อังคาร: 07:20 น.
วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อลุกมาออกกำลังกาย ลูกน้องบางคนตื่นมาก็เจอผมที่โรงฝึกแล้ว ดูพวกมันจะกระปรี้กระเปร่าในทันทีที่เห็นผม วันนี้ผมต้องออกไปดูงานต่อเติมที่ตลาดตอนบ่ายและมีนัดเก็บดอกเบี้ยกับลูกหนี้อีกในช่วงเย็น ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยกว่าจะเสร็จก็คงถึงค่ำ โดยรวมแล้วช่วงนี้งานไม่หนัก ถ้าไม่มีเรื่องมาให้ปวดหัวหรือต้องไปขัดขากับใครก็มักจะได้เงินมาง่าย ๆ แต่ก็ไม่ง่ายเสมอไป ๆ ซะตลอดเวลา เวลาที่เราเดินทางก็ต้องเจอทางที่ดีและไม่ดีสลับกันไป ถ้าจะบอกว่าเป็นครอบครัวที่ดูรวยดี กระดิกตีนไปวัน ๆ ก็ได้เงินแล้ว จะให้พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกซะหมดทีเดียว เพราะแต่ละวันพวกผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าศัตรูได้เพิ่มจากทางทิศไหนบ้าง ที่จริงแล้วงานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่งานที่ปลอดภัยต่อชีวิตของคนในครอบครัวซะทีเดียว
พอออกกำลังกายเสร็จ ผมนั่งพักอยู่ครู่หนึ่งเพื่อรับลมและแดดยามเช้าก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อลงมาพี่ธานก็ออกจากบ้านไปแล้วเพราะต้องไปทำงานที่สนามแข่งรถ เห็นว่าวันนี้มีจัด Event ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ ๆ เสียบกุญแจรถในห้องทำงาน ยืนพิจารณาอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบกุญแจรถยนต์ออกมาหนึ่งพวง สมุทรมาถึงพอดี พอเขาหันมาเห็นผมเขาก็หยุดอยู่กับที่
"คือ..ผม จะมาถามว่าวันนี้จะให้ผมทำอะไร" สมุทรรีบพูดเหมือนกลัวความผิดที่เขาเข้ามาในบ้านโดยพละการ ผมโยนกุญแจที่เพิ่งหยิบออกมานั้นให้สมุทร อีกฝ่ายรับไว้ได้ทันก่อนก้มลงมองของในมือ
"ฉันให้" ผมบอก
"449 สีดำ..ไปหาเองแล้วกัน" ผมบอกรายละเอียดรถ สมุทรเดินตรงเข้ามาหาผม เขาเอื้อมมาจับมือผมไปก่อนนำกุญแจกลับมาวางใส่มือผมอย่างเดิม
"ขอโทษครับ ผมไม่ขอรับ" อีกฝ่ายจ้องหน้าผมเขม็ง
"ให้ยืม" ผมพูด
"ไม่ครับ" สมุทรย้ำคำเดิม น้ำเสียงหนักแน่นดูท่าจะไม่ยอมง่าย ๆ จริง ๆ
"นายจะขึ้นรถเมล์ ต่อสองแถวแล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์แบบนี้ทุกวันรึไง" ผมบ่น
"ผมยังไม่เดือดร้อน แล้วคุณจะเดือนร้อนทำไม" เขาย้อนว่า
"ฉันเดือดร้อนแน่ถ้านายให้เวลางานกับฉันไม่เต็มที่" ผมตอกกลับ สมุทรนิ่งไป เราต่างจ้องหน้ากันเขม็ง ผมสูดหายใจเข้าอย่างแรงก่อนถอนหายใจออกมาอย่างแรงอีกเช่นกัน สุดท้ายก็เลือกเดินกลับไปที่ห้องทำงานอีกครั้ง เสียบกุญแจอันเดิมเข้าที่เก่า แล้วหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์ออกมานำกลับไปยื่นให้สมุทร
"มอเตอร์ไซค์ ขับเป็นไหม" ผมถาม สมุทรก้มลงมองมาที่กุญแจในมือผมและไม่มีทีท่าว่าจะรับไปง่าย ๆ
"เป็นครับ" สมุทรตอบ
"แต่หน้าผมเหมือนคนโง่เหรอ" สมุทรย้อนถาม
"อ่าว นี่นายฉลาดงั้นเหรอ" ผมเลิกคิ้วกวนตอบ เรายืนจ้องหน้ากันเขม็ง ผมถอนหายใจพร้อมหันหน้าหนี
"นายจะเรื่องมากอะไรอีก" ผมกระแทกเสียงอย่างเริ่มหงุดหงิด
"มันแพงครับ..เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอก" สมุทรตอบหน้าเครียด ผมถอนหายใจแรง ยืนเท้าเอวอีกครั้งอย่างเคยชิน
แม่ง..เรื่องมากเป็นบ้า "ได้" ผมตัดบท เดินกลับเข้าห้องทำงานไปอีกครั้งหนึ่งแล้วเลือกหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันที่ราคาถูกที่สุดที่มีออกมาแล้วนำกลับไปให้เขาที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
"คันนี้ถูกที่สุดที่ฉันมี" ผมพูดบอก น้ำเสียงกระแทกอย่างรำคาญ
"เอาไปซะ จะได้สะดวก..สะดวกขับมาก็ขับมา ไม่สะดวกก็จอดไว้" ผมบอก สมุทรนิ่งมอง เราต่างเงียบอยู่ร่วมห้านาที ตัวไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ผมดูท่าทีว่าเขาจะรับไปไหม สุดท้ายสมุทรก็หยิบกุญแจออกจากมือผมไป
"ขอบคุณครับ" เขาบอก
"ขับระวัง ๆ หน่อยแล้วกัน" ผมพูด ไม่ใช่ห่วงรถแต่ห่วงคนมากกว่า
"ครับ" สมุทรพยักหน้า ผมแอบชำเลืองมองไปที่นาฬิกาที่เพดาน นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเท่านั้นแต่อีกฝ่ายมาถึงบ้านผมแล้ว เขามาก่อนเวลาเกือบชั่วโมงมาสองวันติด ผมไม่ได้พูดทักอะไรถึงประเด็นนี้เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะมาเช้าแบบนี้ไปได้สักกี่วัน จากบ้านของสมุทรมาถึงบ้านของผม ถึงแม้ว่าจะไม่ไกลอะไรมากนักแต่สำหรับการเดินทางในกรุงเทพนั้นก็ใช้เวลาพอสมควร อย่างน้อยคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง นี่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องตื่นกี่โมงถึงมาถึงบ้านผมได้ในเวลาเช้ามากแบบนี้
"ปกติ..ถ้าใครไม่มีเรียน ไม่มีงานหรือหน้าที่ ๆ ต้องรับผิดชอบ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่บ้านกัน..เพราะบางทีต้องเรียกใช้ฉุกเฉิน ตารางฉันไม่แน่นอน วันนี้บ่ายจะออกไปดูที่ตลาด ตอนเย็นก็มีนัดกับแขกกิตติมศักดิ์มากมาย..ระหว่างนี้นายอยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน" ผมบอกแกมประชดให้สมุทรตีความเอาเอง ปกติถ้าอยู่บ้านผมจะไม่ค่อยเข้มงวดกับลูกน้องเท่าไหร่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมเรียกใช้ พวกมันจะต้องกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติงานในทันที ไม่ใช่ยืดยาดเอื่อยเฉื่อย
"อันนี้โทรศัพท์เบอร์ที่เอาไว้ติดต่องานกับฉัน ปกติพี่ธานจะเป็นคนรับให้..นายรับแทนด้วยแล้วกัน ฉันไม่ค่อยชอบพูดเพราะ ๆ กับคนแปลกหน้า" ผมยื่นโทรศัพท์มือถือให้ สมุทรรับไป
"เฮีย! ไปแล้วนะ" ไอ้ดินวิ่งลงมาจากด้านบนอย่างกับจรวด มันวิ่งไปสะพายกระเป๋าเป้ไปอย่างรีบร้อน
"เอ้า..ดี ๆ ดี ๆ" ผมว่าดุกลัวว่ามันจะตกบันได
"หวัดดีครับ หวัดดีครับ" ไอ้ดินยกมือไหว้ผมกับสมุทรลวก ๆ แล้ววิ่งออกจากบ้านไปเลยโดยไม่กินข้าวเช้า
"ข้าวเช้า!" ผมตะโกนไล่หลัง
"กินที่โรงเรียน!" ไอ้ดินตะโกนกลับทั้งที่เท้าก็ไม่หยุดวิ่งไปที่หน้าบ้าน ผมส่ายหัวเซ็ง ๆ
"น้องคุณน่ารักดีนะ" สมุทรอมยิ้มบอก
"ลองเอาไปเลี้ยงสักวันสองวันไหมล่ะ" ผมหัวเราะตอบเขา สมุทรเหลือบมองพายุที่เดินลงมาจากบนบ้านด้วยท่าทางงัวเงียอย่างกับศพมาเลย
"หวัดดีฮะ.. กินข้าวกัน" พายุพูดชวนสมุทร น้ำเสียงยานคางและเครือในลำคอ ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ที่เห็นสภาพไร้วิญญาณของมัน
"เอ่อ.." สมุทรอ้ำอึ้ง จะปฏิเสธพายุก็ไม่ทันแล้วเพราะเจ้าตัวพูดเสร็จมันก็เดินหนีเข้าไปที่ห้องกินข้าวก่อนเลย
"เอาเถอะ ชวนบ่อยเดี๋ยวมันจะเคืองเอา" ผมพูดบอกเขา สมุทรพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยอย่างไม่มีทางเลือก สมุทรเดินตามหลังผมเข้ามาในห้องกินข้าวห่าง ๆ ป้าอิ่มจัดอาหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ปกติถ้าเลยเวลาประมาณหกโมงครึ่ง พวกแม่บ้านจะรู้ดีว่าให้เตรียมอาหารเอาไว้เลยโดยไม่ต้องรอพายุสั่ง เพราะถ้าวันไหนที่พายุนึกครึ้มจะทำอาหารด้วยตัวมันเอง มันจะลุกมาตั้งแต่เช้ามืดนู่นละ
"ป้าอิ่มครับ นี่สมุทร..สมุทร นี่ป้าอิ่ม..หัวหน้าแม่บ้าน" ผมแนะนำ สมุทรยกมือยิ้มไหว้ ป้าอิ่มยกมือยิ้มรับไหว้เช่นกัน
"เตรียมให้เค้าด้วยครับ" ผมสั่ง
"รบกวนด้วยครับ" สมุทรผงกหัวอย่างเกรงใจ
"ได้จ้ะ นั่งเลยนะ" ป้าอิ่มยิ้มกว้าง ผมเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะเพราะเป็นที่ประจำ พายุนั่งทางด้านขวาซึ่งใกล้ทางเข้าประตูเพราะเป็นที่ประจำของมัน จึงทำให้สมุทรเลือกที่จะนั่งลงข้าง ๆ กับพายุ แทนที่จะมานั่งอีกฝั่งหนึ่งข้าง ๆ กับผมซึ่งที่จริงแล้วเป็นที่ประจำของพี่ธาน
"กินแล้วก็กินอีกได้ครับ" พายุหันหน้าไปพูดกับสมุทรทั้งที่มันยังหลับตาอยู่ ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ ไม่รู้ว่ามันจะหลับตาทำไมเหมือนกัน
"หึ..ครับ" สมุทรหลุดหัวเราะ
"ง่วงจริง ๆ เลย" พายุส่ายหัวไปมาแบบไม่มีแรงจะพูดแล้ว
"นอนกี่โมง" ผมถาม
"ตีสามครึ่ง" มันตอบ
"งานไม่เสร็จ.." มันว่า
"ส่งวันไหน"
"อีกสองอาทิตย์ แต่อยากให้เสร็จก่อนอ่ะ..ช่วงนี้โค้ชให้อยู่ซ้อมปิงปองทุกเย็นเลย ไม่อยากพะวง" พายุตอบหน้ามุ่ย ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับนิสัยแบบนี้ของน้องชายผมซึ่งก็เป็นเหมือนสมัยผมเรียนไม่ผิดเพี้ยนกัน
"นอนให้พอด้วย เดี๋ยวก็น็อกหรอก" ผมบ่น การนอนไม่เต็มอิ่มกับการซ้อมกีฬาไม่ใช่ของที่มาคู่กันมาแต่ช้านานแล้วละนะ พายุถอนหายใจเหมือนเหนื่อยใจ ผมเริ่มลงมือตักอาหารกิน
"พี่สมุทรจบอะไรมาเหรอ" พายุหันไปชวนคุย ให้มันชวนก็ดีแล้วเพราะผมไม่คิดจะชวนเขาคุยน่ะนะ
"มึงเรียกว่าอะไรนะ" ผมพูดแทรกขึ้นเพราะรู้สึกขัดหู
"พี่สมุทร ทำไม.." พายุหันมามองหน้าผม
"แล้วทำไมไม่เรียกกูว่าพี่" ผมว่า
"ก็เฮียเป็นเฮียอ่ะ" พายุเบะปากกระแทกเสียงตอบคล้ายรำคาญใจที่ผมไม่เข้าใจมันในจุดนี้สักที ตั้งแต่เล็กจนโตก็เถียงกันเรื่องนี้มาตลอดจนเลิกเถียงกันแล้วละครับ
"ตกลง..พี่เรียนจบอะไรนะ" พายุหันไปสนใจสมุทรอีกครั้ง นี่มันเห็นหัวผมบ้างไหมครับ
"เทคนิคครับ ช่างก่อสร้าง" สมุทรตอบด้วยท่าทางที่ยังคงเกร็ง ๆ อยู่อย่างเห็นได้ชัด ป้าอิ่มนำอาหารชุดของเขามาเสิร์ฟให้ สมุทรหันไปผงกหัวรับอย่างนอบน้อมและช่วยป้าอิ่มจัดแจงด้วยอีกมือ พายุลืมตามองเต็มตา ดูท่ามันจะสนใจท่าทางของสมุทรเป็นพิเศษ ปกติถ้าไม่ใช่คนที่พายุสนใจจริง ๆ มันก็ไม่คิดจะชวนคุยแบบนี้หรอกครับ ผมหมายถึงถ้าไม่จำเป็นน่ะ ที่จริงน้องชายผมไม่ใช่คนหยิ่งอะไร เพื่อน ๆ ที่ตื๊อเป็นฝ่ายเข้าหามันก่อนจะรู้ดีว่าที่จริงแล้วพายุไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไรเลย แต่ได้โปรดเข้าใจด้วยว่ามันเป็นคนลักษณะแบบนี้จริง ๆ ในมุมของพี่ชายอย่างผมคือ..มันแอบซื่อบื้อเล็ก ๆ
"เทคนิคเหรอ" พายุพึมพำ
"ครับ" สมุทรหันมาพยักหน้าตอบแล้วก็หันไปมองป้าอิ่มอีกครั้ง พายุพยักหน้างึกงัก พอจัดอาหารเสร็จป้าอิ่มก็เดินออกจากห้องอาหารไป สมุทรเริ่มจับส้อมกับมีดเตรียมกิน
"ทำไมตัวสูงจังล่ะ" น้องชายผมถามขึ้นอีก คำถามนี้ที่เอาผมเกือบหลุดขำเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับคำถามก่อนหน้าเลยสักนิด สีหน้าพายุดูสงสัยสุด ๆ ผมอมยิ้มมุมปากไปกินไปโดยไม่ได้มองทั้งสองคน เอื้อมมือหยิบซอสแม็กกี้มาเหยาะใส่ไข่ดาว และหูยังคงรอฟังคำตอบอยู่
"ตอนเด็ก ๆ กินอะไรเหรอ" มันถาม
"..อืม กินผักกับนมมั้งฮะ" สมุทรตอบด้วยสีหน้าคิดย้อนความหลัง
"เหรอ" พายุแสยะปากเหมือนไม่เชื่อซะงั้นทำเอาสมุทรยิ้มกว้างออกมา
"ตอนเด็ก ๆ ไม่มีอะไรที่กินประจำเลยเหรอ" พายุยังไม่เลิกสงสัย ที่มันซักไม่หยุดอย่างนี้เพราะมันอยากตัวสูงกว่าที่เป็นอยู่ ที่จริงความสูงของพายุ 174 เซนติเมตรนี้ เรียกว่าเป็นความสูงสมส่วนตามหุ่นของมันแล้ว และก็อาจจะสูงมากกว่าเพื่อน ๆ ของมันอีกหลาย ๆ คนด้วย ผมว่าวัยรุ่นสมัยนี้ตัวเล็กกันจะตายไป ตอนเด็ก ๆ ถ้าพายุอาบน้ำด้วยนมและสามารถทำให้มันสูงขึ้นได้มันคงอาบไปแล้ว เพราะถึงมันจะอัดอาหารดี ๆ มากขนาดไหน มันก็ยังสูงไม่ทันผมอยู่ดี นี่คงเป็นปมของมันอย่างหนึ่งละมังครับ
"ที่กินประจำก็แค่ ตับ..กับนมแหละครับ นอกนั้นก็ผัก แค่นี้จริง ๆ" สมุทรย้ำตอบว่าไม่ได้โกหก
"คงเพราะ พ่อแม่พี่สูงละมั้ง" สมุทรรีบแก้ตัว
"ไม่เห็นเกี่ยว.." พายุว่าหน้างอ ผมหยุดมือที่กำลังกินและเหลือบมองมัน สมุทรมองหน้าพายุยิ้ม ๆ
"พ่อผมกับเฮียก็สูง แต่เฮียดันสูงกว่าผม..ผมว่าทฤษฏีนี้มันผิด" พายุยักไหล่ทำหน้าเซ็งอย่างไม่ยอมโอนอ่อนตามทฤษฏี เหมือนกับยอมรับความไม่ยุติธรรมนี้ไม่ได้ เสร็จจากนี้มันก็จบบทสนทนาลงดื้อ ๆ และเริ่มลงมือกิน สมุทรจึงได้กินสักที
หลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จแบบไร้บทสนทนาใด ๆ ผมกลับเข้าไปในห้องทำงานโดยปล่อยให้สมุทรอยู่กับพายุ ผมต้องเตรียมจัดเอกสารหนี้ค้างชำระของลูกหนี้ที่มีทั้งหมด รวมไปถึงวันที่ต้องชำระหนี้ก็ด้วย บางส่วนได้ชำระเรียบร้อยแล้วแต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ได้เก็บหรืออาจผิดเวลาไปบ้าง รายละเอียดใหม่ ๆ เพิ่มเติมพี่ธานวางเตรียมไว้ให้ก่อนออกจากบ้านแล้ว มีบางกรณีพิเศษที่ต้องได้รับการเฝ้าติดตาม ในส่วนนั้นลูกน้องจำเป็นต้องไปสืบมาแล้วนำมารายงานให้ผม ส่วนใหญ่ถ้าจ่ายดอกตรงเวลาก็มีปัญหาไม่มาก การออกเงินกู้ของผม ถ้ารายไหนไม่คลานเข้ามาหาผมเพื่อขอกู้จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ไปเสนอหน้าออกตัวบอกใครว่าผมปล่อยเงินกู้ ผมก็มีกฎของผมและผมคิดว่ากฎของผมมันเบามากถ้าต้องเทียบกับเสี่ย ๆ ที่ปล่อยให้กู้รายอื่น ๆ
ค่าใช้จ่ายรายเดือนในบ้าน ที่ผ่านมาพ่อของผมแบ่งสัดส่วนไว้ดีแล้วว่าเงินส่วนไหนต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง ซึ่งถึงแม้พ่อเสียผมก็ยังดำเนินไปแบบเดิม เงินส่วนค่าใช้จ่ายของลูกน้องและคนในครอบครัวต้องมาก่อน รองลงมาคือค่าเล่าเรียนและค่ารักษาพยาบาลของคนในบ้านซึ่งผมได้แบ่งแยกไว้เรียบร้อย ทั้งของพายุและของไอ้ดิน ผมเก็บเงินก้อนให้พวกมันเป็นประจำทุก ๆ เดือน รายได้ที่เข้ามาจะหักเข้าส่วนนี้ไว้เป็นประจำโดยไม่ได้บอกให้พวกมันได้รับรู้ เพราะรู้มากก็ใช้มาก
ส่วนเงินก้อนอื่น ๆ จะสามารถแบ่งสันปันส่วนไปได้ เนื่องจากรายได้ที่ผมได้คงที่ในทุก ๆ เดือนจะมาจาก รายได้ส่วนของเงินเดือนของผมจากที่ตลาด ค่าเช่าที่ดิน ตึกและอาคารพาณิชย์ที่เปิดให้เช่า และดอกจากการปล่อยเงินกู้ซึ่งเป็นรายได้ที่เข้ามาอย่างมั่นคงในทุกเดือน ผมจะแบ่งเงินที่ได้จากส่วนนี้ออกเป็นหมวดหมู่เรียบร้อย เป็นเงินนอนนิ่ง ๆ ที่สามารถทำให้ผมสบายใจว่าคนในบ้านจะไม่เดือดร้อนถ้าเกิดปัญหาใด ๆ ส่วนเงินรายได้ส่วนอื่น ๆ ที่แต่ละเดือนมักมีรายได้ที่ไม่คงที่นั้นจะเป็นเงินหมุนเวียนให้กับธุรกิจต่าง ๆ แม้ลูกน้องของผมเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่วันเวลาก็ยังคงดำเนินไป โลกพัฒนาไปอย่างไม่รีรอคนทำมาหากิน ดังนั้น รายจ่ายก็เพิ่มขึ้น ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาและคิดว่าแบบนี้มันก็ท้าทายดี
งานที่ผมทำอยู่จะว่าขาวสะอาดก็แน่นอนว่าไม่ทั้งหมด บางอย่างอยู่บนพื้นที่สว่างแต่กลับมีสีเทา ๆ บ้างก็มี ถึงแม้จะไม่อยากให้เกิดกรณีเสียชีวิตก็ตามแต่กลับต้องมีการนองเลือดบ้างในบางครั้ง แน่นอนว่านอกจากการออกเงินกู้ให้พวกหน้าใหญ่ใจโตแล้ว งานอื่น ๆ ของผมทั้งหมดนั้นเป็นงานสุจริตแต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมสุจริตเสมอไป ถ้าเมื่อไหร่ที่คู่แข่งเล่นไม่ซื่อมา ผมเองไม่เคยรีรอที่จะปกป้องงานของผมในแบบที่ผมจำเป็นต้องทำ สำหรับวงการธุรกิจเรารู้กันดีอยู่ว่าสามารถแยกงานสุจริตออกไปได้ในหลายความหมาย ผมไม่ขาวและผมไม่ดำ พูดให้ถูก..คนเราก็ต้องมีด้านมืดกันบ้างเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งผมอาจจะมีเปอร์เซ็นต์อยู่ในมุมมืดมากไปหน่อย อันที่จริงแล้วผมก็พยายามอย่างที่สุดที่จะทำทุกงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เบียดเบียนใครให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ธุรกิจแบบนี้การขัดขาคนใหญ่คนโตโดยที่เราไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อสู้กลับ มันก็เป็นเรื่องที่อยู่ได้ยาก บางครั้งเราก็ต้องงัดความสามารถด้านมืดออกมาใช้เพื่อปกป้องตัวเองในบางกรณี เพราะคงไม่มีใครหน้าไหนที่จะซื่อสัตย์ต่อเราได้มากเท่ากับตัวเราอีกแล้ว
สำหรับผม..งานที่บริหารยากหน่อยก็คงเป็นค่ายมวย เพราะต้องรับผิดชอบคนมากในขณะที่รายได้ไม่คงที่ พอจังหวะดีก็ดีใจหาย แต่บทจะมีเรื่อง มีคดีความขึ้นมาก็เล่นเอาหนักเหมือนกัน รายจ่ายที่เสียกับค่ายมวยต่อเดือนนั้นค่อนข้างสูง ไม่ว่านักมวยจะแพ้ หรือ ชนะมาทุกคนยังต้องอยู่ต้องกิน เรามีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตพวกเขา ดังนั้น..ส่วนนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการบริหารเงินเป็นอย่างมาก โชคดีที่ค่ายมวยของผมมีชื่อเสียงค่อนข้างดังในวงการมานาน เป็นที่นับหน้าถือตามาตั้งแต่รุ่นปู่ และเป็นที่ไว้ใจให้คนมาศึกษาเล่าเรียน นักมวยในค่ายก็ทำชื่อเสียงไว้มากตั้งแต่สมัยก่อน การส่งนักมวยในค่ายไปออกรายการโทรทัศน์ โปรโมททางสื่อ หรือไปฝึกสอนที่ต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะหารายได้ให้กับค่ายของเรา ผมมีความสุขกับการบริหารค่ายมวยเป็นพิเศษ คงเพราะเกิดมากับที่นี่ กินนอนและคลุกคลีมาด้วยกันจนเหมือนพี่เหมือนน้องกันไปแล้ว
หลังจากที่ผมเคลียร์งานเสร็จ จัดการวางตารางงานเรียบร้อยว่าหลัก ๆ แล้วภายในอาทิตย์นี้ผมจะต้องทำอะไรวันไหนเวลาใดบ้าง จึงเดินออกมาข้างนอกเพื่อยืดเส้นยืดสาย พอตรงไปที่ห้องนั่งเล่น ตั้งใจว่าจะมองไปที่โรงฝึกว่าสมุทรอยู่ในนั้นไหมแต่กลับไม่พบใคร..
"คุณไฟคะ..ป้ากำลังจะไปถามอยู่พอดี" ป้าจอมซึ่งเป็นญาติของป้าอิ่มเดินเข้ามา
"ครับ"
"จะกินกลางวันเลยไหมคะ เลยเวลามานานแล้ว" ป้าถาม
"เดี๋ยวก่อนครับ เอ่อ..สมุทรอยู่ไหน" ผมถาม
"อยู่ในครัวใหญ่น่ะค่ะ" ป้าจอมยิ้มตอบ ผมพยักหน้ารับแล้วเดินออกมาเลย ผมเดินตรงไปที่ห้องครัวใหญ่ที่อยู่ทางด้านหลังบ้าน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงคนพูดคุยและหัวเราะดังชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดินไปถึงประตูทางเข้าครัวผมจึงหยุดยืนอยู่ตรงนั้น แม่บ้านสองสามคนกำลังทำอาหารกันอย่างขะมักเขม้น ส่วนสมุทรกำลังช่วยอยู่ด้วยอีกแรง ในครัวดูจะสนิทกับสมาชิกใหม่ของบ้านเราได้เป็นอย่างดี พวกเขาดูมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่มากแบบที่ผมไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่นัก เพราะผมทำอาหารไม่เป็น ตั้งแต่เด็กจนโตคิดว่านั่นคือหน้าที่ของแม่บ้านในบ้านมาเสมอ นอกจากอาหารอะไรง่าย ๆ ที่พอทำได้เพื่อประทังชีวิตได้แล้วนอกนั้นผมขอโบกมือลา
ผมยืนมองโดยรักษาความเงียบไว้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนในนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ เมนูอาหารคืออะไร เสียงหัวเราะและรอยยิ้มกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ก่อนหน้า ทุกคนทำอย่างกับรู้จักกันมานานเป็นแรมปี นั่นจึงทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยทักขัดจังหวะออกไป สมุทรเองก็คล่องมือมากพอสมควร นาน ๆ ทีจะได้เห็นว่าผู้ชายอยู่ในครัวก็ดูมีเสน่ห์ดีอีกแบบ เขาหยิบจับอะไรว่องไวเหมือนชินในการทำงานในครัวด้วย ผมยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่ละสายตา
รู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้นั้นแปลกใหม่ตามากทีเดียว..
.............ไฟ.............
ปล. จากผู้เขียน1). มีการพูดคุย สงสัยและคาดเดากันเกิดขึ้นมากในกรณีที่ว่า ตอนของไฟนี้..
ผู้ใดรุก และ ผู้ใดรับ ^ - ^ เบบี้ไม่สามารถตอบให้ได้ในตอนนี้เพราะต้องการให้ทราบในตอนต่อ ๆ ไปในอนาคตด้วยตัวผู้อ่านเอง แต่เนื่องจากว่าเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง(ขออ้างเฉพาะนิยายบางเรื่องของตัวเบบี้เอง)เคยเกิดกรณีที่ผู้อ่านบางท่าน
"รับไม่ได้" กับเนื้อหาพลิกผันที่เกิดขึ้น ฯลฯ ดังนี้..จึงขอเตือนก่อนล่วงหน้าว่า ถ้าหากท่านจะไม่สามารถรับได้..ถ้า..ใครก็ตามจะรุก หรือ ใครก็ตามจะรับ เพื่อกันไม่ให้เกิดสภาวะสะเทือนใจต่อผู้อ่าน(ท่านที่รับไม่ได้)เกิดขึ้น เบบี้จึงขอเตือนว่าท่านสามารถหยุดอ่านได้ตั้งแต่ตอนนี้ยังทันนะคะ เพราะทางเบบี้มีเนื้อหาที่วางไว้ในใจอยู่แล้วและจะไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งใด
2). ตอนนี้เป็นไปแบบซอฟท์ ๆ หลังจากที่ดูน่าจะลุ้นและเนื้อหาอยู่กับไฟกันมานาน ^ . ^ ตอนต่อไปไม่สามารถรับปากได้ว่าเมื่อไหร่ แต่อาจจะไม่นานเกินรอ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
..ขอขอบคุณคุณ Must ด้วยที่กรุณาทำสารบัญให้อีกเรื่องแล้ว อย่างไรเบบี้จะแปะไว้ที่หน้าที่ 1 นะคะจะได้สะดวกต่อท่านอื่น ๆ ขอบคุณมากค่ะ..เบบี้