“ครับ...ครับผม อาการตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ พักรักษาตัวประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถกลับบ้านได้เลยครับ”
บทสนทนาดังขึ้นระยะใกล้ คาดว่าคงเป็นคุณหมอที่รักษาตัวผม
อยากขยับตัว แต่ติดที่สายท่อระโยงระยางยึดเหนี่ยวผมไว้ ไม่สามารถขยับตัวได้เท่าที่ใจนึก ผมนอนรักษาตัวที่นี่มาได้ 3 วันแล้ว เหตุที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะผมทำตัวเอง
ไม่มีใครผลักผมให้ไปรับลูกกระสุนแทนนะโม ไม่มีใครฝืนใจบอกให้ผมรับบทพระเอก ไม่ได้อยากดูดีในสายตาคนอื่นจนต้องมาเจ็บตัวแทน ผมแค่อยากปกป้องคนที่ผมรักก็เท่านั้นเอง...
ผมไม่ได้คำนึงถึงอาการบาดเจ็บหรือผลลัพธ์ที่จะตามมา สนใจแต่ว่าคนตรงหน้าต้องไม่เป็นอะไร ระยะจ่อปืนนั้นประมาณ 15 ฟุต ไม่ตายก็พิการ
นะโมหายตัวไปหลังจากที่บอกว่าจะขอเข้าห้องน้ำ นานผิดปกติจนผมต้องตามเข้าไปดู กลับไม่พบแม้แต่เงา ในตอนนั้นผมพยายามมองในแง่บวก นะโมอาจไม่ชอบที่แบบนี้จนต้องออกไปสูดอากาศข้างนอก ผมจึงเดินไปถามการ์ด เขาบอกว่านะโมเดินตรงไปที่ผับ SSS เมื่อได้ยินดังนั้นผมขมวดคิ้วทันที นะโมไปทำอะไร?
เท้าก้าวเดินตรงไปยังจุดมุ่งหมาย หน้าร้านเกิดความวุ่นวายเพราะมีตำรวจเข้ามาเอี่ยว หัวใจผมเต้นระรัว
ขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนะโมเลย
ผมไม่สนเจ้าหน้าที่ที่กักบริเวณเข้าออก มุ่งฝ่าเข้ามาในร้านที่สว่างโล่ง ผมเคยมาร้านนี้ มันเป็นร้านที่มีชื่อเสียมากกว่าชื่อเสียงในหมู่ปาร์ตี้สเก็ต (สเก็ต=ยาไอซ์, ปาร์ตี้=การรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมบางอย่าง) คนคุมร้านชื่อเดฟ เคยได้ยินชื่อมันมาเหมือนกันสมัยที่ยังคลุกคลีอยู่ในวงการยาเสพติด มันเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่เล่นไม่ซื่อกับระบบซื้อขาย ปกติแล้วนั้น ไอซ์ 1 g คือ สารเสพติดรวมกับถุงซิปล๊อค ดังนั้นปริมาณที่จะได้ไอซ์จริงๆอยู่ที่ 0.4-0.6 กรัม ถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไป ไอ้เดฟมันหลอกล่อลูกค้าใหม่ ลดแลกแจกแถม จนลูกค้าติดใจบอกกันปากต่อปาก ซึ่งพอลูกค้าตายใจแล้ว มันจะเปลี่ยนถุงซิปล๊อคที่บรรจุให้มีความหนาขึ้น หนักขึ้น จนตัวยาจริงๆนั้นได้แค่ 0.2-0.4 กรัม บางครั้งก็ตุกติกกับตราชั่งดิจิตอลแบบที่แม่ค้าขายผลไม้ทำกันในตลาดสดทั่วไปนั่นแหละครับ ดีที่ไหวตัวทัน ผมจึงหลุดออกมาจากวงจรอุบาทว์นั้นได้ แม้จะต้องทรมานกับการถอนยาไปประมาณ 4 เดือนก็ตาม นี่อย่างเร็วแล้วนะครับ เพราะผมเสพไม่ถึงเดือน
ส่วนไอ้หลามที่พาผมเข้าวงการมันยังไม่หลุดพ้น ยังติดอยู่ในนั้น เคยปรามๆมันแต่ก็ไม่ฟัง มันอ้างว่าเล่นเพื่อความหล่อ ความสุข...ใช่ ความสุขเพียงชั่วครู่ ก่อนที่นรกจะตามมาหลังจากขาดยา ข้อนี้มันรู้ดี แต่มันใจแข็งไม่พอที่จะหักดิบแบบผม จึงได้แต่เล่นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ และดูท่าจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
จากการที่นะโมโดนรุมดักข่มขืน ซึ่งเป็นผลงานของไอ้เหี้ยหลามและไอ้เหี้ยเดฟ ผมจึงต่อสายหาลุงเทพ พ่อของไอ้เหี้ยหลาม ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองปราบปรามยาเสพติดให้จับตาดูผับแห่งนี้กับทาวเฮ้าส์หลังหนึ่งในย่านสะพานควาย ที่นั่นเป็นโกดังสินค้าของมัน ผมบอกทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับไอ้เหี้ยเดฟ ทั้งวิธีวิธีการส่งยา ทั้งพ่อค้ารายย่อยที่ผมพอจะจำได้ ทิ้งท้ายด้วยที่อยู่คอนโดไอ้หลาม ถ้าให้เดาป่านนี้ห้องของมันคงปิดสนิทมิดชิด ทุกช่องอากาศถูกปิดตายเป็นห้องอับ เพื่อไม่ให้คนอื่นรับรู้ ซึ่งคุณลุงได้แต่รับฟังอย่างเงียบๆ ก่อนจะพูดว่าขอบคุณมากแล้ววางสายไป
ผมจะไม่ยุ่งเรื่องของครอบครัว ปล่อยให้พ่อลูกจัดการกันเอง
แขกหลายคนพยายามก้มศีรษะเพื่อปิดบังใบหน้าของตนเอง ผมใช้สายตากวาดหาคนที่คล้ายกับนะโมแต่ก็ไม่พบ ดังนั้นจึงขึ้นไปชั้นสองแทน และผมก็ได้เห็นภาพที่ทำให้หัวใจกระตุกวูบ
ไอ้เหี้ยหลามเอาปืนจ่อยิงนะโม!!!
ข้อนิ้วชี้หักงอพร้อมลั่นไก วินาทีที่ผมสังเกตได้ถึงการขยับของนิ้วผมจึงพุ่งตัวไปผลักนะโมให้พ้นวิถีกระสุนทันที
เหมือนปลายด้ามไม้กระแทกกลางอก แต่มันไม่ใช่ ลูกกระสุนพุ่งเข้าหาอย่างจัง มันแน่นหน้าอก จุก หายใจได้ไม่เต็มปอด ไม่เจ็บไม่ปวด ร่างกายชาดิก ทรุดตัวนอนล้มทับคนที่ผมหวังให้มันปลอดภัย ผมเลือดออกเยอะมากจนสลบไป
หากขอพรในตอนนี้ได้ผมขอแค่อย่างเดียวคืออย่าเพิ่งตาย..ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องทำ..
เวลาผ่านไปนาน นานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมคิดว่าผมคงไม่รอดเมื่อลืมตาแล้วเห็นแสงสีขาว กระพริบตาถี่ๆ พิจารณาดูอีกทีนี่ไม่ใช่สวรรค์หรือนรก แต่เป็นโรงพยาบาล
ผมยังไม่ตาย...นับเป็นข่าวดี
แต่ร่างกายขยับไม่ได้นี่มันยังไง...หรือผมจะพิการ...
เมื่อผมฟื้นตัว ลืมตาขึ้นมาเต็มที่ ผมได้เห็นคนที่เป็นห่วงผม ทั้งพ่อ แม่ และพี่เอก คนที่เข้ามากอดผมคนแรกคือแม่ ร้องไห้ไม่หยุด เอาแต่พูดว่ารักผม อย่าเพิ่งทิ้งแม่ไป
แม่เป็นคนอ่อนไหวง่าย จิตใจดี ชอบของสวยๆงามๆเช่นเครื่องเพชรพลอย มีแบรนด์เครื่องประดับเป็นของตัวเอง พ่อผมเป็นนักธุรกิจ ต้องเดินทางไปยังต่างประเทศบ่อยครั้ง ทำให้ผมไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อเท่าไหร่นัก แต่มาวันนี้ พ่อกลับละทิ้งงานทุกอย่างเพื่อมาเฝ้าผม รวมไปถึงพี่เอกที่เป็นนักพัฒนาซอฟท์แวร์อยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในเยอรมัน
“ถ้าโททิ้งแม่ไปแล้วแม่จะอยู่กับใคร ฮือออออ”
ร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วยเดี๋ยวไม่สวยนะครับ อยากจะพูดแบบนี้ แต่ไอ้ท่อที่ต่อกับจมูกผมทำให้พูดได้ไม่ถนัดนัก ส่งแรงบีบที่มือไปแทนเพื่อให้แม่รู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้
“พ่อแกก็เอาแต่บ้างาน ไอ้เอกดันติดแหม่มจนลืมบ้าน ฮือออออ แม่เหงานะลูก ถ้าหายดีแล้วกลับมาอยู่บ้านเรานะครับ ปิดเทอมแล้วด้วยนี่นา”
คุณหมอเข้ามาตรวจสอบร่างกายผมเล็กน้อยก่อนจะออกจากห้องไป
นอนพักอยู่หลายคืน สรุปแล้วผมยังไม่ตาย และไม่ได้พิการ ครบ 32 ประการเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือลูกกระสุนที่ฝังอยู่ในปอดข้างซ้าย คุณหมอบอกว่ามันเป็นลูกกระสุนตะกั่วบริสุทธิ์ โชคดีที่ไปหยุดที่ก่อนจะชนเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ และอีกนิดนึงจะชนกระดูกสันหลัง ทำให้ถึงกับอัมพาตได้ ซึ่งทีมแพทย์ได้ใส่ท่อระบายเลือดออกจากปอดเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งแปลกปลอมที่ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย ร่างกายคนเราจะสร้างพังผืดขึ้นมาห่อหุ้มเจ้าสิ่งนั้นรวมเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเรา
หากประสงค์จะเอากระสุนออกเพื่อใช้ทำคดี ต้องผ่าตัดใหญ่ ยกปอดออก กระสุนน่าจะติดที่กระบังลม ต้องผ่าตัดตรงนั้นและระมัดระวังไม่ให้ไปโดนเส้นเลือดใหญ่ใกล้ๆ โอกาสรอด 50-50 ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่ พี่เอกก็พร้อมใจลงความเห็นว่าปล่อยให้มันอยู่ในร่างกายผมต่อไปเถอะ เพราะมันไม่ได้มีอันตรายใดๆ
