ตอนที่ 7 ระทึก
“พี่คนนี้อ่ะนะ ที่บอกจีบอยู่” ผมขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย เอียงคอ 45 องศา หันหน้าไปทางพี่แบงค์ เจ้าตัวที่ถูกน้องชายถามก็ละมือออกจากเกมส์ ลุกขึ้นเอามือข้างนึงกอดอก อีกข้างกัดเล็บ ทุกทีอ่ะ เครียดทีไรก็กัดเล็บทุกที
“กัดเล็บ” ผมไม่ชอบคนกัดเล็บอ่ะ ดูเสียบุคลิกยังไงชอบกล พี่แบงค์พอโดนทักก็เลิกกัดเอามือมากอดอกแล้วเดินนำไปตรงโซฟา ตอนนี้ไอ้บูมนั่งตรงกันข้ามกันกับเราสองคน โดยที่ผมนั่งโซฟาที่มีพี่แบงค์นั่งบนพนักเท้าแขนของโซฟาใครสอนลุงให้นั่งค้ำหัวเด็ก ห๊ะ?
“แล้วไปไงมาไงถึงพามาได้อ่ะเฮีย บังคับเหมือนทุกทีอ่ะดิ”ไอ้บูมนั่งไขว่ห้าง กอดอกเอนหลังพิงโซฟา จะมาดไปไหน อ๋อ แล้วนี่พวกมึงสองคนพี่น้องเผากูไม่เหลือชิ้นดีแล้วสิเนี่ย ผมเงยหน้าไปหาคนข้างบนเอาคำตอบ พี่แบงค์ที่กำลังกัดริมฝีปากล่างตัวเองอยู่ก็ถอนหายใจออกมา เฮือกใหญ่
“ก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร ก็เลยถามมันเนี่ยแหละ ก็เลยรู้ว่ามันช่วยเห้ อะไรไม่ได้เลย”เออ ท่าจะจริง ท่ามันช่วยได้ป่านนี้ไม่ต้องงงสถานะตัวเองแบบนี้หรอก
“พี่ตองอึดอัดป่ะครับ ถ้าอึดอัดบอกบูมนะ บูมจะดูแลพี่ตองเอง ถึงบูมจะไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ก็จะลองดู” อ๊าง ไอ้พี่น้องสองคนนี้มันเป็นอะไรกันเนี่ย นี่กูตกมาอยู่กลางดงเสือไบรึไง พูดเหมือนไม่เคยกินเนื้อแล้วจะลองกินดู ไอ้บ้าาา
“จะเอาตีนข้างไหน”เสียงไอ้ตัวพี่ครับ สองคนนี้ท่าจะตีกันเป็นงานอดิเรก รักกันเจ็บจริง ๆ เริ่มไม่มั่นใจในสวัสดิภาพในชีวิตและร่างกายของตัวเองแล้วสิ
ตกลงที่ผมรู้มาก็คือไอ้พี่แบงค์เนี่ยโทรมาถามไอ้น้องบูมว่าจะทำยังไงดีที่จะจีบผม(แล้วไอ้บูมมันเป็นเกย์รึไงถึงได้ถามมัน:ตอง/ก็ไม่รู้ นึกว่ามันเชี่ยว ที่ไหนได้:แบงค์) พอไม่ได้เรื่องก็เลยอย่างที่เล่าอ่ะครับ แค่มากินข้าว แค่มารับ-ส่ง ไม่ได้มีท่าทีที่แสดงว่าพี่ท่านจะจีบไอ้กระผมเลย พี่แบงค์เล่าอีกว่าผมอ่ะหัวอ่อนพาไปไหนก็ไป ซุ่มซ่าม ขี้ลืม เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ (เน่ ตกลงคือมีข้อดีบ้างไหม:ตอง/ก็ไม่รู้ เวลาอยู่ด้วยก็เป็นแบบนั้นทุกทีไม่ข้อใดก็ข้อนึง:แบงค์)
ผมขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
1.หัวอ่อนพาไปไหนก็ไป ไม่จริงอ่ะ ตัวเองบังคับตลอดอ่า ใช่ป่าว ไม่เคยถาม แต่ถ้าถามก็ตอบว่าไปแหละ เนาะ แห่
2.ซุ่มซ่าม ไม่จริงครับ แค่วันนั้นไปซื้อแม่กุญแจ(เอามาทำไมดูข้อล่าง) แล้วก็มัวดูของแล้วเผลอไปเตะเอากระป๋องของคุณลุงขอทานเค้ากระจายก็เท่านั้น เอง (พี่แบงค์ก็ต้องเก็บเศษสตางค์ที่กระจายเกลื่อน แล้วก็ให้ลุงเค้าไปอีกร้อยนึง) แหะ แหะ
3.ขี้ลืม ไม่จริงอีกอ่ะแหละ ก็แค่ลืมกุญแจมอไซค์ไว้คาคอรถ 3 ครั้งแล้วก็ต้องวิ่งตาลีตาเหลือกหากันให้ควั่ก กับลืมกุญแจห้องไว้ในห้อง 2 ครั้ง (ซื้อแม่กุญแจใหม่ กับพี่แบงค์งัดกระจกบานเกล็ดให้) แค่นั้นเอง
4.เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็แค่เดินชนกระจกโรบินสัน เดินตกท่อในมหา'ลัย นิด ๆ หน่อย ๆ แค่นั้น เห็นไหม ไม่จริงซักข้อ
คุยกันไปคุยกันมาซักพักพ่อแม่พี่แบงค์ก็เข้ามา ไอ้ตองก็ทำตัวลีบ ๆ แนะนำตัวไป พอผมบอกไปว่าเป็นน้องพี่แบงค์ที่อยู่ห้องใกล้กัน ไอ้พี่แบงค์มันก็แก้ “ไม่ใช่นะแม่ เด็กที่ไหนไม่รู้เห็นยืนร้องไห้อยู่หน้าปากซอยเลยเก็บมาเลี้ยง” แล้วก็พากันหัวเราะครืน แม๊ ตอนนี้สองพี่น้องโฉดก็พากันไปดวลเกมส์อยู่หน้าทีวีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรก็เข้าไปช่วยแม่ในครัว แต่ดูเหมือนจะทำให้เป็นภาระมากขึ้นซะมากกว่า ก็ทำอะไรไม่เป็นเลยแม่ต้องคอยบอกตลอด โดนมีดบาดมาแผลนึง สุดท้ายพี่แม่บ้านก็เลยต้องทำต่อ บนโต๊ะอาหารก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ นอกจากพ่อกับแม่พี่แบงค์ก็ซักถามผมสะระตะ กินข้าวเสร็จก็ค่ำแล้วผมก็ลาพ่อกับแม่กลับ ตอนแรกแม่บอกให้นอนค้างที่บ้าน แต่ลุงขี้เกียจตื่นเช้าไปเรียนก็เลยกลับดีกว่า
“ตอง แฟนเก่าตองจีบตองยังไงเหรอ”อยู่ดี ๆ ลุงมึนก็ถามแหวกความเงียบขึ้นมา
“ก็ไม่รู้อ่ะ ไม่ได้จีบ อยู่ดี ๆ ก็เป็นแฟนกันเลย”ผมที่ตอนนี้นั่งเอนเบาะไปด้านหลัง เพราะว่าอิ่มมาก แม่บังคับให้กินเยอะๆ ก็เพราะใครล่ะ ก็อิลุงมันขี้ฟ้องบอกผมกินข้าวน้อย ไม่ชอบกินผัก
“อืมมม”
พอถึงหอพี่แบงค์ก็เข้ามาดูทีวีที่ห้องผม(ห้องตัวเองก็มีจอก็ใหญ่กว่าด้วย:ตอง/ก็อยากดูข้างล่างอ่ะ มีไรป่ะ:แบงค์) ผมก็เลยไปเอาโต๊ะรีดผ้ามารีดผ้าพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีดอีก ลุงมึนเห็นก็วิ่งพรวดพราดออกไปด้วยความเร็วสูงหายไปสองนาที แล้วก็กลับมาพร้อมชุดนักศึกษา โด่ รีบไปเอามาให้รีด แม๊ ระหว่างนั้นผมกับพี่แบงค์ก็คุยกันไป ถือเป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้คุยกันจริง ๆ จัง ๆ ยาวมาก ขอยกออกมาเป็นช่วง ๆ ก็แล้วกันนะครับ
ตอง:พี่ไปชอบตองตอนไหน
แบงค์:ไม่รู้
ตอง:แล้วพี่ชอบตองตรงไหน
แบงค์:ไม่รู้
ตอง:แล้วเคยรู้อะไรบ้างมะ
แบงค์:ไม่รู้
แบงค์:คิดยังไงกับพี่
ตอง:ตอนนี้เหรอ ก็เฉย ๆ
แบงค์:ไม่รัก ไม่ชอบเลยเหรอ
ตอง:หึ ยังอ่ะ
แบงค์:เออ
พูดเสร็จพี่แบงค์ก็งอนจะเดินกลับห้อง ลำบากไอ้กระผมจะต้องรั้งแขนแล้วฉุดให้มานั่งลงด้วยกันเนี่ย กว่าจะอธิบายให้เข้าใจก็นาน ก็เพิ่งรู้ว่าพี่แกจีบผมใครจะไปทำใจให้ชอบทันล่ะ ไอ้เราก็นึกว่าที่ไปมาหาสู่กันนี้เป็นโหมดพี่น้อง มันก็ใช่ที่พี่แบงค์มันหน้าตาดีถึงจะไม่ใช่เดือนหอ เดือนคณะก็เถอะ แต่มันก็หน้าตาดีใจสายตาผม แต่ผมไม่รู้นี่นาว่าชอบพี่แบงค์ได้ กลัวชอบแล้วไปทำตัวเร่อร่าเรี่ยราดแล้วกลัวโดนเกลียดเอา ก็เลยนิ่งไปดีกว่า จับมือได้ซักพักก็เริ่มเลื้อยแล้วครับ เลื้อยลงไปนอนตักผม งั้นก็ขอเล่นผมหน่อยละกันนะ ผมนุ่มดีชะมัด
“แอ๊ดดดดด” เราสองคนหันหน้าไปทางประตู ตัยหอง แล้ว ไอ้หยองมาได้ไงวะ ผมรีบดันหัวพี่แบงค์ออกแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาไอ้หยอง มันจะเข้ามายืมหนังสือ ผมชวนมันเข้ามาในห้องแล้วมันไม่เข้า ผมก็เลยหยิบหนังสือให้มันไป พอได้หนังสือ มันก็รีบกลับ ปกติถ้าผมอยู่ห้องจะไม่ค่อยล็อกห้องอยู่แล้ว เวลามีใครมาขี้เกียจลุกไปเปิด แล้วก็เป็นปกติของไอ้หยองเหมือนกันที่เวลามันจะเข้าห้องผมมันก็จะไม่เคาะ เพราะเคาะไปผมก็ต้องตะโกนบอกมันให้เข้ามาอยู่ดี ไอ้หยองมันจะเข้าใจว่ายังไงฟร่ะ คิดว่าฟัดกันไปแล้วอ่ะสิ
“ไอ้หยองเข้ามาเอาหนังสืออ่ะ”ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงข้าง ๆ พี่แบงค์ที่ตอนนี้กลับมาเอามือหนุนหัวนอนดูทีวีอยู่
“แล้วหยองมันรู้เรื่องของเราป่ะ”ผมแบงค์ถามผมขณะที่สายตาก็ไม่ได้ละจากทีวีที่ดูอยู่เลย ผมก็เลยลงไปนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาหน้าพี่แบงค์
“ยังไม่รู้ แต่ถ้าแน่ใจเมื่อไหร่แล้วก็จะบอก”ผมมองหน้าคนข้าง ๆ ที่ไม่ยอมหันหน้ามาสบตาซักที
“แน่ใจอะไร”หันมาหน่อยเส่ะ นะ ๆ
“ก็แน่ใจว่าเราตกลงเป็นแฟนกัน”อ่ะ หันมาแล้ว ตอนนี้เราสองคนนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันอยู่ ไม่น่าท้าให้สบตาเลยจริง ๆ ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยแฮะ
“จีบพี่ก็จีบไม่เป็น แล้วเมื่อไหร่จะได้เป็นแฟน” พี่แบงค์เอามือมาลูบหัวผมไปมา ยุ่งหมดละผมยุ่งแล้วว
“เออ นั่นดิ งั้นนน” ใช่พี่แบงค์มันจีบไม่เป็นนี่หว่า แล้วเมื่อไหร่จะได้บอกไอ้หยองล่ะ เฮ้อ หมดหวัง ๆ ๆ พับเสื่อกลับบ้านนอกดีกว่า
“งั้นพี่แบงค์เป็นแฟนตองนะ”