(2)
“พี่รักพีท” คำพูดนั้นชัดเจนแทงทะลุทุกประสาทการรับรู้
‘หา อะไรนะ’ พีทชะงักมือที่กำลังจะชกค้างกลางอากาศเพราะประโยคนั้น
‘อะไรกัน ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อยู่ดี ๆ ก็โพล่งขึ้นมาแบบนี้’พีทที่นิ่งค้างไป เปิดโอกาสให้พี่ชายรวบมือเขาที่เงื้อหมัดค้างไว้ลงมา ฮั่นรวบแขนทั้งสองข้างของพีทไปข้างหลัง ดันตัวน้องชายจนชนกับกำแพงข้างเตาผิงอย่างง่ายดาย
“ชนะแล้ว”
พีทที่กำลังตกตะลึงอยู่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เขาสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าถูกรวบตัวจนหมดทางหนีแล้ว
‘ชนะงั้นเหรอ’ หันมองหน้าคนที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา พี่ฮั่นพูดแบบนี้แค่เพื่อเอาชนะเขางั้นเหรอ พี่ฮั่นทำได้ยังไง คำพูดพวกนั้นมันคงไม่มีความหมายสินะถึงเอ่ยออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น พี่ฮั่นไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเขาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องพยายามมากเท่าไรที่จะทำตัวให้เหมือนเดิม พยายามหักห้ามใจแค่ไหนที่จะไม่ให้คิดอะไรเกินไปกว่าพี่ชาย เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เขาต้องทนเจ็บปวดมากขนาดไหน พี่ฮั่นเคยคิดถึงใจเขาบ้างรึเปล่า
ไม่ได้รักกันแล้วพูดทำไม ทำไม?
“พีทต้องทำตามคำสั่ง”
พี่ฮั่นที่แนบชิดเขาอยู่ ยังพูดต่อไปเหมือนไม่เห็นว่าเขากำลังเสียใจ เหมือนไม่สนใจความรู้สึกของเขา
เจ็บ เจ็บไปหมด ไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหน รู้แต่ว่ามันเจ็บจนชาไปทั้งตัว
“พี่สั่งให้พีทตอบคำถามพี่”
‘คำถามบ้าอะไร จะมาถามอะไรตอนนี้!!’ แววตากราดเกรี้ยวของเขาบอกแบบนั้น ในเมื่อตอนนี้เขาพูดไม่ออกแล้ว
“ขอให้ตอบความจริง แค่คำถามเดียว”
เขามองหน้าพี่ฮั่นที่ยังคงถามคำถามต่อไป เขาทนไม่ไหวแล้ว พีทออกแรงดิ้นรนพยายามสะบัดมือที่ถูกรวบไว้ด้านหลังด้วยแรงที่เหลืออยู่ แต่พี่ฮั่นที่ดันร่างมาจนชิดนั้นทำให้เขาขยับแทบไม่ได้
“พีทรักใคร”
‘อะไรนะ ทำไมพี่ฮั่นถึงถามแบบนี้’ ร่างกายที่กำลังดิ้นอย่างหนักหยุดกะทันหัน เขางงไปหมดแล้ว พีทสับสนไปหมดแล้วกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่
นี่มันอะไรกัน เขาเมาใช่ไหม นี่เขาหูฝาดไปเองรึเปล่า ทำไมเขาต้องมาสู้กับพี่ฮั่นในเช้าวันคริสต์มาสทั้งที่ควรจะกำลังนอนอุ่นบนเตียงนุ่มของตัวเอง ต้องมาฟังคำพล่อย ๆ ของพี่ฮั่นที่ใช้เพื่อเอาชนะเขา ต้องมาตอบคำถามบ้า ๆ ทั้งที่พี่ฮั่นก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว!
“พี่เป็นบ้าอะไร พี่กำลังทำอะไรอยู่” เขาตะโกนออกไป
“พี่ไม่รู้รึไงว่าผมเจ็บปวด ไม่รู้รึไงว่ามันทรมานขนาดไหน แล้วพี่มาถามคำถามนี่เพื่ออะไร พี่จะให้ผมพูดไปทำไมในเมื่อมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับพี่เลย”
เขาตะโกนอีก เขาทนไม่ไหวแล้ว อยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว พีทสะบัดตัวอย่างแรงแต่พี่ฮั่นไม่ยอมปล่อย มือใหญ่ที่รวบแขนเขาไว้ด้านหลังทั้งสองข้างเหมือนกอดเขาไว้ทำให้เขาหนีไม่ได้ พี่ฮั่นกลับเบียดตัวชิดเข้ามาอีก แนบหน้าผากตัวเองกับหน้าผากเขา
“พี่อยากได้ยินอีก”
พีทหันหน้าหนีไปอีกทางเมื่อดิ้นไม่หลุด เขาไม่ตอบได้แต่กัดฟันกลั้นน้ำตาไว้ กดความเสียใจที่พุ่งจากกลางอกนั้นลงไปอีก
“พีท” เสียงแผ่วอ่อนกระซิบเรียก
“พีทรักใคร”
พี่ฮั่นถามอีก ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ริมหูเขา กดจมูกโด่งแถวไรผม
พีทเบิกตากว้างอย่างตกใจ ตัวแข็งนิ่งค้างจากการกระทำของพี่ฮั่น สัมผัสนั้นอ่อนละมุน นุ่มนวลเมื่อปลายจมูกนั้นลากผ่านไปตามไรผมช้า ๆ อย่างจงใจ แตะริมฝีปากแผ่วหวาน
พีทกัดฟันแน่นกับความรู้สึกสะท้านที่เกิดขึ้น ไม่ว่ายังไงพี่ฮั่นก็มีอิทธิพลเหนือเขาทุกเรื่อง แค่เสียงที่กระซิบอยู่ริมหูแบบนี้ แตะแผ่วเบาแบบนี้ก็ทำเขาใจสั่น เขาอยากจะดิ้นรนหนีเพื่อเป็นอิสระจากความรู้สึกที่ห้ามไม่ได้นี้ แต่กลับขยับไปไหนไม่ได้!
“ว่าไง พีทรักใคร” คำถามยังตามมาอีกครั้ง
คราวนี้พี่ฮั่นลากจมูกโด่งนั้นไปลงไปอีก ไล้เบา ๆ กดจูบเรื่อยลงไปตามลำคอ
“อ๊ะ พี่..” แรงดูดเม้มที่ต้นคอทำให้เขาเจ็บแปลบ แต่กลับสร้างความวาบหวามให้เพิ่มขึ้น
“อะ อื้อ”
พีทกัดฟันข่มเสียงครางของตัวเอง ความรู้สึกวูบวาบเหมือนครั้งก่อนทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกที่พี่ฮั่นเคยฝากไว้เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องออกกำลังกาย ความรู้สึกนั้นกำลังทำให้เขาหัวหมุนคิดอะไรไม่ออก เขาหลับตากลับเห็นแต่หน้าพี่ฮั่น คนคนเดียวที่เขาคิดถึงตลอดเวลา
“ผม...ผม รัก พี่ฮั่น”
คำตอบแทบไม่เป็นคำของเขาทำให้พี่ฮั่นหยุดการกระทำ
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวพี่ฮั่นก็จับคางเขาให้หันกลับมา พีทมีโอกาสสบตาพี่ฮั่นเพียงครู่เดียว แต่ก็นานเพียงพอที่จะสะกดเขาไว้ ริมฝีปากนั้นกดลงมาจนแนบสนิท พีทยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก ปากนุ่มที่บดคลึงอยู่ทำให้เขาเบลอไปหมด ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าพี่ฮั่นปล่อยมือตั้งแต่เมื่อไร มือเขายกนิ่งค้างกลางอากาศอย่างไม่รู้จะวางตรงไหน
เพียงครู่เดียวพี่ฮั่นก็ผละริมฝีปากออก พี่ชายถอยหน้าออกไปเล็กน้อย ยกมือประคองหน้าเขาไว้ จ้องตรงมา แต่สายตาเขากลับเอาแต่จ้องมองไปที่ปากแดง ๆ ที่เพิ่งผละไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเมาเหล้าหรือกำลังเมาจูบของพี่ฮั่นกันแน่
“พีทรักใคร”
เสียงพี่ฮั่นกระซิบถามมาอีก พร้อมกับเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง ใช้ปลายจมูกปัดไปมาที่จมูกเขาอย่างหยอกล้อ
“หืม?” เสียงแผ่วเบานั้นเหมือนต้องการคำตอบ แตะจูบบางเบาที่มุมปาก
“ผม รัก พี่ฮั่น” เขาตอบอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
พี่ฮั่นจูบเขาอีก ริมฝีปากนั้นบดเบียดแนบชิด มือใหญ่ข้างหนึ่งสอดไปตามเส้นผม กดท้ายทอยให้เขาเงยหน้าขึ้นรับสัมผัสอ่อนหวานก่อนจะสอดลิ้นมาตวัดพันลิ้นเขาไว้
พีทแทบไม่รู้ตัวอีกแล้วว่ากำลังเกิดอะไรต่อไปเมื่อพี่ฮั่นกำลังปรนเปรอเขาด้วยริมฝีปากร้อนราวกับรู้ว่าเขายังไม่เต็มอิ่มกับรสจูบ มือที่ยกนิ่งค้างคว้ากอดคนตรงหน้าไว้ เขาเคลื่อนมือไปทั่วแผ่นหลังกว้าง พี่ฮั่นเบียดตัวกับเขาไปมา จูบอ่อนโยนนั้นเริ่มร้อนแรงขึ้นทุกนาทีที่ผ่านไป กระตุ้นให้ตอบสนอง
คงเป็นเพราะความคิดถึง ความรัก ความต้องการที่เกิดขึ้นมานานแต่ต้องเก็บซ่อนไว้ เมื่อมีโอกาสได้สัมผัสกันและกัน สิ่งที่อยู่ภายในก็ผลักดันให้คนทั้งคู่ปลดปล่อยทุกสิ่งที่อัดแน่นออกมา ต่างฝ่ายต่างก็ถ่ายทอดความรู้สึกของตนผ่านร่างกายที่แนบสนิทจนไม่มีอะไรมาแทรกได้
วันเวลาเหมือนหยุดนิ่ง โลกกำลังหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงแค่คนสองคนที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามจังหวะหัวใจที่เต้นประสานกัน
พีทไม่รับรู้สิ่งอื่นใดยกเว้นเพียงแค่ริมฝีปากที่สร้างความรัญจวนใจ ทำให้เขาล่องลอย ทำได้เพียงแค่ยึดพี่ชายไว้แน่น จนกระทั่งมือพี่ฮั่นสอดเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ ลูบหนัก ๆ ที่หลังพีทก็สะดุ้งสุดตัว ถอนใบหน้าตัวเองออก
“พี่ฮั่น ปล่อยก่อน!”
เขาจับข้อมือที่กำลังเคลื่อนจากแผ่นหลังมาที่หน้าอกไว้แน่น ก้มหน้าเพราะไม่กล้าสบตา หน้าเขาต้องแดงไปหมดแน่ ๆ เพราะตอนนี้เขารู้สึกร้อน ร้อนไปทั้งหน้าทั้งตัว
‘พี่ฮั่นกำลังทำอะไร?’พี่ฮั่นยอมหยุดแต่กลับกอดเขาไว้แทน พีททิ้งตัวไว้ในอ้อมแขนพี่ฮั่นอย่างคนหมดแรง กองไฟในเตาผิงนั้นมอดไหม้จนเหลือเพียงไฟกองเล็กแต่ห้องนั่งเล่นยังคงอบอุ่น มีเพียงเสียงหายใจแรงของคนสองคน
“พีท พีท พีท” พี่ฮั่นเรียกเขาเสียงพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ ริมฝีปากร้อนนั้นยังคงลากไปมาข้างหู
“อืม” พีทรับคำเสียงเบาหวิวพอกัน พยายามเรียกสติตัวเองกลับคืน เขายังคงถูกมอมเมาจากสัมผัสของพี่ฮั่นจนเบลอไปหมดแล้ว สมองแทบไม่สั่งงานอะไรเพราะสิ่งที่พี่ฮั่นกำลังทำนั้นดึงความสนใจเขาไปหมดสิ้น
“รู้บ้างไหมว่าทำให้พี่ทนแทบไม่ไหวแล้วน่ะ”
“อะไร พี่ฮั่นหมายความว่าอะไร”
“ก็...ก็...ไม่มีอะไร”
“กอดพี่บ้างสิ” พี่ชายกระซิบเสียงออดอ้อนก่อนจะกดริมฝีปากนุ่มไปตามลำคอทำให้ความรู้สึกที่ยังคุกรุ่นอยู่พุ่งทะยานขึ้นอีก พีทเผลอเบียดตัวเข้าหา
“พี่ทำแบบนี้ทำไม ไม่ดีเลย”
ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่สองมือของเขากลับกระชับอ้อมกอดแน่น กอดด้วยความรู้สึกคิดถึง ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่มีต่อพี่ชายคนนี้ คนที่เขาพยายามจะเลิกรักแต่ความรักที่มีก็ยังคงล้นหัวใจ
“พี่บอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ พี่บอกให้ผมตัดใจ แล้วพี่ทำแบบนี้ทำไม” เขาสับสนไปหมดแล้วเพราะพี่ฮั่นพูดอย่างหนึ่งแต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
คำถามนั้นทำให้พี่ชายหยุดการเคลื่อนไหว เงยหน้ามามองคนที่กำลังสับสน ยิ้มอ่อนโยนให้น้องชาย
“พี่คุยกับพ่อแล้ว”
ความสงสัยปรากฏชัดในดวงตาคนฟัง
“อะไร พี่คุยอะไรกับพ่อผมเหรอ”
“พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้ว แล้วก็ไม่ว่าอะไร คำตอบอยู่ในการ์ดแล้ว”
‘คำตอบอยู่ในการ์ด? อะไร แล้วพ่อว่ายังไงล่ะ’ ดวงตาเขายังคงเต็มไปด้วยคำถาม พีทเอนตัวไปด้านหลังเพื่อมองหน้าคนพูดให้ชัด พี่ฮั่นมองสบตาเขาด้วยสายตาที่ทำให้เขานิ่งงัน สายตาที่เคยทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาสู้กันในห้องออกกำลังกาย
“พ่อบอกว่ายินดีกับความรักของเราไงล่ะ เด็กโง่”
“ความรักของเรา?”
“ก็ พีทรักพี่ พี่ก็รักพีทไง”
‘อะไรนะ’“วันนั้นพี่ไปหาพีทที่ทะเล ตั้งใจจะบอกแต่พีทกลับไม่สบาย ไข้ขึ้น เพ้อด้วย เพ้อหาพี่”
จริงหรือนี่ คืนนั้น....ที่บ้านริมทะเล คืนนั้นที่เขาไม่สบายเขาไม่ได้ฝันไปเองหรอกหรือ พี่ฮั่นอยู่ที่นั่น แล้วที่สิ่งเขาได้ยิน มันคือความจริงใช่ไหม?
มือของพี่ฮั่นเคลื่อนมาจับใบหน้าเขาไว้ ใบหน้าของพี่ฮั่นสว่างไสว พี่ชายจ้องลึกเข้าไปในดวงตา ตรึงเขาไว้ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ส่งมา สายตาที่มีแต่ความจริงไม่เหลือเค้าล้อเล่นเลยสักนิด
จากนั้นพี่ฮั่นก็ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มที่มีให้เขาเสมอก่อนจะย้ำอีกครั้ง
“พี่รักพีท รักมาตั้งนานแล้ว”
เกิดความว่างเปล่าชั่วขณะเมื่อได้ยินประโยคไม่คาดฝันนั้น
พีทรู้สึกคล้ายกับว่าเขาหยุดหายใจไปชั่วคราว ร่างกายหยุดเคลื่อนไหว หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ฮั่นพูด ความหมายของประโยคนั้นกำลังซึมซับเข้าไป แทรกซึมไปทั่วร่างกาย
‘.....รัก.....พี่ฮั่นรักเขา’คำว่ารักของพี่ฮั่นตรงเข้ากระแทกที่หน้าอก กระตุ้นหัวใจที่เคยแตกสลายให้เริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง หัวใจที่เขาเคยคิดว่าคงไม่รู้สึกอะไรได้อีกแล้วกลับกำลังพองฟูอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบใจเอ่อท้นไปทั่วร่าง พีทรู้สึกชาไปทั้งร่างกาย มีเพียงหัวใจที่เต้นถี่รัวตอบสนองคำพูดอันมีความหมาย
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่ามันคือเรื่องจริงหรือความฝัน ความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นได้ไหลผสมปนเปไปกับความสุขใจที่ได้ยินคำสำคัญ เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกเช่นไร แต่มันได้หลอมรวมกันและปลดปล่อยออกมาเป็นน้ำตา
เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด จนกระทั่งพี่ฮั่นใช้ปลายนิ้วไล้แผ่วเบา เช็ดน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน
พีทมองพี่ฮั่นด้วยดวงตาพร่ามัว ครู่ใหญ่กว่าจะหลุดคำถามออกมาได้
“ตะ..ตั้ง...ตั้งแต่เมื่อไร?”
เขาเห็นพี่ฮั่นเม้มปากแน่น ดูขัดเขิน ก่อนจะตอบคำถาม
“คริสต์มาสอีฟ ตอนพีทอยู่ปีหนึ่ง”
‘อะไรนะ ตอนปีหนึ่ง!’ พีทได้แต่นิ่งงันเมื่อสมองคิดทบทวนอย่างรวดเร็ว นั่นมันตั้งแต่สามปีที่แล้ว พี่ฮั่นรักเขามานานขนาดนั้น แสดงว่าที่ผ่านมา.....
แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร? ทำไม? ทำไมต้องปฏิเสธเขา
ความทรงจำอันเจ็บปวด ความรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง หัวใจเขาที่ถูกพี่ฮั่นทำลายไปแล้วครั้งหนึ่ง ความเจ็บปวดอันทุกข์ทรมานไหลย้อนกลับมา พีทผลักพี่ชายออกทันที ใบหน้ากราดเกรี้ยวเมื่อได้รู้ความจริง
“แล้วพี่ปฏิเสธผมทำไมล่ะ ไม่รู้รึไงว่าผมเจ็บปวดขนาดไหน ไม่รู้รึไงว่าผมทรมาน ผมรักพี่แทบเป็นบ้าแต่พี่กลับบอกให้เราเป็นพี่น้องกัน พอผมพยายามจะรักเหมือนพี่ชาย พี่กลับมาบอกว่ารักผมงั้นเหรอ พี่สนุกมากไหม สนุกมากใช่ไหมมาปั่นหัวกันแบบนี้!”
เขาเสียใจมากขนาดไหน พี่ฮั่นเคยรู้บ้างรึเปล่า ทั้งที่รักเขาแล้วทำไมถึงบอกว่าไม่ได้รัก ทำไมต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้
พีทใช้หลังมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอีก คราวนี้ไม่ใช่เพราะความสับสน แต่มันมาจากความโกรธ ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขารู้จัก ความเจ็บปวดที่ได้รับจากคนคนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“ไหนพีทบอกว่าจะไม่โกรธพี่ไง” พี่ชายเอ่ยเสียงอ่อน เอื้อมมือมาจับแขนน้องไว้ แม้พอจะคาดเดาได้ว่าพีทต้องโกรธเมื่อรู้เรื่องที่เขาเก็บไว้มานาน แต่ก็อดใจเสียไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีโกรธขึงของน้องชาย
พีทกระชากมือตัวเองออกอย่างแรง
“ผมขอยกเลิก! ผมโกรธพี่แล้ว ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีกนะ!”
พีทตะโกน เจ็บปวดเพราะความไม่เข้าใจ เจ็บปวดที่พี่ฮั่นไม่เคยบอก ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายพูดและแสดงออกทุกอย่างแม้กระทั่งออกคำสั่ง แล้วมาบอกทำไมตอนนี้ ตอนที่เขากำลังจะตัดใจ
“พีท พี่ขอโทษ”
ใบหน้าคมของพี่ชายสลดลง มองน้องชายด้วยสายตารู้สึกผิด แต่พีทมองไม่เห็นสายตานั้นเลยเพราะดวงตาเขากำลังถูกบดบังด้วยความโกรธ
“พีท พี่ขอโทษที่ทำให้พีทเสียใจ พี่มีเหตุผล พีทฟังพี่ก่อน”
พี่ชายก้าวเข้ามาใกล้อีก พีทปัดมือพี่ชายที่ยื่นมา ขยับถอยแต่ทำได้เพียงนิดเพราะติดกำแพงด้านหลัง ท่าทางนั้นทำให้พี่ชายชะงัก
“ไม่!!! ผมไม่อยากฟัง ผมเกลียดพี่” เขาตะโกนอีก
“แต่พี่รักพีท” พี่ชายตอบกลับมาทันที
“รักงั้นเหรอ!!! พี่รักผมภาษาอะไร ทำไมผมถึงเจ็บปวดแบบนี้ล่ะ นี่เหรอความรักของพี่ ความรักของพี่คือการเก็บเงียบแล้วทำให้ผมเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองบ้าไปคนเดียวงั้นเหรอ พี่ไม่รู้รึไงว่าคืนนั้นที่ทะเลผมคิดไปว่าผมฝันไป ผมเหมือนคนโง่ที่เอาแต่นึกถึงเรื่องความฝัน มีความสุขลม ๆ แล้ง ๆ กับฝันบ้าบอของตัวเอง...”
“...แต่ตอนนี้พี่กลับมาบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง ถ้างั้นตอนนี้พี่คงลืมตัวใช่ไหมที่พูดเรื่องทั้งหมดนี่ พรุ่งนี้พี่ก็คงมาบอกกับผมว่าให้ลืมเรื่องคืนนี้ซะเพราะพี่แค่พูดเล่นใช่รึเปล่า ความรักของพี่คือการล้อเล่นกับหัวใจของผมใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะพีท พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“พอผมบอกว่าผมรักพี่ พี่ไม่ยอมรับความรู้สึกผมด้วยซ้ำ ปล่อยให้ผมบ้าอยู่ได้คนเดียว พี่บอกให้เราเป็นพี่น้องกันทำไม ผมเสียใจจะตายอยู่แล้ว ตอนเราสู้กัน พี่....”
‘พี่จูบผมขนาดนั้น แล้วกลับพูดว่าทำตามคำสั่งของเขา’ พี่ฮั่นไม่รู้รึไงว่าเขาต้องกลั้นใจมากแค่ไหนที่ต้องเอ่ยคำสั่งอันน่าละอายนั่น เพราะเขายังหวัง คิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่ฮั่นอาจจะมีใจบ้างแต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
“....แล้วมาบอกตอนนี้ทำไม” น้ำตาไหลเป็นทางยาว พีททนไม่ไหวอีกแล้ว พี่ฮั่นทำร้ายจิตใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผมเกลียดพี่แล้ว”
“ไม่ใช่ พีทไม่เคยเกลียดพี่ พีทเพิ่งบอกพี่ว่า...”
“มันเป็นอดีตไปแล้ว! ตอนนี้ผมเกลียดพี่ เกลียด ได้ยินชัดไหม!”
‘เขาไม่รักแล้ว ไม่รักพี่ฮั่นแล้ว’ พีทคร่ำครวญอยู่ในใจ
แต่ทั้งที่เป็นคนพูดออกไปเองเขากลับเจ็บปวด น้ำตาไหลลงมาอีก พีทปล่อยให้มันไหล ยกมือขึ้นกดตรงหน้าอก ความรู้สึกทั้งหมดไหลมารวมกันอยู่ที่อกด้านซ้าย บีบคั้นหัวใจเขาจนปวดไปหมด หายใจแทบไม่ออก หมดเรี่ยวแรงแทบจะยืนไม่ไหว
“ฮึก ฮึก” เขาพยายามกลั้นสะอื้น เจ็บที่หน้าอกจนต้องก้มตัวลง
พี่ฮั่นก้าวเท้าพรวดเดียวถึงตัว คว้าเขาไปกอดแน่น
“พีท พี่ขอโทษ พีทจะให้พี่ทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษพีทบอกมาสิ พี่จะทำทุกอย่าง พีทอย่าโกรธพี่เลย”
เพราะน้องชายอยู่ในอ้อมแขนจึงไม่เห็นว่าคนพูดก็กำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน น้ำตาที่กลั้นไว้นานแล้วหยดลงบนไหล่ของน้องชายจนชุ่ม
“ปล่อย!!!”
พีทยังคงพูดทั้งที่ถูกกอดแน่นหนา ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืนต่อไป
“ไม่มีทาง พี่รักพีท พี่จะไม่ยอมอยู่ห่างพีทอีกแล้ว”
น้ำตาพี่ชายไหลลงมาอีก ความเจ็บ ความทรมานจากการที่ต้องอยู่ห่างไกลจากน้องชาย ทำได้เพียงคิดถึง แอบมาหา แอบเฝ้ามองโดยที่น้องชายไม่เคยรับรู้ ความทุกข์ใจที่สะสมมานานจนตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจถูกกวนขึ้นมาอีกครั้ง ความทุกข์ที่ทิ่มแทงเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันทำให้เขาเจ็บปวด แต่เขาจะไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว
“อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก ผมเกลียดพี่แล้ว!” ความดื้อรั้น ไม่ยอมใคร ทำให้พีทรวบรวมกำลังที่เหลือผลักพี่ฮั่น
คำพูดนั้นทำให้คนที่ได้ยินแทบหมดแรง จึงถูกน้องชายผลักออกอย่างง่ายดาย
“ออกไป! ออกไปจากบ้านผม ผมเกลียดพี่ ได้ยินไหมว่าผมเกลียดพี่แล้ว...”
ถ้าคำพูดเป็นเหมือนดังมีดอันแหลมคม พีทก็ได้ใช้คำพูดนั้นกรีดลงไปที่หัวใจของพี่ชาย คำว่า ‘เกลียด’ นั้นกรีดลึกเข้าไปในหัวใจหม่นเศร้าของคนที่ได้ยิน หัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความรักที่ต้องการจะถ่ายทอดให้คนที่เขารักได้รับรู้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ หัวใจที่เจ็บปวด อ่อนแรง และเต้นช้าลงทุกขณะ
พี่ชายถอยหลังตามแรงผลักแต่ยังไม่ยอมออกจากห้องนั่งเล่น พีทตรงเข้ามาจะผลักอีกกลับถูกจับไว้ สองแขนเขาถูกยึดไว้แน่น พีทพยายามดึงแขนออกจากมือที่จับแน่นเหมือนคีมเหล็ก
“พีท ฟังพี่อธิบายก่อน” คนพี่พยายามพูดเพื่อให้น้องสงบลง
แต่พีทไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เกิดการยื้อยุดกันขึ้นเมื่อพีทพยายามจะผลักพี่ฮั่นแต่คนพี่กลับยึดแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เขายิ่งโกรธเมื่อทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้ โกรธจนหูอื้อตาลาย พละกำลังเพิ่มขึ้นจากแรงผลักดันภายในอันรุนแรง เขากระชากมือตัวเองออกแล้วผลักคนตรงหน้าอย่างแรงให้ถอยออกไปจากห้องนั่งเล่น และเมื่อคนพี่พยายามก้าวเข้ามาอีก หมัดที่กำแน่นนั้นก็ตามมาโดยไม่ทันยั้งคิด
“พลั่ก!!”
พี่ชายเซถอยหลังไปสองสามก้าว มึนงงเมื่อใบหน้าสะบัดจากแรงชกนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะ เขายกมือขึ้นแตะที่มุมปาก หันหน้ากลับมามองน้องชายที่ยืนนิ่งเช่นกัน
พีทกำลังก้มมองมือตัวเองสีหน้าตกใจเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าได้ทำอะไรลงไป
ฮั่นมองไปยังคนที่ยืนกำหมัดแน่น แววตามีแต่ความเจ็บปวด ความเจ็บปวดอันชาชิน เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเพราะหมัดของน้องชาย แต่สิ่งที่พีทแสดงออกมาต่างหากที่ทำให้เขาเจ็บปวด
“พีท” น้ำเสียงยังคงนุ่มนวลเหมือนปกติ
เสียงเรียกเบากลับทำให้น้องชายสะดุ้ง
“ออกไป!” พีทยังคงไล่โดยไม่สนใจอะไรอีก
คนพี่ได้ยินก็ต้องกัดฟันข่มความเสียใจของตนไว้เมื่อคิดว่าน้องชายคงไม่ต้องการเขาอีกแล้ว เขาคงจะตัดสินใจช้าไป
เพียงเท่านี้ก็ปวดร้าวแทบทนไม่ได้ เขากำมือแน่น กล้ำกลืนความรู้สึกทุกอย่างลงไป
‘ไม่เป็นไร’ คิดอย่างปลอบใจตัวเอง
เขาเจ็บจนชินเสียแล้ว เพราะความเจ็บปวดไม่ได้เพิ่งเกิด มันเกิดมาตั้งนานแล้ว ที่ผ่านมาเขารู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีหวังตั้งแต่แรก ความเจ็บปวดมันเกิดขึ้นพร้อมกับความรักนั่นแหละ เป็นเหมือนเงาที่คอยติดตามไปตลอดเวลา
เพราะตั้งแต่รู้ตัวว่ารักเขาก็ไม่เคยไม่เจ็บปวด
แม้จะพยายามห้ามใจ พยายามเปลี่ยนไปรักคนอื่น แม้จะเปลี่ยนไปคบใครก็ไม่เคยเปลี่ยนใจตัวเองได้ ยิ่งได้ใกล้ชิด ได้กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ความรักที่เคยหักห้ามไว้กลับยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ยิ่งความรักพอกพูนขึ้นมากเท่าไรความทรมานก็ยิ่งทบทวี เขาก็ยิ่งร้าวรานเพราะนอกจากจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว ยังต้องเป็นคนเอ่ยคำพูดอันร้ายกาจเพื่อทำร้ายน้องด้วยตัวเอง เขาเสียใจเพราะคนที่ทำให้น้องต้องเสียใจก็คือตัวเขาเอง เสียใจเพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
หลายต่อหลายครั้งที่คิดจะถอยห่าง หลายครั้งที่คิดจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่นี่แล้วกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ก็ตัดใจกลับไปไม่ได้เพราะน้องคือคนที่เขาต้องการอยู่เคียงข้างตลอดมา น้องคือคนสำคัญที่เขาคิดถึงมาตลอดสิบปีที่ห่างกัน แค่เขาไปญี่ปุ่นไม่กี่วันยังกระวนกระวายเพราะความคิดถึง แล้วเขาจะจากไปได้อย่างไร
และเขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลทุกสิ่งทุกอย่างแทนลุงคริส ดูแลกิจการ ทรัพย์สินมหาศาลที่เป็นของน้องในอนาคต เขาทิ้งไปไม่ได้เพราะรู้ดีว่าน้องไม่ต้องการจะสืบทอดกิจการพวกนี้แม้แต่น้อย เขารู้ว่าพีทอยากทำอะไร
มือที่ทิ้งข้างตัวกำแน่นขึ้นอีก
‘ไม่เป็นไร’ เขาปลอบใจตัวเองอีกครั้งด้วยคำพูดเดิม
พีทแค่พูดออกไปด้วยอารมณ์ น้องแค่โกรธที่เขาไม่บอก เขาเข้าใจน้องชายดี ถ้าได้ฟังคำอธิบายพีทคงจะเข้าใจ ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร ไม่ว่าจะอย่างไรเขาคงจะปล่อยมือจากพีทไปไม่ได้อีกแล้ว เขาจะไม่ทนอีกแล้ว ไม่มีใครห้ามความต้องการเขาได้อีกแล้วแม้แต่ตัวเขาเอง
คิดแล้วก็สูดลมหายใจลึก รวมรวมกำลังใจให้กลับมาอีกครั้ง
“ขอพี่อธิบายก่อนได้ไหม ไม่นานหรอก แล้วพี่จะไป”
เขาเห็นพีทกำลังจะพูด จึงรีบตัดบทก่อนที่น้องจะมีโอกาสไล่เขาอีกครั้ง
“พี่ขอเวลา นิดเดียวเท่านั้น”
พีทหันหน้าหนี แต่ไม่มีทีท่าจะไล่เขาอีก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“พี่ขอโทษที่เคยทำให้พีทเสียใจ ขอโทษที่ต้องปฏิเสธ พี่คงเรียกคืนสิ่งที่พี่ทำลงไปไม่ได้ พี่ทำได้เพียงแค่ขอให้พีทยกโทษให้”
“เหตุผลที่พี่ต้องปฏิเสธ พีทคงจะรู้ดีอยู่แล้ว คำพูดที่พี่พูดออกมาพี่ก็เจ็บปวด แต่ก็ต้องพูดเพราะพี่ไม่เห็นหนทางใดที่จะดีกว่านี้....”
“พี่เสียใจที่ทำให้พีทเจ็บปวด พี่ก็ทุกข์ไม่น้อยไปกว่าพีทเพราะความเจ็บปวดของพี่มันเริ่มต้นตั้งแต่รักพีทนั่นแหละ พี่รู้ดีว่าตัวเองอยู่ตรงไหน อยู่ในฐานะอะไร พีทจะมาคิดอะไรกับคนอย่างพี่ที่เป็นเพียงลูกติดของแม่เลี้ยง พีทคู่ควรกับคนอย่างเกรซ กับคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน ไม่ใช่คนที่ยืนต่อหน้าพีทคนนี้”
“อีกอย่างลุงคริสเป็นคนที่มีบุญคุณกับแม่กับพี่มาก เขาเป็นเหมือนพ่อคนที่สอง พี่หักหลังเขาไม่ได้ แม้ว่าพี่จะรักพีทมากแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่พี่ทำได้คืออยู่เคียงข้างพีทจนกว่าพีทจะประสบความสำเร็จ พีทต้องมีอนาคตที่ดี”
“พี่เคยคิดว่าสิ่งที่พี่ทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพีท พี่มันโง่ที่คิดเอาเอง ยัดเยียดสิ่งที่พีทไม่เคยต้องการ ทำให้พีทเสียใจ ไม่คิดเลยว่าเป็นเพราะตัวพี่เองที่ทำให้พีทเจ็บปวด ตอนนี้พี่รู้แล้ว จากนี้ไปพี่จะไม่ทำให้พีทเสียใจอีกเพราะพี่ก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...”
เสียงเปียโนเพลงฮิตแนวอาร์แอนด์บีกระจ่างชัดในความทรงจำ พีทเคยเล่นเพลงนี้ให้เขา ทำให้เขาใจสั่นจากความหมายอันลึกซึ้งที่ส่งผ่านบท
เพลง ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยประโยคนี้ให้น้องฟัง
“Everything means nothing if I ain’t got you.”
“ชีวิตพี่ก็ไม่มีความหมายถ้าไม่มีพีท ไม่ว่าพีทจะให้พี่อยู่ในฐานะอะไร จะเป็นแค่คนดูแลหรือเป็นพี่ชาย ถ้าพี่ได้อยู่เคียงข้างพีทไม่ว่าจะเป็นอะไร พี่ก็พอใจ”
“ความรักของพี่เป็นแบบนี้ พี่อาจจะไม่ได้พูด ไม่เคยบอกโดยตรง แต่พี่ได้บอกผ่านสิ่งที่พี่ทำทั้งหมดไปตั้งนานแล้ว...”
“ทุกสิ่งที่พี่ทำ พี่ทำเพราะพี่รักพีท”
เขามองไปที่น้องชายที่ยืนนิ่ง พีทหลับตาเหมือนไม่ต้องการเห็นเขาอีกแม้สักวินาทีเดียว ฮั่นถอนหายใจเบา
“บางครั้งพี่ก็น้อยใจนะ พี่เข้าใจพีทเสมอไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่พีทไม่เคยเข้าใจพี่บ้างเลย ตอนเด็กพีทไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องไปอยู่อังกฤษแล้วทิ้งให้พีทอยู่คนเดียวตั้งนาน พี่ไม่เคยโกรธที่พีทไม่เข้าใจ ไม่เคยโกรธที่พีทไม่ยกโทษให้ แต่ตอนนี้พีทโตแล้วน่าจะเข้าใจและคิดได้บ้างว่าพี่ทำเพราะอะไร ทุกสิ่งที่พี่ทำมีเหตุผลเสมอ พีทน่าจะนึกออกบ้างว่าพี่ทำอะไรบ้างที่แสดงถึงความรักที่พี่มีให้ ถ้าพี่ไม่รักก็คงไม่ห่วง ไม่มาดูแล พี่เคยหวังว่าพีทน่าจะเข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วพีทกลับไม่เคยเข้าใจอะไรพี่เลย”
“พีทลองใช้เวลาคิดดูเถอะ พี่ไม่รีบหรอก พี่มีเวลาให้พีททั้งชีวิตนี่แหละ”
พี่ชายพูดแล้วก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
-------------------------------------