ส่วนเรื่องไอ้หลาม...ผมได้เห็นข่าวในทีวีถึงการบุกจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย รวมไปถึงผู้เสพยา ทว่ากลับไม่มีรายชื่อไอ้หลามปรากฏบนหน้าจอ
“ไอ้เหี้ยหลามโดนส่งตัวไปบำบัดที่ต่างประเทศ...พ่อมันนั่นแหละปิดข่าว คงไม่อยากเสียชื่อเสียง” ร่างสูงใหญ่ที่มีเอกลักษณ์คือทรงผมแอฟโฟ่บอก ขณะนั่งแดกแอ๊ปเปิ้ลที่เป็นของเยี่ยมอยู่ตรงโซฟา
ว่าแล้ว...แต่ช่างเถอะ คุณก็รู้ที่นี่ประเทศไทย จะทำอะไรได้กับลูกคนใหญ่คนโต ขนาดข่าววัยรุ่นรุมฆ่าคนพิการยังบอกป้องกันตัว หึๆ ทำไปได้ (อย่าเอาหนูไปปรับทัศนคตินะค้า พลีสสสสสสสส มันแค่นิยาย เอิ๊กๆ : Pierre ) ขอแค่มันไม่กลับมายุ่งกับพวกผมก็พอ จะเป็นตายร้ายดียังไงผมไม่สน
“อยากแดกช๊อคโกแลตว่ะ กูขอนะ” ปากขอแต่มือมันส่งช๊อคโกแลตแท่งโตเข้าปากแล้วครับ ผมหันไปมอง ไม่ได้ว่าอะไร ของเยี่ยมนั้นมากจนแทบจะไม่มีที่วาง เนื่องมาจากไอ้จ๊อบมันถ่ายรูปผมลงเฟสบุคแล้วติดแท็กมาด้วย เท่านั้นแหละเหล่าสาวๆเขาก็ไปสืบค้นจนหาชื่อโรงพยายามกระทั่งห้องที่ผมรักษาตัวอยู่ แรกๆนี่แทบจะบุกถึงห้อง ผมจึงต้องใช้มาตรการเด็ดขาดห้ามสั่งใครเยี่ยมยกเว้นคนที่ได้รับอนุญาตไว้กับพี่เอกที่ลางานมาเฝ้าผม
ภาระจึงตกไปอยู่ที่พี่เอกทันที จากเหล่าสาวๆที่จะมาเยี่ยมผมกลับเบนไปทางพี่เอกแทน...ก็ครอบครัวนี้หน้าตาดีทั้งครอบครัวเลยนี่ครับ ไม่อยากจะปฏิเสธ ความจริงมันเห็นๆอยู่
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทำให้ผมและไอ้ฟูหันไปสนใจผู้ที่เข้ามาใหม่ อันได้แก่ กอล์ฟ เจษ เต้ มิ่ง เฟิส หนุ่ม ปลั๊ก มิ้น เหมียว น้ำ ไอ้บูม และ..
นะโม...
คนสุดท้ายที่เดินเข้ามาทำให้หัวใจพองโต ยอมรับว่าตื่นเต้นที่มันมาเยี่ยม ตลอดเวลา 5 วันที่ผ่านมา ผมอุดอู้อยู่ในห้อง คนมาเยี่ยมมีเพียงครอบครัว ญาติๆ และไอ้จ๊อบกับไอ้บูมเท่านั้น แต่วันนี้คนที่ผมเฝ้ารอมาตลอดได้โผล่มาให้ผมเห็นหน้าแล้ว ทุกคนกรูมาล้อมรอบเตียง เอะอะโวยวายเสียงดังตามประสาจนห้องพักที่ใหญ่โตแคบไปถนัดตา เว้นเพียงคนเดียวที่หลบมุมไปวางของเยี่ยม
“ไงมึง กลายเป็นคนมีของซะแล้ว” ไอ้เจษเปิดปากก่อนเลย
“เท่ดีออก ผู้ชายมีรอยแผลเป็น มีลูกกระสุนฝังข้างใน อร๊ายยย” มิ้นยังเหมือนเดิม
“งั้นอยากเท่บ้างไหมมิ้น กูจัดการให้ได้นะ” โดนไอ้กอล์ฟด่า มิ้นทำหน้าหงอย “เพื่อนเกือบตาย ยังจะมีหน้ามาล้อเล่น”
“เจ็บมากปะวะ เหี้ยเหอะ ตอนกูเห็นร่างมึงแบกออกมาจากผับ SSS นี่นึกว่าจะต้องจัดงานศพให้ซะแล้ว”
“ปากเหรอน่ะไอ้ปลั๊ก”
“ไม่นึกว่าฉลามจะเป็นคนแบบนี้ ทำร้ายได้แม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง” เหมียวเอ่ยขึ้นลอยๆ
“งี้แหละ ยาเสพติดทำให้คนเปลี่ยน ป่านนี้มันคงรับโทษอยู่ในคุกที่พ่อมันสร้าง ถึงจะส่งตัวไปต่างประเทศปิดข่าวก็เถอะ ได้ยินมาว่าพ่อมันโหดใช่เล่น จะจับส่งลูกตัวเองเข้าคุก แต่แม่มันขอไว้” ไอ้บูมอธิบายต่อ
จากนั้นก็พากันคุย เรื่องเรียนบ้าง เรื่องไปเที่ยวบ้าง ผมยิ้มหัวเราะตามอารมณ์ ทว่าสายตานั้นไม่ละไปจากร่างๆหนึ่งเลย
นะโมเหมือนจะแอบชำเลืองมองผม แต่พอเห็นว่าผมมองอยู่มันก็จะรีบหันหนีทันที
อยากเข้าไปสัมผัส กอดด้วยความรู้สึกที่มี บอกว่าไม่เป็นไร ... ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ แค่มันมาเยี่ยมก็ดีเท่าไหร่แล้ว ผมนึกว่ามันจะเกลียดผมจนไม่ยอมมาซะอีก นี่มันเหนือความคาดหมายมากๆ
แกร๊ก
ประตูเปิดอีกครั้ง คราวนี้แม่ผมเอง มาพร้อมกับพี่เอก ส่วนพ่อบินกลับไปดูงานเมื่อวานเมื่อเห็นว่าอาการหายห่วงแล้ว
“อุ๊ย วันนี้คนเยอะเชียว ทำตัวตามสบายเลยนะจ๊ะ” แม่รับไหว้ แจกยิ้มสดใสให้กับทุกคน ก่อนจะเดินตรงไปยังที่วางของเยี่ยม นะโมช่วยคุณแม่ยกของจัดวางให้เรียบร้อย
“มีของฝากจากแฟนคลับอีกเพียบเลย” แม่ผมบ่นลอยๆ
“เดี๋ยวผมไปช่วยเองครับ” ไอ้เต้เสนอตัว ผมรีบหันขวับไปทางแม่ ส่งซิกเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรจ๊ะ นะโมไปช่วยแม่ดีกว่าเร็ว”
คนถูกเรียกตัวดูเอ๋อๆ พยักหน้าแบบมึนงง ยอมเดินตามแม่ผมไป
“ห่าเต้ เสือกเป็นคนดีไม่ดูตาม้าตาเรือ” โดนไอ้จ๊อบตบป้าบเข้าให้
“เอ๋า ทำไมวะ?” ไอ้เต้ถามแต่ไม่มีใครตอบ ได้แต่สงสัยเช่นกัน ยกเว้นคนที่รู้ๆกันอยู่อย่างไอ้จ๊อบและไอ้บูม
วันหนึ่งขณะที่ผมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง คนที่คาดไม่ถึงเข้ามาเยี่ยม
“หวัดดี”
ปกป้องทักผมอย่างห้วนๆ ไม่มีความเคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ใครสนละ? ผมจ้องหน้าไอ้เด็กอ่อนกว่า มันมาทำอะไรที่นี่?
“ผมมาเยี่ยม โมเดี๋ยวตามมา”
ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน นะโมพาปกป้องมาเยี่ยมผม? เกิดเรื่องตลกอะไรขึ้นล่ะเนี่ย
“เข้าเรื่องเลยละกันนะ ผมรู้หมดแล้วที่คุณทำเรื่องเหี้ยๆกับนะโม” สีหน้าปกป้องเอาเรื่อง ร่างสูงแบบนักกีฬายืนอยู่ข้างเตียงผม มีทีท่าคุกคามอย่างเห็นได้ชัด สายตาจ้องมองลึกเข้ามา ผมมองกลับไปแบบไม่เกรงกลัว
มือข้างขวาเตรียมกระชากน้ำเกลือที่ปักอยู่บนอีกแทน หากมีการชกต่อยเกิดขึ้น ซึ่งผมไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างนอนโง่ๆอยู่บนเตียงแน่
“รู้ได้ยังไง?”
“โมบอกผมเอง”
ผมหน้าเสียไปทันที..การที่เราจะบอกความลับอะไรสักอย่างแก่คนอื่นได้ แสดงว่าคนๆนั้นต้องสำคัญกับเรามาก...
“อย่าพยายามเข้าใกล้โมอีก คุณทำร้ายโมมามากพอแล้ว ต่อให้คุณเอาตัวเองเป็นโล่บังกระสุนให้ใช่ว่าความผิดที่ก่อมาทั้งหมดจะหายวับไปกับตาหรอกนะ”
ใช่...ผมรู้เรื่องนั้นดี...
“ให้เจ้าตัวตัดสินใจเองดีกว่าไหม?” ไอ้เด็กเกรียนกอดอก ทำหน้าไม่เข้าใจ “ถ้านะโมรังเกียจ ไม่อยากเจอ หรืออะไรก็ตามเขาคงไม่มาเยี่ยมหรอก หึ”
ขอหลงตัวเองเล็กน้อย..ความผิดมันอาจลบล้างไม่ได้ แต่อย่างน้อยช่วยเห็นความดีของผมที่ตั้งใจทำเพื่อนะโมสักนิดก็ยังดี และการที่นะโมยอมมาเยี่ยมผม แม้จะไม่ได้มาเป็นการส่วนตัว แต่อย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่านะโมยังไม่ตัดขาดผมออกไปจากชีวิตมันแล้วจริงๆ
“เข้าใจผิดแล้วมั้ง” ปกป้องยิ้มน้อยๆอย่างคนเหนือกว่า “ที่โมมาเยี่ยมเพราะสำนึกบุญคุณที่คุณช่วยเขาไว้หรอก จบเรื่องนี้ไปนะโมก็ยังเกลียดคุณเหมือนเดิม”
เริ่มหมั่นไส้ความหมั่นหน้าของไอ้เด็กเหี้ยนี่แล้วนะ คิดว่าตัวเองได้เข้าไปนั่งในใจของนะโมแล้วหรือยังไง
“มันก็ไม่แน่”
“ถ้างั้นผมจะคอยดู แต่บอกไว้เลยจากนี้ไปคุณไม่มีทางได้เข้าถึงตัวโมแน่นอน” ก้างชิ้นโตพูดสำทับ “อ้อ อันที่จริงก็อยากจะซัดหน้าหล่อๆของคุณนะ แต่ผมไม่ทำคนป่วยว่ะ ออกจากโรงบาลเตรียมรับหมัดจากผมได้เลย”
ผมมองด้วยสายตาเย็นชา ไอ้เด็กนี่ประกาศตัวอย่างโจ่งแจ้งว่าเป็นอริ ตอนนี้มันได้เปรียบผมอยู่มากโข มีโอกาสทำแต้มเยอะกว่า ในขณะที่แต้มตัวผมยังติดลบ
ผมไม่มีวันยอมแพ้ให้ไอ้เด็กหน้าอ่อนนี่เด็ดขาด!
Next Chapter >> - 23 - (part1)น้อมรับคำติค่ะ ยอมรับว่าเขียนไม่ดีจริงๆ ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย T_T
ตอนนี้บทพระเอก ให้ไอ้โทมันไปเถอะค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ด้วยนะคะ (และหวังอย่างยิ่งว่าจะติดตามต่อไป ฮรืออออ)