บทที่ 12
เมื่อน้องปูนห่างหาย“อยากให้รักคืนมาหา จะตามรักคืนมาสู่หัวใจ
แต่ไม่รู้จะได้เจอเมื่อไหร่ เธอเคยรู้บ้างไหม
ไม่มีวันไหนที่คนนี้ จะไม่คิดถึงเธออออ”
หลังจากเสียงเหมือนควายออกลูกของหนูนาจบลง กองเชียร์ที่นั่งอยู่ก็พากันส่งเสียงให้กำลังใจมันดังกึกก้อง ฟังแล้วผมรู้สึกปลื้มจริงๆ ครับ
“โอ๊ยอีหนูนา เมื่อไหร่มึงจะเลิกร้อง!”
“อีนี่ เสียงก็ไม่ได้ดี มึงคิดว่ามึงเป็นหนูนา หนึ่งธิดาหรือไง”
บอกแล้วว่ามีแต่คนให้กำลังใจ ฮาๆ
“ไม่เว้ย กูคือหนูนาแห่งตามรักคืนใจ มีใครสนใจจะเป็นนายสิงห์ของกูมั้ย เพื่อนโจมว่าไง สนใจหรือเปล่าจ๊ะ” หนูนาหันมาส่งสายตาปิ๊งๆๆ ให้เพื่อนโจมของพวกเรา
โอ๊ยยย โคตรฮาา
“ขอบาย แต่กูว่าไอ้บอยน่าจะอยาก” ว่าแล้วมันก็ยิ้มมุมปากมองไปยังไอ้บอกที่ตอกไม้อยู่
“โอ๊ยยย อย่างไอ้หนูนาเนี่ยนะ กูก็ขอบาย”
“กูก็ไม่เอามึงหรอกโว้ยอีบอยย!”
ฮาๆๆ นี่แหละสีสันในชีวิตครับ การมีเพื่อนเพี้ยนๆ มันก็สนุกดีนะ
สงสัยหรือเปล่าวว่าทำไมเราถึงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ตอนนี้ผมกำลังเตรียมงานแฟร์กันอยู่ที่คณะ สาขาพวกผมได้รับมองหมายจากพี่ปีสูงว่าให้ออกบูธขายพืชผลทางการเกษตรที่คณะปลูก ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักสวนครัวออร์แกนิก ไร้สารพิษ ไร้สารปนเปื้อน พวกเราส่วนหนึ่งแบ่งกันไปดูแลผัก อีกส่วนก็มาทำบูธขายของกัน ส่วนสาขาอื่นๆ ก็แยกไปขายของๆ แต่ละสาขาไปครับ อย่างสัตวิทยาก็ขายพวกไข่ไก่ นมวัว นมแพะ ประมาณนี้
แต่ความพินาศมันไม่ได้อยู่แค่นั้น…
ทางมหา’ลัยคิดอะไรอยู่ก็ไม่ทราบครับ งานแฟร์นั้นจะจัดในอีกหนึ่งวันข้างหน้า...ใช่แล้วครับ พรุ่งนี้นั่นเอง (คนที่คณะเต็มเลย) เต็มๆ หนึ่งอาทิตย์ แล้วระหว่างนั้น (ในสองวันสุดท้ายของงานแฟร์) ก็จะเป็นการแข่งขันกีฬาภายในมหาวิทยาลัย พวกคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬานี่ไม่เท่าไหร่ครับ แต่พวกนักกีฬาเนี่ยสิหัวหมุนเลย ไหนจะต้องเตรียมงาน ไหนจะไปซ้อม ที่ผมส่งสารที่สุดก็ไอ้พี่บุ๊คนั่นแหละครับ พี่มันเป็นโต้โผงาน แล้วยังต้องไปคุมทีมฟุตบอลคณะอีก ล่าสุดเดินสวนกับพี่บุ๊คผมแทบจำพี่มันไม่ได้อ่ะ หน้าโทรมไปอีก
ที่จริงเพื่อนผมก็เป็นนักกีฬาเหมือนกันนะ ไอ้โจมกับไอ้กล้าครับ มันลงแข่งฟุตบอลแล้วก็บาสเก็ตบอลกันทั้งคู่เลย แต่บาสเก็ตบอลมันเป็นแค่ตัวสำรอง ส่วนผมกับไอ้ฟ้าอ่ะเหรอ...ขอบายครับ บอกแล้วเรื่องกีฬาผมไม่ถนัด ไอ้ฟ้าก็เช่นกัน เพราะงั้นขอเป็นแค่กองเชียร์ก็พอ
แน่ะ ผมได้ยินใครถามถึงไอ้เอื้อเหรอครับ
ช่วงนี้ไม่ได้เจอหรอก จริงๆ ก็ตั้งแต่ที่มันไปบ้านผมนั่นแหละ มันก็ผ่านไปหลายวันแล้วเหมือนกัน ชุดที่ยืมใส่วันนั้นก็ยังไม่ได้คืนเลยครับ ล่าสุดที่เจอนี่ก็...โรงอาหารกลางนะ เดินสวนกันมั้งถ้าจำไม่ผิด อ้อ มันไม่ได้ยุ่งกับมิ้มแล้วนะครับ ทุกครั้งที่ผมเจอมิ้ม (ซึ่งช่วงนี้เจอบ่อย) ผมก็ไม่เห็นเอื้ออยู่ข้างๆ เธออีกแล้ว ซึ่ง...ขอบใจที่มันรักษาคำพูด แล้ววันนั้นที่พี่ฟิ้งบอกว่าเอื้อมันจะไปหามิ้มมันก็ไม่ได้ไปหานะ พอกินข้าวเสร็จ (เป็นมื้อที่ผมอับอายที่สุด) มันก็ตรงกลับหอ แล้วเราก็แยกกันเลย
ส่วนเรื่องพี่ฟิ้งกับพี่เดียวนั้น...พี่เขาทะเลาะกันจริงจัง เวลาผมเห็นเอื้ออยู่กับพี่ฟิ้งก็ไม่มีพี่เดียว เวลามันอยู่กับพี่เดียวพี่ฟิ้งก็จะหายไป มันคงตัดใจเลือกใครไม่ได้ เพราะก็เพื่อนมันทั้งคู่ เลยเลือกทั้งสองคนแล้วแต่โอกาส แต่ส่วนใหญ่เอื้อจะอยู่กับพี่เดียวมากกว่า พี่ฟิ้งเขาก็มีเพื่อนในคณะของเขาด้วยแหละ ผมเคยเห็นเขาไปกับเพื่อนคนอื่นนอกจากไอ้เอื้อเหมือนกัน
ทว่าพี่เดียวนี่สิ… ผมไม่ได้ว่าพี่มันไม่มีคนคบนะครับ ฮ่าๆๆ (อย่าไปบอกพี่มันนะโอเค?)
ล้อเล่นครับ
“ไอ้ปูนส่งคัตเตอร์ให้กูดิ” ผมส่งคัตเตอร์ให้ไอ้กล้าตามคำที่มันขอ มันเลือบมองผมแบหนึ่งก่อนหันไปทำงานต่อ “เออ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมึงคร่ำครวญเรื่องมิ้มนะ”
“อ้าว พวกมึงบอกให้กูปล่อยมิ้มไปไม่ใช่เหรอ” ผมมองพวกมัน “กูก็ปล่อยมิ้มไปแล้วนี่ไง ให้มิ้มไปตามทางของเขา”
“ก็จริงว่ากูบอก แต่ไม่คิดว่ามึงจะยอมง่ายๆ นี่หว่า” ฟ้าขมวดคิ้วสงสัย “แล้วช่วงนี้ไอ้พี่เอื้อมันควงหญิงใหม่ป่ะวะ ทำไมกูเห็นมิ้มเดินคนเดียวบ่อยจัง”
“ใช่ๆ วันนั้นกูเห็นพี่เอื้อเดินกับพี่น้ำปีสอง” แล้วไอ้กล้าขี้เสือกก็ยกมือขึ้นขอตอบทันที
“พี่น้ำดาวคณะเราอ่ะนะ” ไอ้ฟ้าถามย้ำ
“เยสสสสส”
เหอะๆ นี่เขาเรียกกันว่าไงนะ เสือไม่ทิ้งลายหรือเปล่า ห่างจากมิ้มได้ไม่นานก็มีหญิงคนใหม่เสียแล้ว แถมยังเป็นดาวคณะผมอีกด้วย พี่น้ำนี่สวยมากเลยนะ ถึงจะไม่สวยเท่าหนูนา (บอกแล้วหนูนามันสวยครับ แต่เพราะความสถุลของมันไง) แต่ก็จัดว่ามีสเน่ห์เลยล่ะ
ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเหมือนมีคนจ้องอยู่ ซึ่งก็มีจริงๆ ครับ...ไอ้โจมนั่นเอง
“มึงมีอะไรป่ะวะโจม”
“เปล่า…” แล้วมันก็หันกลับไป อะไรของมึงวะครับ
ช่างมันแล้วกัน ทำงานของผมดีกว่า
ระหว่างที่ทำงานอยู่โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ใครมันโทร.หาผมตอนนี้วะ คนที่บ้านนี่ไม่น่าใช่เพราะเพิ่งคุยกันไปตอนหัวค่ำ อ้อ ตอนนี้ประมาณเกือบๆ สี่ทุ่มแล้วครับ
‘พี่สาม’
“ครับพี่สาม”
[“ปูนนนน มึงว่างป่ะวะ”] พี่สามถามด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง
“ว่างครับพี่”
[“แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน”] ปลายสายถามมาอีกครั้ง
“อยู่คณะพี่ พี่มีอะไรป่ะครับ”
[“ดีเลยยย มึงมาหากูหน่อยดิ ซื้อของกินมาให้พวกกูด้วยนะมีกันหลายคนเลย ตอนนี้กูอยู่ที่ตึกกลาง เร็วๆ นะเว้ย อีกนิดกูจะไส้กิ่วตายแล้ว เออ ไอ้พี่บุ๊คก็อยู่ด้วยนะ รีบมาเดี๋ยวพี่มันสั่งซ่อม”]
อะไรของพี่มันวะครับ แล้วมีมาขู่กันอีก คิดว่าพี่ปูนจะยอมมั้ยครับ คิดว่าคนอย่างผมจะยอมเหรอ!
“แล้วพี่ๆ อยากกินอะไรกันอ่ะครับ” เอ้อ ยอมก็ได้เห็นเป็นพี่หรอกนะ T-T
[“อยากกินหูฉลามอ่ะ หาให้ได้ป่ะ”]
กวนตีนแล้วครับพี่ =_=
“งั้นเอาของเซเว่นแล้วกันนะครับ ซื้ออะไรพี่ๆ ก็กินไปนะ”
[“เอ้า ไม่เล่นกับกูอีก เออๆ อะไรก็ได้เอามาเลยกูหิวสุดๆ แค่นี้แหละ บาย”]
หลังจากพี่สามวางสายไปผมก็ลุกขึ้นยืน มองหาเหยื่อที่จะไปหาพี่มันเป็นเพื่อนผม นั่นไง ไอ้โจมกำลังนั่งว่างๆ อยู่พอดีครับ
เสร็จพี่ปูนล่ะ!!
“โจมมมม มึงไปกับกูหน่อยดิ พี่สามบอกให้ไปหาที่หน้าตึกกลางอ่ะ” ผมเดินเข้าไปเกาะแขนมันแล้วเขย่าๆ ทำท่าอ้อน แบบที่ใช้ทีไรก็ได้ผล “นะๆๆๆๆ ไปกับกูหน่อยนะๆๆๆ”
“มึงคิดว่าน่ารัก?” เสียงนิ่งๆ กับหน้านิ่งๆ ถามกลับมา
น่ารักเหรอ ไม่เคยคิดอ่ะ แต่คิดว่าใช้ไม้นี้แล้วได้ผลทุกครับ
“ไม่รู้ แต่รู้ว่าอยากให้ไปด้วยกัน นะๆๆๆๆ”
“โอ๊ยยยยย ไอ้ปูน มึงไปฝึกท่าทางแบบนั้นมาจากไหนตอบกู!!” หนูหาสุดสวยถามผมจากอีกฝากนึงของลานหน้าคณะ เสียงมันดังมากครับ ดังพอจะทำให้คนอื่นหันมามอง
“ทำไมอ่ะ มันน่าเกลียดมากเหรอมึง”
“ไหนมึงลองทำอีกทีดิ”
ผมมองมันอย่างลังเล ถ้าทำแล้วน่าเกลียดจริงๆ กูจะโคตรอายเลย เพราะเพื่อนๆ นี่หยุดมือมองผมกันทุกคน ไม่ใช่แค่ในสาขานะ เกือบทั้งคณะ
“เร็วดิวะ!!!” โอ๊ย มึงจะโหดไปไหน
“ทำดิเดี๋ยวกูไปด้วยเลย” เอ๊ะ ไอ้โจมนี่ก็อีกคน
เออๆๆ ทำก็ได้วะ
“โจมมม ไปหาพี่สามเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ นะๆๆๆๆๆ”
“เหยดด ไอ้ปูนกู”
“มึงทำไมมันน่ารักอ่ะ”
“เหี้ยเล่นเอากูเคลิ้ม!”
ไอ้บอยมึงจะมาเคลิ้มอะไร!!!
“เนี่ย!! มึงไปหัดมาจากไหนมาสอนกูเลย เวลากูมีผัวกูจะเอาไว้อ้อนผัวกูบ้าง แม่งร้อยทั้งร้อยก็ต้องยอมมึงเชื่อกู” หนูนามันบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงซึ่งเล่นเอาหน้าผมร้อนผ่าว
“อ๋อออ ผัวมึงนี่หมายถึงไอ้บอยอ่ะเหรอ แต่กูว่าทำยังไงมึงก็สู้ไอ้ปูนไม่ได้หรอกครับ ฮ่าๆๆ”
“อ๊ายไอ้กล้า ปากมึงเหรอที่พูด!!”
เอ่อะ นี่ผมจะภูมิใจดีมั้ยเนี่ย!!!
“ไงเนี่ยมึง ให้กูทำอะไรน่าเกลียดๆ แล้วจะไปได้ยัง” อารมณ์เสียครับ ล้อกันอยู่ได้
“ไม่เห็นน่าเกลียดเลย ได้พวกนี้ก็บอกอยู่ว่าน่ารัก” ไอ้โจมยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้น เหอะ ผมเชื่อปากไอ้พวกนี้ตายล่ะ ปากมันอยากกับเพาะหมาไว้ข้างในเป็นฟาร์ม “ไปๆ ไม่ต้องหน้างอหรอก”
“ก็มันล้อกูนี่”
โจมมันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา ผมก็เลยไม่สนใจ เดินนำมันตรงไปที่ลานจอดรถของคณะ
“เอารถมึงไปนะโจม แวะเซ่เว่นด้วย ไอ้พี่สามมันบอกให้ซื้อของกินไปให้”
“มึงอาจจะต้องเหมานะ”
กูก็ว่างั้นครับเพื่อน
…
..
.
หลังจากที่พวกผมสองคนทำการเหมาเซเว่นกันเรียบร้อยแล้วนั้น ผมล้อเล่นครับ ไม่ได้เหมาหรอก แค่หยิบอะไรที่กินได้มาเกือบหมดเท่านั้นเอง ตอนแรกก็คิดว่ามันเยอะไป คงอาจจะต้องแบ่งกับไอ้โจมเอากลับหอ แต่พอมาเห็นคนที่ทำงานกันอยู่ตรงนี้ถึงได้รู้ว่าที่ซื้อมามันไม่น่าจะพอ
บอกคำเดียวว่า...สะพรึง!!
พวกพี่จะเยอะไปไหนครับ แล้วดูท่าทางแต่ละคนหิวโซทั้งนั้น มองที่ถุงอาหารตาเป็นประกายเลย
“เห้ย ของกินมาแล้วโว้ยยยย!!!” พี่ปีสองคนนึงตะโกนบอกทำให้คนที่เหลือวิ่งกรูกันเข้ามาหาพวกผม ผมกับไอ้โจมยกถุงขนมนั้นให้พวกพี่มันเลยครับ แต่ผมเก็บใบเสร็จไว้ล่ะ เอาไว้เบิกกับพี่บุ๊คอีกที ฮาๆ
ผมเดินไปหาพี่บุ๊คกับพี่สามที่นั่งอยู่หน้าเวที โอโหพวกพี่มันโคตรเก่งอ่ะ จากลานว่างๆ ที่ไม่มีอะไรเลยตอนนี้กลายเป็นเวทีขนาดย่อมๆ เอาไว้ใช้เปิดงานแล้วทำพิธีอะไรต่างๆ มากมายแล้วครับ
“พี่บุ๊ค พี่สาม พี่มิว พี่อ้น (เพื่อนอีกคนของพี่บุ๊ค) พี่โก้ (เพื่อนพี่สาม) หวัดดีครับพี่”
ผมกับโจมยกมือไหว้พี่ๆ แต่ละคนเรียงตัว ก่อนจะส่งถุงของกินที่ผมแยกจากถุงใหญ่ให้พี่มันสำหรับพี่ๆ พวกนี้ผมให้เป็นข้าวกล่องเลยครับ รู้ว่าขนมเอาพวกพี่มันไม่อยู่ท้องหรอก
“อ้าวพี่วันไม่อยู่เหรอ อย่างนี้ก็ซื้อข้าวมาเกินดิ”
พี่วันหรือพี่วันนา เป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มพี่บุ๊ค และเป็นแฟนพี่โก้ (พี่เขากินเด็ก) พี่วันนี่ไม่ใช่ผู้หญิงห้าวเป้งแบบไอ้หนูนานะครับ พี่แกโคตรเรียบร้อยเลย ผมสงสัยมากอ่ะว่าแกมาอยู่กับพี่บุ๊คได้ไง แต่ที่สงสัยมากกว่าคือเหตุไฉนพี่เขาเลือกพี่โก้เป็นแฟน (ผมว่าพี่โก้ทำของใส่พี่วันแน่เลยอ่ะ)
“วันไปดูแลเรื่องสาวๆ ที่จะรำเปิดงานพรุ่งนี้อ่ะ โน่นซ้อมกันอยู่ด้านในนั่นน่ะ” พี่โก้เป็นคนตอบ
“เดี๋ยวเถอะมึงปีนเกลียวนะไอ้โก้ เรียกรุ่นพี่แบบนั้นได้ไง” พี่อ้นแกล้งทำขรึมครับ คือพี่มันอ่ะเต๊าะพี่วันมานานแล้ว แต่สุดท้ายก็เสร็จพี่โก้ มันเลนเขม่นกับพี่โก้นิดๆ แต่ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตนะ ตอนนี้พี่เขาก็คบกับสาวบริหารอยู่ พี่อ้นก็แค่หมั่นไส้พี่โก้เฉยๆ
“เรียกได้สิครับ ถ้ารุ่นพี่คนนั้นดันเป็นคนเดียวกับแฟนผม”
อูย พี่โก้วินครับ ปรบมือ!
“ไม่ซื้อมาเสียเปล่าหรอกปูน มีเพื่อนอีกคนแต่มันไปเข้าห้องน้ำอ่ะ นั่นไงมาแล้ว”
ผมหันไปตามมือพี่สามที่ชี้ไปยังทางเดิน ตอนแรกก็ดูไม่ออกหรอกว่าใครเพราะแสงมันมืดๆ แต่พอเห็นหน้าชัดๆ เท่านั้นแหละ…
มาอยู่ที่นี่ได้ไงวะครับ
แน่ะ คิดว่าไอ้เอื้ออ่ะดิ
ถ้าคุณคิดว่าเป็นมันคุณคิด…
ถะ ถะ ถะ...ผิดครับ!!!!
ไม่ใช่มันหรอกมันจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง ฮ่าๆๆ
“ไอ้ว่านนี่ปูนน้องกู แล้วไอ้นี่ก็ไอ้โจม ไอ้ปูนไอ้โจมนี่ไอ้ว่านเพื่อนกูเอง”
“หวัดดีครับพี่ว่าน” ผมกับไอ้โจมก้มหัวไหว้กันอีกครั้ง
บังเอิญมากครับ ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ว่านที่นี่เลยจริงๆ นะ รู้ว่าเราอยู่มหา.ลัยเดียวกัน แต่ไม่นึกว่าพี่ว่านจะเป็นเพื่อนของพี่สามพี่รหัสผม
“หวัดดีครับโจม...หวัดดีครับปูน เจอกันจนได้นะ” พี่ว่านส่งยิ้มให้ผม
“อะไรของมึง รู้จักกันเหรอ” พี่สามถาม
“อือ เคยเจอกันที่ร้านพี่หมีอ่ะ น้องเขาไปซื้อแคคตัส แล้วกูก็เลยไปช่วยน้องเขาเลือก”
ขอบคุณพี่ว่านที่บอกว่า ‘ช่วยผมเลือก’ แคำว่า ‘เลือกให้ผม’ ครับ มิเช่นนั้นผมคงโดนพี่บุ๊คเชือดคอโทษฐานหลอกพี่มันว่าผมเป็นคนเลือดเอง แหะๆ
“ถึงว่าไอ้ปูนถึงเลือกได้ถูกใจกู เพราะมึงช่วยมันนี่เอง”
“ปูนเลือกไปให้พี่เหรอ ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ผมคงตั้งใจเลือกมากกว่านี้แล้ว”
“แค่นี้ก็คงตั้งใจจนไม่รู้จะตั้งใจยังไงแล้วม้างงงง” อะไรของพี่ครับพี่โก้ ทำเสียงแบบนั้นรวมกับท่าทางแบบนี้มันหมายความว่าไง
“กูว่าข้าวกล่องนี่คงหวานน่าดูเลยนะ” พี่สามพูดพร้อมส่งข้าวให้พี่ว่าน “อ่ะ น้องมันซื้อมาให้”
“หยุดครับพี่สาม ผมไม่ได้ซื้อมาให้นะ ผมมีใบเสร็จมาเบิกพี่ด้วย” ว่าแล้วผมก็หยิบใบเสร็จขึ้นมา “แล้วผมจะเบิกกับใครได้ครับ”
“โน้น พี่บุ๊คเลยน้องพี่”
ผมหันไปมองพี่บุ๊ค พี่มันโคตรกวนตีนอ่ะ ลอยหน้าลอยตาใส่ผมเฉย
“พี่บุ๊คครับของเงินด้วยครับ” ไม่ต้องมาหลบหรือเลี่ยงครับพี่ ส่งเงินมาซะดีๆ เรื่องแบบนี้ถึงเป็นพี่ผมก็ไม่ยอม!
“มิวมึงจ่ายไปดิ ถือว่าเลี้ยงน้องมัน” ทีอย่างนี้นี่เสียงเบาเลยนะครับ
พี่มิวผู้แสนดีควักแบงค์สีม่วงออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ผมโดยไม่ดูใบเสร็จ พี่แม่งโคตรป๋าอ่ะ เท่มากเลยครับ แต่มันติดอยู่ตรงที่…
“พี่มิวครับ มันไม่พออ่ะ”
เพล้งงง ได้ยินเสียงอะไรแตกป่ะครับ ก็หน้าพี่มิวไง ฮาๆๆๆ
“เอ่อ...มันเท่าไหร่เหรอปูน”
“ทั้งหมดเจ็ดร้อยห้าสิบแปดบาทยี่สิบห้าสตางค์ครับ แต่คนกันเองเจ็ดร้อบหกสิบแล้วกันเนาะเลขกลมจะได้จ่ายง่ายๆ”
“อ่ะๆ เอาไปเลยไม่ต้องทอน” พี่มิวส่งแบงค์ร้อยให้ผมอีกสามใบเลย เสร็จพี่ปูนล่ะ “ไอ้บุ๊คไอ้อ้น หารกับกูด้วยนะพวกมึง”
“เออๆ ติดไว้ก่อน” รู้ล่ะว่าเรื่องอะไรจะทำให้พี่บุ๊คมันเสียงเบาได้
“งั้นพวกผมกลับก่อนนะครับ”
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งดิ อยู่ด้วยกันก่อนเว้ย” พอผมพูดจบพี่สามมันก็โพล่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมหันไปมองไอ้โจม (มึงยังอยู่เหรอวะ) มันก็เลยพูดตอบพี่เขาไป
“เดี๋ยวเพื่อนว่าครับพี่”
“ถ้าใครว่าให้มาบอกพี่บุ๊คเลย เดี๋ยวพี่บุ๊คเคลียร์ให้” โห แมนมากพี่สาม ให้พี่บุ๊คเคลียร์ด้วย
“เกี่ยวอะไรกับกูวะไอ้สาม!” นั่นไง พี่มันกลับมาเสียงดังอีกแล้ว สบายหูได้แปบเดียวจริงๆ
“เอาน่าพี่ ถือว่าช่วยน้องนุ่ง”
พี่สามมันมีปัญหาอะไรกับตาหรือเปล่า ทำไมมองพี่บุ๊คแล้วต้องกระพริบถี่ปานนั้นอ่ะ หรือว่าลืมหยอดน้ำตาเทียมตอนใส่คอนเทคเลนส์
“อ่อ เอ้อ อยู่ก่อนดิมึง ถ้าเพื่อนมึงว่าให้มาบอกกู” วันนี้มาแนวใจดีเหรอพี่บุ๊ค
“แต่…”
“อยู่ก่อนก็ได้มึง กูจะไปหาพี่รหัส” ไหนเมื่อกี้บอกกลัวเพื่อนว่าไงโจม ทำไมตอนนี้ถึงอยากไปหาพี่รหัสได้วะ
“เอางั้นเหรอ”
“อือ เอางี้แหละ”
ไอ้โจมก็เดินไปหาพี่รหัสของมัน ทิ้งผมไว้กับพวกพี่ๆ ที่น่ารักน่าหยิก แล้วดูแต่ละคน ให้ผมอยู่แต่หันไปคุยกันเองหมดเลย แล้วพวกพี่ๆ จะให้ผมอยู่ตรงนี้ทำไมวะครับ แต่มีอยู่สองคนที่ไม่ได้คุย คือพี่มิวที่นั่งเงียบก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวกับพี่ว่านที่กำลังหาที่นั่ง
“นั่นด้วยกันดิปูน”
โอเคครับ พี่ปูนเด็กดีอยู่แล้ว เชื่อฟังผู้ใหญ่
ผมเดินไปนั่งที่ว่างข้างๆ พี่ว่าน ปกติผมไม่ค่อยคุยอยู่แล้ว ยิ่งกับคนเพิ่งรู้จักยิ่งไม่ค่อยมีอะไรจะพูดใหญ่ ผมก็รู้แหละว่าแบบนี้มันทำให้คนที่อยู่ข้างๆ อึดอัด แต่ช่วยไม่ได้ครับ ผมแก้ไขอะไรไม่ได้ด้วย
แต่ทำไมตอนอยู่กับไอ้เอื้อแล้วผมกลายเป็นคนพูดมากไปซะได้ ทั้งที่ก็เพิ่งรู้จักมันได้ไม่เท่าไหร่เอง หรือเพราะมันชอบกวนตีนผม?
อือ ก็เป็นไปได้
“ปูนเรียนสาขาเดียวกับไอ้สามป่ะ” และท้ายสุดพี่ว่านคงทนความเงียบไม่ไหวเลยถามผมก่อน
“ครับ แล้วพี่ว่านอ่ะเรียนอะไร ผมไม่เคยเห็นพี่ที่คณะเลย”
“พี่เรียนวิศวะน่ะ ไม่ได้เรียนคณะเดียวกับปูน”
“อ้าว แล้วมาช่วยได้ไงอ่ะครับ”
“อ๋อ พี่เป็นรูมเมทไอ้สามมัน มันเห็นพี่อยู่ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยลากมาช่วยมันที่นี่” พี่สามนี่เป็นเพื่อนที่เลวมากครับ ไปลากเพื่อนมาเดือดร้อนทั้งที่ไม่ใช่ธุระของพี่ว่านเลย
“เอ้า ก็มึงบอกว่าเบื่อๆ อ่ะ กูเลยพามาหาไรทำ” มีการเถียงครับๆ ทีเมื่อกี้หันไปคุยกับเพื่อนอย่างเดียวเลยนะ
“เออ เล่นเอากูหายเบื่อเลยไอ้เวร” พี่ว่านยิ้มมุมปากขำๆ พี่มันมีเสน่ห์มากเลยนะ สาวๆ น่าจะชอบ
จะว่าไปรอบตัวผมมีแต่คนหน้าตาดีนะ แต่ดีที่สุดคงเป็นผม อิอิ
“แล้วปูนขายของหรือเปล่า”
“ขายครับขายบูธผมอยู่หน้าคณะเลยนะ ขายพวกผักออร์แกนิก พี่ว่านอ่านลืมไปอุดหนุนผมนะครับ”
“มีแถมมั้ย ถ้าไม่แถมพี่ไม่ซื้อนะ”
“แถมไม่ได้หรอกครับ เพราะเงินเข้าสโมฯ คณะ ขาดทุนพี่บุ๊คเอาผมตายเลย” ท้ายประโยคนี่ผมต้องก้มลงไปกระซิกพี่ว่าน ถ้าพี่บุ๊คได้ยินพี่มันเล่นผมแน่
“ฮ่าๆ งั้นก็ไม่ซื้อล่ะ พี่ชอบของแถม”
“โห่~ พี่ว่านใจร้าย”
“โอ๋ๆ พี่ล้อเล่น เดี๋ยวพี่ช่วยปูนอุดหนุนนะ”
“พี่ว่าสัญญาแล้วนะครับ ผมเฝ้าบูธงานวันที่สามกับวันสุดท้ายนะ มาได้ทั้งสองวัน วันอื่นก็ซื้อได้แต่ถ้าซื้อวันที่ผมเฝ้าร้านก็ดี ของจะได้ขายหมดแล้วผมจะได้กลับหอไวๆ”
เป็นไง แผนของผมเจ๋งมั้ยล่ะ
“โอเคครับ วันที่สามกับวันสุดท้าย พี่จะไปนะ”
นี่แหละครับเทวดามาโปรดของผม!!
“ไวนะมึงได้ลูกค้าเลย” ที่จริงถ้าพี่สามไม่พูดก็ไม่มีใครว่าอะไรนะเนี่ย แต่ช่างพี่สามครับ ตอนนี้ผมอารมณ์ดีอยู่ ใครจะว่าอะไรพี่ปูนไม่โกรธ
ผมนั่งคุยกับพี่ว่านไป รอเวลาที่ไอ้โจมมันจะชวนกลับแต่ไร้วี่แววโดยสิ้นเชิงครับ ตอนนี้มันไปช่วยพี่เขาขึ้นฉากหลังของเวทีอยู่ ทีงานชั้นปีตัวเองมันนั่งอู้นะ สมน้ำหน้าโดนพี่ๆ เขาใช้เลย
ส่วนพวกพี่บุ๊คกับพี่สามเขาก็กลับไปทำงานกันแล้ว พี่ว่านก็เหมือนกัน แต่เนื่องด้วยโครงสร้างเวทีเสร็จเกือบหมดแล้วงานที่เหลือเลยเหลือแค่เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างพวกจัดตกแต่งหน้าเวที วางของโน้นนี่ให้เข้าที่ ขนเก้าอี้สำหรับให้แขกนั่งชมการเเสดงและร่วมกิจกรรมเปิดงานแฟร์
ตอนนี้ผมกำลังช่วยพี่ว่านขนกระถางต้นไม้ตามคำสั่งพี่อ้นอยู่ครับ พี่อ้นมันจัดสวนสวยมาก ไอเดียร์บรรเจิดสุดๆ มีน้ำตกเล็กๆ ด้วยอ่ะ
“ไหวหรือเปล่าปูน”
ผมพยักหน้าพร้อมยิ้มให้กับพี่ว่าน พี่เขาก็มีน้ำใจมาถามผมนะ ขนาดตัวเองยกของหนักกว่าผมตั้งหลายเท่า พอผมจะยกบ้างก็ห้ามไว้ซะหมด ผมเลยต้องมานั่งยกกระถางเล็กๆ แล้วก็วางรั้วไม้ที่ใช้กั้นบริเวณสวน
“อ้าววัน เลิกซ้อมแล้วเหรอ”
ผมเหลือบมองไปตามเสียงของพี่โก้ พี่วันนำทีมบรรดานักแสดงและนางรำทั้งหลายเดินออกมาจากด้านในดึก แต่ละคนนี่สวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ แต่ห่างได้เป็นดีพวกนนี้เอาเรื่องทั้งนั้น
“อือ ทุกคนกลับกันได้เลยนะคะกลับกันดีๆ พรุ่งนี้แสตนบายสี่โมงเย็นนะลูก สามโมงต้องถึงคณะแล้วนะคะ ห้ามสายนะคะ”
โอ้โห งานเริ่มหกโมง นัดก่อนตั้งสามชั่วโมงแน่ะ โหดจริงๆ
“เหนื่อยป่ะวัน”
“อื้อ นิดหน่อยอ่ะ”
“อ่ะนี่ชาเขียวที่วันชอบอ่ะ โก้เก็บไว้ให้” อ้อ ถึงว่าพี่สามจะกินพี่โก้ไม่ให้ เพราะแบบนี้นี่เอง
“ขอบใจนะ” พี่วันรับชาเขียวไปถือพร้อมยิ้มหวานให้พี่โก้ โอ๊ย แสงสีชมพูนี่มันอะไร ไฟมันก็สีขาวธรรมดานี่ครับ
“มดครับมด มีมดมาขายเป็นรังเลยใครสนใจจะซื้อมั้ยครับ!!”
พี่อ้น มึงอิจฉาเขาสองคนใช่มั้ยตอบ!!
“อ้าวน้ำ ไม่กลับเหรอ” พี่วันที่ยืนหน้าแดงกับคำแซวของเพื่อนหันไปถามพี่น้ำที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆ
“รอเพื่อนมารับค่ะ”
“แอ่ะ ใช่คนที่มาส่งหรือเปล่า เพื่อนแน่เหรอ”
“พี่วันก็…”
ผมไม่ได้ตั้งใจฟังหรอกครับ มันแค่ผ่านเข้ามาในหูเฉยๆ ตอนนี้ต้องรีบกลับไปทำงานเพราะพี่อ้นมันพาลคู่รักสองคนนั้น หันมาทำตาเขียวใส่พวกผมใหญ่เลย และสวนของพวกเราก็เสร็จในยี่สิบนาทีตอนมา
เยส!!!
“โคตรเหนื่อย!”
พี่ว่านทิ้งตังลงนั่งข้างผมที่ฟุตบาทหน้าตึกกลาง หน้าพี่มันมีแต่เหงื่อ แถมยังเปื้อนดินเต็มไปหมดเลย ส่วนผมดีหน่อยไม่ค่อยเปื้อนเท่าไหร่ ก็บอกแล้วว่าพี่ว่านไม่ค่อยให้ผมขนของ
“พี่ว่านหน้าเปื้อนครับ”
“จริงดิ ตรงไหน พี่ว่าพี่ล้างหมดแล้วนะ…”
“อย่าๆๆ พี่ เดี๋ยวเสื้อเปื้อน” ร้องห้ามพี่ว่านแทบไม่ทัน พี่มันยกแขนขึ้นมาเตรียมจะใช้เช็ดหน้าอยู่แล้วครับ โอ๊ย ไม่เสียดายเสื้อเลยพ่อคุณ
“พี่ไม่มีผ้าเช็ดหน้า”
“ของผมก็ได้ครับ” ผมส่งผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าให้พี่ว่าน “ยังไม่ได้ใช้เลย ไม่ต้องกลัวสกปรก”
“ถึงใช้แล้วก็ไม่เป็นไรหรอก” ว่าแล้วพี่ว่านก็ลงมือเช็ดหน้าตัวเอง แต่เช็ดยังไงก็ไม่โดยตรงที่เปื้อนสักที ขัดใจครับ เฉียดไปเฉียดมาอยู่นั่นแหละ
“ผมเช็ดให้ดีกว่าพี่”
“อ้อ เอาสิ”
ผมหยิบผ้าเข็ดหน้าคืนมาจากพี่ว่าน ตรงที่เปื้อนดินมันคือช่วงหว่างคิ้วทั้งสองข้าง กับแก้มซ้าย แต่ทุกครั้งที่พี่ว่านเช็ดก็จะเลยจุดนี้ไปทุกที ผมเช็ดให้พี่ว่านอย่างตั้งใจโดยไม่รู้เลยว่าอยู่ใกล้พี่ว่านมากแค่ไหน
และไม่รู้เลยว่าใกล้กันนั้น มีใครบางคนยืนมองพวกผมอยู่จากทางด้านหลัง
===============================================
=====================================
ฮัลโหลลลล ทุกคนนนน มาพบกันอีกแล้ววว
ขอเปิดตัว 'พี่ว่าน' ค่าาาา
ว่าที่พระรองแสนดีแต่ไม่ค่อยมีบท
พี่เขาดูละมุนเนาะ
ส่วนพี่เอื้อของเราน้านน มีสาวใหม่ด้วย น่าตบจริงๆ
ก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ปล.ตอนหน้าเรามาเจอกับพี่เอื้อกันบ้างเนาะ