Chapter 10“แม่ครับ...ไมค์มารึยัง”
สองเมืองถามขึ้นหลังจากที่คุณหมอและพยาบาลเดินเข้ามาภายในห้องพักผู้ป่วยเพื่อจะทำการเปิดผ้าก๊อซที่ปิดตาร่างสูงเอาไว้ แต่เค้าก็ไม่ยอมให้เปิดสักผ้าก๊อซสักที เพราะยังเค้าคงยังรอคนสำคัญอย่างหนูไมค์อยู่นั้นเอง พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ได้ยินจากคุณหญิงหนกฤดีว่าหนูไมค์ลงไปซื้อขนมมาทานรองท้อง นานป่านนี้แล้วยังไม่เห็นวี่แว่วคนตัวเล็กมาสักที ความกังวลเกิดขึ้นทีละน้อยแล้วสิ ไอ้เปี๊ยกนั้นจะหลงทางอยู่รึเปล่านะ ทำไมคุณแม่ต้องให้เจ้าเด็กนั้นไปคนเดียวด้วยนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหนูไมค์ใครจะช่วยทันล่ะ
“เอ...น้องไมค์ไปซื้อขนมนานจัง”
“แม่ทำไมให้มันไปคนเดียว ถ้ามันเกิดหลงขึ้นมาจะทำยังไง โรงพยาบาลก็ไม่ได้เล็กๆซะหน่อย”
“ใจเย็นก่อนสอง เดี๋ยวพี่ออกไปตามเอง” หนึ่งสยามอาสาออกไปตามหาหนูไมค์เอง แต่ยังไงสองเมืองก็ยังไม่หายกังวลสักที
“จะเปิดผ้าก๊อซเลยไหมครับ” คุณหมอถามขึ้น
“รอก่อนครับ....รอไมค์มาก่อน”
เวลาผ่านไปค่อนวัน ยังไม่เห็นวี่แววของหนูไมค์แม้แต่เงา ตอนนี้ทุกคนในบ้านใหญ่เริ่มกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสองเมืองที่กำลังเริ่มคลั่ง เค้าโวยวายใส่ทุกคนที่ไม่ยอมดูแลหนูไมค์ ปล่อยเด็กคนนั้นไปคนเดียวได้ยังไง เจ้าเปี๊ยกนั้นเหมือนคนปกติที่ไหน ถ้าโดนลักพาตัวหรือว่าโดนทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง เด็กคนนั้นพูดไม่ได้สักแอะจะใช้เสียงที่ไหนตะโกนให้คนช่วย มันเป็นความผิดของทุกคนในบ้านที่ปล่อยปะละเลยหนูไมค์ รับเจ้าเด็กคนนั้นมาเลี้ยงแล้วแท้ๆทำไมถึงไม่ปล่อยให้หายไปแบบนี้
“เอ่อ...สอง พี่ว่าเราให้คุณหมอเปิดผ้าก๊อซเลยดีกว่า พอสองมองเห็นก็ค่อยช่วยกันตามหาน้องไมค์อีกที” หนึ่งสยามออกความเห็น
“แม่ก็คิดแบบนั้น...เอ่อ....ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดคุณหมอจะได้ช่วยทันไงค่ะ”
“นี่แม่ไม่ห่วงไอ้ไมค์เลยเหรอครับ เรื่องผมจะมองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ไม่ได้สำคัญเท่าไมค์หายตัวไปหรอกครับ!” และที่ทุกคนบอกออกไปตามหาหนูไมค์แล้วไม่เจอ คือออกไปตามหาจริงๆรึเปล่า หรือโกหกให้สองเมืองสบายใจเฉยๆ
“หมอ...เปิดผ้าก๊อซเลย ผมอยากมองเห็นแล้ว ผมจะไปช่วยไมค์เอง”
“ครับ”
คุณหมอค่อยๆแกะผ้าก๊อซที่ปิดตาสองเมืองออกช้าๆ คนรอบข้างได้แต่ยืนลุ้นและให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจอะไรทั้งนั้น ในใจก็ยังคงกระวนกระวายเรื่องหนูไมค์หายตัวไป ถ้าหากตอนนี้เค้าจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แต่ถ้าขาดคนสำคัญอย่างเจ้าเปี๊ยกนั้นไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร สองเมืองอยากจะมองเห็นได้อีกครั้งเพราะหนูไมค์คนเดียวเท่านั้น ต่อให้ผมลลัพท์ออกมายังไง ถึงแม้การผ่าตัดจะผิดพลาด เค้าไม่สามารถมองเห็นได้ ขอแค่มีคนตัวเล็กอยู่ข้างๆสองเมืองก็ไม่ต้องการอะไรอีก
“ค่อยๆลืมตานะครับ ไม่ต้องรีบ...”
ร่างสูงค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆตามที่คุณหมอสั่ง แสงไฟภายในห้องสาดส่องเข้ามาในดวงตาทำให้สองเมืองต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะแสบตา จากนั้นเจ้าตัวก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง กระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสง และในที่สุดสองเมืองก็สามารถลืมตาได้เต็มที่ เค้ามองไปรอบๆตัวก็เห็นคนในครอบครัวยืนอยู่ข้างเตียงที่เค้านั่งอยู่
“ทำไมมันเบลอไปหมด” ถึงเค้าจะมองเห็นว่าใครเป็นใครที่ยืนอยู่รอบข้าง แต่ภาพที่เห็นมันเบลอเหมือนคนสายตาสั้นอย่างไรไม่รู้
“สอง....สองมองเห็นแม่ใช่ไหมลูก” คุณหญิงหยกฤดีเข้ามาสวมกอดลูกชายคนรองอย่างดีใจ
“ช่วงแรกจะเบลอเหมือนคนสายตาสั้นหน่อยน่ะครับ อีกสักพักจะปรับมามองเห็นได้ชัดปกติ” คุณหมอบอก
“เห้ย....เฮียมองเห็นผมป่ะ” สามภพยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆพี่ชายตัวเอง
“เห็น”
“ดีใจด้วยนะที่กลับมามองเห็นอีกครั้ง คราวหน้าอย่าซนอีกล่ะ” คุณท่านปิ่นฤดีเข้ามาตบบ่าลูกชาย ส่วนสองเมืองเองก็พยักหน้าแทนคำตอบ
“ผมจะไปตามหาไมค์”
“หมอว่าคุณสองเมืองควรพักผ่อนก่อนนะครับ”
“ไม่! ผมจะไปตามหาไมค์!”
“สอง!! ฟังแม่ก่อนอย่าพึ่งใจร้อนไป ตอนนี้พี่หนึ่งไปแจ้งคนหายแล้ว สักพักตำรวจก็จะช่วยเราตามหาหนูไมค์เอง พักผ่อนก่อนเถอะลูก” คุณหญิงปรามลูกชายเจ้าอารมณ์
“เออ ว่าแต่พี่หนึ่งมีรูปไอ้ไมค์เหรอแม่”
“ตาสาม!” คุณหญิงหันไปตีแขนลูกชายคนเล็กที่กำลังพูดเรื่องที่น่ากังวลที่สุดออกมา แต่เมื่อกี้ที่สามภพพูด หมายความว่ายังไง รับเลี้ยงหนูไมค์มาตั้งนมนานทำไมไม่มีรูปของเจ้าตัวสักรูปล่ะ แล้วแบบนี้จะไปตามหาได้ที่ไหน
“ว่าไงนะ!!!! ไม่มีรูปไมค์ แล้วส่งคนออกไปตามหา แม่ได้ให้พี่หนึ่งไปแจ้งคนหายจริงๆน่ะเหรอ หรือพูดให้ผมสบายใจเฉยๆ ผมจะไปตามหาไมค์เดี๋ยวนี้!!!!!!”
สองเมืองเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องที่ทำให้เค้ากระวนกระวายใจแบบนี้ยิ่งอยู่ไม่ได้ ป่านนี้ไอ้เปี๊ยกนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไง เค้าทนรอไม่ได้หรอก ยังไงเค้าก็ต้องตามหาให้เจอ เค้าจะไม่ยอมให้หนูไมค์เดินออกไปจากชีวิตเค้าง่ายๆหรอกนะ เด็กคนนั้นมาทำให้เค้าหลงรักแบบนี้แล้วหายไปซะดื้อๆแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด หนูไมค์ต้องกลับมารับผิดชอบความรู้สึกของสองเมืองไม่ว่ายังไงก็ช่าง ที่เค้าอยากมองเห็นก็เป็นเพราะเจ้าเด็กคนนั้นคนเดียว พอเค้ามองเห็นได้อีกครั้งกลับหายตัวไป มันเป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
สองเมืองดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนก่อนจะลุกขึ้น แต่ก็โดนสามภพและคุณท่านปิ่นฤดีล็อคตัวไว้ซะก่อน ตอนนี้สองเมืองกำลังคลุ้มคลั่งเหมือนหมาบ้า
“ปล่อย!! ปล่อยผม!!” เจ้าตัวเริ่มดิ้นแล้วสะบัดสามภพและคุณปิ่นฤดีออก พอดีกับที่หนึ่งสยามเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้ามา จึงเข้ามาช่วยล็อคตัวสองเมืองที่กำลังคลั่งอยู่ด้วยอีกแรงหนึ่ง
“คุณหมอคะ คุณหมอ...ชะ...ช่วยทำอะไรสักอย่างสิคะ!” คุณหญิงวิ่งเข้าไปเขย่าแขนคุณหมอที่อยู่อีกฝั่งของเตียง
“คุณพยาบาลช่วยเอายาระงับประสาทมาให้ผมที”
“ได้ค่ะคุณหมอ” นางพยาบาลรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปเอาตัวยาระงับประสาทมาฉีดสองเมืองที่กำลังคลั่ง
“ปล่อย!! ปล่อยกู!!! กูจะไปตามหาไมค์!” สองเมืองเริ่มดิ้นแรงกว่าเดิมเพื่อให้หลุดพันธนาการจากพี่ชายน้องชายแล้วก็พ่อของตัวเอง ผู้ชายแข็งแรงสามคนตอนนี้ก็เริ่มรับมือกับสองเมืองไม่ไหวซะแล้ว
“แล้วมึงเคยเห็นหน้าไมค์รึไง เอะอะก็จะไปตามหาเค้า!” หนึ่งสยามเตือนสติน้องชายตัวเอง
“ปล่อย!!! กูจะไปหาไมค์ ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!!” สองเมืองเริ่มใช้เท้าถีบเข้าไปที่กลางลำตัวเองหนึ่งสยามอย่างจัง จนร่างของพี่ชายล้มลงกับพื้น
“ว้ายย ตาหนึ่ง!!” คุณหญิงรีบเข้าไปพยุงลูกชายคนโตขึ้น
“เร็วๆหน่อยสิครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว!” สามภพตะโกนบอกนางพยาบาลที่พึ่งวิ่งเข้ามาภายในห้อง
“ได้แล้วค่ะคุณหมอ”
“ปล่อย!! ปล่อยกูสิวะไอ้สาม!! อ๊ะ....”
คุณหมอรับเข็มฉีดยาจากนางพยาบาลมาทันที จากนั้นก็ฉีดเข้าที่ลำแขนของอีกคน สองเมืองจากที่เคยดิ้นเหมือนหมาบ้าก็เริ่มค่อยๆโอนเอนลงเมื่อโดนฤทธิ์ยาระงับประสาท ในที่สุดเจ้าตัวก็ผล็อยหลับไป ทุกคนรอบข้างถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เหนื่อยชะมัด คนอะไรแรงเยอะกว่าไดโนเสาร์ซะอีก” สามภพบ่นพี่ชายตัวเอง
“เรื่องหนูไมค์เป็นไงบ้างตาหนึ่ง” คุณหญิงถามด้วยความกังวล
“ไม่มีรูปไอ้ไมค์แล้วจะตามหาตัวได้เหรอเฮีย”
“มีสิ...เคยถ่ายรูปน้องไมค์ อ่ะดูนี่..”
หนึ่งสยามยื่นสมาทโฟนที่มีรูปหนูไมค์อยู่ให้กับสามภพดู รูปที่หนึ่งสยามถ่ายเป็นรูปเสี้ยวหน้าด้านข้างของหนูไมค์เท่านั้น เค้าเคยแอบถ่ายตอนเจ้าเปี๊ยกนั้นกำลังช่วยป้าอรทำอาหารอยู่ภายในห้องครัว และมีเพียงรูปเดียวเท่านั้นที่เป็นหลักฐานในการหาตัวเด็กคนนั้น
“โหย...เห็นแค่ด้านข้างเอง มีรูปเดียวเหรอเฮีย”
“อืม...มีรูปเดียว...พี่ให้รูปนี้กับทางตำรวจและก็บอกข้อมูล ลักษณะของไมค์ให้ตำรวจหมดแล้ว ทางตำรวจบอกว่าจะพยายามค้นหาตัวไมค์ให้เจอโดยเร็วที่สุด”
“ส่วนพ่อก็จ้างนักสืบมือฉมังไปตามสืบหนูไมค์แล้วล่ะ พ่อก็มีรูปหนูไมค์เหมือนกันนะ”
คุณท่านปิ่นฤดีเปิดรูปในสมาทโฟนให้ทุกคนดู เป็นรูปที่หนูไมค์นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยของสองเมืองเมื่อวานนี้ก่อนที่สองเมืองจะได้รับการผ่าตัด ทั้งคู่จับมือกันแน่น โดยรูปนี้ค่อนข้างจะเห็นรูปหน้าของหนูไมค์ชัดเจนกว่ารูปที่หนึ่งสยามมี แต่หากเป็นรูปที่หนูไมค์กำลังยิ้มอยู่ เจ้าตัวเล็กยิ้มจนตาปิดให้กับสองเมืองที่กำลังนั่งทำหน้าอมยิ้มหันไปอีกด้านอย่างที่เค้ามักจะชอบทำเวลาเขินอาย เป็นรูปที่น่ารักมากจริงๆ คุณปิ่นฤดีอดขำไม่ได้จึงได้ถ่ายรูปนี้เอาไว้ตอนทั้งคู่เผลอ
“รูปนี้โอเคเลยครับพ่อ งั้นส่งรูปนี้มาให้ผม ผมจะเอาไปสมทบกับข้อมูลทีให้ตำรวจไป”
“เฮ้อ...เป็นเวรเป็นกรรมของไอ้ไมค์จริงๆเลยเนาะเฮีย” สามภพอดสงสารชีวิตของหนูไมค์ไม่ได้ มีแต่เรื่องเลวร้ายผ่านเข้ามา เมื่อไหร่เจ้าตัวจะมีความสุขสักทีล่ะ
“มะ...แม่ไม่น่าให้หนูไมค์ไปซื้อของคนเดียวเลย ฮึก เป็นความผิดของแม่เอง” คุณหญิงหยกฤดีเริ่มร้องไห้ออกมา ตั้งแต่หนูไมค์หายตัวไปเธอได้แต่โทษตัวเอง ที่เป็นสาเหตุทำให้หนูไมค์หายตัวไป ถ้าเธอเป็นคนพาหนูไมค์ไปก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน เป็นคนรับเลี้ยงเด็กคนนั้นแท้ๆแต่กลับไม่ดูแลเลยตั้งแต่วันที่หนูไมค์ก้าวเข้ามาในครอบครัว
“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกน่าที่รัก เป็นเพราะความประมาทของพวกเราทุกคนต่างหากที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ยังไงเราก็ต้องตามหาหนูไมค์จนเจอแหละน่า อย่าพึ่งกังวลไป” คุณท่านปิ่นฤดีเข้ามาสวมกอดปลอบภรรยาที่กำลังร้องไห้อยู่
“ผมจะตามหาไมค์ให้เจอโดยเร็วครับแม่ ไม่ต้องห่วงหรอก” หนึ่งสยามให้คำมั่น
“ขอให้พระคุ้มครองหนูไมค์ด้วยเถิด...ฮึก..ฮือๆ ขอให้เค้าปลอดภัยด้วยเถอะนะ ฮือๆ หนูไมค์ของแม่”
ตอนนี้ทำได้แต่ภาวนาให้หนูไมค์ปลอดภัยและขอให้ตำรวจพบตัวหนูไมค์ได้เร็วๆด้วยเถอะ...
ทางด้านหนูไมค์ ตอนนี้เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเฟร็ดเดอริกพาขับรถมาที่ไหน ร่างสูงเริ่มเบนเส้นทางออกนอกเมืองหลวงไปซะแล้วสิ เฟร็ดเดอริกขับรถวนไปวนมาเลี้ยวตรงนั้นเลี้ยวตรงนี้จนหนูไมค์สับสนไปหมด ตอนแรกหนูไมค์กะว่าจะจำสเนทางเอาไว้เพื่อที่จะได้หนีกลับมาถูก แต่ดูเหมือนว่าเฟร็ดเดอริกจะอ่านใจคนตัวเล็กออก ก็เลยขับรถวนไปวนมาสับเปลี่ยนเส้นทางบ่อยๆแบบนี้
“เรื่องเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้ส่วนตัวของน้องไมค์ พี่สั่งให้ลูกน้องดูแลหมดแล้วทุกอย่าง ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นก็ได้ครับ หึหึ” ไม่ได้เครียดเรื่องเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนซะหน่อย หนูไมค์กำลังเครียดเรื่องการจำเส้นทางอยู่ต่างหาก
“พี่จะเราไปบ้านพักตากอากาศที่พ่อพี่ซื้อไว้ เราจะอยู่ที่น้นสักพัก...อืม...เดือนหน้าค่อยย้ายไปอเมริกา เดี๋ยวพี่ทำเรื่องประวัติแล้วก็ข้อมูลใหม่ของน้องไมค์ให้เอง ไม่ต้องห่วง”
ห่วงกับผีอะไรล่ะ หนูไมค์ไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เลยสักนิด เพราะในใจหนูไมค์เอาแต่ห่วงสองเมืองอยู่ แต่เมื่อกี่เฟร็ดเดอริกบอกว่ายังไงนะ จะพาย้ายไปอยู่อเมริกางั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าหนูไมค์จะไม่ได้เห็นหน้าสองเมืองอีกตลอดไปงั้นเหรอ? อุตส่าห์แอบหวังเล็กๆว่าวันนึงถ้าหนีจากเฟร็ดเดอริกได้จะกลับไปหาสองเมือง แต่ตอนนี้เฟร็ดเดอริกทำลายความหวังของหนูไมค์ลงเรียบร้อยแล้ว คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วสินะ
“เราจะเริ่มต้นชีวิตด้วยกัน....อ่อ...แล้วก็พี่ติดต่อหมอเก่งๆที่นู้นไว้แล้ว พี่อยากให้น้องไมค์พูดได้เหมือนคนอื่นๆ พี่ลองปรึกษาคุณหมอแล้วตอนที่ไปงานศพไบรอัน คุณหมอบอกว่าเคสอย่างน้องไมค์สามารถกลับมาพูดได้นะ ดีใจไหมครับ” ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือมายีผมคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่
เฟร็ดเดอริกบอกว่าติดต่อหมอที่อเมริกาไว้แล้วงั้นเหรอ แสดงว่าแผนการลักพาตัวหนูไมค์ก็คงเตรียมการไว้นานแล้วสินะ เหอะ คนนิสัยไม่ดี หนูไมค์ไม่มีวันญาติดีด้วยหรอกนะ เอ...แต่ว่าถ้าเฟร็ดเดอริกทำให้หนูไมค์พูดได้ขึ้นมาก็ยิ่งดีไปใหญ่เลยสิ ถ้าเค้าพูดได้ขึ้นมาล่ะก็นะ ถึงตอนนั้นจะรีบหนีกลับมาหาสองเมืองเลยคอยดูสิ
ในที่สุดรถของเฟร็ดเดอริกก็มาหยุดที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลสุดหรูหราแห่งหนึ่ง ซึ่งหนูไมค์เองก็จำทางเข้าไม่ได้เพราะตัวเองดันเผลอหลับไปซะงั้น คงเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านั้นหนูไมค์ร้องไห้หนักจึงทำให้หมดแรงแล้วก็เหนื่อยมาก คนตัวเล็กโดนเฟร็ดเดอริกอุ้มลงจากรถแล้วเดินเข้าที่พัก ถึงแม้หนูไมค์จะพยายามดิ้นและขัดขืนก็ตาม แต่พอร่างสูงขู่แค่นั้นแหละ
“ถ้าไม่หยุดดิ้นพี่จำปล้ำน้องไมค์จริงๆแล้วนะ” แถมเจ้าตัวยังทำหน้าดุใส่หนูไมค์อีกด้วย ใครจะไม่กลัวกันล่ะ หนูไมค์ทำหน้ามุ่ยใส่เฟร็ดเดอริก ส่วนร่างสูงก็ได้แต่ขำกับท่าทางเด็กๆของคนตัวเล็ก
ร่างสูงวางหนูไมค์ไว้กลางห้องโถง ก่อนจะเดินจูงมือคนตัวเล็กขึ้นชั้นสองเพื่อไปดูห้องนอน ตอนแรกหนูไมค์ก็บิดมืออกจากการเกาะกุมของเฟร็ดเดอริก แต่พอเจอสายตาคมดุนั้นกับคำขู่ว่าจะปล้ำก็กลัวขึ้นมาจับใจ ตอนนี้ได้แต่ทำตามที่ร่างสูงบอก ไม่กล้าจะขัดขืนอะไรอีกแล้ว ถ้าเฟร็ดเดอริกเตือนอีกรอบเค้าคงจะทำจริงแน่ๆ อยู่เงียบๆเหมือนเดิมดีกว่า
“น้องไมค์นอนห้องนี้นะครับ...ส่วนเรื่องเสื้อผ้าแล้วก็ของส่วนตัวพี่ให้แม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว อยู่ในตู้เสื้อผ้านู้นนะ”
หนูไมค์พยักหน้ารับแทนคำตอบ ส่วนสายตาก็กวาดมองทั่วห้องเพื่อหาช่องทางการหลบหนีออกจากที่นี่ แต่เอ...ทำไมห้องนอนของหนูไมค์มันแปลกๆไปนะ เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป
“หนีไม่ได้หรอกครับ ห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง หึหึ” ว่าแล้วเชียว! หน้าต่างไม่มีสักบานแบบนี้จะหนียังไงไมค์ คิดสิคิด
“มีทางออกทางเดียวคือประตูบานนี้ แต่อย่าคิดนะว่าจะหนีออกไปได้...หึหึ พี่จะล็อคจากข้างนอกไว้ทุกคืน ตอนเช้าถึงจะมาเปิดประตูให้ แต่ถ้าอึดอัดกับห้องนี้...นอนห้องพีก็ได้นะครับ” ร่างสูงยิ้มกริ่มก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มขาวใสของคนตัวเล็ก
หนูไมค์ส่ายหน้ารัวแทนคำตอบ ไม่มีทาง...ยังไงเค้าก็ไม่ยอมนอนกับคนพันธุ์นี้หรอก เซฟตัวเองไว้ก่อนดีกว่า ค่อยหาทางหนีใหม่อีกรอบ
“อาบน้ำแต่งตัวซะ แล้วพี่จะขึ้นมาเรียกลงไปทานข้าว” เฟร็ดเดอริกปิดตูแล้วล็อคห้องจากข้างนอกเพื่อกันไม่ให้อีกคนหนีรอดไปได้ ส่วนหนูไมค์เองก็ได้แต่ทำใจแล้วก็ทำตามคำสั่งเฟร็ดเดอริกไปอย่างนั้น ตอนนี้ถ้าเกิดขัดขืนนิดๆหน่อยๆอาจจะโดนทำร้ายขึ้นมาก็ได้ คนอย่างเฟร็ดเดอริกน่ากลัวจะตายไป
เฮ้อ...ทำชีวิตหนูไมค์ต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ คิดถึงสองเมืองจะแย่อยู่แล้ว จะกลับมามองเห็นรึเปล่านะ จะโวยวายรึเปล่าถ้าไม่มีหนูไมค์อยู่ข้างๆแล้ว อีกอย่างหนูไมค์เองอยากให้สองเมืองเห็นหน้าตัวเอง สองเมืองจะได้รู้ว่าหนูไมค์ไม่ได้อัปลักษณ์เหมือนที่สามภพว่าหรอกนะ หนูไมค์หล่อระดับซุปเปอร์สตาร์เลยแหละ แต่คงไม่ได้แล้วล่ะเพราะหนูไมค์โดนเฟร็ดเดอริกจับตัวมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยสิ อยากจะขอโทษสองเมืองสักล้านครั้งที่ผิดสัญญา ถ้าไม่ลงไปซื้อขนมก็คงไม่โดนจับมาหรอก แล้วสองเมืองก็คงได้เห็นหน้าหนูไมค์ด้วย คิดแล้วปวดใจเปล่าๆ
แต่ยังไงซะแผนการหลบหนีจากเฟร็ดเดอริกก็คงยังอยู่ในหัวหนูไมค์ เค้าจะพยายามหนีออกมาให้ได้ แล้วก็จะกลับไปหาสองเมืองให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ช่าง...
ต้องหนี....ต้องหนีไปให้ได้!
‘รอก่อนนะพี่สอง ไมค์กำลังจะไปหา...รอไมค์ก่อนนะ’
TBC.ตอนหน้าเข้มข้นแน่นอนค่ะ จะมีอะไรชักจูงให้สองคู่รักอย่างหนูไมค์กับสองเมืองมาเจอกันแน่นอน
แต่หนูไมค์จะรอดจากเงื้อมือเฟร็ดเดอริกหรือไม่ นั้นอีกเรื่องนึงนะคะ
ฝากติดตามด้วยจ้า ป.ล.ตอนหน้าอัพช้าหน่อยนะ พอดีมีสอบทุกสัปดาห์เลยง่ะ