Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 17
ตายทั้งเป็น
“มึงมีอะไรจะบอกกูไหม”
“อะไร?”
“มีอะไรปิดบังกู พูดออกมานะ”
“มึงเป็นอะไรเนี่ยจักร!! แล้วไม่ไปทำงานแล้วหรือไง” อินทัชถามเพื่อนขณะที่ตนกำลังเก็บพวกอุปกรณ์ช่างอยู่ แล้วตนเองก็โดนเพื่อนอย่างจักรที่บอกว่ามีงานใหม่ให้ทำแล้วจะไม่มาที่นี่อีก
แต่นี่อะไร ไม่เจอกันวันเดียวก็มาซักเขาอย่างกับเป็นนักโทษ
“งานกูมีแค่ร่างแบบ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเพราะในหัวมีแต่เรื่องของมึง!!”
“อ้าว? ไอ้นี่โทษกูได้ไง แล้วกูไปทำอะไรให้” ร่างโปร่งเถียง
“ไม่ต้องทำไขสือ นี่ถ้ากูไม่รู้มา มึงก็ไม่คิดจะบอกกูเลยใช่ไหม” จักรทำสีหน้าเครียดๆ
“รู้? มึงรู้อะไร”
“ก็ที่มึงถูกคุณรามจับตัวมา อุ๊บ!!” ร่างโปร่งกระโดปิดปากเพื่อนตัวสูงแทบจะไม่ทันเมื่อจักรมันโพล่งออกมาแบบไม่แคร์ว่าใครจะได้ยินเลย
อินทัชหันมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครสนใจก็ลากเพื่อนออกไปอีกทาง ซึ่งเป็นที่ๆ ไม่มีคนอยู่และปลอดภัยที่จะคุยเรื่องที่จักรโพล่งออกมาได้
“อื้อ...แหวะ! ไอ้อิน มือมึงสกปรกมาก ปิดมาได้นะ แม่ง ถุย!!” พอเป็นอิสระจากการมือที่ปิดปากอยู่ จักรก็ถ่มน้ำลายใหญ่ เพราะรังเกียจมือที่จับพวกของเปื้อนๆ สกปรกๆ มา
อินทัชเองก็เช็ดมือที่เปื้อนน้ำลายของเพื่อนอย่างขยะแขยงเหมือนกัน แต่เรื่องนั้นมันไม่ทำให้เขาเครียดเท่าที่ว่าจักรมันรู้...
รู้ได้ยังไง ใครบอก...
“มึงพูดเรื่องอะไร”
“อ๋อ...เรื่องที่มึงถูกจับตัวมาอ่ะนะ”
“เออ!! มึงรู้ได้ยังไง” ถามด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นอารมณ์หน่อยๆ
จักรหัวเราะหึหึในลำคอ...เขากำลังหัวเราะ หัวเราะที่ไม่รู้อะไรเลยจนถึงตอนนี้...อินทัชไม่คิดจะบอกอะไรเขาเลย หรือเพราะไม่ไว้ใจกันแน่
“กูรู้ได้ยังไงก็ช่าง แต่ที่กูสนคือมึงไม่คิดจะบอกกู ไหนว่ากูเป็นเพื่อน ชมนักชมหนาถึงกูกับหมอเงิน แต่แม่งกูก็เป็นคนไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่ามึงเจออะไรมาบ้าง!!”
อินทัชไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือเครียดดี พูดะดิบดีว่ารู้ได้ยังไงก็ช่าง...แต่ก็โพล่งชื่อเขาออกมาเลยเนี่ยนะ
“หึหึ”
“หัวเราะบ้าอะไร”
“แล้วมึงจะเครียดทำไม ตอนนี้กูก็ปกติดีนี่ อย่ากังวลไปเลย กูไม่เป็นอะไรหรอก”
แปะๆ
มือขาวตบที่บ่าแกร่งเบาๆ เป็นการตอกย้ำว่าไม่เป็นไรจริงๆ แต่จักรก็ยังคิดมากอยู่ดี
“ทำไมไม่หนี”
อินทัชถึงกับหลบสายตาจักรทันทีพอได้ยินคำถามแบบนี้ ใจเต้นแรงเพราะกังวล ถ้าหากว่าเขาไม่มีเหตุผลให้ จักรมันจะตามตื๊อแบบนี้ต่อไปแน่ๆ
“กูหนีไม่ได้ หนีแล้วก็โดนมันจับได้ทุกที” อันนี้คือความจริง
แต่ก็บอกไปแค่บางส่วนเท่านั้น อีกส่วนคือเขาหนีได้ เขามีโอกาส แต่ว่า...ก็กลัวว่าหมอเงินกับจักรจะเดือดร้อนตามคำขู่ของรามินทร์
ขนาดเขามันยังกล้าจับมา แล้วกับคนอื่นล่ะ...ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่ารามินทร์จะไม่ทำอะไรเพื่อนทั้งสองของเขา
“เพราะกูกับหมอเงินใช่ไหม?” สิ้นเสียงทุ้มของจักร ร่างโปร่งบางก็นิ่งไปทันที
กึก!
พอเห็นท่าชะงักกึกพร้อมๆ กับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอินทัช ต่อให้โง่หรือซื่อบื้อแค่ไหนก็มองออกว่ามันเป็นไปตามที่เขาถามเลย มันเป็นเพราะเขากับหมอเงินจริงๆ ด้วย
และเพราะแบบนี้ มันเลยทำให้จักร...รู้สึกดีกับอินทัชมากขึ้นจนน้ำตาจะไหล
มันไม่ใช่ความรักแบบชู้สาวอย่างที่รู้สึกกับเจ้าจอม แต่มันเป็นความรู้สึกที่ปลื้มปิติกับมิตรภาพของคนที่รู้จักกันได้ไม่นานอย่างเขาสองคน
“มึงเป็นคนดี...กูไม่อยากให้มึงต้องมาลำบากแบบนี้”
“ไม่ปฏิเสธหรอกว่ากูลำบาก แต่อย่างน้อยในความลำบากกูยังมีมึง ยังมีหมอเงิน...ฉะนั้นแล้วไม่ต้องสนใจเรื่องของกู มึงอยู่แบบเดิมต่อไป เพิ่มเติมคือเป็นกำลังใจให้กูด้วย ตอนนี้กูต้องการเพื่อน ต้องการคนเข้าใจ และกู...ก็รอเพื่อนรักของกูมารับอยู่” ประโยคสุดท้าย ดวงตาของอินทัชเหม่อมองออกไปจนสุดขอบฟ้า
คิดถึงธีร์สุดหัวใจ...
“ให้กูช่วยไหม”
“อย่าเลยจักร...ทำตามที่กูต้องการเถอะนะ ถือว่ากูขอร้อง”
“ถ้าอย่างนั้น...บอกกูได้ไหมว่ามันเรื่องอะไร” จักรถามต่อเผื่อว่าอินทัชจะยอมเล่าให้ฟัง แต่คำตอบที่ได้ก็มีเพียงแค่การส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ เท่านั้น
ร่างแกร่งถึงกับถอนหายใจออกมา...
“เออๆ กูจะลืมไปก็แล้วกันถ้ามันทำให้มึงสบายใจมากกว่า”
“ขอบใจมึงมาก ถ้ากูกลับไปได้ กูจะไม่ลืมมึงเลยว่ะ” อินทัชพูด
“เออๆ ให้มันจริงนั่นแหละ งั้นกูสบายใจแล้ว ไปทำงานต่อได้แล้วล่ะ มึงเองก็สู้ๆ ละกัน มีอะไรบอกกู” จักรให้กำลังใจ ซึ่งอินทัชก็หัวเราะออกมา
“ฮะๆ ทำไม มึงจะช่วยเหรอ”
“เปล่า...กูจะเป็นผู้ฟังที่ดี ฮ่าๆ”
“เหี้ย!” ด่าจักรออกไปสั้นๆ แต่เจ็บ หากแต่คนถูกด่ากลับทำได้พยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ
“เออ กูรับ...ไปล่ะ แล้วเจอกันนะเว้ย”
“เออๆ”
ร่างโปร่งมองจักรที่เดินไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สภาพที่เขาควรจะมีความสุขเลยสักนิด
“ไอ้บ้านี่มีความหลอกง่าย...แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องของกู กูก็ต้องจัดการเอง”
อินทัชเดินกลับไปทำงานของตนต่อ โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังแอบฟังอยู่...
เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ
“อะไรของพี่เนี่ยพี่ราม ดื่มอย่างกับไม่เคยดื่ม” เจ้าจอมที่นั่งดูแลพี่ชายในบ้านพักของร่างสูง ขณะที่รามินทร์กำลังดื่มเหล้าเอาอย่างกับดื่มน้ำเปล่า
ที่จริงเจ้าจอมไม่รู้หรอกว่าพี่ชายของตนสั่งเหล้ามาดื่ม มารู้ก็ตอนเดินสวนกับคนงานที่พี่ชายเขาสั่งให้เอาเหล้าไปเพิ่มนั่นแหละ
นี่กะจะไม่หลับไม่นอนหรือไง...
“ให้พี่ดื่มเถอะ”
“อะไรเนี่ย ทำตัวอย่างกับอกหัก”
“พี่ไม่ได้คบใครทำไมพี่ต้องอกหักด้วย” รามินทร์ตอบทั้งหน้าแดงๆ เพราะก่อนที่เจ้าจอมจะมาเขาก็ดื่มไปประมาณหนึ่งแล้ว
“ก็นั่นแหละที่สงสัย พี่จะดื่มทำไมล่ะ?” เจ้าจอมถามเครียดๆ
“พี่ก็แค่อยากดื่ม”
“เฮอะ!! โกหกชัดๆ พี่ราม...เป็นอะไรบอกจอมมาเถอะ เผื่อจอมช่วยได้”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า พี่แค่อยากจะดื่มพี่ก็ดื่ม”
เจ้าจอมไม่เชื่อ แต่ก็ไม่คิดเซ้าซี้ถามต่อ คิดว่าถ้าพี่ชายเมาคงจะระบายออกมาเองนั่นแหละ เจ้าจอมมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบจะสองทุ่มแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
วันนี้ก็เลยอดอยู่กับจุลจักรเลย เพราะต้องมาดูแลพี่ชายเดี๋ยวจะเมาแล้วชนนั่นชนนี่ตายไปก่อน
“เกิดอะไรกับพี่รามเนี่ย ครั้งล่าสุดที่ดื่มหนักก็ตอนที่เลิกกับพี่มิวนี่นา แต่มันก็หลายปีมาแล้วด้วย” เจ้าจอมพึมพำ แต่รามินทร์ก็ยังได้ยินชัดเจน
พอได้ยินชื่อคนรักเก่าก็นิ่งไปเลย มันไม่ได้เจ็บแบบตอนแรกๆ ก็จริง แต่บาดแผลที่โดนทิ้งมันก็ยังอยู่...
“พี่จับไอ้อินมานานเท่าไหร่แล้ว”
นี่เปลี่ยนเรื่อง?
“ก็ถ้าให้จอมนับ ก็เดือนหนึ่งได้แล้วล่ะมั้ง”
เจ้าจอมตอบแบบประมาณเอาเนื่องจากตนไม่ได้นับจริงๆ แต่ว่าอินทัชปรากฏตัวช่วงที่บ้านพักคนงานกำลังสร้างอยู่ได้สองเดือนได้ จนตอนนี้บ้านพักเสร็จแล้วเหลือแค่ทาสีแล้วก็ตกแต่ง
“อืม...”
รามินทร์นิ่งไปจนน้องชายขมวดคิ้ว
“นี่อย่าบอกนะว่าคิดมากเรื่องพี่อิน ถ้าทำแล้วตัวเองรู้สึกผิดพี่รามก็ไม่ควรจะทำตั้งแต่แรกสิ”
“อย่าบ่นได้ไหมล่ะ” รามินทร์ยกแก้วขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่
“จอมจะพูด”
“เจ้าจอม! เอาเหล้ามาให้พี่!” รามินทร์ขึ้นเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าน้องชายคว้าเอาขวดเหล้าไปถือไว้ คนที่กำลังดื่มได้ที่พอโดนขัดก็ชักหงุดหงิด
“จอมภูมิใจในตัวพี่มาตลอดนะ พี่รามเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด แต่แบบนี้จอมไม่โอเค ปล่อยพี่อินไปเถอะนะฮะ” เพราะเจ้าจอมคิดว่าคุยกับร่างสูงตอนที่อีกคนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่แหละ อาจจะง่ายที่สุดก็ได้
“ไม่!! เจ้าจอมอย่ามาห้ามพี่เลย”
“พี่อินไม่ได้ผิดอะไร”
“พี่ไม่อยากจะทะเลาะกับเรานะเจ้าจอม ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็เชื่อฟังพี่ แต่ถ้ากลับกรุงเทพฯ พี่ก็ไม่ห้ามอะไร” รามินทร์ว่าออกมา เจ้าจอมก็ได้แต่ยื่นขวดเหล้ามาให้พี่ชายช้าๆ ใบหน้าใสดูเครียดก่อนที่ดวงตาจะฉายแววเศร้าๆ ออกมา
พี่รามคนเดิมหายไปแล้ว คนใจร้ายคนนี้เป็นใคร?
เอาพี่ชายที่แสนดีของเขากลับมาคืนได้ไหม...
“จอมจะไม่ห้ามพี่รามอีกแล้วก็ได้ แต่จอมก็จะช่วยพี่อินเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน”
“หึ! ทำไมไอ้คนเลวแบบนั้นถึงได้มีคนรักเยอะแยะแบบนี้นะ ทั้งจอม ทั้งไอ้จักร ทั้งหมอเงิน ไม่แน่ไอ้ขรรค์ก็ด้วย” รามินทร์ถามอย่างสงสัย หัวเราะน้อยๆ ให้กับคนที่ตาบอดไปเห็นว่าอินทัชมันดี
แต่ว่าใครกันแน่ที่ตาบอด
“พี่ลองใช้ใจพี่ดูเอาสิ แล้วจะรู้ว่าทำไมมีแต่คนรักพี่อิน ไม่แน่วันหนึ่ง...พี่อาจจะรักคนที่พี่ทำร้ายก็ได้”
กึก!!
“ไม่มีทาง คนอย่างพี่ ไม่มีทางรักไอ้คนสารเลวพรรค์นั้นหรอก”
“น้องสาวพี่มาเมื่อไหร่ พี่ได้รู้ความจริงแน่ๆ หึหึ ถ้าถึงวันนั้นนอกจากพี่จะไม่ได้รับความเห็นใจ ความสงสารจากผมแม้แต่น้อย แล้วก็จะหัวเราะ ซ้ำเติมให้พี่เสียใจกว่านี้อีก”
เจ้าจอมพูดแล้วลุกขึ้นยืน เพราะเขาจะไปแล้ว จะไม่อยู่ดูแลคนนิสัยไม่ดีแบบนี้อีกแล้ว
ไม่คิดเลยว่า...ความแค้น มันสามารถเปลี่ยนคนใจดี อ่อนโยนของเขาให้กลายเป็นซานตานที่แสนใจร้ายไปได้
“พี่ควรจะรู้เอาไว้ ว่ารินที่แสนดีของพี่รามน่ะ ที่จริงแล้วเป็นคนแบบไหนกันแน่!! คนที่มัวแต่ตาบอดไม่มองคนอื่นนอกจากน้องสาวตัวเองแบบพี่ วันหนึ่งพี่จะเสียใจ จำคำจอมไว้นะ พี่จะเสียใจ!!!”
เจ้าจอมตะคอกใส่ผู้เป็นพี่ชายเสียงดังก่อนจะเดินออกจากบ้านพักหลังนี้ไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าจอมตะคอกหรือขึ้นเสียงใส่พี่ชายที่แสนดีของตน คนเป็นน้องร้องไห้ด้วยความเสียใจโดยที่พี่ไม่เห็น เพราะถ้ารามินทร์เห็นก็คงไม่รู้สึกอะไร
ทางด้านร่างสูงก็ซัดน้ำเหล้าเข้าปากเรื่อยๆ พลางครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างเครียดๆ แล้วไหนจะพวกคำพูดที่เขาเผลอไปได้ยินตอนที่จักรกับอินทัชคุยกันเมื่อเช้าอีก
“อึก...โถ่เว้ย!!!” เขาขยี้ผมตัวเองอย่างเครียดๆ
อดจะยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าอินทัชมันเป็นคน ‘ดี’ เพราะที่เขาได้ยิน เขาก็คิดเอาไว้ว่าอินทัชต้องเล่าบอกจักรแน่ๆ แต่เปล่าเลย...อินทัชมันกลัวคำขู่ของเขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนที่ดีกับมันเดือดร้อน
“อะไรมันจริง อะไรมันไม่จริงวะ!!”
แต่เมื่อรามินทร์พยายามจะเปิดใจลองมองอีกด้านหนึ่ง เสียงร้องไห้พร้อมกับหยาดน้ำตาในวันที่น้องของเขากำลังจะฆ่าตัวตายก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ตอกย้ำความโกรธเกลียดของตัวเองให้พุ่งสูงขึ้น
“เพราะมัน...เพราะมันนั่นแหละ มันเป็นคนเลว มันเป็นคนชั่ว มันทำร้ายน้องสาว อึก ของกู!!” ร่างสูงดื่มเหล้าในขวดเข้าไปจนหมด ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกจากบ้านไปอย่างทุลักทุเล ปลายทางคือบ้านพักเก่าซอมซ่อที่อินทัชใช้อาศัยอยู่...
รามินทร์ไม่มีสติรับรู้อะไรแล้วว่าตัวเองก้าวเท้าไปที่นั่นทำไม...แต่คนที่อยู่ในความรู้สึกนึกคิดของร่างสูงมีเพียงแค่อินทัชเท่านั้น...
ทางลงไปยังบ้านของอินทัชค่อนข้างชันเพราะถมดินให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันภัยจากน้ำป่าไหลหลากที่ประสบอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นทางผ่านของน้ำ
ตึก ตึก ตึก
สองเท้าเหยียบแผ่นไม้บันไดเก่าๆ ของบ้านขึ้นไปจะพลัดตกไปบ้างแต่ก็จับราวประคองตัวเองไว้ได้จนไปถึงข้างบนอย่างไม่ตกลงไปคอหักตาย ด้วยความเคยชิน ร่างสูงก้าวเซๆ ไปยังห้องนอนของอินทัช ที่เขารู้จักได้ดีแม้กระทั่งตอนเมาแบบนี้ เพราะรามินทร์เคยใช้ที่นี่เป็นที่พักมาก่อน
แต่เจอน้ำท่วมบ่อยๆ เลยเปลี่ยนไปสร้างด้านบนแทน
เสียงคนเดิน?
“ใครจะมาตอนป่านนี้วะ” อินทัชที่ตื่นจากการนอนขมวดคิ้วมองผ่านความมืดก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเสียงมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตูห้อง อินทัชมีความกังวลและกลัว
ของที่จะใช้เป็นอาวุธไม่มีเลยสักอย่าง มีแต่หมอน ผ้าปูแล้วก็ผ้าห่ม
แกร๊ก!
แอ๊ดดดด...
พอประตูเปิดออกสิ่งที่อินทัชเห็นคือเงาของผู้ชายร่างใหญ่ โงนเงน ยืนไม่ตรง กลืนเหล้าหึ่งออกมาจนอินทัชถอนหายใจ เพราะอย่างน้อยคนๆ นี้ก็เมามา แสดงว่าเขาก็สู้มันได้
“มึงเป็นใคร!!”
“อ้ายยยอิน มึงงงง อึก!”
“ไอ้เหี้ยราม!” อินทัชเรียกชื่อของรามินทร์เสียงดังก่อนจะขยับเข้าไปมองชัดๆ แสงจากเสาไฟฟ้าทำให้เขาสามารถมองเห็นใบหน้าของร่างสูงได้แต่ไม่ชัดเท่าไหร่
ร่างแกร่งค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้อง อินทัชเองก็ขยับกายหนีตามสัญชาตญาณ
“เออออ...กูเอง ทามมายวะ!”
“ถ้าเมามึงก็ควรจะนอนอยู่ที่บ้านมึงนะไอ้ราม จะมาเรื้อนอะไรแถวนี้”
“เรื่องของกู!!!”
“เรื่องของมึง แต่มันรบกวนกู รู้บ้างไอ้ขี้เมา ต่อให้กูจะมาเป็นทาสมึง แต่ก็ควรมีเวลาส่วนตัวให้กูบ้างป่ะ!!” ตวาดเสียงดังอย่างนึกโกรธ
ทำไมมันต้องตามจองเวรเขาแม้กระทั่งเวลาพักผ่อนด้วย
“กูแค่ อึก...จะมาดู ว่าทำไม คนถึงร้ากกแต่มึง!”
“ดู? มาดูเหี้ยอะไร ใครจะรักกูแล้วเกี่ยวเหี้ยอะไรกับมึงด้วย!!”
“เฮอะ! กูแค่อยากจะเห็นไง ว่าไอ้เลวแบบมึงเนี่ย อึก...ทำไมคนถึงตาบอดมองว่ามึงดีด้าย”
พาล...มันกำลังพาลมากๆ...
อะไรบางอย่างทำให้อินทัชรู้สึกไม่ปลอดภัย...
“มึงกลับไปนอนเถอะไอ้ราม หรือให้กูไปส่งไหม” ตอนนี้อินทัชพยายามจะพูดดีๆ กับคนเมา เพราะกลัวว่าถ้าไปกระตุ้นอารมณ์โมโหของมัน เขาจะลำบากเสียเอง
เขากลัว...เขาไม่อยากตกนรกแบบนั้นอีกแล้ว สิ่งที่มันทำกับเขามันทรมานแล้วก็เจ็บมาก เขาไม่อยากให้มีครั้งที่สาม...ไม่อยากให้มีจริงๆ
50%
จริงๆ ตอนนี้ยูกิค่อนข้างจะลังเลใจว่าจะลงดีไหม แต่งแบบนี้ดีไหม จะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะตัวเองไม่ค่อยเขียนอะไรแรงๆ ขั้นนี้มาก่อน (มันอยู่ครึ่งหลัง)
https://www.facebook.com/sawachiyuki/