เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ตกลงสัญญา
นอกจากไม่รับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนอื่นแล้ว ยังทำเป็นเฉยแล้วก็ไม่สนใจไยดีกันเลยสักนิด
เมินหน้าหนีทั้งวัน พูดด้วยก็ไม่พูด ถามคำก็ตอบครึ่งคำ
แต่หน้า.....จะทำหน้าตาน่ารักขนาดนั้นไปถึงไหน แก้มแดง ๆ ที่ขึ้นสีเรื่อเป็นพัก ๆ
ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากัน และการก้มหน้าเล็กน้อยเวลาที่ไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง
มันทำให้......ทางนี้กำลังจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
กลับถึงโรงงานอย่างปลอดภัย คุณนัทยืนยันว่าไม่กลับบ้าน ไม่ยอมกลับ ให้มาส่งที่โรงงาน แล้วใครมันจะไปเลี้ยวรถกลับคนเดียวกันล่ะ
“วันนี้วันเสาร์นะนัท”
ใช่ บ่ายวันเสาร์
และนัทก็รู้สึกว่าตัวเองง่วงนอน นัทต้องรีบกลับไปนอนเพื่อตื่นมาทำงานคืนนี้
“ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ ยังไงก็กลับบ้านด้วยกัน พี่ไม่มีเสื้อผ้าใส่นะ ค้างไม่ได้แล้ว มีก็แต่ชุดนี้”
แล้วยังไง
“นั่นแล้วแต่คุณรัชชานนท์ครับ อีกอย่างผมนอนที่นี่คนเดียวมาตลอด ค้างหรือไม่ นั่นคุณรัชชานนท์เป็นคนคิดไม่ใช่ผม”
แล้วทำไมถึงได้พูดแบบนั้นกันล่ะ พูดแล้วก็เดินหนีขึ้นชั้นสองของอาคารไป แล้วเรื่องอะไรจะไม่เดินตาม
หิ้วของฝากขึ้นมาด้วย โดยมีคุณนัทเดินนำหน้าเข้าห้องทำงาน
ไม่ได้เปิดแอร์ แต่นัทเดินไปเปิดหน้าต่างของห้องทำงานเพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทได้สะดวก
และฟ้าก็วางของฝากมากมายทั้งขนมและของเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้บนโต๊ะทำงานของตัวเอง
“คุณนัทครับ”
นัทไม่ได้หันมามอง แต่เปลี่ยนเป็นเดินหนีเพื่อเลี่ยงไปอีกทาง จะหนีทำไม อยู่กันแค่สองคน เดินวนไปวนมามันก็อยู่ในนี้อยู่ดี
“นัท เรากำลังไม่เข้าใจกันใช่มั้ย นัทโกรธพี่เรื่องอะไรพี่ก็พอเดาได้ แต่ว่าเรื่องนั้นเราก็ทำกันแล้วจริง ๆ”
จริง ๆ อะไรล่ะ จริง ๆ ยังไง
คุณรัชชานนท์ พูดบางอย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉยนิ่งสนิท แต่นัทถึงกับสะดุดขาตัวเองเดินไม่ตรงทาง
มันเป็นความผิดของนัทเอง นัทมันโง่เอง นัทมันไม่ฉลาด นัทมัน….
“คุณรัชชานนท์ไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่กลับบ้าน”
แล้วทำไมต้องกลับ ฟ้าเลิกคิ้วขึ้นสูง และยืนมองคนที่เดินวนไปวนมาในห้อง เดินขนาดนั้น พื้นจะสึกอยู่แล้วนะนัท
เวลาพูดทำไมไม่สบตา คิดว่าน่ารักขนาดนี้ จะมีใครทนไหวหรือไง
“ถ้าหาเสื้อผ้าใส่ไม่ได้ ก็แค่แก้ผ้า….นัทจะแก้ผ้าด้วยกันมั้ย”
ห๊ะ
ทำไมต้องแก้ด้วยกัน
ไม่ ไม่
นัทมีชุดใส่ มีเสื้อผ้าอีกสองสามชุดอยู่ในตู้ นัทซักเองรีดเอง นัทไม่ใช่คุณหนูแสนสบาย อะไรนัทก็ทำเป็นหมด
“นัทจะไปไหน”
ไม่ได้ไปไหน จะเข้าห้อง เหนื่อย รู้สึกเหมือนอยากนอนพัก
“นัทไปไหน”
ไม่ได้ไปไหน แค่จะไป...
“คุณนัธพันธ์จะไปไหนครับ”
ไม่ใช่เวลางาน ไม่ต้องเรียกแบบนั้นได้มั้ย
“นัท”
ไม่ใช่แค่เรียก แต่เข้าหาแบบถึงเนื้อถึงตัว ก้าวขาแค่สองสามก้าว คุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งก็มาดึงข้อมือของคนที่กำลังจะเข้าห้องเอาไว้ได้
“ผมเหนื่อยครับ”
ก็บอกตั้งแต่แรกสิ เล่นไม่พูดแล้วจะรู้ได้ไง
“เหนื่อยมากมั้ยครับ”
ที่จริงแล้วไม่มาก แต่แค่อยู่ใกล้พี่ฟ้าแล้วนัทรู้สึกว่าตัวเองลุกลี้ลุกลนเฉย ๆ
“ผมขอเข้าห้องไปนอนพักด้วยได้มั้ยครับคุณนัท ในห้องมีที่นอน อยากนอน”
หมายความว่ายังไง
ในห้องมีที่นอน
แล้วคำว่าอยากนอน ทำไมมาพร้อมกับสายตาที่ยิ่งกว่าร้อนแรงแบบนี้
ถึงกับอึกอัก และหน้าร้อนผ่าว จะเงยหน้าก็ไม่ได้ จะก้มก็ไปไม่ถูก ยืนมึน ๆ งง ๆ อยู่แบบนั้น แล้วสุดท้ายนัทก็ก้มหน้าลง ก่อนจะยอมพยักหน้ารับ
ตกลงแล้วสินะ
ตกลงว่าขอนอน.....กับนัท แล้วนัทอนุญาตใช่มั้ย
ฟ้าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กลัวว่าจะแสดงสีหน้าบางอย่างออกไป ยอมปล่อยข้อมือของคนที่อยู่ตรงหน้า และนัทก็เดินเข้าไปในห้อง
เปิดแอร์ เพื่อให้ความเย็น ปูที่นอนผืนเล็ก ๆ และคนที่เดินตามมาด้วยก็ช่วยปูที่นอน
ฟ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อยากจะยิ้ม และอยากจะหัวเราะกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง
จัดหมอนเรียบร้อย และก็เป็นฟ้าที่ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน โดยมีคนที่นั่งอยู่ ค่อย ๆ ล้มตัวลงข้าง ๆ
ขยับออกห่าง เล็กน้อย และนอนหันหลังให้
แล้วมันจะหลับลงมั้ยแบบนี้ แบบนี้แล้วมันจะหลับลงมั้ย
เหนื่อยและเพลียจากการเดินทาง นัทคิดจะนอนพักแล้วค่อยตื่นขึ้นมาลุยงาน ชอบทำงานตอนกลางคืนเพราะมีสมาธิมากกว่า
ในวันเสาร์มีบ่อยครั้งที่แอบนอนกลางวัน เพื่อจะทำงานในช่วงกลางคืนให้ได้ยาวนานขึ้น
แต่ฟ้านอนหงายและใช้มือรองไปที่ต้นคอของตัวเอง เหลือบสายตามองคนที่นอนหันหลังให้
นัทนอนนิ่งเงียบ ไม่พูด ไม่คุย ไม่ถาม กลายเป็นฟ้าที่ต้องเป็นฝ่ายพูดบางอย่างออกมา
“อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว ผมทำงานเป็นไงบ้างคุณนัท พอจะเป็นเลขาให้คุณนัทได้มั้ย”
ได้
พี่ฟ้าทำได้
พี่ฟ้าเก่งมาก พี่ฟ้าเป็นเลขาที่ให้คำแนะนำดี ๆ กับนัทเสมอ
“คุณเป็นคนเก่งคุณรัชชานนท์ จนหลายครั้งผมละอายใจที่พ่อดึงคุณมาจากโรงงานของคุณ”
กลายเป็นฟ้าที่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน หันไปมองคนที่นอนหันหลังให้ มองแผ่นหลังเล็ก ๆ นั้น มองตรง ๆ และค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ
“ไม่รู้สิ ผมมันเด็กน้อย จนพ่อต้องหาคนมาช่วย เพราะพ่อรู้ว่าถ้าได้คุณรัชชานนท์มาช่วย มันจะทำให้กิจการบ้านเราไปได้ด้วยดี พ่อเลือกคุณรัชชานนท์มาช่วยที่บ้านเราตั้งแต่แรก พ่อคงอยากให้ความมั่นคงกับโรงงาน เราเห็นแก่ตัวที่ดึงคุณมาจากโรงงานของตัวเอง”
คำพูดง่าย ๆ แต่ทำให้ฟ้านั่งเงียบ
“ผมแต่งกับคุณหนิง ผมไม่ได้เต็มใจหรอกนะ แต่ผมก็อยากช่วยที่บ้านผมเหมือนกัน มันก็เป็นทางหนึ่งที่ช่วยรับประกันความมั่นคงเรื่องฐานะทางการเงินของที่บ้านผม ถ้ามองแบบนั้นเราต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เราแลกเปลี่ยนกัน”
ใช่ เราแลกเปลี่ยนกัน
พูดกันแบบนั้น แล้วต่างฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบ
นัทไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังนอนหันหลังอยู่แบบนั้น
พี่ฟ้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง มาเพื่อช่วยประกันความมั่นคงให้กับฐานะของที่บ้าน พี่ฟ้าก็ทำเพื่อโรงงานของตัวเอง นัทก็กำลังทำเพื่อโรงงานของตัวเองเหมือนกัน แต่....นัทไม่คิด ว่านัทจะได้ความรู้สึกบางอย่างจากพี่ฟ้าด้วย นัทอยากให้พี่ฟ้าอยู่ใกล้ ๆ นัทไปตลอด แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่ฟ้าก็ยิ่งไปดูแลกิจการที่โรงงานพี่ฟ้าช้าลงเรื่อยๆ
บางครั้งนัทก็อยากจะเหลวไหลอยู่หรอกนะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะรู้สึกแย่เกินกว่าจะทำแบบนั้น นัทรีบเรียนรู้งาน นัทพยายามมากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า นัททำเพื่อโรงงานของตัวเอง และนัทก็ทำเพื่อพี่ฟ้าด้วย นัทไม่อยากถูกพี่ฟ้าเกลียดหรอกนะ
เรื่องส่วนตัวของเรามันไม่น่าจดจำเท่าไหร่ พี่ฟ้าก็คงไม่อยากจดจำ เรื่องที่พี่ฟ้าไม่ชอบหน้านัทมาแต่ไหนแต่ไร นัทก็รู้ และนัทก็บ้าบอที่ไปตอกย้ำความเกลียดชังของพี่ฟ้ามากขึ้น
นัททำตัวเอง แต่นัทก็กำลังทำบางอย่างเพื่อพี่ฟ้าอยู่เหมือนกัน
“ขอบคุณที่พาไปเที่ยวนะครับ ผมรู้สึกดีและสบายใจมาก”
คนพูด พูดบางอย่างออกมา ส่วนคนฟังขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะวางมือลงไปเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่นอนหันหลังให้
“เวลาขอบคุณต้องหันมามองกันตรง ๆ ครับ”
ครับ
นัทเข้าใจ
นัทขอโทษที่เสียมารยาท
ยอมหันกลับมา
ยอมหันกลับมาหา
นอนมองหน้าของคนที่นั่งอยู่
มองแบบไม่คิดอะไร
ไม่คิด.......ว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไรด้วย....แค่มอง แค่สบตา แค่มองหน้า นิ่งมองตากันตรง ๆ
นัททำแค่นั้น แต่สำหรับคนบางคนไม่ใช่แค่นั้น เราเพิ่งทำอะไรด้วยกันมา นัทก็น่าจะรู้ เราเพิ่งทำเรื่องแปลก ๆ ด้วยกันมา นัทก็รู้
เราเพิ่ง...จะทำเรื่องที่ใกล้เคียงกับเรื่องอย่างว่าด้วยกันมา นัทก็รู้ยิ่งกว่ารู้
ใช่
นัทรู้ยิ่งกว่ารู้ และไม่ต้องรอให้คิดอะไร นัทรีบลุกขึ้นนั่งทันที แต่ช้ากว่าคนที่รวบร่างของนัทเข้ามากอดแน่น และคนที่ถูกกอดก็หน้าขึ้นสี
“คุณรัชชานนท์ คุณทำอะไร กลางวันแสก ๆ ผมเป็นเจ้าของโรงงาน คุณเป็นเลขาคุณจะมาทำอย่างนี้กับผมได้ไง”
ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกันว่าได้หรือไม่ได้ แต่เป็ดมันยั่ว เด็กเป็ดเหลืองนัทมันยั่วโดยไม่รู้ตัวเองเลยสักนิด แล้วใครจะไปทนไหว
“คุณนัท เรารู้จักกันมานานแล้ว เพียงแต่ไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เราสนิทกันแล้ว คุณไม่รู้นิสัยของผมบ้างเลยเหรอ คุณน่าจะพอรู้บ้างนะ บางครั้งผมก็เป็นคนชอบเอาแต่ใจตัวเอง”
ใช่ พี่ฟ้าชอบเอาแต่ใจตัวเอง ทำแบบเนียน ๆ ด้วย อันนั้นนัทก็รู้ แต่ไม่นึกว่ามันจะถึงขนาดนี้
“แต่คุณไม่ชอบหน้าผมนะ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่คุณทำอยู่คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย”
ใช่ ที่เคยไม่ชอบ แต่ไม่ใช่ที่ล้อเล่น เพราะไม่รู้ว่าจะล้อเล่นไปทำไม
“ไม่ชอบก็ใช่ เกลียดก็ใช่ คิดตลอดเวลาด้วย ว่าอย่างไอ้เด็กนี่จะทำอะไรได้ พูดจาดูถูกคนอื่นไปเรื่อย ไร้หัวใจ เห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่นหรือไง”
นัทไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ นัทไม่เคยเห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่นด้วย
“ผมไม่....คุณรัชชานนท์ ปล่อยก่อนเถอะ ผมจะหายใจไม่ออกแล้ว”
ก็หายใจไม่ออกไปสิ แล้วยังไงล่ะ แล้วมันจะยังไง
“ตอนนี้รู้แล้ว ว่าไอ้เด็กเป็ดมันแกล้งทำ เนียนใช้ได้เลยนะ แต่มาจับได้ก็ตอนที่ได้อยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้คงคิดแบบนั้นไปอีกนาน”
อะไรล่ะ
นัทประสบความสำเร็จกับการทำแบบนั้นอยู่นะ หลาย ๆ คนก็เกรงใจนัท ไม่มองว่านัทเป็นลูกเจ้าของโรงงานที่ทำอะไรไม่เป็น ใครหลายคนไม่มองว่านัทเป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็นอีกต่อไปแล้ว
“ผมเสียคนรักไปคุณก็น่าจะรู้ ผมคิดว่าผมคงไม่มีหัวใจไปตลอด แต่ตอนนี้ผมว่ามันชักไม่ใช่”
เรื่องพี่นุชานัทรู้ยิ่งกว่ารู้ แต่เรื่องหัวใจมันคืออะไร
“อยู่ใกล้คุณนัทผมมีความสุข ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไร แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าคุณนัทรู้สึกอะไรกับผมบ้างมั้ย”
นัทรู้สึกสิ รู้สึกมานานแล้ว แต่นัทก็รู้ว่านัทไม่ใช่ ยังไงนัทก็ไม่ใช่
“ผมเดาแบบเข้าข้างตัวเอง ว่า....คุณนัทอาจจะมีใจ...มันน่าจะเป็นแค่คำว่าอาจจะไปตลอด จนกระทั่งผมได้ยินจากปากคุณนัทเอง ผมก็เลยแน่ใจ”
ได้ยินอะไร นัทเปล่าพูดอะไรเลยนะ นัทไม่ได้พูดอะไรกับพี่ฟ้าเลยสักคำ พี่ฟ้าจะมารู้เรื่องของนัทได้ไง
“ผมยอมให้เคลมนะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณนัทอยากจะเคลมผมเมื่อไหร่”
ห๊ะ
เรื่องนั้นมัน
เรื่องนั้น..........
“เฮ้ยยยยยยยย คุณรัชชานนท์ คุณไม่ต้องพูดแล้ว คุณไม่ต้องบอกผมแล้วผมไม่อยากรู้ คุณไม่ต้อง....ฮื่ออออออออออ”
เข้าใจอย่างชัดเจน และใบหน้าที่ขึ้นสีอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงเรื่อไปจนถึงต้นคอ
เวรแล้วไง ซวย ที่สุด ยิ่งกว่าที่สุด ของที่สุด ที่สุด ที่สุด ไอ้นัทเอ้ยยยยยยยยย คิดว่าเรื่องที่เห็นตอนทำอย่างว่าแบบนั้นซวยแล้วใช่มั้ย คิดผิดไปแล้ว มันยังมีเรื่องที่ซวยยิ่งกว่ามหาซวยอยู่อีก เช่นเรื่องนี้
“นัทไม่ได้พูดนะ นัทเปล่า นัทไม่ได้คิดจะเคลมพี่ฟ้าจริง ๆ นะ นัทไม่ได้พูด ฮื่ออ”
ดิ้นรน พยายามหนีจากอ้อมแขน พูดจาไม่รู้เรื่อง หัวใจเต้นรัว ภายในอกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมา
ไม่ ไม่ นัทไม่ได้........นัทไม่ได้
“เลิกดิ้นซิ แล้วหันหน้ามามองพี่ตรง ๆ จะเอายังไงก็ว่ามา พูดมาซิ เก็บเรื่องอะไรของพี่ไปคิดบ้าง บอกพี่ฟ้าตรง ๆ ซิ พี่ฟ้าอยากจะเข้าใจ”
ไม่ต้อง
ไม่ต้องเข้าใจ ไม่ต้องมาอยากรู้อะไรเลย ไม่ต้อง.........
“นัทมันซวยเอง นัทมันบ้า พี่ฟ้าอย่าสนใจเลย พี่ฟ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลย นะพี่ฟ้านะ ลืม ๆ มันไปซะเถอะ เรื่องอะไรลืมมันได้ก็ลืมมันไป”
ได้ เรื่องอะไรลืมได้ก็ลืมไป
“พี่ลืมว่าเคยเกลียดนัท ถ้าตอนนี้ไม่ได้เกลียดแล้วนัทว่าพี่ควรรู้สึกกับนัทยังไง”
ไม่รู้ นัทจะไปรู้กับพี่ฟ้าได้ยังไง พี่ฟ้าอยากรู้สึกอะไรก็รู้สึกไปได้เลย ไม่ต้องบอกนัท
นัทมันซวยเอง นัทแค่รู้สึกว่านัทซวย นัทมันทั้งโง่ ทั้งบ้า ทั้งซวย ตอนนี้ในหัวนัทก็คิดแต่แบบนี้
“คุณจะทำยังไงก็ทำไปเถอะ แล้วแต่คุณนั่นมันเรื่องของคุณ จัดการเอาตามใจชอบเลยแล้วกัน”
เหรอ จัดการตามใจชอบเลยแล้วกันเหรอ ก็ได้..... จัดการตามใจชอบ.....ย่อมได้
แล้วคนที่ได้รับอนุญาตให้จัดการตามใจชอบ ก็กดปลายจมูกแรงๆ ไปที่ต้นคอของคนที่อยู่ในอ้อมแขนและดิ้นหนีตลอดเวลาจนฟ้าต้องใช้แรงที่มีกอดรัดเอาไว้ไม่ให้คนที่เขินจนทำตัวไม่ถูกหนีออกจากอ้อมแขนไปได้
“ผมจะไม่หยุดหอมแก้มคุณ ผมจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณนัทจะคิดได้ว่าคุณนัทต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ ตกลงคุณนัทจะเอายังไง หืออออออออออ”
พูดเสร็จก็จัดการกดปลายจมูกไปที่ข้างแก้ม และซอกคอของคนที่ย่นคอหนี และพยายามจะเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง
“ตกลงนัทจะว่ายังไง ตกลงนัทจะรับผิดชอบความรู้สึกพี่ฟ้ายังไงครับ ไหนบอกพี่ฟ้าซิ ว่านัทจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง”
ให้นัทรับผิดชอบยังไงล่ะ นัทไม่รู้หรอก นัทจะไปรู้ได้ยังไง นัทจะทนไม่ไหวแล้ว พี่ฟ้าอย่าทำแบบนี้กับนัทอีกเลย นัทกำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“พี่ฟ้า........ปล่อยนัทเถอะ นัทอาย ฮื่อออ นัททำตัวไม่ถูกแล้ว พี่ฟ้าอย่าแกล้งนัทเลย นัทกลัวว่านัทจะอายจนตายไปนะพี่ฟ้า”
ได้ ปล่อยก็ได้ เห็นแก่ความน่ารัก จะยอมปล่อยก็ได้
“ปล่อยแล้วจะรับผิดชอบมั้ย”
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบนะ มันไม่เกี่ยวกัน เรื่องนั้นมันเกี่ยวกันซะที่ไหน
“แล้วพี่ฟ้าจะให้นัทรับผิดชอบยังไง พี่ฟ้าจะให้นัททำอะไร”
ก็ไม่ต้องทำอะไร
“แค่เป็นตัวของตัวเอง แล้วเลิกทำเป็นวางฟอร์มใส่พี่ก็พอ”
ได้ นัททำให้ได้ ของแบบนั้น นัททำให้ก็ได้ แล้วพี่ฟ้าจะปล่อยนัทจริง ๆ ใช่มั้ย
“ได้ครับ ถ้าแค่นั้น นัททำได้”
ดีมาก
ยอมปล่อยง่าย ๆ เพราะว่าคุณนัทตกลงรับคำแล้ว
ฟ้ายอมปล่อยคนที่ทำหน้าอื่นไม่ได้ นอกจากหน้าแดง แล้วก็ก้มหน้าด้วยความอาย
“พี่ลืมบอกไปอย่างนะครับ ความรับผิดชอบทั้งหมด มันรวมไว้แล้ว ทั้งกาย วาจา และใจ”
อือ
ได้
รวมอะไรก็รวมไป นัทรวมให้ได้หมดเลย
“ถ้านัทคิดจะรับผิดชอบใจพี่แล้ว นัทก็ช่วยบอกด้วยว่านัทจะรับผิดชอบกับร่างกายของพี่ตอนนี้ยังไง”
ยังไง
“คิดว่าทำแบบนั้นต่อหน้าพี่ แล้วพี่จะไม่มีอารมณ์กับนัทเลยหรือไง”
อะไร ทำแบบไหน ทำแบบว่า.......
“นัทสัญญาแล้วว่าจะรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเมื่อพี่ช่วยนัทครั้งที่แล้ว คราวนี้พี่ก็อยากให้นัทช่วยพี่บ้างเหมือนกัน รับปากแล้วนะว่าจะรับผิดชอบ ห้ามมีข้ออ้างเด็ดขาด ไม่งั้นพี่ฟ้าจะถือว่านัทผิดสัญญา.......”
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง