พิมพ์หน้านี้ - 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Maywrite ที่ 18-05-2019 21:24:33

หัวข้อ: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 18-05-2019 21:24:33
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: รักมือสอง/2nd hand love
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 18-05-2019 21:26:10
#รักมือสองอินดิน


“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
“มุกจีบปะเนี่ย”
“เปล่า คุ้นจริงๆ”
“อาจจะจำผมได้ เมื่อกี้ผมขึ้นร้องเพลงบนเวที”
“แฟนเซอร์วิสหรอครับ มานั่งกับคนฟังแบบนี้”
“ก็อยากจะเซอร์วิสจริงๆ นั่นแหละ
เป็นแฟนได้ไหมละครับ”
“เมื่อกี้ที่นั่งด้วย แฟนหรือเปล่าครับ”
“เพิ่งเลิกกันครับ”
“....”
“เพราะผมลืมแฟนเก่าไม่ได้”
“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีแฟน”
“...”
“ใช่ไหมครับ?”
“ครับ เพราะยังชอบแฟนเก่าอยู่ครับ”
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
“...”


*นิยายชายรักชายนะคะ*
ขอฝากเรื่องที่ 2 ด้วยนะคะ ถ้าชอบช่วยเม้นหน่อยนะคะ หรือใครหลงเข้ามา ก็ขอเม้นมาเนอะ อยากรู้จริงๆ ว่าเขียนเป็นยังไง จะได้แก้ไขให้สนุกขึ้นเนอะ
ฝากด้วยจ้าาา
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-05-2019 21:30:20
  :pig2:
:pig4:
 :L2:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 18-05-2019 21:34:03
รักมือสอง 00:00


ในร้านเหล้าแห่งหนึ่งหลังมหาลัย ค่ำๆ แบบนี้บรรยากาศกำลังสบาย เสียงนักร้องพร้อมวงดนตรีที่เล่นสดอยู่บนเวทีเสริมให้บรรยากาศเหมาะกับการนั่งดื่มเหล้าสังสรรค์ไปกับเพื่อนฝูง แต่ในมุมหนึ่งของร้านที่มีชายสองคนนั่งตรงข้ามกันโดยมีโต๊ะเล็กๆ กั้นบรรยากาศรอบตัวคนทั้งสองกลับไม่ได้ดูสบายอย่างที่ควรจะเป็น


“ก็อย่างที่เตบอก เตว่าเราเลิกกันเถอะ”
เตชาหรี่ตาสังเกตอาการคนตรงหน้า รอคำตอบจากปากอีกคนอย่างใจจดใจจ่อ


“ก็..ก็ได้ แล้วแต่เตเลย เรายังไงก็ได้” อินทัชตอบเสียงเรียบ รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง เตไม่ใช่คนแรกสักหน่อยที่มาขอเลิกเขา นับครั้งไม่ถ้วนแล้วจริงๆ


อินทัชเป็นคนผิวขาว รูปร่างเล็ก บวกกับหน้าตาดี จึงมีคนเข้ามาสนใจและขอคบเยอะ ถ้ามันเป็นช่วงที่เขาไม่มีแฟน เขาก็มักจะตอบตกลงกับคนนั้น


ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีด้วยสักหน่อย


แต่ถ้ามีอยู่ อย่างน้อยอินทัชก็ให้เกียรติโดยการไม่คบซ้อน


เตชาก็เป็นหนึ่งในนั้น


ยังจำได้ว่าวันที่เขานั่งอยู่ใต้คณะ อีกคนเดินเข้ามากับกีเพื่อนในกลุ่มของเขา เจ้าตัวเข้ามาขอเบอร์และเมื่อคุยกันไปได้สักพักก็ขอเขาคบ เขาว่างอยู่พอดีก็เลยตกลง


แล้วก็เหมือนคนอื่นๆ วันนี้ก็มาขอเลิก


“อินไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ”


เตชาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนปนน้อยใจ พยายามค้นเข้าไปในดวงตาว่าตอนนี้อีกฝ่ายรู้สึกยังไงกันแน่ ในดวงตาคู่นั้นมีอะไรมากมายแฝงอยู่ ความรู้สึกผิด ความเห็นใจ ความเป็นห่วง แต่เขากลับหาไม่เจอเลยสักนิดกับสิ่งที่เขาพยายามค้นหามาตลอด


ความรัก


เตชาทิ้งตัวเอนหลังกับโซฟา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย


“อินก็บอกเตแต่แรกแล้วนี่เนอะ เตไม่ฟังเอง เรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะเต เริ่มเองก็จบเองใช่ไหม”


“เต เค้าขอโทษนะ” ร่างเล็กเอื้อมมือเล็กมาจับมือเขา สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ชายหนุ่มส่ายหัว


“เตผิดเอง เตคิดว่าเตจะทนได้ เตคิดว่าวันนึงอินจะเปลี่ยนใจ”


อินทัชยังคงนั่งมองคนตรงหน้า ถึงเขาจะไม่ได้ชอบคนตรงหน้าในฐานะคนรัก แต่เตก็ดูแลเขาดีมาตลอดสองเดือนที่คบกัน


“ถ้าเตไม่เกลียดอิน เรายังเป็นเพื่อนกันได้เสมอนะ”


“ก็เป็นซะแบบนี้จะให้เตตัดใจง่ายๆ ได้ยังไง” เตชายิ้มออกมา แต่มันเป็นยิ้มที่นึกสมเพศตัวเองที่สุด


“เตอยากให้อินมีความสุขนะ” เตชาปล่อยมือที่จับกันไว้ วางบนกลุ่มผมนุ่มของอีกคน นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ทำอะไรแบบนี้


“ขอบคุณที่ยอมคบกับเตนะ”


อินทัชยิ้มรับ เป็นอีกครั้งที่การจากลามาเยือน













หลังจากที่เตชาบอกลา อินทัชก็ยังคงนั่งเงียบๆ จิบเหล้าในมือพลางฟังเสียงเพลงที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นดีเจประจำร้านมาเปิดแทนดนตรีสด


ไม่ใช่อินทัชเป็นคนไม่มีหัวใจ ไม่ใช่เขาอยากคบกับใครเล่นๆ ในทุกคนที่ตอบตกลงจะคบกับใครสักคน
เขาก็หวังว่าคนที่เข้ามาจะทำให้เขาลืมความรักเก่าลงไปได้


เตชาจริงจังในแบบของเขาเสมอ เขาก็พยายามเอาใจใส่คนที่คบด้วย เขาไม่รักแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย
เพียงแต่เขาแค่ลืมคนคนนั้นไม่ได้


ไม่เคยมีใครมาแทนที่ได้เลย


ก่อนจะรู้ตัว มือก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา กดเบอร์ที่แม้ไม่ต้องเมมก็จำได้ขึ้นใจ เร็วกว่าความคิด เขากดโทรออกไปแล้ว


[ว่าไงครับเด็กขี้เมา] ปลายสายรับสายด้วยเสียงสบายๆ


“ทำอะไรอยู่ครับ”


[พาเจมาดูหนังครับ กำลังจะเข้าแล้ว มีอะไรหรือเปล่า]


“เปล่า แค่โทรมาเล่นๆ”


[คิดถึงกิตตอนเมาอีกแล้วหรอ] ปลายสายหัวเราะ


“อีกแล้วสิน้า”


[อย่าดื่มเยอะนะ เป็นห่วง]


“ครับ”


[งั้นกิตไปนะ หนังจะเข้าแล้ว แล้วจะโทรหานะ]


“ครับ บายครับ”


อินทัชทิ้งโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เอนหลังพิงโซฟาอย่างหมดแรง แม้ทุกครั้งที่คุยกันอีกฝ่ายจะใจดีด้วยเสมอ แต่ก็ไม่เคยลืมขีดเส้นใต้คำว่าเพื่อนให้ทุกครั้งเหมือนกัน มีแต่เขาเองที่ยังไม่เลิกหวัง


“พาเจมากินข้าว”


“ไปเที่ยวกับครอบครัวเจ”


“วันนี้นอนหอเจ”


แล้วที่บอกจะโทรหา ก็ไม่เคยเลยสักครั้ง


อินทัชโน้มตัวไปยังโต๊ะด้านหน้า อยากจะสะบัดทุกความคิดออกจากหัว ตั้งใจชงเหล้าในมือให้เข้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชงเสร็จก็กระดกรวดเดียวจนหมด หัวใจตอนนี้เต้นเร็วรัว อยากจะโทษว่าเป็นที่แอลกอฮอล์ที่รับเข้าไป ไม่ใช่โทรศัพท์เมื่อครู่


“นั่งด้วยได้ไหมครับ”


เมื่อได้ยินเสียงอินทัชจึงเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเพื่อมองหาต้นเสียง สบตาเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส อินทัชยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเป็นการเชิญ ชายหนุ่มนั่งลงตรงที่ที่เตเคยนั่ง


“สวัสดีครับ ผมดินนะ” อินทัชหรี่ตามองหน้าชายหนุ่มที่ตอนนี้ยิ่งนั่งใกล้กันยิ่งรู้สึกคุ้น


“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” คนมาใหม่หัวเราะเสียงดัง


“มุกจีบปะเนี่ย” อินทัชหลุดยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม


“เปล่า คุ้นจริงๆ”


“อาจจะจำผมได้ เมื่อกี้ผมขึ้นร้องเพลงบนเวที”


อินทัชร้องอ๋อในใจเสียงดัง ใช่นักร้องคนเมื่อกี้จริงๆ ด้วย


“แฟนเซอร์วิสหรอครับ มานั่งกับคนฟังแบบนี้”


บดินทร์วางแขนสองข้างลงบนโต๊ะ โน้มหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ส่งยิ้มเล็กๆ


“ก็อยากจะเซอร์วิสจริงๆ นั่นแหละ เป็นแฟนได้ไหมละครับ”


อินทัชหลุดขำให้กับท่าทางของคนตรงหน้า


ไม่เบาแฮะ


“ตรงดีนะครับ”


“ชอบไหมละครับ”


“...”


“เมื่อกี้ที่นั่งด้วย แฟนหรือเปล่าครับ”


อินทัชถอนหายใจ เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกง่ายๆ แน่


“เพิ่งเลิกกันครับ”


“....”


“เพราะผมลืมแฟนเก่าไม่ได้”


“...”


อีกฝ่ายดูอึ้งไปกับคำตอบของร่างเล็ก ถึงอินทัชไม่ชอบปฎิเสธใคร แต่วันนี้เพิ่งเลิกกับเต บอกไปตรงๆ แบบนี้อีกฝ่ายคงยอมรามือ


“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีแฟน”


“...”


“ใช่ไหมครับ?”


“ครับ เพราะยังชอบแฟนเก่าอยู่ครับ”


“งั้นเป็นแฟนกันนะ”


อินทัชขมวดคิ้วเข้าหากัน พยายามมองเข้าไปในตาคนตรงข้าม


มาไม้ไหนกันเนี้ย


บดินทร์ยิ้มให้กับท่าทีของคนตรงข้าม ก่อนจะแบมือออกมาตรงหน้าอีกฝ่าย อินทัชก้มลงไปมองฝ่ามือสลับกับหน้าเจ้าของอย่างไม่เข้าใจ


“เอาโทรศัพท์มาสิครับ จะเมมเบอร์”




**************


ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
บอกเลยว่าเรื่องแรก (ที่ตอนนี้ใกล้จะจบ) เป็นแรงบันดาลใจให้กับเมย์ในการเขียนนิยายมากเลยคะ ถึงจะมีคนอ่านน้อยมากกกกก เรียกว่าไม่มีเลยดีกว่า (ฮา) แต่มันทำให้เมย์รู้ตัวเลยว่าสนุกกับการเขียนมากแค่ไหน เป็นอะไรที่อยากทำมานานแล้ว พอได้ทำก็มีความสุขจริงๆ คะ


ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมมาได้นะคะ มือใหม่ต้องการกำลังใจคะ :) ))






หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 18-05-2019 21:35:56
รักมือสอง 01:00 คนที่ใช่





เช้าวันต่อมาใต้ตึกคณะบริหาร มีนักศึกษามานั่งเล่นตามโต๊ะไม้ประปรายเพื่อรอเวลาเข้าเรียนคาบแรก อินทัชก็เป็นหนึ่งในนั้น เจ้าตัวกำลังวุ่นอยู่การเล่นโทรศัพท์มือเดียว พร้อมกินแซนวิซไปด้วย ขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับการพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ จู่ๆ ก็มีกระเป๋าฟาดลงมาบนโต๊ะอย่างแรง





ปึ้ง!





“เชี่ยอิน”





“อือฮือ หวัดดีครับเพื่อนกี”





อินยิ้มให้เพื่อนสนิทที่หน้ามุ่ยนั่งลงตรงม้านั่งไม้ยาวฝั่งตรงข้าม รู้เลยว่าต้องมาพูดถึงเรื่องเมื่อคืน





“เมื่อคืนมึงเลิกกับเตหรอ” กีรติพูดเสียงดังจนเหมือนตะโกน





“เอาดีๆ เขาขอเลิกกับกูไหม” อินยังคงทำเสียงกวนอารมณ์อีกคน เช้าๆ แบบนี้ไม่พร้อมจะดราม่าจริงๆ





“ก็เพราะตัวมึงไหมละ เพราะมึงยังลืมไอ้เหี้ยกิตไม่ได้ใช่ไหม” เมื่อได้ฟังคำตอบจากอิน กีก็ยิ่งโมโห เลยถามคำถามที่ไม่ควรจะถามออกไป อินที่ตอนแรกมีท่าทางสบายๆ ตอนนี้หน้าเครียดขึ้นมาทันที





“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง มึงคิดว่ากูอยากเป็นแบบนี้หรอ ก่อนคบกันกูก็บอกเขาชัดเจนแล้วเรื่องกิต กูแค่เปลี่ยนใจไม่ได้”





กีรติมองหน้าอีกฝ่าย รับรู้ว่ามันก็คงไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรเลยกับการบอกเลิกของเตชา รู้ว่าเพื่อนที่สนิทมาตั้งแต่มอปลายก็ไม่ได้มีความสุขกับการที่ยังมีคนเก่าอยู่ในหัวใจ ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ จะโกรธก็โกรธไม่ลง แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้มันเป็นแบบนี้





“แล้วไง บอกกูให้ชื่นใจสิว่าพอมึงเลิกกับเตปุ๊ปก็ตรงกับห้องปั๊ป”





กีถามเสียงอ่อนลงแต่ก็ยังไม่หยุดที่จะประชดประชัน อินมองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา





“บอกกูมา ว่ามึงไม่ได้นั่งแดกเหล้าแล้วก็ โอ๊ะ! ลืมตัวกดโทรไปหาไอ้กิต”





ชายหนุ่มอมยิ้ม เมื่อเห็นเพื่อนสนิททายพฤติกรรมของเขาได้อย่างแม่นยำ





“แล้วก็บอกกุสิ ว่ามึงไม่ได้รู้สึกแย่ลงหลังจากคุยกับมันแล้วแม่งดันเสือกอยู่กับแฟน”





“ไอ้เชี่ยกี” กีหัวเราะกับคำตอบของอิน เสียงดังจนหลายๆ โต๊ะหันมามอง มันดูสะใจมาก เอามือมาขยี้กลุ่มผมของเขาเล่นอย่างมันมือ





“แต่มีหนึ่งอย่างที่มึงไม่รู้” อินพูดแทรกด้วยน้ำเสียงเหนือกว่าจนอีกฝ่ายเงียบลง เงี่ยหูรอฟังเขาว่าต่อ





“กูน่าจะมีแฟนใหม่แล้ววะเมื่อวาน”





“ฮ่ะ ยังไงวะ มึงยังเป็นแฟนกับเตอยู่นะเมื่อวานนี้” กีถามเสียงดังรัวออกมา มากกว่าอาการอี้งมันดูจะโมโหมากกว่า สายตาคู่คมดูจริงจังขึ้นมาทันที





“ก็หลังจากเลิกกัน”





“ได้ไงวะ”





“ชื่อดิน นักร้องร้านล่องลอย”





“ไม่ได้ถามชื่อ แต่เป็นไงมาไง ทำไมเร็วจังวะ”





“ก็เขามาขอคบ”





“โอ๊ยยย ไอ้อิน” กีเอาสองมือขยี้หัวตัวเอง ก่อนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเคร่งเครียดกว่าเดิม





“กูรู้ว่ามึงยังทำใจไม่ได้เรื่องไอ้เหี้ยกิต” กีไม่ลืมใส่คำนำหน้าให้แฟนเก่าเพื่อนเสมอ





“กูก็เลยไม่เคยว่าอะไรมึง ที่มึงตอบตกลงคบกับคนนั้นที คนนี้ที แต่นี้มันปีนึงแล้วนะมึง มึงก็รู้ว่ามันไม่เวิร์ค มึงไม่สงสารคนที่เขาเข้ามาหามึงบ้างหรอ”





“กูไม่เคยไปชักชวนใครเข้ามา เขาก็เข้ามาหากูกันเองไหม เวลาอยากไปกูก็ไม่เคยรั้งไว้” อินสวนคำเพื่อน





“เฮ้ย ไม่ใช่ไหมมึง ถ้ามึงยอมคบกับเขา เขาก็จะคิดว่าสักวันมึงจะรักเขาป่าววะ”





“แล้วมึงจะให้กูทำไง ให้กูอยู่คนเดียวไปแบบนี้หรอ”





“เปล่า แต่ไม่ใช่ว่ามึงจะคบกับใครเพื่อลืมมัน แต่มึงต้องลืมมันก่อนถึงค่อยไปตกลงกับใคร”





“....”





“มึงอย่าลืมว่าไม่ใช่แค่มึงที่มีหัวใจ”





“....”





“มึงควรจะรู้ดีที่สุดสิ ว่าคนที่โดนให้ความหวังลมๆ แล้งๆ มันเจ็บแค่ไหน”





อินทัชนิ่งไปเพราะคำพูดของเพื่อนสนิทมันแทงใจดำเขามากที่สุด เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน เขาแค่อยากให้โอกาสตัวเองในการเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น อยากเอาความรักของคนอื่นมาแทนที่ใครอีกคนก็เท่านั้น





แต่บางทีเขาก็ลืมคิดไปว่าหัวใจของอีกฝ่ายก็สำคัญเหมือนกัน





เขาเห็นแก่ตัวเกินไป เขาก็ทำเหมือนๆ กับที่กิตทำ ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ แล้วก็ทำร้ายมัน เขาไม่ควรปล่อยให้ใครเข้ามาในชีวิต ถ้าเขายังไม่พร้อมจะรักและดูแล ไม่ใช่แค่มานั่งเอ่ยขอโทษเมื่อทำทุกอย่างพังไปเองกับมือแบบทุกครั้ง





“กูขอโทษ” อินพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก กีหัวเราะพร้อมกับตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ





“มึงจะมาขอโทษกูทำไม มึงก็รู้ว่ากูก็แค่อยากให้มึงมีความสุข มึงอยากคบใครกูจะไม่ว่าอะไรเลย แต่คือมึงต้องชอบเขาจริงๆ ได้ไหม”





“อืม ขอบใจวะ”





“แล้วมึงก็ไปคุยกับไอ้ดินอะไรนี้ซะ ตกลงมึงจะคบหรอ”





อินส่ายหน้า “เดี๋ยววันนี้กูไปคุย เขาไลน์มาชวนกูไปฟังเพลงที่ร้านพอดี มึงไปกับกูนะ”





“เออๆ ไปดิ แต่คือเจอกันปุ๊ปขอเป็นแฟนปั๊ปนี่ก็เร็วเกินนะ”





“เออ กูก็ว่าเขาก็คงไม่ได้จริงจังหรอก แต่ยังไงก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง”





ตอนนี้อินทัชไม่อยากคุยหรือคบกับใครอีกแล้ว กีพูดถูกทุกอย่าง เขาไม่อยากให้ความหวังใคร เขาต้องไปปฎิเสธอีกฝ่ายให้ชัดเจน ดูแล้วก็ไม่น่าจะยากหรอก อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนที่ดูจริงจังอะไร





หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 18-05-2019 22:01:53
ติดตามค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 18-05-2019 22:44:07
อยากรู้ว่าอินกับกิตทำไม่ถึงเลิกกัน
แต่เพื่อนอินเรียกไอ้เหี้ยกิต
คงเลิกแบบไม่ค่อยดี แต่้ถ้ากิตเหี้ยจริง
ทำไม่อินยังตัดใจไม่ได้
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-05-2019 22:54:23
ตืดตามครับผม,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 18-05-2019 23:04:49
รักมือสอง 01:00 (ต่อ)


เพราะวันนี้วันศุกร์ภายในร้านเหล้าตอนนี้จึงเริ่มมีคนคับคั่งกว่าเมื่อวานเยอะ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาที่มาปลดปล่อยความเครียดจากการเรียนมาทั้งสัปดาห์ทั้งนั้น


“คนไหนอะ” กีชี้ไปที่เวที ที่ตอนนี้มีนักร้องกับมือกีต้าร์นั่งอยู่กลางเวที รอบเวทีรายล้อมไปด้วยสาวๆ หลายคนที่ยืนฟังเพลงพร้อมโทรศัพท์ในมือ ตั้งใจเก็บภาพคนบนเวทีอย่างจริงจัง


“ดินคนที่ร้องนำอยู่”


“ฮือ หน้าตาโครตหล่อ มึงแน่ใจนะว่าเขาขอมึงเป็นแฟน”


“กูถึงบอกว่าเขาไม่ได้จริงจังหรอก”


อินทัชไม่ได้สนใจคนบนเวทีสักเท่าไหร่ เขานั่งจ้องมือถือที่ตอนนี้มีข้อความจากคนที่โทรหาเมื่อคืนส่งมาอย่างไม่เชื่อสายตา นานเท่าไหร่แล้วนะที่คนคนนั้นไม่ส่งข้อความมาหาเขาก่อน


Kitti: หายเมาแล้วยังครับ :)
Intouch: หายแล้วครับ :) ขอโทษนะ อินโทรไปกวนหรือเปล่าเมื่อคืน
Kitti: เปล่าครับ บอกแล้วไง โทรมาได้ตลอดเลยนะ
Intouch: เมื่อวานหนังสนุกไหม
Kitti: ก็ดีครับ ทำไรอยู่เอ่ย
Intouch: ก็มาร้านล่องลอยครับ
Kitti: อีกแล้ว เป็นห่วงนะครับ ไม่อยากให้กินเหล้าบ่อยๆ
Intouch: ไม่บ่อยหรอกครับ วันนี้เพื่อนชวนมาฟังร้องเพลงเฉยๆ
Kitti: จะรอโทรศัพท์คนเมาแล้วกัน :)
Intouch: ไม่โทรไปกวนหรอกครับวันนี้ ไม่กินเยอะแน่นอน
Kitti: ง่ะ นี่ถ้าไม่เมาไม่คิดจะคิดถึงกิตเลยหรอครับ




อินกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างลืมตัว เขาไม่รู้จะตอบคำถามอีกฝ่ายยังไง เพราะจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาเมาแล้วเผลอโทรหาอีกฝ่าย ใครดูก็รู้ว่ามันแค่ข้ออ้าง เขาคิดถึงอีกฝ่ายตลอดเวลานั้นแหละ แต่เขาจะโทรไปได้ยังไง


จะโทรไปในฐานะอะไร


“ขี้อ่อยฉิบหาย” อินเงยหน้าขึ้น เห็นเพื่อนสนิทนั่งจ้องข้อความที่เขาคุยกับกิตไม่วางตา เบ้ปากลงแสดงความไม่พอใจชัดเจน


“กูไม่รู้จะสงสารมึงหรือแฟนมันดี” กีว่าต่อ ถึงจะโดนอินมองตาขวาง แต่ก็ต้องเตือนสติมัน อยากให้มันเลิกจมปลักกับผู้ชายเหี้ยๆ แบบนั้นสักที


“อะไรมึง เขาไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้เป็นเพื่อนกันมึง”


“ก็รู้ทั้งรู้ว่ามึงยังตัดใจไม่ได้ ยังจะให้ความหวัง”


อินไม่พูดอะไร วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก้มหน้าชงเหล้าให้เพื่อนสนิท พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยให้บรรยากาศดีขึ้นทั้งที่ในหัวเองก็ตั้งคำถาม ทำไมอยู่ๆ ถึงส่งข้อความแบบนี้มาหา ทั้งๆ ที่ตลอดหนึ่งปีที่เลิกกันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เขาคิดถึง กลุ้ม เมา ทำใจกล้าแล้วโทรหา แต่อีกฝ่ายก็แค่พูดดีด้วยด้วย พูดเหมือนห่วงใย แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะโทรกลับหรือส่งข้อความมาก่อน


แล้วจะมาห่วงอะไรกันตอนนี้


“มาแล้วหรอครับ” อินเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดียวกับที่เรียกเขาเมื่อวาน สบตาเข้ากับผู้ชายตัวโตที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสคนเดิม ไม่ทันได้ชวนอีกฝ่ายก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม


“นี่กีเพื่อนเรา” อินแนะนำคนข้างตัว ดินหันไปยิ้มทักทายอีกคน คนโดนยิ้มใส่ก็ทักทายกลับ สำรวจอีกฝ่ายจากหัวจรดเท้า อินอมยิ้มให้กับท่าทางของเพื่อนสนิท แอบสงสารอีกคน ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง


“ทำงานที่นี่ประจำหรอหรืองานพิเศษ” กีถามออกมา


“งานพิเศษครับ เราเรียนดุริยางค์ศิลป์ปีสอง บอกไปแล้วนะเมื่อวาน”


ประโยคหลังคนพูดหันหน้ามาทางอิน แกล้งส่งสายตาหงุดหงิดว่าทำไมเขาจำไม่ได้


อินจำไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ก็เมื่อวานเรื่องมันเยอะแยะไปหมด หลังคุยโทรศัพท์กับอีกคน ก็แทบจะไม่มีสติเหลือแล้ว ให้เบอร์คนตรงหน้าไปตอนไหนยังไม่แน่ใจเลย




“มาทันดูดินร้องไหมครับ” เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร อีกฝ่ายจึงว่าต่อ อินอมยิ้มให้กับคำแทนตัวน่ารักของอีกคน


“มาทันสิ แต่เห็นสาวล้อมเต็มไปหมด เลยนึกว่าลืมนัดไปแล้วซะอีก” เขาอดแซวนักร้องหนุ่มไม่ได้ เจ้าชู้ตาหวานขนาดนี้ สาวคงหลงกันเยอะ




“จะลืมได้ไงชวนมาเองแท้ๆ หึงหรือครับ”




อีกฝ่ายเมื่อได้ยินเขาพูด ก็ยิ้มแก้มปริ เป็นผู้ชายที่ยิ้มแล้วมีเสนห์จริงๆ อินส่ายหน้าไปมา แค่ปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว ถ้ามีเรื่องคนเจ้าชู้นี้มาอีกคงไม่ไหวแน่ ยังไงวันนี้ก็ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่อง


“เอ้า ไอ้ต้น” ดินหันหลังไปมองเมื่อรู้สึกว่ามีมือมาตบบ่าเบาๆ เจอเพื่อนตัวดีที่เป็นทั้งรูมเมทและมือกีต้าร์คู่ใจยืนส่งยิ้มมาให้ จึงตบเบาะชวนนั่ง


“นี่อินที่เล่าให้ฟังเมื่อวาน แล้วก็กีเพื่อนอิน” คนมาใหม่นั่งลงพร้อมกับที่ดินเริ่มแนะนำคนในโต๊ะ


“นี่ต้น เมทดินนะครับ”


“คนที่เล่นกีต้าร์เมื่อกี้” กีพูดขึ้น


“ครับ เพราะไหมเอ่ย” ต้นหันไปขยิบตา ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้คนถามทันที


“ไม่ได้ตั้งใจฟัง” กีตอบกลับอย่างรวดเร็ว เกลียดพวกกระล่อนแบบนี้ที่สุด


“โอ๊ะ เสียใจจังเลย” อีกฝ่ายแกล้งทำหน้าเศร้าทันที


“งั้นวันหลังต้องลากไปนั่งหน้าเวทีแล้ว” คนมาใหม่ยังพูดไม่หยุด เอาข้อศอกทั้งสองข้างวางบนโต๊ะทิ้งคางลงบนมืออีกที พูดไปสองตาก็จ้องคนตรงหน้าไม่วางตา


“ดีจังนะครับ เพื่อนกันก็เจ้าชู้เหมือนกันเลย” กียิ้มยื่นหน้าไปใกล้กับโต๊ะทำให้ตอนนี้จมูกแทบจะชนกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว


อีกฝ่ายหัวเราะออกมาแต่ดินรีบหันไปตบบ่าเพื่อนตัวเองเบาๆ


“มึงพอเลย เดี๋ยวอินเข้าใจกูผิด”


“เราว่ากีก็พูดถูกนะ” อินหัวเราะพร้อมยกมือขึ้นแปะกับกีที่รออยู่แล้ว ทั้งสี่คนนั่งคุยตอบโต้กันหรือจะเลือกว่ากัดกันไปมาก็ได้ เสียงหัวเราะดังโดนกลบด้วยเสียงเพลงที่เริ่มมีจังหวะเร็วขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลยไป อินตัดสินใจไม่พูดถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ นานแล้วที่เขาอยู่แต่กับตัวเองคนเดียว จมกับความเศร้า และไม่ได้สนุกสนานกับเพื่อนใหม่แบบนี้ อย่างน้อยขอแค่ตอนนี้ที่จะลืมเรื่องของคนในมือถือไปก่อน


พอใกล้จะเที่ยงคืนกีก็ขอกลับก่อนเพราะว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่หอพัก ตื้ออยู่นานกว่าเจ้าตัวจะยอมให้ต้นไปส่ง ส่วนดินก็อาสาเดินมาส่งอินที่หอ ซึ่งปรากฎว่าอยู่ตึกใกล้กับหอเจ้าตัวแค่ไม่กี่บล็อก ระหว่างทางกลับหอโทรศัพท์มือถือของอินดังขึ้น เอามาดูก็เห็นว่าเป็นสายของคนที่ส่งข้อความมาก่อนหน้านี้ อินตัดสินใจยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกง หยุดสองเท้าลง มองแผ่นหลังของคนที่ข้างหน้า


“ดิน” อีกฝ่ายที่เดินนำอยู่หยุดเดินและหันหลังกลับมามอง อินจ้องหน้าอีกคน ถึงวันนี้จะสนุกด้วยกันยังไง แต่กีพูดถูก การไปให้ความหวังคนอื้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี


เขารู้ดีที่สุด


“เรื่องที่เราบอกเมื่อวานเราจริงจังนะ”


“ดินก็จริงจัง” ดินยิ้มตอบกลับแทบจะทันที ทำให้อินถอนหายใจเสียงดังอย่างเหนื่อยใจ


“ไม่ใช่ คือเราลืมแฟนเก่าไม่ได้ เราคงคบกับดินไม่ได้หรอกนะ ขอโทษที”


อีกฝ่ายนิ่งเหมือนกำลังคิดตาม มันก็ไม่มีอะไรให้ผูกพันธ์กันสักหน่อย ถึงจะรู้สึกดีที่อยู่ด้วยกัน แต่เขาต้องชัดเจน


“รู้ได้ไงว่าจะไม่เปลี่ยนใจ” อีกฝ่ายถามขึ้น


“เคยลองคบกับคนอื่นมาหลายคนแล้ว แต่ก็ไม่เคยลืมได้เลย”


“ไม่อยากให้ความหวังใคร เราไม่อยากให้ใครมาเสียเวลากับเราอีกแล้ว” อินว่าต่อ


อินรู้สึกว่าตัวเองชัดเจนที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว อีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาใกล้ จนหน้าของเขาแทบชิดกับอกของคนตัวโตอยู่แล้ว เมื่ออยู่ในระยะประชิดแบบนี้อินจึงจำเป็นต้องแหงนหน้ามองเพื่อให้เห็นหน้า


จุ๊บ!


ดินก้มลงมาแนบริมฝีปากลงเบาๆ บนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อินตาโตแล้วรีบผลักคนตรงหน้าออก


“ทะ..ทำอะไรน่ะ” อินเอามือแตะปากตัวเอง ยังอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หาย ไม่รู้จะโกรธหรืออายหรืออะไรดี มองร่างโตที่เอาแต่ยิ้มหวานส่งมาให้และตอนนี้ก็เดินมาประชิดตัวอีกครั้ง


“ดินไม่เชื่อหรอกนะ ว่าจะเปลี่ยนใจไม่ได้”


อินเงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายอีกครั้ง


“พอเถอะนะ อย่าทำให้เราลำบากใจเลย”


“ดินไม่เชื่อหรอกว่าความรักเก่ามันดีจนลืมไม่ลง”


อินนิ่วหน้ามองคนตรงหน้า ใจเต้นรัวกับคำพูดของอีกฝ่าย ไม่ทันตั้งตัวร่างโตที่พูดไม่หยุดโน้มหน้าลงมาอีกครั้งจนตอนนี้แทบจะจมูกชนกันอยู่แล้ว


“แค่อินยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก”


คนตัวโตโน้มหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม ลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายกระทบหน้าเขา ตอนนี้ปากของทั้งคู่ใกล้กันจนอินเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว


“แค่อินเพิ่งเจอดินต่างหาก”


ไม่พูดเปล่าคนตัวโตก้มเอาริมฝีปากมาแนบกับปากเขาอีกครั้ง แต่มันไม่ได้เบาและเร็วแบบครั้งแรก ปากอีกฝ่ายทั้งงับทั้งดูดจนตัวแทบลอย คนตัวโตใช้ลิ้นร้อนดุนเข้ามาจนต้องเผยอปากรับ ตอนนี้อินทำอะไรไม่ถูก ได้แค่ขยุ้มเสื้อของคนตรงหน้าแน่นและปล่อยให้เจ้าของเสื้อทำตามใจ ไม่มีเวลาประมวลผลว่าที่อินพูดมามันจริงหรือเปล่า เขาจะลบอีกคนออกไปจากใจได้จริงไหม ตอนนี้เขารู้แต่เพียงว่า


เขาไม่ได้สนใจเสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องในกระเป๋ากางเกงเลยสักนิดเดียว


*********




พ่อคนหล่ออออออออออ พ่อมั่นหน้า เขียนไปแอบหมั่นไส้พระเอกไปอีก 555555





หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-05-2019 23:11:40
แบบว่า จริงจังมาก,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 18-05-2019 23:31:15
แบบว่า จริงจังมาก,,,

มือใหม่ไฟแรงเนาะะ 555 :katai4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 18-05-2019 23:40:05
ดินน่ารัก~
กิตทำแบบนี้ เจไม่รู้ ไม่สงสัยเหรอ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Panza ที่ 19-05-2019 12:21:31
ดินงานดีนะครับ เจ้าชู้กรุ้มกริ่มแน่นอน


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 19-05-2019 14:38:48
ดินร้ายยย รุกเร็วมากกกก

เขียนได้ดีค่ะ บทบรรยายหรือการเปรียบเปรยอาจจะยังไม่ลึกซึ้งกระแทกใจจังๆ แต่อ่านง่าย กระชับไหลลื่นดีค่ะ ถ้าพล๊อตดี แมคเซ้น คาแรคเตอร์ชัด มีความโดดเด่นในตัวเองก็เอาอยู่แล้วค่ะ เราชอบที่คนเขียนคิดบวก มีความสุขและสนุกที่จะเขียนค่อยๆพัฒนาต่อไปนะคะ จะติดตามเเละเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 19-05-2019 15:33:26
พออินมีแฟนใหม่ กิตก็กลับมาหวงก้าง
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanni ที่ 19-05-2019 17:09:14
รอลุ้นกับรักใหมา
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (02:00 ไม่ใช่แฟน)
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 20-05-2019 13:24:56
02:00 ไม่ใช่แฟน

“งั้นตกลงว่าพวกมึงเป็นแฟนกันแล้ว”
กียิ้มกรุ่มกริ่ม ตาเล็กๆของมันยิ้มจนแทบจะปิด อินกุมขมับอย่างหนักใจไม่รู้ว่าคิดดีหรือเปล่าที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้มันฟัง
“เปล่า ตกลงว่าจะลองคุยกันเฉยๆ”
“ก็นั่นแหละ มึงเป็นดาราหรอ แค่นี้เขาก็เรียกว่าแฟนแล้วไหมมึง”
“ไหนมึงบอกเอง ว่าไม่ให้คบกับใครถ้ากูยังลืมกิตไม่ได้”
“อือฮือ แต่ถ้าจะจูบกันซะตัวลอยขนาดนั้น มึงก็คบๆกันไปเถอะ”
“ไอ้เชี่ยกี”อินมองตาขวาง แต่โดนเรียกชื่อนี้ทีไรแทนที่จะกลัว กีอดขำเสียงดังไม่ได้ทุกที ก็ทำหน้ามุ่ยซะน่ารักขนาดนั้น จะเอาอะไรมากลัว
“ทำไมหรือไม่จริง”
“ก็ยังไม่ใช่แฟนมึง..”

เมื่อคืนหลังจากที่โดนจูบรอบที่สอง อินก็ไม่มีกระจิตกระใจไปบอกให้อีกฝ่ายตัดใจหรือเอาจริงๆไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้น เดินเงียบตามหลังอีกฝ่ายที่จูงมือนำไปตลอดทาง พอถึงหอพักก็ยืนมองอีกฝ่ายเอ๋อๆไม่ยอมบอกลาซักที จนคนตัวโตขู่ว่าจะจูบอีกรอบจึงรีบบอกลาแล้วเดินขึ้นห้องไป

พออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็เหมือนสติที่หลุดลอยจะค่อยๆทยอยกลับมา ทั้งๆที่เพิ่งโดนขโมยจูบไปสดๆร้อนๆ เรื่องแรกที่กลับมาในหัวกลับไม่ใช่เรื่องนั้น แต่กลายเป็นเรื่องของสายโทรศัพท์สองสายที่ไม่ได้รับ อินนั่งลงเช็ดผมบนเตียงหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา ยิ่งพอเข้าไปในไลน์ก็เห็นข้อความที่ยังไม่ได้อ่านที่อีกฝ่ายส่งมา

Kitti: หายไปเลยนะครับ
Kitti: อย่ากินเยอะนะ เป็นห่วงน้า
Kitti: หมูอินเมาหลับไปแล้วหรือเปล่า โทรไปก็ไม่รับ (><)

สายตากว้านอ่านประโยคที่อีกฝ่ายส่งมาในช่วงเวลาต่างกัน จนมาสะดุดกับคำสั้นๆ
หมูอิน?
นี่เขาเกือบจะลืมชื่อนี้ไปแล้วนะ
ตั้งแต่เลิกกันไปอีกฝ่ายก็ไม่เคยใช้ชื่อนี้กับเขาอีกเลย
กูกำลังอยู่ในฝันหรืออะไรเนี่ย
อินทัชปิดหน้าจอโทรศัพท์ลง ตัดสินใจขว้างมือถือเบาๆลงบนเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนเอามือนึงก่ายหน้าผาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะฤทธิ์เหล้า จูบ หรือข้อความในมือถือที่ทำให้ตอนนี้ปวดหัวไปหมดแล้ว
จะกลับมาหรอ?
ทั้งๆที่เขาควรดีใจไม่ใช่หรอ ที่คนที่เขาคอยแต่คิดถึงแสดงความห่วงใยออกมา แสดงสัญญาณที่เขาแน่ใจว่ามันคือสัญญาณของการกลับมา
มันเป็นสิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรอ?
ไม่อย่างนั้นเขาจะรออะไร?
ถ้าไม่รอทำไมถึงไม่ยอมลืมคนคนนี้สักที?
ไม่ใช่เพราะเขายังหวัง ยังอยากให้อีกคนกลับมาหรอ?
แต่ทำไมตอนนี้แทนที่ความดีใจถึงมีแต่ความสับสนเต็มไปหมด และมากกว่าความสับสน
เขากลัว กลัวจะกลับไปที่เดิม ที่ๆเดินออกมาได้ตั้งไกลแล้ว
อินทัชหัวเราะในลำคอ
แค่ข้อความไม่กี่บรรทัดก็ทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้
 ผู้ชายคนนี้ยังมีอิทธิพลกับเขาเสมอ

Rrrrrrrrrrrrrrrr
อินเด้งขึ้นนั่งบนเตียงหลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กลัวว่าจะเป็นคนที่อยู่ในหัว แต่เมื่อพลิกโทรศัพท์ดูเขากลับเจอชื่อผู้ชายอีกคนที่เพิ่งแยกกันมา
นี่ก็อีกปัญหานึง แต่เป็นปัญหาที่เขาน่าจะจัดการได้
อินคิดอย่างนั้นน่ะนะ

[ถึงหอแล้วครับ]
“ทำไมเพิ่งถึง ใกล้นิดเดียว”
อินตอบกลับเมื่อมองดูเวลา ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่แยกกัน
[กลับมาแล้วอาบน้ำก่อนถึงค่อยโทรหาครับ ดินว่าจะโทรมาบอกฝันดีสักหน่อย]
“งั้นก็ฝันดีครับ”
อินอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะออกมาเสียงดัง
[โธ่ จะนอนเลยหรอครับ เขาไว้พูดตอนวางไหม]
เสียงบ่นปนหัวเราะยังดังมาตามสาย
“...”
[อ่ะๆ โอเคครับ งั้นดินวางแล้วไม่กวนแล้วก็ได้]
“เปล่าครับ ยังไม่ง่วงเลย คุยได้นะ”
[งั้นคุยกันแปปนึงเนอะ เดี๋ยวปล่อยเด็กน้อยเข้านอนนะ]
“ไม่ใช่เด็กนะ ก็อยู่ปีสองเหมือนกัน”
[โอเคๆ ไม่เด็กก็ไม่เด็กแล้วทำอะไรอยู่เอ่ย]
“ก็ไม่ได้ทำอะไร ที่จริงกำลังหาอะไรทำอยู่เลย นอนไม่หลับเลย”
[ปกตินอนไม่ค่อยหลับหรอครับ]
“ก็ไม่นะ แต่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ”
[อย่าคิดมากน้า]
“...”
[ดินทำให้ลำบากใจอะไรหรือเปล่าครับ]
อีกฝ่ายถามมาด้วยความเป็นห่วง อินจึงรีบบอกปัด
“เปล่า ไม่ใช่เพราะดินหรอกครับ”
[โธ่ เราก็นึกว่าคิดถึงดินจนนอนไม่หลับซะอีก]
“ง่ะ..”
[เสียเซลฟ์เลยนะ จูบไปขนาดนั้นไม่เอาดินกลับไปคิดเลยได้ไง]
“ไม่ใช่แล้วไหม” อินหัวเราะออกมา รู้เลยว่าคนในสายพยายามทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
“ดิน”
[ครับ] อีกฝ่ายเสียงหนักแน่นขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เราพูดจริงๆนะ เราไม่พร้อมจะคบกับใคร”
[แต่ดินก็บอกแล้วไง..]
“ฟังเราก่อนนะ” อินรีบแทรกขึ้นก่อนอีกฝ่ายจะว่าต่อ เมื่อเห็นว่าดินเงียบไป เขาจึงว่าต่อ
“ที่เราคุยกับดินแบบนี้เรารู้สึกดีจริงๆนะ แต่มันก็ดีแค่กับเรา เราให้ในสิ่งที่ดินหวังไม่ได้ เรามีเรื่อง’คนอื่น’อยู่ในใจเราตอนนี้ เราไม่อยากขี้โกง”
ไม่มีใครมาเป็นเขาคงไม่เข้าใจ ถ้าเขายังมีกิตวนเวียนอยู่ในหัวใจเขา เขาจะมองใครได้ บางทีจิตใจคนเราถ้ามันควบคุมได้ง่ายๆ สั่งกดลบหรือกดเปลี่ยนได้อย่างที่คิด เขาก็พร้อมที่จะเริ่มต้นกับคนใหม่เหมือนกัน แต่เมื่อมันไม่ใช่เขาก็ไม่ควรเอาใครเข้ามาถ้ายังไม่พร้อมจะให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายคาดหวัง
ทั้งคู่ถือโทรศัพท์เงียบไปสักพัก จนอินเอาโทรศัพท์ออกจากหูมาดูเมื่อเห็นเลขวินาทียังเดินอยู่จึงแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้วางสาย

ถึงเขาจะรู้จักดินได้แค่สองวันแต่มันก็เป็นสองวันที่ทำให้เขายิ้มได้ อาจจะมากกว่าแฟนทุกคนที่คบหลังจากกิตรวมกัน ดินเป็นผู้ชายมีเสน่ห์อยู่ใกล้ใครก็พลอยจะทำให้คนนั้นยิ้มและหัวเราะตามได้ ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่อยากให้ผู้ชายน่ารักๆแบบนี้มาเสียเวลากับเขา
[เฮ้อ ไม่คบก็ไม่คบ]
อินเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง บทจะง่ายก็ง่ายแฮะ
[แต่ว่าจะจีบ ได้ไหมล่ะ]
“ห๊ะ?”
[ก็ไม่ใช่แฟนไง แต่จะจีบ ไม่ได้หรอครับ ถ้าอินลืมได้ ไม่ใช่สิ ถ้าดินทำให้อินลืมได้จริงๆค่อยคบกันก็ได้]
“ก็...” ก็ได้หรือเปล่านะ..
[ดินว่าดินพูดชัดแล้วนะ]
“...”
[อินเพิ่งเจอดิน จะรู้ได้ไงว่าเป็นเหมือนที่ผ่านมา]
“...”
[อย่างงี้ก็ไม่แฟร์กับดินป่าว ไม่ยอมนะ ไหนไม่อยากขี้โกง]
อินหลุดขำออกมา ทั้งที่คุยกันเรื่องเครียดกันอยู่ แต่น้ำเสียงงอแงเป็นเด็กๆก็ทำให้อดขำไม่ได้จริงๆ
“โอเคๆ เข้าใจแล้วครับ”
ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกผู้ชายตรงหน้าทำให้อารมณ์เขาขึ้นลงไม่หยุด จนตอนนี้อินไม่รู้แล้วว่ารู้สึกยังไงกันแน่ ได้แต่ตามน้ำคนที่พูดไม่หยุดอยู่ในโทรศัพท์ คนปลายสายเป็นคนคุยสนุกจริงๆ ไม่รู้ว่าคุยกันเรื่องอะไรไปบ้าง พอมองเวลาอีกทีก็เกือบจะตีสี่แล้ว และพรุ่งนี้เขามีนัดทำรายงานกับเพื่อนที่คณะเก้าโมงเช้า เขาเลยขอตัวอีกฝ่ายวางโทรศัพท์ หัวถึงหมอนปุ๊ปอินก็หลับลึกทันที ไม่ทันไรก็ต้องลุกขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงนาฬิกาปลุก รู้สึกมึนหัวเหมือนไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ
ตกลงกิตโทรมาหรอ?
หรือส่งข้อความกลับไปหรือยัง?
แล้วตกลงคบกับดินไปแล้วหรอ?
แทบจะแยกไม่ออกแล้วว่าเมื่อคืนเรื่องไหนเรื่องจริงเรื่องไหนฝันไปกันแน่
ไม่มมีเวลาคิดอินกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากหอพัก เพราะใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว นี่ถ้ามีแต่ไอ้กีก็ไม่รีบแบบนี้หรอก แต่เขาก็นัดกับอาจารย์ที่ปรึกษาตอนสิบโมงด้วย จึงต้องรีบไปให้เร็วที่สุด แต่พอออกมาหน้าหอกลับต้องชะงักเพราะเจอคนที่เพิ่งวางโทรศัพท์กันไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั่งอยู่บนม้านั่งตรงทางเข้า

“มาได้ไงเนี้ย”
“ก็มารับอินไง ไหนวันนี้จะเข้าคณะ”
อินทำหน้าไม่ถูก ยิ้มแห้งๆแล้วเดินตามคนร่างโตไปที่รถญี่ปุ่นสีขาวที่จอดอยู่หน้าหอ เปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับคาดเข็มขัดเรียบร้อย
“กินข้าวเช้ายังครับ” เจ้าของรถกล่าวพร้อมยื่นแซนวิสทูน่าให้
“ขอบใจนะ” อินรับแซนวิซมา แอบนึกอึ้งกับความบังเอิญที่เป็นแบบที่ตัวเองกินประจำ
“อ่ะ น้ำ” อีกฝ่ายยื่นขวดน้ำเปล่าให้เขา พร้อมกับสตาร์ทออกรถ
“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ”
อินว่าขึ้น รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายจริงๆ
“ขนาดไหนอะครับ”
“ก็ได้นอนหรือยังเนี้ย วันนี้ไม่มีเรียนแท้ๆ”
“ก็นอนพร้อมกัน อินตื่นได้ดินก็ตื่นได้”
คนขับรถยิ้มแป้นพร้อมตอบกลับ
“เกรงใจ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ได้ไงครับ ก็บอกว่าจะจีบ อนุญาตแล้วด้วย”
พอโดนพูดใส่แบบนี้ก็พูดอะไรไม่ออก พูดอะไรไปก็มีคำตอบพร้อมกลับมาทุกที ก็เลยนั่งกินแซนวิซเงียบๆไม่ได้ว่าอะไรกลับไป

งั้นเรื่องเมื่อคืนที่ตกลงคุยกัน สรุปไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย

พอเข้าคณะมาเจอไอ้กีที่นั่งกินข้าวกล่องอยู่ใต้คณะ ก็เลยเผลอเล่าให้มันฟังหมดจนมาโดนมันล้อแบบนี้แหละ!

“แล้วทำไมมึงเกิดเชียร์ดินขึ้นมาว่ะ เมื่อวานยังว่าเจ้าชู้อยู่เลย”
อินหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างสงสัยแต่กลับไปสะดุดที่คอเพื่อน
“นั่นอะไรวะ เฮ้ยๆๆ”
อินตะโกนขึ้นเมื่อเห็นรอยแดงๆบนคอของเพื่อน รีบลุกข้ามโต๊ะไปจับคอเสื้อเพื่อนสนิทเปิดแล้วก้มลงเข้าไปดู
“เฮ้ย ไอ้เชี่ยกี อย่าบอกนะว่า”
ไม่ใช่แค่ที่คอแต่อินมองลงไปเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆเต็มตัวไอ้กีไปหมด แล้วที่คอนี่เป็นรอยฟันชัดๆเลย กีรีบเอามือปิดปากอีกฝ่าย มองซ้ายขวาสังเกตเห็นคนที่ทำงานกันอยู่โต๊ะอื่นเริ่มหันมามอง
ก็มองตั้งแต่มันกระโดดข้ามโต๊ะมานั้นแหละ!!
“กูถึงว่ามึงนั่งชูป้ายไฟให้ดินอยู่ได้ ได้เพื่อนเขามาแล้วนี่เอง มึงนะมึง”
หลังจากอินเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ทนไม่ได้ที่จะกระแหนะกระแหนเพื่อนสนิท นี่มึงจะเร็วกันไปไหน
“เมื่อคืนยังด่ากันอยู่เลย ไปชอบกันตอนไหนวะ”
“ไม่ได้ชอบมึง”
“แล้ว?”
“อือฮือ แต่โครตแซ่บอะมึง”
“ไม่ใช่ ไอ้เชี่ย แล้วมึงสองคนอะยังไง”
“เพื่อนกัน”
“เพื่อนพ่องสิ”
“Friends with benefits น่ะ เมิงไม่เคยได้ยิน?”
“อย่างมึงเนี้ยนะ”
“เอออย่างกูนี่แหละ”
ถึงกีมันจะหน้าตาดี มีคนเข้ามาจีบอยู่บ้างแต่อินก็ไม่เคยเห็นเพื่อนคบกับใคร แล้วยิ่งไอ้friends with benefits เนี้ยยิ่งไม่น่าเลย ไอ้กีเลือกคบคนจะตาย
“แล้วจะไม่คบกัน?”
“ไม่ได้ถามวะ”
อินทำหน้าเอือมเต็มที
“เออ แล้วแต่มึงเลย ระวังๆด้วยแล้วกัน”
อินก้มซบแก้มลงบนโต๊ะ ถอนหายใจหนักๆหนึ่งที ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะซักไซ้เรื่องของมัน ช่วงนี้เรื่องเยอะจริงๆเลย ไม่รู้แล้วว่าจะเริ่มคิดเรื่องไหนก่อนดี
“แล้วจะเอาไง จะโทรกลับไปหามันไหม”
อินเอียงหน้าตรงเอาคางยันกับโต๊ะแล้วมองหน้าเพื่อนสนิท
“เอาไงดีวะ” สมง สมองไม่มีแล้ว
“เอางี้ไหมมึง” เพื่อนสนิทก้มหน้ามาแทบจะชิดกัน ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขา
“ลีลา” อินอดด่ามันไม่ได้จริงๆ
“ระหว่างที่ยังคุยกับดิน มึงไม่ต้องติดต่อกับไอ้กิตเลยไหม โทรมาก็ไม่ต้องรับ ส่งข้อความมาก็ไม่ต้องส่งกลับ หรือไม่ก็บล๊อคแม่งเลย”
“...”
“เหมือนคนเลิกยาไงมึง หักดิบไปเลย มึงจะได้รู้ว่ามึงก็อยู่ได้ ไม่แน่มึงอาจจะลืมมันไปเลยก็ได้” กีทำสีหน้าตื่นเต้นพูดจาหว่านล้อมเขาไม่หยุด นี่ส่งมันไปช่วยงานถ้ำกระบอกเลยดีไหม
“ไม่รู้ว่ะ เอางั้นหรอ” แต่อินก็ยังสับสน ทำได้แค่เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามออกมา
“เออ เอางั้นแหละ เอาโทรศัพท์มา กูจะบล๊อค”
กีเลื่อนตัวไปตั้งใจจะคว้าโทรศัพท์เพื่อนสนิทมาบล๊อคเบอร์คนที่เกลียดอย่างที่อยากทำมาตลอดแต่ว่าอินไวกว่า เจ้าตัวยืดหลังตรงแล้วคว้าโทรศัพท์เข้าไปไว้กับตัวอย่างรวดเร็ว
“เออๆ ไม่ต้องบล๊อคหรอก กูแค่ไม่รับสาย ไม่ส่งข้อความ โอเคนะ”
กีส่งสายตาระแวงมาให้ แต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง
“แต่กูส่งตอบกลับไปอันนึงก่อนไหม เมื่อวานเขาทั้งโทรมา ทั้งข้อควา..เออๆ ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้ ไม่ส่งก็ไม่ส่ง”
กีทำหน้าดุใส่เพื่อนแต่ก็อดขำมันไม่ได้ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการของคนที่จมปลักกับความรักห่วยๆมาเป็นปี
*****
ถ้าตอนเรียนจะขยันแบบนี้5555
ขอบคุณทุกคำแนะนำนะคะ ปลื้มมากเลยยย
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (02:00 ไม่ใช่แฟน)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-05-2019 07:52:14
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (02:00 ไม่ใช่แฟน)
เริ่มหัวข้อโดย: Panza ที่ 21-05-2019 13:31:57
ส่งกำลังใจ ชอบนะคะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (03:00 Friends with benefits) อัพ 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 23-05-2019 09:23:16
03:00 Friends with benefits
 
ผมจะเล่าให้ไอ้อินฟังได้ยังไง
ของร้องล่ะ ให้เรื่องนี้มันตายไปกับผมดีกว่า
สั่งสอนมันไว้เยอะจะมาตกม้าตายก็ตอนนี้แหละ
ก็จะเรื่องอะไรล่ะครับก็ไอ้friends with benefits บ้าบอนี่แหล่ะ
 
เมื่อวานตั้งแต่เข้าไปในร้านล่องลอยผมก็ได้แต่มองคนบนเวทีตาไม่กระพริบ คนร้องนี่ไม่ต้องพูดถึง หน้าตาดีพรีเมี่ยมแถมบวกกับเสียงนุ่มชวนหลงไหล ก็ไม่แปลกที่สาวๆที่มานั่งฟังเพลงหน้าเวทีแทบจะละลายกันไปหมดแล้ว แต่คนที่ผมนั่งจ้องอยู่ไม่ใช่นักร้องนำหรอกนะ มือกีต้าร์ข้างตัวนั่นต่างหากล่ะ
คือถ้าคุณมองแว๊บแรกเขาอาจจะหล่อไม่เท่าอีกคน แต่ตาคมกับจมูกโด่งๆ พร้อมผมที่ยาวประบ่า นี่ยังไม่รวมถึงท่าดีดกีต้าร์โปร่งอย่างมืออาชีพแบบนั้น หืม มันทำผมใจสั่นไปหมดครับ
 
คือบอกเลยว่ามันใช่..คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ
คือผม...ผมอยากได้คนนี้!!! ง่ะจะเอา!!
 
พอหย่อนก้นลงบนโซฟาปุ๊ปผมก็รีบสะกิดแขนไอ้อินปั๊ปถามมันให้แน่ใจว่าคนที่เข้ามาหามันคือคนไหนกันแน่ ผู้ชายมันสำคัญก็จริงครับ แต่ไอ้เรื่องชอบแฟนเพื่อนอะไรแบบนั้น บอกตรงๆผมไม่เอาด้วยหรอก สำหรับผมเพื่อนมาก่อนเสมอ
 
แมนได้ใจป่ะล่ะ
 
แต่พอผมรู้ว่าเป็นคนร้องนำก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างนี้แปลว่าเต๊าะได้เนาะ ผมก็เลยมีกระจิตกระใจนั่งจิบเหล้าพร้อมส่องคนบนเวทีได้อย่างสบายใจ ยิ่งมองก็ยิ่งหลง งานดีจริง มาดนิ่งแบบพระเอกเกาหลี กีรติตัวร้ายกับผู้ชายเงียบขรึม อยู่บนเวทีแล้วสาวกรี๊ดแบบนี้กลับไม่มีหลุดยิ้มสักนิด แบบนี้สิดี เกลียดนักพวกที่ชอบแจกจ่ายรอยยิ้มไปทั่ว เจ้าชู้จีบไม่เลือก เข้มขรึมแบบนี้ บอกเลยโดนใจที่สุด
 
ผมนั่งเพ้อได้ไม่นานก็ต้องละสายตามามองไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องจอโทรศัพท์อยู่ท่าเดียว พอแอบดูก็เห็นมันกำลังอ่านข้อความล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากไอ้คนเดิมคนเดียวของมัน ข้อความที่ส่งมาก็โครตจะอ่อย บอกเลยว่าเกลียดแม่งจริงๆเกิดมาผมไม่เคยพบเคยเห็นคนแบบนี้มาก่อนคือแบบมึงจะชัดเจนบ้างไรบ้างไม่ได้เลยหรอ เลือนลางจนกูจะมองไม่เห็นตัวมึงอยู่ล่ะ!
 
กำลังบ่นแฟนเก่าไอ้ตัวแสบอยู่ดีๆนักร้องนำบนเวทีก็มายืนอยู่ตรงหน้า ไม่ทันได้ชวนนั่งก็ถือวิสาสะนั่งตรงข้ามเพื่อนผม และแหมมมมมม
 
จ้องเพื่อนกุตาหวานฉ่ำขนาดนั้น ไล่กูกลับเลยเหอะ
 
หมั่นไส้ได้แป๊ปเดียว มือกีต้าร์ที่ผมนั่งเพ้อมาทั้งคืนก็เดินเข้าทักเพื่อนตัวเอง ระยะประชิดแบบนี้ หล่อกว่าเดิมไปอีก แถมตัวก็สูงใหญ่กร้าวใจ ผมขอฟันธงตรงนี้เลยได้ไหม คนนี้แหละใช่เลย ใช่พ่อของลูกผมแน่นอน!! นึกแล้วก็อยากถามเจ้าตัวจริงๆ
 
เล่นกีต้าร์ได้แล้วไม่อยากลองเล่นกีรติบ้างหรอฮับ บร้า!
 
“คนที่เล่นกีต้าร์เมื่อกี้” ผมกล่าวทัก ทำหน้าไม่แน่ใจ แต่บอกเลยว่าเกิดมาไม่เคยทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้มาก่อน แล้วตอนพูดนี้เลือกเอียงหน้าด้านที่ดูดีกว่าให้อีกฝ่ายแถมยรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจแถมไปอีก แหม อ่อยอยู่นะรู้ตัวไหม
 
“ครับ เพราะไหมเอ่ย” อีกฝ่ายหันมาขยิบตาให้ แถมยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่ผมอีก
 
อ้าว
เรดาห์กระดิกเลยกู
ที่ว่าหล่อๆคูลๆ ขยิบตาที่เดียวกูเห็นถึงลิ้นไก่(?)
หน้าม่อชัวร์
 
ผมเป็นคนที่จับเรดาร์คนเจ้าชู้ได้เร็วมากครับ อาจจะเป็นเพราะคนรอบตัวผมค่อนข้างโชคร้าย โดนพิษคนเจ้าชู้เล่นงานมานักต่อนัก กว่าจะฟื้นกันมาได้ ก็ต้องช่วยแบกช่วยหามกันจนเหนื่อย ด้วยเหตุนี้ผมจึงค่อนข้างระมัดระวังตัว เห็นผมแบบนี้แต่ผมก็มีคนมาจีบมาคุยด้วยตลอดนะ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ เกราะป้องกันตัวผมมันสูงเลยยังไม่ได้มีแฟนกับเขาสักที แต่อย่านึกว่าผมจะเหงานะครับ ถ้ามีแล้วต้องทรมานเพราะความมักมากของอีกฝ่าย ผมขออยู่เป็นโสดให้คนเสียดายเล่นดีกว่าครับ
 
“ไม่ได้ตั้งใจฟัง”
ผมตอบเสียงเรียบ ตัดจบจ๊ะ หล่อกว่านี้ผมก็ไม่เอาหรอก ไม่อยากเจ็บเหมือนคนข้างๆ
“โอ๊ะ เสียใจจังเลย”
ยัง...มึงยังไม่หยุดอีก
“งั้นวันหลังต้องลากไปนั่งหน้าเวทีแล้ว”
ให้ตาย...มึงไปกองรวมกันกับไอ้กิตเลยไป
 
——
 
ผมเห็นว่าใกล้เที่ยงคืนแล้วก็เลยขอตัวกลับบ้านก่อน พ่อแม่ของผมอยู่ต่างจังหวัด ตอนนี้บ้านที่กรุงเทพฯจึงมีแค่ผมกับพี่สาวสองคนเท่านั้น ค่ำมืดแบบนี้ผมไม่อยากให้พี่อยู่บ้านคนเดียวเลย เลยลุกขึ้นกระชับกระเป๋าว่าจะเดินออกไปเรียกแท๊กซี่ แต่เพราะวันนี้ผมดื่มไปค่อนข้างเยอะไอ้อินเลยอาสาจะตามมาส่งผมให้ได้ ตอนแรกก็ว่าจะให้มันกลับไปนอนที่บ้านด้วยกัน แต่พอสบตากับนักร้องนำที่มองตามมันตาละห้อย ผมจึงต้องรีบปฎิเสธมันจ้าละหวั่น อยากให้มันไปรีบๆเคลียร์กับอีกฝ่ายให้เรียบร้อย ปฎิเสธไปปฎิเสธมา คนหน้าม่อก็เสนอตัวจะมาส่งผมแทน แน่นอนว่าผมต้องปฎิเสธ แต่ไอ้อินก้ยังยืนยันว่าถ้าผมไม่ยอมให้ต้นไปส่งมันจะไปเอง ผมมองหน้าคนเจ้าชู้อย่างชั่งใจ บอกตรงๆว่ายังระแวง แต่หน้าตาหล่อๆที่ผมแอบจ้องมาทั้งคืนที่กำลังส่งสายตาออดอ้อน บวกกับแอลกอฮอล์ในร่างกายผมตอนนี้ มันทำให้ผมไม่สามารถทบทวนอะไรในสมองให้ดีก่อนที่ผมจะพยักหน้าตอบรับไป
 
[วันนี้พี่นอนห้องพี่พลนะ] เสียงพี่จีเอ่ยขึ้นในโทรศัพท์
“เอ้าแล้วไม่บอกน้องก่อน น้องอุตส่าห์รีบกลับมานอนด้วยเลยนะ”
ผมบ่นให้พี่สาวในโทรศัพท์แอบเหลือบไปเห็นคนข้างๆหลุดขำกับคำแทนตัวของผม ทำไงได้ก็คนมันชินไปแล้ว
“อ่ะๆงั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ ครับๆน้องไม่บอกป๊าหรอก ฝากสวัสดีพี่พลด้วยน้า”
ผมวางโทรศัพท์หันฉับไปด้านข้างก็ยังเห็นคนขับพยายามกลั้นขำอยู่
“ตลกจังนะ”
คนขำรีบหุบยิ้มทันที
“โอ๋ๆไม่ขำแล้วครับน้อง”
กวนตีน!
“ก็มันชินเรียกมาตั้งแต่เด็ก”
“ไม่ได้ว่าอะไรเลยนะน่ารักดีออกน้องกี”
“อย่ามาเรียกแบบนี้นะไม่ชอบ”
แม่งใจสั่นเลยไอ้บ้า
“ครับๆไม่งอแงนะ”
คนข้างตัวเอื้อมมือมาดึงแก้มผมเบาๆส่ายไปมาทำเหมือนผมเป็นเด็กน้อยไปได้
“เมมเบอร์ตัวเองให้หน่อยสิ” อีกฝ่ายยื่นมือถือของตัวมาให้ ผมเลิกคิ้วขึ้นหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
จะรุกใช่ไหม
“เพื่อ?”
“ไม่ได้หรอครับ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้..”
“งั้นก็แปลว่าได้”
“...”
“แล้วอย่าลืมกดโทรเข้าเครื่องตัวเองด้วยนะ”
นี่ผมกำลังโดนจีบแน่ๆ ลังเลใจอยู่พักนึง ผมก้เอื้อมมือไปเอาโทรศัพท์จากเขา มองหน้าด้านข้างอีกฝ่ายอย่างพิจารณา หรือผมตัดสินคนตรงหน้าเร็วไปหรือเปล่า คิดดูดีๆที่นั่งด้วยกันวันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ออกจะคุยสนุกแล้วก็ไม่ได้เกาะแกะจนหน้ารำคาญ อาจจะไม่สุขุมนุ่มลึกอย่างที่คิด แต่ยิ้มที่ส่งมาให้ก็หวานชวนฝันอยู่ เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอก เมมเบอร์ตัวเองด้วยชื่อเล่น กี – บริหาร แล้วโทรเข้าเครื่องตัวเอง ยืนยันอีกครั้งว่ายังไม่ไว้ใจ แต่ผมก็พอมีเหตุผลของตัวเอง
ก็แหม เราไม่ควรจะด่วนตัดสินคนไม่ใช่หรอ ผมจำได้ แม่ผมสอนไว้
และแม้คนเราไม่ควรจะดูคนที่หน้าตาก้จริง แต่ถ้าหน้าตาแบบนี้ก็ขอดูไปก่อนไม่ได้หรอ!
 
เราคุยกันไปเรื่อยๆพร้อมที่ผมคอยบอกทางอีกฝ่ายจนตอนนี้รถมาจอดหน้าบ้านพอดิบพอดี บ้านของผมมืดสนิทมีเพียงแสงจากไฟหน้าบ้านสองดวงที่ยังสว่างอยู่ อีกฝ่ายบอกให้รอแป๊ปแล้วรีบลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่ง
หืมม ก็ได้อยู่นะ
“ถึงแล้วครับน้องกี”อีกฝ่ายทำท่าล้อเลียนจนผมอดค้อนใส่เล็กๆไม่ได้ กระชับกระเป๋าตัวเองแล้วก้าวลงจากรถวันนี้ดื่มเยอะไปจริงๆ สติแทบไม่เหลือแล้ว
“งั้นก็..ขอบใจนะ”
ผมบอกลาเขาเมื่อเราเปิดรั้วด้านหน้า เดินเข้ามาถึงประตูหน้าบ้าน
“ไม่มีใครอยู่หรอ ไฟมืดเชียว หรือนอนกันหมดแล้ว”
“ไม่มีหรอก วันนี้พี่ไปนอนบ้านแฟน”
อีกฝ่ายมองหน้าผมไม่วางตา สายตาที่ส่งมาตอนนี้ดูต่างจากทุกที เป็นสายตาที่ทำให้ผมอึดอัด หายใจผิดจังหวะไปหมด เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ผมจนตอนนี้แทบไม่มีช่องว่างระหว่างเราเหลือแล้ว
“อยู่คนเดียวไม่กลัวหรอครับ” เขาเอ่ยออกมาเสียงพร่า เริ่มคลอเคลียบริเวณหัวไหล่ผม เลื่อนไล้มาจนถึงซอกคอ ตอนนี่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ผสมกับน้ำหอมผู้ชายสะอาดๆลอยมาติดจมูก
“ก็...ก็ไม่กลัวหรอก” 
คือตอนนี้กูกลัวที่สุดก็คงเป็นใจตัวเองนี่แหละ!
ริมฝีปากอีกฝ่ายสะเปสะปะพัดผ่านโดนใบหูสองสามครั้งอย่างตั้งใจจนตอนนี้ผมเผลอกลั้นหายใจไปแล้ว
“ให้ผมเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”
ผมเริ่มรู้สึกประหม่าคดหัวไหล่เข้าหาตัวเมื่อเขาจงใจกระซิบข้างใบหูพูดเสร็จก็เลื่อนลงไปงับติ่งหูของผมช้าๆ
“นะ...”
เชี่ย! บอกเลยว่าตอนนี้ระทวยจนจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว  เมื่อเขาเห็นผมยังไม่ได้ผลักออกก็ยิ่งจงใจรุกหนักมากขึ้น เริ่มจุ๊บเบาๆตั้งแต่ใบหูเลื่อนมาที่แก้ม ตา จมูก แล้วปะทะเข้าเบาๆที่ริมฝีปาก ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นจนปากผมเริ่มชา ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของผมช้าๆแล้วดุนดันแทรกลิ้นร้อนของตัวเองเข้ามาในโพรงปากของผม สติที่ไม่ค่อยมียิ่งริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ ตาที่แทบจะปิดปรือจ้องมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่วางตา ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำหน้าแบบไหน รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรจะปล่อยไปมากกว่านี้แต่เหมือนความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่เราสัมผัสกัน มันเข้ามาครอบงำการกระทำทั้งหมดของผมในตอนนี้เสียแล้ว
 
 
“ครั้งแรกหรอ?”
ผู้ชายตัวโตร่างเปลือยลุกขึ้นไปเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงก่อนจะถามผมด้วยแววตาสงสัยปนเหลือเชื่อ
“เออดิ! แล้วไม่ต้องมาใกล้เลยนะใหญ่แบบนั้นจะเข้าได้ยังไง” ผมโวยวายสุดเสียง จากที่เมาๆตอนนี้สติกลับมาครบถ้วน
ครับ ก็มันก็ครั้งแรกของผมนี่น่า!!
แหมจะว่าผมใจง่ายก็ว่ามาเลยนะครับ ก็มันเคลิ้มอ่ะ ให้ทำไงล่ะ แล้วแบบคนเรามันก็อยากรู้อยากเห็นกันทั้งนั้น เขาว่าถึงครั้งแรกมันจะเจ็บแต่พอผ่านไปได้มันก็จะสุดยอดมากเลยไม่ใช่หรอ แล้วดูอีกฝ่ายสิ หล่อกล้ามโตขนาดนี้มันก็น่าลองไม่น้อยไม่ใช่หรอ แล้วแถมเขาก็จีบผมอยู่ (?)
ได้กันแล้วค่อยเรียนรู้กันมีหลังก็ได้ไหม
แต่มันไม่ไหวจริงๆนะครับ!

นิ้วแรกเข้าไปก็ว่าพอทนได้
นิ้วสองตามมาก็ยังเคลิ้ม
แต่พอนิ้วสามตามมา บอกเลยว่าเริ่มไม่เป็นตัวขอตัวเองล่ะรู้สึกเสียดยังไงไม่รู้ แต่ก็แอบเคลิ้มอยู่นะคิดอยู่ว่าวันนี้คงเสียพรหมแน่นอน
แต่พออีกฝ่ายถอดกางเกงออกหมดเท่านั้นแหละ
มึงกะจะไม่ให้กูมีชีวิตต่อไปเลยไง!?
กูยังมีพ่อแม่ต้องดูแลนะ!
ไอ้ที่เคลิ้มๆมึนๆบอกเลยตอนนี้ตาสว่างจ้า พยายามทำหน้าไม่กลัวเมื่ออีกฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้ เผลอมองลอนกล้ามของอีกฝ่ายจนแอบเคลิ้มปนิดนึงพอทำใจสู้ขึ้นมาได้บ้าง แต่พอเจ้าต้นน้อยไม่ใช่สินี่มันต้นไม้สิบคนโอบ!! มาแตะด้านหลังเท่านั้นแหละ สติแตกจนเผลอผลักอีกฝ่ายออกไปจนตกเตียงดังโครม
“แล้วทำไมไม่บอก”
อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแอบเห็นเขาถอนหายใจหนักๆแล้วก้มหยิบเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้ปลายเตียงมาใส่
ผมที่ยังตกใจกับเจ้าต้นยักษ์ทำได้แค่นั่งขดตัวอยู่บนเตียง ร่างเปลือยของผมมีแค่ผ้านวมผืนใหญ่บังตัวไว้เท่านั้น อีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จก็มาทิ้งตัวลงบนเตียงข้างๆผม เมื่อเห็นหน้าใกล้ๆแบบนี้ ผมรู้สึกได้ว่าเขาเกร็งกว่าปกติ หน้าตาเต็มไปด้วยความกังวล
“เจ็บมากไหม”
ผมพยักหน้า จริงๆมันก็ยังไม่ได้เจ็บอะไร ผมแค่กลัวมากกว่า
“ขอโทษนะทำไมไม่บอกว่าครั้งแรกละครับ”
ผมรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที สัมผัสได้ว่าเขาคงเป็นห่วงผมมาก

“แล้วจูบ...นี่ครั้งแรกหรือเปล่า”
“เปล่า...”
“แล้วจริงจังไหม”
คือ?
“ห๊ะ...คือยังไง”
อีกฝ่ายทำหน้ากระอักกระอ่วน
“เห็นกีดูสบายๆ ตกใจหมดเลยที่เป็นครั้งแรก”

มึงด่าว่ากูดูง่ายเลยไหม

“อย่าบอกนะ ว่าต้องรับผิดชอบ” อีกฝ่ายหน้าซีดลงกว่าเดิม
ไอ้เชี่ย!
“ไม่...ไม่จำเป็นหรอก จริงจังหรอ โอ้ยไม่เอานะ ไม่อยากโดนผูกมัด นี่เราก็คิดแล้วอยู่แล้วว่าต้นคงไม่ได้จริงจัง ดีนะเนี้ยที่เข้าใจถูก ดีใจจังไม่โดนจีบ แฟนเฟินไม่เอานะ ฮะฮะ”  ผมพูดซะยาวเหยียด ยกทุกข้อแก้ตัวที่พอจะหาได้ ออกมาใช้
จังหวะนี้ขอกูเหลือศักดิ์ศรีให้ตัวเองภูมิใจหน่อยเหอะ
ว่าแต่ว่าอะไรคือขำ ฮะฮะ ตอนท้ายว่ะ
 
“เนอะ แบบfriends with benefits เนอะ”
เนอะพ่องเนอะแม่งมึงสิ
แก้มของอีกฝ่ายดูมีเลือดฝาดกลับมา ดวงตากังวลกลับมาวาววับ ปากที่เคยงุ้มลงตอนนี้กลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างสบายใจอีกครั้ง

สรุปมึงไม่ได้ห่วงกูเจ็บ มึงกลัวกูจับมึงว่างั้น ไอ้....
“ค่อยโล่งหน่อยเนอะ ตกใจหมดเลย”
ฟอด
คนพูดว่าแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเงิน มือถือและถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้เปิดใช้จากโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วโน้มตัวมาหอมแก้มผมหนึ่งที
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ โทรเรียกต้นได้เลยนะ จะมาสอนให้หมดเปลือกเลย” 
ว่าเสร็จก็ขยิบตาพร้อมส่งยิ้มหวานให้ผมหนึ่งที ก่อนจะเดินออกจากห้องไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถของอีกฝ่ายจากด้านล่าง ผมเอามือขยี้ผมที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วอย่างโมโห


หมดกันไอ้กี รู้ถึงไหนอายถึงนั่น กูว่าแล้วว่ามันเลว กูว่าแล้วว่ามันหน้าม่อ ทำไมมึงไม่เชื่อเรดาห์ตัวมึงเองนะ!!!

*******
เคยอยากเขียนตัวละครที่มีคาแรกเตอร์แบบนี้มาตลอด คือเมย์ว่าการเขียนที่ยากที่สุดคือการเขียนให้มันตลก หวังว่าพอจะทำให้อมยิ้มได้บ้างนะคะ กีน่ารักเนอะ เอาชื่อมาจากเพื่อนสนิทเลยนะคะ ฮ่าๆๆ ฝากเชียร์คู่นี้ด้วยนะคะ อาจจะไม่ใช่คู่หลักแต่น่ารักน้า
 
 
 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (03:00 Friends of benefits) อัพ 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-05-2019 09:37:03
 :pig2:
ติดตามค่ะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (03:00 Friends of benefits) อัพ 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 23-05-2019 14:20:35
 :pig4: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (03:00 Friends with benefits) อัพ 23/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 25-05-2019 01:28:25
สนุกครับ,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (04:00 โชคดี) อัพ 26/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 26-05-2019 01:24:08
04:00 โชคดี
 
“ไงมึง คุยกับใครว่ะ นั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยแต่เช้า”

บดินทร์เดินมาใต้คณะพร้อมแทนคุณเพื่อนในกลุ่มอีกคน ในมือมีถุงเซเว่นสองถุงที่เต็มไปด้วยของกินหลากหลายชนิดพร้อมเครื่องดื่ม พวกเขามักจะซื้อกินกันแบบนี้ในวันที่มีเรียนเช้าแทนการไปโรงอาหารที่ไกลจากคณะพอสมควร

“ไงมึง”
ตั้งต้นร้องทัก เงยหน้ามองเพื่อนตัวเองนิดนึงก่อนจะกลับไปตั้งใจพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ต่อ

“คุยกับใครวะ เด็กใหม่อีกแล้วหรอ” แทนโน้มตัวลงไปดูในโทรศัพท์

“น้ำไหนวะ” แทนว่าขึ้น เมื่ออ่านเจอชื่ออีกฝ่ายจากในไลน์

“บัญชี”

“เชี่ย มึงอย่าบอกว่า น้ำเดือนบัญชีนะ” ต้นหันมามองหน้าเพื่อนสนิทแล้วยิ้มอย่างคนเหนือกว่า

“มึงแม่ง เปลี่ยนแฟนเร็วยิ่งกว่ากูเปลี่ยนแปรงสีฟัน”

“มันไม่ได้เปลี่ยนบ่อย” ต้นหันไปมองเพื่อนอย่างชื่นชม ไม่คิดว่ามันจะแก้ตัวให้

“แต่มันแค่คบไปพร้อมๆกันทุกคน” ต้นกรอกตามองบน
ดินแปะมือกับแทนหนึ่งที ก่อนจะหัวเราะอออกมาพร้อมกัน ใครๆก็รู้ว่าไอ้ต้นมันน่ะไม่ธรรมดา

เดือนเจ้าชู้ประจำคณะ

“ไปคุยกันตอนไหนวะ หรือเมื่อคืนที่ร้าน” แทนยังคงซักต่อ

“อืม เมื่อวานเขามาที่ร้าน พอกูเล่นเสร็จก็เลยเดินเข้าไปคุย นี่กูไลน์คุยกันจนกูยังไม่ได้นอนเลย วันนี้พวกมึงจดแลคเชอร์แทนกูด้วยนะ”

ว่าเสร็จเจ้าตัวก็กดปิดหน้าจอ ยัดมือถือลงกระเป๋า เริ่มค้นถุงเซเว่นที่วางอยู่บนโต๊ะ หยิบซาลาเปาไส้หวานขึ้นมากิน

“ว่าแต่เย็นนี้พวกมึงไปงานวันเกิดไอ้นัทไหม” คนที่มีซาลาเปาอยู่เต็มปากว่าต่อ
“เออกูก็ว่าจะถามพวกมึงอยู่ กูยังไม่มีของขวัญเลยว่ะ หารกันซื้อไหม”
“กูหารด้วยได้ไหมแต่วันนี้กูไม่ว่างนะ คงไม่ได้ไป”
“เมิงไปไหนว่ะ”
“นัดอินไว้”
“นัดไปไหน”
“กินข้าว”
“แล้ว?”

ดินมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองไม่เข้าใจสิ่งที่มันกำลังถาม

“แล้ว?”
“แล้วไปไหนกันต่อ?”
“ก็ไม่ได้ไปไหนก็ไปส่งที่ห้องมั้ง”

เพื่อนทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย รู้สึกละเหี่ยใจกับคนตรงหน้าที่สุด ตั้งแต่เริ่มคุยกันนี่ไปรับไปส่งทุกวันไม่เคยขาด จากเมื่อก่อนกลุ่มพวกมันเคยไปเที่ยวด้วยกันตลอด ตอนนี้แทบจะไม่ได้เจอมันด้วยซ้ำถ้าไม่มีเรียน
 
“กูก็รู้ว่าข้าวใหม่ปลามันนะ แต่มึงจะทิ้งเพื่อนทุกครั้งไม่ได้ครับคุณดิน”
“มึงจะเบี้ยวนัดวันเกิดเพื่อนเพราะติดกินข้าวไม่ได้”
“เช้า สาย บ่าย เย็นแบบนี้ของตายชัดๆ เดี๋ยวก็โดนเบื่อหรอก”
“ใช่นี่คือเจอกันทุกวันเลยงี้ กลัวแฟนหายหรอวะ”
“ยังไม่ใช่แฟน” ดินสวนกลับ
“อือฮือที่พวกกูพูดมาทั้งหมดมึงจับใจความได้ประโยคเดียว?”

ดินหัวเราะให้กับท่าทางของเพื่อนทั้งสอง

“เออ ปล่อยกูไปเถอะ งานหน้ากูไม่เบี้ยวแน่นอน”
“โดนด่าว่าน่ารำคาญเมื่อไหร่ มึงอย่ามาร้องไห้ซบอกกูแล้วกัน” ต้นยังไม่หยุดบ่น
“โธ่ คุณต้นครับ เวลาคุณหายไปกับเด็กของคุณเนี้ย พวกผมยังไม่ว่าอะไรเลยนะครับ” ดินหัวเราะ
“แต่ไอ้ต้น แต่กูก็พอจะเข้าใจได้นะ แฟน...เอ๊ย...คนที่คุยกันอยู่ของไอ้ดินก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ”
“มันก็ใช่...”

ต้นว่าต่อ รู้สึกเห็นด้วยกับเพื่อนสนิท อินทัชน่ารักจริงๆนั่นแหละ ขาวๆ ตัวเล็กๆ แล้วก็ดูขี้อายด้วยดูนุ่มนวลแบบโครตน้องเลย
น้อง?
คิดถึงตรงนี้ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ คนที่โตป่านนี้ยังแทนตัวกับพี่สาวว่าน้อง ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จะว่าติดใจก็ติดใจอยู่หรอกนะ คนอะไรทำเป็นเก่งแต่จริงๆแล้วลูกแมวฉิบหาย ขู่แง้วๆแต่ละทีไม่ได้มีความน่ากลัวเลย โดนจีบหน่อยก็หน้าแดงแป้ด แล้วก็ไอ้เพื่อนนอนที่บอกน่ะ ไม่จริงหรอก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่จะนอนกลับใครไปทั่ว แล้วยิ่งนั่นครั้งแรกอีก

เพราะงี้ไงถึงไม่โทรไปหา คนแบบผมไม่จริงจัง แต่ก็ไม่เล่นกับหัวใจใคร ใครเล่นมาก็เล่นกลับเท่านั้นเอง


แต่เสียดายว่ะ น่ารักจริงๆนะ 
“แม่งหมั่นเขี้ยวฉิบหาย”

ดินหันขวับมองเพื่อนสนิทจนอีกคนรีบยกมือขึ้นสองมือส่ายไปมาเป็นการปฎิเสธ

“ไม่ได้หมายถึงเด็กมึงนะ กูแค่คิดถึงคนอื่นอยู่”

ดินยังมองตาอย่างระแวง เอานิ้วชี้หน้าอีกคนก่อนจะเอานิ้วนั่นไปทำท่าปาดคอ หึงโหดฉิบหาย


“แล้วมึงยังไม่ได้เป็นแฟนกันอีก เดือนกว่าแล้วไหม” ต้นว่าต่อ
“42 วันล่ะ”
“เหี้ยแหละ โครตสาว” แทนคุณก้มหน้าลงบนแขนที่พาดอยู่บนโต๊ะ ใช้กำปั้นของมือที่ว่างอยู่ทุบโต๊ะรัวๆ


มึงจะอินเลิฟก็ได้แต่มึงไม่ควรจะใยไหมขนาดนี้ไหม

“เสือก”
“นี่เพื่อนนะครับ เผื่อลืม”
“แล้วใจอ่อนยัง”
“ไม่รู้”


ดินอยากจะคิดว่าอีกฝ่ายใจอ่อนแล้ว เพราะตั้งแต่บอกอีกฝ่ายว่าจะจีบวันนั้นเขาก็คอยตามรับตามส่งทุกวัน จะไม่เจอกันบางอาทิตย์ที่เขาหรืออีกฝ่ายกลับบ้านเท่านั้น ช่วงที่ไม่เจอกันก็คุยโทรศัพท์กันตลอด ไม่ใช่แค่เขาแต่ฝ่ายนั้นก็โทรมา หรือส่งข้อความมาบ้าง ถึงจะน้อยแต่มันก็เรียกว่าใจอ่อนได้หรือเปล่า

“พี่ดินนนนนนนนนนน”
“เอ้า เด็กมา”
“เด็กพ่อมึงสิ”
“เห้ยจริงดิ กูฟ้องแม่” มุกมึงนิ


ดินไม่ต้องหันไปด้านหลังก็รู้ว่าเสียงใคร หมีพูห์น้องรหัสของเขากำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามา เมื่อใกล้จะถึงตรงที่เขานั่งก็กระโดดโผลตัวเข้าใส่จากด้านหลัง รัดคอเขาจนแทบจะหายใจไม่ออก


“พี่ดิน คิดถึงจังเลย”
“ได้ข่าวว่าเมื่อวานก็เจอ” ไม่ใช่ดินแต่เป็นแทนที่ทนไม่ไหวตอบออกไป เขานึกรำคาญไอ้น้องรหัสของเพื่อนสนิท หน้าตาก็น่ารักอยู่นะ แต่คนอะไรไม่รู้ตามติดไอ้ดินเป็นปลิงตลอดเวลา  โผล่มาทีไรทำเสียงดังโวยวายหน้ารำคาญที่สุด


“เค้าคุยกับพี่ดิน นี่ถ้ารุ่นเดียวกันด่าว่าเสือกไปแล้ว” คนตัวเล็กหันไปค้อนใส่เพื่อนพี่รหัส


“เหมือนโดนมึงด่าไปแล้วเลยไอ้อะเตี้ย”
“โอ๊ย พี่ดิน พี่ต้นดูสิ เพื่อนพวกพี่โครตใจร้าย แถมหน้าตาขี้เหร่มาแต่ไกล เป็นเพื่อนพวกพี่สองคนได้ไงอ่ะ” หมีพูห์พูดกับรุ่นพี่สองคน แต่ส่งสายตาค้อนไปยังผู้ชายที่เจอกี่ทีก็ไม่ถูกชะตา


“พอๆ พี่จะไปเรียนแล้ว เราไม่มีเรียนเช้านี่วันนี้ ทำไมมาเร็ว” ดินลุกขึ้น เริ่มเก็บของที่กินใส่ถุงพลาสติกเตรียมเอาไปทิ้ง


“โอ้ย ปลื้มไปอีก จำตารางน้องรหัสได้ด้วย” หมีพูห์จับแขนอีกฝ่าย เอาหัวไปถูไถอ้อนอีกฝ่าย


“ลวนลามด้วยวะ โครตแก่แดด” เสียงจากข้างหลังดังมาทำให้หมีพูห์หันขวับ


“ไปแล้วนะพี่ต้น พี่ดิน” หมีพูห์ก้มลงไหว้พี่ทั้งสอง ถึงมันจะดูบ้าๆบอๆ แต่ก็เป็นคนมีสัมมาคาระวะ แล้วก็ขี้อ้อนเป็นที่สุด ดินเองก็เอ็นดูมันเหมือนน้องคนหนึ่งจริงๆ
 
+
 
Bordin : ทำอะไรอยู่เอ่ย
Intouch: ใกล้เลิกเรียนแล้ว แล้วดินทำอะไรอยู่ครับ
Bordin : ดินเลิกแล้ว เดี๋ยวขับรถไปรอที่ลานจอดรถคณะอินนะ
Intouch: ครับ แต่เกรงใจจังเลย บอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ ไปเจอกันที่ร้านก็ได้
Bordin : ก็อยากมา แล้วดินเป็นใครถึงต้องเกรงใจ
Intouch: ง่ะ โอเคครับ
Bordin : (ลูบหัว)
Intouch: เราเป็นหมาหรอ ขยันลูบจัง
Bordin : เชื่องๆนะ
Intouch: หึย เดี๋ยวโดนกัดนะ
Bordin : ไม่เอานะ น้องหมาต้องรักเจ้าของสิ

อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ดินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจเรียนอยู่ หรือหลีกเลี่ยงคำว่าเจ้าของกันแน่ ดินรู้ว่าเราสองคนยังไม่ได้คบกัน เขาก็แค่เผลอพิมพ์ไปแบบนั้นเพื่อแหย่อีกคนเล่น แต่พออีกฝ่ายไม่ตอบเขาก็แอบใจแป่วลงเหมือนกัน

“รอนานไหม” คนตัวเล็กเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับเข้ามา ยิ้มหวานๆที่เปื้อนใบหน้าอีกฝ่ายทำให้ดินใจเต็นไม่เป็นจังหวะ
“เพิ่งมาเหมือนกัน” เขาตอบแบบนั้นทั้งที่เขามารออยู่ที่นี่ได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ดินออกรถเมื่อคนตัวเล็กคาดเข็มขัดดีแล้ว


“ไปกินร้านไหนกันดีครับ”
“ดินอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ไม่นะ ตามใจเลย”
“งั้น วันนี้ไปห้องเราไหม”
ดินชะงักแอบมองหน้าคนข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เขาไม่คิดว่าคนข้างๆจะคิดลึกเท่าเขาหรอก
“ก็..ก็วันนั้นที่คุยกัน ดินอยากกินสปาเกตตี้ฝือมือเรานิ” อีกฝ่ายรีบแก้ตัว กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
“จะทำให้จริงๆหรอครับ ดีใจจัง”
“งั้นก็แวะซุปเปอร์แถวหอเราก่อนนะ น่าจะของไม่ครบ”

เราจอดรถที่ซุปเปอร์มาร์เกตใกล้ๆหอพัก ดินเดินถือตระกร้าตามคนที่หยิบนั้นเลือกนี้จะเสร็จ เราจ่ายเงินแล้วถึงขึ้นลิฟท์ไปห้องอีกฝ่าย

“เข้ามาก่อนสิ”
 อินหันหน้ามายิ้มให้ผมก่อนที่จะหยุดตรงประตูรอให้ผมเข้าห้องเขาก่อน ห้องของเขาเป็นห้องพักเล็กๆ ส่วนที่เราเข้าไปมีเพียงโซฟายาวหนึ่งตัว ตั้งตรงหน้าทีวีเครื่องใหญ่ มีเคาเตอร์บาร์กั้นแบ่งส่วนของหัวครัวและห้องนั่งเล่นให้แยกจากกัน ผมเห็นประตูอีกสองบาน เดาว่าประตูแรกที่อยู่ติดกับทางออกน่าจะเป็นประตูห้องน้ำ ส่วนอีกฝั่งที่ติดระเบียงน่าจะเป็นห้องนอนเขา


“ห้องน่ารักจังเลย”
อินยิ้มกับคำชม เราวางข้าวของทุกอย่างที่ซื้อมาลงบนเคาเตอร์บาร์ อีกฝ่ายเปิดชั้นวางของในครัว ค้นไปมาแป๊ปนึงก็เจอสิ่งที่ต้องการ

“เจอแล้วว มีจริงๆด้วย ดีนะที่ไม่ซื้อมาอีก”
เจ้าตัวหยิบห่อสปาเกตตี้ขึ้นมาโบกไปมาให้ดินดู เขาบอกให้อีกฝ่ายซื้อไปเผื่อแต่เจ้าตัวก้ยังยืนยันบอกว่ามีอยู่ที่ห้อง ทำยังไงก็ไม่ยอมซื้อมาอีก
ดื้อเหมือนกันนะ

“ให้ดินช่วยอะไรไหมครับ”
“ไม่เอาสิ ไปนั่งรอเลย วันนี้เราบอกว่าเราจะทำให้กินไง”
“แต่ดินอยากช่วยอะไรบ้าง”
“งั้นเปิดเพลงให้หน่อยสิ เราชอบเปิดเพลงไปทำอาหารไป”

ดินหยิบมือถือขึ้นถามอีกฝ่ายว่าอยากฟังเพลงอะไร แต่เมื่อเขาตามใจดินเลยเข้าโปรแกรมที่ฟังประจำ เลือกเพลย์ลิสต์ที่ตัวเองสร้างไว้ อินทัชแอบอมยิ้มมองคนที่เดินไปวางมือถือลงบนลำโพง แล้วเปิดทีวีทำนั้นทำนี้รอเขาทำอาหาร วันนี้เขาตั้งใจชวนอีกฝ่ายมาเลี้ยงตอบแทน ก็ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาคนคนนี้ก็ดูแลเขาดีมาตลอด เขาก็อยากตอบแทนอะไรอีกฝ่ายบ้าง

แต่การชวนมาที่ห้องแบบนี้จะเหมือนอ่อยเกินไปไหมว่ะ
 
จำอะไรได้บ้างไหม
เกี่ยวกับฉันคนเก่า
เพลงเดิมๆที่เคยเป็นของเรา
เธอยังร้องยังฟังอยู่ไหม
 
อินทัชตาโตเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่ดังออกมาจากลำโพง มันเป็นเพลงที่เขาคุ้นเคยที่สุด ไม่ใช่ว่าเป็นเพลงที่เขาฟังบ่อยหรอก กลับกันมันเป็นเพลงที่เขาคอยเดินหนีไม่ยอมฟังต่างหาก
 
ไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนที่มันดึกๆ
เธอยังเหงายังเหมือนวันเก่าๆอยู่ไหม
ไม่รู้ว่าภาพแววตาที่เธอได้เคยมองมา
จะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน
 
“อินอิน”
“ครับ อ๊ะ เพลงนี้เมื่อวานอินส่งให้กิต ฟังยัง”
“อืม ฟังแล้ว”
“เศร้าเนอะ เนื้อหาน่าสงสารมาก”
“อิน กิตมีอะไรจะบอก”


วันวาเลนไทน์ที่สามที่เราคบกัน ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น รอฟังเรื่องที่อีกฝ่ายตั้งใจจะพูด อยากรู้จริงๆว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรมาให้ มือสองข้างกำกระเป๋าเป้ที่มีของขวัญที่ทำเองอยู่ ปีนี้ผมใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อที่ทำของขวัญชิ้นนี้ หวังว่าเขาจะชอบ
 
นอกจากชื่อฉันมีสิ่งอื่นอีกไหม
ที่เธอยังใส่ใจและพอจำมันได้อยู่
เศษจากความรักยังเหลือไหมก็ไม่รู้
ในความทรงจำเธอยังจะมีฉันอยู่

อินหลับตาลง ข่มน้ำตาที่พยายามจะไหลออกมาให้กลับเข้าไป เขารู้แล้วว่าเขาอ่อนแอเกินไป หนึ่งเดือนกว่าที่ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่าย เขาคิดว่าตัวเองเดินออกมาได้ไกลแล้ว แต่ใม่ใช่ เขายังย่ำอยู่ที่เดิม

อินตื่นจากความคิดเมื่อจู่ๆเพลงที่ได้ยินเปลี่ยนเป็นเพลงใหม่ที่มีจังหวะเร็วขึ้นทั้งๆที่เพลงเดิมยังไม่จบ ไม่ทันจะเอี่ยวตัวไปมองด้านหลังก็รู้สึกว่ามีสองมือเอื้อมมารอบเอว เป็นดินที่มาโอบหลังเขาไว้

“ขี้โกง” อีกฝ่ายเอาหัวมาซุกตรงไหล่ข้างหนึ่งของเขา ว่าเสียงอ่อนออกมาเบาๆ

“อะ อะไรครับ” อินรู้สึกหัวใจเขาเต้นแรง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร

 “ดินเป็นคนเปิดเพลงนะ ไม่ให้คิดถึงใครนะ”
“...”
“คิดถึงได้แต่ดินนะ” อีกฝ่ายว่า จุ๊บลงที่ไหล่เขาเบาๆหนึ่งที
อินอดยิ้มไม่ได้กลับน้ำเสียงออดอ้อนของผู้ชายตัวโต หันกลับไปมองอีกฝ่ายที่ยอมปล่อยเขาออกมา

“งั้นก็เลือกให้สักเพลงสิ ฟังทีไรจะได้คิดถึงแต่ดิน”
อีกฝ่ายมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ อมยิ้มเล็กน้อยก่อนหัวเราะเบาๆแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา


“งั้นไปเลือกก่อนครับ” อินมองอีกคนที่ไปหยิบโทรศัพท์มาเลือกเพลงก่อนที่จะหันมาทำอาหารจนเสร็จ เขาตักเส้นสปาเกตตี้ลงในจานทั้งสอง ราดด้วยซอสบอลองเนสที่ทำเป็นประจำ ยกจานทั้งสองไปวางที่โต๊ะญี่ปุ่นที่กางรอไว้แล้วหน้าทีวี กำลังจะเรียกอีกคนมานั่งกินก็พอดีได้ยินเสียงอินโทรเพลงที่ทำให้ขำกลิ้ง
 
ไอที่เจ็บก็เพราะรู้พี่เจ็บก็เพราะหนู
หนูมาทำให้พี่ละลายเพราะรอยยิ้มหนูคงพอรู้
And now what should ido
Can you be my buu
ขอเพียงแค่ชีวิตเดียวที่ใช้มันไปกับหนู
 
“ไม่ใช่แหละ แบบนี้ก็ได้หรอ” อินหันไปมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้ยิ้มแป้นมาให้ อดไม่ได้จริงๆที่จะยิ้มกับท่าทางกวนๆของคนที่พยายามแรพตามเนื้อเพลงพร้อมกับโยกไปเบาๆ

แค่เห็นเธอยิ้มทีผมก็จะตายแล้ว
ได้โปรดรู้ไว้ใจผมละละลายแล้ว
อยากจะชวนไปเมาก็กลัวจะทนไม่ไหว
เพราะรอยยิ้มเธอมันมีผลต่อใจเหลือเกิน
 
“ให้ครับ” อีกคนตะโกนออกมาแข่งกับเสียงเพลง ตาก็อ่านเนื้อและพยายามแรพตามให้ได้ทุกท่อน อินอดขำไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายพยายามเต้นดุกดิกไปมา เห็นเขาร้องเพลงมาก็เยอะแต่เป็นครั้งแรกที่อินเห็นเขาในมุมนี้
 
ผู้ชายคนนี้เหมือนวิตามิน
วิตามินที่มาบำรุงหัวใจที่ขาดสารอาหาร
ทำไมอินจะไม่รู้ว่าเขาพยายามทำให้หัวเราะ
คนที่ไม่ยอมให้อินจมอยู่กับความเศร้าสักวินาที

อินนั่งมองคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ ถามหัวใจว่าควรเอาเขาวางไว้ตรงไหนดี

อินไม่รู้ว่าเขาพร้อมที่จะเปิดประตูที่ตัวเองปิดล๊อคมานานบานนี้ไหม
 
อินรู้แต่เพียงว่า
 
การที่วันนี้มีอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้
มันช่างเป็นโชคดีของเขาจริงๆ                           
               
 
****************
เครดิตเพลง
นอกจากชื่อฉัน - ActArt
หนูคนเดียว – VARINZ x Z TRIP Feat.PONCHET
 
ขอสารภาพคะ ตอนแรกหมั่นไส้ความมั่นหน้าของพระเอก ตอนนี้รักสุดเลยของบอกกกกก
แอบเห็นใครเพิ่มเข้ามาไหมคะ พอจะเดากันได้ไหมเอ่ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อิอิ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (04:00 โชคดี) อัพ 26/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 26-05-2019 04:21:42
คนเข้ามาเพิ่มคือคนสร้างปัญหาเพิ่มหรอครับ,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (05:00 Move On) อัพ 26/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 26-05-2019 23:27:12
05:00 Move On



พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีส้มที่กำลังจะเลือนหายส่องเข้ามาในห้องเรียนห้องหนึ่งที่มีเพียงเงาของคนสองคน เวลาแบบนี้นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมดแล้ว บนโต๊ะเรียนโต๊ะหนึ่งมีหนังสือที่เปิดค้างไว้อยู่สองเล่ม กระเป๋าเป้นักเรียนสองใบวางอยู่บนเก้าอี้คนละตัว ในบรรกาศที่เงียบสนิทแบบนี้ เสียงเดียวที่ได้ยินชัดเจนคือเสียงที่ออกมาจากการเสียดสีกันของสองริมฝีปาก





“อินอิน”

“กิต..อิน..อินหายใจไม่ทันแล้..”

พูดไม่ทันจะจบดีคนตัวโตก็โน้มตัวลงมากดจูบลงที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง แทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากยามที่อีกฝ่ายครางออกมา อินทัชไม่รู้เหมือนกันว่าเราสองคนจูบกันมานานเท่าไหร่ อาจจะสิบนาที ครึ่งชั่วโมง หรืออาจจะเป็นชั่วโมงแล้ว จำได้ว่าแสงที่เคยมีตอนเราเข้ามาโดนแทนที่ด้วยความมืดไปแล้ว





กิตผละตัวออกจากอีกฝ่าย เอามือลูบแก้มอย่างทะนุถนอมและหวงแหนเป็นที่สุด เอื้อมเอาหน้าผากของตัวไปซบกับหน้าผากอีกคน หอบหายใจเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดหลังจากจูบที่แสนยาวนาน พยายามควบคุมเสียงที่จะเปล่งออกไปให้ดูมั่นคงที่สุด





“อินอิน...เป็นแฟนกับกิตนะ”

อินมองสายตาออดอ้อนที่ส่งมาให้ของอีกฝ่าย เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินตอนนี้ ไม่สิ เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ คนตรงหน้าเป็นเพื่อนคนแรกที่เขารู้จักตั้งแต่เข้ามาเรียนมอต้นที่นี่ คือคนที่คอยดูแลและคอยปกป้องคนขี้กลัวอย่างเขา ไม่ว่าปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ผู้ชายคนนี้จะยื่นมือมาช่วย คอยให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างเสมอ





ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน แต่กิตกลายเป็นโลกทั้งใบของอินไปแล้ว





วันนี้เราสองคนตั้งใจเข้ามาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบปลายภาค เป็นสอบสุดท้ายก่อนที่เราจะเรียนจบมอต้น อินจะเรียนต่อมอปลายที่เดิม แต่กิตเลือกที่จะสอบเข้าโรงเรียนอื่น ทำให้นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เรื่องนี้ทำให้อินคิดมากมาตั้งแต่วันที่รู้ผลสอบของอีกฝ่ายแล้ว ทั้งๆ ที่พยายามฝีนตัวเองมาตลอด แต่เมื่อเวลามันมาถึง เขาก็เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ไม่มิด





“อินไม่ให้กิตไป กิตจะทิ้งอินไปแบบนี้ได้ไง” เขาเริ่มโวยวายเมื่ออีกฝ่ายเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมา





“อินอิน มีเหตุผลหน่อยนะครับ”

“ไม่มี ทำไมกิตถึงไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งๆ ที่อินเสียใจจะตาย แต่กิตกลับจะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้หรอ”

อินรู้ว่าตัวเองทำตัวไม่มีเหตุผล ถ้าเขารักอีกฝ่ายจริง เขาก็ควรจะดีใจที่อีกฝ่ายมีอนาคตที่ดีไม่ใช่หรอ





“ไม่ทิ้งสักหน่อย จะมาหาบ่อยๆ นะ”

กิตเอื้อมเอามือมาจับมืออีกฝ่าย อินสะบัดมือออกอย่างรวดเร็ว จ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาที่แสดงความโกรธปนน้อยใจ





“โกหก สำหรับกิต อินก็แค่เพื่อนคนนึง เวลาผ่านไปกิตก็จะลืมอิน”





อินไม่ทันตั้งตัวเมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาจับสองแก้มของเขา กดจูบลงมาบนริมฝีปากเบาๆ ผละออกมามองหน้าเขาที่ตอนนี้ทำตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาอีกครั้งเพื่อมอบรสจูบที่อินไม่เคยแม้แต่จะกล้าฝันถึง





“ตกลงเป็นแฟนกันนะครับ นะ” สติของอินกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของกิตเร่งรัด





“เอ่อ...”

“ไหนว่ารักกิตที่สุดไง กิตรอมาสามปีแล้วนะ”

“...”

“...”





กิตติมองหน้าอีกฝ่าย เขาพยายามใจเย็นที่สุดแล้ว แต่เมื่อเห็นอินร้องไห้มันก็เหมือนเป็นการกดเปิดสวิตท์ของเขา เขาก็แอบกังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับที่เขารู้สึก แต่ในเมื่อเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็อย่างลองเสี่ยงดูเหมือนกัน





“ว่าไงหมูน้อย” กิตเอามือไปดึงแก้มอีกฝ่ายที่ยังไม่มีสติดี

“กิตอยากเป็นแฟนกับเค้าหรอ จริงๆ นะ”

“แล้วสามปีนี้คิดว่าทำไปเพราะอะไร”

“จริงๆ นะ”

“อืม”

“จริงๆ นะ”

“เอ้า เครื่องแฮงค์หรอ พูดแต่คำเดิม”

“ง่ะ ก็ไม่อยากจะเชื่อนี่น่า”

“แล้วตกลงว่า...”





อินรีบเช็ดน้ำตาที่ปนความเสียใจในตอนแรกและความตื้นตันใจในตอนหลังออกไป ยิ้มและพยักหน้าให้อีกฝ่ายแรงๆ หลายที





“เอ้า หัวจะหลุดแล้ว” คนตัวเล็กโผกระโดดกอดอีกฝ่ายอย่างแรงจนกิตเกือบหงายหลัง





“อินรักกิตที่สุด ที่สุดในโลกเลย”

“เหมือนกันครับ รักอินอินที่สุดเลยนะ”





++++++++++





อินนั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆ ข้างโรงเรียนมัธยมชื่อดัง เขาเรียกพนักงานมาสั่งเลมอนชีสเค้กสองชิ้นและมอคค่าร้อนสองแก้วรออีกฝ่ายที่ไลน์มาบอกว่าจะมาในห้านาที นานๆ ทีเขาถึงจะได้มาแถวโรงเรียนของอีกฝ่ายเพราะมันไกลพอสมควร แต่วันนี้วันสำคัญ





วันวาเลนไทน์ที่สามที่เราคบกัน





แอบเปิดกระเป๋ามองของขวัญที่เตรียมมาให้อีกฝ่าย ยิ้มออกมาอย่างภูมิใจเพราะสามารถลบคำสบประมาทของไอ้กีได้สำเร็จ





“หน้าอย่างมึง?”

“เออ หน้าอย่างกู”

“กูจะดูว่าว่ามันจะออกมายังไง เขาจะกล้าใช้ไหม อย่าถักเป็นรูล่ะ สงสารคนใส่”

“เชี่ย”





ถึงมันจะไม่ใช่ผ้าพันคอที่สวยที่สุด แต่เขาก็ว่ามันไม่ได้ออกมาแย่เท่าไหร่ อยากรู้เหมือนกันว่ากิตจะทำหน้ายังไงตอนได้รับ นั่งคิดเพลินๆ ก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในร้าน ยิ้มเล็กๆ ให้อินเมื่อตาสบกัน





“สั่งให้แล้วนะ เหมือนเดิม”

“ครับ ขอโทษนะที่มาสาย”

กิตว่าขึ้นแล้วนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม วันนี้กิตดูไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน คิดแล้วก็เอื้อมไปแตะหน้าผากอีกฝ่าย

“เป็นอะไรครับ ไม่สบายหรอ”

“เปล่า เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”

“โหย งั้นไม่ต้องมาเจออินวันนี้ก็ได้นะ วันไหนก็เหมือนกัน”

ยังไงก็รักทุกวันอยู่แล้ว

“อินอิน”

“ครับ อ๊ะ เพลงนี้เมื่อวานอินส่งให้กิต ฟังยัง” อินว่าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเพลงนอกจากฉันดังขึ้นในร้าน

“อืม ฟังแล้ว”

“เศร้าเนอะ เนื้อหาน่าสงสารมาก”





เรานั่งฟังเพลงที่ร้านเปิดเงียบๆ พร้อมกินชีสเค้กที่มาเสิร์ฟโดยไม่มีใครพูดอะไร จนเมื่อเพลงจบลงอินก็เห็นอีกฝ่ายยืดตัวตรง





“อิน กิตมีอะไรจะบอก”





เป็นไม่กี่ครั้งที่กิตจะเรียกเขาว่าอิน ซึ่งมันมักจะเป็นตอนที่อีกฝ่ายพูดเรื่องจริงจัง อินอดยิ้มให้อีกฝ่ายไม่ได้ จะแกล้งเซอร์ไพร์อะไรอีกล่ะ ทำเนียนตลอดคนนี้





“คือกิต..กิตมีคนอื่น”





อินไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฟาดไปหรือเปล่า หรือว่าอีกฝ่ายแกล้งอำเขาเล่น พยายามมองเข้าไปในตาคนตรงหน้า เห็นเพียงแววตาที่เขารู้จักดีที่สุดสั่นไหว

แววตาที่แสดงว่าเรื่องที่พูดมันจริง





“คะ..คนอื่น..คะ..ใคร”

“เพื่อนที่ห้อง จำเจได้ไหม”

อินเคยเจอคนที่ถูกกล่าวถึงหลายครั้งเวลาออกมากินข้าวด้วยกัน เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับกิต เป็นคนเงียบๆ แต่คุยด้วยง่าย ตัวเล็กๆ ขาวๆ เหมือนเขา

ใช่ เหมือนเขา





“มันเริ่มเมื่อไหร่” อินว่าต่อเสียงแข็ง พยายามกลั้นน้ำตาที่มันจะไหลออกมาตลอดเวลา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอยากรู้ทุกอย่างหรือไม่





“ปลายปีที่แล้ว...”

“ทำไม...”

“อินอิน”

“ไม่ต้องมาเรียกอินแบบนี้!” อินตะโกนออกไปอย่างไม่ตั้งใจ เสียงดังจนคนโต๊ะอื่นหันมามอง

“กิตขอโทษ”

“ทำไม”

“...”

“ทำไมทำกับอินแบบนี้ ไม่รักอินแล้วหรอ”





“ไม่ใช่นะอิน กิตขอโทษ กิตไม่รู้จะว่ายังไง มันเป็นช่วงที่เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย ตั้งแต่มอห้าเราก็เตรียมตัวสอบกันทั้งคู่ บางทีกิตก็น้อยใจที่อินไม่มีเวลาให้ อย่างตอนนี้ กิตก็ไม่ได้อยากมาพูดกับอินเรื่องนี้วันนี้ แต่ถ้าไม่มีข้ออ้างก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลยใช่ไหม”





“สรุปเป็นเพราะอิน?”

“เปล่านะ” อีกฝ่ายตาโตรีบปฏิเสธทันควันก่อนจะว่าต่อ

“กิต...บางทีกิตก็คิดว่าเราห่างกัน จน...จนบางทีก็รู้สึกว่า ไม่มีกันเราสองคนก็ไม่เห็นจะเป็นไร”





น้ำตาหยดแรกของอินเริ่มไหลออกมาข้างแก้ม ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง อะไรคือไม่มีเราก็ได้





“กิตอยากเลิกหรอ”

“ไม่ใช่นะ”

“แล้วกิต...”

“กิตไม่อยากโกหกอินอีกแล้ว กิตทุกข์มากที่สุด ไม่เคยมีความสุขเลยสักครั้งที่ต้องโกหก” อีกฝ่ายแทรกขึ้นมาอย่างร้อนใจ





“แล้วกิตต้องการอะไร”

อินรู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ยังนั่งมีสติคุยกับอีกฝ่ายได้อย่างนี้ เขาอยากจะเอากาแฟสาดหน้าอีกฝ่ายแล้วลุกออกไปด้วยความโกรธ แต่เขาก็กลัว

กลัวว่าถ้าไปแล้ว เรื่องทุกอย่างมันจะจบลงจริงๆ





“กิตไม่รู้อิน ไม่รู้จริงๆ” อีกฝ่ายยกมือขึ้นมายันโต๊ะแล้วกุมขมับอย่างคนที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ทั้งนั้น เราทั้งสองนั่งเงียบอยู่สักพัก เหมือนเป็นการทบทวนเรื่องที่กำลังเผชิญอีกครั้ง





“กิตบอกว่าเราไม่มีกันก็อยู่ได้”

“ไม่เอานะอิน! กิตไม้ได้ตั้งใจ ไม่เอาแบบนี้นะ” อีกฝ่ายเอื้อมมาจับแขนเขา น้ำตาของคนตัวโตเริ่มไหลออกมาข้างแก้ม

“กิตอยู่ไม่ได้นะ ถ้าไม่มีอินอยู่ไม่ได้จริงๆ”

“แล้วกิตเลิกกับเจได้หรอ”

“ดะ..”

“ไม่โกหก! อะไรก็ได้ ไม่โกหกอินอีกแล้วนะ”

“...” อีกฝ่ายหลบตาลง รู้ตัวว่าไม่ควรให้คำสัญญาพร่อยๆ ออกไปอีกแล้ว

“แล้วกิตจะให้อินทำยังไง จะให้อินเป็นอะไร บอกอินสิ บอกอิน”





อินพูดเสียงเบาเหมือนกระซิบ อินหลับตาลง

เขาเหนื่อย

เหนื่อยที่ต้องทำตัวเข้มแข็ง





“อิน กิตรักอินนะ”

อินลืมตาหันกลับไปสบตาอีกฝ่ายที่ตอนนี้มีน้ำตานองหน้า เขาเฝ้าพิจารณาหน้าเศร้าๆ ของผู้ชายที่เขารักมากที่สุด คนที่ช่วงเวลานึงเคยดูแลเขาอย่างดี มอบช่วงเวลาและความทรงจำที่ดีที่สุด ผู้ชายที่เขายอมยกโลกทั้งใบให้ถ้าอีกฝ่ายต้องการ





“กิตก็รู้ว่าอินรักกิตที่สุด”

“...” อีกฝ่ายยังเงียบ มองหน้าเขาที่ยังพูดไม่จบดี





“กิตเป็นทุกอย่างในชีวิตของอิน แล้วอินก็ให้กิตได้ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ที่กิตอยากได้”





อินเอื้อมไปจับมืออีกฝ่าย เจ้าตัวมองมือของเราทั้งคู่ที่ประสานกัน ก่อนจะเลื่อนสายตามามองหน้าเขา เขายกยิ้มบางๆ ให้อีกคนที่ตอนนี้พยายามกลั้นน้ำตาจนปากสั่น





“อินอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่กิตต้องการ ในฐานะอะไรก็ได้”

“อิน...”





“เราเลิกกันนะ”



















ครืด ครืด เปรี้ยง!



อินสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงฟ้าผ่า ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว สำรวจรอบด้านก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องนอน ยกมือขึ้นมาลูบหน้าเรียกสติก็ปรากฎว่าขอบตาเขาเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา





เฮ้อ ฝันแบบนี้อีกแล้วสินะ





เอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างหัวเตียง ทำสิ่งที่ทเป็นประจำมามากกว่าสี่ปี

เช็คว่าอีกฝ่ายติดต่อมาหรือเปล่า

มันกลายเป็นนิสัยที่ไม่รู้จะแก้ยังไงไปแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควร ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันชัดเจน

แต่ก็ยังรอ







ในวันที่เราเลิกกัน เป็นเขาเองที่บอกอีกฝ่ายไม่ให้ติดต่อมา ให้เราสองคนเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความทรงจำที่ดี ขอให้เขาซื่อสัตย์ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น อีกฝ่ายร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียว อยากให้เรายังคุยกันเหมือนเดิม อยากให้เราไม่ทิ้งระยะห่างจากกัน







แต่หนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเราทั้งคู่ต่างทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความตั้งใจ

อีกคนที่ไม่เคยโทรหา และเป็นเขาที่ลืมไม่ได้







อินเลื่อนดูข้อความที่คุยกันครั้งสุดท้าย เป็นข้อความที่กิตส่งมาหาเขา เป็นวันดียวกับที่เขาตัดสินใจรับดินเข้ามาในชีวิต อินยิ้มเมื่อหน้าของอีกคนลอยมา

เขาดีใจที่วันนั้นตัดสินใจแบบนั้น





เขาถามตัวเอง

มันอาจจะถึงเวลาแล้วหรือเปล่า

ที่เขาจะดึงตัวเองออกจากฝันร้ายซ้ำๆ นี้

ไม่ใช่สิ

มันไม่ใช่เวลา..

แต่เป็นคนคนหนึ่งต่างหาก

ที่ทำให้เขารู้สึก ‘อยาก’ ออกไปจากตรงนี้เสียทีจริงๆ





+++++++++++++++++++++++++++++++





“อ้าวววว ชนๆ ๆ ๆ มึง” เสียงกีตะโกนถือแก้วไล่ชนกับเพื่อนที่นั่งล้อมโต๊ะประจำในร้านล่องลอย





“มึงทำไมคึกจังวะ ตั้งแต่หัวค่ำ”





“เอ่า ก็เพื่อนรักกูมา ปกติอยู่กับมึงสองคน แล้วแบบไม่อยากจะเม้าส์ ไม่เคยมีเวลาให้เพื่อนเลยจ้า อยู่กับเด็กตลอด กูล่ะโครตเหงา”





อินส่ายหัวให้กับความเว่อร์ของเพื่อน แต่จริงๆ เขาก็ดีใจเหมือนกันที่เพื่อนสมัยมอปลายมาหาถึงมหาลัย ไม่ได้เจอตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว สองคนที่มาวันนี้เรียนอยู่มหาลัยแถวสามย่าน





“อ้าวยังคบอยู่กับเตหรอว่ะ ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว” แนทเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มถามออกมา

“เลิกแล้ว” อินตอบสั้นๆ

“โอโห งานดีนะ สนใจส่งต่อไหม” ธันเพื่อนอีกคนว่าขึ้นไม่รู้ว่ามันล้อเล่นหรือเอาจริง





“อีธัน มึงนี่นะ พอเลย เนี่ยที่พามาเลี้ยงเหล้าที่นี่ก็จะพามาดูเด็กใหม่มันนี่ละ งานดีพรีเมี่ยมเกรดเอ”

“จริงดิ ไหนๆ ๆ เมื่อไหร่จะมาวะ”

“มึงแหกตาดูกันเอาเอง บนเวทีน่ะ”





เพื่อนทั้งสองหันมองไปทางเดียวกัน เห็นนักร้องและมือกีต้าร์ประจำของร้านกำลังเล่นเพลงเพราะซึ้งๆ ที่ทำให้สาวๆ หน้าเวทีเมากันตั้งแต่หัววัน





“เชี่ย อย่าบอกว่าตั้งต้น” ธันถามขึ้นเสียงดัง

“เห้ย ไม่ใช่ แต่มึงรู้จักได้ไงวะ”

“โอโห ดังสุดในสามย่านแล้วคนนี้ โครตหน้าม่อ”





กีแอบหน้าเสีย นี่มันดังขนาดนี้ เขาหลวมตัวไปชอบ..เอ๊ย หลวมตัวไปเอากับมันได้ยังไงวะ





“เพื่อนไอ้กีคนนั้นนะ” อินว่าพร้อมหัวเราะเบาๆ

“เห้ย งั้นก็อีกคนดิ จริงอะมึง งานดีมากกกก”





ทั้งสามคนนั่งวิจารณ์คนบนเวทีกันไปเรื่อย เรื่องส่วนใหญ่ไม่พ้นสารธยายวีรกรรมของคนหน้าม่อประจำมหาลัยให้ฟัง อินดีใจที่วันที่เพื่อนสนิทมาหาเป็นวันเดียวกับที่เขาตื่นมาพร้อมฝันร้าย การได้นั่งอยู่กับคนที่ทำให้เราสบายใจแบบนี้ มันทำให้เรื่องที่เคยหนักอกค่อยๆ ถูกยกหายไป





“ว่าแต่อิน มึงลืมกิตได้แล้วหรอ” อินหันไปหาแนทที่เอามือมาแตะบ่าเขา

“โอ๊ย กูไม่อยากจะพูด แม่งยังอ่อยไม่เลิก ไอ้อินมันจะลืมได้ยังไง”

“มึงตัดให้ขาดเลยนะ เมื่อวานกูยังเห็นแม่งไปกินข้าวกับแฟนมันอยู่เลย”

“...”

ธันมองเพื่อนเจ้าของเรื่องอย่างเห็นใจ พวกเขาอยู่กับมาตลอด วันที่มันเลิกกันพวกเขาก็เป็นคนไปรับมันกลับบ้าน อยู่เป็นไหล่ให้ซบ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ อยู่กับมันจนมันกลับมาเป็นผู้เป็นคนแบบนี้





“มึง กูก็ไม่ได้อยากยุ่งนะ แต่คือมึงต้องทิ้งอดีตแล้วเดินต่อไปไหมวะ เป็นปีแล้วนะ” ธันพูดด้วยเสียงที่แสดงความห่วงใย

“ใช่ แล้วป้ายต่อไปของมึงนี่คือดีมาก หล่อล่ำ ร่างสูง ร้องเพลงเพราะ นี่ถ้าไม่เกรงใจ กูจะขอเลยเนี้ย”

“แนท ใจเย็นมึง ท่องไว้ ของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อน”





อินหลุดขำเมื่อเพื่อนเริ่มท่องยุบหนอ พองหนอ ของเพื่อนหนอพร้อมขัดสมาธิบนเก้าอี้ มองมันสามคนที่เถียงทะเลาะกันไร้สาระ กัดกันไปมาก็ได้แต่ยิ้ม





เขาโชคดีที่มีพวกมัน

สามคนนี้เป็นสามคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด ถ้าไม่มีพวกมัน เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะผ่านวันเลวร้ายอย่างนั้นมาได้ยังไง





“กูว่ากูจะคบกับดิน”





ทั้งสามคนที่กำลังจิกผมกันไปมาหันหน้ามาโดยพร้อมเพียง เหมือนจะลืมผ่อนลมหายใจออกกันหมด สักพักยกมือตีอกตัวเองเหมือนอากาศหมด เมื่อพ่นลมหายใจได้ก็ไอค่อกแค่กกันยกใหญ่ อินยกยิ้มให้กับท่าทางตลกๆ ของเพื่อนสนิทของเขา





“ไม่ใช่ว่ากูจะเอาดินมาแทนที่กิตนะ ถ้ากูอยากจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน กูก็อยากให้เขาคนนั้นเป็นดินวะ เขาเป็นคนที่ทำให้กูอยากไปต่อ”





“...” ตอนนี้ทุกอย่างนิ่งสนิท อินมองหน้าเพื่อนทั้งสามสลับกันไปรอฟังว่ามันจะว่าอะไร และเขาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อ





“ไอ้เชี่ยยยยยยย กูไปบนวัดไหนบ้างวะ ต้องตามไปแก้ให้ครบ เอ้า ชนนนนนนน”





เป็นไอ้กีที่ตะโกนออกมาเป็นคนแรก ถือแก้วเหล้าไล่ชนเพื่อนทั้งในและนอกโต๊ะไปทั่ว ตะโกนลั่นว่าเพื่อนกูรอดแล้ว ผีออกแล้ว





“โอ๊ยยยยย น้ำตากูจะไหลลลล เหมือนกูเพิ่งเห็นหน้าลูกที่คลอดดดด”





ไอ้ธันเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่กลางโต๊ะทำหน้าเหมือนเช็ดน้ำตา เอาขวดเหล้ามากอดท่าให้นมลูกแกว่งไปมา เป็นจังหวะเดัยวกับที่สาวน้อยคนเดียวในกลุ่มพุ่งเข้ามากอดและลูบหัวผมไปมา





“หมดทุกข์หมดโศกนะลูกเอ๋ย โอ๊ๆ ขวัญเอ้ยขวัญมา”





อินมองบนให้กับท่าทางโอเว่อร์ของแต่ละคน





บางทีเขาก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน





ทำไมเพื่อนกูแต่ละคนไม่เต็มเลยวะ!!!!





********



ตอนนี้พอได้ไหมหนอ งงกันไหมเอ่ย พยายามเล่าเรื่องของกิตให้เห็นว่านางก็เคยรักนะ แต่คนเราบางครั้งแค่รักกันมันก็ไม่พอ อาจจะเป็นที่วัย ความห่างไกล หรือความเหงา หรือความไม่มั่นคงก็ได้ที่ทำให้คนที่เคยรักมากเปลี่ยนไป





ไม่ได้เข้าข้างหรือเกลียดนางนะ แค่อยากจะบอกว่า

เยอะแยะค่ะคนแบบนี้ 5555





*เสาร์อาทิตย์ก็จะมาบ่อยหน่อยเนาะ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (06:00 คนในอดีต) อัพ 29/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 30-05-2019 01:40:15
06:00 คนในอดีต

“โอ๊ยยยยยยยย เหนื่อย วันนี้หมด หมดจริงๆ ไม่มีแรงจะเดินแล้ว”


กีล้มตัวลงนั่งบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง ถ้ามันจะนั่งพักเฉยๆก็ไม่แปลกหรอก เพราะวันนี้ก็โหดจริงๆ เรียนคาบแรกตั้งแต่แปดโมงเช้า กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว แต่ที่ทำให้มันน่าถีบมากกว่าน่าสงสารคงจะเป็นท่านั่งเหยียดขาข้างหนึ่งลงพื้น อีกข้างวางพาดบนเก้าอี้ยาว ยกคางเงยขึ้นสี่สิบห้าองศาพร้อมเอามือหนึ่งกรีดพาดบนหน้าผากตัวเอง หลับตาพริ้มทำหน้าเหนื่อยล้าอย่างที่สุด
“อิน มึงไปก่อนเลย ไม่ต้องห่วงกู ทิ้งกูไว้ตรงนี้แหละ”
นี่มึงคิดว่ามึงเป็นนางเอกในการ์ตูนตาหวานหรอว่ะ
 
“มึงก็เว่อร์ตลอด เออ มึงนั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำมาให้”  อินทั้งขำทั้งอย่างถีบคนตรงหน้า แต่ยังไงก็ยอมมันอยู่ดี วางกระเป๋าสะพายข้างไว้บนโต๊ะ เดินไปเซเว่นที่อยู่ไม่ไกลจากคณะคนเดียว เข้าไปก็เลือกขนมกินเล่นกับเครื่องดื่มหลายชนิดใส่ตะกร้า เรียบร้อยก็เดินไปที่เคาร์เตอร์ควักกระเป๋าตังค์เตรียมจะไปจ่าย
 
ตึ้ง ต่อง
อินเผลอหันไปมองตามเสียงประตูเปิด ยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลังบานประตูเลื่อน เมื่อสบตากัน อีกฝ่ายก็ยกยิ้มกว้างกลับมาแล้วเดินตรงเข้ามา

“ว่าไงอิน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“สวัสดีครับพี่เคน”
“กำลังจะไปไหนน่ะ”
“กลับคณะพี่ กีรออยู่”
“งั้นพี่ซื้อของก่อน รอแป๊ปนึงนะ เดินไปพร้อมกัน”


เราทั้งคู่เดินเคียงกันกลับไปทางคณะ พี่เคนเอื้อมเอาถุงในมือของอินไปถือ เมื่อทำท่าจะไม่ให้อีกฝ่ายก็ทำหน้าดุส่งมาให้หนึ่งที อินจึงยอมตามใจเอื้อมถุงไปให้ดีๆ
 
“อินสบายดีนะ ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ”
พี่เคนถามขึ้นด้วยน้ำเสียใจดีเหมือนนิสัย พี่เคนเป็นลุงรหัสของเขา ตอนเข้ามาเรียนที่มหาลัยแรกๆเราเจอกันบ่อยมาก พี่เขาคอยมาตามรับส่งตลอด ช่วงที่ต้องปรับตัวเข้ากับมหาลัยก็ได้พี่เคนนี่แหละช่วยไว้ เรียกได้ว่านอกจากไอ้กีแล้ว พี่เคนคือคนที่เขาสนิทที่สุดคนนึง

แต่ก็นั่นก่อนที่เราจะเลิกกัน

ใช่ เขาเคยคบกับพี่เคน พี่เคนเป็นผู้ชายคนแรกที่เขาตัดสินใจคบหลังจากที่เลิกกับกิตไปได้สามเดือน ตอนแรกเขาก็ปฎิเสธไปเพราะยังไมรู้สึกพร้อมให้ใครเข้ามา แต่เมื่อพี่เขาขอโอกาสอยู่หลายครั้ง ก็เลยได้แต่ตอบตกลงไป ส่วนเหตุผลที่เราเลิกกันส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่ก็คือตัวเขาเอง อย่างที่รู้กัน เขาเป็นคนที่ยังจมอยู่กับอดีตจนไม่เคยใส่ใจคนตรงหน้าเท่าที่ควร

“ครับสบายดี พี่เคนล่ะ ปีสี่เขาว่าเรียนหนักไม่ใช่หรอ ไหวหรือเปล่าคุณ”
“ก็หนักอยู่  ไม่ค่อยได้นอนเลย แต่ยังไหวอยู่ ยังหนุ่มยังแน่น ลองจับดูสิ”
“นอนบ้างนะครับ แล้วนี่กินแต่เครื่องดื่มชูกำลัง เดี๋ยวสุขภาพเสียหมด”
อินหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายเบ่งกล้ามยื่นมาให้จับ ก่อนจะเริ่มบ่นแล้วชี้ไปในถุงเซเว่นที่มีแต่เครื่องดื่มชูกำลังอยู่เป็นโหล อีกฝ่ายยิ้มนิดๆ เอามือมาขยี้หัวเขา

“ไม่ได้โดนอินดุมานานแล้วนะ คิดถึงจัง”
“คนอะไรชอบโดนดุ โรคจิตหรือเปล่าครับ”
“ก็นิดนึง” อีกฝ่ายหัวเราะ
“งั้นก็ไปให้พี่อี้บ่นสิ”
“คนนั้นต้องถามว่าเคยหยุดบ่นบ้างไหมมากกว่า”

ใช่ และอีกส่วนนึงที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกกันก็คือ พี่อี้
พี่อี้เป็นเป็นเพื่อนสนิทของพี่เคนมาตั้งแต่มอปลาย และก็เป็นฝ่ายที่แอบชอบคนตัวโตมาตลอด พี่เคนไม่เคยรู้ตัวมาก่อน จนกระทั่งต้องมาเสียใจให้กับคนงี่เง่าอย่างเขา ช่วงนั้นก็มีแต่พี่อี้นี่แหละที่คอยอยู่ดูแลพี่เขาเสมอ พอเราเปิดใจคุยกันตรงๆในวันที่เลิกกัน อินยังเชียร์ให้พี่เขาไปจีบพี่อี้อยู่เลย ดังนั้นแม้เลิกกันไปแล้วแต่เราสองคนยังมีความรู้สึกดีๆให้กัน อินยังคงห่วงใยพี่ชายคนนี้ของเขาเสมอและคิดว่าอีกคนคงคิดไม่ต่างกัน

 “วันหลังไปเลี้ยงหมูกระทะอินเลยนะ ลากพี่อี้มาด้วยนะครับ”
“ได้ๆ เดี๋ยวไลน์เข้ากรุ๊ปนัดมาให้ครบเลยนะ”
“ถ้าพี่เคนเลี้ยงมากันครบแน่นอน”
“แต่ไม่เอาไอ้กีนะ รายนั้นพี่เลี้ยงไม่ไหวจริงๆ”
เราสองคนหัวเราะพร้อมกันเมื่อนึกถึงเพื่อนจอมเขมือบของเขา เวลาสายรหัสเขามีเลี้ยงเมื่อไหร่มันไม่เคยพลาดสักครั้ง

“ว่าแต่เราเถอะ สบายดีนะ” พี่เคนก้มหน้าลงมองอิน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความห่วงใยพร้อมเอามือวางบนกลุ่มผมของเขาเบาๆ อินรู้ดีว่าพี่เคนหมายถึงอะไร
“ครับ อินว่าอินดีขึ้นเยอะเลย” ผมยิ้มให้อีกฝ่าย เป็นยิ้มที่ออกจากใจจริงๆ เพราะเขารู้สึกจริงๆว่าเขาเดินมาไกลมาก ไกลจากอินที่จมกับความเศร้าที่พี่เคนเคยรู้จัก

“ไม่ขี้เมาแล้วนะ”
“ง่ะ ก็มีบ้างอะครับ”
เขาทำหน้ามุ่ยจนอีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ
“แล้วยังคิดถึงอยู่ไหม” อินพยักหน้า
“ก้มีบ้างครับ แต่ไม่โทรแล้ว”
“ห๊ะ  ถามจริง เมื่อก่อนห้ามเท่าไหร่ไม่เคยฟัง”
“ก็เมาแล้วมีคนอยู่ด้วย”
“เต?”อินส่ายหน้า
“จริงจัง?” อินอมยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ
“เห้ยๆๆ อะไร ยังไง พี่พลาดอะไรไปทำไมไม่บอกกันเลย”
“ก็ตั้งแต่มีแฟนคุณเคยสนใจน้องบ้างไหม”
“ก็ตอนเป็นแฟนน้องไม่เคยสนใจผมเลยนี้ครับ”
“ง่ะ ไม่เอามุกนี้พี่เคน สำนึกผิดอยู่”
“อ้าวหรอ มุกนี้ไม่ได้หรอ”
“อย่าแกล้งน้อง” อินโวยวายใส่อีกคน คนโตกว่าหัวเราะชอบใจพร้อมทั้งหยิกแก้มทั้งสองแล้วดึงไปมา อินพยายามจะเอื้อมมือไปจับแก้มอีกฝ่ายบ้าง แต่ด้วยความที่พี่เคนตัวสูงกว่าเขามากก็เลยเอื้อมไม่ถึงสักที

“อิน”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้อินชะงักมือ หันไปมองก็เห็นผู้ชายที่เพิ่งคุยโทรศัพท์ด้วยกันทั้งคืนอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายไม่ได้มองหน้าเขาอยู่ แต่จ้องไปที่แก้มของเขาที่ตอนนี้มีมือของพี่เคนอยู่ สลับกับตวัดสายตาไปมองผู้ชายที่แก่ที่สุดในนี้

“ดิน นี่พี่เคน ลุงรหัสเราเอง แล้วพี่เคนนี่ดิน เอ่อ..เพื่อนอิน”
อินพยายามไม่สบตาตอนแนะนำคนทั้งสองให้รู้จัก รู้สึกเขินขึ้นมากลัวอีกคนได้ยินเรื่องที่เพิ่งสารภาพกับพี่เคนเมื่อกี้
“ดินมาหาเราทำไมไม่บอกก่อน” ไม่รู้ปล่อยให้รอนานแค่ไหนแล้ว
“เมื่อวานตอนคุยในโทรศัพท์ดินบอกแล้วนะว่าจะมารับ”
ตอนนี้สีหน้าของอีกฝ่ายเป็นสีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำเสียงเย็นชาที่ส่งมา ทำให้เขาตอนนี้ใจเสียไปหมดแล้ว เขาจำไม่ได้จริงๆว่าอีกฝ่ายบอกตอนไหนอาจจะเป็นช่วงตีสามที่เราคุยกัน ตอนนั้นอินไม่เหลือสติอะไรแล้วด้วยซ้ำ หลับคาโทรศัพท์ไปแล้วจริงๆ

“ขอโทษทีนะ เราง่วงมากเลย เลยจำไม่ได้จริงๆ”
“งั้นกลับกันเลยไหม”
“กีรออยู่ใต้คณะ ไปนั่งเล่นด้วยกันก่อนเนาะ”
“ไม่เป็นไร งั้นวันนี้ดินกลับก่อนดีกว่า แล้วเจอกันนะ” อีกฝ่ายพยักหน้าให้คนแก่สุดก่อนจะหันมาสบตาเขาแล้วหันหลังเดินไปทางลานจอดรถอย่างไม่รอให้เขาตอบรับ

 "เพื่อน?" คนตัวโตกว่าทำหน้าล้อเลียนส่งมาให้เขา อินยิ้มเจื่อนมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะมองตามหลังคนที่เดินออกไป

**********************************

ผ่านไปไม่ทันครบอาทิตย์หลังจากที่เจอกัน พี่เคนก็นัดรวมสายตามที่คุยกันไว้ พี่แกพาไปนั่งกินหมูกะทะบุฟเฟ่ห์ก่อนจะพาไปต่อที่ร้านเหล้า ซึ่งไม่รู้ว่าความบังเอิญหรือพี่แกจงใจที่ดันจองโต๊ะร้านล่องลอยเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันตรงกับวันที่ดินมีร้องเพลงที่ร้าน

หลังจากวันนั้นที่คณะ ถึงจะโทรหากันบ้างแต่ดินก็ไม่ได้ขอมารับส่งเขาอย่างที่เคย อินเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากให้อีกฝ่ายมาหา มันเลยทำให้เราไม่เจอกันเลย พอวันนี้จะไปที่ร้านอินเลยส่งข้อความไปบอกอีกฝ่าย

"อ่ะ เพื่อนมา" คนแก่สุดพูดขึ้นเมื่อเห็นดินเดินตรงมาที่โต๊ะที่เขานั่งกัน อินหันหน้าไปตามทางเดิน เห็นอีกฝ่ายเดินมาที่โต๊ะ คนมาใหม่กล่าวทักทายคนในโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา


“มานานหรือยังครับ”

“เพิ่งมาเมื่อกี้เอง จะขึ้นเล่นแล้วหรอ”

“อืม ต้นเตรียมตัวอยู่”

"วันนี้เลิกกี่โมง"
"ก็เวลาเดิม อินล่ะ กลับตอนไหนครับ"
"ก็น่าจะดึกๆ"
อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นการตอบรับ มองหน้าเขาแต่ไม่ได้ว่าอะไร อินเม้มปากแน่นก่อนตัดสินใจเอ่ยชวนอีกฝ่าย


"กลับด้วยกันไหมวันนี้"
"..."
"นะ"
อินแน่ใจว่าเห็นอีกฝ่ายยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยกมือมาดึงแก้มเขาเบาๆแล้วพยักหน้า

“ดินขึ้นเวทีแล้วนะ”

นักร้องนำลุกขึ้นบอกลาคนในโต๊ะแล้วเดินกลับทางเดิม
“ใครอะพี่อิน” นัชชาน้องรหัสเขาถามขึ้น
“เพื่อนมัน” เป็นพี่สนพี่รหัสเขาที่ตอบแทน หันหน้าไปขยิบตาให้พี่เคน อินกลอกตามองบนทันที รู้เลยว่าเอาเขาไปเผากันเรียบร้อยแล้ว

เรานั่งกินเหล้ากันไปจนดึกดื่น สายรหัสของอินแต่ละคนพูดเก่งเป็นที่สุด ทำให้อินที่แม้ส่วนใหญ่จะนั่งฟังเฉยๆรู้สึกสนุกสนานจนเหมือนเวลาเดินผ่านไปเร็วมาก เมื่อเริ่มดึกขึ้นสาวน้อยคนเดียวในกลุ่มก็เริ่มเมาไม่ได้สติ พูดโวกเวกน้ำไหลไฟดับ พี่เคนเห็นท่าไม่ดีก็เลยเรียกเก็บเงินบอกจะพาทุกคนไปส่งบ้าน อินปฎิเสธเพราะจะรอกลับพร้อมดิน หลังจากบอกลากัน ทั้งโต๊ะจึงเหลือแค่อินคนเดียว เขานั่งที่โต๊ะฟังเพลงที่อีกฝ่ายร้อง อมยิ้มทุกครั้งที่คนบนเวทีหันมาสบตา

ฟุ่บ!

อินตกใจเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งหล่นลงมาข้างตัวเขา ตั้งสติได้ก็หันไปมองเต็มตา ตกใจเล็กน้อยที่เห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยจ้องมา

“เต..”
“อิน” อีกฝ่ายนั่งตะแคงข้างเข้าหาเขา ขาข้างหนึ่งกึ่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟานุ่ม พาดมือข้างหนึ่งบนพนักโซฟา คนมาใหม่ยิ้มพร้อมส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้เขา กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาบวกกับหน้าที่แดงจัดของอีกฝ่าย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมาแค่ไหน

“มาคนเดียวหรอครับ”
“รอเพื่อนอยู่ เตเมาแล้วใช่ไหม ทำไมไม่กลับห้อง”
“หึ” อีกฝ่ายยกยิ้มก่อนที่จะหัวเราะในลำคอ
“อินเป็นห่วงเตด้วยหรอ”
อินมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ เตในตอนนี้ไม่ใช่เตที่เขาเคยเจอ เตเป็นผู้ชายที่สุภาพที่สุดคนนึงที่เขารู้จักมา อินเม้มปากแน่นเมื่อความรู้สึกผิดมันพุ่งเข้ามาเกาะจิตใจ
คนที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นแบบนี้ก็คือเขา

“ทำไมพูดแบบนี้ ก็ต้องห่วงสิ”
“เตคิดถึงอินนะ ไม่เคยลืมได้เลย”
“...”
“เตเข้าใจทุกอย่าง แต่เตทำใจไม่ได้”
“เป็นความผิดอินเอง อินขอโทษนะ”

อินไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอโทษอีกฝ่าย เขาเสียใจที่ทำให้คนคนนึงเสียใจได้มากแบบนี้ คนเมายิ้มส่ายหน้าไปมา เอื้อมมือมาวางทับมือของเขาที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะจับมือเขาไปวางบนแก้มของตัวเองแล้วบอกด้วยเสียงสั่นเครือ
 
“อินไม่ผิดหรอก เตผิดเอง”
คนตัวโตเอาจมูกแนบลงไปบนมือของเขาแล้วสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ทุกการกระทำส่งผ่านความคิดถึง ความโหยหา และความรักที่เขามีให้กับคนตรงหน้า เขาไม่อยากปล่อยมือนี้ออกไป เพราะกลัวเหลือเกิน กลัวว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัส

อินไม่แน่ใจว่าเขาควรทำอะไรดีตอนนี้ ใจนึงเขาอยากใจดีกลับคนตรงหน้าให้มากกว่านี้ แต่ถ้ามันจะทำให้เรื่องเลยเถิดไปมากกว่านี้เขารู้ดีว่าเขาควรจะหยุด ส่วนอีกใจนึงเขาก็อยากจะดึงมืออีกฝ่ายออกเพราะกลัวคนเข้าใจผิด
คนที่อยู่บนเวที

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ก็หันขวับไปมอง คนบนนั้นจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วและก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นสายตาที่เหมือนกับวันที่เจอพี่เคน สายตาที่ทำให้เขาใจเสีย อินจึงหันมาพูดกับคนตรงหน้าอีกครั้ง

“เตปล่อยอินก่อนเนอะ”
“อะ..อ้ว..อั้วะ”
เตทำหน้าผะอืดผะอมชักมือกลับไปปิดปากตัวเอง อีกฝ่ายกำลังจะอ้วก!

“เตๆ ลุกเร็ว ไปห้องน้ำกัน” อินรีบจับแขนอีกฝ่ายดึงให้ลุกขึ้น ฝ่าผู้คนที่อยู่ในร้านไปทางห้องน้ำ เมื่อเห็นคนที่ต่อคิวเข้าห้องน้ำก็เปลี่ยนใจพาอีกฝ่ายออกจากร้าน หามุมที่ปลอดคนแล้วปล่อยให้อีกคนอ้วกจนหมด อินให้อีกฝ่ายนั่งรอแล้วกลับไปในร้านเพื่อซื้อน้ำให้

“ดีขึ้นหรือยังครับ”
“ก็ดีขึ้นนิดนึง แต่ยังมึนๆอยู่นิดน้อย”
“ลุกไว้ไหม เดี๋ยวเรียกแท๊กซี่แล้วอินไปส่งที่หอ”
“ไม่เป็นไรเตไปได้”
“ไม่ไหวหรอกแบบนี้”
“ไหวครับ ไม่เป็นไรจริงๆ เสียเวลาอินเปล่าๆ”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ” เตหันขวับมามองหน้าอิน รู้สึกอึ้งที่อีกฝ่ายยังจำได้

“อิน เลิกกินได้แล้วนะครับ”
“ไม่เอา ขออินกินอีกแปปนึงนะ”
“แต่พรุ่งนี้อินมีเรียนเช้า”
“อินไหว”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ”

อินลุกไปโบกแท๊กซี่ ทั้งสองเข้าไปนั่งก่อนบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ ระหว่างทางทั้งคู่ต่างนั่งเงียบหันหน้าออกนอกหน้าต่างคนละฝั่ง เมื่อได้อยู่กับตัวเองแบบนี้ อินก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมบอกอีกคน

Intouch: ดิน ขอโทษทีนะ พอดีเพื่อนอินไม่สบาย เดี๋ยวอินไปส่งเพื่อนแล้วกลับห้องเลยนะ

อินมองข้อความที่เข้าส่งให้อีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ เห็นว่าอ่านแล้วแต่อีกคนไม่ได้พิมพ์อะไรกลับมา เลยตัดสินใจพิมพ์ต่อไปอีกนิด

Intouch: ถ้าถึงห้องแล้วโทรหาอินได้ไหม

“อิน”

อินเงยหน้าจากจอมือถือ มองคนที่มองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว

“เต ขอโทษนะ ทำให้อินลำบากเลย”
“ไม่ลำบากหรอก เตดีขึ้นหรือยัง”
“ก็ดีขึ้นแล้ว”

อินมองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิดที่สุด เขาไม่เคยคิดถึงด้านนี้มาก่อน เขามัวแต่ห่วงความรู้สึกตัวเอง จนมองข้ามจิตใจของอีกคน เห็นเตแบบนี้เขาก็พาลคิดถึงตัวเองตอนที่เลิกกลับกิตใหม่ๆ มองหน้าเตตอนนี้เหมือนเขาเห็นตัวเองในตอนนั้นไม่ผิด
เขารู้ดีที่สุดว่ามันทรมานแค่ไหน

“อินขอโทษนะ” อินกระซิบเบาๆออกไป
“เตบอกแล้วว่าอินไม่ผิด”
“อินเล่นกับความรู้สึกของเต”
“...”
“อินแคร์แต่ความรู้สึกของตัวเอง จนอินไม่เคยมองเลยว่าเตจะรู้สึกยังไง ทั้งๆที่ไม่ได้รัก อินก็ไม่ควรจะตกลงคบกับเต ให้ความหวังเตเลย”
“...”
“อินไม่รู้จะว่ายังไง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจากขอโทษ และอินอยากให้เตรู้ไว้นะ อินอยากเห็นเตมีความสุขจริงๆ”

คนตรงหน้าสบตากับเขา สีหน้านิ่งที่ตอนแรกไม่แสดงออกว่าคิดอะไรค่อยๆอ่อนโยนลง สายตาของอีกฝ่ายมองเขาอย่างเอ็นดูก่อนจะยกยิ้มเล็กๆ

“ไม่รักเลยหรอ”
“หืม..”
“เจ็บนะเนี้ย” อีกฝ่ายว่าพลางเอามือลูบหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง
“โดนทิ้งแล้ว ยังมาพูดจาแบบนี้ อินไม่อ่อนโยนต่อใจเตเลยนะ”
อินขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ แต่พออีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆก็เริ่มยิ้มออกมาได้ เตคนเดิมที่ใจดีเสมอกลับมาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ไหม”
“เมื่อไหร่ที่อินต้องการเต บอกเตได้เสมอ”
“เตต้องมีความสุขมากๆนะ”
“จะมีความสุขให้อิจฉาเลย”
“ขอบคุณและขอโทษจริงๆนะ สำหรับทุกอย่างจริงๆ”
“เลิกขอโทษได้แล้ว เตก็บอกแล้วว่าอินไม่ผิด”
“แต่...”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ”
เตชาอดแทรกอีกฝ่ายขึ้นไม่ได้ ไม่ว่าจะสถานะอะไร รอยยิ้มของคนตรงหน้าสำคัญที่สุดสำหรับเขาเสมอ

*****************************

“ดิน”
[ถึงห้องยังครับ]

หลังจากที่ไปส่งเต อินก็เดินกลับเข้าหอพักอาบน้ำแล้วล้มตัวนอนบนเตียง แม้ว่าจะเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรไหวแต่ก็ยังอยากคุยกับคนที่โทรมาทุกคืนก่อน อินเลยนอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย จนมีสายเข้าของคนที่คิดถึงอยู่เข้ามา

“ถึงแล้ว เตรียมตัวนอนแล้วครับ”
[ครับ]
“ดินเพิ่งถึงห้องหรอ เลิกดึกจังวันนี้”
 อินพูดขณะมองนาฬิกาที่ข้างหัวเตียง นี่มันจะตีสองแล้ว
[เลิกนานแล้ว นั่งกินเหล้ากับพวกไอ้ต้นน่ะ]
พอบอกแบบนั้น อินก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมเสียงของอีกฝ่ายถึงฟังดูแปลกๆ
“เหมือนจะกินเยอะเลยนะ เมาหรือเปล่า”
[...]
“อาบนำ้แล้วนอนเลยนะ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้”
[...]
“ดิน..” หลับไปแล้วหรือเปล่า
[เปิดประตูให้ดินหน่อยได้ไหม]
อินสะดุ้งลุกนั่งบนเตียงเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“อยู่หน้าห้องเราหรอ”
[อืม ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม]
“งั้นรอแปปนึงนะ”

อินแอบส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าก่อนที่จะเดินออกจากห้องนอนไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย เมื่อเปิดออกไปก็แอบตกใจเพราะคนตรงหน้าอยู่ในสภาพที่เขาไม่เคยเห็น ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกของอีกฝ่ายไม่ทำให้อินสนใจเท่ากับแววตาสั่นไหวที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าปนความเย็นชา อินมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องมีปัญหาอยู่แน่ๆ เขาเริ่มแอบกังวลขึ้นมาในใจ

"เข้ามาก่อนนะ" อินเปิดประตูกว้างหลบให้อีกฝ่ายเข้ามา ดินเดินเข้ามาในห้องก่อนที่จะลงไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี อินตามไปนั่งข้างๆ หันหน้าเข้าหาอีกคน

"กินเข้าไปเยอะเลยหรอ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย"
"เคยสนใจดินด้วยหรอ"
อินขมวดคิ้วให้กับคนตรงหน้า วันนี้เขาโดนถามคำถามนี้สองครั้งแล้ว
"เมาแล้วใช่ไหม"
"เปล่า"
"เดี๋ยวเอาน้ำเปล่ามาให้นะ"
อินลุกขึ้นจะเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นแต่ถูกจับที่ข้อมือกระชากเบาๆให้กับมานั่งที่เดิม อินหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะถามว่ามีอะไร แต่อีกคนแค่มองหน้าเขาไม่ยอมพูดอะไรสักที

“มีอะไรที่ไม่สบายใจหรือเปล่า”
“...”
“อยากเล่าให้อินฟังไหม”
“...”
อินเอื้อมมือไปวางทับมืออีกฝ่ายที่ยังก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ดินก็ไม่รู้"
"ไม่รู้ว่า?"
"ดินไม่รู้ว่าดินเป็นอะไร...สำหรับอิน"
"ดิน..."
“...”
“อยากพูดอะไร”
"คนที่มาที่ร้านด้วยวันนี้ ที่ดินเจอที่คณะ ไม่ใช่แค่พี่ที่รู้จักใช่ไหม"
"..."
“เขาจับแก้มอินแบบนั้น”
“...”
"แต่ถ้าอินไม่อยากตอบ..."
"พี่เคนเป็นแฟนเก่า" อินแทรกอีกฝ่าย เข้าใจแล้วว่าที่อีกคนหายไปหลายวันไม่ยอมมารับมันเป็นเพราะอะไร
"คนนี้หรอที่.."
"เปล่า ไม่ใช่คนนี้"
"แล้วคนไหนล่ะ!" อยู่ๆอีกคนก็พูดเสียงดังขึ้นมา
"...."
"แล้ววันนี้คนที่ออกมาด้วยกันก็แฟนเก่าอินคนก่อนไม่ใช่หรอ" อีกคนยังคงควบคุมเสียงตัวเองไม่ได้ พูดจากระแทกกระทั้นอย่างที่ไม่เคยทำ

"ก็ใช่..เตไม่ค่อยสบายเราเลยพาไปส่งห้อง" ดินต้องจำเตได้อยู่แล้ว ก็วันที่เขาเลิกกันเป็นวันเดียวกับที่เขาเจออีกฝ่าย ดินลุกขึ้นพรวดเมื่อได้ยินคำตอบของเขา จนอินรีบลุกตามแล้วจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้

"ดินเป็นอะไร"
"ดินกลับก่อนดีกว่า"
"ไม่เอาคุยกันดีๆก่อน"
"ทุกคนดูสำคัญกับอินไปหมด ทุกคนยกเว้นดิน"
"ดิน..."
"ดินเป็นอะไรสำหรับอินกันแน่"
อยู่ๆคนตรงหน้าก็เข้ามาดึงตัวเขาเข้าไปแนบอก ซบหน้าผากลงบนไหล่ข้างนึงของเขาแล้วว่าด้วยเสียงสั่นไหว
"เวลาที่ดินหายไป อินเคยรู้สึกอะไรบ้างไหม"
"ดินวันนี้ดินกลับไปก่อนไหม แล้วค่อยมาคุยกันดีๆ"

 อินรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่มีสติแล้ว เขาถึงไม่อยากคุยเรื่องสำคัญด้วยตอนนี้ ตอนนี้เขาแน่ใจในความรู้สึกที่เขามีให้คนตรงหน้า แต่ในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่พร้อมเลยที่จะแสดงมันออกมา
 
"ไม่เลยหรอ" คนตรงหน้ายิ่งเสียงดังขึ้นเมื่อเขาบอกให้กลับ
"..."
"ในใจอิน"
"..."
"สักนิดก็ไม่มีดินอยู่เลยหรอ"
"ไปใหญ่แล้ว"
"หึ"
อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ เสยผมขึ้นแรงๆก่อนจะว่าต่อ
“กั๊กวะ”
“อะไรนะ”
"อินจะชัดเจนกว่านี้ไม่ได้เลยหรอ"
"อยากพูดอะไรกันแน่"
อินเริ่มเสียงสั่นเมื่อคนตรงหน้าเริ่มเอ่ยคำร้ายกาจมากขึ้น

"นี่ดินไม่รู้อะไรเลยนะ แฟนเก่าที่อินไม่ลืมก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังมีแฟนเก่ากี่คนต่อกี่คนโผล่มาจากไหนอีกก็ไม่รู้"
"...."
"ดินเป็นคนที่เท่าไหร่"
"หยุด" ตอนนี้อินหน้าร้อนไปหมด
"บอกมาสิว่าดินเป็นคนที่เท่าไหร่ อย่างน้อยให้ดินรู้สถานะตัวเองหน่อยไม่ได้หรอ"
“...”
“หรือมันเยอะจนจำไม่ได้”

เพี๊ยะ!

เร็วกว่าความคิด อินตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรงจนหน้าหัน มือของเขาเจ็บไปหมดแต่มันไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว คนตรงหน้ากำลังดูถูกเขา ถึงเขาจะเคยคบกับใครมาหลายคน แต่เขาเป็นคนชัดเจนเสมอ นอกจากเรื่องกิตที่คนที่มาคบทุกคนรู้  เขาก็ให้เกียรติคนที่เขาคบเสมอ ไม่เคยคบหรือคุยซ้อนเลยสักครั้ง

คนโดนตบเอามือจับแก้มตัวเอง ความน้อยใจที่มีอยู่แล้วยิ่งเพิ่มมากขึ้นยิ่งรวมกับสติที่แทบจะไม่เหลือ ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาพุ่งเข้าไปหาคนตรงหน้า ใช้สองมือรวบหน้าอีกฝ่ายเข้าหาตัวเอง กดจูบแรงๆ กดให้อีกฝ่ายอ้าปาก พยายามแทรกลิ้นเข้าไปข้างใน อินพยายามดิ้นออกจากคนตัวใหญ่ ใช้สองมือดันอกอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้เขาทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย จนในที่สุดอินก็ตัดสินใจกัดปากอีกฝ่ายเต็มแรง

“โอ้ย” คนตัวโตร้องออกมาเสียงดัง เป็นจังหวะให้อินผลักอีกฝ่ายออกไกลตัว ดินรู้สึกได้กลิ่นเลือดออกมาจากบริเวณที่อินกัด พอแตะดูก็เห็นเลือดสีแดงสดที่ช่วยเรียกสติเขากลับมาอีกครั้ง

"กลับไป!" อินตะโกนสุดเสียง
"อิน.."
"เราบอกให้กลับไป!"
ดินพยายามเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่เมื่อเขาก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว อีกฝ่ายก็ก้าวถอยหลังไป เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งจนในที่สุดเขาก็ยอมตัดใจ

"ดินขอโทษ ดิน.."
"ดินกลับไปก่อนได้ไหม เราขอร้อง" อินพูดเสียงสั่น น้ำตาของอินเริ่มไหลออกมาตามสองแก้ม ไหล่ของเขาสั่นขึ้นลงตามแรงสะอื้น ตอนนี้เขาทั้งสับสน ทั้งโมโห อินไม่พร้อมจะฟังอะไรที่คนตรงหน้าอยากพูดทั้งนั้น อินหันหลังให้อีกฝ่าย พยายามจะไม่ให้คนตัวโตเห็นน้ำตาของเขา

"โอเค งั้นพรุ่งนี้ดินมารับนะครับ ดินกลับก่อนนะ"
อีกฝ่ายว่าอย่างนั้นแต่เหมือนจะยังไม่ขยับไปไหน จนแน่ใจว่าอินจะไม่หันกลับไปก็ยอมตัดใจ เอ่ยคำขอโทษอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป

เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง อินก็ทรุดลงนั่งกับพื้น ปล่อยน้ำตาที่กลั้นไว้ให้ไหลออกมาอย่างไม่คิดจะกลั้นไว้อีกแล้ว ตอนนี้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาไม่รู้ว่ามันจบลงแบบนี้ได้อย่างไร

ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มก้าวต่อไป อยู่ๆทำไมมันถึงเป็นแบบนี้

เสียงสะอื้นดังก้องทั่วห้องเล็กๆ เขาไม่อยากจะคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้แค่ร้อง ร้องออกมาให้มากที่สุด...ได้แต่หวังว่าน้ำตาทุกหยดที่ออกจากตัวเขาจะช่วยบั่นทอนเรื่องทุกข์ในใจเขาไปได้บ้าง...

***********************
เปิดโหวตค่ะ ตอนนี้ใครหน้าสงสารกว่ากัน ?

เมย์ว่ากีนะ อดกินหมูกะทะไปอีกกกก 555

หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (06:00 คนในอดีต) อัพ 29/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 30-05-2019 12:49:58
เชียร์ให้หยุดที่ดิน
ดินสู้ๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (06:00 คนในอดีต) อัพ 29/05/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 31-05-2019 00:52:39
อะไรเนี๊ยะ???
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (07:00 แก้แค้น) อัพ 01/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-06-2019 19:35:06
07:00 แก้แค้น?


วันศุกร์สุดสัปดาห์แบบนี้เป็นปกติที่ร้านอาหารกึ่งผับชื่อดังแห่งหนึ่งแถวสามย่านจะมีผู้คนมากันคึกคัก สถานที่แห่งนี้มักจะเต็มไปด้วยนิสิตนักศึกษาจากหลากหลายสถาบัน รวมถึงคนวัยทำงานที่มาพบปะสังสรรค์หลังจากทำงานกหนักกันมาทั้งอาทิตย์ วันนี้ธันเลือกนัดเพื่อนสนิทร้านนี้เพราะเป็นร้านที่บรรยากาศกำลังดี เสียงเพลงไม่ดังมากเกินไปจนต้องตะโกนคุยกัน แต่พอดึกๆร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร้าใจขึ้น ทำให้พอเมากันได้ที่ก็มันส์ต่อได้เลย


"โถถถ หงอยเลยนะมึง"
"แล้วนี่ไม่ได้คุยกันมากี่วันแล้วว่ะ"

แนทกับธันเริ่มซัก เมื่อฟังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนจบ คนที่เล่าไม่ใช่เจ้าของเรื่องที่นั่งเงียบๆอยู่มุมโต๊ะไม่พูดไม่จา แต่เป็นคนที่อยู่มอเดียวกันกับเจ้าของเรื่องต่างหาก

"ไม่ได้คุยกันมาสองอาทิตย์ละ"
"กีขอบใจมึงมาก แต่มึงหยุด กูอยากฟังไอ้อินเล่าบ้าง"
แนทผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มยกมือห้าม หันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนเหมือนอยากให้มันพูดอะไรบ้าง เมื่อมันยังไม่มีท่าทีจะพูดอะไรต่อผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจึงถามต่อ


"มึงโอเคไหม"


อินที่นั่งเอานิ้ววนเล่นกับขอบแก้วไปมาเงยหน้ามามองหน้าเพื่อนสนิททั้งสาม ทั้งๆที่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร ที่ยอมมาวันนี้ก็เพราะไอ้กีบังคับขู่เข็นมาเพราะไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวแท้ๆ แต่เมื่อเห็นเพื่อนเป็นห่วงเขาขนาดนี้ เขาก็อดที่จะเปิดปากพูดอะไรบ้างไม่ได้


"ไม่โอเค"



ตั้งแต่วันนั้นที่ทะเลาะกัน เขาไม่ได้คุยกับดินอีกเลย หลังจากที่อีกฝ่ายกลับไป เขาก็นอนไม่หลับทั้งคืน ทบทวนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ตอนแรกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าอีกฝ่ายอยู่ๆทำไมถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น

แต่พอลองเอาตัวเองไปวางในตำแหน่งที่ดินยืน เขาก็เริ่มจะเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น ดินไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฟนเก่าของเขาเลย



อีกคนไม่รู้ว่าแฟนที่อินลืมไม่ได้คือใคร

อีกคนไม่รู้ว่าอินมีแฟนมาแล้วกี่คน

อีกคนไม่รู้ว่าอินไม่เคยคบกับใครซ้อน



เพราะไม่รู้แล้วเอาสิ่งที่เห็นมาปะติดปะต่อเอง มันก็คงไม่แปลกที่จะทำให้อีกคนเข้าใจผิด



เป็นเขาเองที่ไม่เคยเล่าอะไรให้อีกฝ่ายฟัง



แต่ไม่ใช่อีกฝ่ายหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น เช้าถัดจากที่ทะเลาะกัน ดินก็มารอเขาที่หน้าหอตอนเช้าแต่เป็นเขาเองที่หลบหน้าอีกฝ่าย โทรมาหาก็ไม่รับสาย ไม่ยอมอ่านหรือตอบข้อความ จนในที่สุดก็ดูเหมือนอีกคนจะละความพยายามไปแล้ว


"คิดถึง?"
"อือ"
“มาก?”

“อือ มาก”

"แล้วทำไมไม่โทรหา"
"..."
"มึงโกรธที่เขาจูบมึงหรอ"
"เปล่า"
"แล้ว?"

"มันกลัวเขาเกลียดมัน" กีเป็นฝ่ายตอบแทนเมื่อเห็นเพื่อนสนิททำหน้าลำบากใจเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง


"คือประเด็น ดินมันคงคิดว่าอินมันคุยกับคนเยอะ เผื่อเลือกไรงี้"


"เฮ้ย ไม่หรอกมึง แล้วทำไมมึงไม่อธิบาย มึงไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย"


"กูอาจจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่ามึง"

เพื่อนทั้งสามเบิกตามองคนตรงหน้า จ้องตามันก็เห็นว่ามันไม่ได้ล้อเล่น มันคิดกับตัวเองอย่างที่มันพูดจริงๆ


"เฮ้ย ทำไมมึงพูดแบบนี้"

"ก็ไม่จริงหรอมึง กูมันพวกให้ความหวังเขาไปทั่ว กูคบกับคนใครก็ได้ แล้วมึง มึงต้องเห็นเตวันนั้น กูเพิ่งรู้ว่ากูแม่งโครตเลว ที่พวกมึงด่ากิตกันน่ะ กูก็ไม่ได้ต่างกับเขาสักนิด"
 
"มึงงง.." เป็นแนทที่เข้ามากอดเขา สงสารเพื่อนตัวเล็กที่มีนไม่เคยมีความสุขกับควารักทั้งที


“กูมันง่าย เขาควรได้เจอคนที่ดีกว่ากุไหม”



“มึงไม่ได้เป็นแบบนั้นไอ้อิน ไม่งั้นมึงจะมานั่งคิดมากแบบนี้หรอ”



ธันว่าเสริม เขาไม่ได้แค่ปลอบใจเพื่อนแต่เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไอ้อินเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ  ถ้ามันทำให้ใครเสียใจ เขาเชื่อว่ามันเป็นเพราะความไม่รู้มากกว่าความตั้งใจ



“อิน มึงไม่เลว” กีแตะบ่าเพื่อนสนิท

“มึงแค่อ่อนแอเกินไป มึงถึงต้องการใคนสักคน แล้วการที่มึงลองคบกับใครมันก็ไม่ผิด มึงไม่ได้คบซ้อนสักหน่อย”



อินรู้ว่าเพื่อนสนิทพยายามปลอบเขา แต่เรื่องที่เจอมาในช่วงนี้หลายๆเรื่อง มันทำให้เขาต้องกลับมาคิด ยิ่งคิดได้มากเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่ายิ่งไม่ชอบตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ



“เขาคงเกลียดกูไปแล้วมั้ง”



“เอาอีกล่ะมึง มึงอย่าคิดไปเอง มีอะไรในใจก็พูดออกไป อย่างตอนไอ้กิต ถ้ามึงไม่อยากเลิกกับมัน มึงก็ไม่น่ายอมเลิก มึงต้องสู้เพื่องความรักของมึงบ้าง”



อินเงยหน้ามาสบตากับกี เป็นไม่กี่ครั้งที่อีกฝ่ายจะพูดจาจริงจังกับเขาแบบนี้



“แล้วเรื่องดินก็เหมือนกัน มึงไม่ต้องมานั่งเดาว่ามันจะเกลียดมีงหรืออะไร มึงต้องเผชิญหน้าความจริง จะเอาแต่หนีไม่ได้ มึงยังไม่ได้ให้โอกาสมันเลย เล่าให้มันซะ”

“...”

“บอกมันไปว่าจริงๆมึงคิดยังไง แล้วถ้าเขาไม่เอามึง มึงค่อยกลับมาหาพวกกู โอเค๊”



กีเอามือมาขยี้ผมเพื่อนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว อินเบะปากลงเหมือนจะร้องไห้ สมองก็คิดตามที่คำที่อีกฝ่ายกล่าว อย่างนี้เขาถึงได้รักมันเพราะถึงมันจะดูไร้สาระไปวันๆแต่มันคือคนที่คอยเตือนสติเขาเสมอ



“เออกูจะลองดู”

“มันต้องอย่างนี้สิวะ เพื่อนกู”

“ถ้าเขาเมินกู...”

“กูเลี้ยงเหล้ามึงเองไอ้อิน แถมกูจะคอยดูแลแล้วลากมึงกลับห้องด้วย”



“กีกูรักมึงวะ” อินมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยิ้มให้กำลังใจมา เพื่อนอีกสองก็ทนไม่ไหว เข้าไปกอดมันบ้าง



“มึงนี่โครตแมนเลย”

“ผัวสุดล่ะคนนี้”



“อีเชี่ยยย ขนลุก อย่ามาชมกู ถ้าได้กันเองแล้วใครจะรุก”



ทั้งสามหัวเราะให้กับคนที่จริงจังได้ไม่ถึงนาทีก็กวนตีนอีกแล้ว พร้อมใจกันเอามือไปขยี้หัวเพื่อนสนิทที่ใครต่อใครว่าไร้สาระแต่ถ้าเพื่อนมีปัญหาเมื่อไหร่ก็พร้อมจะจริงจังขึ้นมาทุกที



“ว่าแต่ กับกิตนี้ตอนนี้เป็นยังไง” จู่ๆแนทก็ถามขึ้น

“เออๆ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นนางเดินกับแฟนนางเลยนะ เป็นเดือนแล้ว”

“ก็ไม่ไง ก็มีไลน์มาบ้าง”

“เฮ้ย ไหนมึงสัญญากับกูแล้ว!”

“ก็สัญญาแล้วไง ไม่เคยตอบเลย”



เมื่อเขาว่าอย่างนั้นกีก็โน้มหน้ามาหาเข้าจนตอนนี้จมูกของคนทั้งสองแทบจะชิดกันอยู่แล้ว



“อะไรของมึงเนี้ยยย”

“มึงแน่ใจว่าไม่ได้คุย” อีกฝ่ายจ้องเขาระยะประชิดเหมือนพยายามจะจับผิด

“เออ”

“ไม่เคยโทรหา?”

“ไม่”

“ไม่คิดถึง?”

“ก็พอมีบ้าง...”

“แต่ตอนนี้ดินสำคัญกว่า?”

“ก็ใช่...อะไรของมึงเนี้ย”

อินตอบคำถามสุดท้ายอย่างเขินๆ กียิ้มกว้างแล้วค่อยๆถอยออกไปนั่งที่ตัวเองดีๆ ยกแก้วเกล้าขึ้นมาจิบเบาๆ



“อาการเป็นไงครับหมอ” ธันพูดขึ้นมาอย่างรู้กัน

“คนไข้พัฒนาการดีมาก ไม่ดื้อยา”

“เขาใกล้หายแล้วใช่ไหมหมอ หนูดีใจที่สุดเลย”



อินส่ายหน้าให้กับอาการของเพื่อนๆตรงหน้า อยู่ด้วยกันทีไรรับมุกโยนมุกกันจนเขาปวดหัวตลอด



“เห้ย มึง! ดูทางนั้น” เป็นธันที่อยู่ๆก็ตะโกนออกมา

“เดือนม่อมอมึงนี่”

ทั้งโต๊ะหันไปทางที่ธันชี้ เจอมือกีต้าร์ที่คุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่แถวทางเดินไปห้องน้ำ ต้นคุยกับผู้หญิงหน้าตาดีคนนึงอยู่ อยากจะเรียกว่ายืนข้างกันแต่จากอาการแล้วตอนนี้เรียกว่าสิงกันอยู่จะถูกต้องกว่า ผู้ชายตัวโตเริ่มคลอเคลียบริเวณแก้มอีกฝ่ายก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไรแต่ผู้หญิงคนนั้นยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พยักหน้าเป็นการตกลง ก่อนที่ฝ่ายชายจะรวบเอวอีกฝ่ายแล้วเดินเข้าไปด้านใน



“เสร็จไปอีกราย” แนทหันมาพูดเมื่ออีกฝ่ายหันไปลับตา

“แต่แม่งก็น่ากินจริงๆ กล้ามเป็นมัดเลย”

“ธันมึงอย่าง มีงก็รู้นิสัยมัน”

โอ้ย อีแนทกูล้อเล่น!”



“เดี๋ยวกูมา” กีที่จ้องคนทั้งคู่ที่หายลับไปในห้องน้ำพูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว รีบเดินไปทางที่ทั้งสองหายเข้าไป แอบยิ้มอย่างผู้ชนะ วันนี้ล่ะเขาจะเอาคืนคนหน้าม่อให้สาสมที่สุด



*********************



วันนี้ต้นรู้สึกว่าตัวเองโชคดี

ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาแต่เพราะทนการคะยั้นคะยอของเพื่อนสนิทมอปลายไม่ไหวก็เลยยอมถ่อสังขารมาถึงที่นี่

ก็เมื่อคืนหลังเล่นดนตรีที่ร้าน เดือนบัญชีที่คุยกันไว้ก็มารอ พอพากันไปห้องก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไรแล้ว

รู้ตัวอีกทีก็สว่างคาเตียงเลยนี่น่า



ดีนะที่วันนี้ไม่มีเรียนบ่าย เลยได้นอนเอาแรงไปสองชั่วโมงก่อนที่จะออกมาท่องราตรีอีกรอบ ทีแรกก็ยัฃเนือยๆอยู่นะ แต่พอได้เจอดาวนิเทศที่เพื่อนสนิทเคยแนะนำให้รู้จักเท่านั้นแหละ เรี่ยวแรงมาจากไหนหมดก็ไม่รู้ แถมวันนี้เหมือนอีกฝ่ายจะอยู่ในอารมณ์อยากสนุกอยู่พอดี เพราะพอต้นเดินเข้าไปคุยด้วยแปปเดียวก็เหมือนอะไรอะไรมันจะง่ายจนเขาเองก็ยังแปลกใจ



 “ต้...ต้น อ่าา อืมม”



จูบร้อนแรงเริ่มขึ้นจากหน้าห้องน้ำชาย คนตัวโตใช้สายตาลอบมองเร็วๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ดันอีกฝ่ายเข้าไปในห้องส้วมห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปได้คนตัวโตก็ดันผู้หญิงร่างเล็กให้ชิดประตูก่อนที่จะลงกลอนเรียบร้อย สองมือรัดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ค่อยๆดึงอีกคนเข้าหาตัวเองจนในที่สุดหน้าอกอวบอิ่มแนบเข้ากับหน้าอกของเขาจนชิดสนิท ฝ่ายหญิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ค่อยๆยกหัวเข่าแทรกเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้างของคนตัวโต ยกขึ้นสูงเรื่อยๆจนตอนนี้มันกำลังหยอกล้อกับส่วนที่กำลังเริ่มแข็งตัวของเขา คนตัวโตค่อยๆเลื่อนมือที่บีบสะโพกขึ้นสูงเรื่อยๆ บีบขย้ำทุกส่วนไปตลอดทางและมาหยุดลงใต้เนินอกของอีกฝ่าย บีบเค้นอย่างมันมือ



“ฮัลโหลมึงงง ทำอะไรอยู่”

“เออ กูมากินข้าวกับเพื่อนที่มอมึงอะ เออ ร้านเดิม”



ฝ่ายหญิงแอบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในความเงียบ อีกฝ่ายคงพูดโทรศัพท์เพราะไม่ได้ยินเสียงผู่ร่วมสนทนา แต่ก็ต้องละความสนใจในทันทีเมื่อคนตัวโตค่อยๆเลื่อนมือมาแกะกระดุมเสื้อของเขาทีละเม็ด ใจนึงก็ยังเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายปิดประตูลงกลอนดังมาใกล้ๆ เดาว่าน่าจะอยู่ห้องส้วมถัดไปอีกสองห้อง ความสนใจของเขากลับมาที่คนตัวใหญ่อีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเริ่มใช้มือหนึ่งเลื่อนเข้าไปในกระโปรงพร้อมกับโน้มตัวไปซุกไซ้บริเวณซอกคอของเขา



“กูมีเรื่องจะเม้า มึงจำตั้งต้น ดุริยางค์ศิลป์ได้ป่ะ วันนี้กูเจอที่ร้านด้วย”



คราวนี้ทั้งสองคนที่กำลังทำกิจกรรมร้อนแรงอยู่ชะงักลงทั้งคู่ ตั้งต้นยังค้างอยู่ที่ซอกคอฝ่ายหญิง คอยเงี่ยหูฟังคนข้างนอก



“เออ มากับผู้หญิงอีกแล้ว คนใหม่มึง กูโครตสงสารเมียมันเลยว่ะ”



ต้นผละออกมาจากอีกฝ่าย ส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน

“ไม่ใช่เรานะ”



“แถวนี้เขาเรียกมันเดือนม่อทั้งนั้นแหละ”

เชี่ย! ต้นสบถในใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าหน้าบูดไปแล้ว



“ใช่ เมียมันท้องกี่เดือนแล้วนะ เออๆ กูโครตสงสารเด็ก ไม่รู้ติดโรคจากมันหรือเปล่า”



ตอนนี้ผู้หญิงตรงหน้าเขาเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไมาอยากเชื่อ



“เออ มันกินยาอยู่ ไม่มีใครดูออกหรอก แต่กูสงสารผู้หญิงที่มันไปอ่อยเขา เดี๋ยวก็ติดโรคไปกับมันหรอก”



ได้ยินแค่นั้นร่างเล็กก็ผลักคนตัวโตออกห่างทันที รีบติดกระดุมบนแล้วจัดความเรียบร้อยตัวเองเล็กหน่อยก่อนจะรีบเปิดประตูห้องออกไปอย่างรวดเร็ว

“โอ้ย”

ก่อนไปฝ่ายหญิงไม่ลืมกระทืบเข็มร้องเท้าลงบนรองเท้าอีกฝ่ายเต็มแรงไปหนึ่งที ก่อนจะสบถออกมาอย่างสุดทน



เมื่อสติกลับมา คนตัวโตที่ตอนนี้ความสับสนแปรเปลี่ยนเป็นความโมโหเรียบร้อยแล้ว ใครหน้าไหนมันมาแกล้งเขาแบบนี้ พุ่งตรงไปหน้าห้องส้วมห้องนึงที่ยังปิดอยู่ ทุบประตูดังๆหลายครั้ง



“มึงออกมาเลยนะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”



แกร๊ก



“ไอ้เห...กี?”



เมื่ออีกคนเปิดประตูออกมาต้นเตรียมจะเริ่มด่า แต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อเจอหน้ามี่คุ้นตา ความโมโหที่โดนแกล้งเปลี่ยนเป็นความแปลกใจมากกว่า



“ว่าไงครับเดือนม่อ” กีพูดทักทายคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงกวนตีนที่สุดที่เขาจะทำได้

“ต่อไปน่าจะหลอกฟันแถวย่านนี้ไม่ได้แล้วมั้ง”

“ทำแบบนี้ทำไม”

“ก็ไม่ทำไม ก็แค่เกลียดคนเจ้าชู้แบบนาย”

“ไม่ใช่ซะละมั้ง”

“อะไร”

“นี่ตามมาขนาดนี้ ติดใจว่างั้น?”

“จะหลงตัวเองไปหน่อยแล้ว”

“หรือว่าหึง?” คนหน้าม่อถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนที่สุด

“หึ คนแบบนายมีอะไรน่าหึงว่ะ”

ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่ก็แอบใจสั่นกับสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มที่เคยทำให้เขาหลวมตัวไปกับอีกฝ่าย มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สักหน่อย ไม่ใช่เขาแต่อีกฝ่ายต่างหากที่ควรจะโมโหตอนนี้



“สมน้ำหน้า ตอนนี้เขาคิดว่านายเป็นโรคทั้งสามย่านแล้วมั้ง”

“หึ เข้าใจแล้ว”

“เข้าใจอะไรว่ะ!!”

“แบบนี้จะได้ไม่มีใครมายุ่ง ต้นจะได้เป็นของกีคนเดียว”

คนตัวโตค่อยก้าวเขามาใกล้เขา จนตอนนี้เขาพิงเข้ากับซิงค์ล้างมือ เอี้ยวคอหลบอีกฝ่ายที่พยายามจะเข้ามาคลอเคลียเขา

“ใช่ไหมครับ...น้องกี”

“เอาะ...ออกไป” กีพยายามดันอีกฝ่ายออกไป แต่เหมือนมันจะไม่มีผลอะไรเลย คนตัวใหญ่ซุกหน้าลงมาที่คอเข้า ดูดแรงๆตรงคอจนเขาสะดุ้ง

“ช่วยหน่อยสิ เมื่อกี้ยังค้างอยู่เลย”

ไม่พูดเปล่าอีกคนเริ่มงับที่ซอกคอเขาเบาๆ ลากลิ้นเลียไปเรื่อยจนถึงใต้ใบหู



“เห้ยยย อย่าเพิ่งอ้วกนะมึง ถึงห้องน้ำแล้ววว” เสียงโวยวายดังออกมาจากหน้าห้องน้ำ กีตกใจพยายามผลักอีกฝ่ายออกจากตัว คนตัวโตเอื้อมมือมาจับต้นคอเขาแล้วดึงเข้าไปกดจูบแรงๆหนึ่งทีก่อนจะผละออก



“ตัวแสบ วันนี้จะปล่อยไปก่อน แต่ไม่จบแค่นี้แน่” คนหน้าม่อว่าก่อนที่จะขยิบตาแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป



กีมองอีกฝ่ายอย่างมึนงง ทั้งๆที่ตั้งใจมาเอาคืน แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดที่โดนเข้าใจผิดแบบนั้น เป็นเขาเองที่ตอนนี้มายืนมึนงงกับรสจูบของอีกฝ่าย กีมองรอยกัดที่คอผ่านกระจกแล้วเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากตัวเองอย่างงๆ อยู่แบบนั้นจนคนเข้ามาในห้องน้ำจึงทำเป็นล้างมือแล้วรีบเดินออกไปหน้าห้องน้ำ ตอนนี้เสียงเพลงที่ดังอยู่ในอากาศไม่สามารถกลบเสียงหัวใจที่เต้นแรงรัวของเขาได้เลย



*********



เรื่องของกีและต้นจะมาเรื่อยๆนะคะ ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะแยกเรื่องเป็นตอนพิเศษดีไหม แต่ที่คิดไว้คือมันจะเสริมๆกันไป จะพยายามไม่ทำให้งงแน่นอนคะ



แต่นอกจากเรื่องของสองคนนี้ยังมีอีกคู่นะคะ ทายสิใครเอ่ย?



เรื่องของสองคนนั้น เมย์ตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องแยกไปเลยคะ คิดพล๊อตเรื่องน่ารักๆได้แล้ว



ถ้าไม่ถูกใจหรือคำแนะนำอะไรเม้นกันมารัวๆเลยเน้อ ถ้าถูกใจก็เม้นมาได้นะคะ พอมีคนเม้นเข้ามามันคือกำลังใจจริงๆคะ ใครไม่เม้นก็ไม่ว่ากันน้า ขออย่างเดียวอย่าเทกัน อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องเลยเนาะ :)
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (07:00 แก้แค้น) อัพ 01/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-06-2019 10:11:12
มาต่ออีกนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (07:00 แก้แค้น) อัพ 01/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Panza ที่ 02-06-2019 13:30:41
รอน้าาา ส่งกำลังใจให้นู๋อิน ต้นกีคือน่าลุ้นน่าแกล้งมากก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (08:00 แฟน) อัพ 02/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 02-06-2019 22:12:17
08:00 แฟน




ดินเก็บหนังสือและชีทเรียนลงกระเป๋าเมื่ออาจารย์ประกาศเลิกคลาส วันนี้เขามีเรียนตั้งแต่เช้ายันเย็น กว่าจะเสร็จคาบสุดท้ายก็ปาไปเกือบห้าโมงเย็นแล้ว แถมวันนี้มีร้องเพลงที่ร้านอีก สำหรับดินวันนี้จึงเป็นวันที่เหนื่อยสุดๆไปเลย

แต่แบบนี้มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว



เวลาที่เขายุ่งๆแบบนี้อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านถึงคนบางคน คนที่ไม่ยอมคุยกับเขามาสองอาทิตย์แล้ว 

คงจะโดนเกลียดเข้าไปจริงๆนั่นล่ะ



แต่ไหนแต่ไร ดินเป็นคนอารมณ์ร้อน เป็นประเภทพุ่งชน อยากได้อะไรลงมือทำ เก็บอารมณ์หรือควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาถึงคบกับใครไม่ค่อยยืด แล้ววันนั้นที่เห็นอินอยู่กับแฟนเก่าที่ผับ ภาพที่อินโดนจับแก้มมันก็แล่นซ้อนกลับมา แล้วยังแฟนเก่าอีกคนที่หายไปด้วยกันอีก วันนั้นสมองมันคิดเรื่องดีๆไม่ได้เลย จนในที่สุดก็ทำให้อีกคนร้องไห้



หลังจากวันนั้นเขาก็อยากขอโทษและอยากถามเจ้าตัวในหลายๆเรื่อง แต่มันก็มีคำถามซ้อนเข้ามาอีก



เขาเป็นใคร

มีสิทธิ์อะไรไปถามวุ่นวาย

เป็นอะไรกันแน่สำหรับอิน

แล้วพอไปๆมาๆ คำถามมันก็กลายเป็นว่า

ไม่มีเขา อีกฝ่ายจะรู้สึกอะไรไหม



ดินคิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ สองอาทิตย์มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ได้อย่างดีโดยไม่มีเขา มันก็ตั้งแต่แรกแล้วนี่ ที่เขาดึงดันจะเข้าไปในชีวิตอีกคน ทั้งๆที่เขาพยายามไล่ออกมาตลอด



“ไปมึง กินข้าวก่อนไหมแล้วค่อยเข้าร้าน” ต้นแตะบ่าเขาก่อนจะเอ่ยถาม เขาพยักหน้ารับเบาๆลุกออกจากห้องเรียนเตรียมเดินไปชั้นหนึ่งเพื่อไปลานจอดรถอีกที



“ไอ้แทนไปนั่งที่ร้านไหมวันนี้”

“ไม่ล่ะมึง กูง่วง กินข้าวกับพวกมึงเสร็จก็ว่าจะกลับห้องเลย”

“แล้วแต่เลย พวกกูอยู่ร้าน เปลี่ยนใจก็โทรมานะ”

ต้นเอ่ยชวนเพื่อนสนิทเป็นปกติ เขามักจะอยู่สังสรรค์กันหลังเล่นดนตรีเสร็จเสมอ เอามือพาดบ่าคนตัวหนาเดินลงบันไดลงมาชั้นหนึ่ง



“พี่ดินนนนนนนนนนนนนน”

เมื่อก้าวลงมาถึงชั้นหนึ่ง ดินก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังมา มองไปทางต้นเสียงเรียกแล้วก็แอบกรอกตาเมื่อเห็นน้องรหัสวิ่งพุ่งตรงมาหาเขา อ้าแขนรอเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะกำลังกระโดดเข้ามาหา และก็เกือบจะเป็นอย่างนั้นจริงๆถ้าไม่มีแขนมาคว้าอีกฝ่ายไว้ก่อน



“มึงหยุด” แทนเข้ามาขวางระหว่างเขากับหมีพูห์

“พี่แทนอย่าเสือก”

“มึงด่ากูหรอไอ้หมูพี”

“หมีพูห์เหอะ พี่ดิน พี่ต้น น้องโดนแกล้งงงงง”

“ฮ่าๆๆ โอ๋ๆๆ น้องหมีพูห์มาหาพี่ต้นม่ะ”

หมีพูห์รีบสะบัดแขนออกจากคนตัวโต พุ่งเข้าไปหาเพื่อนพี่รหัสอีกคน กอดเข้าที่เอวแล้วคลอเคลียกับกล้ามแขนแน่นปึ้กของอีกฝ่าย



“แรด”

“พี่ดินนนนน หมากัดน้อง”

ไม่พูดเปล่า หมีพูห์รีบวิ่งไปเกาะแขนพี่รหัสตัวเองตอนที่คนตัวโตเผลอ

“กูละสงสารมึงจริงๆไอ้ดิน”

“เออ พอเหอะไอ้แทนมึงก็ชอบแกล้งน้อง หมีพูห์มีอะไรหรือเปล่า วิ่งมาทำไมเดี๋ยวล้มหรอก”

แทนกลอกตามองบนเมื่อคนตัวเล็กแลบลิ้นมาให้เขา ก่อนที่จะหันไปยิ้มหวานให้พี่รหัสตัวเองแล้วว่าต่อ



“พี่ดินเข้าร้านไหมวันนี้ หมีพูห์จะไปนั่งกับเพื่อน”

“อืม วันนี้พี่มีร้องตอนทุ่มนึง มาสิ”

“ได้เลย วันนี้จะอวดเพื่อนให้หมดเลย ก็พี่รหัสผมหล่ออะ”

“กูไปด้วย” แทนพูดขึ้น

“อ้าวไหนมึงง่วง”

“กูเปลี่ยนใจล่ะ กูว่างพอดี”

“เออๆ งั้นไปกินข้าวกัน หมีพูห์ไปกับพี่ไหม”

“ไปครับๆ พี่ดินเลี้ยงนะ”

“เออ พี่ก็เลี้ยงเราทุกทีนี่”

คนตัวเล็กกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ส่งเสียงโวยวายกระโดดกอดพี่รหัสไม่หยุด



“ดิน” ดินหันไปหาเพื่อนสนิทที่เรียกเขา แต่ต้นไม่ได้มองมาที่เขา เขาจึงมองตามสายตาของอีกฝ่าย เห็นคนที่เขาคิดถึงมาสองสัปดาห์ยืนอยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อน เราสองคนสบตากันแปปนึงก่อนที้สายตาอีกฝ่ายจะเลื่อนลงไปที่แขนเขา บริเวณที่หมีพูห์จับอยู่



“เอาไงมึง” ต้นหันมาถาม

“มึงไปเจอกันที่ร้านเลยนะ กูขอไปหาเขาก่อน”

“ใครอ่ะพี่ดิน”

“แฟนมัน แล้วมึงก็ปล่อยแขนมันได้แล้ว แฟนเขาจะเข้าใจผิด” เป็นแทนที่ตอบคำถาม

“แฟนพี่ดินโครตน่ารักเลย ผมขอเข้าไปทำความรู้จัก..โอ้ยยย”

“มึงไปกินข้าวกับพวกกู”

หมีพูห์ที่กำลังจะพุ่งไปหาอินก็ร้องออกมาทันทีที่โดนดึงคอเสื้อแล้วลากไปอีกทาง เพื่อนทั้งสามบอกลากันเร็วๆก่อนที่ดินจะเดินตรงไปหาคนที่มายืนรออยู่



********

“หวัดดี” อินเอ่ยทักทายสั้นๆ
“อินมาทำไมแถวนี้หรอครับ”
“ก็มาหาดิน อยากคุยด้วย”
“ครับ?”
ทั้งๆที่ซ้อมคำพูดมาเยอะแยะแต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็ประหม่าจนไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน วันนี้คนตัวโตดูเย็นชากว่าที่เคย จนตอนนี้ใจฟ่อไปหมดแล้ว



“ไปหาอะไรกินไหม ค่อยคุยกัน”
“งั้นไปกินแถวร้านไหมครับ เดี๋ยวผมต้องร้องเพลงวันนี้”
อินหน้าชากับคำแทนตัวของอีกฝ่าย แต่ก็พยักหน้าเป็นการตกลง เราสองคนจึงเดินเงียบๆไปที่รถของดิน เมื่อเริ่มออกรถ ก็เป็นอินเองที่ตัดสินใจทำลายความเงียบ


“ดิน”
“ครับ?”
“โกรธเราหรอ?”
“เปล่า ผมจะโกรธอินทำไม”
“แล้วทำไมไม่แทนตัวเองว่าดินแล้ว”
“..”
“ขอโทษนะที่ไม่ติดต่อกลับมาเลย”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขอโทษที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความ”
“ไม่เป็นไรเลย ผมผิดเอง”
“ดินไม่ผิดสักหน่อย”
“ผิดสิ ผมไม่ควรไปแตะตัวอิน ถ้าอินไม่อนุญาต”
“...”
“แล้วผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้อินเล่าหรือไม่เล่าอะไร”

“...”

“แล้วไม่ว่าอินจะคุยกับใครก็ไม่เกี่ยวกับผม”

“...”

“จริงไหม?” คนตัวโตหันมามองเขา ทั้งที่น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน แต่สายตาที่ส่งมากลับปะปนไปด้วยความน้อยใจและความโมโห


“สามคน”

“ครับ?”

“หลังจากที่เลิกกับแฟนคนแรก เราก็คบกับอีกสามคน และตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกับใครนอกจากดิน”

“...”

“แล้วกับแฟนคนแรก เราแอบชอบเขามาสามปีก่อนที่จะคบกัน แล้วเลิกกันตอนมอหก”

“อินไม่จำเป..”

“เราอยากเล่า”

“...”

“ฟังได้ไหม”

คนตัวโตพยักหน้า พอดีกับที่เรามาถึงลานจอดรถหน้าร้านล่องลอยพอดี เราสองคนเดินไปนั่งตรงร้านบะหมี่ข้างๆ สั่งบะหมี่คนละชามก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่าง เรานั่งกินกันไปเงียบๆ ทั้งๆที่อินอยากจะเล่าแต่ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มยังไง ความกล้าที่มีก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว


“แล้วทำไมถึงเลิกกันครับ”

ดินเป็นฝ่ายเริ่มถามก่อน อินมองหน้าอีกฝ่าย ยกยิ้มมุมปาก เขาคิดถึงคนคนนี้ที่สุด คนที่แสดงออกทุกอย่างในสิ่งที่ตัวเองคิด


“โดนนอกใจ”

“เหี้ย แล้วทำไมถึงยังจำ” คนตัวโตสบถออกมา

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเพราะความทรงจำดีๆมันมากกว่า”

“...”

“หรืออาจจะเป็นอย่างที่ดินบอกก็ได้”

คนตัวโตคิ้วขมวดอย่างไม่แน่ใจ



“ไม่ใช่ว่ามันดีมาก”

“...”

“แต่เราเพิ่งเจอดินต่างหาก”











************



เมื่อทั้งสองเข้ามาในร้านดินก็กวาดตามองหาโต๊ะของเพื่อนสนิท เห็นต้น แทนและหมีพูห์นั่งกันอยู่ตรงมุมหนึ่งใกล้ๆเวที พอเห็นแล้วก็จับมืออีกคนจะจูงเข้าไปที่โต๊ะแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงไว้จนชะงักหันหลังกลับมาหา



“ครับ?”

“น้องคนนั้น...”

“หมีพูห์?”

“ชื่อหมีพูห์หรอ น่ารักดีนะ” ดินแอบอมยิ้ม

“น้องรหัสครับ ก็น่ารักดี”

ตอนนี้คนตัวเล็กหน้ามุ่ยไปแล้ว พยักหน้ารับรู้แล้วเดินนำหน้าไปที่โต๊ะ จนเขาต้องคว้ามือไว้ก่อนกระซิบข้างหู

“แต่อินน่ารักที่สุด”

“ปากหวานแบบนี้ เจ้าชู้ชัวร์”

“เอ้า พูดความจริงครับ”

“ก็เป็นซะอย่างเนี้ย คนเขาถึงหลงกันเยอะแยะ ดูคนมารอฟังเพลงสิ”

ว่าแล้วคนตัวเล็กก็กวาดตามองหน้าเวที ที่ตอนนี้เริ่มมีคนแน่นแล้ว นี่เริ่มหงุดหงิดจริงๆแล้วนะ



“นี่จะเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าอินหึง”

“จะหึงได้ไง ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

เขาพูดออกไปแบบนั้นเพราะหงุดหงิดปนเขิน แต่คนตัวโตเหมือนจะไม่เข้าใจ จากที่ยิ้มๆอยู่ตอนแรกกลับมาหน้าบึ้งอีกครั้ง

“นั่นสินะ ผมเข้าใจผิดเอง”

ก่อนที่อินจะกล่าวแก้ตัวก็เป็นจังหวะเดียวกันที่น้องรหัสของอีกฝ่ายเข้ามาจับแขนคนตัวโตไว้



“พี่ดินมาแล้วทำไมไม่ไปที่โต๊ะ ผมรอนานแล้วนะ”

“โวยวายตลอดนะเรา”

ดินยกมือดีดหน้าผากน้องรหัส พยายามดึงมือออกจากแขนเขา

“โอ๊ย พี่ดินอะ น้องเจ็บนะ! พี่อินไม่ต้องกังวลนะครับ ผมเป็นแค่น้องรหัสสุดที่รักพี่ดินเฉยๆ ไม่เกินเลยแน่นอน”



หมีพูห์บ่นก่อนที่จะหันไปคุยกับอิน ไม่คุยเฉยมันปล่อยมือจากพี่ตัวเองไปหาอีกคนเรียบร้อยแล้ว



“หมีพูห์อย่าเยอะ คนนี้ห้ามยุ่ง”

“โห พี่ดิน แฟนพี่ดินก็เหมือนพี่สะใภ้ผมไง”

“หมีพูห์ ไม่เล่น แล้วเขาก็ไม่ใช่แฟนพี่”

ประโยคหลังคนพูดหันหน้ามามองอินตอนพูด กลัวว่าคนตัวเล็กจะไม่ชอบใจที่โดนเข้าใจผิด

ถึงจะแอบน้อยใจก็เถอะ



“พี่อินนั่งกับหมีพูห์นะ เดี๋ยวพี่ดินกับพี่ต้นขึ้นเวที ผมไม่อยากนั่งกับพี่แทนสองคน เพื่อนผมมันเบี้ยวไปแล้ว”



อินพยักหน้า สบตาคนที่แยกไปเวทีก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะ ทักทายกับเพื่อนสนิทอีกคนของดินก่อนที่นั่งลง

เราทั้งสามคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่จะเป็นหมีพูห์ที่ไม่เผาพี่รหัสตัวเอง ก็นั่งทะเลาะกับแทน เขาก็แค่นั่งหัวเราะทั้งสองคนไปมา มีแอบสบตากับนักร้องบนเวทีที่มองมาทางเขาเรื่อยๆ



“ครับ ต่อไปก็เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ”



เสียงต้นดังมากจากเวที ทำให้ทุกโต๊ะหันไปทางเดียวกัน



“ผมอยากส่งท้ายค่ำคืนนี้ด้วยเพลงซึ้งๆเพลงนี้ ไม่รู้ว่าจะชอบกันหรือเปล่าแต่เพื่อนผมโครตอินกับเพลงนี้เลยครับ”



ว่าแล้วตั้งต้นก็เริ่มต้นดีดกีต้าร์เพราะๆ เข้ากับบรรยากาศสบายๆของร้านตอนนี้



“พี่อินไม่ใช่แฟนพี่ดินจริงๆหรอครับ” รุ่นน้องตัวเล็กยังไม่หยุดสงสัย อินส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นการปฎิเสธ ก็ตอนนี้เขายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย



“อ้าว ไหนพี่แทนบอกว่าเป็นแฟนกัน”

แทนแทบอยากจะเอามือปิดปากคนช่างพูด มันไม่มองหน้าคนโดนถามเลย ตอนนี้หน้าหงอยไปหมดแล้ว



เจ็บในใจต้องมาฟังเรื่องช้ำเธอบอก

อยู่ประคองต้องมองเธอมีน้ำตา



อินเงยหน้าไปมองบนเวทีอีกครั้ง ตอนนี้เขาใจเต้นรัวเร็วขึ้น อาจจะเป็นเพราะเสียงนุ่มๆที่เขาไม่ได้ยินมาสองอาทิตย์ หรือไม่ก็อาจจะเป็นความหมายของเนื้อเพลงที่อีกคนกำลังร้องอยู่



“แต่พี่ดินดูชอบพี่อินมากเลยนะครับ ดูสายตาดิ โครตหวาน”

“...”

“พี่ทำใจแข็งไม่ชอบพี่ดินได้ไง”

“พี่...”



ไม่เป็นไรอย่าไปจำ

วันช้ำเริ่มใหม่

ส่งใจมาอยู่ไม่ไกลตรงนี้ยังมีใคร



อินรู้สึกเหมือนตอนอายุ 14

ตอนที่ตกหลุมรักครั้งแรก

หัวใจที่มันเต้นรัวจนเหมือนจะระเบิดออกมา

และความรู้สึกที่อยากครอบครองคนตรงหน้าจนทนไม่ไหว



ร้ายร้ายเป็นแค่ฝัน

รักร้าวเรื่องวันนั้น

สุดท้ายก็ต้องผ่านไป

ล้มซบตรงไหล่ฉัน

รักษาใจที่ช้ำ

ไม่ต้องกลัวอะไร



อินคว้ากระดาษกับปากกาจากกระเป๋าสะพายออกมาเขียนข้อความสั้นๆ รวบรวมความกล้าก่อนที่จะลุกเดินไปหน้าเวที เมื่อนักร้องนำเห็นเขายื่นกระดาษส่งไปให้ก็เอื้อมมือมารับอย่างงงๆ ก่อนจะเปิดอ่านแล้วส่งยิ้มที่เขาคิดถึงที่สุดกลับมาหาเขา



เศษใจที่เขาโยนทิ้ง

ยินดีรับครอบครอง

เป็นรักมือสอง

ก็อยากดูแล

ใครเห็นเป็นดินช่างเขา

แต่ในคืนมืดมิดคือดาวสำหรับฉัน



“ร้องเพราะจนสาวหลงขนาดนี้ ขอหึงได้ไหม?



ในฐานะแฟน...”





เธอเป็นส่วนสำคัญของหัวใจ...







**************

Credit รักมือสอง - Bedroom Audio





ยังอยู่กันไหมมมมม ทางนี้เขารักกันล้าวววว



อาทิตย์นี้อาจจะได้อัพไม่บ่อยนะคะ อาจจะแค่ตอนเดียว อย่าเพิ่งเทกันน้า มีกันอยู่แค่นี้ 555



รักกกกกกก
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (08:00 แฟน) อัพ 02/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 02-06-2019 23:45:06
 :katai2-1: :katai2-1:
ชอบคู่กีกับต้น
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (08:00 แฟน) อัพ 02/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 03-06-2019 11:13:36
เอาแล้วสิ เป็นแฟนกันแล้ว,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (08:00 แฟน) อัพ 02/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-06-2019 11:55:51
ตอนนี้อินน่ารักจมเลย
กดบวกให้กำลังใจอินและดิน
เค้าเป็นแฟนกันๆๆๆๆๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (08:30 ขอ spoil น้า )
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 04-06-2019 16:53:19

“อิน.. ดินหยุดไม่ได้แล้ว”

.

.

.

.

.





“อินก็ไม่ได้บอกให้หยุดซักหน่อย”









กรี๊ดดดดด

เขียนเอง เขินเอง นักเลงพอ 555555

ว่าจะไม่มา แต่มันไม่ไหว ขอหยอดนิดนึง









เป็นการเขียน NC ครั้งแรกในชีวิต (.////.)

แบบอย่าเพิ่งคาดหวังมากนะคะ อาจจะยังบรรยายไม่ได้ดีมาก แต่ตั้งใจกว่าตอนสอบเข้ามหาลัยไปอี้กกก

ชอบไม่ชอบยังไงก็มาแล้ว ฝากติดชมกันด้วยนะก๊ะ





อาทิตย์นี้อาจจะมาช้าหน่อยนะคะ แต่มาแล้วมาติดกันหลายตอนแน่นอน แต่เนื้อเรื่องเริ่มจะเข้มข้นขึ้นแล้วเนาะ เขารักกันแล้วนี่น่าาาา





แล้วบอกไว้เลยนะ ว่าใครที่ไปหนีไปเชียร์คู่ต้นกีให้กลับมาก่อนนนน พระเอกของเรากำลังจะกลับมาเรียกคะแนนด้วยลูกอ้อนสุดฤทธิ์ เมย์นี่บางครั้งไม่แยากจะให้อินอินเลย อยากเก็บไว้เองงงง ก๊ากกกก





คู่กีกับต้นก็มานะ ใกล้แล้ววว ใกล้จะตีกันอีกแล้ววว 555 ฝากสองตัวป่วนไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ





ไม่รู้ว่ามีใครพอตะสังเกตเห็นคู่ที่พยายามเปิดไว้หรือเปล่า ก็คือพี่แทนสุดโหดกับน้องหมีพูห์ไงคะ เรื่องนี้บอกเลยโครตตตน่ารักอะ คิดพล๊อตจบไปแล้วด้วย น่าจะประมาณสิบกว่าตอน จะสั้นกว่าเรื่องนี้เนอะ





อ่อ เรื่องนี้จะมี 24 ตอนนะคะ ไม่รวมตอนพิเศษ ตามเวลา 24 ชั่วโมงงี้ เพื่อ? 555 ไม่รู้เหมือนกัน





อย่าเพิ่งหายไปไหนน้าาา เดี๋ยวกลับมาจ้า หนีเที่ยวแปปเนอะ









รักกก
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (09:00 #อินดิน ) อัพ 07/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 07-06-2019 04:07:36
09:00 #อินดิน

ปัง!

ประตูห้องถูกปิดลง เมื่อวางข้าวของลงบนโต๊ะหน้าทีวีเรียบร้อยแล้ว ดินก็รวบคนตัวเล็กจากด้านหลังเข้าหาตัว

“ดิน..รัดแน่นไปแล้ว.. อินเจ็บ”
บ้าชะมัด!
ดินจำได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้

“ก็ดินคิดถึง” ดินกระซิบเบาๆที่ข้างกกหูอีกฝ่ายที่ตอนนี้สีออกแดงเรื่อไปหมด ยอมคลายมือออกเล็กน้อยเพื่อให้คนข้างหน้าหันมาสบตากัน

“อินก็คิดถึงเหมือนกัน” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ก้มหน้ามองต่ำอย่างเขินอายจนคนตัวใหญ่ต้องเอื้อมมือไปแตะคางอีกฝ่ายเบาๆให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง โน้มตัวเข้าไปใกล้หมายจะมอบรสจูบที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดหลายอาทิตย์

“ยังไม่ตอบอินเลยนะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนที่ปากของเราจะสัมผัสกัน

“หืม?”
“ได้ไหม”

ร้องเพราะจนสาวหลงขนาดนี้ ขอหึงได้ไหม
ในฐานะแฟน...


“นี่ไม่รู้จริงๆหรอ ดินทั้งรักทั้งหลงอินจนจะคลั่งตายอยู่แล้ว”

ดินยกยิ้มมองคนตรงหน้า ใช้นิ้วโป้งลูบไล้ริมฝีปากแดงสดของอีกฝ่าย สายตาที่แสดงความหลงไหลส่งออกไปโดยไม่คิดจะปิดบัง เขานับถือตัวเองที่สุดที่ยังมีสติอยู่ร้องจนจบเพลง เขาแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะกระโดดเข้าไปกดจูบคนตรงหน้าซ้ำๆแรงๆทันทีที่เขาอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้น

“คิดว่าดินจะปล่อยให้ไปไหนหรอครับ”

คนตัวโตโน้มตัวเข้าไปงับริมฝีปากคนตรงหน้าเบาๆ ค่อยๆใช้ลิ้นละเลียดรอยแยกและแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากยามที่อีกฝ่ายเผยอเปิดทางให้ ใช้ลิ้นตวัดทักทายอวัยวะเดียวกันเอียงสลับหน้าซ้ายขวาไปมาเพื่อให้สัมผัสของเราแนบชิดกันมากขึ้น สองมือเลื่อนมาโอบประคองคนตัวเล็กที่ตอนนี้แทบจะยืนไม่ไหวแล้ว มือนึงเลื่อนตำ่ไปถึงสะโพก บีบเบาๆตรงส่วนนูนกลม อีกมือสอดเข้าไปในเสื้อลูบขึ้นลงตามแผ่นหลังจนคนตัวเล็กสะดุ้งไปนิดนึง

“ดินรัก รัก รัก รัก รักอินจนอยากจะกลืนอินไปให้หมดแล้ว”

ดินกระซิบแผ่วเบาพร้อมกดจูบไปทั่วใบหน้าไล่ลงมาถึงซอกคอขาวของอีกฝ่าย

เขาเริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ

“อิน.. ดินหยุดไม่ได้แล้ว”

เสียงสารภาพที่ดินเอ่ยออกมาแหบพร่าจนคนตัวเล็กใจสั่นไปหมด อินเบิกตามองคนตัวโตก่อนที่จะหลบสายตาอย่างเอียงอายอีกครั้งเมื่อตาทั้งสองมาสบกัน

“อินก็ไม่ได้บอกให้หยุดซักหน่อย อ๊ะะ....”

อินยังไม่ทันพูดจบดีก็ได้ยินเสียงคนตัวโตสบถในลำคอ มารู้ตัวอีกทีก็ตัวลอยขึ้นไปอยู่บนตัวอีกฝ่ายแล้ว ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของอินพาดรอบเอวของอีกคน สองมือโอบรอบลำคอแข็งแกร่งไว้แน่น หน้าของเราสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน ใกล้กันจนอินต้องกลั้นหายใจเพราะความเกร็ง คนตัวโตพาเขาไปยังโซฟา นั่งลงโดยที่ยังมีเขาอยู่บนหน้าตัก โน้มหน้าเข้ามากดจูบซ้ำๆ กัดริมฝีปากล่างของเขาจนตอนนี้เริ่มรู้สึกชาไปทั่ว
ตอนนี้อินรู้สึกร้อนไปหมด
เขาเคยจูบมาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้มาก่อน ทุกครั้งที่ลิ้นร้อนสอดเข้ามามันทำให้ใจเขากระตุก เขาทำได้แค่กำเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น พยายามใช้ลิ้นตอบโต้กลับไปตามอารมณ์ที่พุ่งพ่านมากขึ้น เขารู้สึกอายเหลือเกินแค่คิดว่าคนตรงหน้าก็คงสัมผัสได้ถึงสิ่งอ่อนไหวของเขาที่กำลังตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้มันอยู่ติดกับหน้าท้องของคนตัวโตอย่างแนบชิด

ดินสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในเสื้อยืดของคนตัวเล็กแล้วดึงถอดออกมากองไว้ที่พื้น ทำซ้ำอีกครั้งกับเสื้อของตัวเอง อินเผลอกลืนน้ำลายเมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นกล้ามเนื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของอีกฝ่าย ดินในตอนนี้ไม่ใช่ดินที่เขาเคยรู้จัก ปกติเจ้าตัวก็เป็นคนมีเสน่ห์เหลือล้นอยู่แล้ว แต่มันเทียบกับดินตอนนี้ไม่ได้เลย เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นดินตอนนี้เลย
เขาอยากให้คนๆนี้เป็นแค่ของเขาคนเดียว

อินหลับตาปี๋เมื่อดินโน้มลงมาที่ซอกคอเขา ดูดลงไปแรงๆหลายครั้งจนเกิดเสียงดังไปทั่วห้อง เจ้าตัวค่อยๆลากเลียลิ้นร้อนไปทั่วบริเวณก่อนจะกัดลงที่ไหปลาร้าจนเกิดรอยแดง ไล่กดจูบจากซอกคอลงมาเรื่อยๆจนถึงช่วงอก ยกลิ้นเลียหัวนมสีชมพูที่ตั้งชันของเขา อินบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน ครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อคนตัวโตดูดและกัดย้ำลงไปตรงนั้นหลายครั้ง มือใหญ่ด้านหนึ่งคอยประคองหลังเขาเอาไว้ ส่วนอีกมือก็เริ่มแกะกระดุมและปลดซิปกางเกงเขาอย่างเบามือ ดินลุกขึ้นอีกครั้งทั้งที่มีเขาอยู่บนเอว หันหน้าเข้าหาโซฟาก่อนจะวางเขานอนราบลงบนโซฟาอย่างเบามือ

“ยกก้นขึ้นนิดนึงนะครับ” เสียงแหบพร่าที่เอ่ยมาทำให้อินหน้าร้อนไปหมด เขาทำตามที่อีกคนว่าอย่างง่ายดาย อีกคนดึงกางเกงและบอกเซอร์เขาออกในคราวเดียวทำให้ส่วนที่ตื่นตัวเด้งขึ้นมาทันที อินพยายามจะเอามือปิดแต่ก็โดนจับแขนไว้ก่อนที่คนตัวใหญ่จะตามมาคร่อมเขาอีกครั้ง ก้มลงไปจูบหัวนมสีชมพูที่ตั้งชันแล้วจึงค่อยๆเลื่อนไปขบกัดตามลำตัวจนเกิดรอยแดงไปทั่ว ขยับลงต่ำเรื่อยๆจนเกือบจะถึงแก่นกายที่แข็งตัวเต็มที่ อินตัวสั่นไปหมดเมื่อคนตัวโตเลื่อนมือมาจับแก่นกายของเขาขึ้นลงเบาๆ โน้มตัวดูดตามร่องขาแรงๆหลายครั้ง ก่อนที่อินจะร้องครางเสียงกระเส่าออกมาดังๆเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเลียและขบส่วนปลายของส่วนอ่อนไหวของเขาเบาๆ 

“ดิน ไม่เอา มันสกปรก อย่าใช้ปาก อ่ะ...”

ตอนนี้อินไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ในสมองของเขาขาวโพลนไปหมด เขารู้สึกดีจนตัวลอยเมื่อคนตัวโตกลืนกินมันเข้าไปจนหมด ดูดเลียขึ้นลงเร็วๆจนเขาร้องออกมาไม่เป็นภาษา ได้แต่แหงนหน้า เกร็งตัวตามแรงสัมผัส แทรกสองมือเข้าไปรัดแน่นกับกลุ่มผมของอีกฝ่าย
คนตัวโตเลื่อนอีกมือไปเคล้าคลึงบริเวณก้นนุ่มของคนตัวเล็ก แทรกนิ้วเข้าไปตรงร่องก้น ดินปวดหนึบไปหมดเมื่อรู้สึกถึงแรงขมิบเวลาที่เขาถูไปมาตรงทางเข้า เขาลังเลที่จะสอดเขาไปเพราะวันนี้เขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย แต่ในใจเขาก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาอยากให้คนตรงหน้าเป็นของเขา เดี๋ยวนี้ ตอนนี้

“ดิน”
“ครับอิน..”
“ดิน... คือ...อิน...อินกลัว คือ อินไม่เคย...”

ประโยคสั้นๆของคนตรงหน้าเรียกสติทั้งหมดของเขากลับมา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายสัปดาห์ ความกังวล ความหึงหวง ความน้อยใจ ความหลงไหล ทุกสิ่งทุกอย่างมันทำให้เขาอยากครอบครองคนตรงหน้าจนขาดสติ จนเขาลืมคิดถึงอีกฝ่ายไปแว๊บนึง ดินยกยิ้มก่อนที่จะโน้มหน้าเขาไปจูบเบาๆที่หน้าผากอีกฝ่าย

“ไม่ต้องกลัวนะ ดินไม่เอาเข้าหรอก”

ดินพูดปลอบอีกฝ่ายเหมือนกล่อมเด็ก ถึงในใจเขาอยากจะทำให้คนตรงหน้าเป็นของเขามากแค่ไหน แต่จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้คนตรงหน้ามีความสุขต่างหาก

“เชื่อใจดินนะ”
“อ่ะะ....”

ดินจับส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายชักขึ้นลงอีกครั้งก่อนจะโน้มตัวดูดส่วนปลายที่มีน้ำเยิ้มออกมาช้าๆแรงๆหลายครั้ง เสียงครางของอีกฝ่ายทำให้เขาปวดหนึบไปยิ่งกว่าเดิม เขากลืนกินส่วนนั้นเข้าออกเร็วๆหลายครั้ง สะโพกของอินเริ่มขยับตามจังหวะที่เขากำหนด จนในที่สุดอินก็ตัวกระตุกและปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเต็มปากเขา ตอนนี้ทั้งห้องเงียบสนิทมีเพียงเสียงหอบหนักๆของคนตัวเล็กที่ซบหน้าลงบนไหล่เขาดังไปทั่วห้อง

“อ่ะ อินขอโทษ เปื้อนไปหมดเลย”
เมื่อคนตัวเล็กหายเหนื่อยก็เงยหน้าขึ้นมาหาเขา แล้วก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นคราบน้ำสีขุ่นตามขอบปากเขา
“ไม่เป็นไรครับ อะไรที่เป็นของอิน ดินก็อยากได้ทั้งหมดนั่นแหละ”
อินมองหน้าอีกฝ่ายที่พยายามฉีกยิ้มมาให้เขา ทั้งที่ตัวเองตอนนี้เหงื่อออกเต็มไปหมด ขาที่สัมผัสกับส่วนล่างที่แข็งตัวของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าอีกคนต้องอดทนมากแค่ไหน แล้วยังทำมาใจดีกับเขาอีก อินคิดได้แบบนั้นก็ลุกเข้าไปจูบปากอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ให้อินทำให้นะ”
อินชี้ไปที่ส่วนใหญ่โตที่ขยายแน่นกางเกงของเขา ดินยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนที่จะเอื้อมไปลูบหัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวดินจัดการเองได้”

อินเอื้อมมือไปถอดกางเกงและบ๊อคเซอร์ของอีกฝ่ายลงแตะส่วนใหญ่โตของอีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ ก่อนช้อนตาขึ้นมามองเขา

“มีอินอยู่ด้วย ทำไมต้องทำเองล่ะ”
คนอะไรน่ารักฉิบ!
ดินแทบจะเสร็จด้วยคำพูดนั้น ตอนนี้ใจเขาสั่นไปหมดแล้ว พยักหน้าเป็นการตกลงจนคนตัวเล็กเริ่มขยับมือไปมาตามแท่งร้อนที่เริ่มขยับขยายตัวเต็มที่ เขาแทบจะทรุดลงเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าเขามาที่ส่วนแข็งขืนอ้าปากรับมันเข้าไปอย่างคนทำไม่เป็น ดูดส่วนปลายเบาๆและไล่เลียไปทั่วบริเวณ
“ดีไหม”
หน้าที่แดงจ้าช้อนขึ้นมามองเขาแล้วว่าขึ้น เขาครางเบาๆเป็นการตอบรับ คนตัวเล็กยกยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นว่าเขาดูพอใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ อ้าปากห่อรับแท่งไฟร้อนเข้าไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้สติของดินขาดสะบั้นไปแล้ว เขาจับหัวอีกฝ่ายเบาๆช่วยกำหนดจังหวะให้ไปพร้อมกันกับสะโพกของเขา กระแทกกระทั้นอยู่หลายครั้งจนเมื่อเขาใกล้ถึงฝั่งก็พยายามดึงออกมาจากปากคนตรงหน้า แต่ถูกอีกฝ่ายจับไว้แน่นจนในที่สุดก็ปล่อยออกมาเต็มปากของคนข้างล่าง เมื่อได้สติอีกครั้งดินก็รีบขว้าตัวคนที่ไม่คุ้นกับของเหลวในปากจนสำลักและไอไม่หยุดเข้ามากอดแน่นๆ ตอนนี้ความรู้สึกของดินท่วมทนไปหมด เขาคิดว่าเขารักคนตรงหน้ามากแล้วแท้ๆ
แต่เขากลับพบว่าที่เขาเคยคิดว่ามาก มันเทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว...

************

ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด
อินเอื้อมมือออกจากผ้าห่มควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ข้างหัวเตียง แต่พยายามเท่าไหร่ก็เอื้อมไม่ถึงโทรศัพท์สักที จนความง่วงที่มีในตอนแรกหายไปหมดสิ้น เมื่อสติกลับมาเต็มที่ก็เพิ่งสังเกตเห็นสองมือใหญ่ที่โอบรัดตัวเขาอย่างหนาแน่นจากด้านหลัง หน้าร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อความทรงจำเรื่องเมื่อคืนกลับมา รีบเอื้อมสุดตัวไปกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกก่อนจะลดตัวลงนอนตำแหน่งเดิม นอนหน้าแดงทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่กล้าหันไปมองข้างหลัง เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเริ่มขยับตัวก็รีบหลับตาลงทันที จังหวะพอดีกับที่อีกฝ่ายยกหัวมาวางพาดบนไหล่เขา

“อรุณสวัสดิ์ครับ” คนเพิ่งตื่นว่าก่อนที่จะจุมพิศลงที่ไหล่ของอินเบาๆ แอบมองลงไปเห็นคนแกล้งหลับแต่คิ้วขมวดไปหมดแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

“ใครแกล้งหลับระวังจะโดนมากกว่าเมื่อคืนอีกนะ” ไม่ว่าเปล่าคนตัวโตสอดมือเข้าไปในกางเกงอีกฝ่ายทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งหันกลับมาสบตากันอย่างรวดเร็ว
“อย่าแกล้งสิ..” หน้าแดงๆกับเสียงอ้อนที่ส่งมาทำให้คนตัวใหญ่ไม่อาจจะคิดอะไรดีๆกับคนตรงหน้าได้เลยถึงเมื่อคืนจะใช้แค่ปากแต่ทั้งเขาและอีกฝ่ายก็ออกมาหลายน้ำอยู่เหมือนกัน

“อรุณสวัสดิ์ครับ” คนตัวโตกล่าวซ้ำ
“อะ..อรุณสวัสดิ์”
“เมื่อคืนดินฝันดีมากเลย”
“...”
“ฝันว่าได้...”
“ถ้าไม่หยุดจะโกรธแล้วนะ”
คนตัวเล็กรีบเอามือปิดปากคนขี้แกล้ง ดูจากหน้าตาทะเล้นก็รู้แล้วว่าจะพูดอะไร ไม่รู้จะทำให้เขาอายไปถึงไหน
“หิวหรือยัง สายแล้วนะ มีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ”
“หิวแล้ว อยากกินคนนี้อีก”
คนตัวโตพูดไปพลางลุกขึ้นมาคร่อมอีกฝ่ายไว้ อินจำไม่ได้จริงๆว่าคนตรงหน้าทะเล้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
น่าจะหลังจากที่ปล่อยน้ำที่สองออกไปเมื่อคืน!

“เอาดีๆ” อินพยายามทำหน้าขรึมใส่อีกฝ่ายทั้งที่โดนรัดแน่นอยู่
“แล้วเมื่อคืนไม่ดีหรอครับ”
“ดิน!”
“ครับๆๆ ไม่เล่นแล้วน้า งั้นดินลงไปซื้อโจ๊กข้างล่างมาให้ไหม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราทำอะไรง่ายๆให้ ในตู้เย็นน่าจะมีของอยู่”
“ห่างเหินจัง..” เมื่อได้ยินสรรพนามเก่ากลับมาคนตัวโตก็หน้ามุ่ย เริ่มซุกไซ้ตรงใบหูของอีกฝ่าย อินรู้สึกเสียวแปลกๆจนต้องเอียงหูออกห่าง
“หืมม จั๊กจี้ ไม่เอา”
“ทำไมแทนตัวว่าเราอีกแล้ว ต้องทำโทษ” ดินยังคงไม่เลิกยุ่งกับกกหูของอิน แอบงับลงไปเบาๆหลายครั้งอย่างนึกอยากแกล้ง วันนี้เขาอยากนอนเล่นอยู่กับคนตัวเล็กแบบนี้ทั้งวันเลยถ้าเป็นไปได้
“สับสนกับใครหรือเปล่า เราก็เรียกแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว..”
“แต่เมื่อคืน..”
“โอเคๆๆ ปล่อยอินก่อนนะ”
คนตัวโตยิ้มแป้นเมื่ออีกฝ่ายยอมตามใจ
“งั้นเดี๋ยวอินลุกไปอาบน้ำก่อน แล้วจะเตรียมข้าวเช้าให้นะ ปล่อยก่อนสิ...”
อินว่าขึ้นเมื่อตั้งท่าจะลุกแต่คนตัวโตไม่ยอมปล่อยแขนเขาสักที หันไปก็เจออีกฝ่ายทำแก้มป่องพร้อมเอานิ้วชี้เคาะบริเวณนั้นเบาๆ อินส่ายหัวเหมือนหนักใจ อมยิ้มก่อนที่จะตีลงไปบนแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้แรงๆ
“โอ้ย!” คนตัวโตร้องเอามือสองข้างกุมแก้มตัวเอง
“เยอะไปแล้ว”
ว่าแล้วก็รีบลุกหนีหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป กดล๊อคประตูปั๊ปก็เอาสองมือมาจับหน้าตัวเองที่ทั้งร้อนทั้งแดงไปหมดแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่อีกคนมักจะทำให้เขาใจเต้นแรงเสมอ แต่เรื่องเมื่อคืนกับเช้านี้มันมากกว่าทุกวันจนเทียบไม่ได้เลยสักนิด
อีกนิดเดียวเขาก็จะระเบิดแล้ว!

*************


อินกำลังเทไข่ดาวกับไส้กรอกที่เพิ่งทอดเสร็จใส่จานทั้งสองเมื่อคนตัวโตเดินออกมาจากห้องน้ำเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่ายที่อยู่ในเสื้อตัวที่ใหญ่ที่สุดของเขาแล้วยิ้มเป็นการต้อนรับ

“เสร็จพอดีเลย มานั่งสิ” เขาว่าก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำผลไม้ออกมา เดินไปเอาแก้วสองใบวางบนโต๊ะกินข้าว ตอนที่กำลังจะเริ่มเทน้ำผลไม้ก็มีสองมือสอดมาโอบรอบเอวจากข้างหลัง

“เดี๋ยวน้ำจะหกนะ”
“ก็อยากกอดนี่น่า”
วันนี้อีกฝ่ายขี้อ้อนจัง
อินปิดฝาวางกล่องลงบนโต๊ะก่อนจะหันกลับมาจับแก้มอีกฝ่ายหยิกเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“เมื่อคืนก็กอดทั้งคืนแล้วยังไม่พอใจอีกหรอครับ”
“พอซะที่ไหนเล่า ยิ่งกอดก็ยิ่งอยากกอดมากขึ้นไปอีกต่างหากล่ะ”
คนตัวโตจับมือที่อยู่ตรงแก้ม พรมจูบเบาๆไปทั่วหลังมือนั้นไม่หยุด
“ดินรักอินที่สุดเลยนะครับ”
“ปากหวานจังวันนี้”
“พูดเรื่องจริงต่างหาก”

อินเอื้อมมือไปแตะแก้มอีกฝ่าย ลูบไปมาเบาๆอย่างเอ็นดูคนตัวโตสุดหัวใจ เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกโชคดีที่มีคนตรงหน้า

“เหมือนกันเลย...”
“ครับ?”
“ก็รัก...
อินก็รักดินที่สุดเลย”


***********
ปล่อยไปสักตอน คนกำลังหลงแฟนเนาะ กรี๊ด!
ปล. Nc มันแอบเนือยๆไหมคะ ยากอ่ะ ฮือ

ตอนนี้เปิดเรื่อง หมูพีที่รัก / My honey แล้วนะคะ ฝากติดตามความน่ารักของน้องหมีพูห์กับความอบอุ่นของพี่แทนคุณด้วยเนาะ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (09:00 #อินดิน ) อัพ 07/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-06-2019 09:59:54
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (09:00 #อินดิน ) อัพ 07/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 07-06-2019 11:03:37
ดินหลงอินหนักมากกกกก :hao6:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (09:00 #อินดิน ) อัพ 07/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 07-06-2019 12:50:06
เขินนนนนนนนนนนนนน
 :mew3:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (09:00 #อินดิน ) อัพ 07/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 07-06-2019 23:09:17
หวานมาก,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (10:00 ความมั่นคงของความรัก ) อัพ 08/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 08-06-2019 21:59:45
10:00 ความมั่นคงของความรัก



“กูแม่งจะทนไม่ไหวจริงๆแล้วนะ มันจะตามอะไรกูนักหนาก็ไม่รู้”

กีเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ให้เพื่อนสนิทฟังอย่างหัวเสีย คิดแล้วอยากจะต่อยคนหน้าม่อที่ตอนนี้เพิ่มความหน้าด้านเข้ามาอีก มาดักเจอเขาเช้าเย็นไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป หนักเข้าพอพยายามหลบหน้ามันก็จะบุกมานั่งด้วยในห้องเรียน นี่ถ้าไม่เกรงใจอาจารย์ที่สอนน่ะเขาไม่มีวันตบปากรับคำกลับบ้านกับมันทุกวันแบบนี้แน่ๆ ไม่รู้มันไปเอาตารางเรียนเขามาจากไหน

“เขาจีบมึงหรือเปล่า”

ธันพูดแหย่เพื่อนที่ตั้งแต่มามันยังไม่หยุดพูดถึงผูชายอีกคนขณะที่วางถาดขนมที่แม่อินเพิ่งเอามาให้ลงกลางวง วันนี้เพื่อนทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านอินอย่างที่ชอบทำเป็นประจำตั้งแต่มัธยม ก็บ้านของเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้กับโรงเรียนมากที่สุด แถมพ่อกับแม่อินก็ใจดีมากอีกต่างหาก ที่แห่งนี้มันเลยกลายเป็นรังลับของกลุ่มมานานแล้ว

“ก็เหี้ยแหละ”

“แน่ะ หยาบคายใส่เพื่อนอีก เขินหรอ”

“เขินพ่องเมิงสิ”

“โอโห เล่นถึงพ่อเลย เขินเยอะนะคราวนี้ อย่าบอกนะว่าที่จริงมึงชอบมันแล้ว”

“ชอบก็หมาแล้ว”

“ส่งขาหน้ามา”

“นี่เพื่อน... ไม่ต้องมาเกาคางกู”

กีปัดมือเพื่อนต่างมอตอนที่มันทำหน้ากวนตีนยื่นมือมาเกาคางเขาเบาๆ

“ช่างกูเถอะ มึงสนเพื่อนมึงเถอะนั่งเหม่อไปถึงร้านล่องลอยแล้ว”

กีพยักเพยิดใช้คางชี้คนที่นั่งเหม่อจ้องโทรศัพท์มาได้สักพัก เมื่อรู้สึกว่าโดนจ้องคนโดนแซวก็เงยหน้าขึ้นมามอง กดปิดหน้าจอมือถือก่อนจะวางลงบนโต๊ะ

“เป็นไรมึง ทะเลาะกับดิน?” หญิงสาวคนเดียวในที่นี้เอ่ยถามขึ้นมา อินส่ายหน้าเป็นการปฎิเสธ ถอนหายใจหนักๆก่อนจะตอบออกมาคำเดียว

“กิต”

“ห๊า นี่มึงกลับไปคุยกับมันอีกหรอ ” กีเริ่มโวยวายออกมาทันทีจนแนททำมือให้เงียบ ก่อนจะหันไปถามคนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งกุมขมับไปแล้ว

“นี่มันยังไม่หยุดส่งข้อความมาหรอว่ะ”

แนทว่าต่อเมื่อเพื่อนสนิทพยักหน้า “แล้วมึงตอบมันไปหรือเปล่า”

“อืม”

“ไอ้เชี่ยอิน ไหนมึงสัญญากับกู... เออๆ กูเงียบก็ได้”

กีเริ่มต้นจะโวยวายอีกรอบแต่ก็ยอมเงียบลงเมื่อเพื่อนอีกสองคนพร้อมใจหันขวับส่งสายตาดุมาให้

“ก็เขาส่งข้อความมาเยอะ บอกมีเรื่องไม่สบายใจ กูก็แค่ไม่อยากใจดำ เขาเคยช่วยกูไว้เยอะพวกมึงก็รู้ จะให้กูทิ้งเขาได้ยังไง”

คนตัวเล็กพูดออกมาเป็นชุด เขาก็ลังเลใจอยู่ทุกครั้งจึงไม่เคยรับโทรศัพท์อีกฝ่ายเลย แต่จะให้ใจร้ายขนาดไม่ยอมตอบอะไรเลยในขณะที่อีกคนกำลังแย่เขาก็ทำไม่ได้จริงๆ

“กูว่าแม่งพยายามกลับมา” ธันกอดอกว่าขึ้นหลังจากที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมาสักพัก

“ไม่ใช่หรอกมึง”

“ไม่ใช่เหี้ยอะไร แม่งยังเรียกมึงหมูอิน อินอินอยู่เลย อ่อยไม่เลิกไอ้เหี้ยนี่” กีที่เอาโทรศัพท์เพื่อนไปเปิดดูข้อความก็ว่าขึ้นอย่างสุดทน

“...” ก็นี่ล่ะที่เขาทำให้เขาคิดไม่ตก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายทำอย่างนี้เพื่ออะไรกันแน่

“พวกมึงเงียบ” ธันกล่าวขึ้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาหาเบอร์ก่อนจะโทรออก ไม่ลืมที่จะกดเปิดลำโพงแล้ววางลงกลางโต๊ะ

[เฮลโหลลลลล อีธัน] เสียงปลายสายดังออกมาอย่างร่าเริง ทั้งหมดจำได้ทันทีว่าเป็นลูกน้ำเพื่อนที่คณะบัญชีของมัน

“อีน้ำ ทำไรวะมึง”

[นอนอยู่มึง วันนี้วันหยุดไหม มึงโทรมาทำไมแต่เช้า]

“เช้าบ้านมึง จะบ่ายหนึ่งแล้วนะ”

[กว่ากูจะได้นอน มึงถามผู้ชายบนเตียงกูด้วย ไอ้สัด! มึงเปิดลำโพงหรอ]

ลูกน้ำว่าต่อเมื่อได้ยินเสียงโห่แซว ไม่ใช่ว่าเขาจะอาย ก็รู้จักพวกมันทั้งกลุ่มอยู่แล้ว มากกว่านี้ก็เล่ามาแล้วด้วยซ้ำ

[แล้วพวกมึงมีอะไรกัน รวมตัวโทรมากูเพื่อ]

“เออ ที่กูโทรมาเนี่ย กูจะถามมึงเรื่องเจอักษร”

อินหันขวับมองหน้าเพื่อน ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับคนที่ถูกเอ่ยชื่ออกมา

[อ๋อ เรื่องที่กูเคยเล่าน่ะหรอ]

“มึงคอนเฟิร์มไหม”

[ไม่รู้วะ ได้ข่าวมาอีกที แต่ถ้าพวกมึงอยากรู้กูไปสืบให้ได้นะว่าเขาเลิกกันจริงไหม]

เพื่อนทั้งสามหันไปมองหน้าอินที่ตอนนี้ตาเบิกกว้างนั่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินไปแล้ว

ละ..เลิก?

“เออ มึงไปถามให้กูหน่อยสิ”

[เออๆ ทำไมวะ หรือว่าใครชอบเจหรอ]

“เพื่อนพวกกูน่ะ มึงไม่รู้จักหรอก”

[เคร มีไรอีกป่ะ กูง่วง อ๊ะ..อยู่เฉยๆก่อน]

“ไม่มีแล้ว แต่กูว่ามึงไม่น่าจะได้นอนนะ”

ธันหัวเราะเมื่อสายโทรศัพท์ถูกตัดไปทั้งๆที่ลูกน้ำยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไรด้วยซ้ำ เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะมองหน้าคนที่ยังเบิกตากว้างมองพื้นก่อนจะว่าต่อ

“ไง มึงว่ามันจะกลับมาไหม”

“...”

“100% กูว่า” กีรีบเสริมทันที

“แล้วมึงจะเอายังไง ถ้ามันอยากกลับมาจริงๆ”

“...”

“มึงลังเลหรอว่ะ กูนึกว่ามึงรักดินแล้วซะอีก”

อินส่ายหน้าเร็วๆให้เพื่อนสาวที่ถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบมานาน

“เปล่า กูไม่ได้ลังเล” อินอึกอักก้มมองมือถืออีกครั้ง พยายามเรียบเรียงคำพูดที่จะแสดงสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มันก็มีหลายครั้งที่กูภาวนาให้เป็นแบบนี้”

“....”

“ให้เขาเลิกกัน ให้กิตกลับมาหากู” อินรู้สึกฝืดที่คอ พยายามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “กูคิดว่ากูคงจะมีความสุขมากเมื่อวันนี้มาถึง แต่กูกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น”

เพื่อนทั้งสามยังมองมาที่เขา พยายามทำความเข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เกิดขึ้นของเขาอย่างใจเย็น เขารู้ว่ามันยากที่จะทำให้คนอื่นมาเข้าใจสิ่งที่เขากำลังเป็น

”กูเสียใจมึง..กูเสียใจที่กูไม่ได้รู้สึกดีที่กิตกลับมา กูเสียใจที่ต้องยอมรับว่าจริงๆแล้วความรู้สึกที่มึงเคยคิดว่ามันมั่นคงที่สุด สามารถเปลี่ยนกันได้จริงๆ”

“...”

“แล้วมึงจะยังมั่นใจได้ยังไงว่ารักที่มึงมีอยู่ตอนนี้มันจะไม่มีวันหมดไปวะ”

“...”

“และถ้าวันนึงมันจะต้องหมดไป แล้ววันนี้มึงจะรักกันเพื่ออะไร”

เมื่ออินพูดจบห้องเล็กๆก็ตกอยู่ในความเงียบ เหมือนทั้งสี่กำลังค้นหาคำตอบของคำถามข้างต้น และก็เป็นเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มที่เอ่ยออกมา

“มึงก็แค่ต้องทำสิ่งที่มึงอยากทำหรือเปล่า”

ทั้งสามหันไปมองผู้หญิงตัวเล็กในกลุ่ม

“มึงลองคิดดูนะ มึงเสียใจหรอที่เคยคบกับกิต ถ้าเลือกได้อีกครั้งมึงจะยังอยากคบกับเขาหรือเปล่า”

อินนิ่งคิดสักพัก นานพอที่จะใคร่ควรทุกสิ่งในใจก่อนที่จะตอบผลลัพธ์ที่ได้ออกมา

“ไม่เสียใจ กิตเคยเป็นโลกทั้งใบของกู ถึงกูจะรู้ว่าเราจะจบลงแบบนี้ กูก็ยังจะตัดสินใจคบกับเขาอยู่ดี” เพราะช่วงเวลาที่เขาเคยมีความสุขกับคนนั้น มันไม่มีอะไรมาทดแทนได้จริงๆ

“กูว่ากิตเขาก็ต้องคิดเหมือนกัน ตอนนั้นมึงก็คือโลกทั้งใบของเขา ไม่มีใครหรอกที่จะอยากคบกับอีกคนเพื่อที่สักวันจะนอกใจ”

น้ำตาที่เอ่อคลอเต็มขอบตาร้อนเริ่มไหลลงมา เรื่องราวเก่าๆที่เขาเคยมีร่วมกันกับอีกฝ่ายผ่านเข้ามาในหัวซ้ำไปมา ตอนนี้อินไม่ได้รู้สึกเสียใจแล้วแต่เขารู้สึกใจหายเหลือเกิน ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้ทุกสิ่งที่อย่างที่เคยหวงแหนที่สุดมันจะกลายเป็นแค่เพียงทรงจำ

ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ

รวมถึงคนที่เขาเคยรักมากที่สุดคนนั้นด้วย

“มึงแค่อยู่กับปัจจุบันก็พอไหม ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเรื่องอนาคตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตไหมมึง” แนทโน้มตัวเข้ามากอดเขา อินโอบหลังเพื่อนสาวแน่น อ้อมเอามือมาเช็ดน้ำตาตัวเองที่มันไหลไม่หยุด

“ขอบใจนะมึง” อินว่าไปเสียงสั่น ทำให้อีกฝ่ายเอื้อมเอามือลูบผมเขาเบาๆ

“ยังไงก็มีพวกกูเสมอนะ”

“อืม กูโชคดีที่มีพวกมึงจริงๆ”

อินเอื้อมสองมือที่โอบหลังคนตัวเล็กไปจับมือของเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ส่งยิ้มจริงใจและยื่นมือมารอก่อนแล้ว

“แล้วก็ขอถามอะไรมึงจริงๆได้ไหม”

อินพยักหน้าที่ยังซบอยู่ที่ไหล่เมื่อเพื่อนสาวกระซิบถามข้างหูเสียงจริงจัง

“มึงมีอะไรกับดินยังวะ โอ้ย! ไอ้อินมึงผลักกูทำไมเนี่ย”

ถ้าเพื่อนที่ถามไม่ได้เป็นผู้หญิงอินคงถีบมันไปแล้ว กำลังซึ้งๆอยู่ จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้เนี้ย

“ยังหรอ?” ยังมีหน้ามาถามต่ออีก!

“มึงเป็นผู้หญิงนะ”

“แล้ว? กูยังมีอะไรกับแฟนกูเลย”

“เออ ไอ้อินมึงจะมาปิดบังอะไร กูยังเล่าเลย แล้วแบบแฟนมึงโครตกล้ามอ่ะ แซ่บแน่ๆ”

ธันรีบว่าต่อ มองหน้าคนตัวเล็กเป็นการคะยั้นคะยอให้เล่า อินหันหน้าไปมองกีหวังให้มันช่วยแต่มันกลับยักไหล่แล้วยังมีหน้าพูดเสริมไปอีก

“ได้ไม่ได้ไม่รู้ รู้แต่ว่าขึ้นห้องแล้วจ้าาา”

อินขึงตามองเพื่อนสนิทอยากแค้นเคือง เล่าอะไรไปไม่เคยปิดมิดสักอย่าง แล้วก็ตัดสินใจสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพ่นออกยาวๆเป็นการเตรียมใจ

“มึงเหยียบ”

“เออ พวกกูเหยียบ”

เขารู้อยู่แล้วว่าไว้ใจพวกมันได้ ยังไงก็ไม่เคยคิดจะปิดบังอะไรกันอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ก็คุยกันในกลุ่มตลอด แต่เขาก็เขินนี่น่าที่จู่ๆจากคนฟังจะกลายเป็นคนเล่าเอง

“ก็เกือบๆ แต่กูกลัวเจ็บ ดินก็เลยไม่..ไม่ได้ทำต่อ”

“ใช้มือ?” อินพยักหน้าอย่างอายๆเมื่อธันเริ่มซักหนักขึ้น

“ปาก?”

“แนท มึงเป็นผู้หญิง”

“แล้ว?” อินพยักหน้าก่อนที่แนทจะกรี๊ดแล้วลงไปทุบพื้นรัวๆ ตะโกนว่าฟินจัดอยู่หลายครั้ง

“นิ้ว?”

เป็นกีที่ถามออกมาบ้าง อินนึกหมั่นไส้เพื่อนสนิทที่สุด เป็นเพราะมันคนเดียวเขาถึงต้องมานั่งตอบอะไรแบบนี้แล้วยังมีหน้ามาถามอีก จนเขาก็อยากแกล้งมันคืนบ้าง

“พวกมึงยังไม่รู้ใช่ไหมว่าไอ้กีนอนกับตั้งต้นแล้ว”

ทันทีที่อินปล่อยระเบิดลงไปกลางวง ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปหาอีกคนทันที และกีก็โดนเทศน์ไปสถานใหญ่เมื่อความจริงทุกอย่างถูกล้วงออกมาว่าจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ตั้งใจไปเป็นแค่เพื่อนนอนกับอีกฝ่าย แต่ดันเผลอคิดว่าไอ้คนหน้าม่อมันจริงจังอยากขอเป็นแฟน อินยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่าเพื่อนอีกคนก็ยังไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนเหมือนกัน

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

อินเลิกสนใจเพื่อนสนิทสองคนที่ยังนั่งด่าคนพลาดไม่หยุดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็ยิ้มแล้วหยิบโทรศัพท์ลุกขึ้นออกไปนอกระเบียงห้อง

“ครับดิน”

[คิดถึง]

“ต้องทักทายก่อนไหม” คนตัวเล็กหัวเราะออกมาเบาๆ

[ก็มันคิดถึงก่อน]

“คิดถึงเหมือนกันเลย”

[เหมือนกันเลยหรอ]

“อืม”

[งั้นก็คิดถึงดินมากเลยนะเนี่ย] อินอมยิ้มกับโทรศัพท์ ความรู้สึกหนักอึ้งก่อนหน้านี้มันหายไปจนแทบไม่เหลือเพียงแค่คุยกับอีกฝ่ายไม่กี่คำ

“ทำอะไรอยู่เอ่ย ซ้อมเสร็จแล้วหรอ”

[เสร็จแล้วครับ กำลังจะไปกินข้าวกับต้น]

“ขับรถอยู่หรอ บอกแล้วไงว่าไม่ให้คุยตอนขับ”

[เปล่า ต้นขับอยู่ ดินนั่งคิดถึงอินเฉยๆ]

“สงสารเพื่อนบ้าง” อินว่ากลั้วหัวเราะ เมื่อได้ยินเสียงแกล้งอ้วกมาไกลๆจากปลายสาย

[แล้วเพื่อนๆยังอยู่บ้านอินหรือเปล่า]

“อืม นั่งกันอยู่นี่หมด ฝากหวัดดีดินด้วย” อินว่าเมื่อเพื่อนตัวเองโบกไม้โบกมือเป็นการทักทายอีกฝ่ายเมื่อเขาหันไปมอง

[หลังสอบเสร็จเพื่อนดินจะจัดปาร์ตี้ที่หัวหิน มันมีบ้านตากพักตากอากาศอยู่ที่นั่น อินอยากไปด้วยกันไหม มันฝากชวนมาน่ะ]

“...” อินแอบลังเลใจ ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ตอนนี้สมองเริ่มคิดเรื่องไม่ดีอีกแล้ว

เพราะไอ้พวกเพื่อนชั่วทั้งนั้นเลย!

[เอาเพื่อนๆไปด้วยก็ได้นะครับ มีที่พักเยอะมาก ไปหลายๆคนอินจะได้ไม่เหงา ดินต้องเล่นคอนเสิร์ตด้วย ไม่อยากให้อินอยู่คนเดียว]

“งั้นแปปนะ”

อินเดินเข้าไปในห้องเล่าให้เพื่อนฟังคร่าวๆ ตกลงอะไรกันนิดหน่อยก่อนที่จะตอบตกลงอีกฝ่ายไป คุยอะไรกันอีกเล็กน้อยก็กดวางสายกันไป

“มึงว่าตั้งต้นไปไหม” ธันเริ่มซักทันทีเมื่ออินวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

“น่าจะ เพราะดินจะขึ้นร้องด้วย ต้นก็น่าจะขึ้นไปเล่นกีต้าร์”

“มึงชอบมันใช่ไหมไอ้กี”

“เชี่ยแล้วแนท ไม่ได้ชอบ”

“มึงไม่ต้องมาปากแข็ง มีอะไรมึงต้องปรึกษาพวกกูรู้ไหม นี่มันก็ตามมึงอยู่ อย่างมึงอีกนิดก็จะเสร็จมันแล้ว หรืออยาก?” ธันเอ่ยถามหลังจากบ่นมายืดยาว ไม่ลืมที่จะหันไปหาเพื่อนอีกคน

“มึงก็เหมือนกันอิน ไม่รอดแน่คราวนี้”

“ไม่รอดอะไรรร...”

“ไม่ต้องมาอาย อย่าบอกว่ามึงไม่อยาก”

“...”

“งั้นมา กูขอเลคเชอร์พวกมึงหน่อย เวลาไปเจอของจริงจะได้ไม่เจ็บมาก”

ผู้หญิงคนเดียวในห้องนั่งขำกับความเสียอาการของเพื่อนชายอีกสองคนตรงหน้า ตอนแรกพวกมันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ยอมนั่งนิ่งหน้าแดงฟังเพื่อนที่มีประสบการณ์มากกว่าสั่งสอนและบอกเคล็ดลับที่จะทำให้พวกมันผ่านครั้งแรกไปแบบไม่เจ็บมาก อินแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเมื่อมันลงชัดไปหมดทุกรายละเอียด เอาสองมือปิดหน้าตัวเองไว้กลั้นความอาย

แต่ปิดแค่ตานะ

เพราะหูนี่ผึ่งฟังชัดทุกถ้อยคำ

ก็ยังไงวิชาพวกนี้มันก็จะได้ใช้ ฟังไว้สักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่น่า





*************





“ขอบใจว่ะดิน” ต้นที่ขับรถอยู่ยกมือมาตบบ่าเพื่อนสนิทหลังจากที่มันวางโทรศัพท์

“มึงสัญญากับกูแล้วนะ ว่ามึงจะไม่ทำให้กีเสียใจ อินเอากูตาย”

“อือฮือ เอากันรุนแรงดีจัง”

“ลามปาม” ดินขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิท

“ล้อเล่นคร้าบบ แหมแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะคนนี้”

“ไม่ได้”

“ครับๆๆ ขอโทษคร้าบบ ไม่แตะแล้วคร้าบบบ”

ดินส่ายหน้าให้กับความกะล่อนของเพื่อนตรงหน้า ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ยื่นมือเข้าไปช่วยมัน

“กูช่วยมึงแล้วนะ นี่เห็นว่ามึงจริงจังกับใครเป็นคนแรกหรอก ไม่งั้นกูก็ไม่อยากยุ่ง”

ก็มันเล่นมาคุกเข่าขอร้องให้เขาชวนเพื่อนสนิทของอินไปเที่ยวทะเลด้วยกันให้ได้ เมื่อเขาซักมันก็บอกว่าคนนี้จริงจัง เป็นแม่ของลูกอะไรก็ไม่รู้ ด้วยความที่รักเพื่อน(?)บวกกับความรำคาญ(ที่มากกว่าเยอะ) เลยยอมตกลงช่วยมันไป แม่งถึงขนาดลงทุนจัดปาร์ตี้เขาก็แอบคิดว่ามันคงชอบอีกฝ่ายเข้าแล้วจริงๆ ไอ้บ้านพักตากอากาศก็ของที่บ้านมันทั้งนั้น

“เออ กูไม่ลืมหรอกครับคุณดิน ขอให้น้องอินรักน้องอินหลงนะครับ”

“ของแบบนี้ไม่ต้องอวยพรแล้ว”

“แหมมมมมมมม ครับบบ พ่อเทพบุตรเดินได้ พ่อคนแฟนรักแฟนหลง”

“มึงพอ ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”

ต้นหัวเราะออกมาเมื่อเพื่อนสนิทเริ่มขู่เขาอีกรอบ หันหน้ามองถนนยิ้มกรุ่มกริ่มกับตัวเอง เขาไม่ได้อยากได้น้องกีมาเป็นแฟนอยู่แล้ว พูดไปแบบนั้นก็แค่อยากให้เพื่อนมันช่วย ตอนแรกที่ไปตามจีบก็แค่อยากจะฟันแล้วทิ้งให้สมกับความแสบของเจ้าตัว แต่พอไปๆมาๆยิ่งตามจีบแล้วเจ้าตัวพยายามหนีมันทำให้เขายิ่งสนใจในตัวอีกฝ่ายมากขึ้น

คนอะไรแม่ง แง่วๆอย่างกับลูกแมวโครตงอแงเลยวะ



เอาหัวเดือนคณะเป็นประกันเลยไม่เกินหนึ่งเดือนน้องกีคนนี้ต้องมาเป็นเมียไอ้ต้นแน่นอน!!!







/////////////////

ควรจะเปลี่ยนชื่อตอนเป็น

ต้นคนเจ้าเล่ห์ x ดินพ่อบ้านใจกล้า 5555
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (10:00 ความมั่นคงของความรัก ) อัพ 08/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 09-06-2019 01:04:48
วางแผนรวบหัวรวบหางเลยหรอ,,, 
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (10:00 ความมั่นคงของความรัก ) อัพ 08/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-06-2019 16:39:38
 :mew1: ว้าวๆ จะครบคู่กันแล้ว
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (11:00 โลกกลม ) อัพ 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 10-06-2019 05:25:59
11:00 โลกกลม

เมื่อธันเลี้ยวรถเข้ามาหยุดตรงประตูทางเข้า ยามที่อยู่ข้างในป้อมก็เปิดกระจกใสเล็กๆชะเง้อหน้าออกมาดูพวกเขาแล้วเอ่ยถามอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับ มาหาใครครับ”
“เราเป็นเพื่อนกับบดินทร์ครับคนที่จะมาร้องเพลงในงานคืนนี้”
“ขอทราบชื่อได้ไหมครับ”
“บอกว่ากลุ่มของอินทัชก็ได้ครับ” ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อยืนยันกับคนด้านใน เมื่อวางโทรศัพท์ลงก็ยื่นหน้ามาหาพวกเขาทั้งสี่อีกครั้ง
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ พอผ่านประตูเข้าไปแล้วช่วยเลี้ยวซ้ายแล้วขับตามป้ายไปทางเรือนรับรองส่วนตัวด้านในสุดที่อยู่ติดกับชายหาดเลยนะครับ คุณหนูต้นรอรับพวกคุณอยู่นั่นแล้ว”
ทั้งสี่คนในรถยกมือไหว้คนอายุเยอะกว่า ก่อนจะขับรถเข้าไปตามที่อีกฝ่ายบอกเมื่อประตูเปิดออก
“คุณหนูต้น ถูกม่ะ” แนทเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมาก่อนใคร
“นี่มันไม่ใช่บ้านพักตากอากาศไหมมึง ยังกับรีสอร์ท ตั้งต้นมันรวยเบอร์นี้เลยหรอว่ะ” ธันกล่าวต่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“มึงรู้อยู่แล้วใช่ไหมไอ้อินว่าเป็นบ้านมัน” กีเริ่มตั้งท่าจะโวยวายอีกแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตกมาอยู่ในกับดักอะไรสักอย่างก็ไม่รู้
“กูไม่รู้ ดินบอกแค่คนรู้จักเฉยๆ กูรู้เท่าที่บอกพวกมึงนั่นล่ะ”
กีหรี่ตาอย่างไม่อยากเชื่อ ถ้าไอ้ต้นมันเป็นคนจัดงานจริงๆแล้วทำไมดินไม่บอกพวกเขาตรงๆ คิดแล้วก็ใจเต้นตึกตัก อดจะเข้าข้างตัวเองไม่ได้
หรือมันจะกลัวเขาไม่มา
เห้ย
มึงคิดมากไปแล้วไอ้กี มันคงสนมึงเหลือเกินน่ะ ถึงจะได้มานั่งจัดงานเพื่อล่อมึงมา เลอะเทอะตลอดเลยมึงนี่

เมื่อมาถึงเรือนในสุดทั้งสี่ก็เห็นผู้ชายสามคนยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกเขาผู้ชายที่เขาไม่รู้จักก็เดินเร็วเข้ามาหา ยื่นหน้ามาบอกให้ลงจากรถแล้วเขาจะเป็นคนเอารถไปจอดแล้วขนของไปให้ที่ห้องเอง ทั้งสี่แอบมองหน้ากันกับความหรูหราที่ได้รับตรงหน้าอย่าเก็บอาการไม่อยู่
“มึงตกถังข้าวสารแล้วไอ้กี”                     
“พ่อมึงสิตก”ธันหัวเราะเมื่อโดนด่ากลับ “เอ้าลงเร็ว มึงอย่าปล่อยให้คุณหนูรอนาน”
ทั้งสี่เดินลงจากรถยิ้มทักทายให้กับชายสองคนที่ยืนรออยู่ ต้นเป็นคนนำพวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในเรือนรับรองส่วนตัว มันเป็นบ้านพักสองชั้นที่ด้านหนึ่งติดกับชาดหาดส่วนตัว อีกฝั่งเป็นสระว่ายน้ำขนาดกลางที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดีเพื่องานปาร์ตี้คืนนี้ ดินเดินเข้ามาประชิดคนตัวเล็กทันทีขณะที่ทุกคนเดินนำกันไปหมดแล้ว พร้อมกับเอานิ้วตัวเองแตะกับนิ้วอีกฝ่ายเบาๆ
“คิดถึงจังเลยครับ” ดินเอ่ยออกมาเบาๆ สายตายังจ้องคนตัวเล็กที่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยตั้งแต่ช่วงสอบปลายภาค
“ดินต้องหัดเรียงประโยคก่อนไหม สวัสดีทักทายก่อนสิ” อินแกล้งเหย้า
“ก็บอกแล้วว่าคิดถึงก่อน แล้วอินล่ะครับคิดถึงดินไหม”
“ก็...เหมือนกัน..” คนตัวเล็กยิ้มพร้อมหลุบตาลง อากาศก็ไม่ร้อนมากแต่เขาเริ่มหน้าแดงหูแดงอีกแล้ว จนคนตัวโตอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไม่คลึงแก้มอีกฝ่ายเบาๆ
“เหนื่อยกันไหมครับ นั่งรถมาไกลเลย”
“ไม่เท่าไหร่หรอก วันนี้อากาศดี ดูสิทะเลสวยจังเลยเนอะ” อินสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด พยายามไม่สบตาอีกฝ่ายกลัวจะวกมาทำให้เขินอีก
“งั้นเก็บของเสร็จเราไปเดินเล่นริมชายหาดกันไหม”
“ได้หรอ แล้วไม่ต้องซ้อมสำหรับเย็นนี้หรือไง”
“ดินซ้อมมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้อยากอยู่กับอินมากกว่า”
เป็นอีกครั้งที่อินหลบตา หยอดได้หยอดเอา ทำยังไงก็ไม่ชินกับคำหวานของอีกฝ่ายสักที

เราเดินขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้าน พื้นที่ส่วนใหญ่ของชั้นนี้คือห้องโถงกว้างที่มีโซฟาชุดที่อยู่ด้านหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ มีโต๊ะอาหารยาวๆติดกระจกที่มองเห็นสระว่ายน้ำ มุมนึงของห้องมีโต๊ะพลูและเปียโนหลังใหญ่วางอยู่ ด้านที่อยู่ติดกับทะเลตรงกลางจะเป็นประตูที่เปิดไประเบียงเพื่อชมวิวทะเลได้ ด้านซ้ายและขวาของระเบียงเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งมีอยู่ด้านละสองห้อง

“เอาล่ะครับ” ตั้งต้นยิ้มแป้นมองหน้าคนที่หน้าบูดตั้งแต่มาแล้วกล่าวขึ้นให้ทุกคนได้ยินทั่วกัน
“ชั้นนี้มีอยู่สี่ห้อง แต่ละห้องมีเตียงคิงไซส์นอนได้สองคนนะครับ แล้วใครจะนอนกับใครเอ่ย”
“...” อินก้มหน้าหลบตาเมื่อคนที่นิ้วยังเกี่ยวกับนิ้วเขาสะกิดให้หันไปมองหน้าแล้วส่งสายตาอ้อนเหมือนอยากให้นอนด้วยกัน
“อินมึงนอนกับกู มึงก็นอนกับอีแนท” กีเป็นฝ่ายพูดรัวๆ ดันธันให้ไปยืนข้างแนทหลังจากที่ดึงแขนอินเข้าไปหาตัวเอง อินอดขำไม่ได้ เมื่อเหลือบไปเห็นคนตัวโตยืนหน้าบูดไปแล้ว
“ว้า แล้วน้องกีไม่นอนกับพี่ต้นหรอครับ”
“แล้วทำไมเราต้องนอนกับนาย เป็นบ้าหรือไง แล้วบอกแล้วนี่ว่าอย่าเรียกน้อง”
“เอ้า ก็เราสองคนเป็น..”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว แล้วปาร์ตี้อะไรไม่เห็นจะมีคนเลย ห้องก็มีอยู่แค่นี้”
“ไม่มีใครนอนที่นี่หรอก เขาอยู่เรือนรับรองแขกกันหมดแล้ว ที่นี่ให้แต่คนพิเศษอย่างน้องกีเลยนะ”
“พิเศษพ่อง...” กีพูดงึมงำออกไป เขาอยากจะเถียงอีกฝ่ายให้หงายแต่ตอนนี้คือใจเต้นตึกตักไปหมดแล้ว จึงทำให้ได้แค่สงบปากสงบคำไม่ให้อะไรอะไรมันเข้าตัวไปมากกว่านี้ ตอนนี้เขางงจริงๆ ไอ้บ้านี้มันมาไม้ไหนกันแน่ ทำไมทำเหมือนจะจีบเขาแบบนี้อยู่ได้
อย่าไปหลงกลมันอีกนะมึง



“งั้นพักผ่อนตามสบายนะครับ ปาร์ตี้เริ่มหกโมงเย็นเจอกันที่สระน้ำนะ” ต้นกล่าวเมื่อเห็นชายที่เอารถไปเก็บขนกระเป๋าของคนมาใหม่ขึ้นมา ทั้งสี่คนแยกย้ายกันเอาสัมภาระเข้าห้อง อินไม่ลืมเดินเข้าไปใกล้เด็กโข่งที่ทำหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาก่อนจะดึงชายเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ
“รออินสิบนาทีนะ แล้วไปเดินเล่นที่ทะเลกันเนอะ”
คนตัวโตหันมาสบตา ยอมพยักหน้าเป็นการตกลงทั้งที่ยังหน้าบึ้งอยู่ อินยกยิ้มเล็กๆก่อนจะเอื้อมไปหยิกแก้มอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยวเบาๆ
“เดี๋ยวมานะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ลมเย็นดีจังเลยเนอะ”
“...”
“หาดส่วนตัวแบบนี้ไม่มีคนเลย เหมือนทะเลทั้งทะเลเป็นของเราหมดเลย”
“...”
อินขมวดคิ้วโน้มตัวเงยไปมองหน้าคนข้างตัว ตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมพูดจาอะไรกับเขาเลยตั้งแต่ลงมาเดินริมหาด อินยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย สอดนิ้วประสานกันอย่างแนบชิด
ขี้งอนจังนะ



“ยังงอนอยู่หรอ”
“...”
“แล้วจะให้อินทิ้งเพื่อนมานอนกับดินได้ยังไง แล้วมันจะนอนกับใคร”
“ไอ้ต้น”

“เฮ้ย เกี่ยวอะไร”

“ทิ้งกีไม่ได้แต่อินทิ้งดินได้”
“ทิ้งที่ไหน เมื่อคืนดินไม่ได้นอนกับต้นหรอ”
“แต่เมื่อวานอินไม่อยู่สักหน่อย”
“แต่..”
“ถ้าอินอยู่ดินก็เลือกอินเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”
“...”
“...”
“จะว่าอินไม่เห็นว่าดินเป็นอันดับหนึ่งหรอ”
“ก็..มันจริงไหมล่ะ”คนที่เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่เหนือกว่าเริ่มเถียงเสียงอ่อยลง
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม มาทะเลทั้งทีจะทะเลาะกันแบบนี้ใช่ไหม” คนตัวเล็กหยุดเดินเอามือกอดอกอยู่หน้าคนตัวใหญ่
“หึ ยังไงดินก็ต้องยอม ยังไงอินก็ไม่ง้อดินอยู่แล้วนี่”
“จะงอนอินก็ยอมง้อแล้วไง แต่ถ้ามาพูดเหมือนอินไม่รัก อินก็น้อยใจเป็นนะ อินแสดงออกไม่พออีกหรอ”
“...”
“ถ้าไม่พออินก็ขอโทษด้วย อินก็มีอยู่แค่นี้ ดินคงต้องไปหาคนอื่นแล้วล่ะ” อินว่าแล้วก็ผละเดินกลับไปทางที่พัก แต่คนตัวโตก็รีบตามมาสวมกอดเขาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ไม่เอานะ ดินขอโทษนะครับ”
“...”
“ก็ดินคิดถึงอิน แล้วมาทะเลทั้งทีดินก็หวังว่าจะได้นอนกอดอินนี่น่า” คนตัวโตวางคางลงบนไหล่ข้างหนึ่งของคนตัวเล็ก คลอเคลียปลายจมูกไปมาที่กกหูอย่างง้องอน
“แล้วอย่าไล่ดินไปหาคนอื่นอีกได้ไหม ดินไม่สนใครนอกจากอินสักหน่อยอินก็รู้”
“แต่ดินดูถูกความรักของอิน”
“ขอโทษครับ ดินผิดเอง ดินไม่ได้ตั้งใจนะ”
คนตัวเล็กยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน เด็กโข่งอย่างนี้พูดดีๆไม่ยอมเข้าใจต้องให้แสดงละครใส่ อินซ่อนรอยยิ้มก่อนจะเอี้ยวตัวไปถามเรื่องที่สงสัยมากที่สุดอีกอย่าง
“แล้ววางแผนอะไรกับต้น ตั้งใจจะทำอะไรเพื่อนอินกันแน่”
“ไม่ได้วางแผนอะไรนะ ต้นมันแค่ขอให้ช่วยเฉยๆ”
“ช่วยอะไร เรื่องกีหรอ ทำไม ต้นตั้งใจจะทำอะไรมัน” ดินลูบไหล่ให้อีกฝ่ายที่ตั้งท่าจะโวยวายใจเย็นขึ้น เล่าเรื่องที่ต้นมาขอร้องเขาให้อีกฝ่ายฟังจนหมดเปลือก คนตัวเล็กหรี่ตาลงอย่างไม่อยากเชื่อเรื่องที่ดินพูด แต่พอเจ้าตัวยืนยันหลายทีอินก็เริ่มโอนอ่อนตาม คนอะไรมันจะมาลงทุนจัดงานอะไรแบบนี้ถ้าไม่จริงจังว่ะ

“ดินถึงบอกให้อินมานอนกับดินไง”
“ไม่ใช่แล้วไหม สองคนนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ถ้าเป็นแล้วนอนได้หรอ”

อินหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน

“ก็ได้มั้ง”
“งั้นเรา...โอ้ย เจ็บนะ”

อินเอานิ้วบีบจมูกคนขี้เล่นไม่เลิก มันก็ไม่ใช่มีแค่อีกฝ่ายที่อยาก ที่จริงเขาก็อยากใช้เวลากับคนตรงหน้าทั้งคืนเหมือนกัน แต่เพื่อนสนิทอยู่ครบกันแบบนี้ถ้ามันรู้ว่าเขาไปนอนห้องดิน มีหวังโดนล้อกันจนแก่แน่ๆ อินอมยิ้มมองหน้าคนตัวโตที่ตอนนี้นั่งหูตกไปแล้ว รู้ว่าโวยวายแล้วไม่ได้ผลก็เปลี่ยนแผนมาทำตัวน่าสงสารสินะ
นึกหรอว่าเขาจะรู้ไม่ทัน

“แล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ”
คนตัวตัวหันขวับมามองเขาทันที ถึงจะรู้ทันก็ยังใจอ่อนให้คนคนนี้ทุกทีสิน่า
“อืม ดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน..” อินอึกอักตอบอีกฝ่ายออกไป ตอนนี้หมาตัวเดิมเหมือนได้กระดูกชิ้นใหญ่ ยิ้มกว้างจนตาปิดไปหมดแล้ว โน้มหน้ามากดหอมเขาซ้ายขวาแรงๆหลายฟอด
“รักอินที่สุดเลยครับ”
“พอเลย ที่งี้มาทำเป็นรัก”
“ไม่ใช่สักหน่อย รักตลอดอยู่แล้วต่างหาก”
“เหมือนกัน...”
“จริงอ่ะ”
“ไม่เชื่อหรอ”
“เชื่อครับๆๆ”
“...”
“เหมือนกันเลยหรอ”
“อืม จะบอกว่าเยอะใช่ไหมล่ะ ใช่เยอะมากด้วย” คนตัวเล็กว่าอย่างรู้ทัน คนตัวโตกว่ามองตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะปกติอีกคนทำได้แค่เขินกับคำหยอดเขาแต่วันนี้กลับเล่นกลับ แล้วเล่นเองก็หน้าแดงเองไปอีก ทำหน้ามุ่ยกลั้นยิ้มจนเขาอดใจไม่ไหวกดจูบหนักๆลงไปหนึ่งทีแล้วรัดคนตัวเล็กไว้ในอกจนแทบจะหายใจไม่ออก แค่นี้ก็หลงจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว มากกว่านี้ไม่รู้จะทำยังไงดีเลย
ทำไมถึงได้น่ารักได้มากขนาดนี้ว่ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“มึงว่าโลกมันกลมไปไหม”
“อีน้ำ มึงมาได้ไง”
“กูต้องถามมึงไหม พวกมึงมากันได้ไงว่ะ”
“เพื่อนกูเป็นแฟนดิน นักร้องน่ะ เขาเลยชวนพวกกูมา”


เมื่อดินขอแยกตัวเพื่อไปเตรียมตัวขึ้นเวที อินก็กลับไปรวมตัวกับกลุ่มเพื่อนที่มานั่งเล่นในห้องพักของเขา พอได้เวลาก็เดินลงมาบริเวณสระว่ายน้ำที่ตอนนี้เริ่มมีคนมากันคึกคักแล้ว รอบสระว่ายน้ำมีโต๊ะเก้าอี้มาตั้งเรียงอยู่หลายตัว มีซุ้มสำหรับอาหารแบบบุฟเฟ่ห์อยู่มุมหนึ่ง ส่วนอีกมุมนึงที่ใหญ่กว่าคือมุมสำหรับเครื่องดื่มที่จะหนักไปทางเครื่องดื่มที่มีแอลกออฮอล์ มีบาเทนเดอร์สองคนคอยให้บริการคนที่เข้ามาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งสี่คนที่มาใหม่กำลังมองดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆอย่างเพลินตา แล้วจู่ๆก็ต้องตกใจก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง หันไปก็ต้องตกใจเพราะโลกมันกลมอย่างที่อีกคนว่าจริงๆ

“อือฮือ อินมึงคือได้สมบัติของรุ่นไปกินงี้”
“อะไร มึงรู้จักกันหรอ”
“ไอ้ต้นกับไอ้ดินเป็นเพื่อนห้องกูตอนมอปลาย”
“เชี่ย โลกกลมสัด”
คุยกันไปอีกแป๊ปนึงก็ชวนกันไปตักอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนที่จะไปนั่งรวมกันกับกลุ่มของลูกน้ำที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว แนะนำทำความรู้จักกันแปปนึงก็เริ่มคุยกันอย่างถูกคอ ก็กลุ่มอินแต่ละคนคุยเก่งกันทั้งนั้น ไปไหนไม่ต้องกลัวเหงาเม้าได้ทุกเรื่องทุกคนไม่มีสะดุด พูดคุยกันไปสักพักก็หันหน้าไปทางเวทีพร้อมกันเมื่อเสียงกีต้าร์เริ่มบรรเลงเพลงเพราะออกมา


“นี่คนนี่เอาสมบัติของรุ่นไปกินแล้ว” ลูกน้ำหันไปป่าวประกาศกับเพื่อนในโต๊ะจนเพื่อนใหม่ต่างเอ่ยแซวอินไม่หยุดทำให้เจ้าตัวได้แต่นั่งก้มหน้ากินเบียร์ในแก้วต่อไป แอบหันไปทางเวทีก็เจอผู้ชายที่กำลังโดนนินทายิ้มหวานส่งมาให้เป็นระยะ


“กูนึกว่ามันจะครองตัวเป็นสมบัติชาติไปตลอดซะอีก”
“คนจีบเป็นล้านแม่งไม่เคยเล่นกับใคร”
“เออ ตั้งแต่เลิกกับทิวกูแม่งไม่เห็นมันจะคบกับใครเลย กูนึกว่ามันลืมไม่ลงซะอีก”


อินชะงักแก้วในมือเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะเป็นแฟนคนแรกของอีกฝ่าย จากที่สัมผัสมาก็พอจะเดาได้ว่าอีกคนมีประสบการณ์มาก่อน แต่พอได้ยินจังๆแบบนี้ก็อดโหวงๆในใจไม่ได้เหมือนกัน


“มึงพอเลย แฟนเขานั่งอย่ตรงนี้ เกรงใจกันบ้าง”
“โทษทีๆ มันปากไปหน่อย อย่าคิดมากนะ”
“หือ ไม่เป็นหรอก เราไม่คิดมากหรอก” อินส่ายหน้าเบาๆยกยิ้มให้กับอีกฝ่าย
“มันไม่มีอะไรแล้ว นานมากแล้วตอนนี้ก้เป็นเพื่อนกันหมด ดูนั่นสิมันก็มานะ นั่งอยู่โต๊ะนั้นไง เสื้อสีขาว”
อินหันตามมือของเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่พยายามแก้ตัวให้เขาสบายใจ มองไปก็เห็นผู้ชายที่ใส่เสื้อสีขาวอยู่คนเดียวในกลุ่ม อินไม่กล้าจ้องไปตรงๆ ได้แต่แอบเหลือบพิจารณาอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง ผู้ชายคนนั้นเป็นคนยิ้มสวยมาก จมูกโด่งได้รูป บวกกับที่อีกฝ่ายตัวเล็กและผิวขาว รวมๆแล้วฝ่ายนั้นเป็นคนหน้าตาดีทีเดียว พอคิดได้ถึงตรงนี้ก็แอบรู้สึกหงุดหงิดขึ้นในใจ
คนคนนี้แอบคล้ายเขาหรือเปล่า



แล้วอะไรคือสายตาที่อีกฝ่ายส่งไปทางเวที เขาว่าเขาไม่ได้คิดไปเองที่เห็นมันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งไม่ธรรมดา รู้ว่าร้องเพราะแต่นั่งฟังเพลงไม่ต้องยิ้มเคลิ้มขนาดนั้นก็ได้ไหม แล้วสายตาน่ะ มองที่อื่นบ้างก็ได้ เพลงน่ะ เขาใช้หูฟังนะไม่ใช่ตา แล้วอินก็แทบจะลุกไปหาอีกคนเมื่อคนคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคนบนเวทีแล้วยกยิ้มอย่างอิ่มใจ

เยอะไปเยอะเลย



“แล้วมึงว่าไอ้ต้นมันจะหยุดที่ใครวะ”
บทสนทนาในกลุ่มเปลี่ยนเป็นไปหาอีกคนบนเวที
“อย่างมันจะหยุดได้หรอวะ ถ้ากูรูปหล่อพ่อรวยแบบมันกูก็จะฟันด่ะแบบนี้เหมือนกัน”
เพื่อนทั้งสามแอบลอบมองหน้ากี ธันพยายามกลั้นขำเหมือนเห็นตอนนี้เพื่อนสนิทหน้าเสียไปแล้ว
“ตั้งต้นเป็นยังไงหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ เพื่อนเราแอบชอบ” กีถลึงตามองแนทที่เอ่ยถามขึ้นมา

“ต้นมันคนดีนะ ถึงบ้านมันจะโครตรวยแต่ไม่เคยเบ่งกับใคร เพื่อนๆรักมันกันทั้งนั้น”

“แต่โครตเจ้าชู้” กีอดพูดขึ้นมาไม่ได้

“ก็ใช่ แต่ก็เข้าใจมันได้นะ พ่อแม่มันหย่ากันตั้งแต่มันยังเด็ก แล้วมันก็โดนเลี้ยงมาด้วยเงิน มันเคยบอกว่ามันไม่เชื่อเรื่องความรัก”

“เออ แล้วก็มีหลายคนเข้ามาหามันเพราะเงินด้วย”

“...”

“เห้ย แต่กูได้ยินมานะ ว่ามันจัดงานปาร์ตี้ให้คนพิเศษมันน่ะ”
“จริงดิใครวะ”
“ไม่รู้วะ เรียกแต่น้อง น้อง อะไรนี่ล่ะ”
“อะฮ่ะฮ่า โทษๆๆๆ ”
จู่ๆธันก็หลุดหัวเราะออกมาจนทั้งโต๊ะหันมามอง ต้องเอ่ยขอโทษแล้วอ้างว่าพอดีอะไรตลกๆมันแว๊บเข้ามาในหัว ธันหันไปแปะมือกับแนทที่เข้าใจว่ามันขำอะไร ก็ดูหน้าเพื่อนสนิทจอมโวยวายของเขาสิ ตอนนี้นั่งหน้าแดงเป็นตูดลิงไปแล้ว สงสัยจะใจอ่อนให้ผู้ชายหน้าม่อไปเรียบร้อย
ไอ้น้องกี งานนี้มึงไม่รอดแน่


“อะ นั่นไงคนที่พวกมึงถามถึง” เป็นลูกน้ำที่ว่าขึ้นอีกครั้ง ใช้นิ้วเคาะเรียกให้พวกเขาหันไปมองฝั่งที่แฟนเก่าดินนั่งอยู่ อินที่ตอนนี้ยังโมโหไม่เลิกเหลือบตาไปมองตามคนอื่น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทิวเงยหน้าคุยกับคนคนหนึ่งอยู่อย่างสนิทสนม
“กูว่าโลกแม่งไม่กลมธรรมดาแล้วว่ะ” แนทพูดขึ้น
“กลมแล้วเสือกเล็กมากด้วย” กีเสริม
“...”
เหมือนพวกเขาจะจ้องอีกฝ่ายมากเกินไปจนทางนั้นรู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อสบตากันฝ่ายนั้นก็เบิกตากว้างอย่างคนเจอผีเอามือปิดปากที่อ้าค้างอยู่ อินมองคนตัวเล็กอีกคนที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูกก้มหน้ามองพื้นสลับกับมองหน้าเขาไม่หยุด และในที่สุดเจ้าตัวก็เหมือนจะตัดสินใจได้และเป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาหาเขาเอง อินพยายามยกยิ้มก่อนที่จะทักทายคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นปกติที่สุด
“ไงเจ”

“หวัดดีอิน”

“...”

“ไม่เจอกันนานเนอะ”

“มาคนเดียวหรอ” แทนคำตอบอินเลือกที่จะถามคำถามแทน อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าอินหมายถึงอะไร

“อืม มาคนเดียว”

“แล้วอีกคนไ...” แล้วกิตไปไหน

“ออกไปคุยกันหน่อยไหม”

อินมองมือกีที่เอื้อมมาจับมือเขาก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าพร้อมยกยิ้มให้

“เดี๋ยวกูมานะ”

.
.

.

.

.

.

.

.

.

.

"งั้น...เราไปก่อนนะ" เจพูดขึ้นเมื่อเราเดินย้อนกลับมาบริเวณสระน้ำอีกครั้ง ตอนนี้เจ้าตัวตั้งใจจะเดินกลับไปห้องนอนเลย
"อืม แล้วเจอกัน" อินว่าสั้นๆโบกมือลาอีกฝ่ายก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะ ซึ่งตอนนี้กลุ่มของน้ำขึ้นไปเต้นบนเวทีกันหมดแล้ว ตอนนี้ในโต๊ะจึงมีเพียงเพื่อนเขาสามคนและตั้งต้นที่นั่งอยู่อีกด้านของกี กำลังจะถามหาเพื่อนอีกฝ่ายแต่กีก็ศอกสะกิดเขาจนต้องหันไปมองหน้ามัน มันพยักเพยิดให้มองตามสายตามันไป เมื่อเขาทำตามก็ดันไปเจอภาพที่ทำให้หัวร้อนที่สุด เขาเห็นผู้ชายสองคนนั่งข้างกันบนเตียงยาวที่ไว้ใช้นอนอาบแดด ผู้ชายคนแรกคือคนตัวเล็กที่เขาแอบมองมาทั้งคืนซึ่งตอนนี้กำลังนั่งวางมือบนต้นขาผู้ชายตัวโต ขาคนทั้งสองแนบชิดกันจนแทบจะเกยกันอยู่แล้ว คือมากกว่านี้ก็ต้องนั่งตักกันแล้วล่ะ


“ไม่มีอะไรนะ มันแค่คุยธุระกันนิดหน่อย” ต้นรีบเอ่ยเมื่อเห็นอินมองทางนั้นไม่วางตา

“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทน เพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันเป็นธรรมดา”

“กีมึงหยุด” แนทรีบห้าม ไอ้นี่ก็ขายุตลอด

“ธุระอะไร” อินถามขึ้น แต่สายตายังอยู่กับสองคนนั้น ดูเหมือนคนตัวโตยังไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้

“เรื่องงานจริงๆ มันช่วยทิวทำเพลงละครเวทีอักษร”

“แล้วต้องนั่งตักกันทำงี้”

“กีพอ ไอ้อินมึงหึงหรอ” เป็นธันที่ถามออกมาจนอินหันขวับมามอง

“ก็แฟนกูไหม”

“แล้วมึงจะนั่งให้มันแดกหรอ ไปเอาคืนมาดิ” ธันยังว่าต่อ

“หรือมึงไม่มั่นใจอะไร กลัวเขาไม่ลืมแฟนเก่าเหมือนมึงหรอ”

“ไอ้เชี่ยธัน”

“มึงต้องหัดแสดงออกไอ้อิน เขาจะได้รู้บ้างว่ามึงรัก”

“...”

อินยังรู้สึกลังเล เพราะต้นก็บอกอยู่แล้วว่าไม่มีอะไร เขาไม่อยากทำตัวหึงหวงเกินเหตุ กลัวจะถูกอีกฝ่ายรำคาญถ้าแสดงออกมากไป

แล้วอีกอย่าง เขาก็เชื่อใจดินมากด้วย



“ไม่มีอะไรหรอกมึง” อินว่างั้นก่อนที่จะยกแก้วขึ้นดื่มต่อเลิกสนใจสองคนนั้นไปแล้ว





“อือหือ กินหูเข้าไปล่ะนั่น”

อินหันขวับกลับไปมองทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทว่าต่อ ไม่รู้เพราะเสียงเพลงมันดังมากนักหรือยังไงแต่ตอนนี้คนตัวเล็กเงยหน้าไปกระซิบข้างหูคนตัวโตจนปากนี่หายไปครึ่งนึงแล้ว

แล้วมึงจะหัวเราะอะไรกันนักหนา ตลกมากหรือไง



พรวด!



“ต้น!”

อินยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกเพื่อนสนิทแฟนเสียงดัง แต่ยังไม่ละสายตาจากสองคนตรงนั้น



“คะ..ครับ”

ตั้งต้นแอบตกใจ เคยเห็นอีกฝ่ายแต่ตอนที่หวานๆพูดน้อย ยังเคยชมกับเพื่อนเลยว่าอินโครตน้อง แต่จากสภาพคนตัวเล็กตอนนี้ เหมือนมีไฟซุปเปอร์เซย่าอยู่รอบตัว รู้สึกโครตสงสารไอ้ดินเลย ไม่รู้จะเจออะไร



“เอ่อ..อินใจเย็น...”









“วันนี้เราขอแลกห้องนอนนะ”







****************



เรื่องที่ทะเลยังมีอีกหลายตอนเลย เที่ยวกันยาวๆจ้า


หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (11:00 โลกกลม ) อัพ 10/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-06-2019 23:01:44
แลกห้องเลยหรอ??  555,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (12:00 คนงี่เง่า ) อัพ 14/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 14-06-2019 14:00:37
12:00 คนงี่เง่า
“อินมึงพูดเชี่ยอะไร”
กีรีบดึงเพื่อนสนิทให้นั่งลงทันที อินยอมนั่งตามแรงดึงของอีกฝ่ายแต่สายตายังจับจ้องสองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งไม่วางตา
“มึงจะให้กูนอนกับมันหรอ มึงเป็นบ้าไปแล้วไง”
“เออ กูเป็นบ้า”
อินว่าแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นซดจนหมด ตอนนี้เขาหงุดหงิดที่สุด หงุดหงิดจนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เพราะคนที่กำลังยื่นหน้ามาคุยกับแฟนเขาแบบแนบชิดหรอกนะ แต่เป็นเพราะอีกคนต่างหาก...
อีกคนที่ไม่คิดจะไปตามเขาทั้งที่เขาหายไปตั้งนาน แล้วนี่กลับมาเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่สังเกตเห็นเขาสักที ไม่รู้หรอกนะว่าธุระที่คุยกันมันสำคัญขนาดไหน แต่มันจำเป็นต้องคุยกันตอนนี้ วันนี้จริงๆหรอ
ตอนอื่นก็ไม่อยากให้คุย
“ต้นจะยินดีมาก แลกกันถาวรเลยนะ”
“แลกไปคนเดียวสิ แล้วถ้ามึงอยากไปนอนกับดิน กูนอนคนเดียวได้ บ้านก็ใหญ่โตเจ้าของบ้านเขาคงมีห้องนอนส่วนตัวไหม“
กีรีบพูดแทรกลิ้นรัวเมื่อคนฉวยโอกาสพยายามตอบตกลงเพื่อนสนิทเขา ตั้งแต่มานี่ต้องคอยระแวงตลอด บอกตรงๆเลยว่าไม่ไว้ใจคนหน้าม่อตรงหน้าสักนิด ยิ่งตอนนี้ไอ้อินมาเปิดโอกาสให้มันแบบนี้ ต้องยิ่งระวังตัวทุกย่างก้าว ยังไงคืนนี้เขาต้องเอาตัวรอดจากไอ้นี้ให้ได้ก่อน ยิ่งเวลาเขาเข้าใกล้มันทีไรควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ด้วยสิ
“มึงไม่ต้องเถียงกัน คืนนี้ห้องเขาอาจจะไม่ว่างหรือเปล่า”
อินหันขวับส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปมองเพื่อนสนิทอีกคน รู้ว่าจริงๆแล้วไอ้ธันมันโกรธแทนเขาจะตาย ที่มันแกล้งยั่วเล่นก็เพื่อให้เขาทำอะไรสักอย่าง แต่พอได้ยินมันย้ำหลายๆครั้งก็เริ่มจะโมโหมันมากกว่าดินซะอีก
“เหมือนเขาจะยุ่งอยู่กับเพื่อนเก่านะ”
“กูเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่ามึงเพื่อนกูจริง” ธันหัวเราะให้กับคนตัวเล็กที่ตอนนี้ควันออกหูไปแล้ว
“อีธันมึงเลิกยุ แล้วอินมึงใจเย็นๆนะ” ดูเหมือนตอนนี้ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจะเป็นคนที่มีสติที่สุด
“มึงอยากให้อินลุกไปตบเขาหรือไง ดูละครมากไปนะมึง”
“เอองั้นพวกมึงก็นั่งดูเขาแดกกันไปแบบนี้เถอะ”
“มึงอย่าเว่อร์ เขาก็นั่งคุยกันเฉยๆใช่ไหมต้น”
แนทว่าเพื่อนสนิทที่ยังบ่นอุบอิบไม่เลิกแล้วหันไปถามความเห็นต้น ตอนนี้ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่คนที่จะทำให้เรื่องชัดเจนได้เพียงคนเดียวในโต๊ะ ต้นทำหน้าเลิ่กลั่กที่จู่ๆหัวข้อตกมาที่เขา
“กับทิวนี้ยังไง”
“แฟนเก่ามันตอนมอห้า”
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”
“เอ่อ...เราว่าไปถามไอ้ดิน...”
“จะให้เราไปถามเองไหมตอนนี้” อินโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน ต้นยอมรับเลยว่ายังไม่ชินกับร่างโหดของอีกฝ่ายจริงๆ ปกตินี่เย็นเป็นน้ำ วันนี้ไฟลุกพรึบจนร้อนไปหมดแล้ว
“โอเคๆ ใจเย็นนะครับ เล่าแล้วๆ ก็ไม่มีอะไรมากทิวมันเป็นคนขอเลิก”
“จริงดิ ทำไมล่ะ” กีเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง
“ดินมันขี้หึง.. อินก็น่าจะพอดูออก ยิ่งตอนมอปลายมันหึงรุนแรงกว่านี้เยอะ มีเรื่องกับเขาไปทั่ว ทิวมันก็เลยน่าจะทนไม่ได้”
“...” อินรู้สิว่าอีกคนขี้หึงแค่ไหน แต่เป็นครั้งแรกที่ตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่โดนอีกฝ่ายหึง
อินบอกแล้วว่าอินไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นคนแรกที่อีกฝ่ายรัก เขาเองก็เคยมีอดีตที่ลืมไม่ได้ แต่การที่ต้องมารับรู้ว่าเหตุผลที่คนสองคนนั้นเลิกกันเป็นเพราะผู้ชายของเขารักอีกฝ่ายมากไป มันก็แอบทำให้เขาเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ไอ้อิน อย่าคิดมาก อดีตก็คืออดีต”
เป็นธันที่เตือนสติเพื่อนเมื่อเห็นมันขมวดคิ้วนั่งจ้องแก้วเบียร์เปล่าอยู่นาน
“ถ้ามึงจะคิดก็คิดเรื่องปัจจุบันตรงโน้นสิ”
อินหันไปมองสองคนที่ตอนนี้แบ่งสายหูฟังกัน นั่งฟังอะไรสักอย่างจากมือถือเครื่องเล็กของคนตัวโต สายตาไปสะดุดกับแขนเล็กสองข้างที่คล้องรอบอยู่กับแขนขวาของแฟนตัวเอง
“อินใจเย็นมึง” เป็นแนทที่รั้งข้อมือของเขาไว้ทันทีที่เขาลุกขึ้นอีกครั้ง
“กูแค่จะไปเอาเบียร์”
ว่าแล้วดินก็เดินถือแก้วเปล่าไปซุ้มเครื่องดื่ม จงใจที่จะเดินผ่านด้านที่ทั้งสองคนนั่งกันอยู่ ทั้งคู่พูดคุยอะไรสักอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์
ขอบตาอินเริ่มร้อน มาใกล้ขนาดนี้เจ้าตัวยังไม่เห็นเขาได้ไง เขาคิดว่าเขาไว้ใจอีกฝ่ายแต่ความน้อยใจมันมากกว่าทุดสิ่งแล้วตอนนี้ อินรับแก้วเบียร์ที่เติมเต็มแล้วหันหลังจะเดินกลับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียกเขาไว้
“แก้วที่เท่าไหร่แล้วคนขี้เมา”
อินไม่อยากจะพูดคำเดิมซ้ำ แต่มันไม่จำเป็นต้องให้นักวิทยาศาสตร์คนไหนมาพิสูจน์หรอก เขาเชื่อจริงๆแล้วว่าโลกนี้มันกลมยิ่งกว่าอะไร
“เต.. มาไงเนี้ย”
อินพูดเสียงกลั้วหัวเราะปนตกใจ ความบังเอิญมันเยอะเกินไป...เยอะเกินไปเยอะมากๆ
“มากับเพื่อนมอปลายน่ะ”
“นี่รู้จักกับต้นด้วย?”
“ก็ไม่เชิง เตรู้จักกับเพื่อนในห้องนั้นน่ะ แล้วอินไปไงมาไง”
“อินรู้จักกับกลุ่มต้นน่ะ นั่นไงนั่งอยู่กับพวกกีตรงนั้น”
อินชี้ไปทางโต๊ะที่เพื่อนสนิทนั่งกันอยู่ ก่อนจะถามคนข้างตัวต่อ
“แล้วเพื่อนเตอยู่ไหนกันหมดล่ะ”
“นั่นไง” คนตัวโตกว่าหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปทางเวที “เสื้อแดงที่สอยดาวอยู่นั่นล่ะไอ้นทเพื่อนเรา แต่ไม่ค่อยอยากจะนับเพื่อนแล้ว” อินหัวเราะเมื่อเตส่ายหน้าเหมืิอนเอือมระอาเป็นที่สุด
“เตไม่สอยกับเขาบ้างล่ะ”
“เตเป็นฝ่ายเก็บศพ วันนี้กินเยอะไม่ได้”
หูของอินยังฟังคนข้างๆ แต่สายตาของอินถูกดึงดูดกลับไปอีกที่ทันทีเมื่อคนของเขาลุกขึ้นพาแฟนเก่าไปที่โต๊ะที่เพื่อนของเขานั่งอยู่ ถ้าเดาไม่ผิดดินน่าจะกำลังแนะนำให้คนในโต๊ะรู้จัก แล้วดูเพื่อนเขาแต่ละคน พวกมันแท้ๆที่นั่งยุให้เขาหัวปั่นมาเป็นชั่วโมงแต่ตอนนี้พูดคุยยิ้มแย้มเหมือนรู้จักกับอีกคนมาเป็นชาติ
พวกมึงเพื่อนกูจริงๆใช่ไหม
“อินสบายดีนะ”
อินสติกลับมาตรงหน้าเมื่อได้ยินคำถามจากคนข้างตัว พอหันกลับมาก็สบตากับเจ้าตัวที่เหมือนจะแอบมองเขาอยู่ก่อนแล้ว สายตาของเตที่มองเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มันเป็นสายตาที่แสดงออกชัดเจนเสมอว่าห่วงใยเขา ทั้งๆที่ตั้งแต่เลิกกันเขาไม่เคยมีเรื่องอีกคนในหัวเลยด้วยซ้ำ มันเป็นอีกครั้งที่ทำให้เขาคิดได้ว่า มันแย่แค่ไหนที่ต้องปล่อยให้คนคนนึงจมอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆ โดยที่เขายังสุขสบายใจแบบนี้
อย่างน้อยเขาควรจะแสดงความจริงใจโดยการบอกความจริงให้อีกฝ่ายรับรู้
“เตเห็นคนนั้นไหม เสื้อดำ”
อินมองไปที่โต๊ะของเพื่อนจนเตลากสายตาตามไป คนเสื้อดำในโต๊ะตอนนี้มีอยู่คนเดียว
“นั่นดินแฟนอินเอง”
เตเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหู มองหน้าเขาสลับกับคนในโต๊ะนั้น
“แต่คนข้างๆคือ..”
“อือ อินรู้ แฟนเก่าดิน”
แน่นอนว่าเตเคยเห็นสองคนนั้นมาก่อน ก็เขาสนิทกับนทที่อยู่ห้องเดียวกันกับพวกนั้น แล้วตอนมอปลายดินก็ดังไม่ใช่เล่น แค่คบกับทิวก็ทำสาวๆอกหักกันไปทั้งโรงเรียน
“แล้วดินนี่ เป็นแฟนแบบไหนของอิน” เป็นเตที่ถามก่อน
“แบบไหนคือยังไง”
“เป็นแฟนแบบเตหรอ”
แฟนที่เอาใช้แทนคนที่พยายามลืม..
แฟนที่แค่ไม่ปฎิเสธเมื่อโดนขอคบ..
อินเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายถาม เขาอยากจะพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่สิ่งที่เขาเห็นว่าสำคัญกว่าคือการซื่อสัตย์กับคนตรงหน้า อย่างน้อยเขาอยากให้ความสัมพันธ์ของเราต่อจากนี้มีแต่ความจริงใจ
“เหมือนถามเองจะเจ็บเองยังไงไม่รู้” เตพูดกลั้วหัวเราะจนอินก็ยกยิ้มตาม
“เต... อินเดินหน้าต่อแล้วนะ” อินเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่าย
“ตอนนี้สำหรับอิน กิตคือความทรงจำที่มีค่าที่สุดของอิน แต่เขาก็คืออดีตที่อินต้องทิ้งไว้ข้างหลัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกับอินคือปัจจุบันและอนาคต”
“แล้วปัจจุบันและอนาคตของอินคือคนนั้นหรอ”
“ดินคือปัจจุบัน เป็นปัจจุบันที่อินอยากให้เป็นอนาคต”
“เฮ้อ อกหักหนักกว่าเดิมไปอีก ไม่เคยให้ความหวังเตเลยนะ”
“ที่อินอยากมีให้เตคือความจริงใจไม่ใช่ความหวังลวงๆ”
“อือฮือ เดี๋ยวนี้คมเชียวนะคุณแฟนเก่า”
“ก็ได้แค่นี้ ต่อหน้าเขาก็ไม่กล้าทำอะไร”
“นี่อย่าบอกว่ากำลังหึงทิวอยู่”
“หึงสิ หึงจนอยากจะทำอะไรงี่เง่าใส่ อยากจะกระโดดไปแยกทั้งคู่ออกจากกันเลยซะให้รู้แล้วรู้รอด” อินพูดขำๆแต่ก็แอบคิดจริงอยู่เหมือนกัน
“ก็ทำสิ”
“ได้ที่ไหนเล่า เดี๋ยวโดนว่าน่ารำคาญ”
เตหลุดหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำตอบพร้อมหน้ามุ่ยๆของเขา ยกมือขึ้นมาขยี้หัวแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“น่ารำคาญที่ไหน ถ้าตอนคบกันอินเป็นแบบนี้เราคงดีใจตายไปแล้ว” เขาคงมีความสุขจนตัวลอย ถ้าอินจะมีความรู้สึกหึงหวงเขาบ้างสักนิด
อินกำลังพยายามประท้วงอีกฝ่ายให้เอามือออกก็ได้ยินเสียงกีตะโกนเรียกชื่อเตจากอีกฝั่ง โบกไม้โบกมือเรียกให้เข้าไปหา เขาไฝแอบเหลือบมองคนเสื้อดำที่ตอนนี้จ้องเขามาตาไม่กระพริบ
“ถ้ายังไม่อยากสอยดาว ไปทักทายกีก่อนไหม”
“ไม่น่าจะเลี่ยงมันได้แล้วนะ จังหวะนี้”
ทั้งสองยกยิ้มให้กัน หยิบแก้วเบียร์ที่เพิ่งรินเสร็จอีกครั้งแล้วเดินไปที่โต๊ะ เตกระซิบเบาๆเมื่อเราเริ่มออกเดิน
“เดี๋ยวเตช่วยเอง”
.
.
.
“ไอ้เตมาไงมึง”
ไม่ต้องถึงโต๊ะดี กีที่เห็นพวกเขาเดินมาก็ตะโกนทักทายแล้ววิ่งเข้ามาหา ทั้งโต๊ะหันมามองทางเขาสองคน แอบเหลือบไปทางคนตัวโตก็เจออีกฝ่ายจ้องเขามาตาขวาง
คือถ้าจะมาตาขวางแบบนี้ก็ควรจะหาทางเอามือนั้นออกจากขาตัวเองให้ได้ก่อนไหม
“เชี่ย กูว่าโลกกลมเป็นลูกแก้วแล้วมึง” ธันหันไปกระซิบข้างหูแนทที่นั่งกุมขยับกับความบังเอิญซ้อนบังเอิญตรงหน้า
“กูมากับไอ้นท”
“เอ้า มันมาด้วยหรอ นี่เตเพื่อนเราที่มหาลัย รู้จักกันตอนไปค่ายอาสา” เมื่อมาถึงโต๊ะกีก็แนะนำเตให้กับทุกคนได้รู้จัก เตนั่งลงตรงข้ามกับกี ส่วนอินก็นั่งลงตรงข้ามที่ที่เคยนั่งซึ่งตอนนี้มีดินนั่งอยู่แทนที่ เหลือบมองคนตัวเล็กข้างๆดิน พยักหน้าเป็นการทักทายอีกฝ่ายเบาๆ
“ที่จริงนอกจากเพื่อนกีแล้ว เรายังเป็นแฟนเก่าอินนะ มึงแนะนำแบบนี้ก็ได้” อินหันไปมองหน้าเต คนตัวโตฉีกยิ้มกว้างพร้อมขยิบตาข้างหนึ่งส่งให้เขา อินหรี่ตาพร้อมสายหัวให้เบาๆ เข้าใจทันทีว่าอีกคนต้องการจะทำอะไร เพื่อนอีกสามคนของอินก็ดูเหมือนจะเข้าใจเหมือนกัน
“วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย” ธันพูดขึ้นลอยๆ
“วันรวมแฟนเก่าเปล่าวะ ทิวก็เคยคบกับดินนี่ เห็นต้นบอก” กีว่าต่อ ดินหันขวับไปทางเพื่อนสนิทที่ปากมากทันที จนเจ้าตัวต้องส่ายหน้าปฎิเสธเร็วๆ วันนี้นั่งอยู่เฉยๆแท้ๆ ทำไมมีแต่เรื่องเข้าตัวไม่รู้
“ตั้งนานมาแล้ว ตอนนี้ก็เพื่อนกันทั้งนั้น..เนอะ” ต้นพยายามแก้ตัวแทนอีกคนที่ยังนั่งจ้องฝั่งตรงข้ามไม่หยุด
“ง่ะ ต้นถามความคิดเห็นเราก่อนไหม ว่าเราอยากเป็นแค่เพื่อนหรือเปล่า” คนตัวเล็กที่นั่งข้างดินว่าขึ้น
“แฟนเก่าก็ไม่เอานะ แฟนใหม่เลยได้ไหม” พูดไปก็โน้มหน้าเข้าไปทำหน้าทะเล้นให้คนข้างตัว ดินเหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่ธันแทรกขึ้นมาก่อน
“อู้ววว วันนี้ถ่านไฟเก่ามาแรงแฮะ”
ก็ไม่ใช่มึงหรอที่ขยันเติมเชื้อเพลิง!!!
“ทิวไปเต้นกันไหม”
เมื่อต้นเห็นท่าไม่ดีก็รีบลุกขึ้นยืน จับแขนคนตัวเล็กดึงให้ลุกขึ้น แต่ทิวยื้อเอามือเกาะแขนดิน
“หือ ไม่ไป ต้นอยากไปก็ไปดิ”
“มาเถอะ ดูดิไอ้ลูกน้ำมันเรียกหลายทีแล้ว มันว่ามีเรื่องจะให้ช่วย”
“เออๆ แปปเดียวนะ เดี๋ยวทิวมานะดิน”
ว่าแล้วทิวก็ยอมลุกออกไปจากโต๊ะอย่างจำใจตรงไปหน้าเวที ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ ดินยังคงนั่งจ้องอินที่ตอนนี้ยกเบียร์ขึ้นมาซดจนจะหมดแก้ว อินฉุนเกินกว่าจะคุยหรือถามอะไรคนตรงหน้าแล้ว เพื่อนสนิททั้งสามของอินสะกิดกันเหมือนอยากให้ใครเริ่มบทสนทนาอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความเงียบ แต่กลับเป็นเตที่พูดขึ้นมา
“พอแล้วน่ะ จะเมาอีกแล้ว”
“ไม่เมาสักหน่อย ถ้าเตไม่ดื่มอินขอนะ”
อินเลื่อนไปจะคว้าแก้วของเตมาดื่ม ตอนนี้อินไม่อยากเงยหน้าขึ้นไปสบตาดินเลยสักนิด จะมาจ้องเขาทำไมในเมื่อตัวเองไม่เห็นทำอะไรให้ขัดเจนเลยสักนิด จะมาหึงเขาทำไมเวลาเขาอยู่กับคนอื่น ไม่ดูตัวเองเลยสักนิด
“ไม่ให้ดื่มแล้ว พอเถอะ ไปๆ เดี๋ยวเตไปส่งห้อง”
“แต่...”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ”
เตว่าพร้อมเอามือบีบจมูกอินเบาๆส่ายไปมา แอบมองจากหางตาก็เห็นคนหัวร้อนที่ตอนนี้เหมือนจะนั่งไม่ติดเก้าอี้
พรวด! หมับ!
“ไป กลับห้องกัน”
ดินลุกขึ้นอ้อมโต๊ะมาดึงแขนอินให้ลุกจากเก้าอี้แต่โดนสะบัดออกจนหลุดทันที
“อยากกลับก็กลับไปสิ ดินชวนผิดคนแล้วมั้ง”
ดินพยายามดึงแขนคนตัวเล็กอีกครั้งแต่คราวนี้โดนเตจับข้อมือไว้ก่อน
“คุยกันดีๆ อะไรคือมากระชากลากถูแบบนี้”
“มึงอย่าเสือก!”
“ดิน! พูดกับเพื่อนอินดีๆ”
“อยากให้ดินต่อยมันจริงๆใช่ไหม” คนตัวโตกกระซิบข้างหูอย่างร้อนใจ เขาแทบจะไม่มีสติเหลือจะใจเย็นอะไรแล้ว
“...”
“นะ” คนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง จับแขนเขาอีกครั้งแต่ไม่ได้ออกแรงดึง ยืนรอเหมือนให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง
“เต เดี๋ยวอินกลับกับดินนะ”
“แน่ใจนะ?” เมื่ออินพยักหน้า เตก็ไม่ว่าอะไรลาคนบนโต๊ะก่อนจะเดินไปหาเพื่อนด้านหน้าเวที อินไม่รอช้าสลัดมือออกจากอีกฝ่าย แล้วเดินกลับห้องพักโดยไม่สนใจเสียงเรียกของดินที่เดินตามหลัง
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“ถ้าดินทำแบบวันนั้นอีกอินจะไม่คุยด้วยอีกเลยนะ”
ดินปิดประตูห้องลงกลอนทันทีเมื่อเข้ามาในห้องนอนของอิน นี่ถ้าไม่ยันประตูไว้ก่อนก็เกือบโดนปิดประตูใส่หน้าไปแล้ว พอเข้ามาแล้วก็จับอีกคนดึงเข้ามาชิดตัว โน้มตัวเข้าไปตั้งใจจะกดจูบเข้าไปแรงๆให้สมกับความโมโหที่ครุกรุ่นอยู่ในจิตใจ แต่ก็ชะงักตัวไว้ก่อนเมื่ออินเอ่ยเตือนเสียงแข็งขึ้นมาถึงวันที่ที่ทะเลาะกันคราวที่แล้วจนเกือบจะเลิกคุยกัน เขาถึงยอมปล่อยตัวอีกคนนั่งลงบนปลายเตียงเอามือกุมขมับ
“แล้วอินทำอะไร อยากเห็นดินเป็นบ้าหรือไง”
ถ้าอีกฝ่ายอยากให้เขาบ้าก็คงประสบความสำเร็จแล้วเพราะตอนนี้หึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
“อินทำอะไร”
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้ไหม อินรู้ว่าดินเป็นอะไร”
“...”
“ดินเกือบจะต่อยหน้ามันไปแล้วจริงๆนะ”
“แล้วอินต้องไปต่อยหน้าทิวหรอไง อะไรๆก็จะใช้ความรุนแรง”
“...”
“นี่ขู่แบบนี้แล้วอินต้องกลัวดินไหม”
“...”
“และช่วยคิดใหม่อีกทีว่าใครทำให้ใครเป็นบ้ากันแน่”
“แต่อินหายไปนานสองนานไม่กลับมาสักที กีบอกว่าไปกับเพื่อนแต่พอเห็นว่าเป็นมัน...”
“ไม่ได้ไปด้วยกันกับเตสักหน่อย อินเพิ่งเจอเตเมื่อกี้ แล้วอินหายไปนานสองที่ไหน มานั่งตั้งนานแล้วดินต่างหากที่นั่งอยู่กับทิวจนไม่เห็นอะไรเลย”
“...”
“ก่อนจะมาโกรธคนอื่นดูตัวเองก่อนไหม นี่แค่เห็นอินอยู่กับเตยังทำตัวเสียมารยาทขนาดนี้ ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบอินบ้าง ดินจะทำยังไง”
อินหอบเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดหลังจากพูดยืดยาวออกไป แต่เหมือนยิ่งพูดมันก็หยุดไม่ได้
“นี่ถ้าอินไม่มาด้วยนี่ ไม่รู้จะเป็นไงเลยนะ เกาะแขนเกาะขากันขนาดนั้น หรือพออินไม่ยอมมานอนด้วยก็เลยจะหาคนใหม่มาแทนซะแล้ว”
“อิน!”
“ไม่ใช่คนใหม่สิ ก็มาก่อนอินนี่เนอะ”
“ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้ ดินขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
คนตัวโตสุดจะทนเอื้อมไปคว้าตัวคนตรงหน้ามากอดแน่น ซบหัวลงตรงกลางท้องของอิน
“...”
“กับทิวไม่ได้มีอะไรจริงๆ เขามาขอให้ช่วยทำงานละคร ไม่มีอะไรจริงๆนะ”
อินมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้ซบหน้าพูดด้วยเสียงอ้อน พออินได้พูดออกไปก็เหมือนสิ่งที่อัดอั้นใจมันได้ระบายออกไปหมด ใจเขาเย็นขึ้นกว่าเดิมเยอะ แล้วยิ่งได้เห็นคนตัวโตฟิวส์ขาดหึงเขาขนาดนี้ ความดีใจมันก็เลยมากลบทุกอย่างไปหมด
“เฮ้อ ดินงี่เง่า”
“อืม ดินงี่เง่าเอง”
“อินหึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วไม่รู้หรอ”
“ขอโทษครับ”
“ไปนั่งให้เขาจับขาจับแขนแบบนั้น เป็นอินบ้างดินจะรู้สึกยังไง”
“ขอโทษครับ”
ดินดึงคนตัวเล็กให้ลงมานั่งที่ตัก โน้มหน้าใช้จมูกเกลี่ยรอบใบหน้าอินเบาๆ
“ดินมันขี้หึง ดินมันไม่ดีเอง”
“แล้วที่เลิกกับเขาก็เพราะไปหึงเขามากเกินไปไม่ใช่หรอ” คนตัวโตขมวดคิ้ว
“ใครบอก”
“ต้น”
“ไอ้เหี้ยต้น!”
“ไม่ต้องไปว่าเพื่อนเลย”
“ไม่ใช่จริงๆ กับทิวนี่ไม่ได้คบกันเลย ถามทิวดูก็ได้”
“ไม่ต้องมาโกหกเลยนะ”
“ตอนมอห้าทิวโดนรุ่นพี่แต๊ะอั๋ง ดินเข้าไปช่วยมันก็เลยมีคนพูดไปหลายอย่าง”
“แต่ต้น..” ดินนึกโมโหเพื่อนสนิท พรุ่งนี้มึงไม่รอดแน่
“มันก็ไม่รู้ ทิวไม่อยากให้ใครรู้น่ะเรื่องที่โดนดินเลยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง”
“...”
“ไม่เชื่อ?”
“เฮ้อ...อินไม่รู้อะไรอีกแล้ว”
“ดินไม่โกหก อินก็รู้”
“แต่เขาก็มาชอบจริงๆไม่ใช่หรอ”
“ก็ใช่...แต่ดินไม่สนนี่น่า ดินรักใครอินน่าจะรู้ดีที่สุด” คนตัวโตรัดคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันดูผิดแผนไปหมด เขาชวนอีกคนมาทะเลเพราะอยากให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น แต่ตั้งแต่มาก็มีแต่เรื่องที่ทำให้ต้องอึดอัดใจกันตลอด
“แล้วทำไมไม่บอกว่าอินเป็นแฟน...”
“ก็มันกำลังโมโหตอนเจอมัน นั่งอยู่เฉยๆได้นี่นับถือตัวเองแล้ว” เมื่อเห็นอินเริ่มอ่อนให้ดินก็กลับมาบ่นอีกครั้ง
“เรียกเตดีๆได้ไหม รู้ไหมว่าทำตัวเสียมารยาทที่สุดเลย”
“ก็มันเสือกเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทำให้รู้ซะมั้งว่าใครเป็นใคร”
“เตรู้..” ดินยกหางคิ้วอย่างไม่อย่างสงสัย
“ตอนเจอกันอินบอกไปแล้ว”
“จริงดิ”
“อืม”
“แมนกว่าดินก็อินนี่ล่ะ” อินหัวเราะออกมาเบาๆ ดินมองหน้าคนตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอาหน้าปากซบลงที่หัวไหล่ข้างหนึ่งของอีกคน
“ขอโทษนะครับ”
“สำหรับ?”
“ทุกอย่างเลย...”
“เฮ้อ อยากจะโกรธเหมือนกัน แต่วันนี้เหนื่อยแล้ว โกรธไปเยอะ” ดินยิ้มกว้างขำเบาๆในลำคอ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะโน้มตัวแตะริมฝีปากกับอีกฝ่าย งับด้านล่างเบาๆก่อนจะดูดจนเกิดเสียงดังขึ้นมา ลากลิิ้นร้อนไปรอบปากก่อนจะดึงดันมันเข้าไปตามรอยแยก ดินกดจูบเข้าไปหนักขึ้นเมื่ออินโอบรอบต้นคอของเขา ใช้ลิ้นกวาดรอบโพรงปากของคนตัวเล็ก ใช้ฟันขบลิ้นอีกฝ่ายเบาๆก้อให้เกิดเสียงครางจากคนร่างบางตรงหน้า เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ขาทั้งสองข้างของคนตรงหน้าเปลี่ยนมาค่อมร่างของเขาไว้ ดินเอื้อมมือไปโอบรอบหลังอิน ถูขึ้นลงอย่างรักใคร่ มือทั้งสองเลื่อนต่ำลงไปถึงสะโพก บีบเบาๆอย่างมหมั่นเขี้ยวที่สุด
“วันนี้ดินนอนด้วยนะ” คนตัวโตว่าออกมาเสียงพร่า ส่งสายตาอ้อนให้คนตรงหน้าที่ปากแดงเจ่อ ตากลมเจือไปด้วยน้ำใส ทั้งหน้าเห่อแดงจนแอบกลัวว่าจะไข้ขึ้น เมื่อได้ยินคำถามอีกฝ่ายก็ผละตัวออก ก่อนที่จะลุกยืนขึ้น ใจเสียไปหมดเมื่ออีกคนเอ่ยออกมา
“ดินกลับห้องเถอะ”
ดินรีบลุกขึ้นสอดแขนเข้าไปรอบเอวเล็กของอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกคนจะยังใจแข็งอยู่แบบนี้
“อิน...นะ”
“ก็บอกว่าให้กลับห้อง...” คนตัวเล็กยังยืนยัน
“เฮ้อ...โอเคครับ” ดินยอมตัดใจในที่สุดปล่อยคนตรงหน้าเป็นอิสระ กำลังจะหันหลังเดินออกไป
“คุยกับต้นแล้ว..”
“ครับ?”
คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ กำชายเสื้อของอีกฝ่ายแน่น ทำใจตะกุกตะกักพูดจนจบประโยค
“อินขอแลกห้องกับต้นแล้ว...ไปห้องดินกันนะ”

**************
มาช้าาา ติดนิยายอยู่ 5555






หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (12:00 คนงี่เง่า ) อัพ 14/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 16-06-2019 02:14:03
ใครเป็นอินก็หึงป่ะ,,,
หัวข้อ: 2nd hand love / รักมือสอง (13:00 เพิ่งเจอต่างหาก) อัพ 16/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 16-06-2019 04:24:11
13:00 เพิ่งเจอต่างหาก

“เอ่อ คือดินมี...”
เมื่อประตูห้องนอนของดินปิดสนิท อินที่นั่งประหม่าอยู่ปลายเตียงกลั้นใจถามขึ้นทั้งที่ตอนนี้หน้าแดงเหมือนมะเขือเทศสุก
ไหนๆก็ทำใจกล้ามาถึงขนาดนี้ ก็ไปให้ถึงที่สุดไปเลย
ดินยกยิ้มอย่างเข้าใจ เดินไปยังกระเป๋าเสื้อผ้า หยิบถุงยางอนามัยกับเจลหลอดเล็กขึ้นให้อีกฝ่ายดูอย่างหยอกล้อ เมื่อเจ้าตัวเห็นก็ทำท่าตกใจตื่น ก้มหน้าจนคางติดอก กำสองมือแน่นที่หน้าตักของตัวเอง ดินเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย คุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น วางของในมือทั้งหมดลงบนเตียงก่อนจะเอื้อมมือจับคางอีกฝ่ายเชิดขึ้นเบาๆ ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยกลีบริมฝีปากล่างของอีกฝ่าย สายตาคมมองตามมือตัวเองที่เลื่อนไปตามส่วนต่างๆ คนตัวเล็กตรงหน้าเกร็งจนลืมหายใจ เขาไล่จากปากไปตามแก้มแดง เลื่อนไปข้างใบหูจนวางถนัดลงที่ท้ายทอย ดินดึงอีกฝ่ายเข้าหาตัวอย่างช้าๆจนปากทั้งสองประทับกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่นุ่มนวลเหมือนครั้งแรก ดินกดรอยจูบเข้าไปอย่างหนักหน่วง ตักตวงเหมือนหวังเอาทุกอย่างที่อยู่ในโพรงปากอีกฝ่ายมาเป็นของตน งับดูดริมฝีปากล่างสลับด้านบนไปมาจนเกิดเสียงดังน่าอายก้องไปทั่วห้อง แขนเรียวเล็กรัดแน่นกับแขนของดินจนเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน ขาทั้งสองของคนบนเตียงเบียดแน่นกับส่วนใหญ่โตของดินจนตอนนี้มันขยับขยายขึ้นจนเจ็บไปหมด

“วันนี้ดินขอนะ”
ไม่รอฟังคำตอบดินเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อยืดของอีกฝ่าย บีบคลึงเอวบางถูไถเลื่อนขึ้นไปจนเจอตุ่มไตแข็งขืน ดินใช้นิ้วชี้กดลงและคลึงเบาๆจนคนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ใช้มือที่ว่างจับปลายเสื้อของอีกคนเลิกขึ้นจนถึงคอ ก้มลงกวาดลิ้นเลียรอบแนวตุ่มแข็งที่ว่างอยู่ของอีกฝ่าย ขบกัดด้วยริมฝีปากจนตอนนี้คนตัวเล็กแทบจะนั่งไม่อยู่เกาะแขนทั้งสองข้างเขาแน่นเกร็ง ดินถอดเสื้อของอินออกก่อนที่จะดันคนร่างบางให้นอนราบลงบนเตียง ยกขยับทั้งร่างให้สูงขึ้นจนขาทั้งสองไม่เลยลงออกมานอกเตียง ดินมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้คอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอย่างหลงไหล ดินสัมผัสได้ชัดเจนถึงความประหม่าของอีกคน
หน้าที่เห่อแดงเหมือนคนเป็นไข้
เสียงหายใจที่ไม่เป็นจังหวะเหมือนคนหายใจไม่เป็น
สองมือเล็กที่กำผ้าปูที่นอนอย่างแน่นเกร็ง
เขาหลงไหล...หลงรัก...
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนตรงหน้าเป็น

ดินเอื้อมมือไปปลดกระดุมกางเกงก่อนที่จะเลื่อนซิปลง อินให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการยกสะโพกขึ้นเมื่อเขาพยายามดึงกางเกงและชั้นในของอีกคนออก

“ดิน..อ๊ะ..มันเสียว...”
เสียงอินครางเรียกเขาเบาๆเมื่อเขาโน้มตัวก้มจูบจากข้อเท้าข้างหนึ่งของอีกฝ่าย ลากลิ้นเลียขึ้นไปเรื่อยๆแวะดูดดึงผิวนุ่มแรงๆหลายครั้งจนตอนนี้ขาขาวของคนตัวเล็กมีรอยแดงจ้ำๆตลอดทาง ดินยกขาข้างหนึ่งขอคนตัวเล็กขึ้นและประชิดเข้าไปที่ต้นขา ขบกัดด้านในของขาอ่อนอย่างมั่นเขี้ยวไม่ยั้งจนขึ้นรอยฟันไปทั่ว ส่วนอ่อนไหวของอีกคนที่เริ่มแข็งตัวขึ้นใกล้ใบหน้าของเขาและเสียงครางของคนตัวเล็กที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆทำให้อารมณ์ของเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว แต่เขารู้ว่าเขาต้องใจเย็น เขาอยากให้คนที่นอนราบอยู่ตอนนี้มีความสุขมากที่สุด

ดินเอื้อมมือไปจับกลางตัวของอีกคนที่ยังนอนเกร็ง ใช้นิ้วโป้งบี้ส่วนหัวแดงก่ำที่มีน้ำเยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะจะกำแน่นและเลื่อนขึ้นลงช้าๆ อินส่ายหน้าไปมา สองมือตะปบแขนเขาเหมือนพยายามจะหาอะไรสักอย่างเป็นตัวช่วยลดความเสียวเมื่อดินเพิ่มความเร็วขึ้น สะโพกของอินเริ่มขยับตามจังหวะที่คนตัวโตเป็นฝ่ายชี้นำ ดินโน้มตัวไปข้างหน้ากดจูบหนักบนริมฝีปากคนตัวเล็ก ลดจังหวะมือลงอีกครั้ง ใช้มือที่ว่างอยู่บีบจับสะโพกแรงๆก่อนจะแทรกนิ้วเข้าไประหว่างร่องก้น อินสะดุ้งอีกครั้งเมื่อนิ้วของอีกฝ่ายเริ่มถูไถบริเวณปากทางเข้า

“ดิน...”
“ชู่...ไม่ต้องกลัวนะครับ” ดินเอ่ยปลอบก่อนจะลุกขึ้นถอนตัวออกจากเตียง จัดการถอดเสื้อผ้าออกจากตัวอย่างรวดเร็ว อินเบิกตาโตมองส่วนใหญ่โตที่ขยับขยายแล้วของอีกฝ่ายก็เผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ เขาเตรียมใจมาแล้วสำหรับวันนี้ แต่ยังไงก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี ยิ่งได้มาเห็นขนาดอันใหญ่โตของอีกฝ่ายชัดๆแบบนี้
ร่างใหญ่เอื้อมหยิบหลอดเจลที่วางไว้ เปิดฝาและบีบเจลออกมาแปะไว้ที่ปลายนิ้วและโน้มตัวลงใช้เข่าหนึ่งข้างยันเบาะระหว่างสองขาเรียว ดึงก้มลงสัมผัสริมฝีปากกับอีกฝ่ายอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกลงไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กของอีกคน ดูดเม้มจนคนตัวเล็กครางออกมาในลำคอจึงยอมผละออกมา
“เชื่อใจดินนะครับคนดี”
จุ๊บลงเบาๆที่ปากอีกครั้งก่อนจะเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ไล่เลียผ่านตุ่มไตสีเรื่อ ดูดแรงๆหลายครั้งทั่วท้องแบนราบของอีกฝ่ายขณะที่เลื่อนมือไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวอีกครั้ง อีกมือที่มีเจลอยู่เลื่อนไปที่ทางเข้าด้านหลัง ชักส่วนอ่อนไหวขึ้นลงเร็วๆก่อนที่จะสอดนิ้วแรกเข้าไปในทางแคบที่ทั้งแน่นและตอดรัด ค้างไว้แบบนั่นสักพักก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ
“อ่าา...ดิน...มัน..อ่าา” อินพูดไม่เป็นภาษาเมื่อสัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้น เขารู้สึกไม่คุ้นเคยและเสียดแน่นไปหมด มือทั้งสองข้างพาดอยู่บนไหล่ของคนตัวโต จิกนิ้วลงบนเนื้อสีแทนเพื่อพยายามระบายความเสียวซ่าน อินร้องครางเสียงดังเมื่อคนตัวใหญ่งอนิ้วกระแทกเข้าไปในส่วนลึกของร่างกาย ความเสียวซ่านที่รุนแรงทำให้สะโพกขาวเริ่มขยับตามจังหวะของมือทั้งสองข้างของคนตัวใหญ่ นิ้วที่เข้าไปเพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสาม อินครวญครางเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมความอาย ร่างเล็กโยกไหวไปมาตามกระแสอารมณ์ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะกระตุกปลดปล่อยหยดน้ำขุ่นขาวออกมาจนหมดสิ้น

คนตัวใหญ่ถอนนิ้วออกจากอีกฝ่ายจนอินเผลอร้องออกมาเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบถุงยาง ฉีกออกจากซองพร้อมใส่ส่วนใหญ่โตเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดินก้มลงไปดึงร่างเล็กที่เปื้อนคราบคาวของนำ้รักให้ขึ้นมาคร่อมหน้าตัก มือสองข้างแตะที่ก้นกลมของคนบนตัว เลื่อนนิ้วเรียวเข้าไปในทางเดิมที่เหมือนจะเริ่มคุ้นเคยกับนิ้วของเขาแล้ว กดจุมพิตอีกฝ่ายเบาๆ ใช้จมูกเกลี่ยไปมาตามซอกคอ ใช้ฟันงับไหปลาร้าของอีกฝ่ายจนขึ้นรอยอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเลื่อนลงไปเล่นกับตุ่มไตสีชมพูเรื่อที่แข็งชันอีกครั้ง ร่างบางทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านหลังที่มีมือข้างนึงของดินรองรับอยู่ เชิดหน้าขึ้นครางออกมาเสียงดังอย่างอดกลั้นไม่ไหว แกนกลางของทั้งสองคนแนบทับกันสนิท เสียดสีกันไปมาจนแกนกลางยิ่งร้อนพร่าว แม้อินจะเพิ่งปลดปล่อยไปแต่ตอนนี้ส่วนอ่อนไหวของเขาก็เริ่มแข็งตัวขึ้นอีกครั้ง

“ดินเข้าไปนะครับ” ดินที่ตอนนี้เหงื่อเกาะเต็มหน้าพูดออกมาอย่างใจเย็น
“ถ้าทนไม่ไหว บอกดินนะ ดินจะหยุด”
อินก้มหน้ามาสบตากับอีกคนที่ยังเป็นห่วงเขาแม้กระทั่งในสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงเป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนที่จะกดจูบลงไปเป็นการอนุญาต
“อ่ะ...อ่าาา ดินนน”
อินหลับตาปี๋ครางออกมาเสียงดังเมื่อนิ้วยาวถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่โตกว่ามาก ดินยกสะโพกของคนตัวเล็กขึ้นก่อนจะพยายามดันให้ส่วนใหญ่โตเข้าไปได้ให้มากที่สุด แช่อยู่อย่างนั้นจนเห็นคนตรงหน้าเริ่มสงบลงจึงเริ่มขยับตัวอย่างเชื่องช้า ร่างเพียวบางโยกขึ้นลงตามจังหวะมือของเขาที่เกาะอยู่ตรงเอวของอีกฝ่าย ดินกดดูดเลียตุ่มไตทั้งสองข้างสลับไปมาเพื่อช่วยลดความเจ็บ อินครางเสียงหลงเมื่อส่วนใหญ่โตของเขาไปสัมผัสจุดที่อ่อนไหวที่สุดด้านใน ดินย้ำไปที่เดิมหลายๆครั้งอย่างจงใจจนช่องแคบตอดรัดเขาอย่างหนักหน่วง ดินกำลังจะถึงจุดหมาย เขาเอื้อมไปจับแกนกลางของอินอีกครั้ง รูดขึ้นลงเร็วๆจนตอนนี้คนบนตักเขาครางร้องเสียงหลง ข่วนหลังของเขาไม่หยุด
“ดินรักอินนะ”
ดินกระซิบเสียงพร่าข้างหูคนตัวเล็กก่อนที่จะกระหน่ำกระแทกเข้าไปแรงๆจนคนบนตักกระตุกอย่างหนัก ใช้สองมือโอบรอบคอเขาแล้วปลดปล่อยความร้อนขุ่นออกมาอีกครั้ง ช่องแคบเล็กตอดรัดส่วนใหญ่โตอย่างบ้าคลั่งจนในที่สุดดินเองก็ปลดปล่อยทุกความรู้สึกออกมาในช่องแคบร้อน ร่างชุ่มเหงื่อทั้งสองกอดรัดกันแน่นอยู่อย่างนั้นเฝ้ารอให้จังหวะการหายใจกลับมาเป็นปกติ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายอย่างลวกๆ ดินก็ล้มตัวลงนอนดึงคนร่างบางให้เข้ามาซบบนอกก่อนที่จะโอบรัดลูบมือไปมาบนไหล่เปลือยเปล่าของคนในอ้อมกอด
“เจ็บมากไหมครับ..” เลื่อนมือข้างที่ถูกนอนทับไปที่สะโพกอีกฝ่าย
“ใครเขาถามกันแบบนี้” คนตัวเล็กหน้ามุ่ยอย่างเขินอาย ตอนนี้พอสติทั้งหมดกลับมาก็อดที่จะอายตัวเองไม่ได้
ก็ครางซะเสียงหลงขนาดนั้น
“ก็ดินเป็นห่วงแฟน...” ดินจับคนตัวเล็กขึ้นไปนอนราบบนอก หันหน้าเข้าหากันใช้ปลายจมูกเกลี่ยกับส่วนเดียวกันของอีกฝ่ายไปมา
“หรือจะเรียกว่าเมียดี...”
“เยอะไปเยอะเลย” คนด้านบนพูดขึ้นก่อนจะเอื้อมตัวไปงับจมูกคนด้านล่างเบาๆอย่างหมั่นไส้ คนตัวโตหัวเราะออกมา ยิ้มกว้างให้กับคนน่ารักตรงหน้า รวบเอวอีกฝ่ายแน่นขึ้นจนตัวแนบกันสนิทเมื่ออีกฝ่ายซบหัวลงมาที่อกกว้างของเขา กดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มหลายครั้งอย่างรักใคร่ ตอนนี้คงไม่มีใครอารมณ์ดีและความสุขเท่าเขาอีกแล้ว
“ที่โดนสอนมานี่เรื่องจริงทั้งนั้นเลยแฮะ” ดินเลิกปลายคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เมื่อคนตัวเล็กพูดขึ้นมา แต่เหมือนเจ้าตัวจะพึมพำกับตัวเองมากกว่าตั้งใจจะพูดกับเขา
“ใครสอน” คนที่เคยอารมณ์ดีที่สุดในโลกว่าเสียงเข้ม คนตัวเล็กเงยขึ้นจากอกเขาอีกครั้งยันแขนขึ้นมาสบตากัน
“ธัน” อินตอบสั้นๆ
“สอนอะไร”
“ก็... ครั้งแรก”
“หืม...” ดินทำเสียงสงสัยอยากให้อีกคนเล่าต่อ
“ก็อินไม่เคยมาก่อน ธันมันก็เลยให้คำแนะนำมาบ้าง”
“แล้วทำไมไม่คุยกับดินล่ะครับ ถามคนอื่นทำไม”
“จะบ้าหรอ เรื่องแบบนี้..จะถามดินได้ยังไง”
“ถามดินได้ทุกเรื่อง”
“ไม่ใช่เรื่องนี้.. จะให้เริ่มพูดก่อนได้ยังไง..เดี๋ยวโดนว่าว่าลามก”
“แต่ก็คิด”
“ดิน!” คนตัวโตหัวเราะ ดึงแก้มคนหน้ามุ่ยไปมา
“ดินก็คิด คิดลามกกับอินไปเยอะเลย”
“ดินหยุดนะ!” ดินไม่ว่าเปล่าเอื้อมมือไปบีบก้นคนบนตัวจนอีกคนร้องห้ามเสียงหลง
“ถามดินได้ทุกเรื่องจริงๆหรอ” จู่ๆคนตัวเล็กก็วกกลับมาหาคำที่อีกฝ่ายว่าไว้ คนตัวโตหรี่ตามองนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้ารับ
“ดินเคยมีอะไรกับใครมาก่อนใช่ไหม” ดินชะงัก เขาแอบตะโกนด่าตัวเองในใจ หาเรื่องเข้าตัวเองแท้ๆ
“ก็ดินแบบ..ทำเป็น”
แล้วคือดูชำนาญมากด้วย
“จะอยากรู้ไปทำไมครับ ไม่สบายใจเปล่าๆ”
“แสดงว่ามี” คนบนตัวเริ่มเสียงแข็ง
“ก็..”
“เอาให้ชัดๆเลยจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดเองไง”
“เล่าแล้วห้ามโกรธนะ เรื่องในอดีตดินแก้ไขอะไรไม่ได้” ดินว่าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่ออินพยักหน้าตกลงดินก็ยอมเปิดปากขึ้น
“ก็อย่างที่อินเดา ก็เคยมาก่อน”
“กับทิว..” คนตัวเล็กถามอย่างตะกุกตะกัก คนตัวโตรีบส่ายหน้า
“ไม่เคย ก็บอกแล้วว่ากับทิวไม่ได้คิดอะไรจริงๆ”
“ก่อนหน้านั้นแสดงว่าดินมีแฟนหรอ หรือว่าหลัง”
คนตัวโตหลับตาถอนหายใจหนัก เมื่อมองหน้าอีกคนที่ตาวาวถามคำถามไม่หยุดอย่างกับเจ้าหนูจำไมก็ยกยิ้มมุมปาก ถ้าวันนี้ไม่ยอมพูดคงไม่ได้หลับแน่ๆ คิดแล้วก็จับไหล่คนบนตัวดันขึ้น ลุกนั่งพิงพนักเตียงก่อนที่จะช้อนอีกคนให้มานั่งตักแล้วโอบไว้แน่น
“ดินก็เที่ยวตามประสาวัยรุ่น ตอนนั้นก็แค่คิดว่าโสดคงไม่เป็นไร ก็อยากลองอยากสนุกไปเรื่อย”
“คำตอบของคนเจ้าชู้ชัดๆ”
“อินอยากให้เล่าเองนะ..” คนตัวโตลูบแก้มคนบนตักไปมา กังวลว่าอีกฝ่ายจะโกรธแต่ใจก็ไม่อยากปิดบังอะไรคนตรงหน้าอีกแล้ว
“รู้แล้ว ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ...”
“ดินไม่เคยมีแฟน ไม่เคยอยากมีด้วย”
“เหมือนต้นหรอ”
“รู้เรื่องไอ้ต้นได้ไง”
“ก็เห็นเขาคุยกัน”
“พวกไอ้ลูกน้ำล่ะสิ”
“ก็ใช่..” อินยิ้มแป้นแก้เขินเมื่อโดนรู้ทัน
“ไม่ใช่แบบต้นหรอก ดินแค่ชอบอิสระมากกว่า ไม่ชอบให้คนโทรตาม อยากไปไหนก็ไปไม่ต้องมานั่งรายงานตลอดเวลา แล้วก็...”
ดินหันมาสบตาอิน ระยะห่างของทั้งสองน้อยมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของอีกฝ่าย ดินมองตากลมวาวที่จ้องมาทางเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นก็อดยิ้มไม่ได้ อินเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ตั้งแต่คบกันมาเขาต้องคอยคาดเดาตลอดว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง แต่มาวันนี้คนตรงหน้ายอมเปิดใจเล่าสิ่งที่คิด เอ่ยถามสิ่งที่สงสัย มันอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้จริงๆว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนพัฒนาขึ้นมากแล้วจริงๆ
“แล้วก็อะไร” อินถามย้ำ
“ดินคิดว่ามันดีมาตลอดกับการที่อยู่คนเดียว มีอิสระทำอะไรได้ตามใจ แต่จริงๆแล้วดินเพิ่งเข้าใจตั้งแต่ที่เจออิน”
“เจออิน?”
“อืม ดินเคยบอกอินแล้วใช่ไหมเรื่องของกิต ไม่ใช่ว่าความรักของกิตมันดีมากจนลืมไม่ลง แต่แค่อินยังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่า... แค่อินยังไม่เจอดินต่างหาก”
“...”
“ดินก็เหมือนกัน.. แค่เจออินวันนั้น ยิ่งได้คุยกัน ก็รู้เลยว่าที่จริงการอยู่คนเดียวมันไม่ได้ดีที่สุดสักนิด”
“...”
“ที่มันเคยดีเพราะดินแค่เพิ่งเจออินต่างหาก..”
อินสบตาอีกฝ่ายขณะที่ฟังประโยคสุดท้ายที่ออกจากปากคนตรงหน้า หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนจะระเบิดออกมา เป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง อินเอื้อมสองแขนโอบรอบคอดินแน่น จุ๊บลงเบาๆที่ปากหนึ่งครั้งอย่างรักใคร่
“อินดีใจนะที่วันนั้นดินเข้ามาทัก”
“...”
“ขอบคุณนะที่พยายามเข้ามาทั้งที่อินปฎิเสธ”
คนตัวใหญ่กว่ายกยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดูคนตรงหน้า
“แค่อย่าทิ้งดินก็พอ”
“ถึงไล่ก็ไม่ไปหรอก” คนตัวโตหัวเราะ
“แล้วนี่จะเอาไปรายงานให้ธันฟังไหมเรื่องวันนี้”
“ก็...ยังไงมันก็ต้องถาม”
“ถามว่าอะไร”
“ถามว่าดินแซ่บไหม” อินพูดกลั้วหัวเราะ
“แล้วอินจะตอบว่าไง” อินอมยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม
“ก็..ก็พอใช้ได้มั้ง”
“แค่พอใช้ได้หรอ?” คนตัวโตเขยิบตัวหมุนวางคนตัวบางราบกับที่นอน ขึ้นคร่อมอีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วถาม
“อืม ก็พอไปวัดไปวา” คนด้านล่างยังไม่ยอมหยุดเล่น
“ให้พูดใหม่ได้นะ” ดินขู่พร้อมกับก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอขาว คนตัวเล็กยันไหล่อีกฝ่ายออกมาจนทั้งคู่สบตากัน
“สงสัยต้องลองอีกรอบ แล้วค่อยให้คะแนน”
ดินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เขามั่นใจว่าคนตรงหน้ากำลังยั่วเขา
แล้วเหมือนเขาจะยั่วขึ้นซะด้วย!!

“ถ้าคืนนี้ไม่ได้นอนอย่าโทษดินนะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“เห้ย กูว่าจะไปปาร์ตี้ต่อในห้องคาราโอเกะกัน พวกมึงจะไปไหม”
ลูกน้ำเอ่ยถามเพื่อนในมหา’ลัยที่บังเอิญมาเจอกันวันนี้ ธันหันไปมองหน้าอีกสามคนที่เหลือในโต๊ะเป็นเชิงถามว่าจะเอาไง
“ไปไหมมึง กูยังไม่ง่วงเลย” แนทว่าขึ้น
“ต้นไปด้วยกันไหม” ลูกน้ำเป็นฝ่ายถามเจ้าของบ้านขึ้นบ้าง
“เราแล้วแต่กี” เมื่อต้นพูดแบบนั้นสายตาทั้งหมดก็หันมาที่กีที่นั่งกอดอกตัวเองอยู่ คนโดนโบ้ยขมวดคิ้วหันไปมองคนพูด เขาไม่เข้าใจว่ามันต้องการอะไร ตามเขามาสองเดือนได้แล้ว และวันนี้ตั้งแต่เลิกร้องเพลงก็มานั่งเฝ้าเขาไม่ยอมไปไหนเลยสักนิด
“พวกมึงไปเถอะ กูว่าจะกลับห้องแล้ว”
เมื่อเขาว่าอย่างนั้นทุกคนก็หันกลับไปมองเจ้าบ้านอีกครั้ง
“เราบอกแล้วไงว่าแล้วแต่กี เดี๋ยวต้นไปส่งที่ห้องนะครับน้องกี”
ต้นว่าเสียงทะเล้นยื่นหน้าไปหาคนข้างตัว กีมองคนที่โน้มหน้าเข้ามาไม่ได้โวยวายเหมือนที่เคยแต่ขยับยืนลุกขึ้น
“ก็มาสิ” กีว่าแบบนั้นแล้วเดินออกไปทิ้งให้สี่คนในเหตุการณ์ยืนอึ้งกับท่าทางของคนที่ปกติจะขี้โมโห เป็นต้นที่ตั้งสติได้ก่อนแล้วรีบเดินตามคนตัวเล็กออกไป

“มึงว่าเสร็จไหมคืนนี้” แนทว่าขึ้นสายตายังจ้องด้านหลังของอีกสองคนที่เดินออกไป

“จะเหลือหรอ” ลูกน้ำว่าก่อนที่ธันจะว่าต่อ

“มึงควรจะถามว่ากี่รอบมากกว่า”
****************

กี่รอบบบ ทายเลยยย 5555
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (13:00 เพิ่งเจอต่างหาก) อัพ 16/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 17-06-2019 00:04:42
ได้ทั้งคืนแน่ๆ 2 คู่นี้,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (13:00 เพิ่งเจอต่างหาก) อัพ 16/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Panza ที่ 17-06-2019 13:35:26
ว้าววว nc ดีน้า บทจะหวานก็หวานมักมัก บทจะหึงอินก็หึงได้น่าเอ็นดูจะอาละวาดก็ไม่กล้า ดีที่มีเพื่อนดีนะเนี่ย555 อินน่ารักกก หวานกันขนาดนี้จะมีม่าส่งท้ายมั้ยเนี่ย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (14:00 เดือนเดียว) อัพ 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 18-06-2019 03:30:00
14:00 เดือนเดียว



กีเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง มองซ้ายขวาเห็นไม่มีใครอยู่ในระยะสายตาก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็วจนคนที่เดินตามมาในระยะประชิดหยุดแทบไม่ทัน
“คุยกันหน่อยไหม” กีว่าขึ้นเอามือกอดอก หน้าตาที่ไม่ได้บ่งบอกว่ารำคาญเหมือนทุกทีทำให้คนตัวโตกว่ารู้ว่าคนตรงหน้าไม่มีอารมณ์จะล้อเล่น เจ้าตัวเลยพยักหน้าและนำอีกคนไปที่ระเบียงที่เปิดประตูทิ้งไว้รับลม ซุดตัวนั่งลงบนโซฟานุ่มก่อนจะตบเบาะเป็นการเชื้อเชิญอีกฝ่าย ทั้งสองนั่งเงียบหันหน้าเข้าหาทะเลสีดำที่แสนสงบ กลิ่นทะเลที่ลอยมาจางๆกับเสียงคลื่นแผ่วเบาเป็นเพียงสองสิ่งที่ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ในตอนนี้ ต้นไม่รู้ว่าอีกคนที่กำลังนั่งเหม่อมองไปข้างหน้ากำลังคิดอะไร เขาทำได้แค่นั่งพิจารณาคนข้างตัวที่ตอนแรกนั่งเกร็งตัวตรงแต่ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวเริ่มทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายมากขึ้น เจ้าตัวเอาขาซ้ายขึ้นมาไขว้บนขาเรียวอีกข้าง กอดอกหลวมๆพร้อมหลับตาลงเอนตัวไปพิงพนักโซฟา เขารู้สึกว่าวันนี้คนตรงหน้าแปลกกว่าทุกวัน เจ้าตัวที่ปกติมักจะโวยวายเมื่อเขาพยายามเข้าใกล้ วันนี้ทั้งวันกลับนั่งนิ่งไม่แสดงความรู้สึก
“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องกี”
คนที่โดนถามเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง หันหน้ามาหาเขาทั้งที่ยังทิ้งคออยู่ที่พนักโซฟา
“มีเรื่องให้คิด แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก”
คนตัวเล็กว่าพรางยกตัวขึ้นตั้งตรง ขาข้างนึงพาดขัดสมาธิบนโซฟา มือข้างเดียวกันพาดอยู่กับพนักเก้าอี้ หันหน้าเข้ามาหาเขา
“ถามจริงนะตั้งต้น นายกำลังทำอะไร”
“ก็กำลังนั่งคุยกับน้องกีไงครับ”
กีมองคนที่ยังหยอกย้อนไม่หยุด กีรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนกะล่อน ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเอาอีกคนมาใส่ใจแบบนี้ แต่ยิ่งเขาปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เขาก็เกิดกลัวขึ้นมาจริงๆว่าเขาจะเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้คนตรงหน้า
“...นายรู้ว่าเราหมายถึงอะไร”
คนตัวเล็กว่าขึ้นเสียงแข็งกว่าเดิม เขารู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนฉลาด ต้องเข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมาอยู่แล้ว
“เราพยายามคิดว่านายเข้ามาหาเราแบบนี้ทำไม คนอย่างนายคงไม่ได้จะมาจีบขอเราเป็นแฟนใช่ไหม”
ต้นเงียบเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย แน่นอนคำตอบของเขามันชัดเจน เขาไม่เคยเชื่อในความรัก ไม่เคยคิดจะเอาตัวเองไปผูกกับใคร ออกจะตลกกับคนที่ทำตัวแบบนั้นด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่เขามาเกาะแกะอีกคนแบบนี้มันไม่ใช่ว่าเขาอยากได้อีกคนเป็นแฟนแน่นอน
เขาแค่ทำตามสัญชาตญาณ
แต่ไหนแต่ไรเขาเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอง แล้วตอนนี้มันก็คอยแต่จะบอกไม่ให้เขาปล่อยคนตรงหน้าไป แต่ถ้ามานั่งถามกันจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าต้องการอะไรจากสิ่งที่ตนเป็นคนเริ่มเหมือนกัน
“เราอาจจะเริ่มต้นด้วยความเข้าใจผิด และก็คงผิดที่เราเองที่ไปแกล้งนายวันนั้น” กีว่าถึงวันที่เขาไปเจอคนตรงหน้าที่ผับแถวสามย่าน
“เราไม่ใช่คนที่จะนอนกับใครเล่นๆหรอกนะ แต่เราก็ไม่ได้จะโทษอะไรนาย การกระทำเรามันชวนให้เข้าใจผิดเอง”
“แล้วเราขอโทษนะที่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้านายจะแกล้งเรากลับด้วยการแกล้งจีบหรือกะจะมาฟันแล้วทิ้ง หรือมาทำให้เรารักแล้วหักอกอะไรแบบนั้น เราขอได้ไหม” คนตัวเล็กยังร่ายยาวไม่หยุด เขาอาจจะดูเป็นคนไม่คิดมาก ทำตัวไร้สาระไปวันๆเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อน แต่กับเรื่องความรักกีจริงจังและระมัดระวังเสมอ คนตรงหน้าน่ากลัวเกินไปที่จะเข้าไปเล่นด้วย ต้นเป็นคนมีเสน่ห์ ทั้งหน้าตาที่หล่อเหลา การพูดการจาบวกกับอารมณ์ขันที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ต้นทำให้ใครต่อใครตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย เขารู้ดีว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้สักวันเขาจะตกหลุมรักคนตรงหน้า และมันคงไม่ดีต่อตัวเขาเลย
“อย่ามายุ่งกับเราเลยนะ”
กีเอ่ยคำสุดท้ายพร้อมสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะหลบหนี เขาอยากให้อีกคนรู้ว่าเขาพูดจริง ไม่อยากจะเปิดช่องว่างสักนิดที่จะทำให้อีกคนเข้าใจผิดว่าเขาเล่นตัว ตอนนี้เรื่องของเรามันยังแค่เริ่มต้น เขาสามารถถอนตัวออกมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่ขัดเจนตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นถึงแม้หนึ่งใจที่แอบมีความหวังจะรู้สึกเสียดาย แต่การพูดกันตรงๆแบบนี้จะมีประโยชน์กับเขามากกว่า
กีจ้องหน้าของคนตัวโตที่ยังคงไม่พูดอะไร พอเห็นอีกฝ่ายที่คิ้วขมวดเข้าหากันแบบคนคิดหนักก็อดยกยิ้มไม่ได้ เขารู้ว่าต้นไม่ใช่ผู้ชายไม่ดี คนเรามีสิทธิ์ในการเลือกทางเดินชีวิตของตน มันก็เป็นทางเลือกของเจ้าตัวที่จะคบหรือไม่คบใครจริงจังก็ได้ แต่วันนี้ที่เขาต้องมาพูดให้ชัดเจนก็เพราะทางเลือกของเราสองคนไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง
“โอเค งั้นเป็นอันตกลงว่าเข้าใจกันแล้วนะ” คนตัวเล็กตัดบท ยกยิ้มให้คนตรงหน้าขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้น
“เดี๋ยวสิครับกี” ต้นจับแขนอีกฝ่ายไว้ อีกฝ่ายดูตกใจที่เขารั้งไว้แต่ก็ยอมกลับมานั่งประชันหน้าอีกที เลิกปลายคิ้วขึ้นรอฟังว่าเจาจะว่าอะไร
“ฟังต้นพูดก่อนได้ไหม” กีแปลกใจกับโทนเสียงเข้มที่ไม่มีแววของการล้อเล่นของอีกคน หัวใจแอบเต้นแรงเพราะไม่เคยเจออีกฝ่ายในมาดนี้
“อย่างที่กีพูดต้นไม่ได้อยากขอกีคบ ไม่เคยมีความตั้งใจแบบนั้น” ต้นตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ ตอนที่เขาเอื้อมมือไปรั้งอีกฝ่ายเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร รู้แต่ว่าตอนที่เห็นอีกคนทำท่าจะลุกขึ้นเขารู้สึกเจ็บอก เกิดความรู้สึกโหวงๆขึ้นในใจ เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเขาปล่อยให้อีกคนเดินออกไปจากตรงนี้ทุกอย่างมันจะจบลงจริงๆ
แล้วตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
“แล้วนายมายุ่งกับเราทำไม”
“...”
“หวังฟัน?”
ตอนแรกเขาก็คิดแบบนั้นจริงๆ ถ้าตอบไม่ใช่คงเป็นการโกหก
“ก็มีส่วน..” คนตรงหน้าเขาหัวเราะออกมา
“ขอโทษนะเราให้ไม่ได้จริงๆ ของแบบนี้เราทำกับทุกคนไม่ได้”
“งั้นก็มาเป็นแฟนกัน” ต้นตกใจกับสิ่งที่ตนโพล่งออกไป แต่ในใจเขาคิดได้แค่นั้นจริงๆ ตากลมโตของคนตรงหน้าก็เบิกกว้างด้วยอารมณ์เดียวกัน กีอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หุบลง ทำซ้ำหลายครั้งก่อนที่ในที่สุดจะหลุดหัวเราะเบาๆอ้าปากตอบด้วยท่าทางยียวน
“เราน่าเอาขนาดนั้นเลย?”
จะว่าน่าเอาก็น่าเอาอยู่ แต่ถ้าแค่จะเอาเขาคงไม่ขอเป็นแฟนแน่ แน่นอนว่าจู่ๆเขาไม่ได้เปลี่ยนความคิดเรื่องนี้ แต่ในหัวมันพยายามหาเหตุผลมารั้งคนข้างตัวไว้ แล้วเขาก็คิดว่ามันคงไม่หนักหนาอะไรถ้าเขาจะ..
“เดือนนึง”
“คือ?”
“เป็นแฟนกันเดือนนึง”
ก็ถ้าแค่เดือนเดียวไม่น่าจะเป็นอะไร เดือนนึงนี้ก็นานที่สุดเท่าที่เขาเคยคุยกับใครแล้ว แค่นั้นก็คงพอให้เขาเบื่ออีกคนไปได้เอง
ล่ะมั้ง...
“ทำไมอะ ชอบเราหรอ”
“เปล่า” คนตัวเล็กหัวเราะออกมา
“ถ้าแค่อยากจะมามีอะไรกัน มันดูทุ่มเทไปไหม”
“ก็ไม่รู้เหมือน รู้แค่ไม่อยากปล่อยไปตอนนี้”
“...”
“ลองไหมล่ะ”
“ขอคบได้โครตโรแมนติก”
“ถ้าอยากโรแมนติกกว่านี้ต้องลองคบดู”
“โฆษณาชวนเชื่อสุดๆ”
กียังต่อปากต่อคำไม่หยุด เป็นคนตัวโตที่เอื้อมเอานิ้วของตัวเองมาเกี่ยวเล่นกับนิ้วของเขา
“นะ..”
“รู้หรือเปล่าว่าถ้าคบกันมันจะเป็นยังไง มันไม่ใช่ขึ้นเตียงแล้วจบนะ”
“ก็พาไปกินข้าว ตามดูแลคอยรับส่ง ก็ประมาณนั้นหรือเปล่า”
“ถ้าคบกันจริง นายจะยุ่งกับคนอื่นไม่ได้ แล้วถ้านายไปยุ่งกับคนอื่น เราก็จะมีสิทธิ์โวยวาย หึงหวงโดยที่นายโกรธหรือรำคาญไม่ได้ รับได้หรือไง”
คงตัวโตตั้งใจฟังและคิดตามที่อีกฝ่ายพูด กีนึกขำเมื่อหน้าอีกฝ่ายดูเหมือนจะซีดขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จินตนาการถึงอะไรอยู่
“เราจะโทรจิก จะวุ่นวาย จะไปไหนก็ต้องคอยรายงานตลอด” กีว่าต่อกลั้วหัวเราะ ลุกขึ้นยืนแล้วตบมือที่ไหล่อีกคนเบาๆ เขาว่าเขาต่างหากที่เป็นคนช่วยอีกฝ่ายไว้ ขืนคบกันไปจริงๆคนที่จะทนไม่ไหวก่อนน่าจะเป็นคนตัวโตตรงหน้าแน่ๆ
“เดือนนึงนะ” กีมุ่นสองคิ้วเข้าหากันเมื่ออีกฝ่ายยังว่าต่อ
“ยังจะ..”
“ก็ลองคบกันเดือนนึง พอครบเดือนถ้ามีคนไหนไม่อยากไปต่อค่อยเลิก ถ้าพอใจทั้งคู่ค่อยว่ากัน”
“แต่..”
“ไม่ปฎิเสธได้ไหม ต้นอยากลอง”
ต้นอยากหาคำตอบให้กับความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้น เขาอยากค้นพบว่ามันคืออะไรแล้วกำจัดมันทิ้ง ซะเดี๋ยวนี้ มันชวนให้นึกโมโหไม่น้อยที่ทุกครั้งที่อีกคนทำท่าจะไปแล้วเขาเจ็บจี๊ดที่น่าอก เขารู้สึกไม่พอใจจริงๆที่อีกคนมามีอิทธิพลกับอารมณ์ของเขาแบบนี้ กีมองหน้าอีกคนที่จ้องเขาด้วยสายตาจริงจังแล้วก็ถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง
“งั้นต้องไม่ยุ่งกับใครเลยในช่วงหนึ่งเดือน”
“โอเค”
“ถ้าเราไม่โอเค เราก็จะไม่ยอมนายเพราะนายเป็นแฟนหรอกนะ”
“โอเค”
กีมองหน้าคนตรงหน้า ในใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล ใจนึงเขารู้ดีว่าไม่ควรไว้ใจอีกคนเลย แต่อีกใจที่ดังไม่แพ้กันก็อยากตอบตกลงอีกฝ่าย
ไม่ใช่หรอกที่จริงเขาก็รู้ดีว่าเขาอยากลองคบกับอีกฝ่ายมาโดยตลอด..
“ได้ งั้นเดือนนึงนะ ถ้าไม่โอเคแล้วทางใครทางมันนะ”
คนตัวโตยิ้มกว้างอย่างดีใจเอื้อมมือมาจับสองแก้มก่อนจะโน้มตัวมากดจูบหนักๆจนเกิดเสียงดังจ๊วบดังๆ กีรีบผลักคนตัวโตออก เอื้อมมือไปดีดกระโหลกแรงๆ จนต้นร้องออกมา ใช้มือถูไถไปมาตรงหน้าผากที่เริ่มขึ้นรอยแดง
“มือไวเหลือเกินนะ”
“ปากไวกว่าอีก ลองอีกทีไหม” พูดแล้วก็โน้มหน้าลงอีกครั้งแต่คราวนี้กีใช้ฝ่ามือยันหน้าอีกฝ่ายไว้ได้ทัน
“พอเลย ตกลงกันได้แล้วงั้นเรากลับห้องแล้วนะ” กีว่าพร้อมลุกขึ้นยืน คนตัวโตกว่ารีบเขยิบมาประชิดตัวก่อนที่จะโอบรัดรอบเอวสอบด้วยสองมือ แนบหัวคลอเคลียกับหน้าท้องของคนที่ยืนอยู่
“ต้นนอนด้วยนะครับ” ผู้ชายตัวโตส่งเสียงอ้อนออกไป
“ไม่เอา กลับไปนอนห้องตัวเองสิ”
“แลกห้องกับอินไปแล้ว”
จริงอย่างที่คนตัวโตว่าเพราะอินมันไลน์มาบอกแล้วว่าจะนอนห้องดิน
“บ้านตั้งใหญ่โต ไม่มีห้องนอนได้ไง”
“ก็มี แต่อยากนอนกับแฟน”
“...” คนฟังได้แต่นิ่ง ไม่รู้จะรู้สึกยังไงดีกับสถานะใหม่ที่เพิ่งได้มา
สถานะแฟนเดือนเดียว
“นอนเฉยๆนะ ถ้าวันนี้ทำอะไรคือยกเลิกสัญญา”
“โห อะไรเนี้ยน้องกี มียกเลิกสัญญาด้วย”
“ก็ทำตัวไว้ใจไม่ได้” คนร่างเล็กพยายามแกะตัวเองออกจากอ้อมกอดอีกคน แต่ก็สู้แรงคนกล้ามโตไม่ได้เลยสักนิด
“ไม่มีเลิกสัญญาสิ แต่สัญญาว่าก็จะไม่ทำอะไร”
“...”
“ถ้าเกิดทะเลาะกัน เอะอะยกเลิกสัญญาต้นก็เสียเปรียบสิ”
คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจอย่างหนักอกอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจเลยว่าตัดสินใจถูกหรือผิดที่ยอมตกลงคบกับคนตรงหน้า เรื่องมันไม่ได้ดูง่ายเลยสักนิด
“โอเค งั้นก็ลุกมาสิ”
.
.
.
.
.
.
.
.
“มึงจะบอกกูว่ามึงนอนกอดกันเฉยๆกับตั้งต้นทั้งคืน” แนทถามขึ้นพร้อมส่งสายตาที่แสดงความไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน กีอมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าลงเบาๆ
“กูดูเหมือนเด็กอนุบาลหรอ” เป็นธันที่ถามขึ้นพร้อมเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง จนกีอดขำออกมาไม่ได้
“กูพูดจริง”
เพื่อนทั้งสองยังหรี่ตามองหน้าเขาพยายามจับผิดคำโกหก ก็พอพวกเขาลงมานั่งที่โต๊ะริมชายหาดที่ตอนนี้โดนจัดแจงให้เป็นที่สำหรับบุฟเฟ่ห์อาหารเช้า เขาก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีเดินจับมือมากับต้น ดูจากอาการคือหวานมาก หวานเกินกว่าที่พวกมันจะนอนจับมือกันทั้งคืน
“เอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ”
อาหารเช้าสารพัดอย่างที่ถูกวางอยู่ในจานเล็กๆสองจานถูกวางลงตรงหน้ากี เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับเจ้าของสถานที่ที่ทำตัวน่ารักมาตั้งแต่เมื่อคืน ก็พอเข้าห้องไปปุ๊ปทั้งคู่ก็อาบน้ำแล้วนอนคุยกัน ก่อนที่คนตัวโตจะดึงเขาเข้าไปในอ้อมอกแล้วก็นอนกอดกันโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ล่วงเกินอะไรเลยสักนิด
ใช่ “ตั้งต้น” กับ “ไม่ได้ล่วงเกินอะไรสักนิด” อยู่ในประโยคเดียวกัน!!!
ก็ถ้าไม่นับกู้ดไนท์คิสน่ะนะ ก็อีกฝ่ายทำตัวน่ารัก เขาเลยแอบเผลอตัวเผลอใจไปเอง
“ไม่เอาอะไรแล้ว ต้นจะนั่งด้วยกันไหม”
“ตามสบายเลยนะ ต้นไปหาเพื่อนก่อน” กีพยักหน้ารับ คนตัวโตเอื้อมมือมาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ขยิบตาให้ก่อนจะผละไปอีกด้านที่มีเพื่อนสมัยมอปลายของอีกฝ่ายนั่งอยู่
“อะไรคือหน้ามือหลังตีน” ธันเริ่มกัด
“อะไรคือกลืนน้ำลายตัวเอง” แนทเสริมต่อ
“ด่าแต่กู ไอ้อินไปไหน”
“กูไม่คิดว่ามันยังมีชีวิตอยู่” ทั้งสามหัวเราะร่วน เมื่อคืนพอไลน์มาว่าไปนอนกับดินก็ไม่ได้ข่าวอะไรจากมันอีกเลย ไม่รู้ถึงไหนต่อไหนแล้ว
“กูควรเอาผัวมาด้วย เมื่อคืนอีธันเกือบทิ้งกูไปกับบาเทนเดอร์”
“แต่กูก็เลือกมึงไหมแนท เพื่อนสำคัญเสมอ”
“แต่ถ้าผัวกูมากูก็ทิ้งมึงนะธัน”
“อีชะนี”
“อ่ะ คนเสียซิงมาแล้ว”
ทั้งสามหันขวับไปทางบันไดที่เชื่อมต่อกับชายหาด เห็นคนที่ถูกกล่าวถึงเดินลงมา มีมือของนักร้องหนุ่มประคองรอบเอว คนตัวเล็กกวาดตามองไปรอบก่อนที่จะชี้บอกอีกฝ่ายเมื่อสังเกตเห็นพวกเขา เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงทั้งโต๊ะก็พยายามเก็บอาการไม่เอ่ยแซวออกไปแต่อย่างใด ได้แต่กล่าวทักทายทั้งสองออกไปเล็กน้อย
“เดี๋ยวดินไปตักมาให้นะ”
“ไม่เป็นไร ดินไปหาเพื่อนเถอะ อินไปเอาเองได้”
“รออยู่นี้นะครับ เดี๋ยวมาแปปเดียว”
อินไม่อยากต่อความก็เลยพยักหน้าเป็นอันตกลง คนตัวโตหายไปแปปเดียวอย่างที่พูดจริงๆ เดินกลับมาพร้อมอาหารเช้าหนึ่งจานและน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้วก่อนที่จะผละไปทางที่ต้นนั่งอยู่
“เป็นง่อยกันหมดตั้งแต่มีผัว” ธันเริ่มทันที
“นี่เขาดูแลดีหรือมึงเดินไม่ไหวจริงๆ” มันยังว่าต่อกลั้วหัวเราะ
“กูก็ว่าไอ้อินเดินแปลกๆ สรุปกี่รอบเนี่ย”
“อีแนทมึงเป็นผู้หญิง”
“ทำไมมึงเหยียดเพศกับกูจังว่ะ”
“ก็ดูมึงถามอะไรว่ะ กูอายแทน”
“อายไปกี่รอบล่ะ”
“กูขอล่ะ กูไม่เล่าได้ไหม” เมื่อยังโดนซักไม่เลิก อินก็พึมพำออกไปเบาๆหน้าแดงจิ้มไส้กรอกในจานขึ้นมากัดหนึ่งคำ
“ยังจะกินไส้กรอกอีก นี้คือยังไม่อิ่ม?”
“มึงกินไข่ต้มเยอะๆ หรือจะให้กูให้เขาลวกไข่ให้ไหม”
“พวกมึงหยุดได้ไหม ให้เวลากูบ้าง ล้อกันแบบนี้กูเขินไม่ทันแล้ว” อินว่าออกไป เมื่อวานมีเรื่องเยอะแยะไปหมด อารมณ์ขึ้นๆลงๆจนปรับตามแทบไม่ทัน แล้วยิ่งบวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับดินเมื่อคืน
อินอมยิ้ม
เมื่อคืน คนของเขาน่ารักมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งอิ่มอกอิ่มใจ ตอนนี้เขาก็เลยยังมึนงงคล้ายคนเพิ่งตื่นจากฝันที่ดีมากๆ
ก็ถ้าไม่รู้สึกเจ็บที่สะโพกก็เกือบจะคิดว่าฝันไปจริงๆนั่นแหละ
อินจ้องไปหาเพื่อนทั้งสามคนเป็นการขอร้องให้มันหยุดซักเขาก่อน มองไปก็ไปสะดุดให้กับเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้นั่งเหม่อไม่ได้มาถามอะไรเขาเหมือนอีกสองคนตั้งแต่เขามา
“กี มึงเป็นอะไร แล้วตกลงเมื่อคืนนอนไหนว่ะ”
“มันนอนกับไอ้ต้น” แนทแทรกขึ้นมาอย่างเร็ว
“เออ เช้ามานี่่หวานกว่ามึงอีก เนี่ยต้นก็ตักให้”
อินหันขวับไปมองอีกฝ่าย ขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน เมื่อคืนก็แอบคิดเรื่องมันอยู่ แต่ก็ยังคิดว่ายังไงมันคงเอาตัวรอดได้
“มึงอย่าบอกว่าโดนไปแล้ว” อินถามอย่างร้อนรน
“กูเหมือนมึงหรอไอ้อิน”
“เหมือนยังไง”
“ที่โดนเอา”
“เหี้ย ก็..ก็ดินแฟนกูไหม” เพื่อนที่เหลือโห่เมื่อคนปากหนักทำใจกล้าตอบ
“พูดว่าผัวเลยก็ได้นะ”
“เออ ก็นั่นล่ะ แต่มึงกับไอ้ต้นไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วมึงก็รู้ว่ามัน..”
“กูคบกันแล้วเมื่อคืน”
“ห๊าาาาาา” ทั้งสามตะโกนออกไปพร้อมกันเสียงดัง ดังพอที่ทั้งหาดจะหันมามองพวกเขา กีเผลอไปสบตากับต้นตอนที่อีกฝ่ายมองมา เจ้าตัวยกยิ้มมุมปากข้างนึงเหมือนเข้าใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
“เห้ยจริงจังดิ”
“อืม มันขอกูคบ”
“มึงหมายถึงคนเดียวกันใช่ไหม ตั้งต้นเดือนคณะที่ดังมากเพราะความหล่อและความม่อ”
“เออ คนนั้นล่ะ”
“แล้วมึงก็โอเค?”
“อือ กูอยากลองให้รู้ๆกันไป มันจะได้เลิกตามกูแบบนี้สักที”
“แต่มึงแน่ใจนะ” อินวางมือบนบ่าของเพื่อนสนิท มองมันด้วยความเป็นห่วง มันมองหน้าเขากลับก่อนที่จะพยักหน้ารับเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงกูหรอก ลองคบกันน่ะดีแล้ว จะได้เห็นดีกันไป ไม่มานั่งคลุมเครือแบบนี้”
“อืม ถ้ามึงว่างั้น”
“ถ้ากูเจ็บกลับมาก็ดูแลกูด้วยแล้วกัน กูดูแลมึงมาเยอะแล้ว” อินยิ้มเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาทีเล่นทีจริง มาคิดดูดีๆเมื่อคืนดินก็บอกเหมือนกันว่าตั้งต้นมันจริงจัง แล้วอีกอย่างถึงจะเป็นห่วงกันแค่ไหนแต่ก็โตเกินกว่าจะมานั่งห้ามกันแล้ว อินเอื้อมมือไปบีบมือเพื่อนสนิทเบาๆ
“เออ กูอยู่นี่ล่ะ กูจะดูแลมึงเอง”
“มึงดูแลตัวเองก่อนเถอะ” ธันพูดขึ้นแล้วส่งสายตามองไปด้านหลังเขา จนอินต้องเหลียวหลังไปมองตาม ผู้ชายคุ้นหน้ายืนยิ้มพร้อมกับส่งสายตาอบอุ่นที่เขาคุ้นเคยมาให้ เขายกยิ้มบางให้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยทัก
“นั่งสิเต”
คนตัวโตวางจานอาหารเช้าพร้อมนมสดอีกแก้วลงบนโต๊ะและขยับเก้าอี้นั่งลงข้างเขา
“โทษทีนะ เมื่อคืนไม่ได้ตอบไลน์เตเลย เพิ่งเห็นเมื่อเช้า”
“ไม่เป็นไรครับ แต่อินโอเคดีนะ”
“อืม เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ต้องขอบใจเตเลย” คนตัวโตหัวเราะร่วนออกมา ทำหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง
“เตทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“อย่ามาเหอะ รู้นะว่าตั้งใจแกล้ง” เพราะเตแท้ๆคนตัวโตถึงน๊อตหลุดขนาดนั้น เตยกยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเอามือลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“แค่เห็นอินมีความสุขแบบนี้เตก็ดีใจแล้ว”
“พ่อมา”
ธันก้มหน้ากระซิบเตืิอนเร็วๆ แต่ทั้งคู่ไม่ทันเข้าใจก็มีมือมาจับข้อมือใหญ่ของเตออกจากหัวของคนตัวเล็ก
“มึงจะเอาจริงๆใช่ไหม” ชายที่มาใหม่ถามขึ้น มองคนตัวโตที่อยู่ข้างอินตาเขียวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“ดินพูดดีๆกับเพื่อนอินได้ไหม” อินพยายามพูดบอกอีกคนเสียงนุ่ม อยากให้อีกฝ่ายใจเย็นลงกว่านี้
“แล้วให้มันแตะตัวอินทำไม” คนขี้หึงฟ้อง ยิ่งน้อยใจเมื่ออีกฝ่ายออกตัวปกป้องแฟนเก่า
“มีเหตุผลหน่อย เมื่อคืนคุยกันแล้วนะ” เมื่ออีกฝ่ายตอบมาเสียงแข็ง เขาก็ยอมเงียบลงถึงจะยัวแอบเคืองอยู่ก็เถอะ
“งั้นเตไปนั่งกับเพื่อนดีกว่านะ” เตลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมหยิบจานอาหารของตัวเองมาถือ
“มึงไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แค่นี้กูก็ดูงี่เง่าฉิบหายแล้ว อย่ามาทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าแฟนกู”
อินหลุดขำให้กับคำพูดน่ารักๆของคนตรงหน้า ดีใจที่ดินยอมปรับตัวเพื่อเขา พยายามเก็บอารมณ์ แม้จะยังทำไม่ได้ทั้งหมดก็เถอะ เมื่อเตได้ยินคนขี้หึงว่าอย่างนั้นก็เปลี่ยนใจขยับเก้าอี้เตรียมจะนั่งลงอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้นั่งก็โดนดึงเก้าอี้ไป
“มึงไปตรงนั้น กูจะนั่งข้างแฟนกู”
ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่เตเคยนั่ง กอดอกมองไปข้างหน้าไม่ยอมสบตาใคร เตนั่งลงตรงที่ว่างหัวโต๊ะก่อนจะส่ายหน้าพร้อมหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะของเตยิ่งทำให้อีกคนหน้ามุ่ยหนักกว่าเดิม อินอดอมยิ้มไม่ได้
งอแงที่หนึ่งเลย
อินใช้ส้อมจิ้มสตอเบอรี่ในจานก่อนจะยื่นไปตรงปากคนขี้หึง ดินเหล่มามองนิดนึงแต่ก็ยอมอ้าปากงับ เคี้ยวตุ่ยๆในปากไม่หยุด
“ไส้กรอก”
อินหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางเด็กๆของอีกฝ่ายก่อนจะเอื้อมไปจิ้มไส้กรอกแล้วยื่นส้อมให้
“อ่ะ กินเองสิ”
“ป้อน”
“มีมือก็กินเอง”
“...”
“อ่ะๆ อ้าปาก”
คนตัวโตตาเป็นประกายเมื่ออีกคนยอมตามใจ อ้าปากกว้างรับไส้กรอกเข้าไปเคี้ยวเร็วๆ
“เป็นง่อยหรอ” เตอดหมั่นไส้ไม่ได้
“อิจฉากู? ไอ้พวกไม่มีอินเป็นของตัวเอง”
“ดิน!” อินเรียกคนตัวโตเสียงขุ่น ดินหันมามองอย่างขัดใจแต่ก็ยอมเงียบเสียงลงอีกครั้ง
“มึงสองขวบหรอ” เตพึมพำขึ้นมา ดินหันไปยักไหล่ใส่ก่อนจะหันไปหาอินทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่
“อยากกินน้ำส้ม”
อินส่ายหน้าอย่างระอา แต่เห็นแบบนี้ก็โมโหไม่ลงเหมือนกัน ว่าแล้วก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำส้มมาจ่อที่ริมฝีปากคนตัวโต กระดกช้าๆเมื่ออีกคนก้มลงจิบ
อาจจะดูงี่เง่าไปบ้าง แต่ถ้าคนตรงหน้าจะเป็นแบบนี้แค่กับเขา ถึงจะต้องเหนื่อยกว่านี้ เขาก็อยากตามใจอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน



*********************
พยายามจะบรรยายความรู้สึกของต้นกับกีออกมาให้ละเอียดมากที่สุด แต่แอบงงกันหรือเปล่าเอ่ย~ จะพยายามมากขึ้นในบทต่อไปนะคะ
อยู่ๆก็อยากแยกเรื่องของสองคนนี้ออกไปเพราะอยากเขียนยาวๆ แต่คิดไปคิดมาก็เอามากองรวมกันนี่แหละดีสุดแล้ว (>_<) ถ้ามีคนชอบคู่นี้ก็เม้นมาบอกหน่อยน้า จบจากเรื่องหลักเมื่อไหร่ จะจัดตอนพิเศษให้เลย ขอหนึ่งคนได้หนึ่งตอน ขอหลายคนก็หลายตอนนะ บ้ายุ 5555











หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (14:00 เดือนเดียว) อัพ 17/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-06-2019 23:47:02
หวานกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (15:00 ความจริงอีกด้าน) อัพ 22/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 22-06-2019 20:17:08
15:00 ความจริงอีกด้าน


ณ โต๊ะไม้ยาวใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าคณะอักษรศาสตร์ของมหา’ลัยแห่งหนึ่งแถวสยาม อินนั่งสไลด์มือถือเครื่องเล็กในมือเปลี่ยนเพลงสลับไปมาไม่หยุด จุดประสงค์ไม่ใช่การหาเพลงโปรดแต่เพียงแค่ต้องการหาอะไรทำสักอย่างไม่ให้ตัวเองว่างเกินไปขณะที่กำลังรอใครอีกคน
เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ไม่ถูกที่
รอบตัวที่มีแต่นักศึกษาที่อยู่ในชุดไปรเวทนั่งทำกิจกรรมรอบตัวเขา บางคนนั่งทาสีฉากหลัง บางคนนั่งเย็บชุดที่จะใช้ในการแสดง บางคนกำลังพูดต่อบทกันอย่างจริงจัง แม้จะมีการพูดคุยกันเสียงดังเฮฮาเป็นระยะ แต่มือของแต่ละคนก็ไม่หยุดที่จะทำในสิ่งที่ตัวได้รับมอบหมายเพื่อให้การแสดงละครที่ใกล้จะมาถึงสมบูรณ์แบบที่สุด
ใช่ ในช่วงปิดเทอมแบบนี้ทุกคนกำลังเตรียมตัวสำหรับงานละครที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า และสาเหตุที่ทำให้อินต้องมาอยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรสักนิดก็เป็นเพราะบางคนที่มาหาเขาที่บ้านแต่เช้าวันนี้

“วันนี้ดินจะไปหาทิว” ดินกล่าวขึ้นขณะนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารมองคนที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว
“ถามได้ไหมว่าทำไม” คนกำลังหั่นผลไม้หันหน้ากลับมามองคนพูดก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆกลับ
“ก็อย่างที่ดินเคยเล่า ดินจะไปช่วยทำเพลงละครคณะเขา”
ถึงจะไม่พอใจ แต่ใครๆก็รู้ว่างานละครของคณะนี้ดังแค่ไหน เขาไม่อยากทำตัวงี่เง่าด้วยการบอกห้ามอีกคนไม่ให้ทำ นอกจากจะเป็นการตัดโอกาสของดินแล้ว เขาเองก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายตื่นเต้นแค่ไหนที่จะได้ทำงานนี้
“อืม จะไปเจอที่บ้านหรอ” อินวางจานอาหารลงบนโต๊ะ พยายามทำเสียงให้ดูสบายๆ เหมือนเวลาที่เราพูดคุยกันตามปกติ เขารู้ว่าที่คนตัวโตมาบอกก็เพราะกลัวเขาเข้าใจผิด เขาถึงไม่อยากทำให้อีกฝ่ายลำบากใจไปมากกว่านี้
“เปล่า ที่มอครับ” ดินว่าพร้อมจับส้อมมาตัดแบ่งออมเล็ตก่อนจะเอาเข้าปาก อินไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเป็นการรับรู้ ก่อนที่จะหยิบส้อมขึ้นมาบ้าง เตรียมลงมือจัดการอาหารเช้าตรงหน้า
“อยากไปด้วยกันไหม”
คนที่กำลังจะเอาแอปเปิ้ลเข้าปากชะงัก เงยหน้าขึ้นมาสบตาคนถาม เมื่อเห็นสายตาที่แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะกัดแอปเปิ้ลไปหนึ่งคำ
“ฮื่อ ไม่เอาหรอก อินจะไปทำไม”
“จะได้สบายใจ” ตั้งแต่เรื่องที่ทะเล เขาก็รู้ว่าเรื่องของทิวทำให้อีกคนคิดมากแค่ไหน ดังนั้นการที่จะต้องไปเจอกันอีกครั้งก็ทำให้เขาแอบหวั่นๆเหมือนกัน
ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดอีกแล้ว
“อินไม่ได้ไม่สบายใจ”
“...”
“อินไว้ใจดินได้ไม่ใช่หรอ” อินกลืนอาหารในปากก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มบางๆบวกกับน้ำเสียงสบายๆ ไม่ได้ฟังดูเหมือนการประชดประชันแต่อย่างใด
“ก็ใช่ แต่พอดินเลิกแล้วจะได้ไปดูหนังกัน เรื่องที่อินอยากดูเข้าแล้วนี่”
“งั้นเดี๋ยวใกล้เลิกดินไปหาที่ใต้คณะ”
“...”
“นะ อินไม่รู้จะไปนั่งทำอะไร”
“โอเคครับ งั้นบ่ายสองนะ”
และนั้นทำให้ให้อินต้องมานั่งอยู่ตรงนี้รออีกฝ่ายที่ไลน์มาบอกว่าขออีกยี่สิบนาที

“อิน”
เสียงเรียกหนึ่งที่แว่วทะลุเสียงเพลงดังขึ้น อินเงยหน้าขึ้นมองก็แอบสะดุ้งในใจเมื่อเจอคนที่เขาไม่คาดคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าก็เรียนคณะนี้เหมือนกัน
“เจ หวัดดี” รอยยิ้มบางถูกคลี่ออกเป็นมารยาท ตั้งแต่ที่คุยกันที่ทะเลคืนนั้นก็เป็นอีกครั้งที่อินมีโอกาสได้เจออีกฝ่าย
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ แปลกใจมากเลยไม่คิดว่าจะเจอที่นี่”
“มานั่งรอดินน่ะ”
วันนั้นที่ทะเลเมื่ออีกฝ่ายเรียกเขาไปคุยด้วย เขาก็บอกชัดเจนแล้วนะ


“มาได้ไงเนี้ย” คนตรงหน้าพยายามพูดจาเหมือนสนิทสนม เขาจำไม่ได้ว่าเราเคยสนิทกันหรือเปล่า แต่หลังจากวันนั้นมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เขาไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับคนตรงหน้าแน่นอน
“มากับแฟน”
“แฟน?”
“อืม คนที่ร้องเพลงบนเวที ดินแฟนเราเอง”
“...”
“เจเป็นไงบ้าง” นี่ก็ถามตามมารยาท
“ก็ดี อินสบายดีนะ”
“ก็ดีขึ้นเยอะ”
“ดีแล้ว”
จู่ๆกลุ่มความเงียบก็ก่อเกิดขึ้นมาในอากาศ อีกฝ่ายอึกอักเหมือนพยายามจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูด อินเองก็ไม่ได้ใจดีขนาดจะพยายามทำให้บรรยากาศสนุก เขาไม่ได้แคร์คนตรงหน้าขนาดนั้น
“อิน..เราขอโทษนะ” อินหันไปสบตาอีกฝ่ายทันทีที่เจ้าตัวเอ่ยคำขอโทษออกมา
“...”
“เป็นเพราะเราเลยทำให้กิตกั...”
“ไม่ต้องพูดถึงหรอก ช่างมันเถอะ”
เป็นอินที่เป็นฝ่ายตัดบท
“...”
“ตอนนี้เราสบายดี มีความสุขมากกว่าที่เคยเป็นเยอะเลย”
“แต่...”
“เชื่อเถอนะ ว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว เจไม่ต้องเอาเรื่องเราเก็บไปคิด สบายใจเถอะนะ” อินว่ายิ้มๆ น้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรถูกส่งออกไป เขาก็แค่อยากให้มันจบ ถ้าจะถามว่าเขาอยากเป็นเพื่อนกับอีกคนไหม คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ‘ไม่’
อยู่ใครอยู่มันน่าจะดีที่สุด

“งั้นจนกว่าดินจะมาเรานั่งด้วยนะ” อินกลับมายังปัจจุบันเมื่อคนตรงหน้ากล่าวขึ้น เจวางของลงบนโต๊ะ ก้าวเข้ามานั่งเมื่อเขาพยักหน้ารับ อินปิดเพลงก่อนที่จะถอดหูฟังเก็บลงกระเป๋าเมื่อไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปและเริ่มต้นบทสนทนาตามมารยาท
“งานเยอะเลยสิ ใกล้ถึงวันแล้วนี่”
“ใช่ แทบไม่ได้นอนกันเลย อยู่ได้ด้วยไอ้นี่เลยนะ” ว่าแล้วก็ชูกระป๋องกาแฟในมือขึ้นโชว์
“กินเยอะไม่ดีนะ”
“แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ”
“อ่าฮะ” อินอยากจะพูดเตือนมากกว่านี้แต่ก็รู้ว่าไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
“ช่วงนี้ได้คุยกับกิตบ้างไหม”
อินตวัดสายตามองคนที่ถามออกมาอย่างๆกล้าๆกลัวๆทันที ตากลมโตหรี่มองคนตรงข้ามอย่างแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน เขาไม่ชอบทุกครั้งที่อีกคนพยายามจะเอ่ยชื่อกิตออกมา ที่เรื่องของเราเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเองแท้ๆ มาถามเหมือนเป็นเรื่องปกติเหมือนถามว่าอินกินข้าวหรือยังได้ยังไง ทั้งที่อุตส่าห์ยอมคุยดีด้วยแต่อีกฝ่ายก็ชักจะทำให้เขาโมโหขึ้นมาแล้ว
“ถามทำไม” คนที่รู้ดีที่สุดก็คืออีกฝ่ายไม่ใช่หรอ ทำไมถึงไม่ถามแฟนตัวเองล่ะ
“ก็คิดว่ากิตน่าจะพยายามติดต่อกลับไป” อินขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขากันแน่ และท่าทางที่พูดเหมือนรู้อะไรสักอย่างมันยิ่งกวนใจอินมากกว่าเดิม
ใช่ ตลอดหลายเดือนนี้กิตพยายามติดต่อมาหาเขาตลอด ไม่ว่าจะในโทรศัพท์หรือไลน์จนเขาตัดสินใจบล๊อกอีกคนไปในที่สุด
“เราเลิกกับกิตแล้ว” ข่าวลือได้รับการยืนยัน
“...”
“จะไม่ถามหรอว่าทำไม” สีหน้าที่ดูกล้าๆกลัวๆในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นสายตาที่ดูดุดันขึ้น น้ำตาเอ่อรอบขอบตาร้อนและเสียงพูดที่สั่นไหวของอีกคนทำให้อินอยากรู้ไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เขาจะไม่ถาม
เรื่องของสองคนนี้ไม่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไปแล้ว...
“ต้องรู้ไหม”
“...”
“มันไม่เกี่ยวกั..”
“เกี่ยวสิ เพราะกิตไม่เคยลืมอินเลย”
อินพูดไม่ทันจบประโยคอีกคนก็แทรกขึ้นมาก่อน น้ำตาที่เอ่อล้นขอบตาอีกฝ่ายร่วงหล่นลงมาช้าๆ คิ้วสองข้างที่ขมวดแน่น ตาแดงๆกับปากที่สั่นระริกและแววตาที่ไหวหวั่นของเจ ทำให้อินรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของคนตรงหน้า ความโกรธ ความน้อยใจ ความเศร้า ความถวิลหา มันปะปนกันเต็มไปหมดภายในดวงตาเล็กๆคู่นั้น
“ไม่เคยเลย..”
อินหัวใจกระตุกเมื่อเจย้ำอีกครั้ง ถึงอินจะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นแล้วแต่คำพูดของอีกฝ่ายมันกลับมีผลกับเขาโดยตรง อินคงจะดูเป็นคนเลวที่สุดในโลกถ้าจะบอกว่าในขณะที่คนตรงหน้ากำลังดูเศร้าหมอง ในใจของเขากลับมีความปิติยินดีก่อเกิดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ อินไม่ได้ดีใจที่กิตไม่เคยลืมเขา แต่ที่เขาดีใจเพราะมันออกมาจากปากของคนตรงหน้าต่างหาก
ในที่สุดเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่เขาที่เจ็บ
“มันไม่เกี่ยวกับเราแล้ว”
“แต่กิตรักอิน..”
“แล้วยังไง กิตคือคนที่เลือกจะไปจากเราเอง”
“กิตไม่ได้เลือก..อึก แต่เลือกไม่ได้ต่างหาก”
อินขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจในขณะที่คนตรงข้ามเขาเริ่มจะสะอึกรุนแรงขึ้นจากการพยายามกลั้นน้ำตา แต่อินไม่สนใจอะไรแล้ว สิ่งที่อีกคนพยายามพูดมันดึงความสนใจทั้งหมดของเขาไป เขารอให้อีกคนสงบลงอย่างใจร้อนรนก่อนจะเอ่ยคำถามที่อยากรู้ที่สุดออกไป
“อะไรคือเลือกไม่ได้”
“เมื่อก่อนตอนที่คบกับอิน กิตมักจะมาเล่าเรื่องของอินให้ฟังบ่อยๆ จนเรารู้สึกอิจฉาอินที่มีคนคนนึงมารักได้มากมายขนาดนั้น”
“...”
“เราไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาของเราคอยแต่เฝ้ามองเขาทั้งๆที่รู้ว่าอีกคนรักแฟนตัวเองมากแค่ไหน รู้ว่ายังไงเราก็คงไม่มีหวัง”
เจยังว่าต่อ สายตาเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ภาพเก่าๆในหัวย้อนกลับมาชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ตัวเขาที่คอยมองคนตรงหน้าที่มักมีอารมณ์แปรปรวน ยิ้ม หัวเราะ โมโห ร้องไห้ สลับไปมาด้วยปัจจัยปัจจัยเดียว คือคนที่นั่งตรงหน้าเขาตอนนี้
“จนมาช่วงหลังที่กิตเริ่มดูเศร้า ระบายความน้อยใจมากมายให้เราฟัง และในที่สุดเราก็ตัดสินใจ ถ้าเป็นเรา เราจะไม่มีวันทำให้คนคนนี้ต้องมาเหงาอยู่คนเดียวแน่ เราจะทำทุกอย่างให้คนคนนี้มีความสุข และทุกอย่างมันก็เริ่มต้น”
“...”
“แล้วพอถลำลึกมากขึ้น เราก็ไม่อยากแบ่งกิตให้ใครอีกแล้ว กิตกลายเป็นทุกอย่างของเรา”
เมื่อยิ่งพูดก็เหมือนเจจะหยุดไม่ได้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาถูกระบายออกมาจนหมดเหมือนอีกคนอัดอั้นมานาน อินยังนั่งนิ่งทั้งที่ในใจตอนนี้เจ็บปวดไปหมด เขาไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายอีกคนคิดมากเรื่องของเขามากขนาดนี้ เขาคิดมาตลอดว่าอีกคนมีความสุขกับโรงเรียนและเพื่อนใหม่ จนไม่อยากคอยทำตัวงี่เง่าตามติดอีกฝ่ายตลอดเวลา แต่การที่เขารักษาระยะห่าง มันกลับทำให้อะไรหลายๆอย่างแย่ลง
“ช่างเถอะ ไม่ว่ายังไงแต่กิตเป็นฝ่ายเลือกเอง” อินยังยืนยัน ถึงอินจะมีส่วนผิดแต่สุดท้ายกิตก็เลือกที่จะทิ้งรักของเราแล้วอยู่เคียงข้างคนตรงหน้า
“กิตไม่มีทางเลือก”
“ไม่จริงหรอก” คนเราทุกคนมีทางเลือกและกิตเลือกแล้วต่างหาก
“เราฆ่าตัวตาย”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อินดึงความสนใจกลับมาที่คนตรงหน้าอีกครั้ง เขาเกือบลืมไปแล้วว่าตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารประจันหน้ากับแฟนของตัวเอง
“หรืออินไม่อยากให้เรามาด้วย”
อีกเสียงที่เต็มไปด้วยความประชดประชันดังขึ้น อินหันไปสบตากับคนพูดที่ส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้ สายตาเหลือบไปเห็นแขนที่พาดเกาะกับแขนของแฟนเขาแล้วก็อดหงุดหงิดในใจไม่ได้ ทั้งๆที่ตอนลงมาเจอกันเมื่อกี้ดินก็แนะนำชัดเจนแล้วถึงสถานะของเรา แทนที่คนตัวเล็กจะถอย มันกลับทำให้อีกคนติดหนึบแฟนเขามากกว่าเดิมซะอีก พอบอกว่าจะกินข้าวก็ขอตามมาด้วย แล้วก็อย่างที่เห็นแทนที่จะได้นั่งข้างกันกลับต้องมานั่งตรงข้ามกันแบบนี้
อินเหลือบสบตากับคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ อะไรคือการที่คนตัวโตไม่ทำอะไรเลย ปกติเวลาหึงเขาออกหน้าออกตาไม่เคยเกรงใจใครสักนิด
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น ขอโทษทีเผลอคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” ถึงจะไม่พอใจแต่ไหน ก็ไม่อยากทำตัวงี่เง่าต่อหน้าคนคนนี้ และเขาก็ไม่อยากทำให้ดินลำบากใจด้วย
“แล้วว่าไงที่ดินถาม ตกลงว่ามีแผนอะไรหรือเปล่า” ทิวถามขึ้น น้ำเสียงที่ส่งออกมาสั้นห้วนจนพอจะเดาได้ว่าอีกคนเป็นคนเอาแต่ใจแค่ไหน
“แผน?” อินทำหน้างงไม่เข้าใจคำถาม เลิกคิ้วหันไปหาคนตัวโตเหมือนจะขอตัวช่วย
“นี่ไม่ได้ฟังเลยหรอ เสียมารยาทที่สุด”
“ทิว...”
“เชอะ”
คนตัวเล็กว่าเสียงขึ้นจมูก ปล่อยมือออกจากแขนอีกคน นั่งไขว้ห้างกอดอกหันหน้าออกไปนอกโต๊ะอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมว่าต่อทั้งๆที่เคืองขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญของดินนี่น่า
“ วันเกิดดิน เราอยากจัดงานที่บ้านดินเหมือนทุกปี แต่ดินให้ถามนายก่อน ไม่รู้จะสนใจทำไม ไม่เห็นจะฟังเลยเห็นไหม”
เสียงบ่นยาวเหยียดของคนตัวเล็กไม่ได้เข้ามาในหัวอินสักนิด ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดอยู่แค่ประโยคแรกที่อีกคนกล่าวออกมา
“วันเกิดดิน? เมื่อไหร่?”
“เหอะ ดินหลอกหรือเปล่าเนี้ย แฟนประเภทไหน วันเกิดดินก็ยังไม่รู้”
“ทิว ดินจะโกรธแล้วนะ”
“โกรธทิวทำไม ก็พูดเรื่องจริง ถ้าไม่ใส่ใจก็เอาดินคืนมาเลย”
อินหน้าชา เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนนอกไปแล้วตอนนี้ การพูดการจาที่แสดงออกมาทำให้รู้ว่าทั้งสองรู้จักกันดี คนตัวเล็กที่ค่อนข้างเอาแต่ใจแต่ก็ยอมลงให้เวลาอีกคนตักเตือน และอีกคนที่ดูจะรู้ดีเหลือเกินว่าจะต้องจัดการคนขี้งอนยังไงให้อยู่หมัด ถึงจะเจ็บปวดแต่อินก็ต้องยอมรับว่าถ้าคนทั้งคู่เป็นแฟนกัน ต้องเป็นคู่ที่น่ารักมากคู่หนึ่ง
“อินอยากไปไหนเป็นพิเศษไหม ถ้าอยากฉลองกันสองคนก็ได้นะ”
“ดิน! ไม่เอานะ” ทิวเริ่มต้นโวยวาย คนตัวเล็กหันมาจ้องหน้าอินเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้ามาถ้าอินตอบคำถามไม่ตรงใจ แน่นอนว่าอินไม่มีแผน เขาเพิ่งจะรู้วันเกิดอีกคนไม่กี่นาทีก่อนหน้า
“ฉลองด้วยกันหลายๆคนก็สนุกดีเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบคนตัวเล็กที่นั่งข้างดินก็ยิ้มกว้างปรบมือหลายครั้งอย่างดีใจ รีบเล่าแผนที่คิดไว้ในหัวให้คนทั้งคู่ฟัง ดินลอบมองคนตรงหน้าหลายครั้ง ตั้งแต่คบกันมาการอ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายจากใบหน้ากลายเป็นเรื่องที่เขาถนัด แค่นี้ทำไมเขาถึงจะไม่รู้ว่าอีกคนกำลังมีเรื่องในใจ แล้วอาการที่เหม่อแล่วเหม่ออีกแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเรื่องที่ว่าน่าจะใหญ่พอตัว
“ถ้าอินเหนื่ิอยจะกลับบ้านเลยก็ได้นะ”
“แล้วหนัง..”
“ไว้วันอื่นก็ได้ เดี๋ยวดินไปส่งนะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

อินยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเองขณะที่รถมาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านเขา อินหันหน้าไปหาคนขับเมื่อมีสัมผัสบางเบาลงมาที่มือเล็กของเขา
“ขึ้นไปด้วยกันไหม” อินยิ้มกล่าวชวนอีกคนที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
“วันหลังก็ได้ วันนี้อินพักผ่อนเถอะ”
“โอเค ขอบคุณนะที่มาส่งนะ กลับถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกกันด้วยนะ”
อินร่ายยาวเตรียมตัวจะแกะมือออกจากอีกฝ่ายเพื่อเปิดประตูรถแต่ก็โดนยั้งไว้ก่อน
“อินไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า มีอะไรบอกดินได้นะครับ” คำพูดที่แสดงความห่วงใยถูกส่งออกมาในขณะที่มือหนาลูกไล้ไปบนมือของเขา ความอบอุ่นที่ส่งมาทางมืออุ่นทำให้ใจที่ว้าวุ่นของอินสงบลง อินยกยิ้มเอาอีกมือที่ว่างอยู่วางทับมือคนตัวโตอีกทีก่อนที่จะเกลี่ยไปมา
“ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งวันเกิด..”
ในเมื่อถ้าบอกว่าไม่มีอะไรในใจคนตัวโตคงไม่เชื่อ เขาก็เลยคิดหาเหตุผลมาอ้าง ที่จริงก็เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่สบายใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน คนตัวโตเมื่อได้ยินดังนั้นก็เอื้อมมาบีบจมูกเขาเบาๆทำหน้ามุ่ยอย่างหมั่นเขี้ยว
“เราเพิ่งคบกันได้แต่แปปเดียวเอง ไม่รู้ก็ไม่แปลก”
“แล้วรู้ไหมว่าอินเกิดวันที่เท่าไหน”
คนตัวโตยกยิ้มกลับมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกคนรู้ดี อินยิ่งหน้างอลงเรื่อยๆ เป็นแค่เขาเองที่ไม่ได้เรื่องอีกตามเคย
“อินมันเป็นแฟนที่แย่”
“ใครบอก”
“ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้”
“แต่คนที่ตัดสินได้มีแค่แฟนอินคนเดียว”
“...”
“แล้วแฟนอินก็บอกเลยว่าอินดีที่หนึ่ง”
คำชมที่เหมือนกล่าวชมเด็กประถมตอนทำการบ้านเสร็จถูกเอ่ยออกมา อินรู้สึกร้อนที่แก้มในทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากอีกฝ่าย อบอุ่นใจกับความใจดีของคนตรงหน้า
“ถ้าอยากไปฉลองสองคนก็ได้นะ”
“อินต้องเป็นฝ่ายถามต่างหาก ดินอยากได้อะไร หรืออยากทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” หนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้เขาคงต้องคิดหนัก มีเวลาแค่อาทิตย์เดียวไม่รู้จะหาของขวัญทันไหม
“หึ รู้แค่อยากอยู่กับอิน”
“ยังไม่เบื่อหรอ เจอกันแทบทุกวัน”
“อินเบื่อหรอ?”
“เปล่า แต่กลัวดินเบื่อ..”
“ไม่เคยพอเลยต่างหาก” ต่อให้เจอกันทุกวันดินก็ยังรู้สึกว่ามันน้อยไป
“ให้มันเป็นแบบนี้ตลอดเถอะ”
“เท่าที่อินต้องการเลยครับ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

อินวางกระเป๋าลงบนโต๊ะญี่ปุ่น เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ใส่สบายก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนที่นอน เปิดโทรทัศน์เพื่อให้ห้องไม่เงียบเกินไปก่อนที่จะยกมือถือขึ้นมาดู เลื่อนไปเปิดแอปสีเขียวที่มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านจากคนที่เขาบล๊อคไปนานแล้วค้างอยู่ ไล่ขึ้นไปถึงข้อความที่ยังไม่อ่านล่าสุด ค่อยๆอ่านลงมาเรื่อยๆสัมผัสได้ถึงความร้อนใจของอีกฝ่ายที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อไม่ได้ข้อความตอบโต้จากเขา ตอนแรกการที่เขายอมตอบอีกคนไปสองสามครั้งมันยิ่งทำให้อีกคนส่งมามากขึ้น จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจบล๊อคอีกฝ่ายไป อินเงยหน้าออกจากข้อความถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยพลางคิดถึงสิ่งที่ได้ฟังมาวันนี้




“อะ..อะไรนะ”
“ถ้าจะพูดให้ถูก เราแกล้งฆ่าตัวตาย”
“ทำไมทำอะไรแบบนั้น”
“ถ้าเพื่อจะได้กิตมา เราทำได้ทุกอย่างนั้นแหละ”
อินตกใจที่คนตัวเล็กตรงหน้าพูดเสียงกระชากออกมา สายตาที่เคยดูเศร้าสร้อยเปลี่ยนแปลงเป็นความมุ่งมั่น เจเชื่อว่าเขารักกิตไม่แพ้ใครทั้งนั้น
“เราเคยคิดมาตลอดว่าอินไม่ได้รักกิตจริง ที่อินบอกว่ารักกิต มันไม่ได้ครึ่งของเราเลยด้วยซ้ำ ถ้ารักจริงอินคงไม่ยอมปล่อยมือไปง่ายๆแบบนั้น”
อินไม่ได้แปลกใจหรือเคืองกับคำกล่าวหา สิ่งที่อีกคนพูดมันไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เขาได้ยิน คำพูดเหล่านี้มันวนเวียนอยู่ในหัวเขามาตลอดหนึ่งปี
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ” ถ้าคิดว่ารักมากขนาดนั้น ถ้าคิดว่าคนที่ปล่อยกิตมาอย่างเขาเห็นแก่ตัว แล้วทำไมถึงยอมเกินออกมาเหมือนที่เขาเคยทำ
“เพราะในที่สุดเราก็เข้าใจในสิ่งที่อินทำ”
“...” อินขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากัน นั่งนิ่งฟังสิ่งที่อีกฝ่ายอยากสื่อออกมา
“เพราะรักมากจนความสุขของกิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“...”
“เราถึงต้องปล่อยเขาไปหาคนคนที่เขารักมากที่สุด ปล่อยเขาไปหาอินไง”
เจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่อินรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่ถูกสื่อออกมาในประโยคนั้น ความรักมันมีอิทธิพลต่อคนเราในหลายด้าน มันสามารถเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากที่สุดได้ในวันนึง แต่เมื่อเรารักมากพอมันก็สามารถทำให้เราเป็นคนที่ยอมเสียสละได้มากที่สุดเหมืิอนกัน
“เราจะไม่ขอให้อินยกโทษให้เรา แต่ให้โอกาสให้กิตอีกสักครั้งได้ไหม”




อินหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำที่หล่นมากระทบนิ้วมือของเขา
น้ำตา
เขาเริ่มร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่เมื่อเริ่มก็ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้ เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวของคนคนเดิมทำให้หัวใจเขาร้อนรน กิตยังเป็นเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อินเอื้อมไปกดปุ่มปลดบล๊อคทุกช่องทางที่เขาเคยทำการบล๊อคอีกฝ่ายไว้ อินไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไรจากการกระทำตัวเอง รู้แค่ตาไม่สามารถละออกมาจากข้อความสุดท้ายที่อีกคนส่งมา รูปประโยคธรรมดาที่เขาเองเป็นคนพูดให้อีกฝ่ายฟังไม่รู้กี่ครั้ง เพียงแค่ตอนนี้ชื่อของคนทั้งสองในประโยคโดนวางสลับกัน
“ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ อินอินคือโลกทั้งใบของกิตเสมอ”


************
สงสารน้องอิน~ เรื่องๆนึงมันมีความจริงหลายด้านเสมอค่ะ คนเราก็มักจะตัดสินเรื่องราวจากด้านที่เราเห็นและเลือกที่จะอยู่กับความเชื่อนั้นแล้วเดินต่อไป แต่ก็มีหลายๆครั้งที่ความจริงมันพลิกด้านที่มองไม่เห็นขึ้นมาตรงหน้าอย่างที่เราไม่ได้เชื้อเชิญ สิ่งที่ผุดขึ้นมามันอาจจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนการกระทำในปัจจุบันของเรา ทำให้เราเดินไปในทางที่เลือกได้มั่นคงมากขึ้น แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ความจริงบางอย่างก็อาจจะทำให้สับสนจนต้องเดินกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งก็ได้
เป็นกำลังใจให้น้องด้วยนะคะ (>.<)
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (15:00 ความจริงอีกด้าน) อัพ 22/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 22-06-2019 22:28:04
โอ้ยยย กู ไม่รู้จะสงสารใครดี
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (15:00 ความจริงอีกด้าน) อัพ 22/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-06-2019 03:44:11
 :เฮ้อ อินห้ามปล่อยดินไปนะ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (16:00 วันตามใจ) อัพ 23/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 23-06-2019 20:53:50
16:00 วันตามใจ



(รบกวนอ่านแชทตอนจบด้วยค่า)

“สรุปว่าต้นกับแทนจะเอาเครื่องดนตรีกับพวกเครื่องเสียงต่างๆ มานะ เราจะได้ขีดฆ่าออกจากรายการของที่ต้องเตรียม นี่เรายังไม่ได้ซื้อของตกแต่งเลย ไม่รู้จะทันไหมเนี้ย ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิต้องเตรียมงานละคร” ทิวพูดออกมารัวๆ โดยไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา ตาจับจ้องอยู่กับลิสต์รายการที่ต้องทำสำหรับงานวันเกิดดินที่จะมาถึงในอีกสี่วัน

“อาหารการกินกับเครื่องดื่มต่างๆ เราคุยกับที่บ้านดินแล้ว เหลือแต่เค้ก ดอกไม้กับลูกโป่งในงานที่ต้องจอง นอกนั้นก็คงเป็นรายชื่อและจำนวนแขกที่จะมา เสื้อผ้าที่จะใส่ไปงาน อ่อแล้วเรายังไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ดินเลย ฮือออ ทำไงดี” คนตัวเล็กเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของตัวเองแล้ว สิ่งที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด ช่วงนี้เขาก็แทบไม่ได้นอนเพราะต้องเตรียมงานละครแต่แน่นอนว่างานวันเกิดดินสำคัญที่สุด เขารับเป็นแม่งานให้ดินมาสามปีแล้ว และปีนี้ก็ตั้งใจจะทำให้ดีเหมือนเคย

“ไอ้ดินมันก็บอกแล้วว่าไม่ต้องทำอะไรมาก” ต้นแทรกขึ้น กลอกตามองบน ยังไม่อยากเชื่อว่าจะโดนเรียกมาหากะทันหันเพราะเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่กำลังจะไปเดทแท้ๆ

“วางแผนงานวันเกิดแฟนเขา ไม่ปรึกษาแฟนเจ้าของวันเกิดสักหน่อยหรอ” คู่เดทของต้นพูดขึ้นบ้าง ทิวเงยหน้าจากกระดาษในมือ ตวัดสายตามองคนที่เขาไม่ได้เชื้อเชิญมา ตอนที่อยู่ทะเลอีกฝ่ายยังดูเป็นมิตรมากกว่านี้ ยังพอพูดจากันดีๆได้ แต่วันนี้ตั้งแต่มาอีกคนพูดจาประชดประชันไม่หยุด แล้วท่าทางที่แสดงออกชัดเจนว่าเป็นศัตรูนั่นอีก

แล้วเขาแคร์ที่ไหน

“ทำไมเราต้องถาม เขาก็รู้ว่าเราเป็นคนจัดการ ถ้าใส่ใจจริงก็ต้องมาถามเราเองสิ แฟนอะไรไม่รู้แม้ว่ากระทั่งวันเกิด”

“ทิว..” ต้นเรียกชื่อเหมือนเตือนอีกฝ่ายเบาๆ

“เชอะ ทั้งดินทั้งต้นเหมือนกันหมด มีอะไรทิวก็ผิดตลอด”

“ใครเขาจะกล้ายุ่ง ก็บางคนทำตัวอย่างกับแฟนเจ้าของงานซะขนาดนั้น” กีว่ากลับ

“หึ ไม่กล้ายุ่งก็ดี”

“หน้าด้าน”

“ว่าอะไรนะ!”

“เราบอกว่าหน้าด้าน เนี่ยต้นดูสิ พากีไปซื้อครีมหน่อยนะ พอดีครีมที่บ้านหมดแล้ว” กีว่าพร้อมหันหน้าไปหาคนข้างตัว ส่งสายตาออดอ้อน พูดเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ จนคนตัวโตอดขำไม่ได้ เอื้อมเอาสองนิ้วบีบแก้มคนจอมแถไปมา รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้จะมาอ้อนเขาแต่แค่ต้องการจะกวนอีกคนเท่านั้น แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังอดมั่นเขี้ยวไม่ได้อยู่ดี

ร้ายที่สุดแหละคนนี้

“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ต้นไปก่อนนะ”

“เอาเบอร์มาสิ!”

ทิวหน้ามุ่ยเบะปากพูดกระแทกเสียงออกมา คนฟังทั้งสองขมวดคิ้วแน่น หันหน้ามองกันอย่างไม่เข้าใจ แต่เป็นเพียงต้นที่เอ่ยถามกลับ

“ว่าอะไรนะ”

“ก็เบอร์ไง เดี๋ยวจะมาว่าว่าไม่ยอมถามอีก”

ว่าแล้วก็บ่นอุบอิบอีกหลายคำในลำคอ ต้นยกยิ้มมุมปาก ทิวก็เป็นแบบนี้ ถึงจะดูปากร้าย เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง แต่เอาเข้าจริงแล้วก็เป็นคนที่แคร์คนรอบข้างเสมอ อย่างนี้ไอ้ดินถึงยังยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรตามใจอยู่รอบตัวมันแบบนี้ แต่ไหนแต่ไร ใครๆ ก็รู้ดีว่าไอ้ดินมันเป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบถูกใครผูกมัด มันจึงไม่ใช่ภาพธรรมดาเลยที่เราจะเห็นคนพูดเยอะอย่างทิวมาวนเวียนรอบตัวมันแบบนี้ จนต้นที่เป็นเพื่อนสนิทเองยังเข้าใจผิดว่ามันสองคนเคยคบกันอยู่เลย

ต้นปลดล๊อคโทรศัพท์หาเบอร์ของอินก่อนที่จะกดแชร์ให้อีกคน เมื่อเรียบร้อยก็ยัดเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋ากางเกง ยืนขึ้นแบมือขอมือคนข้างๆ เมื่อมืออีกฝ่ายวางทับก็ฉุดขึ้นเบาๆ ให้ลุกขึ้น ก่อนที่เขาจะเอามือสอดรอบเอวบางแล้วกล่าวออกไป

“งั้นต้นไปนะ” กล่าวลาอีกครั้งก่อนจะหันหลังให้คนที่นั่งอยู่และเดินออกจากร้านกันไป พอออกมาได้กีก็รีบค้นกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมาปลดล๊อคทันที

“เรื่องนี้ต้องขยาย มันจะไม่จบที่ตรงนี้” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบพร้อมเปิดแอปสีเขียวขึ้นมา กำลังจะกดเข้ากลุ่มเพื่อนสนิทเพื่อจะเล่าสิ่งที่เพิ่งเจอมาเมื่อกี้ แต่ไม่ทันจะได้พิมพ์อะไรก็โดนคนตัวโตคว้าของในมือออกไป

“ไม่เอาน่า”

“อย่ามายุ่งได้ไหม นี่มันเรื่องของเพื่อนเรานะ เราต้องบอกมัน”

“บอกอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”

“นี่ยังไม่มีอะไรอีกหรอ ดูทิวสิ แสดงอาการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของขนาดนั้น เห็นเพื่อนเราเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง”

“แต่แค่นี้อินก็คิดมากอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”

“...”

“แล้วกับทิวตอนนี้คือมันไม่มีอะไรกันจริงๆ ต้นยืนยันได้ กีก็เห็นไม่ใช่หรอ ดินมันทั้งรักทั้งหลงเพื่อนกีจะตาย”

“ก็ได้ งั้นเอาโทรศัพท์คืนมา” คนตัวเล็กครุ่นคิดอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะยอมโอนอ่อนตามอีกคน จริงๆ ก็รู้สึกเหมือนกันว่าคงไม่มีอะไร คิดได้ก็แบมือทวงมือถือคืนจากอีกฝ่าย ต้นยกยิ้มให้กับคนตรงหน้า ยื่นโทรศัพท์เจ้าตัวคืนให้ เขารู้สึกอิ่มเอมไม่น้อยที่อีกคนยอมฟังเหตุผลของกัน

“งั้นวันนี้ไปไหนกันดีครับ วันตามใจน้องกีแล้วนี่”

คนตัวโตเอ่ยถามเสียงใส ตั้งแต่ที่ตกลงคบกันเขาสองคนก็มีข้อตกลงสำคัญอีกหนึ่งเรื่องคือ “วันตามใจ” ซึ่งจะพลัดกันทุกครั้งที่ออกมาเจอกัน คนที่โดนตามใจวันนั้นจะเป็นคนจัดโปรแกรมว่าจะไปไหนหรือกินอะไร ครั้งที่แล้วที่เขาทั้งสองไปเที่ยวซาฟารีเวิร์ลก็เป็นวันของต้น ทั้งที่วันนั้นแดดแรงจนคนตัวเล็กเหงื่อเต็มเสื้อไปหมดแต่กีก็ไม่เอ่ยปากบ่นออกมาสักนิด ซึ่งบอกตรงๆเลยว่ามันทำให้ต้นแปลกใจอยู่ไม่น้อย และไอ้ความรู้สึกอุ่นๆ ที่ก่อขึ้นในทรวงอกวันนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจมองข้ามได้ พอวันนี้เป็นคราวของคนตรงหน้าบ้าง เขาก็อยากเอาใจให้เต็มที่เหมือนกัน

“ไหนๆ ก็มาห้างแล้ว แวะกินข้าวกันก่อนไหม หิวแล้ว”

“โอเค แล้วกีอยากกินอะไร”

“อยากกินซูชิ” กีเอ่ยออกมาสั้นๆ แล้วเดินตรงเข้าไปในร้านซูชิเจ้าโปรด กีเองก็ชื่นชอบข้อเสนอเรื่องวันตามใจของอีกฝ่ายมาก เพราะอย่างนี้เขาจะได้ไม่ต้องคอยพะวงว่าใครจะเป็นคนตัดสินใจเวลาทำอะไรร่วมกันและในเมื่อตัดสินใจเรียนรู้กันแล้ว การลองเข้าไปอยู่ในโลกของอีกคนจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ

“งั้นเสร็จแล้วไปดูหนังกันนะ เรื่องที่เราบอกเข้าแล้ว”

“อือฮือ หนังของดิสนี่ย์อ่ะนะ” ต้นถามซ้ำเมื่อสั่งอาหารเสร็จ นึกถึงหนังที่อีกฝ่ายเคยบอกว่าอยากดู เจ้าตัวเป็นแฟนตัวยงของค่ายนี้ ถึงเขาจะไม่ชอบหนังแนวนี้เท่าไหร่ แต่วันนี้ก็ไม่ได้คิดจะปฎิเสธ

“ถ้าไม่ชอบ.. ดูเรื่องอื่นก็ได้นะ”

“ดูได้ แค่ไม่ใช่แนว”

“งั้นดูเรื่องอื่นก็ได้”

“ไม่เป็นไรก็วันนี้วันของกีนี่”

“แต่ให้สนุกอยู่คนเดียวก็ไม่เอาหรอก”

คนตัวเล็กว่าพลางยกโทรศัพท์มาเลื่อนดูโปรแกรมหนัง กล่าวชื่อหนังอีกหลายเรื่องที่เข้าฉายตอนนี้เพื่อถามความเห็นจากเขา ต้นนั่งมองคนตรงหน้าที่พยายามสังเกตสีหน้าเขาเวลาเอ่ยชื่อหนังแต่ละเรื่องออกมา

ชั่งใส่ใจ

ความอบอุ่นภายในอกเกิดขึ้นอีกครั้ง ต้นไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้กับใคร ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร คนตรงหน้าเป็นคนแรกที่ทำให้เขาอยากลอง ต้นเคยคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปเขาคงจะเบื่อและรามือจากคนคนนี้ไปเอง แต่ทุกอย่างมันกลับตรงกันข้าม ยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกันเขายิ่งอยากให้มันมีเวลามากขึ้น และแทนที่จะกลัวอีกฝ่ายคอยตามติดเขาแจ ตอนนี้เขากลับกลัวอีกฝ่ายจะเบื่อเขามากกว่า

“ไม่เป็นไรวันนี้ดูเรื่องที่กีอยากดูนะ แต่คราวหน้ากีต้องยอมรับข้อตกลงของต้นนะ”

“อือ ก็มันเป็นวันของนายนี่”

“ก็ใช่ แต่ไม่อยากบังคับ อยากให้ตกลงจริงๆ”

ตากลมโตหรี่มองหน้าเขาอย่างสงสัย เป็นจังหวะเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสองจึงรอให้จานทุกใบวางเรียงเรียบร้อย แกะตะเกียบไม้ไผ่แล้วเริ่มคีบอาหารเข้าปาก

“งั้นบอกมาก่อนว่าคืออะไร” กีต่อบทสนทนา

“ไปพัทยากับต้นนะ”

“หืม...” กีหรี่ตาขมวดคิ้วเข้าจนแทบจะชนกัน ในหัวพยายามครุ่นคิดว่าจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายชวนไปคืออะไรกันแน่ ถึงช่วงนี้จะสงบสเงี่ยมเกินปกติแต่คนแบบนี้มันมีอยู่เรื่องเดียว

“ทะลึ่งป่ะเนี้ย” คนตัวโตหัวเราะร่าออกมา

“จะว่าไม่ก็จะโกหก”

“วางแผนอะไรพูดมาเลยนะ” กีใช้ตะเกียบชี้คาดโทษคนตรงหน้า

“เปล่า ชวนไปเที่ยวเฉยๆ”

“แล้วทำไมต้องพัทยา”

“พอดีเพื่อนชวนไปงานเปิดผับใหม่ อยากให้ไปด้วยกัน”

“เพื่อนที่ไหน เรารู้จักหรอ” กีคิดไปถึงหลายคนที่เขาเจอวันที่ไปหัวหิน

“ไม่เคยเจอหรอก เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เจอกันบ่อยเพราะพ่อแม่ทำธุรกิจด้วยกันน่ะ”

กีคิดไตร่ตรองในหัว ไม่แน่ใจว่าควรทำยังไงดี ถึงจะยังกลัวๆ คนตรงหน้า แต่ตอนนี้ความชอบมันมีมากกว่าเยอะ แล้วในเมื่อตัดสินจะลองคบไปแล้ว ก็อยากไปให้ถึงที่สุดเหมือนกัน

“แล้วจะบอกว่าเราเป็นใคร”

“ก็แฟนไง”

“อ่าฮ่ะ” คนฟังยังทำหน้านิ่ง ทั้งที่ในใจแอบเต้นตึกตักไปแล้ว ถ้ายอมไปด้วยมันก็จะกลายเป็นครั้งแรกที่อีกคนแนะนำว่าเขาเป็นแฟน

“ทำไมถามแบบนี้”

“ก็จะได้ทำตัวถูก ถ้านายมีคนมาจีบ จะได้รู้ว่าหึงได้ไหม” ต้นขำให้กับอธิบายของคนตรงหน้า

“หึงได้สิ”

“แล้วอยากให้หึงหรือเปล่า” คนตัวโตเลิกคิ้วขึ้น

“ยกเลิกการเป็นแฟนวันนึงได้นะ”

“เพื่อ?”

“อยากเห็นเหมือนกัน ว่าเวลาปกตินายเป็นยังไง” คนตัวโตหัวเราะให้กับความคิดแปลกประหลาดของอีกคน

“แล้วมั่นใจว่าจะทนได้?”

“สบ๊าย” เมื่อคนตัวเล็กตอบรับท่าทางสบายๆ ต้นก็รู้สึกฉุนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว อะไรคือการไม่รู้สึกอะไรเวลามีคนมาจีบเขา

เดี๋ยวเถอะ จะทำให้หึงจนร้องเลย!

“งั้นก็ตามใจ ตกลงไปนะ”

“อืม ไปสิ วันไหนล่ะ”

“วันมะรืน”

“เร็วขนาดนั้นเลย? แล้ววันเกิดดินล่ะ”

“อืม ก็ใกล้ๆ เองนี่ กลับมาทันอยู่แล้ว”

“งั้นไปเช้าเย็นกลับก็ได้มั้ง” กีเอ่ยกวน จนคนตัวโตก็อดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“คืนเดียวเองนะ”

“อืม ก็วันของนายนี่”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

“เชี่ยอะไรเนี่ย” กีชะงักพึมพำกับตัวเองเมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารแล้วตาไปสะดุดกับโต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่งจากร้านตรงข้าม มองผ่านกระจกใสเข้าไปแล้วก็แทบต้องขยี้ตาซ้ำเมื่อเจอกับภาพที่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

“มีอะไร” ต้นที่จับมือกีอยู่หยุดเท้าตามเมื่อคนข้างตัวยังยืนนิ่งไม่ไปไหน เมื่อตาคมมองตามไปทางที่คนตัวเล็กมอง ตาทั้งสองก็ต้องเบิกกว้างขึ้นไม่แพ้กัน

บนโต๊ะอาหารที่เหมือนว่าอาหารทั้งหมดจะถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว มีชายสองคนนั่งอยู่ข้างกัน ทั้งคู่หันหน้าคุยกันอย่างสนิทสนม มีบ้างที่ส่งยิ้มบางให้กัน บ้างจังหวะก็กระซิบบางอย่างแล้วหัวเราะคิกคักกันสองคน ต้นคิ้วกระตุกเมื่อชายคนที่โตกว่าส่งยิ้มหวานพร้อมเอื้อมมือมาลูบผมคนตัวเล็กอย่างรักใคร่ คนตัวเล็กกว่าก็ไม่ว่าอะไร แถมส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขกลับไปอย่างไม่ปิดบัง

ดูยังไงก็ไม่ใช่พี่น้องหรือเพื่อนธรรมดาๆ

จู่ๆ คนตัวเล็กก็หันไปหยิบกระเป๋าสะพายที่อยู่บนเก้าอี้ข้างตัว หยิบถุงกระดาษที่อยู่ด้านในยื่นให้อีกคน ต้นมั่นใจว่าหน้าขาวซีดของคนตัวเล็กเริ่มมีสีแดงเรื่อ ตากลมล่อกแล่กไปมาระหว่างห่อของขวัญและคนตรงหน้า คอยสังเกตทุกอาการของอีกคนที่กำลังแกะเปิดถุงกระดาษ กัดเม้มปากแน่นเหมือนลุ้นหนักว่าคนตัวโตจะชอบของที่เห็นหรือไม่

เมื่อถุงกระดาษถูกเปิดอ้าออกจนสามารถเห็นของด้านใน คนตัวโตก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ รีบหยิบของในถุงออกมาพันรอบคออย่างตื่นเต้น ปากเอ่ยคำหลายคำออกมากับคนตรงหน้า น้ำตาแห่งความปลื้มปิติหลั่งไหลออกมาจากคนได้รับของขวัญ ก่อนที่ในที่สุดเมื่อความรู้สึกมาถึงจุดสูงสุด คนตัวใหญ่กว่าก็โผเข้ากอดอีกคนอย่างทนไม่ไหว ไออุ่นของความรักถูกส่งออกมารอบตัวของคนทั้งสอง คนรอบข้างจากโต๊ะอื่นที่มองมาแอบอมยิ้มให้กับความน่ารักที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่กับคนที่ยืนอยู่นอกร้านสองคน

“คะ..ใครน่ะ...”

เสียงต้นเอ่ยขึ้น สองตายังตะลึงกับภาพตรงหน้า

“คนที่กอดอินอยู่.. ใครน่ะ”

กีที่ตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่แพ้กัน หันหน้าไปมองคนข้างตัวเมื่อได้ยินอีกคนถามเสียงเข้ม พยายามเรียกสติที่หลุดลอยให้กับเข้าที่ ก่อนที่จะเอ่ยตอบตามที่เห็น

“แฟนเก่ามัน กิต..” กีเองก็แทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป สองคนนี้มาอยู่ด้วยกันได้ยังไง แล้วผ้าพันคอผืนนั้น กีจำได้ว่ามันคือผืนเดียวกับที่อินเคยจะให้อีกฝ่ายเมื่อปีที่แล้ว

“จะทำอะไร!” กีแทบตะโกนเมื่อคนข้างตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนที่อีกสายจะต่อสายออกไปกีก็ตะครุบเอาไว้ ดึงโทรศัพท์ออกมาจากมืออีกฝ่ายได้ทัน

“จะโทรบอกไอ้ดิน เห็นมันเป็นควายหรอมาสวมเขากันแบบนี้” ต้นพูดกระแทกกระทั้นเสียงดัง มองหน้ากีอย่างโกรธแค้น ตอนนี้เขาโมโหอย่างที่สุด เป็นเพราะแบบนี้ไงที่ทำให้เขาไม่ชอบความสัมพันธ์ ไม่มีใครหรอกที่จะซื่อสัตย์รักเดียวไปได้ตลอด คนที่หลงเชื่อคำแบบนั้นก็มีแต่ต้องเจ็บปวดเท่านั้นเอง

“อย่าบอกว่ากีก็รู้มาก่อนนะ” จู่ๆ ต้นก็นึกขึ้นได้เอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างไม่นึกเกรงใจอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ของเขาต่อคนตรงหน้ามันไม่ใช่แค่เพียงความโมโหแค้นเคือง ภายในหัวใจที่ร้อนรนมันกลับมีหนึ่งความรู้สึกที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด

เขากลัว

เขาไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองคาดหวังกับอีกฝ่ายไว้มากขนาดนี้ แค่คิดว่ากีรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำชั่วๆ แบบนี้เขาก็แทบใจสลาย ต้นไม่อยากเชื่อใจใครเพราะเขาไม่อยากเจ็บ ดังนั้นเขาจึงป้องกันตัวเองมาโดยตลอดโดยไม่เคยยอมปล่อยให้ใครเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามเลยสักคน แต่เหมือนคนตรงหน้าจะก้าวเข้ามาเรียบร้อยแล้ว

โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

ดังนั้นตอนนี้เขาถึงกลัว การที่อีกคนมีอิทธิพลกับจิตใจเขาแบบนี้มันไม่ดีเลย..

“ไม่รู้ๆ ไม่รู้จริงๆ” ต้นแอบโล่งใจเมื่อคนตรงหน้าสั่นหน้าไปมารุนแรงปฎิเสธเสียงแข็ง สายตาที่เบิกกว้างขณะมองสองคนตรงหน้าทำให้ต้นรู้ว่าอีกฝ่ายพูดความจริง

“ยังไงต้นก็ต้องบอกดิน เอาโทรศัพท์มา”

“ไม่เอา.. อย่าโทรนะ”

“แล้วจะให้เพื่อนต้นโดนหลอกแบบนี้หรอ ถ้าเป็นอินโดนทำบ้าง กีจะทำยังไง”

กีนิ่งไปกับคำพูดของคนตรงหน้า ต้นพูดถูกทุกอย่าง ถ้าเป็นเขาป่านนี้คงเล่าให้เพื่อนสนิทฟังไปเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะมันเป็นเพื่อนเขาเองที่ดันตกเป็นผู้ต้องหาเขาถึงทำตัวไม่ถูก แม้ภาพตรงหน้าจะชวนให้เข้าใจผิดมากแค่ไหน แต่ด้วยความเป็นเพื่อนรัก ถ้ายังไม่รู้ความจริงจากปากมัน เขาก็ต้องปกป้องมันให้ถึงที่สุด

“เราขอนะ เห็นแก่เราสักครั้ง”

“กี!” ต้นร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ เขารู้สึกร้อนรนไปหมดแล้ว ถ้าไม่เกรงใจคนข้างตัวสิ่งที่เขาอยากทำที่สุดตอนนี้คือเดินไปต่อยคนทั้งสองตรงหน้าให้แรงที่สุด

“กีขอคุยกับมันก่อน และถ้ามันผิดจริง กีนี่แหละจะเป็นคนบอกดินเอง” มือเล็กที่เอื้อมมาจับ พร้อมสายตาที่ออดอ้อนและสรรพนามที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของต้นเต้นผิดจังหวะ เมื่อเห็นเขาอ่อนลง อีกฝ่ายก็ยิ่งอ้อนหนักขึ้น

“น้องกีขอนะ” แก้มตอบของคนตัวโตมีอุณภูมิสูงเกินปกติ ต้นเขินกับคำพูดของอีกฝ่ายจนไม่อาจฝืนยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ก็พอรู้ว่าอีกคนกำลังใช้มารยาเกลี่ยกล่อมเขา แต่ถึงจะรู้ก็อยากจะขอคล้อยตามสักครั้ง นานๆ ทีคนขี้โวยวายจะทำตัวน่ารักแบบนี้

“โอเค งั้นต้นยังไม่บอกตอนนี้ แต่กีต้องไปคุยให้รู้เรื่องนะ ถ้ายังเจออีกต้นจะไม่ทนแล้วนะ กีต้องเข้าใจต้นด้วย”

“ขอบคุณครับ” กีฉีกยิ้มกว้างให้อีกคน ส่วนหนึ่งดีใจที่ช่วยเพื่อนได้ แต่อีกส่วนหนึ่งที่มากกว่าคือความดีใจที่ต้นยอมตามใจ

น่ารักที่สุดเลย

“งั้นไปกันเถอะนะ เดี๋ยวซื้อตั๋วไม่ทัน”

กีคว้ามือใหญ่มาจับอีกครั้ง สายตาของคนตัวใหญ่ยังจับจ้องเพื่อนสนิทเขาไม่หยุด จนกระทั่งเขาลากจูงขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนที่เป็นทางเข้าสู่โรงหนัง









แชะ! แชะ! แชะ!

มือเรียวบางกดเข้าไปดูในคลังรูปภาพ เมื่อเลื่อนดูรูปที่ตัวเองพึ่งถ่ายจนพอใจแล้วจึงกดออกจากคลัง เลื่อนไปหาเแอปสีเขียวยอดนิยมที่ใช้สื่อสาร เมื่อหาชื่อเป้าหมายได้ ก็แนบรูปที่เพิ่งถ่ายสดๆ ร้อนๆ ไปหลายรูป ลังเลในจังหวะสุดท้ายแต่ก็กดส่งออกไปจนได้และบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“มันต้องอย่างนี้สิ”





************

ว้ายยย มาม่าาาาา เขียนไปเขียนมาเหมือนกำลังอ่านนอกนักสืบโคนัน อีคนส่งรูปเป็นใคร 555 ถ้าเป็นในการ์ตูนต้องแบบเป็นเงาดำๆ ไม่มีผม (ฮา) ทายสิใครเอ่ย

ช่วงนี้ต้นกีจะมา! นางสองคนมีเวลาแค่เดือนเดียวเอง ตามไทม์ไลน์ช่วงนี้นางเลยจะมาติดๆ กันหน่อยน้า

รักน้ำ รักปลา รักต้นกี รักอินดิน รักกิตเจ รักหมีแทน รักเต รักทิว รักคนอ่านนน (ใกล้บ้าแล้ว)

ขอกำลังใจหน่อยน้าาา คิดเห็นยังไงก็เม้นมาบอกกันบ้างงง เค้าาาาาาาเหงาาาาาาาาาาาา ตอนนี้ถึงบทสี่โมงเย็นแล้วน้า (16:00) เหลือแปดบทเท่านั้น ต้องพยายามยัดต้นกีให้จบด้วย มาลุ้นกันต่อไปจ้า

และท้ายสุดขอฝากแชทกลุ่มของสาวๆด้วยนะคะ จะเป็นตอนที่กลับมาจากทะเล ไม่แน่ใจว่าลงลิ้งได้ไหมเลยเอาไปแปะไว้ในทวิตเตอร์แล้วค่ะ (@maywrite1)ถ้าชอบจะพยายามทำออกมาบ่อยๆนะคะ คลายเครียดเพราะตอนนี้มันดราม่ามากกก

ขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ทิ้งกันค่ะ (‘3’)


หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (17:00 ของของใครใครก็หวง) อัพ 26/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 26-06-2019 13:47:16
17:00 ของของใครใครก็หวง

เสียงดังอึกกระทึกลอดออกมาจากภายนอกขณะที่ต้นก้าวขาลงจากรถ เขายื่นกุญแจรถให้กับพนักงานก่อนที่จะเดินเร็วๆ ไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ สัมผัสมือกับคนที่นั่งอยู่ด้านในก่อนที่อีกคนจะก้าวลงมาจากรถ ต้นสอดแขนเข้าไปรอบเอวอีกฝ่ายทันทีที่คนตัวเล็กยืนขึ้นทั้งตัว เดินเข้าไปในร้านโดยไม่คิดจะไปต่อแถวหรือผ่านการตรวจบัตรอะไรทั้งสิ้น ความดังของเสียงเพลงเพิ่มมากขึ้นในทุกย่างก้าวที่ทั้งสองเดินเข้าไป ชายคนหนึ่งรีบตรงเข้ามาหาคนทั้งสองเมื่อสังเกตเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามาในร้าน หน้าตาที่ดูดีอกดีใจที่เจอกันนั้นพอจะทำให้กีเดาได้ว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมากแค่ไหน กีแอบเหลือบมองสังเกตรอบๆ ร้าน ที่นี่ไม่ใช่ผับของนักศึกษาแบบที่เขาเคยเข้าเป็นประจำ ทุกคนแต่งหน้าแต่งตัวมากันเต็มที่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มีแต่ของมียี่ห้อที่ปกติเคยเห็นแค่ในรูปทั้งนั้น เห็นแบบนี้ก็นึกโกรธคงข้างตัว ทั้งๆ ที่ถามไปหลายรอบแต่ตั้งต้นก็ยังยืนยันให้แต่งตัวตามสบาย ดีนะที่เขาไม่ฟังมัน อยากขอบคุณความดื้อรั้นของตัวเองที่ทำให้วันนี้แต่งตัวเกินเบอร์กว่าปกติ เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าเป็นคนที่ครอบครัวมันรู้จักฐานะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“มาจนได้นะมึง”

“จะพลาดได้ไง ดีใจด้วยนะมึงสำหรับสาขาที่ห้า”

ทั้งคู่เอามือประกบกันก่อนจะใช้ไหล่ปะทะกันเบาๆ เอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง กีผงกหน้าให้อีกฝ่ายเมื่อเจ้าตัวหันมาและยิ้มให้เขาก่อนที่จะหันกลับไปคุยกับต้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้หน้าตาดึงดูดเท่าคนข้างตัวเขา แต่การแต่งตัวที่ดูดีสะอาดสะอ้านและการพูดจาที่ดูเป็นมิตรก็ทำให้กีเผลอตัวแอบมองคนตรงหน้าไม่ได้ เมื่อยืนพิจารณาหัวจรดเท้าก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าอีกคนเป็นสเป๊กของเขาชัดๆ คิ้วหนา ตาคม จมูกที่โด่งกำลังพอดี ปากที่ไม่หนาไม่บางเกินไป ทุกอย่างรวมตัวกันอย่างเหมาะเจาะอยู่ในใบหน้ารูปไข่ แล้วยังกล้ามที่แน่นทะลุเสื้อโปโลสีแดงออกมานั่นอีก ไม่รวมถึงหน้าท้องที่แบนราบ..

“สวัสดีครับผมภูผาครับ เรียกภูก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ยังไม่ทันได้มองต่ำไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็เอ่ยทักจนต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“ผมกีครับ ยินดีด้วยนะครับ” กียื่นมือไปเชคแฮนด์อีกฝ่าย เพราะมัวแต่แอบมองอีกคนจนเพลิน พอโดนทักแบบไม่ทันตั้งตัวเลยหน้าร้อนไปหมด เผลอกล่าวทักทายออกมาตะกุกตะกักอย่างคนทำตัวไม่ถูกจนคนทักหัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน

"งั้นขึ้นไปนั่งข้างบนกัน เพื่อนคนอื่นอยู่นั่นกันหมดแล้ว มีแต่คนถามหามึง" เจ้าของร้านตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆ เดินนำไปทางบันได ต้นสอดมือเข้าไปในเอวสอบอีกครั้ง นำคนที่มาด้วยกันเดินตามเจ้าของร้านไป

“แรด”

“อะไรนะ” กีเอี้ยวตัวไปมองหน้าคนข้างตัวเมื่ออีกฝ่ายพึมพำออกมา ด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเขาจึงไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฟาดไปหรือเปล่า เจ้าตัวหันหน้ามามองก่อนที่จะโน้มหน้ามากระซิบที่หู

“บอกว่าแรด กีแรด”

“อะไรเนี้ย อยู่ๆ มาว่าทำไม” กีเริ่มโวยวายพยายามยื้อตัวออกจากวงแขนอีกฝ่าย แต่อีกคนก็ยังยึดไว้แน่น

“แทบจะกินไอ้ภูเข้าไปอยู่แล้ว ยังจะทำเป็นไม่รู้ อยากได้มากเลยหรอ”

“เฮ้ย ไม่ใช่ ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“คิดว่าต้นเป็นใคร อย่างต้นนี่จะอ่านไม่ออกหรอว่าสายตาแบบเมื่อกี้ กีกำลังคิดอะไร” คนมากประสบการณ์คาดคั้นอีกฝ่าย นี่มาทำแบบนี้ต่อหน้าต่อตาเขามันไม่เกินไปหน่อยหรอ

หล่อขนาดนี้ยังมีหน้าไปตาเยิ้มกับคนอื่นอีกนะ

“ก็ไหนวันนี้ฟรีวันนึงไง” เมื่อแถต่อไปไม่ได้กีเลยหาข้ออ้างใหม่มาเถียงอีกฝ่ายต่อ คนตัวโตได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นมองคนพูดอย่างถามว่าจะเอาจริงหรอ หน้าตาบึ้งตึงแปรเปลี่ยนเป็นความท้าทายก่อนจะยกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งขึ้นมา

“เอางั้นนะ”

ว่าแล้วก็ปล่อยมือออกจากเอวของคนตัวเล็กเมื่อมาถึงโต๊ะ พอหาที่นั่งกันได้ก็กล่าวแนะนำกีให้เพื่อนในโต๊ะรู้จัก ถึงพวกนี้จะไม่ใช่เพื่อนที่เรียนกันมาแต่ก็เป็นเพื่อนที่ถือว่าสนิทไม่น้อย ด้วยเพราะเจอกันตามแวดวงสังคมมาตั้งแต่เด็กๆ คนที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้อย่างพวกเขา ก็มีกันและกันนี่แหละที่ค่อยดูแลกันมาจนถึงทุกวันนี้

นั่งอยู่ไม่นาน กีก็เริ่มคุยอย่างออกรสกับเพื่อนใหม่ในโต๊ะอย่างสนุกสนานเหมือนรู้จักกันมานาน ต้นยกยิ้มมุมปากขณะมองคนตัวเล็ก ไม่ว่ากีจะอยู่ที่ไหนเหมือนกีจะเป็นคนที่คอยทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัวดีขึ้นมาได้ทันที คนตัวเล็กเป็นคนคุยเก่งแต่ไม่ใช่คุยไปเรื่อย เจ้าตัวมักจะสังเกตทุกคนในกลุ่มและคุยในสิ่งที่ทุกคนสนใจร่วมกัน นี่เป็นข้อดีอีกข้อที่เขาชอบในตัวคนนี้

ต้นขมวดคิ้วให้กับตัวเอง เมื่อกี้เขาคิดอะไรนะ

ชะ..ชอบหรอ

“อย่าบอกกูนะว่าพาแฟนมาเปิดตัว” อยู่ๆ เพื่อนที่ใส่เสื้อสีดำที่นั่งตรงข้ามต้นก็ถามขึ้น กียังจำชื่อแต่ละคนไม่ได้เพราะมีหลายคน ดังนั้นสีเสื้อที่หลายหลายจึงช่วยเขาไว้ได้มาก

“ในที่สุด มึงก็จริงจังกับใคร OMG” ผู้หญิงเสื้อชมพูว่าต่อ เธอดูตื่นเต้นและแปลกใจมาก กีเองก็ค่อนข้างจะแปลกใจ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่คบใครเป็นเรื่องเป็นราวแต่การที่เพื่อนแต่ละคนแสดงปฎิกิริยาแบบนี้ออกมา แสดงว่าต้นไม่เคยพาคนที่คบมาเจอเพื่อนเลยหรือไงนะ

“เปล่า เพื่อนที่มอ” คนโดนถามรับแก้วเหล้าจากคนเสิร์ฟ ปากตอบคำถามเพื่อนแต่สายตามองไปที่กียักคิ้วให้อย่างท้าทาย ก็ถ้าอีกคนต้องการจะเล่น เขาก็ขอดูหน่อยว่าใครจะชนะเกมส์นี้

“งั้นอย่างนี้กีก็ว่างสิครับ ดีใจจัง” คราวนี้เป็นภูเจ้าของร้านที่กล่าวขึ้นมาบ้าง เจ้าตัวถามเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครเห็นก็คงต้องตกหลุมรัก คนตรงหน้ากีรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ และก็ใช้มันเป็นซะด้วยสิ แต่ตอนนี้เรดาห์ของกีกำลังทำงานหนักอีกครั้ง ส่งเสียงเตือนดังสนั่นไม่ให้ไปยุ่งกับคนคนนี้ ตากลมเหลือบมองไปข้างกายหวังจะให้อีกคนช่วยให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่พอมองไปกลับต้องอารมณ์เสียกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายกำลังเงยหน้าจนคอชิดขอบเบาะคุยกับผู้หญิงคนนึงที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟา ก้มหน้าลงมาจนจมูกแทบจะชิดกัน ด้วยความโมโหจึงหันหน้ากลับไปตอบหนุ่มเสื้อแดงเสียงดังฟังชัด

“ถ้าวันนี้ก็ว่างอยู่”

“ขออาสาทำให้ไม่ว่างได้ไหมครับ” เสียงโห่เฮดังขึ้นเมื่อเจ้าของร้านว่าแบบนั้น เจ้าตัวขยิบตาให้เขาข้างนึงอย่างมีเลศนัย กีแทบอยากจะตบปากตัวเอง ตอนแรกก็ว่าคนตรงหน้าสเป๊คอยู่หรอกนะ แต่พอพูดออกมาปั๊ป เรดาห์กีก็เริ่มเหวี่ยงไปมาจนแทบจะพังอีกครั้ง ตากระตุกยิ่งกว่าตอนเจอตั้งต้นครั้งแรกเสียเอง รู้เลยว่านายคนนี้มันไม่ธรรมดาแน่ๆ เจ้าชู้ตัวพ่อหน้าม่อตัวแม่ ถึงจะรู้สึกหมั่นไส้อีกคนก็เถอะ ยังไงต้องหาจังหวะคุยกับต้นให้มันช่วยสักหน่อย สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องออกไปให้พ้นจากตรงนี้ให้ได้ คิดแล้วก็ตัดสินใจเอื้อมมือออกไปตั้งใจจะสะกิดคนข้างตัวให้มันมาดูสถานการณ์

"ถ้างั้น...แสดงว่าคืนนี้ต้นก็ว่างสิ" เสียงใสจากผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังคนตัวโตทำให้มือกีชะงักตอนนี้สองแขนเล็กพาดไหล่ต้นจากด้านหลัง หัวซบลงที่ไหล่กว้างของคนที่นั่งอยู่อย่างออดอ้อนจนกีเองก็อดมองตามทุกการกระทำที่ว่าไม่ได้ ต้นยกยิ้มมุมปากขึ้นหนึ่งข้างอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม แววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายถูกส่งมาให้เขาแว๊บนึงก่อนที่จะเงยหน้าไปด้านหลังเพื่อคุยกับอีกคนอีกครั้ง

"อืม คืนนี้ต้นว่างครับ" พอคนตัวโตว่าอย่างนั้นสาวร่างเล็กก็ปล่อยมือออกอ้อมเข้ามาด้านหน้า รวบมือทั้งสองข้างของอีกคนไว้ในมือ

“งั้นมิ้นต์จองนะคืนนี้ ป่ะ ไปเต้นกัน” ว่าแล้วก็กระตุกแขนอีกฝ่ายขึ้นเบาๆ ต้นลอบมองหน้ากีเหมือนรอให้อีกฝ่ายพูดอะไรสักอย่างแต่เมื่ออีกคนได้แต่นั่งนิ่งก็ยอมลุกตามร่างเล็กไปกลางฟลอร์ กีทำได้แค่มองตามอีกฝ่ายเมื่ออีกคนเดินออกไปไกลแล้ว ความสนใจย้อนกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงเบาะที่ยุบตัวลงไป หันไปก็ต้องประจันหน้ากับคนเสื้อแดงที่แทบจะทำให้เรดาห์เขาพัง

มึงหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วไอ้กี

“อยากเต้นบ้างหรอ สักเพลงไหมครับ”

“ไม่อ่ะ เราไม่ค่อยชอบเต้น”

กีรีบเอานิ้วไขว้หลัง ถ้าไอ้ธันมาได้ยินคำตอบเขามันคงหัวเราะก๊าก คนที่ออกลวดลายกันจนร้านแตกมาแล้ววันนี้บอกว่าไม่ชอบเต้นซะงั้น

“ว้า น่าเสียดายจัง ถ้ากีเต้นต้องน่ารักมากแน่เลย” คนตรงหน้าเขายังหยอดคำหวานไม่หยุด กีได้แต่ส่งยิ้มแหยกลับไปแทนคำตอบ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะเขินม้วนกับคำชมแบบนี้ แต่อย่างที่กีบอกเขารู้จักคนแบบนี้มาเยอะ คำพูดพวกนี้ไม่ได้กินเขาหรอก! คิดไปตาก็คอยมองหาคนตัวโตที่ปะปนอยู่กับกลุ่มคนที่เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็จะรีบเข้าไปชวนอีกคนกลับบ้านทันที แต่พอหาเจอก็ต้องเห็นภาพที่ทำให้หงุดหงิดหนักกว่าเดิมซะงั้น ตอนนี้คนตัวโตโอบรอบเอวของสาวร่างบางจากด้านหลัง ใบหน้าคลอเคลียอยู่บริเวณใบหูของอีกฝ่าย คนตัวเล็กก็ยกสองแขนมาโอบรอบคอของคนตัวโต เอวบางสั่นไหวไปตามเสียงจังหวะเพลงที่เร้าใจ กีใจเต้นรัวเร็ว รู้สึกหน้าชาเหมือนเพิ่งโดนตบกลางสี่แยก ตอนนี้ในใจมีภาพของเขาเดินเข้าไปจับแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน ถ้าทำได้ก็อยากจะต่อยหน้าไอ้หน้าม่อเสริมไปอีกที แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ในใจไม่สามารถทำได้ เลยได้แต่นั่งไขว้ห้างกอดอกแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ที่มันพุ่งพล่านให้กลับมาเป็นปกติ

“นี่กีชอบไอ้ต้นหรอ”

กีหันขวับไปมองคนด้านข้างเมื่อได้ยินคำถาม ตอนที่มัวแต่มองต้นเขาแอบลืมคนข้างตัวไปชั่วขณะ ตอนนี้คนตรงหน้ายังมีสีหน้าทีเล่นทีจริงเหมือนเดิม แต่สายตาที่จ้องจับผิดนั้นเป็นของจริงแน่นอน

“เปล่า เอาอะไรมาพูด”

“ก็เห็นมองมันอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่แฟนก็ต้องแอบชอบมันอยู่”

“...”

“หรือว่าจริงๆ แล้วคบกันอยู่ครับ”

“เปล่า ก็บอกว่าเพื่อนกันไง!”

เมื่อโดนซักหนักขึ้น กีก็ตอบกลับกลับไปเสียงแข็งจนคนเสื้อแดงหัวเราะร่า คำตอบขึงขังกับท่างทางฉุนเฉียวของอีกฝ่ายไม่ได้ดูหน้ากลัวแต่น่ารักในสายตาเขา ภูรู้สึกเหมือนไปแหย่แมวแม่ลูกอ่อนแล้วโดนแว้งกัดอย่างไงอย่างงั้น

“โอเคๆ เพื่อนกันก็เพื่อนกัน ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นมากกว่า”

“...”

“ผมไม่เหมือนไอ้ต้นนะ”

เออ ไม่เหมือน มึงมากกว่ามันประมาณพันเท่า!

“จะมานั่งอยู่แบบนี้ เดี๋ยวเบื่อนะ” พูดไปคนตรงหน้าก็ขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้นทุกที เมื่อท่อนขาของเขาทั้งสองสัมผัสกันกีเลยตัดสินใจรีบลุกขึ้น

"เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"

ไม่รอให้อีกฝ่ายว่าอะไร กีก็พุ่งตัวออกไปทางห้องน้ำที่อยู่ในส่วนระเบียงใหญ่ของชั้นวีไอพี เมื่อออกมาถึงระเบียง กีก็สูดอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนเข้าไปเต็มปอด ถึงจะมีคนสองสามคนยืนสูบบุหรี่อยู่มุมหนึ่งของระเบียงแต่ลมทะเลของพัทยาเหนือก็ยังส่งผ่านมาจนกลบไม่ให้เขาได้กลิ่นควันสักนิด ตอนนี้หัวของเขาโล่งขึ้นกว่าเมื่อกี้เยอะ ผ่อนคลายจนไม่อยากกลับเขาไปข้างในเพื่อเจอความอึดอัดใดๆ อีก ขณะลังเลว่าจะทำยังไงดีก็รู้สึกถึงความสั่นไหวในกระเป๋ากางเกง เอื้อมไปหยิบมันออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นสายของเพื่อนสนิทจึงกดรับ

“ว่าไงมึง”

[ทำอะไรอยู่มึง]

“ตอนนี้อยู่ข้างนอก กำลังยืนสูดอากาศพอดีกับที่มึงโทรมาเลย”

[เมาหรือเปล่า มันทำอะไรมึงหรือเปล่า] กียิ้มให้กับตัวเอง คนปลายสายยังเหมือนเดิม ขี้กังวลไม่เปลี่ยน

“กูโอเคดี ว่าแต่มึงเถอะไอ้อิน คุยกับดินหรือยัง”

หลังจากที่กีเจออินกับกิตวันนั้น เขาก็รีบไปหามันหลังจากที่ดูหนังกับต้นเสร็จ คุยกับมันจนรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อินมันขอร้องว่าอย่างเพิ่งเล่าให้ใครฟัง มันจะขอคุยกับดินให้เรียบร้อยก่อน เมื่อมันว่ามาแบบนี้เขาก็เลยได้แต่เก็บเรื่องที่รู้ไว้เงียบๆ แบบนี้ ไม่ได้เล่าให้ใครฟังแม้แต่ต้นคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วยกันวันนั้น

[ยังเลย.. ช่วงนี้ดินยุ่ง แล้วกูก็กำลังเตรียมของขวัญวันเกิดให้ดินด้วย ก็เลยไม่ได้นัดเจอกันเลย]

“แต่มึงก็ควรเล่าให้เขาฟังนะ อย่างน้อยรู้จากปากมึงน่าจะดีที่สุด”

[อือ กูรู้ ยังไงก็ต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง]

“แล้วเป็นไง ของขวัญวันเกิดดิน ถึงไหนแล้ว”

[ก็ไปได้สวยอยู่ ดีนะได้ตัวช่วยดี]

กีหัวเราะให้กับปลายสาย มันพูดเหมือนมั่นใจแต่น้ำเสียงไม่ได้บอกว่าเป็นอย่างนั้นเลย ขี้กังวลไม่มีขอบเขตจริงๆ เลยมัน

“งั้นกูไปแล้วนะ มึงอย่างคิดมากนะ”

[เรื่องไหนที่ไม่ให้กูคิดมาก เรื่องกิต เรื่องดินหรือเรื่องมึง]

“ไอ้เชี่ย..ทุกเรื่องสิว่ะ” กีว่ากลั้วหัวเราะ บอกลากันนิดหน่อยก่อนที่จะกดวางสาย ทอดมองออกไปด้านหน้าก็เจอเพียงทะเลสีดำที่เงียบสงบ

บรรยากาศเหมือนกับวันนั้นเลย

จากวันที่ตัดสินใจคบกันมันก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว ถึงจะดูสั้นแต่การที่เขากับมันเจอกันแทบทุกวันก็ทำให้ความรู้สึกหลายๆ อย่างมันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว กีรู้ตัวนานแล้วว่าตัวเองคิดอะไรเกินเลยกับอีกฝ่ายไปไกลแล้ว ไกลเกินกว่าจะหันหลังเดินออกมาโดยไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เพราะก็รู้ดีว่าปลายทางระหว่างเราจะเป็นยังไง ต้นเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเข้ากับคนง่าย พูดถึงหน้าตาอีกฝ่ายก็เป็นถึงเดือนคณะ แถมยังฐานะทางสังคมที่เพียบพร้อมไปหมด มันไม่แปลกเลยที่เจ้าตัวจะมีตัวเลือกเข้ามาเยอะแยะไปหมด ไม่ต้องมาอ้างว่าเพราะอีกฝ่ายเจ้าชู้ไปวันๆ หรอก ถึงจะเป็นคนรักเดียวใจเดียวยังไงคนแบบนั้นก็ไม่มีทางเลือกเขาอยู่ดี

รู้ทั้งรู้กีก็ยังตัดใจไม่ได้ ที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือพยายามก้าวไปข้างหน้าให้ช้าที่สุด รอวันที่อีกฝ่ายจะเบื่อและเดินออกไปจากเส้นทางเส้นนี้เอง อย่างน้อยยิ่งความรู้สึกมันเพิ่มช้าแค่ไหน ความเจ็บก็คงลดน้อยลงตามด้วยเหมือนกัน..

กีส่ายหัวไปมาพยายามสลัดความคิดในหัวออกไป หวนคิดถึงคนด้านในที่วันนี้คงไม่ได้กลับด้วยกันแล้ว ก็เป็นเพราะเขาเองที่คิดอะไรแพลงๆ ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปกับคนอื่นเอง อาจเป็นเพราะใจแอบอยากรู้ว่าถ้าลองปล่อยไปแบบนี้ อีกฝ่ายจะยังอยู่กับเขาหรือเปล่า จะเป็นฝ่ายหึงหวงออกตัวว่าเราเป็นแฟนกันหรือเปล่า เมื่อคิดถึงตรงนี้กีก็อดที่จะยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้

มึงก็ยังหวังลมๆ แล้งๆ นะกี

เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ล้างมือเสร็จก็สำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง ถึงจะดึกหน่อยแต่คงจะพอหาห้องพักได้อยู่ ไม่งั้นก็คงต้องเหมาแทกซี่กับกรุงเทพฯ คืนนี้เลย ว่าแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำเตรียมเข้าไปบอกลาคนที่มาด้วยกัน

"หายไปนานเลยนะครับ"

กีหันไปตามเสียงทัก เห็นเจ้าของร้านยืนพิงกำแพงแถวหน้าห้องน้ำรออยู่ก่อนแล้ว เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาก็ค่อยๆ ยืดเต็มลำตัวแล้วเดินมาหา

"เป็นอะไรหรือเปล่าเอ่ย หรือว่าไม่สบายตรงไหนครับ"

ไม่ว่าเปล่าคนตรงข้ามถือวิสาสะเอามือมาแตะหน้าผากเขาเหมือนพยายามวัดไข้ ก่อนจะเลื่อนลงลูบไล้ไปมาที่แก้มนุ่มของเขาสองสามที่

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ครับ”

“มะ..ไม่ได้เป็นอะไร แค่ง่วงนอนแล้วเลยว่าจะกลับเลย”

"ง่วงหรือเบื่อกันแน่...ถ้าเบื่อจะพาไปต่อที่อื่นก็ได้นะ" คนตรงหน้าเดินเขยิบเข้ามาใกล้กว่าเดิม โน้มตัวมากระซิบเสียงพร่าริมหู

“แต่ถ้าง่วงจริงๆ ก็พาไปนอนได้นะครับ” คนพูดใช้ปลายจมูกเกลี่ยข้างแก้มจนกีขนลุกไปหมด สมองตื้อจนไม่รู้จะทำไงต่อไป แต่สติก็กลับมาอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายโน้มลงมาจนจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน กียกสองมือขึ้นระหว่างกันออกแรงดันเพื่อจะให้อีกคนออกไป แต่อีกฝ่ายก็ยังฝืนจนกีทำได้แต่หลับตาปี๋เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่กำลังจะประกบกัน

พลั่ก

“มึงจะทำอะไร”

“โอ้ยไอ้เหี้ยต้น ทำอะไรของมึงวะ”

ต้นผลักไหล่เพื่อนสนิทให้ออกห่างจากคนตัวเล็ก สอดตัวเข้ามาระหว่างเขาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว สายตาที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อทำให้ภูงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย

“มึงอย่ามายุ่งกับคนของกู” กีเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างทันควันเมื่อได้ยินประโยคที่อีกฝ่ายเพิ่งเปล่งออกมา อยู่ด้านหลังแบบนี้เขาไม่มีโอกาสเห็นว่าอีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าแบบไหน แต่จากน้ำเสียงจริงจังที่ถูกส่งออกมาเขาคิดว่าคนข้างหน้าคงไม่ได้ล้อเล่น

“คนของมีง?” ภูทวนคำเพื่อนสนิทอย่างไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยิน

“เออ คนของกู ได้ยินชัดแล้วก็อย่าเสือกมาแตะ”

“ไอ้เชี่ย กูไม่รู้ ไหนมึงบอกเพื่อนมึงไง ใครจะรู้ว่านี่ก็เด็กมึง”

“ไม่ใช่!” ต้นตะคอกกลับอีกครั้ง ท่าทางลุกลี้ลุกลนทำให้เพื่อนสนิทฉงนไปอีกรอบ มาดคนคูลที่สาวๆ หลงไหลไม่เหลือแล้ว

“เอ้า ใช่หรือไม่ใช่ กูงง” ภูถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เขารู้จักกับมันมา เป็นครั้งแรกที่มันมีอาการแบบนี้ให้เห็น การที่มันมาทำตาขวางเป็นหมาบ้าแบบนี้ ภูก็พอจะเดาออกได้ว่าคนคนนี้ก็ต้องมีความสำคัญกับมันอยู่ไม่มากก็น้อย

“กีไม่ใช่เด็กกู เขาเป็นแฟนกู!”





******************************

ตั้งต้นนนนนนนน พี่ดินช่วงนี้หายนานเลยยยยย เจ้าของวันเกิดบทน้อย อย่าเพิ่งลืมนางนะ // (^~^) //






หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (17:00 ของของใครใครก็หวง) อัพ 26/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-06-2019 18:53:11
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (17:00 ของของใครใครก็หวง) อัพ 26/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-06-2019 04:47:48
 :katai1: คู่หลักกำลังจะดราม่า คู่รองก็กำลังเข้าที่
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (18:00 ไม่เสียใจ) อัพ 28/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 30-06-2019 05:36:50
18:00 ไม่เสียใจ

“ต้นปล่อย...ต้น...ตั้งต้น!” กีที่ตอนนี้โดนเจ้าของชื่อจับแขนลากไปตามทางร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง คนหน้าเขาทั้งลากทั้งดึงอย่างไม่ยอมฟังอะไรสักอย่าง จนออกมาถึงหน้าร้านรอพนักงานเอารถมาส่งอีกฝ่ายจึงยอมหยุดยืนแต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ามามองเขาอยู่ดี

“ต้น...” กีลองเรียกอีกฝ่ายเบาๆ ลอบสังเกตเสี้ยวหน้าของต้น แต่อีกคนก็ยังทำเมินเฉยเหมือนไม่ได้ยินเสียงเขา

“นายโกรธอะไร เมื่อกี้นึกว่าจะมีเรื่องกันจริงๆ ซะแล้ว”

คนตัวโตหันขวับมามองหน้า สายตาคมกริบที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจถูกส่งตรงมายังคนที่ตัวเล็กกว่า

“ก็เพราะใครล่ะ”

ว่าแค่นั้นแล้วก็หันหน้าไปอีกทางอย่างขุ่นเคือง หายไปจากโต๊ะแป๊ปเดียวมาเจออีกทีก็โดนไอ้ภูรุกซะแล้วแบบนี้จะไม่ให้โมโหได้ยังไง

“อะไร เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” กียังทำตาใสซื่อเหมือนไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่โดนโกรธแบบนี้แต่เขากลับรู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่ถ้าไม่กลัวคนตรงหน้าอารมณ์เสียกว่าที่เป็นอยู่คงยิ้มหน้าบานไปแล้ว

“ไม่ได้ทำอะไรหรอ นี่ตั้งแต่มาก็มองมันซะขนาดนั้น มันก็ต้องคิดว่าอยากเล่นด้วย ดีนะที่ไปช่วยออกมาไว้ทัน”

ในที่สุดกีก็กลั้นยิ้มไม่หยุด การที่อีกคนออกอาการโมโหแบบนี้มันทำให้เขาอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลย อย่างเมื่อกี้ก็อะไรนะ..

‘อย่ามายุ่งกับคนของกู’ หรอ

อ๊ายย มันได้อ่ะ ดุสุด!

“ยิ้มอะไร หรือว่าอยากได้มันจริงๆ”

กีรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อร่างใหญ่ตีความหมายของรอยยิ้มของเขาไปอีกแบบ

“งั้นขอโทษนะที่ไปขัดจังหวะ แต่มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน แล้วไงถ้าอยากได้เบอร์มันจะส่งให้วันหลัง”

ว่าจบต้นก็ไม่รอ รีบรับกุญแจรถจากพนักงานเมื่อรถมาจอด ส่งทิปให้ก่อนที่จะเดินไปฝั่งคนขับปิดประตูเสียงดัง กีรีบวิ่งไปเปิดประตูฝั่งตัวเองอย่างรวดเร็ว สอดตัวเข้าไปนั่งก่อนที่จะคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย กีพยายามหันหน้าไปนอกหน้าต่างไม่ให้คนขับเห็นหน้าที่หุบยิ้มไม่ได้ของเขา ภาพเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้หัวใจเขาพองโตกว่าที่เคย จินตนาการมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนเผลอยิ้มกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดเราก็มาจอดรถในลานจอดรถของคอนโดหรูหราแห่งหนึ่ง ต้นเปิดประตูรถเดินอ้อมมาทางฝั่งข้างคนขับ กีที่รีบเปิดประตูตามโดนฉุดแขนขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก ทั้งคู่เดินไปเอากระเป๋าที่ท้ายรถ ก่อนที่เสียงล๊อคประตูจะดังขึ้นพร้อมกับที่กีโดนเจ้าของรถจูงมือเดินไปขึ้นลิฟท์ ไม่มีการพูดคุยใดๆ เกิดขึ้นจนคนเดินนำเปิดประตูพาเขาเข้าไปและปิดห้องล๊อคเรียบร้อย

“คืนนี้ก็นอนห้องนอนนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ตื่นแล้วค่อยกลับ แล้วมีผ้าขนหนูไหม”

“มี”

“งั้นต้นไปล่ะ”

ต้นพูดขึ้นเสียงเรียบ เขายังคงโกรธอีกฝ่ายไม่หาย ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไปอาจจะไม่สามารถควบคุมความโกรธจนทำอะไรไม่ดีออกไปก็ได้ ทางที่ดีที่สุดคือควรอยู่ให้ห่างอีกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ต้น...” กีคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้เมื่อเจ้าตัวหัวหลังจะเดินออกไป แต่คนตัวโตก็ยังไม่ยอมหันมามองหน้ากัน จนกีเองก็เริ่มจะใจไม่ดีแล้วเหมือนกัน

“ขอโทษ...” คนตัวเล็กเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว

“...”

“แต่เราไม่ได้ไปยุ่งกับนายคนนั้นจริงๆ นะ”

“เฮอะ”

“จริงๆ นะ พยายามเลี่ยงแล้ว”

“นี่คิดว่าต้นตาบอดหรอ เห็นมองตั้งแต่เข้าร้านแล้ว”

“ก็มองเฉยๆ” กีพูดความจริงออกไป

“...”

“ต้นหึงหรอ” คนตัวโตหันควับมามองหน้าเขาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถาม ขมวดคิ้วแน่นเมื่อในหัวพยายามประมวลผลการกระทำของตัวเอง พอได้ยินอีกฝ่ายถามมาถึงได้ลองฉุกคิด ความรู้สึกที่ครุกรุ่นอยู่ในอกและการกระทำของเขา จริงๆ มันก็เหมือนคนกำลังหึงเหมือนกันนะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนและไม่เคยอยากเป็น สำหรับเขามันเคยเป็นการกระทำที่น่ารำคาญที่สุดมาตลอด

“แล้วไม่ได้หรือไง”

แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ต้นก็ทำได้แค่ตอบด้วยคำถาม หน้าตายังคงบึ้งตึงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“ได้สิ” เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด กีก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้ ฉีกยิ้มขึ้นมาก่อนที่จะเดินเข้าไปหา สอดสองมือใต้วงแขนของอีกฝ่าย โอบรัดแผ่นหลังของคนตัวใหญ่ไว้ เงยหน้ามองคนที่ก้มมามองด้วยสายตาที่ไม่คาดคิดกับการกระทำของเขา เมื่อใกล้กันระดับนี้กีสัมผัสได้ถึงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นรัวเร็วไม่ต่างกัน

“คนอย่างตั้งต้น หึงเราจริงๆ หรอเนี้ย” กีถามย้ำ ใจที่เปี่ยมสุขแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างอดกลั้นไม่ได้ ถึงจะเคยแอบหวังแต่กีก็คอยเตือนตัวเองมาตลอด แต่พอมาถึงวันนี้ที่คนตรงหน้าแสดงความรู้สึกด้านบวกออกมา เขากลับไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว รู้ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่ความรัก อาจจะไม่ใช่แม้แต่ความชอบ จะเป็นแค่การหวงก้าง หรือความรู้สึกแบบเด็กที่หวงของเล่นก็ตามแต่ แม้มันจะเล็กน้อยแค่ไหน วันนี้มันกลับเพียงพอแล้วสำหรับเขา

เพิ่งรู้ว่าตัวเขาชอบอีกคนไปมากขนาดนี้แล้ว

“สนุกมากไหม” ถึงจะใจอ่อนกับท่าทางน่ารักของอีกคน แต่ใจที่ร้อนรนก็ทำให้ต้นเอ่ยแบบนั้นไป

“ไม่สนุกสักนิด”

“ก็กีอยากให้เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอ” ถึงไม่ให้บอกใครว่าเป็นแฟนกันแต่แรก

“ใครบอก.. เราหึงแทบตายตอนเห็นต้นไปกับมิ้นต์”

“สนใจต้นด้วย?”

“ตลอดเวลาต่างหาก...” ว่าแล้วก็เอียงหน้าแนบอกอีกฝ่าย รัดคนตรงหน้าแน่นขึ้นกว่าเดิม กียิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุข เขาไม่ขอคิดถึงอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ใจขอแค่ตักตวงความสุขที่มีอยู่ตรงหน้าก็พอ

“...”

“หึงจริงๆ หรอ”

“จะถามย้ำอะไรนักหนา เออ หึง หึงมากด้วย พอใจหรือยัง” คนตัวโตเริ่มโมโห จับแขนสองข้างดึงตัวออกห่างให้ระยะพอสบตากันได้

“พอใจ แค่นี้ก็พอใจแล้ว”

“ปั่นหัวต้นได้ ต้องยิ้มแป้นขนาดนั้นเลย?”

“เปล่าสักหน่อย ที่ยิ้มขนาดนี้เพราะนายหึงต่างหาก”

“...”

“ตอนที่บอกว่าเป็นคนของกู ใจบางเฉียบเลยนะ”

คนตัวเล็กว่าแบบทีเล่นทีจริงพร้อมเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุ๊บลงที่คางของอีกฝ่ายเบาๆ

“ดีใจจนอยากเป็นของต้นจริงๆ เลย”

คราวนี้เขย่งสูงขึ้นไปอีกนิด จุ๊บลงที่ปากเรียวหนึ่งที ก่อนที่ผละออกมายิ้มกว้างจนตาปิด ท่าทางน่ารักของคนตัวเล็กทำให้ต้นปั่นป่วนกว่าเมื่อกี้เสียอีก อารมณ์ครุกรุ่นเพราะความโมโหตอนนี้มันโดนแทนที่ด้วยความร้อนที่เพิ่มขึ้นกลางลำตัวของเขา

“ระวังคำพูดคำจาหน่อย”

“ถ้าไม่ระวังล่ะ?” คนตัวเล็กยังทำใจกล้า ตอนนี้อารมณ์ดีจนไม่สนอะไรแล้ว ไม่ว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไงกับเขา จะรัก ชอบ หรือแค่รู้สึกลุ่มหลงชั่วคราว เขารู้แค่ว่าเขาอยากจะคว้าช่วงเวลานี้ ตักตวงและเก็บมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจไม่ว่าวันหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม

“เดี๋ยวเจอของจริงแล้วจะมาโวยวายอีก คราวนี้อย่าหวังว่าจะหนีไปได้นะ”

“ไม่หนีหรอก..” กีส่ายหน้าพร้อมโอบสองมือรอบคอแกร่ง เขย่งขึ้นจูบคนตรงหน้าอย่างหนักหน่วงจนฟันกระทบกัน ดุนดันลิ้นตนเข้าไปพัวพันกับอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายอย่างบ่งบอกจุดประสงค์ที่ชัดเจน ต้นที่นิ่งตะลึงกับการรุกของอีกฝ่ายในตอนแรกโต้ตอบกลับมาอย่างทันควัน สองแขนโอบรอบหลังคนตัวเล็กกว่าแน่นจนลำตัวของทั้งสองแนบชิดสนิท เสียงจูบที่ดูดดื่มดังก้องไปทั่วห้องเล็กก่อนที่ต้นจะยอมผละออกเมื่อคนตัวเล็กเหมือนจะหายใจไม่ทัน แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้อยากพัก ทันทีที่สบตากันอีกครั้ง ดวงตากลมชื้นก็จ้องตรงมาที่เขาก่อนที่จะเอ่ยคำที่ทำให้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมดของเขาหมดไป

“ต้น...สอนน้องกีหน่อยนะ”

ต้นสบถกับตัวเองทันทีเมื่อสิ้นคำของคนปากเก่ง ยกอุ้มคนตัวเล็กโยนลงเบาๆ บนเตียงนุ่มก่อนที่จะตามขึ้นไปคร่อมอีกฝ่าย โน้มลงกดจูบคนใต้ร่างอย่างหนักหน่วงอย่างต้องการที่จะระบายความร้อนรุ่มในอกทั้งหมดลงบนริมฝีปากบาง ทั้งดูดทั้งเม้มจนปากเล็กเจ่อและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มกว่าเดิม แทรกลิ้นร้อนเข้าไปภายในโพรงปาก ไล่เลียแสดงความเป็นของทุกซอกมุมที่ลิ้นร้อนจะสามารถไปถึงได้ สองมือเริ่มเคล้าคลึงบีบหนักๆ ไปตามสะโพกนุ่มที่แอ่นมาปะทะมือเขาอย่างไม่มีใครยอมใคร ต้นปวดหนึบไปตามช่วงล่าง บางสิ่งขยับขยายจนคับแน่นกางเกงยีนส์ไปหมด เป็นปกติที่ร่างกายเขาจะตอบสนองอย่างรวดเร็วกับเรื่องแบบนี้ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือใจของเขาที่เต้นรัวแรงจนเหมือนจะทะลุออกมา เขามีเซ็กซ์มานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่จังหวะการเต้นของหัวใจเขาผิดปกติเท่าครั้งนี้

กีเอียงหน้าเปิดทางให้เมื่อคนตัวโตเริ่มซุกไซร้ลงมาตามซอกคอ กัดเม้ม ดูดดึงจนเสียววาบไปจนถึงกลางลำตัว ต้นสอดมือเข้ามาใต้เสื้อเชิ้ต ดันขึ้นจนเสื้อทั้งตัวเลื่อนมากองกันตรงหน้าอกก่อนจะก้มลงไปหยอกล้อเข้ากับตุ่มอ่อนไหวบนเนินอกข้างหนึ่ง ทั้งเลียทั้งเม้มจนมันแข็งชูชันขึ้นมา ใช้ฟันกัดเบาๆ จนคนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว ส่วนอ่อนไหวที่ถูไถกันอยู่เริ่มขยับขยายตามอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า กีเริ่มเป็นฝ่ายขยับขึ้นลงเพื่อให้ส่วนนั้นสัมผัสกันแนบแน่นขึ้น ถึงจะมีผ้าบางกัั้นระหว่างกัน แต่กีรู้สึกถึงความร้อนและการขยับขยายของส่วนใหญ่โตได้ชัดเจน เขารู้สึกมากกว่าที่เคยรู้สึกมาตลอดชีวิต รู้สึกจนคิดว่าอาจจะปลดปล่อยออกมาวินาทีใดวินาทีหนึ่งด้วยซ้ำ

ต้นรูดซิปกางเกงหนังของคนใต้ร่าง ดึงลงมาพร้อมชั้นในจนสุดก่อนที่มันจะโดนสลัดร่วงไปนอกเตียง หยิบถุงยางออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองโยนลงบนเตียง จัดการถอดทุกชิ้นส่วนของตนออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว กีแอบกลืนน้ำลายเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่กล้ามท้องของคนรูปร่างดี ก่อนที่จะตาโตเมื่อส่วนใหญ่โตโดนปลดปล่อยออกชี้ตรงมาที่เขา ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้มันขยายมากกว่าตอนที่เขาเคยเห็นครั้งทีี่แล้วเสียอีก แต่ก่อนที่จะมีโอกาสได้ทบทวนความกลัวในหัว ต้นก็ขึ้นมาค่อมร่างเขาอีกครั้ง ลิ้นร้อนสัมผัสลงมาที่ผิวกายละเอียด กีสอดนิ้วเรียวเข้าไปตามกลุ่มผมของอีกฝ่าย จับทึ้งแน่นเมื่อความเสียวมันเพิ่มขึ้นในทุกการกระทำ คนบนร่างเลื่อนลงต่ำไปถึงท้องน้อย ทั้งขบทั้งดูดในทุกอณูผิวที่พาดผ่าน ต้นยกงอขาขวาของคนใต้ร่างขึ้นมา แนบจมูกลงบนต้นขาอ่อนขาว คลอเคลียไปมาโดยมือที่ว่างก็เลื่อนไปสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายขึ้นลง เสียงครางที่เริ่มดังถี่กับแรงกระตุกเป็นระยะเป็นสัญญาณให้ต้นรู้ว่าคนใต้ร่างพร้อมที่จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไปแล้ว

ต้นจับขาข้างที่ถูกยกขึ้นของอีกฝ่ายมาพาดเอวก่อนที่จะยื้อตัวขึ้นไปจูบปากคนที่ครางไม่หยุดอีกครั้ง มือใหญ่คลึงก้นกลมไปมาก่อนที่จะเริ่มสัมผัสส่วนหลังที่คับแน่น หมุนคลึงไปมาให้คนตัวเล็กครางหนักกว่าเดิมก่อนจะเริ่มสอดนิ้วยาวเข้าไปช้าๆ นิ้วเรียวเล็กของคนใต้ร่างจิกลงบนหลังเขาแน่นเมื่อนิ้วที่สองและสามของเขาตามเข้าไป กีขยับขึ้นลงตามจังหวะของนิ้วร้อนอย่างหยุดไม่ได้ เสียงครางที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ต้นทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาถอนนิ้วทั้งสามออกจากร่างอีกฝ่ายอย่างช้าๆ จนคนตัวเล็กร้องออกมาอย่างเคืองใจเล็กน้อย หยิบซองถุงยางอนามัยมาแกะและใส่เข้าไปอย่างชำนาญ ก่อนที่จะเอาแท่งร้อนไปเคล้าคลึงกับปากทางเข้าไปมา กดจูบเล้าเลียลงบนเนินอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอีกฝ่ายและในจังหวะหนึ่งก็สอดใส่สิ่งใหญ่โตเข้าไปทั้งแท่งจนคนตัวเล็กครางออกมาไม่เป็นภาษา

ตอนนี้กีเจ็บที่สุด เจ็บจนอยากจะด่าให้คนตรงหน้าเอาแท่งร้อนออกไป แต่เมื่อคนบนตัวเริ่มขยับจากความเจ็บก็กลายเป็นความเสียดแน่น จากความเสียดแน่นก็กลายเป็นความเสียวซ่าน ไม่ทันรู้ตัวสะโพกบางก็ขยับตามการชักจูงของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว จังหวะที่ทั้งเร็วและรุนแรงทำให้กีมึนหัวไปหมด เขาทำได้แค่เกาะแขนแกร่งของอีกฝ่ายแน่น ไม่สามารถยั้งตัวเองจนปลดปล่อยเสียงหน้าอายออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในที่สุดน้ำสีขุ่นร้อนก็พุ่งออกมาเต็มหน้าท้องของคนทั้งสอง คนตัวโตเร่งจังหวะเร็วขึ้นเพราะโดนตอดรัดแน่นเมื่ออีกคนไปถึงฝั่งฝันแล้ว ไม่ช้ากีก็รู้สึกได้ถึงความร้อนอุ่นที่พุ่งเข้ามาในร่างกายของเขา ต้นทิ้งตัวลงข้างกีทั้งอย่างนั้น ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงหอบหายใจที่ดังแข่งกัน ใช้เวลาสักพักกว่าระดับการหายใจของทั้งคู่จะกลับมาเป็นปกติ

“ไหวไหม” ต้นขยับตะแคงข้าง ใช้ข้อศอกยันเตียงนอนไว้

“ก็ไหวอยู่..”

“เมื่อกี้นี้แค่บทนำนะ”

“ห๊ะ”

“มาเริ่มเข้าบทเรียนแรกกันดีกว่า”

ว่าแล้วคนตัวโตก็อุ้มอีกคนขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเขา กีที่ยังไม่หายเหนื่อยดีได้แต่มองอีกฝ่ายหน้าเหว่อ ก่อนที่จะประมวลคำพูดอีกฝ่ายได้คนตรงหน้าก็เริ่มซุกไซร้ซอกคอเขาแล้ว

เมื่อกี้นี้มึงยังไม่เริ่มบทที่หนึ่งเลยหรอ!!!!!

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ควันสีขาวขุ่นลอยฟุ้งขึ้นไปในอากาศเมื่ิอต้นพ่นมันออกมา ร่างใหญ่ที่มีเพียงกางเกงยีนส์ห่อหุ้มกายยืนมองแสงไฟสีส้มที่ประปรายอยู่โดยรอบเมืองพัทยาอย่างเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียงห้องนอน

“แม่กับพ่อไม่ได้รักกัน”

หลังจากที่ต้นในวัยสิบสี่เห็นแม่จูบกับเลขาส่วนตัวในห้องทำงาน นี่คือคำอธิบายที่เขาได้รับ

“ที่พ่อกับแม่แต่งงานกันมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่ที่เราทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อลูก”

เขาไม่เห็นความสัมพันธ์ในประโยคที่คนตรงหน้ากล่าว การโกหกว่ารักกันต่อหน้าเขามันเป็นการทำเพื่อเขาตรงไหน สิ่งเดียวที่เขาได้เรียนรู้จากคนทั้งสองคือคนเราสามารถแกล้งทำเป็นรักกันได้แนบเนียนที่สุดถ้ามีผลประโยชน์ร่วมกัน

ความรัก..

สิ่งบัดซบที่สุดที่ไม่มีอยู่จริง

ต้นขยี้ปลายบุหรี่ลงในโถ จับราวระเบียงด้วยมือทั้งสองก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงไป เหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ในหัวคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องวันนี้ แต่ตั้งแต่ที่มีกีเข้ามาในชีวิตเหมือนอารมณ์ของเขาจะแปรปรวนจนหลายครั้งควบคุมไม่ได้

และที่สำคัญ...

เขาเกลียดความอุ่นซ่านที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้งตรงอกข้างซ้าย

ต้นส่ายหน้าให้กับตัวเองเมื่อความกลัวมันแทรกเข้ามาแทนที่ คนแบบเขาไม่มีทางรู้สึกอย่างนั้นกับใคร ไม่มีทาง...

“ต้น..”

ต้นหันไปตามเสียงเรียก เห็นกีที่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งบนที่นอน มีผ้าห่มที่ถูกคลุมถึงเอวส่งให้เขาสามารถมองเห็นเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยรอยแดงมากมายของอีกฝ่ายได้ชัดเจน ต้นเดินเข้าไปหาคนที่หลับเหมือดไปทันทีหลังจากที่เขาเสร็จรอบที่สี่

“ทำไมไม่นอนต่อ” ต้นทรุดลงนั่งบนเตียงข้างๆ อีกคน เอ่ยถามพร้อมเกลี่ยปลายผมนุ่มทัดหูให้อีกฝ่าย

“ก็ไม่เห็นอยู่บนเตียงเลยว่าจะลุกไปดู นึกว่าหนีกลับไปแล้ว”

“แล้วจะหนีทำไม นอนเถอะ”

ต้นตอบกลั้วหัวเราะก่อนที่เอนตัวลงนอน ดึงคนตัวเล็กเข้ามาให้ซบอก อีกฝ่ายทำตามโดยง่ายวางแขนเรียวรัดแน่นเอวของเขาเมื่อขยับหัวหาที่สบายให้ตัวเองได้แล้ว

“เจ็บมากไหม?”

ต้นถามออกไปอย่างห่วงใย ถึงเขาจะแปลกใจตัวเองแต่เขาก็ไม่อยากคิดหาคำตอบอะไรทั้งนั้นตอนนี้

“ก็เจ็บ...”

“นอนพักดูอาการไปก่อนแล้วกัน ถ้าตอนเช้าปวดมากค่อยกินยา”

“อืม”

คนตัวโตไม่ได้ว่าอะไรต่อเพราะอยากปล่อยให้คนในอ้อมกอดนอนหลับ ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบก่อนที่กีจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“นายแม่งโครตดุ”

“หืม..” ต้นครางถามอย่างไม่เข้าใจจนกียกเงยหน้ามาสบตากัน

“นายแม่งโครตแซ่บสมคำร่ำลือ”

ต้นหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“นี่นินทาต้นกันหรอ”

“ใครก็รู้กันทั่วเหอะ ดังนักล่ะเรื่องอย่างงี้”

“นี่เขาพูดกันไปทั่ว?”

“อืม”

“โครตแซ่บเลยหรอ?”

ร่างบางหัวเราะให้กับหน้าตาที่แสดงความภูมิอดภูมิใจซะเหลือเกินของคนตัวโต แต่ต้องชะงักเพราะมันทุกครั้งที่หัวเราะมันสะเทือนไปถึงจุดที่บวมช้ำทุกที กียิ้มมองหน้าอีกฝ่ายที่ยังรอคำตอบก่อนที่จะยอมเอ่ยสิ่งที่คิด

“อือ แซ่บสุด แซ่บจริง! ยิ่งกว่าพริกยี่สิบเม็ด!” พูดไม่พอ กียกสองนิ้วโป้งขึ้นมาช่วยยืนยันอีกแรง คนที่มั่นใจในเรื่องนี้อยู่แล้วยิ้มหน้าบานก่อนที่จะเลื่อนมือไปกุมสะโพกอีกฝ่ายจนเจ้าตัวสะดุ้ง

“เอาอีกไหมล่ะ”

“ไม่เอาแล้วนะ ถึงจะอยากแต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“งั้นก็นอนได้แล้ว” ต้นหัวเราะในลำคอให้กับคำตอบของอีกคนก่อนจะยันหัวอีกฝ่ายลงที่อกตัวเองและรัดเอวสอบแน่นขึ้นกว่าเดิม

ความเงียบปกคลุมทั่วห้องมืดอีกครั้ง คนตัวโตยังเหม่อมองเพดานอย่างครุ่นคิด เขานอนไม่หลับ ตั้งแต่มีเซ็กส์ครั้งแรกต้นไม่เคยดูแลคู่นอนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดทำความสะอาดตัวให้อีกฝ่ายอย่างที่ทำวันนี้ การถามอย่างเอาใจใส่ หรือแม้แต่การนอนกอดกันอยู่แบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำ ไม่เคยคิดจะทำ แต่วันนี้เขายอมให้สัญชาตญาณนำทางทุกสิ่ง เขาเลือกทำในสิ่งที่เขาอยากทำโดยไม่คิดหาความหมายของมัน

ต้นตัดสินใจหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เขาเหนื่อยเกินไปที่จะคิดหาคำตอบของทุกสิ่งในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาจะหลับลึกลงไปเขากลับรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวช้าๆ ในอ้อมแขนของเขา กลุ่มผมนุ่มเลื่อนออกจากอก เขายังคงหลับตาเมื่อสัมผัสถึงความนุ่มอุ่นที่มาปะทะริมฝีปากเบาๆ ก่อนที่หัวใจจะเต้นรัวเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพร่าที่มาทำลายความเงียบสงบทั้งหมด

“แม้เรื่องของเราอาจจะต้องจบลงที่แค่หนึ่งเดือนก็ตาม แต่เราก็ดีใจที่เรื่องทััั้งหมดมันเกิดขึ้น และดีใจยิ่งกว่าที่มันเกิดขึ้นกับนาย”





***********

กีรักเยอะ เยอะมากกกด้วย ตอนนี้ยาวไปอีกกกก หวังว่าจะชอบนะคะ (>_<)

ตอนหน้าพระเอกนายเอกมาแน่นอนจ้า อู้ไปสองตอนแล้ว แต่พอนางมามาม่าก็มาด้วย เตรียมทิชชู่แป๊ปปป






















หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (18:00 ไม่เสียใจ) อัพ 28/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-06-2019 11:35:37
ทั้งหมดที่มันเกิดเรื่องขึ้นเพราะการไม่พูดกันตรงๆ  เลยทำให้ต้องเลิกกันหรือทะเลาะกัน หวังว่าอินจะบอกเรื่องทั้งหมดกับดินและดินจะรอฟังอิน ไม่หลงเชื่อภาพที่มีคนส่งให้นะ อย่าดมาม่าเยอะนะ :hao5: กลับมาที่คู่ต้นกีคือแซ่บจ้า อย่าแค่หนึ่งเดือนเลยคบกันไปยาวๆเลย :z1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (18:00 ไม่เสียใจ) อัพ 28/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-07-2019 01:01:45
มีแววจะดราม่าทั้งสองคู่,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (19:00 คนโกหกไม่เนียน) อัพ 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 04-07-2019 23:37:43
19:00 คนโกหกไม่เนียน





“ว่า..ว่าไงดิน..” เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาตามสาย น้ำเสียงที่ดูร้อนรนเกินพอดีของอีกฝ่ายทำให้จินตนาการที่เลวร้ายของดินแย่กว่าเดิมไปอีก ดินส่ายหน้าเรียกสติ ในเมื่ออีกฝ่ายรับสายแล้วจะมาถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“กะ..ก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งเล่นอยู่บ้าน..”

“อยุ่บ้านหรอครับ งั้นเดี๋ยวดินเข้าไปหานะ”

“ไม่ๆ ๆ คืออยู่บ้านกีน่ะ!! ..”

“...”

โกหกอีกแล้ว

“ดินว่างหรอวันนี้..”

“อืม วันนี้ไม่ต้องไปทำเพลง เลยว่าจะเข้าไปหา”

“อ่า..เสียดายจัง”

“ครับ..” ดินได้แต่รับคำ ที่จริงเขาอยากถามทุกอย่างออกไปตอนนี้เลยแต่เหมือนคนปลายสายจะไม่สะดวกสักเท่าไหร่ แล้วเรื่องแบบนี้เขาอยากนัดมาคุยกันต่อหน้ามากกว่า

“ตอนเย็นดินว่างไหม..”

“ครับ?”

“อินมีเรื่องจะคุยด้วย”

ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ในอยากเคลียร์ให้รู้เรื่อง แต่พออีกฝ่ายเป็นคนถามมาเองเอง จู่ๆ ความกลัวก็เกาะกินเข้ามาเต็มหัวใจ

“ครับ งั้นตอนเย็นดินเข้าไปหานะ”

“โอเค งั้นอินวางก่อนนะ เพื่อนเรียกแล้ว เจอกันตอนเย็นเนอะ”

“อืม..บายครับ”

ดินวางโทรศัพท์เครื่องใหม่ลงบนคอนโซลหน้ารถเมื่ออีกฝ่ายตัดสายไป เอาสองมือกุมหัวขยี้ไปมาพยายามควบคุมความฟุ้งซ่านในหัว เขานิ่งคิดอยู่นิดก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิทของตน เมื่อหาเจอก็กดโทรออก ได้ยินเสียงรอสายไม่กี่ครั้งปลายสายก็ว่าขึ้น

“ว่าไงมึง”

“อยู่ไหนว่ะ”

“พัทยาไง”

“กับใคร”

“มีไรหรือเปล่าว่ะ” ต้นจับได้ถึงน้ำเสียงที่ไม่เป็นปกติของเพื่อนสนิท เขาจึงไม่ตอบแต่เลือกถามคำถามอื่นแทน พร้อมเดินแยกกับคนที่นั่งข้างๆ ออกไปคุยที่ระเบียง

“เปล่า แต่แค่อยากรู้ว่าอยู่กับใคร”

“กูก็บอกมึงไปแล้วนี่ แต่คุยได้นะ กูอยู่คนเดียวตอนนี้”

“กีหรอ?”

“อือ มึงเป็นอะไรหรือเปล่า โอเคปล่าวมึง”

“กูไม่ได้เป็นอะไร”

“แน่ใจ?”

“...”

“มึงได้เจออินบ้างหรือเปล่า”

ดินขมวดคิ้วแน่นเข้าหากัน เมื่อเพื่อนถามคำถามที่ไม่คาดคิดขึ้นมา อยู่ๆ ก็สังหรณ์ใจว่ามันรู้อะไรมาแล้วไม่ยอมบอกเขาหรือเปล่า คิดได้แบบนั้นก็รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันที

“ถามทำไม”

“เปล่า ก็ถามดู..”

“มึงรู้อะไรมา”

“เห้ย รู้อะไร ก็แค่เสียงมึงดูเครียดๆ เลยนึกว่าทะเลาะกัน” เมื่อได้ยินแบบนั้น ดินก็คลายปมระหว่างคิ้วออก เขาคงคิดมากจนระแวงไปหมดแล้ว ลอบสูดหายใจเข้าเต็มปอด พยายามปรับเสียงพูดของตัวให้ดูผ่อนคลายกว่าเดิม

“ไม่มีอะไรมึง แค่กลัวมึงจะติดลมจนมาวันเกิดกูไม่ทัน” ดินพูดกลั้วหัวเราะไม่อยากให้เพื่อนเขาคิดมากไปด้วย ปลายสายหัวเราะเมื่อดินว่าอย่างนั้นก่อนจะตอบกลับมาเสียงใส

“กูกลับเย็นนี้มึง ไปทันอยู่แล้ว กูจะพลาดได้ไง มึงก็รู้ว่ามึงมันหนึ่งในใจกูเสมอ”

“กูจะอ้วก พอเลยมึง”

“ว้าย ผมทำคุณท้องหรอครับ”

“ไอ้สัด” ต้นหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีทันทีที่โดนเพื่อนสนิทด่า

“เออ ต้องงี้สิถึงจะใช่ไอ้ดินตัวจริง” ดินยิ้มให้กับตัวเอง แค่คุยกับมันสองคำอารมณ์ขุ่นมัวก็เหมือนจะดีขึ้น

“อืม งั้นแค่นี้ล่ะ ไม่กวนแล้ว”

“เจอกันมึง”

เมื่อกดวางสายจากเพื่อนสนิทรอยแยกที่มุมปากก็กลับมาราบเรียบอีกครั้ง เขาหลับตาลงตั้งสมาธิ สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะค่อยๆ พ่นออกมาช้าๆ ทำอยู่หลายครั้งจนเริ่มรู้สึกว่าสมองมีอ๊อกซิเจนเข้าไปเลี้ยงมากขึ้นกว่าเดิม ดินรู้นิสัยตัวเองดี เขามันพวกขวานผ่าซาก คิดอะไรก็พูด ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็ด่าตรงๆ การที่ต้องมาแสดงว่าเขาโอเคทั้งที่ไม่ใช่ ถึงจะเป็นแค่ชั่วแว๊บเดียวที่คุยโทรศัพท์ มันก็ทำให้เขาเหนื่อยไปทั้งหัวใจ เอาหัวโขกกับพวงมาลัยรถเบาๆ หลายครั้ง ก่อนที่จะวางหัวทิ้งไว้บนนั้น เอียงข้างมองไปนอกหน้าต่างที่มีวิวหน้าบ้านของบางคนอยู่ตรงหน้า

ถ้าจะโกหกก็รู้จักหาข้ออ้างให้มันเนียนกว่านี้ไม่ได้หรือไง..

ดินยกโทรศัพท์ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา มือเลื่อนไปเปิดข้อความในไลน์ที่ได้รับมาเมื่อวานภาพของอินในร้านอาหารกับใครสักคน เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนในรูปเป็นใคร วัดจากระดัับความกว้างของรอยยิ้มของอินเขาก็พอจะรู้ว่าคนคนนั้นน่าจะเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุด และยิ่งกว่ารอยยิ้มของอินมันคือสายตาที่คนแปลกหน้าในรูปส่งมาให้แฟนเขา สายตาที่อ่อนโยนจนแม้จะถ่ายจากที่ไกลก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมา

สายตาที่ไม่คิดจะปิดบังสักนิดว่ารักแค่ไหน

ดินเลื่อนไปที่รูปสุดท้ายแล้วก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งอีกครั้ง ภาพของคนตัวโตที่โอบกอดร่างเล็กแน่นไม่ได้ทำลายเขาได้มากเท่าหน้าตามีความสุขของคนในอ้อมกอด ถ้ารูปที่ผ่านมามันสามารถสร้างไฟร้อนในอกให้เขาได้มากแค่ไหน รูปสุดท้ายก็เหมือนการที่เขาโดนราดด้วยน้ำเย็นจัดจากหัวลงเท้า เหมือนโดนกระหน่ำตบหน้าจนตอนนี้หน้าชาจนไม่มีความรู้สึกอะไรเหลือแล้ว

เขาเคยคิดว่าเขาเข้าไปแล้ว...

เขาเข้าไปแทนที่ผู้ชายคนนั้นได้สำเร็จ

แต่ภาพตรงหน้ามันทำให้เขารู้สึกอีกครัั้ง

รู้สึกถึงความกังวลที่เขาพยายามเพิกเฉยมาโดยตลอด

ทั้งๆ ที่ทุ่มไปหมดทั้งใจ

แต่ความจริงก็คือ เขาไม่เคยแทรกเข้าไประหว่างคนทั้งสองได้เลย..

และในเมื่ออีกคนกลับมา วันนี้เขาก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว...





เมื่อวานตอนได้รับรูป เขาสามารถจินตนาการไปถึงตอนจบของเรื่องระหว่างเรา ใจบองเขายอมรับแต่โดยดีถึงผลความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น แต่ในห้วงลึกที่ยังคงแอบหวัง ดินจึงตััดสินที่จะโทรหาอินอีกครั้ง ถ้ามันจะจบเขาขอให้มันชัดออกจากปากอีกฝ่ายไปเลย การคิดเองเออเองมันทำลายพวกเขาสองคนมามากพอแล้ว เมื่อวานในขณะที่ต่อสายหาอีกคน ความกังวลก็ก่อตัวเพิ่มขึ้นในทุกขณะที่ได้ยินเสียงรอสาย ในซอกหนึ่งของหัวใจเขาภาวนาขอให้สิ่งที่เขาเห็นเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด อยากให้อีกฝ่ายพูดว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ

“ดิน..ว่าไง” ปลายสายว่าขึ้น

“อยู่ไหนครับ” ดินพยายามทำเสียงให้ดูปกติที่สุดทั้งๆ ที่โทรศัพท์ในมือสั่นไหวไปหมด

“อิน ออกมากินข้าวกับเพื่อน..”

“กับพวกกีหรอ”

“เปล่า เพื่อนมอปลาย”

“...”

“ดินมีอะไรหรือเปล่า คืออินไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่”

“โอเค งั้นเดี๋ยวดินโทรหาใหม่ก็ได้”

‘อินอิน จ่ายเงินเลยนะ’

‘ไม่เอากิต อินจัดการเอง’

จังหวะที่รอคำตอบอีกฝ่ายก็พอดีกับมีเสียงลอดเข้ามาในโทรศัพท์ก่อนที่อินจะตัดสายไป ดินนิ่งอึ้งถือโทรศัพท์ค้างไว้แบบนั้น อย่างไม่รู้ตัวดินกำมันแน่นเหมือนถ้ามันเป็นคอของผู้ชายคนนั้นอีกฝ่ายคงขาดลมหายใจไปแล้ว จนในที่สุดเมื่อทนต่อไปไม่ไหวดินก็ปามันออกไปแรงๆ กระแทกกับผนัง ชิ้นส่วนของเครื่องส่ือสารกระจัดกระจายไปตามพื้น ดินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้องเอามือกุมหัวไว้แน่น ขอบตาคมเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ความน้อยใจมันคับแน่นเต็มอกไปหมด เขาอยากออกไปหาสองคนนั้น เข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันแล้วลากคนของเขากลับมา แต่รู้ว่าถึงทำไปมันก็ไม่ได้อะไรถ้าอินยังอยากอยู่ตรงนั้น ถ้าเทียบกับคนที่อินรักมาห้าปี..

ความรักของเขามันดูไม่มีค่าอะไรเลย

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

อินเกาคอตัวเองอย่างเขินอายหลังจากวางโทรศัพท์จากดิน มองหน้าอีกคนที่ลงไปนอนขำกลิ้งอยู่บนโซฟา อินกลอกตามองบนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนต้องเอ่ยเสียงขุ่นห้ามปราม

“แทน เลิกหัวเราะได้ไหม”

“ก็มันขำนี่น่า จะเลิ่กลั่กอะไรขนาดนั้น”

“ก็มันหาข้ออ้างไม่ทันนี่น่า”

อินเป็นคนโกหกไม่เก่งอยู่แล้ว ถ้าต้องเลี่ยงส่วนใหญ่อินเลือกที่จะเงียบมากกว่าหาข้ออ้างมาตอบ พอมีเรื่องที่ต้องปิดบังขึ้นมา อินจึงทำตัวไม่ถูกจริงๆ

“แล้วเอาไง วันนี้พอแค่นี้ไหม”

“ถ้ายังมีเวลาขออีกสองสามรอบได้ไหม แล้วค่อยกลับ”

“ยังไม่มั่นใจอีกหรอ เราว่าโอเคแล้วนะ”

“ก็ไม่มั่นใจเลยนี่น่า”

“อ่ะๆ งั้นซ้อมอีกหน่อย เดี๋ยวเราไปส่ง”

“หึ้ย เรากลับเองได้ รบกวนเยอะแล้ว”

“รบกวนอะไรล่ะ เรื่องแค่นี้ ถือว่าอินก็มาช่วยเราด้วย”

“ไม่แน่ใจว่าจะช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลงนะ”

“ดีอยู่แล้ว อย่าคิดมากสิ อินซ้อมเยอะกว่าไอ้ต้นอีก”

“งั้น..ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ไปส่งเราที่บ้านเพื่อนหน่อยนะ”

“สบายมาก”

.

.

.

.

.

รถยุโรปคันหรูสีดำเลี้ยวเข้ามาในซอยหน้าบ้านอิน เมื่อมาถึงหน้าบ้านที่มืดสนิท ร่างบางก็หัันไปด้านหลังหยิบถุงกระดาษหลายถุงมาวางไว้บนตักก่อนที่จะกล่าวลาคนขับ

“พี่พลขอบคุณมากเลยนะครับ รบกวนพี่อีกแล้ว”

“เรื่องแค่นี้เองน้องอิน”

อินยกมือไหว้แฟนเพื่อน เขาไปหาไอ้แนทที่บ้านเพราะมันช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้เขาสำหรับที่จะแต่งไปงานวันเกิดดินพรุ่งนี้ พอดีกับที่พี่พลอยู่ที่นั่น พี่แกเลยอาสามาส่งบ้านเพราะเป็นทางผ่านพอดี ทั้งสองกล่าวลากันเล็กน้อยก่อนที่อินจะเปิดประตูลงมายืนข้างรถ พี่พลบีบแตรเป็นการลาอีกหนึ่งทีก่อนที่จะถอยรถออกไปจากซอย

อินหมุนตัวไปที่ประตูบ้าน ล้วงมือควานหากุญแจบ้านจากกระเป๋าสะพายหลัง ด้วยความที่ถุงกระดาษเต็มไม้เต็มมือไปหมด ขณะกำลังดึงกุญแจออกจากกระเป๋า ถุงกระดาษในมือก็ร่วงกระจายเต็มพื้น

“อ่ะ แย่แล้ว!!” อินตกใจรีบก้มลงจะหยิบถุงกระดาษ ของที่อยู่ในกระเป๋าสะพายหลังที่ไม่ได้รูดซิปก็ร่วงหล่นออกมาแทนที่

“วันอะไรเนี้ย..” อินส่ายหน้าไปมา แอบขำให้กับความลนลานของตัวเอง อินตัดสินใจวางของทั้งหมดลงพื้น นั่งชันเข่าข้างนึงกับพื้น ค่อยๆ เก็บของใส่กระเป๋า ก้มๆ อยู่ก็เห็นสองเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า อินรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที เพราะว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดไปแล้ว แถมบ้านยังไม่มีใครอยู่แบบนี้ ค่อยๆ เลื่อนสายตาไปตามขายาวข้างหน้าก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกเมื่อเจอคนที่คุ้นหน้า

“ดินเองหรอ ตกใจหมดเลย” อินว่าขึ้น ยืนขึ้นประชันหน้ากับอีกฝ่ายก่อนจะยกยิ้มให้

“นี่มาตอนไหน ไม่ได้ยินเสียงรถเลย”

“มารอได้สักพักแล้ว” ดินว่าพลางใช้คางชี้ไปที่รถตัวเองที่จอดอยู่ตามแนวกำแพงบ้านถัดไปอีกสองหลัง ความรู้สึกโล่งอกเมื่อกี้หายไปเมื่ออินได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ คนตรงหน้าเขาดูเหนื่อยล้ากว่าทุกครั้งที่ี่เจอ ตั้งแต่เจอกันเขายังไม่ได้เห็นรอยยิ้มขออีกฝ่ายเลยสักนิด

“จะมาก็น่าจะโทรมาบอกกันก่อน” ไม่รู้ว่ามารอนานแค่ไหน

“ขอโทษครับ” ดินที่เอ่ยขอโทษเสียงเรียบทำให้อินขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก ท่าทางจะอารมณ์ไม่ดี เขาเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายก่อนที่จะเอื้อมสองมือไปหยิกแก้มคนตัวโตไปมาไปมา

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ไม่ได้ว่าสักหน่อย แค่ไม่อยากให้ต้องรอนานแบบนี้” ดินยกยิ้มบางขึ้นมาก่อนที่จะเอื้อมมาจับมืออยู่ตรงแก้มตัวเอง

“ครับ แล้ววันหลังจะบอกก่อนนะ” เมื่อเห็นคนตรงหน้ายิ้มได้ อินก็เกลี่ยแก้มอีกฝ่ายไปมาอีกสองสามทีก่อนจะลดตัวลงไปเก็บของที่พื้นใส่ลงกระเป๋า ดินก้มลงมารวบถุงกระดาษที่กระจัดกระจายก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าบ้านไป

“นั่งก่อนสิ” เมื่อมาถึงห้องรับแขกอินก็เอาของทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะรับแขก ดินเดินตามทางที่มือเล็กผายเชื้อเชิญ นั่งลงที่โซฟานุ่มตัวหนึ่งในห้องรับแขก

“พ่อกับแม่ยังไม่กลับหรอ” ดินถามขึ้นเห็นอินเล่าให้ฟังว่าทั้งสองไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน

“อืม กลับวันอาทิตย์ ดินกินข้าวมายัง”

ตั้งแต่บ่ายเขาก็มาอยู่หน้าบ้านอีกฝ่าย ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น ดินลุกเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายก่อนที่จะสอดมือเข้าไปโอบจากด้านหลัง

“ยังเลย แต่ยังไม่อยากกิน” กระซิบบอกพร้อมใช้ปลายจมูกเคล้าเคลียอยู่กับไหล่ข้างนึงของอิน

“ดิน..”

“ไหนอินบอกมีอะไรจะคุยด้วย..”

“ก็มี..”

“ดินก็มีเหมือนกัน..”

อินหันมาทั้งตัวประชันหน้ากับอีกฝ่าย หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างห่วงใย เขารู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าอยุ่ในอารมณ์ไม่ปกติ เขาแค่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้น

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า..เล่าให้อินฟังได้นะ”

“อินนั่นแหละ เล่าให้ดินฟังได้นะ”

“เอ่อ...คือ”

“วันนี้ไปไหนมา?”

“คือ...”

“ใครมาส่ง”

“พี่พล แฟนแนท”

“เลิกโกหกสักทีได้ไหม!” อินห่อไหล่สะดุ้งอย่างตกใจที่อยู่ๆ ดินก็ตะโกนขึ้นมา

“ไม่ได้โกหกสักหน่อย”

“กีอยู่พัทยากับใครอินไม่รู้หรอ” เหมือนความโมโหที่พยายามควบคุมถูกทดสอบซ้ำแล้วซำ้เล่าด้วยคำโกหกของอีกฝ่าย เมื่ออีกคนพูดอะไรออกมามันก็ดูไม่จริงไปหมดแล้ว

“คิดว่าดินจะไม่คุยกับเพื่อนเลยหรอ”

เดินหลับตาลง ถ้าเขายังอยู่ตรงนี้ต่อไปเรื่องทั้งหมดอาจจะเลวร้ายเกินการควบคุมของเขาก็ได้

“เห็นดินเป็นตัวอะไร ถ้าไม่พร้อมจะพูดความจริงใส่กัน ดินว่าเราก็พอเถอะ”

“ดิน! ฟังก่อน” อินรีบรั้งแขนอีกฝ่ายไว้เมื่ออีกคนหันหลังเดินออกไป เมื่อถูกรั้งดินจึงหันหน้ามาประจันอีกฝ่าย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะเปิดภาพที่เป็นต้นเหตุให้อารมณ์เขาแปรปรวนมาทั้งวันให้อีกฝ่ายดู เขาพอแล้วจริงๆ ความรักที่ไม่ยอมเปิดใจ มันทำให้เขาเหนื่อยเกินพอแล้ว

“เมื่อวานอินไปเจอกิตมา” ดินชะงักมือเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นคนพูดขึ้นเอง ดินกดล๊อคโทรศัพท์ก่อนที่จะใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม

“ที่เรียกมาวันนี้ ส่วนนึงก็ตั้งใจจะเล่าเรื่องนี้ให้ดินฟัง แล้วนั่นก็แฟนแนทจริิงๆ โทรถามได้เลยถ้าไม่เชื่อ..” อินพูดอย่างร้อนรน อินรู้มาตลอดว่านิสัยไม่ค่อยพูดมันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี

“ดินรู้แล้วใช่ไหม” สังเกตจากอาการอินก็เดาว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้แล้วหรือเปล่า แต่เพราะปกติด้วยความที่สีหน้าดินจะออกชัดทันที เขาเลยไม่แน่ใจ

“...”

“อินไม่ได้คิดจะปิดบังจริงๆ นะ ฟังอินก่อนได้ไหม...” อินถามคนตรงหน้าเสียงอ่อน ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมืออีกฝ่ายมาถือไว้ ใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือไปมา

“นะ” อินเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย ลำดับเหตุการณ์มันไม่ควรเป็นแบบนี้ การที่อีกฝ่ายไปรู้จากคนอื่นมันทำให้เรื่องยากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จะโทษใครก็ไม่ได้ก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ

“ถ้าอินจะเลิกโกหก ดินก็พร้อมจะฟังทุกอย่าง” ดินถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะว่าอย่างนั้น นี้คงเป็นความอดทนก้อนสุดท้ายที่เหลือของเขาแล้ว ถ้ามันจะจบเขาก็อยากให้มันจบไปเลยวันนี้ อินดึงมือคนตัวโตไปนั่งที่โซฟาก่อนที่หันหน้าเข้าหา

“อินเป็นคนนัดเจอกิตเอง... อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นได้ไหม” เมื่ออินว่าขึ้นดินก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเขาต้องการฟังจนจบหรือเปล่า สีหน้าที่แสดงออกมามันขัดเจนจนอินต้องเอ่ยท้วง

“เรามีเรื่องไม่เข้าใจกันหลายเรื่อง อินแค่ไม่อยากให้มันค้างคาอยู่แบบนั้น”

“แล้วเป็นยังไง” ดินว่าขึ้นบ้าง คนตรงหน้าเขายังเป็นคนที่เล่าเรื่องไม่เก่งเหมือนเดิม จนดินที่ตั้งใจจะฟังเงียบๆ ต้องเอ่ยออกมา อินเอ่ยเล่าอย่างละเอียดให้คนตรงหน้าฟัง เขาไม่คิดจะปิดบังอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว คราวนี้เขาเข็ดจริงๆ

“ตอนนี้ก็เข้าใจกันทุกเรื่องแล้ว..”

“...”

“มีอะไรอยากถามอินไหม”

“แล้ว..”

“แล้ว?”

“มีอะไรที่ดินควรจะรู้อีกไหม”

“อ่อ แล้วถ้าเผื่อเพื่อนดินเห็น กิตกอดอินตอนที่อินเอาของขวัญให้เขา มันเป็นของขวัญที่อินตั้งใจทำให้ตอนวันวาเลนไทน์ที่เลิกกัน อินเลยไม่อยากเก็บไว้”

“...” อินเข้าไปประชิดอีกฝ่าย วางหัวซบลงแผ่นอกกว้าง เมื่อคนตัวโตไม่ได้ว่าอะไรก็สวมกอดอีกฝ่ายแน่น

“ขอโทษนะ อินทำให้ดินคิดมากใช่ไหม อินควรคุยกับดินก่อนไปหากิตวันนั้น” ดินลอบถอนหายใจ ความรู้สึกที่หนักอึ้งมาตลอดวันค่อยๆ มลายหายไป เขายกมือทั้งสองข้างโอบตอบคนในอ้อมกอด รัดแน่นอย่างหวงแหน ทั้งๆ ที่คนตรงหน้ายังอยู่กับเขาตรงนี้ แต่เขายังต้องการบางสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจมากกว่านี้

“ในเมื่อเขาก็ยังรักอิน...” ดินเกริ่นสิ่งที่คิด

“แล้ว?”

“อินไม่อยากกลับไปคบกับเขาหรอ” ดินเอ่ยถามในสิ่งที่เขากลัวที่สุด ก็อีกคนเป็นผู้ชายที่อินไม่เคยลืมได้เลย ในเมื่อคนนั้นกลับมา..

“แต่อินรักดิน”

“...”

“รักแค่ดินคนเดียว”

“...”

“ไม่เชื่อหรอ?”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อ..แต่มันไม่น่าเชื่อ..ไม่ใช่หรอ”

อินลอบมองคนตรงหน้า ท่าทางเก้ๆ กัังๆ ดูไม่แน่ใจอะไรสักอย่างแบบนี้มันเป็นสิ่งที่เห็นได้ไม่บ่อยจากคนมั่นใจในตัวเองคนนี้ ถ้าภาพเมื่อกี้ตอนที่ดินจะหันหลังเดินออกไปมันทำให้เขาใจหายได้มากแค่ไหน ท่าทางที่รักจนไม่มั่นใจมันก็ทำให้เขาอุ่นในหัวใจได้มากแค่นั้น อินกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนปนน้อยใจ

“ความรักของอินมันเชื่อไม่ได้เลยหรอ” คนตัวโตที่จับได้ถึงน้ำเสียงล้อเล่นหลุดยิ้มก่อนที่จะผละออกนิด พอให้ทั้งสองอยู่ในระยะที่สบตากันได้

“ก็เด็กดื้อบางคนชอบโกหก”

“ง่ะ ขอโทษครับ”

“แล้วปัญหาคือโกหกไม่เนียนด้วย”

“ฮืออออ”

“รู้ไหมว่าดินคิดไปไกลถึงไหนแล้ว หึงจนเป็นบ้า” อินยิ้มให้กับน้ำเสียงเง้างอนของอีกใฝ่าย ดีใจที่เด็กชายบดินทร์กลับมาแล้ว

“ขอโทษครับบ”

“แล้วยังให้มันกอดอีก...”

“...”

“อินเป็นของดินคนเดียว”

“อืม ให้ดินหมดเลย”

“...”

“อินขอโทษ..ดีกันนะ”

“มีอะไรต้องพูดกับดินตรงๆ นะ แบบนี้ดินไม่ไหวจริงๆ”

“โอเคครับ” ทั้งสองสวมกอดกันแน่น ต่างคนต่างต้องการซึบซับอารมณ์ตรงนี้ให้นานที่สุด ความรู้สึกหนักอึ้งจากการเก็บกั้นความรู้สึกค่อยๆ จางหายไป การแสดงออกให้อีกคนรู้ว่ารักแค่ไหนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่นอนว่าไม่มีสิ่งไหนสำคัญเท่ากับการกระทำที่อาจจะต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าคือการแสดงความจริงใจต่อกัน การพูดในสิ่งที่รู้สึก การแสดงตัวตนที่แท้จริง การเลือกที่จะเผชิญหน้าทุกสิ่งไปด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นโดยไม่โกหกหรือปิดบังความจริง อินยิ้มให้กับตัวเองรู้สึกอุ่นใจที่เราสองคนก้าวเข้าไปในความสัมพันธ์อีกขั้น ดินที่ยอมใจเย็นฟังเขาทั้งๆ ที่หัวร้อน กับเขาที่กล้าเปิดใจพูดในสิ่งที่คิด

โคร่กกก..

เมื่อสบายใจขึ้นเหมือนกระเพาะของดินจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ทั้งสองหัวเราะร่าให้กับเสียงประหลาดที่หลุดออกมา ความสบายใจครอบคลุมทั่วพื้นห้อง

“อยากกินอะไร เดี๋ยวอินทำให้นะ”

“แฮะๆ อยากกินสปาเกตตี้อีก”

“โอเคครับ”

อินเขย่งขึ้นไปจุ๊บปากคนตัวโต

“แล้ววันนี้ก็อยู่ค้างด้วยกันนะ” หน้าที่ขึ้นสีเรื่อเอ่ยออกมารัวๆ ก่อนจะผละออกไปทางห้องครัว ดินเบิกตามองตามอีกฝ่ายอย่างนึกอึ้ง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาให้กับคนนิ่งที่ซ่อนความขี้อ่อนไว้ในตัว

“จะทำให้รักไปถึงไหนนะ”





******************

ตอนนี้รีไรท์ไปสามร้อยรอบ ไม่รู้ว่ามันดูสมเหตุสมผลหรือเปล่าแต่ในที่สุดก็ตัดสินใจให้มันเป็นแบบนี้ หวังว่าจะชอบกันนะคะ ใกล้จบแล้วขอกำลังใจหน่อยยยยย ช่วงนี้เขียนไม่ค่อยออกเลย แงๆ ๆ














หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (19:00 คนโกหกไม่เนียน) อัพ 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-07-2019 01:31:23
 :katai2-1: โล่งใจ เคลียร์ไปแล้ว 1 คู่
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (19:00 คนโกหกไม่เนียน) อัพ 04/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 05-07-2019 11:00:26
เสียใจกับคนที่ส่งรูปภาพมาด้วยนะคิ้กค้ากเขายิ่งรักกันกว่าเดิม :katai3: สนุกมากๆเลยค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:00 ความรู้สึก) อัพ 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 06-07-2019 13:22:08
20:00 ความรู้สึก

เสียงเพลงจังหวะสนุกดังคลอเคลียไปกับสายลมเย็นสบายยามเย็น ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงถูกแทนที่ด้วยดวงไฟเล็กๆ หลากสีสันที่ถูกตกแต่งไว้ตามพุ่มไม้บริเวณสวนหน้าบ้าน ลูกโป่งสีเทาอ่อนถูกประดับประดาไปทั่วบริเวณงานเลี้ยง วันนี้บ้านจัดสรรค์สองชั้นแห่งนี้ดูคึกครื้นกว่าปกติเพราะเป็นวันเกิดลูกชายคนเล็กของบ้าน ช่วงเที่ยงของวันดินไปฉลองวันเกิดกับพ่อแม่และพี่ชายของเขาที่ร้านอาหารประจำของครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ที่ไม่รู้ว่าเพราะอยากปล่อยให้ลูกได้สนุกสนานเต็มที่กับเพื่อนๆ หรือเพราะอยากหนีออกไปจู๋จี๋กันสองคนกันแน่ ถึงได้ถือโอกาสหนีไปเที่ยวเขาใหญ่กันตั้งแต่ช่วงบ่าย เหลือแต่พี่มิน พี่ชายของเขาที่อยู่ร่วมฉลองงานวันเกิดด้วย ในงานเต็มไปด้วยบรรดาเพื่อนฝูงของดินที่เริ่มทยอยกันมาแล้ว ด้วยความที่มีทั้งเพื่อนจากสมัยมัธยมและมหา’ ลัยมารวมกัน งานจึงดูคึกครื้นเป็นพิเศษ

“ไหน คนไหนที่อยากแนะนำให้พี่รู้จัก”

“นั่นไง นั่งอยู่ตรงนั้น” ดินใช้มือที่ถือแก้วเบียร์ชี้ไปทางที่คนรักนั่งอยู่ แอบยิ้มให้กับอีกฝ่ายเมื่อนึกถึงเมื่อเช้าที่คนบางคนทำตัวน่ารักจนเขาแทบอยากจะจับขังไว้ไม่ให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน

“อิน..”

ดินที่นั่งบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงชะงักเมื่อคนตัวเล็กที่อยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาเพียงตัวเดียวเปิดประตูห้องนอนเข้ามาพร้อมเค้กก้อนเล็กที่มีเทียนที่จุดไฟแล้วปักอยู่หนึ่งเล่ม เมื่อปิดประตูลง ขาเรียวก็ก้าวมาหาพร้อมเค้กในมือก่อนที่จะทรุดลงนั่งบนเตียงข้างเขา ยิ้มหวานถูกส่งมาให้พร้อมกับแววตาวาวไหว

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ...”

คำอวยพรยอดนิยมถูกเอ่ยออกมา ดินมองตามการขยับของริมฝีปากบางที่เคลื่อนไหวช้าเหมือนภาพสโลโมชั่น ดินนึกว่าเขาตื่นแล้วซะอีก แต่ภาพตรงหน้ามันดีเกินไปที่จะเป็นความจริง

“ขอบคุณนะที่เกิดมาให้อินรัก อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ”

ดินได้แต่อึ้งมองคนตรงหน้า นานเท่าไหร่แล้วนะที่คำอวยพรวันเกิดไม่ทำให้เขาใจเต้นแรงได้ขนาดนี้

“เอ้า เป่าสิ จะดับแล้วเนี้ย” อินส่งเสียงเตือนกล้ั้วหัวเราะเมื่อคนตรงหน้ายังมัวแต่มองเขาอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นดินจึงก้มลงทำท่าจะเป่าเค้กแต่ถูกอีกคนชักเค้กออกไปเสียก่อน

“อธิฐานก่อนสิ” อินหน้ามุ่ยทำเสียงดุใส่เจ้าของวันเกิด จนอีกฝ่ายได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอ

“ก็อินพูดไปแล้วนี่” อินเอียงคอเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด

“แค่ขอให้ได้อยู่แบบนี้กับอินไปเรื่อยๆ ดินก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว..”





“คนเสื้อขาวหรอ น่ารักดีว่ะ” ตาคมกริบหันขวับไปมองหน้าคนร่วมสายเลือดอย่างไม่เกรงกลัวว่าอีกคนแก่กว่า ก็พี่เขามันธรรมดาซะที่ไหน ชายก็ได้หญิงก็ดี เรียกว่าได้หมดถ้าสดชื่นตัวจริง

“เออๆ กูไม่ยุ่งหรอก แต่กูขอยุ่งกับเพื่อนเขาได้ไหม ที่นั่งติดกันน่ะ น่ารักฉิบหาย” ภูมินทร์รีบตบไหล่น้องชาย รู้ว่าไอ้ดินน่ากลัวแค่ไหนเวลาโมโห ตั้งแต่เกิดมามันไม่เคยบอกว่าจริงจังกับใครจนกระทั่งคนนี้ ขืนไปยุ่ง พ่อแม่เขาคงเหลือแค่ลูกชายคนเดียวแน่ๆ

“พี่มิน คนนั้นของน้อง” ไม่ใช่ดินที่ตอบกลับ มินหันหลังไปมองคนพูดที่ตอนนี้เอามือมาพาดไหล่เขาทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนหน้าถีบ เขายกยิ้มมุมปาก

“ไม่หวงสิครับคุณตั้งต้น” มินพูดดักคนที่เขารักเหมือนน้องชายอีกคน ก็รู้จักกันมาตั้งแต่ไอ้ดินเรียนมอต้น รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว หน้าอย่างมันไม่เกินสามวันก็เปลี่ยนคนใหม่ยังมีหน้ามาหวงอีก แต่ยิ้มเยาะได้ไม่นานมินก็ต้องชะงัก หรี่ตาข้างนึงพิจารณาหน้าอีกฝ่าย เมื่อตั้งต้นไม่ยอมยิ้มหรือเล่นมุกกลับมาสักที

“หรือมึงจริงจัง?” พูดเองก็ไม่เชื่อเอง คนอย่างมันเนี่ยนะจะจริงจังกับใคร

“พี่มินไม่เสือกดิ” ดินแทบจะสำลักเบียร์ที่กำลังดื่ม หลุดขำจนท้องแข็งเมื่อพี่ชายโดนเพื่อนสนิทตอกกลับ

“มึงพูดแบบนี้ ไม่ต้องเรียกกูว่าพี่หรอก”

“พูดเองนะมิน”

“ไอ้เหี้ยต้น ระวังเถอะ อย่างเผลอแล้วกันกูจะแย่งเด็กมึงมา”

“จะฟ้องแม่ว่าพี่มินแกล้งน้อง”

“สัด น่ารักตายแหละ ตัวเท่าควายแล้วมึงน่ะ”

“ต้น!”

เสียงเรียกจากคนที่อยู่ในบทสนทนาดังขึ้น ทำให้ต้นวางแก้วเบียร์ หันหลังไปดูก็เจออีกฝ่ายกวักมือเรียก เขาจึงลุกขึ้นจะเดินไปหา

“เหี้ย.. เรียกปั๊บขยับปุ๊บ ของตายชัดๆ เสียชื่อฉิบหาย”

“ไม่มีแล้วอิจฉาทำไม ภูมินทร์”

“มึงระวังเถอะ อย่าเผลอแล้วกันเดี๋ยวเจอกูตีท้ายครัว”

ต้นหัวเราะเดินตรงไปหาคนที่เรียกเขา นั่งลงตรงพนักเก้าอี้ของเจ้าตัวก่อนที่จะโน้มลงหอมแก้มหนึ่งที เขาเงยหน้าไปยักคิ้วให้พี่ชายเพื่อนเกมือนอวด มินเอามือตบหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม

หมดกันไอ้ต้นคนคูล หวงอย่ากับหมาเฝ้าเจ้าของเลยนะมึง

“มีไรครับน้องกี หรือว่าคิดถึงต้นหรอ”

“คนปากหมา”

“ห๊ะ” คนอารมณ์ดีหุบยิ้มฉับ งุนงงที่อยู่ๆ ก็โดนด่า

“ไหนบอกจะไม่เล่าให้ดินฟัง”

“เล่าอะไร” ต้นยังทำหน้างง

“ก็เรื่องที่ไปเจออินที่ร้านอาหาร”

“ไม่ได้เล่าเลยนะ ก็กีบอกจะคุยกับอินเองนี่”

“อ้าว แล้วใครบอกดินล่ะ” เมื่อต้นปฎิเสธเสียงแข็ง กีก็ทำปากยื่นขมวดคิ้วแน่น พร้อมใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง พออินมาเล่่าให้ฟังว่าดินรู้แล้ว เขาก็คิดว่าต้นเป็นคนเล่าซะอีก นอกจากมันจะเป็นใครไปได้ คิดไปคิดมากีก็ดีดนิ้วเสียงดัง ตาโตเบิกกว้างเมื่อมีบางคนแล่นเข้ามาในหัว

“ต้องใช่แน่ๆ!!!” กีโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“อะไรมึง” อินถามเมื่อแอบตกใจที่จู่ๆ มันก็ตะโกนออกมา

“ต้องเป็นทิวแน่ๆ!! วันนั้นนัดเจอกันที่ห้างนั้นพอดีนี่” กีเม้มปากแน่นอย่างหมั่นไส้อีกฝ่ายขึ้นมาจับใจ จ้องไปหาคนที่กำลังพูดคุยกับเพื่อนสมัยมอปลายของดิน ซึ่งส่วนใหญ่เขาเคยเจอมาหมดแล้วตอนที่ไปทะเลด้วยกัน

“หึ ขี้อิจฉาอย่างกับตัวร้ายในละคร ไหนบอกว่าไม่มีอะไรไง ดูทำแต่ละเรื่อง” กีว่าขึ้น ประโยคหลังหันไปกระแนะกระแหนคนตัวโตที่ดูจะปกป้องทิวซะเหลือเกิน

“ช่างมันเถอะมึง ยังไงกูก็เคลียร์กับดินแล้ว” อินว่าต่ออย่างใจเย็น ไม่ว่าใครจะเป็นคนมาเล่า แต่คนที่ผิดก็คือเขาเอง เขาควรบอกดินแต่แรก

“มึงก็นางเอกละคร ยอมอย่างกับทาสเรือนเบี้ย” กีกระแนะกระแหน่เพื่อนสนิท อินทำได้แต่นั่งขำให้กับท่าทางของคนขี้โวยวาย กียังไม่หยุดพยายามกระตุ้นให้เพื่อนโมโหซำ้แล้ซ้ำเล่าแต่เมื่ิอมันยังนั่งใจเย็นเขาก็หันไปเล่นงานต้นแทน แต่นอกจากคนตัวโตจะไม่โกรธ กลับเป็นกีซะเองที่โดนทั้งสองรุมแกล้งจนโวยวายไม่หยุด

“ไอ้แทนมันเรียกแล้ว ต้นต้องไปเตรียมตัวก่อนนะ” ต้นหอมแก้มกีฟอดใหญ่ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนสนิทที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับเล่นสดคืนนี้ ดินเองก็เดินเข้ามาช่วยเพื่อนจัดการความเรียบร้อย ทั้งสามง่วนจัดแจงทุกอย่างก่อนที่จะเริ่มเล่นดนตรีตามกำหนดการตอนสองทุ่ม

“มึงจะเอาอะไรไหม กูจะไปตักของกินหน่อย” กีเอ่ยขึ้นขณะที่จะลุกไปตักอาหารที่จัดไว้ด้านใน

“ขอเบียร์อีกขวดดิ”

“เคร เดี๋ยวกูมา”

อินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นระหว่างรอเพื่อน เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเกากีต้าร์ดังขึ้นมา เป็นตั้งต้นที่เอ่ยพูดขึ้น

“สวัสดีครับทุกคน ขอบคุณที่มาร่วมงานวันเกิดของเพื่อนรักของผมนะครับ วันนี้ผมกับแทนจะมาเปิดคอนเสิร์ตเล็กๆ อยู่เป็นเพื่อนทุกคนนะครับ อยากได้เพลงไหนรีเควสกันมาได้เลยน้า แต่ว่าสำหรับเพลงแรกผมขอเชิญเจ้าของงานมาร้องเพลงที่มันอินที่สุดก่อนคร้าบบ”

ว่าแล้วคนพูดก็ผายมือไปทางดิน ให้เจ้าตัวต้องเดินมานั่งที่เก้าอี้ว่างหยิบไมค์ขึ้นมา ต้นจับคอกีต้าร์โปร่งมั่นและเริ่มบรรเลงอินโทรเพลงรักมือสองขึ้นมา อินยิ้มให้กับภาพตรงหน้า คิดถึงวันที่ร้านล่องลอยที่เขาทำใจกล้าเดินไปขออีกฝ่ายเป็นแฟน ฉีกยิ้มกว้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอสั้นๆ ลงสตอรี่ เขาไม่ได้ถ่ายคนบนเวที ทัั้งคลิปมีเพียงลูกโป่งสีเทาที่สั่นไหวไปมาตามลม มีเสียงร้องอบอุ่นและเสียงกีต้าร์โปร่งเป็นพื้นหลัง อินเขียนข้อความสั้นๆ บนนั้นก่อนที่จะอัพเผยแพร่มันออกไป

‘วันสำคัญของคนสำคัญ’

“นั่งด้วยนะ” เสียงเล็กว่าขึ้นทำให้อินเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ คนขออนุญาตไม่รอฟังคำตอบทรุดตัวนั่งกอดอกแน่นตรงที่ว่างข้างๆ เขา หน้าตาบึ้งตึงดูไม่เป็นมิตรอย่างเคย อินลอบมองอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่มีท่าทีจะพูดอะไรออกมา อินเลยมองตามสายตาของฝ่ายนั้น แล้วก็พบว่ามันไปจบลงที่คนที่กำลังร้องเพลง เขาหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง ถ้ามองไม่ผิดเขาเห็นตากลมโตของอีกฝ่ายวาววับเรื่อน้ำเหมือนพยายามจะกลั้นน้ำตา อินอยากจะทักแต่เหมือนเจ้าตัวหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง อินเลยละความสนใจจากอีกคนหันกลับไปมองวงดนตรีแทน

“ปีหน้าเราจะไม่จัดงานวันเกิดให้ดินแล้วนะ” จู่ๆ ทิวก็โผล่งขึ้นมาเรียกความสนใจอินกลับมาอีกครั้งให้อินมองหน้าคนพูด

“เมื่อก่อนเพราะดินไม่มีแฟนเราเลยเป็นธุระให้ แต่จากนี้ต่อไปมันก็ควรเป็นหน้าที่นาย”

“...”

“ทำได้หรือเปล่า” อินที่ยังงงๆ อยู่พยักหน้ารับ

“ไม่ได้อยากยอมรับหรอกนะ แต่เราทำได้ทุกอย่างให้ดินมีความสุข แล้วถ้าความสุขของดินคือนาย ถึงจะไม่อยาก แต่เราก็ต้องปล่อยดินไป”

“...”

“ฝากดูแลเขาด้วยนะ รักเขาให้มากกว่าที่เรารักแล้วกัน ทำได้ไหม”

คนตรงหน้าหันมาสบตา ประโยคที่พูดออกมาไม่มีความอ่อนโยนในน้ำเสียง แต่แววตาที่ส่งมาแสดงความจริงใจและจริงจังที่สุด เขารู้ว่าอีกฝ่ายรักคนของมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าความรักของเขาแพ้ใครเหมือนกัน

“เราจะไม่มีวันทำให้ดินเสียใจ” อินพูดได้แค่นั้น เขาไม่คิดจะบอกอีกฝ่ายหรอกว่าเขารักดินมากกว่าอยู่แล้วทั้งๆ ที่ใจคิดแบบนั้น การที่คนตรงหน้ายอมมาพูดอะไรแบบนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวก็รักดินมากไม่แพ้ใคร ความรักที่รักมากเกินไปจนไม่อาจเห็นแก่ตัวรั้งคนคนนั้นไว้กับตัวเอง ความรักที่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปมีความสุขทั้งๆ ที่ตัวเองต้องทนเจ็บปวด

“ก็ลองทำสิ เราไม่ปล่อยนายไว้แน่” อินหัวเราะร่าออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น เขานึกเอ็นดูอีกฝ่ายขึ้นมาทันที เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมดินถึงยอมให้อีกคนวนเวียนอยู่รอบตัวแบบนี้ ท่าทางที่ดูร้ายๆ แต่เอาเข้าจริงอีกฝ่ายดูจะเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายกว่าใคร

“ขอบใจนะ” อินว่าขึ้น

“เรื่อง?”

“ก็ที่ยอมรับเรา เราอยากเป็นเพื่อนกับทิวนะ”

ทิวเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อสิ่งที่หูได้ยิน หน้าตาที่ดูบึ้งตึงของเขากลับยิ่งดูประหลาดมากขึ้นเมื่อพยายามกลั้นยิ้ม จนในที่สุดก็ตัดสินใจเลิกล้มทิฐิทั้งหมด อย่างนี้สินะดินถึงรักคนนี้..

“ก็ได้..” อินฉีกยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบ

“แล้วเราจะเล่าเรื่องสมัยมอปลายของดินให้ฟัง อือฮือไม่เหมือนตอนนี้สักนิด”

“ยังไงหรอ” อินเขยิบเข้าหาอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ

“ตอนนั้นทั้งดินทั้งต้นร้ายจะตาย ขนาดเราไปป่าวประกาศว่าดินเป็นแฟนนะ ยังไม่มีใครสนเลย แล้วมาดูตอนนี้สิ อย่างกับพ่อบ้านใจกล้า” อินหลุดขำพรืดออกมา ลอบมองคนที่ถูกนินทาแล้วยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่ในใจ

“นี่มาหาเรื่องกันถึงนี่เลยหรอ!” ทั้งสองคนหันไปตามเสียงดังจากคนที่มายืนค้ำโต๊ะ เห็นกีที่ถือเบียร์สองขวดกับของกินเล่นอีกหนึ่งจานในมือมองมาด้วยแววตาจะกินเลือดกินเนื้อ

“กีมานั่งก่อนมึง” อินรีบลุกขึ้นยืนช่วยเพื่อนถือของในมือ ก่อนที่จะดึงอีกฝ่ายให้มานั่งลงตรงที่ว่างอีกข้างของตน กียังไม่ยอมละสายตาจากคนที่มาใหม่ ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมเมื่อทิวกลอกตามองบนใส่

“มันมาหาเรื่องมึงหรอไอ้อิน”

“เปล่า กูคุยกันดีแล้ว”

“ดีเชี่ยอะไรกูไม่เชื่อ”

“ตอนนี้กูกับทิวเป็นเพื่อนกันแล้ว”

“ห๊ะ มึงจะบ้าหรอไอ้อิน มึงจำไม่ได้หรอว่ามันเพิ่งทำอะไรไว้”

“เราทำอะไรให้หนักหนา โวยวายอยู่ได้” ทิวพูดขึ้นมา เขาไม่ใช่คนเงียบๆ ที่จะยอมโดนด่าอยู่ฝ่ายเดียวอยู่แล้ว

“พอเห็นไอ้อินไปกินข้าวกับคนอื่นก็รีบเอาไปตีไข่ใส่สีให้แฟนเขาฟัง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง แบบนี้จะให้เรียกว่าไง”

“ตีไข่ใส่สีอะไรว่ะ ไม่ได้ทำ มากล่าวหาอะไรกันเนี้ย” ทิวเริ่มโมโห

“ไม่ได้ทำอะไร ถ้านายไม่ได้เล่าแล้วใครเล่า”

“จะไปรู้หรอ แล้วนายไปกินข้าวกับใคร” ทิวหันไปมองอินทันทีอย่างจับผิด นี่เพิ่งพูดไปหยกๆ ถ้ามานอกใจดินพ่อจะจับตบตรงนี้เลย

“แฟนเก่า..มีเรื่องต้องเคลียร์กันเฉยๆ เล่าให้ดินฟังหมดแล้ว” อินรีบแก้ตัวกับอีกฝ่ายเมื่อโดนมองตาขวางแบบนั้น

“อ้าว แล้วสรุปใครพูดว่ะ”

“ช่างมันเถอะกี กูบอกแล้วไงว่ากูเคลียร์กับดินแล้ว แบบนี้ดีซะอีก ไม่ต้องมีอะไรปิดบังกัน” อินพยายามปลอบเพื่อนที่ยังหงุดหงิดแทนเขา เจ้าตัวยอมอ่อนลงเมื่ออินใช้มือลูบไปตามแขนอีกฝ่าย

“เออ ก็ถ้ามึงว่างั้น”

“แล้วนี่ทิวกำลังเล่าเรื่องตอนมอปลายอยู่เลย มึงอยากฟังเรื่องต้นไหม”

กีหูผึ่งขึ้นมาทันที สายตาที่ไม่เป็นมิตรค่อยๆ มลายหายไป ทิวที่นิสัยโกรธง่ายหายเร็วเหมือนกันก็ยกยิ้มตั้งหน้าตั้งตานินทาสองคนที่กำลังแสดงคอนเสิร์ตอย่างออกรส

.

.

.

.

.

.

บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างสนุกสนาน ดินเดินทักทายเพื่อนๆ ทั่วทัั้งงานก่อนที่สุดท้ายจะมานั่งข้างแฟนตัวเอง เมื่อกีเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ได้อยู่คนเดียวจึงผละไปช่วยหมีพูห์ที่โดนทิวจับให้เป็นช่างภาพจำเป็นประจำงาน ทั้งสองวุ่นไปกับการถ่ายภาพรอบๆ งาน แต่เหมือนกีจะเน้นหนักไปที่นักร้องกับมือกีต้าร์ซะเป็นส่วนใหญ่

“เบื่อไหม ดินไม่ค่อยได้มานั่งด้วยเลย”

“หือ ไม่เบื่อหรอก คนรู้จักเยอะแยะ”

“เห็นทิวมานั่งด้วย”

“อืม ลูกน้ำเพิ่งมาเรียกไปเมื่อกี้”

“ไม่มีอะไรใช่ไหม” ดินถามยั่งเชิง เขาแอบหวั่นๆ กลัวทิวจะมาทำให้อินคิดมากอีก

“แล้วมีอะไรหรือเปล่าล่ะ” อินย้อนถามตามใสทำให้ดินรีบตอบกลับเสียงหนักแน่น

“ไม่มี แลละก็ไม่เคยมีด้วย”

“งั้นก็ไม่มีอะไร” อินยิ้มวางมือลงบนหลังมืออีกฝ่าย ลูบไล้ไปมาแผ่วเบา

“เอาล่ะครับ เพลงสุดท้ายของผมก็จบไปแล้ว ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาทั้งคืน หวังว่าจะชอบกันนะครับ เจอกันใหม่งานหน้านะครับ” เสียงปรบมือพร้อมเสียงผิวปากดังกระหึ่มทั่วงานแสดงความขอบคุณที่ทั้งสองคนช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ภายในงานมาตลอดสองชั่วโมง

“สำหรับเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ ผมขอยกพื้นที่ตรงนี้ให้กับแทนคุณและแขกรับเชิญพิเศษ ไหน นั่งอยู่ตรงไหน แสดงตัวหน่อยครับ” คนในงานหันซ้ายหันขวามองหาคนที่ถูกกล่าวถึง

อินเม้มปากแน่นทำใจลุกขึ้นยืน ทำท่าลังเลจนต้นทนไม่ได้รีบเดินคว้ามืออีกฝ่ายไปนั่งเก้าอี้แทนเขา อินใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเมื่อคนรอบข้างโห่ร้องปรบมือ เหลือบไปมองหน้าเจ้าของวันเกิดที่ยังยืนตะลึงก็ยิ่งหน้าแดงผ่าว อยากหนีออกไปจากตรงนี้ซะเดี๋ยวนี้

“เปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ทันแล้วนะ” แทนว่าขึ้นเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง

“อย่าคาดหวังมากนะครับ คนมีแฟนเป็นนักร้องใช่จะร้องเพลงเพราะทุกคน” แทนที่เริ่มต้นเกากีต้าร์ยังคงปล่อยมุกเรียกเสียงฮา หวังให้อินผ่อนคลายมากกว่าเดิม

“เอ่า ก่อนจะเริ่มเพลงสุดท้าย มีอะไรจะพูดหรือเปล่าครับอิน”

“กะ..ก็ขอโทษทุกคนล่วงหน้านะครับ ช่วยทนฟังเสียงประหลาดๆ ของผมหน่อยแล้วกัน” อินเอ่ยขึ้นกล้าๆ กลัวๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนรอบตัว

“ถ้าตั้งต้นที่ไม่ได้ซ้อมเลยทำได้ อินที่แอบหลบแฟนไปซ้อมแทบเป็นแทบตายต้องทำได้อยู่แล้ว” แทนเอ่ยออกมาทีเล่นทีจริง หันมาขยิบตาให้คนที่เริ่มหายประหม่าแล้วหนึ่งที เจ้าของวันเกิดถึงบางอ้อขึ้นมาทันที ความสงสัยว่าคนของเขาหายหน้าหายตาไปไหนช่วงก่อนหน้านี้ได้รับคำตอบแล้ว

“ยังไงก็ขอให้เจ้าของวันเกิดมีความสุขมากๆ อยู่ฉลองด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะครับ” อินว่าขึ้นในขณะที่สบตากับดิน แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักถูกส่งมาให้กันและกันอย่างไม่คิดปิดบังในขณะที่แทนเริ่มเข้าอินโทรเพลงและเอ่ยร้องนำท่อนแรกให้อิน

เคยคิดว่าฉันรู้จักกับความรัก

เคยคิดว่าฉันเข้าใจเป็นอย่างดี

แต่แล้วก็ต้องเจ็บทุกที

เมื่อสิ่งที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่

แทนส่งสัญญาณให้อินเป็นฝ่ายร้องต่อ อินที่เริ่มรวบรวมสติได้แล้ว ก็ค่อยๆ ร้องเข้าจังหวะอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเริ่มร้องอย่างมั่นใจมากขึ้น

จนคิดสงสัยจะมีจริงไหม

คนที่ตามหาที่เกิดมาคู่เรา

แต่แล้วฉันก็ได้คำตอบ

เมื่อฉันได้เจอกับเธอในวันนี้

เขาแค่อยากร้องไปตามความรู้สึก อยากบอกให้อีกคนได้รับรู้ถึงความจริงที่อยู่ในใจของคนที่ไม่ค่อยแสดงออกคนนี้

ต้องขอบคุณเธอที่ทำวันนี้ให้งดงาม

ขอบคุณเธอที่เปลี่ยนชีวิตที่ฉันมี

ไม่เหมือนเดิม

เพราะเธอทำให้ฉันรู้สึก

ความรักที่ฉันไม่เคยรู้สึก

ส่วนลึกที่ใจไม่เคยค้นเจอ

จนได้พบเธอในวันนี้

เพราะเธอทำให้ฉันรู้จัก

ความรักที่ฉันไม่เคยสัมผัส

และขอสัญญาว่านับต่อจากนี้

จะรักเธอทุกๆ วินาที

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ต่อไปจากนี้จะเป็นแบบไหน

เส้นทางที่เดินลำบากสักเท่าไหร่

แต่ฉันจะไม่หวั่นไหว

แค่เพียงมีเราด้วยกันอยู่ตรงนี้

ต้องขอบคุณเธอที่ทำวันนี้ให้งดงาม

ขอบคุณเธอที่เปลี่ยนชีวิตที่ฉันมี

ไม่เหมือนเดิม

เพราะเธอทำให้ฉันรู้สึก

ความรักที่ฉันไม่เคยรู้สึก

ส่วนลึกที่ใจไม่เคยค้นเจอ

จนได้พบเธอในวันนี้

เพราะเธอทำให้ฉันรู้จัก

ความรักที่ฉันไม่เคยสัมผัส

และขอสัญญาว่านับต่อจากนี้

จะรักเธอทุกๆ วินาที

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ต้องขอบคุณเธอที่ทำวันนี้ให้งดงาม

ขอบคุณเธอที่เปลี่ยนชีวิตที่ฉันมี

ไม่เหมือนเดิม

อินใจเต้นแรงเมื่อดินเดินเข้ามาใกล้ สายตาของอีกฝ่ายจับจ้องอยู่ที่เขาไม่วางตาจนหน้าเล็กขึ้นสีแดงเรื่อ จู่ๆ อากาศเย็นสบายยามค่ำคืนก็ร้อนเรียกเหงื่อขึ้นมาฉับพลัน ดินยิ้มให้กับท่าทางเก้กังของคนตรงหน้าก่อนที่จะยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้ อินรับไปเปิดออกก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะร้องท่อนสุดท้ายไม่เป็นภาษา

เพราะเธอทำให้ฉันรู้สึก

ความรักที่ฉันไม่เคยรู้สึก

ส่วนลึกที่ใจไม่เคยค้นเจอ

จนได้พบเธอในวันนี้

เพราะเธอทำให้ฉันรู้จัก

ความรักที่ฉันไม่เคยสัมผัส

และขอสัญญาว่านับต่อจากนี้

จะรักเธอทุกๆ วินาที

จะรักเธอทุกวันนับจากนี้

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“น่ารักขนาดนี้ อิจฉาแฟนคุณนักร้องจังเลยครับ”





*****************

เครดิตเพลง; ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึก - Getsunova

เวลาเขารักกันเราจะแต่งได้เร็ว มาม่าเมื่อไหร่แก้ไปสองร้อยรอบ 5555

เอ๊ะๆ เห็นพี่แทนคนอบอุ่นกับน้องหมีพูห์ไหมมมมม อย่าลืมไปกดตามไว้นะคะ เรื่องนี้มาแน่นอน!


หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:00 ความรู้สึก) อัพ 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 06-07-2019 17:51:01
น่ารักมากๆเลยค่ะ :katai2-1:  :-[ แล้วใครเป็นคนถ่ายรูปล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:00 ความรู้สึก) อัพ 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-07-2019 18:33:56
 :o8: น่าอิจฉา ในที่สุดก็หวานทั้ง 2 คุ่
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:00 ความรู้สึก) อัพ 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-07-2019 18:34:53
อินน่ารัก ทุ่มสุดตัวเพื่อเซอร์ไพรส์ดิน
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:00 ความรู้สึก) อัพ 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-07-2019 20:51:12
 :katai2-1:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:00 ความรู้สึก) อัพ 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-07-2019 22:57:42
ดีใจที่รับฟังกันไม่ทะเลาะกัน หวานๆไป
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:00 ความรู้สึก) อัพ 06/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 07-07-2019 02:04:00
………


ชอบนะ ติดงอมเลย อ่านรวดเดียว สามชั่วโมง

ตั้งแต่ตอน 0.00 จนถึง22.00 สนุกทุกตอน

น่ารักทั้งคู่หลัก คู่รอง และคู่หน้า 5555


 :give2: :o9: :haun5: :interest: :teach: :give2: :o9: :haun5: :interest: :teach:


…………



หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:30 ตุ๊กตาหมี) อัพ 08/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 08-07-2019 04:44:50
20:30 ตุ๊กตาหมี





“อินอิน”

“...”

“กิตดีใจนะ ที่อินอินนัดมาเจอกันวันนี้”

น้ำเสียงทุ้มอ่อนนุ่ม สายตาแห่งความหวังดีที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ความอุ่นซ่านแผ่เข้ามาในหัวใจ อินรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปตอนอายุสิบสี่อีกครั้ง วันที่เคยรู้สึกว่ากิตคือโลกทั้งใบ วันที่ไม่อาจจะคิดถึงตัวเองที่อยู่โดยปราศจากคนตรงหน้า เขาคิดอยู่แล้วว่ามันคงไม่ง่ายถ้าจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะยากกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ

“อินก็ดีใจที่กิตยอมมาเจอ”

วันนั้นที่ตัดสินใจปลดบล๊อคทุกอย่าง ไม่นานคนตัวโตก็ส่งข้อความเข้ามาทางไลน์ ทุกตัวอักษรที่แสดงว่าเจ้าตัวทุกข์ทรมานแค่ไหนมันทำให้อินใจสั่น เขารู้ตัวแล้วว่าคนคนนี้ยังคงสำคัญสำหรับเขาเสมอ อินไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องทุกข์ใจ โดยเฉพาะถ้ามันจะมีสาเหตุมาจากเขา

“สั่งอาหารกันก่อนเนอะ”

“อินอินรู้ว่ากิตชอบอะไร”

“...”

“สั่งให้หน่อยได้ไหม” อินเงยหน้าจากเมนู จ้องอีกคนที่พูดแฝงความใน นี่ก็คงเป็นเหตุผลนึงที่อีกฝ่ายเลือกร้านที่เราเคยมาประจำสินะ อินถอนหายใจอย่างหนักใจก่อนที่จะเอ่ยกับบริกรที่มารอรับออเดอร์

“งั้นเอาชุดทีโบนพริกไทยดำ 2 ที่ครับ” อินสั่งของทอดอีกสองสามอย่างพร้อมเครื่องดื่มก่อนที่จะปิดเมนูและยื่นกลับให้บริกร ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินจากไป

“อินอินยังรู้ใจกิตเหมือนเดิม”

“ก็กิตเล่นสั่งแต่เมนูนี้นี่น่า”

“อืม กิตยังเหมือนเดิมทุกอย่าง”

“...”

“ยังชอบเหมือนเดิม ยังรักเหมือนเดิม...”

คนตัวโตเอื้อมมือที่อยู่ข้างกันมาวางทับบนมือเขา อินชะงักกับการกระทำของอีกฝ่าย ทำอะไรไม่ถูก สิ่งเดียวที่สามารถประมวลผลออกมาได้คือตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคนคนนี้ต้องการจะกลับมาหาเขาจริงๆ

“กิตเลิกกับเจแล้วนะ”

“อินรู้แล้ว..” คนตัวโตเบิกตากว้างอย่างงุนงันเมื่อคนฟังที่ดูไม่มีอาการตกใจตอบกลับมาแบบนี้

“อินเจอกับเจตอนไปที่คณะเป็นเพื่อนดิน”

“...”

“เจเล่าให้ฟังทั้งเรื่องตอนนี้ ทั้งเรื่องในอดีต เรื่องที่ทำให้เราเลิกกัน”

“เจเล่า..” กิตลังเลที่จะถามต่อ

“อือ แม้แต่เรื่องที่พยายามฆ่าตัวตาย”

บรรยากาศรอบตัวเขาทั้งสองอึมครึมขึ้นมาทันที ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดจนไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ

“ไม่ว่าเจจะว่ายังไง เรื่องทั้งหมดมันก็ผิดที่กิตเอง” เป็นกิตที่เอ่ยออกมาก่อนเมื่อทั้งคู่เริ่มกินอาหารบนโต๊ะ

“กิตปล่อยตัวปล่อยใจ ทั้งๆ ที่มีอินอยู่แล้ว กิตไม่ควรจะไปให้ความหวังเขาแบบนั้น”

“ดีใจที่กิตคิดแบบนั้น” อินที่กลืนเนื้อลงคอไปแล้วเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ มุมปาก

“เพราะอินก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” การที่กิตยอมรับในความผิดตัวเองได้แบบนี้ ในฐานะคนเคยรักกันเขาก็อดภูมิใจแทนเจ้าตัวไม่ได้

กิตโตขึ้นกว่าตอนนนั้นแล้ว

“แล้วตอนนี้เลิกกันทำไม” อินถามต่อ

“เจเป็นคนขอเลิกเอง”

“เพราะเจคิดว่ากิตไม่เคยรักเจน่ะสิ”

“..เจคิดว่ากิตลืมอินไม่ได้..”

“แล้วจริงไหม..” คนตัวโตพยักหน้า

“กิตลืมอินไม่ได้..” กิตยอมรับแต่โดยดี

“แล้วกิตรักเจไหม..”

“...” อินถอนหายใจหนัก มองคนที่ยังก้มเขี่ยอาหารไปมาไม่ยอมสบตาเขา อินวางมีดและส้อมไว้คู่กันในจาน ก่อนจะแกะกระดาษเปียกมาเช็ดปากจนสะอาด

“กิต อินมีแฟนใหม่แล้วนะ” ร่างโตหันขวับขึ้นมาสบตากันทันทีที่ได้ยิน อินส่งยิ้มบางให้อีกฝ่ายก่อนจะว่าต่อ

“อินมีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง..นั่งฟังย่อยอาหารแล้วกันเนอะ”

เมื่อคนตัวโตไม่พูดอะไรอินจึงเริ่มเล่าเรื่องที่อยู่ๆ ก็เข้ามาในหัวออกมา

“อินจำช่วงวันหยุดหน้าร้อนตอนอินจบปอสี่ได้แม่นเลยนะ แม่พาอินไปเที่ยวบ้านตากับยายที่ปากช่อง”

อินเริ่มเล่าความทรงจำในวัยเด็กที่เขาจำได้ขึ้นใจ มันเป็นหน้าร้อนที่เขาไม่เคยลืม

“ตอนนั้นอินมีตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งที่อินรักมาก เอาไปไหนมาไหนด้วยตลอด ไม่ว่าจะออกไปเล่นที่ไหนอินก็จะเอามันไปด้วย เวลานอนก็นอนด้วยกัน จำได้ว่าติดมันขนาดแม่จะเอาไปซักอินก็ไม่ยอม จนมันตัวสกปรกไปหมด จนตอนนั้นแม่ตั้งชื่อมันว่ามอมแมม” อินยิ้มหัวเราะให้กับภาพความทรงจำในอดีตที่หวนกลับมา สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเจ้าหมีสีน้ำตาลที่ครั้งหนึ่งเขาลืมสัมผัสนั้นไปแล้ว

“จนวัันนึงอินออกไปเล่นในสวนกับลูกพี่ลูกน้อง แน่นอนว่าในมือถือเจ้ามอมแมมติดไปด้วย วิ่งเล่นไปสักพักแขนของมันก็ไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ใหญ่ พออินพยายามดึงมันมา แขนมันก็ขาดวิ่นออกไปเลย”

“...”

“อินร้องไห้อยู่หลายวันจนยายทนไม่ไหวซื้อตุ๊กตาตัวใหม่มาให้ มันเป็นตุ๊กตาที่น่ารักและตัวใหญ่กว่าเจ้ามอมแมมมาก อินยังจำความตื่นเต้นที่เห็นมันครั้งแรกได้เลย มันกลายเป็นตุ๊กตาตัวโปรดตัวใหม่ของอินอย่างไม่ต้องสงสัย”

“แล้วอินอินตั้งชื่อมันว่าอะไร” อินเงยหน้ามาสบตาคนข้างตัว เมื่ออีกฝ่ายถามพร้อมส่งยิ้มใจดีมาให้

“มูมมาม” กิตหัวเราะหึในลำคอกับชื่อตุ๊กตาตัวใหม่ของอิน

“วันที่สองที่ได้มันมา เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้น ตอนที่ตาพาอินไปให้อาหารม้า ม้างับดึงจนขามูมมามขาดไปข้างนึงเลย อินยังช๊อคไม่หาย ภาพติดตามาก”

“...”

“อินร้องไห้ตลอดทางกลับบ้าน คิดว่าทำไมมีแต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง รู้สึกว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด แต่พออินกลับไปถึงบ้าน ความคิดของอินก็เปลี่ยนใหม่ไปทั้งหมด กิตรู้ไหมว่าอินเจออะไร” คนตัวโตส่ายหน้าเป็นคำตอบ รอคอยสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังจะกล่าวต่อไป

“มอมแมม”

“..มอมแมม?”

“อืม.. ลูกพี่ลูกน้องอินเอามอมแมมกลับไปบ้าน ให้แม่เย็บแขนให้ ซักมันจนสะอาดเหมือนใหม่แล้วยังเย็บเสื้อผ้าให้มันด้วย”

“...”

“กิตรู้ไหมว่าตอนนั้นอินโกรธแค่ไหน อยากจะบอกออกไปว่ามันเป็นตุ๊กตาของอิน อยากแย่งมันกลับมาแต่ก็โดนแม่ห้ามไว้ วันนั้นอินจำได้ว่าอินร้องไห้จนหลับไปเลย”

“แล้วอินอินทำยังไง..”

“แล้วกิตคิดว่าไง อินควรทำยังไง”

คนฟังพยายามคิดตาม เขาก็ไม่แน่ใจว่าคำตอบที่ถูกต้องคืออะไรเหมือนกัน

“แม่อินบอกว่า ถ้าเรารักสิ่งใดเราก็ต้องดูแลสิ่งนั้นให้ดี อินไม่มีสิทธิ์ในตัวมอมแมมอีกแล้วเพราะอินเป็นคนทิ้งมันเอง”

“...”

“กิตรู้ไหม พออินลองคิดตาม แม่พูดถูกทุกคำ มอมแมมวันนั้นน่ารักมาก มันอยู่ในชุดกะลาสีเรือสีขาวคาดฟ้า เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน มันดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเปลี่ยนไปมากจนไม่เหมือนตุ๊กตาของอินเลยด้วยซ้ำ”

“...”

“ถ้ายังไม่รู้จักดูแลมันให้ดี อินก็ควรปล่อยให้มันไปเจอเพื่อนที่ดีกว่าไม่ใช่หรอ”

คนที่ฟังเรื่องราวจากปากคนตัวเล็กอย่างตั้งใจมาตลอดได้แต่รู้สึกเจ็บในอก สิ่งที่อินต้องการจะสื่อออกมามันชัดเจนจนไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และดันทุรังต่อไปได้ เมื่อเรียบเรียงความคิดในหัวได้ดีแล้ว กิตก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะปล่อยมันออกมาช้าๆ ยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสมเพศตัวเองก่อนที่จะเอื้อมมือไปวางบนกลุ่มผมนุ่มของคนร่างเล็กเบาๆ

“มอมแมมของกิตเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ” มือใหญ่ลูบไปมาอย่างนึกเอ็นดูคนเคยคุ้นเคยที่วันนี้ดูมีความมั่นใจ กล้าพูดในสิ่งที่คิด ไม่มีอีกแล้วอินอินที่คอยหลบอยู่ข้างหลัง คนที่ต้องรอให้เขาคอยยื่นมือไปช่วยอยู่เสมอ

“...”

“อยากให้อินอินรู้ว่ากิตเสียใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถ้าเลือกได้กิตจะไม่ยอมให้ใครเข้ามา กิตจะไม่มีวันทำลายความรักของเรา”

อินเอื้อมไปจับมือที่ลูบหัวเขามาถือไว้ด้วยสองมือ ลูบไล้ไปมาอย่างรักใคร่

“ถึงมอมแมมจะมีเพื่อนใหม่ แต่มอมแมมก็ไม่เคยลืมเพื่อนเก่านะ” คนตัวเล็กพูดกลั้วหัวเราะ ยกยิ้มกว้างให้คนตัวโตที่นั่งนิ่งอยู่ เขาเคยบอกกิตว่าสำหรับกิต เขาเป็นอะไรก็ได้ ในฐานะใดก็ได้ วันนี้มันก็ยังเหมือนเดิม เขายังมีแต่ความหวังดีให้กับคนตรงหน้าเสมอ นอกจากฐานะแฟนแล้ว เขายังเป็นอะไรก็ได้ที่อีกคนต้องการ กิตนั่งนิ่งมองอีกฝ่ายอย่างลืมหายใจเมื่อได้ยินคำที่อีกคนกล่าว

เขาเสียดาย...อินช่างแสนดีจนน่าเสียดาย..

เขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากนั่งด่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อินดีใจนะที่ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน อินขอบคุณกิตมากเลยนะที่กิตเคยดูแลอินมาตลอด เรื่องไหนที่ไม่ดีก็ให้มันผ่านไปเนอะ”

“อิน...” อินหยิบกระเป๋าสะพายหลังมาไว้บนตัก เปิดกระเป๋าหยิบถุงสีน้ำตาลออกมายื่นให้กิต

“อ่ะ ของขวัญวันวาเลนไทน์ พอดีเลิกกันก่อนเลยไม่ได้ให้” คนตัวเล็กพูดทีเล่นทีจริง กิตตาโตเบิกกว้างเอื้อมไปรับก่อนที่จะเปิดถุงดึงของที่อยู่ข้างในออกมา เมื่อเห็นชัดๆ จึงรู้ว่ามันคือผ้าพันคอไหมพรมสีแดงเข้ม

“อินถักเอง ชอบไหม” อินถามออกไปด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความประหม่า อินไม่เคยลืมความรู้สึกที่ถูกใส่ลงไปในขณะที่ถักแต่ละแถว อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่แสดงถึงความรักที่เขาเคยมีให้กับคนคนนี้ ไม่ทันตั้งตัวอีกฝ่ายก็โผตัวเข้ามารัดเขาแนบแน่น

“อินอิน.. กิตขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” น้ำเสียงสั่นเครือกระซิบข้างหู ตลอดเวลาที่คบกันมาอินแทบจะไม่เคยเห็นอีกคนแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลย นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาปลอบอีกฝ่ายแบบนี้ อินยกแขนขึ้นลูบหลังร่างโตขึ้นลงอย่างเบามือ

“ไม่เป็นไรเลย กิตชอบหรือเปล่า”

“ชอบ ชอบที่สุดเลย” อินฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินดังนั้น

“งั้นก็ดีแล้วเนอะ”

.

.

.

.

.

อินนั่งเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถ มือเรียวกำมือถือแน่น ลังเลว่าควรจะโทรกลับไปหาคนที่เพิ่งโทรมาตอนกำลังจะออกจากร้านอาหารดีไหม น้ำเสียงอีกคนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ไม่รู้ว่างานละครมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แล้วอีกอย่างเรื่องที่มาหากิตวันนี้ยังไงก็ต้องหาเวลาเล่าให้คนนั้นฟัง

“พ่อแม่ของอินอินเป็นยังไงบ้างครับ” อินตื่นจากพวังค์เมื่อคนขับรถถามขึ้น

“ก็สบายดี ตอนนี้หนีไปเที่ยวญี่ปุ่นกันสองคน ทิ้งอินไว้คนเดียว” อินบ่นพึมพำในลำคอจนคนถามก็อดขำตามไม่ได้ บรรยากาศระหว่างเขาสองคนเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น อินดีใจที่วันนี้ตัดสินใจออกมาเปิดอกคุยกันแบบนี้

“กิตจำเรื่องที่เล่าวันนี้ได้ไหม” อินถามขึ้นตอนที่เราขับรถเข้ามาในหมู่บ้านของเขา

“อืม จำได้สิ เจ้ามอมแมม” กิตยิ้มกว้างตอบกลับมา

“แล้วจำเจ้ามูมมามได้หรือเปล่า” นำ้เสียงที่ดูจริงจังทำให้กิตเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ไม่แน่ใจว่าอีกคนต้องการจะสื่ออะไร พอดีกับที่รถมาจอดหน้าบ้าน พอรถจอดสนิทกิตจึงหันมาทั้งตัวแล้วตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามไว้

“จำได้สิ”

“แล้วคิดว่าจะทำยังไงกับมัน...”

“...”

“มันยังรออยู่นะ”

“...”

“มันยังรอให้เพื่อนที่มันรักที่สุดกลับไปหา กลับไปซ่อมแซม กลับไปเล่นกับมันอยู่”

“...”

“ไปคิดดูดีๆ ถ้ายังรักอยู่ก็ต้องดูแลให้ได้”

“...”

“มัวลังเล ถ้ามูมมามเจอเพื่อนใหม่แล้วอย่ามาร้องแล้วกัน” คนพูดชี้หน้ามาที่คนฟัง จนคนตัวโตอดไม่ได้หลุดหัวเราะให้กับท่าทางน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย เอื้อมมือไปขยี้ผมแรงๆ หลายครั้งจนอีกคนร้องโวยวายเอามือขึ้นมาปัดมือเขาออกหลายที

“เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งจนมาสอนกิตแบบนี้เลยนะ”

“ว่าไงนะ”

“ระวังเถอะ จะโดนคาบไปกินแล้วจะมานั่งเฉาตายแถวนี้”

“รู้ดีนักนะ”

“ก็กิตไม่ได้เรื่องเองอ่ะ”

“ว่ากิตหรอ”

“พูดความจริงทั้งนั้น อ๊ากก.. อย่างแกล้งสิ”

เสียงหัวเราะดังลั่นรถญี่ปุ่นคันเล็กที่จอดอยู่หน้าบ้าน อินไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่ามันจะมีวันนี้ วันที่เขาสองคนจะกลับมายิ้มและหัวเราะด้วยกันได้อย่างสบายใจแบบนี้..





*******

ตอนพิเศษสั้นๆ ค่ะ เรื่องวันที่อินนัดไปเจอกับกิตนะคะ เราว่ามันสำคัญก็เลยแยกตอนมาให้อ่านกันค่ะ เชื่อเถอะนะคะว่าจบแบบนี้หนูอินมีความสุขมากกว่า น้องเคยรักของน้องมามาก แล้วกิตนางก็เคยดีกับน้องมาเยอะ ก็แค่คนไม่หนักแน่นคนนึงแต่นางก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะคะ จบแบบยังเป็นเพื่อนกันไปแบบนี้น่าจะดีที่สุด คนเขียนดราม่าไม่เก่งจริงๆ (หรือเปล่า) แหม๋ ขนาดทิวยังเป็นคนดีได้เลยนะ คิดดูสิ 555

ใกล้จบแล้ววววว อยู่ด้วยกันจนจบนะ ไหว้ละจ้า!














หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:30 ตุ๊กตาหมี) อัพ 08/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 08-07-2019 10:59:40
ดีมากๆเลยค่ะชอบเรื่องที่อินเล่ามากๆเลย :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:30 ตุ๊กตาหมี) อัพ 08/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 08-07-2019 22:08:48
ชอบเรื่องนี้ค่ะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (20:30 ตุ๊กตาหมี) อัพ 08/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-07-2019 05:58:00
น้องมอมแมมของพี่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (21:00 ไป ไม่ไป) อัพ 10/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 10-07-2019 03:01:20
21:00 ไป ไม่ไป





“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม”

“...”

“ถ้ายังไม่ยอมคุยกันดีๆ อินกลับเลยนะ” อินว่าเสียงเข้ม ง้อมาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ผล ก็ต้องลองใช้ไม้นี้

“...”

“งั้นอินไปล่ะ”

หมับ!

อินลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมทันที เตรียมหันหลังจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นที่มีเด็กโข่งนั่งอยู่หนึ่งอัตรา แต่มือใหญ่ก็คว้าแขนเขาไว้ก่อน อินพยายามกลั้นยิ้ม ทำหน้าเรียบหันไปมองอีกคน เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไง

“ไม่ไปนะ..” เจ้าของบ้านตอบออกมาสั้นๆ

“ไม่อยากให้ไปก็ต้องคุยกันดีๆ” อินเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างกัน เอียงตัวประชันหน้ากับคนที่ยังหน้าบึ้งอยู่

“ง้อ..”

“ห๊า..” คนตรงหน้าพึมพำอะไรสักอย่างจนอินต้องถามซ้ำ ก็พอได้ยินอยู่หรอกนะแต่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่

“ง้ออีก” อินหลุดขำพรืด หัวเราะเสียงดังจนคนหน้าบึ้งยิ่งทำหน้าบึ้งตึงหนักกว่าเก่า หันหน้าไปทางอื่นเอาสองมือกอดอกแน่น

เด็กชายบดิ๊นนน!

อินเอาสองมือจับแก้มอีกฝ่ายมั่น ออกแรงดึงแรงๆ ให้เจ้าตัวหันหน้ามาหา จนคนโดนดึงร้องออกมาเสียงดัง

“ง้อนะครับบบบ” อินว่ากลั้วหัวเราะจับแก้มคนตัวโตส่ายไปมาไม่หยุด

“อิน!!!!!” ดินร้องเอามือหนาจับสองมือที่อยู่บนแก้มตนให้หยุดจนอินยอมปล่อยออกในที่สุด ทำให้คนโดนดึงแก้มลูบแก้มตัวเองไปมาพยายามบรรเทาความเจ็บ

“ไม่เอาเลิกงอนได้แล้ว ไร้สาระที่สุด”

“ไร้สาระที่ไหนอินจะไม่อยู่ตั้งหนึ่งอาทิตย์”

“แปปเดียวเอง”

“แต่มันอันตราย” อินยิ้มอย่างอ่อนใจให้คนที่ยังพยายามหาข้ออ้างสารพัด

“คนไปเยอะแยะ ธันกับแนทก็ไปด้วย หมีพูห์อีก”

“...”

“ก็ถึงบอกว่าให้ไปด้วยกัน”

“ได้ที่ไหนเล่า...” ดินที่ติดงานกับคณะอักษรบ่นอุบอิบ ถ้าทิ้งได้เขาคงยอมทิ้งทุกอย่างแล้วไปกับอีกคนทันที

“รู้หรอกนะว่าที่จริงงอนเรื่องอะไร”

“...”

ก็เมื่อวานกีโทรมาชวนเขาไปเข้าค่ายอาสาสร้างห้องสมุดในพื้นที่ห่างไกลที่เชียงราย ค่ายนี้กีมันเคยไปเมื่อปีที่แล้ว อินเห็นว่าน่าสนุกดี ไหนๆ ก็อยู่ว่างๆ ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แถมได้เที่ยวไปในตัวด้วยก็เลยตอบตกลงไป แต่พอมาบอกดินเจ้าตัวก็งอนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ยอมคุยกันดีๆ จริงๆ ที่อ้างนู้นอ้างนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง เหตุผลจริงๆ ที่ไม่ยากให้ไปก็มีเพียงข้อเดียวแค่นั้นแหละ

“แต่ไอ้เตมันไปด้วย”

“แล้วยังไง..”

“หึ”

“เอาแต่ใจอีกแล้ว”

“ก็ไม่อยากให้อินไปกับมัน”

“ไม่ได้ไปกับเต แล้วอินก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร ไม่เชื่อใจกันหรอ”

“ดินเชื่อใจอิน แต่ไม่เชื่อใจมัน”

“...”

“ใครก็ดูออกว่ามันยังชอบอินอยู่”

อินถอนหายใจหนัก เรื่องกิตนี่ไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องเตนี่แตะต้องไม่ได้สักนิด ไม่รู้ไปมีเรื่องอะไรกัน อธิบายจนไม่อยากจะพูดอะไรแล้วแต่คนตัวโตก็ยังเหมือนเดิม

ไม่อยากจะใช้ไม้นี้เลย

“งั้นอินไม่ไปก็ได้” อินว่าก่อนจะคว้ามือถือในกระเป๋าขึ้นปลดล๊อค ดินที่ตั้งใจจะเถียงต่ออึ้งไปเมื่อคนตรงหน้ายอมเปลี่ยนใจอย่างง่ายดาย มองเสี้ยวหน้าของคนที่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรสักอย่าง ก่อนที่จะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวดึงโทรศัพท์ออกจากมือเรียวเล็ก

“อินไม่อยากไปแล้วหรอ?”

“ถามทำไมทั้งๆ ที่รู้”

“...”

“ก็ยังอยากไป แต่ไม่อยากมีปัญหากับดินมากกว่า”

อินว่าก่อนที่จะแบมือขอโทรศัพท์คืน พอดินยื่นให้ก็รับไปเปิดไลน์พิมพ์ข้อความเข้าไปในกรุ๊ปเพื่อนสนิทว่าคงไม่ได้ไปแล้ว ก่อนที่จะวางมันลงข้างตัวอีกครั้ง แล้วหันหน้ามาหาเขา

“โอเค อินไม่ไปแล้ว หายงอนแล้วนะ” น้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉยของอีกคนทำให้ดินใจเสีย รู้ว่าตัวเองทำตัวไร้เหตุผลแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกออกไปจริงๆ แค่อยากจะงอนให้ง้อเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าอินจะยอมตามใจจริงๆ ยิ่งอินยอมมากเท่าไหร่ การกระทำของเขายิ่งดูงี่เง่ากว่าเดิมเป็นร้อยเท่า

“..ขอโทษ”

“ช่างมันเถอะ อินไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว” ดินเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะยกโทรศัพท์อีกคนขึ้นมาปลดล๊อค เข้าไปในแชทที่อินคุยค้างไว้แล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป อินลอบมองการกระทำของอีกฝ่าย ถึงดินจะดูเอาแต่ใจ แต่ในที่สุดก็ยอมตามใจเขาอยู่ดี

“ทำอะไรน่ะ” อินถามกลับไปเสียงเข้ม อีกคนยื่นโทรศัพท์กลับมาให้

“ส่งข้อความบอกว่าอินจะไปด้วย”

“...”

“ขอโทษที่ดินงี่เง่า” คนตัวโตเอามือมาจับแขนเขาลูบไปมา อินแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่เมื่อเห็นหน้าตาสำนึกผิดของอีกคน

“ตกลงว่าให้อินไป?”

“ก็ถ้าอินอยากไป.. อินไม่ต้องขออนุญาตดินสักหน่อย”

“...” อินคิดใคร่ครวญอยู่สักครู่ แล้วจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง พิมพ์ข้อความไปหาเพื่อนคนเดิมก่อนจะล๊อคโทรศัพท์ลง คราวนี้เขาไม่ได้แค่แกล้งทำ

“อินไม่ไปแล้ว”

“ไม่เอา อย่าทำแบบนี้ ดินดูเป็นคนไม่ดีเลย” ดินว่าขึ้นอย่างร้อนรน

“ไว้ดินว่างเมื่อไหร่ค่อยไปด้วยกันเนอะ” ถึงจะอยากไปในตอนแรก แต่ใจจริงก็ไม่ได้อยากทิ้งให้คนที่ต้องทำงานหนักเหงาอยู่ทางนี้คนเดียวเหมือนกัน

“อินไปเถอะ ดินขอร้อง” ตอนนี้กลายเป็นดินที่พยายามเกลี่ยกล่อมให้อีกคนไป แย่งโทรศัพท์ไปพิมพ์อีกครั้ง

อินลังเล ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรได้ก็ได้ยินเสียงคนเดินลงมาจากชั้นสอง พอหันไปก็เห็นพี่มินเดินโอบเอวลงมากับผู้ชายร่างเล็ก พอพี่มินเห็นเขาก็ส่งยิ้มทักทายมาให้

“ว่าไงอิน มานานยัง”

“สวัสดีครับพี่มิน สักพักแล้วครับ” อินตอบไปแค่นั้น มองตามคนทั้งสองที่เดินไปถึงประตูหน้าบ้าน พูดคุยอะไรกันเล็กน้อยก่อนที่คนตัวเล็กจะเขย่งขึ้นจุ๊บปากอีกฝ่ายเบาๆ แล้วเดินออกจากบ้านไป มินหมุนตัวกลับมาหาสองคนที่โซฟา

“เป็นอะไรกัน ไอ้ดินงอนอะไรอีก”

“กูไม่ใช่คนขี้งอนสักหน่อย” ดินรีบสวนกลับพี่ชายตัวเองทันที

“ยังจะกล้าพูดนะมึง ระวังเถอะ เดี๋ยวอินก็เบื่อหรอก” คนโดนว่าแทงใจดำหน้าหงอยขึ้นมาทันที กำลังจะง้ออินสำเร็จอยู่แล้ว โผล่มาทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้ แล้วยังจะมาพูดจาไม่เข้าหูอีก

“ถ้างอนก็จะง้อ ไม่เบื่อหรอกครับ” อินว่าขึ้นเสียงนุ่ม ยกยิ้มให้กับกับคนข้างตัว จนตอนนี้ดินหูตั้งหางกระดิกอีกครั้ง ยักคิ้วมองหน้าพี่ชายอย่างผู้ชนะ

ก็แฟนเขาน่ะ ทั้งรักทั้งหลงเขาจะตาย!

มินได้แต่กลอกตามองบน นึกหมั่นไส้คนสายเลือดเดียวกันขึ้นมาจับใจ มันเป็นคนเอาแต่ใจอยู่แล้ว โดยสปอยล์แบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ แบบนี้ต้องป่วนให้มันสำนึกซะบ้าง คิดได้ก็เดินไปหยิบบางอย่างที่หน้าทีวีก่อนจะเดินกลับมาหาคนเป็นน้อง

“อ่ะ” มินยื่นกระดาษสีขาวเล็กๆ หนึ่งปึกให้ คนเอื้อมมือมารับเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนที่จะคลี่มันออกมาดูทีละแผ่น อินเองก็เอื้อมมาหยิบไปคลี่ดูบ้าง อินตาโตเบิกกว้าง ด้านในกระดาษทุกแผ่นไม่มีอะไรเลยนอกจากมีชื่อและเบอร์โทรเขียนไว้

“กูรวบรวมมาให้จากงานวันเกิดมึง”

“...”

“แต่ส่วนใหญ่มาจากงานเมื่อคืน” อินขึงตาหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่าย เมื่อคืนเขาไม่ได้ไปด้วยตอนที่ดินไปร้องเพลงที่ร้านเพื่อนพี่มิน

“โปรยเสน่ห์เก่งเหมือนเดิมนะ มึงก็เลือกๆ ดูแล้วกัน สนคนไหนก็แอดไป กูไปนอนล่ะ ยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน” คนพูดหาวออกมา ยกมือสองข้างบิดขี้เกียจไปมาก่อนที่จะฮัมเพลงเดินขึ้นชั้นสองไปห้องตัวเอง อินหันขวับมองหน้าคนตรงหน้าทันที ร่างสูงได้แต่ส่่ายหน้าไปมา

“ดินไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ..โอ้ย!!!” ขณะกำลังแก้ตัว ดินก็ต้องร้องออกมาเพราะโดนมือเล็กดึงติ่งหูลงไปแรงๆ

“เสน่ห์แรงนักนะ” ว่าแล้วอินที่หงุดหงิดถึงขีดสุดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความอีกครั้ง

“อิน.. จะทำอะไร..”

“อินไม่ไปแล้ว ปล่อยไปวันเดียวดูสิมีมาเป็นปึก”

“โธ่ แต่ดินไม่ได้สนใจใครเลยนะ”

“ก็ลองดูสิ” อินกดส่งข้อความ ก่อนจะชี้หน้าคนที่มองเขาตาทะเล้น ยิ้มแป้นไม่หยุด

“ยังจะยิ้มอีก”

“ก็อินหึงนี่ น่ารักจัง” คนหึงหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะความโมโหอีกแล้ว

“...”

“ก็รู้ว่าพี่มินมันแกล้ง”

“ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” คนตัวโตหัวเราะชอบใจ ดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด ถึงจะชอบเวลาที่อีกฝ่ายหึงหวงแค่ไหนแต่เขาไม่อยากให้อีกคนเข้าใจผิดอีกแล้ว

“อินรู้ว่าดินไม่มีทางมองใคร..”

“...”

“รู้ใช่ไหม?” ดินเอื้อมไปจับคางอีกฝ่าย ดันเบาๆ ให้หันมาสบตากัน อินมองสายตาที่จริงจังของเจ้าของอ้อมกอดก็ต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“ก็รู้...” อินรู้ว่าเขาเชื่อใจอีกฝ่ายได้ และเขาก็รู้ดีว่างานที่อีกฝ่ายทำมันเสี่ยงต่อการมีคนเข้ามามากแค่ไหน นอกจากเชื่อใจกันแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอะไรอีกเลย ถ้าคนมันจะทำถึงเขาอยู่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“งั้นก็ไม่ต้องเฝ้า ถ้าอินอยากไปก็ไปนะครับ” อินลังเลอีกครั้ง มือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปในแอป แต่ตอนที่ตัดสินใจจะพิมพ์อะไรลงไปโทรศัพท์ของเขาก็มีสายเรียกเข้า เมื่อเห็นเป็นชื่อเพื่อนสนิทก็เลยรีบกดรับสาย

“กีว่าไงมึง”

เสียงตะโกนดังออกมาจากปลายสาย กว่าจะตั้งสติจนจับใจความได้สายก็โดนตัดไปซะแล้ว

[มึงสองผัวเมียช่วยไปตกลงกันก่อนนะ กูรำคาญ!!!]

.

.

.

.

.

.

.

กีนั่งสบถอยู่บนเตียง ตากลมยังจ้องข้อความที่เพื่อนแต่ละคนส่งมาสาปแช่งกับการเปลี่ยนใจไปเปลี่ยนใจมาของอินไม่หยุด ดูจากสำนวนการพิมพ์ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่แค่อินที่พิมพ์มา จนในที่สุดอดใจไม่ไหวโทรไปด่ามันจนได้ ขณะกำลังนั่งพิมพ์ข้อความด่ามันอย่างเมามันส์ประตูห้องนอนของเขาก็เปิดขึ้น กีเงยหน้าไปมองคนที่เข้ามาใหม่ ร่างสูงโปร่งที่มีเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวทำให้เขาเห็นลอนกล้ามแน่นได้อย่างชัดเจน ผมของอีกฝ่ายที่ปรกติจะยาวประบ่าถูกรวบไว้ด้านหลังทำให้ร่องลึกไหปลาร้าโดดเด่นขึ้นมากว่าเคย

ถ้าจะเซ็กซี่ขนาดนี้ ต้องรอบที่สี่ไหม!!

ต้นวางขวดน้ำเปล่ากับแก้วสูงสองใบลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างเขา กีเผลอกลืนน้ำลายตอนที่อีกคนโน้มหน้าเอาจมูกมาแนบแก้มของเขาก่อนที่จะสูดหนักๆ จนเกิดเสียงดังฟอดขึ้นในอากาศ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ใจเขาก็ยังเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเหมือนทุกครั้ง และเหมือนจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ กีเกร็งจนเผลอกลั้นหายใจจนเหมือนมีอากาศไปเลี้ยงสมองไม่พอ

“โวยวายอะไรอีก เสียงดังไปถึงข้างนอกแล้ว” คำพูดที่เหมือนตำหนิถูกกล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ต้นหันไปเปิดฝาขวดน้ำก่อนที่จะเทน้ำลงแก้วทั้งสองใบจนเต็ม ส่งแก้วใบนึงให้อีกฝ่ายก่อนที่จะยกแก้วขึ้นจิบแก้กระหายหลังจากที่เสียเหงื่อไปเยอะ

“ก็ไอ้อินกับดินน่ะสิ” คนตัวเล็กเกริ่น เริ่มจิบน้ำในแก้ว อีกมือยังคงอ่านแชทในกลุ่มที่ขึ้นมาไม่หยุด

“อะไรกันก็ไม่รู้ เราชวนมันไปค่ายอาสาแล้วมันคงเล่าให้ดินฟัง เนี้ยส่งข้อความมาไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เดี๋ยวก็ว่าจะไป เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจอยู่นั่น” กีบ่นอุบอิบไม่หยุด ต้นเพียงแต่พยักหน้ารับรู้ เข้าใจแล้วว่าเมื่อกี้ตอนที่กำลังถึงไหนต่อไหนเสียงเตือนจากโทรศัพท์อีกฝ่ายที่ดังซ้ำแล้วซ้ำอีกมันมาจากไหน แต่ตอนนี้เรื่องที่เขาสงสัยมันเป็นเรื่องอื่นต่างหาก

“ค่ายอะไร เมื่อไหร่ ทำไมต้นไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ต้นว่าขึ้นทำให้กีหันมาสบตา เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะถามเรื่องนี้ แล้วไหนจะน้ำเสียงตัดพ้อนั่นอีก

“ค่ายอาสาที่เชียงราย” กีตอบสั้นๆ หันกลับไปมองโทรศัพท์อีกครั้งยังคงสนใจโต้ตอบแชทกลุ่มต่อไป ต้นมองคนตรงหน้าที่ไม่สนใจเขาสักนิด ก็เริ่มโมโหจนทนไม่ไหว สุดท้ายเลยตัดสินใจดึงโทรศัพท์ออกจากมือกี จนอีกฝ่ายหันหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง ไม่เข้าใจในการกระทำของเขา

“แล้วไม่คิดจะชวนต้นเลยหรอ” กีมุ่นคิ้วสองข้างเข้าหากัน รู้สึกแปลกใจที่คนตรงหน้ามีหน้าตาบึ้งตึงแบบนี้

“ก็ไม่คิดว่าต้นว่าต้นจะชอบอะไรแบบนั้น มันลำบากนะ”

“ก็ไม่ได้สนใจที่ค่าย สนใจที่กี”

“...”

“แล้วจริงๆ ต้นก็ทำงานได้เยอะกว่ากีแน่”

กีหน้ามุ่ยให้กับคำพูดสบประมาทของอีกคน แต่ก็แอบยิ้มกรุ้มกริ่มกับประโยคแรก คือเขาก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าควรจะชวนอีกคนไปด้วยดีไหม ใจก็อยากให้ไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่เพราะคิดว่าคุณหนูแบบนี้ไม่มีทางจะไปปีนเขา แบกไม้ เทปูนสร้างบ้านได้หรอก พอคิดแบบนั้นเขาก็เลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะเอ่ยปากชวน และนอกจากนั้นเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เขาไม่กล้าชวนอีกคนก็คือ...

“เมื่อไหร่ล่ะ”

“เดือนหน้า..”

“...”

ใช่ เดือนหน้า..

วันที่จะไปมันเลยกำหนดหนึ่งเดือนที่เราสองคนตกลงคบกันไปแล้ว กีไม่แน่ใจเลยว่าถึงวันนั้นเราสองคนจะยังเป็นเหมือนเดิมแบบนี้อยู่ไหม แต่ถึงจะกลัวแสนกลัว ในเมื่อเป็นต้นเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน บางทีเขาก็อาจจะยังมีหวังอยู่ไม่ใช่หรอ

“อยากไปด้วยกันไหมล่ะ..” กีกำโทรศัพท์ในมือแน่นกลั้นใจถาม เงยหน้าสบตากับต้น แม้ในใจตอนนี้จะสั่นไหวจนแทบจะคุมสติไม่ได้แต่เขาก็ยังพยายามทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อยากให้ไปไหมล่ะ” คำถามลองใจถูกเอ่ยออกมาแทนคำตอบ กีไม่ใช่คนโง่ และเขาเกลียดการตกเป็นรอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าตลอดมาความสัมพันธ์ที่เรามี คนที่แสดงออกมากว่าคือเขา ถึงจะรู้ว่าไร้ศักดิ์ศรี แต่เสียงของหัวใจมันก็ดังเกินไปจนทำให้เขาละทิ้งทุกทิฐิจนหมดสิ้น ในเมื่อยอมเสี่ยงแล้ว เขาก็ต้องไปให้ถึงที่สุด

“นายก็รู้ว่าเราต้องอยากให้นายไป” กีตอบออกไปเสียงแผ่วเบา รู้สึกเขินอายกับคำสารภาพของตน สีแดงเรื่อเริ่มปรากฎชัดขึ้นบนแก้มขาวของคนร่างบาง

“แต่ว่ามันก็ไม่สำคัญหรอกนะ มันอยู่ที่ว่าจริงๆ แล้วนายอยากไปหรือเปล่า”

“...”

“คิดดีๆ ก่อนแล้วค่อยบอกเราก็ได้ เรารอนายได้เสมอนะ...คือเราหมายถึงจะไปตั้งเดือนหน้าไง ค่อยโทรไปบอกพี่เขาวันหลังก็ได้”

ต้นมองคนตรงหน้าที่เลิกลั่กพยายามอธิบายไม่หยุด เขาเข้าใจในความหมายที่อีกคนพยายามสื่ออกมา มันไม่ใช่คำถามใหม่ สิ่งเหล่านี้มันวนเวียนอยู่ในหัวเขามาตลอดอยู่แล้ว เขามั่นใจในตัวกีแต่ที่ไม่มั่นใจคือความรู้สึกของตัวเองต่างหาก และในเมื่อเขายังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ เขาก็เลยไม่มีคำตอบให้คนตรงหน้าเหมือนกัน

“งั้นขอต้นดูก่อนนะ แล้วเดี๋ยวบอกอีกที” ทันทีที่คำตอบถูกเอ่ยออกไป คนฟังก็หน้าเจื่อนลงทันที คำตอบที่คาดหวังไว้ไม่ถูกเอ่ยออกมา

“อืม..ค่อยบอกก็ได้”

.

.

.

เพราะว่าไม่รู้ว่าต้องการอะไร ถึงได้บอกไม่ได้ว่าต้องการอะไร

เพราะไม่แน่ใจว่าพร้อมจะ “ไป” ด้วยกันไหม ถึงยังตอบตกลงไม่ได้

ขอโทษนะ..

ที่ต้องตอบไปแบบนั้น

เพราะตอนนี้...

ทำได้แค่นี้จริงๆ













**********

ภูมินทรรรรรร์ ทำไมเลววววว ตกลงอินไปหรือเปล่ายังไม่รู้เลย งงกับมันสองคนมาก 555

ส่วนต้นกี เฮ้ออออออออ






หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (21:00 ไป ไม่ไป) อัพ 10/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-07-2019 04:14:36
พี่มินก็แสบเกิ๊น  :z2:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (21:00 ไป ไม่ไป) อัพ 10/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 10-07-2019 08:44:21
ขำความโทรไปด่าของกี555555 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (21:00 ไป ไม่ไป) อัพ 10/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-07-2019 06:24:06
กีคงรำคาญมากจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (22:00 ปมสุดท้าย) อัพ 12/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 12-07-2019 14:04:47
22:00 ปมสุดท้าย

อินที่นั่งไถมือถือเล่นไปมาเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีของบางอย่างวางลงบนโต๊ะไม้ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นคนคุ้นหน้าส่งยิ้มหวานมาให้ เจ้าตัววางข้าวของทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายข้าง, แฟ้มใส่โน๊ตเพลงและกีต้าร์โปร่งลงบนโต๊ะไม้ก่อนจะเอ่ยปากถามเสียงใส

“มานานยังครับ” อินส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบก่อนที่จะดึงถุงกระดาษที่อยู่ข้างตัวไปวางบนที่ว่างบนโต๊ะ หยิบมัฟฟิ่นกล้วยหอมที่วันนี้ตื่นมาทำแต่เช้ายื่นให้คนตรงหน้า

“งานเสร็จหรือยัง เมื่อกี้ดินบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรนี่ กินขนมรองท้องก่อนเนอะ เสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน” มือส่งของที่ภูมิใจนำเสนอให้อีกคน ก็เขาอุตส่าห์จริงจังขนาดไปลงเรียนคอร์สทำขนม ลองทำหลายรอบจนคนที่บ้านน้ำหนักขึ้นกันไปหลายโล ดังนั้นจึงรับรองได้ว่าต้องอร่อยแน่ๆ คนรับไปมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดูก็รู้ว่าดีใจมากแค่ไหน เจ้าตัวนั่งลงไม่พูดไม่จา งับของในมือคำโตจนแปปเดียวก็เหลือแต่ถ้วยกระดาษ

“อร่อยที่สุดตั้งแต่มีคนทำมัฟฟิ่นมาเลย” อินหัวเราะให้กับคนขี้โม้ที่ตอนนี้มาค้นถุงกระดาษหยิบชิ้นที่สองไปกินอย่างมูมมามจนสำลักไอค่อกแค่ก

“ช้าๆ ก็ได้ ไม่มีใครแย่งหรอก” อินเอ่ยแซว

“ใครแย่งอะไร อ่ะ ดินกินอะไรอยู่ อยากกินบ้าง”

เพี้ยะ!

ทิวถามขึ้นมาทันทีที่นั่งลงข้างอิน เหลือบมองเห็นถุงขนมก็เอื้อมมือจะไปหยิบแต่โดนมือหนาตีหลังมือซะก่อน

“ของเรา”

“อะไรดินนนน มีตั้งเยอะแยะ ขอชิ้นนึง”

“แต่อินทำมาให้เรา”

“ห๊า อินทำเองหรอ น่ากินมากกกก ขอกินชิ้นนึงนะ” ทิวส่งสายตาอ้อนวอนมาให้อิน สองมือจับแขนคนข้างตัวเขย่าไปมา แต่ก็ต้องปล่อยออกอย่างรวดเร็วเมื่อมือหนามือเดิมตามมาตีข้อมือเขาอีกรอบ

“ปล่อยอินเลยนะ”

“ดินใจร้าย อินเลิกกับคนแบบนี้เถอะ มาคบกับเราแทน” ทิวพูดเสียงใส อินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนให้กับสงครามย่อมๆ ตรงหน้า ได้แต่ยกสองนิ้วขึ้นมานวดหว่างคิ้วคลายอาการปวดหัว เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจริงๆ ในที่สุดอินจึงหันไปหาคนรักจ้องอยู่สักพักจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวและหันมาสบตากัน

“แบ่งให้ทิวอันนึงนะ” อินพูดเหมือนขอร้องแต่น้ำเสียงที่ใช้ทำให้คนหวงของไม่กล้าขัด ล้วงเข้าไปหยิบมัฟฟิ่นชิ้นที่ดูเล็กที่สุดยื่นให้คนที่ยิ้มหน้าบานรออยู่ คนรับกัดมัฟฟิ่นไปนึงคำก็กระโดดโลดเต้นไปมารอบโต๊ะ ร้องฟินกับรสชาติที่แตะปลายลิ้นจนคนหันมามองกันเต็ม ทิวบิขนมเป็นคำๆ ยัดใส่ปากเพื่อนที่นั่งทำงานอยู่แถวนั้นสองสามคนก่อนจะชี้มาที่คนทำ คนที่ได้กินไปก็ยกนิ้วโป้งชูขึ้นเป็นการเอ่ยชมกันยกใหญ่ อินอดหัวเราะให้กับอาการโอเว่อร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อหันกลับมามองหน้าคนตัวโตที่นั่งหน้าบูดเหมือนเด็กโดนแย่งขนมไปแล้ว

“เดี๋ยวว่างวันไหนดินก็แวะไปเอาคุ้กกี้เนยสดที่บ้าน” ได้ยินอย่างนั้นเด็กโข่งก็ยิ้มร่าขึ้นมาอีกครั้ง ดีใจที่อินจำได้ว่าเขาชอบกินคุกกี้เนยสดที่สุด ดินเอื้อมเอามือมาวางทับบนมือเล็ก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“งั้นไปเย็นนี้เลย”

“เย็นนี้ไม่ได้!!” ไม่ใช่อินแต่เป็นคนที่จัดการขนมหมดไปแล้วต่างหากที่เอ่ยขึ้น

“ทำไมไม่ได้ล่ะ” อินถามอย่างสงสัย นึกว่างานทั้งหมดเสร็จแล้วซะอีก “ยังเหลืออะไรต้องทำอีกหรอ” พอหันไปหาคนตัวโตเพื่อขอคำตอบ กลับเห็นสีหน้าที่มีความสงสัยไม่ต่างกัน เลยหันไปหาคนพูดอีกที

“เสร็จแล้ว ดีมากๆ เลยด้วยมีแต่คนชมดินกันทั้งนั้น” ทิวว่าต่อพร้อมนั่งลงที่โต๊ะไม้ ส่งสายตาอ้อนวอนขอขนมเพิ่มอีกชิ้น ดินดึงถุงมัฟฟิ่นไปถือทันที แต่พอมองหน้าอินก็สบถในลำคอนิดหน่อยก่อนจะยอมหยิบขนมออกมาชิ้นนึง ดึงแบ่งครึ่งก่อนจะยื่นครึ่งที่น้อยกว่าให้ทิว อินอดขำไม่ได้เมื่อคนตัวเล็กบ่นอุบอิบแต่ก็ยอมรับไปกินอยู่ดี

“ก็วันนี้เราเตรียมปาร์ตี้ขอบคุณให้ดิน ไม่มีใครมาเยอะหรอก มีแต่คนรู้จักกันทั้งนั้น ร้านประจำแถวนี้แหละ” เมื่อทิวบอกชื่ออินก็ร้องอ๋อ ในใจ เป็นร้านประจำที่เขาเคยไปกับพวกธันก่อนหน้านี้

“อินชวนเพื่อนมาด้วยก็ได้นะ จะได้ไม่เบื่อ”

“ให้เราไปด้วยหรอ” อินที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับงานถามขึ้นมาอย่างเกรงใจ

“เอ้า งานของดิน แล้วอินจะไม่ไปได้ไง แล้วระวังเหอะ ปล่อยดินไปที่แบบนั้นคนเดียวบ่อยๆ จะหาว่าเราไม่เตือน”

“ทิว..” ดินว่าขึ้นเสียงเข้ม ตัั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทิวกลายเป็นพวกอินขึ้นมาเขาไม่แน่ใจจริงๆ

“ตกลงไปนะ” คนร่างเล็กไม่คิดฟังดิน เซ้าซี้คนข้างตัวอย่างไม่ลดละ

“ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจนะ แต่อยากไปด้วย” อินเหลือบมองคนตัวโตหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ ไม่อยากให้อีกคนคิดว่าเขาคอยตามประกบแจตลอดเวลา

“ไม่ให้อินปฎิเสธหรอกนะ” ดินเอื้อมมาจับมือเขาแบออก วางมือประสานกันก่อนจะสอดนิ้วเข้าไประหว่างนิ้วเขาแล้วกำมือลง ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านฝ่ามือมาถึงอกข้างซ้าย พอเผลอไปสบตากับอีกฝ่ายที่มองอยู่ก่อนแล้ว ผิวเนื้อบริเวณแก้มก็ขึ้นสีแดงเรื่อขึ้นมา

“ไปด้วยกันนะครับ”

.

.

.

.

.

.

.

ในเวลาที่แสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า ร้านอาหารกึ่งผับประจำย่านก็เริ่มคึกคักขึ้นอย่างที่เป็นประจำ อาจจะไม่มากเท่าช่วงเปิดเทอม แต่คนวัยทำงานและนักศึกษาที่ไม่กลับบ้านก็ยังมีมากพอที่จะเติมเต็มที่ว่างของร้านให้ไม่ดูเงียบเหงา ถึงจะบอกว่ามีแต่คนรู้จักแต่คนที่ชอบจัดปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจก็ยังชวนคนที่คิดว่า ‘น่าจะเกี่ยวข้อง’ มาเยอะจนตอนนี้โต๊ะของเขากลายเป็นโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดกลางร้าน นี่ถ้ามองเผินๆ เขาคิดว่าคนตัวเล็กตั้งใจจะจัดงานวันเกิดให้ดินอีกรอบซะอีก

“มันก็แบบนี้แหละ หาข้ออ้างปาร์ตี้ไปเรื่อย” ลูกน้ำว่าขึ้น พร้อมยื่นแก้วเหล้าที่ชงแล้วมาให้อิน กี และธัน เพราะเป็นกลุ่มเพื่อนที่ก่อนหน้านี้เคยเจอกันแล้วที่หัวหิน พออินเอ่ยชวนมาพวกมันเลยตอบตกลงกันทันที มีแต่อีแนทที่มีนัดอยู่ก่อนแล้วจึงมาไม่ได้

“ติดผัวมึงงง” ธันเริ่มเม้าเพื่อน

“ว่าแต่วันนี้ฉลองอะไรกันวะ” อินหลุดขำเพื่อนสนิท ก็พอชวนมันมา มันก็ตอบตกลงโดยไม่ได้ถามอะไรเลยสักนิด

“เลี้ยงขอบคุณที่ดินไปช่วยงานอักษรอะ”

“อ่อ กูไม่เกี่ยง เหล้าฟรีกูยังไงก็ได้”

ว่าแล้วมันก็เริ่มเม้านู้นเม้านี่จนเสียงหัวเราะกระจายไปทั่วโต๊ะ พอกินเหล้าเข้าไปได้สองสามแก้วอินที่เริ่มอยากเข้าห้องน้ำจึงขอตัวออกจากโต๊ะ เดินไปทางห้องน้ำที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ รอคิวไม่นานก็ได้เข้าไปทำธุระส่วนตัว

“เอ้า เจ มาแล้วหรอ” ออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อไม่คาดคิดว่าจะเจออีกฝ่ายยืนล้างมืออยู่ก่อนแล้ว

“อืม ยังไม่ได้ไปโต๊ะก็แวะมาห้องน้ำก่อนเลย อั้นแทบตาย” อีกฝ่ายว่าขึ้นพร้อมทำหน้ายุ่งๆ จนอินอดขำไม่ได้ อินเอื้อมไปบีบสบู่เหลวก่อนจะเริ่มต้นล้างมือบ้าง เจปิดน้ำเอื้อมไปดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมือก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ล้างมืออยู่

“อิน..”

“หืม” อินหันหน้าไปมองเมื่อคนเรียกชื่อตน

“ขอบใจนะแล้วก็ขอโทษ..”

“มาขอบใจเราทำไม” อินพูดกลั้วหัวเราะ ถึงจะไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของคนตรงหน้า อินเอื้อมไปปิดน้ำก่อนที่จะดึงทิชชู่มาเช็ดมือบ้าง

“กิตมาคุยกับเราแล้ว..”

“อืม... คืนดีกันแล้วใช่ไหม” อินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเสี่ยงถามคำถามที่คิดว่าตัวเองเดาถูก

“อืม..”

“ก็ดีแล้วเนอะ...” อินส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมเอามือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ

“ไม่ต้องคิดมากเรื่องเราแล้วนะ” ร่างเล็กตรงหน้าพยักหน้าลงอีกครั้ง ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแสดงความซาบซึ้งใจอย่างที่สุด

“แล้วเราก็ขอโทษ.. สำหรับทุกอย่างแล้วก็เรื่องดิน...”

“เราบอกแล้วว่าอย่าคิดมาก แค่อย่าทำอีกก็พอ รอบที่แล้วดินโกรธจนเราเกือบไม่รอด” อินเย้าทีเล่นทีจริง ถึงจะไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรแล้วแต่เขาก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง

“ก็เราแค่อยากให้อินกับกิตกลับมาคบกัน ตอนนั้นคิดได้แค่นั้นจริงๆ” อินยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า รู้ว่าเจรักกิตมาก มากจนยอมทำทุกอย่างให้กิตมีความสุข แม้กระทั่งการส่งรูปไปให้ดินเพราะอยากให้เราเข้าใจผิดกัน ทั้งหมดก็แค่เพื่อให้อินกลับไปหากิต อินมารู้ทีหลังก็ตอนตัดสินใจถามดินไปตรงๆ ว่ารู้ได้ยังไงเรื่องที่เขาไปเจออีกฝ่าย แล้วพอเห็นชื่อคนส่งรูปมาก็ถึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด

“ช่างมันเถอะ แบบนี้ดีที่สุดแล้วเนอะ”

“อินเป็นคนดีจริงๆ เราไม่แปลกใจเลยที่กิตรักอินมากขนาดนี้”

“ไม่มากเท่าเจหรอก ป่ะ เข้าไปนั่งกันนะมูมมาม” อินจับไหล่สองข้างดันอีกคนให้เดินนำไปก่อน

“อ่ะ กิตก็เรียกเราแบบนี้ เม้าส์อะไรเรากัน” เจโวยวายขึ้นมาทันที รู้เลยว่าต้องมีอะไรแฝงขึ้น

“ก็กินเยอะหรือเปล่าช่วงนี้”

“ก็ไม่นะ เราก็กินปกตินี่” อินไม่ได้ตอบอะไรทำได้แค่หัวเราะแล้วดันอีกฝ่ายไปตามทางเดิน

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ครืด ครืด

โทรศัพท์ในมือของกีสั่นขึ้น เขาขอแยกตัวออกจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อออกไปหาที่สงบเพื่อรับสาย เมื่อเดินออกมานอกร้านก็หันซ้ายหันขวาเจอม้านั่งว่างอยู่ก็เดินไปหย่อนตัวลงนั่งก่อนที่จะกดรับ

“อยู่ไหนแล้วเนี่ย ทำไมยังไม่ถึงสักที” แค่ประโยคแรกที่เอ่ยทัก กีก็อดไม่ได้ที่จะบ่นคนที่มาสาย เพื่อนๆ มากันหมดแล้วแต่คนของเขายังไม่โผล่มาสักที

[รถติดนิดหน่อยน่ะ ใกล้ถึงแล้วน้องกี]

“ใกล้ถึงนี้กี่นาที ให้นั่งรอหน้าร้านเลยไหม”

[ไม่เป็นไรครับ ไปนั่งรอข้างในเถอะ ไม่เกินสิบนาทีถึงแน่นอน]

“เอางั้นนะ ขับรถระวังๆ ด้วยแล้วกัน”

[คร้าบ จะรีบไปเลย คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว] ปลายจมูกกีเริ่มขึ้นสีแดง ใจเต้นรัวขึ้นทันที ถึงจะโดนอีกฝ่ายปากหวานใส่เป็นประจำแต่ก็ไม่ชินสักที

“นายก็เว่อร์ ไม่เจอกันสองวัน”

[แค่สองนาทีก็ไม่ไหวแล้ว]

“หึ ล่มปากอ่าวหรอ สองนาทีก็ไม่ไหว” ต้นหัวเราะร่าเมื่อโดนคนขี้โวยวายย้อนกลับ นึกหมั่นไส้คนในสายจนอยากจะไปถึงเร็วๆ แล้วฟัดอีกฝ่ายให้หายปากเก่งไปเลย

[เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้ว่าจะจบที่ปากอ่าวหรือปากกี]

“ทะลึ่ง!”

[ต้นไม่ได้เริ่มเลยนะ]

“อ่ะๆ งั้นแค่นี้แหละ แล้วเจอกัน” คนที่เถียงไม่ออกจงใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เข้าตัวไปมากกว่านี้ กดวางสายทันทีโดยไม่ได้ฟังว่าปลายสายตอบรับมาว่ายังไง แม้วางสายไปแล้วแต่คนร่างเล็กยังคงนั่งจ้องโทรศัพท์ไม่วางตา

‘คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว’

คำหวานที่ถูกเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ตราตรึงอยู่ในหัวของเขา ยิ่งมันใกล้กำหนดหนึ่งเดือนที่ตกลงกันไว้ ทุกการกระทำของอีกฝ่ายจึงมีผลกับเขามากเป็นพิเศษ ยิ่งอีกคนทำแบบนี้ความหวังที่เคยมีน้อยนิดมันยิ่งเพิ่มขึ้นมากขึ้นทุกวัน

“เราก็รักจนใจจะขาดอยู่แล้ว”

กีพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจลุกยืนขึ้นเดินกลับเข้าร้าน เขาก้มมองพื้นตอนที่รู้สึกเหมือนเหยียบอะไรสักอย่าง แต่ก็พบว่าเป็นแค่เศษใบไม้

ปึ้ก!

“ขอโท...อ้าว ไอ้นท!” ขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาก็ดันไปชนเข้าอย่างจังกับคนที่เดินสวนออกมา พอจะเอ่ยขอโทษก็ต้องแปลกใจเมื่อดันเป็นคนรู้จัก

“มึงมาตอนไหนเนี้ย ไม่เห็นๆ เลย ไอ้เตมาด้วยหรือเปล่า” นทเป็นเพื่อนที่รู้จักกันตอนไปเข้าค่ายอาสา บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อที่เจ้าตัวดันเป็นเพื่อนห้องเดียวกับต้นและดินสมัยมอปลาย

“เปล่ามันไม่ได้มาหรอก” อีกฝ่ายตอบเสียงอู้อี้ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยหึ่งออกมาจากเจ้าตัว นี่ยังไม่ดึกเลยเจ้าตัวเริ่มเมาอีกแล้ว

“มาตั้งแต่กี่โมง มึงเมาไม่ไหวแล้วเนี้ย”

หมับ!

“นิดหน่อยน่า แค่โลกเอียงๆ แล้วแค่นั้น” นทเอามือพาดบ่ากีรัดเข้ามาใกล้ก่อนที่จะเอ่ยกระซิบข้างหู กีหัวเราะให้กับคนขี้เมาตรงหน้า มันเป็นแบบนี้ประจำตอนไปค่ายอาสามันก็น๊อคก่อนใครเพื่อน คออ่อนแล้วยังจะกินเยอะอีก

“แล้วจะเอาไง มึงจะให้กูเรียกแท๊กซี่เลยไหม”

“ไม่ๆ ขอสูดอากาศบริสุทธิ์แปป เดี๋ยวกูกลับเข้าไปใหม่”

“จะไหวไหมมึง แล้วคิดว่าจะกลับยังไงวันนี้” พูดไปก็ต้องคอยหลบคนหน้าร้านไป จนในที่สุดกีก็เดินหิ้วปีกคนเมาไปยืนตรงที่โล่งใกล้ๆ ทางเข้า

“เดี๋ยวไอ้กันต์ไปส่ง” นทพูดชื่อเพื่อนคนหนึ่งสมัยมอปลายที่กีก็เคยเจอตอนไปหัวหินด้วยกัน

“โอเค งั้นยืนรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวกูไปตามกันต์ให้” พอกีปล่อยคนข้างตัว มันก็ดันเซลงมาแทบจะล้มลงกับพื้นจนต้องรีบกลับไปเอาแขนอีกฝ่ายมาพาดคอตัวเองไว้ดังเดิม

“กูว่ามึงไม่ไหวแล้ว” ว่าแล้วก็พยายามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แขนข้างหนึ่งพยายามประคองคนที่คอพับคออ่อนแน่นขึ้น

“ธัน มึงเห็นกันต์ไหม เออเพื่อนไอ้นทเพื่อนกูไง บอกให้มันมาดูเพื่อนมันดิ ไอ้นทเมายังกับหมา”

“ม่ายช่ายหมา~” คนโดนว่าเป็นหมารีบแทรกขึ้นมา

“มึงยิ่งกว่าหมาอีก” กีทั้งขำทั้งอดด่ามันไม่ได้

“เออๆ มึงเจอมันแล้วนะ พวกกูรออยู่ทางประตูเข้าร้าน” ว่าเสร็จก็วางสายไป ไอ้คนข้างตัวก็เทน้ำหนักลงมามากขึ้นเรื่อยๆ จนกีเองก็เริ่มไม่ไหว ใช้สองมือสอดเข้าใต้แขนทั้งสองข้างของอีกคน เจ้าตัวคอพับคออ่อนจนตอนนี้เอนทั้งหัวมาซบไหล่เขา

“ลำบากกูฉิบหาย มึงติดเลี้ยงข้าวกูมื้อนึงนะ” กีพูดกรอกหูคนเมาอย่างอ่อนใจ เหงื่อเริ่มออกเพราะตัวอีกฝ่ายใหญ่กว่าเขามาก

“ซูชิ.. อยากกิน..” คนบนตัวเขาว่าพึมพำขึ้นมา จนกีหัวเราะร่าออกมา

“เออ ซูชิก็ดี จะเอาให้กระเป๋าแบนเลยมึง”

“วาซาบิ~”

“เออ ใส่เข้าไปเยอะๆ มึงจะได้สร่าง”

“อื้อ~ อย่าเสียงดัง ง่วงงง” กีอยากโยนคนเมาทิ้งเมื่อมันบ่นออกมา กอดรัดเอวเขาแน่น แนบแก้มข้างหนึ่งบนไหล่ ขยับสองสามทีหามุมสบาย แต่ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา หัวเราะเบาๆ คิดในใจว่าต้องด่ามันจริงๆ จังซะแล้ว นี่ถ้าไม่เจอเขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงกันแน่ ปล่อยตัวเองเมาขนาดนี้ได้ยังไง

“ไอ้หมา”

“ไม่ใช่หมา~” มึงยังจะเถียงอีก กีถอนหายใจออกมาอย่างหมั่นไส้ อยากจะเขวี้ยงมัดใส่มันสักสองสามทีเอาให้หายเมากันไปเลย กียังคงต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้าโดยที่เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าการกระทำทั้งหมดของเขาตกอยู่ในสายตาของใครคนนึงมาหลายนาทีแล้ว...

*************

ไม่เข้มข้นเราไม่นอนนนนน

เรื่องนี้เหลือใช้แทคเดียว #รักมือสองอินดิน

เดี๋ยวนี้เริ่มหัดเล่นทวิตเตอร์กับเขาแล้วนะ เวลามีตอนใหม่หรือมีรีดแชทจะเอาลิ้งไปแปะไว้ให้นะคะ ฝากตามกันด้วยเน้อ (@maywrite1) ตอนนี้มีสามเรื่องใหม่ที่ตั้งใจว่าจะเขียนหลังจากจบเรื่องนี้ (เรื่องน้องหมีพูห์กับพี่แทนจะมาแน่ๆ) แต่จะเมื่อไหร่นั้น แฮะๆ ๆ ไม่รู้จริงๆ ค่ะ ช่วงนี้วุ่นวายหลายสิ่งเหลือเกินชีวิต ยังไงอย่าเพิ่งไปไหน มาจบเรื่องนี้ไปด้วยกัน ใกล้แล้วๆ ๆ






หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (22:00 ปมสุดท้าย) อัพ 12/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 12-07-2019 19:47:23
กีกับต้นจะยังไงต่อ อยากเห็นฉากหึงๆของต้นจังเลย :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (22:00 ปมสุดท้าย) อัพ 12/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-07-2019 23:55:24
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (22:00 ปมสุดท้าย) อัพ 12/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-07-2019 23:58:15
 :katai5: ต้นจะดราม่าหรอ เดี๋ยวน้องกีทิ้งไม่รู้ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (22:00 ปมสุดท้าย) อัพ 12/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-07-2019 16:22:59
ตอนนี้น่าจะทำให้ต้นรู้สึกตัวก็ได้ว่าหึงและหวงกีมากขนาดไหน
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (23:00 แฟนเดือนเดียว) อัพ 14/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 14-07-2019 15:36:42
23:00 แฟนเดือนเดียว





“คร้าบ จะรีบไปเลย คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว”

[นายก็เว่อร์ ไม่เจอกันสองวัน] ต้นได้ยินคำตอบจากอีกฝ่ายก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าตอนนี้อีกคนเขินหน้าแดงแค่ไหน

“แค่สองนาทีก็ไม่ไหวแล้ว”

[หึ ล่มปากอ่าวหรอ สองนาทีก็ไม่ไหว] ต้นตาเบิกกว้างหัวเราะลั่นรถ นึกหมั่นไส้คนในสายจนอยากจะไปถึงเร็วๆ แล้วฟัดอีกฝ่ายให้หายปากเก่งไปเลย

“เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้ว่าจะจบที่ปากอ่าวหรือปากกี”

[“ทะลึ่ง!]

“ต้นไม่ได้เริ่มเลยนะ” ก็ถ้าจะเริ่มเองแล้วอายเองแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ

[อ่ะๆ งั้นแค่นี้แหละ แล้วเจอกัน] ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกไปสายโทรศัพท์ก็ตัดไปแล้ว พอดีกับที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาเหยียบคันเร่งอีกครั้ง ใจคิดไปถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

เขาคิดถึงใจจะขาดจริงๆ

แค่ไม่ได้เจอกันวันสองวัน ชีวิตเขาดูหน้าเบื่ออย่างไม่น่าเชื่อ เวลาแต่ละนาทีเดินช้าจนวันๆ เขามองนาฬิกาในห้องทำงานไปไม่รู้กี่รอบ ช่วงปิดเทอมแบบนี้เขาต้องเข้าไปเรียนรู้งานในบริษัทของพ่อ ถึงจะไม่ใช่สายงานที่เขาอยากทำแต่ในเมื่อเป็นกิจการของครอบครัวเขาก็ไม่อาจละทิ้งได้

รถยุโรปสีดำมาจอดอยู่บริเวณลานจอดรถของร้านที่ห่างจากตัวร้านสามบล๊อค เมื่อปิดประตูรถเรียบร้อยต้นก็มุ่งหน้าเดินไปทางเข้าร้าน ก่อนจะถึงหน้าร้านจะมีถนนสองเลนกั้นอยู่ หันซ้ายหันขวาเมื่อมองแล้วว่าถนนโล่งดีก็ตัดสินใจก้าวเท้าออกไปหนึ่งข้าง แต่ก็ต้องชะงักลงทันทีเมื่อสายตาหันไปเห็นคนสองคนที่ตนรู้จักดียืนแนบชิดกันอยู่หน้าร้าน ต้นตัดสินใจถอยเท้ากลับมายืนบนริมฟุตบาทกอดอกมองทั้งสองคนอยู่อย่างนั้น

เมื่อมองอยู่สักพักความหึงหวงก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดเมื่อกีสอดแขนสองแขนเข้าไปใต้วงแขนอีกฝ่าย คนตัวใหญ่ก็ไม่เบา เอามือสองข้างโอบกระชับร่างเล็กไว้แน่นก่อนจะซบลงมาที่ไหล่บาง ต้นไม่คิดจะนออะไรอีกต่อไปแล้ว ตัดสินใจก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้ง ใจตอนนี้เพียงอยากจะข้ามถนนไปแยกคนทั้งสองออกจากกัน แล้วจับคนของเขามาตีให้ก้นลาย แต่เท้าของเขาก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนตัวเล็กลอยมาในอากาศ เผลอมองหน้าคนตัวเล็กที่ยิ้มหัวเราะอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น

ความรู้สึกในวันนั้นหวนกลับมา...

วันที่เห็นแม่กับเลขาส่วนตัวในห้องทำงาน...

ปี๊ปป ปิ๊ปปป

เสียงบีบแตรของรถทำให้ต้นสติกลับมา เขาเม้มปากแน่นก่อนจะรีบหันหลังกลับไปยืนบนฟุตบาท แอบหันไปมองคนทั้งสองอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่รถ เมื่อเปิดประตูรถได้ก็สอดตัวเข้าไปนั่งก่อนที่จะปิดประตูดังปั้งอย่างไม่สนว่ามันจะพังหรือไม่ สองมือหนาฟาดลงไปบนพวงมาลัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหาที่ระบายความร้อนรุ่มในหัวใจ

“ไม่มีเลยหรอว่ะ”

ขอบตาร้อนผ่าว ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน

“สักคนก็ไม่มีเลยหรอว่ะ”





Rrrrrrrrrrrrrr

ต้นไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาก็ยิ้มเยาะกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย

“ครับ”

[ต้นอยู่ไหนแล้วเนี้ย ไหนว่าจะถึงแล้ว] เสียงโวยวายดังขึ้นทันทีเมื่อเขาพูดขึ้น

“ต้นไปไม่ได้แล้ว มีธุระด่วนพอดี”

[อ้าว แล้วทำไมไม่โทรมาบอก นี่ปล่อยให้รออยู่ได้นานสองนาน นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก เป็นห่วงจะแย่แล้ว] คนปลายสายยังโวยวายไม่หยุด แต่ตอนนี้ต้นไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจหรือตอบโต้อะไรทั้งนั้น มีเพียงคำเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่อก

หึ เป็นห่วงหรอ

“ขอโทษนะ ยุ่งๆ อยู่น่ะ แค่นี้นะ”

[อะ..อืม.. ถึงบ้านแล้วจะโทรหานะ] คนตัวเล็กที่อยากโวยวายรับคำเมื่อต้นว่าอย่างนั้น เจ้าตัวจับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของน้ำเสียง จึงไม่อยากเซ้าซี้ไปมากกว่านี้

“ครับ” เมื่อปลายสายตัดไปต้นก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ หลับตาลงพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน

พอแล้วไอ้ต้น ความรักมันไม่เหมาะกับมึง..

.

.

.

.

.

.

.

.

.





อินอมยิ้มยืนมองเพื่อนสนิทที่มือสั่นระริก คิ้วสองข้างที่ขมวดเข้าหากันแน่นบ่งบอกถึงความตั้งใจของคนตรงหน้า เหงื่อหยดเล็กหยดน้อยผุดขึ้นมาบนกรอบหน้าเรียวจนอินอดเอื้อมเอาผ้าไปซับให้มันไม่ได้ จนในที่สุดเมื่อไข่แดงใบที่สี่ถูกแยกออกมาในชามแก้วใส เจ้าตัวจึงฉีกยิ้มกว้างออกมา

“สำเร็จแล้ว!!!!” กีกระโดดโลดเต้นปรบมือให้กับตัวเองหลายที อินส่ายหน้าเหมือนเหนื่อยใจแต่ก็อดส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับมันไม่ได้ กีมันมีพี่จีพี่สาวคนเดียวของมันคอยช่วยเหลือมาตลอด ไม่เคยต้องหยิบจับอะไรเองสักอย่าง อย่าว่าแต่ทำกับข้าวเลย พับผ้าเองยังไม่เป็น มาเห็นมันทำได้ขนาดนี้เขาก็แอบภูมิใจในตัวมันเหมือนกัน

“แล้วกูต้องทำยังไงต่อ”

“ตีไข่ขาวก่อนแล้วพักทิ้งไว้” อินเอาเครื่องตีไฟฟ้าแบบมือยื่นส่งให้ ก่อนที่จะใส่น้ำตาลลงไปนิด เมื่อกีตีจนไข่ขาวเริ่มตั้งยอดแล้วก็ยกชามแก้วไปไว้ด้านข้าง ดันส่วนผสมอื่นๆ มาไว้แทนที่

“ใส่น้ำตาลงลงไปในไข่แดงนะ ค่อยๆ ตีให้มันเข้ากัน แล้วมึงก็ใส่ของเหลวไปก่อน แล้วตามด้วยของแห้ง” อินเอ่ยอธิบายง่ายๆ ให้กีตามทัน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระชอนขึ้นมาร่อนแป้งรอไว้

“ว่าแต่มึงทำให้ต้นหรอ” เขาเอ่ยถามไปตรงๆ ในสิ่งที่เดาไว้ เพราะมั่นใจว่าจู่ๆ มันคงไม่คึกทำเค้กให้ตัวเองกินหรอก กีที่ยังมุ่งมั่นกับการใส่ส่วนผสมเผลอพยักหน้าเป็นการยอมรับก่อนจะสะดุ้งเมื่อคิดได้ว่าเผยไต๋ไปซะแล้ว

“วันเกิดหรอ เมื่อไหร่ล่ะ แล้วจะจัดงานไหม กูยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยนะ” อินรีบถามขึ้นมาทันที เพราะถ้าเป็นวันเกิดต้น เขาก็ต้องหาของขวัญให้อีกฝ่ายเหมือนกัน อดแปลกใจไม่ได้ที่ดินไม่เห็นพูดอะไร

“ไม่ใช่มึง ก็แค่ทำเฉยๆ”

“...”

“มองหน้ากูทำไม” กีเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเจอเพื่อนสนิทยืนจ้องเขาอยู่ รอยยิ้มของมันไม่น่าไว้ใจสักนิด

“ชอบมันมากแล้วสิ”

“เห้ย.. เปล่า” กีปฎิเสธเสียงแข็ง เขาไม่อยากแสดงออกให้เพื่อนสนิทรู้ว่าเขาชอบอีกคนมากแค่ไหน ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนเจ้าชู้ ไม่มีใครคิดหรอกว่าต้นจะจริงจังกับเขา ทุกคนก็แค่รอวันที่อีกคนจะทิ้งเขากันทั้งนั้น ดังนั้นถ้าแสดงออกไปว่ารักมันมากเหลือเกิน ก็รั้งแต่จะทำให้เพื่อนสนิทเป็นห่วงเปล่าๆ ทุกวันนี้มันก็เป็นห่วงเขาแทบตายอยู่แล้ว

“แต่คุณหนูกีถึงขนาดทำเค้ก”

“ก็แค่เค้กไหมมึง” อินถอนหายใจให้กับท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกคน เมื่อมันไม่อยากตอบก็ไม่อยากคาดคั้นอะไรมันไปมากกว่านี้

“เออๆ ระวังตัวด้วยแล้วกัน กูเป็นห่วง”

“เออ กูดูแลตัวเองได้ มึงเถอะ คุ้กกี้มึงไหม้แล้วมั้ง” เมื่อกีว่าอย่างนั้นอินก็แทบสะดุ้งรีบวิ่งไปดูคุ้กกี้หน้าเตาอบ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่กอกเมื่อมันยังอยู่ในสภาพดี

“มึงไปปากช่องพรุ่งนี้หรอ” กีถามถึงโปรแกรมมที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า

“อืม นี่ก็ทำเอาไว้กินระหว่างทาง ดินชอบ”

“อือหือ เอาใจเต็มที่เลยนะมึง”

“ก็เดี๋ยวไปค่าย ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์” กีพยักหน้ารับรู้ ตายังมองส่วนผสมตรงหน้าที่เริ่มเป็นเนื้อเดียวกันในมือตน สมองคิดไปถึงคราวที่แล้วที่เพื่อนเคยพาไปหายาย จำได้ว่าสนุกจนแทบไม่อยากกลับ

“กูก็อยากไปอีกจัง ยายมึงโครตใจดี”

“เออ ไว้รอบหน้าชวนต้นไปด้วยกันดิ”

“เออ แล้วจะลองถามดู”

.

.

.

.

.

.

.

Nong-Ki: เย็นนี้ว่างหรือเปล่า

TangTon: ครับ

Nong-Ki: เดี๋ยวแวะไปหาที่ห้องนะ มีเรื่องจะคุยด้วย

TangTon: โอเคครับ

กีที่มือหนึ่งถือถุงเค้ก อีกมือถือโทรศัพท์กำลังยืนไล่อ่านแชทที่คุยกันก่อนหน้านี้อยู่หน้าลิฟท์ เขารู้สึกถึงความไม่ปกติบางอย่างในข้อความที่อีกคนส่งมา

มันสั้นเกินไปหรือเปล่านะ

ช่วงสองสามวันนี้อีกคนเหมือนไม่อยากคุยด้วย ถามคำตอบคำ ถ้าเขาไม่ทักไปก่อนก็เหมือนอีกฝ่ายจะไม่เคยคิดทักมาเลย กีส่ายหัวสลัดความคิดแย่ๆ ทั้งหมดออกไป พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าต้นก็แค่ยุ่งกับงานที่บริษัทเท่านั้น อดด่าตัวเองในใจไม่ได้ เวลาแบบนี้แทนที่จะงี่เง่าที่เขาไม่มีเวลาให้ เขาควรให้กำลังใจอีกฝ่ายให้เยอะๆ มากกว่า

ติ้ง!

กดล๊อคโทรศัพท์แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกกว้าง เขาเดินเข้าไปข้างในก่อนจะหันไปกดหมายเลขชั้นที่ขึ้นไปประจำทั้งๆ ที่ไม่ได้มาครั้งแรกแต่วันนี้หัวใจกลับเต้นรัวเร็วจนเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้ว สายตามองตามหมายเลขลิฟท์ที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ปากก็ท่องทบทวนประโยคที่เตรียมไว้ซ้ำไปซ้ำมา

“..สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือนนะ...

...ไม่ใช่เดือนเดียว แต่ขอให้มันเป็นเดือนแรกของเรานะ”

สติที่หลุดไปกลับมาอีกครั้งเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก กีสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาแรงๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ เหลือบมองตัวเองเร็วๆ หัวจรดเท้าในกระจกบานใหญ่ของลิฟท์อีกครั้งเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย พอก้าวออกมาได้ก็อดไม่ได้ที่จะแง้มดูสภาพเค้กที่ถืออยู่ในมือว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า พอทุกอย่างดูเข้าที่เขาก็เดินตรงไปยังห้องของคนที่มาหา แต่ละก้าวที่เดินออกไปช่างหนักอึ้ง ในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการนับร้อยนับพันว่าเรื่องของเขาจะเป็นยังไงต่อไป ถึงใจจะบอกว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่ส่วนที่อยู่ลึกที่สุดก็ยังครอบคลุมไปด้วยความกลัว





ก๊อกๆ ๆ

ร่างบางเคาะประตูเบาๆ สามครั้ง รออยู่อึดใจประตูก็เปิดแง้มออก ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปต้องชะงักเมื่อช่วงหน้าเรียวเล็กของใครคนนึงที่เขาไม่รู้จักโผล่มาจากหลังประตู กีเหลือบไปมองหมายเลขห้องอีกครั้งเมื่อเห็นว่าถูกต้องก็ยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่หันกลับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา คนตรงหน้าดูท่าทางลุกลี้ลุกลน เหงื่อออกเต็มปลายจมูก เราสองคนจ้องกันสักพักและเป็นคนด้านในที่เอ่ยออกมาก่อน

“มะ..มาหาใครครับ..”

“เอ่อ.. ต้น.. ห้องตั้งต้นหรือเปล่า”

“อ่อ ใช่ๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่...เฮ้ย! อย่าเพิ่ง...” พอมั่นใจว่ามาถูกห้องกีก็ไม่รอฟังดันประตูเปิดกว้างก่อนจะเดินก้าวเข้าไปด้านในจนอีกคนร้องห้ามเสียงหลง กีไม่คิดจะฟัง ยิ่งคนตรงหน้าทำท่าเหมือนซ่อนอะไรอยู่ เขาก็ยิ่งอยากเข้าไปให้เห็นกับตา

เมื่อเข้ามายืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายกีก็ต้องตาโตเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง คนตรงหน้าเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ติดกระดุมอยู่แค่เม็ดเดียว แถมยังติดผิดจนชายเสื้อข้างหนึ่งสั้นกว่าอีกข้างอยู่มาก มองลงไปด้านล่างก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีเพียงบ็อกเซอร์สีแดงสั้นสีสด กีรู้สึกหน้าชา มือไม้สั่นจนแทบจะประคองเค้กในมือต่อไม่ไหวแล้ว

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรเนี้ย” กีพึมพำออกมาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่มันก็ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

“แกนั่นแหละเป็นใคร อยู่ๆ ก็เข้ามา ออกไปเลยนะ ไม่งั้นจะโทรเรียก รปภ.” อีกฝ่ายเริ่มโวยวายขึ้นมาบ้าง พอดีกับที่ประตูห้องนอนเปิดออกมา สภาพของคนมาใหม่ไม่ได้ต่างกับอีกคนมากนัก ร่างสูงใหญ่ที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนร่างมีเพียงกางเกงวอร์มสีดำที่รั้งต่ำจนเห็นแนววีเชฟชัดเจน กีบอกแล้วว่ากีไม่ใช่คนโง่ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ได้เองว่าสองคนที่อยู่ในสภาพนี้เพิ่งไปทำอะไรกันมา

“ต้นรู้จักหรือเปล่า อยู่ๆ มันก็บุกเข้ามา” คนตรงหน้ากีเริ่มฟ้อง เดินเข้าไปควงแขนอีกฝ่ายแน่น กีมองทุกการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่ละสายตา

“อืม ริวไปรอในห้องนอนนะ”

“แต่..”

“บอกให้ไปรอในห้องไง” เมื่อได้ยินต้นพูดซ้ำด้วยเสียงที่เข้มขึ้นริวก็ยอมตัดใจผละเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณอีกครั้ง ต้นเดินไปปิดประตูที่กีเปิดค้างไว้จนสนิทก่อนจะผายมือไปที่โซฟาเป็นการเชื้อเชิญ

“นั่งก่อนไห...”

“ไม่เป็นไร!!” กีรีบสวนกลับเสียงแข็งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาตัดสินใจวางกล่องเค้กในมือลงก่อนที่จะทำมันหล่นจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขาสั่นเป็นเจ้าเข้าไปหมดแล้ว

“ไหนกีบอกมีเรื่องจะคุยกับต้น” เมื่อกีปฎิเสธอีกฝ่ายก็ว่าต่อ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเรียบเฉยจนกีใจหาย เขาอดแปลกใจกับท่าทางที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวของคนตรงหน้าไม่ได้

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไร” กีทำได้แค่พูดคำถามเดิมซ้ำขึ้นมา ต้นเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เข้าใจก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วยกขึ้นดื่ม กีมองทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ท่าทางสบายๆ ของอีกคนทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มเดือดดาดขึ้นมากกว่าเดิม จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอื้อมไปคว้าขวดน้ำในมืออีกฝ่ายปาใส่ผนังด้านหนึ่งอย่างแรงจนน้ำกระฉอกเต็มพื้น

“ทำอะไรน่ะ” เสียงเข้มกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ ท่าทางสบายๆ ของต้นเปลี่ยนไปทันที ตาคมจ้องมองมาที่เขาอย่างนึกตำหนิ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว

“ไอ้เหี้ยในนั้นเป็นใคร”

“กี ระวังคำพูดหน่อย” คนตัวโตกล่าวเตือน

“ทำไมเราต้องระวัง นี่มันอะไรกัน” เสียงที่เอ่ยออกไปเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไร้การควบคุม

“เราถามว่ามันเป็นใคร!!”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับกีด้วย” คำตอบที่สั้นกระชับถูกสวนกลับมาอย่างเยือกเย็น กีที่ตั้งท่าจะโวยวายสะดุดอึ้งไปคำตอบที่ไม่คาดคิด แต่ความร้อนรุ่มข้างในก็ยังผลักดันให้ดื้อรั้นเถียงต่อไป

“ไม่เกี่ยวได้ไง ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ” เมื่อจบประโยคห้องเล็กก็โดนความเงียบปกคลุม กีกำหมัดแน่น กลั้นหายใจรอฟังคำตอบ จับจ้องอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงไปนั่งบนโซฟา เอาสองมือลูบหน้าตัวเองไปมา

“หึ..หึ” ไหล่ของต้นเริ่มสั่นไหว กีไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรจนเดินเข้าไปใกล้จึงเข้าใจได้อย่างชัดเจน

“ฮ่าๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลั่น มันดังขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนต้นไม่สามารถควบคุมมันได้ หงายหลังพิงโซฟาเอามือกุมท้องแน่น

“ต้น...” กีงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็แอบใจชื้นขึ้นมานิดเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายแกล้งอำเขาเล่น ยกยิ้มขึ้นเตรียมจะว่าคนที่เล่นแรงแบบนี้ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรอีกคนก็พูดขึ้นมาก่อน

“นี่ยังไม่ครบเดือนอีกหรอ” รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาต้องหายไปทันที

“มะ..หมายความว่าไง”

“ก็ไหนบอกเดือนเดียวไง ทำไมนานจัง”

“ก็นี่ไง ก็ครบเดือนพอดี” กีว่าพร้อมกับหันหลังตั้งใจจะไปหยิบเค้กที่เตรียมไว้มาให้

“งั้นก็ดีเลย จะได้จบๆ กันไปซะที” เท้าเขาชะงักทันที หันหน้ามาประจันกับอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหู

“นี่แค่เดือนเดียวเองนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเบื่อได้ขนาดนี้” คนตรงหน้ายังคงพ่นคำพูดร้ายออกมาอย่างกลัวเขาเจ็บไม่พอ กีจ้องเข้าไปในตาสีนิลของอีกฝ่ายเพื้อนต้นหาความจริงแต่ก็ต้องใจเสียมากขึ้น

ไม่มีความล้อเล่นในแววตานั้น

กีพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เขากัดฟันแน่นเพื่อห้ามน้ำตาไม่ให้ร่วงลงมาตอนนี้ ความทรงจำตลอดหนึ่งเดือนที่แสนหวานหวนกลับมาจนไม่อยากจะเชื่อกับทุกสิ่งตรงหน้า ตอนนี้หัวใจเกรี้ยวกราดจนอยากจะต่อว่าอีกฝ่ายให้สาสม แต่แล้วคำพูดที่เคยสัญญากันไว้ในวันแรกก็เข้ามาทำลายทุกสิ่ง

‘ก็ลองคบกันเดือนนึง พอครบเดือนถ้ามีคนไหนไม่อยากไปต่อค่อยเลิก ถ้าพอใจทั้งคู่ค่อยว่ากัน’

‘ได้ งั้นเดือนนึงนะ ถ้าไม่โอเคแล้วทางใครทางมันนะ’

น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา ทั้งที่โกรธมากมายแต่ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำผิดสัญญา ถ้าจะโกรธ ก็ต้องโกรธตัวเองที่ยอมรับข้อตกลงบ้าๆ แบบนี้

“อะ..เอางั้นหรอ” เสียงสั่นถูกเอ่ยออกไปเมื่อการพยายามควบคุมไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว เขาแอบเห็นแววตาวูบไหวในตาอีกคน แต่มันก็แค่แวบเดียวจนต้องคิดว่าเขาคิดไปเอง รออยู่สักพักเมื่ออีกคนไม่ว่าอะไรต่อ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดเอง

“โอเค งั้นก็ตามนี้” พูดเสร็จกีก็หันหน้าเดินออกไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมา เมื่อประตูปิดสนิทเขาก็ยืนค้างอยู่แบบนั้นสักพัก ส่วนลึกของหัวใจเขายังแอบหวังให้ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องโกหก ยังอยากให้อีกคนมารั้งไว้แล้วบอกว่าล้อเล่น แต่เมื่อไม่มีทีท่าว่าใครจะเปิดประตูออกมาเขาก็ตัดสินใจเดินตรงไปหน้าลิฟท์ หมายเลขชั้นของลิฟท์ที่เคลื่อนไหวตรงหน้าเริ่มพร่ามัวขึ้นจนในที่สุดก็มองไม่เห็น เมื่อลิฟท์ถูกเปิดออก กีก็รีบแทรกตัวเข้าไปด้านใน กดชั้นหนึ่งซ้ำๆ เหมือนหวังให้มันไปถึงเร็วขึ้น

ฮึก

กีร้องไห้อย่างไม่อาจจะเก็บกลั้นมันอีกต่อไปแล้ว ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดถูกระบายออกมาเป็นสายน้ำ ใจยังไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ ทั้งๆ ที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตา ได้ยินทุกถ้อยคำบาดลึกด้วยหูของตัวเองแท้ๆ เขายกมือข้างนึงจับหน้าอกข้างซ้ายที่บีบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก

“เจ็บ ฮึก..เจ็บ” พร่ำบอกออกมาเหมือนอยากให้คนบางคนได้ยิน

“ต้น... กีเจ็บ...”

ความเสียใจที่ก่อตัวทำให้เผลอเรียกหาคนที่เพิ่งตัดสินใจทิ้งกันไป

‘คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว’

กีปล่อยโฮอีกครั้ง ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเมื่อจู่ๆ ขำหวานที่อีกฝ่ายเคยบอกมามันแว๊บเข้ามาในหัว แม้แต่เวลาแบบนี้เขายังไม่อาจลืมสิ่งที่อีกคนเคยบอกไว้ จนในที่สุดสิ่งเดียวที่ทำได้คือพร่ำโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา









“ไอ้เหี้ยกี มึงมันโง่ มึงมันโง่”

















****************

ตอนหน้าตอนจบแล้วนะ!!





แต่!!

เรื่องขอต้นกีจบแค่นี้ค่ะ 55555 ด่าได้แต่อย่างแรงนะ เค้าใจอ่อนแอ (>~<)

อยากรู้ว่าสองคนนี้จะเป็นยังไง ต้องไปอ่านกันต่อในเรื่อง แฟนเดือนเดียว / A month boyfriend กันแน่นอนจ้า ไม่ยาวเท่าเรื่องนี้ด้วยอ่านเพลินน แปปเดียวจบงี้!!!

แฮทแทค #ต้นคนรักไม่เป็น

สารภาพว่าจบไม่ลงจริงๆ รักคู่นี้มากกกกก (อีดินจะงอนไหม) ก็เลยขออีกนิดแล้วกันเนาะ เปิดไว้บางที่แล้วนะคะ สำหรับบางที่ยังไม่ได้ลง ก็ตามทวิตเตอร์กันเด้อ ลงอัพเดทที่นั่นที่เดียว (@maywrite1) ยังไงของฝากสองคนนี้ด้วยเนาะ มาก่อนพี่แทนกับน้องหมีพูห์ไปอีก (โดนแซงไปหลายคิวเลยคู่นั้น)

อยู่ลุ้นตอนจบของคู่หลักไปด้วยกันนะคะขอบคุณค้า~

#รักมือสองอินดิน







หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (23:00 แฟนเดือนเดียว) อัพ 14/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-07-2019 16:41:36
ดราม่าหนักกว่าคู่หลักเยอะเลย ตัดโดยไม่คิดจะถามเลยหราอิต้น :o12:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (23:00 แฟนเดือนเดียว) อัพ 14/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 14-07-2019 16:48:39
สงสารกี :sad4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (23:00 แฟนเดือนเดียว) อัพ 14/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 14-07-2019 17:07:12
ต้นคนเลวทำไมทำแบบนี้ น้องกีไปหาคนใหม่เลย :o12:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (23:00 แฟนเดือนเดียว) อัพ 14/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 15-07-2019 00:46:33
 :mew6:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (23:00 แฟนเดือนเดียว) อัพ 14/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 18-07-2019 00:20:05
อินดิน#รออ่านตอนจบ
ดินคนหลงแฟน


ต้นกี#อยากอ่านๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟนเดือนเดียว

ถามจริงต้น กีเจอริวในห้อง เอาจริงหรือจัดฉาก
จัดฉาก#ต้นคนรักไม่เป็น
เอาจริง#ต้นคนเชี่ย ซุงโคตรเชี่ย

เป็นกำลังใจให้ฮับ..คนแต่ง
ชอบอ่านแนวนี้ 55
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (23:00 แฟนเดือนเดียว) อัพ 14/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-07-2019 00:20:10
อ้าว ไใ่ยอมถามก็งี้แหละต้น คิดเองเออเอง สงสารกีมาก,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 21-07-2019 09:28:17
24:00 รักมือสอง

พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีส้มเรื่อของท้องฟ้ายามเย็นถูกทดแทนด้วยแสงไฟนีออนกลมๆ สองดวงที่ติดตั้งอยู่บนรั้วหน้าบ้าน อินยืนนิ่งเทน้ำหนักทั้งหมดใช้หลังพิงกำแพง ถุงกระดาษที่มีกล่องใส่คุ้กกี้เนยสดที่เพิ่งทำเสร็จสดใหม่ถูกคล้องไว้ที่ข้อมือขวา สายตาจับจ้องหน้าจอมือถือเครื่องเล็กบนสองมือ พิมพ์สนทนาตอบโต้กับคนที่ทำให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้

Intouch: ถึงไหนแล้วววว ไหนว่ากำลังจะถึง รอหน้าบ้านนานแล้วนะ

Bordin: 5 นาทีถึงแน่นอนครับ ขอโทษน้าาาาาาา

Intouch: 5 นาทีมาสองครั้งแล้ว รอมา 15 นาทีแล้วนะ (สติ๊กเกอร์หมีโกรธ)

อินส่ายหน้าอย่างระอาคู่สนทนา ตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายที่เขาทำขนมอยู่กับกีดินก็โทรมาหา เสียงอีกฝ่ายดูรุกรี้ลุกลนผิดปกติ พูดจาวกไปวนมาเหมือนมีเรื่องปกปิด ในที่สุดพอคาดคั้นเอามากๆ ก็ยอมบอกว่ามีเรื่องจะให้ช่วย พอนึกถึงตรงนี้อินก็หลุดยิ้ม นี่ก็เป็นมุมใหม่อีกมุมที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นจากแฟนเขา พอได้เห็นคนพูดจาโผงผาง มาทำตัวเกรงอกเกรงใจแบบนี้ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

ติ้ง!

กำลังจะตัดสินใจว่าจะพิมพ์ต่อว่าอะไรอีกฝ่ายต่อดี เห็นดินอยู่ไม่สุขแบบนี้ก็อยากแกล้งอีกหน่อย แต่เสียงเตือนของแอปในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน พร้อมภาพที่เลื่อนลงมาจากด้านบนของจอเป็นข้อความเตือนว่ามีเพื่อนคนนึงในอิสตาแกรมอัพรูปหลังจากไม่ได้อัพมานาน เมื่อเห็นชื่อเจ้าของภาพ มือก็เผลอกดเข้าไปดู รอแปปเดียวภาพที่ว่าก็ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ

‘เจ้ามูมมาม’

ถึงจะมีชื่อภาพแบบนั้น แต่คนในภาพไม่ได้กำลังกินอะไร ทั้งภาพมีเพียงหน้าของชายสองคนที่แก้มแนบชิดกัน ทั้งสองยิ้มให้กล้อง เป็นยิ้มที่ดูมีความสุขมากกว่าครั้งไหนๆ อินเผลอมองเข้าไปในแววตาของคนตัวใหญ่กว่าด้านซ้ายมือของภาพ ผู้ชายที่ครั้งนึงเขาเคยใกล้ชิดที่สุด คนที่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขที่แท้จริงจากใจ ความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นในอก เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาจะกลับไปคุยกับคนทั้งสองอีกครั้ง แม้กระทั่งยอมตอบตกลงเป็นเพื่อนกันในโซเชียลมีเดีย และที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถทำสิ่งที่กล่าวมาได้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะสามารถทำมันออกมาได้จากใจจริง ทำมันด้วยความเต็มใจ ทำมันด้วยความสุขจากภายในอย่างตอนนี้

อินยกยิ้มมุมปาก กดส่งหัวใจให้กับภาพคู่มื่นชื่นของคนทั้งคู่

สำหรับเขากิตยังเป็นคนสำคัญที่เขาอยากให้เจ้าตัวมีความสุขเสมอ กิตอาจจะเคยทำผิดพลาดในความรักของเราในอดีต แต่เขาก็คิดว่าอีกคนได้บทเรียนที่เพียงพอแล้ว ในตอนนี้ขอเพียงเจ้าตัวรู้จักรักษาและดูแลคนที่ตัวเองรักและรักตัวเขาเองให้ดีที่สุด อินก็คิดว่าคนที่เคยเป็นโลกทั้งใบของเขาคนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงอีกต่อไป อินอดยิ้มให้กับความคิดตัวเองไม่ได้ เขายังจำอินทัชที่โดนเพื่อนด่าเพราะกินเหล้าไม่เว้นวัน คนที่หาข้ออ้างโทรศัพท์หาคนที่ทำให้ช้ำใจ และคนที่ร้องไห้หนักกว่าเดิมหลังวางโทรศัพท์ได้ดี แต่ทั้งๆ ที่อินคนนั้นเพิ่งหายไปไม่กี่เดือน แต่ในความทรงจำมันช่างเหมือนนานแสนนานมาแล้ว นานมากจนไม่รู้สึกอะไรสักอย่างที่เคยรู้สึก และนานพอที่จะรู้สึกอะไรที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทั้งหมดมันก็ตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่วันที่มีอีกคนเดินเข้ามาในหัวใจ...

ปี๊บ!

อินยังไม่รู้ตัวเมื่อรถเก๋งญี่ปุ่นสีขาวมาจอดตรงหน้า จนคนที่ผุดเข้ามาในความคิดบีบแตรรถเสียงดังอินจึงเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ ส่งยิ้มให้กับคนข้างในรถก่อนที่จะยันตัวตรงแล้วเดินไปเปิดประตูรถด้านที่นั่งข้างคนขับ

“ทาดา~” เมื่อก้าวเข้ามานั่งในรถ อินก็คว้าเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาดเรียบร้อยแล้วถือถุงขนมขึ้นมาระดับหน้า ส่งเสียงน่ารักพร้อมสั่นถุงไปมาเป็นการอวดของในมือ ดินยิ้มให้ท่าทางของคนตรงหน้าเขา ก่อนจะรีบคว้าอีกมือที่ว่างของอินขึ้นมาจุ๊บที่หลังมือ ใช้นิ้วโป้งถูไปมาบนนั้นอย่างเบามือ

“ขอโทษนะครับที่มาช้า” น้ำเสียงอีกฝ่ายจริงจังจนอินอดสงสารไม่ได้ ตอนแรกที่ว่าจะแกล้งทำเป็นงอนอีกสักหน่อยก็เลยยอมเปลี่ยนใจ

“ไม่เป็นไรเลย แต่จะงอนแล้วนะถ้าไม่สนใจเจ้านี้ซักที” เมื่อเขาตอบกลับแบบนั้น คนตรงหน้าจึงรีบคว้าถุงในมือไปเปิดดู

“โห หอมจังเลย” ยังไม่ทันได้แกะกล่องขนม กลิ่นหอมหวานของคุ้กกี้เนยสดของโปรดที่เพิ่งออกมาจากเตาก็ลอยกรุ่นมาปะทะจมูกจนคนได้กลิ่นอดใจไม่ไหว เปิดฝากล่องได้ปุ๊บก็รีบหยิบมาใส่ปากเคี้ยวกรุ๊บๆ อย่างรวดเร็วก่อนจะกลืนลงคอ

“อร่อยที่สุดเลย” ว่าแล้วก็หยิบชิ้นที่สองเข้าปากจนอินต้องยั้งด้วยการยึดกล่องขนมกลับมา เตือนให้คนขับออกรถได้แล้ว ดินจึงเอื้อมมาหยิบคุ้กกี้อีกชิ้นก่อนจะหันไปเหยียบคันเร่งบังคับรถออกจากหน้าบ้าน

“เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เลยนะ วันนี้กีมาให้สอนทำเค้ก เลยลงมือทำด้วย” ไหนๆ ก็อุ่นเตาแล้ว

“กีเนี่ยนะทำเค้ก?” ดินไม่อาจห้ามความสงสัย เท่าที่พอรู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นมันทำอะไรสักอย่าง เวลาไปเที่ยวด้วยกันก็เห็นมีแต่อินที่คอยทำโน้นทำนี้ให้ อินหัวเราะร่าให้กับหน้าตาเหลือเชื่อเกินเหตุของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยแซวเพื่อนสนิทตัวเองขำๆ

“พลังรัก”

“หืม.. ทำให้ไอ้ต้นหรอ ไม่ใช่วันเกิดมันซักหน่อย”

“อืม เห็นว่าทำให้เฉยๆ น่ะ”

“นี่ก็พลังรักใช่ไหม..อิน!!” ดินที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบคุ้กกี้พลังรักอีกอันต้องร้องโวยวายเมื่ออินเอาฝามาปิดกล่องขนมแน่นสนิทก่อนจะยัดลงถุง

“ดินกินพอแล้ว นี่ตั้งใจจะให้ดินเอาไปให้พี่มินกับคุณพ่อคุณแม่นะ” คนตัวโตบ่นอุบอิบ อินได้ยินแว่วๆ กินได้ไม่ถึงห้าชิ้น หรือ ไม่มีใครรักอะไรสักอย่าง ร่างบางจึงยกมือไปดึงแก้มคนขี้บ่นแรงๆ ไปมาอย่างมันเขี้ยว ในที่สุดพอเห็นอีกฝ่ายซึมหนักๆ เข้าก็ใจอ่อน

“อินเก็บของดินไว้ให้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยกินตอนเดินทางนะ ทั้งกล่องของดินคนเดียวเลย” คนตัวโตหน้าบานขึ้นมาทันที ไม่วายพูดยกยอคนทำขนม

“อินทำขนมอร่อยแบบนี้ อีกหน่อยดินอ้วนเป็นหมูแน่” คนขับว่าขึ้นก่อนรถจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนใหญ่

“ดีเลย จะได้ไม่ต้องมีใครมาสนใจ”

“หึ ก็กลัวแต่อินจะหมดรักน่ะสิ ถ้าดินไม่หล่อแล้ว”

“ทุกวันนี้ก็ไม่หล่อ แต่ก็รักจะตาย” ดินชะงักประโยคหยอกเย้าที่ออกมาจากคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกทำให้เขาใจสั่นไหว ถึงจะโดนว่าว่าไม่หล่อแต่คำรักที่มาต่อท้ายมันก็ดึงความสนใจทั้งหมดของเขาไปแล้ว

ยอมไม่หล่อวันนึงก็ได้

อินเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนขับ หูทั้งใบของอีกฝ่ายขึ้นสีเรื่อ นึกรู้ว่าอีกฝ่ายเขินคำบอกรักของเขาก็เลยเอาใหญ่

“รักมากกก รักที่ซู้ดดดด” ร่างสูงหันมามองอย่างไม่อยากเชื่อ อยากจะลองหยิกตัวเองดูว่านี่ฝันไปหรือเปล่า ไม่ทันได้ทำก็โดนคนตรงหน้าหยิกดึงแก้มเขาส่ายไปมาหลายครั้งจนแน่ใจว่าคงไม่ใช่ความฝัน ก็เจ็บมากซะขนาดนี้ อินอารมณ์ดีเป็นพิเศษ นานๆ ทีจะเห็นคนตัวโตตรงหน้าออกอาการเขินแบบนี้ ก็น่ารักดีเหมือนกันแหะ

.

.

.

.

.

.

หลังจากแวะไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้า รถเก๋งสีขาวก็มาจอดสนิทในลานจอดรถของคอนโดแห่งหนึ่ง อินจำได้ว่าที่แห่งนี้อยู่ห่างจากมหา’ ลัยเขานิดเดียว คอนโดที่นี่ดูหรูหราทันสมัยกว่าหอพักที่เขาเคยอยู่มาก ดูง่ายๆ ได้จากลานจอดรถกว้างขวางที่มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี ทั้งสองคนเดินเข้าไปโดยที่ร่างสูงมีคีย์การ์ดที่ใช้แสกนประตูอยู่ในมืออยู่แล้ว

“เรามาหาใคร” อินเอ่ยถามเมื่อขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นสิบหก เดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวเพราะคงต้องสนิทกันพอสมควรถึงให้คีย์การ์ดกันไว้แบบนี้ ดินไม่ตอบ เจ้าตัวเพียงยกยิ้มมุมปากหนึ่งข้าง ตาวาวแสดงความตื่นเต้น

“เดี๋ยวก็รู้” ว่าแล้วดินก็เดินต่อไปตามทางเดินก่อนจะหยุดที่ห้องห้องหนึ่ง ไขประตูเปิดกว้างแล้วจึงหันมาหาเขา ผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้อินเดินเข้าไปก่อน ไม่รอช้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มทนอินก็เดินตรงไปเข้าไปในห้องที่ถูกเปิดไว้ ภายในห้องไม่มีอะไรหรือใครรออยู่อย่างที่อินคิด มีเพียงห้องเปล่าที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลยสักชิ้น

“ห้องใครหรอดิน”

“ห้องดินเอง”

“หืม” อินหันไปมองคนตัวโตด้านหลังอย่างแปลกใจ

“ไม่เห็นรู้เลยว่าดินมีห้อง จะไม่อยู่กับต้นแล้วหรอ”

“ดินพึ่งซื้อ ดินตั้งใจเก็บตังค์มาตั้งแต่มอปลายแล้ว เงินที่ได้จากการร้องเพลงที่ร้านและจากงานนอกที่รับมาเรื่อยๆ ดินอยากมีห้องของตัวเองมาโดยตลอด อยากมีพื้นที่ส่วนตัวเอาไว้ทำเพลง นี่ว่าจะทำห้องนึงไว้ใช้เป็นห้องอัดเสียง ช่วงที่เก็บเงินก็เลยต้องขอแชร์ห้องกับไอ้ต้นมันอยู่ จะได้เก็บเงินได้เร็วๆ” อินมองคนที่เล่าเรื่องตาเป็นประกายอย่างชื่นชม คนคนนี้ทำอะไรจริงจังตลอด อินรู้ว่าบ้านดินฐานะดี ทั้งๆ ที่จะขอพ่อแม่เอาเลยก็ได้ แต่ดินกลับเลือกที่จะลงมือทำมันด้วยตัวเอง เจ้าของห้องเดินพาเขาสำรวจโดยรอบ เปิดห้องโน้นห้องนี้ เล่านั้นชี้นี้ไม่ยอมหยุด อินยกยิ้มอย่างปลื้มใจแทน ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายภูมิใจกับห้องๆ นี้มากแค่ไหน

“อินชอบไหม” เมื่อเดินกันจนรอบดินก็หันกลับมาถามเขา

“ก็ดีนะ อินว่าห้องกว้างกำลังดี มีระเบียงด้วย อากาศก็ถ่ายเทสะดวก” อินมองไปรอบๆ อีกครั้งก่อนจะเปิดประตูออกไปตรงระเบียงที่ไม่เล็กจนเกินไป สามารถเอาโต๊ะเล็กๆ กับเก้าอี้อีกสองตัวมาตั้งแล้วนั่งรับลมได้สบายๆ

“วิวดีเหมือนกันนะ” ยิ่งออกมายืนนอกระเบียงอินยิ่งเห็นวิวของบ้านเมืองชัดเจน อยู่ชั้นสูงๆ แบบนี้แทบไม่มีตึกอื่นมาบดบังทัศนวิสัยเลย กำลังมองวิวอยู่เพลินๆ ก็มีสองมือใหญ่มาสอดรัดรอบเอวเขาแน่น

“ดีใจนะที่อินชอบ” อินยิ้มบางทิ้งน้ำหนักไปยังแผงอกด้านหลัง สองมือประกบอยู่บนมือที่สอดรอบเอวเขาอยู่ก่อนแล้ว จมูกโด่งพอดีของร่างสูงไล้เลียอยู่บริเวณหัวไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา

“หกเดือนแล้วนะ..” คนตัวโตว่า อินครุ่นคิดถึงความหมายของเวลา พวกเรายังเป็นแฟนกันแค่สี่เดือน งั้นมันก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เขาเจอกัน

“อืม.. เร็วเหมือนกันเนอะ”

“มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตดินเลยนะ” เขาไม่ได้โกหก จากวันที่เห็นคนของเขานั่งเศร้าอยู่ในร้านมันเป็นครั้งแรกในหลายๆ สิ่งในชีวิต

ครั้งแรกที่ใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล

ครั้งแรกที่อยากปกป้องใครสักคนด้วยหัวใจทั้งหมด

ครั้งแรกที่อยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ไม่อยากปล่อยคนตรงหน้าไปให้กับใคร

ครั้งแรกที่รู้สึกว่าความรัก มันดีขนาดนี้

“จำได้ไหมว่าดินมีเรื่องอยากให้ช่วย”

อินหันมาประจันหน้ากับคนตัวโต ตื่นเต้นที่จะได้มีส่วนร่วมกับอีกฝ่าย

“อืม บอกอินมาเลยนะ จะทาสี ซื้อของแต่งห้องหรือช่วยย้ายของ อินช่วยเต็มที่” ไม่พอเขาจะลากพวกไอ้กีไอ้ธันมาช่วยด้วย คนตัวโตยกยิ้มให้กับท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่ายก็อดใจไม่ไหวยกข้อนิ้วเรียวขึ้นมาเกลี่ยแก้มอีกฝ่ายไปมา

“งั้นก็ช่วยย้ายของอินเข้ามาอยู่ด้วยกันเลยนะ”

“ได้!! ..ห๊ะ!!” อินที่ฟังไม่ทันจบดีก็รับคำอย่างแข็งขัน ก่อนที่จะนึกอึ้งกับเมื่อสมองแปลผลทั้งประโยคจนเข้าใจ

“ตกลงแล้วนะ” ดินมัดมือชก

“แต่..” จู่ๆ ความคิดมากมายก็เข้ามาในหัว มันออกจะเร็วไปหรือเปล่า เพิ่งจะคบกับได้ไม่เท่าไหร่ เป็นแฟนกันมันง่ายเวลาโกรธใครก็ห้องใครห้องมัน ก็การมาอยู่ร่วมกับใครสักคนมันไม่ได้ง่ายเลย ถ้าเกิดวันนึงดินเบื่อเขาขึ้นมา...

“คิดมากอีกแล้ว” ขณะที่กำลังว้าวุ่นกับความคิดของตัวเอง ดินก็พูดขึ้นมา

“ไม่อยากอยู่กับดินหรอ” อินเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย ผู้ชายตรงหน้ายังเป็นคนเดิมที่มักพุ่งตรงไปยังสิ่งที่ตัวเองอยากได้เสมอ พอลองมองกลับมาที่ตัวเองแล้วเขากลับเจอเพียงคนที่ยังขี้กลัว คนที่คิดมากเกินเหตุ อินตกลงใจแล้ว ในเมื่อเขาก็อยากอยู่กับอีกฝ่ายเหมือนกัน มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว

“ก็อยาก..”

“แล้ว?”

“กลัวดินนอนกรน” คนตัวโตหัวเราะร่า แอบใจเสียเมื่อตอนแรกอีกฝ่ายเหมือนไม่อยากมาอยู่ด้วย

“ไม่กรนหรอก อินก็รู้” นิ้วเรียวยาวเกลี่ยไปมาตรงแก้มนุ่มของคนตัวเล็ก

“นะ” อินอมยิ้มอย่างเอียงอาย นี่มันเหมือนแต่งเข้าบ้านเหมือนกันนะ ไม่รอให้คนตัวโตพูดซ้ำสอง อินก็พยักหน้าเป็นการตกลง รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในอ้อมกอดเจ้าของห้องไปแล้ว อินซบลงในอกอบอุ่นของคนรัก รู้สึกตื่นเต้นจนใจสั่นกับก้าวต่อไประหว่างเรา

.

.

.

.

.

.





“นี่จะทดสอบอะไรหรือเปล่า” อินเอื้อมมือไปรับขวดเบียร์เล็กเย็นๆ ที่อีกฝ่ายลงไปซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อด้านล่าง ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อคนที่เพิ่งกลับเข้ามาเปิิดเพลงในมือถือเสริมบรรยากาศการดื่มเบียร์บนพื้นระเบียงห้อง แต่ไปไงมาไงไม่รู้เพลงที่เปิดดันเป็นเพลง นอกจากชื่อฉัน ซะงั้น

“ก็นิดนึง” ดินหัวเราะ เขาไม่คิดจะโกหก ตอนที่เลื่อนเลือกเพลงไปเรื่อยๆ จู่ๆ เพลงนี้ก็โผล่ขึ้นมา เห็นแล้วเขาก็อดกดเลือกไม่ได้ ใจอยากรู้เหมือนกันว่าปฎิกิริยาของคนตรงหน้าจะเป็นอย่างไรเมื่อได้ยินเพลงนี้อีกครั้ง อย่านึกนะว่าเขาจะไม่เห็นว่าทั้งสองคนแอดอินสตาแกรมกันแล้ว

“ก็อยากรู้ว่ายังคิดถึงคนเดิมหรือเปล่า”

“ก็ยังคนเดิม” อินตอบสั้นๆ พร้อมยกขวดเบียร์ขึ้นจิบ คำตอบที่ได้ทำให้คนเล่นเองเจ็บเองหน้างอขึ้นมาทันที พึมพำว่าไม่น่าเล่นเลยกูออกมาเบาๆ จนอินอดขำไม่ได้

“คิดถึงคนเดิม แต่ไม่ใช่ความรู้สึกเดิม” อินเอ่ยเล่าต่ออย่างจริงใจ

“เมื่อก่อนคิดถึงแล้วทุกข์ แต่ตอนนี้คิดถึงแล้วมีความสุข ได้เห็นเขามีรักที่ดี อินก็ดีใจไปกับเขาด้วย อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าเคยรักกัน” อินเอื้อมมือไปแตะมืออีกฝ่าย ความอบอุ่นของผิวกายแผ่ซ่านระหว่างกัน

“ที่อินคิดแบบนี้ได้ ก็เพราะดินเลยนะ พอเป็นตัวเองมากขึ้น พอแสดงออกในสิ่งที่คิดมากขึ้น ก็เหมือนอะไรๆ จะดีกว่าแต่ก่อน” คนทั้งสองสบตากัน ยกยิ้มบางให้กับอีกฝ่าย

“ขอบคุณนะที่เข้ามาในชีวิตของอิน” ดินยกมือที่แตะกันของอีกฝ่ายขึ้นมาจุ๊บเบาๆ

“ดินก็ขอบคุณอินเหมือนกัน รักอินที่สุดเลยครับ” อินยิ้มรับก่อนจะเอ่ยคำเดียวกันกลับไป

“เลิกพูดเรื่องกิตดีกว่า เลือกเพลงอื่นกันเถอะ” ว่าแล้วคนร่างบางก็หยิบมือถือของคนตัวโตมาเลื่อนหาเพลงหวังจะเปลี่ยนบรรยากาศ สุดท้ายก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม จนเพลงหนูคนเดียวดังขึ้นมา

“ลุกเต้นหน่อยไหม” อินเอ่ยแซวจนคนตัวโตเอามือมากุมหน้าผาก จำวันที่ตัวเองเต้นดุ๊กดิ๊กเป็นปลาหมึกในห้องของอินได้ดี

“หรือจะเอาเพลงนี้” อินว่าแล้วกดเลือกอีกเพลงจนดินยิ้มกว้างออกมาเมื่ออินโทรเพลง ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึก ดังขึ้น

“ต้องเป็นเวอชั่นร้องงานวันเกิดถึงจะชอบ” ร่างโตเอ่ยออกมาบ้าง จนคนเลือกเพลงเองเขินหน้าแดง คิดถึงตอนที่ตัวเองนั่งร้องเพลงต่อหน้าคนเยอะแยะทีไร ก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีทุกที ดินเลื่อนตัวเข้าไปใกล้คนที่ตั้งอกตั้งใจเลือกเพลง สอดแขนข้างหนึ่งเข้าไปกระชับกับเอวบาง ลอบมองหน้าของคนข้างตัวอย่างรักใคร่ ภาพความประทับใจในวันเกิดย้อนกลับมาอีกครั้ง เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะที่เขาตกหลุมรักคนคนนี้

“หรือเพลงนี้” เมื่อร่างเล็กหันมาสบตา เพลงรักมือสองก็ดังขึ้น วันนี้ก็เหมือนวันนั้น ภาพของตาสองคู่ที่สบกันช่างมีความหมายมากมายแฝงอยู่ วันที่ชายคนนึงเกือบสิ้นหวังไปกับความรักแรก และมันก็เป็นวันที่คนขี้ขลาดคนนึงแสดงความกล้าทั้งหมดเพื่อที่พูดความในใจออกไป อินยกยิ้ม จู่ๆ ในหัวก็มีคำพูดที่ชวนให้นึกขำพาดผ่าน

“แฟนเซอร์วิสหรอครับ” ทั้งสองหัวเราะ ดินเอื้อมมือที่ถือขวดเบียร์มาแนบแก้มคนร่างเล็ก ทั้งอารมณ์รักที่ท่วมท้นและความเย็นของเบียร์ในขวดส่งผลให้อินหัวขาวโพลนไปหมด ร่างสูงโน้มหน้าลงมาจนริมฝีปากทั้งสองแตะกันแผ่วเบา ถอยกลับออกไปก่อนที่กลับมาประกบกันอย่างหนักหน่วงกว่าเดิม ลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วริมฝีปากบางทั้งล่างและบน ก่อนจะบีบเม้มแรงๆ จนอินปล่อยเสียงครางออกมา

“อยากจะเซอร์วิสเหมือนกัน ขอเป็นแฟนได้ไหมล่ะครับ” เสียงพร่าเอ่ยสิ่งที่อยู่ในความทรงจำออกมา ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนที่คนตัวเล็กจะเอื้อมมือเข้าไปสางผมนุ่มของอีกฝ่าย มองคนตรงหน้าอย่างนึกรักเป็นที่สุด

“ก็แล้วถ้าจะร้องเพราะขนาดนี้ ขอหึงได้ไหม ในฐานะแฟน....”









*******

จบแล้ว (T_T) กว่าที่จะเขียนตอนจบออกมาได้ต้องย้อนกลับไปอ่านนิยายอีกหลายรอบจนตอนนี้อินไปหมดแล้ว ชอบกันหรือเปล่าค่ะ จบแบบนี้พอได้อยู่ไหม

นิยายเรื่องที่สองในชีวิต คิดว่าจากเรื่องแรกตัวเองก้าวมาไกลพอสมควร ในฐานะของคนอ่านนิยาย ก็รู้ตัวนะคะว่าตัวเองยังห่างจากคำว่า “เขียนดี” อยู่มาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกย่อท้อนะคะ นี่เพิ่งเรื่องที่สองเอง ถ้าเขียนไปสักสิบเรื่องแล้วยังไม่มีใครอ่าน ค่อยท้อตอนนั้นก็ได้เนาะ 555

คือจริงๆ อยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณนักอ่านทุกคนนะคะ เราลงนิยายเรื่องนี้ไป 4 ที่ ซึ่งทั้งสี่ที่ก็เป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อนนิยายเรื่องนี้กันทั้งนั้น บางตอนจากบางเวบที่เราคิดว่าคนอ่านเยอะกว่าก็ไม่ได้คอมเม้นเลย แต่ก็ไปได้จากอีกเวบที่ไม่ได้คาดหวังแทน เป็นแบบนี้สลับกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงตอนจบนี่แหละค่ะ มันสำคัญจริงๆ นะคะคอมเม้นเนี้ย เพราะมันแสดงให้เห็นว่ามีคนที่มีความรู้สึกร่วมไปกับนิยายพล๊อตธรรมดาๆ เรื่องนี้ไปด้วยกันจริงๆ แล้วสำหรับคนที่มาคอมเม้น อย่าให้ต้องไล่ชื่อขอบคุณเลยนะคะ จะกลัวกันเปล่าๆ จำได้ทุกคนจริงๆ 555 (บางทีมีแอบน้อยใจทำไมยังไม่มา บอกตัวเองถ้าคนนี้ไม่มาเม้นสักทีจะไม่อัพตอนต่อไป ฮา) สำหรับเรื่องนี้เดี๋ยวมีตอนพิเศษมาแน่ เช่นตอนไปปากช่อง หรือไปค่ายอาสา รอกันด้วยน้าา แต่ตอนนี้ขอไปปั่นเรื่องตั้งต้นก่อน คนด่าเยอะ สงสารนางงง 555

นอกจากนี้ก็ขอฝากเรื่องใหม่่ๆ ที่กำลังจะมานะคะ

- แฟนเดือนเดียว / A month boyfriend

#ต้นคนรักไม่เป็น

ตอนนี้ปั่นเรื่องนี้อยู่คะ ตอนแรกกำลังจะมาแล้ว เรื่องราวของกีต้นจะจบอย่างไรไปตามลุ้นกันเน้ออ

- หมูพีที่รัก / My Honey

#หมีแทนที่รัก

เรื่องนี้ถูกดองไปก่อนนะคะ ตามไทม์ไลน์มันต้องมาหลังจากต้นกี ก็เลยรอกันอีกนิดนึงเนาะ แต่เรื่องนี้น่ารักนะ โดยเฉพาะใครที่ชอบหมีพูห์ก็น่าจะสนุกไปด้วยกันนะคะ ต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะจับให้พิกเก็ตเป็นแฟนกับพูห์ได้ 555

ฝากด้วยน้าาา รักที่สุดจ้าาาาาาาา

คุยกันในทวิตเตอร์ได้ตลอดนะคะ @maywrite1

#รักมือสองอินดิน


หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-07-2019 11:25:35
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ เราเป็นอีกคนที่อ่านจากหลายที่ บางทีก็ไปเม้นจากเเห่งอื่น เป็นกำลังใจให้ผู้เเต่งนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-07-2019 12:02:06
รักครั้งเก่า เน่าเหม็น เข็นใจหนี
รักครั้งนี้ หอมหวาน ซ่านสุขสม
ลืมไปแล้ว ช้ำรัก เคยตรอมตรม
แค่คนนี้ ให้ชื่นชม สมรอคอย

#อินดิน#รักกันถล่มทะลาย
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-07-2019 20:56:32
มีการชวนมาอยู่ด้วยกันด้วยอ่ะ น่ารักขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ สนุกมาก รอต้นกีนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-07-2019 01:29:40
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 23-07-2019 16:14:13
เจ้าของกระทู้ กรุณาเปิดอ่านข้อความใน PM (กล่องข้อความส่วนตัว)

ผู้ดูแลห้อง Boy's love story
 :n1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 24-07-2019 14:17:46
สนุกครับ ขอบคุณครับ,,,
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-07-2019 22:09:35
แหมๆๆๆหวานกันจนน่าอิจฉา
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-07-2019 11:12:03
อ่านจบแล้ว น่ารักๆ
จริงๆตามมาจากเรื่องแฟนเดือนเดียวนะนี่
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 27-07-2019 03:23:22
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ ชอบมุมมองความรักมาก ขำพระเอกด้วยความทำตัวเป้นเด้ก 55+ จะรออ่าน แฟนเดือนเดียวนะคะ อยากอ่านมาก ติดตามต่อว่าความรักของ กี กับต้นจะเป็นยังไง อินคุ่นี้มากก  :-[
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 27-07-2019 10:26:32
ตามไปรอ แฟนกันเดือนเดียว  :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 04-08-2019 12:22:49
นิยายน่ารักมากเลยค่ะ ภาษาก็ดีอ่านง่าย แต่งเก่งมากเลยค่ะ ติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  อยากเห็นตอนอินอิน แซ่บๆๆ พริก20เม็ดจังเลยค่ะ   :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 06-08-2019 06:06:11
รอติดตามคู่ของต้นกับกีค่ะ เพราะเรื่องนี้จบแบบคาใจสำหรับคู่นี้ รอติดตามต่อค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 07-08-2019 23:55:47
จบแฮปปี้น่ารักเลยที่เดียว  แต่กีกับต้นนี่ยังไงคะ จะมีต่อไหม
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (24:00 รักมือสอง) End
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 08-08-2019 01:48:22
จบแฮปปี้น่ารักเลยที่เดียว  แต่กีกับต้นนี่ยังไงคะ จะมีต่อไหม

มีเรื่องแล้วค่ะ ลงในนี้แล้วเหมือนกัน ชื่อเรื่อง แฟนเดือนเดียวค่ะ :)
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 13-08-2019 20:31:05



Special 1: ดาว✨

รถยนต์สีขาวขนาดสี่ที่นั่งแล่นไปตามเส้นทางถนนสายมิตรภาพ เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดา ถนนสายหลักสู่ภาคอีสานจึงไม่มีรถหนาแน่นนักสามารถขับไปได้อย่างคล่องตัว แต่ถึงถนนจะโล่งแค่ไหน เวลาที่ใช้ในการเดินทางกลับมากกว่าที่ควรจะเป็น ด้วยความที่คนนั่งข้างคนขับที่รู้จักถนนสายนี้ดีคอยแต่จะชี้นั่นชี้นี่ให้คนขับที่เพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรกดู และยังไม่รวมกับที่คอยแวะรายทางถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญหรือไม่ก็ซื้อของกินที่มีเรียงรายอยู่ตลอดทางไม่หยุด
“แวะซื้อกระหรี่ปั๊บกัน ไส้ไก่ของเจ้านี้คืออร่อยมาก”
“ดินอยากกินองุ่นไร้เม็ดไหม เจ้านี้ไร้สารพิษ แม่อินแวะประจำเลยนะ”
“เนี่ยพอก่อนที่จะถึงบ้านคุณตา เราแวะฟาร์มโชคชัยก่อนไหม อินอยากกินอึมมิ้ลล์”
ดินยิ้มให้กับคนน่ารักที่วันนี้ดูร่าเริงกว่าปกติ รู้มาว่าตอนเด็กๆอีกคนมักจะมาอยู่ที่นี่กับคุณตาคุณยายเป็นประจำ ดังนั้นไม่ว่าจะขับรถผ่านตรงไหนความทรงจำวัยเด็กของอีกฝ่ายจึงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
“วันนี้จะถึงไหมเนี้ย” ดินอ้าปากรับองุ่นที่คนข้างๆส่งมาให้ก่อนจะเอ่ยแซว อินไม่ทันฟัง มือนึงคอยยื่นของกินให้คนขับไม่ขาด อีกมือก็ยกมือถือมาหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวดังๆของปากช่อง ในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้มา เหมือนที่แห่งนี้จะเปลี่ยนไปเยอะจนจำแทบไม่ได้
“เนี้ย เขาว่ามีฟาร์มแกะด้วยนะ เพิ่งเปิดไม่นานตอนอินมาล่าสุดยังไม่มีเลย”
ร่างเล็กยังคงใจจดใจจ่อเปิดดูเว็บนั้นเว็บนี้หาสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากจะไป ก่อนที่จะจัดการลิสต์มันลงมือถือ
“เดี๋ยวค่อยไปดูต่อที่บ้านไหม ยังไงก็ต้องเข้าไปหาคุณยายอินก่อนนี่” ดินว่า ตาเหลือบมองคนที่ยังไม่สนใจเขา เอื้อมมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ “ตอนนี้สนใจดินก่อน”
เมื่อได้ยินดังนั้นอีกคนก็เหมือนจะรู้สึกตัว เงยหน้าขึ้นมายิ้มเจื่อนให้เขา เก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋าทันที เด็ดองุ่นยื่นให้ถึงปากคนขับ ดินรับองุ่นเข้าปากเคี้ยวตุ่ย “พอแล้ว ไม่ต้องป้อนแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้นคนที่ตั้งใจเด็ดองุ่นถึงกับมือชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองเสี้ยวหน้าอีกฝ่าย
“โกรธอินหรอ” เอ่ยถามเสียงอ่อย ดินอมยิ้มส่ายหน้าเป็นการปฎิเสธ
“เปล่าครับ ไหนอินบอกคุณยายทำกับข้้าวไว้เยอะ ดินอยากเก็บท้องไว้กินฝีมือคุณยาย” อินยกยิ้มเอื้อมไปจับมือคนขับ
“อืม ดินต้องชอบแน่ๆ วันนี้ยายทำขนมจีนไว้ให้ ยายเตรียมไว้ตั้งหลายน้ำยาแน่ะ มีน้ำยาแกงเขียวหวาน น้ำยาป่า แล้วก็น้ำยาพริกของโปรดอินด้วย!”
“โตขนาดนี้ยังกินน้ำยาพริกอยู่อีก” ดินอดแซวไม่ได้
“ไม่เห็นจะเกี่ยว โตแล้วก็กินได้” ก็ยายเขาทำให้กินมาตั้งแต่เด็กๆ มันติดรสชาติไปแล้วนี่น่า
“ก็ไมได้ว่าอะไรสักหน่อย” ดินเอามือมาแปะบนกลุ่มผมนุ่มของคนหน้ามุ่ย ขยี้ไปมาอย่างนึกเอ็นดูคนที่ยังเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด
บ้านของคุณตาคุณยายอินอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่มากนัก จึงสามารถหาได้ง่ายและเดินทางไม่ลำบากเท่าไหร่ เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในบริเวณที่ครอบคลุมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่มากมาย ทั้งสองก็มองเห็นบ้านไม้สามชั้นขนาดใหญ่ ชั้นล่างสุดมีระเบียงยื่นออกมาเป็นที่รับลม บนระเบียงมีหญิงสูงอายุท่าทางภูมิฐานนั่งปอกมะม่วงชะเง้อตามองมาที่รถของเขา เมื่อแน่ใจแน่แล้วว่าเป็นรถของหลานชายจึงรีบลุกมาต้อนรับ
“ยาย~ คิดถึงจังเลย” เมื่อรถจอดสนิทลงตรงเชิงบันไดหน้าบ้านเรียบร้อยแล้วอินจึงวิ่งโผเข้าไปกอดญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ดินที่เดินตามมาส่งยิ้มสุภาพก่อนที่จะยกสองมือพนมไหว้อย่างเด็กมีมารยาท
“สวัสดีครับคุณยาย สบายดีไหมครับ”
“สบายดีจ้า ตามสบายนะ คิดว่าอยู่บ้านตัวเองแล้วกัน” ผู้ใหญ่ใจดีกล่่าวทักทายพร้อมกับตบแขนร่างสูงเบาๆ ก่อนจะหันมาลูบหัวหลานชาย
“หล่อไม่เบาเลยนะแฟนเราเนี่ย” ทั้งดินทั้งอินเบิกตากว้างอย่างตกใจ เลิกลั่กเสมองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก
“ยาย~ยายว่าอะไรนะ!!” อินพูดตะกุกตะกัก เขาก็รู้ว่าตากับยายของเขาเป็นคนหัวทันสมัย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นกันขนาดนี้ ตอนแรกก็เลยว่าจะปิดไว้ก่อน
“โอ๊ย อย่ามาปิดยายซะให้ยาก แม่เราเล่าให้ยายฟังหมดแล้ว”
โถ~ แม่นะแม่~
“ไปๆ มากันเหนื่อยๆขึ้นไปเก็บของข้างบนห้องซะ ล้างไม้ล้างมือแล้วจะได้มากินขนมจีนกัน”
“อ้าว แล้วตาอยู่ไหนครับยาย” อินถามถึงคนที่ตั้งแต่มายังไม่ได้เจอเลย
“ตาเราอยู่ที่ไร่ เดี๋ยวยายโทรบอกว่าเรามาแล้วพอกินเสร็จก็จะได้ให้ตานำแฟนเราไปเที่ยว”
“ยายอ่ะ..” อินเขินเพราะยายยิ้มกริ่มพูดเน้นคำว่าแฟน ทั้งสองขนข้าวของทั้งหมดลงจากรถ มีของฝากจากญี่ปุ่นที่แม่ซื้อมาฝากให้ตากับยายด้วย อินลองให้ยายชิมคุ้กกี้เนยที่เขาทำเอง ยายชมเปราะบอกฝีมือเขาดีเหมือนรสมือยาย ทั้งสองเอากระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บไว้ชั้นบนสุดที่เป็นห้องนอนของพวกเขาคืนนี้ ห้องนี้มีลักษณะเป็นห้องใต้หลังคาขนาดใหญ่ ไม่มีเตียงแต่มีฟูกขนาดใหญ่วางตั้งอยู่กลางห้อง มีโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ปลายที่นอนติดกับชั้นวางที่มีโทรทัศน์ขนาดเล็กแบบเก่าตั้งอยู่ มีห้องน้ำเล็กในตัวอยู่ติดกับระเบียงขนาดเล็กที่เปิดออกไปยืนชมวิวได้ ส่วนบนของห้องไม่มีเพดาน มันเป็นเพียงกระจกใสแบบหนามีม่านปิดไว้ สามารถเปิดออกรับแสงหรือดูดาวตอนกลางคืนได้ในเวลาที่ต้องการ พวกเขาทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง เดินลงมาด้านล่างบริเวณระเบียงที่ตอนนี้มีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ จากตรงนี้เขามองเห็นชายคนหนึ่งที่อยู่ในเสื้อลายสก๊อตสีแดงที่แม้จะมีรอยเหี่ยวย่นมากมายตามอายุแต่ก็ดูแข็งแรงสุขภาพดี ชายคนดังกล่าวหันมาฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา
“ตา~” อินวิ่งถลาเข้าไปหาชายร่างใหญ่ แทรกตัวเข้าไปในอกอุ่นอย่างแสนคิดถึง
“นึกว่าจะลืมตาไปแล้วซะอีก”
“โถ~อินจะลืมได้ยังไงกัน แต่อินเรียนหนักจริงๆเลยมาหาไม่ได้เลย”
“แน่ใจนะว่าเรียนหนัก ไหนแม่เขาบอกว่าเราติดหนุ่ม” พูดเสร็จก็หัวเราะให้เขาเขินหน้าแดง อินหน้ามุ่ยนึกโกรธคนเป็นแม่ที่เอาเรื่องมาเล่าให้ตายายฟังหมดแล้ว
“ไม่มีใครแทนที่ตาของอินได้สักหน่อย” กล่าวอ้อนพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ตาหัวเราะชอบใจ หันไปยิ้มรับไหว้ ยกมือเชื้อเชิญให้คนที่ยืนเก้ๆกังๆนั่งลง พอดีกับที่ยายและคนงานในบ้านยกอาหารมาตั้งโต๊ะพอดี
“อ้อนอะไรตาอีกแล้วหนูอิน” ยายกล่าวอย่างเอ็นดู หันมากระซิบกับดิน “ลำบากหน่อยนะ หลานยายมันเอาแต่ใจ” ดินหัวเราะเบาๆก่อนจะเอียงหน้าไปกระซิบกลับ
“เอาแต่ใจที่หนึ่งเลยครับ” คนโดนอ้างถึงเริ่มโวยวายหันไปฟ้องคนอายุเยอะที่สุดในบ้าน
“ตา~ ช่วยอินด้วย อินโดนรุม” แต่แทนที่คนเป็นตาจะยอมช่วยหลานสุดที่รัก “ก็เรามันดื้อจริงๆ ระวังพ่อหนุ่มจะทิ้งไปซะก่อน” อินอ้าปากค้าง ทั้งงอนทั้งอาย หน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว นั่งกอดอกหน้ามุ่ยมองจานข้าวเปล่าตรงหน้า วันนี้เขาไม่มีพวกสักคน
“ยังไงก็ไม่ทิ้งหรอกครับ” เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยออกมา ใจเต้นรัวกับคำที่อีกฝ่ายพูดกับผู้ใหญ่ น้ำเสียงที่เหมือนจะล้อเล่นแต่แววตาจริงจังเหมือนคำสัญญา
“แค่ถ้าดื้อมากๆจะจับตีเสียให้เข็ด”
“เออ ดีๆ เอาให้จำเลยนะ” ตาหัวเราะร่า
“ถ้าหลานยายทำตัวไม่ดี โทรมาฟ้องยายได้ตลอดเลยนะลูก แอดไลน์ยายไว้นะ” ยายเสริม
อินพูดไม่ออก นั่งมองสามคนที่เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย คุยกันออกรสจนมื้ออาหารนี้ใช้เวลายาวนานกว่าปกติ ตากับยายดูยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าที่เคยเห็นผ่านวีดิโอคอล รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจมาเยี่ยมหลังจากที่มัวแต่ยุ่งเรื่องของตัวเองจนปล่อยปะละเลยญาติผู้ใหญ่ทั้งสองไปนาน ในใจสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามหาเวลามาหาท่านทั้งสองคนให้มากกว่านี้
“อินมันยังฉี่รดที่นอนอยู่เลยตอนปอสี่”
“ตอนที่พาไปรีดนมวัวครั้งแรกนะ ร้องจนวัวแทบวิ่งหนี”
อินยกยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างปวดหัว เขาก็ดีใจนะที่เห็นคนที่รักทั้งสามเข้ากันได้ดี แต่จะดีมากกว่าถ้าไม่รวมหัวกันแกล้งจนเขาไปไม่เป็นแบบนี้!!!
.
.
.
.
“วันนี้เหนื่อยไหม” อินที่กระโดดขึ้นที่นอนเอ่ยถามขณะที่เอาผ้าเช็ดผมที่เพิ่งสระเสร็จใหม่ๆไปมาวันนี้หลังจากที่กินข้าวเที่ยงเสร็จเรียบร้อย ตาเขาก็พาพวกเขาตระเวนเที่ยวรอบบริเวณ เริ่มจากพาไปหักข้าวโพดที่โตเต็มวัยมาให้ยายต้มให้กิน พาไปเก็บพริกในสวน แล้วยังพาไปฟาร์มสัตว์เลี้ยง เก็บไข่ไก่สด รีดนมวัว แล้วจบด้วยการพาไปขี่ม้า เรียกได้ว่าทัวร์กันจนทั่ว กว่าจะกลับเข้าบ้านอีกทีก็ตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปเรียบร้อยแล้ว
“นิดหน่อย แต่สนุกมากกว่า” คนที่ยุ่งอยู่กับการเปิดผ้าม่านบนเพดานตอบกลับ เมื่อเปิดออกกว้างก็ปิดไฟในห้อง ทำให้ตอนนี้สามารถมองเห็นดาวที่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้าที่มืดสนิทได้ชัดเจน เป็นภาพที่หาดูไม่ได้ง่ายๆเลยสำหรับคนที่อยู่กรุงเทพฯมาทั้งชีวิต ร่างสูงนั่งลงบนที่นอนข้างคนรักก่อนที่เอื้อมมือสอดเข้าไปที่เอวคอดของอีกฝ่าย “ขอบคุณนะครับที่ชวนดินมา”
อินยิ้มรับ วางผ้าขนหนูพาดไว้ที่เก้าอี้ข้างที่นอน สอดสองแขนคล้องคออีกฝ่าย “ถ้าดินชอบ อินก็ดีใจ” เขากระซิบบอก “อินมีความสุขที่คนที่อินรักเข้ากันได้ดีแบบนี้” พูดพร้อมกับเอาปลายจมูกเกลี่ยไปมาบนอวัยวะเดียวกันของอีกคน
“หืม..อินว่าคุณตากับคุณยายชอบดินหรือเปล่า” ร่างสูงที่แอบหวั่นใจมาตลอดทั้งวันเอ่ยถามจนอินหัวเราะออกมา ผละหน้าออกมาสบตากัน
“ถ้าอยู่นานอีกนิดอินก็เป็นหมาหัวเน่าแล้ว” ดินยิ้มกว้าง “คุณตายกเด็กดื้อให้ดินแล้วนะ” พูดไปก็ใช้จมูกไล้เลี้ยไปตามส่วนต่างๆของใบหน้าอีกฝ่าย สูดจมูกหนักๆตรงแก้มนุ่ม
“ถ้าอินดื้อแล้วดินจะตีจริงๆหรอ” ตากลมช้อนมองสบตา ทำใจกล้าเอ่ยถามทั้งที่เริ่มหายใจผิดจังหวะเพราะโดนอีกคนรุกเร้า สองมือหนาสอดเข้ามาในเสื้อนวดคลึงไปมา ก่อนที่จะล้วงต่ำไปยังสะโพกเนียนขาว บีบแรงๆจนเจ้าตัวต้องปล่อยเสียงครางออกมา ดินค่อยๆประทับริมฝีปากลงที่ริมฝีปากนุ่มเบาๆ ทำซ้ำหลายๆครั้งเพิ่มน้ำหนักและความเร็วมากขึ้น บีบเม้มดึงดันจนตอนนี้ปากแดงของอีกคนบวมเจ่อ น้ำใสไหลเยิ้มลงบนฟูกนุ่มทุกครั้งที่ผละออกจากกัน ลิ้นร้อนเริ่มรุกเร้าเข้าไปด้านในไล่เลียไปตามไรฟันสะอาดก่อนจะหยอกล้อกับลิ้นอีกฝ่ายที่พยายามตอบโต้กลับมา
ตอนที่กำลังดื่มด่ำไปกับจูบทีี่เร้าร้อนก็ต้องชะงักเมื่อมือบางสอดเข้ามาในเสื้อของเขา ลากขึ้นสูงจนต้องผละออกรั้งมือขึ้นเพื่อให้อีกคนถอดมันได้สะดวก เมื่อเสื้อของเขาไปกองอยู่บนพื้น คนทำก็ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนตอนนี้ไม่เหลืออะไรสักชิิ้น ดินมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา อินที่แสนขี้อายของเขากำลังเริ่มก่อน เจ้าตัวนั่งลงทับขา สองมือเอื้อมมาดึงกางเกงเขาออกอย่างรวดเร็วก่อนจะเขวี้ยงทิ้งไปที่พื้น
“วะ...ว่าไง อินถามว่าถ้าอินดื้อแล้วดินจะตีจริงๆหรอ”
ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขากำลังโดนเด็กดื้อยั่วอยู่
เร็วกว่าความคิดเขายกตัวอีกคนขึ้นมาคร่อมบนตักก่อนที่จะส่งจูบดุดันเข้าไปอีกครั้ง เม้มกัดริมฝีปากบางจนเจ้าตัวส่งเสียงครางในลำคอ อย่างรวดเร็ว เลื่อนลงต่ำไปที่ซอกคอขาว รู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอดขบกัดลงไปไม่ได้ ไวกว่าความคิดเขาเลื่อนมาจนถึงตุ่มไตสีชมพู ดูดเม้มจนมันตั้งชันได้รูป คนด้านบนร้องครางอย่างอดกลั้นไม่อยู่ด้วยความรุ่มร้อนจากการรุกเร้า สองมือจิกแผ่นหลังหนาของอีกคนไว้มั่น ดินกระชับมือที่รัดแผ่นหลังอีกฝ่ายไว้มั่นกลัวอีกคนจะหงายหลัง อีกมือเอื้อมไปสัมผัสก้นกลม บีบรัดจนมันขึ้นรอยมือก่อนจะทนไม่ได้ฟาดลงไปเบาๆหนึ่งทีจนคนที่โดนกระตุ้นครางออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว
“เด็กดื้อ..” ดินกระซิบเสียงพร่า ก่อนจะสอดมือเข้าไประหว่างร่องก้น เคล้าคลึงกับช่องทางเล็กที่ขยิบรออยู่แล้ว ตอนนี้กลางตัวเขาปวดหนึบไปหมด ทุกการเคลื่อนไหวของอีกคนบนตัวเขาส่งผลโดยตรงให้มันขยายใหญ่ขึ้น ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะสอดใส่ความใหญ่โตเข้าไปซะตอนนี้เลย กระแทกเข้าไปแรงๆจนคนที่หัดยั่วร้องออกมาไม่เป็นภาษา แต่เพราะรักเกินไปจนไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรแบบนั้น เพราะอยากให้อินมีความสุขทุกวินาทีจึงต้องอดทนใจเย็นค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปช้าๆเตรียมความพร้อมให้อีกคน
“อ่า..ดิน..” เสียงครางข้างหูแว่วมาเมื่อเขาสอดนิ้วทั้งสามเข้าไป คนตัวเล็กเริ่มกระสับกระส่าย สองมือจับหัวไหล่เขาแน่น สะโพกบางเริ่มโยกขึ้นลงตามจังหวะที่เขาเป็นคนกำหนด
“วันนี้ดินขอไม่ใส่ถุงยางนะ” เอ่ยออกไปเพราะรู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถหยุดเพื่อไปหยิบถุงยางในกระเป๋าได้แน่ คนตัวเล็กเม้มปากแน่นก่อนที่จะพยักหน้าลงหลายครั้งเป็นคำตอบ เขารีบดึงนิ้วทั้งสามออกมารวดเดียวจนอินร้องออกมาเสียงดัง แทนที่เข้าไปด้วยแท่งร้อนที่พร้อมรออยู่แล้วทันทีทันใด
“อ่า..ดิน..มันคับ..ช้าๆ” พอใส่เข้าไปได้ดินก็ไม่สามารถบังคับตัวเองได้อีกต่อไป เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้ามาโดยไม่มีสิ่งขวางกั้น การตอดรัดที่ได้สัมผัสโดนตรงทำให้เขารู้สึกดีจนเผลอเร่งจังหวะ จัยเอวบางแน่นกระแทกขึ้นลงจนอีกคนร้องครางออกมา ดินผละออก จับอีกคนนอนคว่ำชันเข่ากับฟูกนุ่ม บีบคลึงก้นกลมก่อนที่จะแหวกมันออกแทรกความร้อนยาวเข้าไปอีกครั้ง จับเอวสอบไว้มั่นกระแทรกกระทั้นจนอีกคนครางๆไม่หยุด เอี้ยวตัวลงไปกดจูบบนแผ่นหลังขาว ขบเม้มจนขึ้นรอบแดงเรื่อเต็มไปหมด
“อ่า...อิน..อิน..รัดแน่น” ดินครางออกมาเมื่อด้านในช่องแคบตอดรัดเขาแน่นขึ้นเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงฝั่ง ดินจงใจผ่อนจังหวะให้ช้าลง ดึงออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับไปอย่างแรงจนอินร้องเสียงหลง เขารู้ดีว่าจุดไหนที่อินชอบมากที่สุด กระแทกเข้าไปไม่กี่ครั้งอินก็ตัวกระตุกปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเต็มที่นอน ดินเองก็เร่งจังหวะให้ถี่เร็วขึ้นและในที่สุดความอุ่นร้อนก็ถูกปลดปล่อยอย่างรุนแรงกว่าทุกครั้งเข้าไปภายในตัวอีกคน
ทั้งสองทิ้งตัวลงบนฟูกที่เลอะไปด้วยคราบน้ำรัก ในอากาศมีเพียงเสียงหอบหายใจหนักๆของคนที่เพิ่งเสร็จกิจกรรมเร่าร้อน
“.เด็กดื้อ..” ดินว่าขึ้นทั้งที่ยังหายใจผิดจังหวะ “ยั่วเก่งแบบนี้ดินหัวใจวายไปก่อนจะทำไง”

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เล่นต่อเพลงกันไหม” เมื่อจังหวะหายใจกลับมาปกติคนในอ้อมกอดก็เอ่ยขึ้น สองตายังจ้องมองดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ดินที่ใช้ปลายจมูกคลอเคลียไหล่บางอยู่ยกยิ้ม “เอาสิครับ”
“เอาเพลงที่มีคำว่าดาวนะ” คนคิดเกมส์ว่าต่อพร้อมกับเสนอตัวเป็นคนเริ่มร้องก่อน
“ในคืนนี้มีดาว...เป็นล้านดวง แต่ใจฉันมีเธอแค่เพียงดวงเดียว... สอดประสานสบตาเคียงข้างกัน อยากจะขอจูบดาวใต้เงาดวงจันทร์”
อีกคนช่วยประสานเสียงร้อง กอดกระชับตัวเขาแน่นขึ้น
“อยู่ไหน...บอกเธอที่มา..ซบลงไออุ่นหัวใจ และเธอ..บอกเธอที่ไป..ฝันคงสดใส รักอยู่ไม่ไกล...จากเธอ ร้องบอกหัวใจ..มีเธอ”
คนร้องเงยหน้าขึ้นมามองกันส่งยิ้มหวานให้ “ตาดินแล้ว” เอ่ยเร่ง “คนชนะจะขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง” ร่างสูงกว่าหัวเราะในลำคอ ก่อนจะครุ่นคิดอยู่อึดใจ ยกอีกฝ่ายขึ้นมาใกล้ โน้มลงไปกระซิบข้างหูคนที่พยายามหดคอหนี
“คืนที่ดาวเต็มฟ้า ฉันจินตนาการถึงหน้าเธอละเมอไปไกลมองไม่เห็นเป็นดาว จันทร์ที่ดูสดใสนั้นเป็นดังใจเธอหรือเปล่า หากมันเป็นจริง..จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ”
“(.////.)”
“พอได้ไหมครับ” กระซิบเสียงแหบพร่าใกล้หูแดงเรื่อของอีกฝ่าย
“ระ..ร้องเพราะก็ไม่มีคะแนนเพิ่มให้หรอกนะ” ดินหัวเราะกับคำพูดแก้เขินของอีกคน เอามือลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายไปมา “ตาอินแล้ว”
“เนื่องจากตอนนี้..ฉันรู้สึกจิตใจมันอ่อนไหว.. อยากจะรู้ว่าเขาเป็นยังไงจากคำพูดวันนี้”
อ้อมกอดที่กระชับแน่นอยู่แล้ว ยิ่งแน่นกว่าเดิม สองมือที่ลูบแผ่นหลังเริ่มเปลี่ยนเป็นบีบนวดคลึงต่ำลงไปถึงเอวคอด “เพลงโปรดดิน” อินยิ้มรับเมื่อคนตัวโตว่าอย่างนั้น สองเสียงสอดประสานกันพร้อมกับสายลมเย็นยามค่ำคืน
“เพราะฉันเพิ่งบอก..รักไป..และเขาก็รับฟังทุกอย่างทุกถ้อยคำ เหมือนความฝัน...แต่ฉันเองก็ไม่อาจแน่ใจ ว่าพรุ่งนี้เรื่องของเราจะสุขหรือแสนเศร้า จึงวอนขอดาวให้ช่วยบอกที...”
คนร้องจบยกยิ้ม “ตาดินแล้..อื้ม!!!” พูดไม่ทันจบก็โดนริมฝีปากหนาเข้ามาประกบ ดูดคลึงจนเกิดเสียงดังก้องในอากาศ ลิ้นร้อนลากเลียไปทั่วริมฝีปากทั้งบนล่าง ไม่นานก็ดุนดันให้เขาต้องยอมเปิดปากรับ ลากเลียแสดงความเป็นเจ้าของไปทั่วพื้นที่ในโพรงปาก อินทุบอกเบาๆ เพราะจู่ๆอีกฝ่ายจู่โจมเข้ามาแบบนี้จนเขาหายใจไม่ทัน
“ดะ..ดิน! จู่ๆทำอะไรเนี้ย” บ่นออกไปทั้งที่ตัวอ่อนยวบไปหมดแล้ว
“ก็อินน่ารัก.. น่ารักจนดินทนไม่ไหวแล้ว”
“แต่เล่นต่อเพลงกันอยู่นะ”
“ดินไม่มีสมาธิเล่นแล้ว”
“...”
“นะ” มองหน้าคนที่ทำตาออดอ้อนจนอินก็อดยกยิ้มไม่ได้
“ชนะอินให้ได้ก่อนแล้วอินจะให้ทำ”
“โธ่~อิน” อีกคนโวยวาย
“ให้ทำจนกว่าจะพอใจเลย”
“โอเค แค่ชนะก็พอใช่ไหม!”
“อยากทำมาให้เธอ..ให้เธอได้อุ่นใจ ว่ายังมีเพื่อนเธอ ตรงนี้ อยากทำมาให้เธอ ให้เธอรู้สึกดี ให้ดาวกระดาษนี้เป็นเพื่อนเธอ”
ดินเริ่มร้องเพลงแบบเร่งจังหวะจนฟังแทบไม่ทัน
“ดาวตกจากฟ้า ยังมีอีกเยอะ ดาวตกไปแล้ว ตกอยู่เสมอ ก็เป็นเหมือนที่เธอไป ไม่หวนคืนมา เธอจากไปแล้ว ใจยังเหงา ให้มันแล้วไป ยังรักเธอ และอย่าไปคิดเสียดายเลย อย่าคิดมากเลยเพื่อนเรา”
อินหัวเราะร่า หยิกแแก้มคนที่ร้องเพลงรัวๆออกมาไม่หยุด
“โอ้คืนนี้ ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน อยู่แห่งไหน เธอที่เฝ้ารอมาเนิ่นนาน ขอวอนดาวและพระจันทร์ ช่วยดลบันดาลให้ซักวัน ให้ฉันได้พ..อือ!!”
หมับ!
อินเอามือปิดปากอีกคนที่ยังร้องเพลงไม่หยุด ปีนขึ้นไปบนตัวอีกฝ่าย สบตากับคนข้างล่าง
“พอแล้ว ดินชนะแล้ว” อินว่าต่อ ยังปิดปากคนตัวโตแน่น
“ถ้าปล่อยแล้วห้ามร้องเพลงอีกแล้วนะ”
ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

“ให้จูบได้อย่างเดียว”
.
.
เขาขอสัญญากับดาวบนฟ้า จนกว่าแสงดาวสุดท้ายจะลับหายไป คืนนี้เขาจะไม่ปล่อยให้คนขี้ยั่วได้หลับง่ายๆแน่นอน...



*******
เพลงบอกอายุเด้อออ 555 คิดถึงคู่นี้กันบ้างไหมค่ะ เราคิดถึงงงง หวังว่าจะชอบกันน้า~ ว่าจะลงนานแล้วแต่คืออีกคู่ยังตีกันอยู่เลย จะให้มาสวีทตอนเพื่อนเศร้าก็จะดูใจร้ายเกิ๊นน พอเริ่มจะดีกันแล้วเลยเอามาให้อ่านกันจ้า แล้วเอ็นซีเป็นไงบ้าง~ พอใช้ได้เปล่า เขิลลลลล
ติดตามความเคลื่อนไหวที่ทวิตเตอร์ @Maywrite1 #รักมือสองอินดิน
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-08-2019 03:57:25
ขอบคุณที่มาเติมความหวานให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 15-08-2019 21:30:27
เที่ยวกันอยู่ดีๆงั้ยมาจบแบบต้องเสียเลือดกันละเนี้ย :pighaun: :m25: :haun4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Geawgard ที่ 27-09-2019 22:35:24
จบเเล้ววสำหรับคู่หลักนี่หวานกันเรียบร้อย ชอบดินเวลาอ้อนอินมากฟิลเตอร์หมาน้อยชัดๆ ส่วนต้นกีนั้นบอกได้คำเดียวว่าค้างมาก :katai1: เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะเเล้วก็ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: airjang ที่ 28-09-2019 16:53:32
ชอบนะ สำนวนภาษาดี อาจมีคำผิดบ้าง หน้า/น่า เราว่าถ้าแทนตัวฝ่ายหญิงว่า ของเธอ ดีกว่า ของเขา ไหม

เนื้อเรื่องไม่เวอร์วังเกินจำเป็น ไม่ยืดเยื้อ NC พอดีๆ พอประมาณ

ประทับใจความรักหลากรูปแบบ พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน รุ่นพี่รุ่นน้อง

ความรักที่แม้อยากเก็บเธอไว้แต่ก็ยอมปล่อยมือเมื่อรู้ว่าเธอจะมีความสุขกว่าที่จะอยู่กับตัวเอง

เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็น วาย จึงเน้น ชช หลายคู่จัง ก็สนุกอะนะ

ชอบคู่ กีรติตั้งต้น มีความดราม่าที่ทำให้เรื่องเข้มแข็งเข้มข้นขึ้น



ขอบคุณความตั้งใจของคุณนักเขียน อย่าท้อ อย่าทิ้งน้า นิยายของคุณคู่ควรให้คิดตาม ติดตาม

หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-09-2019 21:53:29
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 03-10-2019 19:20:15
สนุกมาก หลายคู่ดีแท้

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-10-2019 21:38:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:04:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 2nd hand love / รักมือสอง (09:00 #อินดิน ) อัพ 07/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 31-10-2020 23:09:15

 จนเมื่อเขาใกล้ถึงฝั่งก็พยายามดึงออกมาจากปากคนตรงหน้า แต่ถูกอีกฝ่ายจับไว้แน่นจนในที่สุดก็ปล่อยออกมาเต็มปากของคนข้างล่าง เมื่อได้สติอีกครั้งดินก็รีบขว้าตัวคนที่ไม่คุ้นกับของเหลวในปากจนสำลักและไอไม่หยุดเข้ามากอดแน่นๆ 
เรื่องไหนเรื่องนั้นทุกเรื่อง พระเอกกินของนายเอกไม่เคยสำลักหรือไอ แต่นายเอกทุกเรื่องสำลักและไอเหมือนกันหมด