Part 15
...จูบแรกของกู..เสร็จมึงซะงั้น..
.
.
.
.
เช้านี้กูเรียบร้อยตั้งกะยังไม่หกโมงสิบนาที มีเวลาติดฉึ่งเรื่อยเปื่อย ก่อนถึงเวลาที่ไอ้โต๋ จะมารับ
เวลาที่เหลือระหว่างรอ ไอ้ตะเกียงอ่านตำราแพทย์เกี่ยวกับเส้นประสาทของร่างกายคน
กูชอบมากๆ เรื่องนี้ เพราะทำให้เข้าใจสรีระและองค์ประกอบของเส้นประสาท
ที่ส่งผลต่ออารมย์ความรู้สึกต่างๆ
“ก๊อกๆ..ๆ..” มาแล้วครับ ตรงเวลาดีจริงๆ ก่อนเปิดประตู ไม่ประมาทส่องตาแมวดู ใช่มันหรือเปล่า
ไม่ผิดไอ้คนเดิม เหมือนมันจะรู้ว่ากูดูตาแมวอยู่ จ้องตอบกูซะนี่ อะจึ้ย!...ตาแม่งดุโครตง่า.....
“หวัดดี...พร้อมแล้ว” ทักทายมันด้วยรอยยิ้มอารมย์ดี เปิดประตูปุ๊ป ล๊อคกลับปั๊ป
วันนี้ไม่ต้องให้มันเข้ามารอ เดี๋ยวแม่งกัดกูอีก
“หึ...” ชิ...ทำหัวเราะขึ้นจมูก กูอุตส่าห์หวัดดีมึง ไม่มีทักกูกลับ โมโหแม่งแล้ว
ไม่รอมันแหล่ะ เดินหนีเลยดีกว่า
เดินออกจากลิฟท์ไม่มีพูดกันมาตลอดทาง มันก็เดินตามต้อยๆ หน้านิ่งไม่พูดไม่จาได้อีกเมิง
ไม่ชอบท่าทางแบบนี้อ่ะ นึกจะทำอะไร มันเอาแต่ใจตัวเองทุกอย่าง กูรู้สึกอึดอัดเหมือนแม่งเป็น
รองมันซะงั้น หมั่นไส้ชิบ เดินถึงรถเปิดประตูขึ้นข้างหน้า ไม่ลืมยกมือไหว้สวัสดีลุงพี
แกรับไหว้พร้อมยิ้มให้ ก่อนจะทำหน้างงเมื่อไอ้ตะเกียงจัดการเข้าไป
นั่งหน้าแป้นแล่นตีคู่ข้างแกเฉยเลย นั่งก้นยังไม่ทันเย็น ลุงแกหุบยิ้มหน้าเจื่อนๆ
เห็นแกมองไอ้คุณชายโต๋ มันยืนมองข้างประตูตรงกูนั่งอยู่นิ่ง ๆ ชั่วอึดใจ
ก่อนกระชากประตูเปิดอ้าซ่า กูหันไปมองหน้ามัน ดูมันจะทำอะไร
.
.
“ลงมานั่งข้างหลัง” สั่งกูอีก ตลอดแหล่ะมึง
“ ( >O< ) ?...” ไม่ทำตามมึงซะอย่าง นั่งหน้ามึน ลองดูสิมึงจะเอาไง
“ตะเกียง..บอกให้ลงมานั่งข้างหลัง ได้ยินไหม...” กูก็เฉย..ทำหูทวนลมซะงั้น
ลุงพีแกเริ่มยุกยิก ดูร้อนร้นกว่ากูอีก แหมรู้สึกลุงจะเกรงไอ้บ้าอำนาจนี่จังเน่อะ?
“กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย...อย่าท้าทาย ก่อนที่มึงจะโดนดี” มันคงโมโหน่าดู ตาแม่งน่ากลัวชิบหาย
กูคิดผิดคิดถูกว่ะ! ที่ไปยั่วโมโหแม่งมัน กูไม่ผิดสักกะหน่อย จะเป็นเชี้ยไรว่ะ! กะอีแค่กูจะนั่งข้างหน้า
มึงแหล่ะ! ผิดเต็มๆ ทำไมมึงไม่บอกเหตุผลมาก่อน ห้ามไม่ให้กูนั่งหน้าเพราะอะไร
ในเมื่อมึงไม่ยอมพูด เอาแต่สั่งกูไม่ทำตามก็แค่นั้น
“หมดเวลาแล้ว...ตกลงต้องการทดสอบ..ได้..” พูดจบมันก็มุดหัวเข้ามาเอาตัวคล่อมกู
มือยันเบาะกันกูทั้งสองข้าง เร็วเกินคาดกูยังคิดไม่ทันว่ามันจะทำอะไร มันก็ฉกจูบวูบเข้าประกบปากกู
แอร๊ยยยๆๆๆ....ว๊ากกกกๆๆ กูขยับไม่ได้เสียเปรียบทางสมรภูมิที่ตั้งสุดๆ แม่งงง..มันกดตัวทิ้งน้ำหนัก
ทับกูทั้งตัว แล้วตัวมันโครตควายอ่ะ ทับกูจมมิดเบาะเลย กะจะใช้มือช่วยแก้ไขสถานการณ์
มือกูดันเสือกติดกระเป๋าที่วางบนตักตัวเองอีก ทั้งหมดทั้งมวลที่กูบรรยาย มันรวดเร็วมาก
กูไม่ทันระวังตัว ไม่คิดว่ามันจะใช้วิธีนี้เล่นงานกู นึกว่ามันคงแค่ฉุดกระชากลากถูให้กูลุกออก
มาจากประตู ถ้าเป็นอย่างนั้น กะลงมือให้มันรู้สำนึกแค่เบาะๆ ใครจะทันนึกว่าแม่ง
จะพรุ่งพรวดเข้ามา ชิงจูบแรกของกูไปซะแล้ว กูมัวตะลึงที่แม่งเสือกหน้าด้านกล้าจูบกู
ต่อหน้าลุงพีคนขับรถ ลุงแกหันมองไปทางอื่น แต่กูยังทันเหลือบเห็นหูแกแดงแปร๊ดดดๆๆ
มันเล่นกดกูติดเบาะจนขยับไม่ได้สักเอ๊ะ กูพยายามขืนบิดหน้าหนี แม่งเสือกเอามือเท่าใบลาน
จับคอกูบังคับกดไม่ให้ขยับหนีมันอีก จะอ้าปากกัดแม่งมันแทน มันทันกูหมด
ใช้มือข้างที่เหลือบีบปากกูค้าง พร้อมสอดลิ้นพุ่งพรวดเข้ามาตาเหลือกเลยไอ้ตะเกียงคราวนี้
กูหายใจไม่ทันแล้ว มันเล่นกวาดลิ้นควานเข้าไปทั่วทั้งปาก โครตชำนาญเลยไอ้เหี้ย
เล่นคว้านทั้งเพดานบนเพดานล่าง ซอกหลืบตามฟันมันแยงลิ้นทำความสะอาดโพรงปากกูหมด
กูแปรงฟันมาแล้วมึงไม่ต้องแย่งหน้าที่เมทเค้าหรอก ห่า!..เอ้ยยยย ทำเชี้ยยยไรไม่ได้เลย
ไอ้ตะเกียง มันต้อนลิ้นกูดูดเอาจนกูหมดแรง มืออ่อนตีนอ่อนไปเลย
เหมือนมันดูดเอาพลังชีวิตกูไปด้วยซะงั้น หายใจไม่ออกแล้วกู
ใจกูเต้นรัวยังกะกองสะบัดชัยออกรบ มันเหมือนจะรู้ว่ากูกำลังจะตาย
ค่อยถอนปากออก เปิดช่องให้กูได้หายใจ กูรีบโกยสูดอากาศเข้าปอดทันที
“เฮื้อก...ฮ่าาาๆ..หอบตัวโยน..ยังกะไปวิ่งมาเป็นกิโล” เหลือบตาจ้องมัน พระเจ้า!..คิดผิดถนัด
หน้าแม่งอยู่ติดกะกูซะไม่เหลือช่องว่าง กำลังตะลึงสายตาวาววับจ้องกูกลับไม่หลบตา
รู้สึกหน้ากูเหมือนมีคนจุดพลุระเบิดทั่วทั้งหน้า ไม่ทันได้คิดทำอะไร มันก็ก้มเอาปากลงมา
แนบกูอีกครั้ง คราวนี้มันทำนุ่มนวลมากๆ ประกบจูบคลึงเบาๆ ช้าๆ พร้อมดูดเม้มตามขอบปาก
ชอนลิ้นเข้ามาเล่นเอากูมึนตึ๊บ สมองขาวโพลนไปหมด ก่อนจะถอนหน้าออก
พร้อมถอยตัวไปยืนนอกรถที่เดิม เหมือนเวลาผ่านไปนานทีเดียว
ทั้งที่ความจริงมันไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
.
.
.
กูนั่งนิ่งๆรวบรวมสติ สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้าเงยหน้ามองอะไรตอนนี้
กูอายโครตๆ..ของโครตอายเลยในชีวิต เรื่องบางเรื่องยอมรับว่าหน้าด้าน
เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างตอนกูถอดเสื้อในโรงยิม ไม่แปลกใครเค้าก็ทำกันออกบ่อย
แต่กับเรื่องนี้กูทำหน้าไม่ถูก กูไม่ได้ฝันไปมันเป็นความจริง จูบแรกของกู
ถูกผู้ชายขโมยไปแล้ว ไม่ใช่เป็นการจูบธรรมดา แบบเอาริมฝีปากมาแต๊ะกันไรงี้
แต่มันล่อใช้ลิ้นแยงเข้ามาในปากกู เล่นเอาแบบดีพคิสเต็มแม็ก ที่สำคัญมันทำต่อหน้าลุงพีคนขับรถ
กูไม่รู้ระหว่างพวกมันรู้กันแค่ไหน กูไม่เห็นลุงเค้าท้วงอะไรมันสักเอ๊ะ ไม่ยุ่งไม่ห้ามไม่พูดสักคำ
เกี่ยวกับการกระทำของมัน แต่ไม่ใช่กู กูอายสาดดดด... นึกแล้วโมโหน้ำตากูคลอเบ้า
เลยต้องก้มหน้าไม่กล้าเงย กูถูกฝึกให้สะกดกลั้นน้ำตา ไม่ให้ร้องไห้สำหรับเรื่องจิบจ๋อย
แต่เรื่องนี้กูกลั้นน้ำตาเต็มที่ สูดหายใจลึกๆอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ค่อยๆ หันหน้าไปมองมัน
ถ้าตากูไม่ฝาด เหมือนกูจะเห็นแววตาวูบไหวอย่างคนรู้สึกผิด ก่อนจะกลับมานิ่งลึกปกติของมัน
เราทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไร กูตัดสินใจลุกก้าวออกไป มันถอยหลบให้กูพ้นประตู
ก่อนจะเอื้อมเปิดประตูหลังให้กูเข้าไปนั่ง กูมองหน้ามันนิดหนึ่ง ก่อนจะมุดเข้าไปนั่ง
มันเดินอ้อมรถเปิดประตูอีกข้าง เข้ามานั่งประจำที่มัน ลุงพีค่อยๆ ขับรถออกทันที
กูจมอยู่กับความคิดในหัว ควรจะลงมือกับมันไหม? ที่บังอาจหยามศักดิ์ศรีกูขนาดนี้
รึกูจะเฉยๆ ปล่อยผ่านมันไป ไม่อยากให้เรื่องมันลุกลามบานปลาย กูรับปากกับเจ้าพ่อเอาไว้
ทำอะไรวู่วามอาจนำมาเรื่องยุ่งยากภายหลัง ลองไม่คิดอะไรนึกเสียว่ากูกำลังแสดงละครอยู่
แล้วบังเอิญมีบทจูบ พระเอกอย่างกู โดนนางร้ายขโมยจูบ โดยที่พระเอกไม่ทันตั้งตัว
คิดซะอย่างงี้มันก็ไม่มีอะไร เอาหว่ะ! กูจะคิดแม่งอย่างนี้แหล่ะ! สบายใจดี
กูเอาความสบายใจเป็นหลัก ว่าแต่ว่า...พระเอกมันได้กำไรนี่หว่า เพราะนางร้ายเป็นผู้หญิง
แล้วกูหล่ะ!....ได้อะไร?..... กรรม..
รักคนโพส Love คนอ่าน รัก and love คนคอมเม้นท์ทุกคน
Luk.