Chapter 2 : goodbye my day
ผมตื่นขึ้นมาตอนบ่ายโมงนิดๆ ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหนเหมือนกัน แต่พอหลับเท่านั้นล่ะ แม่งหลับเลย นั่งอึนๆสักพัก เหตุการณ์ต่างๆก่อนหน้านี้ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัว ที่เมื่อคืนผมตามมันมาน่ะ เพราะผมง่วงไง เลยไม่ได้คิดอะไรให้รอบคอบ
แต่พอลองคิดพิจารณาดูดีๆแล้ว ไอ้โปรมันมาช่วยผมทำไมกัน ให้ขับรถไล่ชนหรือเอามีดไล่แทงผม ยังจะสมกับความดิบเถื่อนในสันดานของมันมากกว่าอีก มันต้องการอะไรกันแน่ แล้วไอ้กอดเมื่อคืนอีก... กูว่ามันต้องมีเงี่ยนงำ
รื้อกระเป๋าเอาสายชาร์จออกมาชาร์จแบตโทรศัพท์ที่ไม่รู้ว่าหมดไปตอนไหน เมื่อเสียบอะแดปเตอร์สายชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟ รอเพียงไม่นานหน้าจอที่มืดสนิทก็สว่างขึ้น และการแจ้งเตือนจากหลายๆแอพพลิเคชั่นก็รัวขึ้นมาเต็มหน้าจอ
สิ่งที่ปรากฏมีทั้งไลน์ทั้งสายที่ไม่ได้รับ และอีกหลายอย่างที่สามารถตามตัวผมได้ และเมื่อกดเข้าไปดูก็ได้รู้ว่าพ่อผมโทรมาเกือบร้อยสาย...หึๆๆ บอกเลย ไม่ครบอาทิตย์น้องซีไม่กลับ!
แต่ถึงผมจะชอบทำนิสัยไม่ดีบางทีหรือทำตัวเหี้ยๆในบางหน แต่ผมไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร ถ้าพ่อยอมโทรมาก่อน ผมก็หายงอนแล้ว แต่นี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพ่อจะโทรมาเรื่องอะไร แต่ด้วยความมั่นใจและมั่นหน้าว่าลุงผมบางจะต้องโทรมาง้อแน่ๆ ก็เลยส่งไลน์ไปว่า... 'ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องตามหา เดี๋ยวกลับเอง' กดเลื่อนดูไลน์กลุ่มที่เตือนเกือบห้าร้อย... นี่พวกมึงคุยอะไร
และเมื่อเข้าไปไล่ๆอ่านเท่านั้นล่ะ รู้เลย กูรู้เลยว่าคุยเรื่องอะไร ฉิบหายแล้ว!! รีพอร์ตฟามาร์โคมันต้องส่งก่อนเที่ยงไงคะ...ไอ้สาดดดดดด
หันไปคุ้ยกระเป๋าอีกที แฟ้มพลาสติกถูกดึงออกมา ผมมองเล่นรีพอร์ตในมือที่เป็นคะแนนดิบถึงสิบคะแนน แล้วงานคู่ด้วย กูจะทำไงดีวะเนี่ย ป่านนี้เมทแล็บด่ายันโคตรเหง้าล่ะมั้งเนี่ย ผมกำมือทำใจสักสามวิ ก็หยิบโทรศัพท์ที่ยังคงชาร์จแบตอยู่ขึ้นมากดต่อสายตรงถึงคู่เมทแล็บ และก็เหมือนแม่งรออยู่แล้ว ยังไม่ทันได้รอเกินสองวินาที ปลายสายก็รับก่อนจะ...
"อยู่ไหนไอ้สัตว์!!!"ชะนีเถื่อนตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง "เกินเที่ยงเจ้แม่งหักคะแนน ขนาดอิแจนสายไปห้านาทียังโดนไปครึ่งคะแนน แล้วกูกะมึงนี่สายไปเป็นชั่วโมง ไม่หักจนติดลบเลยหรอไอ้เชี่ยซี!!"
"โหยยย กูขอโทษ กูหนีออกจากบ้านอ่ะเมื่อคืน... เดี๋ยวเรื่องเจ้เพ็ญกูเคลียร์เอง"ผมพยายามใช้เสียงออดอ้อนเพื่อให้มันใจอ่าน
"เออ!! ไปเคลียร์เลย แอดไวเซอร์มึงน่ะ"
"จ้า"
"จ้าที่หน้ามึงน่ะ... แล้วนี่มึงโอเคใช่ไหม เมื่อเช้าแฟนมึงเอากระเป๋าตังค์มาฝากกูไว้"พูดแบบนี้มันคงจะพอรู้แล้วล่ะว่าผมมีปัญหากับแบม
"กูโอเคเว้ย... เฉยๆเลย สบ๊ายสบาย"
"ดีล่ะ"
"เดี๋ยวกูโทรไปเคลียร์กับพี่เพ็ญฟาร์มาร์ซีก่อน แล้วถ้ายังไงเดี๋ยวกูไลน์ไป"ผมบอกเสร็จก็วางสาย
รีบต่อสายหาพี่เพ็ญฟาร์มาร์ซีทันที และพี่เพ็ญก็เช่นเดียวกับอิฟอยด์ รับไว้ซะอย่างกับรอกูอยู่เลย
"ไม่เอาคะแนนรีพอร์ตแล้วใช่ไหมคะนักศึกษา ครูจะได้ใส่ศูนย์ลงไปในใบกรอกคะแนนเลย"โอโหทักทายนักศึกษาได้เสียวสันหลังวาบเลยครับ
...ทำไมคนรอบตัวกูถึงมีแต่พวกชอบทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาทั้งนั้นวะ...
"ผมไม่สบายครับอาจารย์ แค่ก ตากฝนเมื่อนคืน ภูมิแพ้ผิวหนังเลย แค่กๆ กำเริบ"แสร้งทำเป็นไอประกอบฉาก
"แล้วไงคะ เวลามีตั้งนานทำไมไม่ส่ง"โหเจ้ นี่คิดว่าพวกกูเรียนวิชาเจ้คนเดียวรึไงเนี่ย
"เพิ่งเสร็จเมื่อวานครับ แค่ก ถ้าอาจารย์จะหักคะแนน... หักแค่ผมพอนะครับ ผมผิดเอง"นั่น กูดึงดราม่าเลย
"งานคู่ ต้องรับผิดชอบร่วมกันค่ะ"
"มันเป็นความผิดผมเองครับ เมื่อคืนผม... โดนไล่ออกจากบ้าน ฮึกๆ"นี่มันละครหลังข่าวปะวะ... ความจริงกูหนีออกมาเองทั้งน้านนน
"ใจเย็นๆนะซี แล้วนี่อยู่ไหน"โห มาซงมาซีเชียว เมื่อกี้ยังห่างเหินกะกูอยู่เลย
"ฮึก บ้านเพื่อนครับ"เสร็จกูล่ะ "เดี๋ยวผมจะรีบออกไปนะครับ"
"ไหวหรือเปล่า"
"ไหวครับๆ"
"งั้นเดี๋ยวครูรออยู่ห้องพักอาจารย์ล่ะกัน"ได้แต่กำมือล่ะร้องเยสดังๆในใจ
"ขอบคุณครับ ฮึก อาจารย์"
"จ้า"แล้วผมก็ตัดสายเลย
ผมรีบไลน์ไปบอกฟอยด์ว่าเคลียร์กับพี่เพ็ญฟาร์มาร์ซีเรียร้อยแล้วเสร็จ ก็พุ่งไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วรีบเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษายับๆทันที อาบน่งอาบน้ำนี่ช่างแม่งก่อน วินาทีนี้คะแนนสำคัญยิ่งชีพ
และจากการสนทาถกเถียงปัญหากว่าสองนาทีครึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปว่า ผมต้องออกไปหน้าหมู่บ้านแล้วนั่งแท็กซี่ไปหน้ามอ เดี๋ยวไอ้ธามจะอยู่รอจ่ายค่าแท็กซี่ให้ ส่วนเมทเถื่อนของผมน่ะหรอ พอตอบไลน์ผมไปสักพัก เจ้เพ็ญก็โทรมาเรียกให้ไปคุยเรื่องผมแล้วจ้า... แหมรักกูจัง
ส่องกระจกอีกครั้งก็สรุปได้ว่า หน้าผมมันยังดูไม่ค่อยป่วย เลยหยิบคอนซีเลอร์ที่ไว้ทาปิดแพนด้ามาจากกระเป๋า ก่อนจะเกลี่ยเข้าที่ริมฝีปาก... โอโห นี่กูเป็นหวัดหรือลูคีเมียระยะสุดท้าย
...โทรมฉิบหาย...
หยิบเล่มรีพอร์ตขึ้นมาจากกระเป๋าแล้ว ผมก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง เหมือนพี่แม่บ้านจะพยายามเรียกให้ผมกินข้าว แต่ผมไม่มีเวลาแล้วครับ ผมจึงได้แค่บอกปัดไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งออกมาจนถึงหน้าบ้านก็เหมือนว่าผมจะนึกอะไรได้บางอย่าง... ภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบ
มองซ้ายมองขวาก็หันไปเห็นสวนหย่อมที่ปูหญ้าญี่ปุ่นเอาไว้ ผมรีบเอาแขนไปถูๆกับพื้นหญ้าทันที่อย่างไม่ลังเล ถูไปถูมาจนหนำใจ ผมก็รีบเปิดรั้วแล้ววิ่งออกไป
ถ้าถามว่าทำไมต้องรีบขนาดนี้ทั้งที่เจ้เพ็ญก็ไม่ได้ฟิกเรื่องเวลา ผมตอบเลยนะครับ ผมรีบเพราะอีฟอยด์ล้วนๆเลยครับ คราวก่อนผมกับไอ้เปอร์โดดเรียนเพราะแฮงค์เลยตอแหลว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ไป เจ้เขาก็เรียกเมทเถื่อนของผมไปซักเลยครับ และอิฟอยด์เนี่ยสกิลก่อนตอแหลนี่น้อยมากครับ ดังนั้นถ้าซักมันจนซีดเมื่อไหร่...ความบรรลัยจะมาเยือน
...คราวก่อนโดนด่าจนหูอื้อเลย...
คนก็ยิ่งรีบๆ บ้านไอ้มนุษย์แฟนเก่าผมมันก็ดันอยู่ซะท้ายหมู่บ้านอีก กว่าจะหน้าหมู่บ้าน กูไม่เหนื่อยตายห่าคาฟุตปาตรก่อนหรอวะเนี่ย แต่ช่างเแม่ง ถ้าจะตายห่าขึ้นมาจริง อย่างน้อยกูยังตายในเครื่อง้บบเว่ย... เครื่องแบบนักศึกษาที่เนคไทค์เบี้ยวๆนี่แหละ
วิ่งไปได้ไม่นาน ผมก็ชักจะหอบ แล้วอิพระอาทิตย์ประเทศไทยนี่จะขยันไปไหน ตลอดทั้งปีกูมีโอกาสได้หนาวจับใจไม่เกินสามวัน คิดดูดิหนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน มันทำงานไม่เต็มที่แค่สามวัน นี่ถ้าทำงานบริษัทพ่อผมนะ ได้โล่พนักงานดีเด่นกับตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีแล้ว
ผมยืนหอบใต้ต้นไม้ ได้แต่ภาวนาให้มีรถผ่านมาสักคัน ผมจะได้หน้าด้านแสร้งดราม่าให้เขาไปส่งหน้าหมู่บ้าน และเหมือนพระเจ้าจะเห็นใจผมอยู่บ้าง เพราะตอนนี้ไอ้รถมอเตอร์ไซต์สีเหลืองดำคันใหญ่ที่มีสามล้อดูประหลาดตาได้มาจอดเรียบทางเท้าตรงหน้าผมแล้ว
และเหมือนพระเจ้าก็ยังคงเกลียดขี้หน้าผมพอสมควร เพราะทันทีที่ไอ้คนที่พระเจ้าส่งมานั้นเปิดหมวกกันน็อคสีเหลืองออกมา... กูนี่เบะปากมองบนเลยจ้า
...ูตะหงิดใจตั้งแต่เห็นหมวกกันน็อคสีเหลืองล่ะ...
"แดกปูนมาหรอ ปากขาวเชียว"อินี่ก็ทักกูได้น่ารักน่าชังเช่นเคย
"ช่างแม่งเหอะ นี่ไปส่งที่มอหน่อยดิ รีบมาก"
"ขึ้นมาดิ"ขอบคุณจ้ะ ที่เข้าใจว่ากูรีบจริงๆ
ไอ้โปรส่งมือให้จับ ผมก็เลยจำใจจับอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเหยียบที่วางเท้าแล้ววาดขาขึ้นซ้อนท้าย รถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่เลี้ยวกลับอย่างเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัวจนเกือบร่วง
แต่ไอ้โปรมันไม่สนหรอกครับ บิดแม่งอย่างกับพ่อใครจะตายอย่างนั้นแหละ ส่วนผมก็ได้แต่ทำตัวลีบๆแล้วเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งหนีบชายเสื้อช็อปสีแดงเลือดนกไว้โดยไม่ให้เจ้าของมันรู้ตัว
เพียงไม่ถึงห้านาที ผมก็มาถึงหน้ามอด้วยสภาพตัวฟูกระเซอะกระเซิง ผมไถลตัวลงจากรถอย่างอ่อนล้า บอกเลยว่าตอนลงมา ขากุนี่ทรุดไปสองวิด้วย
ไอ้ธามที่เห็นผมแล้วรีบวิ่งมาหา ส่วนไอ้โปรมันก็ถอดหมวกกันน็อคออกแล้วส่องกระจกรถเผื่อจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง ว่าแต่... มันโกนหนวดแล้วนี่
หน้าแม่งใสจริง แถมผมสีดำกับเสื้อสีแดงเลือดนกยังขับผิวมันที่ขาวมากอยู่แล้วให้ดูสว่างเข้าไปใหญ่ ผมชอบมันลุคนี้มากว่ากว่าลุคกากๆเมื่อคืนนะ แบบตอนนี้มันดูแบดๆแบบสะอาดสะอ้านไง
"โห สภาพ"ไอ้ธามถึงกับหัวเราะ
"กูรีบไง แล้วฟอยด์มันเป็นไงบ้าง โดนรีดจนตัวซีดปากสั่นแล้วมั้งเนี่ย"พี่เพ็ญฟาร์มาร์ยิ่งเป็นมนุษย์ป้าขี้จุกจิกอยู่ด้วย
"มันเพิ่งไลน์มาในกรุ๊ปเนี่ยว่าเขาถามเรื่องครอบครัวมึงใหญ่เลย"
"แล้วมันบอกว่าไง"
"ก็ตอแหลพ่อทำงานไม่ค่อยกลับบ้าน พอกลับมาก็ทะเลาะกันตลอด"
"อือหือ"พ่อกูนี่นะไม่ค่อยกลับบ้าน... แทบขนงานมาทำที่บ้านเพื่อเฝ้ากูเลยจ้า
"กูงี้ลั่นเลยจ้า"กูก็ลั่นด้วย "แล้วใครวะ"มันบุ้ยปากไปทางไอ้โปรที่ยังส่องกระจกอยู่อย่างไม่จบสิ้น
"เพื่อนกูไง"
"ใครเพื่อนมึง"หันมาหน้านิ่งๆ "ผัวเก่าก็บอกเขาไป มาพ่งมาเพื่อน... ถามกูยัง ว่าอยากเป็นเพื่อนกับมึงไหม" มองกูเหยียดๆ แล้วก็หันไปส่องกระจกต่อ
...เอ ดร๊อกกก!!! ...
"ฮะๆ"ไอ้ธามถึงกับหัวเราะอย่างเสียจริตเมื่อได้เจอแฟนเก่าในตำนานของผมสักที... แต่มันไม่แปลกใจหรอกครับ เพราะผมเคยเล่าว่าผมเคยคบกับผู้ชาย
"งั้นเราไปล่ะ ขอบใจมาก ถ้าไงไปกินเค้กรอในคาเฟ่หน้ามอก่อนก็ได้"เอาใจมันหน่อย มันอุส่าต์มาส่ง
"กูบอกหรอ... ว่าจะรอมึง"กุูนี่หมาเลยจ้ะ
"ไงก็ขอบคุณที่มาส่งนะ"แต่กูไม่โมโหหรอกจ้า กูยังต้องอาศัยบ้านมึงอยู่
ผมรีบวิ่งไปที่รถไอ้ธามที่จอดรออยู่ ขับมาจนถึงที่คณะ ไอ้ธามก็เอารถไปจอด ส่วนผมก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสาม... กลัวถ้าขึ้นลิฟต์มา อาจารย์จะไม่เห็นถึงความรีบของกูค่ะ
ผมเคาะประตูสองสามทีก่อนจะแฉล้มหน้าเข้าไป กล่าวทักทายพี่เจ้าหน้าที่แล็บเล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนกายไปหน้าห้องที่เขียนว่า เภสัชกรหญิง ดร. เพ็ญประศรี คุณากุล
ผมเคาะประตูขออนุญาติ และเมื่อภายในห้องตอบรับแล้ว ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปยิ้มทักทายอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะไปนั่งข้างๆเมทแล็บที่ส่งสายตามมาประมาณว่า 'มึงไปทำเหี้ยอะไรมาเนี่ย'
Rrrr
ผมก้มดูโทรศัพท์ในมือที่มีไลน์กลุ่มเด้งขึ้นมา
ฟอยด์ไง จะใครล่ะ : กูรอดตายแล้วค่ะ
จ้ะ... ส่งไม้ผลัดมาเลย ความปวดร้าวจากการตอแหลในครั้งนี้กูยินดีรับไว้เอง
"ไปโรงบาลมารึยัง"พี่เพ็ญถามด้วยความเป็นห่วง
"ยังครับ แต่ผมกินยาแก้แพ้ไปแล้ว"ผมยกมือขึ้นเกาหัวอย่างประหม่า ไม่ใช่อะไรหรอก จริงๆแค่อยากโชว์ผื่นที่แขน
"แล้วไปอยู่กับเพื่อนเป็นไงบ้าง ลำบากใจอะไรหรือเปล่า"
"ไม่ครับ คือรู้จักกันมานานแล้วครับ"นานมากครับ ตั้งแต่สมัยกูยังเป็นเด็กม.ต้นเห่อฮมอยนู้นแน่ะ
"ดีแล้วๆ ยังไงมีปัญหาอะไรก็โทรหาครูได้นะ"น้องซีนี่ซึ้งน้ำตาจะไหล สีหน้าพี่เพ็ญฟาร์มาซีดูเป็นห่วงผมอย่างจริงใจ
...อาจารย์ครับ...
...ผมขอโต๊ดดดดด...
หลังจากคุยกับอาจารย์ไปร่วมชั่วโมง ผมกับเมทแล็บตั้งแต่ปีหนึ่งของผมก็ออกมาอย่างเริงร่า ตอนแรกผมกะว่าถ้าไอ้โปรมันรอ ผมก็จะกลับบ้านกับมันเลย แต่นี่มันไม่รอไง งั้นผมไปกินข้าวแล้วรอเข้าเรียนแล็บอนาฯตอนบ่ายสามดีกว่า ไม่อยากเสียคะแนนควิซด้วย
ผมออกจากมอตอนห้าโมงเย็น ที่จริงอาจารย์ปล่อยตั้งแต่สี่โมงแล้ว แต่ว่ามัวแต่เมาส์กันเรื่องแฟนเก่าคนล่าสุดของผมอย่างแบม กับแฟนคนแรกที่กลับมาจากขุมนรกแล้วอย่างไอ้โปรจนเพลินนั่นแหละ เลยออกมาป่านนี้
ผมเรียกแท็กซี่ที่หน้ามอเพื่อกลับไปบ้านมนุษย์แฟนเก่า และแมื่อเข้าบ้าน ผมก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกที่เจอปะป๊ามะม๊าของมนุษย์แฟนเก่ากำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่พอบุการีทั้งสองของไอ้โปรชวนผมคุยอย่างเป็นกันเองนั่นแหละ ผมเลยไม่รู้จะประหม่าต่อไปทำไม ไปๆมาผมก็เลยนั่งดูหนังด้วยไปเลย
หกโมงเย็นผมก็มานั่งเสนอหน้ากินข้าวร่วมโต๊ะราวกับเป็นบ้านตัวเอง ว่าแต่ไอ้โปรมันหายหัวไปไหนเนี่ย แต่ช่างเถอะ มันไม่อยู่ผมก็สบายใจสบายหูไปเยอะเหมือนกัน
เมื่อกินข้าวเสร็จก็กลับมาดูหนังกันต่อ แต่ดูไปยังไม่ทันจะถึงครึ่งเรื่อง มะม๊าของไอ้โปรที่อายุราวสี่สิบ แต่สภาพยังดูเหมือนแค่ยี่สิบปลายๆเท่านั้น เอ่ยแกมสั่งกับหนุ่มใหญ่วันใกล้เคียงกันที่ตอนนี้ยังหน้าหน้าเด็กพอกัน
"เฮีย... ไลน์ถามน้องโปรให้หน่อย ว่าจะกลับกี่โมง"
"อืม"นี่ก็ว่าง่ายจัง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ มองดูสักพัก กดๆอีกครั้ง ก็หันกลับมา "กำลังกลับ"
"ดี... งั้นบลูจะได้อยู่รอด่าก่อนไปขึ้นเครื่อง"คู่สนทนาได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัย "ก็ลูกเฮียน่ะ มันเอาเอาท์แลนด์เดอร์ออกไปแว้นบนถนนใหญ่มาเมื่อคืน"อ๋อ คงหมายถึงอิรถสี่ล้อนั่นสินะ
"กลางคืนไม่ค่อยมีตำรวจหรอก"คนที่กดเปลี่ยนช่องทีวีเอ่ยอย่างไม่ยี่ระ
"บลูไม่ได้ห่วงเรื่องตำรวจเลยเฮีย ห่วงว่ามันจะได้ตายก่อนเรียนจบนี่แหละ"คนพูดเบ้ปากมองบนเมื่อคิดถึงเด็กน้อยน่ารักที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จนตอนนี้โตจนถ่อยเกินมนุษย์มนาไปแล้ว "น้องซี เดี๋ยวพี่กับป๊าน้องโปรจะไปตรวจงานอาทิตย์หนึ่ง ฝากดูมันด้วยนะ"
ครับ... และจากนั้นเราก็แลกไลน์แลกเบอร์กันครับ งานเสือกนี่ถนัดรองจากตอแหลเลยครับ คอยดูเถอะไอ้โปร ถ้ามึงด่าอะไรกูอีก กูจะใส่ร้ายป้ายสีมึงให้โดนด่าจนเหี่ยวป็นเป็นผ้าขี้ริ้วเปียกๆเลย
พอแลกไลน์เสร็จผมก็ขอตัวมานั่งเล่นที่ชิงช้าในสวนที่ตอนนี้ยุงชุมจนแทบจะหามกูไปแดกแล้วจ้ะ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด พอเห็นพ่อส่งไลน์มาว่า'รีบกลับบ้านะลูก พ่อคิดถึง' ผมก็ถึงกลับยิ้มออก ก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์หมีกอดไปให้พ่อ
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พิมพ์อะไรตอบพ่อที่เลิกเป็นมนุษย์ลุงขี้หงุดหงิดแล้ว เสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาใกล้ๆ ก่อนประตูรั้วจะเปิดออก รถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่เลี้ยวเข้ามาจอดที่โรงรถที่อยู่ไม่ห่างจากที่ผมนั่งนัก ผมหันไปยิ้มทักทายอย่างสร้างภาพ ไอ้โปรเดินหน้านิ่งเหมือนเดิมเข้ามา แต่ที่ดูไม่ค่อยเหมือนเดิมคือ มันเกร็งคิ้ว... แสดงว่าโมโห
"รู้ไหมกูรอมึงกี่ชั่วโมง!!!"ตะคอกลั่นเลยจ้า... แต่ว่า
...ห๊ะ อะไรนะ...
"ห๊า"
"กูรอมึงอยู่ในคาเฟ่หน้ามอมึงไงไอ้สัด มึงแม่ง... ไอ้เหี้ย"อ้าว กูผิดซะงั้น
"ก็โปรบอกว่า... กูบอกหรอ ว่าจะรอมึง"กูนี่งงเลยค่ะ
"แม่งเอ๊ย"มันจิ๊ปาก
"..."
"กลัวไม่เป็นไข้เลือดออกตายรึไง"มันกลับมาพูดเสียงเรียบๆ คิ้วที่เกร็งเมื่อกี้ก็คลายออกแล้ว... อารมณ์มึงนี่คูลดาวน์ไวไปแล้วไอ้สาดดด
"งั้นเข้าบ้านล่ะ"ผมลุกขึ้นยืน ไอ้โปรก็พลักหัวผมเบาๆ แต่เพราะไม่ได้ตั้งตัวไง ผมเลยเซแถ่ดๆไปเหยียบแอ่งน้ำขังที่อยู่ไม่ไกล
....ขอบคุณจ้า...
...นองมิดตีนขนาดนี้ ผื่นกูคิดอีกแน่ไอ้สึด...
"แม่ง!"ผมสบถ ก่อนดึงเท้าน้อยๆแสนบอบบางของผมขึ้นมา "เฮ้ย!"ผมอุทานด้วยความตกใจเมื่อไอ้คนที่อยู่โหมดอารมณ์ขึ้นๆลงๆมันคว้าคอเสื้อนักศึกษาผม แล้วกึ่งดึงกึ่งลากไปที่ก๊อกน้ำ
ไอ้โปรนั่งยองๆก่อนจะทำสิ่งที่ผมนี่ต้องชักตีนหนีเลย มันกำลังจะล้างคราบโคลนจากแอ่งน้ำขังให้ผม ผมได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ ก่อนที่ไอ้โปรมันคว้ามือผมไปวางไว้บนบ่ามัน ก่อนจะดึงขาข้างที่เปื้อนอยู่ของผมามาล้าง
แสงไฟจากโคมทางเดินฉายให้เห็นเสี้ยวหน้าที่จมูกแหลมเป็นชะง่อนหินที่ภูกระดึง ผิวขาวจัดของคนนั่งที่ก้มหน้าอยู่เมื่อโดนแสงไฟดูเหมือนราวมีกับมีประกายเรืองรอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้จ้องมันนานกว่านี้ ไอ้คนที่ก้มหน้าอยู่ ก็เงยขึ้นมาเสียอย่างนั้น... กูนี่สะดุ้งเลยครับ
ไอ้โปรปล่อยขาผมก่อนจะปิดวาวล์น้ำ คนตัวสูงกว่าผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินหน้านิ่งนำเข้าไปในบ้าน ส่วนผมนั้นก็ได้แต่เอามือทาบหน้าอกที่ตอนนี้มันเริ่มเต้นเร็วขึ้นอีกแล้ว
เสียงสนทนาที่ดังเกินผิดปกติที่ดังมาจากในบ้าน ทำให้ผมรีบวิ่งเข้าไปอย่างไว้ด้วยความเสือกล้วนๆ ไอ้โปรกำลังยืนก้มหน้าในขณะที่พี่บลูกำลังยืนเท้าเอวหน้าเครียด
"มึงขึ้นไปบนห้องไป"แหม มีไล่... อายกูล่ะสิที่โดนม๊าด่าอ่ะ
"อือ"ทำได้แค่พยักหน้า เพราะตอนนี้หัวใจผมมันยังเต้นแรงไม่ยอมลดเลย
ผมรีบเดินขึ้นมาบนชั้นสอง แต่ผมไม่ได้เข้าห้องหรอก มาซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดข้างราวบันได... ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า
"ม๊าอย่ามา่ใส่ร้ายโปร โปรไม่ได้เอาเอาท์แลนเดอร์ออกไปสักหน่อย"เสียงบุคคลที่หนึ่งเถียงขึ้นมา
"ไม่ได้เอาออกไป แล้วน้ำมันมันหายไปไหนครึ่งถังห๊า"เสียงของผู้กุมอำนาจสูงสุดของบ้านแย้งขึ้นมา
"โห!! นี่ขนาดต้องวัดน้ำมันกันเลยหรอม๊า"น้ำเสียงดูไม่พอใจสุดๆ "แล้วถ้าซื้อมาแต่ไม่ขับมันก็พังหมดสิม๊า"
"ถ้าอยากขับก็เอาไปขับที่ลานกว้างๆ ไม่ใช่ถนนใหญ่ มันอันตราย"
"โปรคุมรถอยู่น่า หม้าบ่นจนหูโปรอื้อแล้วเนี่ย"ไม่สำนึกไม่พอ ยังโยนความผิดอีกนั่น
"เฮีย! ดูลูกเฮียดิ"
"เอาน่า โปรมันโตแล้ว ตายก็ฝัง ยังก็เลี้ยง อย่าไปใส่ใจอะไรมาก"พยายามคลี่คลายสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงสบายๆ
"ตายที่หน้าเฮียดิ!!"กลายเป็นว่าคดีพลิก จำเลยไม่เพียงแค่รอดตัวแต่ศาลที่เคารพยังต้องกลายเป็นเหยื่ออารมณ์รับกรรมแทนไปซะงั้น "อยู่ดีไม่ว่าดีเสือกแช่งลูก"นี่แหละ เรื่องจริงของมนุษย์แม่... ลูกข้า ใครอย่าแตะ
"นั่นดิ ป๊ามาแช่งโปรทำไมเนี่ย"อินี่ ได้ที่ขี้แพะไหลเลยจ้า
"อ้าว นี่กูผิดอะไรเนี่ย"
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงพี่บลูกับไอ้โปรหัวเราะลั่น ไม่รู้ข้างล่างเขาคุยอะไรกันต่อ เพราะตอนนั้นในสมองผมกลับมีแต่เรื่องสมัยก่อนเข้ามา ทั้งที่เมื่อก่อนไอ้โปรเป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะง่าย แต่พอมาตอนนี้ คุยดีๆกับกูสักคำยังไม่มี
"หาจิ้งจกแดกรึไง"แหม... คุยกับกูแต่ละคำ
"เปล่า เมื่อยเลยนั่งพัก"เป็นการตอแหลที่สิ้นคิดที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยจ้า
"หราาาาา ไม่ได้แอบฟังตอนกูโดนม๊าด่าอยู่หรอ"รู้อยู่แล้วจะมาถามกูอีกทำไม...โถ่ะ
"เออ!!"กระแทกเสียงแล้วก็รีบหนีเข้าห้องมันไปเลย
เมื่อกี้เผลอสบตามันด้วย ใจผมที่เต้นรัวจนขาแทบทรุดแน่ะแม่ง นี่ผมเป็นอะไรไปว่ะเนี่ย อ่อนไหวเป็นชะนีม.ต้นตอนอายุ14เลยไอ้สัด
ผมรีบหาชุดนอนแล้วเข้าไปอาบน้ำ ผมสิงอยู่ในห้องน้ำอยู่นานเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่พอผิวชักจะเริ่มเปื่อยแล้ว ผมเลยจำใจต้องแต่งตัวแล้วออกมา ไอ้โปรที่คาดว่าจะแก้ผ้าอยู่เช่นเคย สอดตัวเล่นโทรศัพท์อยู่ใต้ผ้าห่ม
ผมหยิบบรรดาเครื่องประทินโฉมอันน้อยนิดของตัวเองออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเอาไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ที่มีห่าอะไรเยอะแยะไปหมด นี่สินะ...เคล็ดลับหน้าใสของมึง
ทาไนท์ครีมกับอายส์เซรั่ม และเบบี้ออยล์เสร็จ ผมก็สอดตัวลงนอนอีกฝั่ง ไอ้โปรกดรีโมทต์เพื่อปิดไฟ ตอนนี้ทั้งห้องจึงเหลือเพียงแค่ความสว่างจากแสงโคมไฟสองฝั่งและหน้าจอโทรศัพท์มือถือสองเครื่องเท่านั้น
ผมกดดูในไลน์ก็เห็นมีเพื่อนแอดมา คงจะเป็นพี่บลู แต่ว่านะ อิรูปโปรไฟล์ที่เผยใบหน้าด้านข้างที่ดูเหมือนโดนแอบถ่ายนี่มันคุ้นๆนะ 'Proton' ... มึงเองเร๊อะ!!!!
และไม่นานเมื่อผมกดรับเพื่อน ไอ้คนที่นอนอยู่ด้านข้างผมมันก็ทักมาราวกับแม่งรออยู่นานล่ะ
Proton: ยาทาผื่นอยู่ข้างโคมไฟ
เออว่ะ ผมนี่ลืมไปเลยว่าเป็นผื่นอยู่ พอนึกได้ ร่างกายก็ดัดจริตขึ้นมาทันที ไอ้ผื่นที่ไม่คันแล้วก็คันขึ้นมาอย่างประหลาด ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบหลอดยา แล้วบีบเนื้อคริมมาป้ายแล้วทาตามรอยผื่นของแขนทั้งสองข้าง
ขอบคุณนะ'ผมตอบกลับ รู้สึกแก้มมันตึงๆยังไงไม่รู้ แต่พอเอามือแตะๆหน้าเท่านั้นแหละ รู้เลยว่าผมกำลัง...ยิ้ม
'วันนี้ขอบคุณที่ไปส่งนะ เร็วมากเลย ช่วยชีวิตเพื่อนเราไว้เลย 555'ไม่มีอะไรตลกหรอก แต่กูติดพิมพ์ 555
Proton: จะเร็วกว่านี้อีก ถ้าหูมึงไม่กางต้านลม
...เอ ดร็อกกกกกก กูหูกางแล้วหนักหัวพ่อมึงรึไง!!!...
ส่งสติ๊กเกอร์หมีต่อยไปให้แม่งเลย
Proton: กูนอนล่ะ บาย
'ฝันดีๆ'ผมตอบ
Proton: อือ ฝันดี
และนั่นก็จบบทสนทนา ตอนนี้ผมยังคงยิ้มหน้าบานไม่รู้สาเหตุไปอย่างต่อเนื่อง มันแบบฟินแปลกอ่ะ รู้สึกแก้มแม่งร้อนๆด้วย ไม่ได้การล่ะกูต้องบอกต่อ แต่จะบอกใครดีวะ บอกไปคนเดียวเดี๋ยวแม่งงอนอีก กูบอกแม่งทั้งกลุ่มนี่แหละ ผมรีบกดเข้าไปไลน์กลุ่มอย่างไม่รีรอ
'มึง'
'กูว่ากูรู้สึกแปลกๆว่ะ'
'กูรู้สึกแบบมันฟินแปลกๆ'
'ใจกูงี้เต้นแรงมากเลยอ่ะ'
January: เดี๋ยวเพื่อน เดี๋ยว!!
แจนเพื่อนสาวที่เคารพรักพยายามเอ่ยขัด
'ไม่เดี๋ยวแล้วมึง หัวใจกูเต้นจนจะวายแล้วเนี่ยสัด'
ฟอยด์ไง จะใครล่ะ: ใจเย็นๆก่อน วางถุงกาวแล้วตั้งสติ
'กูมีสติเว่ย'
'กูว่ากูแม่งชอบแฟนเก่ากูแล้วว่ะ'
One upon a time: ฮ่าๆๆๆๆๆ
'หัวเราะหาพ่อมึงหรอเชี่ยธาม'
'กูจริงจังเว่ย'
จีจี้ ศรีสยาม: โอ้ย สงสาร ฮ่าๆๆ
'สงสารแต่เสือกหัวเราะนี่คืออะไร'
'แต่ว่าวันนี้กูว่าแม่งเป็นวันของกูอ่ะ'
'แบบ มันดีอ่ะ'
'แต่ไอ้เหี้ย กูเจอมันแค่วันกว่าๆเองนะเว่ย'
'ไมกูใจง่ายแบบนี้วะ'
M: ใครก็ได้บอก นายชวัลกร รหัสนักศึกษา 00011781ที
ไอ้เอ็มนี่มาเต็มยศเลย
'แล้วแบบ เจ้เพ็ญฟาร์มาซียังใจดีกับกูด้วยอ่ะ ทั้งที่ปกตินี่แทบแดกหัว ...ชวัลกรทำไมเธอสะเพร่าแบบนี้ ชวัลกรทำไมไม่ส่งเล่ม ชวัลกรรู้จักคำว่าตัดหางปล่อยวัดไหม ชวัลกรนี่เธอโง่หรอ'
'แต่แบบวันนี้ ดีกะกูมาอ่ะ กูปริ่ม'
ผมยิ้มกรุ่มอยู่คนเดียว แต่ไอ้ความฟินที่กระจายอยู่ทุกรูขุมขนมันก็อยู่กับผมได้ไม่นานเมื่อ...
Paper crycry: ชวัลกร คุณส่งผิดไลน์ครับ
Paper crycry: เหมือนจะไม่ทันแล้วว่ะ
ผมนี่เหลือบตาไปดูชื่อกรุ๊ปเลย 'A. Pen's advisee' ... ชิบหายล่ะ กูชิหายแน่
P' Pen Pharmacy: ชวัลกร พน.พบครูที่ห้องด้วยค่ะ
...กูจิคราย...
...ลาก่อยยยยยยย วันของกู...
----- TBC.
ตอนพิมพ์อิฉากในไลน์นี่ไหลลื่นราวกับเกิดขึ้นจริง
ลาก่อยยย น้องซี
จริงๆแล้วเขียดเป็นคนขยันมากนะคะ
ไอ้เหตุการณ์ที่ดองนิยายจนเป็นเป็นปลาร้านั่นมันเป็นการแสดงค่ะ
ขอบคุณที่ชอบกันนะคะ ปลื้มปริ่มสุดๆ
@Grey Twilight ไอซ์ นาว ที นี่4-5ปีเลยนะคะ โอ้ยแบบ น้ำตาจิไหล ดีใจมากเลยที่มีคนจำได้
... ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยค่ะ