ตอน 8
---แทนไท----
ผมมองรถที่ขับเข้ามาจะถอนหายใจอย่างแรง แผ่นหลังของคนที่เดินเข้าไปในหอคุ้นตาจนผมไม่มองก็รู้ว่าเขามาหาใคร ผมเสมองสายฝนที่ยังตกลงมาไม่ขาดสาย นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่… ผมควรจะนอนซุกตัวบนเตียงอุ่นๆแทนที่จะนั่งอยู่ในรถท่ามกลางฝนแบบนี้ แต่ต่อให้กลับไปผมก็คงข่มตานอนไม่ได้ เพราะเป็นห่วง ห่วงใครคนนั้นที่ผมไม่มีสิทธิ์ เพราะผมเป็นแค่เพื่อน แต่ตลอดสามปีที่ผ่านผมกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ….
เราเจอกันครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน มันกับผมทะเลาะกันแทบตายเพราะเรื่องที่จอดรถ กว่าจะจบก็เล่นเอาหน้าบวมอยู่หลายวัน แต่เพราะบทลงโทษทำให้เราคุยกันมากขึ้น ผมเริ่มเห็นอะไรหลายๆนอกจากความกวนในตัวมัน “ไอ้ไม้” เลยกลายเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดในสถาบัน จากความเป็นเพื่อนและความใกล้ชิด ทำให้ผม แอบรักเพื่อนสนิทของตัวเองมาตลอด มันคงเหมือนนิยายน้ำเน่าหลายเรื่องที่มักลงเอยแบบนั้น ผมพยายามห้ามใจตัวเองมาตลอด คิดเสมอว่าเราสองคนเป็นได้แค่เพื่อนกัน เมื่อหนึ่งปีก่อน มันกลับบอกผมว่าจะไปทำงานที่ร้านกาแฟ ผมก็เออออไปตามเรื่อง ทั้งๆที่คนอย่างไอ้ไม้ไม่จำเป็นสักนิดที่ต้องไปทำงานพิเศษ ถึงมันจะทำตัวติดดินและอยู่หอราคาถูกแต่ “นามสกุล” ของไอ้ไม้ ไม่ใช่ธรรมดา ที่ผมไม่ถามไม่ใช่ไม่สงสัยแต่ไม่อยากให้มันลำบากใจหากมันไม่ต้องการจะบอก หลังจากที่มันทำงานดูเหมือนว่าเราสองคนจะเจอกันน้อยลง ไอ้ไม้ ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด หลายครั้งที่มันตาบวมเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก และ รอยบางอย่างที่ผมไม่อยากคิดว่ามันเกิดจาก “อะไร” ผมไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่อย่างที่บอกเมื่อมันไม่พร้อมจะพูดผมก็ไม่อยากจะบังคับ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งนาน รอยยิ้มที่เคยมีกลับหายไป ไอ้ไม้เหมือนไม่ใช่คนเดิมที่ผมรู้จัก
ไฟในห้อง 204 ปิดลงพร้อมๆกับความเจ็บปวดที่พุ่งเข้าใส่ แค่คิดว่าในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้น หัวใจผมก็เจ็บจนไม่มีแรงหายใจ ผมมันขี้ขลาด ทำได้แค่มองคนที่ตัวเองรักร้องไห้โดยที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเพื่อชะล้างความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ
ได้แค่รอ…รอเวลาที่จะเข้าไปปลอบใจเวลาที่มันไม่มีใคร
ได้แค่รอ..รอซับน้ำตาที่เกิดจาก เขาคนนั้น เพื่อให้มันยิ้มได้อีกครั้ง
ผมโง่มากใช่ไหม…
โง่มากใช่หรือเปล่าที่ทำแบบนี้ ….
ความรักของฉัน อาจจะเป็นเหมือน
พี่ชายคนหนึ่งที่ยังห่วงอยู่ไกลไกล
ในวันที่เธอมีความสุขอาจลืมกันไม่เป็นไร
แต่หากเธอร้องไห้เมื่อไร
หากเธอนั้นต้องเสียใจ
หากเธอนั้นไม่มีใคร ให้กลับมา
เสียงเพลงจากวิทยุยังคงดังแผ่วเบาคลอไปกับเสียงฝนด้านนอก ผมแค่นยิ้มก่อนจะปิดมัน ไม่เข้าใจว่าดีเจมีญาณวิเศษหรือไงถึงได้เปิดเพลงนี้ มันคงใช่ที่สำหรับไอ้ไม้ ผมเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นทุกๆอย่างของมันแต่สิ่งเดียวที่ผมไม่เคยได้เป็นเลย คือ
….คนที่มันรัก
Rrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา
“มีไร”
(พี่แทนอยู่ไหน) เสียงปลายสายเอ่ยถาม
“อยู่ไหนก็เรื่องของกูน่า ดึกแล้วมึงไปนอนได้แล้วไป” ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์นัก
(ก็รู้นิว่ามันดึกแล้ว ทำไมพี่แทนไม่กลับบ้านล่ะ)
“ไอ้โปรด กูโตแล้วนะไม่ต้องให้เด็กอย่างมึงมาสอน ไปกินนมนอนได้แล้วไป”
(โปรดไม่ใช่เด็ก โปรดโตแล้วพี่แทนทำไมชอบว่าโปรดเป็นเด็กอยู่เรื่อย) เสียงบ่นงุ้งงิ้งยังดังเข้ามาในหู ผมได้แต่ถอนหายใจกับ
คนปลายสายเนี่ยนะไม่เด็ก ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนเขาโทรมาบ่นเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก
“คนโปรด” ผมเรียกขื่อของอีกฝ่ายก่อนที่ปลายสายจะเงียบไป
(ก็ได้โปรดไปนอนก็ได้ แต่พี่แทนก็พักผ่อนเยอะๆนะ ฝันดีครับ)
“อืม” ผมบอกก่อนจะกดวางสายจากไอ้โปรด หรือ น้องคนโปรด ของแม่ผม มันไม่ใช่น้องผมจริงๆหรอกครับแต่เป็นเด็กน่ารำคาญข้างบ้านที่เกาะผมเป็นลูกลิงตั้งแต่แต่เด็กจนตอนนี้โตเป็นคน แล้วมันก็ยังไม่ยอมไปไหน ดีหน่อยที่แม่มันไม่ยอมให้เข้าโรงเรียนเดียวกันกับผมไม่งั้นคงต้องอกแตกตายที่ต้องทนฟังเสียงแง้วๆ เหมือนแมวหิวนมของมันทั้งวันแน่
ติ๊ดๆๆ เสียงข้อความทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นชื่อคนส่งมา
ฝันดีนะพี่แทน ฝันถึงโปรดด้วยนะ ถ้าไม่ทำตามโปรดจะฟ้องคุณป้า พี่แทนต้องโดนตัดค่าขนมเพราะงั้น นอนเดี๋ยวนี้เลย
“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย” ผมสบถเบาๆก่อนจะเผลอยิ้มกับข้อความของเจ้าเด็กข้างบ้าน ข้อดีอย่างเดียวของไอ้ตัวแสบคือมันทำให้ผม
หัวเราะได้เสมอนั่นล่ะครับ แล้วผมเองก็ชักง่วงซะแล้วสิ …..
ไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่รู้สึกตัวอีกทีก็ล่วงเข้าเช้าวันใหม่แล้ว แม้จะเมื่อยตัวอยู่บ้างเพราะการนอนในรถทำให้ไม่สบายตัวเอาซะเลยแต่ในเวลานี้ผมคงกลับบ้านไม่ได้เพราะทางนี้มีคนที่ผมเป็นห่วงมากอยู่
ฝนตกอีกแล้ว……
ผมแหงนหน้ามองที่หน้าต่างห้องอีกครั้ง ภาพของคนสองคนที่กอดกันอยู่ยังคงมีผลต่อหัวใจผมเสมอ แม้ว่าจะเห็นอยู่บ่อยๆแต่ผมก็ๆไม่ชินสักที กว่าจะรู้ตัวผมก็เผลอกดเบอร์ที่ท่องขึ้นใจออกไปแล้ว แต่กลับถูกตัดสายไปซะดื้อๆ
“ชิ” ผมสบถไม่พอใจเท่าไร่ที่สายโดนตัดเพราะไอ้ไม้ไม่เคยตัดสายผมเลยสักครั้ง ไม่รู้อะไรที่ทำให้ผมกดเบอร์นั้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้มีคนรับ
(ว่าไงแทน) เสียงปลายสายเอ่ยถาม
“ทำไมเมื่อกี้ มึงตัดสาย” ผมถามเสียงห้วน มันไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ถูกตัดสาย แม้จะรู้ดีว่าคนที่ตัดสายผมคงไม่ใช่มัน
(ขอโทษนะ พอดีว่ามือมันเผลอไปกดน่ะ แล้วมึงโทรมามีอะไรหรือเปล่า) โกหก ไอ้ไม้มันไม่เคยรู้ตัวเลยหรือไงว่าตัวเองโกหกไม่
เนียนแค่ไหน ทำไมต้องโกหกเพื่อคนอื่นทุกที
“ไม่มี แค่จะโทรมาถามว่า ดีขึ้นไหม เมื่อวานเหมือนมึงจะตัวร้อนนิดๆ” แต่เอาเข้าจริงผมเองก็ไม่กล้าจะขึ้นเสียงกับมันเหมือนกัน
เลยแสร้งถามเรื่องอื่นไปแทน
(กูสบายดีน่าไม่ต้องหวงหรอก)
“แน่นะ ให้กูเป็นอยู่เป็นเพื่อนไหม เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้”
“มะ…เอ๊ะ!!”
“ไม่จำเป็นต้องมาหรอก คนของผม ผมดูแลได้ แค่นี้นะครับ” “เขา” บอกก่อนที่สายจะตัดไป ผมได้แต่แค่นยิ้มสมเพชตัวเอง นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ผมต้องปล่อยให้ไอ้ไม้ถูกทำร้ายไปอีกนานแค่ไหนกัน
“โถ่เว้ย!!!”
ผมสงบสติอารมณ์สักพักก่อนจะตัดสินใจไปหาไอ้ไม้ข้างบน ไม่รู้หรอกว่าไปแล้วจะเจอกับอะไรแต่ผมไม่อยากให้มันอยู่แบบนั้น ไม่อยากให้มันต้องเจ็บอยู่คนเดียว
“อ้าว จะไปไหนกันแต่เช้าอ่ะ” ผมถามพลางมองกระเป๋าใบย่อมในมือของไอ้เพื่อนรัก
“ธุระส่วนตัวครับ ไปเถอะไม้เดี๋ยวจะสาย” แม้ว่าผมจะถามไอ้ไม้แต่กลับเป็นอีกคนที่ตอบ
“เดี๋ยวสิไม้ นี่มึงจะไปไหนเนี่ย”
“กูจะไประยองน่ะ”
“ไประยอง ไปทำอะไรวะ”
“ไม้ พี่ว่าเราควรไปกันได้แล้วนะ ขอตัวนะครับ”
“ไอ้ไม้ มึงจะไปทะเลเหรอ” ผมถามพลางรั้งมือไอ้ไม้เอาไว้แน่น ไอ้บ้าเอ้ย ทำไมชอบทำร้ายตัวเองแบบนั้นนักนะ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเอง
ไปทะเลไม่ได้แต่ก็ยังจะไป
“พวกผมจะไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ปล่อยมือไม้ได้แล้วครับ”
“แต่ผมคงปล่อยให้มันไปไม่ได้หรอกครับ ไอ้ไม้มึงจะไปเที่ยวทะเลได้ยังไง มึงแพ้น้ำทะเลไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปแล้วก็กลับมาผื่นขึ้นแบบคราวที่แล้วอีกจะทำไงห่ะ เอากระเป๋าไปเก็บเลยนะ กูไม่ให้มึงไป” ใช่ครับ ไอ้ไม้มันแพ้น้ำทะเล แต่เรื่องนี้มีคนไม่มากนักหรอกที่รู้ เพราะใครจะไปคิดว่าคนบ้าๆอย่างมันจะแพ้อะไรแบบนี้ ผมเองที่รู้ก็เพราะตอนไปรับน้องเราก็ไปทะเลกัน แต่ไอ้นี่กลับผื่นขึ้นทั้งตัวจนต้องนอนโรงพยาบาล แล้วแบบนี้จะให้ผมปล่อยมันไปอีกเหรอ
“เมื่อกี้ว่าไงนะ”
“ไอ้ไม้มันแพ้น้ำทะเล นี่อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ เหอะ”
“ไม้ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ”
“เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ความใส่ใจมั้งคุณ แค่สังเกตก็น่าจะรู้แล้วต้องให้บอกด้วยเหรอ” ผมแหวลั่น ใครจะว่าผมพาลก็ช่างผมก็พอจะเดาออกว่าคนอย่างไอ้ไม่ไม่มีทางบอกแน่ แต่จะให้ผมยอมให้มันไปเสี่ยงแบบนั้นอีกหรือไง ใครจะไปทนเห็นมันป่วยแบบนั้นได้
“ผมถามไม้ไม่ได้ถามคุณ แล้วก็ปล่อยไม้ได้แล้ว”
“ไอ้แทนปล่อยกูก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า กูยังไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านนะ พี่ต้นครับปล่อยผมก่อนได้ไหม” ไอ้คนกลางเอ่ยขอร้องเราสองคน
“ไม่ครับ พี่ไม่ปล่อยพี่มีสิทธิ์”
“เหอะ แค่เรื่องพื้นๆยังไม่รู้คุณจะอ้างสิทธิ์อะไร”
“แทนกูขอร้องล่ะ กลับไปก่อนได้ไหม”
“แต่”
“นะ กูขอร้องล่ะกลับไปก่อนแล้วเดี๋ยวกูโทรหาอีกที” คนตรงหน้าเอ่ยขอร้องเสียงแผ่ว และมันทำให้ผมใจอ่อน
“อืม ถ้ามีอะไรก็โทรหากูแล้วกัน ดูแลตัวเองด้วยกูไปก่อนนะ”
เป็นผมอีกแล้วสินะที่ต้องถอยเป็นผมอีกแล้วที่ต้องปล่อยมันไป ทำไมต้องเป็นผมทุกครั้ง หากว่า ผมกล้าที่จะบอกว่ารัก หากว่าผม
กล้าจะสารภาพกับมันให้เร็วกว่านี้ คนที่ยืนข้างๆมันจะเป็นผมได้หรือเปล่า แต่ผมยังจะทำอะไรได้อีกเหรอ ในเมื่อผมก็รู้อยู่แก่ใจว่ามัน รัก ใคร …
เป็นกูไม่ได้เหรอ ไม้ เป็นกูไม่ได้เหรอที่มึงจะรัก
.............................TBC................................
สวัสดีปีใหม่ไทยนะค๊า
มีความสุขกันมากๆ เมาไม่ขับเด้อ
มาแบบวุ่นวายๆ อีกล่ะเรื่องนี้ มีตัวละครใหม่โผล่มาตลอด
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรลงไป
หวังว่าทุกคนจะยังสนุกกับมันนะคะ
อ้อๆ เชลยเจ้าหัวใจ มีตอนพิเศษนะคะ อยากอ่านจิ้ม ลิงค์โลดจร้า
http://61.19.246.96/~thaiboys/webboard/index.php?topic=36775.new#newบ๊ายบาย .......Pita
PS. เพลงปากอบ พี่ชาย โตนโซฟา คร่า