รักนี้...ลิ้นกับฟัน ตอน 28 ธันวา (อัพ 28/12/2016) หน้า 67
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้...ลิ้นกับฟัน ตอน 28 ธันวา (อัพ 28/12/2016) หน้า 67  (อ่าน 1061217 ครั้ง)

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เสน่ห์มัดใจผัวของนายปวินนี่เด็ดจริงๆ
ข้าน้อยขอคาระวะ

minniez

  • บุคคลทั่วไป
เรียกเลือดมาก เราว่าเราไม่หื่นนะ แต่ชอบทุกฉาก 55555

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ถ้วยฟูน่ารักจริงๆเลย  รั่วได้อีก5555

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
ถ้วยฟูน่ารักเหมือนเดิมจริงๆ

ออฟไลน์ aiwjun

  • aiwjun
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอ้ย!!! เป็นฉากที่เรียกเลือดพร้อมกับสำลักหัวเราะได้พร้อม ๆ กันอ่ะ สุดยอด  o13
ถ้วยฟูนี้ก็ตลกได้ตลอดเวลาจริง ๆ สงสารก็แต่พี่ธันที่ดูท่าจะไปไหนไม่รอดซะแล้ว

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เลือดกระฉูด
ตกลงคือหื่นทั้งผัวทั้งเมีย 5555
จุใจมาก

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
หยิวอย่างเดียวไม่ได้ต้องฮาด้วย ถ้วยฟูเอ๊ย

ออฟไลน์ iNklaNd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
:pighaun: อ่านรสดเดียวตอนพิเศษ  6 ตอนแล้วสงสารธัน
มีเมียสุดเกรียน   :hao7:
บ้าได้ทั้งในไทย และเจแปน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22

ออฟไลน์ AdLy

  • ไม่ได้ Korea Fever แค่รัก ดงบังและเอสเจ เท่านั้น
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ถ้วยฟู มีคาถาเด็ดมัดใจผัวตลอดนะ พี่ธันนี่โงหัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ถ้วยฟูเป็นคนที่น่ารัก
จริง ๆ :mew1:

ออฟไลน์ diduek

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
    • http://diduek-san.exteen.com/
ถ้วยฟูววว น่ารัก เกรียนมาก ทั้งหื่นทั้งฮา 5555555

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: รักนี้...ลินกับฟัน
By: Dezair
ตอนพิเศษ…รักนี้…อินโตเกียว!!
………………………………………..

7




เราสองคนหลับกันตั้งแต่เที่ยงคืน แต่ก็หลับแบบมีไอ้เด็กแสบบางคนมันยังระรานไม่เลิกนั่นล่ะครับ เพราะแทนที่จะลงไปนอนดีๆ มันดันก่ายขึ้นมานอนทับอกผมแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น ผมเองก็จนใจ เลยได้แต่ยอมให้มันนอนแบบนั้นไปก่อน ตื่นมาอีกทีตีสี่กว่าเห็นมันยังนอนคว่ำหน้าทับอกผมเหมือนเดิมเลยปลุกให้มันใส่เสื้อกันหนาวสักตัว ถ้วยฟูก็งัวเงียตื่นมานั่งโงนเงนให้ผมใส่เสื้อให้ แล้วมันก็หงายหลังลงไปนอนแผ่แล้วหลับต่อ ดูท่าทางมันจะเพลียมากจริงๆ



   ผมผละจากเตียงไปเปิดม่านหน้าต่าง ก็พบว่าตีสี่กว่าในช่วงหน้าหนาวของญี่ปุ่นนั้นเริ่มสว่างแล้ว แม้จะยังเห็นเป็นแสงสลัวก็ตาม เพราะอาศัยว่าเที่ยวกันเอง เราก็เลยมักจะตื่นสายกันเล็กน้อย เลยไม่เคยทันดูพระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่สักครั้ง บางที...ถ้าได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นกับถ้วยฟูก็คงจะดี...



   กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เรียกความสนใจจากผมที่กำลังคิดเรื่องถ้วยฟูไปที่โทรศัพท์มือถือของมันที่วางอยู่ข้างโทรทัศน์ด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินไปหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นข้อความจากเมษา น้องสาวผมส่งมาบอกว่าให้โทร.กลับ



   ...โทร.กลับ?...



ให้ถ้วยฟูโทร.กลับเมืองไทยตอนนี้น่ะหรือ?...ไทยกับญี่ปุ่น เวลาห่างกัน 2 ชั่วโมง ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นตีสี่กว่า แสดงว่าที่เมืองไทยตีสองกว่า แต่เมกลับส่งข้อความมาบอกให้โทร.กลับกลางดึกของที่นั่น...หรือว่าจะมีเรื่องอะไร?...



   ผมรีบกดโทรศัพท์กลับไปหาน้องสาว รอสัญญาณเรียกเข้าไม่เกินอึดใจ ปลายสายก็รับ



   ‘พี่ฟู! โทร.กลับเร็วจังค่ะ! พอดีคุณน้าปานบอกให้เมมาถามพี่ฟูว่าจะให้เอาของเข้าไปจัดเซอร์ไพรส์พี่ธันตอนไหนคะ พรุ่งนี้เมจะแวะไปที่ร้านเตาถ่านเลยจะไปคุยกับคุณน้าปานด้วย แล้วพี่ฟูกลับมาถึงกรุงเทพฯกี่โมง ทางเมจะได้ช่วยคุณน้าปานจัดโต๊ะทันเวลา พวกพี่กลับมาจะได้มีของอร่อยๆทานสวีทกันเป็นการส่งท้ายทริป รับรองว่าพี่ธันจะรักพี่ฟูไปอีกอย่างน้อย 22 ปีตามที่พี่คาดเลยล่ะค่ะ!’



   ผมนิ่งฟังน้องสาวจากปลายสายพูดเป็นต่อยหอยด้วยความงุนงง...จัดเซอร์ไพรส์ผม?...ถ้วยฟูจะจัดเซอร์ไพรส์ให้ผมที่เมืองไทยอย่างนั้นหรือ?...



   ‘พี่ฟู? พี่ฟูตื่นอยู่รึเปล่า? พี่ฟู? เมว่าแล้วเชียวว่าให้เมโทร.มาหาเวลาแบบนี้ พี่ฟูจะมีสติได้ยังไง จะโทร.เวลาปกติ ก็กลัวพี่ธันจะสังเกตอีก!’



   “เอ่อ...ถ้วยฟูหลับอยู่” ผมตอบกลับไป แล้วปลายสายก็เงียบไปอึดใจ



   ‘พ...พี่ธัน...’ เสียงเมดูตกใจมากที่คนรับโทรศัพท์เป็นผม



   “อืม พี่เอง”



   ‘ง...งั้น...งั้นเมไม่กวน...’



   “บอกพี่ก่อน ว่าถ้วยฟูวางแผนจะทำอะไร” ผมรีบถาม เหลือบตากลับไปมองที่เตียงก็ยังเห็นไอ้แสบหลับปุ๋ย เลยเดินถือโทรศัพท์เข้าไปคุยในห้องน้ำ เพราะไม่อยากให้มันตื่นขึ้นมาเห็นซะก่อนว่าผมกำลังล่วงรู้ความลับของมัน



   ‘ถ้า...ถ้าบอก...พี่ธันจะเก็บเป็นความลับมั้ยคะ’



   “อืม”



   ‘ห้ามบอกพี่ฟูว่าเมบอกนะ...’ เสียงของเมดูลำบากใจเล็กน้อย แต่ผมกลับเป็นฝ่ายรอฟังจนแทบจะไม่หายใจ



   ‘...คือ...คือพี่ฟูจะจัดดินเนอร์ให้พี่ ให้เมกับคุณแม่ของพี่ฟูช่วยกันจัดโต๊ะในคอนโดพวกพี่ให้ พี่ฟูลิสต์รายการอาหารที่พี่ชอบทิ้งไว้ให้คุณพ่อพี่ฟูเป็นคนทำ...’



   “แล้วที่บอกว่าพี่จะรักถ้วยฟูไปอีกอย่างน้อย22 ปี ตามที่ถ้วยฟูคาดล่ะ?”



   ‘อ่า...ก็...ก็พี่ฟู...พี่ฟูบอกว่ากลัวอาถรรพ์เลข 7 ที่ทำให้คนรักเลิกกันอะไรนั่น ก็เลย...คิดจะจัดเซอร์ไพรส์ โดยที่มีเป้าหมายว่าจะให้พี่รักพี่ฟูไปอีกอย่างน้อยก็ 22 ปี เพราะว่าเลข 22 เป็นเลขวันเกิดพี่ฟูค่ะ’ ผมฟังแล้วทั้งขำ ทั้งเอ็นดู และทั้งปวดหัวไปกับความคิดมันจริงๆ



   ‘…พี่ธันสัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่บอกพี่ฟูว่าเมบอกพี่ ตอนที่กลับมาเห็นเซอร์ไพรส์ต้องทำเป็นตกใจด้วย ไม่งั้นเมถูกพี่ฟูโกรธแน่เลย...’



   “ถ้วยฟูน่ะเหรอจะโกรธเม” ผมแทบไม่เคยเห็นมันโกรธใคร ยิ่งกับน้องสาวผมที่มีฐานะเป็นน้องรหัสบังเกิดเกล้าของถ้วยฟูด้วยแล้ว เรื่องขัดใจ มันยังไม่เคยทำกับเมเลยสักครั้ง



   ‘โกรธสิคะ...พี่ฟูตั้งใจกับทริปครั้งนี้ของพวกพี่มากเลยนะ ถึงขนาดให้พี่โจลางานมาสอนวิธีดูสายรถไฟในโตเกียวด้วยล่ะ พี่เป้ยังบอกเลยว่าพี่ฟูหาข้อมูลโตเกียวมากกว่าตอนทำธีซิสเรียนจบซะอีก เพราะงั้น...ถ้าเซอร์ไพรส์ล่มเพราะเมบอกพี่ธันล่ะก็ เมถูกตัดสายรหัสแน่เลย’ เสียงของเมดูเป็นกังวลจริงๆ ว่าถ้วยฟูจะโกรธ หากรู้ว่าเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ของมันที่คิดจะทำให้ผม แต่ผมดันรู้เข้าเสียแล้ว



   ‘แล้วสรุปพวกพี่จะกลับมาถึงกี่โมง เมจะได้จัดห้องถูก’ เมื่อกลายเป็นว่าผมรู้เรื่องนี้แล้ว เมเลยถามเอาจากผมเสียเลย



   “ออกจากที่นี่สิบเอ็ดโมงกว่า ไปถึงกรุงเทพก็เกือบๆห้าโมงเย็น”



   ‘โอเคค่ะ งั้นเมไม่กวนล่ะ ทำตามสัญญานะ ห้ามบอกพี่ฟูด้วยว่ารู้เรื่องแล้ว แล้วตอนกลับมาเห็นเซอร์ไพรส์ต้องทำเป็นตกใจด้วย’



   “รู้แล้วล่ะหน่า” ผมบอกกับปลายสาย ก่อนจะนึกอะไรได้บางอย่าง เมื่อน้องสาวพูดย้ำถึงคำว่าเซอร์ไพรส์



   ...ถ้าอย่างนั้น...ผมทำเซอร์ไพรส์ให้มันด้วยดีมั้ยนะ...



   “เม...”



   ‘คะ’



   “เมพอจะมีร้านที่ขายพายแอปเปิ้ลอร่อยๆมั้ย”



   ‘พายแอปเปิ้ลเหรอคะ’



   “อืม”



   ‘ก็พอจะรู้จักร้านที่พี่ฟูชอบพาเมไปทาน’ ร้านที่ถ้วยฟูชอบพาไปทานอย่างนั้นหรือ...ถ้าอย่างนั้น ถ้วยฟูก็น่าจะชอบร้านนั้นจริงไหม...



   “ถ้างั้น...พี่ฝากเมซื้อมาใส่ไว้ในตู้เย็นทีสิ”



   ‘เอ๋?’



   “พี่จะเซอร์ไพรส์ถ้วยฟู” ผมบอก เมเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะส่งเสียงหัวเราะกลับมาให้ผมรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นมีความรักครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น



   “เม หัวเราะอะไร” ผมพยายามทำเสียงเข้ม แต่น้องสาวกลับหัวเราะไม่หยุด



   ‘เมดีใจจังที่คนที่พี่ฟูรักคือพี่ แล้วคนที่พี่รักก็คือพี่ฟู เรื่องพายแอปเปิ้ล เมจะจัดการให้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะ’



“ขอบใจ”



‘เมขอถามหน่อยได้มั้ย ทำไมต้องเป็นพายแอปเปิ้ลล่ะ’ ทำไมถึงเป็นพายแอปเปิ้ลอย่างนั้นหรือ...ก็เพราะว่า...มันเป็นขนมที่อยู่ในความทรงจำของเราสองคนน่ะสิ...



“...พี่บอกไม่ได้หรอก”



‘ใจร้ายยยยย’



“เรื่องนี้เป็นความลับของพี่กับถ้วยฟู” เสียงงอแงของน้องสาวเงียบไป อะไรบางอย่างบอกผมว่าเธอกำลังยิ้ม ก่อนที่จะเป็นเสียงอ่อนหวานของเมดังกลับมา



‘รักกันนานๆนะคะ’



“อืม” ผมรับคำเสียงเบา ทว่าในหัวใจนั้นบอกอย่างมั่นคงว่าจะทำให้ทุกอย่างให้ความรักของเรายาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะทำทุกอย่างให้ถ้วยฟูอยู่กับผมให้นานที่สุด มีความสุขที่สุด จะทำทุกอย่าง...เพื่อความรักของเราสองคน



ผมออกจากห้องน้ำอีกที ถ้วยฟูก็ยังหลับอยู่ ผมวางโทรศัพท์ของมันลงบนโต๊ะข้างโทรทัศน์เหมือนเดิม ก่อนจะเดินกลับไปทรุดตัวลงนอนบนเตียง แล้วรวบร่างของมันเข้ามากอด ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง บอกตัวเองว่าผมจะนอนกอดมันอย่างนี้ไปอีกสิบปี ยี่สิบปี หรืออีกกี่ปีก็ตามที่มันยังอยู่กับผม



...ผมจะกอดมันเอาไว้ จะรักมัน จะทำทุกอย่างให้มัน เท่าที่ผู้ชายธรรมดาอย่างผมจะทำได้...
.................................



แหม้!!! กว่าที่พวกผมจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงแล้วล่ะครับ! มันก็ต้องมีกันบ้างที่จะนอนตื่นสายพระอาทิตย์เลียก้น เพราะพวกผมมันเป็นหนุ่มสุขภาพดี หลังจากตรากตรำศึกหนักมาทั้งคืน หัวถึงหมอนตอนตีสี่ เราก็ต้องพักผ่อนเซฟพลังงานนิดนึง...เอ่อ...ทำไมมองผมแบบนั้น...หรือว่า...หรือว่า...หรือว่าเรื่องที่หัวผมถึงหมอนตอนพระอาทิตย์ขึ้นนั่น...ทุกคนรู้ความจริงแล้ว?...



...เอ้อ!!!..จริงๆผมก็ไม่ได้จะปิดบังอะไรนะ! แต่...แต่แบบ...แบบหัวผมถึงหมอนตอนเช้าจริงๆ! เพราะว่า...เพราะว่าทั้งคืนที่ผ่านมา ผมนอนอยู่บนอกไอ้พี่ธันน่ะครับ...แหะๆ...



เอาล่ะๆ!! ผมว่าเราข้ามเรื่องหัวถึงหมอนอะไรนั่นไปดีกว่าครับ! นี่เข้าสู่วันที่ 6 ในโตเกียวแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่หลักๆในโตเกียวเราก็ไปมาเกือบทั้งหมด หรือพูดให้ถูกคือ สถานที่ท่องเที่ยวตามแพลนของไอ้โจนั้น พวกผมไปเหยียบมาเกือบครบ จะขาดก็แต่ตลาดปลาที่ต้องแหกขี้ตาไปตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิของพวกผมแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า สุดท้ายและท้ายที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวในวันก่อนวันเดินทางกลับของพวกเราก็เลยมาตกที่...



...โยโกฮาม่า...



หลังจากนั่งรถไฟตูดแฉะ เสียค่ารถไฟไปหลายร้อย กว่าจะเดินทางมาถึงโยโกฮาม่าก็ปาเข้าไปบ่ายสองโมงแล้ว แต่ประเด็นหลักของการมาที่นี่ในยามบ่ายก็คือ...ได้เที่ยวน้อย เที่ยวไม่คุ้ม เพราะงั้น...พาหนูถ้วยฟูกลับมาเที่ยวที่นี่อีกรอบนะคะป๋าธันวาขา!!!...



เราสองออกจากสถานีรถไฟชื่อน่ารักว่าซากุรางิโจครับ ออกมาก็เห็นฟ้ากว้างสีฟ้าสวยและตึกสูงตระหง่านตั้งโดดเดี่ยวแบบโคตรโดดเด่นประหนึ่งแลนด์มาร์กของที่นี่ และแน่นอน...นักวิชาการผู้อุดมไปด้วยไอคิวอย่างผมก็ต้องมอบความรู้ให้ผู้ที่เดินทางมาด้วย



“ตึกนี้ชื่อว่าแลนด์มาร์กทาวเวอร์ แต่ก่อนเป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ข้างในก็จะเป็นพวกร้านค้า โรงแรมอะไรงี้ ส่วนย่านนี้ที่เราเหยียบกันอยู่เรียกว่ามินาโตะมิไร ถือว่าเป็นย่านเมืองใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงปี 1980 เพื่อเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโยโกฮาม่า แต่จริงๆแล้ว โยโกฮาม่าเป็นเมืองท่ามาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนะ ที่นี่เจริญมานานแล้ว และเพราะเป็นเมืองท่า โยโกฮาม่าก็เลยเป็นจุดที่สำคัญมากสำหรับการเปิดประเทศของญี่ปุ่นในสมัยก่อน พวกข้าวของจากตะวันตกที่เข้ามาในญี่ปุ่นก็เข้ามาทางโยโกฮาม่านี่ล่ะ” ประวัติศาสตร์ชาติญี่ปุ่นกูมาเต็ม จงปลื้มใจเสียเถิดที่มีเมียเก่งอย่างกู โฮะ โฮะ โฮะ...



“แล้วโยโกฮาม่าเป็นส่วนหนึ่งของโตเกียวมั้ย” ... คำถามนอกรอบมาอีกแหละ...แต่ขอโทษ ถึงจะเป็นคำถามนอกรอบแต่กูผู้ซึ่งมีความรู้รอบตัวมากมายมหาศาลน่ะ รู้คำตอบอยู่แล้ว!...



“ไม่ได้เป็น โยโกฮาม่าเป็นเมืองในจังหวัด...” จังหวัด...จังหวัด...จังหวัดอะไรวะ?!!!...ฉิบหายล่ะ! เมื่อตอนก่อนจะออกจากโรงแรมก็อุตส่าห์ท่องมาซะดิบดี เสือกลืมได้ไงเนี่ย!!!...



“จังหวัด...จังหวัด...จังหวัดที่มีพระใหญ่! ลองทายดูสิว่าจังหวัดอะไร” ผมโยนคำถามส่งกลับไป แล้วรีบเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วขึ้น ไม่ต้องดูแม่งแล้ววิวรายทางอะไรเนี่ย! ตอนแรกว่าจะแวะถ่ายรูปกับชิงช้าสวรรค์อันเบ้อเร่อ แต่ถ้าแวะก็จะกลายเป็นการยืดเวลาออกไป แล้วอาจทำให้ต้องเฉลยทั้งๆที่จำคำตอบไม่ได้! เพราะงั้น...เพื่อเป็นการรักษาฟอร์ม เราจะต้องรีบเดินไปให้ถึงที่หมายต่อไปเร็วที่สุด!! แล้วจะได้พูดเรื่องต่อไปโดยไม่ต้องตอบคำถามว่าโยโกฮาม่าอยู่ในจังหวัดอะไร!!!...



“จังหวัดที่มีพระใหญ่?...”



มันทวนคำถามของผม แล้วทำหน้านึก ผมงี้ภาวนาสาธุขอให้พระใหญ่ช่วยดลบันดาลให้มันนึกนานๆแต่นึกออกด้วยเถ้อะ!! อย่าให้กูต้องเฉลยเลย!!!...



“อืม...ไม่รู้...”



...ฉิบ!!...คนไม่รู้จักทำบุญทำทานอย่างผม พระสงฆ์องค์เจ้าคงจะไม่ช่วยสินะ...



และก่อนที่จะต้องเฉลยในคำตอบที่ผมไม่รู้ อาคารไกลลิบๆก็ปรากฏเข้ามาในสายตา ผมเลยรีบทำเป็นไม่ได้ยินในคำตอบของมันแล้วชี้นิ้วไปที่เจ้าสิ่งก่อสร้างที่อยู่ไกลฉิบหายนั่น



“นั่นไง! ถึงแล้ว!! นั่นคืออาคารอิฐแดง อากะเรนกะ!!”



คือจริงๆแล้วควรจะให้เข้าไปใกล้กว่านี้แล้วค่อยพูด แต่เพื่อเป็นการหมกเม็ดคำถามที่ผมไม่มีเฉลยเรื่องที่ว่าโยโกฮาม่าอยู่ในจังหวัดอะไร ผมก็เลยต้องรีบเอาโลเกชั่นต่อไปมาบังหน้าอย่างด่วน



“ไหน” และเพราะมันไกลมาก ไอ้หล่อก็เลยไม่รู้ว่าเป้าหมายที่ผมชี้คือที่ไหน



“อันที่เป็นอาคารสีแดงๆน้ำตาลๆนั่นอ่ะ ที่มีสองหลังนั่นน่ะ” ผมบอกแล้วรีบก้าวเดินตรงไปหา ‘อากะเรนกะ’ อย่างรวดเร็ว



อากะเรนกะเป็นอาคารสูงประมาณ 3-4 ชั้น แต่ค่อนข้างกว้างและยาวดูเผินๆคล้ายโกดังตามท่าเรือ ซึ่งอาคารสองหลังนั้นมีความยาวไม่เท่ากัน อาคารทางฝั่งซ้ายจะยาวกว่าครับ แต่ทั้งคู่ก็ถูกก่อสร้างด้วยอิฐสีแดงคล้ำๆค่อนไปทางน้ำตาลเหมือนกัน ดูไฮคลาสกว่าโกดังตามท่าเรือค่อนข้างมาก เพิ่มความโดดเด่นมากกว่าเดิมด้วยการที่มันตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางลานกว้างปูด้วยแผ่นหินสีขาวเทาๆติดกับทะเลนั่นเอง!



“คล้ายโกดังเลยนะ” เยี่ยมมาก!! มันไหลมาตามการชี้นำของผมและไม่ถามเรื่องที่โยโกฮาม่าอยู่จังหวัดอะไรอีก!!...



“สมัยก่อนเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ที่นี่เป็นด่านศุลกากรล่ะ ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ปี 1920 กว่าๆ ที่นี่ก็พังเสียหายจนต้องซ่อมใหม่ แต่ก็พังไม่มากเท่ากับอาคารหลังอื่น เพราะมันถูกสร้างด้วยอิฐและเหล็ก แล้วพอถึงช่วงหลังสงครามโลก ที่นี่ก็ถูกยึดเป็นของกองทัพอเมริกาด้วยนะ จากนั้นก็ค่อยกลับมาเป็นของญี่ปุ่น ซึ่งก็ถูกใช้เป็นด่านศุลกากรจนกระทั่งเพิ่งมายกเลิกเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนนี่เอง ตอนนี้ข้างในก็ถูกปรับปรุงให้เป็นห้างฯไปแล้ว เราไปดูใกล้ๆกันเถอะ” ผมอธิบายให้มันฟัง เรียงลำดับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้อย่างถูกต้องจนไอ้หล่อต้องภาคภูมิใจที่มีเมียเก่ง



เราสองคนก้าวเท้าตรงไปหาเจ้าอากะเรนกะที่ปัจจุบันถูกปรับปรุงภายในให้มีร้านขายอาหารและข้าวของมากมาย ในขณะที่ภายนอกยังคงสภาพการเป็นอาคารอิฐแดงเอาไว้ทุกส่วน มีบางจุดที่มีการต่อเติมกระจกออกมาที่นอกอาคาร แต่โดยรวมแล้ว ก็ยังคงเรียกอาคารหลังนี้ว่าเป็นอาคารอิฐแดงได้อย่างไม่กระดากปากครับ นักท่องเที่ยวก็เลยยั้วเยี้ยอย่างที่เห็น มีทั้งครอบครัวลูกเล็กเด็กแดง กลุ่มเพื่อนวัยรุ่น และที่มีมากชนิดเห็นแล้วตาร้อนผ่าวๆคือคู่รักหนุ่มสาวเดินเบียดแซะกอบกุมมือกันและกันกระหนุงกระหนิง



และแน่นอนว่าในเมื่อนักท่องเที่ยวอย่างพวกผมมาเจอกับแลนด์มาร์กทั้งที สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือการถ่ายรูป ไอ้พี่ธันถ่ายรูปให้ผมสองแชะ ผมก็ไปหาชาวญี่ปุ่นน้ำใจงามมาช่วยถ่ายรูปคู่ให้พวกเรา ถ่ายเรียบร้อยก็ถึงเวลาผจญภัยแล้วล่ะครับ



พวกเราพากันเดินเข้าไปในอากะเรนกะ ที่มีร้านอาหารมากหน้าหลายตา ร้านขายของ ขายเสื้อผ้า เดินเอาไออุ่นจากฮีตเตอร์พอให้หายหนาวก็ชวนกันออกไปถ่ายรูปข้างนอกต่อ อย่างที่บอกว่าอากะเรนกะนั้นอยู่ติดทะเล โดยมีการทำระเบียงกั้นระหว่างทะเลกับฝั่งแผ่นดิน ในทะเลมีเรือวิ่งกันขวักไขว่ประหนึ่งถนนพญาไทบ้านเรา ในขณะที่ทางซ้ายมือก็มีเรือเท่ห์ๆของยามชายฝั่งมาจอดให้ถ่ายรูปด้วย ซึ่งผมก็ยังคงเป็นนายแบบหนุ่มรูปหล่อให้ไอ้พี่ธันอยู่เสมอ



“อันนั้นคืออะไร” หลังจากถ่ายรูปผมกับเรือที่จอดอยู่ไม่ไกลแล้ว มันก็หันชี้ไปทางด้านขวามือ ที่เหมือนเป็นแท่นใหญ่ยักษ์ประหนึ่งยานแม่ยื่นลงไปในทะเล



“อ้อ นั่นเป็นท่าจอดเรือน่ะ ชั้นบนสุดเป็นสวนหญ้า ให้เดินชมวิวได้ด้วยนะ” ผมตอบ และแน่นอนว่าเลี่ยงชื่อแซ่ของไอ้ท่าจอดเรือนั้นไป เพราะจำไม่ได้นั่นเอง



“หน้าตาแปลกดี”



“พี่ธันอยากไปเดินเปล่าอ่ะ เขาเปิดให้เดินฟรีด้วย” มันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา



“ถ้าไม่ฟรีจะไม่ถามพี่ใช่มั้ย” แหม...ทำเป็นทายใจกูถูก...กูเป็นคนประหยัดมัธยัทธ์ อะไรเสียตังค์ก็ต้องคิดนิดนึงว่ามันคุ้มกับที่เสียมั้ย...



“มาดูท้องฟ้าเหอะ ตอนนู้นที่ไปรปปงงิ ชวนขึ้นไปดูท้องฟ้าไม่ใช่เหรอ นี่ไง...ที่นี่ท้องฟ้ากว๊างกว้าง ดูได้ตามสบายเลย!” ผมชวนมันคุยไปเรื่องอื่นก่อนที่มันจะหาเรื่องวกเข้าประเด็นผมขี้งกอีก



 การมายืนริมระเบียงติดทะเลรับลมหนาวแล้วทิ้งอากะเรนกะไว้เบื้องหลังนั้นถือเป็นการกระชับมิตรทางหนึ่ง เพราะลมหนาวแม่งขยันพัดเหลือเกิน ผมก็เลยต้องหาเรื่องไปแพะไปอิงไอ้หล่อขอไออุ่นจากตัวคนสักหน่อย อิอิ...



“อืม เมฆที่นี่ก็ไม่เหมือนเมฆบ้านเราด้วย” ในขณะที่ผมดูท้องฟ้า ไอ้พี่ธันกลับชี้จุดยิบจุดย่อยอย่างเช่นรูปทรงของเมฆสมกับที่มีผัวฉลาดชาติเจริญ ลองว่ามาคนเดียวผมก็คงอิ่มเอิบกับแค่ท้องฟ้า ไม่สังเกตุสังกาก้อนเมฆหรอกครับ...งานนี้เรียกอวยผัว บอกเลย...



“เหรอ แล้วบ้านเราเมฆเป็นยังไงอ่ะ” ผมหันไปถามมันเพราะไม่เคยสนใจว่าเมฆจะหน้าตาเป็นยังไง วิทยาศาสตร์สมัยป.4บอกผมว่าเมฆคือไอน้ำที่จับตัวกันเป็นก้อนและจะกลายเป็นฝนเมื่อมันอ้วนเกินไป เพราะงั้นแสดงว่ามันเปลี่ยนรูปร่างได้ ผมก็เลยไม่สนใจว่ารูปร่างมันจะเป็นยังไง เพราะเดี๋ยวมันก็ต้องเปลี่ยนรูปร่างตัวเองอยู่ดี



“เมฆบ้านเราจะเป็นก้อนปุยๆ แต่ที่นี่เป็นเส้นๆ ดูสิ” มันชี้ชวนให้ดูเมฆบนท้องฟ้าอย่างกับชี้นกชี้ไม้จีบผมยังไงอย่างงั้น แต่ประโยคถัดมาดูท่าจะไม่ใช่การจีบซะแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2014 20:37:25 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

“มันมีทฤษฎีเรื่องก้อนเมฆและแผ่นดินไหวด้วยนะ เพราะว่าก่อนที่จะมีการเกิดแผ่นดินไหว พื้นดินจะถูกแรงเค้นทำให้บางจุดเกิดการแตกแล้วคายไอร้อนจากแอ่งน้ำร้อนใต้ชั้นหินขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ พอไอร้อนพวกนี้ไปเจอกับอุณหภูมิบนบรรยากาศที่เย็นกว่าจะเกิดเมฆรูปร่างแปลกๆขนานไปกับรอยแผ่นดินไหว มีทั้งที่เป็นรูปเส้นๆคล้ายระลอกคลื่น รูปขนนก อะไรพวกนี้” มันอธิบายเล่นเอาผมรีบตวัดสายตามองขึ้นฟ้าแทบไม่ทันว่าเมฆบนท้องฟ้าตอนนี้มีอย่างที่มันว่ามารึเปล่า



“เมฆแบบนั้นเป็นเมฆแผ่นดินไหวมั้ย” ผมหันไปถามไอ้หล่อแล้วชี้ไปที่เมฆรูปร่างเป็นเส้น เส้นหนึ่ง



“ไม่น่าจะใช่ แต่ตั้งแต่เรามานี่ เราไม่เจอแผ่นดินไหวแรงๆเลยนะ”



“ไม่ต้องเจอก็ได้” ผมรีบบอกมัน ไอ้นี่ก็อยากจะเจอทุกเรื่องเลยรึไง! กูไม่พร้อมช็อกนะเว้ยยยยย...



“กลัวเหรอ?” ไอ้หล่อหันมาถาม ปกติผมเป็นคนปากหนัก แต่ถ้าเป็นเรื่องกลัวตายนี่บอกเลยว่าผมว่าง่ายมาก



“กลัว” ผมบอกและก่อนที่จะถูกมันล้อเลียนให้เสียฟอร์ม ผมก็กระแซะเข้าไปเบียดแขนมันมากกว่าเดิม



“...ก็...อยากอยู่กับพี่ธันนานๆนี่นา...” เสร็จกู...เจอมารยาร้อยเล่มเกวียนของกูเข้าไป ร้อยละร้อยล้อไม่ออก! คริ คริ...



“รู้แล้ว...” มันบอกเสียงเบา แต่ทำเอาผมชะงักไปนิด รีบเงยหน้ามองมัน



“รู้อะไร”



“ก็รู้ว่าถ้วยฟูอยากอยู่กับพี่นานๆ” ผมไปบอกมันตอนไหนวะ อยู่กันมาตั้งนานผมจำได้ว่าไม่เคยพูดกับมันสักครั้งว่าจะอยู่กับมันจนวันตาย



“แล้วรู้ได้ไง”



“ก็....” ไอ้หล่อเริ่มอึกอัก ในขณะที่ผมเริ่มจับจ้องมันอย่างไม่วางใจ...มันไปรู้อะไรมา ทำไมถึงได้ดูมั่นใจว่าผมคิดอยากจะอยู่กับมันไปนานๆ...



“ก็อะไร” ผมถามย้ำ...ในใจหวั่นสุดๆว่ามันจะล่วงรู้แผนลับที่ผมจะทำคุณไสยใส่มันทันทีที่เรากลับถึงเมืองไทย...แต่...เป็นไปไม่ได้! เรื่องนั้นมีไม่กี่คนที่รู้!! มีแค่แม่ผม พ่อผม และน้องเมเท่านั้น ขนาดไอ้ปุยฝ้ายฝาแฝดผมมันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!!...



...หรือจะมีใครปากโป้ง...ไม่หน่า...ผมบอกแผนนั้นกับคนที่เกี่ยวข้องวันสุดท้ายก่อนเราจะขึ้นเครื่องมาโตเกียว ไม่มีใครรู้แผนก่อน หรือว่า...หรือว่า...มีใครโทร.หาผมช่วงที่ผมหลับ?...ไม่...ไม่จริงหรอก...ผมเช็คมือถือตัวเองทุกเช้า ไม่มีสายเรียกเข้าหรือประวัติการโทร.ออกในช่วงที่ผมหลับเลย...



ไอ้พี่ธันเหลือบมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะโอบร่างผมเข้าไปชิดมัน ในขณะที่สายตามันมองไกลออกไปในอ่าวเบื้องหน้าที่มีเรือแล่นไปมา มีสะพานแขวนพาดระหว่างฝั่งที่พวกผมอยู่กับอีกฝั่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่คงเป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นนั่นล่ะครับ เพาะเห็นมีตึกเบียดเสียดเต็มไปหมด



“...ก็...ก็ถ้าถ้วยฟูไม่อยากอยู่กับพี่นานๆ ถ้วยฟูไม่อยู่กับพี่แบบนี้หรอก” เหตุผลอะไรของมึงวะเนี่ย ทำไมมันกำกวมวกไปวนมา...กูฟังแล้วงง...



“ถ้วยฟูมีคนมาชอบตั้งเยอะ พวกรุ่นน้องรุ่นพี่ในคณะก็มีแต่คนชอบถ้วยฟู พวกลูกค้าที่ร้านหรือพนักงานในร้านก็มีแต่คนชอบถ้วยฟู ถ้าถ้วยฟูไม่อยากอยู่กับพี่ ป่านนี้ถ้วยฟูทิ้งพี่ไปแล้ว” ...แหม...กูก็รู้อ่ะนะว่าตัวกูเองมันมีเสน่ห์ล้นเหลือ...แต่มึงไม่ต้องยกย่องชมเชยกูซะขนาดนี้ก็ได้ กูเขินนะเว้ย...



“พี่รู้ว้าถ้วยฟูพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนอยู่ด้วยกันได้มานานขนาดนี้ ขอบคุณนะถ้วยฟู สำหรับ 5 ปีที่เราอยู่ด้วยกันมา และ 7 ปี ที่เราคบกัน”



เสียงมันทุ้มนุ่มดังเบาๆท่ามกลางภาพในท้องทะเลที่ยุ่งเหยิงของเรือที่สวนกันไปมา ตึกรามบ้านช่องจากฝั่งตรงข้ามที่เบียดเสียดแน่นขนัดอยู่ไกลลิบๆ เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจากเนินกว้างหน้าอากะเรนกะทางด้านหลัง ตรงนี้...ตรงริมระเบียงข้างทะเลที่พวกผมยืนกันอยู่นี้...กลับสงบอย่างน่าประหลาด...คำพูดทุกคำของมัน ดังชัดเข้ามาในสติของผมแบบไม่ต้องตีความหมายอะไรอีก ผมรับรู้ ผมเข้าใจ...ในทุกคำที่มันต้องการจะบอก...



...มันขอบคุณคนแบบผมที่ไม่ได้มีอะไรดีเด่น...



...มันขอบคุณคนแบบผมที่นิสัยไม่ได้ดีพร้อม...



...มันขอบคุณคนแบบผมที่พยายามอยู่ข้างๆมันทั้งๆที่มีคนอีกหลายคนที่สามารถทำได้ดีกว่า...



ผมไม่รู้ว่าตัวเองมีค่าเพียงพอที่จะรับคำขอบคุณของมันรึเปล่า...แต่ผมรู้แค่ว่า...ผมดีใจ...ดีใจที่อย่างน้อย มันก็รับรู้ว่าผมพยายามแค่ไหนเพื่อให้เราสองคนอยู่ด้วยกันได้ทั้งๆที่เราไม่มีนิสัยตรงไหนที่เหมือนกันเลย เราน่าจะเลิกกันตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันด้วยซ้ำ แต่...เราก็รักกันมาจนถึงวันนี้...



ถ้าถามว่าผมเหนื่อยมั้ยกับการพยายามขนาดนี้ ผมบอกได้เลยว่าเหนื่อย...ผมเหนื่อยกับการที่จะต้องเรียนรู้ชีวิตใครอีกคนที่ไม่มีตรงไหนที่เหมือนกับผม ผมเหนื่อยที่ต้องพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนที่ไม่ได้มาจากพื้นฐานสังคมที่เหมือนกัน ผมเหนื่อย...แต่ทุกครั้งที่มองหน้ามันแล้วได้รู้ว่าตัวเองเหนื่อยเพื่อมัน ผมกลับมีความสุข แค่เห็นมันยิ้ม แค่หันไปข้างๆแล้วได้รับรู้ว่ามันยังอยู่กับผม แค่นั้น...ผมก็พอใจแล้ว...



มันโอบศีรษะผมเข้าไปซุกอยู่กับอกมัน ผมรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่กดลงมาตรงหน้าผากพร้อมกับเสียงทุ้มๆที่ดังเบาๆ



“อย่าร้องไห้สิ...” ใครร้อง...กูเปล่า...



“ม...ไม่ได้ร้อง...ฮึก...” เสียงผมอู้อี้ แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ร้อง ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้รู้สึกอะไร...ก็แค่...ก็แค่...



“โอเค ไม่ได้ร้องแต่แค่น้ำตาไหลใช่มั้ย” ...ใช่เลย! แค่น้ำตาไหล...



ผมพยักหน้ากับอกเสื้อของมันอย่างแข็งขันแทนคำตอบ ได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆตอบกลับมา



“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกน้ำตาไหลได้แล้ว เดี๋ยวพี่ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนรักที่แย่หรอก ทำแฟนตัวเองน้ำตาไหลกลางเมืองโรแมนติกแบบ...” มันพูดไม่ทันจบผมก็ยกสองมือโอบเอวมันแน่น



“ไม่แย่...” ผมแย้งเสียงเบากับอกเสื้อของมัน แล้วรัดร่างมันแน่น บอกตัวเองว่าจะไม่มีวันปล่อยมันไป จะไม่มีทางทำให้ความรักของเราต้องจบลง ต่อให้ต้องพยายามมากกว่านี้ ต่อให้ต้องทำมากกว่านี้ ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้มันยังอยากอยู่กับผม



“...พี่ธัน...ดีที่สุดแล้ว” อ้อมกอดอุ่นๆของมันโอบกระชับไหล่ผมให้เข้าชิดกับร่างมันมากกว่าเดิม พร้อมกับเสียงของมันที่ตอบกลับมา



“พี่ก็เหมือนกัน สำหรับพี่...ถ้วยฟูดีที่สุดเหมือนกัน”



เมื่อ 9 ปีที่แล้ว เราเพิ่งเริ่มรู้จักกัน เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราเพิ่งเริ่มคบกัน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราเพิ่งเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกัน และวันนี้...เรากำลังจะเริ่มความสัมพันธ์ของเราขึ้นมาใหม่...



...ความสัมพันธ์ที่ไม่เพียงแค่คาดหวังให้วันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน แต่เราคาดหวังไปถึงอนาคต



...อนาคตที่เรายังอยากมีเรา...



ลมหนาวจากทะเลพัดมาอีกรอบ เรือในอ่าวตรงหน้ายังคงขวักไขว่ไปมาดูยุ่งเหยิง ตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยังระเกะระกะสุดลูกหูลูกตา เสียงจ้อกแจ้กจากอากะเรนกะยังคงดังอยู่เบื้องหลัง และที่ตรงนี้...



ที่ริมระเบียงข้างทะเลนี้...พวกผมยังคงอยู่ด้วยกัน ยังคงกอดกัน ยังคงยิ้มให้กัน และผมหวังว่าวันข้างหน้า...ผมจะได้กลับมายืนดูความยุ่งเหยิงของท้องน้ำแห่งอ่าวโตเกียวแบบนี้กับมันอีก ได้มาทอดสายตาไปไกลยังตึกระเกะระกะฝั่งตรงข้ามกับมันอีก ได้มารับรู้เสียงจอแจของอากะเรนกะจากเบื้องหลังกับมันอีก...



...ผมหวังว่าวันข้างหน้า ผมจะได้กลับมาที่นี่อีก...กลับมา...พร้อมกับคนคนเดิม...





...........................................

หลังจากเสียน้ำตาที่เมืองโรแมนติกอย่างโยโกฮาม่า ผมและสามีสุดที่เลิฟก็พากันนั่งรถไฟกลับมาโตเกียว ซึ่งตอนที่มาเหยียบโตเกียวอีกทีนั้น ฟ้าก็มืดเรียบร้อยแถมอุณหภูมิที่ปกติก็ต่ำกว่าสิบอยู่แล้ว ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากกว่าเดิมขึ้นทุกที เราสองคนก็เลยแวะหาราเมงอุ่นๆใส่ท้องสักหน่อย และไหนๆเราก็มาเหยียบถิ่นทีวีแชมเปี้ยนทั้งที เราก็ต้องฟาดราเมงทีวีแชมเปี้ยนนี่ล่ะครับ



ร้านราเมงทีวีแชมเปี้ยนชื่อดังที่ใครต่อใครก็รู้จักกันดี หนำซ้ำยังหาง่าย เดินทางสะดวก ก็ไม่พ้นร้านราเมงริมถนนใหญ่ในละแวกฮาราจูกุครับ ไอ้หล่อหันมามองผมเล็กน้อยตอนที่เราสองคนมุดหัวออกมาจากสถานีรถไฟฮาราจูกุ เหมือนมันจะไม่เชื่อใจคิดว่าผมเล่นตุกติกบอกมันว่าจะพามากินราเมง แต่เสือกพามาย่านนักเรียนมัธยมนุ่งกระโปรงสั้น



“ร้านราเมงอยู่แถวนี้เหรอ” มันถามเหมือนไม่ไว้ใจกัน นี่มึงคงจะลืมไปแล้วสินะ ว่าเมื่อกี้เราเพิ่งปฏิญาณรักต่อหน้าอ่าวโตเกียวและเรือยามฝั่งที่โยโกฮาม่าน่ะ?!



“ใช่ อยู่ริมถนนฝั่งโน้น ไม่ใช่ตรงทาเคชิตะที่เราไปกินเค้กกันหรอก” อันที่จริงก็แอบเสียดายนิดหน่อยที่จะไม่ได้ไปยลต้นขาของสาวๆวัยขบเผาะสวมชุดนักเรียน แต่ก็เกรงว่าถ้าไปเหล่ขาสาวๆ จะเจอขาของไอ้พี่ธันหวดต้นคอแทน



เราสองคนข้ามสะพานลอยจากหน้าสถานีมายังฝั่งตรงข้าม ริมถนนใหญ่ฝั่งนี้เรายังไม่เคยมาเดินกันเลย แต่ลมหนาวที่พัดวูบมาเรื่อยก็ทำเอาร่างกายเรียกร้องหาราเมงร้อนๆกินกันก่อนจะออกมาเดินเที่ยว ร้านราเมงที่ผมพามันมากินนั้นอยู่ริมถนนใหญ่อย่างที่บอกเอาไว้ครับ จะมีบันไดเล็กๆจากริมฟุตบาธพาขึ้นไปยังชั้นสองอันเป็นที่ตั้งของตัวร้านนั่นเอง



ในร้านมีทั้งที่เป็นโต๊ะแบบชุดเก้าอี้ และบาร์ที่นั่งหันหน้าเข้าหาพ่อครัว รวมถึงบาร์ที่นั่งหันหน้าออกหน้าต่างไปยังถนนใหญ่ ผมเลือกนั่งบาร์ที่หันออกสู่ถนนใหญ่ เพราะนี่ก็วันสุดท้ายในโตเกียวแล้ว ก็อยากจะซึมซับบรรยากาศประเทศเกาะนี้เยอะๆหน่อย



หาที่นั่งได้ปุ๊บ เมนูก็มาปั๊บ เมนูของร้านนี้ไม่สร้างความลำบากใจให้เราแต่อย่างใด เพราะมีเมนูภาษาไทยให้ด้วย คนไทยคงแวะเวียนมากินเยอะทีเดียวล่ะครับ เราสองคนสั่งอาหารกับพนักงานเรียบร้อยก็ได้น้ำเปล่ามากินฟรีตามสไตล์ร้านญี่ปุ่น



“พรุ่งนี้ไปสนามบินกี่โมงอ่ะ” ผมหันไปถามมัน ไฟลท์กลับของพวกเราคือสิบเอ็ดโมงกว่า ไปถึงเมืองไทยประมาณ สี่โมงเกือบห้าโมงได้ เพราะตอนเลือกไฟลท์บินนั้นเลือกแบบไม่มีสติไงครับ ลอกไอ้โจล้วนๆ แล้วเป็นไง!!...หงอยเลย แทนที่จะกลับเย็นๆหน่อย จะได้มีเวลาเที่ยวอีกสักครึ่งวัน แม่ง!...



“ก็...สักเจ็ดโมงมั้ย ถ้วยฟูจะเดินดิวตี้ฟรีรึเปล่า” ดิวตี้ฟรี ชื่อก็บอกว่าไม่มีภาษี ปวินรู้สึกชอบชื่อนี้อย่างไม่มีสาเหตุ อิอิ...



“เดิน อยากซื้อขนม” พวกของฝากกระจุกกระจิกนั้นผมซื้อเตรียมไว้แล้ว แต่พวกขนมนมเนยที่จะหอบกลับไปกินที่เมืองไทยยังไม่ได้ซื้อสักกะอย่าง



“เจ็ดโมงออกจากโรงแรมแล้วกัน นั่งรถไฟไปนาริตะชั่วโมงนึง โหลดกระเป๋า เช็คอิน ไม่เกิน 10 โมงก็น่าจะได้เข้าไปข้างใน จะได้มีเวลาเดินซื้อขนม” ผมพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับมัน จริงๆจะบอกให้มันออกจากโรงแรมสักตีห้าด้วยซ้ำ แหะๆ



“แต่...งั้นก็คงไม่ได้เดินอาซาคุสะสินะ” ผมแอบเปรยเบาๆเอาให้ผัวได้ยิน ผัวจะได้เห็นใจ



“เดินอาซาคุสะ? ตรงที่เป็นถนนที่มีของขายน่ะเหรอ”



“อืม...”



“กินเสร็จก็ไปสิ”



“ไปถึงมันก็คงปิด......” ผมกำลังบอกมันเสียงเศร้ารันทด ซึ่งบรรยากาศกำลังด่ำดิ่งไปฉุดขาไอ้พี่ธันให้พูดจาปลอบใจผมพร้อมด้วยคำสัญญาจากปากมันว่าจะพาผมมาเที่ยวญี่ปุ่นอีก แต่บังเอิ๊น!!! ราเมงที่สั่งไปมาถึงพอดีพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวกของพนักงานที่พูดอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ที่กำลังทำซึ้งทำเศร้าให้ผัวตามใจเลยหมดกัน!!



รอจนพนักงานจากไปแล้ว ผมก็หันไปมองไอ้หล่อที่นั่งข้างกันหมายจะสร้างบรรยากาศขึ้นมาใหม่ เอาแบบให้ไฉไลกว่าเก่า จะต้องบีบน้ำตาก็ยอมแต่ไอ้พี่ธันต้องปฏิญาณลูกเสือหนักแน่นว่ามันจะต้องพาผมกลับมาญี่ปุ่นอีก!! แต่...พอหันไปมอง ก็ได้รู้เช่นเห็นชาติว่าผัวที่ตัวเองมีนั้น...รักกินมากกว่ารักกู!! มันซัดโฮกราเมงเข้าปากอย่างกับผมปล่อยให้มันตายอดตายยากมาแต่ชาติไหน!!



…วุ้ย!!! เห็นราเมงดีกว่าเมียได้ไงวะเนี่ย!!...



หมดใจจะโวยวายเอากับมัน คนกำลังกินจะให้ไปขวางก็ใช่ที่ ให้มันกินไปเลย!! เอาให้จุกคอหอยไปเลย!! ไหนๆก็ไม่สนใจกูแล้วนี่!!!...



ผมหันกลับมาที่ราเมงของตัวเองแล้วจ้วงตะเกียบลงไปในชามอย่างหงุดหงิด เมื่อกี้เพิ่งบอกรักกูอยู่หยกๆ!! เพิ่งจะขอบคุณที่กูอยู่กับมึง!! แล้วดูซิ!!! พอมีของกินมาอยู่ตรงหน้าก็ลืมกูหมด!!!...



กำลังด่าไอ้พี่ธันได้ที่ เสียงทุ้มๆก็ดังมาจากไอ้หล่อที่นั่งข้างๆ



“...ไปไม่ทัน ปีหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้นี่” ผมรีบหันขวับกลับไปมองไอ้คนพูด มันหันมายิ้มน้อยๆให้ผม



“จริงเหรอ?! ปีหน้ามาอีกจริงนะ!!”



“อืม...แต่ต้องมากับพี่ ห้ามมาคนเดียว” แหม!!!...กูจะมาคนเดียวได้ไง กูไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย อุตส่าห์มีสามีกับเขาทั้งคนก็ต้องมากับสามีสิ!...



“เออ! ไม่มากับพี่ธันแล้วจะมากับใครล่ะ?!” ผมตอบเสียงแข็งเล็กน้อยกลับไปแล้วก้มหน้างุดซูดเส้นราเมงเข้าปาก จะไปยอมรับดีๆว่าจะมาญี่ปุ่นกับมันอีกรอบก็ไม่ใช่นายปวินรูปหล่อฟอร์มเยอะคนนี้แล้วล่ะครับ



ไอ้หล่อก้มหน้าลงมาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของมันที่เป่ารดข้างแก้ม ก่อนที่เสียงมันจะดังขึ้นเบาๆ



“โดยเฉพาะโยโกฮาม่ากับโอไดบะ ถ้าถ้วยฟูไปกับคนอื่น...พี่ไม่ยอม” ...โอไดบะอยู่ในฉากที่มึงมอบโรเล็กซ์แทนใจให้กู ส่วนโยโกฮาม่าก็ที่ที่เราชูสามนิ้วปฎิญาณว่าจะรักกันจนวันตาย...สองโลเกชั่นในตำนานที่จะตราตรึงไปในความทรงจำตลอดกาลเหมือนที่ลานเกียร์แห่งวิศวะฯคือสถานที่ที่กูจำจนทุกวันนี้ว่ามันคือที่ที่ทำให้เราได้มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกันประหนึ่งลิ้นกับฟัน...



“ไม่ไปกับคนอื่นหรอก...” ผมบอกมันเสียงเบาไม่แพ้กัน แม้จะฟอร์มเยอะแต่เราก็ต้องมีมารยาพูดความจริงกันบ้าง แต่พูดไปแล้วก็เขิน ได้แต่ก้มหน้าลงหาถ้วยราเมงจนจมูกจะทิ่มน้ำซุป รสชาติราเมงแห่งร้านทีวีแชมเปี้ยนนั้นไม่ได้เข้าไปในสามัญสำนึกของผมเลยสักนิด เพราะไอ้หล่อขยันขายขนมจีบแบบนี้ ผมก็เลยรับรู้แค่สิ่งที่มันพูดเท่านั้น ไม่มีสติไปไว้ที่ลิ้นรับรสอีกแล้ว



“ส่วน...ที่อื่น ถ้วยฟูจะไปกับใครก็ไปเถอะ”



...ห๊ะ?! มึงพูดว่าไงนะ?...



ผมหันไปมองหน้ามันแทบไม่ทัน ไอ้หล่อก้มหน้าลงคีบเส้นราเมงเข้าปากเหมือนเมื่อกี้พูดเรื่องดินฟ้าอากาศ



“เมื่อกี้ว่าไงนะ” ผมถามมัน ไอ้พี่ธันหันมามองหน้า มันเคี้ยวแล้วกลืนราเมงลงกระเพาะไปแล้ว ก่อนจะพูดต่อ



“บอกว่า...ที่อื่น...ถ้วยฟูจะไปกับใครก็ไปเถอะ ร้านขายกันดั้ม ร้านบุฟเฟ่ต์เค้ก หรือว่าร้านขายของเล่นอะไรนั่น...ถ้วยฟูจะไปกับใครก็ได้ ตามสบายเลย”



...ไหนเมื่อกี้มึงบอกกูว่ากูดีที่สุดสำหรับมึง!! ยังไม่ทันไรก็ไล่กูไปกับคนอื่นได้ไงวะ!!!...



ผมอ้าปากค้างจะด่าก็ด่าไม่ออก ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ามันดี ปากพะงาบๆเหมือนปลาทองงับอาหารเม็ดยังไงอย่างงั้น!! 



ไอ้หล่อมองหน้าผมแล้วหัวเราะร่วน ก่อนจะโยกหัวผมเบาๆเป็นการปลอบโยนตามทฤษฎีตบหัวแล้วลูบหลัง



“ล้อเล่นหน่า ถ้วยฟูไปไหนพี่ก็จะไปด้วย ไม่ปล่อยให้ไปกับคนอื่นหรอก” ...ล้อเล่น?!!!!...มึงล้อเล่นได้น่าใจหายมาก!!!...



ผมสูดหายใจลึกก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปสนใจราเมง แต่ปากพูดเสียงดังฟังชัดเป็นการขู่บังคับ



“ไม่รู้ล่ะ!! ห้ามทิ้งกันด้วย!! ได้ฟูแล้ว จะเอาฟูกลับไปรีฟันด์กับพ่อแม่ไม่ได้!!”



“แบบนี้รีฟันด์ได้ด้วยเหรอ” มันย้อนถามเสียงสูง ทำเอาผมตวัดสายตาไปมองมันแทบไม่ทัน



... ‘แบบนี้’?!!! มึงหมายความว่ายังไงไอ้คำว่า ‘แบบนี้’ ของมึง!! มึงหมายความว่า ‘กูที่เป็นแบบนี้ยังรีฟันด์ได้ด้วยเหรอ’ อย่างงั้นใช่มั้ย!!! กูมีค่านะเว้ยยยยยยยย!!!...



ผมได้แต่อ้าปากพะงาบเถียงมันไม่ทัน ไร้แนวปกป้อง ไม่สามารถสร้างการ์ดมาดูแลหัวจิตหัวใจอันบอบบาง ปล่อยให้มันทำร้ายจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไอ้หล่อก็เอาแต่หัวเราะเยาะอยู่นั่น...มึงงงงงงง!!!!...



และก่อนที่ไอ้พี่ธันจะได้ทำร้ายหัวใจของผมเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็สุดจะนับ ตะเกียบในมือผมก็พุ่งทะยานไปในชามราเมงของมันทันทีแล้วจกเนื้อหมูแผ่นใหญ่หนามาเข้าปากตัวเองอย่างรวดเร็ว!!



“เฮ้ย!!!!” ไอ้หล่อร้องด้วยความตกใจ ผมยักคิ้วให้มันแล้วเคี้ยวหมูในปากช้าๆ เอาให้มันเห็นการขยับของขากรรไกรบนและล่าง ตอนจะกลืนยังมีการเงยหน้าให้มันดูลูกกะเดือกที่วิ่งขึ้นลงของผมด้วย



“ฮ้า!!!” กลืนเสร็จแลบลิ้นให้ดูอีกทีว่ากลืนลงไปหมดทุกชิ้นส่วนของหมู เป็นไงล่ะมึง!! เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคนอย่างถ้วยฟู!!! กูบอกแล้วว่าจิตใจของกูมีค่า!! ไม่ใช่เรื่องที่มึงจะมาย่ำยีได้ง่ายๆ!!!...



ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างสาแก่ใจที่จัดการมันให้แพ้ราบคาบได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยชัยชนะที่ได้มาทำให้ผมประมาทว่าในชามตัวเองก็มีหมูแบบเดียวกัน ไอ้หล่อก็เลยฉกตะเกียบเข้ามาคีบหมูไปจากชามผมรวดเร็วไม่แพ้กัน!!



แล้วหลังจากนั้น...ราเมงจากร้านทีวีแชมเปี้ยนก็กลายเป็นสมรภูมิประลองปัญญาในการฉกชิงหมูของกันและกัน ตีกันไปรักกันมา เดี๋ยวทะเลาะกันเดี๋ยวคืนดีกัน ตามสมญานามว่าเราคือคู่รักลิ้นกับฟัน



...แต่...



...มึงได้หมูกูไปหลายชิ้นแล้วนะเว้ย!!! พอได้รึยัง!!!!...




つづく (พุธหน้าค่ะ)

สรุปว่าพาร์ทที่แล้ว ‘หัวถึงหมอน’ นั่น...ถ้วยฟูหมกเม็ดนะคะ  :laugh:ฮ่าฮ่า บอกแล้วว่าอย่าไปไว้ใจมันมาก พี่ธันยังไม่ไว้ใจมันเลย ใครมีฉบับที่เป็นเวอร์ชั่นพี่ธันเล่า จะรู้ว่าถ้วยฟูเล่าความจริง 90% ที่เหลืออีก 10% มันมักจะงุบงิบค่ะ ฮ่าฮ่า

เอาล่ะ เรื่องนี้ก็เดินทางมาถึง 7 ตอน...ยาวจริงอะไรจริง พาร์ทหน้าน่าจะจบ ถือว่าเป็นสเปเชียล พาร์ทที่บัวบ้าพลังเขียนมากๆเลยอ่ะ มันยาวมากกกก (ทำตัวเหมือนเป็นเรื่องหลัก ฮ่าฮ่า) ถ้าเทียบกับตอนหลักของถ้วยฟูแล้ว มันยาวกว่าครึ่งนึงของเรื่องหลักอีกนะเนี่ย ถือว่าเป็นของขวัญแก้คิดถึงก็แล้วกันเนอะ

เจอกันพาร์ทหน้าตอนจบ วันพุธหน้าค่ะ
ขอบคุณคนอ่าน คนคิดถึง คนเม้นท์ และพื้นที่บอร์ดด้วยนะคะ

ออฟไลน์ luvY

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
พี่ธันกับน้องถ้วยฟู น่ารักเหมือนเดิม  :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :กอด1: :กอด1:
"เจอกันพาร์ทหน้าตอนจบ วันพุธหน้าค่ะ
ขอบคุณคนอ่าน คนคิดถึง คนเม้นท์ และพื้นที่บอร์ดด้วยนะคะ"

v
v
ยังไม่อยากให้จบเลยค่าาาาาาาาาาาาา
ถ้วยฟูน่ารักขนาดนี้ อยากให้มีตอนพิเศษนานๆ




ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
ถ้วยฟูตามพี่ธันไม่ทันหรอก 555

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เกือบจะซึ้งแล้วนะถ้วยฟู :laugh:

 :กอด1: :L2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
โหยยยยย ยังไม่อยากให้จบเลยยยยยย
ยังอยากเห็นสองคนนี้หวีทหวานโชว์ไปอีก 22 ปีเลยยย  :กอด1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ฮาาาาาา  ถ้วยฟูน่ามันเขี้ยวววว
พี่ทันก็คงความกวนได้น่ารักเหมือนเดิม
รักกันนานน้ออออออ อิอิ

ขอบคุณพี่บัวที่มาต่อให้นะคะ จุ๊บบบ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
 :pig4: นักเขียนอ่านสนุกมากเลยค่ะ

พี่ธันนี่ก็ช่างแกล้งถ้วยฟูจริงๆ ก็ถ้วยฟูมันน่าแกล้ง น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
รักถ้วยฟูมากขึ้นอีกร้อยเท่า
พี่ธันไปไหนไม่รอดหรอก ตายคาอกถ้วยฟูแน่

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
น่ารักกกกกกเว่อออออ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
คือแบบ... รวมเล่มเถอะค่ะ

#กอดขาอ้อนวอน

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอ้ยย ถ้วยฟู แกจะน่ารักไปไหนนนน
 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :laugh: อิชั้นขำลั่นห้องตอน พี่ธันจะเอาถ้วยฟูไปรีฟันด์คืน 5555+ แม้จะฮานำหน้าแต่ตอนนี้ซาบซึ้งมากๆคะ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
ถ้วยฟูมันงุบงิบไว้ เล่าไม่หมดจริงๆด้วย มันน่าหยิกจริงเชียว :hao5:
คิดถึงวีรกรรมของถ้วยฟูกับพี่ธันตอนพายแอปเปิ้ลจัง :laugh:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
คู่นี้บทจะหวานก็หวานซะ บทจะฮาก็ลืมความหวานเมื่อกี้ไปได้เลย  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด