ก็เป็นซะอย่างเนี้ย คนเขาถึงหลงกันเยอะแยะ ดูคนมารอฟังเพลงสิ”

ว่าแล้วคนตัวเล็กก็กวาดตามองหน้าเวที ที่ตอนนี้เริ่มมีคนแน่นแล้ว นี่เริ่มหงุดหงิดจริงๆแล้วนะ



“นี่จะเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าอินหึง”

“จะหึงได้ไง ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

เขาพูดออกไปแบบนั้นเพราะหงุดหงิดปนเขิน แต่คนตัวโตเหมือนจะไม่เข้าใจ จากที่ยิ้มๆอยู่ตอนแรกกลับมาหน้าบึ้งอีกครั้ง

“นั่นสินะ ผมเข้าใจผิดเอง”

ก่อนที่อินจะกล่าวแก้ตัวก็เป็นจังหวะเดียวกันที่น้องรหัสของอีกฝ่ายเข้ามาจับแขนคนตัวโตไว้



“พี่ดินมาแล้วทำไมไม่ไปที่โต๊ะ ผมรอนานแล้วนะ”

“โวยวายตลอดนะเรา”

ดินยกมือดีดหน้าผากน้องรหัส พยายามดึงมือออกจากแขนเขา

“โอ๊ย พี่ดินอะ น้องเจ็บนะ! พี่อินไม่ต้องกังวลนะครับ ผมเป็นแค่น้องรหัสสุดที่รักพี่ดินเฉยๆ ไม่เกินเลยแน่นอน”



หมีพูห์บ่นก่อนที่จะหันไปคุยกับอิน ไม่คุยเฉยมันปล่อยมือจากพี่ตัวเองไปหาอีกคนเรียบร้อยแล้ว



“หมีพูห์อย่าเยอะ คนนี้ห้ามยุ่ง”

“โห พี่ดิน แฟนพี่ดินก็เหมือนพี่สะใภ้ผมไง”

“หมีพูห์ ไม่เล่น แล้วเขาก็ไม่ใช่แฟนพี่”

ประโยคหลังคนพูดหันหน้ามามองอินตอนพูด กลัวว่าคนตัวเล็กจะไม่ชอบใจที่โดนเข้าใจผิด

ถึงจะแอบน้อยใจก็เถอะ



“พี่อินนั่งกับหมีพูห์นะ เดี๋ยวพี่ดินกับพี่ต้นขึ้นเวที ผมไม่อยากนั่งกับพี่แทนสองคน เพื่อนผมมันเบี้ยวไปแล้ว”



อินพยักหน้า สบตาคนที่แยกไปเวทีก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะ ทักทายกับเพื่อนสนิทอีกคนของดินก่อนที่นั่งลง

เราทั้งสามคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นหมีพูห์ที่ไม่เผาพี่รหัสตัวเอง ก็นั่งทะเลาะกับแทน เขาก็แค่นั่งหัวเราะทั้งสองคนไปมา มีแอบสบตากับนักร้องบนเวทีที่มองมาทางเขาเรื่อยๆ



“ครับ ต่อไปก็เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ”



เสียงต้นดังมากจากเวที ทำให้ทุกโต๊ะหันไปทางเดียวกัน



“ผมอยากส่งท้ายค่ำคืนนี้ด้วยเพลงซึ้งๆเพลงนี้ ไม่รู้ว่าจะชอบกันหรือเปล่าแต่เพื่อนผมโครตอินกับเพลงนี้เลยครับ”



ว่าแล้วตั้งต้นก็เริ่มต้นดีดกีต้าร์เพราะๆ เข้ากับบรรยากาศสบายๆของร้านตอนนี้



“พี่อินไม่ใช่แฟนพี่ดินจริงๆหรอครับ” รุ่นน้องตัวเล็กยังไม่หยุดสงสัย อินส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นการปฎิเสธ ก็ตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย



“อ้าว ไหนพี่แทนบอกว่าเป็นแฟนกัน”

แทนแทบอยากจะเอามือปิดปากคนช่างพูด มันไม่มองหน้าคนโดนถามเลย ตอนนี้หน้าหงอยไปหมดแล้ว



เจ็บในใจต้องมาฟังเรื่องช้ำเธอบอก

อยู่ประคองต้องมองเธอมีน้ำตา



อินเงยหน้าไปมองบนเวทีอีกครั้ง ตอนนี้เขาใจเต้นรัวเร็วขึ้น อาจจะเป็นเพราะเสียงนุ่มๆที่เขาไม่ได้ยินมาสองอาทิตย์ หรือไม่ก็อาจจะเป็นความหมายของเนื้อเพลงที่อีกคนกำลังร้องอยู่



“แต่พี่ดินดูชอบพี่อินมากเลยนะครับ ดูสายตาดิ โครตหวาน”

“...”

“พี่ทำใจแข็งไม่ชอบพี่ดินได้ไง”

“พี่...”



ไม่เป็นไรอย่าไปจำ

วันช้ำเริ่มใหม่

ส่งใจมาอยู่ไม่ไกลตรงนี้ยังมีใคร



อินรู้สึกเหมือนตอนอายุ 14

ตอนที่ตกหลุมรักครั้งแรก

หัวใจที่มันเต้นรัวจนเหมือนจะระเบิดออกมา

และความรู้สึกที่อยากครอบครองคนตรงหน้าจนทนไม่ไหว



ร้ายร้ายเป็นแค่ฝัน

รักร้าวเรื่องวันนั้น

สุดท้ายก็ต้องผ่านไป

ล้มซบตรงไหล่ฉัน

รักษาใจที่ช้ำ

ไม่ต้องกลัวอะไร



อินคว้ากระดาษกับปากกาจากกระเป๋าสะพายออกมาเขียนข้อความสั้นๆ รวบรวมความกล้าก่อนที่จะลุกเดินไปหน้าเวที เมื่อนักร้องนำเห็นเขายื่นกระดาษส่งไปให้ก็เอื้อมมือมารับอย่างงงๆ ก่อนจะเปิดอ่านแล้วส่งยิ้มที่เขาคิดถึงที่สุดกลับมาหาเขา



เศษใจที่เขาโยนทิ้ง

ยินดีรับครอบครอง

เป็นรักมือสอง

ก็อยากดูแล

ใครเห็นเป็นดินช่างเขา

แต่ในคืนมืดมิดคือดาวสำหรับฉัน



“ร้องเพราะจนสาวหลงขนาดนี้ ขอหึงได้ไหม?



ในฐานะแฟน...”





เธอเป็นส่วนสำคัญของหัวใจ...







**************

Credit รักมือสอง - Bedroom Audio





ยังอยู่กันไหมมมมม ทางนี้เขารักกันล้าวววว



อาทิตย์นี้อาจจะได้อัพไม่บ่อยนะคะ อาจจะแค่ตอนเดียว อย่าเพิ่งเทกันน้า มีกันอยู่แค่นี้ 555



รักกกกกกก

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :katai2-1: :katai2-1:
ชอบคู่กีกับต้น

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาแล้วสิ เป็นแฟนกันแล้ว,,,

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตอนนี้อินน่ารักจมเลย
กดบวกให้กำลังใจอินและดิน
เค้าเป็นแฟนกันๆๆๆๆๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (08:30 ขอ spoil น้า )
«ตอบ #36 เมื่อ04-06-2019 16:53:19 »


“อิน.. ดินหยุดไม่ได้แล้ว”

.

.

.

.

.





“อินก็ไม่ได้บอกให้หยุดซักหน่อย”









กรี๊ดดดดด

เขียนเอง เขินเอง นักเลงพอ 555555

ว่าจะไม่มา แต่มันไม่ไหว ขอหยอดนิดนึง









เป็นการเขียน NC ครั้งแรกในชีวิต (.////.)

แบบอย่าเพิ่งคาดหวังมากนะคะ อาจจะยังบรรยายไม่ได้ดีมาก แต่ตั้งใจกว่าตอนสอบเข้ามหาลัยไปอี้กกก

ชอบไม่ชอบยังไงก็มาแล้ว ฝากติดชมกันด้วยนะก๊ะ





อาทิตย์นี้อาจจะมาช้าหน่อยนะคะ แต่มาแล้วมาติดกันหลายตอนแน่นอน แต่เนื้อเรื่องเริ่มจะเข้มข้นขึ้นแล้วเนาะ เขารักกันแล้วนี่น่าาาา





แล้วบอกไว้เลยนะ ว่าใครที่ไปหนีไปเชียร์คู่ต้นกีให้กลับมาก่อนนนน พระเอกของเรากำลังจะกลับมาเรียกคะแนนด้วยลูกอ้อนสุดฤทธิ์ เมย์นี่บางครั้งไม่แยากจะให้อินอินเลย อยากเก็บไว้เองงงง ก๊ากกกก





คู่กีกับต้นก็มานะ ใกล้แล้ววว ใกล้จะตีกันอีกแล้ววว 555 ฝากสองตัวป่วนไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ





ไม่รู้ว่ามีใครพอตะสังเกตเห็นคู่ที่พยายามเปิดไว้หรือเปล่า ก็คือพี่แทนสุดโหดกับน้องหมีพูห์ไงคะ เรื่องนี้บอกเลยโครตตตน่ารักอะ คิดพล๊อตจบไปแล้วด้วย น่าจะประมาณสิบกว่าตอน จะสั้นกว่าเรื่องนี้เนอะ





อ่อ เรื่องนี้จะมี 24 ตอนนะคะ ไม่รวมตอนพิเศษ ตามเวลา 24 ชั่วโมงงี้ เพื่อ? 555 ไม่รู้เหมือนกัน





อย่าเพิ่งหายไปไหนน้าาา เดี๋ยวกลับมาจ้า หนีเที่ยวแปปเนอะ









รักกก

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
09:00 #อินดิน

ปัง!

ประตูห้องถูกปิดลง เมื่อวางข้าวของลงบนโต๊ะหน้าทีวีเรียบร้อยแล้ว ดินก็รวบคนตัวเล็กจากด้านหลังเข้าหาตัว

“ดิน..รัดแน่นไปแล้ว.. อินเจ็บ”
บ้าชะมัด!
ดินจำได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้

“ก็ดินคิดถึง” ดินกระซิบเบาๆที่ข้างกกหูอีกฝ่ายที่ตอนนี้สีออกแดงเรื่อไปหมด ยอมคลายมือออกเล็กน้อยเพื่อให้คนข้างหน้าหันมาสบตากัน

“อินก็คิดถึงเหมือนกัน” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ก้มหน้ามองต่ำอย่างเขินอายจนคนตัวใหญ่ต้องเอื้อมมือไปแตะคางอีกฝ่ายเบาๆให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง โน้มตัวเข้าไปใกล้หมายจะมอบรสจูบที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายอาทิตย์

“ยังไม่ตอบอินเลยนะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนที่ปากของเราจะสัมผัสกัน

“หืม?”
“ได้ไหม”

ร้องเพราะจนสาวหลงขนาดนี้ ขอหึงได้ไหม
ในฐานะแฟน...


“นี่ไม่รู้จริงๆหรอ ดินทั้งรักทั้งหลงอินจนจะคลั่งตายอยู่แล้ว”

ดินยกยิ้มมองคนตรงหน้า ใช้นิ้วโป้งลูบไล้ริมฝีปากแดงสดของอีกฝ่าย สายตาที่แสดงความหลงไหลส่งออกไปโดยไม่คิดจะปิดบัง เขานับถือตัวเองที่สุดที่ยังมีสติอยู่ร้องจนจบเพลง เขาแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะกระโดดเข้าไปกดจูบคนตรงหน้าซ้ำๆแรงๆทันทีที่เขาอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้น

“คิดว่าดินจะปล่อยให้ไปไหนหรอครับ”

คนตัวโตโน้มตัวเข้าไปงับริมฝีปากคนตรงหน้าเบาๆ ค่อยๆใช้ลิ้นละเลียดรอยแยกและแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากยามที่อีกฝ่ายเผยอเปิดทางให้ ใช้ลิ้นตวัดทักทายอวัยวะเดียวกันเอียงสลับหน้าซ้ายขวาไปมาเพื่อให้สัมผัสของเราแนบชิดกันมากขึ้น สองมือเลื่อนมาโอบประคองคนตัวเล็กที่ตอนนี้แทบจะยืนไม่ไหวแล้ว มือนึงเลื่อนตำ่ไปถึงสะโพก บีบเบาๆตรงส่วนนูนกลม อีกมือสอดเข้าไปในเสื้อลูบขึ้นลงตามแผ่นหลังจนคนตัวเล็กสะดุ้งไปนิดนึง

“ดินรัก รัก รัก รัก รักอินจนอยากจะกลืนอินไปให้หมดแล้ว”

ดินกระซิบแผ่วเบาพร้อมกดจูบไปทั่วใบหน้าไล่ลงมาถึงซอกคอขาวของอีกฝ่าย

เขาเริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ

“อิน.. ดินหยุดไม่ได้แล้ว”

เสียงสารภาพที่ดินเอ่ยออกมาแหบพร่าจนคนตัวเล็กใจสั่นไปหมด อินเบิกตามองคนตัวโตก่อนที่จะหลบสายตาอย่างเอียงอายอีกครั้งเมื่อตาทั้งสองมาสบกัน

“อินก็ไม่ได้บอกให้หยุดซักหน่อย อ๊ะะ....”

อินยังไม่ทันพูดจบดีก็ได้ยินเสียงคนตัวโตสบถในลำคอ มารู้ตัวอีกทีก็ตัวลอยขึ้นไปอยู่บนตัวอีกฝ่ายแล้ว ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของอินพาดรอบเอวของอีกคน สองมือโอบรอบลำคอแข็งแกร่งไว้แน่น หน้าของเราสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน ใกล้กันจนอินต้องกลั้นหายใจเพราะความเกร็ง คนตัวโตพาเขาไปยังโซฟา นั่งลงโดยที่ยังมีเขาอยู่บนหน้าตัก โน้มหน้าเข้ามากดจูบซ้ำๆ กัดริมฝีปากล่างของเขาจนตอนนี้เริ่มรู้สึกชาไปทั่ว
ตอนนี้อินรู้สึกร้อนไปหมด
เขาเคยจูบมาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้มาก่อน ทุกครั้งที่ลิ้นร้อนสอดเข้ามามันทำให้ใจเขากระตุก เขาทำได้แค่กำเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น พยายามใช้ลิ้นตอบโต้กลับไปตามอารมณ์ที่พุ่งพ่านมากขึ้น เขารู้สึกอายเหลือเกินแค่คิดว่าคนตรงหน้าก็คงสัมผัสได้ถึงสิ่งอ่อนไหวของเขาที่กำลังตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้มันอยู่ติดกับหน้าท้องของคนตัวโตอย่างแนบชิด

ดินสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในเสื้อยืดของคนตัวเล็กแล้วดึงถอดออกมากองไว้ที่พื้น ทำซ้ำอีกครั้งกับเสื้อของตัวเอง อินเผลอกลืนน้ำลายเมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นกล้ามเนื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของอีกฝ่าย ดินในตอนนี้ไม่ใช่ดินที่เขาเคยรู้จัก ปกติเจ้าตัวก็เป็นคนมีเสน่ห์เหลือล้นอยู่แล้ว แต่มันเทียบกับดินตอนนี้ไม่ได้เลย เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นดินตอนนี้เลย
เขาอยากให้คนๆนี้เป็นแค่ของเขาคนเดียว

อินหลับตาปี๋เมื่อดินโน้มลงมาที่ซอกคอเขา ดูดลงไปแรงๆหลายครั้งจนเกิดเสียงดังไปทั่วห้อง เจ้าตัวค่อยๆลากเลียลิ้นร้อนไปทั่วบริเวณก่อนจะกัดลงที่ไหปลาร้าจนเกิดรอยแดง ไล่กดจูบจากซอกคอลงมาเรื่อยๆจนถึงช่วงอก ยกลิ้นเลียหัวนมสีชมพูที่ตั้งชันของเขา อินบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน ครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อคนตัวโตดูดและกัดย้ำลงไปตรงนั้นหลายครั้ง มือใหญ่ด้านหนึ่งคอยประคองหลังเขาเอาไว้ ส่วนอีกมือก็เริ่มแกะกระดุมและปลดซิปกางเกงเขาอย่างเบามือ ดินลุกขึ้นอีกครั้งทั้งที่มีเขาอยู่บนเอว หันหน้าเข้าหาโซฟาก่อนจะวางเขานอนราบลงบนโซฟาอย่างเบามือ

“ยกก้นขึ้นนิดนึงนะครับ” เสียงแหบพร่าที่เอ่ยมาทำให้อินหน้าร้อนไปหมด เขาทำตามที่อีกคนว่าอย่างง่ายดาย อีกคนดึงกางเกงและบอกเซอร์เขาออกในคราวเดียวทำให้ส่วนที่ตื่นตัวเด้งขึ้นมาทันที อินพยายามจะเอามือปิดแต่ก็โดนจับแขนไว้ก่อนที่คนตัวใหญ่จะตามมาคร่อมเขาอีกครั้ง ก้มลงไปจูบหัวนมสีชมพูที่ตั้งชันแล้วจึงค่อยๆเลื่อนไปขบกัดตามลำตัวจนเกิดรอยแดงไปทั่ว ขยับลงต่ำเรื่อยๆจนเกือบจะถึงแก่นกายที่แข็งตัวเต็มที่ อินตัวสั่นไปหมดเมื่อคนตัวโตเลื่อนมือมาจับแก่นกายของเขาขึ้นลงเบาๆ โน้มตัวดูดตามร่องขาแรงๆหลายครั้ง ก่อนที่อินจะร้องครางเสียงกระเส่าออกมาดังๆเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเลียและขบส่วนปลายของส่วนอ่อนไหวของเขาเบาๆ 

“ดิน ไม่เอา มันสกปรก อย่าใช้ปาก อ่ะ...”

ตอนนี้อินไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ในสมองของเขาขาวโพลนไปหมด เขารู้สึกดีจนตัวลอยเมื่อคนตัวโตกลืนกินมันเข้าไปจนหมด ดูดเลียขึ้นลงเร็วๆจนเขาร้องออกมาไม่เป็นภาษา ได้แต่แหงนหน้า เกร็งตัวตามแรงสัมผัส แทรกสองมือเข้าไปรัดแน่นกับกลุ่มผมของอีกฝ่าย
คนตัวโตเลื่อนอีกมือไปเคล้าคลึงบริเวณก้นนุ่มของคนตัวเล็ก แทรกนิ้วเข้าไปตรงร่องก้น ดินปวดหนึบไปหมดเมื่อรู้สึกถึงแรงขมิบเวลาที่เขาถูไปมาตรงทางเข้า เขาลังเลที่จะสอดเขาไปเพราะวันนี้เขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย แต่ในใจเขาก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาอยากให้คนตรงหน้าเป็นของเขา เดี๋ยวนี้ ตอนนี้

“ดิน”
“ครับอิน..”
“ดิน... คือ...อิน...อินกลัว คือ อินไม่เคย...”

ประโยคสั้นๆของคนตรงหน้าเรียกสติทั้งหมดของเขากลับมา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายสัปดาห์ ความกังวล ความหึงหวง ความน้อยใจ ความหลงไหล ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เขาอยากครอบครองคนตรงหน้าจนขาดสติ จนเขาลืมคิดถึงอีกฝ่ายไปแว๊บนึง ดินยกยิ้มก่อนที่จะโน้มหน้าเขาไปจูบเบาๆที่หน้าผากอีกฝ่าย

“ไม่ต้องกลัวนะ ดินไม่เอาเข้าหรอก”

ดินพูดปลอบอีกฝ่ายเหมือนกล่อมเด็ก ถึงในใจเขาอยากจะทำให้คนตรงหน้าเป็นของเขามากแค่ไหน แต่จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้คนตรงหน้ามีความสุขต่างหาก

“เชื่อใจดินนะ”
“อ่ะะ....”

ดินจับส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายชักขึ้นลงอีกครั้งก่อนจะโน้มตัวดูดส่วนปลายที่มีน้ำเยิ้มออกมาช้าๆแรงๆหลายครั้ง เสียงครางของอีกฝ่ายทำให้เขาปวดหนึบไปยิ่งกว่าเดิม เขากลืนกินส่วนนั้นเข้าออกเร็วๆหลายครั้ง สะโพกของอินเริ่มขยับตามจังหวะที่เขากำหนด จนในที่สุดอินก็ตัวกระตุกและปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเต็มปากเขา ตอนนี้ทั้งห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงหอบหนักๆของคนตัวเล็กที่ซบหน้าลงบนไหล่เขาดังไปทั่วห้อง

“อ่ะ อินขอโทษ เปื้อนไปหมดเลย”
เมื่อคนตัวเล็กหายเหนื่อยก็เงยหน้าขึ้นมาหาเขา แล้วก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นคราบน้ำสีขุ่นตามขอบปากเขา
“ไม่เป็นไรครับ อะไรที่เป็นของอิน ดินก็อยากได้ทั้งหมดนั่นแหละ”
อินมองหน้าอีกฝ่ายที่พยายามฉีกยิ้มมาให้เขา ทั้งที่ตัวเองตอนนี้เหงื่อออกเต็มไปหมด ขาที่สัมผัสกับส่วนล่างที่แข็งตัวของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าอีกคนต้องอดทนมากแค่ไหน แล้วยังทำมาใจดีกับเขาอีก อินคิดได้แบบนั้นก็ลุกเข้าไปจูบปากอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ให้อินทำให้นะ”
อินชี้ไปที่ส่วนใหญ่โตที่ขยายแน่นกางเกงของเขา ดินยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนที่จะเอื้อมไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวดินจัดการเองได้”

อินเอื้อมมือไปถอดกางเกงและบ๊อคเซอร์ของอีกฝ่ายลงแตะส่วนใหญ่โตของอีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ ก่อนช้อนตาขึ้นมามองเขา

“มีอินอยู่ด้วย ทำไมต้องทำเองล่ะ”
คนอะไรน่ารักฉิบ!
ดินแทบจะเสร็จด้วยคำพูดนั้น ตอนนี้ใจเขาสั่นไปหมดแล้ว พยักหน้าเป็นการตกลงจนคนตัวเล็กเริ่มขยับมือไปมาตามแท่งร้อนที่เริ่มขยับขยายตัวเต็มที่ เขาแทบจะทรุดลงเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเขามาที่ส่วนแข็งขืนอ้าปากรับมันเข้าไปอย่างคนทำไม่เป็น ดูดส่วนปลายเบาๆและไล่เลียไปทั่วบริเวณ
“ดีไหม”
หน้าที่แดงจ้าช้อนขึ้นมามองเขาแล้วว่าขึ้น เขาครางเบาๆเป็นการตอบรับ คนตัวเล็กยกยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นว่าเขาดูพอใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ อ้าปากห่อรับแท่งไฟร้อนเข้าไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้สติของดินขาดสะบั้นไปแล้ว เขาจับหัวอีกฝ่ายเบาๆช่วยกำหนดจังหวะให้ไปพร้อมกันกับสะโพกของเขา กระแทกกระทั้นอยู่หลายครั้งจนเมื่อเขาใกล้ถึงฝั่งก็พยายามดึงออกมาจากปากคนตรงหน้า แต่ถูกอีกฝ่ายจับไว้แน่นจนในที่สุดก็ปล่อยออกมาเต็มปากของคนข้างล่าง เมื่อได้สติอีกครั้งดินก็รีบขว้าตัวคนที่ไม่คุ้นกับของเหลวในปากจนสำลักและไอไม่หยุดเข้ามากอดแน่นๆ ตอนนี้ความรู้สึกของดินท่วมทนไปหมด เขาคิดว่าเขารักคนตรงหน้ามากแล้วแท้ๆ
แต่เขากลับพบว่าที่เขาเคยคิดว่ามาก มันเทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว...

************

ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด
อินเอื้อมมือออกจากผ้าห่มควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ข้างหัวเตียง แต่พยายามเท่าไหร่ก็เอื้อมไม่ถึงโทรศัพท์สักที จนความง่วงที่มีในตอนแรกหายไปหมดสิ้น เมื่อสติกลับมาเต็มที่ก็เพิ่งสังเกตเห็นสองมือใหญ่ที่โอบรัดตัวเขาอย่างหนาแน่นจากด้านหลัง หน้าร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อความทรงจำเรื่องเมื่อคืนกลับมา รีบเอื้อมสุดตัวไปกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกก่อนจะลดตัวลงนอนตำแหน่งเดิม นอนหน้าแดงทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่กล้าหันไปมองข้างหลัง เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเริ่มขยับตัวก็รีบหลับตาลงทันที จังหวะพอดีกับที่อีกฝ่ายยกหัวมาวางพาดบนไหล่เขา

“อรุณสวัสดิ์ครับ” คนเพิ่งตื่นว่าก่อนที่จะจุมพิศลงที่ไหล่ของอินเบาๆ แอบมองลงไปเห็นคนแกล้งหลับแต่คิ้วขมวดไปหมดแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

“ใครแกล้งหลับระวังจะโดนมากกว่าเมื่อคืนอีกนะ” ไม่ว่าเปล่าคนตัวโตสอดมือเข้าไปในกางเกงอีกฝ่ายทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งหันกลับมาสบตากันอย่างรวดเร็ว
“อย่าแกล้งสิ..” หน้าแดงๆกับเสียงอ้อนที่ส่งมาทำให้คนตัวใหญ่ไม่อาจจะคิดอะไรดีๆกับคนตรงหน้าได้เลยถึงเมื่อคืนจะใช้แค่ปากแต่ทั้งเขาและอีกฝ่ายก็ออกมาหลายน้ำอยู่เหมือนกัน

“อรุณสวัสดิ์ครับ” คนตัวโตกล่าวซ้ำ
“อะ..อรุณสวัสดิ์”
“เมื่อคืนดินฝันดีมากเลย”
“...”
“ฝันว่าได้...”
“ถ้าไม่หยุดจะโกรธแล้วนะ”
คนตัวเล็กรีบเอามือปิดปากคนขี้แกล้ง ดูจากหน้าตาทะเล้นก็รู้แล้วว่าจะพูดอะไร ไม่รู้จะทำให้เขาอายไปถึงไหน
“หิวหรือยัง สายแล้วนะ มีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ”
“หิวแล้ว อยากกินคนนี้อีก”
คนตัวโตพูดไปพลางลุกขึ้นมาคร่อมอีกฝ่ายไว้ อินจำไม่ได้จริงๆว่าคนตรงหน้าทะเล้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
น่าจะหลังจากที่ปล่อยน้ำที่สองออกไปเมื่อคืน!

“เอาดีๆ” อินพยายามทำหน้าขรึมใส่อีกฝ่ายทั้งที่โดนรัดแน่นอยู่
“แล้วเมื่อคืนไม่ดีหรอครับ”
“ดิน!”
“ครับๆๆ ไม่เล่นแล้วน้า งั้นดินลงไปซื้อโจ๊กข้างล่างมาให้ไหม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราทำอะไรง่ายๆให้ ในตู้เย็นน่าจะมีของอยู่”
“ห่างเหินจัง..” เมื่อได้ยินสรรพนามเก่ากลับมาคนตัวโตก็หน้ามุ่ย เริ่มซุกไซ้ตรงใบหูของอีกฝ่าย อินรู้สึกเสียวแปลกๆจนต้องเอียงหูออกห่าง
“หืมม จั๊กจี้ ไม่เอา”
“ทำไมแทนตัวว่าเราอีกแล้ว ต้องทำโทษ” ดินยังคงไม่เลิกยุ่งกับกกหูของอิน แอบงับลงไปเบาๆหลายครั้งอย่างนึกอยากแกล้ง วันนี้เขาอยากนอนเล่นอยู่กับคนตัวเล็กแบบนี้ทั้งวันเลยถ้าเป็นไปได้
“สับสนกับใครหรือเปล่า เราก็เรียกแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว..”
“แต่เมื่อคืน..”
“โอเคๆๆ ปล่อยอินก่อนนะ”
คนตัวโตยิ้มแป้นเมื่ออีกฝ่ายยอมตามใจ
“งั้นเดี๋ยวอินลุกไปอาบน้ำก่อน แล้วจะเตรียมข้าวเช้าให้นะ ปล่อยก่อนสิ...”
อินว่าขึ้นเมื่อตั้งท่าจะลุกแต่คนตัวโตไม่ยอมปล่อยแขนเขาสักที หันไปก็เจออีกฝ่ายทำแก้มป่องพร้อมเอานิ้วชี้เคาะบริเวณนั้นเบาๆ อินส่ายหัวเหมือนหนักใจ อมยิ้มก่อนที่จะตีลงไปบนแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้แรงๆ
“โอ้ย!” คนตัวโตร้องเอามือสองข้างกุมแก้มตัวเอง
“เยอะไปแล้ว”
ว่าแล้วก็รีบลุกหนีหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป กดล๊อคประตูปั๊ปก็เอาสองมือมาจับหน้าตัวเองที่ทั้งร้อนทั้งแดงไปหมดแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่อีกคนมักจะทำให้เขาใจเต้นแรงเสมอ แต่เรื่องเมื่อคืนกับเช้านี้มันมากกว่าทุกวันจนเทียบไม่ได้เลยสักนิด
อีกนิดเดียวเขาก็จะระเบิดแล้ว!

*************


อินกำลังเทไข่ดาวกับไส้กรอกที่เพิ่งทอดเสร็จใส่จานทั้งสองเมื่อคนตัวโตเดินออกมาจากห้องน้ำเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายที่อยู่ในเสื้อตัวที่ใหญ่ที่สุดของเขาแล้วยิ้มเป็นการต้อนรับ

“เสร็จพอดีเลย มานั่งสิ” เขาว่าก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำผลไม้ออกมา เดินไปเอาแก้วสองใบวางบนโต๊ะกินข้าว ตอนที่กำลังจะเริ่มเทน้ำผลไม้ก็มีสองมือสอดมาโอบรอบเอวจากข้างหลัง

“เดี๋ยวน้ำจะหกนะ”
“ก็อยากกอดนี่น่า”
วันนี้อีกฝ่ายขี้อ้อนจัง
อินปิดฝาวางกล่องลงบนโต๊ะก่อนจะหันกลับมาจับแก้มอีกฝ่ายหยิกเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“เมื่อคืนก็กอดทั้งคืนแล้วยังไม่พอใจอีกหรอครับ”
“พอซะที่ไหนเล่า ยิ่งกอดก็ยิ่งอยากกอดมากขึ้นไปอีกต่างหากล่ะ”
คนตัวโตจับมือที่อยู่ตรงแก้ม พรมจูบเบาๆไปทั่วหลังมือนั้นไม่หยุด
“ดินรักอินที่สุดเลยนะครับ”
“ปากหวานจังวันนี้”
“พูดเรื่องจริงต่างหาก”

อินเอื้อมมือไปแตะแก้มอีกฝ่าย ลูบไปมาเบาๆอย่างเอ็นดูคนตัวโตสุดหัวใจ เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกโชคดีที่มีคนตรงหน้า

“เหมือนกันเลย...”
“ครับ?”
“ก็รัก...
อินก็รักดินที่สุดเลย”


***********
ปล่อยไปสักตอน คนกำลังหลงแฟนเนาะ กรี๊ด!
ปล. Nc มันแอบเนือยๆไหมคะ ยากอ่ะ ฮือ

ตอนนี้เปิดเรื่อง หมูพีที่รัก / My honey แล้วนะคะ ฝากติดตามความน่ารักของน้องหมีพูห์กับความอบอุ่นของพี่แทนคุณด้วยเนาะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดินหลงอินหนักมากกกกก :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เขินนนนนนนนนนนนนน
 :mew3:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานมาก,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
10:00 ความมั่นคงของความรัก



“กูแม่งจะทนไม่ไหวจริงๆแล้วนะ มันจะตามอะไรกูนักหนาก็ไม่รู้”

กีเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ให้เพื่อนสนิทฟังอย่างหัวเสีย คิดแล้วอยากจะต่อยคนหน้าม่อที่ตอนนี้เพิ่มความหน้าด้านเข้ามาอีก มาดักเจอเขาเช้าเย็นไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป หนักเข้าพอพยายามหลบหน้ามันก็จะบุกมานั่งด้วยในห้องเรียน นี่ถ้าไม่เกรงใจอาจารย์ที่สอนน่ะเขาไม่มีวันตบปากรับคำกลับบ้านกับมันทุกวันแบบนี้แน่ๆ ไม่รู้มันไปเอาตารางเรียนเขามาจากไหน

“เขาจีบมึงหรือเปล่า”

ธันพูดแหย่เพื่อนที่ตั้งแต่มามันยังไม่หยุดพูดถึงผูชายอีกคนขณะที่วางถาดขนมที่แม่อินเพิ่งเอามาให้ลงกลางวง วันนี้เพื่อนทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านอินอย่างที่ชอบทำเป็นประจำตั้งแต่มัธยม ก็บ้านของเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้กับโรงเรียนมากที่สุด แถมพ่อกับแม่อินก็ใจดีมากอีกต่างหาก ที่แห่งนี้มันเลยกลายเป็นรังลับของกลุ่มมานานแล้ว

“ก็เหี้ยแหละ”

“แน่ะ หยาบคายใส่เพื่อนอีก เขินหรอ”

“เขินพ่องเมิงสิ”

“โอโห เล่นถึงพ่อเลย เขินเยอะนะคราวนี้ อย่าบอกนะว่าที่จริงมึงชอบมันแล้ว”

“ชอบก็หมาแล้ว”

“ส่งขาหน้ามา”

“นี่เพื่อน... ไม่ต้องมาเกาคางกู”

กีปัดมือเพื่อนต่างมอตอนที่มันทำหน้ากวนตีนยื่นมือมาเกาคางเขาเบาๆ

“ช่างกูเถอะ มึงสนเพื่อนมึงเถอะนั่งเหม่อไปถึงร้านล่องลอยแล้ว”

กีพยักเพยิดใช้คางชี้คนที่นั่งเหม่อจ้องโทรศัพท์มาได้สักพัก เมื่อรู้สึกว่าโดนจ้องคนโดนแซวก็เงยหน้าขึ้นมามอง กดปิดหน้าจอมือถือก่อนจะวางลงบนโต๊ะ

“เป็นไรมึง ทะเลาะกับดิน?” หญิงสาวคนเดียวในที่นี้เอ่ยถามขึ้นมา อินส่ายหน้าเป็นการปฎิเสธ ถอนหายใจหนักๆก่อนจะตอบออกมาคำเดียว

“กิต”

“ห๊า นี่มึงกลับไปคุยกับมันอีกหรอ ” กีเริ่มโวยวายออกมาทันทีจนแนททำมือให้เงียบ ก่อนจะหันไปถามคนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งกุมขมับไปแล้ว

“นี่มันยังไม่หยุดส่งข้อความมาหรอว่ะ”

แนทว่าต่อเมื่อเพื่อนสนิทพยักหน้า “แล้วมึงตอบมันไปหรือเปล่า”

“อืม”

“ไอ้เชี่ยอิน ไหนมึงสัญญากับกู... เออๆ กูเงียบก็ได้”

กีเริ่มต้นจะโวยวายอีกรอบแต่ก็ยอมเงียบลงเมื่อเพื่อนอีกสองคนพร้อมใจหันขวับส่งสายตาดุมาให้

“ก็เขาส่งข้อความมาเยอะ บอกมีเรื่องไม่สบายใจ กูก็แค่ไม่อยากใจดำ เขาเคยช่วยกูไว้เยอะพวกมึงก็รู้ จะให้กูทิ้งเขาได้ยังไง”

คนตัวเล็กพูดออกมาเป็นชุด เขาก็ลังเลใจอยู่ทุกครั้งจึงไม่เคยรับโทรศัพท์อีกฝ่ายเลย แต่จะให้ใจร้ายขนาดไม่ยอมตอบอะไรเลยในขณะที่อีกคนกำลังแย่เขาก็ทำไม่ได้จริงๆ

“กูว่าแม่งพยายามกลับมา” ธันกอดอกว่าขึ้นหลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมาสักพัก

“ไม่ใช่หรอกมึง”

“ไม่ใช่เหี้ยอะไร แม่งยังเรียกมึงหมูอิน อินอินอยู่เลย อ่อยไม่เลิกไอ้เหี้ยนี่” กีที่เอาโทรศัพท์เพื่อนไปเปิดดูข้อความก็ว่าขึ้นอย่างสุดทน

“...” ก็นี่ล่ะที่เขาทำให้เขาคิดไม่ตก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทำอย่างนี้เพื่ออะไรกันแน่

“พวกมึงเงียบ” ธันกล่าวขึ้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาหาเบอร์ก่อนจะโทรออก ไม่ลืมที่จะกดเปิดลำโพงแล้ววางลงกลางโต๊ะ

[เฮลโหลลลลล อีธัน] เสียงปลายสายดังออกมาอย่างร่าเริง ทั้งหมดจำได้ทันทีว่าเป็นลูกน้ำเพื่อนที่คณะบัญชีของมัน

“อีน้ำ ทำไรวะมึง”

[นอนอยู่มึง วันนี้วันหยุดไหม มึงโทรมาทำไมแต่เช้า]

“เช้าบ้านมึง จะบ่ายหนึ่งแล้วนะ”

[กว่ากูจะได้นอน มึงถามผู้ชายบนเตียงกูด้วย ไอ้สัด! มึงเปิดลำโพงหรอ]

ลูกน้ำว่าต่อเมื่อได้ยินเสียงโห่แซว ไม่ใช่ว่าเขาจะอาย ก็รู้จักพวกมันทั้งกลุ่มอยู่แล้ว มากกว่านี้ก็เล่ามาแล้วด้วยซ้ำ

[แล้วพวกมึงมีอะไรกัน รวมตัวโทรมากูเพื่อ]

“เออ ที่กูโทรมาเนี่ย กูจะถามมึงเรื่องเจอักษร”

อินหันขวับมองหน้าเพื่อน ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับคนที่ถูกเอ่ยชื่ออกมา

[อ๋อ เรื่องที่กูเคยเล่าน่ะหรอ]

“มึงคอนเฟิร์มไหม”

[ไม่รู้วะ ได้ข่าวมาอีกที แต่ถ้าพวกมึงอยากรู้กูไปสืบให้ได้นะว่าเขาเลิกกันจริงไหม]

เพื่อนทั้งสามหันไปมองหน้าอินที่ตอนนี้ตาเบิกกว้างนั่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินไปแล้ว

ละ..เลิก?

“เออ มึงไปถามให้กูหน่อยสิ”

[เออๆ ทำไมวะ หรือว่าใครชอบเจหรอ]

“เพื่อนพวกกูน่ะ มึงไม่รู้จักหรอก”

[เคร มีไรอีกป่ะ กูง่วง อ๊ะ..อยู่เฉยๆก่อน]

“ไม่มีแล้ว แต่กูว่ามึงไม่น่าจะได้นอนนะ”

ธันหัวเราะเมื่อสายโทรศัพท์ถูกตัดไปทั้งๆที่ลูกน้ำยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไรด้วยซ้ำ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะมองหน้าคนที่ยังเบิกตากว้างมองพื้นก่อนจะว่าต่อ

“ไง มึงว่ามันจะกลับมาไหม”

“...”

“100% กูว่า” กีรีบเสริมทันที

“แล้วมึงจะเอายังไง ถ้ามันอยากกลับมาจริงๆ”

“...”

“มึงลังเลหรอว่ะ กูนึกว่ามึงรักดินแล้วซะอีก”

อินส่ายหน้าเร็วๆให้เพื่อนสาวที่ถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบมานาน

“เปล่า กูไม่ได้ลังเล” อินอึกอักก้มมองมือถืออีกครั้ง พยายามเรียบเรียงคำพูดที่จะแสดงสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มันก็มีหลายครั้งที่กูภาวนาให้เป็นแบบนี้”

“....”

“ให้เขาเลิกกัน ให้กิตกลับมาหากู” อินรู้สึกฝืดที่คอ พยายามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “กูคิดว่ากูคงจะมีความสุขมากเมื่อวันนี้มาถึง แต่กูกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น”

เพื่อนทั้งสามยังมองมาที่เขา พยายามทำความเข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เกิดขึ้นของเขาอย่างใจเย็น เขารู้ว่ามันยากที่จะทำให้คนอื่นมาเข้าใจสิ่งที่เขากำลังเป็น

”กูเสียใจมึง..กูเสียใจที่กูไม่ได้รู้สึกดีที่กิตกลับมา กูเสียใจที่ต้องยอมรับว่าจริงๆแล้วความรู้สึกที่มึงเคยคิดว่ามันมั่นคงที่สุด สามารถเปลี่ยนกันได้จริงๆ”

“...”

“แล้วมึงจะยังมั่นใจได้ยังไงว่ารักที่มึงมีอยู่ตอนนี้มันจะไม่มีวันหมดไปวะ”

“...”

“และถ้าวันนึงมันจะต้องหมดไป แล้ววันนี้มึงจะรักกันเพื่ออะไร”

เมื่ออินพูดจบห้องเล็กๆก็ตกอยู่ในความเงียบ เหมือนทั้งสี่กำลังค้นหาคำตอบของคำถามข้างต้น และก็เป็นเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มที่เอ่ยออกมา

“มึงก็แค่ต้องทำสิ่งที่มึงอยากทำหรือเปล่า”

ทั้งสามหันไปมองผู้หญิงตัวเล็กในกลุ่ม

“มึงลองคิดดูนะ มึงเสียใจหรอที่เคยคบกับกิต ถ้าเลือกได้อีกครั้งมึงจะยังอยากคบกับเขาหรือเปล่า”

อินนิ่งคิดสักพัก นานพอที่จะใคร่ควรทุกสิ่งในใจก่อนที่จะตอบผลลัพธ์ที่ได้ออกมา

“ไม่เสียใจ กิตเคยเป็นโลกทั้งใบของกู ถึงกูจะรู้ว่าเราจะจบลงแบบนี้ กูก็ยังจะตัดสินใจคบกับเขาอยู่ดี” เพราะช่วงเวลาที่เขาเคยมีความสุขกับคนนั้น มันไม่มีอะไรมาทดแทนได้จริงๆ

“กูว่ากิตเขาก็ต้องคิดเหมือนกัน ตอนนั้นมึงก็คือโลกทั้งใบของเขา ไม่มีใครหรอกที่จะอยากคบกับอีกคนเพื่อที่สักวันจะนอกใจ”

น้ำตาที่เอ่อคลอเต็มขอบตาร้อนเริ่มไหลลงมา เรื่องราวเก่าๆที่เขาเคยมีร่วมกันกับอีกฝ่ายผ่านเข้ามาในหัวซ้ำไปมา ตอนนี้อินไม่ได้รู้สึกเสียใจแล้วแต่เขารู้สึกใจหายเหลือเกิน ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้ทุกสิ่งที่อย่างที่เคยหวงแหนที่สุดมันจะกลายเป็นแค่เพียงทรงจำ

ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ

รวมถึงคนที่เขาเคยรักมากที่สุดคนนั้นด้วย

“มึงแค่อยู่กับปัจจุบันก็พอไหม ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเรื่องอนาคตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตไหมมึง” แนทโน้มตัวเข้ามากอดเขา อินโอบหลังเพื่อนสาวแน่น อ้อมเอามือมาเช็ดน้ำตาตัวเองที่มันไหลไม่หยุด

“ขอบใจนะมึง” อินว่าไปเสียงสั่น ทำให้อีกฝ่ายเอื้อมเอามือลูบผมเขาเบาๆ

“ยังไงก็มีพวกกูเสมอนะ”

“อืม กูโชคดีที่มีพวกมึงจริงๆ”

อินเอื้อมสองมือที่โอบหลังคนตัวเล็กไปจับมือของเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ส่งยิ้มจริงใจและยื่นมือมารอก่อนแล้ว

“แล้วก็ขอถามอะไรมึงจริงๆได้ไหม”

อินพยักหน้าที่ยังซบอยู่ที่ไหล่เมื่อเพื่อนสาวกระซิบถามข้างหูเสียงจริงจัง

“มึงมีอะไรกับดินยังวะ โอ้ย! ไอ้อินมึงผลักกูทำไมเนี่ย”

ถ้าเพื่อนที่ถามไม่ได้เป็นผู้หญิงอินคงถีบมันไปแล้ว กำลังซึ้งๆอยู่ จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้เนี้ย

“ยังหรอ?” ยังมีหน้ามาถามต่ออีก!

“มึงเป็นผู้หญิงนะ”

“แล้ว? กูยังมีอะไรกับแฟนกูเลย”

“เออ ไอ้อินมึงจะมาปิดบังอะไร กูยังเล่าเลย แล้วแบบแฟนมึงโครตกล้ามอ่ะ แซ่บแน่ๆ”

ธันรีบว่าต่อ มองหน้าคนตัวเล็กเป็นการคะยั้นคะยอให้เล่า อินหันหน้าไปมองกีหวังให้มันช่วยแต่มันกลับยักไหล่แล้วยังมีหน้าพูดเสริมไปอีก

“ได้ไม่ได้ไม่รู้ รู้แต่ว่าขึ้นห้องแล้วจ้าาา”

อินขึงตามองเพื่อนสนิทอยากแค้นเคือง เล่าอะไรไปไม่เคยปิดมิดสักอย่าง แล้วก็ตัดสินใจสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพ่นออกยาวๆเป็นการเตรียมใจ

“มึงเหยียบ”

“เออ พวกกูเหยียบ”

เขารู้อยู่แล้วว่าไว้ใจพวกมันได้ ยังไงก็ไม่เคยคิดจะปิดบังอะไรกันอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ก็คุยกันในกลุ่มตลอด แต่เขาก็เขินนี่น่าที่จู่ๆจากคนฟังจะกลายเป็นคนเล่าเอง

“ก็เกือบๆ แต่กูกลัวเจ็บ ดินก็เลยไม่..ไม่ได้ทำต่อ”

“ใช้มือ?” อินพยักหน้าอย่างอายๆเมื่อธันเริ่มซักหนักขึ้น

“ปาก?”

“แนท มึงเป็นผู้หญิง”

“แล้ว?” อินพยักหน้าก่อนที่แนทจะกรี๊ดแล้วลงไปทุบพื้นรัวๆ ตะโกนว่าฟินจัดอยู่หลายครั้ง

“นิ้ว?”

เป็นกีที่ถามออกมาบ้าง อินนึกหมั่นไส้เพื่อนสนิทที่สุด เป็นเพราะมันคนเดียวเขาถึงต้องมานั่งตอบอะไรแบบนี้แล้วยังมีหน้ามาถามอีก จนเขาก็อยากแกล้งมันคืนบ้าง

“พวกมึงยังไม่รู้ใช่ไหมว่าไอ้กีนอนกับตั้งต้นแล้ว”

ทันทีที่อินปล่อยระเบิดลงไปกลางวง ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปหาอีกคนทันที และกีก็โดนเทศน์ไปสถานใหญ่เมื่อความจริงทุกอย่างถูกล้วงออกมาว่าจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ตั้งใจไปเป็นแค่เพื่อนนอนกับอีกฝ่าย แต่ดันเผลอคิดว่าไอ้คนหน้าม่อมันจริงจังอยากขอเป็นแฟน อินยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่าเพื่อนอีกคนก็ยังไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนเหมือนกัน

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

อินเลิกสนใจเพื่อนสนิทสองคนที่ยังนั่งด่าคนพลาดไม่หยุดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็ยิ้มแล้วหยิบโทรศัพท์ลุกขึ้นออกไปนอกระเบียงห้อง

“ครับดิน”

[คิดถึง]

“ต้องทักทายก่อนไหม” คนตัวเล็กหัวเราะออกมาเบาๆ

[ก็มันคิดถึงก่อน]

“คิดถึงเหมือนกันเลย”

[เหมือนกันเลยหรอ]

“อืม”

[งั้นก็คิดถึงดินมากเลยนะเนี่ย] อินอมยิ้มกับโทรศัพท์ ความรู้สึกหนักอึ้งก่อนหน้านี้มันหายไปจนแทบไม่เหลือเพียงแค่คุยกับอีกฝ่ายไม่กี่คำ

“ทำอะไรอยู่เอ่ย ซ้อมเสร็จแล้วหรอ”

[เสร็จแล้วครับ กำลังจะไปกินข้าวกับต้น]

“ขับรถอยู่หรอ บอกแล้วไงว่าไม่ให้คุยตอนขับ”

[เปล่า ต้นขับอยู่ ดินนั่งคิดถึงอินเฉยๆ]

“สงสารเพื่อนบ้าง” อินว่ากลั้วหัวเราะ เมื่อได้ยินเสียงแกล้งอ้วกมาไกลๆจากปลายสาย

[แล้วเพื่อนๆยังอยู่บ้านอินหรือเปล่า]

“อืม นั่งกันอยู่นี่หมด ฝากหวัดดีดินด้วย” อินว่าเมื่อเพื่อนตัวเองโบกไม้โบกมือเป็นการทักทายอีกฝ่ายเมื่อเขาหันไปมอง

[หลังสอบเสร็จเพื่อนดินจะจัดปาร์ตี้ที่หัวหิน มันมีบ้านตากพักตากอากาศอยู่ที่นั่น อินอยากไปด้วยกันไหม มันฝากชวนมาน่ะ]

“...” อินแอบลังเลใจ ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ตอนนี้สมองเริ่มคิดเรื่องไม่ดีอีกแล้ว

เพราะไอ้พวกเพื่อนชั่วทั้งนั้นเลย!

[เอาเพื่อนๆไปด้วยก็ได้นะครับ มีที่พักเยอะมาก ไปหลายๆคนอินจะได้ไม่เหงา ดินต้องเล่นคอนเสิร์ตด้วย ไม่อยากให้อินอยู่คนเดียว]

“งั้นแปปนะ”

อินเดินเข้าไปในห้องเล่าให้เพื่อนฟังคร่าวๆ ตกลงอะไรกันนิดหน่อยก่อนที่จะตอบตกลงอีกฝ่ายไป คุยอะไรกันอีกเล็กน้อยก็กดวางสายกันไป

“มึงว่าตั้งต้นไปไหม” ธันเริ่มซักทันทีเมื่ออินวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

“น่าจะ เพราะดินจะขึ้นร้องด้วย ต้นก็น่าจะขึ้นไปเล่นกีต้าร์”

“มึงชอบมันใช่ไหมไอ้กี”

“เชี่ยแล้วแนท ไม่ได้ชอบ”

“มึงไม่ต้องมาปากแข็ง มีอะไรมึงต้องปรึกษาพวกกูรู้ไหม นี่มันก็ตามมึงอยู่ อย่างมึงอีกนิดก็จะเสร็จมันแล้ว หรืออยาก?” ธันเอ่ยถามหลังจากบ่นมายืดยาว ไม่ลืมที่จะหันไปหาเพื่อนอีกคน

“มึงก็เหมือนกันอิน ไม่รอดแน่คราวนี้”

“ไม่รอดอะไรรร...”

“ไม่ต้องมาอาย อย่าบอกว่ามึงไม่อยาก”

“...”

“งั้นมา กูขอเลคเชอร์พวกมึงหน่อย เวลาไปเจอของจริงจะได้ไม่เจ็บมาก”

ผู้หญิงคนเดียวในห้องนั่งขำกับความเสียอาการของเพื่อนชายอีกสองคนตรงหน้า ตอนแรกพวกมันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ยอมนั่งนิ่งหน้าแดงฟังเพื่อนที่มีประสบการณ์มากกว่าสั่งสอนและบอกเคล็ดลับที่จะทำให้พวกมันผ่านครั้งแรกไปแบบไม่เจ็บมาก อินแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเมื่อมันลงชัดไปหมดทุกรายละเอียด เอาสองมือปิดหน้าตัวเองไว้กลั้นความอาย

แต่ปิดแค่ตานะ

เพราะหูนี่ผึ่งฟังชัดทุกถ้อยคำ

ก็ยังไงวิชาพวกนี้มันก็จะได้ใช้ ฟังไว้สักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่น่า





*************





“ขอบใจว่ะดิน” ต้นที่ขับรถอยู่ยกมือมาตบบ่าเพื่อนสนิทหลังจากที่มันวางโทรศัพท์

“มึงสัญญากับกูแล้วนะ ว่ามึงจะไม่ทำให้กีเสียใจ อินเอากูตาย”

“อือฮือ เอากันรุนแรงดีจัง”

“ลามปาม” ดินขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิท

“ล้อเล่นคร้าบบ แหมแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะคนนี้”

“ไม่ได้”

“ครับๆๆ ขอโทษคร้าบบ ไม่แตะแล้วคร้าบบบ”

ดินส่ายหน้าให้กับความกะล่อนของเพื่อนตรงหน้า ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ยื่นมือเข้าไปช่วยมัน

“กูช่วยมึงแล้วนะ นี่เห็นว่ามึงจริงจังกับใครเป็นคนแรกหรอก ไม่งั้นกูก็ไม่อยากยุ่ง”

ก็มันเล่นมาคุกเข่าขอร้องให้เขาชวนเพื่อนสนิทของอินไปเที่ยวทะเลด้วยกันให้ได้ เมื่อเขาซักมันก็บอกว่าคนนี้จริงจัง เป็นแม่ของลูกอะไรก็ไม่รู้ ด้วยความที่รักเพื่อน(?)บวกกับความรำคาญ(ที่มากกว่าเยอะ) เลยยอมตกลงช่วยมันไป แม่งถึงขนาดลงทุนจัดปาร์ตี้เขาก็แอบคิดว่ามันคงชอบอีกฝ่ายเข้าแล้วจริงๆ ไอ้บ้านพักตากอากาศก็ของที่บ้านมันทั้งนั้น

“เออ กูไม่ลืมหรอกครับคุณดิน ขอให้น้องอินรักน้องอินหลงนะครับ”

“ของแบบนี้ไม่ต้องอวยพรแล้ว”

“แหมมมมมมมม ครับบบ พ่อเทพบุตรเดินได้ พ่อคนแฟนรักแฟนหลง”

“มึงพอ ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”

ต้นหัวเราะออกมาเมื่อเพื่อนสนิทเริ่มขู่เขาอีกรอบ หันหน้ามองถนนยิ้มกรุ่มกริ่มกับตัวเอง เขาไม่ได้อยากได้น้องกีมาเป็นแฟนอยู่แล้ว พูดไปแบบนั้นก็แค่อยากให้เพื่อนมันช่วย ตอนแรกที่ไปตามจีบก็แค่อยากจะฟันแล้วทิ้งให้สมกับความแสบของเจ้าตัว แต่พอไปๆมาๆยิ่งตามจีบแล้วเจ้าตัวพยายามหนีมันทำให้เขายิ่งสนใจในตัวอีกฝ่ายมากขึ้น

คนอะไรแม่ง แง่วๆอย่างกับลูกแมวโครตงอแงเลยวะ



เอาหัวเดือนคณะเป็นประกันเลยไม่เกินหนึ่งเดือนน้องกีคนนี้ต้องมาเป็นเมียไอ้ต้นแน่นอน!!!







/////////////////

ควรจะเปลี่ยนชื่อตอนเป็น

ต้นคนเจ้าเล่ห์ x ดินพ่อบ้านใจกล้า 5555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
วางแผนรวบหัวรวบหางเลยหรอ,,, 

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew1: ว้าวๆ จะครบคู่กันแล้ว

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
11:00 โลกกลม

เมื่อธันเลี้ยวรถเข้ามาหยุดตรงประตูทางเข้า ยามที่อยู่ข้างในป้อมก็เปิดกระจกใสเล็กๆชะเง้อหน้าออกมาดูพวกเขาแล้วเอ่ยถามอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับ มาหาใครครับ”
“เราเป็นเพื่อนกับบดินทร์ครับคนที่จะมาร้องเพลงในงานคืนนี้”
“ขอทราบชื่อได้ไหมครับ”
“บอกว่ากลุ่มของอินทัชก็ได้ครับ” ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อยืนยันกับคนด้านใน เมื่อวางโทรศัพท์ลงก็ยื่นหน้ามาหาพวกเขาทั้งสี่อีกครั้ง
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ พอผ่านประตูเข้าไปแล้วช่วยเลี้ยวซ้ายแล้วขับตามป้ายไปทางเรือนรับรองส่วนตัวด้านในสุดที่อยู่ติดกับชายหาดเลยนะครับ คุณหนูต้นรอรับพวกคุณอยู่นั่นแล้ว”
ทั้งสี่คนในรถยกมือไหว้คนอายุเยอะกว่า ก่อนจะขับรถเข้าไปตามที่อีกฝ่ายบอกเมื่อประตูเปิดออก
“คุณหนูต้น ถูกม่ะ” แนทเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมาก่อนใคร
“นี่มันไม่ใช่บ้านพักตากอากาศไหมมึง ยังกับรีสอร์ท ตั้งต้นมันรวยเบอร์นี้เลยหรอว่ะ” ธันกล่าวต่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“มึงรู้อยู่แล้วใช่ไหมไอ้อินว่าเป็นบ้านมัน” กีเริ่มตั้งท่าจะโวยวายอีกแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตกมาอยู่ในกับดักอะไรสักอย่างก็ไม่รู้
“กูไม่รู้ ดินบอกแค่คนรู้จักเฉยๆ กูรู้เท่าที่บอกพวกมึงนั่นล่ะ”
กีหรี่ตาอย่างไม่อยากเชื่อ ถ้าไอ้ต้นมันเป็นคนจัดงานจริงๆแล้วทำไมดินไม่บอกพวกเขาตรงๆ คิดแล้วก็ใจเต้นตึกตัก อดจะเข้าข้างตัวเองไม่ได้
หรือมันจะกลัวเขาไม่มา
เห้ย
มึงคิดมากไปแล้วไอ้กี มันคงสนมึงเหลือเกินน่ะ ถึงจะได้มานั่งจัดงานเพื่อล่อมึงมา เลอะเทอะตลอดเลยมึงนี่

เมื่อมาถึงเรือนในสุดทั้งสี่ก็เห็นผู้ชายสามคนยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกเขาผู้ชายที่เขาไม่รู้จักก็เดินเร็วเข้ามาหา ยื่นหน้ามาบอกให้ลงจากรถแล้วเขาจะเป็นคนเอารถไปจอดแล้วขนของไปให้ที่ห้องเอง ทั้งสี่แอบมองหน้ากันกับความหรูหราที่ได้รับตรงหน้าอย่าเก็บอาการไม่อยู่
“มึงตกถังข้าวสารแล้วไอ้กี”                     
“พ่อมึงสิตก”ธันหัวเราะเมื่อโดนด่ากลับ “เอ้าลงเร็ว มึงอย่าปล่อยให้คุณหนูรอนาน”
ทั้งสี่เดินลงจากรถยิ้มทักทายให้กับชายสองคนที่ยืนรออยู่ ต้นเป็นคนนำพวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในเรือนรับรองส่วนตัว มันเป็นบ้านพักสองชั้นที่ด้านหนึ่งติดกับชาดหาดส่วนตัว อีกฝั่งเป็นสระว่ายน้ำขนาดกลางที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดีเพื่องานปาร์ตี้คืนนี้ ดินเดินเข้ามาประชิดคนตัวเล็กทันทีขณะที่ทุกคนเดินนำกันไปหมดแล้ว พร้อมกับเอานิ้วตัวเองแตะกับนิ้วอีกฝ่ายเบาๆ
“คิดถึงจังเลยครับ” ดินเอ่ยออกมาเบาๆ สายตายังจ้องคนตัวเล็กที่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยตั้งแต่ช่วงสอบปลายภาค
“ดินต้องหัดเรียงประโยคก่อนไหม สวัสดีทักทายก่อนสิ” อินแกล้งเหย้า
“ก็บอกแล้วว่าคิดถึงก่อน แล้วอินล่ะครับคิดถึงดินไหม”
“ก็...เหมือนกัน..” คนตัวเล็กยิ้มพร้อมหลุบตาลง อากาศก็ไม่ร้อนมากแต่เขาเริ่มหน้าแดงหูแดงอีกแล้ว จนคนตัวโตอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไม่คลึงแก้มอีกฝ่ายเบาๆ
“เหนื่อยกันไหมครับ นั่งรถมาไกลเลย”
“ไม่เท่าไหร่หรอก วันนี้อากาศดี ดูสิทะเลสวยจังเลยเนอะ” อินสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด พยายามไม่สบตาอีกฝ่ายกลัวจะวกมาทำให้เขินอีก
“งั้นเก็บของเสร็จเราไปเดินเล่นริมชายหาดกันไหม”
“ได้หรอ แล้วไม่ต้องซ้อมสำหรับเย็นนี้หรือไง”
“ดินซ้อมมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้อยากอยู่กับอินมากกว่า”
เป็นอีกครั้งที่อินหลบตา หยอดได้หยอดเอา ทำยังไงก็ไม่ชินกับคำหวานของอีกฝ่ายสักที

เราเดินขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่ของชั้นนี้คือห้องโถงกว้างที่มีโซฟาชุดที่อยู่ด้านหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ มีโต๊ะอาหารยาวๆติดกระจกที่มองเห็นสระว่ายน้ำ มุมนึงของห้องมีโต๊ะพลูและเปียโนหลังใหญ่วางอยู่ ด้านที่อยู่ติดกับทะเลตรงกลางจะเป็นประตูที่เปิดไประเบียงเพื่อชมวิวทะเลได้ ด้านซ้ายและขวาของระเบียงเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งมีอยู่ด้านละสองห้อง

“เอาล่ะครับ” ตั้งต้นยิ้มแป้นมองหน้าคนที่หน้าบูดตั้งแต่มาแล้วกล่าวขึ้นให้ทุกคนได้ยินทั่วกัน
“ชั้นนี้มีอยู่สี่ห้อง แต่ละห้องมีเตียงคิงไซส์นอนได้สองคนนะครับ แล้วใครจะนอนกับใครเอ่ย”
“...” อินก้มหน้าหลบตาเมื่อคนที่นิ้วยังเกี่ยวกับนิ้วเขาสะกิดให้หันไปมองหน้าแล้วส่งสายตาอ้อนเหมือนอยากให้นอนด้วยกัน
“อินมึงนอนกับกู มึงก็นอนกับอีแนท” กีเป็นฝ่ายพูดรัวๆ ดันธันให้ไปยืนข้างแนทหลังจากที่ดึงแขนอินเข้าไปหาตัวเอง อินอดขำไม่ได้ เมื่อเหลือบไปเห็นคนตัวโตยืนหน้าบูดไปแล้ว
“ว้า แล้วน้องกีไม่นอนกับพี่ต้นหรอครับ”
“แล้วทำไมเราต้องนอนกับนาย เป็นบ้าหรือไง แล้วบอกแล้วนี่ว่าอย่าเรียกน้อง”
“เอ้า ก็เราสองคนเป็น..”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว แล้วปาร์ตี้อะไรไม่เห็นจะมีคนเลย ห้องก็มีอยู่แค่นี้”
“ไม่มีใครนอนที่นี่หรอก เขาอยู่เรือนรับรองแขกกันหมดแล้ว ที่นี่ให้แต่คนพิเศษอย่างน้องกีเลยนะ”
“พิเศษพ่อง...” กีพูดงึมงำออกไป เขาอยากจะเถียงอีกฝ่ายให้หงายแต่ตอนนี้คือใจเต้นตึกตักไปหมดแล้ว จึงทำให้ได้แค่สงบปากสงบคำไม่ให้อะไรอะไรมันเข้าตัวไปมากกว่านี้ ตอนนี้เขางงจริงๆ ไอ้บ้านี้มันมาไม้ไหนกันแน่ ทำไมทำเหมือนจะจีบเขาแบบนี้อยู่ได้
อย่าไปหลงกลมันอีกนะมึง



“งั้นพักผ่อนตามสบายนะครับ ปาร์ตี้เริ่มหกโมงเย็นเจอกันที่สระน้ำนะ” ต้นกล่าวเมื่อเห็นชายที่เอารถไปเก็บขนกระเป๋าของคนมาใหม่ขึ้นมา ทั้งสี่คนแยกย้ายกันเอาสัมภาระเข้าห้อง อินไม่ลืมเดินเข้าไปใกล้เด็กโข่งที่ทำหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาก่อนจะดึงชายเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ
“รออินสิบนาทีนะ แล้วไปเดินเล่นที่ทะเลกันเนอะ”
คนตัวโตหันมาสบตา ยอมพยักหน้าเป็นการตกลงทั้งที่ยังหน้าบึ้งอยู่ อินยกยิ้มเล็กๆก่อนจะเอื้อมไปหยิกแก้มอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยวเบาๆ
“เดี๋ยวมานะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ลมเย็นดีจังเลยเนอะ”
“...”
“หาดส่วนตัวแบบนี้ไม่มีคนเลย เหมือนทะเลทั้งทะเลเป็นของเราหมดเลย”
“...”
อินขมวดคิ้วโน้มตัวเงยไปมองหน้าคนข้างตัว ตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมพูดจาอะไรกับเขาเลยตั้งแต่ลงมาเดินริมหาด อินยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย สอดนิ้วประสานกันอย่างแนบชิด
ขี้งอนจังนะ



“ยังงอนอยู่หรอ”
“...”
“แล้วจะให้อินทิ้งเพื่อนมานอนกับดินได้ยังไง แล้วมันจะนอนกับใคร”
“ไอ้ต้น”

“เฮ้ย เกี่ยวอะไร”

“ทิ้งกีไม่ได้แต่อินทิ้งดินได้”
“ทิ้งที่ไหน เมื่อคืนดินไม่ได้นอนกับต้นหรอ”
“แต่เมื่อวานอินไม่อยู่สักหน่อย”
“แต่..”
“ถ้าอินอยู่ดินก็เลือกอินเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”
“...”
“...”
“จะว่าอินไม่เห็นว่าดินเป็นอันดับหนึ่งหรอ”
“ก็..มันจริงไหมล่ะ”คนที่เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่เหนือกว่าเริ่มเถียงเสียงอ่อยลง
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม มาทะเลทั้งทีจะทะเลาะกันแบบนี้ใช่ไหม” คนตัวเล็กหยุดเดินเอามือกอดอกอยู่หน้าคนตัวใหญ่
“หึ ยังไงดินก็ต้องยอม ยังไงอินก็ไม่ง้อดินอยู่แล้วนี่”
“จะงอนอินก็ยอมง้อแล้วไง แต่ถ้ามาพูดเหมือนอินไม่รัก อินก็น้อยใจเป็นนะ อินแสดงออกไม่พออีกหรอ”
“...”
“ถ้าไม่พออินก็ขอโทษด้วย อินก็มีอยู่แค่นี้ ดินคงต้องไปหาคนอื่นแล้วล่ะ” อินว่าแล้วก็ผละเดินกลับไปทางที่พัก แต่คนตัวโตก็รีบตามมาสวมกอดเขาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ไม่เอานะ ดินขอโทษนะครับ”
“...”
“ก็ดินคิดถึงอิน แล้วมาทะเลทั้งทีดินก็หวังว่าจะได้นอนกอดอินนี่น่า” คนตัวโตวางคางลงบนไหล่ข้างหนึ่งของคนตัวเล็ก คลอเคลียปลายจมูกไปมาที่กกหูอย่างง้องอน
“แล้วอย่าไล่ดินไปหาคนอื่นอีกได้ไหม ดินไม่สนใครนอกจากอินสักหน่อยอินก็รู้”
“แต่ดินดูถูกความรักของอิน”
“ขอโทษครับ ดินผิดเอง ดินไม่ได้ตั้งใจนะ”
คนตัวเล็กยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน เด็กโข่งอย่างนี้พูดดีๆไม่ยอมเข้าใจต้องให้แสดงละครใส่ อินซ่อนรอยยิ้มก่อนจะเอี้ยวตัวไปถามเรื่องที่สงสัยมากที่สุดอีกอย่าง
“แล้ววางแผนอะไรกับต้น ตั้งใจจะทำอะไรเพื่อนอินกันแน่”
“ไม่ได้วางแผนอะไรนะ ต้นมันแค่ขอให้ช่วยเฉยๆ”
“ช่วยอะไร เรื่องกีหรอ ทำไม ต้นตั้งใจจะทำอะไรมัน” ดินลูบไหล่ให้อีกฝ่ายที่ตั้งท่าจะโวยวายใจเย็นขึ้น เล่าเรื่องที่ต้นมาขอร้องเขาให้อีกฝ่ายฟังจนหมดเปลือก คนตัวเล็กหรี่ตาลงอย่างไม่อยากเชื่อเรื่องที่ดินพูด แต่พอเจ้าตัวยืนยันหลายทีอินก็เริ่มโอนอ่อนตาม คนอะไรมันจะมาลงทุนจัดงานอะไรแบบนี้ถ้าไม่จริงจังว่ะ

“ดินถึงบอกให้อินมานอนกับดินไง”
“ไม่ใช่แล้วไหม สองคนนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ถ้าเป็นแล้วนอนได้หรอ”

อินหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน

“ก็ได้มั้ง”
“งั้นเรา...โอ้ย เจ็บนะ”

อินเอานิ้วบีบจมูกคนขี้เล่นไม่เลิก มันก็ไม่ใช่มีแค่อีกฝ่ายที่อยาก ที่จริงเขาก็อยากใช้เวลากับคนตรงหน้าทั้งคืนเหมือนกัน แต่เพื่อนสนิทอยู่ครบกันแบบนี้ถ้ามันรู้ว่าเขาไปนอนห้องดิน มีหวังโดนล้อกันจนแก่แน่ๆ อินอมยิ้มมองหน้าคนตัวโตที่ตอนนี้นั่งหูตกไปแล้ว รู้ว่าโวยวายแล้วไม่ได้ผลก็เปลี่ยนแผนมาทำตัวน่าสงสารสินะ
นึกหรอว่าเขาจะรู้ไม่ทัน

“แล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ”
คนตัวตัวหันขวับมามองเขาทันที ถึงจะรู้ทันก็ยังใจอ่อนให้คนคนนี้ทุกทีสิน่า
“อืม ดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน..” อินอึกอักตอบอีกฝ่ายออกไป ตอนนี้หมาตัวเดิมเหมือนได้กระดูกชิ้นใหญ่ ยิ้มกว้างจนตาปิดไปหมดแล้ว โน้มหน้ามากดหอมเขาซ้ายขวาแรงๆหลายฟอด
“รักอินที่สุดเลยครับ”
“พอเลย ที่งี้มาทำเป็นรัก”
“ไม่ใช่สักหน่อย รักตลอดอยู่แล้วต่างหาก”
“เหมือนกัน...”
“จริงอ่ะ”
“ไม่เชื่อหรอ”
“เชื่อครับๆๆ”
“...”
“เหมือนกันเลยหรอ”
“อืม จะบอกว่าเยอะใช่ไหมล่ะ ใช่เยอะมากด้วย” คนตัวเล็กว่าอย่างรู้ทัน คนตัวโตกว่ามองตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะปกติอีกคนทำได้แค่เขินกับคำหยอดเขาแต่วันนี้กลับเล่นกลับ แล้วเล่นเองก็หน้าแดงเองไปอีก ทำหน้ามุ่ยกลั้นยิ้มจนเขาอดใจไม่ไหวกดจูบหนักๆลงไปหนึ่งทีแล้วรัดคนตัวเล็กไว้ในอกจนแทบจะหายใจไม่ออก แค่นี้ก็หลงจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว มากกว่านี้ไม่รู้จะทำยังไงดีเลย
ทำไมถึงได้น่ารักได้มากขนาดนี้ว่ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“มึงว่าโลกมันกลมไปไหม”
“อีน้ำ มึงมาได้ไง”
“กูต้องถามมึงไหม พวกมึงมากันได้ไงว่ะ”
“เพื่อนกูเป็นแฟนดิน นักร้องน่ะ เขาเลยชวนพวกกูมา”


เมื่อดินขอแยกตัวเพื่อไปเตรียมตัวขึ้นเวที อินก็กลับไปรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนที่มานั่งเล่นในห้องพักของเขา พอได้เวลาก็เดินลงมาบริเวณสระว่ายน้ำที่ตอนนี้เริ่มมีคนมากันคึกคักแล้ว รอบสระว่ายน้ำมีโต๊ะเก้าอี้มาตั้งเรียงอยู่หลายตัว มีซุ้มสำหรับอาหารแบบบุฟเฟ่ห์อยู่มุมหนึ่ง ส่วนอีกมุมนึงที่ใหญ่กว่าคือมุมสำหรับเครื่องดื่มที่จะหนักไปทางเครื่องดื่มที่มีแอลกออฮอล์ มีบาเทนเดอร์สองคนคอยให้บริการคนที่เข้ามาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งสี่คนที่มาใหม่กำลังมองดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆอย่างเพลินตา แล้วจู่ๆก็ต้องตกใจก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง หันไปก็ต้องตกใจเพราะโลกมันกลมอย่างที่อีกคนว่าจริงๆ

“อือฮือ อินมึงคือได้สมบัติของรุ่นไปกินงี้”
“อะไร มึงรู้จักกันหรอ”
“ไอ้ต้นกับไอ้ดินเป็นเพื่อนห้องกูตอนมอปลาย”
“เชี่ย โลกกลมสัด”
คุยกันไปอีกแป๊ปนึงก็ชวนกันไปตักอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนที่จะไปนั่งรวมกันกับกลุ่มของลูกน้ำที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว แนะนำทำความรู้จักกันแปปนึงก็เริ่มคุยกันอย่างถูกคอ ก็กลุ่มอินแต่ละคนคุยเก่งกันทั้งนั้น ไปไหนไม่ต้องกลัวเหงาเม้าได้ทุกเรื่องทุกคนไม่มีสะดุด พูดคุยกันไปสักพักก็หันหน้าไปทางเวทีพร้อมกันเมื่อเสียงกีต้าร์เริ่มบรรเลงเพลงเพราะออกมา


“นี่คนนี่เอาสมบัติของรุ่นไปกินแล้ว” ลูกน้ำหันไปป่าวประกาศกับเพื่อนในโต๊ะจนเพื่อนใหม่ต่างเอ่ยแซวอินไม่หยุดทำให้เจ้าตัวได้แต่นั่งก้มหน้ากินเบียร์ในแก้วต่อไป แอบหันไปทางเวทีก็เจอผู้ชายที่กำลังโดนนินทายิ้มหวานส่งมาให้เป็นระยะ


“กูนึกว่ามันจะครองตัวเป็นสมบัติชาติไปตลอดซะอีก”
“คนจีบเป็นล้านแม่งไม่เคยเล่นกับใคร”
“เออ ตั้งแต่เลิกกับทิวกูแม่งไม่เห็นมันจะคบกับใครเลย กูนึกว่ามันลืมไม่ลงซะอีก”


อินชะงักแก้วในมือเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะเป็นแฟนคนแรกของอีกฝ่าย จากที่สัมผัสมาก็พอจะเดาได้ว่าอีกคนมีประสบการณ์มาก่อน แต่พอได้ยินจังๆแบบนี้ก็อดโหวงๆในใจไม่ได้เหมือนกัน


“มึงพอเลย แฟนเขานั่งอย่ตรงนี้ เกรงใจกันบ้าง”
“โทษทีๆ มันปากไปหน่อย อย่าคิดมากนะ”
“หือ ไม่เป็นหรอก เราไม่คิดมากหรอก” อินส่ายหน้าเบาๆยกยิ้มให้กับอีกฝ่าย
“มันไม่มีอะไรแล้ว นานมากแล้วตอนนี้ก้เป็นเพื่อนกันหมด ดูนั่นสิมันก็มานะ นั่งอยู่โต๊ะนั้นไง เสื้อสีขาว”
อินหันตามมือของเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่พยายามแก้ตัวให้เขาสบายใจ มองไปก็เห็นผู้ชายที่ใส่เสื้อสีขาวอยู่คนเดียวในกลุ่ม อินไม่กล้าจ้องไปตรงๆ ได้แต่แอบเหลือบพิจารณาอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง ผู้ชายคนนั้นเป็นคนยิ้มสวยมาก จมูกโด่งได้รูป บวกกับที่อีกฝ่ายตัวเล็กและผิวขาว รวมๆแล้วฝ่ายนั้นเป็นคนหน้าตาดีทีเดียว พอคิดได้ถึงตรงนี้ก็แอบรู้สึกหงุดหงิดขึ้นในใจ
คนคนนี้แอบคล้ายเขาหรือเปล่า



แล้วอะไรคือสายตาที่อีกฝ่ายส่งไปทางเวที เขาว่าเขาไม่ได้คิดไปเองที่เห็นมันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งไม่ธรรมดา รู้ว่าร้องเพราะแต่นั่งฟังเพลงไม่ต้องยิ้มเคลิ้มขนาดนั้นก็ได้ไหม แล้วสายตาน่ะ มองที่อื่นบ้างก็ได้ เพลงน่ะ เขาใช้หูฟังนะไม่ใช่ตา แล้วอินก็แทบจะลุกไปหาอีกคนเมื่อคนคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคนบนเวทีแล้วยกยิ้มอย่างอิ่มใจ

เยอะไปเยอะเลย



“แล้วมึงว่าไอ้ต้นมันจะหยุดที่ใครวะ”
บทสนทนาในกลุ่มเปลี่ยนเป็นไปหาอีกคนบนเวที
“อย่างมันจะหยุดได้หรอวะ ถ้ากูรูปหล่อพ่อรวยแบบมันกูก็จะฟันด่ะแบบนี้เหมือนกัน”
เพื่อนทั้งสามแอบลอบมองหน้ากี ธันพยายามกลั้นขำเหมือนเห็นตอนนี้เพื่อนสนิทหน้าเสียไปแล้ว
“ตั้งต้นเป็นยังไงหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ เพื่อนเราแอบชอบ” กีถลึงตามองแนทที่เอ่ยถามขึ้นมา

“ต้นมันคนดีนะ ถึงบ้านมันจะโครตรวยแต่ไม่เคยเบ่งกับใคร เพื่อนๆรักมันกันทั้งนั้น”

“แต่โครตเจ้าชู้” กีอดพูดขึ้นมาไม่ได้

“ก็ใช่ แต่ก็เข้าใจมันได้นะ พ่อแม่มันหย่ากันตั้งแต่มันยังเด็ก แล้วมันก็โดนเลี้ยงมาด้วยเงิน มันเคยบอกว่ามันไม่เชื่อเรื่องความรัก”

“เออ แล้วก็มีหลายคนเข้ามาหามันเพราะเงินด้วย”

“...”

“เห้ย แต่กูได้ยินมานะ ว่ามันจัดงานปาร์ตี้ให้คนพิเศษมันน่ะ”
“จริงดิใครวะ”
“ไม่รู้วะ เรียกแต่น้อง น้อง อะไรนี่ล่ะ”
“อะฮ่ะฮ่า โทษๆๆๆ ”
จู่ๆธันก็หลุดหัวเราะออกมาจนทั้งโต๊ะหันมามอง ต้องเอ่ยขอโทษแล้วอ้างว่าพอดีอะไรตลกๆมันแว๊บเข้ามาในหัว ธันหันไปแปะมือกับแนทที่เข้าใจว่ามันขำอะไร ก็ดูหน้าเพื่อนสนิทจอมโวยวายของเขาสิ ตอนนี้นั่งหน้าแดงเป็นตูดลิงไปแล้ว สงสัยจะใจอ่อนให้ผู้ชายหน้าม่อไปเรียบร้อย
ไอ้น้องกี งานนี้มึงไม่รอดแน่


“อะ นั่นไงคนที่พวกมึงถามถึง” เป็นลูกน้ำที่ว่าขึ้นอีกครั้ง ใช้นิ้วเคาะเรียกให้พวกเขาหันไปมองฝั่งที่แฟนเก่าดินนั่งอยู่ อินที่ตอนนี้ยังโมโหไม่เลิกเหลือบตาไปมองตามคนอื่น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทิวเงยหน้าคุยกับคนคนหนึ่งอยู่อย่างสนิทสนม
“กูว่าโลกแม่งไม่กลมธรรมดาแล้วว่ะ” แนทพูดขึ้น
“กลมแล้วเสือกเล็กมากด้วย” กีเสริม
“...”
เหมือนพวกเขาจะจ้องอีกฝ่ายมากเกินไปจนทางนั้นรู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อสบตากันฝ่ายนั้นก็เบิกตากว้างอย่างคนเจอผีเอามือปิดปากที่อ้าค้างอยู่ อินมองคนตัวเล็กอีกคนที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูกก้มหน้ามองพื้นสลับกับมองหน้าเขาไม่หยุด และในที่สุดเจ้าตัวก็เหมือนจะตัดสินใจได้และเป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาหาเขาเอง อินพยายามยกยิ้มก่อนที่จะทักทายคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นปกติที่สุด
“ไงเจ”

“หวัดดีอิน”

“...”

“ไม่เจอกันนานเนอะ”

“มาคนเดียวหรอ” แทนคำตอบอินเลือกที่จะถามคำถามแทน อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าอินหมายถึงอะไร

“อืม มาคนเดียว”

“แล้วอีกคนไ...” แล้วกิตไปไหน

“ออกไปคุยกันหน่อยไหม”

อินมองมือกีที่เอื้อมมาจับมือเขาก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าพร้อมยกยิ้มให้

“เดี๋ยวกูมานะ”

.
.

.

.

.

.

.

.

.

.

"งั้น...เราไปก่อนนะ" เจพูดขึ้นเมื่อเราเดินย้อนกลับมาบริเวณสระน้ำอีกครั้ง ตอนนี้เจ้าตัวตั้งใจจะเดินกลับไปห้องนอนเลย
"อืม แล้วเจอกัน" อินว่าสั้นๆโบกมือลาอีกฝ่ายก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะ ซึ่งตอนนี้กลุ่มของน้ำขึ้นไปเต้นบนเวทีกันหมดแล้ว ตอนนี้ในโต๊ะจึงมีเพียงเพื่อนเขาสามคนและตั้งต้นที่นั่งอยู่อีกด้านของกี กำลังจะถามหาเพื่อนอีกฝ่ายแต่กีก็ศอกสะกิดเขาจนต้องหันไปมองหน้ามัน มันพยักเพยิดให้มองตามสายตามันไป เมื่อเขาทำตามก็ดันไปเจอภาพที่ทำให้หัวร้อนที่สุด เขาเห็นผู้ชายสองคนนั่งข้างกันบนเตียงยาวที่ไว้ใช้นอนอาบแดด ผู้ชายคนแรกคือคนตัวเล็กที่เขาแอบมองมาทั้งคืนซึ่งตอนนี้กำลังนั่งวางมือบนต้นขาผู้ชายตัวโต ขาคนทั้งสองแนบชิดกันจนแทบจะเกยกันอยู่แล้ว คือมากกว่านี้ก็ต้องนั่งตักกันแล้วล่ะ


“ไม่มีอะไรนะ มันแค่คุยธุระกันนิดหน่อย” ต้นรีบเอ่ยเมื่อเห็นอินมองทางนั้นไม่วางตา

“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน เพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันเป็นธรรมดา”

“กีมึงหยุด” แนทรีบห้าม ไอ้นี่ก็ขายุตลอด

“ธุระอะไร” อินถามขึ้น แต่สายตายังอยู่กับสองคนนั้น ดูเหมือนคนตัวโตยังไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้

“เรื่องงานจริงๆ มันช่วยทิวทำเพลงละครเวทีอักษร”

“แล้วต้องนั่งตักกันทำงี้”

“กีพอ ไอ้อินมึงหึงหรอ” เป็นธันที่ถามออกมาจนอินหันขวับมามอง

“ก็แฟนกูไหม”

“แล้วมึงจะนั่งให้มันแดกหรอ ไปเอาคืนมาดิ” ธันยังว่าต่อ

“หรือมึงไม่มั่นใจอะไร กลัวเขาไม่ลืมแฟนเก่าเหมือนมึงหรอ”

“ไอ้เชี่ยธัน”

“มึงต้องหัดแสดงออกไอ้อิน เขาจะได้รู้บ้างว่ามึงรัก”

“...”

อินยังรู้สึกลังเล เพราะต้นก็บอกอยู่แล้วว่าไม่มีอะไร เขาไม่อยากทำตัวหึงหวงเกินเหตุ กลัวจะถูกอีกฝ่ายรำคาญถ้าแสดงออกมากไป

แล้วอีกอย่าง เขาก็เชื่อใจดินมากด้วย



“ไม่มีอะไรหรอกมึง” อินว่างั้นก่อนที่จะยกแก้วขึ้นดื่มต่อเลิกสนใจสองคนนั้นไปแล้ว





“อือหือ กินหูเข้าไปล่ะนั่น”

อินหันขวับกลับไปมองทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทว่าต่อ ไม่รู้เพราะเสียงเพลงมันดังมากนักหรือยังไงแต่ตอนนี้คนตัวเล็กเงยหน้าไปกระซิบข้างหูคนตัวโตจนปากนี่หายไปครึ่งนึงแล้ว

แล้วมึงจะหัวเราะอะไรกันนักหนา ตลกมากหรือไง



พรวด!



“ต้น!”

อินยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกเพื่อนสนิทแฟนเสียงดัง แต่ยังไม่ละสายตาจากสองคนตรงนั้น



“คะ..ครับ”

ตั้งต้นแอบตกใจ เคยเห็นอีกฝ่ายแต่ตอนที่หวานๆพูดน้อย ยังเคยชมกับเพื่อนเลยว่าอินโครตน้อง แต่จากสภาพคนตัวเล็กตอนนี้ เหมือนมีไฟซุปเปอร์เซย่าอยู่รอบตัว รู้สึกโครตสงสารไอ้ดินเลย ไม่รู้จะเจออะไร



“เอ่อ..อินใจเย็น...”









“วันนี้เราขอแลกห้องนอนนะ”







****************



เรื่องที่ทะเลยังมีอีกหลายตอนเลย เที่ยวกันยาวๆจ้า



ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
แลกห้องเลยหรอ??  555,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
12:00 คนงี่เง่า
“อินมึงพูดเชี่ยอะไร”
กีรีบดึงเพื่อนสนิทให้นั่งลงทันที อินยอมนั่งตามแรงดึงของอีกฝ่ายแต่สายตายังจับจ้องสองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งไม่วางตา
“มึงจะให้กูนอนกับมันหรอ มึงเป็นบ้าไปแล้วไง”
“เออ กูเป็นบ้า”
อินว่าแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นซดจนหมด ตอนนี้เขาหงุดหงิดที่สุด หงุดหงิดจนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เพราะคนที่กำลังยื่นหน้ามาคุยกับแฟนเขาแบบแนบชิดหรอกนะ แต่เป็นเพราะอีกคนต่างหาก...
อีกคนที่ไม่คิดจะไปตามเขาทั้งที่เขาหายไปตั้งนาน แล้วนี่กลับมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่สังเกตเห็นเขาสักที ไม่รู้หรอกนะว่าธุระที่คุยกันมันสำคัญขนาดไหน แต่มันจำเป็นต้องคุยกันตอนนี้ วันนี้จริงๆหรอ
ตอนอื่นก็ไม่อยากให้คุย
“ต้นจะยินดีมาก แลกกันถาวรเลยนะ”
“แลกไปคนเดียวสิ แล้วถ้ามึงอยากไปนอนกับดิน กูนอนคนเดียวได้ บ้านก็ใหญ่โตเจ้าของบ้านเขาคงมีห้องนอนส่วนตัวไหม“
กีรีบพูดแทรกลิ้นรัวเมื่อคนฉวยโอกาสพยายามตอบตกลงเพื่อนสนิทเขา ตั้งแต่มานี่ต้องคอยระแวงตลอด บอกตรงๆเลยว่าไม่ไว้ใจคนหน้าม่อตรงหน้าสักนิด ยิ่งตอนนี้ไอ้อินมาเปิดโอกาสให้มันแบบนี้ ต้องยิ่งระวังตัวทุกย่างก้าว ยังไงคืนนี้เขาต้องเอาตัวรอดจากไอ้นี้ให้ได้ก่อน ยิ่งเวลาเขาเข้าใกล้มันทีไรควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ด้วยสิ
“มึงไม่ต้องเถียงกัน คืนนี้ห้องเขาอาจจะไม่ว่างหรือเปล่า”
อินหันขวับส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปมองเพื่อนสนิทอีกคน รู้ว่าจริงๆแล้วไอ้ธันมันโกรธแทนเขาจะตาย ที่มันแกล้งยั่วเล่นก็เพื่อให้เขาทำอะไรสักอย่าง แต่พอได้ยินมันย้ำหลายๆครั้งก็เริ่มจะโมโหมันมากกว่าดินซะอีก
“เหมือนเขาจะยุ่งอยู่กับเพื่อนเก่านะ”
“กูเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่ามึงเพื่อนกูจริง” ธันหัวเราะให้กับคนตัวเล็กที่ตอนนี้ควันออกหูไปแล้ว
“อีธันมึงเลิกยุ แล้วอินมึงใจเย็นๆนะ” ดูเหมือนตอนนี้ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจะเป็นคนที่มีสติที่สุด
“มึงอยากให้อินลุกไปตบเขาหรือไง ดูละครมากไปนะมึง”
“เอองั้นพวกมึงก็นั่งดูเขาแดกกันไปแบบนี้เถอะ”
“มึงอย่าเว่อร์ เขาก็นั่งคุยกันเฉยๆใช่ไหมต้น”
แนทว่าเพื่อนสนิทที่ยังบ่นอุบอิบไม่เลิกแล้วหันไปถามความเห็นต้น ตอนนี้ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่คนที่จะทำให้เรื่องชัดเจนได้เพียงคนเดียวในโต๊ะ ต้นทำหน้าเลิ่กลั่กที่จู่ๆหัวข้อตกมาที่เขา
“กับทิวนี้ยังไง”
“แฟนเก่ามันตอนมอห้า”
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”
“เอ่อ...เราว่าไปถามไอ้ดิน...”
“จะให้เราไปถามเองไหมตอนนี้” อินโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน ต้นยอมรับเลยว่ายังไม่ชินกับร่างโหดของอีกฝ่ายจริงๆ ปกตินี่เย็นเป็นน้ำ วันนี้ไฟลุกพรึบจนร้อนไปหมดแล้ว
“โอเคๆ ใจเย็นนะครับ เล่าแล้วๆ ก็ไม่มีอะไรมากทิวมันเป็นคนขอเลิก”
“จริงดิ ทำไมล่ะ” กีเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง
“ดินมันขี้หึง.. อินก็น่าจะพอดูออก ยิ่งตอนมอปลายมันหึงรุนแรงกว่านี้เยอะ มีเรื่องกับเขาไปทั่ว ทิวมันก็เลยน่าจะทนไม่ได้”
“...” อินรู้สิว่าอีกคนขี้หึงแค่ไหน แต่เป็นครั้งแรกที่ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่โดนอีกฝ่ายหึง
อินบอกแล้วว่าอินไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นคนแรกที่อีกฝ่ายรัก เขาเองก็เคยมีอดีตที่ลืมไม่ได้ แต่การที่ต้องมารับรู้ว่าเหตุผลที่คนสองคนนั้นเลิกกันเป็นเพราะผู้ชายของเขารักอีกฝ่ายมากไป มันก็แอบทำให้เขาเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ไอ้อิน อย่าคิดมาก อดีตก็คืออดีต”
เป็นธันที่เตือนสติเพื่อนเมื่อเห็นมันขมวดคิ้วนั่งจ้องแก้วเบียร์เปล่าอยู่นาน
“ถ้ามึงจะคิดก็คิดเรื่องปัจจุบันตรงโน้นสิ”
อินหันไปมองสองคนที่ตอนนี้แบ่งสายหูฟังกัน นั่งฟังอะไรสักอย่างจากมือถือเครื่องเล็กของคนตัวโต สายตาไปสะดุดกับแขนเล็กสองข้างที่คล้องรอบอยู่กับแขนขวาของแฟนตัวเอง
“อินใจเย็นมึง” เป็นแนทที่รั้งข้อมือของเขาไว้ทันทีที่เขาลุกขึ้นอีกครั้ง
“กูแค่จะไปเอาเบียร์”
ว่าแล้วดินก็เดินถือแก้วเปล่าไปซุ้มเครื่องดื่ม จงใจที่จะเดินผ่านด้านที่ทั้งสองคนนั่งกันอยู่ ทั้งคู่พูดคุยอะไรสักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์
ขอบตาอินเริ่มร้อน มาใกล้ขนาดนี้เจ้าตัวยังไม่เห็นเขาได้ไง เขาคิดว่าเขาไว้ใจอีกฝ่ายแต่ความน้อยใจมันมากกว่าทุดสิ่งแล้วตอนนี้ อินรับแก้วเบียร์ที่เติมเต็มแล้วหันหลังจะเดินกลับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียกเขาไว้
“แก้วที่เท่าไหร่แล้วคนขี้เมา”
อินไม่อยากจะพูดคำเดิมซ้ำ แต่มันไม่จำเป็นต้องให้นักวิทยาศาสตร์คนไหนมาพิสูจน์หรอก เขาเชื่อจริงๆแล้วว่าโลกนี้มันกลมยิ่งกว่าอะไร
“เต.. มาไงเนี้ย”
อินพูดเสียงกลั้วหัวเราะปนตกใจ ความบังเอิญมันเยอะเกินไป...เยอะเกินไปเยอะมากๆ
“มากับเพื่อนมอปลายน่ะ”
“นี่รู้จักกับต้นด้วย?”
“ก็ไม่เชิง เตรู้จักกับเพื่อนในห้องนั้นน่ะ แล้วอินไปไงมาไง”
“อินรู้จักกับกลุ่มต้นน่ะ นั่นไงนั่งอยู่กับพวกกีตรงนั้น”
อินชี้ไปทางโต๊ะที่เพื่อนสนิทนั่งกันอยู่ ก่อนจะถามคนข้างตัวต่อ
“แล้วเพื่อนเตอยู่ไหนกันหมดล่ะ”
“นั่นไง” คนตัวโตกว่าหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปทางเวที “เสื้อแดงที่สอยดาวอยู่นั่นล่ะไอ้นทเพื่อนเรา แต่ไม่ค่อยอยากจะนับเพื่อนแล้ว” อินหัวเราะเมื่อเตส่ายหน้าเหมืิอนเอือมระอาเป็นที่สุด
“เตไม่สอยกับเขาบ้างล่ะ”
“เตเป็นฝ่ายเก็บศพ วันนี้กินเยอะไม่ได้”
หูของอินยังฟังคนข้างๆ แต่สายตาของอินถูกดึงดูดกลับไปอีกที่ทันทีเมื่อคนของเขาลุกขึ้นพาแฟนเก่าไปที่โต๊ะที่เพื่อนของเขานั่งอยู่ ถ้าเดาไม่ผิดดินน่าจะกำลังแนะนำให้คนในโต๊ะรู้จัก แล้วดูเพื่อนเขาแต่ละคน พวกมันแท้ๆที่นั่งยุให้เขาหัวปั่นมาเป็นชั่วโมงแต่ตอนนี้พูดคุยยิ้มแย้มเหมือนรู้จักกับอีกคนมาเป็นชาติ
พวกมึงเพื่อนกูจริงๆใช่ไหม
“อินสบายดีนะ”
อินสติกลับมาตรงหน้าเมื่อได้ยินคำถามจากคนข้างตัว พอหันกลับมาก็สบตากับเจ้าตัวที่เหมือนจะแอบมองเขาอยู่ก่อนแล้ว สายตาของเตที่มองเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มันเป็นสายตาที่แสดงออกชัดเจนเสมอว่าห่วงใยเขา ทั้งๆที่ตั้งแต่เลิกกันเขาไม่เคยมีเรื่องอีกคนในหัวเลยด้วยซ้ำ มันเป็นอีกครั้งที่ทำให้เขาคิดได้ว่า มันแย่แค่ไหนที่ต้องปล่อยให้คนคนนึงจมอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆ โดยที่เขายังสุขสบายใจแบบนี้
อย่างน้อยเขาควรจะแสดงความจริงใจโดยการบอกความจริงให้อีกฝ่ายรับรู้
“เตเห็นคนนั้นไหม เสื้อดำ”
อินมองไปที่โต๊ะของเพื่อนจนเตลากสายตาตามไป คนเสื้อดำในโต๊ะตอนนี้มีอยู่คนเดียว
“นั่นดินแฟนอินเอง”
เตเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหู มองหน้าเขาสลับกับคนในโต๊ะนั้น
“แต่คนข้างๆคือ..”
“อือ อินรู้ แฟนเก่าดิน”
แน่นอนว่าเตเคยเห็นสองคนนั้นมาก่อน ก็เขาสนิทกับนทที่อยู่ห้องเดียวกันกับพวกนั้น แล้วตอนมอปลายดินก็ดังไม่ใช่เล่น แค่คบกับทิวก็ทำสาวๆอกหักกันไปทั้งโรงเรียน
“แล้วดินนี่ เป็นแฟนแบบไหนของอิน” เป็นเตที่ถามก่อน
“แบบไหนคือยังไง”
“เป็นแฟนแบบเตหรอ”
แฟนที่เอาใช้แทนคนที่พยายามลืม..
แฟนที่แค่ไม่ปฎิเสธเมื่อโดนขอคบ..
อินเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายถาม เขาอยากจะพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่สิ่งที่เขาเห็นว่าสำคัญกว่าคือการซื่อสัตย์กับคนตรงหน้า อย่างน้อยเขาอยากให้ความสัมพันธ์ของเราต่อจากนี้มีแต่ความจริงใจ
“เหมือนถามเองจะเจ็บเองยังไงไม่รู้” เตพูดกลั้วหัวเราะจนอินก็ยกยิ้มตาม
“เต... อินเดินหน้าต่อแล้วนะ” อินเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย
“ตอนนี้สำหรับอิน กิตคือความทรงจำที่มีค่าที่สุดของอิน แต่เขาก็คืออดีตที่อินต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกับอินคือปัจจุบันและอนาคต”
“แล้วปัจจุบันและอนาคตของอินคือคนนั้นหรอ”
“ดินคือปัจจุบัน เป็นปัจจุบันที่อินอยากให้เป็นอนาคต”
“เฮ้อ อกหักหนักกว่าเดิมไปอีก ไม่เคยให้ความหวังเตเลยนะ”
“ที่อินอยากมีให้เตคือความจริงใจไม่ใช่ความหวังลวงๆ”
“อือฮือ เดี๋ยวนี้คมเชียวนะคุณแฟนเก่า”
“ก็ได้แค่นี้ ต่อหน้าเขาก็ไม่กล้าทำอะไร”
“นี่อย่าบอกว่ากำลังหึงทิวอยู่”
“หึงสิ หึงจนอยากจะทำอะไรงี่เง่าใส่ อยากจะกระโดดไปแยกทั้งคู่ออกจากกันเลยซะให้รู้แล้วรู้รอด” อินพูดขำๆแต่ก็แอบคิดจริงอยู่เหมือนกัน
“ก็ทำสิ”
“ได้ที่ไหนเล่า เดี๋ยวโดนว่าน่ารำคาญ”
เตหลุดหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำตอบพร้อมหน้ามุ่ยๆของเขา ยกมือขึ้นมาขยี้หัวแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“น่ารำคาญที่ไหน ถ้าตอนคบกันอินเป็นแบบนี้เราคงดีใจตายไปแล้ว” เขาคงมีความสุขจนตัวลอย ถ้าอินจะมีความรู้สึกหึงหวงเขาบ้างสักนิด
อินกำลังพยายามประท้วงอีกฝ่ายให้เอามือออกก็ได้ยินเสียงกีตะโกนเรียกชื่อเตจากอีกฝั่ง โบกไม้โบกมือเรียกให้เข้าไปหา เขาไฝแอบเหลือบมองคนเสื้อดำที่ตอนนี้จ้องเขามาตาไม่กระพริบ
“ถ้ายังไม่อยากสอยดาว ไปทักทายกีก่อนไหม”
“ไม่น่าจะเลี่ยงมันได้แล้วนะ จังหวะนี้”
ทั้งสองยกยิ้มให้กัน หยิบแก้วเบียร์ที่เพิ่งรินเสร็จอีกครั้งแล้วเดินไปที่โต๊ะ เตกระซิบเบาๆเมื่อเราเริ่มออกเดิน
“เดี๋ยวเตช่วยเอง”
.
.
.
“ไอ้เตมาไงมึง”
ไม่ต้องถึงโต๊ะดี กีที่เห็นพวกเขาเดินมาก็ตะโกนทักทายแล้ววิ่งเข้ามาหา ทั้งโต๊ะหันมามองทางเขาสองคน แอบเหลือบไปทางคนตัวโตก็เจออีกฝ่ายจ้องเขามาตาขวาง
คือถ้าจะมาตาขวางแบบนี้ก็ควรจะหาทางเอามือนั้นออกจากขาตัวเองให้ได้ก่อนไหม
“เชี่ย กูว่าโลกกลมเป็นลูกแก้วแล้วมึง” ธันหันไปกระซิบข้างหูแนทที่นั่งกุมขยับกับความบังเอิญซ้อนบังเอิญตรงหน้า
“กูมากับไอ้นท”
“เอ้า มันมาด้วยหรอ นี่เตเพื่อนเราที่มหาลัย รู้จักกันตอนไปค่ายอาสา” เมื่อมาถึงโต๊ะกีก็แนะนำเตให้กับทุกคนได้รู้จัก เตนั่งลงตรงข้ามกับกี ส่วนอินก็นั่งลงตรงข้ามที่ที่เคยนั่งซึ่งตอนนี้มีดินนั่งอยู่แทนที่ เหลือบมองคนตัวเล็กข้างๆดิน พยักหน้าเป็นการทักทายอีกฝ่ายเบาๆ
“ที่จริงนอกจากเพื่อนกีแล้ว เรายังเป็นแฟนเก่าอินนะ มึงแนะนำแบบนี้ก็ได้” อินหันไปมองหน้าเต คนตัวโตฉีกยิ้มกว้างพร้อมขยิบตาข้างหนึ่งส่งให้เขา อินหรี่ตาพร้อมสายหัวให้เบาๆ เข้าใจทันทีว่าอีกคนต้องการจะทำอะไร เพื่อนอีกสามคนของอินก็ดูเหมือนจะเข้าใจเหมือนกัน
“วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย” ธันพูดขึ้นลอยๆ
“วันรวมแฟนเก่าเปล่าวะ ทิวก็เคยคบกับดินนี่ เห็นต้นบอก” กีว่าต่อ ดินหันขวับไปทางเพื่อนสนิทที่ปากมากทันที จนเจ้าตัวต้องส่ายหน้าปฎิเสธเร็วๆ วันนี้นั่งอยู่เฉยๆแท้ๆ ทำไมมีแต่เรื่องเข้าตัวไม่รู้
“ตั้งนานมาแล้ว ตอนนี้ก็เพื่อนกันทั้งนั้น..เนอะ” ต้นพยายามแก้ตัวแทนอีกคนที่ยังนั่งจ้องฝั่งตรงข้ามไม่หยุด
“ง่ะ ต้นถามความคิดเห็นเราก่อนไหม ว่าเราอยากเป็นแค่เพื่อนหรือเปล่า” คนตัวเล็กที่นั่งข้างดินว่าขึ้น
“แฟนเก่าก็ไม่เอานะ แฟนใหม่เลยได้ไหม” พูดไปก็โน้มหน้าเข้าไปทำหน้าทะเล้นให้คนข้างตัว ดินเหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่ธันแทรกขึ้นมาก่อน
“อู้ววว วันนี้ถ่านไฟเก่ามาแรงแฮะ”
ก็ไม่ใช่มึงหรอที่ขยันเติมเชื้อเพลิง!!!
“ทิวไปเต้นกันไหม”
เมื่อต้นเห็นท่าไม่ดีก็รีบลุกขึ้นยืน จับแขนคนตัวเล็กดึงให้ลุกขึ้น แต่ทิวยื้อเอามือเกาะแขนดิน
“หือ ไม่ไป ต้นอยากไปก็ไปดิ”
“มาเถอะ ดูดิไอ้ลูกน้ำมันเรียกหลายทีแล้ว มันว่ามีเรื่องจะให้ช่วย”
“เออๆ แปปเดียวนะ เดี๋ยวทิวมานะดิน”
ว่าแล้วทิวก็ยอมลุกออกไปจากโต๊ะอย่างจำใจตรงไปหน้าเวที ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ ดินยังคงนั่งจ้องอินที่ตอนนี้ยกเบียร์ขึ้นมาซดจนจะหมดแก้ว อินฉุนเกินกว่าจะคุยหรือถามอะไรคนตรงหน้าแล้ว เพื่อนสนิททั้งสามของอินสะกิดกันเหมือนอยากให้ใครเริ่มบทสนทนาอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความเงียบ แต่กลับเป็นเตที่พูดขึ้นมา
“พอแล้วน่ะ จะเมาอีกแล้ว”
“ไม่เมาสักหน่อย ถ้าเตไม่ดื่มอินขอนะ”
อินเลื่อนไปจะคว้าแก้วของเตมาดื่ม ตอนนี้อินไม่อยากเงยหน้าขึ้นไปสบตาดินเลยสักนิด จะมาจ้องเขาทำไมในเมื่อตัวเองไม่เห็นทำอะไรให้ขัดเจนเลยสักนิด จะมาหึงเขาทำไมเวลาเขาอยู่กับคนอื่น ไม่ดูตัวเองเลยสักนิด
“ไม่ให้ดื่มแล้ว พอเถอะ ไปๆ เดี๋ยวเตไปส่งห้อง”
“แต่...”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ”
เตว่าพร้อมเอามือบีบจมูกอินเบาๆส่ายไปมา แอบมองจากหางตาก็เห็นคนหัวร้อนที่ตอนนี้เหมือนจะนั่งไม่ติดเก้าอี้
พรวด! หมับ!
“ไป กลับห้องกัน”
ดินลุกขึ้นอ้อมโต๊ะมาดึงแขนอินให้ลุกจากเก้าอี้แต่โดนสะบัดออกจนหลุดทันที
“อยากกลับก็กลับไปสิ ดินชวนผิดคนแล้วมั้ง”
ดินพยายามดึงแขนคนตัวเล็กอีกครั้งแต่คราวนี้โดนเตจับข้อมือไว้ก่อน
“คุยกันดีๆ อะไรคือมากระชากลากถูแบบนี้”
“มึงอย่าเสือก!”
“ดิน! พูดกับเพื่อนอินดีๆ”
“อยากให้ดินต่อยมันจริงๆใช่ไหม” คนตัวโตกกระซิบข้างหูอย่างร้อนใจ เขาแทบจะไม่มีสติเหลือจะใจเย็นอะไรแล้ว
“...”
“นะ” คนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง จับแขนเขาอีกครั้งแต่ไม่ได้ออกแรงดึง ยืนรอเหมือนให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง
“เต เดี๋ยวอินกลับกับดินนะ”
“แน่ใจนะ?” เมื่ออินพยักหน้า เตก็ไม่ว่าอะไรลาคนบนโต๊ะก่อนจะเดินไปหาเพื่อนด้านหน้าเวที อินไม่รอช้าสลัดมือออกจากอีกฝ่าย แล้วเดินกลับห้องพักโดยไม่สนใจเสียงเรียกของดินที่เดินตามหลัง
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“ถ้าดินทำแบบวันนั้นอีกอินจะไม่คุยด้วยอีกเลยนะ”
ดินปิดประตูห้องลงกลอนทันทีเมื่อเข้ามาในห้องนอนของอิน นี่ถ้าไม่ยันประตูไว้ก่อนก็เกือบโดนปิดประตูใส่หน้าไปแล้ว พอเข้ามาแล้วก็จับอีกคนดึงเข้ามาชิดตัว โน้มตัวเข้าไปตั้งใจจะกดจูบเข้าไปแรงๆให้สมกับความโมโหที่ครุกรุ่นอยู่ในจิตใจ แต่ก็ชะงักตัวไว้ก่อนเมื่ออินเอ่ยเตือนเสียงแข็งขึ้นมาถึงวันที่ที่ทะเลาะกันคราวที่แล้วจนเกือบจะเลิกคุยกัน เขาถึงยอมปล่อยตัวอีกคนนั่งลงบนปลายเตียงเอามือกุมขมับ
“แล้วอินทำอะไร อยากเห็นดินเป็นบ้าหรือไง”
ถ้าอีกฝ่ายอยากให้เขาบ้าก็คงประสบความสำเร็จแล้วเพราะตอนนี้หึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
“อินทำอะไร”
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้ไหม อินรู้ว่าดินเป็นอะไร”
“...”
“ดินเกือบจะต่อยหน้ามันไปแล้วจริงๆนะ”
“แล้วอินต้องไปต่อยหน้าทิวหรอไง อะไรๆก็จะใช้ความรุนแรง”
“...”
“นี่ขู่แบบนี้แล้วอินต้องกลัวดินไหม”
“...”
“และช่วยคิดใหม่อีกทีว่าใครทำให้ใครเป็นบ้ากันแน่”
“แต่อินหายไปนานสองนานไม่กลับมาสักที กีบอกว่าไปกับเพื่อนแต่พอเห็นว่าเป็นมัน...”
“ไม่ได้ไปด้วยกันกับเตสักหน่อย อินเพิ่งเจอเตเมื่อกี้ แล้วอินหายไปนานสองที่ไหน มานั่งตั้งนานแล้วดินต่างหากที่นั่งอยู่กับทิวจนไม่เห็นอะไรเลย”
“...”
“ก่อนจะมาโกรธคนอื่นดูตัวเองก่อนไหม นี่แค่เห็นอินอยู่กับเตยังทำตัวเสียมารยาทขนาดนี้ ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบอินบ้าง ดินจะทำยังไง”
อินหอบเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดหลังจากพูดยืดยาวออกไป แต่เหมือนยิ่งพูดมันก็หยุดไม่ได้
“นี่ถ้าอินไม่มาด้วยนี่ ไม่รู้จะเป็นไงเลยนะ เกาะแขนเกาะขากันขนาดนั้น หรือพออินไม่ยอมมานอนด้วยก็เลยจะหาคนใหม่มาแทนซะแล้ว”
“อิน!”
“ไม่ใช่คนใหม่สิ ก็มาก่อนอินนี่เนอะ”
“ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้ ดินขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
คนตัวโตสุดจะทนเอื้อมไปคว้าตัวคนตรงหน้ามากอดแน่น ซบหัวลงตรงกลางท้องของอิน
“...”
“กับทิวไม่ได้มีอะไรจริงๆ เขามาขอให้ช่วยทำงานละคร ไม่มีอะไรจริงๆนะ”
อินมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้ซบหน้าพูดด้วยเสียงอ้อน พออินได้พูดออกไปก็เหมือนสิ่งที่อัดอั้นใจมันได้ระบายออกไปหมด ใจเขาเย็นขึ้นกว่าเดิมเยอะ แล้วยิ่งได้เห็นคนตัวโตฟิวส์ขาดหึงเขาขนาดนี้ ความดีใจมันก็เลยมากลบทุกอย่างไปหมด
“เฮ้อ ดินงี่เง่า”
“อืม ดินงี่เง่าเอง”
“อินหึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วไม่รู้หรอ”
“ขอโทษครับ”
“ไปนั่งให้เขาจับขาจับแขนแบบนั้น เป็นอินบ้างดินจะรู้สึกยังไง”
“ขอโทษครับ”
ดินดึงคนตัวเล็กให้ลงมานั่งที่ตัก โน้มหน้าใช้จมูกเกลี่ยรอบใบหน้าอินเบาๆ
“ดินมันขี้หึง ดินมันไม่ดีเอง”
“แล้วที่เลิกกับเขาก็เพราะไปหึงเขามากเกินไปไม่ใช่หรอ” คนตัวโตขมวดคิ้ว
“ใครบอก”
“ต้น”
“ไอ้เหี้ยต้น!”
“ไม่ต้องไปว่าเพื่อนเลย”
“ไม่ใช่จริงๆ กับทิวนี่ไม่ได้คบกันเลย ถามทิวดูก็ได้”
“ไม่ต้องมาโกหกเลยนะ”
“ตอนมอห้าทิวโดนรุ่นพี่แต๊ะอั๋ง ดินเข้าไปช่วยมันก็เลยมีคนพูดไปหลายอย่าง”
“แต่ต้น..” ดินนึกโมโหเพื่อนสนิท พรุ่งนี้มึงไม่รอดแน่
“มันก็ไม่รู้ ทิวไม่อยากให้ใครรู้น่ะเรื่องที่โดนดินเลยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง”
“...”
“ไม่เชื่อ?”
“เฮ้อ...อินไม่รู้อะไรอีกแล้ว”
“ดินไม่โกหก อินก็รู้”
“แต่เขาก็มาชอบจริงๆไม่ใช่หรอ”
“ก็ใช่...แต่ดินไม่สนนี่น่า ดินรักใครอินน่าจะรู้ดีที่สุด” คนตัวโตรัดคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันดูผิดแผนไปหมด เขาชวนอีกคนมาทะเลเพราะอยากให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น แต่ตั้งแต่มาก็มีแต่เรื่องที่ทำให้ต้องอึดอัดใจกันตลอด
“แล้วทำไมไม่บอกว่าอินเป็นแฟน...”
“ก็มันกำลังโมโหตอนเจอมัน นั่งอยู่เฉยๆได้นี่นับถือตัวเองแล้ว” เมื่อเห็นอินเริ่มอ่อนให้ดินก็กลับมาบ่นอีกครั้ง
“เรียกเตดีๆได้ไหม รู้ไหมว่าทำตัวเสียมารยาทที่สุดเลย”
“ก็มันเสือกเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำให้รู้ซะมั้งว่าใครเป็นใคร”
“เตรู้..” ดินยกหางคิ้วอย่างไม่อย่างสงสัย
“ตอนเจอกันอินบอกไปแล้ว”
“จริงดิ”
“อืม”
“แมนกว่าดินก็อินนี่ล่ะ” อินหัวเราะออกมาเบาๆ ดินมองหน้าคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอาหน้าปากซบลงที่หัวไหล่ข้างหนึ่งของอีกคน
“ขอโทษนะครับ”
“สำหรับ?”
“ทุกอย่างเลย...”
“เฮ้อ อยากจะโกรธเหมือนกัน แต่วันนี้เหนื่อยแล้ว โกรธไปเยอะ” ดินยิ้มกว้างขำเบาๆในลำคอ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะโน้มตัวแตะริมฝีปากกับอีกฝ่าย งับด้านล่างเบาๆก่อนจะดูดจนเกิดเสียงดังขึ้นมา ลากลิิ้นร้อนไปรอบปากก่อนจะดึงดันมันเข้าไปตามรอยแยก ดินกดจูบเข้าไปหนักขึ้นเมื่ออินโอบรอบต้นคอของเขา ใช้ลิ้นกวาดรอบโพรงปากของคนตัวเล็ก ใช้ฟันขบลิ้นอีกฝ่ายเบาๆก้อให้เกิดเสียงครางจากคนร่างบางตรงหน้า เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ขาทั้งสองข้างของคนตรงหน้าเปลี่ยนมาค่อมร่างของเขาไว้ ดินเอื้อมมือไปโอบรอบหลังอิน ถูขึ้นลงอย่างรักใคร่ มือทั้งสองเลื่อนต่ำลงไปถึงสะโพก บีบเบาๆอย่างมหมั่นเขี้ยวที่สุด
“วันนี้ดินนอนด้วยนะ” คนตัวโตว่าออกมาเสียงพร่า ส่งสายตาอ้อนให้คนตรงหน้าที่ปากแดงเจ่อ ตากลมเจือไปด้วยน้ำใส ทั้งหน้าเห่อแดงจนแอบกลัวว่าจะไข้ขึ้น เมื่อได้ยินคำถามอีกฝ่ายก็ผละตัวออก ก่อนที่จะลุกยืนขึ้น ใจเสียไปหมดเมื่ออีกคนเอ่ยออกมา
“ดินกลับห้องเถอะ”
ดินรีบลุกขึ้นสอดแขนเข้าไปรอบเอวเล็กของอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกคนจะยังใจแข็งอยู่แบบนี้
“อิน...นะ”
“ก็บอกว่าให้กลับห้อง...” คนตัวเล็กยังยืนยัน
“เฮ้อ...โอเคครับ” ดินยอมตัดใจในที่สุดปล่อยคนตรงหน้าเป็นอิสระ กำลังจะหันหลังเดินออกไป
“คุยกับต้นแล้ว..”
“ครับ?”
คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ กำชายเสื้อของอีกฝ่ายแน่น ทำใจตะกุกตะกักพูดจนจบประโยค
“อินขอแลกห้องกับต้นแล้ว...ไปห้องดินกันนะ”

**************
มาช้าาา ติดนิยายอยู่ 5555







ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ใครเป็นอินก็หึงป่ะ,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
13:00 เพิ่งเจอต่างหาก

“เอ่อ คือดินมี...”
เมื่อประตูห้องนอนของดินปิดสนิท อินที่นั่งประหม่าอยู่ปลายเตียงกลั้นใจถามขึ้นทั้งที่ตอนนี้หน้าแดงเหมือนมะเขือเทศสุก
ไหนๆก็ทำใจกล้ามาถึงขนาดนี้ ก็ไปให้ถึงที่สุดไปเลย
ดินยกยิ้มอย่างเข้าใจ เดินไปยังกระเป๋าเสื้อผ้า หยิบถุงยางอนามัยกับเจลหลอดเล็กขึ้นให้อีกฝ่ายดูอย่างหยอกล้อ เมื่อเจ้าตัวเห็นก็ทำท่าตกใจตื่น ก้มหน้าจนคางติดอก กำสองมือแน่นที่หน้าตักของตัวเอง ดินเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย คุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น วางของในมือทั้งหมดลงบนเตียงก่อนจะเอื้อมมือจับคางอีกฝ่ายเชิดขึ้นเบาๆ ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยกลีบริมฝีปากล่างของอีกฝ่าย สายตาคมมองตามมือตัวเองที่เลื่อนไปตามส่วนต่างๆ คนตัวเล็กตรงหน้าเกร็งจนลืมหายใจ เขาไล่จากปากไปตามแก้มแดง เลื่อนไปข้างใบหูจนวางถนัดลงที่ท้ายทอย ดินดึงอีกฝ่ายเข้าหาตัวอย่างช้าๆจนปากทั้งสองประทับกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่นุ่มนวลเหมือนครั้งแรก ดินกดรอยจูบเข้าไปอย่างหนักหน่วง ตักตวงเหมือนหวังเอาทุกอย่างที่อยู่ในโพรงปากอีกฝ่ายมาเป็นของตน งับดูดริมฝีปากล่างสลับด้านบนไปมาจนเกิดเสียงดังน่าอายก้องไปทั่วห้อง แขนเรียวเล็กรัดแน่นกับแขนของดินจนเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน ขาทั้งสองของคนบนเตียงเบียดแน่นกับส่วนใหญ่โตของดินจนตอนนี้มันขยับขยายขึ้นจนเจ็บไปหมด

“วันนี้ดินขอนะ”
ไม่รอฟังคำตอบดินเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อยืดของอีกฝ่าย บีบคลึงเอวบางถูไถเลื่อนขึ้นไปจนเจอตุ่มไตแข็งขืน ดินใช้นิ้วชี้กดลงและคลึงเบาๆจนคนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ใช้มือที่ว่างจับปลายเสื้อของอีกคนเลิกขึ้นจนถึงคอ ก้มลงกวาดลิ้นเลียรอบแนวตุ่มแข็งที่ว่างอยู่ของอีกฝ่าย ขบกัดด้วยริมฝีปากจนตอนนี้คนตัวเล็กแทบจะนั่งไม่อยู่เกาะแขนทั้งสองข้างเขาแน่นเกร็ง ดินถอดเสื้อของอินออกก่อนที่จะดันคนร่างบางให้นอนราบลงบนเตียง ยกขยับทั้งร่างให้สูงขึ้นจนขาทั้งสองไม่เลยลงออกมานอกเตียง ดินมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้คอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอย่างหลงไหล ดินสัมผัสได้ชัดเจนถึงความประหม่าของอีกคน
หน้าที่เห่อแดงเหมือนคนเป็นไข้
เสียงหายใจที่ไม่เป็นจังหวะเหมือนคนหายใจไม่เป็น
สองมือเล็กที่กำผ้าปูที่นอนอย่างแน่นเกร็ง
เขาหลงไหล...หลงรัก...
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนตรงหน้าเป็น

ดินเอื้อมมือไปปลดกระดุมกางเกงก่อนที่จะเลื่อนซิปลง อินให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการยกสะโพกขึ้นเมื่อเขาพยายามดึงกางเกงและชั้นในของอีกคนออก

“ดิน..อ๊ะ..มันเสียว...”
เสียงอินครางเรียกเขาเบาๆเมื่อเขาโน้มตัวก้มจูบจากข้อเท้าข้างหนึ่งของอีกฝ่าย ลากลิ้นเลียขึ้นไปเรื่อยๆแวะดูดดึงผิวนุ่มแรงๆหลายครั้งจนตอนนี้ขาขาวของคนตัวเล็กมีรอยแดงจ้ำๆตลอดทาง ดินยกขาข้างหนึ่งขอคนตัวเล็กขึ้นและประชิดเข้าไปที่ต้นขา ขบกัดด้านในของขาอ่อนอย่างมั่นเขี้ยวไม่ยั้งจนขึ้นรอยฟันไปทั่ว ส่วนอ่อนไหวของอีกคนที่เริ่มแข็งตัวขึ้นใกล้ใบหน้าของเขาและเสียงครางของคนตัวเล็กที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆทำให้อารมณ์ของเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว แต่เขารู้ว่าเขาต้องใจเย็น เขาอยากให้คนที่นอนราบอยู่ตอนนี้มีความสุขมากที่สุด

ดินเอื้อมมือไปจับกลางตัวของอีกคนที่ยังนอนเกร็ง ใช้นิ้วโป้งบี้ส่วนหัวแดงก่ำที่มีน้ำเยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะจะกำแน่นและเลื่อนขึ้นลงช้าๆ อินส่ายหน้าไปมา สองมือตะปบแขนเขาเหมือนพยายามจะหาอะไรสักอย่างเป็นตัวช่วยลดความเสียวเมื่อดินเพิ่มความเร็วขึ้น สะโพกของอินเริ่มขยับตามจังหวะที่คนตัวโตเป็นฝ่ายชี้นำ ดินโน้มตัวไปข้างหน้ากดจูบหนักบนริมฝีปากคนตัวเล็ก ลดจังหวะมือลงอีกครั้ง ใช้มือที่ว่างอยู่บีบจับสะโพกแรงๆก่อนจะแทรกนิ้วเข้าไประหว่างร่องก้น อินสะดุ้งอีกครั้งเมื่อนิ้วของอีกฝ่ายเริ่มถูไถบริเวณปากทางเข้า

“ดิน...”
“ชู่...ไม่ต้องกลัวนะครับ” ดินเอ่ยปลอบก่อนจะลุกขึ้นถอนตัวออกจากเตียง จัดการถอดเสื้อผ้าออกจากตัวอย่างรวดเร็ว อินเบิกตาโตมองส่วนใหญ่โตที่ขยับขยายแล้วของอีกฝ่ายก็เผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ เขาเตรียมใจมาแล้วสำหรับวันนี้ แต่ยังไงก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี ยิ่งได้มาเห็นขนาดอันใหญ่โตของอีกฝ่ายชัดๆแบบนี้
ร่างใหญ่เอื้อมหยิบหลอดเจลที่วางไว้ เปิดฝาและบีบเจลออกมาแปะไว้ที่ปลายนิ้วและโน้มตัวลงใช้เข่าหนึ่งข้างยันเบาะระหว่างสองขาเรียว ดึงก้มลงสัมผัสริมฝีปากกับอีกฝ่ายอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกลงไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กของอีกคน ดูดเม้มจนคนตัวเล็กครางออกมาในลำคอจึงยอมผละออกมา
“เชื่อใจดินนะครับคนดี”
จุ๊บลงเบาๆที่ปากอีกครั้งก่อนจะเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ไล่เลียผ่านตุ่มไตสีเรื่อ ดูดแรงๆหลายครั้งทั่วท้องแบนราบของอีกฝ่ายขณะที่เลื่อนมือไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวอีกครั้ง อีกมือที่มีเจลอยู่เลื่อนไปที่ทางเข้าด้านหลัง ชักส่วนอ่อนไหวขึ้นลงเร็วๆก่อนที่จะสอดนิ้วแรกเข้าไปในทางแคบที่ทั้งแน่นและตอดรัด ค้างไว้แบบนั่นสักพักก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ
“อ่าา...ดิน...มัน..อ่าา” อินพูดไม่เป็นภาษาเมื่อสัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้น เขารู้สึกไม่คุ้นเคยและเสียดแน่นไปหมด มือทั้งสองข้างพาดอยู่บนไหล่ของคนตัวโต จิกนิ้วลงบนเนื้อสีแทนเพื่อพยายามระบายความเสียวซ่าน อินร้องครางเสียงดังเมื่อคนตัวใหญ่งอนิ้วกระแทกเข้าไปในส่วนลึกของร่างกาย ความเสียวซ่านที่รุนแรงทำให้สะโพกขาวเริ่มขยับตามจังหวะของมือทั้งสองข้างของคนตัวใหญ่ นิ้วที่เข้าไปเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสาม อินครวญครางเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมความอาย ร่างเล็กโยกไหวไปมาตามกระแสอารมณ์ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะกระตุกปลดปล่อยหยดน้ำขุ่นขาวออกมาจนหมดสิ้น

คนตัวใหญ่ถอนนิ้วออกจากอีกฝ่ายจนอินเผลอร้องออกมาเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบถุงยาง ฉีกออกจากซองพร้อมใส่ส่วนใหญ่โตเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดินก้มลงไปดึงร่างเล็กที่เปื้อนคราบคาวของนำ้รักให้ขึ้นมาคร่อมหน้าตัก มือสองข้างแตะที่ก้นกลมของคนบนตัว เลื่อนนิ้วเรียวเข้าไปในทางเดิมที่เหมือนจะเริ่มคุ้นเคยกับนิ้วของเขาแล้ว กดจุมพิตอีกฝ่ายเบาๆ ใช้จมูกเกลี่ยไปมาตามซอกคอ ใช้ฟันงับไหปลาร้าของอีกฝ่ายจนขึ้นรอยอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเลื่อนลงไปเล่นกับตุ่มไตสีชมพูเรื่อที่แข็งชันอีกครั้ง ร่างบางทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านหลังที่มีมือข้างนึงของดินรองรับอยู่ เชิดหน้าขึ้นครางออกมาเสียงดังอย่างอดกลั้นไม่ไหว แกนกลางของทั้งสองคนแนบทับกันสนิท เสียดสีกันไปมาจนแกนกลางยิ่งร้อนพร่าว แม้อินจะเพิ่งปลดปล่อยไปแต่ตอนนี้ส่วนอ่อนไหวของเขาก็เริ่มแข็งตัวขึ้นอีกครั้ง

“ดินเข้าไปนะครับ” ดินที่ตอนนี้เหงื่อเกาะเต็มหน้าพูดออกมาอย่างใจเย็น
“ถ้าทนไม่ไหว บอกดินนะ ดินจะหยุด”
อินก้มหน้ามาสบตากับอีกคนที่ยังเป็นห่วงเขาแม้กระทั่งในสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงเป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนที่จะกดจูบลงไปเป็นการอนุญาต
“อ่ะ...อ่าาา ดินนน”
อินหลับตาปี๋ครางออกมาเสียงดังเมื่อนิ้วยาวถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่โตกว่ามาก ดินยกสะโพกของคนตัวเล็กขึ้นก่อนจะพยายามดันให้ส่วนใหญ่โตเข้าไปได้ให้มากที่สุด แช่อยู่อย่างนั้นจนเห็นคนตรงหน้าเริ่มสงบลงจึงเริ่มขยับตัวอย่างเชื่องช้า ร่างเพียวบางโยกขึ้นลงตามจังหวะมือของเขาที่เกาะอยู่ตรงเอวของอีกฝ่าย ดินกดดูดเลียตุ่มไตทั้งสองข้างสลับไปมาเพื่อช่วยลดความเจ็บ อินครางเสียงหลงเมื่อส่วนใหญ่โตของเขาไปสัมผัสจุดที่อ่อนไหวที่สุดด้านใน ดินย้ำไปที่เดิมหลายๆครั้งอย่างจงใจจนช่องแคบตอดรัดเขาอย่างหนักหน่วง ดินกำลังจะถึงจุดหมาย เขาเอื้อมไปจับแกนกลางของอินอีกครั้ง รูดขึ้นลงเร็วๆจนตอนนี้คนบนตักเขาครางร้องเสียงหลง ข่วนหลังของเขาไม่หยุด
“ดินรักอินนะ”
ดินกระซิบเสียงพร่าข้างหูคนตัวเล็กก่อนที่จะกระหน่ำกระแทกเข้าไปแรงๆจนคนบนตักกระตุกอย่างหนัก ใช้สองมือโอบรอบคอเขาแล้วปลดปล่อยความร้อนขุ่นออกมาอีกครั้ง ช่องแคบเล็กตอดรัดส่วนใหญ่โตอย่างบ้าคลั่งจนในที่สุดดินเองก็ปลดปล่อยทุกความรู้สึกออกมาในช่องแคบร้อน ร่างชุ่มเหงื่อทั้งสองกอดรัดกันแน่นอยู่อย่างนั้นเฝ้ารอให้จังหวะการหายใจกลับมาเป็นปกติ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายอย่างลวกๆ ดินก็ล้มตัวลงนอนดึงคนร่างบางให้เข้ามาซบบนอกก่อนที่จะโอบรัดลูบมือไปมาบนไหล่เปลือยเปล่าของคนในอ้อมกอด
“เจ็บมากไหมครับ..” เลื่อนมือข้างที่ถูกนอนทับไปที่สะโพกอีกฝ่าย
“ใครเขาถามกันแบบนี้” คนตัวเล็กหน้ามุ่ยอย่างเขินอาย ตอนนี้พอสติทั้งหมดกลับมาก็อดที่จะอายตัวเองไม่ได้
ก็ครางซะเสียงหลงขนาดนั้น
“ก็ดินเป็นห่วงแฟน...” ดินจับคนตัวเล็กขึ้นไปนอนราบบนอก หันหน้าเข้าหากันใช้ปลายจมูกเกลี่ยกับส่วนเดียวกันของอีกฝ่ายไปมา
“หรือจะเรียกว่าเมียดี...”
“เยอะไปเยอะเลย” คนด้านบนพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมตัวไปงับจมูกคนด้านล่างเบาๆอย่างหมั่นไส้ คนตัวโตหัวเราะออกมา ยิ้มกว้างให้กับคนน่ารักตรงหน้า รวบเอวอีกฝ่ายแน่นขึ้นจนตัวแนบกันสนิทเมื่ออีกฝ่ายซบหัวลงมาที่อกกว้างของเขา กดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มหลายครั้งอย่างรักใคร่ ตอนนี้คงไม่มีใครอารมณ์ดีและความสุขเท่าเขาอีกแล้ว
“ที่โดนสอนมานี่เรื่องจริงทั้งนั้นเลยแฮะ” ดินเลิกปลายคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เมื่อคนตัวเล็กพูดขึ้นมา แต่เหมือนเจ้าตัวจะพึมพำกับตัวเองมากกว่าตั้งใจจะพูดกับเขา
“ใครสอน” คนที่เคยอารมณ์ดีที่สุดในโลกว่าเสียงเข้ม คนตัวเล็กเงยขึ้นจากอกเขาอีกครั้งยันแขนขึ้นมาสบตากัน
“ธัน” อินตอบสั้นๆ
“สอนอะไร”
“ก็... ครั้งแรก”
“หืม...” ดินทำเสียงสงสัยอยากให้อีกคนเล่าต่อ
“ก็อินไม่เคยมาก่อน ธันมันก็เลยให้คำแนะนำมาบ้าง”
“แล้วทำไมไม่คุยกับดินล่ะครับ ถามคนอื่นทำไม”
“จะบ้าหรอ เรื่องแบบนี้..จะถามดินได้ยังไง”
“ถามดินได้ทุกเรื่อง”
“ไม่ใช่เรื่องนี้.. จะให้เริ่มพูดก่อนได้ยังไง..เดี๋ยวโดนว่าว่าลามก”
“แต่ก็คิด”
“ดิน!” คนตัวโตหัวเราะ ดึงแก้มคนหน้ามุ่ยไปมา
“ดินก็คิด คิดลามกกับอินไปเยอะเลย”
“ดินหยุดนะ!” ดินไม่ว่าเปล่าเอื้อมมือไปบีบก้นคนบนตัวจนอีกคนร้องห้ามเสียงหลง
“ถามดินได้ทุกเรื่องจริงๆหรอ” จู่ๆคนตัวเล็กก็วกกลับมาหาคำที่อีกฝ่ายว่าไว้ คนตัวโตหรี่ตามองนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้ารับ
“ดินเคยมีอะไรกับใครมาก่อนใช่ไหม” ดินชะงัก เขาแอบตะโกนด่าตัวเองในใจ หาเรื่องเข้าตัวเองแท้ๆ
“ก็ดินแบบ..ทำเป็น”
แล้วคือดูชำนาญมากด้วย
“จะอยากรู้ไปทำไมครับ ไม่สบายใจเปล่าๆ”
“แสดงว่ามี” คนบนตัวเริ่มเสียงแข็ง
“ก็..”
“เอาให้ชัดๆเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดเองไง”
“เล่าแล้วห้ามโกรธนะ เรื่องในอดีตดินแก้ไขอะไรไม่ได้” ดินว่าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่ออินพยักหน้าตกลงดินก็ยอมเปิดปากขึ้น
“ก็อย่างที่อินเดา ก็เคยมาก่อน”
“กับทิว..” คนตัวเล็กถามอย่างตะกุกตะกัก คนตัวโตรีบส่ายหน้า
“ไม่เคย ก็บอกแล้วว่ากับทิวไม่ได้คิดอะไรจริงๆ”
“ก่อนหน้านั้นแสดงว่าดินมีแฟนหรอ หรือว่าหลัง”
คนตัวโตหลับตาถอนหายใจหนัก เมื่อมองหน้าอีกคนที่ตาวาวถามคำถามไม่หยุดอย่างกับเจ้าหนูจำไมก็ยกยิ้มมุมปาก ถ้าวันนี้ไม่ยอมพูดคงไม่ได้หลับแน่ๆ คิดแล้วก็จับไหล่คนบนตัวดันขึ้น ลุกนั่งพิงพนักเตียงก่อนที่จะช้อนอีกคนให้มานั่งตักแล้วโอบไว้แน่น
“ดินก็เที่ยวตามประสาวัยรุ่น ตอนนั้นก็แค่คิดว่าโสดคงไม่เป็นไร ก็อยากลองอยากสนุกไปเรื่อย”
“คำตอบของคนเจ้าชู้ชัดๆ”
“อินอยากให้เล่าเองนะ..” คนตัวโตลูบแก้มคนบนตักไปมา กังวลว่าอีกฝ่ายจะโกรธแต่ใจก็ไม่อยากปิดบังอะไรคนตรงหน้าอีกแล้ว
“รู้แล้ว ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ...”
“ดินไม่เคยมีแฟน ไม่เคยอยากมีด้วย”
“เหมือนต้นหรอ”
“รู้เรื่องไอ้ต้นได้ไง”
“ก็เห็นเขาคุยกัน”
“พวกไอ้ลูกน้ำล่ะสิ”
“ก็ใช่..” อินยิ้มแป้นแก้เขินเมื่อโดนรู้ทัน
“ไม่ใช่แบบต้นหรอก ดินแค่ชอบอิสระมากกว่า ไม่ชอบให้คนโทรตาม อยากไปไหนก็ไปไม่ต้องมานั่งรายงานตลอดเวลา แล้วก็...”
ดินหันมาสบตาอิน ระยะห่างของทั้งสองน้อยมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของอีกฝ่าย ดินมองตากลมวาวที่จ้องมาทางเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นก็อดยิ้มไม่ได้ อินเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ตั้งแต่คบกันมาเขาต้องคอยคาดเดาตลอดว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง แต่มาวันนี้คนตรงหน้ายอมเปิดใจเล่าสิ่งที่คิด เอ่ยถามสิ่งที่สงสัย มันอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้จริงๆว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนพัฒนาขึ้นมากแล้วจริงๆ
“แล้วก็อะไร” อินถามย้ำ
“ดินคิดว่ามันดีมาตลอดกับการที่อยู่คนเดียว มีอิสระทำอะไรได้ตามใจ แต่จริงๆแล้วดินเพิ่งเข้าใจตั้งแต่ที่เจออิน”
“เจออิน?”
“อืม ดินเคยบอกอินแล้วใช่ไหมเรื่องของกิต ไม่ใช่ว่าความรักของกิตมันดีมากจนลืมไม่ลง แต่แค่อินยังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่า... แค่อินยังไม่เจอดินต่างหาก”
“...”
“ดินก็เหมือนกัน.. แค่เจออินวันนั้น ยิ่งได้คุยกัน ก็รู้เลยว่าที่จริงการอยู่คนเดียวมันไม่ได้ดีที่สุดสักนิด”
“...”
“ที่มันเคยดีเพราะดินแค่เพิ่งเจออินต่างหาก..”
อินสบตาอีกฝ่ายขณะที่ฟังประโยคสุดท้ายที่ออกจากปากคนตรงหน้า หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนจะระเบิดออกมา เป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง อินเอื้อมสองแขนโอบรอบคอดินแน่น จุ๊บลงเบาๆที่ปากหนึ่งครั้งอย่างรักใคร่
“อินดีใจนะที่วันนั้นดินเข้ามาทัก”
“...”
“ขอบคุณนะที่พยายามเข้ามาทั้งที่อินปฎิเสธ”
คนตัวใหญ่กว่ายกยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดูคนตรงหน้า
“แค่อย่าทิ้งดินก็พอ”
“ถึงไล่ก็ไม่ไปหรอก” คนตัวโตหัวเราะ
“แล้วนี่จะเอาไปรายงานให้ธันฟังไหมเรื่องวันนี้”
“ก็...ยังไงมันก็ต้องถาม”
“ถามว่าอะไร”
“ถามว่าดินแซ่บไหม” อินพูดกลั้วหัวเราะ
“แล้วอินจะตอบว่าไง” อินอมยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม
“ก็..ก็พอใช้ได้มั้ง”
“แค่พอใช้ได้หรอ?” คนตัวโตเขยิบตัวหมุนวางคนตัวบางราบกับที่นอน ขึ้นคร่อมอีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วถาม
“อืม ก็พอไปวัดไปวา” คนด้านล่างยังไม่ยอมหยุดเล่น
“ให้พูดใหม่ได้นะ” ดินขู่พร้อมกับก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอขาว คนตัวเล็กยันไหล่อีกฝ่ายออกมาจนทั้งคู่สบตากัน
“สงสัยต้องลองอีกรอบ แล้วค่อยให้คะแนน”
ดินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เขามั่นใจว่าคนตรงหน้ากำลังยั่วเขา
แล้วเหมือนเขาจะยั่วขึ้นซะด้วย!!

“ถ้าคืนนี้ไม่ได้นอนอย่าโทษดินนะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“เห้ย กูว่าจะไปปาร์ตี้ต่อในห้องคาราโอเกะกัน พวกมึงจะไปไหม”
ลูกน้ำเอ่ยถามเพื่อนในมหา’ลัยที่บังเอิญมาเจอกันวันนี้ ธันหันไปมองหน้าอีกสามคนที่เหลือในโต๊ะเป็นเชิงถามว่าจะเอาไง
“ไปไหมมึง กูยังไม่ง่วงเลย” แนทว่าขึ้น
“ต้นไปด้วยกันไหม” ลูกน้ำเป็นฝ่ายถามเจ้าของบ้านขึ้นบ้าง
“เราแล้วแต่กี” เมื่อต้นพูดแบบนั้นสายตาทั้งหมดก็หันมาที่กีที่นั่งกอดอกตัวเองอยู่ คนโดนโบ้ยขมวดคิ้วหันไปมองคนพูด เขาไม่เข้าใจว่ามันต้องการอะไร ตามเขามาสองเดือนได้แล้ว และวันนี้ตั้งแต่เลิกร้องเพลงก็มานั่งเฝ้าเขาไม่ยอมไปไหนเลยสักนิด
“พวกมึงไปเถอะ กูว่าจะกลับห้องแล้ว”
เมื่อเขาว่าอย่างนั้นทุกคนก็หันกลับไปมองเจ้าบ้านอีกครั้ง
“เราบอกแล้วไงว่าแล้วแต่กี เดี๋ยวต้นไปส่งที่ห้องนะครับน้องกี”
ต้นว่าเสียงทะเล้นยื่นหน้าไปหาคนข้างตัว กีมองคนที่โน้มหน้าเข้ามาไม่ได้โวยวายเหมือนที่เคยแต่ขยับยืนลุกขึ้น
“ก็มาสิ” กีว่าแบบนั้นแล้วเดินออกไปทิ้งให้สี่คนในเหตุการณ์ยืนอึ้งกับท่าทางของคนที่ปกติจะขี้โมโห เป็นต้นที่ตั้งสติได้ก่อนแล้วรีบเดินตามคนตัวเล็กออกไป

“มึงว่าเสร็จไหมคืนนี้” แนทว่าขึ้นสายตายังจ้องด้านหลังของอีกสองคนที่เดินออกไป

“จะเหลือหรอ” ลูกน้ำว่าก่อนที่ธันจะว่าต่อ

“มึงควรจะถามว่ากี่รอบมากกว่า”
****************

กี่รอบบบ ทายเลยยย 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ได้ทั้งคืนแน่ๆ 2 คู่นี้,,,

ออฟไลน์ Panza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ว้าววว nc ดีน้า บทจะหวานก็หวานมักมัก บทจะหึงอินก็หึงได้น่าเอ็นดูจะอาละวาดก็ไม่กล้า ดีที่มีเพื่อนดีนะเนี่ย555 อินน่ารักกก หวานกันขนาดนี้จะมีม่าส่งท้ายมั้ยเนี่ย


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
14:00 เดือนเดียว



กีเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง มองซ้ายขวาเห็นไม่มีใครอยู่ในระยะสายตาก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็วจนคนที่เดินตามมาในระยะประชิดหยุดแทบไม่ทัน
“คุยกันหน่อยไหม” กีว่าขึ้นเอามือกอดอก หน้าตาที่ไม่ได้บ่งบอกว่ารำคาญเหมือนทุกทีทำให้คนตัวโตกว่ารู้ว่าคนตรงหน้าไม่มีอารมณ์จะล้อเล่น เจ้าตัวเลยพยักหน้าและนำอีกคนไปที่ระเบียงที่เปิดประตูทิ้งไว้รับลม ซุดตัวนั่งลงบนโซฟานุ่มก่อนจะตบเบาะเป็นการเชื้อเชิญอีกฝ่าย ทั้งสองนั่งเงียบหันหน้าเข้าหาทะเลสีดำที่แสนสงบ กลิ่นทะเลที่ลอยมาจางๆกับเสียงคลื่นแผ่วเบาเป็นเพียงสองสิ่งที่ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ในตอนนี้ ต้นไม่รู้ว่าอีกคนที่กำลังนั่งเหม่อมองไปข้างหน้ากำลังคิดอะไร เขาทำได้แค่นั่งพิจารณาคนข้างตัวที่ตอนแรกนั่งเกร็งตัวตรงแต่ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวเริ่มทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายมากขึ้น เจ้าตัวเอาขาซ้ายขึ้นมาไขว้บนขาเรียวอีกข้าง กอดอกหลวมๆพร้อมหลับตาลงเอนตัวไปพิงพนักโซฟา เขารู้สึกว่าวันนี้คนตรงหน้าแปลกกว่าทุกวัน เจ้าตัวที่ปกติมักจะโวยวายเมื่อเขาพยายามเข้าใกล้ วันนี้ทั้งวันกลับนั่งนิ่งไม่แสดงความรู้สึก
“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องกี”
คนที่โดนถามเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง หันหน้ามาหาเขาทั้งที่ยังทิ้งคออยู่ที่พนักโซฟา
“มีเรื่องให้คิด แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก”
คนตัวเล็กว่าพรางยกตัวขึ้นตั้งตรง ขาข้างนึงพาดขัดสมาธิบนโซฟา มือข้างเดียวกันพาดอยู่กับพนักเก้าอี้ หันหน้าเข้ามาหาเขา
“ถามจริงนะตั้งต้น นายกำลังทำอะไร”
“ก็กำลังนั่งคุยกับน้องกีไงครับ”
กีมองคนที่ยังหยอกย้อนไม่หยุด กีรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนกะล่อน ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเอาอีกคนมาใส่ใจแบบนี้ แต่ยิ่งเขาปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เขาก็เกิดกลัวขึ้นมาจริงๆว่าเขาจะเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้คนตรงหน้า
“...นายรู้ว่าเราหมายถึงอะไร”
คนตัวเล็กว่าขึ้นเสียงแข็งกว่าเดิม เขารู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนฉลาด ต้องเข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมาอยู่แล้ว
“เราพยายามคิดว่านายเข้ามาหาเราแบบนี้ทำไม คนอย่างนายคงไม่ได้จะมาจีบขอเราเป็นแฟนใช่ไหม”
ต้นเงียบเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย แน่นอนคำตอบของเขามันชัดเจน เขาไม่เคยเชื่อในความรัก ไม่เคยคิดจะเอาตัวเองไปผูกกับใคร ออกจะตลกกับคนที่ทำตัวแบบนั้นด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่เขามาเกาะแกะอีกคนแบบนี้มันไม่ใช่ว่าเขาอยากได้อีกคนเป็นแฟนแน่นอน
เขาแค่ทำตามสัญชาตญาณ
แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอง แล้วตอนนี้มันก็คอยแต่จะบอกไม่ให้เขาปล่อยคนตรงหน้าไป แต่ถ้ามานั่งถามกันจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าต้องการอะไรจากสิ่งที่ตนเป็นคนเริ่มเหมือนกัน
“เราอาจจะเริ่มต้นด้วยความเข้าใจผิด และก็คงผิดที่เราเองที่ไปแกล้งนายวันนั้น” กีว่าถึงวันที่เขาไปเจอคนตรงหน้าที่ผับแถวสามย่าน
“เราไม่ใช่คนที่จะนอนกับใครเล่นๆหรอกนะ แต่เราก็ไม่ได้จะโทษอะไรนาย การกระทำเรามันชวนให้เข้าใจผิดเอง”
“แล้วเราขอโทษนะที่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้านายจะแกล้งเรากลับด้วยการแกล้งจีบหรือกะจะมาฟันแล้วทิ้ง หรือมาทำให้เรารักแล้วหักอกอะไรแบบนั้น เราขอได้ไหม” คนตัวเล็กยังร่ายยาวไม่หยุด เขาอาจจะดูเป็นคนไม่คิดมาก ทำตัวไร้สาระไปวันๆเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อน แต่กับเรื่องความรักกีจริงจังและระมัดระวังเสมอ คนตรงหน้าน่ากลัวเกินไปที่จะเข้าไปเล่นด้วย ต้นเป็นคนมีเสน่ห์ ทั้งหน้าตาที่หล่อเหลา การพูดการจาบวกกับอารมณ์ขันที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ต้นทำให้ใครต่อใครตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย เขารู้ดีว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้สักวันเขาจะตกหลุมรักคนตรงหน้า และมันคงไม่ดีต่อตัวเขาเลย
“อย่ามายุ่งกับเราเลยนะ”
กีเอ่ยคำสุดท้ายพร้อมสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะหลบหนี เขาอยากให้อีกคนรู้ว่าเขาพูดจริง ไม่อยากจะเปิดช่องว่างสักนิดที่จะทำให้อีกคนเข้าใจผิดว่าเขาเล่นตัว ตอนนี้เรื่องของเรามันยังแค่เริ่มต้น เขาสามารถถอนตัวออกมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่ขัดเจนตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นถึงแม้หนึ่งใจที่แอบมีความหวังจะรู้สึกเสียดาย แต่การพูดกันตรงๆแบบนี้จะมีประโยชน์กับเขามากกว่า
กีจ้องหน้าของคนตัวโตที่ยังคงไม่พูดอะไร พอเห็นอีกฝ่ายที่คิ้วขมวดเข้าหากันแบบคนคิดหนักก็อดยกยิ้มไม่ได้ เขารู้ว่าต้นไม่ใช่ผู้ชายไม่ดี คนเรามีสิทธิ์ในการเลือกทางเดินชีวิตของตน มันก็เป็นทางเลือกของเจ้าตัวที่จะคบหรือไม่คบใครจริงจังก็ได้ แต่วันนี้ที่เขาต้องมาพูดให้ชัดเจนก็เพราะทางเลือกของเราสองคนไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง
“โอเค งั้นเป็นอันตกลงว่าเข้าใจกันแล้วนะ” คนตัวเล็กตัดบท ยกยิ้มให้คนตรงหน้าขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวสิครับกี” ต้นจับแขนอีกฝ่ายไว้ อีกฝ่ายดูตกใจที่เขารั้งไว้แต่ก็ยอมกลับมานั่งประชันหน้าอีกที เลิกปลายคิ้วขึ้นรอฟังว่าเจาจะว่าอะไร
“ฟังต้นพูดก่อนได้ไหม” กีแปลกใจกับโทนเสียงเข้มที่ไม่มีแววของการล้อเล่นของอีกคน หัวใจแอบเต้นแรงเพราะไม่เคยเจออีกฝ่ายในมาดนี้
“อย่างที่กีพูดต้นไม่ได้อยากขอกีคบ ไม่เคยมีความตั้งใจแบบนั้น” ต้นตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ ตอนที่เขาเอื้อมมือไปรั้งอีกฝ่ายเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร รู้แต่ว่าตอนที่เห็นอีกคนทำท่าจะลุกขึ้นเขารู้สึกเจ็บอก เกิดความรู้สึกโหวงๆขึ้นในใจ เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเขาปล่อยให้อีกคนเดินออกไปจากตรงนี้ทุกอย่างมันจะจบลงจริงๆ
แล้วตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
“แล้วนายมายุ่งกับเราทำไม”
“...”
“หวังฟัน?”
ตอนแรกเขาก็คิดแบบนั้นจริงๆ ถ้าตอบไม่ใช่คงเป็นการโกหก
“ก็มีส่วน..” คนตรงหน้าเขาหัวเราะออกมา
“ขอโทษนะเราให้ไม่ได้จริงๆ ของแบบนี้เราทำกับทุกคนไม่ได้”
“งั้นก็มาเป็นแฟนกัน” ต้นตกใจกับสิ่งที่ตนโพล่งออกไป แต่ในใจเขาคิดได้แค่นั้นจริงๆ ตากลมโตของคนตรงหน้าก็เบิกกว้างด้วยอารมณ์เดียวกัน กีอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หุบลง ทำซ้ำหลายครั้งก่อนที่ในที่สุดจะหลุดหัวเราะเบาๆอ้าปากตอบด้วยท่าทางยียวน
“เราน่าเอาขนาดนั้นเลย?”
จะว่าน่าเอาก็น่าเอาอยู่ แต่ถ้าแค่จะเอาเขาคงไม่ขอเป็นแฟนแน่ แน่นอนว่าจู่ๆเขาไม่ได้เปลี่ยนความคิดเรื่องนี้ แต่ในหัวมันพยายามหาเหตุผลมารั้งคนข้างตัวไว้ แล้วเขาก็คิดว่ามันคงไม่หนักหนาอะไรถ้าเขาจะ..
“เดือนนึง”
“คือ?”
“เป็นแฟนกันเดือนนึง”
ก็ถ้าแค่เดือนเดียวไม่น่าจะเป็นอะไร เดือนนึงนี้ก็นานที่สุดเท่าที่เขาเคยคุยกับใครแล้ว แค่นั้นก็คงพอให้เขาเบื่ออีกคนไปได้เอง
ล่ะมั้ง...
“ทำไมอะ ชอบเราหรอ”
“เปล่า” คนตัวเล็กหัวเราะออกมา
“ถ้าแค่อยากจะมามีอะไรกัน มันดูทุ่มเทไปไหม”
“ก็ไม่รู้เหมือน รู้แค่ไม่อยากปล่อยไปตอนนี้”
“...”
“ลองไหมล่ะ”
“ขอคบได้โครตโรแมนติก”
“ถ้าอยากโรแมนติกกว่านี้ต้องลองคบดู”
“โฆษณาชวนเชื่อสุดๆ”
กียังต่อปากต่อคำไม่หยุด เป็นคนตัวโตที่เอื้อมเอานิ้วของตัวเองมาเกี่ยวเล่นกับนิ้วของเขา
“นะ..”
“รู้หรือเปล่าว่าถ้าคบกันมันจะเป็นยังไง มันไม่ใช่ขึ้นเตียงแล้วจบนะ”
“ก็พาไปกินข้าว ตามดูแลคอยรับส่ง ก็ประมาณนั้นหรือเปล่า”
“ถ้าคบกันจริง นายจะยุ่งกับคนอื่นไม่ได้ แล้วถ้านายไปยุ่งกับคนอื่น เราก็จะมีสิทธิ์โวยวาย หึงหวงโดยที่นายโกรธหรือรำคาญไม่ได้ รับได้หรือไง”
คงตัวโตตั้งใจฟังและคิดตามที่อีกฝ่ายพูด กีนึกขำเมื่อหน้าอีกฝ่ายดูเหมือนจะซีดขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จินตนาการถึงอะไรอยู่
“เราจะโทรจิก จะวุ่นวาย จะไปไหนก็ต้องคอยรายงานตลอด” กีว่าต่อกลั้วหัวเราะ ลุกขึ้นยืนแล้วตบมือที่ไหล่อีกคนเบาๆ เขาว่าเขาต่างหากที่เป็นคนช่วยอีกฝ่ายไว้ ขืนคบกันไปจริงๆคนที่จะทนไม่ไหวก่อนน่าจะเป็นคนตัวโตตรงหน้าแน่ๆ
“เดือนนึงนะ” กีมุ่นสองคิ้วเข้าหากันเมื่ออีกฝ่ายยังว่าต่อ
“ยังจะ..”
“ก็ลองคบกันเดือนนึง พอครบเดือนถ้ามีคนไหนไม่อยากไปต่อค่อยเลิก ถ้าพอใจทั้งคู่ค่อยว่ากัน”
“แต่..”
“ไม่ปฎิเสธได้ไหม ต้นอยากลอง”
ต้นอยากหาคำตอบให้กับความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้น เขาอยากค้นพบว่ามันคืออะไรแล้วกำจัดมันทิ้ง ซะเดี๋ยวนี้ มันชวนให้นึกโมโหไม่น้อยที่ทุกครั้งที่อีกคนทำท่าจะไปแล้วเขาเจ็บจี๊ดที่น่าอก เขารู้สึกไม่พอใจจริงๆที่อีกคนมามีอิทธิพลกับอารมณ์ของเขาแบบนี้ กีมองหน้าอีกคนที่จ้องเขาด้วยสายตาจริงจังแล้วก็ถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง
“งั้นต้องไม่ยุ่งกับใครเลยในช่วงหนึ่งเดือน”
“โอเค”
“ถ้าเราไม่โอเค เราก็จะไม่ยอมนายเพราะนายเป็นแฟนหรอกนะ”
“โอเค”
กีมองหน้าคนตรงหน้า ในใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล ใจนึงเขารู้ดีว่าไม่ควรไว้ใจอีกคนเลย แต่อีกใจที่ดังไม่แพ้กันก็อยากตอบตกลงอีกฝ่าย
ไม่ใช่หรอกที่จริงเขาก็รู้ดีว่าเขาอยากลองคบกับอีกฝ่ายมาโดยตลอด..
“ได้ งั้นเดือนนึงนะ ถ้าไม่โอเคแล้วทางใครทางมันนะ”
คนตัวโตยิ้มกว้างอย่างดีใจเอื้อมมือมาจับสองแก้มก่อนจะโน้มตัวมากดจูบหนักๆจนเกิดเสียงดังจ๊วบดังๆ กีรีบผลักคนตัวโตออก เอื้อมมือไปดีดกระโหลกแรงๆ จนต้นร้องออกมา ใช้มือถูไถไปมาตรงหน้าผากที่เริ่มขึ้นรอยแดง
“มือไวเหลือเกินนะ”
“ปากไวกว่าอีก ลองอีกทีไหม” พูดแล้วก็โน้มหน้าลงอีกครั้งแต่คราวนี้กีใช้ฝ่ามือยันหน้าอีกฝ่ายไว้ได้ทัน
“พอเลย ตกลงกันได้แล้วงั้นเรากลับห้องแล้วนะ” กีว่าพร้อมลุกขึ้นยืน คนตัวโตกว่ารีบเขยิบมาประชิดตัวก่อนที่จะโอบรัดรอบเอวสอบด้วยสองมือ แนบหัวคลอเคลียกับหน้าท้องของคนที่ยืนอยู่
“ต้นนอนด้วยนะครับ” ผู้ชายตัวโตส่งเสียงอ้อนออกไป
“ไม่เอา กลับไปนอนห้องตัวเองสิ”
“แลกห้องกับอินไปแล้ว”
จริงอย่างที่คนตัวโตว่าเพราะอินมันไลน์มาบอกแล้วว่าจะนอนห้องดิน
“บ้านตั้งใหญ่โต ไม่มีห้องนอนได้ไง”
“ก็มี แต่อยากนอนกับแฟน”
“...” คนฟังได้แต่นิ่ง ไม่รู้จะรู้สึกยังไงดีกับสถานะใหม่ที่เพิ่งได้มา
สถานะแฟนเดือนเดียว
“นอนเฉยๆนะ ถ้าวันนี้ทำอะไรคือยกเลิกสัญญา”
“โห อะไรเนี้ยน้องกี มียกเลิกสัญญาด้วย”
“ก็ทำตัวไว้ใจไม่ได้” คนร่างเล็กพยายามแกะตัวเองออกจากอ้อมกอดอีกคน แต่ก็สู้แรงคนกล้ามโตไม่ได้เลยสักนิด
“ไม่มีเลิกสัญญาสิ แต่สัญญาว่าก็จะไม่ทำอะไร”
“...”
“ถ้าเกิดทะเลาะกัน เอะอะยกเลิกสัญญาต้นก็เสียเปรียบสิ”
คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจอย่างหนักอกอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจเลยว่าตัดสินใจถูกหรือผิดที่ยอมตกลงคบกับคนตรงหน้า เรื่องมันไม่ได้ดูง่ายเลยสักนิด
“โอเค งั้นก็ลุกมาสิ”
.
.
.
.
.
.
.
.
“มึงจะบอกกูว่ามึงนอนกอดกันเฉยๆกับตั้งต้นทั้งคืน” แนทถามขึ้นพร้อมส่งสายตาที่แสดงความไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน กีอมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าลงเบาๆ
“กูดูเหมือนเด็กอนุบาลหรอ” เป็นธันที่ถามขึ้นพร้อมเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง จนกีอดขำออกมาไม่ได้
“กูพูดจริง”
เพื่อนทั้งสองยังหรี่ตามองหน้าเขาพยายามจับผิดคำโกหก ก็พอพวกเขาลงมานั่งที่โต๊ะริมชายหาดที่ตอนนี้โดนจัดแจงให้เป็นที่สำหรับบุฟเฟ่ห์อาหารเช้า เขาก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีเดินจับมือมากับต้น ดูจากอาการคือหวานมาก หวานเกินกว่าที่พวกมันจะนอนจับมือกันทั้งคืน
“เอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”
อาหารเช้าสารพัดอย่างที่ถูกวางอยู่ในจานเล็กๆสองจานถูกวางลงตรงหน้ากี เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับเจ้าของสถานที่ที่ทำตัวน่ารักมาตั้งแต่เมื่อคืน ก็พอเข้าห้องไปปุ๊ปทั้งคู่ก็อาบน้ำแล้วนอนคุยกัน ก่อนที่คนตัวโตจะดึงเขาเข้าไปในอ้อมอกแล้วก็นอนกอดกันโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ล่วงเกินอะไรเลยสักนิด
ใช่ “ตั้งต้น” กับ “ไม่ได้ล่วงเกินอะไรสักนิด” อยู่ในประโยคเดียวกัน!!!
ก็ถ้าไม่นับกู้ดไนท์คิสน่ะนะ ก็อีกฝ่ายทำตัวน่ารัก เขาเลยแอบเผลอตัวเผลอใจไปเอง
“ไม่เอาอะไรแล้ว ต้นจะนั่งด้วยกันไหม”
“ตามสบายเลยนะ ต้นไปหาเพื่อนก่อน” กีพยักหน้ารับ คนตัวโตเอื้อมมือมาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ขยิบตาให้ก่อนจะผละไปอีกด้านที่มีเพื่อนสมัยมอปลายของอีกฝ่ายนั่งอยู่
“อะไรคือหน้ามือหลังตีน” ธันเริ่มกัด
“อะไรคือกลืนน้ำลายตัวเอง” แนทเสริมต่อ
“ด่าแต่กู ไอ้อินไปไหน”
“กูไม่คิดว่ามันยังมีชีวิตอยู่” ทั้งสามหัวเราะร่วน เมื่อคืนพอไลน์มาว่าไปนอนกับดินก็ไม่ได้ข่าวอะไรจากมันอีกเลย ไม่รู้ถึงไหนต่อไหนแล้ว
“กูควรเอาผัวมาด้วย เมื่อคืนอีธันเกือบทิ้งกูไปกับบาเทนเดอร์”
“แต่กูก็เลือกมึงไหมแนท เพื่อนสำคัญเสมอ”
“แต่ถ้าผัวกูมากูก็ทิ้งมึงนะธัน”
“อีชะนี”
“อ่ะ คนเสียซิงมาแล้ว”
ทั้งสามหันขวับไปทางบันไดที่เชื่อมต่อกับชายหาด เห็นคนที่ถูกกล่าวถึงเดินลงมา มีมือของนักร้องหนุ่มประคองรอบเอว คนตัวเล็กกวาดตามองไปรอบก่อนที่จะชี้บอกอีกฝ่ายเมื่อสังเกตเห็นพวกเขา เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงทั้งโต๊ะก็พยายามเก็บอาการไม่เอ่ยแซวออกไปแต่อย่างใด ได้แต่กล่าวทักทายทั้งสองออกไปเล็กน้อย
“เดี๋ยวดินไปตักมาให้นะ”
“ไม่เป็นไร ดินไปหาเพื่อนเถอะ อินไปเอาเองได้”
“รออยู่นี้นะครับ เดี๋ยวมาแปปเดียว”
อินไม่อยากต่อความก็เลยพยักหน้าเป็นอันตกลง คนตัวโตหายไปแปปเดียวอย่างที่พูดจริงๆ เดินกลับมาพร้อมอาหารเช้าหนึ่งจานและน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้วก่อนที่จะผละไปทางที่ต้นนั่งอยู่
“เป็นง่อยกันหมดตั้งแต่มีผัว” ธันเริ่มทันที
“นี่เขาดูแลดีหรือมึงเดินไม่ไหวจริงๆ” มันยังว่าต่อกลั้วหัวเราะ
“กูก็ว่าไอ้อินเดินแปลกๆ สรุปกี่รอบเนี่ย”
“อีแนทมึงเป็นผู้หญิง”
“ทำไมมึงเหยียดเพศกับกูจังว่ะ”
“ก็ดูมึงถามอะไรว่ะ กูอายแทน”
“อายไปกี่รอบล่ะ”
“กูขอล่ะ กูไม่เล่าได้ไหม” เมื่อยังโดนซักไม่เลิก อินก็พึมพำออกไปเบาๆหน้าแดงจิ้มไส้กรอกในจานขึ้นมากัดหนึ่งคำ
“ยังจะกินไส้กรอกอีก นี้คือยังไม่อิ่ม?”
“มึงกินไข่ต้มเยอะๆ หรือจะให้กูให้เขาลวกไข่ให้ไหม”
“พวกมึงหยุดได้ไหม ให้เวลากูบ้าง ล้อกันแบบนี้กูเขินไม่ทันแล้ว” อินว่าออกไป เมื่อวานมีเรื่องเยอะแยะไปหมด อารมณ์ขึ้นๆลงๆจนปรับตามแทบไม่ทัน แล้วยิ่งบวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับดินเมื่อคืน
อินอมยิ้ม
เมื่อคืน คนของเขาน่ารักมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งอิ่มอกอิ่มใจ ตอนนี้เขาก็เลยยังมึนงงคล้ายคนเพิ่งตื่นจากฝันที่ดีมากๆ
ก็ถ้าไม่รู้สึกเจ็บที่สะโพกก็เกือบจะคิดว่าฝันไปจริงๆนั่นแหละ
อินจ้องไปหาเพื่อนทั้งสามคนเป็นการขอร้องให้มันหยุดซักเขาก่อน มองไปก็ไปสะดุดให้กับเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้นั่งเหม่อไม่ได้มาถามอะไรเขาเหมือนอีกสองคนตั้งแต่เขามา
“กี มึงเป็นอะไร แล้วตกลงเมื่อคืนนอนไหนว่ะ”
“มันนอนกับไอ้ต้น” แนทแทรกขึ้นมาอย่างเร็ว
“เออ เช้ามานี่่หวานกว่ามึงอีก เนี่ยต้นก็ตักให้”
อินหันขวับไปมองอีกฝ่าย ขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน เมื่อคืนก็แอบคิดเรื่องมันอยู่ แต่ก็ยังคิดว่ายังไงมันคงเอาตัวรอดได้
“มึงอย่าบอกว่าโดนไปแล้ว” อินถามอย่างร้อนรน
“กูเหมือนมึงหรอไอ้อิน”
“เหมือนยังไง”
“ที่โดนเอา”
“เหี้ย ก็..ก็ดินแฟนกูไหม” เพื่อนที่เหลือโห่เมื่อคนปากหนักทำใจกล้าตอบ
“พูดว่าผัวเลยก็ได้นะ”
“เออ ก็นั่นล่ะ แต่มึงกับไอ้ต้นไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วมึงก็รู้ว่ามัน..”
“กูคบกันแล้วเมื่อคืน”
“ห๊าาาาาา” ทั้งสามตะโกนออกไปพร้อมกันเสียงดัง ดังพอที่ทั้งหาดจะหันมามองพวกเขา กีเผลอไปสบตากับต้นตอนที่อีกฝ่ายมองมา เจ้าตัวยกยิ้มมุมปากข้างนึงเหมือนเข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
“เห้ยจริงจังดิ”
“อืม มันขอกูคบ”
“มึงหมายถึงคนเดียวกันใช่ไหม ตั้งต้นเดือนคณะที่ดังมากเพราะความหล่อและความม่อ”
“เออ คนนั้นล่ะ”
“แล้วมึงก็โอเค?”
“อือ กูอยากลองให้รู้ๆกันไป มันจะได้เลิกตามกูแบบนี้สักที”
“แต่มึงแน่ใจนะ” อินวางมือบนบ่าของเพื่อนสนิท มองมันด้วยความเป็นห่วง มันมองหน้าเขากลับก่อนที่จะพยักหน้ารับเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงกูหรอก ลองคบกันน่ะดีแล้ว จะได้เห็นดีกันไป ไม่มานั่งคลุมเครือแบบนี้”
“อืม ถ้ามึงว่างั้น”
“ถ้ากูเจ็บกลับมาก็ดูแลกูด้วยแล้วกัน กูดูแลมึงมาเยอะแล้ว” อินยิ้มเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาทีเล่นทีจริง มาคิดดูดีๆเมื่อคืนดินก็บอกเหมือนกันว่าตั้งต้นมันจริงจัง แล้วอีกอย่างถึงจะเป็นห่วงกันแค่ไหนแต่ก็โตเกินกว่าจะมานั่งห้ามกันแล้ว อินเอื้อมมือไปบีบมือเพื่อนสนิทเบาๆ
“เออ กูอยู่นี่ล่ะ กูจะดูแลมึงเอง”
“มึงดูแลตัวเองก่อนเถอะ” ธันพูดขึ้นแล้วส่งสายตามองไปด้านหลังเขา จนอินต้องเหลียวหลังไปมองตาม ผู้ชายคุ้นหน้ายืนยิ้มพร้อมกับส่งสายตาอบอุ่นที่เขาคุ้นเคยมาให้ เขายกยิ้มบางให้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยทัก
“นั่งสิเต”
คนตัวโตวางจานอาหารเช้าพร้อมนมสดอีกแก้วลงบนโต๊ะและขยับเก้าอี้นั่งลงข้างเขา
“โทษทีนะ เมื่อคืนไม่ได้ตอบไลน์เตเลย เพิ่งเห็นเมื่อเช้า”
“ไม่เป็นไรครับ แต่อินโอเคดีนะ”
“อืม เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ต้องขอบใจเตเลย” คนตัวโตหัวเราะร่วนออกมา ทำหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง
“เตทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“อย่ามาเหอะ รู้นะว่าตั้งใจแกล้ง” เพราะเตแท้ๆคนตัวโตถึงน๊อตหลุดขนาดนั้น เตยกยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเอามือลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“แค่เห็นอินมีความสุขแบบนี้เตก็ดีใจแล้ว”
“พ่อมา”
ธันก้มหน้ากระซิบเตืิอนเร็วๆ แต่ทั้งคู่ไม่ทันเข้าใจก็มีมือมาจับข้อมือใหญ่ของเตออกจากหัวของคนตัวเล็ก
“มึงจะเอาจริงๆใช่ไหม” ชายที่มาใหม่ถามขึ้น มองคนตัวโตที่อยู่ข้างอินตาเขียวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“ดินพูดดีๆกับเพื่อนอินได้ไหม” อินพยายามพูดบอกอีกคนเสียงนุ่ม อยากให้อีกฝ่ายใจเย็นลงกว่านี้
“แล้วให้มันแตะตัวอินทำไม” คนขี้หึงฟ้อง ยิ่งน้อยใจเมื่ออีกฝ่ายออกตัวปกป้องแฟนเก่า
“มีเหตุผลหน่อย เมื่อคืนคุยกันแล้วนะ” เมื่ออีกฝ่ายตอบมาเสียงแข็ง เขาก็ยอมเงียบลงถึงจะยัวแอบเคืองอยู่ก็เถอะ
“งั้นเตไปนั่งกับเพื่อนดีกว่านะ” เตลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมหยิบจานอาหารของตัวเองมาถือ
“มึงไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แค่นี้กูก็ดูงี่เง่าฉิบหายแล้ว อย่ามาทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าแฟนกู”
อินหลุดขำให้กับคำพูดน่ารักๆของคนตรงหน้า ดีใจที่ดินยอมปรับตัวเพื่อเขา พยายามเก็บอารมณ์ แม้จะยังทำไม่ได้ทั้งหมดก็เถอะ เมื่อเตได้ยินคนขี้หึงว่าอย่างนั้นก็เปลี่ยนใจขยับเก้าอี้เตรียมจะนั่งลงอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้นั่งก็โดนดึงเก้าอี้ไป
“มึงไปตรงนั้น กูจะนั่งข้างแฟนกู”
ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่เตเคยนั่ง กอดอกมองไปข้างหน้าไม่ยอมสบตาใคร เตนั่งลงตรงที่ว่างหัวโต๊ะก่อนจะส่ายหน้าพร้อมหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะของเตยิ่งทำให้อีกคนหน้ามุ่ยหนักกว่าเดิม อินอดอมยิ้มไม่ได้
งอแงที่หนึ่งเลย
อินใช้ส้อมจิ้มสตอเบอรี่ในจานก่อนจะยื่นไปตรงปากคนขี้หึง ดินเหล่มามองนิดนึงแต่ก็ยอมอ้าปากงับ เคี้ยวตุ่ยๆในปากไม่หยุด
“ไส้กรอก”
อินหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางเด็กๆของอีกฝ่ายก่อนจะเอื้อมไปจิ้มไส้กรอกแล้วยื่นส้อมให้
“อ่ะ กินเองสิ”
“ป้อน”
“มีมือก็กินเอง”
“...”
“อ่ะๆ อ้าปาก”
คนตัวโตตาเป็นประกายเมื่ออีกคนยอมตามใจ อ้าปากกว้างรับไส้กรอกเข้าไปเคี้ยวเร็วๆ
“เป็นง่อยหรอ” เตอดหมั่นไส้ไม่ได้
“อิจฉากู? ไอ้พวกไม่มีอินเป็นของตัวเอง”
“ดิน!” อินเรียกคนตัวโตเสียงขุ่น ดินหันมามองอย่างขัดใจแต่ก็ยอมเงียบเสียงลงอีกครั้ง
“มึงสองขวบหรอ” เตพึมพำขึ้นมา ดินหันไปยักไหล่ใส่ก่อนจะหันไปหาอินทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่
“อยากกินน้ำส้ม”
อินส่ายหน้าอย่างระอา แต่เห็นแบบนี้ก็โมโหไม่ลงเหมือนกัน ว่าแล้วก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำส้มมาจ่อที่ริมฝีปากคนตัวโต กระดกช้าๆเมื่ออีกคนก้มลงจิบ
อาจจะดูงี่เง่าไปบ้าง แต่ถ้าคนตรงหน้าจะเป็นแบบนี้แค่กับเขา ถึงจะต้องเหนื่อยกว่านี้ เขาก็อยากตามใจอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน



*********************
พยายามจะบรรยายความรู้สึกของต้นกับกีออกมาให้ละเอียดมากที่สุด แต่แอบงงกันหรือเปล่าเอ่ย~ จะพยายามมากขึ้นในบทต่อไปนะคะ
อยู่ๆก็อยากแยกเรื่องของสองคนนี้ออกไปเพราะอยากเขียนยาวๆ แต่คิดไปคิดมาก็เอามากองรวมกันนี่แหละดีสุดแล้ว (>_<) ถ้ามีคนชอบคู่นี้ก็เม้นมาบอกหน่อยน้า จบจากเรื่องหลักเมื่อไหร่ จะจัดตอนพิเศษให้เลย ขอหนึ่งคนได้หนึ่งตอน ขอหลายคนก็หลายตอนนะ บ้ายุ 5555












ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานกันจริงๆ

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
15:00 ความจริงอีกด้าน


ณ โต๊ะไม้ยาวใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าคณะอักษรศาสตร์ของมหา’ลัยแห่งหนึ่งแถวสยาม อินนั่งสไลด์มือถือเครื่องเล็กในมือเปลี่ยนเพลงสลับไปมาไม่หยุด จุดประสงค์ไม่ใช่การหาเพลงโปรดแต่เพียงแค่ต้องการหาอะไรทำสักอย่างไม่ให้ตัวเองว่างเกินไปขณะที่กำลังรอใครอีกคน
เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ไม่ถูกที่
รอบตัวที่มีแต่นักศึกษาที่อยู่ในชุดไปรเวทนั่งทำกิจกรรมรอบตัวเขา บางคนนั่งทาสีฉากหลัง บางคนนั่งเย็บชุดที่จะใช้ในการแสดง บางคนกำลังพูดต่อบทกันอย่างจริงจัง แม้จะมีการพูดคุยกันเสียงดังเฮฮาเป็นระยะ แต่มือของแต่ละคนก็ไม่หยุดที่จะทำในสิ่งที่ตัวได้รับมอบหมายเพื่อให้การแสดงละครที่ใกล้จะมาถึงสมบูรณ์แบบที่สุด
ใช่ ในช่วงปิดเทอมแบบนี้ทุกคนกำลังเตรียมตัวสำหรับงานละครที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า และสาเหตุที่ทำให้อินต้องมาอยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรสักนิดก็เป็นเพราะบางคนที่มาหาเขาที่บ้านแต่เช้าวันนี้

“วันนี้ดินจะไปหาทิว” ดินกล่าวขึ้นขณะนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารมองคนที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว
“ถามได้ไหมว่าทำไม” คนกำลังหั่นผลไม้หันหน้ากลับมามองคนพูดก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆกลับ
“ก็อย่างที่ดินเคยเล่า ดินจะไปช่วยทำเพลงละครคณะเขา”
ถึงจะไม่พอใจ แต่ใครๆก็รู้ว่างานละครของคณะนี้ดังแค่ไหน เขาไม่อยากทำตัวงี่เง่าด้วยการบอกห้ามอีกคนไม่ให้ทำ นอกจากจะเป็นการตัดโอกาสของดินแล้ว เขาเองก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายตื่นเต้นแค่ไหนที่จะได้ทำงานนี้
“อืม จะไปเจอที่บ้านหรอ” อินวางจานอาหารลงบนโต๊ะ พยายามทำเสียงให้ดูสบายๆ เหมือนเวลาที่เราพูดคุยกันตามปกติ เขารู้ว่าที่คนตัวโตมาบอกก็เพราะกลัวเขาเข้าใจผิด เขาถึงไม่อยากทำให้อีกฝ่ายลำบากใจไปมากกว่านี้
“เปล่า ที่มอครับ” ดินว่าพร้อมจับส้อมมาตัดแบ่งออมเล็ตก่อนจะเอาเข้าปาก อินไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นการรับรู้ ก่อนที่จะหยิบส้อมขึ้นมาบ้าง เตรียมลงมือจัดการอาหารเช้าตรงหน้า
“อยากไปด้วยกันไหม”
คนที่กำลังจะเอาแอปเปิ้ลเข้าปากชะงัก เงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถาม เมื่อเห็นสายตาที่แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะกัดแอปเปิ้ลไปหนึ่งคำ
“ฮื่อ ไม่เอาหรอก อินจะไปทำไม”
“จะได้สบายใจ” ตั้งแต่เรื่องที่ทะเล เขาก็รู้ว่าเรื่องของทิวทำให้อีกคนคิดมากแค่ไหน ดังนั้นการที่จะต้องไปเจอกันอีกครั้งก็ทำให้เขาแอบหวั่นๆเหมือนกัน
ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดอีกแล้ว
“อินไม่ได้ไม่สบายใจ”
“...”
“อินไว้ใจดินได้ไม่ใช่หรอ” อินกลืนอาหารในปากก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มบางๆบวกกับน้ำเสียงสบายๆ ไม่ได้ฟังดูเหมือนการประชดประชันแต่อย่างใด
“ก็ใช่ แต่พอดินเลิกแล้วจะได้ไปดูหนังกัน เรื่องที่อินอยากดูเข้าแล้วนี่”
“งั้นเดี๋ยวใกล้เลิกดินไปหาที่ใต้คณะ”
“...”
“นะ อินไม่รู้จะไปนั่งทำอะไร”
“โอเคครับ งั้นบ่ายสองนะ”
และนั้นทำให้ให้อินต้องมานั่งอยู่ตรงนี้รออีกฝ่ายที่ไลน์มาบอกว่าขออีกยี่สิบนาที

“อิน”
เสียงเรียกหนึ่งที่แว่วทะลุเสียงเพลงดังขึ้น อินเงยหน้าขึ้นมองก็แอบสะดุ้งในใจเมื่อเจอคนที่เขาไม่คาดคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าก็เรียนคณะนี้เหมือนกัน
“เจ หวัดดี” รอยยิ้มบางถูกคลี่ออกเป็นมารยาท ตั้งแต่ที่คุยกันที่ทะเลคืนนั้นก็เป็นอีกครั้งที่อินมีโอกาสได้เจออีกฝ่าย
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ แปลกใจมากเลยไม่คิดว่าจะเจอที่นี่”
“มานั่งรอดินน่ะ”
วันนั้นที่ทะเลเมื่ออีกฝ่ายเรียกเขาไปคุยด้วย เขาก็บอกชัดเจนแล้วนะ


“มาได้ไงเนี้ย” คนตรงหน้าพยายามพูดจาเหมือนสนิทสนม เขาจำไม่ได้ว่าเราเคยสนิทกันหรือเปล่า แต่หลังจากวันนั้นมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เขาไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับคนตรงหน้าแน่นอน
“มากับแฟน”
“แฟน?”
“อืม คนที่ร้องเพลงบนเวที ดินแฟนเราเอง”
“...”
“เจเป็นไงบ้าง” นี่ก็ถามตามมารยาท
“ก็ดี อินสบายดีนะ”
“ก็ดีขึ้นเยอะ”
“ดีแล้ว”
จู่ๆกลุ่มความเงียบก็ก่อเกิดขึ้นมาในอากาศ อีกฝ่ายอึกอักเหมือนพยายามจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูด อินเองก็ไม่ได้ใจดีขนาดจะพยายามทำให้บรรยากาศสนุก เขาไม่ได้แคร์คนตรงหน้าขนาดนั้น
“อิน..เราขอโทษนะ” อินหันไปสบตาอีกฝ่ายทันทีที่เจ้าตัวเอ่ยคำขอโทษออกมา
“...”
“เป็นเพราะเราเลยทำให้กิตกั...”
“ไม่ต้องพูดถึงหรอก ช่างมันเถอะ”
เป็นอินที่เป็นฝ่ายตัดบท
“...”
“ตอนนี้เราสบายดี มีความสุขมากกว่าที่เคยเป็นเยอะเลย”
“แต่...”
“เชื่อเถอนะ ว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว เจไม่ต้องเอาเรื่องเราเก็บไปคิด สบายใจเถอะนะ” อินว่ายิ้มๆ น้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรถูกส่งออกไป เขาก็แค่อยากให้มันจบ ถ้าจะถามว่าเขาอยากเป็นเพื่อนกับอีกคนไหม คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ‘ไม่’
อยู่ใครอยู่มันน่าจะดีที่สุด

“งั้นจนกว่าดินจะมาเรานั่งด้วยนะ” อินกลับมายังปัจจุบันเมื่อคนตรงหน้ากล่าวขึ้น เจวางของลงบนโต๊ะ ก้าวเข้ามานั่งเมื่อเขาพยักหน้ารับ อินปิดเพลงก่อนที่จะถอดหูฟังเก็บลงกระเป๋าเมื่อไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปและเริ่มต้นบทสนทนาตามมารยาท
“งานเยอะเลยสิ ใกล้ถึงวันแล้วนี่”
“ใช่ แทบไม่ได้นอนกันเลย อยู่ได้ด้วยไอ้นี่เลยนะ” ว่าแล้วก็ชูกระป๋องกาแฟในมือขึ้นโชว์
“กินเยอะไม่ดีนะ”
“แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ”
“อ่าฮะ” อินอยากจะพูดเตือนมากกว่านี้แต่ก็รู้ว่าไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
“ช่วงนี้ได้คุยกับกิตบ้างไหม”
อินตวัดสายตามองคนที่ถามออกมาอย่างๆกล้าๆกลัวๆทันที ตากลมโตหรี่มองคนตรงข้ามอย่างแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน เขาไม่ชอบทุกครั้งที่อีกคนพยายามจะเอ่ยชื่อกิตออกมา ที่เรื่องของเราเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองแท้ๆ มาถามเหมือนเป็นเรื่องปกติเหมือนถามว่าอินกินข้าวหรือยังได้ยังไง ทั้งที่อุตส่าห์ยอมคุยดีด้วยแต่อีกฝ่ายก็ชักจะทำให้เขาโมโหขึ้นมาแล้ว
“ถามทำไม” คนที่รู้ดีที่สุดก็คืออีกฝ่ายไม่ใช่หรอ ทำไมถึงไม่ถามแฟนตัวเองล่ะ
“ก็คิดว่ากิตน่าจะพยายามติดต่อกลับไป” อินขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขากันแน่ และท่าทางที่พูดเหมือนรู้อะไรสักอย่างมันยิ่งกวนใจอินมากกว่าเดิม
ใช่ ตลอดหลายเดือนนี้กิตพยายามติดต่อมาหาเขาตลอด ไม่ว่าจะในโทรศัพท์หรือไลน์จนเขาตัดสินใจบล๊อกอีกคนไปในที่สุด
“เราเลิกกับกิตแล้ว” ข่าวลือได้รับการยืนยัน
“...”
“จะไม่ถามหรอว่าทำไม” สีหน้าที่ดูกล้าๆกลัวๆในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นสายตาที่ดูดุดันขึ้น น้ำตาเอ่อรอบขอบตาร้อนและเสียงพูดที่สั่นไหวของอีกคนทำให้อินอยากรู้ไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เขาจะไม่ถาม
เรื่องของสองคนนี้ไม่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไปแล้ว...
“ต้องรู้ไหม”
“...”
“มันไม่เกี่ยวกั..”
“เกี่ยวสิ เพราะกิตไม่เคยลืมอินเลย”
อินพูดไม่ทันจบประโยคอีกคนก็แทรกขึ้นมาก่อน น้ำตาที่เอ่อล้นขอบตาอีกฝ่ายร่วงหล่นลงมาช้าๆ คิ้วสองข้างที่ขมวดแน่น ตาแดงๆกับปากที่สั่นระริกและแววตาที่ไหวหวั่นของเจ ทำให้อินรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของคนตรงหน้า ความโกรธ ความน้อยใจ ความเศร้า ความถวิลหา มันปะปนกันเต็มไปหมดภายในดวงตาเล็กๆคู่นั้น
“ไม่เคยเลย..”
อินหัวใจกระตุกเมื่อเจย้ำอีกครั้ง ถึงอินจะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นแล้วแต่คำพูดของอีกฝ่ายมันกลับมีผลกับเขาโดยตรง อินคงจะดูเป็นคนเลวที่สุดในโลกถ้าจะบอกว่าในขณะที่คนตรงหน้ากำลังดูเศร้าหมอง ในใจของเขากลับมีความปิติยินดีก่อเกิดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ อินไม่ได้ดีใจที่กิตไม่เคยลืมเขา แต่ที่เขาดีใจเพราะมันออกมาจากปากของคนตรงหน้าต่างหาก
ในที่สุดเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่เขาที่เจ็บ
“มันไม่เกี่ยวกับเราแล้ว”
“แต่กิตรักอิน..”
“แล้วยังไง กิตคือคนที่เลือกจะไปจากเราเอง”
“กิตไม่ได้เลือก..อึก แต่เลือกไม่ได้ต่างหาก”
อินขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจในขณะที่คนตรงข้ามเขาเริ่มจะสะอึกรุนแรงขึ้นจากการพยายามกลั้นน้ำตา แต่อินไม่สนใจอะไรแล้ว สิ่งที่อีกคนพยายามพูดมันดึงความสนใจทั้งหมดของเขาไป เขารอให้อีกคนสงบลงอย่างใจร้อนรนก่อนจะเอ่ยคำถามที่อยากรู้ที่สุดออกไป
“อะไรคือเลือกไม่ได้”
“เมื่อก่อนตอนที่คบกับอิน กิตมักจะมาเล่าเรื่องของอินให้ฟังบ่อยๆ จนเรารู้สึกอิจฉาอินที่มีคนคนนึงมารักได้มากมายขนาดนั้น”
“...”
“เราไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาของเราคอยแต่เฝ้ามองเขาทั้งๆที่รู้ว่าอีกคนรักแฟนตัวเองมากแค่ไหน รู้ว่ายังไงเราก็คงไม่มีหวัง”
เจยังว่าต่อ สายตาเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ภาพเก่าๆในหัวย้อนกลับมาชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตัวเขาที่คอยมองคนตรงหน้าที่มักมีอารมณ์แปรปรวน ยิ้ม หัวเราะ โมโห ร้องไห้ สลับไปมาด้วยปัจจัยปัจจัยเดียว คือคนที่นั่งตรงหน้าเขาตอนนี้
“จนมาช่วงหลังที่กิตเริ่มดูเศร้า ระบายความน้อยใจมากมายให้เราฟัง และในที่สุดเราก็ตัดสินใจ ถ้าเป็นเรา เราจะไม่มีวันทำให้คนคนนี้ต้องมาเหงาอยู่คนเดียวแน่ เราจะทำทุกอย่างให้คนคนนี้มีความสุข และทุกอย่างมันก็เริ่มต้น”
“...”
“แล้วพอถลำลึกมากขึ้น เราก็ไม่อยากแบ่งกิตให้ใครอีกแล้ว กิตกลายเป็นทุกอย่างของเรา”
เมื่อยิ่งพูดก็เหมือนเจจะหยุดไม่ได้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาถูกระบายออกมาจนหมดเหมือนอีกคนอัดอั้นมานาน อินยังนั่งนิ่งทั้งที่ในใจตอนนี้เจ็บปวดไปหมด เขาไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายอีกคนคิดมากเรื่องของเขามากขนาดนี้ เขาคิดมาตลอดว่าอีกคนมีความสุขกับโรงเรียนและเพื่อนใหม่ จนไม่อยากคอยทำตัวงี่เง่าตามติดอีกฝ่ายตลอดเวลา แต่การที่เขารักษาระยะห่าง มันกลับทำให้อะไรหลายๆอย่างแย่ลง
“ช่างเถอะ ไม่ว่ายังไงแต่กิตเป็นฝ่ายเลือกเอง” อินยังยืนยัน ถึงอินจะมีส่วนผิดแต่สุดท้ายกิตก็เลือกที่จะทิ้งรักของเราแล้วอยู่เคียงข้างคนตรงหน้า
“กิตไม่มีทางเลือก”
“ไม่จริงหรอก” คนเราทุกคนมีทางเลือกและกิตเลือกแล้วต่างหาก
“เราฆ่าตัวตาย”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อินดึงความสนใจกลับมาที่คนตรงหน้าอีกครั้ง เขาเกือบลืมไปแล้วว่าตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารประจันหน้ากับแฟนของตัวเอง
“หรืออินไม่อยากให้เรามาด้วย”
อีกเสียงที่เต็มไปด้วยความประชดประชันดังขึ้น อินหันไปสบตากับคนพูดที่ส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้ สายตาเหลือบไปเห็นแขนที่พาดเกาะกับแขนของแฟนเขาแล้วก็อดหงุดหงิดในใจไม่ได้ ทั้งๆที่ตอนลงมาเจอกันเมื่อกี้ดินก็แนะนำชัดเจนแล้วถึงสถานะของเรา แทนที่คนตัวเล็กจะถอย มันกลับทำให้อีกคนติดหนึบแฟนเขามากกว่าเดิมซะอีก พอบอกว่าจะกินข้าวก็ขอตามมาด้วย แล้วก็อย่างที่เห็นแทนที่จะได้นั่งข้างกันกลับต้องมานั่งตรงข้ามกันแบบนี้
อินเหลือบสบตากับคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ อะไรคือการที่คนตัวโตไม่ทำอะไรเลย ปกติเวลาหึงเขาออกหน้าออกตาไม่เคยเกรงใจใครสักนิด
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น ขอโทษทีเผลอคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” ถึงจะไม่พอใจแต่ไหน ก็ไม่อยากทำตัวงี่เง่าต่อหน้าคนคนนี้ และเขาก็ไม่อยากทำให้ดินลำบากใจด้วย
“แล้วว่าไงที่ดินถาม ตกลงว่ามีแผนอะไรหรือเปล่า” ทิวถามขึ้น น้ำเสียงที่ส่งออกมาสั้นห้วนจนพอจะเดาได้ว่าอีกคนเป็นคนเอาแต่ใจแค่ไหน
“แผน?” อินทำหน้างงไม่เข้าใจคำถาม เลิกคิ้วหันไปหาคนตัวโตเหมือนจะขอตัวช่วย
“นี่ไม่ได้ฟังเลยหรอ เสียมารยาทที่สุด”
“ทิว...”
“เชอะ”
คนตัวเล็กว่าเสียงขึ้นจมูก ปล่อยมือออกจากแขนอีกคน นั่งไขว้ห้างกอดอกหันหน้าออกไปนอกโต๊ะอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมว่าต่อทั้งๆที่เคืองขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญของดินนี่น่า
“ วันเกิดดิน เราอยากจัดงานที่บ้านดินเหมือนทุกปี แต่ดินให้ถามนายก่อน ไม่รู้จะสนใจทำไม ไม่เห็นจะฟังเลยเห็นไหม”
เสียงบ่นยาวเหยียดของคนตัวเล็กไม่ได้เข้ามาในหัวอินสักนิด ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดอยู่แค่ประโยคแรกที่อีกคนกล่าวออกมา
“วันเกิดดิน? เมื่อไหร่?”
“เหอะ ดินหลอกหรือเปล่าเนี้ย แฟนประเภทไหน วันเกิดดินก็ยังไม่รู้”
“ทิว ดินจะโกรธแล้วนะ”
“โกรธทิวทำไม ก็พูดเรื่องจริง ถ้าไม่ใส่ใจก็เอาดินคืนมาเลย”
อินหน้าชา เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนนอกไปแล้วตอนนี้ การพูดการจาที่แสดงออกมาทำให้รู้ว่าทั้งสองรู้จักกันดี คนตัวเล็กที่ค่อนข้างเอาแต่ใจแต่ก็ยอมลงให้เวลาอีกคนตักเตือน และอีกคนที่ดูจะรู้ดีเหลือเกินว่าจะต้องจัดการคนขี้งอนยังไงให้อยู่หมัด ถึงจะเจ็บปวดแต่อินก็ต้องยอมรับว่าถ้าคนทั้งคู่เป็นแฟนกัน ต้องเป็นคู่ที่น่ารักมากคู่หนึ่ง
“อินอยากไปไหนเป็นพิเศษไหม ถ้าอยากฉลองกันสองคนก็ได้นะ”
“ดิน! ไม่เอานะ” ทิวเริ่มต้นโวยวาย คนตัวเล็กหันมาจ้องหน้าอินเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้ามาถ้าอินตอบคำถามไม่ตรงใจ แน่นอนว่าอินไม่มีแผน เขาเพิ่งจะรู้วันเกิดอีกคนไม่กี่นาทีก่อนหน้า
“ฉลองด้วยกันหลายๆคนก็สนุกดีเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบคนตัวเล็กที่นั่งข้างดินก็ยิ้มกว้างปรบมือหลายครั้งอย่างดีใจ รีบเล่าแผนที่คิดไว้ในหัวให้คนทั้งคู่ฟัง ดินลอบมองคนตรงหน้าหลายครั้ง ตั้งแต่คบกันมาการอ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายจากใบหน้ากลายเป็นเรื่องที่เขาถนัด แค่นี้ทำไมเขาถึงจะไม่รู้ว่าอีกคนกำลังมีเรื่องในใจ แล้วอาการที่เหม่อแล่วเหม่ออีกแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเรื่องที่ว่าน่าจะใหญ่พอตัว
“ถ้าอินเหนื่ิอยจะกลับบ้านเลยก็ได้นะ”
“แล้วหนัง..”
“ไว้วันอื่นก็ได้ เดี๋ยวดินไปส่งนะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

อินยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเองขณะที่รถมาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านเขา อินหันหน้าไปหาคนขับเมื่อมีสัมผัสบางเบาลงมาที่มือเล็กของเขา
“ขึ้นไปด้วยกันไหม” อินยิ้มกล่าวชวนอีกคนที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
“วันหลังก็ได้ วันนี้อินพักผ่อนเถอะ”
“โอเค ขอบคุณนะที่มาส่งนะ กลับถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกกันด้วยนะ”
อินร่ายยาวเตรียมตัวจะแกะมือออกจากอีกฝ่ายเพื่อเปิดประตูรถแต่ก็โดนยั้งไว้ก่อน
“อินไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า มีอะไรบอกดินได้นะครับ” คำพูดที่แสดงความห่วงใยถูกส่งออกมาในขณะที่มือหนาลูกไล้ไปบนมือของเขา ความอบอุ่นที่ส่งมาทางมืออุ่นทำให้ใจที่ว้าวุ่นของอินสงบลง อินยกยิ้มเอาอีกมือที่ว่างอยู่วางทับมือคนตัวโตอีกทีก่อนที่จะเกลี่ยไปมา
“ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งวันเกิด..”
ในเมื่อถ้าบอกว่าไม่มีอะไรในใจคนตัวโตคงไม่เชื่อ เขาก็เลยคิดหาเหตุผลมาอ้าง ที่จริงก็เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่สบายใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน คนตัวโตเมื่อได้ยินดังนั้นก็เอื้อมมาบีบจมูกเขาเบาๆทำหน้ามุ่ยอย่างหมั่นเขี้ยว
“เราเพิ่งคบกันได้แต่แปปเดียวเอง ไม่รู้ก็ไม่แปลก”
“แล้วรู้ไหมว่าอินเกิดวันที่เท่าไหน”
คนตัวโตยกยิ้มกลับมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกคนรู้ดี อินยิ่งหน้างอลงเรื่อยๆ เป็นแค่เขาเองที่ไม่ได้เรื่องอีกตามเคย
“อินมันเป็นแฟนที่แย่”
“ใครบอก”
“ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้”
“แต่คนที่ตัดสินได้มีแค่แฟนอินคนเดียว”
“...”
“แล้วแฟนอินก็บอกเลยว่าอินดีที่หนึ่ง”
คำชมที่เหมือนกล่าวชมเด็กประถมตอนทำการบ้านเสร็จถูกเอ่ยออกมา อินรู้สึกร้อนที่แก้มในทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากอีกฝ่าย อบอุ่นใจกับความใจดีของคนตรงหน้า
“ถ้าอยากไปฉลองสองคนก็ได้นะ”
“อินต้องเป็นฝ่ายถามต่างหาก ดินอยากได้อะไร หรืออยากทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” หนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้เขาคงต้องคิดหนัก มีเวลาแค่อาทิตย์เดียวไม่รู้จะหาของขวัญทันไหม
“หึ รู้แค่อยากอยู่กับอิน”
“ยังไม่เบื่อหรอ เจอกันแทบทุกวัน”
“อินเบื่อหรอ?”
“เปล่า แต่กลัวดินเบื่อ..”
“ไม่เคยพอเลยต่างหาก” ต่อให้เจอกันทุกวันดินก็ยังรู้สึกว่ามันน้อยไป
“ให้มันเป็นแบบนี้ตลอดเถอะ”
“เท่าที่อินต้องการเลยครับ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

อินวางกระเป๋าลงบนโต๊ะญี่ปุ่น เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ใส่สบายก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนที่นอน เปิดโทรทัศน์เพื่อให้ห้องไม่เงียบเกินไปก่อนที่จะยกมือถือขึ้นมาดู เลื่อนไปเปิดแอปสีเขียวที่มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านจากคนที่เขาบล๊อคไปนานแล้วค้างอยู่ ไล่ขึ้นไปถึงข้อความที่ยังไม่อ่านล่าสุด ค่อยๆอ่านลงมาเรื่อยๆสัมผัสได้ถึงความร้อนใจของอีกฝ่ายที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อไม่ได้ข้อความตอบโต้จากเขา ตอนแรกการที่เขายอมตอบอีกคนไปสองสามครั้งมันยิ่งทำให้อีกคนส่งมามากขึ้น จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจบล๊อคอีกฝ่ายไป อินเงยหน้าออกจากข้อความถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยพลางคิดถึงสิ่งที่ได้ฟังมาวันนี้




“อะ..อะไรนะ”
“ถ้าจะพูดให้ถูก เราแกล้งฆ่าตัวตาย”
“ทำไมทำอะไรแบบนั้น”
“ถ้าเพื่อจะได้กิตมา เราทำได้ทุกอย่างนั้นแหละ”
อินตกใจที่คนตัวเล็กตรงหน้าพูดเสียงกระชากออกมา สายตาที่เคยดูเศร้าสร้อยเปลี่ยนแปลงเป็นความมุ่งมั่น เจเชื่อว่าเขารักกิตไม่แพ้ใครทั้งนั้น
“เราเคยคิดมาตลอดว่าอินไม่ได้รักกิตจริง ที่อินบอกว่ารักกิต มันไม่ได้ครึ่งของเราเลยด้วยซ้ำ ถ้ารักจริงอินคงไม่ยอมปล่อยมือไปง่ายๆแบบนั้น”
อินไม่ได้แปลกใจหรือเคืองกับคำกล่าวหา สิ่งที่อีกคนพูดมันไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เขาได้ยิน คำพูดเหล่านี้มันวนเวียนอยู่ในหัวเขามาตลอดหนึ่งปี
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ” ถ้าคิดว่ารักมากขนาดนั้น ถ้าคิดว่าคนที่ปล่อยกิตมาอย่างเขาเห็นแก่ตัว แล้วทำไมถึงยอมเกินออกมาเหมือนที่เขาเคยทำ
“เพราะในที่สุดเราก็เข้าใจในสิ่งที่อินทำ”
“...” อินขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากัน นั่งนิ่งฟังสิ่งที่อีกฝ่ายอยากสื่อออกมา
“เพราะรักมากจนความสุขของกิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“...”
“เราถึงต้องปล่อยเขาไปหาคนคนที่เขารักมากที่สุด ปล่อยเขาไปหาอินไง”
เจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่อินรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่ถูกสื่อออกมาในประโยคนั้น ความรักมันมีอิทธิพลต่อคนเราในหลายด้าน มันสามารถเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดได้ในวันนึง แต่เมื่อเรารักมากพอมันก็สามารถทำให้เราเป็นคนที่ยอมเสียสละได้มากที่สุดเหมืิอนกัน
“เราจะไม่ขอให้อินยกโทษให้เรา แต่ให้โอกาสให้กิตอีกสักครั้งได้ไหม”




อินหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำที่หล่นมากระทบนิ้วมือของเขา
น้ำตา
เขาเริ่มร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เมื่อเริ่มก็ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้ เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวของคนคนเดิมทำให้หัวใจเขาร้อนรน กิตยังเป็นเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อินเอื้อมไปกดปุ่มปลดบล๊อคทุกช่องทางที่เขาเคยทำการบล๊อคอีกฝ่ายไว้ อินไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไรจากการกระทำตัวเอง รู้แค่ตาไม่สามารถละออกมาจากข้อความสุดท้ายที่อีกคนส่งมา รูปประโยคธรรมดาที่เขาเองเป็นคนพูดให้อีกฝ่ายฟังไม่รู้กี่ครั้ง เพียงแค่ตอนนี้ชื่อของคนทั้งสองในประโยคโดนวางสลับกัน
“ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ อินอินคือโลกทั้งใบของกิตเสมอ”


************
สงสารน้องอิน~ เรื่องๆนึงมันมีความจริงหลายด้านเสมอค่ะ คนเราก็มักจะตัดสินเรื่องราวจากด้านที่เราเห็นและเลือกที่จะอยู่กับความเชื่อนั้นแล้วเดินต่อไป แต่ก็มีหลายๆครั้งที่ความจริงมันพลิกด้านที่มองไม่เห็นขึ้นมาตรงหน้าอย่างที่เราไม่ได้เชื้อเชิญ สิ่งที่ผุดขึ้นมามันอาจจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนการกระทำในปัจจุบันของเรา ทำให้เราเดินไปในทางที่เลือกได้มั่นคงมากขึ้น แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ความจริงบางอย่างก็อาจจะทำให้สับสนจนต้องเดินกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งก็ได้
เป็นกำลังใจให้น้องด้วยนะคะ (>.<)

ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยย กู ไม่รู้จะสงสารใครดี

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ อินห้ามปล่อยดินไปนะ

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
16:00 วันตามใจ



(รบกวนอ่านแชทตอนจบด้วยค่า)

“สรุปว่าต้นกับแทนจะเอาเครื่องดนตรีกับพวกเครื่องเสียงต่างๆ มานะ เราจะได้ขีดฆ่าออกจากรายการของที่ต้องเตรียม นี่เรายังไม่ได้ซื้อของตกแต่งเลย ไม่รู้จะทันไหมเนี้ย ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิต้องเตรียมงานละคร” ทิวพูดออกมารัวๆ โดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ตาจับจ้องอยู่กับลิสต์รายการที่ต้องทำสำหรับงานวันเกิดดินที่จะมาถึงในอีกสี่วัน

“อาหารการกินกับเครื่องดื่มต่างๆ เราคุยกับที่บ้านดินแล้ว เหลือแต่เค้ก ดอกไม้กับลูกโป่งในงานที่ต้องจอง นอกนั้นก็คงเป็นรายชื่อและจำนวนแขกที่จะมา เสื้อผ้าที่จะใส่ไปงาน อ่อแล้วเรายังไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ดินเลย ฮือออ ทำไงดี” คนตัวเล็กเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของตัวเองแล้ว สิ่งที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด ช่วงนี้เขาก็แทบไม่ได้นอนเพราะต้องเตรียมงานละครแต่แน่นอนว่างานวันเกิดดินสำคัญที่สุด เขารับเป็นแม่งานให้ดินมาสามปีแล้ว และปีนี้ก็ตั้งใจจะทำให้ดีเหมือนเคย

“ไอ้ดินมันก็บอกแล้วว่าไม่ต้องทำอะไรมาก” ต้นแทรกขึ้น กลอกตามองบน ยังไม่อยากเชื่อว่าจะโดนเรียกมาหากะทันหันเพราะเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่กำลังจะไปเดทแท้ๆ

“วางแผนงานวันเกิดแฟนเขา ไม่ปรึกษาแฟนเจ้าของวันเกิดสักหน่อยหรอ” คู่เดทของต้นพูดขึ้นบ้าง ทิวเงยหน้าจากกระดาษในมือ ตวัดสายตามองคนที่เขาไม่ได้เชื้อเชิญมา ตอนที่อยู่ทะเลอีกฝ่ายยังดูเป็นมิตรมากกว่านี้ ยังพอพูดจากันดีๆได้ แต่วันนี้ตั้งแต่มาอีกคนพูดจาประชดประชันไม่หยุด แล้วท่าทางที่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นศัตรูนั่นอีก

แล้วเขาแคร์ที่ไหน

“ทำไมเราต้องถาม เขาก็รู้ว่าเราเป็นคนจัดการ ถ้าใส่ใจจริงก็ต้องมาถามเราเองสิ แฟนอะไรไม่รู้แม้ว่ากระทั่งวันเกิด”

“ทิว..” ต้นเรียกชื่อเหมือนเตือนอีกฝ่ายเบาๆ

“เชอะ ทั้งดินทั้งต้นเหมือนกันหมด มีอะไรทิวก็ผิดตลอด”

“ใครเขาจะกล้ายุ่ง ก็บางคนทำตัวอย่างกับแฟนเจ้าของงานซะขนาดนั้น” กีว่ากลับ

“หึ ไม่กล้ายุ่งก็ดี”

“หน้าด้าน”

“ว่าอะไรนะ!”

“เราบอกว่าหน้าด้าน เนี่ยต้นดูสิ พากีไปซื้อครีมหน่อยนะ พอดีครีมที่บ้านหมดแล้ว” กีว่าพร้อมหันหน้าไปหาคนข้างตัว ส่งสายตาออดอ้อน พูดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ จนคนตัวโตอดขำไม่ได้ เอื้อมเอาสองนิ้วบีบแก้มคนจอมแถไปมา รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้จะมาอ้อนเขาแต่แค่ต้องการจะกวนอีกคนเท่านั้น แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังอดมั่นเขี้ยวไม่ได้อยู่ดี

ร้ายที่สุดแหละคนนี้

“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ต้นไปก่อนนะ”

“เอาเบอร์มาสิ!”

ทิวหน้ามุ่ยเบะปากพูดกระแทกเสียงออกมา คนฟังทั้งสองขมวดคิ้วแน่น หันหน้ามองกันอย่างไม่เข้าใจ แต่เป็นเพียงต้นที่เอ่ยถามกลับ

“ว่าอะไรนะ”

“ก็เบอร์ไง เดี๋ยวจะมาว่าว่าไม่ยอมถามอีก”

ว่าแล้วก็บ่นอุบอิบอีกหลายคำในลำคอ ต้นยกยิ้มมุมปาก ทิวก็เป็นแบบนี้ ถึงจะดูปากร้าย เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง แต่เอาเข้าจริงแล้วก็เป็นคนที่แคร์คนรอบข้างเสมอ อย่างนี้ไอ้ดินถึงยังยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรตามใจอยู่รอบตัวมันแบบนี้ แต่ไหนแต่ไร ใครๆ ก็รู้ดีว่าไอ้ดินมันเป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบถูกใครผูกมัด มันจึงไม่ใช่ภาพธรรมดาเลยที่เราจะเห็นคนพูดเยอะอย่างทิวมาวนเวียนรอบตัวมันแบบนี้ จนต้นที่เป็นเพื่อนสนิทเองยังเข้าใจผิดว่ามันสองคนเคยคบกันอยู่เลย

ต้นปลดล๊อคโทรศัพท์หาเบอร์ของอินก่อนที่จะกดแชร์ให้อีกคน เมื่อเรียบร้อยก็ยัดเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋ากางเกง ยืนขึ้นแบมือขอมือคนข้างๆ เมื่อมืออีกฝ่ายวางทับก็ฉุดขึ้นเบาๆ ให้ลุกขึ้น ก่อนที่เขาจะเอามือสอดรอบเอวบางแล้วกล่าวออกไป

“งั้นต้นไปนะ” กล่าวลาอีกครั้งก่อนจะหันหลังให้คนที่นั่งอยู่และเดินออกจากร้านกันไป พอออกมาได้กีก็รีบค้นกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมาปลดล๊อคทันที

“เรื่องนี้ต้องขยาย มันจะไม่จบที่ตรงนี้” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบพร้อมเปิดแอปสีเขียวขึ้นมา กำลังจะกดเข้ากลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อจะเล่าสิ่งที่เพิ่งเจอมาเมื่อกี้ แต่ไม่ทันจะได้พิมพ์อะไรก็โดนคนตัวโตคว้าของในมือออกไป

“ไม่เอาน่า”

“อย่ามายุ่งได้ไหม นี่มันเรื่องของเพื่อนเรานะ เราต้องบอกมัน”

“บอกอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”

“นี่ยังไม่มีอะไรอีกหรอ ดูทิวสิ แสดงอาการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของขนาดนั้น เห็นเพื่อนเราเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง”

“แต่แค่นี้อินก็คิดมากอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”

“...”

“แล้วกับทิวตอนนี้คือมันไม่มีอะไรกันจริงๆ ต้นยืนยันได้ กีก็เห็นไม่ใช่หรอ ดินมันทั้งรักทั้งหลงเพื่อนกีจะตาย”

“ก็ได้ งั้นเอาโทรศัพท์คืนมา” คนตัวเล็กครุ่นคิดอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะยอมโอนอ่อนตามอีกคน จริงๆ ก็รู้สึกเหมือนกันว่าคงไม่มีอะไร คิดได้ก็แบมือทวงมือถือคืนจากอีกฝ่าย ต้นยกยิ้มให้กับคนตรงหน้า ยื่นโทรศัพท์เจ้าตัวคืนให้ เขารู้สึกอิ่มเอมไม่น้อยที่อีกคนยอมฟังเหตุผลของกัน

“งั้นวันนี้ไปไหนกันดีครับ วันตามใจน้องกีแล้วนี่”

คนตัวโตเอ่ยถามเสียงใส ตั้งแต่ที่ตกลงคบกันเขาสองคนก็มีข้อตกลงสำคัญอีกหนึ่งเรื่องคือ “วันตามใจ” ซึ่งจะพลัดกันทุกครั้งที่ออกมาเจอกัน คนที่โดนตามใจวันนั้นจะเป็นคนจัดโปรแกรมว่าจะไปไหนหรือกินอะไร ครั้งที่แล้วที่เขาทั้งสองไปเที่ยวซาฟารีเวิร์ลก็เป็นวันของต้น ทั้งที่วันนั้นแดดแรงจนคนตัวเล็กเหงื่อเต็มเสื้อไปหมดแต่กีก็ไม่เอ่ยปากบ่นออกมาสักนิด ซึ่งบอกตรงๆเลยว่ามันทำให้ต้นแปลกใจอยู่ไม่น้อย และไอ้ความรู้สึกอุ่นๆ ที่ก่อขึ้นในทรวงอกวันนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจมองข้ามได้ พอวันนี้เป็นคราวของคนตรงหน้าบ้าง เขาก็อยากเอาใจให้เต็มที่เหมือนกัน

“ไหนๆ ก็มาห้างแล้ว แวะกินข้าวกันก่อนไหม หิวแล้ว”

“โอเค แล้วกีอยากกินอะไร”

“อยากกินซูชิ” กีเอ่ยออกมาสั้นๆ แล้วเดินตรงเข้าไปในร้านซูชิเจ้าโปรด กีเองก็ชื่นชอบข้อเสนอเรื่องวันตามใจของอีกฝ่ายมาก เพราะอย่างนี้เขาจะได้ไม่ต้องคอยพะวงว่าใครจะเป็นคนตัดสินใจเวลาทำอะไรร่วมกันและในเมื่อตัดสินใจเรียนรู้กันแล้ว การลองเข้าไปอยู่ในโลกของอีกคนจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ

“งั้นเสร็จแล้วไปดูหนังกันนะ เรื่องที่เราบอกเข้าแล้ว”

“อือฮือ หนังของดิสนี่ย์อ่ะนะ” ต้นถามซ้ำเมื่อสั่งอาหารเสร็จ นึกถึงหนังที่อีกฝ่ายเคยบอกว่าอยากดู เจ้าตัวเป็นแฟนตัวยงของค่ายนี้ ถึงเขาจะไม่ชอบหนังแนวนี้เท่าไหร่ แต่วันนี้ก็ไม่ได้คิดจะปฎิเสธ

“ถ้าไม่ชอบ.. ดูเรื่องอื่นก็ได้นะ”

“ดูได้ แค่ไม่ใช่แนว”

“งั้นดูเรื่องอื่นก็ได้”

“ไม่เป็นไรก็วันนี้วันของกีนี่”

“แต่ให้สนุกอยู่คนเดียวก็ไม่เอาหรอก”

คนตัวเล็กว่าพลางยกโทรศัพท์มาเลื่อนดูโปรแกรมหนัง กล่าวชื่อหนังอีกหลายเรื่องที่เข้าฉายตอนนี้เพื่อถามความเห็นจากเขา ต้นนั่งมองคนตรงหน้าที่พยายามสังเกตสีหน้าเขาเวลาเอ่ยชื่อหนังแต่ละเรื่องออกมา

ชั่งใส่ใจ

ความอบอุ่นภายในอกเกิดขึ้นอีกครั้ง ต้นไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้กับใคร ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร คนตรงหน้าเป็นคนแรกที่ทำให้เขาอยากลอง ต้นเคยคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปเขาคงจะเบื่อและรามือจากคนคนนี้ไปเอง แต่ทุกอย่างมันกลับตรงกันข้าม ยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกันเขายิ่งอยากให้มันมีเวลามากขึ้น และแทนที่จะกลัวอีกฝ่ายคอยตามติดเขาแจ ตอนนี้เขากลับกลัวอีกฝ่ายจะเบื่อเขามากกว่า

“ไม่เป็นไรวันนี้ดูเรื่องที่กีอยากดูนะ แต่คราวหน้ากีต้องยอมรับข้อตกลงของต้นนะ”

“อือ ก็มันเป็นวันของนายนี่”

“ก็ใช่ แต่ไม่อยากบังคับ อยากให้ตกลงจริงๆ”

ตากลมโตหรี่มองหน้าเขาอย่างสงสัย เป็นจังหวะเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสองจึงรอให้จานทุกใบวางเรียงเรียบร้อย แกะตะเกียบไม้ไผ่แล้วเริ่มคีบอาหารเข้าปาก

“งั้นบอกมาก่อนว่าคืออะไร” กีต่อบทสนทนา

“ไปพัทยากับต้นนะ”

“หืม...” กีหรี่ตาขมวดคิ้วเข้าจนแทบจะชนกัน ในหัวพยายามครุ่นคิดว่าจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายชวนไปคืออะไรกันแน่ ถึงช่วงนี้จะสงบสเงี่ยมเกินปกติแต่คนแบบนี้มันมีอยู่เรื่องเดียว

“ทะลึ่งป่ะเนี้ย” คนตัวโตหัวเราะร่าออกมา

“จะว่าไม่ก็จะโกหก”

“วางแผนอะไรพูดมาเลยนะ” กีใช้ตะเกียบชี้คาดโทษคนตรงหน้า

“เปล่า ชวนไปเที่ยวเฉยๆ”

“แล้วทำไมต้องพัทยา”

“พอดีเพื่อนชวนไปงานเปิดผับใหม่ อยากให้ไปด้วยกัน”

“เพื่อนที่ไหน เรารู้จักหรอ” กีคิดไปถึงหลายคนที่เขาเจอวันที่ไปหัวหิน

“ไม่เคยเจอหรอก เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เจอกันบ่อยเพราะพ่อแม่ทำธุรกิจด้วยกันน่ะ”

กีคิดไตร่ตรองในหัว ไม่แน่ใจว่าควรทำยังไงดี ถึงจะยังกลัวๆ คนตรงหน้า แต่ตอนนี้ความชอบมันมีมากกว่าเยอะ แล้วในเมื่อตัดสินจะลองคบไปแล้ว ก็อยากไปให้ถึงที่สุดเหมือนกัน

“แล้วจะบอกว่าเราเป็นใคร”

“ก็แฟนไง”

“อ่าฮ่ะ” คนฟังยังทำหน้านิ่ง ทั้งที่ในใจแอบเต้นตึกตักไปแล้ว ถ้ายอมไปด้วยมันก็จะกลายเป็นครั้งแรกที่อีกคนแนะนำว่าเขาเป็นแฟน

“ทำไมถามแบบนี้”

“ก็จะได้ทำตัวถูก ถ้านายมีคนมาจีบ จะได้รู้ว่าหึงได้ไหม” ต้นขำให้กับอธิบายของคนตรงหน้า

“หึงได้สิ”

“แล้วอยากให้หึงหรือเปล่า” คนตัวโตเลิกคิ้วขึ้น

“ยกเลิกการเป็นแฟนวันนึงได้นะ”

“เพื่อ?”

“อยากเห็นเหมือนกัน ว่าเวลาปกตินายเป็นยังไง” คนตัวโตหัวเราะให้กับความคิดแปลกประหลาดของอีกคน

“แล้วมั่นใจว่าจะทนได้?”

“สบ๊าย” เมื่อคนตัวเล็กตอบรับท่าทางสบายๆ ต้นก็รู้สึกฉุนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว อะไรคือการไม่รู้สึกอะไรเวลามีคนมาจีบเขา

เดี๋ยวเถอะ จะทำให้หึงจนร้องเลย!

“งั้นก็ตามใจ ตกลงไปนะ”

“อืม ไปสิ วันไหนล่ะ”

“วันมะรืน”

“เร็วขนาดนั้นเลย? แล้ววันเกิดดินล่ะ”

“อืม ก็ใกล้ๆ เองนี่ กลับมาทันอยู่แล้ว”

“งั้นไปเช้าเย็นกลับก็ได้มั้ง” กีเอ่ยกวน จนคนตัวโตก็อดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“คืนเดียวเองนะ”

“อืม ก็วันของนายนี่”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

“เชี่ยอะไรเนี่ย” กีชะงักพึมพำกับตัวเองเมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารแล้วตาไปสะดุดกับโต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่งจากร้านตรงข้าม มองผ่านกระจกใสเข้าไปแล้วก็แทบต้องขยี้ตาซ้ำเมื่อเจอกับภาพที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

“มีอะไร” ต้นที่จับมือกีอยู่หยุดเท้าตามเมื่อคนข้างตัวยังยืนนิ่งไม่ไปไหน เมื่อตาคมมองตามไปทางที่คนตัวเล็กมอง ตาทั้งสองก็ต้องเบิกกว้างขึ้นไม่แพ้กัน

บนโต๊ะอาหารที่เหมือนว่าอาหารทั้งหมดจะถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว มีชายสองคนนั่งอยู่ข้างกัน ทั้งคู่หันหน้าคุยกันอย่างสนิทสนม มีบ้างที่ส่งยิ้มบางให้กัน บ้างจังหวะก็กระซิบบางอย่างแล้วหัวเราะคิกคักกันสองคน ต้นคิ้วกระตุกเมื่อชายคนที่โตกว่าส่งยิ้มหวานพร้อมเอื้อมมือมาลูบผมคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ คนตัวเล็กกว่าก็ไม่ว่าอะไร แถมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขกลับไปอย่างไม่ปิดบัง

ดูยังไงก็ไม่ใช่พี่น้องหรือเพื่อนธรรมดาๆ

จู่ๆ คนตัวเล็กก็หันไปหยิบกระเป๋าสะพายที่อยู่บนเก้าอี้ข้างตัว หยิบถุงกระดาษที่อยู่ด้านในยื่นให้อีกคน ต้นมั่นใจว่าหน้าขาวซีดของคนตัวเล็กเริ่มมีสีแดงเรื่อ ตากลมล่อกแล่กไปมาระหว่างห่อของขวัญและคนตรงหน้า คอยสังเกตทุกอาการของอีกคนที่กำลังแกะเปิดถุงกระดาษ กัดเม้มปากแน่นเหมือนลุ้นหนักว่าคนตัวโตจะชอบของที่เห็นหรือไม่

เมื่อถุงกระดาษถูกเปิดอ้าออกจนสามารถเห็นของด้านใน คนตัวโตก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ รีบหยิบของในถุงออกมาพันรอบคออย่างตื่นเต้น ปากเอ่ยคำหลายคำออกมากับคนตรงหน้า น้ำตาแห่งความปลื้มปิติหลั่งไหลออกมาจากคนได้รับของขวัญ ก่อนที่ในที่สุดเมื่อความรู้สึกมาถึงจุดสูงสุด คนตัวใหญ่กว่าก็โผเข้ากอดอีกคนอย่างทนไม่ไหว ไออุ่นของความรักถูกส่งออกมารอบตัวของคนทั้งสอง คนรอบข้างจากโต๊ะอื่นที่มองมาแอบอมยิ้มให้กับความน่ารักที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่กับคนที่ยืนอยู่นอกร้านสองคน

“คะ..ใครน่ะ...”

เสียงต้นเอ่ยขึ้น สองตายังตะลึงกับภาพตรงหน้า

“คนที่กอดอินอยู่.. ใครน่ะ”

กีที่ตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่แพ้กัน หันหน้าไปมองคนข้างตัวเมื่อได้ยินอีกคนถามเสียงเข้ม พยายามเรียกสติที่หลุดลอยให้กับเข้าที่ ก่อนที่จะเอ่ยตอบตามที่เห็น

“แฟนเก่ามัน กิต..” กีเองก็แทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป สองคนนี้มาอยู่ด้วยกันได้ยังไง แล้วผ้าพันคอผืนนั้น กีจำได้ว่ามันคือผืนเดียวกับที่อินเคยจะให้อีกฝ่ายเมื่อปีที่แล้ว

“จะทำอะไร!” กีแทบตะโกนเมื่อคนข้างตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนที่อีกสายจะต่อสายออกไปกีก็ตะครุบเอาไว้ ดึงโทรศัพท์ออกมาจากมืออีกฝ่ายได้ทัน

“จะโทรบอกไอ้ดิน เห็นมันเป็นควายหรอมาสวมเขากันแบบนี้” ต้นพูดกระแทกกระทั้นเสียงดัง มองหน้ากีอย่างโกรธแค้น ตอนนี้เขาโมโหอย่างที่สุด เป็นเพราะแบบนี้ไงที่ทำให้เขาไม่ชอบความสัมพันธ์ ไม่มีใครหรอกที่จะซื่อสัตย์รักเดียวไปได้ตลอด คนที่หลงเชื่อคำแบบนั้นก็มีแต่ต้องเจ็บปวดเท่านั้นเอง

“อย่าบอกว่ากีก็รู้มาก่อนนะ” จู่ๆ ต้นก็นึกขึ้นได้เอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างไม่นึกเกรงใจอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ของเขาต่อคนตรงหน้ามันไม่ใช่แค่เพียงความโมโหแค้นเคือง ภายในหัวใจที่ร้อนรนมันกลับมีหนึ่งความรู้สึกที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด

เขากลัว

เขาไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองคาดหวังกับอีกฝ่ายไว้มากขนาดนี้ แค่คิดว่ากีรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำชั่วๆ แบบนี้เขาก็แทบใจสลาย ต้นไม่อยากเชื่อใจใครเพราะเขาไม่อยากเจ็บ ดังนั้นเขาจึงป้องกันตัวเองมาโดยตลอดโดยไม่เคยยอมปล่อยให้ใครเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามเลยสักคน แต่เหมือนคนตรงหน้าจะก้าวเข้ามาเรียบร้อยแล้ว

โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

ดังนั้นตอนนี้เขาถึงกลัว การที่อีกคนมีอิทธิพลกับจิตใจเขาแบบนี้มันไม่ดีเลย..

“ไม่รู้ๆ ไม่รู้จริงๆ” ต้นแอบโล่งใจเมื่อคนตรงหน้าสั่นหน้าไปมารุนแรงปฎิเสธเสียงแข็ง สายตาที่เบิกกว้างขณะมองสองคนตรงหน้าทำให้ต้นรู้ว่าอีกฝ่ายพูดความจริง

“ยังไงต้นก็ต้องบอกดิน เอาโทรศัพท์มา”

“ไม่เอา.. อย่าโทรนะ”

“แล้วจะให้เพื่อนต้นโดนหลอกแบบนี้หรอ ถ้าเป็นอินโดนทำบ้าง กีจะทำยังไง”

กีนิ่งไปกับคำพูดของคนตรงหน้า ต้นพูดถูกทุกอย่าง ถ้าเป็นเขาป่านนี้คงเล่าให้เพื่อนสนิทฟังไปเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะมันเป็นเพื่อนเขาเองที่ดันตกเป็นผู้ต้องหาเขาถึงทำตัวไม่ถูก แม้ภาพตรงหน้าจะชวนให้เข้าใจผิดมากแค่ไหน แต่ด้วยความเป็นเพื่อนรัก ถ้ายังไม่รู้ความจริงจากปากมัน เขาก็ต้องปกป้องมันให้ถึงที่สุด

“เราขอนะ เห็นแก่เราสักครั้ง”

“กี!” ต้นร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ เขารู้สึกร้อนรนไปหมดแล้ว ถ้าไม่เกรงใจคนข้างตัวสิ่งที่เขาอยากทำที่สุดตอนนี้คือเดินไปต่อยคนทั้งสองตรงหน้าให้แรงที่สุด

“กีขอคุยกับมันก่อน และถ้ามันผิดจริง กีนี่แหละจะเป็นคนบอกดินเอง” มือเล็กที่เอื้อมมาจับ พร้อมสายตาที่ออดอ้อนและสรรพนามที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของต้นเต้นผิดจังหวะ เมื่อเห็นเขาอ่อนลง อีกฝ่ายก็ยิ่งอ้อนหนักขึ้น

“น้องกีขอนะ” แก้มตอบของคนตัวโตมีอุณภูมิสูงเกินปกติ ต้นเขินกับคำพูดของอีกฝ่ายจนไม่อาจฝืนยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ก็พอรู้ว่าอีกคนกำลังใช้มารยาเกลี่ยกล่อมเขา แต่ถึงจะรู้ก็อยากจะขอคล้อยตามสักครั้ง นานๆ ทีคนขี้โวยวายจะทำตัวน่ารักแบบนี้

“โอเค งั้นต้นยังไม่บอกตอนนี้ แต่กีต้องไปคุยให้รู้เรื่องนะ ถ้ายังเจออีกต้นจะไม่ทนแล้วนะ กีต้องเข้าใจต้นด้วย”

“ขอบคุณครับ” กีฉีกยิ้มกว้างให้อีกคน ส่วนหนึ่งดีใจที่ช่วยเพื่อนได้ แต่อีกส่วนหนึ่งที่มากกว่าคือความดีใจที่ต้นยอมตามใจ

น่ารักที่สุดเลย

“งั้นไปกันเถอะนะ เดี๋ยวซื้อตั๋วไม่ทัน”

กีคว้ามือใหญ่มาจับอีกครั้ง สายตาของคนตัวใหญ่ยังจับจ้องเพื่อนสนิทเขาไม่หยุด จนกระทั่งเขาลากจูงขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนที่เป็นทางเข้าสู่โรงหนัง









แชะ! แชะ! แชะ!

มือเรียวบางกดเข้าไปดูในคลังรูปภาพ เมื่อเลื่อนดูรูปที่ตัวเองพึ่งถ่ายจนพอใจแล้วจึงกดออกจากคลัง เลื่อนไปหาเแอปสีเขียวยอดนิยมที่ใช้สื่อสาร เมื่อหาชื่อเป้าหมายได้ ก็แนบรูปที่เพิ่งถ่ายสดๆ ร้อนๆ ไปหลายรูป ลังเลในจังหวะสุดท้ายแต่ก็กดส่งออกไปจนได้และบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“มันต้องอย่างนี้สิ”





************

ว้ายยย มาม่าาาาา เขียนไปเขียนมาเหมือนกำลังอ่านนอกนักสืบโคนัน อีคนส่งรูปเป็นใคร 555 ถ้าเป็นในการ์ตูนต้องแบบเป็นเงาดำๆ ไม่มีผม (ฮา) ทายสิใครเอ่ย

ช่วงนี้ต้นกีจะมา! นางสองคนมีเวลาแค่เดือนเดียวเอง ตามไทม์ไลน์ช่วงนี้นางเลยจะมาติดๆ กันหน่อยน้า

รักน้ำ รักปลา รักต้นกี รักอินดิน รักกิตเจ รักหมีแทน รักเต รักทิว รักคนอ่านนน (ใกล้บ้าแล้ว)

ขอกำลังใจหน่อยน้าาา คิดเห็นยังไงก็เม้นมาบอกกันบ้างงง เค้าาาาาาาเหงาาาาาาาาาาาา ตอนนี้ถึงบทสี่โมงเย็นแล้วน้า (16:00) เหลือแปดบทเท่านั้น ต้องพยายามยัดต้นกีให้จบด้วย มาลุ้นกันต่อไปจ้า

และท้ายสุดขอฝากแชทกลุ่มของสาวๆด้วยนะคะ จะเป็นตอนที่กลับมาจากทะเล ไม่แน่ใจว่าลงลิ้งได้ไหมเลยเอาไปแปะไว้ในทวิตเตอร์แล้วค่ะ (@maywrite1)ถ้าชอบจะพยายามทำออกมาบ่อยๆนะคะ คลายเครียดเพราะตอนนี้มันดราม่ามากกก

ขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ทิ้งกันค่ะ (‘3’)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2019 21:01:18 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
17:00 ของของใครใครก็หวง

เสียงดังอึกกระทึกลอดออกมาจากภายนอกขณะที่ต้นก้าวขาลงจากรถ เขายื่นกุญแจรถให้กับพนักงานก่อนที่จะเดินเร็วๆ ไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ สัมผัสมือกับคนที่นั่งอยู่ด้านในก่อนที่อีกคนจะก้าวลงมาจากรถ ต้นสอดแขนเข้าไปรอบเอวอีกฝ่ายทันทีที่คนตัวเล็กยืนขึ้นทั้งตัว เดินเข้าไปในร้านโดยไม่คิดจะไปต่อแถวหรือผ่านการตรวจบัตรอะไรทั้งสิ้น ความดังของเสียงเพลงเพิ่มมากขึ้นในทุกย่างก้าวที่ทั้งสองเดินเข้าไป ชายคนหนึ่งรีบตรงเข้ามาหาคนทั้งสองเมื่อสังเกตเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามาในร้าน หน้าตาที่ดูดีอกดีใจที่เจอกันนั้นพอจะทำให้กีเดาได้ว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมากแค่ไหน กีแอบเหลือบมองสังเกตรอบๆ ร้าน ที่นี่ไม่ใช่ผับของนักศึกษาแบบที่เขาเคยเข้าเป็นประจำ ทุกคนแต่งหน้าแต่งตัวมากันเต็มที่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มีแต่ของมียี่ห้อที่ปกติเคยเห็นแค่ในรูปทั้งนั้น เห็นแบบนี้ก็นึกโกรธคงข้างตัว ทั้งๆ ที่ถามไปหลายรอบแต่ตั้งต้นก็ยังยืนยันให้แต่งตัวตามสบาย ดีนะที่เขาไม่ฟังมัน อยากขอบคุณความดื้อรั้นของตัวเองที่ทำให้วันนี้แต่งตัวเกินเบอร์กว่าปกติ เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นคนที่ครอบครัวมันรู้จักฐานะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“มาจนได้นะมึง”

“จะพลาดได้ไง ดีใจด้วยนะมึงสำหรับสาขาที่ห้า”

ทั้งคู่เอามือประกบกันก่อนจะใช้ไหล่ปะทะกันเบาๆ เอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง กีผงกหน้าให้อีกฝ่ายเมื่อเจ้าตัวหันมาและยิ้มให้เขาก่อนที่จะหันกลับไปคุยกับต้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้หน้าตาดึงดูดเท่าคนข้างตัวเขา แต่การแต่งตัวที่ดูดีสะอาดสะอ้านและการพูดจาที่ดูเป็นมิตรก็ทำให้กีเผลอตัวแอบมองคนตรงหน้าไม่ได้ เมื่อยืนพิจารณาหัวจรดเท้าก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าอีกคนเป็นสเป๊กของเขาชัดๆ คิ้วหนา ตาคม จมูกที่โด่งกำลังพอดี ปากที่ไม่หนาไม่บางเกินไป ทุกอย่างรวมตัวกันอย่างเหมาะเจาะอยู่ในใบหน้ารูปไข่ แล้วยังกล้ามที่แน่นทะลุเสื้อโปโลสีแดงออกมานั่นอีก ไม่รวมถึงหน้าท้องที่แบนราบ..

“สวัสดีครับผมภูผาครับ เรียกภูก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ยังไม่ทันได้มองต่ำไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็เอ่ยทักจนต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“ผมกีครับ ยินดีด้วยนะครับ” กียื่นมือไปเชคแฮนด์อีกฝ่าย เพราะมัวแต่แอบมองอีกคนจนเพลิน พอโดนทักแบบไม่ทันตั้งตัวเลยหน้าร้อนไปหมด เผลอกล่าวทักทายออกมาตะกุกตะกักอย่างคนทำตัวไม่ถูกจนคนทักหัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน

"งั้นขึ้นไปนั่งข้างบนกัน เพื่อนคนอื่นอยู่นั่นกันหมดแล้ว มีแต่คนถามหามึง" เจ้าของร้านตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆ เดินนำไปทางบันได ต้นสอดมือเข้าไปในเอวสอบอีกครั้ง นำคนที่มาด้วยกันเดินตามเจ้าของร้านไป

“แรด”

“อะไรนะ” กีเอี้ยวตัวไปมองหน้าคนข้างตัวเมื่ออีกฝ่ายพึมพำออกมา ด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเขาจึงไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฟาดไปหรือเปล่า เจ้าตัวหันหน้ามามองก่อนที่จะโน้มหน้ามากระซิบที่หู

“บอกว่าแรด กีแรด”

“อะไรเนี้ย อยู่ๆ มาว่าทำไม” กีเริ่มโวยวายพยายามยื้อตัวออกจากวงแขนอีกฝ่าย แต่อีกคนก็ยังยึดไว้แน่น

“แทบจะกินไอ้ภูเข้าไปอยู่แล้ว ยังจะทำเป็นไม่รู้ อยากได้มากเลยหรอ”

“เฮ้ย ไม่ใช่ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“คิดว่าต้นเป็นใคร อย่างต้นนี่จะอ่านไม่ออกหรอว่าสายตาแบบเมื่อกี้ กีกำลังคิดอะไร” คนมากประสบการณ์คาดคั้นอีกฝ่าย นี่มาทำแบบนี้ต่อหน้าต่อตาเขามันไม่เกินไปหน่อยหรอ

หล่อขนาดนี้ยังมีหน้าไปตาเยิ้มกับคนอื่นอีกนะ

“ก็ไหนวันนี้ฟรีวันนึงไง” เมื่อแถต่อไปไม่ได้กีเลยหาข้ออ้างใหม่มาเถียงอีกฝ่ายต่อ คนตัวโตได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นมองคนพูดอย่างถามว่าจะเอาจริงหรอ หน้าตาบึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นความท้าทายก่อนจะยกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งขึ้นมา

“เอางั้นนะ”

ว่าแล้วก็ปล่อยมือออกจากเอวของคนตัวเล็กเมื่อมาถึงโต๊ะ พอหาที่นั่งกันได้ก็กล่าวแนะนำกีให้เพื่อนในโต๊ะรู้จัก ถึงพวกนี้จะไม่ใช่เพื่อนที่เรียนกันมาแต่ก็เป็นเพื่อนที่ถือว่าสนิทไม่น้อย ด้วยเพราะเจอกันตามแวดวงสังคมมาตั้งแต่เด็กๆ คนที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้อย่างพวกเขา ก็มีกันและกันนี่แหละที่ค่อยดูแลกันมาจนถึงทุกวันนี้

นั่งอยู่ไม่นาน กีก็เริ่มคุยอย่างออกรสกับเพื่อนใหม่ในโต๊ะอย่างสนุกสนานเหมือนรู้จักกันมานาน ต้นยกยิ้มมุมปากขณะมองคนตัวเล็ก ไม่ว่ากีจะอยู่ที่ไหนเหมือนกีจะเป็นคนที่คอยทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัวดีขึ้นมาได้ทันที คนตัวเล็กเป็นคนคุยเก่งแต่ไม่ใช่คุยไปเรื่อย เจ้าตัวมักจะสังเกตทุกคนในกลุ่มและคุยในสิ่งที่ทุกคนสนใจร่วมกัน นี่เป็นข้อดีอีกข้อที่เขาชอบในตัวคนนี้

ต้นขมวดคิ้วให้กับตัวเอง เมื่อกี้เขาคิดอะไรนะ

ชะ..ชอบหรอ

“อย่าบอกกูนะว่าพาแฟนมาเปิดตัว” อยู่ๆ เพื่อนที่ใส่เสื้อสีดำที่นั่งตรงข้ามต้นก็ถามขึ้น กียังจำชื่อแต่ละคนไม่ได้เพราะมีหลายคน ดังนั้นสีเสื้อที่หลายหลายจึงช่วยเขาไว้ได้มาก

“ในที่สุด มึงก็จริงจังกับใคร OMG” ผู้หญิงเสื้อชมพูว่าต่อ เธอดูตื่นเต้นและแปลกใจมาก กีเองก็ค่อนข้างจะแปลกใจ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่คบใครเป็นเรื่องเป็นราวแต่การที่เพื่อนแต่ละคนแสดงปฎิกิริยาแบบนี้ออกมา แสดงว่าต้นไม่เคยพาคนที่คบมาเจอเพื่อนเลยหรือไงนะ

“เปล่า เพื่อนที่มอ” คนโดนถามรับแก้วเหล้าจากคนเสิร์ฟ ปากตอบคำถามเพื่อนแต่สายตามองไปที่กียักคิ้วให้อย่างท้าทาย ก็ถ้าอีกคนต้องการจะเล่น เขาก็ขอดูหน่อยว่าใครจะชนะเกมส์นี้

“งั้นอย่างนี้กีก็ว่างสิครับ ดีใจจัง” คราวนี้เป็นภูเจ้าของร้านที่กล่าวขึ้นมาบ้าง เจ้าตัวถามเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็คงต้องตกหลุมรัก คนตรงหน้ากีรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ และก็ใช้มันเป็นซะด้วยสิ แต่ตอนนี้เรดาห์ของกีกำลังทำงานหนักอีกครั้ง ส่งเสียงเตือนดังสนั่นไม่ให้ไปยุ่งกับคนคนนี้ ตากลมเหลือบมองไปข้างกายหวังจะให้อีกคนช่วยให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่พอมองไปกลับต้องอารมณ์เสียกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายกำลังเงยหน้าจนคอชิดขอบเบาะคุยกับผู้หญิงคนนึงที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟา ก้มหน้าลงมาจนจมูกแทบจะชิดกัน ด้วยความโมโหจึงหันหน้ากลับไปตอบหนุ่มเสื้อแดงเสียงดังฟังชัด

“ถ้าวันนี้ก็ว่างอยู่”

“ขออาสาทำให้ไม่ว่างได้ไหมครับ” เสียงโห่เฮดังขึ้นเมื่อเจ้าของร้านว่าแบบนั้น เจ้าตัวขยิบตาให้เขาข้างนึงอย่างมีเลศนัย กีแทบอยากจะตบปากตัวเอง ตอนแรกก็ว่าคนตรงหน้าสเป๊คอยู่หรอกนะ แต่พอพูดออกมาปั๊ป เรดาห์กีก็เริ่มเหวี่ยงไปมาจนแทบจะพังอีกครั้ง ตากระตุกยิ่งกว่าตอนเจอตั้งต้นครั้งแรกเสียเอง รู้เลยว่านายคนนี้มันไม่ธรรมดาแน่ๆ เจ้าชู้ตัวพ่อหน้าม่อตัวแม่ ถึงจะรู้สึกหมั่นไส้อีกคนก็เถอะ ยังไงต้องหาจังหวะคุยกับต้นให้มันช่วยสักหน่อย สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องออกไปให้พ้นจากตรงนี้ให้ได้ คิดแล้วก็ตัดสินใจเอื้อมมือออกไปตั้งใจจะสะกิดคนข้างตัวให้มันมาดูสถานการณ์

"ถ้างั้น...แสดงว่าคืนนี้ต้นก็ว่างสิ" เสียงใสจากผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังคนตัวโตทำให้มือกีชะงักตอนนี้สองแขนเล็กพาดไหล่ต้นจากด้านหลัง หัวซบลงที่ไหล่กว้างของคนที่นั่งอยู่อย่างออดอ้อนจนกีเองก็อดมองตามทุกการกระทำที่ว่าไม่ได้ ต้นยกยิ้มมุมปากขึ้นหนึ่งข้างอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม แววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายถูกส่งมาให้เขาแว๊บนึงก่อนที่จะเงยหน้าไปด้านหลังเพื่อคุยกับอีกคนอีกครั้ง

"อืม คืนนี้ต้นว่างครับ" พอคนตัวโตว่าอย่างนั้นสาวร่างเล็กก็ปล่อยมือออกอ้อมเข้ามาด้านหน้า รวบมือทั้งสองข้างของอีกคนไว้ในมือ

“งั้นมิ้นต์จองนะคืนนี้ ป่ะ ไปเต้นกัน” ว่าแล้วก็กระตุกแขนอีกฝ่ายขึ้นเบาๆ ต้นลอบมองหน้ากีเหมือนรอให้อีกฝ่ายพูดอะไรสักอย่างแต่เมื่ออีกคนได้แต่นั่งนิ่งก็ยอมลุกตามร่างเล็กไปกลางฟลอร์ กีทำได้แค่มองตามอีกฝ่ายเมื่ออีกคนเดินออกไปไกลแล้ว ความสนใจย้อนกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงเบาะที่ยุบตัวลงไป หันไปก็ต้องประจันหน้ากับคนเสื้อแดงที่แทบจะทำให้เรดาห์เขาพัง

มึงหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วไอ้กี

“อยากเต้นบ้างหรอ สักเพลงไหมครับ”

“ไม่อ่ะ เราไม่ค่อยชอบเต้น”

กีรีบเอานิ้วไขว้หลัง ถ้าไอ้ธันมาได้ยินคำตอบเขามันคงหัวเราะก๊าก คนที่ออกลวดลายกันจนร้านแตกมาแล้ววันนี้บอกว่าไม่ชอบเต้นซะงั้น

“ว้า น่าเสียดายจัง ถ้ากีเต้นต้องน่ารักมากแน่เลย” คนตรงหน้าเขายังหยอดคำหวานไม่หยุด กีได้แต่ส่งยิ้มแหยกลับไปแทนคำตอบ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะเขินม้วนกับคำชมแบบนี้ แต่อย่างที่กีบอกเขารู้จักคนแบบนี้มาเยอะ คำพูดพวกนี้ไม่ได้กินเขาหรอก! คิดไปตาก็คอยมองหาคนตัวโตที่ปะปนอยู่กับกลุ่มคนที่เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็จะรีบเข้าไปชวนอีกคนกลับบ้านทันที แต่พอหาเจอก็ต้องเห็นภาพที่ทำให้หงุดหงิดหนักกว่าเดิมซะงั้น ตอนนี้คนตัวโตโอบรอบเอวของสาวร่างบางจากด้านหลัง ใบหน้าคลอเคลียอยู่บริเวณใบหูของอีกฝ่าย คนตัวเล็กก็ยกสองแขนมาโอบรอบคอของคนตัวโต เอวบางสั่นไหวไปตามเสียงจังหวะเพลงที่เร้าใจ กีใจเต้นรัวเร็ว รู้สึกหน้าชาเหมือนเพิ่งโดนตบกลางสี่แยก ตอนนี้ในใจมีภาพของเขาเดินเข้าไปจับแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน ถ้าทำได้ก็อยากจะต่อยหน้าไอ้หน้าม่อเสริมไปอีกที แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ในใจไม่สามารถทำได้ เลยได้แต่นั่งไขว้ห้างกอดอกแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ที่มันพุ่งพล่านให้กลับมาเป็นปกติ

“นี่กีชอบไอ้ต้นหรอ”

กีหันขวับไปมองคนด้านข้างเมื่อได้ยินคำถาม ตอนที่มัวแต่มองต้นเขาแอบลืมคนข้างตัวไปชั่วขณะ ตอนนี้คนตรงหน้ายังมีสีหน้าทีเล่นทีจริงเหมือนเดิม แต่สายตาที่จ้องจับผิดนั้นเป็นของจริงแน่นอน

“เปล่า เอาอะไรมาพูด”

“ก็เห็นมองมันอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่แฟนก็ต้องแอบชอบมันอยู่”

“...”

“หรือว่าจริงๆ แล้วคบกันอยู่ครับ”

“เปล่า ก็บอกว่าเพื่อนกันไง!”

เมื่อโดนซักหนักขึ้น กีก็ตอบกลับกลับไปเสียงแข็งจนคนเสื้อแดงหัวเราะร่า คำตอบขึงขังกับท่างทางฉุนเฉียวของอีกฝ่ายไม่ได้ดูหน้ากลัวแต่น่ารักในสายตาเขา ภูรู้สึกเหมือนไปแหย่แมวแม่ลูกอ่อนแล้วโดนแว้งกัดอย่างไงอย่างงั้น

“โอเคๆ เพื่อนกันก็เพื่อนกัน ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นมากกว่า”

“...”

“ผมไม่เหมือนไอ้ต้นนะ”

เออ ไม่เหมือน มึงมากกว่ามันประมาณพันเท่า!

“จะมานั่งอยู่แบบนี้ เดี๋ยวเบื่อนะ” พูดไปคนตรงหน้าก็ขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้นทุกที เมื่อท่อนขาของเขาทั้งสองสัมผัสกันกีเลยตัดสินใจรีบลุกขึ้น

"เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"

ไม่รอให้อีกฝ่ายว่าอะไร กีก็พุ่งตัวออกไปทางห้องน้ำที่อยู่ในส่วนระเบียงใหญ่ของชั้นวีไอพี เมื่อออกมาถึงระเบียง กีก็สูดอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนเข้าไปเต็มปอด ถึงจะมีคนสองสามคนยืนสูบบุหรี่อยู่มุมหนึ่งของระเบียงแต่ลมทะเลของพัทยาเหนือก็ยังส่งผ่านมาจนกลบไม่ให้เขาได้กลิ่นควันสักนิด ตอนนี้หัวของเขาโล่งขึ้นกว่าเมื่อกี้เยอะ ผ่อนคลายจนไม่อยากกลับเขาไปข้างในเพื่อเจอความอึดอัดใดๆ อีก ขณะลังเลว่าจะทำยังไงดีก็รู้สึกถึงความสั่นไหวในกระเป๋ากางเกง เอื้อมไปหยิบมันออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นสายของเพื่อนสนิทจึงกดรับ

“ว่าไงมึง”

[ทำอะไรอยู่มึง]

“ตอนนี้อยู่ข้างนอก กำลังยืนสูดอากาศพอดีกับที่มึงโทรมาเลย”

[เมาหรือเปล่า มันทำอะไรมึงหรือเปล่า] กียิ้มให้กับตัวเอง คนปลายสายยังเหมือนเดิม ขี้กังวลไม่เปลี่ยน

“กูโอเคดี ว่าแต่มึงเถอะไอ้อิน คุยกับดินหรือยัง”

หลังจากที่กีเจออินกับกิตวันนั้น เขาก็รีบไปหามันหลังจากที่ดูหนังกับต้นเสร็จ คุยกับมันจนรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อินมันขอร้องว่าอย่างเพิ่งเล่าให้ใครฟัง มันจะขอคุยกับดินให้เรียบร้อยก่อน เมื่อมันว่ามาแบบนี้เขาก็เลยได้แต่เก็บเรื่องที่รู้ไว้เงียบๆ แบบนี้ ไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้แต่ต้นคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วยกันวันนั้น

[ยังเลย.. ช่วงนี้ดินยุ่ง แล้วกูก็กำลังเตรียมของขวัญวันเกิดให้ดินด้วย ก็เลยไม่ได้นัดเจอกันเลย]

“แต่มึงก็ควรเล่าให้เขาฟังนะ อย่างน้อยรู้จากปากมึงน่าจะดีที่สุด”

[อือ กูรู้ ยังไงก็ต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง]

“แล้วเป็นไง ของขวัญวันเกิดดิน ถึงไหนแล้ว”

[ก็ไปได้สวยอยู่ ดีนะได้ตัวช่วยดี]

กีหัวเราะให้กับปลายสาย มันพูดเหมือนมั่นใจแต่น้ำเสียงไม่ได้บอกว่าเป็นอย่างนั้นเลย ขี้กังวลไม่มีขอบเขตจริงๆ เลยมัน

“งั้นกูไปแล้วนะ มึงอย่างคิดมากนะ”

[เรื่องไหนที่ไม่ให้กูคิดมาก เรื่องกิต เรื่องดินหรือเรื่องมึง]

“ไอ้เชี่ย..ทุกเรื่องสิว่ะ” กีว่ากลั้วหัวเราะ บอกลากันนิดหน่อยก่อนที่จะกดวางสาย ทอดมองออกไปด้านหน้าก็เจอเพียงทะเลสีดำที่เงียบสงบ

บรรยากาศเหมือนกับวันนั้นเลย

จากวันที่ตัดสินใจคบกันมันก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว ถึงจะดูสั้นแต่การที่เขากับมันเจอกันแทบทุกวันก็ทำให้ความรู้สึกหลายๆ อย่างมันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว กีรู้ตัวนานแล้วว่าตัวเองคิดอะไรเกินเลยกับอีกฝ่ายไปไกลแล้ว ไกลเกินกว่าจะหันหลังเดินออกมาโดยไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เพราะก็รู้ดีว่าปลายทางระหว่างเราจะเป็นยังไง ต้นเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเข้ากับคนง่าย พูดถึงหน้าตาอีกฝ่ายก็เป็นถึงเดือนคณะ แถมยังฐานะทางสังคมที่เพียบพร้อมไปหมด มันไม่แปลกเลยที่เจ้าตัวจะมีตัวเลือกเข้ามาเยอะแยะไปหมด ไม่ต้องมาอ้างว่าเพราะอีกฝ่ายเจ้าชู้ไปวันๆ หรอก ถึงจะเป็นคนรักเดียวใจเดียวยังไงคนแบบนั้นก็ไม่มีทางเลือกเขาอยู่ดี

รู้ทั้งรู้กีก็ยังตัดใจไม่ได้ ที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือพยายามก้าวไปข้างหน้าให้ช้าที่สุด รอวันที่อีกฝ่ายจะเบื่อและเดินออกไปจากเส้นทางเส้นนี้เอง อย่างน้อยยิ่งความรู้สึกมันเพิ่มช้าแค่ไหน ความเจ็บก็คงลดน้อยลงตามด้วยเหมือนกัน..

กีส่ายหัวไปมาพยายามสลัดความคิดในหัวออกไป หวนคิดถึงคนด้านในที่วันนี้คงไม่ได้กลับด้วยกันแล้ว ก็เป็นเพราะเขาเองที่คิดอะไรแพลงๆ ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปกับคนอื่นเอง อาจเป็นเพราะใจแอบอยากรู้ว่าถ้าลองปล่อยไปแบบนี้ อีกฝ่ายจะยังอยู่กับเขาหรือเปล่า จะเป็นฝ่ายหึงหวงออกตัวว่าเราเป็นแฟนกันหรือเปล่า เมื่อคิดถึงตรงนี้กีก็อดที่จะยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้

มึงก็ยังหวังลมๆ แล้งๆ นะกี

เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ล้างมือเสร็จก็สำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง ถึงจะดึกหน่อยแต่คงจะพอหาห้องพักได้อยู่ ไม่งั้นก็คงต้องเหมาแทกซี่กับกรุงเทพฯ คืนนี้เลย ว่าแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำเตรียมเข้าไปบอกลาคนที่มาด้วยกัน

"หายไปนานเลยนะครับ"

กีหันไปตามเสียงทัก เห็นเจ้าของร้านยืนพิงกำแพงแถวหน้าห้องน้ำรออยู่ก่อนแล้ว เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาก็ค่อยๆ ยืดเต็มลำตัวแล้วเดินมาหา

"เป็นอะไรหรือเปล่าเอ่ย หรือว่าไม่สบายตรงไหนครับ"

ไม่ว่าเปล่าคนตรงข้ามถือวิสาสะเอามือมาแตะหน้าผากเขาเหมือนพยายามวัดไข้ ก่อนจะเลื่อนลงลูบไล้ไปมาที่แก้มนุ่มของเขาสองสามที่

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ครับ”

“มะ..ไม่ได้เป็นอะไร แค่ง่วงนอนแล้วเลยว่าจะกลับเลย”

"ง่วงหรือเบื่อกันแน่...ถ้าเบื่อจะพาไปต่อที่อื่นก็ได้นะ" คนตรงหน้าเดินเขยิบเข้ามาใกล้กว่าเดิม โน้มตัวมากระซิบเสียงพร่าริมหู

“แต่ถ้าง่วงจริงๆ ก็พาไปนอนได้นะครับ” คนพูดใช้ปลายจมูกเกลี่ยข้างแก้มจนกีขนลุกไปหมด สมองตื้อจนไม่รู้จะทำไงต่อไป แต่สติก็กลับมาอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายโน้มลงมาจนจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน กียกสองมือขึ้นระหว่างกันออกแรงดันเพื่อจะให้อีกคนออกไป แต่อีกฝ่ายก็ยังฝืนจนกีทำได้แต่หลับตาปี๋เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่กำลังจะประกบกัน

พลั่ก

“มึงจะทำอะไร”

“โอ้ยไอ้เหี้ยต้น ทำอะไรของมึงวะ”

ต้นผลักไหล่เพื่อนสนิทให้ออกห่างจากคนตัวเล็ก สอดตัวเข้ามาระหว่างเขาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว สายตาที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อทำให้ภูงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย

“มึงอย่ามายุ่งกับคนของกู” กีเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างทันควันเมื่อได้ยินประโยคที่อีกฝ่ายเพิ่งเปล่งออกมา อยู่ด้านหลังแบบนี้เขาไม่มีโอกาสเห็นว่าอีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าแบบไหน แต่จากน้ำเสียงจริงจังที่ถูกส่งออกมาเขาคิดว่าคนข้างหน้าคงไม่ได้ล้อเล่น

“คนของมีง?” ภูทวนคำเพื่อนสนิทอย่างไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยิน

“เออ คนของกู ได้ยินชัดแล้วก็อย่าเสือกมาแตะ”

“ไอ้เชี่ย กูไม่รู้ ไหนมึงบอกเพื่อนมึงไง ใครจะรู้ว่านี่ก็เด็กมึง”

“ไม่ใช่!” ต้นตะคอกกลับอีกครั้ง ท่าทางลุกลี้ลุกลนทำให้เพื่อนสนิทฉงนไปอีกรอบ มาดคนคูลที่สาวๆ หลงไหลไม่เหลือแล้ว

“เอ้า ใช่หรือไม่ใช่ กูงง” ภูถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เขารู้จักกับมันมา เป็นครั้งแรกที่มันมีอาการแบบนี้ให้เห็น การที่มันมาทำตาขวางเป็นหมาบ้าแบบนี้ ภูก็พอจะเดาออกได้ว่าคนคนนี้ก็ต้องมีความสำคัญกับมันอยู่ไม่มากก็น้อย

“กีไม่ใช่เด็กกู เขาเป็นแฟนกู!”





******************************

ตั้งต้นนนนนนนน พี่ดินช่วงนี้หายนานเลยยยยย เจ้าของวันเกิดบทน้อย อย่าเพิ่งลืมนางนะ // (^~^) //







ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด