บทสี่:นางมารหมื่นพิษ
เสียงตีกลองบอกเวลายามเย็นดังไปทั่วฉางอัน เย็นย่ำแล้วแต่เสิ่นมู่หยางยังไม่กลับจวนเพราะมีงานเลี้ยงขุนนางในวังหลวง จวนเสนาบดีจึงสงบเงียบราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ จื่อฟางไม่กล้าออกไปด้านนอกเพราะกลัวเจอกับหลี่ฮุ่ยจือ เขารู้ว่ายังไงก็หลบไม่พ้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาหาเร็วเช่นนี้
“คะ คุณชาย...”บ่าวรับใช้วิ่งหน้าตื่นมาหา จื่อฟางใจหายวูบ มองสีหน้าลนลานของบ่าวรับใช้ก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ใดมา
“เสิ่นจิ้งเฟย”หลี่ฮุ่ยจือตะโกนเรียกอยู่ในลานบ้านอย่างไม่เกรงใจ จื่อฟางลนลาน จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกไปรับหน้า หลี่ฮุ่ยจือเดินเอามือไพล่หลังหน้าตายิ้มแย้ม ด้านหลังตามติดมาด้วยองครักษ์ร่างใหญ่คนหนึ่ง บ่าวไพร่ในจวนไม่มีใครกล้าต่อว่าที่บุตรชายอัครเสนาบดีหลี่บุกเข้ามาเช่นนี้
“หลี่ฮุ่ยจือ เจ้ามีอะไรหรือ”จื่อฟางถามหน้าซื่อ หยางชวีใช้สายตาพิจารณาองครักษ์ของหลี่ฮุ่ยจือ แค่มองก็รู้ว่าฝีมือดี อาจจะเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำ
หลี่ฮุ่ยจือหัวเราะเสียงดังเข้ามาโอบไหล่เขาอย่างสนิทสนม “อย่าทำเฉไฉ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสัญญาอะไรไว้”จื่อฟางไม่ได้ลืม แต่ไม่คิดว่าหลี่ฮุ่ยจือจะใจร้อนมาเร็ว
“ไม่ลืมๆ”เขารีบตอบ
“ข้าจะพาเจ้าไปหอเหม่ยซิ่ว วันนี้มีนางรำมาจากหลานโจว ข้าจองห้องรับรองไว้แล้ว”หลี่ฮุ่ยจือพาเสิ่นจิ้งเฟยเดินไปด้วยกัน เขารู้ว่าเจ้านี่พยายามหลีกเลี่ยงเขาตลอด วันนี้เขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆหลุดหายไปแน่
จื่อฟางยิ้มแห้งพยายามแย้ง “แต่ว่าพ่อข้า…”
“พ่อเจ้ากล้าว่าหรือ อีกอย่างเขาอยู่ในวังหลวง ฮ่องเต้คงไม่ปล่อยมาโดยง่าย”
“เจ้ามากับข้า”จื่อฟางหันไปสั่งหยางชวี อย่างน้อยมีหยางชวีไปด้วยเขาจะได้เบาใจแต่หลี่ฮุ่ยจือกลับดับความหวังของเขา
“องครักษ์ของข้าฝีมือดี มีเขาก็พอแล้ว”หลี่ฮุ่ยจือปรายตามอง หยางชวีชะงักงัน ใบหน้านิ่งเฉยแต่ในใจเป็นห่วงคุณชายเสิ่น หากเกิดอะไรขึ้นมาเขาคงช่วยไม่ได้แล้ว จื่อฟางมองหยางชวีเป็นสัญญาณว่าให้แอบตามมาทีหลังก่อนเดินตามหลี่ฮุ่ยจือออกไปนอกจวน จางต้ามองตามคุณชายอย่างเป็นกังวล คุณชายของเขาต้องแย่แน่ๆ
“จะทำเช่นไรดี”จางต้าได้แต่เดินวนไปวนมา หยางชวีครุ่นคิด หอเหม่ยซิ่วหรือ…สงสัยคงต้องพึ่งนางมารนั่นแล้ว เขารีบส่งนกพิราบบอกข่าวไปยังหอเหม่ยซิ่วทันที
‘หวังว่าจะทันการ’
ในรถม้าหลี่ฮุ่ยจือไม่พูดอะไร เอาแต่นั่งจ้องจื่อฟางไม่วางตาจนเขาขนลุกเกรียว ได้แต่บ่นอยู่ในใจว่ามองอะไรนักหนา ไม่รู้ว่าเจ้าหื่นกามนี่คิดวางแผนอะไรอยู่ เขาได้แต่นั่งเกร็งอยู่บนที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างฉลุลายก็พบว่าตรอกนี้คือตรอกซีหมาน ตรอกที่ไป๋ผูอวี้พาเขาไปร้านเถ้าแก่เถียน พูดถึงไป๋ผูอวี้แล้วเขานึกอยากให้อีกฝ่ายโผล่มา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ จื่อฟางจุงมองดูร้านรวงผ่านตาไปเรื่อยๆจนรถม้าหยุดจอดอยู่หน้าหอเหม่ยซิ่ว อักษรจีนโบราณสวยงามฝังอยู่บนแผ่นหินหน้าประตูร้าน โคมไฟฉลุลายห้อยเรียงอยู่บนเสาสูง เป็นหอคณิกาที่หรูหรามีระดับ หลี่ฮุ่ยจือเดินวางท่านำเสิ่นจิ้งเฟยเข้าไปด้านใน แม่เล้าเฟิ่งรีบมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เชิญคุณชายหลี่ทางนี้เจ้าค่ะ”นางเดินนำไปที่ชั้นสอง พาไปยังห้องส่วนตัว เขารู้ว่าบุตรชายเสนาบดีผู้นี้ชื่นชอบศิลปะดนตรี จึงตั้งใจพามาที่หอเหม่ยซิ่วที่ขึ้นชื่อว่ามีนางคณิกาชั้นสูง ถนัดร่ายรำและมีฝีมือบรรเลงดนตรีที่ยอดเยี่ยม แขกของที่นี่จึงมีแต่พวกเหล่าขุนนางและคหบดีร่ำรวย เสิ่นจิ้งเฟยยังไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบเข้ามาด้วยซ้ำ เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นเสิ่นจิ้งเฟยมองไปรอบๆด้วยความสนใจ ทำให้รู้สึกเหมือนพาสาวน้อยมาเที่ยวเล่น ต้องขอบใจสหายอย่างหลินเจียงหยงที่แนะนำ หลี่ฮุ่ยจืออารมณ์ดีมากทีเดียว
“นำสุราอู่เหลียงเย่และกับแกล้มสองสามอย่างมา”หลี่ฮุ่ยจือสั่ง มองหน้าแม่เล้าเฟิ่งอย่างมีความนัย
“เจ้าค่ะ คุณชายหลี่”นางยิ้มรับคำก่อนเดินส่ายออกไปจากห้อง จื่อฟางกวาดตามองห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เครื่องเรือนฝังมุก สุราที่หลี่ฮุ่ยจือสั่งเป็นสุราชั้นดีและรสชาติแรง จื่อฟางเคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ไม่มีโอกาสได้ลิ้มลอง ดูท่าเจ้านี่ตั้งใจจะมอมสุราตนจริงๆ องครักษ์ของหลี่ฮุ่ยจือออกไปยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ความเป็นไปได้ที่จะหนีเท่ากับศูนย์ แล้วหยางชวีเล่า หมอนั่นจะตามมาหรือไม่
“เจ้ากังวลหรือ”หลี่ฮุ่ยจือเอ่ยถามเสียงหยอกล้อ ดึงให้คนงามนั่งลงข้างๆ
“เปล่า”จื่อฟางโกหก พยายามทำทางปลอดโปร่ง
“เจ้าเป็นคนรับปากเองว่าจะมากับข้าสองคน คิดเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”หลี่ฮุ่ยจือกระซิบบอก ระหว่างนั้นสาวงามกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง นำสุราหนึ่งไห ผักดอง เนื้อแห้งและไก่ต้มมาวางบนโต๊ะ หญิงงามรูปร่างหน้าตาโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ย่อตัวคาราวะด้วยท่าทางอ่อนช้อย นางมีใบหน้าหมดจด คิ้วโก่ง นัยน์ตาสีดำเป็นประกายเย้ายวน ริมฝีปากแดงอิ่ม
“เสวี่ยฮวาและพี่น้องมาจากหลานโจว ยินดีที่ได้รับใช้คุณชายทั้งสอง”นางชม้ายตามองเขาทีหนึ่ง ก่อนรินสุราใส่จอกสามขาให้จื่อฟางและหลี่ฮุ่ยจือที่รู้สึกไม่พอใจอยู่นิดหน่อยที่เสิ่นจิ้งเฟยมองหญิงงามนางนี้ไม่วางตา เขาจึงกระแอมเบาๆแล้วโอบไหล่ของเสิ่นจิ้งเฟยที่ร่างกายเกร็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เสวี่ยฮวารีบถอยไปนั่งที่มุมห้อง ก่อนจรดมือดีดสาย
เป็นท่วงทำนอง หญิงงามเริ่มร่ายรำอ่อนช้อยราวกับไม่มีกระดูก เสียงบรรเลง
เคล้าคลอบรรยากาศ แต่จื่อฟางกลับเครียดเขม็ง
“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ สุราอู่เหลียงเย่ดื่มครบสามจอกจะช่วยให้มีกำลังวังชา มา ดื่มให้กับมิตรภาพของข้ากับเจ้า”หลี่ฮุ่ยจือยกจอกสุราขึ้นมา จื่อฟางได้แต่ทำตามแต่ไม่ยกดื่ม กลิ่นหอมเข้มของอู่เหลียงเย่แตะจมูก เขากลืนน้ำลาย เด็กหนุ่มไม่ใช่พวกคอแข็ง อย่าว่าแต่สามจอกเลย แค่สองจอกแรกก็เดี้ยงแล้ว
“ทำไมไม่ดื่ม”หลี่ฮุ่ยจือขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ
“ข้าไม่อยากเมา”จื่อฟางเอ่ยตอบ คุณชายหลี่ชักสีหน้าไม่พอใจ
“ข้าบอกให้ดื่มก็ดื่ม หรือเจ้าไม่อยากเป็นมิตรกับข้า”หลี่ฮุ่ยจือมองเขาด้วยสายตาบังคับ จื่อฟางเหงื่อตก เสวี่ยฮวาดีด
อยู่ตรงมุมห้องสบตากับเขาครู่หนึ่ง เขาได้แต่ยกจอกดื่มช้าๆ รสชาติเปรี้ยวปนหวานไหลลงคอ จื่อฟางไม่เคยดื่มเหล้าดีกรีแรงมาก่อนจึงได้แต่ยกแขนเสื้อปิดปาก พยายามปั้นหน้าให้ดูดี รีบหยิบตะเกียบคีบผักดองเข้าปากอย่างรวดเร็วแก้อาการคลื่นเหียนที่จะตามมา หลี่ฮุ่ยจือพยักหน้าพอใจ ยกจอกสุราของตนดื่มรวดเดียวหมด
“จอกที่สองเจ้ารินให้ข้า”หลี่ฮุ่ยจือสั่ง จ้องมองใบหน้าหมดจดของคุณชายที่นั่งทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ข้างๆ เสิ่นจิ้งเฟยเอื้อมมารินสุราให้เขาด้วยท่าทางไม่เป็นตัวเอง แปลก…ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณชายรูปงามผู้นี้แปลกไป ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ หลี่ฮุ่ยจือลูบมือเนียนละเอียดของอีกฝ่ายเล่น เสิ่นจิ้งเฟยชะงักเล็กน้อย ดึงมือออกอย่างแนบเนียน บุตรชายอัครเสนาบดียกยิ้ม
‘ยังไงวันนี้เจ้าก็หนีข้าไม่พ้นหรอก’
ครั้งนี้เขาวางแผนไว้แล้ว ในไหสุราใส่ผงยาปลุกกำหนัดชนิดไม่รุนแรงนัก เขารู้ดีว่าเสิ่นจิ้งเฟยมักมีความต้องการหลังดื่มสุรา อีกทั้งเขาก็ร่วมดื่มด้วยเพื่อให้เสิ่นจิ้งเฟยวางใจ ใช้ยากระตุ้นเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว นางรำที่เคลื่อนไหวอ่อนช้อยอดรู้สึกคันยุบยิบในใจไม่ได้ พวกนางเสมือนบุปผางามแต่คุณชายทั้งสองกลับไม่ชายตามองแม้แต่นิด เสวี่ยฮวาหรือชื่อจริงของนางคือซูเหลียนฮวามองเจ้าคนแซ่หลี่พยายามจับเนื้อต้องตัวเสิ่นจิ้งเฟยด้วยสายตาขบขัน หลี่ฮุ่ยจือผู้นี้ไม่เก็บอาการสักนิด แสดงออกชัดเจนว่าลุ่มหลงใบหน้างามๆของเสิ่นจิ้งเฟย
‘เสิ่นจิ้งเฟยรูปงามสมคำรำลื่อ หยางชวีเอ๋ยหยางชวี ครั้งนี้เจ้าติดหนี้ข้าแล้ว แต่จะว่าไปคุณชายของข้าก็รู้จักคนผู้นี้…’
นางก้มหน้าก้มตาดีด
อย่างเบื่อหน่าย ซูเหลียนฮวามาเป็นนางคณิกาชั้นสูงขายศิลปะไม่ขายร่างกายก็เพราะต้องการหาอะไรทำ อีกทั้งนางชอบมองบุรุษรูปงาม หอเหม่ยซิ่วจึงเป็นตัวเลือกที่ดี นางเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ฉางอันได้ไม่นาน ยามอยู่หลานโจวได้ฝึกวิชากับอาจารย์ท่านหนึ่งจนเชี่ยวชาญด้านการสกัดจุดโดยใช้เข็ม นางรับงานที่ได้ค่าตอบแทนสูงเท่านั้น ผู้คนที่หลานโจวจึงขนานนามนางว่า‘นางมารหมื่นพิษ’เพราะนอกจากสกัดจุดแล้วนางยังใช้พิษร่วมด้วย ซูเหลียน ฮวาคลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงหยางชวี ตอนแรกนางไม่คิดช่วย แต่มาเห็นเสิ่นจิ้งเฟยรูปงามเช่นนี้แล้ว นางจะอยู่เฉยได้อย่างไร
จื่อฟางถูกจ้องมองจนอึดอัด หลี่ฮุ่ยจือมือไม้ไม่อยู่นิ่ง ประเดี๋ยวก็ลูบแขน ประเดี๋ยวก็ลูบใบหน้าของเขาไม่สนใจว่ามีหญิงงามอยู่ในห้อง
“จิ้งเฟย รู้หรือไม่นางรำพวกนี้งดงามสู้เจ้าไม่ได้เลย”จื่อฟางอยากเอาหน้ามุดโต๊ะหนีให้รู้แล้วรู้รอด หลี่ฮุ่ยจือกล้าพูดออกมาได้ยังไง ไม่กระดากปากบ้างหรือ เขาหน้าแดงเพราะความโกรธและอับอาย ถูกชมว่าสวยต่อหน้านางรำพวกนี้…จะให้เขาดีใจหรือ คิดว่าเสิ่นจิ้งเฟยก็คงไม่ชอบเช่นกัน เกิดมาเป็นชายซะเปล่าเหตุใดถึงได้หน้าตาเช่นนี้ จื่อฟางก่นด่าอยู่ในใจ แต่หลี่ฮุ่ยจือกลับคิดว่าเขาเขินอายกับคำเกี้ยวจึงหัวเราะฮ่าๆรินสุราให้เป็นจอกที่สาม แต่จื่อฟางมึนหัวและรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ เหมือนวันที่ร่ำสุรากับเสิ่นมู่หยาง หรือว่า...จื่อฟางหน้าซีด
“เร็วเข้า อีกจอกเดียวเจ้าก็คึกคักแล้ว”เจ้าตัวหื่นกามคะยั้นคะยอให้เขาดื่มอีก
“หลี่ฮุ่ยจือ ข้ามึนหัวแล้ว พอก่อนดีกว่า”จื่อฟางผลักจอกสุราออกไป แต่หลี่ฮุ่ยจือกลับบีบคางของตน พยายามกรอกสุราเข้าปากของเขาให้ได้ สุราในจอกจึงไหลเข้าปากเขาครึ่งหนึ่ง หกเลอะเทอะเปื้อนเสื้อครึ่งหนึ่ง หลี่ฮุ่ยจือถลึงตาใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างโมโห
“เหตุใดเจ้าไม่เชื่อฟังข้าเหมือนแต่ก่อน”เขาหงุดหงิดนัก
“ข้าเปลี่ยนไปแล้ว”เสิ่นจิ้งเฟยตอบเสียงสั่น ท่าทางเหมือนอยากอาเจียน เขาจึงปล่อยมือ เสิ่นจิ้งเฟยฟุบตัวไปด้านข้าง ไอสองสามที หลี่ฮุ่ยจือขยับเข้าไปดูว่ายาออกฤทธิ์หรือยังเพราะเขาเองก็เริ่มรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาแล้ว
“จิ้งเฟย”หลี่ฮุ่ยจือเรียกลูบแผ่นหลังของอีกฝ่ายเบาๆ จื่อฟางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้สมองแจ่มใสอารมณ์พลุ่งพล่านผิดปกติ ทั้งยังมึนหัวมากกว่าเดิม ไม่ได้การ เขาควรคิดหาทางออก ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ หลี่ฮุ่ยจือดึงร่างของเขามาโอบไหล่อีกครั้ง จื่อฟางขบฟัน ร่างกายของเขาเหมือนถูกความร้อนหลอมละลายจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
“เจ้าเมาแล้วหรือ”หลี่ฮุ่ยจือกระซิบถามใกล้ใบหู ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่ใกล้ๆทำให้เขารู้สึกหวาบหวิวในท้องน้อย จื่อฟางเอนตัวออกห่างคุณชายหลี่ เสียงดีด
เร่งจังหวะขึ้นเล็กน้อย นางลอบมองคุณชายทั้งสองด้วยสายตาคมปลาบ
“พวกเจ้าออกไปให้หมด”หลี่ฮุ่ยจือไล่ ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว เสิ่นจิ้งเฟยนอนฟุบอยู่บนพื้น ใบหน้าแดงก่ำ เขาเอื้อมไปดึงผ้าคาดเอวของอีกฝ่ายออก จื่อฟางถลึงตาใส่ เจ้าบัดซบนี่!พวกนางรำรับคำก่อนรีบเคลื่อนกายออกไปจากห้อง พวกนางเองก็ไม่อยากอยู่ดูฉากพลอดรักของคุณชายสองคนเช่นกัน
“ดะ เดี๋ยวก่อน…”จื่อฟางร้องเรียก เมื่อเห็นเสวี่ยฮวากำลังจะออกไป นางเพียงขยิบตาให้เขาแล้วจากไป หลี่ฮุ่ยจือหัวเราะในลำคอ โน้มใบหน้ามาหมายจะจูบแต่เขาเบือนหน้าหลบ ริมฝีปากของหมอนี่จึงโดนแก้มเขาแทน
“ปล่อย…”เขากัดฟันพูด
“ปล่อยหรือ หึๆ เจ้าต้องการขนาดนี้ข้าจะปล่อยได้ไปได้อย่างไร”หลี่ฮุ่ยจือตอนนี้มีสีหน้าหื่นกามสุดๆ โถมร่างมากอดรัดจื่อฟาง เขาพยายามออกแรงดิ้น แต่ก็เสียเปล่ากลับยิ่งทำให้เขาเหนื่อยกว่าเดิม หลี่ฮุ่ยจือดึงเสื้อของเขาออก จนท่อนบนเปลือยเปล่า จื่อฟางร้องกรี๊ดได้คงทำไปแล้ว
“เจ้าอดทนได้ดีกว่าที่ข้าคิด”ร่างที่ทาบทับอยู่ด้านบนพรมจูบตามแผ่นอกผอมบาง จื่อฟางขนลุกเกรียว บทของเสิ่นจิ้งเฟยเปลืองตัวเกินไปแล้ว
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างไม่ได้สติขององครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องหล่นกองกับพื้น หญิงงามนามว่าเสวี่ยฮวาก้าวตามเข้ามาก่อนปิดประตูตามหลัง
“เจ้า--”
“ขออภัยจริงๆคุณชายที่ขัดจังหวะ”นางหุบยิ้ม ก่อนเคลื่อนตัวมาหาหลี่ฮุ่ยจืออย่างรวดเร็ว จื่อฟางเบิกตาโตเมื่อเห็นฝามือของนางสะบัดว่องไว เข็มเงินเล่มเล็กจิ้มเข้าที่จุดโหวเอี้ยน ของหลี่ฮุ่ยจืออย่างแม่นยำ ไม่กี่นาทีต่อมา หลี่ฮุ่ยจือก็สลบเหมือด ร่างหนักๆทับอยู่บนตัวจื่อฟาง เขาเบิกตากว้าง เกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่
“ข้าชื่อซูเหลียนฮวา”ท่าทางงามชดช้อยของนางหายวับไป อะไรนะ พอเห็นอย่างนี้เขาก็จำได้ ตรงกับที่นิยายบรรยายไว้ ตัวละครที่เขาเกือบลืมไปแล้ว เพราะวันที่เขาอ่านนิยายเขาง่วงมากจึงเลิกอ่าน และนั่นก็คือบทของนางที่เขาอ่านไม่จบ
“ซูเหลียนฮวา…นางมารหมื่นพิษหรือ…”จื่อฟางพึมพำเบาๆ รู้สึกขนลุกวูบวาบ แล้วนางโผล่มาตอนนี้ได้ยังไง
“ท่านรู้จักข้า?”นางขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าชื่อเสียงของนางเลื่องลือมาถึงฉางอันด้วย
“...ท่าน…ช่วย…”เขารวบรวมคำพูดอย่างยากลำบาก ตั้งใจจะบอกว่าให้เอาหลี่ฮุ่ยจือที่สลบไม่ได้สติออกไปจากตัวเขาก่อน
“ท่านว่าอะไรนะ”นางก้มมองเขาด้วยดวงตาพราวระยับ จื่อฟางปากคอแห้งผากรู้สึกว่านางอันตรายมาก
“อยากให้ข้าช่วยถอนฤทธิ์ยาให้หรือ”นางเอ่ยถามเสียงหยดย้อย จื่อฟางใจเต้นระรัว ถอนฤทธิ์ยา…เขากลืนน้ำลายเอื๊อก
“เจ้าทำอะไรเขา”จื่อฟางพยายามดันร่างของหลี่ฮุ่ยจือออก แต่กลับไร้เรี่ยวแรง ซูเหลียนฮวายืนมองเหมือนเห็นเรื่องสนุก
“แค่ทำให้สลบไปเท่านั้น”นางเพียงตอบอย่างไม่ใส่ใจ จื่อฟางมองนางอย่างหวาดหวั่น แม้แต่องครักษ์ของหลี่ฮุ่ยจือก็พลาดท่าให้กับนางหรือ ถึงจะดีใจที่รอดพ้นเงื้อมมือหลี่ฮุ่ยจือ แต่ถ้าหากมันกลายเป็นเรื่องใหญ่เล่า ซูเหลียนฮวายิ้มราวกับคาดเดาความคิดของเขาออก
“เจ้าคิดว่าคนอย่างหลี่ฮุ่ยจือจะกล้าเอาเรื่องหรือ เรื่องที่เขาวางยาเพื่อหลับนอนกับเจ้าหลุดออกไป ข้าไม่คิดว่าอัครเสนาบดีหลี่จะพอใจ อีกอย่างเขาคงขายหน้าขนาดวางยาเจ้าแล้วยังทำไม่สำเร็จ”นางหัวเราะเบาๆ ท่าทางร้ายกาจ แต่ที่นางพูดก็มีเหตุผล
“หยางชวีรู้จักข้า”ซูเหลียนฮวาเอ่ยอีกครั้ง จื่อฟางพลันเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ครั้งนี้เขารอดได้อย่างหวุดหวิดจริงๆ ประตูห้องรับรองเปิดอีกครั้ง จื่อฟางหันไปมองก็เห็นไป๋ผูอวี้ก้าวเข้ามาด้านในด้วยใบหน้าราบเรียบ ผู้มาใหม่กวาดสายตามองเหตุการณ์ตรงหน้า เหมือนใช้เวลารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในห้องคล้ายมีลมเย็นพัดเข้ามา
“คุณชายไป๋”ซูเหลียนฮวากลับมามีท่าทางสำรวมเหมือนหญิงงามอีกครั้ง จื่อฟางมองไป๋ผูอวี้ตาโต รู้จักกันด้วยเหรอ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ไป๋ผูอวี้เดินตรงมาหาเขา ดันร่างของคุณชายหลี่ที่ไม่ได้สติออก เมื่อพบว่าท่อนบนของจื่อฟางไม่มีสิ่งใดปกปิดอยู่อีกฝ่ายก็ขมวดคิ้วก่อนนั่งลงจัดเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มให้เข้าที่เข้าทาง อยู่ ๆจื่อฟางก็ร้องครางออกมาเบาๆเพราะสัมผัสนั้น ไป๋ผูอวี้ชะงักมือที่วางอยู่บนไหล่ของเขา จื่อฟางหน้าแดงก่ำอับอายจนไม่กล้ามองหน้าผู้ใด น่าอายจริงๆ ทนมาได้ตั้งนาน ทำไมถึงมาหลุดเอาตอนนี้
“ข้าเชื่อว่าเจ้ามียาถอนพิษอยู่กับตัว”ไป๋ผูอวี้หันไปพูดกับซูเหลียนฮวาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางนับได้ว่าเป็นศิษย์น้องของเขา ที่หลานโจวเขามีอาจารย์อยู่คนหนึ่งคอยสอนหนังสือและวรยุทธ์ให้ นางเป็นศิษย์น้อง เว่ยหลงเป็นศิษย์รอง
ซูเหลียนฮวายกยิ้ม “เสิ่นจิ้งเฟยโดนยาปลุกกำหนัดชนิดไม่แรงนัก แค่หาหญิงสาวมาถอนฤทธิ์ยาให้เขาก็พอแล้ว”นางตอบพลางมองเสิ่นจิ้งเฟยไม่วางตา
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร”ไป๋ผูอวี้กวาดตามองเสิ่นจิ้งเฟยที่นอนตัวงออยู่บนพื้น คุณชายท่านนี้เป็นอะไรไปอีก
“หากเขาถูกยาแรงจริง คงกระโดดใส่หลี่ฮุ่ยจือไปนานแล้ว”คำพูดของหญิงงามทำให้ไป๋ผูอวี้มีสีหน้าแปลกพิกล แต่นางก็พูดถูกจื่อฟางแค่อารมณ์พลุ่งพล่าน ร่างกายร้อนรุ่มมากกว่าปกติเท่านั้น
“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”จื่อฟางเอ่ยถามเสียงอ่อนเพลีย แต่ก็รู้สึกดีใจที่ไป๋ผูอวี้โผล่มา
“ข้าผ่านมาแถวนี้พอดี”ไป๋ผูอวี้ตอบสั้นๆ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เขาเพียงมาคุยกับสหายใกล้ๆกับหอเหม่ยซิ่วเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเจอเสิ่นจิ้งเฟยกับหลี่ฮุ่ยจือมาด้วยกัน อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่คุณชายเสิ่นกลับมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาจึงนึกสงสัย สหายของเขาบอกเพียงว่าเหตุการณ์ที่ตรอกซีหมานคราวก่อนเสิ่นจิ้งเฟยตกลงมาเที่ยวกับหลี่ฮุ่ยจือ ไป๋ผูอวี้ได้แต่คิดว่าคุณชายเสิ่นบ้าไปแล้วหรือ คิดสิ่งใดอยู่ หลังจากการพบเจอกับสหายจบลง เขาก็เจอกับหยางชวีผู้ติดตามของเสิ่นจิ้งเฟย คนผู้นั้นยอมออกปากขอความช่วยเหลือจึงได้รู้ว่าซูเหลียนฮวามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
นางเป็นศิษย์น้องของเขา บุรุษหนุ่มจึงรู้ดีว่านางมีนิสัยแปลกประหลาด หากชอบบุรุษคนไหนแล้วนางจะใช้วิชาสกัดจุดจับหิ้วกลับเรือนทันที เสิ่นจิ้งเฟยเป็นบุรุษรูปงาม น่าจะเข้าตานาง เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องยุ่ง จึงตามมาดู ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเข้ามาเจอเสิ่นจิ้งเฟยในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเช่นนี้
“ข้าจะพาท่านกลับจวน”ไป๋ผูอวี้ไม่รอช้าคว้าตัวเสิ่นจิ้งเฟยพาดบ่าทันที ‘ตัวเบาเช่นนี้ สกุลเสิ่นไม่มีข้าวให้เจ้ากินหรือ’ไป๋ผูอวี้คิดอยู่ในใจ จื่อฟางเม้มปากเมื่อได้กลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่าย กลิ่นชาอ่อนๆ ‘หอมมาก’ รู้สึกว่าอยากสูดดมยิ่งนัก เขารีบสั่นศีรษะไปมาทันที คิดอะไรอยู่เนี่ย
“ข้าเป็นคนช่วยเขาไว้ เขาต้องเป็นของข้าสิ”ซูเหลียนฮวาเอ่ยหลังจากเฝ้าดูอยู่นาน นางแค่เพียงแกล้งพูดไปเช่นนั้น นางไม่เคยเห็นคุณชายไป๋เอาตัวมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้อื่น โดยเฉพาะเสิ่นจิ้งเฟยผู้นี้ ช่วงที่นางอยู่หลานโจว ศิษย์พี่รองมักเขียนจดหมายมาบ่นให้นางฟังเสมอว่ามีคุณชายไม่เอาไหนคนหนึ่งมาก่อกวนโรงน้ำชาหลิวซื่อบ่อย ๆ แต่คุณชายไป๋กลับช่วยเขา แสดงว่าไม่ได้เห็นเสิ่นจิ้งเฟยเป็นศัตรู
“ของเจ้าหรือ? เจ้าเป็นหญิง พูดจาเช่นนี้ไม่เหมาะ”ไป๋ผูอวี้ขมวดคิ้ว สีหน้าซับซ้อนแปลไม่ออก
“ไม่ใช่ของข้าก็ได้ แต่ข้าหมายตาเขาไว้แล้ว”ซูเหลียนฮวายิ้มกว้าง คุณชายไป๋ช่างไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย
“เจ้าชมชอบบุรุษที่ไม่ใช่บุรุษเช่นนี้ด้วยหรือ”ไป๋ผูอวี้กล่าว
“ไป๋ผูอวี้…”จื่อฟางพลันโกรธ กล้าดียังไงมาว่าเขา บุรุษที่ไม่ใช่บุรุษเหรอ ดูถูกกันเกินไปแล้ว
“เจ้าจัดการที่เหลือก็แล้วกัน”ไป๋ผูอวี้ออกคำสั่ง นางจึงแสร้งย่อกายคาราวะด้วยท่าทางอ่อนช้อย ไป๋ผูอวี้ไม่ได้พาเขาออกไปทางประตู แต่เดินไปที่หน้าต่างแทน จื่อฟางเบิกตากว้างเริ่มเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร
“จะกระโดดลงไปเหรอ นี่มันชั้นสองนะ”เขาพึมพำไม่มีแรงโวยวายแล้ว เด็กหนุ่มหันไปเห็นซูเหลียนฮวาออกแรงอุ้มหลี่ฮุ่ยจือด้วยท่าทางทะมัดทะแมงก็ได้แต่จ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ด้านนอกยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่ฮุ่ยจือ อีกอย่างท่านคงไม่อยากออกไปด้วยสภาพเช่นนี้กระมัง”บุรุษหนุ่มเอ่ยพูดพลางเปิดบานหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกดำสนิท เขากวาดตามองอย่างระมัดระวังพบว่าในตรอกใกล้ๆไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาจึงเตรียมตัวกระโดดลงไป จื่อฟางรีบหลับตาทันที รับรู้ว่าไป๋ผูอวี้กระโดดลงไปด้วยความชำนาญ สายลมพัดผ่านใบหน้า รับรู้ว่าเท้าของไป๋ผูอวี้สัมผัสกำแพงของหอเหม่ยซิ่วอย่างนุ่มนวล จื่อฟางจึงลืมตาเมื่อรู้สึกว่าลงมาอยู่บนพื้นดินแล้ว ไป๋ผูอวี้มีสมกับเป็นพระเอกจริง ๆ เทียบกับเสิ่นจิ้งเฟยแล้วคนละชั้นกันเหลือเกิน คนเขียนนิยายเรื่องนี้ลำเอียงเกินไปแล้ว ไป๋ผูอวี้โผล่ทีไรต้องได้ฉากเท่ๆทุกที เขาเงยมองหน้าต่างของหอเหม่ยซิ่ว ซูเหลียนฮวามองส่งก่อนปิดหน้าต่าง
“ท่านไม่ควรออกมากับหลี่ฮุ่ยจือ ถ้าหากไม่ได้ซูเหลียนฮวา ท่านจะเป็นเช่นไร”เจ้าโง่ขนาดนี้เลยหรือ เขาคิดอยู่ในใจ เดินนำร่างของคุณชายเสิ่นไปที่รถม้าคันเล็กที่จอดรออยู่ในตรอก
“ข้าไม่มีทางเลือก”จื่อฟางเถียง เพราะน้ำเสียงของไป๋ผูอวี้เหมือนกำลังตำหนิตนอยู่ อากาศเย็นๆด้านนอกยิ่งทำให้ร่างกายของจื่อฟางร้อนระอุ ไปผูอวี้เดินมาถึงรถม้า
ตุบ
เขาวางเสิ่นจิ้งเฟยลงบนพื้นรถอย่างไม่เกรงใจ ไปผูอวี้เคาะผนังบอกคนขับรถม้าให้ออกตัว จื่อฟางเจ็บตัวไปหมด ได้แต่กัดฟันกรอดๆ ไปผูอวี้ให้เขานั่งพื้นเหมือนบ่าวไพร่ชัดๆ แต่รถม้าคันนี้แคบมาก เขาจึงไม่ได้ขยับไปนั่งบนที่นั่ง รถม้าแล่นโขยกเขยกไปตลอดทาง เขารู้ว่าฤทธิ์ยายังไม่ได้ถูกขับออกจากร่างกายจึงนั่งงอตัวป้องกันไม่ให้มีเรื่องน่าอายเกิดขึ้น ยังดีที่หลี่ฮุ่ยจือไม่ได้ใช้ยารุนแรง ไม่เช่นนั้นเรื่องราวคงเปลี่ยนแน่ๆ พูดถึงหลี่ฮุ่ยจือ คนผู้นั้นจะว่าอย่างไรหากตื่นมาเจอองครักษ์ตัวเองนอนสลบอยู่ในห้อง
“ท่านทรมานมากหรือ”ไป๋ผูอวี้ถาม จ้องมองเสิ่นจิ้งเฟยที่นั่งงอตัวเอาหน้าซุกเข่าเหมือนเจ็บปวดหนักหนา ร่างนั้นไม่ตอบ
“ข้ามีวิธีทำให้ท่านหาย”ไป๋ผูอวี้เอ่ยช้าๆ จื่อฟางหันมองอย่างงุนงง
“ท่านหมาย…”ไป๋ผูอวี้ไม่รอให้อีกฝ่ายพูด เอื้อมมือไปบีบส่วนนั้นของร่างบางเต็มแรง
“อ๊ากกกก”เสียงร้องของเสิ่นจิ้งเฟยดังลั่นรถม้า ทำเช่นนี้คงไม่รู้สึกอะไรแล้วกระมัง เขายิ้มด้วยความขบขัน
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ”จื่อฟางหน้าแดงก่ำหันไปด่าอย่างเจ็บปวด ถ้าหากใช้การไม่ได้อีกจะทำอย่างไร! ไป๋ผูอวี้เพียงหลับตานั่งนิ่งเป็นท่อนไม้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กว่าจะถึงจวนเสนาบดีเขาก็ก่นด่าไป๋ผูอวี้อยู่ในใจจนนับไม่ถ้วน
“คุณชาย!”จางต้าวิ่งมาหาเมื่อเห็นรถม้าจอดอยู่หน้าจวน แปลกใจอยู่บ้างที่เห็นไป๋ผูอวี้ยืนอยู่ด้วยใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ บุรุษหนุ่มชี้ไปด้านใน จางต้าจึงเปิดบานประตูรีบเข้าไปหาคุณชายเสิ่นที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสภาพที่ดูไม่ดีนัก ทำให้บ่าวคนสนิทถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“คะ คุณชาย ไยท่านเป็นเช่นนี้ ท่านโดนหลี่ฮุ่ยจือเปิดบริสุทธิ์แล้วหรือ”
“เจ้าบ้า!”จื่อฟางถลึงตาใส่ อยากเตะจางต้าให้กระเด็น ดูพูดเข้าสิ
“พาข้าเข้าไปในจวน”เขาโกรธจนพูดไม่ออก จางต้าพยักหน้ารัวๆ
“ข้าว่า…”เขากำลังจะบอกว่าขี่หลังสะดวกกว่าแต่จางต้ารีบคว้าตัวเขาพาดบ่า คนพวกนี้เห็นเขาเป็นกระสอบข้าวแล้วหรือ
“คุณชายไป๋ ขอบคุณท่านมาก”จางต้านำคุณชายลงมาจากรถม้า ไป๋ผูอวี้เพียงพยักหน้าเท่านั้น สีหน้ายังคงเป็นเช่นเดิม จื่อฟางเงยมองเห็นว่าแววตาของไป๋ผูอวี้มีแววขบขัน ก็ได้แต่สบถอยู่ในใจ จางต้าพาเขาเข้ามาในห้อง ตอนนี้จื่อฟางรู้สึกอ่อนเพลียและยังเจ็บที่ส่วนนั้นอยู่บ้าง ไป๋ผูอวี้นะไป๋ผูอวี้ เห็นเขาเป็นตัวตลกหรือไง
“หยางชวีไปไหน”จื่อฟางถามเมื่อไม่เห็นผู้ติดตามหน้านิ่งที่ปกติจะต้องมายืนขมวดคิ้วใส่เขาแล้ว หรือจะไปคุยกับซูเหลียนฮวา
“เขาออกไปนอกจวนยังไม่กลับมาเลยขอรับ”จางต้าช่วยคุณชายถอดชุด กวาดตาสำรวจดูว่าคุณชายมีร่องรอยผิดปกติอะไรหรือไม่นอกจากกลิ่นสุราแล้วก็ไม่มีสิ่งใด บ่าวไพร่ในเรือนรีบยกถังน้ำเข้ามา
“ท่านพ่อยังไม่กลับหรือ”จื่อฟางเอ่ยถาม รีบลงไปแช่น้ำ สาวใช้นามว่าอี้เหมยเข้ามาปรนนิบัติตามปกติ ตอนนี้จื่อฟางสงบลงแล้ว น้ำเย็นๆช่วยให้เขาผ่อนคลาย จางต้าอยู่นอกฉากกั้นระหว่างที่ตอบคำถามของคุณชาย
“คืนนี้นายท่านไปค้างคืนที่จวนใต้เท้าเฉินฉางเซียงขอรับ”
“ใต้เท้าเฉินฉางเซียง…”จื่อฟางทวนอย่างนึกไม่ออก ใครอีกเนี่ย
“ท่านลืมแล้วหรือ ใต้เท้าเป็นสหายเก่าของท่านปู่ของคุณชาย เขาอาศัยอยู่นอกเมืองเคยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นในราชสำนักมาก่อน นายท่านอยากให้เขามาช่วยสอนหนังสือท่าน”
“อ้อ…เช่นนี้เอง”เขาเอนพิงถังน้ำ จ้องหน้าสาวใช้จนนางหน้าแดงก่ำ จื่อฟางยังปวดส่วนนั้นอยู่ ไม่มีอารมณ์แล้ว อีกอย่างเขาจะไม่เรียกสาวใช้ในเรือนมาปรนนิบัติ เขาจึงโบกมือไล่นางออกไป จุ่มหน้าลงไปน้ำเย็นๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อนึกอะไรออก
“จางต้า”เขาเรียก
“คุณชายมีอะไรหรือ”เสียงของบ่าวใช้ยังดังอยู่นอกฉากกั้น
“เจ้าแน่ใจนะว่าท่านพ่อไม่ได้แอบเลี้ยงดูอนุนอกบ้าน”อยู่ๆก็กลัวขึ้นมา
“คุณชายไยคิดเช่นนั้น….”แต่น้ำเสียงของจางต้ามีบางอย่างที่ทำให้จื่อฟางไม่สบายใจ จริงๆแล้วเขากลัวมาก กลัวว่าเสิ่นมู่หยางจะแอบมีอนุ หากเสนาบดีเสิ่นอยากได้บุตรชายอีกคนขึ้นมาเล่า จะเป็นเช่นไร บุตรชายไม่ได้เรื่องอย่างเสิ่นจิ้งเฟยจะตกกระป๋องหรือไม่
“คุณชายอย่าคิดมากเลยขอรับ นายท่านรักเอ็นดูคุณชายมาก…ท่านคงไม่รู้ ใต้เท้าเฉินเป็นคนคุยยาก นายท่านกลับแวะไปหาบ่อยๆก็เพราะอยากได้เขามาเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้คุณชาย”จางต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จื่อฟางถอนหายใจ เขาเคยคิดว่าแค่ใช้ชีวิตในโลกนี้ไปเรื่อย ๆโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว เขาจะได้กลับไปโลกเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้ หากต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่ไปตลอด เขาก็ต้องวางแผนให้ดีว่าจะเอายังไงกับชีวิต