WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE นิยายเปิดให้จองเเล้วค่ะ รายละเอียดหน้า 1
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE นิยายเปิดให้จองเเล้วค่ะ รายละเอียดหน้า 1  (อ่าน 618754 ครั้ง)

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
คุณภูผารุกเร็วจริง

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
คุณหินไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย  :laugh:

ดูดดื่มกันเกินไปแล้วนะคะ  :m3:

RakorN

  • บุคคลทั่วไป
:z6: ไอ้สารเลวบิ๊ก กล้าทำร้ายน้องนัสสสสสส เลว!
พี่หินต้องดูแลน้องนัสดีๆนะ ครั้งนี้ดีฟคิสไปแล้วครั้งหน้าก็อย่าให้เสีย
เด็กหัวไวอย่างน้องนัสข้ามไปถึงขั้น C เลยยย :-[

ออฟไลน์ Ayame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
แหมๆ คุณหิน รุกคืบไปไกลแล้วหวังจะรุกงาบด้วยชิมิเคอะ   :z1:

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
ไล่อ่านจนทันแล้ว~
คุณหินนี่รุกหนักซะจริงจริง
แถมชอบหาเรื่องแต๊ะอั๋งอีก...น้องไม้ก้ไม่ได้รู้ตัวเลยใช่มั้ยนิ...
ตอนนี้คงจะรู้แล้วหล่ะมั้ง...โดนซะ deep เลย 555

ออฟไลน์ Resonance

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เพิ่งเห็นว่าเอาเรื่องนี้มาลง แอร๊ยยยย ชอบคุณหินมาก ^^ เคยแอบคิดว่าไร่คุณหินนี่คงไม่รับคนงานพม่าแน่ๆเลย 555
ไม่งั้นคงมีปัญหาเรื่องออกเสียง

ปล. อยากให้เอาตอนพิเศษวันลอยกระทงมาลงจังค่ะ แต่มันสะแอบสปอลย์นี่สิเนอะ = =

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
คุณหินขา~ ทั้งมือไวและปากไวจริงๆเลยน้า

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
 :call: :call:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
Part8


“ไปทำการบ้านให้เสร็จ แล้วค่อยมาเล่นกับน้า ไม่ต้องมาเกาะเลยน่ะ!”

เสียงโหวกเหวกของวนัสดังขึ้นเมื่อลูกชายของภูผากลับมาจากโรงเรียน แล้วรีบวิ่งมาเกาแข้งเกาะขาร่างโปร่งเมื่อพบว่าน้าไม้ของพวกตนอยู่ในบ้าน

ภูผามองลูกตนเข้าไปนัวเนียกับร่างโปร่งด้วยความพออกพอใจ เข้ากันได้ดีแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงวันข้างหน้าละนะ สายตาละจากเด็กทั้งสองขึ้นมองร่างบางที่เริ่มคล้ำแดดลงเล็กน้อย ระยะหลังมานี่ วนัสมาทานข้าวเย็นด้วยกันเกือบทุกวันเพราะข้ออ้างของเขาเอง ไม่อ้างให้อยู่ช่วยงาน หรือไม่ก็ จะกลับเร็วไปทำไม อยู่คนเดียว ก็กินข้าวซะด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับ แรกๆวนัสเองก็คงจะอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ดูผ่อนคลายและคุ้นเคยจนดูเป็นธรรมชาติ

หลังจากจัดการไล่ส่งให้เด็กทั้งสองไปล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วส่งต่อให้ป้าหยดรับไปจัดการต่อ วนัสก็เดินมาทรุดนั่งตรงข้ามร่างสูงที่ชุดรับแขกกลางบ้าน

“ติดนายนะนั้น” ภูผายกยิ้ม สายตาสำรวจมองใบหน้าที่ตอนนี้ไม่หลงเหลือรอยเขียวช้ำให้เห็น และสุขภาพจิตของร่างบางก็ดีจนเป็นปกติ แม้จะยังจับตัวคนงานขี้ขโมยสองคนนั้นไม่ได้

“เห็นเป็นเพื่อนเล่นนะสิไม่ว่า”

ปากก็พูดไปมือก็พลิกสมุดรับจ่ายเงินบนโต๊ะไป ก็มาอาศัยกินข้าวเย็นกับเขาทุกวัน ก็เลยต้องทำงานชดใช้ค่าข้าว เดี๋ยวจะถูกค่อนขอดว่ามาเพื่อกินอย่างเดียว แต่บางครั้งก็ถูกเจ้านายจอมบังคับพาไปตรวจงานที่โน้นที่นี่จนเลยเวลาเป็นประจำ จนตัวจะติดกันอยู่แล้ว

“คุณหิน” เสียงใสของครูอุ่นทำให้สองหนุ่มละจากงานตรงหน้ามองหญิงสาวที่ทำหน้าที่ครูสอนพิเศษเฉพาะวันเสาร์ถือถุงหูหิ้วเดินตรงเข้ามา

วันนี้วันพุธ! วนัสลอบมองเจ้านายแอบถอนหายใจเหมือนเหนื่อยหน่าย ก็น่าเหนื่อยอยู่หรอก จ้างมาสอนพิเศษวันเสาร์ แต่ครูอุ่นกลับขยันเกินเหตุ เล่นมาดูมาสอนการบ้านแบบไม่คิด

ตังค์เพิ่มให้เกือบทุกวัน ถ้าครูอุ่นเธอทำแค่นั้น ก็คงจะเป็นพระคุณในความมีเมตตาสงสารเด็กที่ไม่มีแม่คอยดูแล แต่ครูอุ่นกลับตั้งตนเป็นนายหญิงของบ้าน เพราะเท่าที่เห็นพฤติกรรม ก็แปลเจตนาของคุณเธอได้อย่างเดียวว่า ใช้เด็กเป็นสะพานไปหาพ่อของเด็กไม่ผิดเพี้ยน หญิงสาวจะเข้ามาเป็นธุระจัดการภายในบ้านแบบไม่ได้ขอร้องอยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่มีป้าหยคอยดูแลอยู่ เจ้านายเขาก็เข้าตำรากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พะอืดพะอมอยู่แบบนี้มานานแล้ว จะพูดมากก็ไม่ได้ เพราะจะหาครูวิ่งเข้ามาสอนถึงในไร่ได้ขนาดนี้มันไม่ง่าย ที่ผ่านมาก็เปลี่ยนมาแล้วหลายคน สาเหตุเพราะมีเจตนาแอบแฝง พูดง่ายๆคือ อยากมาเป็นนายหญิงของที่นี่นั้นเอง และถ้าเจ้านายเขาเป็นพวกเจ้าชู้ไก่แจ้ ก็คงจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับการมาประเคนกายถวายตัวกันถึงในบ้านแบบนี้ แต่นี่เขาเห็นชายหนุ่มไม่มีท่าทีจะตกร่องปล่องชิ้นกับใครเลย ช้ำยังแสดงท่าทางรำคาญจนบางครั้งก็ให้เขาอยู่รับหน้า เป็นหนังหน้าไฟ จนจะถูกตบอยู่หลายทีแล้วเนี่ย ข้อหามาขัดขวางเส้นทางไปสู่ตำแหน่งนายหญิงของบ้านของพวกคุณเธอทั้งหลาย

“วันนี้อุ่นมาช้าหน่อย เพราะแวะซื้อทอดมันเจ้าที่คุณหินชอบทานอยู่”

“ขอบคุณมากครูอุ่น แต่ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาหรอกครับ ถ้าอยากกินเดี๋ยวให้พวกคนงานไปซื้อมาก็ได้ครับ”

“แหม……….จะเลือกดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ อุ่นซื้อมาให้ละอีกแล้ว”

แม่เจ้าพระคุณเอ๊ย มันก็ทอดกะทะเดียวกันนั้นละ จะไปเลือกอะไรนักหนาฟะ วนัสเหลือบมองครูอุ่นวางถุงทอดมันบนโต๊ะ แล้วนั่งลงข้างๆเจ้าของบ้าน

“อีกอย่างผมเกรงใจครูอุ่นมากน่ะครับ มาทุกวันแบบนี้ ไม่ต้องห่วงอะไรเจ้าลิงสองตัวนั้นมากหรอกครับ วันธรรมดาผมก็คอยดูอยู่ ให้ครูอุ่นมาช่วยทบทวนบทเรียนเฉพาะวันเสาร์วันเดียวก็พอแล้วครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“จะไม่เป็นไรได้ไงครับครูอุ่น ต้องขับรถเข้ามาตั้งไกล เหนื่อยนะครับ”

“ก็บอกแล้วว่าอุ่นเต็มใจ คุณหินอย่าคิดมากเลยนะค่ะ เดี๋ยวอุ่นไปแกะทอดมันให้คุณหินทานรองท้องก่อนมื้อเย็นดีกว่านะค่ะ” หญิงสาวตัดบทรีบลุกไปก่อนจะได้ฟังวาจาตัดรอนของชายหนุ่มอีก

วนัสมองภูผาถอนหายใจเป็นรอบที่สองหลังจากครูอุ่นเดินหายเข้าไปในครัว เห็นแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ แต่ก็รู้สึกขำไปด้วย ความหล่อความรวยบางทีก็ทำให้ยุ่งยากใจเหมือนกันน่ะ

“ยิ้มอะไรคนเดียวอีกแล้ว”

ร่างสูงส่งสายตาขวางๆไปให้คนตัวเล็กได้ขุ่นใจเล่น เห็นความลำบากของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวได้เล่นแบบผู้ใหญ่อีกรอบหรอก

“ทำไมชอบยิ้มคนเดียว ไหนบอกมาซิ ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่”

ใบหน้าที่มีรอยยิ้มติดอยู่กลับฉีกยิ้มมากขึ้นพร้อมกับสั่นหน้าไม่รับฟังคำถามชวนหาเรื่องนั้น เรื่องอะไรจะบอกอยากรู้ก็หาหนทางเอาเองเถอะ

ร่างสูงชะโงกตัวข้ามโต๊ะเพ่งมองใบหน้าขาวใสติดรอยยิ้มแล้วเลิกคิ้วขึ้นเสียข้างหนึ่งเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาคู่อ่อนโยน จนเจ้าของร่างโปร่งเสหลบตาอย่างเก้ๆกังๆ ทำให้ร่างสูงระบายลมหายใจเบาๆออกมา เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้วจะอดทนจนกว่าจะเห็นใจกันบ้างละน่ะ

“แต่ว่าวันนี้กินข้าวเสร็จแล้วอยู่คุยกันก่อนน่ะ มีเรื่องจะปรึกษาอะไรด้วยหน่อย”

“คะ…….ครับ”

เพราะใบหน้าคมคายยื่นเข้ามาใกล้ทำให้วนัสนึกถึงคืนนั้นขึ้นมาอีกจนได้ ริมฝีปากอุ่นๆ

บ้า จะแกล้งหยอกเขาไม่ถึงเมื่อไรกัน คิดไปเลือดในกายก็ดูจะไหลแรงจนใบหน้าเริ่มซับสีเลือดจางๆ เลยต้องเสไปหยิบสมุดจดงานขึ้นมาบังหน้า

หลังจากกินข้าวเย็นจนอิ่มแปล้ และเฝ้ามองเจ้านายหนุ่มพยายามไล่ต้อนให้ครูอุ่นกลับบ้านจนสำเร็จก็เลยสองทุ่มไปแล้ว พวกเด็กๆป้าหยดก็พาไปกล่อมนอนในห้อง เหลือเขานั่งรอชายหนุ่มเพียงลำพังบนเก้าอี้หินอ่อน ที่ตั้งวางไว้นั่งรับลมเล่นข้างบ้าน

“อะ!” วนัสอุทานเมื่อรู้สึกถึงวัตถุเย็นๆแตะลงข้างแก้ม

โค๊กกระป๋องเย็นๆถูกยื่นส่งให้โดยเจ้านายหนุ่ม

“ขอบคุณครับ” ร่างบางรับมาถือไว้เฉยๆมองอีกฝ่ายนั่งลงข้างๆ เก้าอี้มีตั้งหลายตัวจะต้องมานั่งตัวเดียวกันทำไม ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ แต่เบื่อจะพูดแล้ว พูดไปไม่เคยฟังกันเลย อยากเบียดก็เบียดไป เดี๋ยวเมื่อยก็คงลุกไปเอง

“มีเรื่องอะไรหรือครับ?”

“นัสจบเอกภาษาอังกฤษมาใช่มั้ย”

“ครับ” ออกจะงงกับคำถามที่เขารู้สึกว่ามันไม่น่าจะใช่ธุระที่ชายหนุ่มจะพูด แต่ก็ตอบออกไป

“สนใจจะสอนพิเศษให้เด็กเล็กบ้างมั้ย”

ไม่ต้องสาธยายอะไรให้ยืดยาว ร่างบางก็รู้แล้วว่าภูผาต้องการอะไร

“จะเปลี่ยนครูสอนพิเศษหรือครับ”

“อืม…………..ก็อย่างที่เธอเห็นนั้นละ ฉันกลัวว่าถ้าให้ครูอุ่นทำตรงนี้ต่อไป มันจะเป็นการให้ความหวังที่ไม่เข้าท่ากับผู้หญิงเขา ที่ผ่านมายังมองหาใครมาแทนตรงนี้ไม่ได้ ก็เลยไม่อยากจะขยับเปลี่ยนอะไร แต่ตอนนี้คิดว่าเจอคนที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้แล้ว ก็เลยอยากจะรีบจัดการซะ”

“……………………”

ใบหน้าเข้มไม่ได้หันมามองร่างบาง แต่ทอดสายตามองฝ่าความมืดไปหยุดอยู่ที่ไหนซักแห่ง

เจ้านายเขามีสีหน้าเรียบเฉยไม่มีวี่แววการขอร้อง คงยังรอการตัดสินใจของเขาอย่างสงบนิ่ง ไม่เหมือนนายภูผาผู้เก่งกาจอย่างเคย ทำเอาวนัสคิดหนัก ผู้ชายคนนี้มีน้ำใจกับเขามากเหลือเกิน กับเรื่องสอนการบ้านเด็กประถมเขาทำได้อยู่แล้ว ไม่ต้องจ้างแค่เอ่ยปาก เขาก็ช่วยอยู่แล้ว เพียงแต่อะไรบางอย่างในใจที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมันจะเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง จากความใกล้ชิดสนิทสนม จนเขาเองยังกลัวถึงได้เว้นระยะห่างมาตลอด

“นัสจะรับสอนพิเศษให้ลูกฉันได้มั้ย”

คุณภูผา……………เสียงครางอ่อนอกอ่อนใจดังขึ้นในใจร่างบางทันที ผู้ชายตัวโตๆมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องการเรียนของลูก มันก็น่ารักดีน่ะ ทำใจแข็งไม่ลงจริงๆ

เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้ชายหนุ่มผู้รักลูกรักครอบครัวคนนี้ได้ เขาก็จะทำ อยากให้คนดีๆอย่างนี้มีความสุข แค่ความรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับอะไรบางอย่างก็น่าจะตัดทิ้งไปได้ ถ้าได้ตอบแทนชายหนุ่มบ้าง

“ครับ……………แต่จะไม่ไปหักหน้าครูอุ่นเขาหรือครับ”

“ถ้านายตกลง เรื่องนั้นฉันจัดการได้ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

“ก็ได้ครับ ถึงจะไม่เคยทำมาก่อน ยังไงขอรายละเอียดด้วยนะครับ”

“ขอบใจมาก ฉันก็มองไม่เห็นใครนอกจากเธอ” มือใหญ่เอื้อมไปบีบไหล่เล็กเบาๆเชิงขอบใจ

“ส่วนเวลาสอนก็วันเสาร์ 9.00-12.00 น. เท่านั้นละ ส่วนมากก็จะให้ช่วยดูการบ้าน แล้วก็สอนเสริมในวิชาที่พวกเขาอ่อนน่ะ แล้วตอนนี้ฉันอยากให้เน้นภาษาอังกฤษด้วย”

“งั้นก็พอได้ครับ” ร่างบางทำท่าครุ่นคิดถึงหน้าที่ที่จะมาถึงของตน

“ส่วนเรื่องค่าสอนก็จะจ่ายหลังสอนเสร็จทุกครั้ง ก็ครั้งละ 1,000 บาทน่ะ ไหวมั้ย”

“………………” 3 ชั่วโมง 1,000 หรอ เยอะนะนั้น แต่……………..

“ผมจะสอนให้แบบไม่คิดตังค์ครับ ไว้หาคนที่เหมาะสมได้แล้วค่อยเปลี่ยนคน ช่วงนี้ผมจะช่วยดูให้” วนัสรีบระล่ำระลักบอก

“ไม่ได้ จะมาทำฟรีๆได้ยังไง เหนื่อยน่ะ” คนตัวใหญ่กว่าขึ้นเสียง

“ผมขอเถอะครับคุณหิน อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าครูอุ่นเธอบ้าง ไว้ให้เรื่องมันซ่าๆก่อนแล้วค่อยมาตกลงกันใหม่น่ะครับ”

“…………………….” ภูผาเม้นปากด้วยรู้สึกขัดใจ ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ผูกมัดร่างบางไม่ได้นะสิ

ท่าทางจะไม่ยอมง่ายๆ เจ้านายเขานี่ก็ดื้อดึงเอาเรื่องน่ะนี่ ร่างบางพรูลมหายใจก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน

“คุณไม่อยากให้เราเป็นคนอื่นคนไกลกันไม่ใช่หรือครับ เพราะฉะนั้นเวลาคุณหินเดือดร้อนผมก็อยากจะช่วยในสิ่งที่ผมทำได้น่ะครับ”

สายตาคู่คมกริบจ้องมองใบหน้าขาวนวลท่ามกลางแสงไฟนีออนนิ่ง จนร่างบางต้องเสหลบด้วยสู้สายตาร้อนแรงคู่นั้นไม่ได้ เพราะมันสื่อว่าดีใจ พอใจอย่างออกหน้าออกตา

สายลมเย็นยามค่ำคืนช่วยให้รู้สึกโปร่งสบาย ท้องฟ้ากระจ่างใสไร้เมฆหมอกจึงเห็นดวงดาวทองแสงประกายระยิบระยับเกลื่อนฟ้า ถ้าเป็นในกรุงเทพไม่มีทางได้เห็นท้องฟ้าแบบนี้แน่ เสน่ห์ธรรมชาติโดยแท้ ไม่ต้องขวนขวายไปขึ้นภูขึ้นดอยให้เมื่อย ชีวิตธรรมดาสมถะ ไม่ต้องไปแย่งกันกินแย่งกันใช้ ก็ดูสุขสบายในความรู้สึกของเขา จะเรียกว่าเพิ่งหลงเสน่ห์บ้านเกิดตัวเองก็ได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนข้างๆคนนี้ด้วย ความเอื้อเฟื้อของภูผาช่วยให้เขาผ่านเรื่องเลวร้ายยุ่งยากมาได้ ถึงแม้จะเป็นเจ้านายจอมสั่ง และดูจะชอบแหย่เขาเป็นงานอดิเรกจนทำให้เขารู้สึกฉุนอยู่บ้างก็เถอะ แต่ก็ดีใจที่มีผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อน

“ไม่ดื่มเหรอ”

เสียงทุ้มเรียกใจลอยๆของร่างบางให้กลับมามองกระป๋องน้ำอัดลมอีกครั้ง

“ดื่ม……..ดื่มครับ” วนัสทำท่าจะงัดเปิดกระป๋องแต่ก็ถูกร่างสูงคว้าไปเสียก่อน



มือใหญ่งัดเปิดให้ แล้วส่งกลับคืนให้ร่างบางรับมาจิบน้อยๆ พลางนั่งเท้าศอกกับต้นขาตัวเองอย่างสบายๆ

“เกือบลืม พรุ่งนี้เพื่อนฉันจะมาเที่ยว ตอนบ่ายๆต้องออกไปรับที่ท่ารถทัวร์ในเมือง ไปด้วยกันน่ะ” ภูผามองใบหน้านวลทอดอารมณ์สบายๆให้สายลมพัดเส้นผมอ่อนนุ่มพลิ้วไหว

“ไม่ดีกว่าครับ”

“ทำไมละ”

“ก็ผมต้องทำงาน แป๊บๆจะสิ้นเดือนแล้ว เดี๋ยวทำเงินเดือนคนงานไม่ทันนะครับ”

เพื่อนคุณ คุณก็ไปรับเองสิ จะลากผมไปทำไมละ

“งั้นตอนเย็นอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนน่ะ”

“ขอตัวครับ ผมกะจะรีบกลับไปซักผ้าถูบ้าน ฝุ่นหนาเป็นนิ้วแล้วครับตอนนี้”

วันๆเอาแต่คลุกอยู่แต่ที่นี่ บ้านผมฝุ่นจับเขรอะแล้ว รู้มั้ยคุณเจ้านายว่าผมใช้เวลาอยู่ที่นี่เกิน 16 ชั่วโมงต่อวันแล้วนะครับ

“งั้นวันนี้ค้างที่นี่มั้ย ดึกแล้วน่ะตอนนี้ ไม่เหนื่อยหรือ?”

ว๊าก!…………………………………อะไรนี่ จะไม่ให้ผมกลับบ้านกลับช่องบ้างรึไงกันห๊า

วนัสตะโกนเข่นเขี้ยวในใจ แต่พอสบตาคู่สีนิลทอประกายแวววาวก็ต้องอ่อนใจอย่างเคย แววตาดื้อแพ่งออกปานนั้น ต่อให้ยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้าก็คงจะเอาให้ได้ อย่าได้ขัดใจใช่มั้ย ด๊าย…………..ได้

“ครับ จะให้ไปกี่โมงก็บอกนะครับ”

ถ้าจะต้องอยู่ค้างที่นี่ขอเลือกอย่างแรกดีกว่า เรื่องอะไรจะค้างที่นี่ให้โดนแกล้งกันละ


///////////////////////////////////////////////////


“ไงไอ้เสือ”

ภาคภูมิ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสวมแววกันแดดผิวขาวสะอาดสะอ้านอย่างคนชาวกรุง เดินฝ่าฝูงชนจากท่ารถทัวร์ตรงเข้ามาสวมกอดภูผาพอเป็นพิธี ใบหน้าขาวจัดจนเห็นเคราเขียวครึ้มผ่านการโกนมาอย่างปราณีตดูคมคายเจ้าสำอางค์ ผมยาวปะบ่าย่อมเป็นสีน้ำตาลอมแดงนิดๆ ช่างเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญในความคิดของวนัส

“เออๆ สบายดี ไปๆ ขึ้นรถ ไว้ไปคุยกันที่บ้าน” ภูผาละแขนที่กอดเพื่อนไว้หลวมๆพาเดินมายังร่างโปร่ง

“ภาค นี่ วนัส” ภูผาแนะนำร่างบางแก่เพื่อนตน

“สวัสดีครับคุณภาค” วนัสพนมมือไหว้เพื่อนเจ้านายอย่างอ่อนน้อม

ภาคภูมิเลื่อนแว่นกันแดดขึ้นเสยผมคาไว้บนศีรษะ จะด้วยรอยยิ้มที่ติดบนใบหน้าอยู่เป็นนิจ หรือความสดใสในแววตาคู่งามอ่อนโยน ทำให้ภาคภูมิอดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้ ร่างโปร่งบางที่เพื่อนตนแนะนำให้รู้จัก มีกลิ่นอายความบริสุทธิ์สดใสอบอวลอยู่รอบตัว ชวนให้ไว้วางใจได้อย่างน่าประหลาด แต่ด้วยนิ่งงันไปชั่วอึดใจทำให้ถูกศอกแข็งๆของเพื่อนกระทุ้งเข้าที่ชายโครง

“เฮ้ย! น้อยๆหน่อย อย่าเพิ่งออกลายเร็วนักสิแก”

ภูผาแอบกระซิบเหี้ยมเบาๆ แต่ไม่ได้ทำให้เพื่อนสนิทหน้าสลดลงแม้แต่น้อย ด้วยเคยร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาก่อน แค่มองหน้าก็เห็นไปถึงไส้มีกี่ขดๆ

“แกจะบอกว่าแกกินอยู่ละสิ” ภาคภูมิกระซิบตอบเพื่อนที่ยังทำหน้าตึงอยู่

“ไม่ได้กิน แค่ชิมเฉยๆโว้ย”

เสียงกระซิบกระซาบของชายหนุ่มทั้งสองคนที่เดินตามหลังมา เป็นที่ผิดสังเกตจนวนัสอดรู้สึกระแวงไม่ได้ ก็เห็นคุยๆแล้วก็มองมาทางเขาตลอด น่าสงสัยชะมัด ไม่น่ามาด้วยเล๊ย!

“นายจะบอกฉันว่าอย่ายุ่งกับเด็กคนนี่ใช่มั้ย แล้วเอามาล่อทำไม่วะ” ภาคภูมิแกล้งทำท่าหัวเสียใส่เพื่อน

“ไม่ได้เอามาล่อนะเฮ้ย เอามาเปิดตัวต่างหาก” น้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย่องทำให้ภาคภูมิเลิกคิ้วถาม

“หือ………จริง?”

“เออ……จริง”

“เฮ้อ………………ถึงว่าพักนี้ห่างเพื่อนห่างฝูง โทรศัพท์สักตื๊ดก็ไม่มี จนฉันต้องถ่อสังขารลงมาดู ว่าแกถูกสาวน้อยหน้าแฉล้มที่ไหนดึงตัวไว้รึเปล่า ที่ไหนได้เป็นหนุ่มน้อยหน้ามล น่ากินเป็นบ้าเลย ถามจริง ยังไม่ได้กินจริงๆหรือวะ”

“เออสิวะ แกเห็นฉันเป็นไอ้บ้ากามรึไง คนนี่ฉันรักจริงไอ้ภาค”

“อือหือ……………โอเคๆ ไม่ยุ่งก็ได้ กันท่าออกหน้าออกตาซะขนาดนี้” หนุ่มเจ้าสำอางค์ยิ้มพราวในดวงตา

“ยินดีด้วยนะเพื่อน จะให้ช่วยสอนเทคนิคอะไรให้น้องเขาก็บอกน่ะ”

“ทะลึ่ง!………..ฉันสอนเองได้”

ภูผาละสายตาจากหน้าทะเล้นของเพื่อน มองวนัสรับโทรศัพท์พูดคุยอยู่พักแล้วหยุดรอพวกเขาเดินเข้ามาใกล้

“คุณภูผา ขอโทษนะครับ จะช่วยรออีกสักครึ่งชั่วโมงได้มั้ยครับ”

“ได้สิ มีอะไรหรือนัส”

เสียงทุ้มนุ่มนวลของร่างสูงทำให้ร่างบางคลายอาการเกร็งลง เพราะตัวเองรู้สึกเกรงใจที่จะให้ทั้งเจ้านายและเพื่อนเจ้านายมารอธุระของตน

“คือเพื่อนผมนะครับ โทรมาบอกเมื่อกี้ว่าจะมาเยี่ยม แล้วตอนนี้ก็ใกล้จะถึงท่ารถนี้แล้วด้วย”

“surprised?”

“ก็คงงั้นละครับ”

“งั้นเราหาร้านใกล้ๆแถวนี้นั่งรอดีกว่าน่ะ บ่ายๆแบบนี้แดดร้อน น่ะภาค” ประโยคหลังภูผาหันไปบอกเพื่อนตน

ก็ต้องได้สิวะ แกเล่นพูดแทนไปแล้วนี่ จะให้ฉันฉีกหน้าตัวเองกันหนุ่มน้อยหน้าสวยรึไงวะ แล้วไอ้บ้าที่มา surprised เอาตอนนี้มันคิดว่ามันทำดีแล้วใช่มั้ย มันจะรู้มั้ยว่าทำให้คนอย่างฉัน

ต้องมานั่งรอด้วยเนี่ย ทำไมจะต้องมาวันนี้ด้วยวะ แทนที่จะได้ไปนอนตากแอร์ธรรมชาติในสวนเพื่อนเร็วๆกลับต้องมานั่งรอไอ้เด็กเมื่อวานซืน อุตส่าห์ไม่ขับรถมาเองแล้วเชียว ต้องมานั่งเมื่อยก้นต่ออีก

เมื่อถึงเวลา วนัสก็เดินออกไปรับเพื่อน พามายังชายหนุ่มสองคนที่เดินไปรออยู่ที่รถก่อนแล้ว

“ก้อง นี่คุณภูผา เจ้าของไร่ที่เราทำงานอยู่ตอนนี้” วนัสแนะนำเพื่อนตนให้กับเจ้านายเขาก่อน

“สวัสดีครับ” ก้องภพยกมือไหว้รวดเร็ว พลางแอบสำรวจเจ้านายเพื่อนชั่วแวบหนึ่ง แต่ก็เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน ท่าทางสุขุมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ดูน่าศรัทรา ทำให้คลายกังวลว่าเพื่อนตนได้คบหาสมาคมกับคนที่ดี จึงวางใจส่งยิ้มกว้างให้ร่างสูงใหญ่อย่างเป็นมิตร

“เคยได้ยินแต่นัสพูดถึงบ่อยๆว่ามีเจ้านายใจดีมากๆ ต้องให้มารอแบบนี้ ขอโทษจริงๆน่ะครับ ไม่คิดว่าคุณภูผาจะมารับเพื่อนที่นี่ด้วย ผมกะจะทำให้เพื่อนตกใจเสียหน่อย”

“เหรอครับ แต่ก็ดีนะครับจะได้ไปซะพร้อมๆกันเลย” ร่างสูงยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าร่างโปร่งบางพูดถึงตนในแง่ไหน

ภูผาแอบชำเลืองมองร่างโปร่งบางที่แสดงอาการขึงตาใส่เพื่อน ยิ่งพอรู้ว่าถูกเขามองอยู่ ไม่ผิดแน่ เขาเห็นแก้มที่เคยขาวนวลกลับมีสีเรื่อขึ้นมา ที่อุตส่าห์ลงแรงลงใจไปไม่เสียเปล่าเลย หัวใจของภูผาฟูพองคับอก ยิ้มจนแก้มแทบปริให้เพื่อนคนใหม่ อย่างนี้ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อให้ดี จะได้เอามาเป็นพวก วันหลังจะได้แอบถามว่าร่างบางพูดถึงเขาว่าไงบ้าง

“แต่มาช่วงนี้ก็ดีเลยน่ะ จะได้เอาบุญกลับบ้านไปด้วย”

“บุญอะไรหรือครับ”

“ก็พอดีช่วงนี้ที่หมู่บ้านเรากำลังจัดผ้าป่าเข้าวัดสร้างหอระฆังน่ะ ก้องมาได้จังหวะ เราจะได้ชวนไปทำบุญด้วยกัน วันพรุ่งนี้เขาจะมีเลี้ยงฉลองรับพุ่มผ้าป่าด้วยน่ะ” วนัสที่ยืนฟังอยู่ตอบแทนร่างสูง

“ครับ ก็ตามนั้นละ แต่ว่ายังไงเย็นนี้อยู่ทานข้าวซะด้วยกันที่ไร่ภูผาน่ะ” ภูผาเอ่ยชวนเพื่อนลูกน้องตน

“ไว้พรุ่งนี้เถอะครับเจ้านาย”

วนัสรีบชิงตอบตัดหน้าเพื่อนที่ดูท่าจะหลงกลตอบตกลงเจ้านายหนุ่มเจ้าเล่ห์ เต็มใจต้อนรับขับสู้เพื่อนเขาเหลือเกินน่ะ พลางเหลือบตาไปมองผู้มาใหม่อีกคนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ ร่างสูงใหญ่

“ฮะๆ ผมตามใจเจ้าของบ้านก็แล้วกันครับคุณภูผา แล้ว……………….อีกคน…………ใครหรือครับ”

ก้องภพหันมองตามสายตาเพื่อนไปยังชายหนุ่มเจ้าสำอางค์ ท่าทางเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อทำหน้าบึ้งตึงจ้องมองเขาตาเขม่ง มองหาอะไรวะ นี่ถ้าไม่เกรงใจเจ้าถิ่นจะเดินไปถามว่า มีปัญหาอะไรกับเขารึเปล่าฟะ

“เฮ้ย! ไอ้หินไว้ไปถามในรถได้มั้ยวะ ตรงนี้มันร้อนนะเว้ย” ภาคภูมิที่รอให้เพื่อนทักทายเด็กหนุ่มเสร็จก่อนไม่ไหว พูดแทรกเสียงดัง

“เออๆ จริงสิ ก้องนี่เพื่อนผม ชื่อภาค น่ะ มาเที่ยวเหมือนก้องนั้นละ รู้จักกันไว้สิ”

“สวัสดีครับคุณภาค” ก้องภพแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหงุดหงิดของเพื่อนคนใหม่แล้วยกมือไหว้ประหลกๆ

ภาคภูมิกวาดตามองก้องภพตั้งแต่หัวจรดเท้า ชิ……. ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ไอ้ท่าทางกระด้างกระเดื่องแบบนั้นมันหมายความว่าไงวะ ไม่ถูกชะตากับไอ้เด็กอวดดีนี่เลยแฮะ คิดหรือว่าไอ้หัวเกรียนๆ มันเหมาะกับหน้าแกแล้ว แก้มก็ป่อง หน้าก็กลมเป็นซาลาเปา ตัวก็เตี้ย ผอมก็ผอมยังกับไม้เสียบผี ทั้งตัวไม่มีดีแล้วยังทำท่าจองหองอีก เว๊ย! ร้อน หงุดหงิดโว้ย

“หวัดดี จะขึ้นรถได้รึยังละ ไอ้หนู”

ไอ้บ้า ไอ้หน้าปลาจวด ฉันไปทำอะไรให้แกวะ พูดดีๆไม่เป็นรึไง ท่าทางก็ผู้ดีแต่ทำไมมารยาททรามนักวะ แกคิดเหรอว่า ไอ้แว่นกันแดดที่แกใส่มันเข้ากับหน้ายาวๆของแก เป็นผู้ชายอะไรฟะ ขาวจนซีด วันๆเคยออกไปเล่นกีฬากลางแจ้งมั่งมั้ย หรือล่อแต่กีฬาในร่ม แหวะ แล้วท่าทางเนี้ยบๆตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนั้น แกเป็นเกย์รึเปล่าวะ แต่คุณภูผาออกจะแมนหล่อล่ำขนาดนั้น ท่าทางก็ใจดี คิดยังไงถึงมีเพื่อนท่าทางไม่เอาอ่าวแบบนี้เนี่ย

และพอขึ้นรถได้ก็ยังต้องมานั่งหน้าเสมอกับเจ้าหน้าเกย์อีก จะบอกให้รู้ไว้ในใจนะโว้ย ว่าฉันก็ไม่ชอบหน้าแกเหมือนกัน

ภูผาขับรถมาส่งวนัสและก้องภพที่บ้าน ก่อนจะนัดแนะกันไปรับพุ่มผ้าป่าที่วัดวันพรุ่งนี้แต่เช้า

“จะให้โทรมาปลุกมั้ย” ร่างสูงภายในรถถามเบาๆเมื่อร่างบางโน้มตัวลงมาขอบคุณใกล้ประตูรถ

“แค่ 7 โมงเช้า ผมคงไม่ต้องรบกวนเจ้านายหรอกครับ” เพราะเบื่อกับการเย้าแหย่ของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยดูเวล่ำเวลา วนัสจึงตอบคำถามแบบเนื่อยๆแกมประชดไปในตัว

“แต่ฉันอยากโทร”

“ผมจะปิดเครื่อง!”

“เธอผิดกฎ!”

“ผมยังไม่ได้พูดว่า ไม่ ซักคำ” วนัสเบือนหน้าหนีอย่างเอือมระอาในความเอาแต่ใจของเจ้านาย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2010 19:34:51 โดย jeaby@_@ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 7 (29/10/2010) มาเเล้วจ้า
« ตอบ #279 เมื่อ: 01-11-2010 19:27:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
“งั้นกฎข้อที่ 4 ต่อแต่นี้ไปถ้าเธอมีอาการ ไม่ว่าจะด้วยคำพูด ท่าทาง สายตา ดูแล้วเหมือนปฏิเสธฉัน นั้นหมายความว่า ฉันจะเริ่มโมโหในไม่ช้า เพราะฉะนั้นอย่าทำ!”

ภูผาส่งยิ้มจนตาปิดให้ร่างโปร่งบางที่ตาค้าง อึ้งกับความสุดโต่งของร่างสูงอย่างไม่แคร์สายตาเพื่อนในรถที่นั่งมาด้วยอีกคน และก่อนจะได้อายไปมากกว่านี้ เขาจึงพยักหน้าหงึกๆแล้วรีบหันหลังเดินหนีไปให้ไกลจากรัศมีเจ้านายตัวร้ายทันที

“หึๆ เปิดเครื่องรอละ”

เสียงสำทับไล่หลังมาทำให้วนัสรีบลากเพื่อนจ้ำอ้าวขึ้นบ้านไขกุญแจและปิด ปัง!

“สนุกเหลือเกินน่ะ”

ภูผาเหลือบตามองเพื่อนที่เอนตัวเอาสองมือซ้อนท้ายทอยไว้ทางกระจกมองหลัง

“แน่นอน ไม่ได้ลอยไปลอยมาเหมือนแกนี่ คราวนี้เจอใครหักอกมาอีกละ ถึงได้หอบผ้าหอบผ่อนมาหาฉันได้”

เมื่อไม่มีใครอยู่ ภูผาจึงลองเลียบเคียงถามเพื่อนซี้ ที่จู่ๆก็มาหาเขาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ถึงจะดูยิ้มแย้มแจ่มใส แต่แววตาเพื่อนไหววูบ หมองเศร้า แค่เพียงนิดก็ทำให้เพื่อนสนิทที่เคยขึ้นช้างลงม้าด้วยกันมาสังเกตเห็นได้

“อย่าทำเป็นได้ใจหน่อยเลย เจ้าหนูนั้นยังไม่ได้ตกลงปลงใจกันแกซะหน่อย”

ใบหน้าขาวคมคายหันมองออกไปนอกกระจกรถ สายตาทอดไกลเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย เมื่อเห็นเพื่อนไม่พูดต่อก็ถอนหายใจยาว

“คนที่คบด้วยตอนนี้ เชิดรถ เชิดเงินหนีหายไปไหนไม่รู้ว่ะ ทิ้งจดหมายไว้ฉบับเดียวบอกว่า มันไม่ใช่เกย์ ปล่อยมันไปเถอะ หึๆ ง่ายดีมั้ยว่ะ”

“แจ้งตำรวจยัง”

“ไม่ละ ให้มันจบกันไป”

“แก………จริงจัง”

ภาคภูมิหันกลับมามองใบหน้าคมเข้ม คร้ามแดด ที่สะท้อนในกระจกมองหลัง แววตาไหววูบนิดก่อนจะกลับเป็นปกติ

“อืม…………..”


