18
ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว“ คุยเลยป่ะ ”
ผมขี้เกียจปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อแล้ว น่ารำคาญ เพื่อนน้องฟิวทั้งสองคนจ้องผมกับคิงด้วยสายตาจงเกลียดจงชังแบบยังไงชาตินี้ก็ไม่มีทางญาติดีด้วย เออ… เรื่องของมึงเหอะ
“ ฟิวจะเอาไง? ”
ผมถามน้อง มองแค่เด็กหนุ่มตัวเล็กเพียงคนเดียว นั่นทำให้ผมนึกไปถึงตอนที่เจอกับน้องครั้งแรก ผมก็มาสั่งกาแฟกินรอน้องมาเรียนพิเศษด้วย น้องมาถึงงก็นั่งเงียบอยู่ตรงข้ามด้วยอาการตื่นกลัว ทำอะไรไม่ถูก
หากครั้งนี้ต่างกันตรงที่ผมมาเพื่อจบเรื่อง ไม่ได้เริ่มต้นใหม่…
“ นี่ยังกล้าถามอีกเหรอ! ” เด็กผู้หญิงอ้วนๆที่นั่งขนาบซ้ายเริ่ม ผมเบนสายตามามองเธอ และรุ่นน้องคนนี้ก็จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว
“ ไม่เสือกดิ ”เสียงนิ่งๆของคิงพูดแทนสิ่งที่ผมคิดทั้งหมด ผมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง รู้ว่ามันรำคาญ แต่ไม่คิดว่ามันจะพูดอะไรออกมา
น้องคนนี้หน้าตึง ตวัดสายตาค้อนขวางจ้องคิงแทน
“ พี่ว่าอะไรนะคะ ”
“ เรื่องของคนสองคน มึงเสือกอะไรเขา ”
และใบหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายของคิงก็ดูกวนตีนแต่ก็น่ากลัวอยู่ในทีพอตัวมากทีเดียว
ผมยกมือกุมขมับ รู้สึกปวกหัว ไม่รู้คิดถูกคิดผิด คิงมามันช่วยพูดในสิ่งที่ผมไม่อยากพูดให้น้องฟิวเข้าใจได้ แต่คำพูดและวิธีการไม่ต่างจากเอาน้ำมันราดใส่กองไฟของเพื่อนสาวพิทักษ์คุณธรรมของน้องเลย
“ หนูเสือกเรื่องเพื่อนยังดีกว่าพี่แล้วกัน ” น้องคนเดิมพูดเสียงดังใส่คิง “ เป็นมือที่สามความสัมพันธ์คนอื่น! ”
“ มึงพูดดีๆ นะ ”
“ หนูพูดไม่ถูกตรงไหน พี่นั่นแหละต้นเหตุทำให้เพื่อนหนูเสียใจ!! ”
“ ปัญญาอ่อนสัส มึงเสียใจเอง มึงร้องไห้เอง มึงโง่ทำตัวเองเองทั้งนั้น!!! ”น้องฟิวถึงกับสะอึก เงยหน้าขึ้นมามองคิงทำให้สบตากับผมพอดี น้องตกใจมองเลิกลั่กไปทางอื่นแล้วก้มหน้าต่อไป ปล่อยให้เพื่อนสาวอีกคนกอดไหล่ลูบหลังปลอบ
ผมเห็นแล้วถอนหายใจ กลอกตามองทางอื่นเหนื่อยๆเซ็งๆ...
“ เชี่ยคิง ใจเย็น.. ”
แม่งเอ๊ย… นี่มันวันอะไรวะเนี่ย มึงเป็นเหี้ยอะไรกันไปหมด… กูจะนอยด์แดกแล้วได้อารมณ์เสียจริงๆก็วันนี้ล่ะ
“ กูเย็นอยู่ ”
เย็นชิบหาย เพื่อนกู… เฮ้อ!
“ เอางี้น้อง พี่ขอคุยกับฟิวสองคนได้มั้ย น้องจะไปไหนก็ไปๆ ” ผมโบกมือไล่อย่ารำคาญ “ ตั้งแต่มาฟิวได้พูดความรู้สึกตัวเองสักประโยคยัง น้องแย่งพูดหมดแล้วเอาแต่ด่า พี่ว่าแบบนี้แม่งไม่เรียกคุยว่ะ.. ”
ไม่รู้ว่าเพื่อนน้องฟิวแม่งไปเก็บกด กักเก็บความเกลียดผมมาจากไหน ทั้งที่เจอหน้าแม่งก็แค่ครั้งเดียว แถมไม่นานด้วยตอนที่ผมไปรับน้องและพาไปกินข้าวกับเพื่อนต่างคณะ
“ เกี่ยวแน่! เกี่ยวตั้งแต่เพื่อนพี่มารุมด่า รุมขุดเรื่องของหนูในเฟสแล้ว!!! ”
ห๊ะ?
“ อย่ามาตีเนียนไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่พี่แล้วเขาจะมาด่าหนูทำไม!! พี่แค้นนักเหรอที่หนูตั้งกระทู้ประจานพี่ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องจริง เห็นอยู่ทนโท่!! ”
“ น้องพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ ”
น้องที่ด่าผมตั้งแต่แรกยันตอนนี้มีท่าทางโมโหมากขึ้นกว่าเดิม โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนเพื่อนอีกคนต้องจับเอาไว้
“ อ๋อ! ไม่รู้เรื่องเหรอ แล้วนีคือเหี้ยอะไร มันคืออะไร!! ”
น้องคนนั้นหยิบกระดาษปึกนึงออกมาโยนใส่หน้าผม…! ผมเบิกตากว้าง ตกใจ ไม่เคยมีคนทำแบบนี้ใส่ตัวเองมาก่อน
“ อีเหี้ย!! มึงเยอะไปแล้วนะ! ”
ไอ้คิงขึ้นแทน ผุดลุกขึ้นยืนแล้วขึ้นเสียงใส่ แม้แต่เพื่อนน้องฟิวก็ตกใจผงะไปข้างหลัง ขณะที่ผมยังยืนนิ่ง แต่หน้าร้อนไปทั้งหน้า กระแสอารมณ์พุ่งพรวดขึ้นมาจนเกือบถึงจุดที่ทนไม่ไหว ผมมองทั้งสามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามตาแข็ง แต่ยังข่มใจไม่ให้ระเบิดออกมา
“ คิง ”
กัดฟันพูดปรามมันเอาไว้ ข่มความรู้สึกไม่ให้เข้าไปต่อยผู้หญิง หยิบกระดาษที่มันปาใส่หน้ามาดู และกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ
ในกระดาษเป็นการแคปหน้าจอเฟสบุ๊กของเพื่อนน้องฟิวคนที่ปากหมาใส่ผมมาตั้งแต่แรก ในนั้นน้องทั้งโดนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ประชดแดกดัน ขุดเอารูปเก่าๆมาล้อเลียนจนกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน โดยเฉพาะเรื่องหน้าตาและรูปร่าง
“ ตอบหนูมาสิคะ พี่ไม่ทำแล้วใครจะทำ! ”
“ ไม่รู้ ”
ผมให้คำตอบที่ดีที่สุดได้แค่นั้น
“ กวนตีนคนอื่นไว้เยอะเองล่ะสิ! ”
ผมจับไหล่ไอ้คิงทันทีที่มันเริ่มปากหมา ถึงจะเป็นเรื่องจริง...แต่มันก็ไม่ควรพูดให้เรื่องแย่ไปกว่านี้
“ เชี่ยคิง เย็นหน่อยโว้ย.. ”
ถอนหายใจหนึ่งครั้ง หันไปมองทางแฟนมันที่นั่งมองอยู่เช่นกัน แต่ยังไม่เดินเข้ามาสีหน้าเป็นห่วงเพื่อนผมอย่างชัดเจนจนผมเบือนหน้าหนี
“ มึงไปอยู่ตรงนู้นก่อนไป กูเคลียร์เอง ” และชี้นิ้วโป้งไปทางที่ภัทรนั่งรอมันอยู่โดยไม่ได้หันไปมอง
“ ไม่ได้! หนูเรียกพี่มา... ”
ผมว่าผมทนเพื่อนน้องฟิวคนนี้ไม่ไหวแล้วว่ะ...
“ มึงจะคุยไม่คุย ถ้าไม่คุย กูจะกลับ!! ”ชี้หน้าและตวาดกลับเสียงดังก่อนที่จะพูดจบประโยค จ้องตาเพื่อนน้องด้วยแววตาเอาจริง หน้าของผมนิ่งสนิทและผมพร้อมทำร้ายผู้หญิงได้.. ถ้าทำตัวให้หมดหมดความอดทน
ทุกคนนิ่งสนิท เกิดเดธแอร์ขึ้นชั่วครู่ก่อนที่เพื่อนสาวน้องฟิวที่คอยปลอบจะดึงแขนเพื่อนตัวเองถอยออกมา
“ มึง กูว่าให้ฟิวเคลียร์ก่อนเหอะ ”
“ ฟิวแกว่าไง ” หันไปถามน้องฟิวที่นั่งเงียบมานาน แล้วน้องก็ค่อยๆพูดขึ้น
“ ...เราอยากคุย ”
ไอ้คิงกลอกตาสีหน้ารำคาญเต็มที่
“ เหอะ เรื่องของตัวเองแท้ๆ... ”
คิงไม่ได้ประชด มันว่าน้องตรงๆ มองหน้าด้วยแล้วเดินไปหาภัทร ขณะที่เพื่อนน้องขึงตามองคิงด้วยความโกรธ น้องกลับหลบสายทุกคน ก้มหน้าก้มตา จมูกแดง ตาช้ำอย่างน่าสงสาร
“ สัญญา.. ไม่ร้องแล้วนะ ” เพื่อนน้องคนที่หน้าจืดถาม ฟิวเงยหน้าขึ้นมา ส่ายหัวเบาๆก็ยิ้มเหนื่อยอ่อนตอบ
“ เอาน้ำตาที่ไหน ร้องจนร้องไม่ออกแล้ว ”
ผมหันไปมองทางอื่น รู้สึกได้ว่าเพื่อนน้องปรายสายตามองผมอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะ ไม่ใกล้ไม่ไกล
ผมว่านั่นไม่ใช่ความผิดผม.. ผมอยากบอกน้องอย่างนั้น แต่พอเหลือกันแค่สองคนจริงๆ ผมก็พูดไม่ออก
ประโยคแรกที่ผมได้พูดกับน้องจึงเป็นประโยคที่เหี้ยที่สุดที่ผมคิดได้
“ เป็นไงบ้าง ”
“ ... ”
“ โทษที... ”
น้องคงไม่รู้สึกมีความสุขแน่…
ขณะที่ผมกำลังคิดคำทักทายใหม่ น้องพูดขึ้นมาเสียงเบาไม่ต่างจากกระซิบ
“ พี่เชาอยากเลิกกับฟิวเหรอ ”
“ ... ”
“ ฟิวไม่อยากเลิกนะ ”
“ ไม่ชอบฟิวตรงไหนบอกฟิวได้มั้ย ฟิวจะเปลี่ยน ”
“ เรื่องของพี่เชากับพี่คิง ฟิวไม่รู้ไม่เห็นก็ได้ ”
“ หรือ.. ”
“ ฟิว ฟังพี่ ”
ผมหยุดประโยคน้องด้วยการพูดขัดทะลุกลางปล้อง ผมทำกับน้องขนาดนี้น้องยังไม่อยากเลิกกับผมอีก? น้องน่าสงสารที่มาชอบผม หรือกูพลาดที่มองเกมไม่ออก หาเรื่องใส่ตัวเองตั้งแต่แรกกันแน่วะ...
“ พี่ไม่ได้มีคนใหม่ กับคิงเราเป็นเพื่อนกัน แฟนมันนั่งอยู่นู่น แล้วฟิวก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย มันไม่มีใครผิดหรอกเรื่องนี้ ”
“ ถ้าฟิวไม่ผิดทำไมพี่เชาถึงอยากเลิกล่ะครับ ”
ว่าแล้ว...ว่าน้องต้องถาม
“ พี่แค่ไม่เหมือนเดิม ”
“ มะ..ไม่เหมือนเดิม.. คือยังไงเหรอครับ? ” สีหน้าน้องเจ็บปวด ตาแดงก่ำแต่กลั้นน้ำตาไว้ “ พี่เชา… มีคนใหม่ที่ไม่ใช่พี่คิงเหรอ... ”
“ พี่ไม่มีใหม่ มันแค่… จู่ๆ พี่ก็เปลี่ยนไป ความรู้สึกพี่ไม่เหมือนเดิมแล้วฟิว ”
น้องเงียบไปนาน อ้ำๆอึ้งๆจะพูดหลายครั้งจนรวบรวมความรู้สึกตัวก่อนจะระบายออกมา
“ พี่เชา…ไม่รักฟิวแล้วเหรอครับ ”เฮ้อ… กูยังต้องตอบประโยคนี้อีกเหรอเนี่ย...
ที่จริงผมก็คิดได้ตั้งนานแล้วล่ะนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อมานานได้ขนาดนี้ ผมไม่อยากให้น้องเสียใจ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นการฝืนความรู้สึกผมเหมือนกัน ความสุขผมลดลงทุกครั้งพยายามฝืนตัวเองอยู่กับน้อง ผมว่าควรพูดความจริงสักที
“ อืม ขอโทษ พี่ไม่รักฟิวแล้ว ”ความเงียบน่าอึดอัดเกิดขึ้น ผมไม่รู้จะพูดอะไร น้องฟิววก็เหมือนถูกดูดกลืนหายไปกับเดธแอร์ครั้งนี้ สีหน้าน้องแสดงความเจ็บปวดมากขึ้น ตาแดงก่ำน้ำตาไหลซึมถามผมด้วยริมฝีปากสั่นระริก
“ พี่เชาเคยรักฟิวจริงๆบ้างรึเปล่าครับ ”
“ ... ”
“ พี่เชาบอกว่าต้องการพื้นที่ส่วนตัว ฟิวเข้าใจ ฟิวให้ได้ แต่เพื่อนฟิวบอกว่ามันคือการปิดบัง ”
“ พี่เชาไม่โทรหา งานยุ่ง ฟิวเข้าใจ แต่สิ่งนั้นคือการละเลย ”
“ พี่เชาบอกว่าจะพาไปเจอป้า แต่ไม่เคยพาฟิวไปสักครั้ง ”
“ เหมือนฟิวไม่รู้จักพี่เชาจริงๆเลย ”
“ แค่รู้จักพี่เชา… เท่าที่พี่เชา...อนุญาต ”
“ อย่างนี้สำหรับพี่เชายังเรียกว่ารักอยู่มั้ย... ”
คราวนี้เป็นผมบ้างที่เงียบ เงียบแล้วใคร่ครวญคำตอบที่ดีที่สุดให้กับน้อง
“ พี่เคยรักฟิว ”“ พี่ไม่เคยทำอะไรเพื่อใคร แต่พี่เคยทำเพื่อฟิว พี่เลิกบุหรี่ให้ฟิว พี่รับส่งฟิว พี่ดูแลเอาใจใส่ฟิวยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เรื่องของฟิวมาเป็นที่หนึ่ง พี่เคยคิดแต่เรื่องฟิวในหัว สำหรับพี่ นั่นคือความรัก แต่ถ้าฟิวยังไม่เชื่อ...พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูด ”
ที่ผมบอกน้องเป็นความจริงทั้งหมด ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครมากเท่านี้มาก่อน ผมเคยมีแฟนแต่ก็ไม่เคยมี่ครั้งไหนที่ผมจริงจังในความสัมพันธ์เท่าตอนที่คบกับน้องฟิว อาจเป็นเพราะนิสัยน้องที่ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องปกป้องดูแลเขาให้มากกว่าใคร ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม
ทว่าความจริงก็คือ… ผมไม่ใช่คนที่จะดูแลใครได้นานๆ
ผมเป็นคนขี้รำคาญ และไม่ได้มีความอดทนมากมาย เมื่อถึงจุดๆหนึ่งผมจึงรู้สึกเบื่อที่จะต้องคอยปกป้องดูแลน้องตลอด
รำคาญ...ที่น้องไม่ทำอะไรเอง
และหมดความอดทนกับความใสซื่อของน้อง ที่หลายๆครั้งความรู้สึกนี้มันแว่บขึ้นมาในหัว...
‘ เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอวะ ’
ผมเคยชอบความใสซื่อของน้องนะ แต่เวลานี้สิ่งที่ผมเคยชอบที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรำคาญที่สุด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
แต่ช่างแม่งเหอะ… มันเกิดขึ้นแล้ว
ผมยกแขนขึ้นมากอดอก เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองเล่นอย่างเบื่อหน่าย แล้วพาลนึกไปถึงเหตุการณ์คืนปีใหม่ ต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกกับน้องเปลี่ยนไป
ครั้งนั้นเราทะเลาะกันแรงที่สุด และเป็นครั้งที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกเราทั้งสองฝ่ายมากที่สุด...
ผมไปเที่ยว ดื่มหนัก ยอมรับว่ามึน แต่ไม่เมา เพราะผมจำเหตุการณ์ได้ชัดเจนทุกอย่าง น้องฟิวไปเข้าห้องน้ำแต่ไม่กลับมาสักทีผมเลยเข้าไปตาม แล้วเรื่องคลาสสิกที่สุดที่ผมไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้น...ก็เกิดขึ้น
น้องโดนลวนลาม กักเอาไว้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมในฐานะแฟนเข้าไปช่วย แต่ไอ้เหี้ยเด็กแว๊นนั่นแม่งเมาแล้วกวนตีนผม ผมกับมันเลยซัดกัน กำลังนัวเนียกันอยู่ ผมเป็นต่อมันสัสๆ น้องฟิวแม่งเอาน้ำที่ไหนไม่รู้สาดผมกับมันทั้งถัง จากกรึ่มๆหน่อยสติผมกลับมาครบถ้วน ผมปล่อยไอ้เหี้ยเด็กแว๊นนั่นแล้วเดินออกมาโดยไม่มองหน้าน้องเลย
ผมโกรธ สั่นไปทั้งตัว ไม่เคยมีใครสาดน้ำใส่ผมมาก่อน… แล้วที่ทำนี่… ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย… แต่ดูสิ่งที่กลับมา… มันใช่เหรอวะ!
น้องฟิวตามออกมา พยายามขอโทษ พยายามเอามือถือผมไปดูว่ามันเปียกน้ำมั้ย เสียรึเปล่า แต่ผมไม่พร้อม.. ตอนนั้นผมโกรธ...จนไม่อยากจะมองหน้าน้อง แต่น้องยังตามตอแยไม่เลิก ผมจึงระบายอารมณ์ด้วยการปาโทรศัพท์มือถืออัดใส่ผนัง
‘ มันพังแล้ว เห็นมั้ย?! ฟิวหยุดถามได้แล้ว!! ’และก็เดินออกมา ขับมอเตอร์ไซค์กลับหอ เคาน์ดาวน์คนเดียวแม่ง…
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็ถามตัวเองมาตลอด…
แม่งใช่เหรอวะ...คนนี้…. ถ้าใช่ทำไมผมถึง ‘ เบื่อ ’ ทำไมถึงเริ่มหน่ายกับพฤติกรรมของน้อง ซึ่งมันก็มีคำถามแบบนี้วูบขึ้นมาบ้างแล้วตั้งแต่ก่อนสิ้นปี ผมจึงอาศัยเหตุการณ์ในคืนปีใหม่นี้ห่างกับน้องสักพัก ตัดการติดต่อไปเลย ไม่ตอบแชท ไม่เจอหน้า… คิดอะไรคนเดียวไม่ออก… เพราะปกติผมไม่คุยเรื่องอะไรแบบนี้กับคิงอยู่แล้ว (อีกอย่างมันไม่ชอบน้องฟิวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ) ก็เลยตั้งกระทู้ถามเล่นๆ…
เพราะการตั้งกระทู้ถามนั่นรึเปล่า ถึงทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้?
อาจจะใช่… แต่ผมเองไม่ใช่เหรอที่เป็นทำ… ผิดที่ผมเองที่ปล่อยให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ ไม่ตัดปัญหาตั้งแต่แรก
ผมว่าผมไม่น่าจีบน้องเลยว่ะ…
พิจารณามองน้องฟิวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามอีกครั้ง ยังไงๆ น้องก็ไม่ใช่สเป็คผม...
แล้วกูไปจีบเขาทำไมวะ... เหงาเหรอ..ก็ไม่นะ…
คิดไม่ออก… ช่างแม่ง….
“ ฟิว พี่ว่าเราจบกันด้วยดีเถอะนะ ”
ผมบอกน้อง และยิ้มให้ แม้ว่ามันจะเป็นยิ้มที่ผมรู้สึกว่าช่างตอแหลเหลือเกิน
น้องเม้มริมฝีปากเหมือนไม่อยากจะยอมรับ เอามือปิดหน้าตัวเองและร้องไห้จนไหล่สั่น มีเสียงสะอื้นหลุดออกมาบ้าง ผมจึงเงียบเพื่อให้เวลาน้องทำใจและรอว่าน้องจะพร้อมเมื่อไหร่
“ ฮึก..อึก..ครับ…. ”
น้องฟิวพูดสลับเสียงสะอื้น น้ำหูน้ำตาไหลเปื้อนมือออกมาจนผมต้องหาอะไรสักอย่างให้น้องใช้เช็ดหน้าเช็ดตา และสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือกระดาษทิชชู่ที่ได้มาพร้อมกับกาแฟแก้วเย็นชืด ผมจึงไม่ลังเลที่จะยื่นมันให้น้อง
“ ขอบคุณครับ...อึก... ” น้องรับไปเช็ดหน้าเช็ดตา… มองผมด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาเปรอะเปื้อนขอบตาไปหมด “ พี่เชา.. กลับเลยก็ได้นะ... ”
ผมเงียบและมองน้อง ท่าทางของน้องฟิวไม่โอเคเลย.. แต่ดีแล้วที่เขามากับเพื่อนผมจึงลุกขึ้นยื่นมือไปยีหัวน้องเบาๆ
“ งั้นพี่ไปแล้ว.. ดูแลตัเองดีๆนะ ” และถอยออกมามองน้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินไปหาคิงและภัทร ถึงตรงนั้นมันจะมีเรื่องน่าอึดอัดใจสำหรับผม แต่มันก็คงดีกว่าอยู่ที่เดิมกับน้องฟิวอยู่อย่างนี้... “ บาย ”
“ ฮึก...บายครับ..พี่เชา.. ” --------------------------จบ(ภาคฟิว)--------------------------
ก่อนอื่นเลยต้องขอ.............. สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน
ขอให้ปี 2559 เป็นปีที่ดี เป็นปีที่มีความสุข มีจิตใจที่เข้มแข็งและสุขภาพกายแข็งแรงค่ะ
เรากลับมาแล้วค่ะ หายไปนานสุดเลยรอบนี้... ไม่มีคำแก้ตัวใดๆค่ะนอกจากบอกว่าหายไปทำทีสิสมา....
จบเรื่องทีสิส มาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่าค่ะ จริงๆมีประเด็นหลายเรื่องเลยที่อยากตอบ แต่ส่วนใหญ่มันต้องพูดคุยกันยาว เพราะเกี่ยวกับบุคลิก-ลักษณะนิสัย และการถูกเลี้ยงดูมาของตัวละครแต่ละตัว ถ้าแบให้ดูทั้งหมดก็จะยาวมากๆๆๆ ดังนั้นเลยขอเคลียร์ประเด็นที่สำคัญและสั้นก่อนนะคะ
#ทีมเชา อย่างทีเห็นคือเพื่อนรอบๆตัวเชาเมื่อเห็นว่ามีข่าวลือ/ข่าวไม่ดีเกิดขึ้นกับเชาก็รีบเข้าไปปกป้องทันที (ซึ่งเรารู้ๆกันอยู่ว่ามันเป็นเรื่องจริง) ประเด็นนี้ต้องการสื่อให้เห็นเรื่อง ' สังคมไทยให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้า และให้สิทธิพิเศษคนหน้าตาดีมากกว่าคนทั่วไป ' ค่ะ
เชาหน้าตาดี เป็นเดือนภาค และมันก็เฟรนด์ลี่ เป็นมิตรกับทุกคน มีอะไรก็ช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ (เหมือนจะ)สนใจคนรอบข้าง รู้จักเพื่อนเยอะแยะ และหลายๆคนก็รู้จักเชา ในสายตาของคนทั่วไปเชาจึงไม่ใช่คนไม่ดีเลย ใครจะไม่ชอบ? (แต่เรื่องนี้มันดำเนินเรื่องโดยเชา คนอ่านก็จะเห็นมุมมอง เห็นความคิดของมันว่าคิดอะไรอยู่จึงทำให้รังเกียจการกระทำของเชาที่ทำร้ายและไม่สนใจจิตใจคนอื่น)
อีกอย่างที่สำคัญคือ นอกจากหน้าตาดีแล้วเชายังเป็นคน ' ภาพลักษณ์ดีมาโดยตลอด '
จึงไม่มีใครเชื่อแน่ ว่าคนที่ตั้งกระทู้คือเชา... หรือต่อให้เชื่อ ก็จะมี ' ติ่งเชา ' มากมายที่ออกมาปกป้องโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆทั้งสิ้น น่าเสียใจที่คนส่วนใหญ่เหล่านั้นเป็นผู้หญิงด้วยซิคะ... กระซิก....
ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากเพื่อนสาวพิทักษ์คุณธรรมของฟิว(ที่เรากล่าวถึงนิดหน่อยในตอนนี้... พยายามไม่แตะมากค่ะ เดี๋ยวตอนนี้จะยาวเกินไป.... T T) ออกมาแฉแล้วโดนขุดคุ้ยประวัติส่วนตัว แต่เพราะเธอเป็น nobody ไม่มีแฟนคลับ(หรือในที่นี้คือ ' ติ่ง ' ฮาา ) คอยปกป้อง ขี้เหร่แถมยังอ้วนอีก... คนก็เหยียบย่ำกันสนุกสนาน
น้องฟิวร้องไห้เยอะเกินไป ไม่ทำอะไรด้วยตนเองใช่ค่ะ น้องร้องเยอะเกินไปจริงๆ เรายอมใจเลย... แต่ทุกคนลืมอะไรไปรึเปล่าคะ... น้องฟิวรักเชามาก รักอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ และคนเราหากถูกคนที่รักมากทำร้ายความรู้สึกเข้าบ่อยๆก็สามารถอ่อนแอได้ทั้งนั้นค่ะ ยิ่งเป็นเคสน้องฟิวที่มีลักษณะนิสัยเปราะบางและอ่อนแอแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่...
ในตอนนี้น้องฟิวเก่งขึ้นแล้วนะคะ เก่งขึ้นนิดนึง... กล้าพูด...กล้าถาม...โดยที่รู้ว่าคำถามของตัวเองต้องทำให้เชาขัดใจแน่ๆ ซึ่งโดยพื้นฐานน้อง น้องเป็นคนเอาคนอื่นไว้เหนือตัวเอง ยิ่งเชา..น้องยิ่งทั้งกลัว..ทั้งเทิดทูนบูชา...
จบแล้วค่ะ...
เราหวังว่าการกระทำของฟิวในตอนนี้จะแสดงความเข้มแข็ง/เด็ดเดี่ยวบางอย่างให้ทุกคนได้เห็นกันนะคะ อาจจะดูอ่อนแอเหมือนเดิม... แต่นี่ก็เต็มกลืนที่น้องจะรับได้แล้วค่ะ
ส่วนเชา... จนจบภาคฟิว.. มันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาของตัวเองคืออะไร 5555555 จริงๆเชามองเห็นค่ะ รู้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรยังไง เข้าใจทุกอย่างด้วย แต่เพราะลักษณะนิสัยที่ ' ช่างแม่ง ' ของมัน ทำให้มันไม่เก็บอะไรมาคิดพิจารณาเลย กลายเป็นขาดความสนใจคนรอบข้าง บวกกับความเอาแต่ใจ เลยทำให้ดูเป็นคนเห็นแก่ตัว ซึ่งเชาอาจจะเห็นแก่ตัวจริงๆหรือไม่ก็ได้.. ยังมีภาคเชา...ให้ติดตามต่อค่ะ... //-\\ (ขายของอีกแล้วเรา แง๊..)
สำหรับมิสเตอร์เกรย์ เอ๊ย คุณ Grey Twilight อยากจะบอกว่าเราชอบและขอบคุณและปริ่มมากตั้งแต่คอมเม้นท์แรกของคุณค่ะ เราไม่แน่ใจว่าเราจบแบบปลายเปิดหรือปิด.. sad end หรือ good end เพราะจุดมุ่งหมายของเราคือการเล่าช่วงชีวิตๆหนึ่งของเชาซึ่งจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคตเท่านั้นเอง ดังนั้นก็.. คอมเม้นท์ได้เลยตามสะดวกค่ะ เราก็อยากอ่าน......
สุดท้ายนี้ ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทุกคอมเม้นท์ เราจำพวกคุณได้หมดเลยนะ
ไม่ว่าจะด่าเชา ทีมฟิว ทีมคิง หรือยังไงก็ตามแต่ เต็มที่เลยค่ะ 5555 เราไม่โกรธไม่เคืองใดๆทั้งสิ้น เพราะแต่ละคนก็ทำตัวให้ได้รับกระแสตอบรับแบบนั้นเอง เราออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ทำให้พวกคุณอินกันได้ขนาดนี้ อิอิ
จบ
-ภาคฟิว- แล้วนะ จุ้บๆ ไว้เจอกันใหม่ที่โพสเดิม... ภาคใหม่ค่าาา
มีอะไรอยากบอกก็บอกได้ ถามได้ pm ได้นะคะ
รัก.
TBC.