[5]
แล้วคืนนั้นก็ผ่านไปด้วย......การนอนคนละที่ บีนอนที่บ้านตัวเอง พร้อมกับไล่ผมให้กลับไปที่โรงแรม
----------เบื่อหน้าคนแก่------------ เจ้าหนูพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไป แถมยังมีการแลบลิ้นส่งท้ายอีก
เช้าของวันรุ่งขึ้นผมไม่อยากจะกลับกรุงเทพเท่าไหร่ แต่ด้วยภาระหน้าที่ทำให้ผมต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าบริษัท ใจจริงอยากที่จะไปบอกลาเจ้าหนูก่อน แต่ดูแล้วเช้าขนาดนี้คงยังไม่ตื่นแน่ๆ เมื่อเข้าประชุมในช่วงสายๆเสร็จ ผมก็ตรงเข้าห้องทำงานทันที
ตอนนี้หน้าจอคอมของผมเป็นภาพของหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่กลางแดดด้วยผิวสีขาวและผมสีน้ำตาลที่ทำให้เจ้าตัวดูสดใสเสมอ ผมเผลอนั่งมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา
“อารมณ์ดีอะไรมาคะ”
“พี่เอ๋มาดูนี่สิ” ผมเรียกเลขาสาวของผมให้เดินมาที่เครื่องคอมของผม
“น่ารักจัง มีแฟนยังคะคนนี้ ถ้ายังไม่มีจะได้ขอจอง” เลขาของผมมองภาพที่อยู่ในจอคอมแล้ว ก็ยิ้มกว้างไปให้คนในภาพ แม้คนในภาพจะไม่สามารถเห็นรอยยิ้มนั้นได้ก็ตาม
“มีแล้ว นั่งอยู่นี่ไง” ผมยังส่งยิ้มแก้มแทบปริไปให้ เพราะมีคนมาชมไอ้หนูของผมว่าน่ารักนี่นา ทำให้อดภูมิใจไม่ได้
“เอาเถอะคะ พักไว้ก่อนเรื่องนั้น นี่เอกสารคะ อ่านแล้วเซ็นด่วนเลยคะ คุณพ่อเรารออยู่” นี่คงเป็นเหตุผลที่เลขาคนนี้เข้ามาในห้องผม ถ้าดูจากบทสนทนาอาจจะสงสัยว่าทำไมลูกจ้างสาว ถึงใช้คำสนิทสนมกับเจ้านายได้ขนาดนั้น เหตุผลก็เพราะพี่เอ๋เป็นพี่สาวผมนะสิ.....ไม่ใช่ว่าพ่อผมมีชู้อะไรหรอกนะครับ เพียงแต่พี่เอ๋เนี่ยเป็นลูกของลุงผม แต่โชคร้ายที่ทั้งลุงและป้าผมต้องมาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ทำให้พี่เอ๋ต้องมาอยู่ที่บ้านผมในฐานะลูกสาวอีกคน ซึ่งพี่เอ๋เองแก่กว่าผมประมาณ 3 ปี
ก่อนที่ผมจะเซ็นเอกสารโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นทำให้ผมลังเลอยู่สักนิดก่อนจะกดรับสาย
“ลุง...บริษัทลุงชื่ออะไร” ไม่ผิดหวังจริงๆที่รับสาย
“มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามนิ่งๆ แต่ใจจริงอยากจะร้องด้วยความดีใจที่ไอ้หนูโทรมา
“แล้วลุงจะบอกหรือเปล่าหละ”
“บอก...ดีไหมนะ” ผมยังกวนคนในสายไม่เลิก
“โอเคไม่บอกก็ไม่บอก...ผมไปฝึกงานที่อื่นก็ได้”
“เฮ้ย..เดี๋ยว” ไม่ทันแล้วครับ วางสายไปแล้ว
ผมพยายามโทรเข้าไปอีกหลายครั้ง เจ้าตัวก็ไม่ยอมรับสายเสียที ไม่รับผมก็ยิ่งโทร อะไรวะ ล้อเล่นนิดเดียวใจน้อยไปได้ ผมโทรอยู่หลายครั้งแล้วก็เหลือบตาเห็นพี่เอ๋ยืนมองผมอยู่
“พี่เอ๋เดี๋ยวผมเอาออกไปให้นะครับ” ผมรู้สึกผิดที่ทำให้พี่เอ่ต้องยืนรอ
ซึ่งพี่เอ๋ก็ไม่ได้ว่าอะไรผม แค่ทำมือว่า OK เท่านั้น
“โทรมาทำไม” ในที่สุดบีก็รับสายผมจนได้
“เป็นอะไร ทำไมไม่รับสาย”
“เปล่า”
“งอนหรอ” ผมทำเสียงยั่วคนอีกฝั่ง
“งอนทำไม ไม่ใช่ผู้หญิง”
“ไม่งอนแล้วทำไมไม่รับสาย”
“คุยกับอาจารย์อยู่” ไอ้หนูตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“แล้วชื่อบริษัทนะ จะเอาไหมหละ” ผมถามด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“ไม่ต้องแล้ว เมื่อกี้อาจารย์ให้ส่งชื่อบริษัทที่จะฝึกงานเทอมหน้า แต่บอกอาจารย์แล้วให้ทางคณะจัดให้” พูดมาได้หน้าตาเฉยมากเลยนะไอ้หนู
“ไม่ได้.....” ผมเผลอตอบกลับไปด้วยเสียงดังเพราะตกใจ อะไรเนี่ย ไหนว่าจะพิจารณา ไหงกลายเป็นจะไปฝึกที่อื่นหละ
“ทำไมจะไม่ได้ ก็เมื่อกี้ถามไม่บอกเองนี่” ก็แค่จะหยอกเล่นนิดหน่อยเอง
“ไปบอกอาจารย์ใหม่ เดี๋ยวจะส่งเมลล์ชื่อและที่อยู่บริษัทไปให้” ผมกึ่งบอกกึ่งสั่ง เพราะไม่อยากให้ไอ้หนูไปที่อื่น
“ไม่เอา เดี๋ยวอาจารย์ดุ” กลัวเป็นด้วยหรือเนี่ย
“งั้นเอาชื่อเรากับเพื่อนมา จะทำเรื่องไปที่คณะให้” ผมว่าถ้าผมทำเรื่องไป มันน่าจะง่ายกว่า ถ้าไม่อย่างนั้น เดี๋ยวไอ้หนูได้โยกโย้อีกแน่
“รอแป๊บ..” บีพูดไว้แล้วกดตัดสายผมไปอีก อะไรของเค้าหละทีนี้ ผมกำลังนั่งงงกับการกระทำนั่น แต่ก็ไม่นานก็เข้าใจ เพราะตอนนี้บีส่งข้อความมาที่มือถือผม เป็นชื่อของคนสามคน รหัสนักศึกษาพร้อมกับชื่อคณะ
“ได้รับหรือยัง” สักพักไอ้หนูก็โทรกลับมา
“ได้แล้ว เดี๋ยวจะส่งเรื่องไปให้ หายโกรธยัง?” ผมถามอีกครั้ง เพราะไม่อยากให้บีงอนผม
“ก็บอกว่าไม่ได้โกรธไง ลุงนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
“ครับไม่โกรธ แต่ว่านะ ทำไมพิมพ์ข้อความเร็วแบบนั้นหละ” ก็ไม่ให้ผมสงสัยได้ยังไง ข้อความไม่ใช่สั้นๆ แต่ไอ้หนูส่งมาให้ผมได้หลังจากวางสายไม่ถึงสองนาที
“ก็พิมพ์ไว้แล้ว” ตอบแบบไม่ใส่ใจเลยครับบีของผมเนี่ย
“นี่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรอ”
“ก็ให้ลุงทำเรื่องมา มันง่ายกว่าผมติดต่อเองนี่นา แค่นี้นะลุงผมหิวแล้ว” ตัดสายไปแล้วครับ นี่ผมโดนแกล้งอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ดู...ดูความกวนของไอ้หนูสิครับ
ผมนึกถึงหน้าไอ้ตัวแสบแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ถึงจะกวนไปสักหน่อย แต่ก็ทำให้ผมมีความสุขจริงๆ ผมบรรจงเขียนข้อความที่ตัวแสบส่งมาให้ พร้อมกับเขียนกำกับไว้ด้านบนว่าให้ทำเรื่องตอบรับฝึกงาน แล้วจึงเดินออกไปหาพี่เอ๋ พร้อมกับเอกสารเมื่อเช้า
“เอกสารมาส่งครับ” ผมยิ้มให้กับเลขาหน้าห้องของผม
“เป็นผู้บริหารดีๆไม่ชอบหรือไง อยากเป็นเด็กเดินเอกสารหรอ” พี่เอ่เห็นท่าทางเล่นๆของผมก็ยิ้มตอบกลับมา แถมยังขำกับท่าทีของผม
“แล้วเมื่อไหร่พี่เอ๋จะมาเป็นผู้บริหารเสียทีหละครับ พี่เป็นพี่สาวผมนะครับ” ผมถามลูกพี่ลูกน้องสาวกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง จริงๆแล้วตำแหน่งที่พ่อผมจะให้พี่เอ๋ทำคือรองผู้บริหารที่มีตำแหน่งเท่าๆกับผม แต่พี่เอ๋ปฏิเสธมาโดยตลอด โดยให้เหตุผลว่าอยากจะดูแลน้องชายตัวแสบแบบผม ซึ่งใครๆก็รู้ทั้งพ่อ – แม่ หรือผมก็ตามรู้ว่าพี่เอ๋ไม่อยากให้ใครมาว่าได้ว่าทำงานหน้าที่สูงๆเพราะเส้น อีกอย่างพี่เอ๋ก็คิดว่าตัวเองเป็นแค่หลาน ไม่ต้องการเทียบกับลูกๆของพ่อผม
“ถ้าพี่ไปแล้วใครจะมาดูแลเราหละ” ถึงใบหน้าพี่เอ๋จะยิ้ม แต่ผมคิดว่าพี่เอ๋ก็คงไม่ยอมรับตำแหน่งแน่
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ยังไงก็ยังเป็นน้องชายตัวแสบที่ต้องดูแลอยู่ดี พอเถอะๆ...ให้พี่หายห่วงก่อนแล้วกัน ค่อยมาว่ากันอีกที” พี่เอ๋โบกไม้โบกมือไล่ผม
“งั้น..พี่เอ๋เตรียมเก็บของได้เลยพี่ ผมหาคนมาดูแลผมได้แล้ว” ผมยื่นกระดาษที่ผมเพิ่งเขียนเสร็จให้พี่เอ๋ คราวนี้ผมก็จะได้ไอ้หนูบีของผมมาอยู่ใกล้ๆ และพี่เอ๋เองก็จะไม่มีข้ออ้างอีกต่อไปด้วย ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับความคิดของตัวเอง......
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ไอ้บี อาจารย์ให้ส่งเรื่องฝึกงานแล้วนะเว้ย” ผมนั่งกินขนมรอเรียนภาคบ่ายอยู่ ไอ้แมนก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ารีบร้อน ไอ้นี่มันเด็กเรียนครับ อาจารย์สั่งอะไรต้องตามนั้น ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา
“แล้วไงวะ” ปากผมยังเคี้ยวข้าวเกียบกุ้งอย่างสบายอารมณ์
“อ้าว...ไหนมึงบอกว่าพี่เอหาที่ให้แล้วไงเมื่อวานนี้นะ”
“ก็หาให้แล้วไง มึงจะกังวลทำไมวะ”
“แล้วชื่อ ที่อยู่บริษัทหละ กูจะได้เอาไปให้อาจารย์ จะได้ออกจดหมายส่งไปที่บริษัททัน” สีหน้ามันกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นอย่างนั้นแล้วก็เบื่อกับความเถรตรงของมัน แต่จะว่าไปผมก็ยังไม่รู้จักชื่อบริษัทตาลุงใหญ่นี่นา
“ลุง...บริษัทลุงชื่ออะไร” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลุงทันที
“มีอะไรหรือเปล่า” อะไรเนี่ย คนอุตส่าหืโทรหา มาทำเสียงไม่พอใจใส่อีก
“แล้วลุงจะบอกหรือเปล่าหละ” กวนมา ผมก้กวนกลับครับ
“บอก...ดีไหมนะ” นั่นเล่นตัวอีก
“โอเคไม่บอกก็ไม่บอก...ผมไปฝึกงานที่อื่นก็ได้” เล่นตัวให้ได้ตลอดนะลุงงงงงง
“เฮ้ย..เดี๋ยว” ผมไม่รออะไรทั้งนั้น กดวางสายทันที
พอผมวางสายก็มีเสียงเรียกเข้ากลับมาทันที ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ - - ลุงแก่ - - ผมมองผ่านๆ แต่ไม่คิดจะรับสาย นั่งกินขนมต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่รับโทรศัพท์หรือวะ” ไอ้แมนถามผม เพราะสงสัยว่ามือถือดังหลายรอบแล้ว ทำไมผมไม่รับเสียที
“ปล่อยไว้ก่อน ยังไม่ถึงเวลา” เอาสิลุง กวนใครไม่กวน โทรให้มือหงิกเลย 5555
“โทรมาทำไม” ผมเห็นว่าผ่านไปพอสมควรแล้ว เลยกดรับสาย
“เป็นอะไร ทำไมไม่รับสาย” น้ำเสียงกวนๆเมื่อกี้หายไปไหนแล้วหละลุง
“เปล่า” ผมตอบกลับไป แต่ก็แอบขำในใจ
“งอนหรอ” อะไรเนี่ยลุง ยังมีแก่ใจมาแซวผมอีก
“งอนทำไม ไม่ใช่ผู้หญิง”
“ไม่งอนแล้วทำไมไม่รับสาย”
“คุยกับอาจารย์อยู่” อย่างที่ทุกคนรู้ ผมโกหกครับ เหอๆๆ
“แล้วชื่อบริษัทนะ จะเอาไหมหละ” น้ำเสียงอ่อนลงแบบนี้ ค่อยคุยกันได้หน่อย
“ไม่ต้องแล้ว เมื่อกี้อาจารย์ให้ส่งชื่อบริษัทที่จะฝึกงานเทอมหน้า แต่บอกอาจารย์แล้วให้ทางคณะจัดให้”
“ไม่ได้.....” โอ๊ย...จะตะโกนมาทำไมเนี่ยลุง ผมได้แต่แคะหูเพราะเสียงตะโกนของลุง
“ทำไมจะไม่ได้ ก็เมื่อกี้ถามไม่บอกเองนี่”
“ไปบอกอาจารย์ใหม่ เดี๋ยวจะส่งเมลล์ชื่อและที่อยู่บริษัทไปให้” ผมได้แต่คิดอย่างไม่พอใจ เพราะไม่ชอบให้ใครมาสั่ง......อย่ามาสั่งนะลุง
“ไม่เอา เดี๋ยวอาจารย์ดุ”
“งั้นเอาชื่อเรากับเพื่อนมา จะทำเรื่องไปที่คณะให้” นั่นหละคือสิ่งที่ผมรอคอย เสร็จโจร...5555 ตามแผนที่คิดไว้
“รอแป๊บ..”
พอผมส่งข้อความเสร็จก็โทรกลับไปหาลุงอีกรอบ
“ได้รับหรือยัง”
“ได้แล้ว เดี๋ยวจะส่งเรื่องไปให้ หายโกรธยัง?”
“ก็บอกว่าไม่ได้โกรธไง ลุงนี่พูดไม่รู้เรื่อง”
“ครับไม่โกรธ แต่ว่านะ ทำไมพิมพ์ข้อความเร็วแบบนั้นหละ”
“ก็พิมพ์ไว้แล้ว” ตายละวา ผมเผลอพูดไปได้ไงเนี่ย
“นี่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรอ” เสียงเริ่มเข้มขึ้นอีกแล้วตาลุงนี่
“ก็ให้ลุงทำเรื่องมา มันง่ายกว่าผมติดต่อเองนี่นา แค่นี้นะลุงผมหิวแล้ว” ผมรีบวางสายทันที กลัวโดนซักไปมากกว่านี้ เกือบไปแล้วไหมหละ ไม่น่าเผลอปากเลย
“เรียบร้อย มึงไม่ต้องทำอะไรแล้ว รอไปฝึกงานทีเดียว” ผมหันไปบอกไอ้แมน แล้วก็นั่งเคี้ยวขนมต่อ........ คิดจะไล่ผมนะ มันเร็วไปลุงงงงงงง