“เอาเถอะ เขาไม่รักก็ปล่อยเขาไป ที่เสียไปก็ถือให้เด็กมันไปเป็นทุนรอนก็แล้วกัน”

“ฮะๆ ก็งั้นละ แต่………………..เจ็บว่ะไอ้หิน”

“อืม………………..แล้วมันก็จะหาย”

ไม่มีคำพูดปลอบโยนใดๆ ออกจากปากภูผาอีก เพราะเขารู้ว่า คนที่จะทำให้ทุกข์นั้นหายไปก็คือตัวภาคภูมิเอง ถึงเขาจะพูดปลอบโยนสักเท่าไร หากใจมันไม่สู้ก็เปล่าประโยชน์ และเพื่อนเองก็คงอยากให้เวลาตัวเองบ้างกับเรื่องนี้

ใช่…..ไม่ต้องรีบร้อนที่จะลืม แล้วมันจะค่อยๆเลือนหายจนไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป อย่างเขาไง

ชายหนุ่มปล่อยให้เพื่อนอยู่คนเดียวเงียบๆไม่คิดจะซักถามอะไรอีก ก็พอจะรู้เรื่องราวอยู่เลาๆบ้างละ ภายนอกถึงจะดูว่าเป็นคนเสเพล เจ้าชู้ประตูดิน แต่ความจริงกลับถูกเขาหลอกแดกตลอด เจ้าเด็กหนุ่มที่เป็นเรื่องคราวนี้ก็เหมือนกัน เสนอตัวมาให้เพื่อนเขาเลี้ยงส่งเสียเงินทอง ก็คิดอยู่ว่าจะไปกันได้นานมั้ย ถ้าโชคดีก็ดีกับเพื่อนเขาไป แต่ถ้าไม่ใช่ เพื่อนเขาก็เจ็บเหมือนเคย จะว่าไป เขากับเพื่อนเหมือนกันอยู่อย่างคือ อับโชคเรื่องคู่ครอง แต่ของแบบนี้ถึงจะไล่ตามแต่ถ้ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ และถ้ามันใช่ มันก็จะมาอยู่ตรงหน้าให้เราได้เอื้อมมือคว้ามาครอบครองไงละ

เมื่อรถจอดสนิทที่หน้าบ้านภูผา ภาคภูมิยังคงนั่งนิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ทำให้ภูผาก้าวลงมาเปิดประตู รุนหลังเพื่อนขึ้นบ้าน

“เอ๊า………..ถึงแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วค่อยมากินข้าวเย็นรับลมที่เฉลียงหน้าบ้านกัน”

ภาคภูมิเข้ามาในบ้านขนาดสามห้องนอนด้วยความรู้สึกอุ่นใจบอกไม่ถูก ถึงจะเล็กแต่มันก็อบอวลไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัว สายตามองหาลูกๆของเพื่อนที่กำลังโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนมองดูเขา

“ไง รูปหล่อของอา มากอดที”

ภาคภูมิตรงเข้าไปฟัดเนื้อนุ่มนิ่มของเด็กน้อยทั้งสองคนอย่างหมันเขี้ยว กลิ่นเนื้ออ่อนๆทำให้เจ้าตัวเผลอสูดดมเข้าเต็มปอด เหมือนจะให้เข้ามาปลอบประโลมเติมเต็มหัวใจที่เหนื่อยล้าให้กลับมามีแรงอีกครั้ง

หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนเด็กๆรำคาญ ดิ้นหลุดหนีไปหาป้าหยดหลังบ้าน เจ้าเพื่อนอมโศกก็พาตัวเองไปอาบน้ำ แล้วจึงออกมานั่งทอดอารมณ์ที่เฉลียงหน้าบ้าน

“ซักกลมเป็นไง” ภูผาทรุดตัวนั่งข้างเพื่อน

“ไม่ละ”

“……………”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนงงงันกับคำตอบของตน ทำให้ภาคภูมิฉุนขึ้นมาตะหงิดๆ

“ไอ้บ้า…………..ฉันไม่ใช่พวกไก่อ่อนสอนขันน่ะโว้ย ต้องมากินเหล้าแก้กลุ้มเป็นไอ้หนุ่มเพิ่งเริ่มริรักไปได้ แต่ถ้าแกจะดื่มฉันเอาด้วยก็ได้”

“ไม่ละ พรุ่งนี้ต้องไปวัด ไปด้วยกันน่ะ”

“ผ้าป่านะเหรอ เอาสิ ขอร่วมทำบุญด้วยคน” ภาคภูมิละสายตาจากท้องฟ้ามืดสนิทหันมองเพื่อนตน

“เด็กนั้นบ้านอยู่แถวนี้เหรอ?”

“ใคร?”

“หึ……………..ก็คนที่แกคอยกันท่าฉันอยู่นะสิ ไอ้งก”

“ไม่ได้งก แต่หวงวะ”

“ฮะฮ้า……………..เต็มปากเต็มคำเชียวนะแก”

“หึ ถ้าเจอคนที่ใช่ มันก็ต้องรีบคว้าไว้ ชักช้าหมาก็คาบไปกินนะสิ”

“เฮ้ย…………..ไอ้บ้านี่” ภาคภูมิสะดุ้งเหมือนกำลังถูกเพื่อนด่าทางอ้อม

“หึๆ บ้านเขาอยู่ติดกับที่ดินของฉันช่วงด้านหน้าทางเข้าไร่ฉันนี่ละ แต่นัสเขาเรียนที่กรุงเทพตลอด เพิ่งกลับมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนี้เอง ตอนพ่อเขาเสียนะ”

“พอเจอก็งาบเลยสิ”

คำพูดแดดดันทำให้ภูผายกยิ้ม

มีความสุขจริงเพื่อนฉัน ภาคภูมิมองใบหน้าเพื่อนที่ยังหลงเหลือร่องรอยของความสุขระบายทั่วใบหน้า ก็ดี ผ่านเรื่องแย่ๆมาก็เยอะ มีความสุขกับเขาสักทีก็ดีแล้ว ที่เหลือก็แค่รอให้ความรู้สึกมันสุกงอมละน่ะ

“ขอให้สำเร็จเพื่อน” คนเจ้าสำอางค์เอ่ยปากอวยพรโดยไม่มองหน้าเพื่อน

“แกก็ด้วย”

“…………..”

“อวยพรล่วงหน้าวะ”

คำพูดให้กำลังใจของภูผา ทำให้ภาคภูมิหัวเราะเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ และเหมือนจะสะท้อนก้องดังไปถึงบ้านหลังน้อยท่ามกลางความมืดมิด บนเตียงนอนกว้างที่รองรับร่างโปร่งบางสองร่างไว้ คนหนึ่งหลับสบายไปแล้ว แต่อีกคนกลับตื่นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

///////////////////////////////////////////////////


“อากาศเย็นดีเนอะที่นี่”

ก้องภพเดินออกมาสูดอากาศเย็นสดชื่นยามเช้าตรู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน ละอองหมองยังคงลอยเอื่อยพาดผ่านภูเขาสูงลดหลั่นสีฟ้าครามเมื่อมองจากที่ไกลๆ

“สวนนายนี่มีแต่มะพร้าว จะไม่ปลูกอย่างอื่นไว้รับแขกบ้างเลยรึไง ใจคอจะให้กินแต่น้ำมะพร้าวเหรอคุณนัส” ร่างผอมบางกวาดตามองไปรอบๆบริเวณบ้านเพื่อน ที่เต็มไปด้วยต้นมะพร้าว

“มันก็มีอย่างอื่นน่ะ แต่ไม่ได้ปลูกไว้มากมาย อย่างมะม่วง กล้วย ขนุน ก็ปลูกไว้แถวๆท้ายสวนโน้น ส่วนใหญ่ก็มะพร้าวนี่ละ ไม่ต้องดูแลมากแถมขายได้ทุกเดือน ถ้านายอยากดูสวนผลไม้ เดี๋ยวฉันพาไปดูที่ไร่ภูผาที่ฉันทำงานอยู่ ที่นั้นมีทั้ง เงาะ มังคุด ลองกอง ทุเรียน เพียบ แต่ต้องวันพรุ่งนี้นะ” เจ้าของบ้านตอบอย่างอารมณ์ดี

“เหรอ แล้วคุณภูผาเขาใจดียอมให้เราไปเดินเด็ดกินในไร่เขาได้รึเปล่าอะ”

“อือ……..ได้……ถ้าแค่กินไม่ได้ขนไปขายที่ไหนละน่ะ เขาไม่ได้หวงห้ามอะไรหรอก”

“ใจดีจริง”

“อืม……..ใจดีมากเลยละ เขาดีกับเรามาก ในไร่เราก็ได้เขาคอยช่วยอยู่ด้วยน่ะ ไม่งั้นก็แย่เหมือนกัน” ร่างโปร่งบางอมยิ้มเมื่อคิดถึงความเอื้อเฟื้อของชายหนุ่ม

“ดีแล้วๆ ที่เจอคนดีๆ นายอยู่คนเดียวฉันก็เป็นห่วงอยู่ รู้รึเปล่า”

ก้องภพหันมาเผชิญหน้ากับเพื่อน ที่เดินมายืนเท้าแขนทั้งสองข้างกับราวระเบียงข้างตน ใบหน้าของเพื่อนสดใส ผิดกับวันที่เขามาที่นี่ครั้งเมื่อบิดาของวนัสเสียชีวิต คงไม่ใช่เพราะทำใจเรื่องบิดาได้เพียงอย่างเดียว วนัสคงพบเจอกับสิ่งดีๆด้วยละมั่ง เพราะแม้จะอยู่คนเดียวเพียงลำพังก็ไม่มีวี่แววของความเหงาซุกซ่อนในแววตาคู่อ่อนโยนเป็นนิจ แต่มันกลับสะท้อนแววตาของคนที่มีความสุขสมบูรณ์ในชีวิตเป็นล้นเหลือ

“เออ! นัสมีซองมั้ย ฉันขอร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าด้วยคนน่ะ”

“อืม…………เจ้าภาพเขากำหนดไว้เสร็จสรรพแล้วสิ นายเอาซองบุญไปละกัน ทำบุญเหมือนกันละเนอะ”

“ได้ๆ พูดเผื่อเจ้าภาพยังว่างอยู่น่ะ”

“ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวคุณภูผาจะมารับไปวัดด้วยกัน”

“เฮ้อ……………อยากมีเจ้านายแบบนี้บ้างจังน้า” ก้องภพแสร้งถอนหายใจยาวกวนประสาทเพื่อนที่ร้อนตัวทำหน้ายุ่ง

ไม่รอให้เพื่อนพูดแซวได้อีก วนัสก็พาร่างโปร่งบางของตัวเองเดินเข้าบ้านไปดูกับข้าวกับปลาไว้ทานรองท้องก่อนไปวัด

เมื่อภูผามารับ พวกเขาทั้งสองก็พร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว

วนัสสวมเสื้อทีเชิร์ตสีฟ้าอ่อนแขนสั้น พอดีตัว คู่กับกางเกงผ้าสีอ่อนดูสว่างสดใสแก่ผู้ที่ได้พบเห็น ส่วนก้องภพสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว กับกางเกงสีเขียวขี้ม้ามีกระเป๋ามากมายจนไม่รู้จะเอาไว้ใส่อะไรบ้าง ดูทะมัดทะแมงสมกับบุคลิกว่องไวของเจ้าตัว

ภูผาเดินมาเปิดประตูให้วนัสเข้าไปนั่งหน้าคู่คนขับ สายตาร่างบางเหลือบมองภาคภูมิที่นั่งเบาะหลังอยู่อย่างสบายอารมณ์ ออกจะแปลกใจนิด แต่วนัสก็ไม่ได้เก็บมาคิดให้รกสมองกับแค่เรื่องนั่งหน้านั่งหลัง ส่วนเพื่อนเขาก็มุดหัวเข้าไปนั่งลอยหน้าลอยตาข้างๆภาคภูมิเรียบร้อยแล้ว

“อิฐกับเมฆละครับ” วนัสออกปากถามเมื่อเหลียวหาไม่พบเด็กทั้งคู่

“เดี๋ยวป้าหยดกับเจ้ารอยจะพาตามไปทีหลัง ปานนี้ลุกจากที่นอนรึยังหรอก”

“ฮะๆ เหรอครับ” ยังเช้าอยู่นี่น่ะ

พอรถออกวิ่งได้ชั่วครู่ เจ้าเพื่อนเขาก็ทำท่ารื้อค้นกระเป๋าสะพายอย่างลุกรี้ลุกรน

“อะไรเหรอก้อง ลืมอะไรรึเปล่า”

“อือ…………..เราท่าจะลืมซองผ้าป่าที่นายให้เมื่อเช้า วางไว้บนโต๊ะกินข้าว ลืมได้ไงเนี่ย” ก้องภพทำหน้ายุ่งกับความเลินเล่อของตัวเอง

ภูผาเห็นก้องภพทำหน้ายุ่งจึงเอ่ยปากกับวนัส

“ใส่ซองจดหมายธรรมดาก็ได้ นัสลองเปิดลิ้นชักหน้ารถดู จำได้ว่าเคยใส่ๆเอาไว้อยู่น่ะ”

มือเล็กจึงเปิดลิ้นชักค้นหาซองจดหมายอยู่ซักพัก ก็ได้มาหนึ่งซองสมใจทั้งคนหาและคนลุ้น แล้วจึงยื่นส่งให้ก้องภพ

“ความจริงไปติดพุ่มที่วัดก็ได้นะก้อง” วนัสมองเพื่อนหยิบธนบัตรออกมาจำนวนหนึ่ง

“เอาแบบนี้ละ” ก้องภพส่งยิ้มสบายๆให้เพื่อน

วนัสพยักหน้ารับรู้ความนัยนั้น ถึงจะทำบุญ แต่ถ้าไปติดพุ่มด้วยจำนวนเงินเยอะๆก็อาจตกเป็นเป้าสายตาคนได้ เขารู้จักนิสัยก้องภพดี ถึงจะเป็นคนโผงผางอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่คนอวดร่ำอวดรวย และเจ้าเพื่อนคนนี้ ลึกๆแล้วเป็นคนขี้ใจอ่อนชนิดคาดไม่ถึงเชียวละ

“มีซองเหลืออีกมั้ยนัส”

คนที่นั่งเงียบมาตลอดข้างก้องภพ เอ่ยถามขอซองจดหมายบ้าง วนัสจึงเปิดลิ้นชักค้นหาอีกรอบ

ภาคภูมิมองซองที่ยังไม่ได้ผนึกในมือก้องภพ ตอนแรกก็ตั้งใจจะไปติดพุ่มที่วัด แต่คิดๆไปทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

“ไม่มีแล้วครับคุณภาค” วนัสตอบเมื่อค้นจนทั่วก็ไม่พบ

“เหรอ” ภาคภูมิพยักหน้ารับรู้

“งั้นใส่ซองเดียวกันกับก้องได้มั้ยครับ”

คำบอกกล่าวของเพื่อนทำเอาก้องภพเหล่ตามองร่างสูงขาวที่นั่งอยู่ข้างๆทันที

“ทำบุญใครเขาฝากกัน” ปากไวรีบพ่นบอกกันท่าอีกฝ่ายทันที จะให้ฉันทำบุญร่วมซองกับเจ้าคนนี่เนี่ยน่ะ ไม่เอาด้วยหรอก กลัวผลบุญจะส่งผลให้ต้องบังเอิญมาเจอกันอีก ขอลาขาดกันตรงนี้ละ

พอเห็นสีหน้าสีตาของคนข้างๆทำให้นึกหมันไส้ขึ้นมาทันที จากไม่ได้คิดอะไรก็เลยพาลอยากจะกวนประสาทคนปากพล่อยสักที ทำยังกับฉันเป็นไอ้ตัวเชื้อโรค กล้าดีนี่ไอ้แห้ง

มือขาวๆคว้าซองในมือก้องภพไปถือด้วยความรวดเร็ว สีหน้าไม่สนใจกับแววตาวาวๆของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

หือ………..ไอ้!……………..วันนี้วันดี อย่าพูดอะไรเป็นอัปมงคลแก่ตัวเองนะ เจ้าก้องภพ คนตัวผอมนึกย้ำในสมองของตนไปมา

“เขาไม่ได้ฝาก แต่เขาเรียกว่าทำบุญร่วมกันต่างหาก” ภาคภูมิส่งยิ้มยียวนกวนประสาทไปให้ก้องภพได้ขุ่นใจอีกรอบ

หลังจากนำเงินใส่ซอง ภาคภูมิก็ปิดผนึกให้อย่างหวังดี ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ถอนตัวทัน แล้วจึงยกซองจรดหน้าผากอธิฐานอยู่ครู่หนึ่งก็ส่งคืนให้เจ้าของ ที่มองตาเขม่งอยากจะกินเลือดกินเนื้อเขา

“ไม่จรดก่อนหรือ”

เสียงถามอย่างอารมณ์ดีของภาคภูมิทำให้มือก้องภพที่กำลังจะยัดซองใส่กระเป๋าสะพายชะงัก ก่อนจะยกซองขึ้นจรดหน้าผากอย่างเสียไม่ได้

ทำบุญๆ

ภาคภูมิลอบยกยิ้มให้กับท่าทางกระอักกระอ่วนใจของคนข้างๆ คิดจะต่อกรกับฉันเหรอ รอไปอีกร้อยปีเถอะ เขี้ยวมันคนละเบอร์กันไอ้หนู

เมื่อถึงวัดพวกเขาก็พากันไปนั่งรวมกับคณะกรรมการวัด พุ่มผ้าป่าจากที่ต่างๆ มารอเตรียมยกขบวนแห่พุ่มเข้าวัดแล้ว

วนัสดึงซองออกจากกระเป๋าเสื้อ เพื่อจะนำไปวางที่พุ่มผ้าป่าของหมู่บ้านตน

“จะไปไหน”

ร่างโปร่งเหลียวมองภูผาที่ละจากการพูดคุยกับกรรมการวัด หันมาถามเขาที่ลุกเดินออกมาได้สองก้าว

“จะเอาซองไปไว้ที่พุ่มนะครับ เดี๋ยวกลับมา”

แต่ภูผากลับกวักมือเรียกวนัสให้กลับไปนั่งที่เดิม พลางดึงซองที่ยังไม่ได้ปิดผนึกไปด้วย วนัสมองภูผาหยิบธนบัตรออกมาจากประเป๋าเสื้อปึกใหญ่ ใส่ลงไปในซองของเขาอย่างเงียบๆ ต่อให้โวยวายไปก็เท่านั้น ถ้าเจ้านายเขาจะทำก็คงหาวิธีจนได้ละ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ”

“แบบไหนครับ”

“แบบขอกวดน้ำคว่ำขันพบกันชาติเดียว ประมาณนั้นละ”

“ไม่ใช่ซะหน่อย” วนัสทำหน้ายุ่งใส่เจ้านายหนุ่มทันที เขาไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้น ช่างหาเรื่องพูดออกมาได้น่ะ

ภูผายิ้มนิดก่อนจะยกซองขึ้นจรดอธิฐานแล้วส่งคืนให้ร่างบาง

“ดี…..จะได้กลับมาเจอกันทุกชาติๆไป”

“…………… แต่ผมอธิฐานขอให้ถึงนิพพานมากกว่า” พูดจบวนัสก็หมุดตัวเดินจากไป ก่อนจะทันได้เห็นแววตาพราวระยิบระยับในดวงตาคู่สีนิล

พอเลี้ยงพระเพลเสร็จ คณะกรรมการวัดรวมทั้งภูผาและวนัส ก็มานั่งล้อมวงเป็นสักขีพยานการนับเงินทำบุญในการทอดผ้าป่าสร้างหอระฆังครั้งนี้

วนัสรีดธนบัตรที่ยับย่นให้เรียบ แล้วจึงค่อยนำไปรวมกันเป็นปึก เพื่อสะดวกแก่การนับ ส่วนภูผาก็นั่งคุยกับประธานคณะกรรมการวัดเรื่องการจัดหาอิฐหินปูนทรายเพื่อก่อสร้างหอระฆัง ร่างบางได้ยินแววๆว่า ภูผาจะช่วยเหลือเรื่องไม้ในการก่อสร้างทั้งหมด หางตาเหลือบมองก้องภพกับภาคภูมิที่นั่งนับเหรียญอยู่อีกกลุ่มหนึ่งข้างๆ

เหรียญบาทสิบเหรียญ เรียงโย้ไปเย้มาเป็นกองๆตรงหน้าก้องภพ จำนวนกองยาวเหยียดในขณะที่คนข้างๆ เรียงเหรียญเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม แต่ด้วยต้องใช้ความปราณีต จำนวนกองเหรียญจึงน้อยกว่าของก้องภพอย่างเห็นได้ชัด ต่างคนต่างเหล่มองการกระทำของกันและกันอยู่เนื่องๆ

ไม่ได้สร้างประติมากรรมกันอยู่นะพ่อคู๊ณ…………… เห็นมั้ย ยังอยู่อีกเป็นกองพะเนิน รีบๆนับเข้าสิ นี่นึกอย่างสุภาพแล้วน่ะคุณชาย

ก้องภพชำเลืองมองอีกฝ่ายที่ชำเลืองมองมาพอดี

ทำอะไรไม่มีความเรียบร้อยเลย เจ้าแห้งเอ๊ย…….. หยาบซะไม่มีละ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนกับคนเรียบร้อยอย่างน้องนัสได้ รายนั้นหยิบจับอะไรก็ปราณีตถ้วนถี่ทุกอย่าง เสียดายจังเลยน๊า……

ภาคภูมิคิดไปทำหน้าปลงสังเวชตัวเองไป แฟนก็ทิ้ง พอเจอคนถูกใจก็มีเจ้าของแล้วอีก ไอ้ครั้นจะไปแย่ง นั้นมันก็เพื่อนสนิท แค่คิดก็นรกแล้ว

ผมมีกรรมอะไรนักหนาหรือท่าน ผลบุญที่ผมทำมา ขอให้ส่งผลให้ได้พบคนที่จริงใจบ้างเถอะครับ เจ็บจะแย่อยู่แล้วนะท่าน ภาคภูมินึกเมื่อมองไปยังองค์พระประธาน

คนท่าทางเจ้าสำอางค์นึกรำพึงรำพันถึงความอัปโชคด้อยวาสนาเรื่องคู่ครอง ไม่ได้สังเกตก้องภพที่ลอบมองอากัปกิริยาของตนแม้แต่น้อย

ทำหน้ายังกับหมาไม่มีเจ้าของ

ใบหน้าที่ถูกค่อนขอดว่ากลมเป็นซาลาเปา สะบัดกลับมาจดจ้องสมาธิกับการนับเหรียญต่อ แต่ไม่วายจะแอบชำเลืองมองอาการหงอยๆของคนข้างๆเป็นครั้งคราว

“พี่น้องครับ งานของเรายังไม่จบแค่นี้นะครับ กระผมตัวแทนคณะกรรมการวัด ขอเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมฉลองพุ่มผ้าป่าสามัคคีในคืนนี้ ตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป ขอเชิญพี่น้องมาชมมหรสพที่มีผู้จัดหามาให้ ทั้งลิเกคณะดาวประดับฟ้า รำวงจากหมู่บ้านของเราเอง หนังและ การละเล่นพื้นบ้าน ขอเชิญมาร่วมสนุกสนานกันน่ะครับ อย่าลืมบอกต่อๆกันไปด้วยน่ะครับ พี่ๆน้องๆ”

เสียงกรรมการวัดสูงอายุพูดออกลำโพงดังก้องไปทั่วบริเวณวัด หลังจากเสร็จพิธีเมื่อบ่ายคล้อยไปแล้ว และชายหนุ่มทั้งสี่ก็เดินลงจากวัดเพื่อจะกลับบ้าน

“คืนนี้มีงานวัดด้วยเหรอ มากันเถอะนัส”

ก้องภพมีอาการดีใจจนออกนอกหน้า จนภาคภูมิที่เดินตามหลังมา แขวะด้วยสายตาให้แผ่นหลังเล็กๆโดยที่เจ้าตัวไม่เห็น ถ้าเห็นอาจไม่ได้กลับบ้านด้วยหน้าตาสภาพดีๆเป็นแน่

“เอาสิ ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกัน” วนัสเห็นดีกับความคิดของเพื่อน

“มีรำวงด้วยละ แถวนี้มีเด็กน่ารักๆมั้ยอะ จะได้เล็งเอาไว้โค้งตอนรำ” ก้องภพพูดพลางยักคิ้วให้วนัส

“ไม่รู้สิ” วนัสส่งยิ้มแหยๆให้เพื่อน ด้วยตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านเป็นการถาวร นอกจากร้านยายติ๋มและไร่ภูผาแล้ว เขาแทบไม่ได้ออกไปไหนคนเดียวเลย จะเพราะอะไร ก็เพราะเจ้านายตัวดีของเขานะสิ ถ้าไม่ไปด้วยก็มีคนงานไปเป็นเพื่อนด้วยตลอด พอทำธุระเสร็จก็กลับทันที แล้วจะได้ไปเจอสาวที่ไหนกัน ถึงจะมีคนงานหญิงสาวหน้าแฉล้มแช่มช้อยในไร่ภูผาอยู่มาก แต่เขาก็รู้สึกเป็นเหมือนเพื่อนเหมือนน้องไม่ซะหมด

“เฮ้ย! กลับมาบ้านตั้งนาน ไม่มีสาวบ้านไหนเข้าตาบ้างเลยรึไง ไม่ได้เรื่อง”

“น้อยๆหน่อย ก็คนมันต้องทำงานนี่”

“งั้นคืนนี้ยิ่งต้องมาเปิดหูเปิดตา คุณหินจะมาด้วยกันมั้ยครับ” ท้ายประโยคก้องภพหันไปชวนภูผาที่เดินตามหลังมาพร้อมกับภาคภูมิ

“เอาสิ มาซะด้วยกันนี่ละ” ภูผาหันไปพยักหน้าชวนเพื่อนตนอีกต่อหนึ่ง

ร่างสูงขาวพยักหน้าตอบรับ ก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้วนี่ แต่ต้องเจอหน้าเจ้าแห้งนั้นทั้งเช้า กลางวัน เย็น แถมก่อนนอนด้วย มันไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรเลยวะ

ภาคภูมิมองเพื่อนแล้วก็ถอนหายใจยาว เข้าใจน่ะว่า แกรักก็อยากจะอยู่ใกล้ชิดติดกันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ฉันไม่ใช่คู่รักอย่างแกนะโว้ย อิจฉาน่ะ เข้าใจมั้ยว่าเพื่อนอิจฉา มันตำตาตำใจเกินไปแล้ว

ค่อนขอดเพื่อนอยู่ในใจก็พลางเหล่ตามองร่างผอมๆที่เขาให้ฉายาเอาเองว่า ไอ้แห้ง ดูๆไปเจ้าหมอนี่ก็หน้าตาดีใช่หยอก ถ้าจะละอาการปากจัดลงบ้าง ก็จะดีไม่น้อย

วนัสปฏิเสธคำชวนของเจ้านายให้ชวนก้องภพไปเที่ยวไร่ภูผา จากนั้นจึงนัดแนะให้ชายหนุ่มมารับไปงานวันตอนค่ำๆ ระหว่างนั้นเขาก็พาเพื่อนทัวร์สวนมะพร้าวตนเอง เดินจนขาลากจึงพาก้องภพกลับมานอนพักเอาแรงสำหรับรำวงคืนนี้

เพียงลำแสงสุดท้ายของวันหายลับไปจากแนวสันเขา ความมืดก็เข้ามาครอบคลุมพื้นที่อย่างรวดเร็ว ไม่มีแสงไฟของบ้านเรือนที่ปลูกกันอย่างแออัด ไม่มีไฟทางด่วนที่คาดพาดบังพื้นฟ้า ไม่มีเสียงรถจอแจให้แก้วหูเต้น แม้แต่ไฟตามท้องถนนก็ยังไม่มี เพราะแถวนี้ยังเป็นถนนดินลูกรัง

เสียงลมพัดผ่านยอดไม้แผ่วพลิ้วชวนให้ทอดอารมณ์ไปไกล บรรยากาศเงียบๆ หากไม่ใช่คนที่ถวิลหาความสงบจริงๆคงจะรู้สึกว่ามันวังเวง แต่ชายหนุ่มร่างสูงขาวกลับยืนให้สายลมเย็นโลมไล้ผิวกายเป็นนานสองนาน จนกระทั่งภูผามาสะกิดให้ไปขึ้นรถเพื่อไปรับอีกสองคนไปงานวัดด้วยกัน

/////////////////////////////////////////////////


เสียงเฮฮาดังเข้ามาภายในรถเมื่อวนัสเปิดประตู ร่างบางมองไปรอบๆบริเวณงานที่มีผู้คนต่างเดินกันขวักไขว่ ลูกเล็กเด็กแดงเดินหอบเสื่อหอบหนังสือพิมพ์เอาไว้ปูรองนั่งเมื่อถึงเวลาหนังฉาย เสียงลำโพงของแต่ละเวที แต่ละซุ้ม ดังจนแก้วหูสะเทือน เวลาจะพูดกันทีต้องตะโกนคุยกันแบบหน้าชิดติดกันถึงจะได้ยิน

วนัสกับภูผาเดินเรื่อยๆมองโน้นมองนี้นำไปก่อน โดยไม่ทันได้หันกลับไปมองก้องภพที่เดินลากขาทะแม่งๆตามมา และมีภาคภูมิเดินตามตบท้าย

ไอ้แห้งนี่ไปทำอะไรมาถึงได้เดินยังกับคนเจ็บไข่ดัน น่าเกลียดเป็นบ้า แต่ก็ตลกดีวะ

ภาคภูมิมองท่าเดินเหมือนคนเจ็บไข่ดันอยู่พัก ก่อนจะรีบเดินแซงด้วยทนดูไม่ได้อีกต่อไป แต่แล้วไอ้ร่างผอมๆที่นึกนินทาในใจกลับเอียงกระเท่เร่มาทางตน จนต้องยกมือขึ้นรับก่อนที่ร่างนั้นจะล้มผ่านหน้าตัวเองไปกระแทกพื้น

“เป็นอะไรของนาย โรครับประทานรึไง” น้ำเสียงแดกดันดังขึ้น เมื่อคนผอมๆมาอยู่ในวงแขนตนเอง

“ทุเรศ” พอตั้งหลักได้ก็รีบดึงตัวเองออกมาจากมือที่ยึดเหนี่ยว แล้วบริภาษออกไปทันที

“เขาห้ามพูดจาหยาบคายที่วัดไม่รู้เรอะ”

แล้วใครใช้ให้นายปากดีแบบนี้เล่า คิดดีๆเหมือนคนอื่นไม่เป็นรึไง รึไอ้คนแบบนายมันคิดได้แต่เรื่องใต้สะดือเป็นอยู่เรื่องเดียว

ไม่ต้องพูดด้วยปาก แค่มองแววตาก็รู้ว่าถูกไอ้เด็กเวรนี่ด่าในใจให้เข้าแล้ว ทำไมทั้งท่าทางหน้าตามันถึงได้วอนโดนแตะแบบนี้วะ คันตีนชิบเป้งเลย เห็นหน้ามันแล้วหงุดหงิดพิกล เป็นอะไรวะ

ก่อนจะได้ฉะลับฝีปากกัน ร่างผอมๆก็เดินกะเผลกๆไปไกลแล้ว

ด่าด้วยสายตาแล้วหนีเรอะ โอ๊ย!……..คันโว้ย

ทั้งสี่คนเดินมองโน้นมองนี่ครบหนึ่งรอบ ก็ตกลงมาหยุดอยู่ที่ร้านก๊วยเตี๋ยวเพราะท้องเริ่มร้องประท้วงกันถ้วนหน้า

“ป้า เล็กน้ำไม่ใส่ลูกชิ้น”

เจ้าคนเดินขาเป๋ พอนั่งได้ที่ก็ส่งเสียงสั่งเจื้อยแจ้วแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด

“ผมวุ้นเส้นต้มยำครับป้า” วนัสคิดนิดก่อนจะสั่งป้าเจ้าของร้าน

“ฉันด้วย”

วนัสหันมองภูผาที่สั่งเมนูเดียวกันแว๊บหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ากับแม่ค้า

“งั้นเป็น 2 แล้วคุณภาคละครับ” ร่างบางหันมองภาคภูมิที่ยังทำท่าครุ่นคิดอยู่

สั่งแค่นี่ยังทำท่ามากอีกน่ะไอ้คุณชาย รึไอ้ก๊วยเตี๋ยวกลางดินแบบนี้มันกระเดือกไม่ลง ก้องภพหยิบตะเกียบกับช้อนลงคนชามก๊วยเตี๋ยวตรงหน้า เมื่อแม่ค้านำมาวาง พลางเหล่มองภาคภูมิด้วยหางตา

“เอาเกาเหลากับข้าวเปล่าก็แล้วกัน”

ก็แค่เนี๊ย คิดตั้งนาน คนตัวผอมนึกค่อนขอดในใจ

หลังจากที่จดจ่อกับคำตอบของอีกฝ่าย จึงค่อยขยับตะเกียบคีบเส้นส่งเจ้าปาก

“ไม่เติมเครื่องปรุงเลยเหรอ”

เสียงถามของภูผาทำให้ก้องภพที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ รีบพยายามกลืนจนน่ากลัวจะติดคอ ร่างสูงจึงรีบโบกไม้โบกมือบอกไม่ต้องรีบ วนัสขำกิ๊กกับท่าทางลุกรี้ลุกรนของเพื่อนพลางช่วยตอบแทน

“ก้องเขาไม่กินเผ็ดครับ ที่บ้านมีเชื้อสายจีนก็เลยไม่ค่อยจะกินเผ็ดกัน”

“แล้วทำไมตัวดำ”

คำพูดแทรกกลางผ่าปล้องของภาคภูมิ ทำให้ก้องภพแทบสำลักน้ำก๊วยเตี๋ยว จนต้องยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ส่วนภูผาก็หันไปถลึงตาใส่เพื่อนทันควัน



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2010 19:35:13 โดย jeaby@_@ »

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
“แกจะบ้าเรอะไอ้ภาค”

“ฉันก็แค่ถามดู ก็ส่วนใหญ่ลูกคนจีนจะขาวเป็นหยวกกันทั้งนั้นนี่”

เจ้าเพื่อนตัวดีกลับยังลอยหน้าลอยตาถามต่อซะนี่

“น้องเขาดำตรงไหนวะ ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆแบบนี้ บ้านแกเรียกว่าดำเรอะ?”

“คุณภูผา ไม่เป็นไรๆครับ”

ก้องภพรีบพูดแทรกประเด็นร้อน ก่อนจะทำให้คนที่เขานับถือต้องมาออกรับแทนเขา เพราะเรื่องสีผิวเขาไม่เหมือนโคตรเหง้าสักราด ก่อนจะหันไปส่งยิ้มเหี้ยมๆให้ไอ้คนผิวขาวปากกวนตีนนั่งตรงข้าม

“ผมชอบเล่นกีฬากลางแจ้งน่ะครับคุณภาค ผิวมันเลยเกรียมแดด ออกมากระดำกระด่างไม่เหมือนพี่เหมือนน้อง แต่ก็ช่างเถอะ เพราะผมมันไม่ใช่พวกตุ๊ดพวกเกย์ ที่ต้องมาห่วงสวยห่วงหล่อ รึคุณภาคคิดว่าไง”

เจอคำพูดแดดดันกลับก็ทำให้ภาคภูมิยัวะขึ้นมาตะหงิดๆ ไอ้เด็กบ้า

เสียงภูผากลั้นหัวเราะกับคำกระทบกระเทียบ จนภาคภูมิต้องยกเท้าเตะหน้าแข้งอีกฝ่ายให้หยุดหัวเราะ พลางมองไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ก็ระวังเกย์อย่างฉันไว้ให้ดีเถอะไอ้แห้ง

“แล้วนี่เป็นอะไรถึงเดินกระเผลกๆ เมื่อกลางวันยังดีอยู่นี่” ภูผาเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อลดบรรยากาศตึงเครียด โดยเก็บความสงสัยบางอย่างไว้ในใจ

“ก็ลูกน้องคุณภูผาสิครับ พาเดินรอบไร่จนขาบวม รองเท้ากัดอีกต่างหาก นี่ขนาดเล่นกีฬาบ่อยๆนะนี่ ยังไม่แคล้วปวดเนื้อปวดตัวเลย” คนตัวผอมแกล้งโอดครวญขึ้นมาทันที

“แล้วแบบนี้จะไปโค้งสาวที่ไหนได้ละ” ภูผาพูดแหย่ถึงรำวงคืนนี้ที่ก้องภพรอคอย

“อือๆ เรื่องนั้นบ่หยั่นครับ”

พอพูดถึงรำวงอารมณ์บูดๆก็ดีขึ้นมาทันตาเห็น พลางเร่งทุกคนรีบกินให้เสร็จเร็วๆ ด้วยหูของก้องภพได้ยินเสียงประกาศเริ่มรำวงรอบแรกแล้ว

รำวงที่พวกเขามายืนล้อมดู เป็นรำวงพื้นบ้าน เรียบง่าย เน้นความสัมพันธ์ของคนในท้องถิ่นมากกว่าการโชว์เนื้อหนังมังสา เพราะชาวบ้านต่างจัดทำขึ้นมาเองไม่ได้จัดหามาจากที่อื่น สาวรำวงก็ได้รับการอาสาจากบรรดาสาวเล็กสาวใหญ่ในหมู่บ้าน ใครเหนื่อยก็นั่งพักผลัดให้อีกชุดขึ้นไปคอยบรรดาสุภาพบุรุษขึ้นมาโค้งออกไปรำวง แต่ก่อนจะโค้งพาสาวรำวงขึ้นเวที ก็ต้องไปหยอดเงินสมทบค่าน้ำค่าไฟซะก่อน รำวงรอบปกติ บรรดาชายหนุ่มก็จะขึ้นไปโค้งสาวรำวงที่ทางวงตระเตรียมไว้ให้ แต่หากเป็นรอบพิเศษ หรือเรียกว่า รอบหวาน คราวนี้ชายหนุ่มจะไปโค้งสาวรำวงหรือนอกวง ก็คือพวกที่ยืนๆดูอยู่ก็ได้ ใครจะโค้งใครออกมารำก็ได้ทั้งนั้น ถือเป็นรอบที่สนุกสนานที่สุด และเป็นรอบที่บรรดาชายหนุ่มเฝ้ารอคอยมากที่สุด เพราะหวังจะใช้โอกาสนี้เกี้ยวสาวที่ตนต้องใจออกไปรำ ทำความสนิทสนมอย่างเปิดเผยแก่ผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้าน แต่ก็อย่างว่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเรียกร้องสิทธิเท่าเทียม เลยเห็นสาวใหญ่บางคนลุกขึ้นไปโค้งหนุ่มน้อยหน้ามลอย่างหยอกเอินเนื่องๆ เรียกเสียงหัวเราะท้องคับท้องแข้งไปรอบวง

วนัสมองเพื่อนลากขาขึ้นไปโค้งสาวใหญ่ ไม่ใช่สาวใหญ่สิ ต้องเรียก แม่เฒ่าถึงจะถูก เพราะรำวงวงนี้ มีสาวรำวงตั้งแต่หน้าแฉล้มแช่มช้อยจนถึงหน้าใกล้แย้มฝาโลงไปนั้นละ ก้องภพพาสาวรำวงรุ่นเดอะออกไปรำเป็นการเปิดโรงเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะเปลี่ยนไปโค้งสาวน้อยหน้าตาหมดจดต่อ โดยไม่ยอมหยุดพัก ทั้งๆที่ขากะเผลกๆนะนั้น

“เพื่อนเธอนี่ตลกดีน่ะ ดูสิ ถูกใจป้าๆแถวนี้กันใหญ่”

ร่างบางหันไปพยักหน้าตอบภูผาอย่างเห็นด้วยเป็นที่สุด

ภาคภูมิมองเจ้าหนุ่มหน้ากวนบาทา จีบนิ้วตั้งวงแข็งทื่อวาดไปทางซ้ายทีขวาที ด้วยอาการทะเล้น แต่กลับถูกอกถูกใจสาวเล็กสาวใหญ่กันเป็นทิวแถว ยัง…..ยังไม่พอ มันยังอุตริออกไปโค้งสาวน้อยหน้านวลที่มายืนดูในรอบหวาน ป้อไปป้อมาจนสาวคนนั้นแก้มแดง ปลงใจเดินตามมันออกไปรำคู่ด้วย เจ้านั้นก็ลีลาแพรวพราวเดินอ้อมหน้าอ้อมหลังให้เด็กสาวอายม้วนต่วน ดู๊….ดู ก่อนหน้านี้ยังโอดครวญว่าเจ็บเท้า แล้วดูมันเถอะ ไอ้กะล่อน!

ก้องภพวาดลวดลายจบไปสามรอบ แล้วจึงพาร่างกายเหงื่อท่วมออกมาเรียกร้องหาน้ำเป็นการใหญ่ แล้วตั้งท่าจะกลับเข้าไปใหม่

“ยังจะกลับไปอีกเหระ” วนัสตาโต

“แหมๆ ยังโค้งสาวหมู่บ้านนี้ไม่หมดเลย จะรีบไปไหนละ”

เจ้าเพื่อนจอมทะเล้นตอบไปพลางกวาดตามองหาที่หมายใหม่ไป

“เดี๋ยวก็ถูกตืบไม่รู้ตัวหร๊อก”

ก้องภพหันขวับมองต้นเสียงกระทบกระเทียบ เห็นๆอยู่ว่าเป็นเจ้าผู้ใหญ่สมองเด็กพูด แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้มองมาทางเขา เหมือนจะพูดฝากลมมาบอกยังงั้นละ ฝากลมก็พัดไปตามลมนั้นละ

คนตัวผอมๆทำเป็นไม่ได้ยิน กลับชวนวนัสขึ้นไปด้วย ทำให้ร่างบางจำต้องขึ้นไปโค้งแม่เฒ่าสุขภาพดีออกมารำอย่างสนุกสนาน พอจบหนึ่งเพลงก็เดินออกมาปล่อยให้เพื่อนวาดลีลาขุนแผนต่อไป

“คุณภูผาไม่โค้งใครบ้างหรือครับ คุณภาคด้วย”

วนัสที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหันไปทางนั้นทีทางนี้ที ทำให้ภูผายิ้มอย่างเอ็นดู

“ไม่ละ ดูเขาแบบนี้ก็สนุกดีแล้วละ น้ำมั้ย”

ร่างบางรับขวดน้ำมายกดื่ม พลางกวาดตามองใบรอบๆบริเวณที่เริ่มมีวัยรุ่นชายเกาะกลุ่มกันเป็นกระจุกในบางช่วง ยิ่งดึกคนยิ่งหนาตา เสียงหนังเริ่มฉายเรื่องแรกแล้ว ทำให้รอบบริเวณมีเสียงอึกทึกยิ่งขึ้น

ภาคภูมิที่ยืนนิ่งดูชาวบ้านออกมารำโดยไม่ได้เข้าไปร่วมวงด้วย แต่เขากลับรู้สึกสนุก สบายใจกับการแสดงออกอย่างฉันมิตรของชาวบ้านที่นี่ รู้สึกถึงบรรยากาศของความอบอุ่นรื่นเริงล้อมรอบตัวเองไว้ ไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดียวแม้แต่น้อยอย่างที่ผ่านมา จนร่างของเจ้าคนหน้าหมันไส้เข้ามาอยู่ในกรอบสายตาอีกครั้ง คราวนี้พาเด็กสาวนางหนึ่งมาด้วย

“นัส”

มองตาก็รู้ว่าก้องภพพาเด็กสาวคนนี้มาให้เป็นคู่เขาออกไปรำวง เขาจะไปโดยไม่เกี่ยงเลยถ้าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่ นางสาวดาว หาเรื่องให้เขาแล้วมั้ยละเจ้าเพื่อนตัวดี ยิ่งอยากอยู่ห่างๆ ไม่อยากไปให้ความหวังกับเด็กเขา

ส่วนหญิงสาวก็ทำท่าสะเทินอายบิดตัวไปมา จนเขาเองกลับรู้สึกกระดาก ถ้าจะต้องปฏิเสธ คงจะเป็นการฉีกหน้าที่น่าเกลียดเกิดไป ยังไงก็คนหมู่บ้านเดียวกัน ทำให้เขายิ้มรับและผายมือออกไปข้างหน้าเป็นการเชื้อเชิญ

ก่อนจะเดินออกไปกับเด็กสาว ความอบอุ่นเพียงแผ่วพลิ้วที่ปลายนิ้วทำให้ร่างโปร่งหันกลับไปมอง ก็พบภูผามองมามีสีหน้าเจื่อนๆ ทำเอารู้สึกใจหาย แต่ก็ต้องเดินออกไปทั้งๆที่ใจอยากจะเดินกลับไปถามชายหนุ่มว่าเป็นอะไร

วนัสปลายตามองร่างสูงจนกระทั้งขึ้นไปอยู่บนลานเวทีกว้าง

เมื่อเริ่มบทเพลงเขาทั้งสองก็เดินไปตามจังหวะเป็นวงกลม ระหว่างที่รำไปรอบๆวงก็จะได้ยินเสียงผิวปากวี๊ดวิ๊วตลอดเวลา พร้อมทั้งสายตาหยอกเย้าคู่เขาเป็นระยะๆ นี่คงคิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วสิ เฮ้อ……………… จะไปห้ามไม่ให้เขาคิดก็ไม่ได้หรอก ก็สุดแท้แต่ใจคนก็แล้วกัน ใจเขา เขาย่อมรู้ดีว่าต้องการอะไร มันจะไม่ไหวเอียงไปตามแรงเชียร์ของผู้คนแน่นอน

วนัสรักษาระยะห่างจากร่างเด็กสาวไว้พอควร ไม่ให้ ใกล้จนกลายเป็นจาบจ้วง ไม่ให้ไกลจนให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าถูกรังเกียจ และคงเพราะมีสายตาผู้คนต่างจับจ้องมองมานับร้อยคู่ เด็กสาวจึงดูสงบเสงี่ยม อมยิ้มน้อยๆเหมือนเขินอายตลอดเวลาที่มีคนแซว ดูๆไปก็น่ารักดีเวลาเป็นแบบนี้ ไม่เห็นจะต้องทำตัวเป็นสาวใจกล้าก็ดูน่ารักน่ามองไม่น้อย

เดินไปรำไปจนวนได้รอบ วนัสก็เหลือบตามองเจ้านายหนุ่ม ที่ดูจะมองมาทางเขาตลอดเวลา ร่างสูงส่งยิ้มน้อยๆมาให้เขา แต่ในรอยยิ้มนั้นเขากลับรู้สึกว่ามันฝืดเฝื่อนพิกล เห็นแล้วเหมือนมีน้ำแข็งเข้ามาเกาะจับขั้วหัวใจตัวเอง

คุณภูผา……………..


ไอ้เด็กบ้า! ภาคภูมินึกสบถในใจเพราะก้องภพส่งสายตาล้อเลียนมายังตน เหมือนจะพูดว่า ทำได้ป่าวลุง แบบนั้นเลย เพราะไม่อยากจะใส่ใจจึงหันไปพูดคุยกับเพื่อนตนแทน

“ทำหน้ายังกับอยากไปอยู่ตรงนั้นซะเอง”

ภูผาแค่เหลือบมองเพื่อนนิดหนึ่งแล้วยิ้มเยาะให้ตนเอง

“ถ้าตัดสินใจเลือกทางนี้แล้วก็ต้องอดทนวะ” ภาคภูมิพูดแทนใจเพื่อนสนิท ไม่มีหรอกไอ้ทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอะไรแบบนั้น มันมีแต่ทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามของจารีตประเพณี ความรู้สึกนึกคิด คำพูดของสังคมของแต่ละคน ที่หล่อหลอมให้เกิดเป็นอุปนิสัย และแสดงออกทางด้านการยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทางใด จะรับได้หรือต่อต้าน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถึงเราจะรับได้กับปฏิกิริยาของคนรอบข้าง แต่คู่ของเราละ พร้อมจะไปกับเราด้วยรึเปล่า

การเก็บง่ำความรู้สึกของตนต่อหน้าสาธารณะชนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ ไม่ใช่เพื่อตนเองหรือคู่ของตน แต่เพื่อให้เราอยู่ร่วมกับสังคมที่ยอมรับความแตกต่างได้ไม่มากนักอย่างปกติสุขต่างหาก ถึงแม้มันจะเจ็บหยอกในอกแค่ไหนก็ตาม

ภาคภูมิพูดไปก็มองร่างผอมแห้งรำป้อสาวคนโน้นคนนี้ไปทั่ว สายตาก็คอยเหลือบแลเยาะเย้ยเขาไปด้วย อย่างนี้มันหมิ่นเชิงชายกันชัดๆ ไอ้เด็กบ้า ฉันแค่อยากยืนดูเฉยๆ ไม่ใช่ว่าฉันไร้ความสามารถนะโว้ย สาวๆน่ะ ฉันจะจีบทิ้งจีบขว้างยังไงก็ได้ รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันนะไบ

พอจบเพลงวนัสก็บอกลาเด็กสาวลงจากเวทีมาหาภูผาทันที ร่างโปร่งส่งยิ้มที่คิดว่าดีที่สุดหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้ร่างสูงใหญ่ ก็ไม่รู้ละ ตอนนี้เขาอยากทำแบบนี้ เผื่อไอ้ความรู้สึกใจแป้วใจหายเมื่อกี้มันจะหายไป และร่างสูงก็ยิ้มตอบกลับมาแต่โดยดี

วนัสยังไม่ทันได้พูดกับภาคภูมิ เจ้าตัวก็เดินสวนออกไปพร้อมกับประโยคที่ดูจะจงใจพูดกับเจ้านายเขาคนเดียว

“หรือไม่ก็ใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้”

ภูผามองเพื่อนสนิททิ้งคำพูดไว้ลอยๆแล้วเดินขึ้นเวทีรำวง ตรงดิ่งไปยังร่างผอมแห้งที่กำลีงจะโค้งขอเด็กสาวในหมู่บ้านออกมารำวงในรอบหวาน

“คุณภาคเขาพูดถึงอะไรหรือครับ”

วนัสถามด้วยไม่รู้ว่าเพื่อนของเจ้านายตนต้องการจะสื่อถึงเรื่องอะไร แต่ร่างสูงใหญ่ไม่ตอบกลับหัวเราะแทน ทำให้เขาต้องมองตามสายตาร่างสูงไป ก็พบว่าภาคภูมิกำลังโค้งขอก้องภพออกไปรำวง

จะว่าไปมันก็ไม่ใช่การโค้งขออนุญาติหรอก แต่มันเป็นการลากไปซะมากกว่า เขามองเหตุการณ์นั้นอย่างงงๆ พลางเหลือบตากลับมามองร่างสูงเหมือนจะขอคำอธิบาย แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่อมยิ้มและส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่า ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“อะไรของนาย!” ก้องภพตกใจเมื่อตัวเองถูกภาคภูมิลากถูลู่ถูกังมาบนเวทีลานรำวง

“ก็รำวงไง” ร่างสูงขาวซ้อนเข้าด้านหลังแล้วจับมือผอมๆขึ้นตั้งวง เตรียมพร้อมสำหรับเพลงต่อไป

“จะบ้าเรอะ! เขาให้ไปโค้งผู้หญิงโน้น” แววตาหาเรื่องสุดฤทธิ์ และเริ่มยื้อยุดออกจากวงแขนของเจ้าหนุ่มสำอางค์แต่แรงเยอะยังกับอะไรดี

“อ้าว! ก็ไหนว่ารอบหวานจะไปโค้งใครออกมารำวงก็ได้ไง” หน้าขาวคมคายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังยักคิ้วหลิ่วตาให้คนผอมๆที่โกรธจนเนื้อตัวเต้น

“เขาไว้ใช้กับผู้หญิง เจ้าบ้า! ปล่อยสิ” ก้องภพพูดเค้นไรฟันเพื่อข่มให้เสียงเล็ดลอดออกมาเบาที่สุด เพราะยังมียางอายอยู่

“เมื่อกี้ยังเห็นผู้หญิงไปโค้งผู้ชายออกมารำได้เลย แล้วฉันจะโค้งผู้ชายด้วยกันออกมารำบ้างไม่ได้รึงัย?” ภาคภูมิพูดอย่างติดตลกแต่มันไม่ตลกในความคิดของก้องภพเลยสักนิด

“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้น่ะ! เดี๋ยวก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคู่เกย์หรอก”

เมื่อบทเพลงเริ่มขึ้น ร่างสูงก็หลุนหลังให้ก้องภพออกเดินตามจังหวะ พลางจับมือทั้งสองข้างไว้แน่นเพราะมันเริ่มกำเป็นหมัด พร้อมเสยเข้าปลายค้างเขาแล้ว

“นายเป็นเกย์รึไงกัน”

“เปล่า เป็นไบต่างหาก”

ภาคภูมิก้มมองหน้าที่เงยหงายหลังมองเขาตาค้าง แล้วส่งยิ้มชนิดเสียวสันหลังให้ร่างในอ้อมแขน

“ปะ……ปล่อยนะโว้ย! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน” ก้องภพพยายามสะบัดตัวหนีจากแขนแข็งแรงที่ยึดจับไว้

“นี่………….มองไปรอบๆสิ”

ก้องภพชะงักและมองไปรอบๆตามคำบอกของภาคภูมิ แทบสิ้นสติ ดวงตาเป็นร้อยคู่ต่างจับจ้องมองเขาที่กำลังดิ้นยึกยักกับร่างสูง พร้อมกับหัวเราะกันกิ๊กกั๊ก โดยไม่คิดจะเก็บง่ำความรู้สึกเอาไว้แม้แต่น้อย โอ้…….พระเจ้าช่วย เขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ

“ปล่อยน่ะ”

“นี่……….ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้านายยิ่งดิ้นแล้วเดินหนีลงไปจากเวที คนพวกนั้นเขาจะคิดว่านายเป็นเกย์แน่นอน แต่ถ้านายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รำไปตามเรื่องตามราวของนาย พวกนั้นก็จะคิดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นแค่การหยอกล้อกันธรรมดาๆ เท่านั้นละ หึๆ”

คำแนะนำที่ก้องภพไม่อยากจะได้ยินจากปากของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ก้องภพโมโหยิ่งกว่าเดิม แต่ความอายก็ทำให้ต้องหยุดคิดหาหนทางที่จะรักษาหน้าของตนให้มากที่สุด

ภาคภูมิเฝ้ามองใบหน้านวลจ้องหน้าเขาเขม่ง พลางข่มริมฝีกปากแน่นอย่างคนกำลังตัดสินใจ ก็บอกแล้วกระดูกมันคนละเบอร์กันไอ้หนู คิดจะท้าฉันมันก็ต้องเจอแบบนี้ละ ไอ้เด็กตัวแสบ

และดูท่าร่างผอมบางจะตัดสินใจเลือกอย่างหลัง จึงได้ฝืนยิ้มให้คนที่ยืนดูรอบๆวง แล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดลงมือจีบงามๆให้ภาคภูมิรับรู้การตัดสินใจ

จำไว้เลยน่ะแก ไอ้บ้าเอ๊ย ก้องภพคิดอย่างเข่นเขี้ยว

ภาคภูมิปล่อยมือแล้วเดินรำกันไปเรื่อยๆ พออีกฝ่ายทำท่าจะรีบเดินออกห่าง เขาก็จะรีบเดินตามไปประกบเหมือนพ่อแง่แม่งอนยังไงยังงั้น เรียกเสียงฮาจากคนรอบวง เป็นที่สนุกสนานครื้นเครงกันไปทั่ว เพราะมองจากคนภายนอก ก็แค่ผู้ชายสองคนแกล้งกันก็เท่านั้นเอง แต่คนที่ถูกแกล้งอยู่ข้างหน้าเขาดูจะไม่โสภาซักเท่าไร เพราะถึงปากจะยิ้มแต่แววตาเอาเรื่อง ไม่แน่พอลงจากเวทีเขาอาจหัวแตกได้

ก้องภพฝืนรำเล่นละครจนจบเพลง แล้วจึงกระทืบเท้าเดินตึงๆลงจากเวทีไปทันที ทิ้งให้ภาคภูมิเดินอ้อยอิ่งยิ้มกริ่มตามออกมา พอได้เผชิญหน้ากัน ร่างผอมก็พ่นคำใส่หน้าร่างสูงทันที

“นายจะบ้าหรอ! เดี๋ยวได้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอก”

“จะกลัวอะไร ไม่ใช่คนที่นี่ซักหน่อย พอกลับกรุงเทพไปพวกเขาก็ลืมกันหมดแล้ว”

“………!” ไอ้มักง่าย ไปที่ไหนไม่คิดจะทิ้งความดีให้คนเขานึกถึงบ้างเลยรึไง พูดกับคนบ้าเดี๋ยวจะพลอยบ้าตามไปด้วย พลางสะบัดตัวเดินหัวเสียไปหาเพื่อนที่ยืนคอยอยู่

“ภาคเขาล้อเล่นน่ะ อย่าถือโกรธกันเลยน่ะ” ภูผาเห็นหน้ายุ่งๆของเพื่อนคนรักก็อยากจะไกล่เกลี่ยความให้

“ล้อกันแรงนะครับ” เพราะยังเกรงใจภูผา ก้องภพจึงไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้คุณชายบ้านั้นต่อ จึงขอเปลี่ยนสถานที่ไปดูหนังกลางแปลง ใครมันจะไปหน้าทนยืนให้ใครต่อใครแถวนี้หัวเราะล้อกันอีกละ

ไอ้บ้าเอ๊ย ฝากไว้ก่อนเถอะ

วนัสชะโงกนัดแนะเวลากลับกับภูผา ก่อนจะเดินตามเพื่อนไปติดๆ

ภูผาเหลือมมองไอ้เพื่อนตัวแสบที่เดินเข้ามาใกล้อย่างลอยหน้าลอยตาอารมณ์ดี

“แกแกล้งน้องเขาแรงไปรึเปล่าภาค เขาโกรธจริงๆนะนั้น”

“ก็หมันไส้วะ ทำหน้าท้าอยู่ได้”

“ขอเถอะว่ะ นั้นเพื่อน…………”

“เออๆ รู้แล้วน่า………….. ฉันไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของแกกันน้องนัสสะบั้นลงเพราะเรื่องแค่นี้หรอกน่า”

ไอ้นี่ มันจะมาไม้ไหนกันอีกละ ก่อนมายังซึมเศร้าอยู่เลย แล้วดูตอนนี้สิ หน้าระรื่นเชียว จะไว้ใจได้มั้ย แกจะทำอะไรก็เรื่องของแก อย่าลากฉันเข้าไปวุ่นวายด้วยก็แล้วกัน ภูผาขึงตามองเพื่อนอย่างหมายมาด

เห็นสายตาของเพื่อนภาคภูมิจึงส่งยิ้มใสซื่อให้อีกฝ่ายเบาใจ แต่ภายในคิดอะไรนั้น ใครจะรู้นอกจากตัวเอง

ไอ้เด็กบ้า





TBC



มาต่อเเล้วจ้าขอบคุณทุกคอมเมนท์ ชื่นใจจัง

หายไปสองวันนิดๆๆๆ เเอบไปอ่านนิยายมา ติดเลย (love sick อ่านกันไปทั้งประเทศเเล้วมั้งเนี่ยเหลือช้านคนเดียว)

เมื่อคืนนอนดึก ตื่นเช้า มึนตึ๊บ :z10:

ตอนนี้ยาวม๊าก มากกก เปิดตัวอีกคู่ละ (ส่วนตัวเเล้วชอบคู่นี้นะอิอิ ชอบคนชื่อภาค กร๊ากก :impress2:  )

:bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2010 19:41:09 โดย jeaby@_@ »

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #282 เมื่อ01-11-2010 20:18:29 »

เห็นปุ๊บกดปั๊บ  ตอนนี้ยาวได้ใจเลยค่ะ
ดีใจจัง55555


คู่พระนางของเราก็เริ่มหวานมีเปรี้ยวๆจากคู่รองมาแบบนี้ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
ฮา ทั้ง2คนนั้นมากเลยอ่ะ


เนื่อเรื่องและบรรยากาศยังคงละมุนละไมเช่นเดิมเลยนะคะ
ขอติอย่างเดียงคือเรื่องของเสียงวรรณยุกต์ในแต่ละคำค่ะ
บางครั้งมันทำให้ออกเสียงผิดไปเนอะ...



สู้ๆค่ะ   รอติดตามอย่างใจจดจ่อ o13

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #283 เมื่อ01-11-2010 20:25:40 »

ว้าว ๆ ๆ สองคู่ชู้ชื่นกันล่ะทีนี้
คู่ก้องกับภาคนี่คงได้รสชาติจัดจ้านดีเนอะ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #284 เมื่อ01-11-2010 20:35:41 »

ว๊าวววววววววว
คู่ใหม่น่ากรี๊ดดดดดดดดดดมากมาย
 :sad4:


รอตอนต่่อไปเน้อ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #285 เมื่อ01-11-2010 20:39:39 »

ชอบทั้งสองคู่เยยยย :m1:

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #286 เมื่อ01-11-2010 20:45:35 »

เห็นปุ๊บกดปั๊บ  ตอนนี้ยาวได้ใจเลยค่ะ
ดีใจจัง55555


คู่พระนางของเราก็เริ่มหวานมีเปรี้ยวๆจากคู่รองมาแบบนี้ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
ฮา ทั้ง2คนนั้นมากเลยอ่ะ


เนื่อเรื่องและบรรยากาศยังคงละมุนละไมเช่นเดิมเลยนะคะ
ขอติอย่างเดียงคือเรื่องของเสียงวรรณยุกต์ในแต่ละคำค่ะ
บางครั้งมันทำให้ออกเสียงผิดไปเนอะ...



สู้ๆค่ะ   รอติดตามอย่างใจจดจ่อ o13



ดีใจที่ชอบเรื่องนี้จ้าขอบคุณมากค่ะ ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลย
เดี่ยวจะมาเเก้ค่ะ

ดีใจที่ชอบเรื่องนี้จ้า

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #287 เมื่อ01-11-2010 20:49:59 »

เปิดตัวคู่ใหม่ มาถึงก็ตีกันซะ
ต่างคนต่างแรงจริงๆ
พอกลับไปอ่านคู่หลักเนี่ย รู้สึกว่าหวานขึ้นมาอีกเท่าตัวได้

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #288 เมื่อ01-11-2010 20:50:56 »

ตอน8มาแว้ววววว
เปิดตัวคู่รองที่สุดแสนจะแซ่บ อิอิ

คุณหินแอบมีเคืองนะนั่น
ที่น้องนัสโดนคนอื่นมาโค้งออกไปรำวง
ยังดีที่น้องนัสใส่ใจในความรู้สึกของคุณหิน
เลยไม่ดราม่ามาก ><

คู่รองนี้เค้าแก้ทางกันได้เยี่ยมมากๆ
พี่ภาคสมแล้วที่ประสบการณ์โชกโชน อิอิ

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #289 เมื่อ01-11-2010 20:51:18 »

อู๊ยเพ้อ~ ไม่เป็นอันเรียนเลยแหล่ะ
พอตอนนี้มาซะจุใจ ก็อมยิ้มทั้งเรื่อง
ขอกระโดดกอดคนแต่งคนอัพที่เท๊อะ!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
« ตอบ #289 เมื่อ: 01-11-2010 20:51:18 »





ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #290 เมื่อ01-11-2010 20:55:55 »

คู่นู๋ก้องกะพี่ภาค นี่ แสบ พอๆ กัน มวยถูกคู่หละ ส่วนนู๋นัสกะคุณหิน นิ ค่อยๆหวานๆ

RakorN

  • บุคคลทั่วไป
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #291 เมื่อ01-11-2010 21:02:02 »

ชอบคู่รองด้วยค่ะ พี่ภาคกับน้องก้องกัดกันแบบนี้รับรองลูกหัวปีท้ายปี ชัวส์!
แต่ยังไงเค้าก็รักกกกน้องนัสเหมียนเดิมมม :กอด1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #292 เมื่อ01-11-2010 21:11:50 »

คู่รองนี่อย่างฮาเลยแฮะ  มาทีเยอะ ๆ แบบนี้  ชอบค่ะ  อิ อิ
อ่านสะใจไปเลย

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #293 เมื่อ01-11-2010 21:17:27 »

ตอนนี้ยาวจริงอะไรจริง
อ่านแบบจุใจมาก

คู่รองน่ารักเนอะ แสบพอกันทั้งคู่


ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #294 เมื่อ01-11-2010 21:24:11 »

 :L1:น่ารักเพิ่มมาอีกคู่นึงแล้ว คู่กัดชัดๆ

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #295 เมื่อ01-11-2010 21:26:37 »

คิกๆ คู่ภาคภูมิกับก้องภพท่าทางจะฟาดฟันกันด้วยคำพูดอย่างสนุกสนานเป็นแน่แท้
คู่ภูผากับวนัส น่ารัก บรรยากาศดูเบาๆ สบายๆ
 :-[


 :กอด1:

lasom

  • บุคคลทั่วไป
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #296 เมื่อ01-11-2010 22:29:53 »

คู่รองเปิดตัวได้แรงงงงงงมักๆๆๆ พ่อแง่แม่งอนอย่างนี้เค้าว่าจะได้ลูกหัวปีท้ายปีน้าส  :laugh:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #297 เมื่อ01-11-2010 22:44:50 »

+ 1 จัดไปแล้วนั่งรอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:

taem2love

  • บุคคลทั่วไป
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #298 เมื่อ01-11-2010 22:47:56 »

จองก่อนนะ

ออฟไลน์ kboom

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 498
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ====WITH ALL MY HEART!!! BY SAKE=== Part 8 (01/11/2010) Page 10
«ตอบ #299 เมื่อ01-11-2010 23:00:24 »

โอ้เเม่เจ้า
มาแล้ว ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด