ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรงนั้นคือหน้าที่ ตรงนี้คือหัวใจ บทส่งท้าย จบแล้วค่ะ หน้า 12 อัพเดต 9/8/2558  (อ่าน 95381 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
น่าให้พีทเอาคืนพี่ฮั่นให้หนักๆก่อนนะ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
พ่อกับแม่ไฟเขียวกันหมดแล้ว ในที่สุดก็จะได้รักกกันจริงๆซักทีเนอะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เห้อออออ​    โล่งอกที่ขุ่นพ่อเปิดไฟเขียว
 ดีใจแทนทั้งสองคนด้วยนะ​  :)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ไฟเขียวแล้วสินะ เรื่อง พ่อแม่ :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
56. คริสต์มาสอีฟ



คริสต์มาสอีฟเมื่อสามปีก่อน


เด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินก้าวเท้ายาว ๆ  ด้วยความเร่งรีบเกือบชนเข้ากับหนุ่มร่างเล็กที่วิ่งพรวดพราดออกมาจากมุมตึก  เมื่อหนุ่มร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขาก็ร้องออกมา  ใบหน้าที่เขามองเห็นนั้นกำลังตื่นตระหนกด้วยเรื่องบางอย่าง

“พีท!  พีท!  พี่โดมปวดท้อง  ทำไงดี”  ริท  หนุ่มร่างเล็กร้องบอกเขาพลางเข้ามาเขย่าแขน

“อะไรนะ พี่โดม!”

พีทที่กำลังเดินทางมาถึงวิ่งตรงไปตามทางเดิมที่ริทเพิ่งวิ่งผ่านมา เขาตรงเข้าไปในห้องพักนักดนตรีทันที  ความจริงมันก็คือห้องพักนักกีฬานั่นแหละ  แต่ตอนนี้พวกนักดนตรีกำลังใช้อยู่   ริทหยุดพักนิดหนึ่งแล้วจึงออกวิ่งตามไป

พีทวิ่งเข้าไปในห้องรวดเร็ว  คนในห้องทั้งหมดหันมามองเขาพลางส่งเสียงร้องอย่างยินดี  พีทตรงเข้าไปมุมในสุดที่ทุกคนในวงกำลังรุมล้อมอยู่   พี่โดมนั่งหน้าซีดกุมท้องตนเองในห้องพัก  ใบหน้าเหยเกของพี่โดมทำให้ทุกคนในวงที่รุมล้อมอยู่ต่างร้องเรียกด้วยความห่วงใย

“พีท  โดมปวดท้อง  ร้องไม่ไหวแน่ เอาไงดี” พี่แทนหันมาถามความเห็นเมื่อเขาเข้ามาใกล้

“พี่โดม ไหวไหม” พีทตรงเข้าไปแตะไหล่หนาของพี่โดม ใบหน้าบิดเบี้ยวของพี่โดมส่ายไปมา

“พี่ไปกินอะไรมา”

“พี่ไม่ได้กินอะไร  พี่เจ็บตรงนี้”  โดมชี้ให้พวกเขาดูที่ท้องซีกขวาของร่างกาย

“เฮ้ย หรือว่าไส้ติ่งอักเสบ?”  พีทสันนิษฐาน  คนอื่นในวงหันมามองที่เขาเป็นจุดเดียว

“ต้องส่งโรงพยาบาลด่วน  ถ้าเกิดใส้ติ่งแตกขึ้นมา  พี่โดมแย่แน่”   
 
พีทคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรวดเร็ว  โทรสั่งให้บอดี้การ์ดเข้ามารับตัวพี่โดมทันที

“แล้ว   เรา   เอาไง  ดี   อีก  ไม่ถึง   ครึ่ง   ชั่วโมง   ต้อง  ขี้น  เวทีแล้ว” 

ริทที่วิ่งตามมาถึงแล้วเอ่ยถาม  พลางหอบไปด้วย 

พี่โดมเป็นนักร้องนำของวงดนตรีประจำมหาวิทยาลัย   และวันนี้มหาวิทยาลัยจัดปาร์ตี้ในวันคริสต์มาสอีฟ  พวกเขาในฐานะวงน้องใหม่ต้องขึ้นแสดง  แล้วพี่โดมมาป่วยในเวลาสำคัญเช่นนี้

“โธ่โว้ย! อุตส่าห์ซ้อมกันมาเกือบปีกลับไม่ได้โชว์หรือเนี่ย” แทนร้องอย่างเสียดาย

“พะ พีท ให้พีทร้อง”  พี่โดมกัดฟันพูดทั้งที่กำลังจะเป็นลมจากอาการปวดท้องอยู่แล้ว

“อะไรนะพี่!”  พีทประหลาดใจที่อยู่ ๆ พี่โดมก็โยนหน้าที่ร้องเพลงให้เขา

“เออ ใช่ ลืมไปได้ไง นายร้องได้นี่”   

ริทว่าอย่างเพิ่งนึกได้  เบิกตาโตมาทางเขา  เวลาพวกเขาซ้อมพีทมักเป็นคนร้องคอรัสกับพี่โดมเสมอ  เขาเล่นคีย์บอร์ดไปด้วยร้องไปด้วยได้นี่

บอดี้การ์ดวิ่งมาถึงห้องพักพอดี  พวกเขาจึงช่วยกันพยุงโดมออกจากห้องเพื่อไปโรงพยาบาล




เสียงผู้คนกรีดร้องสนั่นในโรงยิมขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงเป็นเวทีคอนเสิร์ตชั่วคราวเมื่อหนุ่มหล่อน้องใหม่ประจำมหาวิทยาลัยออกมายืนตรงกลางเวที  สมาชิกในวงทยอยกันออกมาประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มต้นการแสดง แสงจากสปอต์ไลท์พุ่งตรงไปที่หนุ่มน้อย  ทำให้เขาหรี่ตาเพราะไม่ชินกับแสงจ้า  ภาพนั้นกลับทำให้สาว ๆ กรีดร้องมากขึ้นไปอีก

“กรี๊ดดด  นั่น  พีท”

“ไหนใครบอกว่าโดมเป็นนักร้องนำไง”

“ไม่รู้เหมือนกัน  ได้ข่าวว่าพีทเล่นคีย์บอร์ดนี่”

“กรี๊ดดดดด  พีท  น่ารักจังเลย”

ดูทุลักทุเลอยู่ครู่หนึ่งกว่าวงดนตรีจะพร้อม  พวกเขาตกลงกันอย่างเร่งด่วนเพราะต้องขาดมือคีย์บอร์ดไปในเพลงเต้น  แต่เพลงช้านั้นพีทสามารถเล่นคีย์บอร์ดพร้อมกับร้องเพลงได้   

ในที่สุดเสียงกลองก็เริ่มต้นขึ้น  เสียงเฮของผู้คนตอบรับทันที 

ผู้คนเบียดเสียดเข้าไปที่หน้าเวทีหนาแน่นขึ้นทุกทีเมื่อวงดนตรีเริ่มต้นเล่นเพลงสนุกสนาน   พีทเต้นไปด้วยพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย  ไม่มีใครกระทั่งคนในวงที่รู้ว่าเขาเต้นได้  เพลงแนวฮิปฮอปนั้นพีทกลับร้องเต้นได้ดี ท่าทางของหนุ่มน้อยคล่องแคล่วเหมือนมันออกมาเองจากกล้ามเนื้อ  แทบไม่ต้องคิดเลยทีเดียว  เขาขยับร่างกายเข้ากับเพลงเหมือนซ้อมมานานแล้วทั้งที่ทุกคนในวงเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกพร้อมกับคนดู   เสียงกรี๊ดตอบรับมากมายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดหลังจากพวกเขาเล่นเพลงสนุกสนานติดต่อกันหลายเพลง 

“กรี๊ดดดด  ทำไมชั้นไม่เคยรู้ว่าพีทเต้นเก่งขนาดนี้”

“นึกว่าเล่นดนตรีเป็นอย่างเดียวนะนี่  นี่ร้องเพลงด้วย”

“พีท ๆๆ”

เสียงพึมพำพูดคุยกันของผู้ชมดังขึ้นเมื่อวงหยุดพักเพื่อเปลี่ยนมาเล่นเพลงช้า  แทนเปลี่ยนมาพูดคุยทักทายกับคนดูบ้าง  เรียกเสียงกริ๊ดได้ไม่แพ้พีทเลย  เขาแนะนำสมาชิกแต่ละคนในวง  ไม่มีใครสังเกตว่าหนุ่มร่างเล็กที่อยู่บนเวทีแอบทำหน้างออยู่คนเดียว

ท่ามกลางคนดูที่แน่นขนัดโรงยิมขนาดใหญ่นั้นปรากฏร่างสูงของใครคนหนึ่งที่เพิ่งฝ่าสายลมเยือกเย็นด้านนอกเข้ามาถึงประตูโรงยิม 
 
ชายหนุ่มผู้มาใหม่ลดฮู้ดหนาสีเข้มออก  สะบัดหัวไปมาอยู่ครู่   สายตาคนที่อยู่ใกล้ประตูนั้นมองไปยังชายหนุ่มคนนั้นเป็นจุดเดียวเพราะคนที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นนั้นหล่อจัด   คิ้วเข้ม  ตาเรียว  จมูกโด่ง  ผิวขาว  ปากแดงเพราะเพิ่งผ่านอากาศหนาวเย็นข้างนอกมา
 
เสียงซุบซิบเกิดขึ้นแถวนั้นรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง  ทุกคนอยากรู้ว่าคนที่มาใหม่นั้นคือใคร  แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้  ผู้คนได้แต่เฝ้ามองชายหนุ่มร่างสูงสง่าคนนั้นเดินแทรกเข้าไปท่ามกลางฝูงชน   แม้เข้าไปอยู่กลางผู้คนหน้าเวทีแล้วยังสังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัด

เสียงดนตรีเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งทำให้ผู้คนร้องเฮ   หนุ่มน้อยยิ้มให้ผู้ชมเช่นเคย  แววตาเปล่งประกายอย่างเป็นสุขเพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบนั่นคือการร้องเพลง   และเพลงนี้เขาชอบเป็นพิเศษ 

“ห่างจากเธอแค่นี้  องศาเดียวจริง ๆ 
ห่างแค่นี้  แค่เอี้ยวตามอง 
แต่ฉันเองก็หมดทางที่จะทำให้เธอรับรู้”

ความรู้สึกภายในใจปลดปล่อยออกมากับเนื้อร้องนั้น  เสียงหลบสูงกลับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง  เขาส่งความรู้สึกแทรกออกไปตามความหมายของเพลง

ชายหนุ่มที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าไปหน้าเวทีหยุดชะงักไปกับเสียงที่ได้ยินเป็นครั้งแรกหลังจากที่จากกัน  เสียงอันไพเราะที่ตรึงเขาไว้   ดวงตาเรียวคู่เดิมจับจ้องไปที่ใบหน้าที่เขาคิดถึงมานาน   คนที่เขาเห็นแต่รูปถ่ายที่แม่เอามาให้ดู 

‘ไม่เหมือนในรูป’

น้องชายที่เขาเห็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีผอมกว่าในรูปครั้งล่าสุด แล้วก็สูงใหญ่  ดูโตเป็นหนุ่มแล้ว 

“เพียงเศษตาของเธอ  อยากให้เธอหันมอง 
ส่งใจเรียกร้องให้ฟ้องถึงความในใจ”

กระแสความรู้สึกที่ส่งมากับเสียงเพลงตรงเข้าปะทะคนที่เฝ้ามองอยู่ข้างล่างทันที 

‘พีท’  เขาเรียกอยู่ในใจ

พีทลืมตาขึ้นราวกับรับรู้ว่ามีคนกำลังเรียกเขา   มองตรงไปยังผู้ชมล่างเวที 

“เพียงเศษตาก็พอ  แค่ให้เธอสนใจ 
ให้รู้ไว้ว่าฉันไม่เคย  อยู่ไกลจากสายตา”

เหมือนมีพลังดึงดูดบางอย่าง  ตลอดเพลงที่เหลือพีทกลับจับจ้องไปตรงจุดหนึ่งของคนดูข้างล่าง   เขากวาดสายตาไปจนสบตาคู่หนึ่งที่จ้องเขม็งและมองอยู่เช่นนั้น

คนข้างล่างก็เช่นกัน  เขายืนนิ่ง  ตาจับอยู่ที่ใบหน้าคนที่ร้องเพลงไม่ขยับไปไหน  แววตามองอย่างหลงใหล 

น้องของเขา  น้องร้องเพลงเพราะมาก และการแสดงออกทางสีหน้านั้นยิ่งส่งให้เพลงนั้นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น  เขาชอบเวลาน้องร้องเพลงมากที่สุด  เพราะแววตาแสดงออกถึงความสุขที่ได้ร้องเพลง  มันทำให้เขาเผลอมองจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง 

เสียงกรีดร้องดังท่วมท้นเมื่อจบเพลงแล้ว  นักร้องจำเป็นส่งยิ้มให้กับผู้ชม  เป็นยิ้มแบบเขินอายเล็ก ๆ เหมือนคนที่ยังไม่มั่นใจว่าเพลงที่ร้องออกไปดีพอรึเปล่า  แต่เสียงกรี๊ดหูแทบดับของสาว ๆ ทำให้เขายิ้มมากขึ้นและเขินที่ได้รับการตอบรับที่ดี 

พีทกัดปากตัวเองเวลาเขิน  หลบตามองลงต่ำแล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อเงยหน้ามองมาทางคนดู  เขายิ้มจนตาหยี

ยิ้มนั้นเหมือนหมัดพุ่งตรงกระแทกใจใครอีกคน  ใบหน้าเขาชะงักงันเหมือนกำลังถูกน็อก  หัวใจเต้นรัวแรง  เขายกมือขึ้นจับหน้าอกตัวเอง 

‘นี่เขาเป็นอะไร’

ดวงตาจับไปที่คนบนเวที  มองไม่วางตา  จดจำทุกรายละเอียดที่มองเห็นไว้

‘พีท’  เขาพร่ำร้องชื่อนี้ในใจ

ไม่อยากไปเลย  อยากฟังน้องร้องเพลงอีก  แต่เขาไม่มีเวลาแล้ว...

ร่างสูงเด่นที่อยู่ท่ามกลางผู้ชมคอนเสิร์ตเดินแทรกผู้คนออกมาด้านข้างเวทีแล้วเดินกลับออกไปทางเดิม   ผู้คนที่เขาเดินผ่านต่างเหลียวกลับมามอง เพราะหนุ่มหล่อที่เดินผ่านไปนั้นยิ้มกว้างให้ใครไม่รู้  ใบหน้าคมนั้นสว่างไสว 

แขกแปลกหน้าเดินออกจากโรงยิมไปขึ้นลีมูซีนที่ติดเครื่องรออยู่ จากนั้นลีมูซีนจึงเคลื่อนตัวตรงไปยังสนามบิน

‘คุ้มจริง ๆ ที่กลับมา’

---------------------------------------


พีทกลับถึงบ้านริมสระเมื่อเวลาเกือบหนึ่งนาฬิกาของวันคริสต์มาส หนุ่มน้อยเดินฮัมเพลงคริสต์มาสขณะที่ก้าวไปตามทางเดินเข้าบ้าน  เขารู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด  คงเป็นเพราะวันนี้เขามีโอกาสได้ร้องเพลงต่อหน้าคนทั้งมหาวิทยาลัยละมั้ง

หนุ่มน้อยถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาของตัวเองออกเมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้ว  มองไปยังห้องครัวที่เปิดไฟทิ้งไว้   กล่องของขวัญห่ออย่างสวยงามสองกล่องอยู่บนโต๊ะกินข้าว 

‘ซานตาคลอสเอาของขวัญมาส่งให้เขาแล้ว’  หนุ่มน้อยคิดเล่น ๆ ขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องครัว 

ในกล่องหนึ่งเป็นเค้กคริสต์มาส  พีทตาวาวด้วยความชอบใจ 

‘ของคุณโรสแน่ ๆ’ 


หนุ่มน้อยใช้นิ้วป้ายครีมหนานั้นขึ้นชิม

‘อร่อย’   ยิ้มออกมาอย่างเด็กได้ของถูกใจ 

ตาเขาหันไปมองที่กล่องของขวัญอีกกล่อง  ยกขึ้นเขย่าเบา ๆ 

‘อะไรน๊า....’ กล่องนี้ไม่หนักเท่าไร  เขาเปิดออก

‘รองเท้า!!!!’
 
รองเท้าผ้าใบสีส้มแสบตายี่ห้อโปรด 

‘นี่มันรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกขายที่นิวยอร์ค  ยังไม่วางขายที่ช้อปที่ร้านประจำเลย’  พีทพลิกดูที่ป้ายด้วยความตื่นเต้น 
 
‘โอ้โห  พ่อรู้ได้ยังไงว่าเขากำลังอยากได้รุ่นนี้  สีนี้ด้วย’

ใบหน้าของหนุ่มน้อยตอนนี้ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายเพราะได้ของขวัญถูกใจ   พีทดูนาฬิกาแล้วกดโทรศัพท์ทันที  ตอนนี้ที่โน่นคงกำลังบ่ายโมง   คุณโรสเป็นคนรับโทรศัพท์  เธอบอกว่าพ่อกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกค้าสำคัญอยู่

“เมอร์รี่คริสต์มาสครับคุณโรส  ขอบคุณสำหรับเค้กนะครับ  พีทชอบมากเลย  แล้วฝากขอบคุณพ่อด้วยนะครับ  รองเท้าสวยมาก  พ่อพีทรู้ใจวัยรุ่นจริง ๆ”   




พีทวางสายไปแล้ว  คุณโรสยิ้มกับโทรศัพท์ในมือ  เธอพึมพำเหมือนจะบอกหนุ่มน้อย

“จากพี่ฮั่นจ้ะ” 

----------------------------------------



ตอนนี้ย้อนอดีตกันนิดหน่อยนะคะ  เดี๋ยวตอนหน้า....อิ อิ

ใกล้จบแล้วค่า  ฝากติดตามด้วยนะคะ 

และขอบคุณสำหรับคนที่คอยคอมเม้นต์ให้ด้วยค่า 

 :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2015 06:16:32 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เพิ่งอ่านถึงตอนล่าสุด(ที่ไม่ใช่ตอนนี้)ไปเมื่อหลายวันก่อน แต่ไม่มีโอกาสเม้นเลย
ตอนนี้ได้โอกาสเม้นสักที อิอิ
ชอบเรื่องนี้นะ สนุกกกก ภาษาสวยมาก คนอ่านนี่ขัดใจพี่ฮั่นเบาๆ ทำไมชอบทำน้องเสียใจ
มาอัพต่อเร็วๆ นะคะ รออยู่  :z2:

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ปักธงรออ่านต่อ ให้กำลังใจ

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
คุณพ่อคุณแม่ไฟเขียวแล้ว

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
57. All I want for Christmas is you


คอนเสิร์ตวันคริสต์มาสอีฟของมหาวิทยาลัยผ่านไปด้วยความประทับใจ  พวกเขาได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนานเมื่อกล่าวคำอำลาแก่คนทั้งมหาวิทยาลัย  เพราะพวกเขากำลังจะจบการศึกษาในอีกไม่นาน

พีทมองไปที่คนหนาแน่นที่อยู่เบื้องล่างเวที  ผู้คนเบียดเสียดราวกับว่าคนทั้งมหาวิทยาลัยมารวมตัวกันที่นี่ทั้งหมด  ทำให้โรงยิมขนาดมาตรฐานนั้นดูคับแคบไปทีเดียว  บรรยากาศแบบนี้ทำให้เขานึกไปถึงครั้งแรกที่เขาได้ร้องเพลงที่นี่ตอนเขาอยู่ปีหนึ่ง  นั่นทำให้รู้ว่าเขารักการร้องเพลงขนาดไหน 

เพลงสุดท้ายที่พี่โดมร้องอำลา  ผู้คนร้องตามกันไปทั้งโรงยิม  พี่โดมร้องออกมาจากใจส่งความรู้สึกไปถึงคนดูทุกคนพลอยดึงให้ทุกคนในโรงยิมนั้นมีอารมณ์ร่วมไปด้วย  เสียงคนทั้งโรงยิมร้องเพลงเดียวกันดังกระหึ่ม 

ก่อนคอนเสิร์ตจะจบพวกเขาร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกัน  บรรยากาศสนุกสนานเฮฮาเพราะคืนนี้เป็นคืนคริสต์มาสอีฟ พรุ่งนี้ทุกคนก็จะไปฉลองกับครอบครัว 

เขาเคยคิดว่าคริสต์มาสครั้งนี้เขาคงไม่โดดเดี่ยวเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพราะพี่ฮั่นกลับมาแล้ว  แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม เขาต้องอยู่ฉลองคนเดียวเพราะพี่ฮั่นไปญี่ปุ่นหลายวันแล้วและไม่มีกำหนดกลับ 

หลังเล่นดนตรีเสร็จพวกเขาก็แทบจะออกจากโรงยิมไม่ได้ เมื่อผู้คนต่างก็เข้ามารุมล้อมเพื่อทักทาย  ถ่ายรูป  บางคนก็เอาของขวัญคริสต์มาสมาให้  พีทถูกรุมถ่ายรูปจนตาพร่าจากแสงแฟลช  เขาได้รับของขวัญจนเต็มท้ายรถ

พวกเขาไปเลี้ยงฉลองกันที่ร้านประจำ  สมาชิกทุกคนของวงตกลงกันว่าพวกเขาจะอยู่กันถึงเช้าเพื่อฉลองคริสต์มาสและเลี้ยงอำลาไปด้วย   ทุกคนดื่มกันอย่างสนุกสนาน  ไม่เว้นแม้แต่พี่โดมที่ไม่เคยยอมกินเหล้ากับเพื่อน ๆ สักครั้ง  แต่คราวนี้พี่โดมเมาพับไปก่อนใคร 

พีทก็ดื่มมากเหมือนกันแต่ยังประคองสติตัวเองไหว  เขาแอบมองไปที่คนตัวเล็กที่นั่งพิงไหล่พี่แทน  ริทตาปรอยอย่างคนเมาแล้วแต่ยังร้องเพลงเสียงดังอยู่ตลอดเวลา  ต่างจากพี่แทนที่ชวนคนโน้นคนนี้ชนแก้วแล้วหัวเราะสนุกสนาน  แต่มืออีกข้างหนึ่งกอดไหล่ริทไว้ไม่ปล่อยและไม่เคยละสายตาจากริทเลย 

เขาได้แต่อิจฉาริท

ไม่ถึงตีสามทุกคนก็เมากันหมดเพราะกินกันไปหลายขนาน  พีทก็เมาแทบประคองตัวเองไม่ไหว  เขาใช้เวลานานกว่าปกติกดโทรศัพท์เพื่อโทรตามบอดี้การ์ดให้ช่วยพาทุกคนขึ้นรถและขับรถตระเวนส่งเพื่อนทุกคนกลับบ้านจนครบ

ในที่สุดรถสีดำคันใหญ่ก็จอดลงที่บ้านริมสระ  บอดี้การ์ดลงมาเปิดประตูรถให้คุณชายที่พยายามจะลงจากรถเองอย่างทุลักทุเล   เวลานี้ล่วงเลยเข้าสู่วันคริสต์มาสแล้ว  อากาศหนาวจัด  พีทพ่นไอขาว ๆ ออกมาเมื่อเขาหายใจแรง  ได้ยินเสียงเพลงดังแว่วมาจากไหนสักแห่ง  ทั้งเมืองตกอยู่ในบรรยากาศรื่นเริงสนุกสนาน  ผู้คนทั้งเมืองต่างเฉลิมฉลองไปกับเทศกาลนี้

ยกเว้นเขา 

คริสต์มาสของเขาคือวันแห่งความโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง  พ่อกับคุณโรสไม่เคยมีเวลาฉลองคริสต์มาสกับเขามาหลายปีแล้วเพราะต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ 

ปีนี้ก็เช่นกัน  พ่อกับคุณโรสไม่เคยว่างเลยตั้งแต่เสร็จสิ้นงานศพของคุณปู่  งานผู้ว่าการรัฐของพ่อไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่จะกล่าวทักทายกับพ่อสักประโยค  บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า  ที่เขาสู้อุตส่าห์พยายามหักห้ามใจตัวเองเพื่อรักษาความเป็นครอบครัวไว้   ก็เพื่อให้ตัวเองอยู่โดดเดี่ยวในวันที่คนอื่นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในเทศกาลเช่นนี้นะหรือ?

เขาจะทำไปทำไม  เขาจะทนรักษาครอบครัวไว้ทำไม  ในเมื่อไม่มีใครในครอบครัวมีเวลาให้เขาสักนิด   

พีทเดินเซเข้าบ้านช้า ๆ  ลมหนาวพัดกรูเข้ามาทำให้หนาวสะท้าน  ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงประตูหน้าบ้านเสียที  หนุ่มน้อยทิ้งกระเป๋าเป้ไว้ข้างรองเท้าผ้าใบสีส้มแสบตาคู่โปรดที่ถอดทิ้งไว้ที่โถงทางเดินเข้าบ้าน  คนที่เดินผ่านอากาศหนาวเย็นข้างนอกเข้ามารู้สึกอบอุ่นกะทันหันเมื่อเดินเข้ามาภายใน  ในบ้านอบอุ่นเหมือนมีใครก่อกองไฟไว้ 
 
สงสัยซานตาคลอสคงจะเอาของขวัญมาส่งให้เขาไม่ได้แล้ว  เพราะที่เตาผิงมีคนจุดไฟไว้  แสงสีส้มจากกองไฟที่ลุกโชนอาบไปทั่วห้องนั่งเล่นทำให้ห้องนั่งเล่นว่างเปล่านั้นดูอบอุ่น 

คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว   

พีทควานมือเปะปะไปตามผนังเพื่อเปิดสวิทช์ไฟ

‘เฮ้ย!!!!’

มือลึกลับเอื้อมมากอดเขาไว้จากด้านหลัง  รวบเขาเข้าไปในอ้อมแขน ก่อนที่เขาจะร้องตะโกนด้วยความตกใจก็มีเสียง

“เมอร์รี่ คริสต์มาส”  เสียงนุ่มที่คุ้นเคยกระซิบที่ริมหู

พีทชาวาบไปทั้งร่างเพราะคาดไม่ถึง  แทบหายเมาเป็นปลิดทิ้งทีเดียว 

‘ไหนบอกว่าไปทำงานที่ญี่ปุ่นไม่กลับนี่’

เขาหันกลับไปมองพร้อมกับสองแขนที่กอดเขาไว้ก็คลายออก เพื่อจับตัวเขาให้หันกลับมา

“พี่ฮั่น”  เขาคราง ทั้งตกใจ  แปลกใจและดีใจ  ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันปนกันไปหมด ทำให้เขามึนเหมือนที่เขากินเข้าไปทั้งเหล้า เบียร์และไวน์จากงานเลี้ยงอำลากับเพื่อนในวง

‘พี่ฮั่นกลับมาแล้ว’

คืนนี้เขาคงไม่เหงาเหมือนหลายวันที่ผ่านมา  ความเหน็บหนาวที่ต้องอยู่คนเดียวละลายไปเพราะความอบอุ่นใจจากการที่มี ‘ใครสักคน’  มาอยู่กับเขาในคืนเช่นนี้

“กลับดึกจัง พี่รอตั้งนาน”

พี่ฮั่นพูดเสียงเบา  มือทั้งคู่ของพี่ฮั่นจับมือเขาขึ้นมาประกบกันแล้วถูมือตัวเองกับมือที่เย็นเฉียบของเขาเพื่อทำให้อุ่นขึ้น

‘หา อะไรนะ  พี่ฮั่นมารอเหรอ’  พีทตาโต

“แล้วทำไมพี่ไม่โทรมาล่ะ  ผมจะได้รีบกลับ” 

พีทพูดตะกุกตะกักเพราะสายตาพี่ฮั่นที่มองมา  ทำตาเชื่อมใส่เขาด้วย  นี่เขาเมาแน่ ๆ เลยตาฝาด

“ก็เห็นว่าเลี้ยงอำลากัน  เลยไม่อยากรบกวน”

‘เอ๊ะ  รู้ด้วยว่าเขาไปเลี้ยงกับเพื่อน ๆ’

“เข้าไปข้างในเถอะ”

พี่ฮั่นดึงเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่อบอุ่นจากกองไฟที่ลุกโชนในเตาผิง เปิดสวิทช์ไฟที่ซ่อนอยู่มุมหนึ่ง  หลอดไฟหลากสีที่ประดับต้นคริสต์มาสต้นใหญ่สว่างขึ้น  ห้องนั่งเล่นถูกตกแต่งด้วยแสงหลากสีจากต้นคริสต์มาสและหลอดไฟเล็ก ๆ ที่ซ่อนไว้ตามมุมห้อง  เขาจ้องมองไปที่ต้นคริสต์มาสที่ตั้งอยู่ใกล้กับเตาผิงด้วยดวงตาพร่ามัวเพราะแสงสะท้อนสีทองวาววับจากของตกแต่งหลากหลาย  มีทั้งลูกบอล  กวาง  ตุ๊กตากามเทพและทูตสวรรค์อันเล็กอันน้อยจนเต็มต้น  ของขวัญมากมายกองใหญ่อยู่ใต้ต้นคริสต์มาส

เขาไม่ได้ประดับต้นคริสต์มาสมาหลายปีแล้ว   

พี่ฮั่นทรุดตัวนั่งลงบนพรมขนสัตว์หนานุ่มใกล้เตาผิง  ดึงเขาให้นั่งลงด้วย   ความร้อนจากกองไฟทำให้ร่างกายเขาเริ่มอบอุ่นขึ้นทีละน้อย  พีทถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออกเหลือเพียงสเวตเตอร์สีขาว   

พี่ฮั่นหยิบของขวัญกล่องหนึ่งส่งให้เขา 

“นี่ของขวัญของพีท  จากพี่” 

“ขอบคุณครับ” 

พีทรับของขวัญมาด้วยความมึนงงเล็กน้อย   เขาอาจจะเมาแล้วคิดไปเองก็ได้  นี่พี่ฮั่นกลับมาฉลองคริสต์มาสกับเขาจริง ๆ ใช่ไหม  หรือเขาแค่เมา  นี่เป็นจินตนาการของเขาเองใช่ไหม

‘เอาล่ะ ถ้าในกล่องนี่มีของขวัญจริง เขาจะเชื่อว่าเขาไม่ได้เมา’  คิดแล้วนิ้วยาวก็ลงมือแกะของขวัญ  แต่กลับถูกห้ามไว้

“เดี๋ยวพีท  อย่าเพิ่งแกะ  ไว้แกะทีหลัง  นะ”  พี่ฮั่นคว้ามือเขาไว้  ทำให้เขาชะงัก

“นี่ของพ่อกับแม่”  พี่ฮั่นส่งซองสีครีมกลิ่นหอมกรุ่นใบหนึ่งให้แทน
 
‘เอ๊ะ นี่เขาเมาอยู่แน่ ๆ เขาได้ยินพี่ฮั่นพูดว่า พ่อกับแม่’ 

พีทรับซองนั้นมาด้วยความมึนงง  หยิบการ์ดในนั้นเปิดออกอ่าน เขาพยายามอ่านอยู่นานแต่เขาคงเมาจนตาลาย  เพราะยิ่งอ่านก็ยิ่งงง  ไม่เข้าใจเนื้อหาในนั้นเลยแม้แต่น้อย  เขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ฮั่นที่สบตากับเขาทันทีราวกับจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา  ดวงตาเรียวคู่นั้นเปล่งประกายบางอย่างที่เขาดูไม่ออก   

“เมาจนอ่านไม่รู้เรื่องละสิ  มานี่  พี่จะอ่านให้ฟัง”

พี่ฮั่นคว้าการ์ดแผ่นนั้นไปจากมือเขา พีทมองพี่ฮั่นที่กำลังเปิดการ์ดเตรียมตัวอ่านอย่างตั้งใจ  เขาคงเมาเพราะเขาเห็นว่าพี่ฮั่นหน้าแดงจัด


ฮั่นและพีท  ลูกรัก 

       สุขสันต์วันคริสต์มาสนะลูก  พ่อกับแม่ขออวยพรให้ลูกทั้งคู่มีความสุขมาก ๆ  พ่อกับแม่ไม่มีสิ่งใดจะให้ลูกนอกจากจะบอกว่าพ่อกับแม่ยินดีในสิ่งที่ลูกต้องการทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเรื่องเรียน  เรื่องงาน  หรือเรื่องความรัก 
       จงทำทุกสิ่งตามความต้องการของลูก 

                                                           รักลูกทั้งสองคนสุดหัวใจ 
                                                               จากพ่อกับแม่




พี่ฮั่นยิ้มกว้างเมื่ออ่านการ์ดนั้นจบ  เงยหน้ามองเขาช้า ๆ  พีทมึนไปแล้วกับข้อความนั้น 

‘พ่อกับแม่?’   

คำว่าพ่อกับแม่ทำให้เขาแปลกใจจนไม่ได้ใส่ใจกับข้อความที่เหลือในการ์ด  ปกติเขาเรียกแม่เลี้ยงของเขาว่า ‘คุณโรส’ เพราะติดมาจากพ่อ  และพี่ฮั่นก็เรียกพ่อของเขาว่า ‘ลุงคริส’   พวกเขาไม่ได้เรียกพ่อหรือแม่แบบนั้นมาก่อน
     
นี่พ่อกับคุณโรสหมายความว่ายังไง  หรือการที่เปลี่ยนมาเรียกพ่อกับแม่จะเป็นการตอกย้ำให้เขารู้ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันมากไปอีก  หรือนี่คือคำตอบของพ่อ? 



“พีท!!” 

คนเป็นพี่เรียกอย่างตกใจเมื่อเห็นพีทลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็ว  เขารีบลุกขึ้นไปคว้าตัวน้องให้มาคุยกันก่อน

“พีท  เดี๋ยวก่อน  อย่าเพิ่งไป” 

พีทก้มหน้าเมื่อไม่สามารถดึงตัวจากมือที่จับแขนเขาไว้แน่น

“พีท  เป็นอะไร”  คนพี่ใช้มือข้างที่ว่างจับใบหน้าพีทให้เงยขึ้นมาคุยกัน 

“ไม่เป็นไรครับ” 

พีทหันหน้าหนี ความรู้สึกเสียใจที่เคยคิดว่าไม่มีอีกแล้วกลับเข้ามาไหลเวียนในร่างกายเขาอีกครั้งเพียงแค่ได้รู้คำตอบของพ่อ   แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีทางออก  แต่ก็ยังเสียใจ

“เดี๋ยวพีท  เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”  พี่ฮั่นยังคงดึงเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

“เข้าใจผิดเหรอ  เข้าใจอะไรผิดล่ะ  พ่อกับคุณโรสแค่เขียนอวยพรเท่านั้นเอง” 

เขาพยายามตั้งสติ  นี่เขาคงเมาถึงรู้สึกเสียใจขนาดนี้ 

“นี่จับใจความอะไรไม่ได้เลยหรือ?”   

“ไม่รู้  ผมไม่รู้เรื่องแล้ว  พี่ปล่อยเถอะผมจะไปนอน”

เขาไม่เข้าใจอะไรแล้ว  พีทดึงแขนออกจากมือพี่ฮั่นจนสำเร็จ  หันกลับไปเพื่อเดินออกจากห้องนั่งเล่น

“ไม่ให้ไป มาสู้กันดีกว่า ใครแพ้ต้องทำตามคำสั่ง ตกลงนะ”  พี่ฮั่นเดินมาขวางเขาไว้แล้วพูดประโยคนั้นรวดเร็ว

“เฮ้ย  อะไรเนี่ยพี่  ผมไม่เล่นนะ  ผมง่วงแล้ว!”  พีทว่าแล้วก็เดินเลี่ยงไปอีก

แต่คนพี่ไวกว่า  ย่อตัวลงรวดเร็ว  รวบเอวน้องชายไว้แล้วแบกตัวน้องชายขึ้นบ่าโดยไม่ให้โอกาสตั้งตัว  เพียงสองสามก้าวคนตัวใหญ่ก็ทุ่มร่างพีทลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

พีทงุนงงที่เขาถูกจับมาทุ่มลงบนโซฟา   พี่ฮั่นโถมตัวลงมา

“เฮ้ย  พี่ เล่นอะไรเนี่ย  ลงไปก่อน  ผมหนัก”  พีทโวยวายที่พี่ฮั่นทิ้งตัวทับเขาไว้ โซฟาตัวนี้ไม่ใหญ่พอสำหรับคนตัวใหญ่อย่างพวกเขาสองคนนะ

“พีทแพ้แล้ว ต้องทำตามคำสั่ง” 

หน้าพี่ฮั่นลอยอยู่ห่างจากเขานิดเดียว จมูกพวกเขาแทบจะชนกันแล้ว  พีทหันหน้าหนี   พยายามผลักพี่ฮั่นให้ลุกออกไปแต่พี่ฮั่นกลับจับมือเขาไว้ แล้วแกล้งกดตัวลงมาอีก   

“พี่ขี้โกงนี่  ผมไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลย  พี่พูดเองเออเอง  ผมไม่รู้เรื่องด้วยหรอก  ลุกไปได้แล้ว  ผมจะไปนอน!”  พีทโวยวายเสียงดัง   

“ไม่มีทาง  คราวที่แล้วใครโกงพี่ก่อนล่ะ เล่นโจมตีจุดอ่อนกันก่อนนี่  พี่จำได้นะ” 

พีทชะงักเมื่อพี่ฮั่นพูดถึงเรื่องคราวนั้น  คราวนั้น เขา...เขาหลบตาพี่ชายเมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้น  รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมากะทันหัน
 
“คราวนี้พีทต้องทำตามคำสั่งพี่บ้าง” คนพูดไม่ปิดบังแววตาและน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเล่ห์กลแม้แต่น้อย

“ไม่มีทาง  ผมยังไม่ทันตั้งตัวนี่  พี่ขี้โกง ขี้โกง ขี้โกง”  พีทไม่ยอม   โวยวายเสียงดังว่าพี่ฮั่นขี้โกง
 
“ก็ได้ ก็ได้  ถ้าพีทคิดว่าพี่โกง  เรามาสู้กันใหม่เอาไหมล่ะ”  พี่ฮั่นว่า ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มไม่มีอาการหนักใจอะไร

คนเป็นพี่ลุกขึ้นจากโซฟา  ดึงแขนพีทให้ลุกขึ้นด้วย  พีทตั้งตัวได้แล้วก็รีบวิ่งหนีทันที  แต่เขาวิ่งยังไม่ถึงบันไดพี่ฮั่นก็วิ่งมาดักเขาไว้ได้ทัน พี่ชายยิ้มกวน

“กลัวแพ้ใช่ไหมล่ะ นายไม่เคยชนะพี่ได้สักทีนี่  ครั้งสุดท้ายชนะเพราะเล่นทีเผลอ” 

ท้ายประโยคนั้นพี่ฮั่นทำหน้าตาล้อเลียน  ยิ้มเยาะใส่เสียด้วย  คนไม่ยอมแพ้ใครอย่างพีทก็เลือดขึ้นหน้าบ้างแล้วจากคำสบประมาทนั้น  เขาชะงักเท้าที่กำลังก้าวแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เป็นฝ่ายท้า  ดวงตาเริ่มฉายแววเอาจริง


พี่ชายมองแล้วก็ยิ้มกวนใส่อีก   

‘พีทนี่หลอกง่ายชะมัด  ท้านิดท้าหน่อยก็ตกหลุมทุกที  เรื่องไม่ยอมแพ้ใครนี่คงอยู่ในสายเลือดสินะ’   คิดแล้วก็เริ่มก้าวถอยหลัง  พวกเขาคงต้องใช้พื้นที่กันหน่อย
 
เขาก้าวถอยหลังไปพีทก้าวตามมาเช่นกัน   พวกเขาจ้องตากันแน่วแน่ไม่ยอมหลบเพราะถ้าเผลอเมื่อไรอีกฝ่ายลงมือแน่ ๆ 

 
พีทมองหน้าพี่ฮั่นที่กลับมากวนประสาทเขาอีกครั้ง 

‘ไหน ๆ พี่ฮั่นก็ท้าเขาแล้ว ขอเอาคืนหน่อยแล้วกัน ตอนเป็นนายหมีกวนประสาทเขาไว้เยอะ’  คิดดังนั้น  พีทขยับเข้าไปทันที

“พลั่ก”

พี่ชายหลบหมัดที่พุ่งมารวดเร็วนั้นเกือบไม่ทัน  หมัดของพีทโดนปลายคางเขาไม่เต็มหมัดแต่ก็ทำให้หน้าเขาสะบัดอย่างแรง  ฮั่นถอยไปตั้งหลักสองสามก้าว  ยกหลังมือเช็ดที่ปลายคางตัวเองพลางทำหน้าแปลกใจที่พีท ‘เอาจริง’ 

เวลานี้พวกเขาอยู่ในครัวแล้ว 

“พี่อย่าถอยสิ ใครกันแน่ที่ไม่กล้า แน่จริงก็เข้ามา”   คนน้องท้าบ้าง  พีทกำมือแน่นตั้งการ์ดเตรียมพร้อม

ฮั่นหยุดชะงักกับคำท้านั้น ยิ้มมุมปากเหมือนถูกใจอะไรบางอย่าง คนตัวใหญ่ปักหลักยืนอยู่ที่เดิมในท่าเตรียมพร้อม 

พีทส่งหมัดลุ่น ๆ เข้าที่ใบหน้าทันที  คนเป็นพี่ใช้แขนซ้ายที่ตั้งการ์ดยกสูงสกัดหมัดของน้องได้ทันแล้วก้มตัวต่ำเพื่อหลบหมัดซ้ายที่เหวี่ยงตามมารวดเร็ว  หมัดชกลมนั้นทำให้พีทเสียศูนย์  พี่ชายที่ก้มตัวอยู่จึงพุ่งเข้ามารวบตัวน้องชายแล้วดันถอยหลังออกจากห้องครัวรวดเร็วเหมือนการแท็คเวลาเล่นรักบี้ 

“เฮ้ย!”

พีทตั้งตัวไม่ทันเมื่อถูกดันตัวเข้าไปในห้องนั่งเล่น  เขาถูกพี่ฮั่นผลักลงบนพรมหนาหน้าเตาผิง 

พี่ชายก็เกือบหลบไม่ทัน เมื่อกำลังจะทิ้งตัวลงมาทับแต่พีทยกเข่าขึ้นรออยู่ก่อนเพื่อกันตัวเอง  ฮั่นกลับไปทิ้งตัวลงข้าง ๆ ใช้ลำตัวใหญ่พาดทับช่วงอกน้องชายไว้ด้วยท่ากดยูโดของเขาที่พีทไม่เคยดิ้นหลุด

พีทกลับพลิกตัวเป็นนอนคว่ำทั้งที่พี่ฮั่นยังพาดตัวทับอยู่ด้านบน ดันตัวเองลุกขึ้นรวดเร็วเพราะการคว่ำตัวทำให้แขนและขามีแรงยันพื้น  ร่างพี่ฮั่นจึงถูกดันตัวขึ้นไปด้วย  พีทใช้โอกาสนั้นดีดตัวออก   

พวกเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง 

พีทถอยไปยืนตั้งหลักอยู่หน้าเตาผิง  ส่วนคนพี่ก็ถอยไปยืนอยู่อีกด้านของห้องนั่งเล่น 

“ผมไปนอนคิดหาทางแก้ท่ากดของพี่มานานแล้ว   คราวนี้พี่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”

พีทยิ้มอย่างสะใจให้พี่ชายที่เขาหาวิธีแก้ตัวหลุดจากท่ากดของพี่ฮั่นได้เป็นครั้งแรก  พี่ชายเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเช่นกันแต่เขายังยิ้มกวนใส่น้องได้อีก 

‘พี่ไม่ได้มีไม้ตายแค่อย่างเดียวหรอกนะพีท’  แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามางัดไม้ตายอะไรอีก  เขามีเรื่องจะคุยกับน้อง

พีทจ้องตาพี่ฮั่นเขม็งอย่างระแวดระวังตัวมากขึ้น  เพราะคนพี่นั้นไม่มีทีท่าจะหนักใจอะไรเลยที่เขาหาทางแก้ลำพี่ฮั่นได้แบบนี้
 
เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นพี่ฮั่นเลิกตั้งการ์ด  กลับมายืนปกติแล้วเดินตรงเข้ามาหาเขาธรรมดา ๆ

‘เอ๊ะ  พี่ฮั่นจะมาไม้ไหน’

ชั่ววินาทีที่พีทเผลอ  ทันใดนั้นพี่ฮั่นก็พุ่งมารวบตัวเขาไว้  แขนขวาเขาถูกพี่ฮั่นรวบแนบกับลำตัว  คนพี่ใช้แรงทั้งหมดรัดเขาไว้แน่นแต่มือซ้ายเขายังว่างจึงเงื้อขึ้น

‘ขอสักทีเถอะ’



 :hao7: :hao6: :katai2-1:




ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
(2)




“พี่รักพีท”


คำพูดนั้นชัดเจนแทงทะลุทุกประสาทการรับรู้

‘หา อะไรนะ’ 

พีทชะงักมือที่กำลังจะชกค้างกลางอากาศเพราะประโยคนั้น 

‘อะไรกัน  ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  อยู่ดี ๆ ก็โพล่งขึ้นมาแบบนี้’


พีทที่นิ่งค้างไป  เปิดโอกาสให้พี่ชายรวบมือเขาที่เงื้อหมัดค้างไว้ลงมา  ฮั่นรวบแขนทั้งสองข้างของพีทไปข้างหลัง  ดันตัวน้องชายจนชนกับกำแพงข้างเตาผิงอย่างง่ายดาย

“ชนะแล้ว”

พีทที่กำลังตกตะลึงอยู่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว  เขาสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าถูกรวบตัวจนหมดทางหนีแล้ว

‘ชนะงั้นเหรอ’

หันมองหน้าคนที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา พี่ฮั่นพูดแบบนี้แค่เพื่อเอาชนะเขางั้นเหรอ  พี่ฮั่นทำได้ยังไง  คำพูดพวกนั้นมันคงไม่มีความหมายสินะถึงเอ่ยออกมาได้ง่ายดายขนาดนั้น  พี่ฮั่นไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเขาเลย  ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องพยายามมากเท่าไรที่จะทำตัวให้เหมือนเดิม  พยายามหักห้ามใจแค่ไหนที่จะไม่ให้คิดอะไรเกินไปกว่าพี่ชาย  เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน   เขาต้องทนเจ็บปวดมากขนาดไหน  พี่ฮั่นเคยคิดถึงใจเขาบ้างรึเปล่า
 
ไม่ได้รักกันแล้วพูดทำไม  ทำไม?

“พีทต้องทำตามคำสั่ง”

พี่ฮั่นที่แนบชิดเขาอยู่  ยังพูดต่อไปเหมือนไม่เห็นว่าเขากำลังเสียใจ เหมือนไม่สนใจความรู้สึกของเขา
 
เจ็บ  เจ็บไปหมด  ไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหน  รู้แต่ว่ามันเจ็บจนชาไปทั้งตัว   

“พี่สั่งให้พีทตอบคำถามพี่”

‘คำถามบ้าอะไร  จะมาถามอะไรตอนนี้!!’
 

แววตากราดเกรี้ยวของเขาบอกแบบนั้น  ในเมื่อตอนนี้เขาพูดไม่ออกแล้ว

“ขอให้ตอบความจริง  แค่คำถามเดียว” 

เขามองหน้าพี่ฮั่นที่ยังคงถามคำถามต่อไป  เขาทนไม่ไหวแล้ว  พีทออกแรงดิ้นรนพยายามสะบัดมือที่ถูกรวบไว้ด้านหลังด้วยแรงที่เหลืออยู่  แต่พี่ฮั่นที่ดันร่างมาจนชิดนั้นทำให้เขาขยับแทบไม่ได้

“พีทรักใคร”

‘อะไรนะ ทำไมพี่ฮั่นถึงถามแบบนี้’


ร่างกายที่กำลังดิ้นอย่างหนักหยุดกะทันหัน  เขางงไปหมดแล้ว  พีทสับสนไปหมดแล้วกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่

นี่มันอะไรกัน  เขาเมาใช่ไหม  นี่เขาหูฝาดไปเองรึเปล่า  ทำไมเขาต้องมาสู้กับพี่ฮั่นในเช้าวันคริสต์มาสทั้งที่ควรจะกำลังนอนอุ่นบนเตียงนุ่มของตัวเอง  ต้องมาฟังคำพล่อย ๆ ของพี่ฮั่นที่ใช้เพื่อเอาชนะเขา  ต้องมาตอบคำถามบ้า ๆ ทั้งที่พี่ฮั่นก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว!

“พี่เป็นบ้าอะไร  พี่กำลังทำอะไรอยู่”  เขาตะโกนออกไป 

“พี่ไม่รู้รึไงว่าผมเจ็บปวด ไม่รู้รึไงว่ามันทรมานขนาดไหน  แล้วพี่มาถามคำถามนี่เพื่ออะไร  พี่จะให้ผมพูดไปทำไมในเมื่อมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับพี่เลย” 

เขาตะโกนอีก  เขาทนไม่ไหวแล้ว  อยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว  พีทสะบัดตัวอย่างแรงแต่พี่ฮั่นไม่ยอมปล่อย  มือใหญ่ที่รวบแขนเขาไว้ด้านหลังทั้งสองข้างเหมือนกอดเขาไว้ทำให้เขาหนีไม่ได้  พี่ฮั่นกลับเบียดตัวชิดเข้ามาอีก  แนบหน้าผากตัวเองกับหน้าผากเขา 

“พี่อยากได้ยินอีก”   

พีทหันหน้าหนีไปอีกทางเมื่อดิ้นไม่หลุด  เขาไม่ตอบได้แต่กัดฟันกลั้นน้ำตาไว้  กดความเสียใจที่พุ่งจากกลางอกนั้นลงไปอีก

“พีท”  เสียงแผ่วอ่อนกระซิบเรียก

“พีทรักใคร” 
 
พี่ฮั่นถามอีก  ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ริมหูเขา  กดจมูกโด่งแถวไรผม 

พีทเบิกตากว้างอย่างตกใจ  ตัวแข็งนิ่งค้างจากการกระทำของพี่ฮั่น  สัมผัสนั้นอ่อนละมุน  นุ่มนวลเมื่อปลายจมูกนั้นลากผ่านไปตามไรผมช้า ๆ อย่างจงใจ  แตะริมฝีปากแผ่วหวาน 

พีทกัดฟันแน่นกับความรู้สึกสะท้านที่เกิดขึ้น  ไม่ว่ายังไงพี่ฮั่นก็มีอิทธิพลเหนือเขาทุกเรื่อง  แค่เสียงที่กระซิบอยู่ริมหูแบบนี้  แตะแผ่วเบาแบบนี้ก็ทำเขาใจสั่น  เขาอยากจะดิ้นรนหนีเพื่อเป็นอิสระจากความรู้สึกที่ห้ามไม่ได้นี้  แต่กลับขยับไปไหนไม่ได้! 

“ว่าไง พีทรักใคร” คำถามยังตามมาอีกครั้ง 

คราวนี้พี่ฮั่นลากจมูกโด่งนั้นไปลงไปอีก  ไล้เบา ๆ  กดจูบเรื่อยลงไปตามลำคอ 

“อ๊ะ พี่..”  แรงดูดเม้มที่ต้นคอทำให้เขาเจ็บแปลบ  แต่กลับสร้างความวาบหวามให้เพิ่มขึ้น 

“อะ อื้อ” 

พีทกัดฟันข่มเสียงครางของตัวเอง  ความรู้สึกวูบวาบเหมือนครั้งก่อนทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว  ความรู้สึกที่พี่ฮั่นเคยฝากไว้เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องออกกำลังกาย  ความรู้สึกนั้นกำลังทำให้เขาหัวหมุนคิดอะไรไม่ออก  เขาหลับตากลับเห็นแต่หน้าพี่ฮั่น  คนคนเดียวที่เขาคิดถึงตลอดเวลา

“ผม...ผม  รัก  พี่ฮั่น” 

คำตอบแทบไม่เป็นคำของเขาทำให้พี่ฮั่นหยุดการกระทำ 

ก่อนที่เขาจะรู้ตัวพี่ฮั่นก็จับคางเขาให้หันกลับมา  พีทมีโอกาสสบตาพี่ฮั่นเพียงครู่เดียว   แต่ก็นานเพียงพอที่จะสะกดเขาไว้  ริมฝีปากนั้นกดลงมาจนแนบสนิท  พีทยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก  ปากนุ่มที่บดคลึงอยู่ทำให้เขาเบลอไปหมด ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าพี่ฮั่นปล่อยมือตั้งแต่เมื่อไร มือเขายกนิ่งค้างกลางอากาศอย่างไม่รู้จะวางตรงไหน

เพียงครู่เดียวพี่ฮั่นก็ผละริมฝีปากออก  พี่ชายถอยหน้าออกไปเล็กน้อย  ยกมือประคองหน้าเขาไว้  จ้องตรงมา  แต่สายตาเขากลับเอาแต่จ้องมองไปที่ปากแดง ๆ ที่เพิ่งผละไป  ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเมาเหล้าหรือกำลังเมาจูบของพี่ฮั่นกันแน่

“พีทรักใคร” 

เสียงพี่ฮั่นกระซิบถามมาอีก พร้อมกับเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง  ใช้ปลายจมูกปัดไปมาที่จมูกเขาอย่างหยอกล้อ

“หืม?”  เสียงแผ่วเบานั้นเหมือนต้องการคำตอบ  แตะจูบบางเบาที่มุมปาก

“ผม  รัก  พี่ฮั่น”  เขาตอบอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย

พี่ฮั่นจูบเขาอีก  ริมฝีปากนั้นบดเบียดแนบชิด  มือใหญ่ข้างหนึ่งสอดไปตามเส้นผม  กดท้ายทอยให้เขาเงยหน้าขึ้นรับสัมผัสอ่อนหวานก่อนจะสอดลิ้นมาตวัดพันลิ้นเขาไว้

พีทแทบไม่รู้ตัวอีกแล้วว่ากำลังเกิดอะไรต่อไปเมื่อพี่ฮั่นกำลังปรนเปรอเขาด้วยริมฝีปากร้อนราวกับรู้ว่าเขายังไม่เต็มอิ่มกับรสจูบ  มือที่ยกนิ่งค้างคว้ากอดคนตรงหน้าไว้  เขาเคลื่อนมือไปทั่วแผ่นหลังกว้าง  พี่ฮั่นเบียดตัวกับเขาไปมา  จูบอ่อนโยนนั้นเริ่มร้อนแรงขึ้นทุกนาทีที่ผ่านไป  กระตุ้นให้ตอบสนอง 

คงเป็นเพราะความคิดถึง  ความรัก  ความต้องการที่เกิดขึ้นมานานแต่ต้องเก็บซ่อนไว้  เมื่อมีโอกาสได้สัมผัสกันและกัน  สิ่งที่อยู่ภายในก็ผลักดันให้คนทั้งคู่ปลดปล่อยทุกสิ่งที่อัดแน่นออกมา  ต่างฝ่ายต่างก็ถ่ายทอดความรู้สึกของตนผ่านร่างกายที่แนบสนิทจนไม่มีอะไรมาแทรกได้ 

วันเวลาเหมือนหยุดนิ่ง โลกกำลังหยุดเคลื่อนไหว  มีเพียงแค่คนสองคนที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามจังหวะหัวใจที่เต้นประสานกัน

พีทไม่รับรู้สิ่งอื่นใดยกเว้นเพียงแค่ริมฝีปากที่สร้างความรัญจวนใจ ทำให้เขาล่องลอย  ทำได้เพียงแค่ยึดพี่ชายไว้แน่น  จนกระทั่งมือพี่ฮั่นสอดเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์  ลูบหนัก ๆ ที่หลังพีทก็สะดุ้งสุดตัว  ถอนใบหน้าตัวเองออก

“พี่ฮั่น ปล่อยก่อน!” 

เขาจับข้อมือที่กำลังเคลื่อนจากแผ่นหลังมาที่หน้าอกไว้แน่น   ก้มหน้าเพราะไม่กล้าสบตา  หน้าเขาต้องแดงไปหมดแน่ ๆ เพราะตอนนี้เขารู้สึกร้อน  ร้อนไปทั้งหน้าทั้งตัว 
 
‘พี่ฮั่นกำลังทำอะไร?’

พี่ฮั่นยอมหยุดแต่กลับกอดเขาไว้แทน  พีททิ้งตัวไว้ในอ้อมแขนพี่ฮั่นอย่างคนหมดแรง  กองไฟในเตาผิงนั้นมอดไหม้จนเหลือเพียงไฟกองเล็กแต่ห้องนั่งเล่นยังคงอบอุ่น   มีเพียงเสียงหายใจแรงของคนสองคน

“พีท  พีท  พีท”   พี่ฮั่นเรียกเขาเสียงพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์   ริมฝีปากร้อนนั้นยังคงลากไปมาข้างหู   
   
“อืม”  พีทรับคำเสียงเบาหวิวพอกัน  พยายามเรียกสติตัวเองกลับคืน  เขายังคงถูกมอมเมาจากสัมผัสของพี่ฮั่นจนเบลอไปหมดแล้ว  สมองแทบไม่สั่งงานอะไรเพราะสิ่งที่พี่ฮั่นกำลังทำนั้นดึงความสนใจเขาไปหมดสิ้น
 
“รู้บ้างไหมว่าทำให้พี่ทนแทบไม่ไหวแล้วน่ะ” 

“อะไร  พี่ฮั่นหมายความว่าอะไร” 

“ก็...ก็...ไม่มีอะไร”   

“กอดพี่บ้างสิ”  พี่ชายกระซิบเสียงออดอ้อนก่อนจะกดริมฝีปากนุ่มไปตามลำคอทำให้ความรู้สึกที่ยังคุกรุ่นอยู่พุ่งทะยานขึ้นอีก  พีทเผลอเบียดตัวเข้าหา

“พี่ทำแบบนี้ทำไม ไม่ดีเลย” 

ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่สองมือของเขากลับกระชับอ้อมกอดแน่น  กอดด้วยความรู้สึกคิดถึง  ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่มีต่อพี่ชายคนนี้  คนที่เขาพยายามจะเลิกรักแต่ความรักที่มีก็ยังคงล้นหัวใจ

“พี่บอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ  พี่บอกให้ผมตัดใจ แล้วพี่ทำแบบนี้ทำไม”  เขาสับสนไปหมดแล้วเพราะพี่ฮั่นพูดอย่างหนึ่งแต่กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง 

คำถามนั้นทำให้พี่ชายหยุดการเคลื่อนไหว  เงยหน้ามามองคนที่กำลังสับสน  ยิ้มอ่อนโยนให้น้องชาย

“พี่คุยกับพ่อแล้ว” 

ความสงสัยปรากฏชัดในดวงตาคนฟัง

“อะไร  พี่คุยอะไรกับพ่อผมเหรอ” 

“พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้ว  แล้วก็ไม่ว่าอะไร  คำตอบอยู่ในการ์ดแล้ว”

‘คำตอบอยู่ในการ์ด? อะไร แล้วพ่อว่ายังไงล่ะ’

ดวงตาเขายังคงเต็มไปด้วยคำถาม  พีทเอนตัวไปด้านหลังเพื่อมองหน้าคนพูดให้ชัด  พี่ฮั่นมองสบตาเขาด้วยสายตาที่ทำให้เขานิ่งงัน  สายตาที่เคยทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาสู้กันในห้องออกกำลังกาย

“พ่อบอกว่ายินดีกับความรักของเราไงล่ะ  เด็กโง่” 

“ความรักของเรา?” 

“ก็  พีทรักพี่   พี่ก็รักพีทไง”   

‘อะไรนะ’

“วันนั้นพี่ไปหาพีทที่ทะเล  ตั้งใจจะบอกแต่พีทกลับไม่สบาย  ไข้ขึ้น  เพ้อด้วย  เพ้อหาพี่” 

จริงหรือนี่  คืนนั้น....ที่บ้านริมทะเล  คืนนั้นที่เขาไม่สบายเขาไม่ได้ฝันไปเองหรอกหรือ  พี่ฮั่นอยู่ที่นั่น  แล้วที่สิ่งเขาได้ยิน  มันคือความจริงใช่ไหม? 

มือของพี่ฮั่นเคลื่อนมาจับใบหน้าเขาไว้   ใบหน้าของพี่ฮั่นสว่างไสว  พี่ชายจ้องลึกเข้าไปในดวงตา  ตรึงเขาไว้ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่ส่งมา  สายตาที่มีแต่ความจริงไม่เหลือเค้าล้อเล่นเลยสักนิด

 จากนั้นพี่ฮั่นก็ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน  รอยยิ้มที่มีให้เขาเสมอก่อนจะย้ำอีกครั้ง

“พี่รักพีท  รักมาตั้งนานแล้ว”

เกิดความว่างเปล่าชั่วขณะเมื่อได้ยินประโยคไม่คาดฝันนั้น 

พีทรู้สึกคล้ายกับว่าเขาหยุดหายใจไปชั่วคราว  ร่างกายหยุดเคลื่อนไหว  หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ฮั่นพูด   ความหมายของประโยคนั้นกำลังซึมซับเข้าไป   แทรกซึมไปทั่วร่างกาย
 
‘.....รัก.....พี่ฮั่นรักเขา’

คำว่ารักของพี่ฮั่นตรงเข้ากระแทกที่หน้าอก  กระตุ้นหัวใจที่เคยแตกสลายให้เริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง  หัวใจที่เขาเคยคิดว่าคงไม่รู้สึกอะไรได้อีกแล้วกลับกำลังพองฟูอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบใจเอ่อท้นไปทั่วร่าง  พีทรู้สึกชาไปทั้งร่างกาย  มีเพียงหัวใจที่เต้นถี่รัวตอบสนองคำพูดอันมีความหมาย
 
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสับสน  ไม่แน่ใจว่ามันคือเรื่องจริงหรือความฝัน ความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นได้ไหลผสมปนเปไปกับความสุขใจที่ได้ยินคำสำคัญ  เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกเช่นไร  แต่มันได้หลอมรวมกันและปลดปล่อยออกมาเป็นน้ำตา

เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด  จนกระทั่งพี่ฮั่นใช้ปลายนิ้วไล้แผ่วเบา  เช็ดน้ำตาให้เขาอย่างอ่อนโยน   

พีทมองพี่ฮั่นด้วยดวงตาพร่ามัว  ครู่ใหญ่กว่าจะหลุดคำถามออกมาได้

“ตะ..ตั้ง...ตั้งแต่เมื่อไร?”   

เขาเห็นพี่ฮั่นเม้มปากแน่น  ดูขัดเขิน  ก่อนจะตอบคำถาม

“คริสต์มาสอีฟ  ตอนพีทอยู่ปีหนึ่ง” 

‘อะไรนะ ตอนปีหนึ่ง!’   พีทได้แต่นิ่งงันเมื่อสมองคิดทบทวนอย่างรวดเร็ว  นั่นมันตั้งแต่สามปีที่แล้ว   พี่ฮั่นรักเขามานานขนาดนั้น  แสดงว่าที่ผ่านมา.....

แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร?  ทำไม? ทำไมต้องปฏิเสธเขา

ความทรงจำอันเจ็บปวด  ความรู้สึกเสียใจ  ผิดหวัง  หัวใจเขาที่ถูกพี่ฮั่นทำลายไปแล้วครั้งหนึ่ง  ความเจ็บปวดอันทุกข์ทรมานไหลย้อนกลับมา  พีทผลักพี่ชายออกทันที  ใบหน้ากราดเกรี้ยวเมื่อได้รู้ความจริง 
 
“แล้วพี่ปฏิเสธผมทำไมล่ะ  ไม่รู้รึไงว่าผมเจ็บปวดขนาดไหน  ไม่รู้รึไงว่าผมทรมาน  ผมรักพี่แทบเป็นบ้าแต่พี่กลับบอกให้เราเป็นพี่น้องกัน  พอผมพยายามจะรักเหมือนพี่ชาย  พี่กลับมาบอกว่ารักผมงั้นเหรอ  พี่สนุกมากไหม  สนุกมากใช่ไหมมาปั่นหัวกันแบบนี้!”

เขาเสียใจมากขนาดไหน  พี่ฮั่นเคยรู้บ้างรึเปล่า  ทั้งที่รักเขาแล้วทำไมถึงบอกว่าไม่ได้รัก  ทำไมต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้

พีทใช้หลังมือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอีก คราวนี้ไม่ใช่เพราะความสับสน  แต่มันมาจากความโกรธ  ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขารู้จัก ความเจ็บปวดที่ได้รับจากคนคนนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

“ไหนพีทบอกว่าจะไม่โกรธพี่ไง”  พี่ชายเอ่ยเสียงอ่อน  เอื้อมมือมาจับแขนน้องไว้  แม้พอจะคาดเดาได้ว่าพีทต้องโกรธเมื่อรู้เรื่องที่เขาเก็บไว้มานาน  แต่ก็อดใจเสียไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีโกรธขึงของน้องชาย   

พีทกระชากมือตัวเองออกอย่างแรง

“ผมขอยกเลิก!  ผมโกรธพี่แล้ว  ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีกนะ!”   

พีทตะโกน  เจ็บปวดเพราะความไม่เข้าใจ  เจ็บปวดที่พี่ฮั่นไม่เคยบอก  ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายพูดและแสดงออกทุกอย่างแม้กระทั่งออกคำสั่ง  แล้วมาบอกทำไมตอนนี้  ตอนที่เขากำลังจะตัดใจ

“พีท พี่ขอโทษ”

ใบหน้าคมของพี่ชายสลดลง  มองน้องชายด้วยสายตารู้สึกผิด  แต่พีทมองไม่เห็นสายตานั้นเลยเพราะดวงตาเขากำลังถูกบดบังด้วยความโกรธ

“พีท  พี่ขอโทษที่ทำให้พีทเสียใจ  พี่มีเหตุผล  พีทฟังพี่ก่อน”   

พี่ชายก้าวเข้ามาใกล้อีก  พีทปัดมือพี่ชายที่ยื่นมา  ขยับถอยแต่ทำได้เพียงนิดเพราะติดกำแพงด้านหลัง  ท่าทางนั้นทำให้พี่ชายชะงัก   

“ไม่!!!  ผมไม่อยากฟัง   ผมเกลียดพี่”   เขาตะโกนอีก   

“แต่พี่รักพีท”   พี่ชายตอบกลับมาทันที

“รักงั้นเหรอ!!!  พี่รักผมภาษาอะไร  ทำไมผมถึงเจ็บปวดแบบนี้ล่ะ นี่เหรอความรักของพี่   ความรักของพี่คือการเก็บเงียบแล้วทำให้ผมเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองบ้าไปคนเดียวงั้นเหรอ   พี่ไม่รู้รึไงว่าคืนนั้นที่ทะเลผมคิดไปว่าผมฝันไป ผมเหมือนคนโง่ที่เอาแต่นึกถึงเรื่องความฝัน   มีความสุขลม ๆ แล้ง ๆ กับฝันบ้าบอของตัวเอง...”   

“...แต่ตอนนี้พี่กลับมาบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง  ถ้างั้นตอนนี้พี่คงลืมตัวใช่ไหมที่พูดเรื่องทั้งหมดนี่  พรุ่งนี้พี่ก็คงมาบอกกับผมว่าให้ลืมเรื่องคืนนี้ซะเพราะพี่แค่พูดเล่นใช่รึเปล่า   ความรักของพี่คือการล้อเล่นกับหัวใจของผมใช่ไหม”

“ไม่ใช่นะพีท   พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

“พอผมบอกว่าผมรักพี่  พี่ไม่ยอมรับความรู้สึกผมด้วยซ้ำ  ปล่อยให้ผมบ้าอยู่ได้คนเดียว  พี่บอกให้เราเป็นพี่น้องกันทำไม  ผมเสียใจจะตายอยู่แล้ว   ตอนเราสู้กัน  พี่....”   

‘พี่จูบผมขนาดนั้น   แล้วกลับพูดว่าทำตามคำสั่งของเขา’  

พี่ฮั่นไม่รู้รึไงว่าเขาต้องกลั้นใจมากแค่ไหนที่ต้องเอ่ยคำสั่งอันน่าละอายนั่น  เพราะเขายังหวัง  คิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่ฮั่นอาจจะมีใจบ้างแต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี   

“....แล้วมาบอกตอนนี้ทำไม”  น้ำตาไหลเป็นทางยาว  พีททนไม่ไหวอีกแล้ว  พี่ฮั่นทำร้ายจิตใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

“ผมเกลียดพี่แล้ว” 

“ไม่ใช่  พีทไม่เคยเกลียดพี่   พีทเพิ่งบอกพี่ว่า...”

“มันเป็นอดีตไปแล้ว!  ตอนนี้ผมเกลียดพี่  เกลียด  ได้ยินชัดไหม!”

‘เขาไม่รักแล้ว ไม่รักพี่ฮั่นแล้ว’  พีทคร่ำครวญอยู่ในใจ 

แต่ทั้งที่เป็นคนพูดออกไปเองเขากลับเจ็บปวด  น้ำตาไหลลงมาอีก  พีทปล่อยให้มันไหล  ยกมือขึ้นกดตรงหน้าอก  ความรู้สึกทั้งหมดไหลมารวมกันอยู่ที่อกด้านซ้าย   บีบคั้นหัวใจเขาจนปวดไปหมด  หายใจแทบไม่ออก  หมดเรี่ยวแรงแทบจะยืนไม่ไหว
 
“ฮึก  ฮึก”  เขาพยายามกลั้นสะอื้น  เจ็บที่หน้าอกจนต้องก้มตัวลง

พี่ฮั่นก้าวเท้าพรวดเดียวถึงตัว  คว้าเขาไปกอดแน่น

“พีท พี่ขอโทษ  พีทจะให้พี่ทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษพีทบอกมาสิ  พี่จะทำทุกอย่าง  พีทอย่าโกรธพี่เลย” 

เพราะน้องชายอยู่ในอ้อมแขนจึงไม่เห็นว่าคนพูดก็กำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน  น้ำตาที่กลั้นไว้นานแล้วหยดลงบนไหล่ของน้องชายจนชุ่ม
 
“ปล่อย!!!”

พีทยังคงพูดทั้งที่ถูกกอดแน่นหนา ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืนต่อไป

“ไม่มีทาง พี่รักพีท  พี่จะไม่ยอมอยู่ห่างพีทอีกแล้ว”
 
น้ำตาพี่ชายไหลลงมาอีก  ความเจ็บ  ความทรมานจากการที่ต้องอยู่ห่างไกลจากน้องชาย  ทำได้เพียงคิดถึง  แอบมาหา  แอบเฝ้ามองโดยที่น้องชายไม่เคยรับรู้  ความทุกข์ใจที่สะสมมานานจนตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจถูกกวนขึ้นมาอีกครั้ง  ความทุกข์ที่ทิ่มแทงเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันทำให้เขาเจ็บปวด  แต่เขาจะไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว

“อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก  ผมเกลียดพี่แล้ว!” ความดื้อรั้น ไม่ยอมใคร ทำให้พีทรวบรวมกำลังที่เหลือผลักพี่ฮั่น 

คำพูดนั้นทำให้คนที่ได้ยินแทบหมดแรง จึงถูกน้องชายผลักออกอย่างง่ายดาย

“ออกไป!  ออกไปจากบ้านผม  ผมเกลียดพี่   ได้ยินไหมว่าผมเกลียดพี่แล้ว...”   

ถ้าคำพูดเป็นเหมือนดังมีดอันแหลมคม  พีทก็ได้ใช้คำพูดนั้นกรีดลงไปที่หัวใจของพี่ชาย   คำว่า ‘เกลียด’ นั้นกรีดลึกเข้าไปในหัวใจหม่นเศร้าของคนที่ได้ยิน  หัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความรักที่ต้องการจะถ่ายทอดให้คนที่เขารักได้รับรู้กลับเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ  หัวใจที่เจ็บปวด  อ่อนแรง  และเต้นช้าลงทุกขณะ
 
พี่ชายถอยหลังตามแรงผลักแต่ยังไม่ยอมออกจากห้องนั่งเล่น  พีทตรงเข้ามาจะผลักอีกกลับถูกจับไว้   สองแขนเขาถูกยึดไว้แน่น  พีทพยายามดึงแขนออกจากมือที่จับแน่นเหมือนคีมเหล็ก

“พีท  ฟังพี่อธิบายก่อน”   คนพี่พยายามพูดเพื่อให้น้องสงบลง 

แต่พีทไม่ฟังอะไรอีกแล้ว  เกิดการยื้อยุดกันขึ้นเมื่อพีทพยายามจะผลักพี่ฮั่นแต่คนพี่กลับยึดแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย   

เขายิ่งโกรธเมื่อทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้  โกรธจนหูอื้อตาลาย  พละกำลังเพิ่มขึ้นจากแรงผลักดันภายในอันรุนแรง   เขากระชากมือตัวเองออกแล้วผลักคนตรงหน้าอย่างแรงให้ถอยออกไปจากห้องนั่งเล่น   และเมื่อคนพี่พยายามก้าวเข้ามาอีก  หมัดที่กำแน่นนั้นก็ตามมาโดยไม่ทันยั้งคิด

“พลั่ก!!”

พี่ชายเซถอยหลังไปสองสามก้าว  มึนงงเมื่อใบหน้าสะบัดจากแรงชกนั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะ  เขายกมือขึ้นแตะที่มุมปาก  หันหน้ากลับมามองน้องชายที่ยืนนิ่งเช่นกัน   

พีทกำลังก้มมองมือตัวเองสีหน้าตกใจเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าได้ทำอะไรลงไป   

ฮั่นมองไปยังคนที่ยืนกำหมัดแน่น  แววตามีแต่ความเจ็บปวด  ความเจ็บปวดอันชาชิน  เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเพราะหมัดของน้องชาย  แต่สิ่งที่พีทแสดงออกมาต่างหากที่ทำให้เขาเจ็บปวด 

“พีท”  น้ำเสียงยังคงนุ่มนวลเหมือนปกติ 

เสียงเรียกเบากลับทำให้น้องชายสะดุ้ง 

“ออกไป!”  พีทยังคงไล่โดยไม่สนใจอะไรอีก

คนพี่ได้ยินก็ต้องกัดฟันข่มความเสียใจของตนไว้เมื่อคิดว่าน้องชายคงไม่ต้องการเขาอีกแล้ว   เขาคงจะตัดสินใจช้าไป 

เพียงเท่านี้ก็ปวดร้าวแทบทนไม่ได้  เขากำมือแน่น  กล้ำกลืนความรู้สึกทุกอย่างลงไป 

‘ไม่เป็นไร’   คิดอย่างปลอบใจตัวเอง   

เขาเจ็บจนชินเสียแล้ว  เพราะความเจ็บปวดไม่ได้เพิ่งเกิด  มันเกิดมาตั้งนานแล้ว  ที่ผ่านมาเขารู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีหวังตั้งแต่แรก  ความเจ็บปวดมันเกิดขึ้นพร้อมกับความรักนั่นแหละ  เป็นเหมือนเงาที่คอยติดตามไปตลอดเวลา   

เพราะตั้งแต่รู้ตัวว่ารักเขาก็ไม่เคยไม่เจ็บปวด   

แม้จะพยายามห้ามใจ  พยายามเปลี่ยนไปรักคนอื่น  แม้จะเปลี่ยนไปคบใครก็ไม่เคยเปลี่ยนใจตัวเองได้  ยิ่งได้ใกล้ชิด ได้กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม  ความรักที่เคยหักห้ามไว้กลับยิ่งเพิ่มขึ้น   แต่ยิ่งความรักพอกพูนขึ้นมากเท่าไรความทรมานก็ยิ่งทบทวี   เขาก็ยิ่งร้าวรานเพราะนอกจากจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว  ยังต้องเป็นคนเอ่ยคำพูดอันร้ายกาจเพื่อทำร้ายน้องด้วยตัวเอง   เขาเสียใจเพราะคนที่ทำให้น้องต้องเสียใจก็คือตัวเขาเอง  เสียใจเพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

หลายต่อหลายครั้งที่คิดจะถอยห่าง   หลายครั้งที่คิดจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่นี่แล้วกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่   แต่ก็ตัดใจกลับไปไม่ได้เพราะน้องคือคนที่เขาต้องการอยู่เคียงข้างตลอดมา   น้องคือคนสำคัญที่เขาคิดถึงมาตลอดสิบปีที่ห่างกัน   แค่เขาไปญี่ปุ่นไม่กี่วันยังกระวนกระวายเพราะความคิดถึง  แล้วเขาจะจากไปได้อย่างไร

และเขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลทุกสิ่งทุกอย่างแทนลุงคริส  ดูแลกิจการ  ทรัพย์สินมหาศาลที่เป็นของน้องในอนาคต   เขาทิ้งไปไม่ได้เพราะรู้ดีว่าน้องไม่ต้องการจะสืบทอดกิจการพวกนี้แม้แต่น้อย   เขารู้ว่าพีทอยากทำอะไร   

มือที่ทิ้งข้างตัวกำแน่นขึ้นอีก

‘ไม่เป็นไร’    เขาปลอบใจตัวเองอีกครั้งด้วยคำพูดเดิม 

พีทแค่พูดออกไปด้วยอารมณ์  น้องแค่โกรธที่เขาไม่บอก เขาเข้าใจน้องชายดี  ถ้าได้ฟังคำอธิบายพีทคงจะเข้าใจ ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร ไม่ว่าจะอย่างไรเขาคงจะปล่อยมือจากพีทไปไม่ได้อีกแล้ว  เขาจะไม่ทนอีกแล้ว  ไม่มีใครห้ามความต้องการเขาได้อีกแล้วแม้แต่ตัวเขาเอง 

คิดแล้วก็สูดลมหายใจลึก  รวมรวมกำลังใจให้กลับมาอีกครั้ง

“ขอพี่อธิบายก่อนได้ไหม  ไม่นานหรอก  แล้วพี่จะไป”

เขาเห็นพีทกำลังจะพูด  จึงรีบตัดบทก่อนที่น้องจะมีโอกาสไล่เขาอีกครั้ง

“พี่ขอเวลา  นิดเดียวเท่านั้น”

พีทหันหน้าหนี  แต่ไม่มีทีท่าจะไล่เขาอีก  เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

“พี่ขอโทษที่เคยทำให้พีทเสียใจ  ขอโทษที่ต้องปฏิเสธ  พี่คงเรียกคืนสิ่งที่พี่ทำลงไปไม่ได้  พี่ทำได้เพียงแค่ขอให้พีทยกโทษให้”

“เหตุผลที่พี่ต้องปฏิเสธ  พีทคงจะรู้ดีอยู่แล้ว  คำพูดที่พี่พูดออกมาพี่ก็เจ็บปวด  แต่ก็ต้องพูดเพราะพี่ไม่เห็นหนทางใดที่จะดีกว่านี้....”   

“พี่เสียใจที่ทำให้พีทเจ็บปวด  พี่ก็ทุกข์ไม่น้อยไปกว่าพีทเพราะความเจ็บปวดของพี่มันเริ่มต้นตั้งแต่รักพีทนั่นแหละ  พี่รู้ดีว่าตัวเองอยู่ตรงไหน  อยู่ในฐานะอะไร  พีทจะมาคิดอะไรกับคนอย่างพี่ที่เป็นเพียงลูกติดของแม่เลี้ยง พีทคู่ควรกับคนอย่างเกรซ  กับคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน  ไม่ใช่คนที่ยืนต่อหน้าพีทคนนี้”

“อีกอย่างลุงคริสเป็นคนที่มีบุญคุณกับแม่กับพี่มาก   เขาเป็นเหมือนพ่อคนที่สอง  พี่หักหลังเขาไม่ได้  แม้ว่าพี่จะรักพีทมากแค่ไหนก็ตาม  สิ่งที่พี่ทำได้คืออยู่เคียงข้างพีทจนกว่าพีทจะประสบความสำเร็จ  พีทต้องมีอนาคตที่ดี”

“พี่เคยคิดว่าสิ่งที่พี่ทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพีท  พี่มันโง่ที่คิดเอาเอง  ยัดเยียดสิ่งที่พีทไม่เคยต้องการ  ทำให้พีทเสียใจ  ไม่คิดเลยว่าเป็นเพราะตัวพี่เองที่ทำให้พีทเจ็บปวด  ตอนนี้พี่รู้แล้ว  จากนี้ไปพี่จะไม่ทำให้พีทเสียใจอีกเพราะพี่ก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...”

เสียงเปียโนเพลงฮิตแนวอาร์แอนด์บีกระจ่างชัดในความทรงจำ  พีทเคยเล่นเพลงนี้ให้เขา  ทำให้เขาใจสั่นจากความหมายอันลึกซึ้งที่ส่งผ่านบท

เพลง  ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยประโยคนี้ให้น้องฟัง

“Everything means nothing if I ain’t got you.”   

“ชีวิตพี่ก็ไม่มีความหมายถ้าไม่มีพีท  ไม่ว่าพีทจะให้พี่อยู่ในฐานะอะไร  จะเป็นแค่คนดูแลหรือเป็นพี่ชาย  ถ้าพี่ได้อยู่เคียงข้างพีทไม่ว่าจะเป็นอะไร  พี่ก็พอใจ”

“ความรักของพี่เป็นแบบนี้  พี่อาจจะไม่ได้พูด ไม่เคยบอกโดยตรง  แต่พี่ได้บอกผ่านสิ่งที่พี่ทำทั้งหมดไปตั้งนานแล้ว...”

“ทุกสิ่งที่พี่ทำ  พี่ทำเพราะพี่รักพีท”

เขามองไปที่น้องชายที่ยืนนิ่ง   พีทหลับตาเหมือนไม่ต้องการเห็นเขาอีกแม้สักวินาทีเดียว   ฮั่นถอนหายใจเบา

“บางครั้งพี่ก็น้อยใจนะ  พี่เข้าใจพีทเสมอไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม  แต่พีทไม่เคยเข้าใจพี่บ้างเลย   ตอนเด็กพีทไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องไปอยู่อังกฤษแล้วทิ้งให้พีทอยู่คนเดียวตั้งนาน  พี่ไม่เคยโกรธที่พีทไม่เข้าใจ  ไม่เคยโกรธที่พีทไม่ยกโทษให้   แต่ตอนนี้พีทโตแล้วน่าจะเข้าใจและคิดได้บ้างว่าพี่ทำเพราะอะไร  ทุกสิ่งที่พี่ทำมีเหตุผลเสมอ   พีทน่าจะนึกออกบ้างว่าพี่ทำอะไรบ้างที่แสดงถึงความรักที่พี่มีให้   ถ้าพี่ไม่รักก็คงไม่ห่วง  ไม่มาดูแล  พี่เคยหวังว่าพีทน่าจะเข้าใจ  แต่สุดท้ายแล้วพีทกลับไม่เคยเข้าใจอะไรพี่เลย”

“พีทลองใช้เวลาคิดดูเถอะ  พี่ไม่รีบหรอก  พี่มีเวลาให้พีททั้งชีวิตนี่แหละ”

พี่ชายพูดแล้วก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป 







-------------------------------------

 :mew1: :mew1: :mew1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2015 21:49:45 โดย Tigerintherain »

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
(3)


พีทยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแม้พี่ฮั่นจะเดินออกไปแล้ว   สิ่งที่พี่ฮั่นพูดยังลอยวนอยู่รอบตัวเขาแต่พีทยังไม่เข้าใจ  ความโกรธ  ความดื้อดึงทำให้เขาไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น 

แสงสว่างในห้องนั่งเล่นลดลงจากกองไฟที่มอดไหม้เกือบหมดแล้ว มีเพียงความเงียบ  ทุกสิ่งสงบนิ่ง  พีทเริ่มอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ 

“ติ้ง” 

เสียงเล็ก ๆ จากไมโครเวฟส่งสัญญาณเมื่อครบเวลาที่ตั้งไว้   ดึงพีทให้หลุดจากภวังค์ 

เขาหันตามเสียงไปที่ห้องครัวที่เปิดไฟสว่างก็เห็นพี่ฮั่นกำลังหยิบแก้วนมออกจากไมโครเวฟวางลงบนจานรองแล้วเดินจากห้องครัวตรงมายังห้องนั่งเล่นที่เขายืนอยู่

พีทเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพนั้น  รู้สึกราวกับถูกกระแทกด้วยของแข็งเข้าที่ศีรษะอย่างแรง  เขานิ่งงันเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว  ทุกสิ่งทุกอย่างในสมองที่หยุดเคลื่อนไหวกลับกำลังทำงานอย่างเต็มกำลัง
 
สิ่งที่พี่ฮั่นได้อธิบาย  ทุกเรื่องราว  ทุกสิ่งทุกอย่างไหลกลับเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว   ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างไหลผ่านเร็วรี่ เหมือนแผ่นฟิล์มเลื่อนผ่านด้วยความเร็วสูง  ความเข้าใจสว่างวาบในหัว  ช่วงระยะเวลาแค่ไม่กี่วินาที  เขากลับเข้าใจเรื่องราวได้ทั้งหมด 

เพียงแค่เห็นพี่ฮั่นถือแก้วนมก้าวเข้ามาพีทก็เข้าใจ  เหมือนมีใครมาเปิดสวิทช์ไฟในห้องอันดำมืดที่เขายืนอยู่   แสงไฟสว่างจ้าขับไล่ความมืดมิดที่บดบังความจริงหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่เคยสังเกต  ไม่เคยเก็บมาคิด

สิ่งที่พี่ฮั่นทำเสมอมาเป็นเพราะรัก  ทุกสิ่งทุกอย่าง  ทุกการกระทำ  เพราะรักถึงได้ทำ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ฮั่นทำมีเหตุผลเสมอ   เขาเพิ่งเข้าใจเหตุผลเหล่านั้นตอนนี้เอง

พี่ฮั่นเข้ามารับภาระดูแลกิจการทั้งหมดแทนพ่อเพื่อให้พ่อปลีกตัวไปเล่นการเมือง   พี่ฮั่นกลับมาดูแลเขาเมื่อเขากำลังตกอยู่ในอันตรายแม้ว่าเขาจะยังไม่ยกโทษให้  แม้ว่าจะต้องอยู่ในฐานะอื่นก็ยอม 

ไม่ว่าจะถูกเขาหาเรื่องสารพัดอย่างไรก็ไม่เคยโกรธ  ไม่เคยทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย  กอดเขาไว้เมื่อเข้าใจผิดว่ามีมือปืนมาดักยิงที่หน้าบ้าน  ใช้ตัวเองปกป้องเขาโดยไม่เสียเวลาคิดถึงชีวิตตัวเอง  ช่วยเขาจากโรงแรมนั่น  ในช่วงเวลาที่กำลังอยู่ในอันตรายที่สุดเขาคิดถึงแต่พี่ฮั่น

ดูแลเขาตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเขาหลับ  รู้จักและเข้าใจเขาทุกอย่าง  พี่ฮั่นทำทุกอย่างเพื่อเขา แม้ว่าเขาจะเป็นหลานของคนที่ทำร้ายพี่ฮั่นจนต้องหนีไปอยู่ที่อื่น  แม้ว่าพี่ฮั่นจะถูกปองร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด 

พี่ชายที่ไหนก็คงไม่เคยทำอะไรมากมายขนาดนี้ 

พีทได้แต่นิ่งงันเมื่อเริ่มเข้าใจการกระทำทั้งหมด 

พี่ฮั่นต้องปฏิเสธทั้งที่รักเขามาตั้งแต่สามปีที่แล้ว  พี่ฮั่นรู้มาตั้งนานแล้วสินะว่ามันเป็นไปไม่ได้  รู้มาก่อนเขาและคงจะเจ็บปวดมานานแล้ว  ตอนนั้นเขายังไม่ได้รักพี่ฮั่นเลยด้วยซ้ำ  ใกล้กันแต่รักไม่ได้เพราะความเป็นพี่น้อง  ความรู้สึกนี้พีทเคยรู้สึกมาแล้วและรู้ซึ้งดีว่ามันเจ็บปวดเพียงไหน   

สัมผัสอันลึกซึ้งของพี่ฮั่นในห้องออกกำลังกาย  สิ่งที่พี่ฮั่นทำเป็นมากกว่าคำสั่ง  นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของพี่ฮั่นใช่ไหม  เวลานั้นเขาก็รับรู้ความรู้สึกนั้นได้ชัดเจนแต่เขากลับเชื่อคำลวงของพี่ฮั่นที่พูดเพียงเพื่อให้เขาเข้าใจผิด  คนที่ไม่เคยโกหกใครอย่างพี่ฮั่นทำไมต้องหลบตาตอนพูดปฏิเสธเขา เพราะพี่ฮั่นรู้ดีว่าเขาต้องดูออก
 
“พีทยังมีอนาคตที่ดี  มีเรื่องอะไรรออยู่ข้างหน้าตั้งมากมาย” 

พี่ฮั่นพูดแบบนั้นเพราะเห็นแก่อนาคตเขามากกว่าอนาคตของตัวเอง ความรักของพี่ฮั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา พี่ฮั่นรักเขาโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ต้องการการตอบแทน  หวังเพียงให้เขาได้พบเจอแต่สิ่งที่สวยงาม  มีอนาคตที่สดใส

สิบปีที่ผ่านมา  แม้กระทั่งตอนนี้  พี่ฮั่นไม่เคยโกรธอะไรเขาเลยสักครั้งเพราะพี่ฮั่นเข้าใจเขา  เขาต่างหากที่เอาแต่โกรธพี่ฮั่น ไม่เคยคิด ไม่เคยทำความเข้าใจเหตุผลของพี่ฮั่นเลยสักครั้ง   

แต่ตอนนี้...เขาเข้าใจแล้ว 

พี่ชายเดินเอาแก้วนมไปวางที่ขอบเหนือเตาผิง   หยุดยืนอยู่ครู่อย่างชั่งใจก่อนจะหันมาบอกเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่แปรเปลี่ยน

“พีทกินนมแล้วก็นอนเถอะ นี่จะเช้าแล้ว”

นมอุ่น ๆ ก่อนนอนทุกคืน  แม้กระทั่งเวลานี้  ทั้งที่เขาเพิ่งเผลอลงมือกับพี่ฮั่น  ทั้งที่เขาเพิ่งตะโกนไล่พี่ฮั่นออกจากบ้าน

พีทยังยืนนิ่ง ยังคงตั้งตัวไม่ทันในสิ่งที่เพิ่งเข้าใจ  เขากำลังมึนงงเมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

“เมอร์รี่คริสต์มาส น้องพีท”

เสียงอ่อนโยนบอกอีกครั้งก่อนที่พี่ฮั่นจะหันกลับ  เดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปที่บันได 

พีทเงยหน้ารวดเร็วมองตามร่างที่ก้าวห่างออกไป  ขึ้นบันไดไปทีละขั้น  ความเข้าใจกระจ่างแจ้งเมื่อครู่กำลังทำงาน  ผลักดันให้ร่างกายตอบสนอง 

ในที่สุด  เขาก็รู้...




“พี่ฮั่น!!!”

มือที่กำลังเปิดประตูห้องนอนส่วนตัวหยุดชะงักเมื่อพีทวิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วโผเข้าไปกอดพี่ฮั่นทางด้านหลังอย่างแรง  ซบใบหน้าตัวเองกับหลังกว้างใหญ่ของพี่ชาย

“พี่ฮั่น  พีทเข้าใจแล้ว  เข้าใจแล้ว..”

“พีท  พีทขอโทษ  พี่ฮั่นอย่าโกรธพีทเลยนะ”

ร่างที่ถูกกอดอยู่นิ่งไป  ก่อนที่พีทจะได้ยินเสียงถอนหายใจบางเบา มือใหญ่อบอุ่นยกขึ้นวางทาบแขนเขาที่กอดไว้  พี่ฮั่นเงยหน้าขึ้นวางศีรษะตัวเองกับไหล่เขาที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง

“พี่ไม่โกรธพีทหรอก  พี่เองก็ผิดที่ทำให้พีทเสียใจ  ทำให้พีทเจ็บปวด”

“พีทขอโทษที่พูดจาไม่ดี  พีทไม่ได้ตั้งใจ...”

ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายจับแขนเขาให้คลายออกแล้วหันกลับมา พวกเขาสบตากันเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังคลี่คลาย

“พีทรักพี่...”

พีทพูดไม่ได้อีกต่อไปเมื่อพี่ฮั่นดึงเขาเข้าไปในห้องรวดเร็ว  ปิดประตูเสียงดัง ดันเขาติดประตู  แล้ว....

Kiss

One deep kiss

พีทยกมือดันพี่ฮั่นออกเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน  แต่พี่ฮั่นกลับจับข้อมือเขากดไว้กับประตู  ผละริมฝีปากออกแค่วินาทีเดียวให้เขาหายใจแล้วกลับมาจูบใหม่ 

เร่าร้อน  รุนแรง

พีทขยุ้มมืออีกข้างกับไหล่ของพี่ฮั่นไว้  ไม่มีคำพูดใดอีกต่อไป เมื่อคนทั้งสองกำลังถ่ายทอดความรักต่อกันผ่านร่างกายที่แทบหลอมเป็นร่างเดียว มือที่เคลื่อนสัมผัสกันและกัน  ความรู้สึกทั้งหมดกำลังแลกเปลี่ยนผ่านจุมพิตที่เร่าร้อน 

พี่ฮั่นขยับร่างกายเบียดกับตัวเขาอย่างจงใจทำให้พีทสะดุ้ง  ถอยหนี  แต่ขยับไปไหนไม่ได้เพราะถูกเบียดจนหลังติดประตูแล้ว
 
“อื้อ” 

เขาร้องประท้วงในลำคอเพราะพี่ฮั่นยิ่งขยับเคลื่อนไหวมากขึ้น ความรู้สึกพุ่งปราดเพราะกำลังถูกกระตุ้นหนักหน่วง  ตั้งตัวไม่ทันกับเรื่องนี้ 

เขาไม่...เขาผละริมฝีปากออก  พี่ฮั่นกลับจับคางเขาไว้บังคับให้เงยหน้าขึ้นในขณะที่ใช้จมูกซุกไซ้ไปตามลำคอ   

“พี่ฮั่น  เดี๋ยว...”

พี่ฮั่นไม่ยอมหยุดกลับสอดมือไปใต้เสื้อสเวตเตอร์แล้วลากมือไปทั่วทั้งแผ่นหลัง  สัมผัสเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเขา  สัมผัสที่ทำให้เขาร้อนรุ่ม

“พี่ฮั่น พีท...”

เสียงขาดหายไปเมื่อพี่ชายกลับมาจูบเขาอีกพร้อมกับเบียดสะโพกเข้ามา  อารมณ์ความต้องการของวัยหนุ่มพุ่งทะยาน  เป็นความต้องการรุนแรงเหมือนตอนที่เขาถูกบังคับให้กินยาที่โรงแรมจิ้งหรีดคราวนั้น  พีทต้องกัดฟันข่มความรู้สึกเสียวซ่านที่เกิดขึ้นก่อนจะรวบรวมสติกลับมา  เขาต้องหยุดพี่ฮั่นก่อน 

เขาคว้าข้อมือของพี่ชายไว้เมื่อพี่ฮั่นเลื่อนมือต่ำลง 

“พี่หยุดก่อน  ผมบอกให้หยุด!” 

พีทตะโกน  ทั้งตกใจและกำลังสับสนกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  คนทั้งคู่หอบอย่างหนักเมื่อในที่สุดพี่ฮั่นก็ยอมหยุด

“พีท...มีอะไร พูดเร็วสิ”  เสียงพี่ฮั่นพูดขาด ๆ หาย ๆ  ริมฝีปากร้อนพรมจูบเขาไปทั่วใบหน้า

“ก็พี่จะทำอะไร  ผม...ตั้งตัวไม่ทัน มัน..” 

พีทเองก็พูดติดขัดเช่นกัน  หลบใบหน้าจากริมฝีปากนั้นไปมา  เขากำลังร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

พี่ฮั่นหันมายิ้มให้เขา  แววตาวาววาม

“ไม่ต้องกลัวหรอก พีทหัวไว  เดี๋ยวก็รู้”

พี่ชายก้มมาหาเขาอีกแต่พีทหันหน้าหนี   ตัวสั่นอย่างไม่รู้สาเหตุเมื่อความคิดกำลังเตลิดไปไกลจากคำพูดของพี่ชาย

“อะไรเล่า  พี่จะทำบ้าอะไร”   เขากัดฟันข่มใจไว้

เมื่อคนน้องหันหน้าหนีไม่ยอมให้จูบอีก คนพี่ก็ไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากร้อนยังคงคลอเคลียไปทั่วใบหน้า  ไรผม  ข้างแก้ม
 
“ไม่บ้านะ ถ้าไม่ได้ทำ พี่นี่แหละจะบ้า” กระซิบเสียงพร่า  มือของพี่ชายยกขึ้นจับใบหน้าเขา  บังคับให้หันมา

“พี่ฮั่น! ผมไม่เอานะ ปล่อย ผมจะไปนอน” 

พีทใช้มือข้างที่ว่างดันตัวพี่ฮั่นออกแต่พี่ชายไม่สะเทือนแม้แต่น้อย  กลับแกล้งขยับเข้ามาอีก

“ไม่ให้ไป จะนอนก็นอนที่นี่สิ นอนกับพี่ไง”

ดวงตาเรียวนั้นวาววับเมื่อพูดประโยคอันล่อแหลม  พีทกลืนน้ำลายเมื่อสบตาที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการ  แววตาที่บ่งบอกถึงไฟแห่งความปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นแล้วและคงไม่ยอมดับลงง่าย ๆ  คนเอาแต่ใจอย่างพี่ฮั่นต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่  หัวสมองเขากำลังทำงานอย่างหนักพยายามหาทางเอาตัวรอด

“ไม่เอา ผมจะไปนอนห้องผม พี่อย่าตามมานะแล้วก็ห้ามมานอนกับผมอีก ผมจะนอนคนเดียว”  เขาพยายามดันร่างหนาของพี่ชายออกอีกครั้ง 
 
“ได้ไงล่ะ  ไม่ยอมหรอก"

พี่ชายกลับคว้าข้อมือเขาไว้  มือทั้งคู่ของเขาถูกพี่ฮั่นรวบกดไว้กับประตูเหนือศีรษะ  พี่ฮั่นยิ้มอย่างมีชัยก่อนจะก้มหน้ามาหาเขา  แต่พีทหันหน้าหนีอีก  ไม่ยอมแพ้

“พี่  ปล่อยนะ  ผมจะบอกพ่อ”   

‘นี่คนอายุยี่สิบหรือเด็กห้าขวบ?’
พี่ชายคิดในใจ  เอะอะจะฟ้องพ่อนี่มันเด็กชายพีทตอนอยู่อนุบาลชัด ๆ

“บอกไปเลย   คิดเหรอว่าพี่จะปล่อยให้เรามีโอกาสออกจากห้องนี้ไปฟ้องพ่อน่ะ”

พีทตาโตเมื่อคำขู่ของเขาใช้ไม่ได้ผล  พยายามดิ้นหนีแต่พี่ฮั่นกลับเบียดสะโพกเข้ามา
 
“อ๊ะ...”  เขาถึงกับสะดุ้ง  แววตาตระหนก 

ยิ่งเขาขยับตัวหนีก็ยิ่งเสียดสีร่างกายกับพี่ฮั่นมากขึ้น  ยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์มากขึ้นไปอีก  พีทหยุดนิ่งก็เท่ากับเปิดโอกาสให้พี่ฮั่นทำอะไรตามใจชอบ  คนเป็นพี่ลากจมูกแทรกลงไปตามเสื้อสเวตเตอร์คอวีที่เขาสวมอยู่  เม้มริมฝีปากกับผิวหน้าอกเขา  แรงเสียดสีจากปากนุ่มนั้นทำให้พีทกัดฟัน พยายามดึงสติตัวเองไว้ทั้งที่การกระทำนั้นกำลังทำให้เขาเตลิด!

“พะ.พี่ฮั่น..ผมบอกว่าไม่ก็ไม่ไงล่ะ จะลองเสี่ยงกับซาวเออร์ของผมรึไง”   

หมดหนทางแล้วพีทต้องเอาปืนมาขู่  พี่ฮั่นถึงกับหลุดหัวเราะกับคำขู่เขาก่อนจะเงยหน้ามาพูด  ราวกับเขาเป็นเด็กอายุสักห้าขวบกำลังขู่จะไม่ไปโรงเรียน

“พีทอย่าเอาปืนมาขู่พี่เลย”   

“ผมไม่ได้ขู่  ผมเอาจริง”

พี่ชายถอนหายใจ  พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้อีกครั้งก่อนจะพูดต่อ         

“พี่ไม่กลัวหรอก  ตอนนี้พีทมีปืนที่ไหน  แล้วพี่จะบอกให้นะ ใครเขาพกปืนไว้ในกระเป๋าเป้กัน  หืม?  แบบนั้นจะหยิบทันอะไร”

พี่ชายยิ้มอย่างเอ็นดูให้หนุ่มน้อยในวงล้อมของตนเอง  ยิงปืนแม่นขนาดไหนก็ไม่มีความหมายหรอกถ้าไม่มีปืนในมือ

สถานการณ์ดูจะดีขึ้นเมื่อพี่ชายไม่มีท่าทีคุกคามพีทอีก  แต่ยังไม่ปล่อยมือเขา

“พี่ฮั่น  ปล่อยพีทเถอะ  พีทง่วงแล้ว”  พีทพยายามหว่านล้อม   มองพี่ฮั่นด้วยสายตาอ้อนที่เคยใช้ได้ผลเสมอ  พี่ชายกลับยิ้มอย่างรู้ทัน 
 
“เอาไว้อ้อนเวลาอื่นนะพีท  ตอนนี้พี่ไม่ปล่อยพีทไปไหนแน่  แล้วไหนใครเคยบอกว่าจะชดใช้ให้พี่นะ  ใช่พีทพูดรึเปล่า”

“ชดใช้อะไร  ผมพูดตอนไหน”  น้องชายกลับแปลกใจ 

พี่ฮั่นขยันสร้างความมึนงงให้เขาจริง ๆ   ตั้งแต่เขากลับเข้าบ้านพี่ฮั่นก็ทำให้เขาสับสนไม่รู้กี่ครั้งจนถึงตอนนี้

“อ้าว ก็คืนแรกที่พีทกอดหมอนมาขอนอนกับพี่ไง ใครไม่รู้ร้องไห้ฟูมฟายบอกว่าจะชดใช้ให้ที่โกรธพี่ตั้งสิบปี  พีทพูดแล้ว  ห้ามคืนคำ”

พีทเบิกตาโตเมื่อนึกถึงคำพูดตัวเองขึ้นมาได้

“ผมไม่ได้เป็นคนเสนอว่าจะชดใช้ให้สักหน่อย  พี่ต่างหากที่เป็นคนเสนอ”

“แต่พีทก็ตกลงแล้ว   พีทบอกว่าพีทจะทำให้ทุกอย่างชดเชยให้พี่ไง” 

พี่ชายจ้องมา  มีบางสิ่งแฝงอยู่ในดวงตาที่พีทเห็น

“คราวนี้แหละ พี่จะให้พีทชดใช้ให้สาสมเลยล่ะ  พี่รับรอง”

“อะไรอ่ะพี่ฮั่นให้ผมทำเรื่องอื่นสิเรื่องนี้..ไม่เอา”  เขาเริ่มดิ้นหนีอีกเมื่อเริ่มเข้าใจความหมายของการชดใช้  ใครจะยอมล่ะ

“พีทไม่อยากรู้เหรอว่าพี่รักพีทขนาดไหน พี่จะแสดงให้ดูไงล่ะ”

ไฟปรารถนากลับมาลุกโชนอีกครั้งเมื่อพี่ฮั่นเริ่มต้นทำสิ่งที่ค้างอยู่เมื่อครู่   

“พี่ฮ่านนนน  ผมไม่อยากรู้แล้ว  ปล่อย  ปะ...” 

เสียงขาดหายเมื่อริมฝีปากถูกปิดอีกครั้ง  คราวนี้พีทไม่มีโอกาสปฏิเสธอีกแล้วเมื่อพี่ชายกำลังโหมกระหน่ำสัมผัสเขาจนทั่ว   กระตุ้นจุดอ่อนไหวของเขาทุกจุด  พี่ฮั่นปล่อยมือเขาลงแต่พีทกลับไม่มีแรงจะต่อต้านใด ๆ  ทำได้เพียงแค่ยึดไหล่คนตรงหน้าไว้แน่น   ร่างกายเกร็งแทบยืนไม่ไหว 

ความรู้สึกวาบหวามซาบซ่านเช่นนี้ทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม  ขณะเดียวกันเขาก็กลัวเพราะไม่เคยเห็นพี่ฮั่นแบบนี้มาก่อน  ที่ผ่านมาพี่ฮั่นไม่เคยทีท่าทีเช่นนี้  แม้พวกเขาจะนอนด้วยกันทุกคืน  แม้พี่ฮั่นจะกอดเขาแต่พี่ฮั่นก็ไม่เคย...ร้อนแรงแบบนี้  ท่าทีของพี่ชายทำให้เขากลัว

พีทกัดฟันข่มเสียงครางของตัวเอง  ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้ใจเขาแทบหลุดลอย   แต่เพราะยังหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยจิตใจและร่างกายไปตามอารมณ์ได้

“พะ  พี่  ฮะ  ฮั่น...”   เสียงสั่น  ทั้งกลัว  ทั้งประหม่า

พี่ฮั่นหยุดชั่วครู่ราวกับรู้ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร  เลื่อนมือมาจับใบหน้าเขาไว้อย่างนุ่มนวล  ใช้นิ้วโป้งไล้ไปตามแก้มแผ่วเบาอย่างจะปลอบ

“พี่ต้องการพีท” 

ประโยคนั้นราวกับมีมนต์     

สายตาที่มองตรงมาสื่อความหมายตามคำพูด  พี่ชายจ้องตาเขาอยู่อย่างนั้น  สายตาที่มีแต่เขาอยู่ในนั้นตลอดมา  ตรึงเขาไว้ด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักทั้งหมดที่มี  พีทไม่อาจหลบตาได้เลย  ยิ่งเขาจ้องมองก็เหมือนถลำลึกลงไปทุกที   สายตาที่มีแต่ความรักของพี่ชายกำลังขับไล่ความกลัวของเขาออกไปขณะเดียวกันก็กระตุ้นความปราถนาของเขาให้ใต่ระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขาหลับตาลงเมื่อใบหน้าพี่ชายเคลื่อนเข้ามาใกล้ พี่ฮั่นแตะริมฝีปากนุ่มแผ่วเบาที่หน้าผาก  เปลือกตา  แล้วเลื่อนลงมาตามสันจมูก  จูบที่ปลายจมูก

พี่ฮั่นทำเหมือนที่เขาทำคืนนั้น  คืนที่เขาแอบจูบพี่ฮั่นที่โรงพยาบาล รู้สึกอุ่นวาบในใจเมื่อรับรู้ได้ว่าพี่ฮั่นจดจำทุกสิ่ง  ทุกการกระทำของเขา

พี่ชายแตะที่ริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา  บดคลึงริมฝีปากเขาทีละนิด สัมผัสที่เต็มไปด้วยความรัก  จูบอันแสนอ่อนหวานทำให้พีทเริ่มล่องลอย ร่างกายที่เกร็งเพราะความตื่นตระหนกเริ่มโอนอ่อนเมื่อจิตใจคลายความกังวล 
   
อารมณ์รักที่คุกรุ่นอยู่แล้ว  เพียงสัมผัสนุ่มนวลก็โน้มน้าวเขาให้คล้อยตาม  ไม่นานไฟอารมณ์ในตัวเขาก็ลุกโชน   ความอ่อนหวานก็เริ่มแปรเปลี่ยน เมื่อพี่ชายกำลังเพิ่มระดับความร้อนแรงขึ้นทุกขณะด้วยจูบเร่าร้อนที่กระตุ้นอารมณ์ให้กระเจิดกระเจิง

“รักนะ พี่รักพีท”  เสียงพึมพำบอกรักดังแว่ว  ก่อนคำว่ารักจะถูกถ่ายทอดผ่านการสัมผัสทางกาย   

พีทปล่อยหัวใจและร่างกายไว้ในมือของพี่ชายและคนที่เขารัก

เสียงระฆังยามเช้าของวันคริสต์มาสดังแว่ว   สายลมหนาวด้านนอกพัดเอาความเย็นแทรกผ่านหน้าต่างที่ปิดไม่สนิทเข้ามาในห้องนอนที่จะไม่เย็นเยียบอีกต่อไป หากห้องนั้นกำลังอบอุ่นจากไฟรักที่ลุกโชน 

ยามเช้าที่แสนสงบ  มีเพียงเสียงกระซิบเรียกชื่อกันและกัน

และคำว่า 


“..รัก..”



------------------------------------


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:





ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
มายาวจุใจมาก

ขอจิ้มก่อนน้าาา


ไว้จะมาอ่าน..... งานรุมสุม​ToT

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
ฟินมากมาย รักกันได้สะที ดีใจจัง

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
เข้าใจกันก็ดีแล้ว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยาว อ่านเพลินกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เย้ๆๆๆๆๆ
ในที่สุดก็เข้าใจกันแล้ว
ต่างคนต่างเจ็บ​มาเยอะ.... ตอนนี้ก็ค่อยสบายใจ​หน่อยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ตาแฉะเลย  เรื่องนี้สนุกมากเลยจ้า  ขอบคุณที่แต่งให้อ่านน้าาาาา  สู้ๆจ้าคุณคนเขียน

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
กรี๊ดน้องพีท พี่ฮั่นห้ามรุนแรงนะยะะ

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
โอ้วววว ทำตามหัวใจซะทีนะที่รัก

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :katai5:    แอบแว๊บเข้ามารอตอนใหม่    :mew3:

ออฟไลน์ sleepybear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่ว่าเมื่อไหร่ เรื่องนี้ก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ
 :L1:

ออฟไลน์ Tigerintherain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

58. สองคน หนึ่งใจ


บรรยากาศการเฉลิมฉลองของวันคริสต์มาสในเมืองใหญ่ยังคงคึกคัก  ทั่วทั้งเมืองต่างถูกประดับประดาไปด้วยสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส  สัญลักษณ์แห่งความรื่นเริง   ต้นสนขนาดใหญ่ถูกประดับประดาด้วยหลอดไฟ   ตุ๊กตายักษ์และกล่องของขวัญ 
 
เสียงเพลงวันคริสต์มาสลอยละล่อง  กล่อมผู้คนที่เดินขวักไขว่ในห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งสร้างขึ้นใกล้กับโรงแรมหรูที่ตั้งมานานกว่าสามสิบปีกลางเมือง  ทุกใบหน้ามีแต่รอยยิ้มในเทศกาลแห่งความสุข   ลมหนาวยังคงพัดแรงแต่คงไม่สามารถทำให้คู่รักหลายคู่ที่ออกมาเดินเล่นยามบ่ายเหน็บหนาวได้   

ต่างจากบรรยากาศในบ้านใหญ่ใจกลางเมืองนั้นลิบลับ  บ้านใหญ่สามชั้นสไตล์วิกตอเรียโบราณนั้นกลับว่างเปล่า  ร้างผู้คน  เจ้าของบ้านทั้งสองคนใช้เวลาในวันหยุดเดินทางไปพักผ่อนบนเกาะส่วนตัวที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้  มีเพียงลุงหวัง  ยามเก่าแก่ของบ้านที่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนคอยเดินตรวจตราดูแลความเรียบร้อย

และชายหนุ่มอีกสองคนที่ยังคงเก็บตัวเงียบในบ้านสีขาวหลังเล็กที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของบ้าน ริมสระน้ำขนาดใหญ่  ห้องนอนในบ้านสองชั้นสไตล์อังกฤษยังคงสงบเงียบ  แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านผ้าม่านบาง ๆ เข้ามา
   
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มวัยยี่สิบเศษใส่เสื้อคลุมเดินออกจากห้องน้ำ พร้อมทั้งเช็ดผมไปด้วย  เขาหยุดยืนนิ่งที่ปลายเตียงของตนมองไปยังคนที่นอนขดตัวใต้ผ้าห่มที่ยังคงนอนหลับสนิทโดยไม่มีทีท่าจะตื่นง่าย ๆ   แววตาที่มองไปยังเตียงนอนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข  ยิ้มให้คนที่หลับไม่รู้เรื่องบนเตียง  ยิ้มเพราะเขากับน้องปรับความเข้าใจกันแล้ว 

‘ต้องปล่อยให้พักก่อน เมื่อเช้าคงจะเพลียมาก’ 


คิดแล้วเจ้าตัวก็หน้าแดงขึ้นมาเสียเฉย ๆ  ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้ผมตนเองไปมา  แอบเขินอยู่คนเดียวเมื่อภาพเหตุการณ์ตอนเช้ามืดย้อนกลับมาในความทรงจำ   

พีทอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดเวลา  เสียงเรียกชื่อเขาดังสะท้อนในห้องนอน  ใครเรียกก็ไม่มีความหมายเท่า  ความสุขฉายชัดในดวงตาเพราะไม่คาดหวังว่าวันหนึ่งเขาจะสมหวัง   ดวงตาเรียวจับไปที่เสี้ยวใบหน้าที่โผล่พ้นผ้าห่มอีกครั้ง   

‘พีท’  คนที่เขารักและคนที่รักเขา

ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรถึงความสุขล้ำลึกที่ได้รับ  ความสุขจากการที่ได้รับความรักตอบ  ความสุขที่ได้รู้ว่าน้องก็รักเขามากเช่นกัน แม้จะกลัว  แม้จะไม่คุ้นเคยแต่เมื่อเขาบอกว่าเขาต้องการน้องก็ยินยอม   

เขารู้ว่าเขาเอาแต่ใจมากขนาดไหน  พีทต้องอดทนเพียงใด  แม้เขาจะรู้ว่าได้สร้างความสับสนให้พีทมากแค่ไหน  แต่เขาเก็บความต้องการของตัวเองไว้ไม่ไหวมันมากล้นจนรอสักนาทีไม่ได้อีกต่อไป  แล้วพีทน่ารักขนาดนั้น เขาทนมาได้เกือบปีก็นับว่าเก่งแล้ว 

ใบหน้าคมยิ้มกว้างมากขึ้น   ความรู้สึกกึ่งเขินกึ่งเป็นสุขแบบนี้มันคืออะไรนะ 

แล้วเมื่อเช้านี้พีทน่ารักมาก  ตามใจเขาทุกอย่าง  ไม่ว่าเขาจะต้องการทำอะไรน้องก็ไม่เคยขัด  คนตัวใหญ่ยกมือแตะหน้าผากของตนเองเพราะรู้สึกหน้าร้อนจัดแค่คิดเรื่องอะไรไปไกล

‘อา....คิดถึงพีทจัง’ 

พร้อมกันนั้นขายาวก็ก้าวไปหยุดที่เตียงนอน  ทรุดตัวลงแผ่วเบา  ขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วล้มตัวนอนตะแคงมองร่างที่นอนขดอยู่อย่างอารมณ์ดี น้องชายยังคงนอนอยู่ในท่าเดิมราวกับว่าจะไม่มีสิ่งใดจะมาทำให้ตื่นได้ เขาสอดมือตัวเองไปตามเส้นผมนุ่ม ลูบไปมาเบา ๆ 

‘ตั้งแต่นี้ไปคงไม่จำเป็นต้องแอบทำแล้วสินะ’   ยิ้มกว้างกับความลับของตัวเอง 

ตั้งแต่กลับบ้านมาอยู่ในฐานะ ‘นายหมี’  เขาก็มักแอบเข้าห้องน้องตอนดึกบ่อย ๆ  แอบเข้าไปจูบราตรีสวัสดิ์โดยที่พีทไม่เคยรู้ตัว  ไม่เคยรู้เลยว่าเขาแอบนอนกอดทุกคืนตั้งแต่พีทย้ายมานอนกับเขา 

ฮั่นก้มตัวลงทีละนิด  แตะริมฝีปากที่หน้าผากน้องชาย   

‘ถ้าเล่าความลับของเขาให้ฟัง พีทจะโกรธเขาไหมนะ’

พีท เด็กขี้เซาของเขา เด็กอ้วนที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้า  เล่นแต่รถของเล่น  รถทุกแบบไม่ว่าจะเป็นรถธรรมดา รถบรรทุก มอเตอร์ไซค์ รถสปอร์ตและรถไฟที่พวกเขาเคยต่อรางของมันยาวไปทั่วบ้าน  และห้ามใครก็ตามเคลื่อนรางออกอยู่นานเกือบเดือน  เวลาชวนกินข้าวทีไร  เด็กอ้วนก็จะหยุดโมโหแล้วกลับไปโมโหต่อหลังจากกินทุกอย่างเรียบหมดแล้ว   ถ้าอยากให้หายโกรธก็ต้องเอารถของเล่นมาไถ่โทษ

เด็กอ้วนจอมดื้อ  ใครต่อใครก็บอกเขาแบบนั้น  คุณชายพีทน่ะเอาแต่ใจ  ดื้อรั้นกับทุกคนรวมทั้งเขาด้วย  แต่เป็นเพราะเขายอมให้หรอกนะ เขายอมให้พีทเอาแต่ใจเสมอเพราะเขาชอบรอยยิ้มสดใสของพีทเวลาอารมณ์ดี  แต่ใครจะรู้ว่าเด็กดื้อคนนี้ก็ไม่เคยขัดใจเขาเหมือนกัน  พีทก็ตามใจเขาเสมอเวลาที่เขาเกิดอยากเอาแต่ใจขึ้นมาบ้าง

“พีทไม่ชอบเห็นพี่ฮั่นโกรธ พีทไม่สบายใจ”  เด็กชายตัวอวบเงยหน้าบอกเขา  ยิ้มแหย ๆ เพราะกลัวพี่ฮั่นโกรธ


เขายังคงลูบผมพีทไปมาเหมือนไม่รู้ตัว   ดวงตาเหม่อเมื่อนึกไปถึงหลายเดือนก่อน  ช่วงเวลายามเช้าเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบเพราะเขาจะมีโอกาสตื่นขึ้นเห็นหน้าพีทเป็นคนแรกและฉวยโอกาส Morning Kiss น้องทุกเช้า  หลังจากกระซิบปลุกข้างหูสักพักพีทจะเริ่มรู้สึกตัวทีละน้อยเขาก็มีเวลาที่จะลุกจากเตียงหรือแกล้งทำเป็นว่ากำลังแต่งตัวอยู่
 
เขาเผลอยิ้มอีกแล้ว

พีทขยับตัวทำให้เขาหันไปมอง แต่น้องเพียงแค่เปลี่ยนท่ามานอนคว่ำ ตะแคงใบหน้าไปอีกด้านหนึ่ง  สอดมือเรียวของตนเข้าไปใต้หมอนที่หนุนอยู่ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง   ผ้าห่มที่เลื่อนหลุดจากไหล่เผยให้เห็นรอยช้ำเล็ก ๆ  หลายจุดบนแผ่นหลังที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา   

มือที่กำลังจะเลื่อนผ้าห่มให้ชะงัก  เปลี่ยนใจจากที่จะห่มผ้าให้กลับเป็นดึงผ้าห่มหนานุ่มออก   เขาแตะนิ้วแผ่วเบาไปที่รอยช้ำหนึ่งบนหลัง  ยิ้มมุมปากกับ Kiss mark ของตัวเอง  รอยจูบที่แสดงความเป็นเจ้าของ   ก้มตัวลงไปใกล้แล้วจูบลงไปอีกครั้งที่รอยเดิมราวกับจะประทับไว้
 
‘พีทเป็นของเขา’

สัมผัสแผ่วเบาเคลื่อนไปตามแผ่นหลัง  กดริมฝีปากนุ่มไปเรื่อย ๆ เขากลับไปคิดถึงตอนที่ฝากสัมผัสนี้  เสียงครางในลำคอของคนใต้ร่าง  มือที่สอดประสานกันตรึงไว้กับที่นอนนุ่ม  ร่างกายที่แนบชิดกัน   ความทรงจำนั้นทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาเสียเฉย ๆ

เขาต้องข่มความรู้สึกตัวเองไว้ก่อน  คิดแล้วจึงขยับตัวขึ้น  กดจูบหนัก ๆ ไปที่ท้ายทอยของน้องชายส่งท้ายก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมให้

คนเป็นน้องกลับกำลังเคลื่อนไหว  ขยับตัวเล็กน้อยราวกับสัมผัสของเขาจะเป็นการปลุก  พีทพลิกหน้ากลับมาด้านที่เขานอนอยู่  คิ้วขมวดทั้งที่ยังไม่ลืมตา   ใบหน้าน้องชายทำให้เขาเปลี่ยนใจจากที่อยากจะให้น้องได้พักผ่อนเขากลับทนไม่ไหว  อยากให้พีทตื่นขึ้นมาสบตากับเขาเสียที

“พีท  ตื่นเถอะ นี่จะสี่โมงแล้ว”  เขากระซิบแผ่วที่ข้างหูก่อนจะกดจมูกคลอเคลียอยู่ข้างแก้ม

ไม่นานคนน้องก็เริ่มขยับตัว  พีทงัวเงียอยู่ครู่จึงลืมตาขึ้น  ดวงตาที่เขาเห็นดูเลื่อนลอยในตอนแรกแต่เมื่อจับโฟกัสได้และรู้ว่าเขากำลังมองอยู่  พีทกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว  น้องชายพลิกตัวหนีคว้าหมอนที่หนุนอยู่ขึ้นมาปิดหน้าตัวเองทันทีแต่ขยับไปไหนไม่ได้เมื่อเขาคว้าตัวไว้  พีทส่งเสียงฮึมฮัมในลำคออย่างขัดใจเมื่อขยับหนีไม่ได้เพราะเขารวบตัวน้องชายไว้ทั้งผ้าห่ม

“พีทเป็นอะไร  ทำไมเอาหมอนปิดหน้าแบบนั้น”  เขาเอ่ยทักเป็นประโยคแรก  ยกตัวขึ้นมองแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่นอนหันหลังให้   

“ไม่ให้เห็นหน้าก็ไม่เป็นไร  พี่รู้ว่าพีทเขินใช่ไหม”  เพราะเขาก็กำลังเขินเหมือนกัน  โชคดีที่พีทหันหน้าหนี  เขาคิดว่าตอนนี้หน้าเขาคงแดงไปหมดแล้ว

“พี่แค่อยากให้พีทตื่นขึ้นมาเห็นพี่อยู่ตรงนี้  พีทจะได้ไม่คิดว่าพีทฝันไปไงล่ะ”  เขายิ้มกับตัวเอง   ตอนนี้พีทคงกำลังคิดทบทวนเรื่องราวหัวหมุนอยู่แน่ ๆ 

“อย่าดิ้นสิ”  พีทจะขยับตัวหนี  เขาก็ดึงตัวไว้ 

“พีท น้องพีท น้องพีท”

ไม่รู้เป็นไง  เขาอยากเรียกน้องอีกหลายครั้ง  อยากให้น้องรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ไม่ได้หายไปไหน  เสียงอ่อนของเขาทำให้พีทหยุดดิ้นแต่มือยังกอดหมอนแน่น  ซุกหน้าอยู่ใต้หมอนทำยังกับจะอยู่แบบนี้ไปทั้งวัน

“พี่ขอกอดพีทแบบนี้ได้ไหม จนกว่าพีทจะพร้อม” เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น  ทอดเสียงอ่อน

พีทยังคงเฉย ไม่ตอบรับ  เขาปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศในห้องนอนของตัวเอง  เริ่มต้นนับถอยหลังในใจ 

ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวไปครู่  จากนั้นเขาก็ออกแรงกระชากหมอนที่น้องชายกอดไว้โดยไม่ให้ตั้งตัว  โยนหมอนใบนั้นทิ้งไปด้านหลังแล้วจับร่างน้องชายให้หันกลับมา

“อ๊ะ”  พีทร้องก่อนจะพยายามดึงผ้าห่มคลุมศีรษะตนเองไว้อีก 

“พี่...”  พีทร้องประท้วงในผ้าห่ม  ก้มหน้างุดที่อกเขาเมื่อดิ้นหนีไปไหนไม่ได้เพราะผ้าห่มที่พันตัวอยู่ทำให้ตัวเองถูกพันธนาการ

“หายงงรึยัง” เขาดึงผ้าห่มที่คลุมอยู่ออก ใบหน้าน้องชายซุกอยู่ในอก เลื่อนมือลูบผมคนในอ้อมแขนไปมา  ทั้งอยากสัมผัสและอยากจะปลอบประโลมใจ

“พี่ไม่ให้ผมตั้งตัวเลย  ผม...ผมทำตัวไม่ถูก” 
 
เสียงแผ่วเบาของน้องชายทำให้เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“ก็ทำเหมือนเดิมสิ”  เขาอมยิ้ม

“จะเหมือนเดิมได้ยังไงเล่า  ก็...ก็...”  เสียงอึกอักเหมือนคนพูดไม่ออก

“ถ้างั้นก็รู้แล้วสินะ ว่าตอนนี้เราเป็นมากกว่าพี่น้องแล้ว”

เขายิ้มกว้างมากขึ้น  กดจมูกโด่งของตนลงบนผมนุ่มอีกครั้งอย่างแสนรัก  ความสุขอาบท่วมท้นล้นใจเมื่อนึกถึงการเปลี่ยนแปลงระหว่างเขาและคนที่ซุกอยู่ในอกกว้าง

“พี่อ๊า...”  พีทดิ้นยุกยิกอยู่ในผ้าห่มอย่างขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้

“พีทนั่นแหละที่ทำให้พี่ตั้งตัวไม่ทัน ใครที่จู่โจมพี่ก่อนล่ะ  จำไม่ได้รึไง วันที่พี่แพ้กุ้งเข้าโรงพยาบาล  พี่ตื่นมาตกใจแทบแย่”

“พี่ฮั่น!”   น้ำเสียงงอแง

เขาหัวเราะเสียงสดใส  การยั่วโมโหน้องเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาโปรดปราน

“อ๋อ พี่ก็เลยปฏิเสธผมทันทีเลยงั้นสิ  เวลาพี่ตกใจตั้งตัวไม่ทัน  พี่ก็เลยทำร้ายจิตใจผมงั้นเหรอ”

น้ำเสียงเคืองของน้อง  ทำให้เขาอยากเห็นหน้างอ ๆ ที่ต่อปากต่อคำกับเขา

“ก็ถ้าพีทจูบพี่นานกว่านั้นพี่ก็คงไม่มีโอกาสจะปฏิเสธพีทหรอก แต่แบบนั้นเขาไม่เรียกจูบหรอกนะ  แค่แตะเท่านั้นแหละ”

“โอ๊ย!  พีท  พี่เจ็บนะ”

พีทแก้ลำเขาด้วยการกัดแรง ๆ ที่ไหล่เขาทีหนึ่ง  ทำให้เขาต้องร้องซี้ดด้วยความเจ็บ 

“เมื่อเช้าก็กัดพี่   ตอนบ่ายตื่นมาก็กัดอีกแล้ว  สมกับเป็นเจ้านายแรมโบ้จริงนะ”   

“พี่อ๊า ห้ามพูด” พีทมุดหน้าหนีลงไปอีก พยายามจะดึงผ้าห่มออกแต่ไม่สำเร็จ

เขาหัวเราะขำกับอาการเขินไม่เลิกของพีท  ลูบผมน้องไปมา  พวกเขาเงียบกันไปครู่หนึ่ง

“พีท  พี่ขอโทษเรื่องวันนั้นนะ  พี่ผิดเอง  พีทเป็นคนช่วยชีวิตพี่ไว้แท้ ๆ  ขอบคุณสักครั้งพี่ยังไม่ได้พูดเลย...” 

“วันนั้น  ขอบคุณมากนะที่ช่วยพี่ไว้  ถ้าพีทไม่อยู่ด้วยพี่คงตายกลางงานเลี้ยงไปแล้ว”

เขายังจำได้ดีถึงความทรมาน  ทุรนทุรายเมื่อกำลังขาดอากาศหายใจ ได้ยินเสียงหวีดดังข้างหู   ดวงตาพร่ามัว   ความทรงจำสุดท้ายคือใบหน้าของคนที่เขารักที่สุด   

“กลัวพี่ตายใช่มั้ยล่ะ”

เขายิ้มมุมปาก  แอบดีใจเมื่อนึกถึงหน้าตาเป็นห่วงเป็นใยของน้องตอนที่ลากเขาไปโรงพยาบาล ถ้าพีทไม่สังเกตเห็นอาการเขาทันท่วงที  ป่านนี้เขาคงนอนอยู่ในหลุมแล้ว  ไม่ได้มานอนกอดใครบางคนอยู่อย่างนี้หรอก

“อะไรเล่า  จะขอบคุณทำไม  พี่ก็เคยช่วยผมไว้นี่” 

“งั้น ขอโทษก็ได้  ที่ทำให้พีทเสียใจ” 

“ผม..ไม่โกรธพี่แล้ว”   

“จริงนะ”  ถามย้ำอีกครั้ง 

‘พีทพูดจริงใช่ไหม? พีทจะรู้รึเปล่านะว่าเขาดีใจขนาดไหนที่พีทยกโทษให้เขา’ 

“แต่ผมไม่ยกโทษเรื่องเมื่อเช้าหรอก พี่ทำอะไรไม่ให้ตั้งตัวกันเลย” พีทโวยวาย

“ก็ขืนให้พีทมีเวลาคิดสิ  พีทไม่ยอมแน่  ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ” 

เขารู้ว่าพีทเป็นคนฉลาด ถ้าพีทมีเวลาคิดสักนิด ไม่นานหรอกน้องก็จะเริ่มตั้งคำถามแล้วเขาก็คงต้องนั่งตอบคำถามอีกยืดยาว  ขืนรอให้พีทมีเวลาเตรียมตัวแล้วเมื่อไรเขาจะมีโอกาส  พีทไม่เคยรู้หรอกว่าที่ผ่านมาเขาต้องอดทนมากขนาดไหน  ต้องข่มใจเพียงใดเวลาที่พวกเขาอยู่ใกล้ชิดกัน

“ตัวเองก็เคยออกคำสั่งทำให้พี่ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันนี่ เล่นโจมตีจุดอ่อนแล้วสั่งให้พี่ทำอะไรน๊า  พี่ยังฟังคำสั่งไม่จบเลย  พีทจูบพี่ซะแล้ว”   เขาย้อนพีทเข้าบ้าง

“อะ  อะไรเล่า  แบบนั้นเหรอไม่ทันตั้งตัวของพี่น่ะ  ผมต่างหากที่ไม่ทันตั้งตัว” 

คนเป็นพี่แอบอมยิ้มกับประโยคย้อนกลับของน้อง  คงเป็นเขานี่แหละที่ทำให้น้องหัวหมุน  เสื้อยูโดหลุดลุ่ย   คราวนั้นเขาก็แทบจะหยุดตัวเองไว้ไม่ไหวเหมือนกัน

“แต่คราวนี้พีทจะสั่งพี่อีกก็ได้นะ  พี่พร้อมแล้ว  ไถ่โทษไง”

“พี่บ้า! ผมไม่สั่งพี่หรอก  ถ้าจะสั่งนะ  ผมขอสั่งให้เลิกกอดผมสักทีแล้วก็ออกไปจากห้องด้วย  ผมจะไปอาบน้ำ”

“ไม่ไป  พีทจะอาบน้ำก็ไปสิ  พี่ไม่ว่าอะไรนี่  ว่าแต่พีทลุกไหวรึเปล่า ให้พี่ช่วยไหม”

เสียงที่เอ่ยถามนั้นแผ่วลง  เจือด้วยความหมายบางอย่าง  เขายิ้มกับตัวเอง  ก้มหน้าลงพยายามจะสบตาน้องให้ได้แต่พีทกลับมุดหน้าหนีอีก

“พี่ฮั่นอ่ะ  พี่สนุกมากรึไง  ทำให้ผมหัวหมุน  ทำตัวไม่ถูกแบบนี้อ่ะ  ผม...ไม่น่าเลย...”  พีทยุกยิกอยู่ในม้วนผ้าห่ม  พูดไม่ออกไปเสียเฉย ๆ 

“หรือพีทเสียใจเรื่องเมื่อเช้า  พี่ว่าพี่ไม่ได้ยินคำปฏิเสธนะ ได้ยินแต่พีทเรียกหาแต่พี่กับบอกว่า....”

“พี่ฮั่น!”   

คราวนี้พีทดิ้นหนัก  พยายามจะดึงตัวออกจากอ้อมแขนเขา

“ก็ได้  พี่ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อเช้าอีกก็ได้  มันคงไม่มีความหมายอะไรสำหรับพีทสินะทั้งที่มันเป็นเรื่องดีที่สุดในชีวิตพี่เลย”

เขาพูดเสียงเบาราวกับน้อยใจนักหนา  ขณะที่ก้มมองคนที่ซุกหน้าอยู่ พีทไม่ยอมมองหน้าเขาก็เลยไม่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์







ฝ่ายคนที่ยังหลบหน้าพี่ชาย  ได้ยินคำตัดรอนนั้นก็ใจเสีย 

ทำไมพี่ฮั่นพูดแบบนี้  ทำไมมันจะไม่มีความหมายกับเขา  ก็มันกำลังจะเปลี่ยนไปนี่ไงล่ะ  เขาถึงไม่กล้าสบตาพี่ฮั่นเพราะเขาทำตัวไม่ถูก

ที่ผ่านมาพวกเขาเป็นพี่น้องกันมาตลอด  แม้ความรักของเขาจะเปลี่ยนไปแต่ความสัมพันธ์ของพวกเขายังเหมือนเดิม  แล้วมันก็เปลี่ยนไปเพียงแค่ข้ามคืนโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว  เขาต้องการเวลาปรับตัวปรับใจ  มันไม่ได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือหรอกนะ  แม้ว่าพี่ฮั่นจะทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาก็ตาม

“มะ ไม่ใช่  พี่อ่ะ ไม่ใช่แบบนั้นนะ” เขาอึกอัก 

พี่ฮั่นนะพี่ฮั่น  หาเรื่องอะไรมาค้านเขาได้ทุกเรื่อง  แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามันก็เป็นเพราะพี่ฮั่นเองทั้งหมด  แต่พี่ฮั่นก็ยังสามารถพูดเหมือนกับว่าเขาเป็นคนผิดจนได้

“พี่อย่ามาพูดแบบนั้นนะ ทีตอนที่ผมบอกรักพี่  พี่ก็ปฏิเสธ ทั้งที่ผมคิดว่าความรู้สึกที่ผมมีให้พี่เป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดเหมือนกัน  พี่รู้ไหมว่าผมเสียใจขนาดไหน” 

‘แค่พูดเท่านี้ยังเจ็บแปลบ ๆ อยู่เลย  พี่ฮั่นจะรู้บ้างไหม’

“พีท พี่ขอโทษ...”

พี่ฮั่นเอ่ยขอโทษเขาอีก  พี่ชายพร่ำขอโทษเขาอยู่ข้างหูพร้อมกับมือของพี่ฮั่นก็ลูบไล้ผ่านผ้าห่มที่คลุมร่างเขา   พีทถอนหายใจกับอกหนา   เขารู้ว่าพี่ฮั่นก็เสียใจไม่แพ้กัน   เขาต้องเลิกคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาสักที  เพราะถ้าเขาไม่ลืมอดีตเขาก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้

“แต่เมื่อกี้พีทบอกว่าไม่โกรธพี่แล้วไง  แล้วเมื่อกี้ว่าอะไรนะ พีทว่าพีทรักพี่ใช่ไหม ว้า ได้ยินไม่ค่อยชัดเลย” 

พี่ชายเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงร่าเริงทำให้เขาประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนกะทันหัน 

‘หนอย  สลดได้ไม่นานก็กลับมาร่าเริงเร็วจริงนะ’


“ผมบอกว่าผมเกลียดพี่ตะหาก” 
 
“พีทอ่ะ  ไม่ใช่สักหน่อย  พีทบอกว่า..พีทรักพี่” 

พี่ฮั่นทำเสียงแบบนี้อีกแล้ว  เสียงแบบที่ใช้เวลาอ้อนเขาโดยเฉพาะ

“ไม่ใช่   ผมไม่รักพี่แล้ว”

“ไม่จริง  เมื่อเช้าใครไม่รู้ตอบคำถามพี่ว่ารักพี่ฮั่น  พี่จำได้”  คนพี่กลับย้อนมาอีก 

“แล้วผมก็บอกว่าเกลียดพี่แล้ว”

“แล้วพีทก็บอกว่าพีทเข้าใจแล้ว  พีทขอโทษไง แล้วพีทก็..”

“พี่ฮั่น!!  โว๊ะ ไม่เอาแล้ว  ผมไม่เถียงกับพี่แล้ว”

เพราะความโมโหจึงเงยหน้าไปโวยวายกับพี่ชาย  ลืมไปว่าตัวเองกำลังหลบหน้าพี่ฮั่นอยู่   เขาสบตากับพี่ฮั่นทันทีราวกับว่าคนพี่รอจังหวะนี้อยู่แล้ว  พี่ฮั่นก้มมาหารวดเร็ว
 
“อื้อ”  จูบแรกระหว่างกันหลังตื่นนอน 

พี่ฮั่นกดริมฝีปากนิ่งอยู่นาน  พีทรู้สึกเหมือนเขาเองก็รอสิ่งนี้อยู่เช่นกัน  เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสที่เต็มไปด้วยความรักที่พี่ฮั่นมีต่อเขา   พี่ชายจูบเขาแผ่วเบาก่อนจะเริ่มต้นขยับริมฝีปากไปมา  พวกเขาแค่คลึงริมฝีปากของตนกับอีกฝ่าย  บางเบา  แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายเพราะต่างคนต่างก็รู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายรักตนมากเพียงใด   

และเมื่อริมฝีปากนั้นถอยไปพีทก็เข้าใจ

ที่ผ่านมาเขารู้แค่ว่าพี่ฮั่นเป็นคนที่เขารักเป็นพี่ชาย  ปะปนกับความรักแบบคนรัก  รักเหมือนที่พ่อรักคุณโรส   เขารู้แค่ว่าเขาอยากอยู่ใกล้ชิด  อยากสัมผัส โอบกอด   แต่เขาไม่เคยคิดเรื่องความสัมพันธ์แบบนี้มาก่อน   ดังนั้นเมื่อพี่ฮั่นจู่โจมเขา  เขาก็เลยตั้งตัวไม่ติด  ตกใจและกลัว 

แต่ตอนนี้  ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากจูบบางเบาทำให้เขาเข้าใจ และยอมรับความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป   ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย  ที่ผ่านมาเขารู้แค่ว่าความรักที่เขามีต่อพี่ฮั่นเป็นความรู้สึกพิเศษที่มีให้แค่คนคนเดียวเท่านั้น   แต่ตอนนี้มันลึกซึ้งและแนบแน่นกว่าที่เขาเคยรู้สึก   เพราะเขาได้ก้าวข้ามเส้นกั้นสถานะระหว่างเขากับพี่ฮั่นไปแล้ว   เวลานี้พวกเขาเป็นมากกว่าพี่น้อง   เป็นมากกว่าคนในครอบครัวเดียวกัน   

เขาและพี่ฮั่นเป็นคนคนเดียวกัน 

มีใจดวงเดียวกัน

พีทกลับไปซุกหน้าที่ซอกคอของพี่ชายอีกครั้ง  หัวใจเต้นแรง  มือพี่ฮั่นลูบหลังเขาไปมา 

“พีทไม่ได้สับสนอยู่คนเดียวหรอก   พี่น่ะคิดมากกว่าพีทอีก   สับสนวุ่นวายใจอยู่ตั้งสองปีกว่า  ตั้งแต่แอบกลับมาตอนคริสต์มาสอีฟ  แอบไปดูพีทร้องเพลงที่มหาวิทยาลัย  เห็นพีทเป็นครั้งแรกตั้งแต่เราจากกันตอนพีทสิบขวบ”  เสียงทุ้มของพี่ฮั่นดังสะท้อนอยู่ในอกกว้างที่เขาอิงแอบอยู่

“แค่พีทยิ้มพี่ก็ใจเต้นแล้ว  กลับไปคิดมากอยู่นานเป็นเดือนว่าตัวเองเป็นอะไร   ทำไมภาพพีทถึงได้ติดตาติดใจอยู่อย่างนั้น  กว่าจะรู้ใจตัวเองน่ะ”

“แต่พอเข้าใจตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้   เพราะว่าเราเป็นพี่น้องกันแล้วตอนนั้นพี่ก็รู้ว่าพีทโกรธพี่อยู่  ไม่รู้ว่าจะยกโทษให้ไหม  ไม่รู้ว่าพีทลืมพี่ไปแล้วรึเปล่า  พี่พยายามไม่คิด  พยายามเลิกรักแต่พี่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้  ตั้งแต่นั้นมาก็เลยหาโอกาสมาบ้านบ่อย ๆ  แอบมาดูพีทเล่นดนตรีวันคริสต์มาสอีฟทุกปี พี่รู้แค่ว่าพี่ทำได้แค่นี้”

“พี่มาดูผมทุกปีเหรอ” 

“อืม  เมื่อวานก็ไป”

“พี่ฮั่น...”

พีทครางเสียงแผ่วเมื่อได้รู้เรื่องราว  เมื่อวานพี่ฮั่นกลับจากญี่ปุ่นมาดูเขาเล่นดนตรีแล้วรอเขาหลายชั่วโมงจนเขากลับบ้านงั้นเหรอ
 
รู้สึกอบอุ่นอยู่กลางใจที่เต้นแรง   เกิดความรู้สึกตื้นตันใจเหลือประมาณ  พีทจูบลงไปที่รอยแยกของเสื้อคลุมอาบน้ำ  ตรงอกซ้ายที่หัวใจของพี่ฮั่นเต้นอยู่ข้างใต้  จูบด้วยความรู้สึกขอบคุณที่พี่ฮั่นรักเขา  รับรู้ว่าพี่ฮั่นก็จูบลงบนผมเขาเช่นกัน  พวกเขาขยับตัวเข้าหากัน
 
“พีทรักพี่ตอนไหน  เล่าให้ฟังบ้างสิ”

พีทเงียบไปเพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา  เขาไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเริ่มรักพี่ฮั่นตั้งแต่เมื่อไร  เขาจำได้แค่ว่าพี่ฮั่นทำให้เขาใจเต้นแรงเวลาอยู่ชิดใกล้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาสบตากันความรู้สึกของเขาเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไรเขาก็ไม่รู้ตัว 

“ไม่รู้เหมือนกัน  ผมรู้ตัวอีกทีก็รักพี่ไปแล้ว”   

คิดถึงตัวเองตอนที่รู้ตัวว่าคิดกับพี่ฮั่นเกินพี่ชาย  เขาคิดมากอยู่หลายวันจนต้องปรึกษาริทกว่าจะเข้าใจตัวเอง   

“ขอบคุณนะที่รักพี่”   พี่ฮั่นพูดแล้วก็กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก 

พวกเขาเงียบกันไปอีกราวกับจะปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยในห้องนอนกว้าง   ความรักของพวกเขากำลังลอยวนอยู่รอบกาย  อบอุ่นและอ่อนหวาน 

พีทรู้สึกอุ่นใจเมื่อนอนอยู่แบบนี้  ในวันหยุดที่เงียบสงบ  ในบ้านที่อบอุ่นและปลอดภัย  กับคนที่เขาต้องการอยู่ด้วยตลอดเวลา  หลายวันที่ผ่านมาเขาต้องนอนเพียงลำพังในห้องนอนอันเปล่าเปลี่ยว  เปิดไฟทิ้งไว้ทุกคืน  เฝ้าแต่คิดถึงช่วงเวลาที่เคยมีพี่ฮั่นนอนอยู่เคียงข้าง  คนที่ทำให้เขาอุ่นใจเสมอ

“พีท”   ในที่สุดพี่ฮั่นก็เอ่ยทำลายความเงียบ

“จากนี้ไป เรา...เราจะเดินร่วมทางไปด้วยกันใช่ไหม”  พี่ฮั่นถามเหมือนคนไม่มั่นใจ

“ถ้าพี่ไม่ปล่อยมือจากพีท   พีทจะจับมือพี่ไปตลอดไหม”

‘พี่ฮั่น’ 

เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ  หัวใจของพี่ฮั่นที่อยู่ใต้อกหนาที่เขาแนบอยู่กำลังเต้นถี่รัว  หัวใจพี่ฮั่นกำลังเต้นแรง

“พีท”  เสียงพี่ฮั่นเรียกมาอีก

คราวนี้หัวใจเขาเริ่มเต้นแรงตามบ้างเมื่อต้องตอบคำถามสำคัญ  พี่ฮั่นอาจจะคิดว่าเขาคงลืมมันไปแล้วแต่เขาไม่เคยลืมเลย  วันแรกที่พวกเขาเจอกัน

“พี่ฮั่นจำได้ไหม  พี่ชวนผมเล่นรถไฟตอนเราเจอกันครั้งแรก...” 

ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ  น่าแปลกที่เขากลับจดจำรายละเอียดได้อย่างแม่นยำราวกับว่ามันเพิ่งเกิด

“พีทจำได้ด้วยเหรอ  พี่นึกว่าพีทลืมไปแล้วซะอีก  ตอนนั้นพีทยังสี่ขวบอยู่เลย” 

พีทไม่มีโอกาสเห็นว่าคนพี่กำลังยิ้มกว้างขนาดไหน   เพราะไม่เคยลืมวันแรกที่เขากับน้องเจอกัน   ไม่คิดมาก่อนว่าน้องจะจำเรื่องในวันนั้นได้เหมือนกับตัวเอง

“จำได้สิ  ตอนนั้นผมกำลังร้องไห้อยู่  ผมได้ยินเสียงพี่ชวนผมขึ้นรถไฟแล้วผมก็เห็นพี่ยื่นมือมา”

พี่ฮั่นตอนเด็กยืนยิ้มจนตาปิดให้เขา มืออวบยื่นมารอ  รอให้เขาวางมือลงไป 

ใจเขาเต้นแรงก่อนจะตอบคำถาม

“ผมคงฝากชีวิตไว้ในมือพี่  ตั้งแต่ผมยื่นมือไปหาพี่แล้วล่ะ” 

ใช่แล้ว  ตั้งแต่นั้นมาพี่ฮั่นไม่เคยปล่อยมือจากเขาเลย  พี่ฮั่นดูแลเขามาตลอด  แม้ว่าตัวจะต้องอยู่ห่างไกลก็ยังคิดถึงเขา  เหมือนกับที่เขาก็ไม่เคยลืมพี่ฮั่น  เฝ้ารอคอยให้พี่ฮั่นกลับมาตลอดเวลา

“พีท...”  เสียงพี่ฮั่นค่อนข้างสั่น

“ถึงพี่จะปล่อยมือผม  ผมก็ไม่ยอมหรอก   ผมจะคว้ามือพี่มาอีกครั้ง  จับให้แน่นเชียวล่ะ คอยดูเถอะ”

จบประโยคนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ฮั่น  จ้องตรงไปในดวงตาคู่เดิม เลิกหลบหน้าพี่ฮั่นสักที 

พี่ฮั่นพลิกตัวเขานอนราบกับเตียงนุ่ม  ทาบตัวเองอยู่เหนือเขา  ใช้ศอกยันร่างไว้  ใบหน้าของพี่ฮั่นที่เขาเห็นเต็มไปด้วยความตื้นตัน  พวกเขาสบตากันเนิ่นนาน  ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างผ่านสายตา 

เขากับพี่ฮั่นไม่เคยห่างไกลกัน  แม้จะอยู่คนละทวีป  แม้จะจากกันไปนานพวกเขาก็คิดถึงกันเสมอ  พี่ฮั่นไม่จำเป็นต้องถามเขาด้วยซ้ำเพราะพวกเขาเดินด้วยกันมาตลอด  แม้ช่วงเวลาหนึ่งจะต้องแยกกันไปคนละทางแต่ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาพบกัน
และก้าวไปบนเส้นทางเดียวกัน

พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงไปทางทิศตะวันตก  แสงสีส้มฉายผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอนนั้น   ช่วงเวลาคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แม้เวลาของวันกำลังจะหมดไป   แต่ความรักของคนในห้องนั้นกำลังเติบโต  ความรักที่เริ่มต้นตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน  ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน  ราวกับเกิดมาเพื่อกันและกัน

พีทดึงมือตัวเองออกจากผ้าห่มที่พันตัวจนสำเร็จ  เอื้อมมือไปประคองใบหน้าพี่ฮั่นไว้  มองใบหน้าของคนที่เขารัก

“รู้ใช่ไหม ว่าผมจะพูดอะไร”

เขาถามพลางยิ้มให้  ยิ้มที่ทำให้หัวใจคนพี่เต้นผิดจังหวะ  รอยยิ้มที่จับหัวใจของพี่ชาย

“รู้ แต่พี่อยากได้ยินอีก”  พี่ฮั่นตอบเขาเสียงแผ่วเบา 

คนเป็นพี่ละมือข้างหนึ่งขึ้นมาวางซ้อนบนมือเขาที่ประคองหน้าพี่ฮั่นอยู่  ลูบไปมาแผ่วเบาก่อนจะหันไปจูบลงตรงกลางฝ่ามือเขาแล้วหันมาสบตา...

รอคอย

สัมผัสร้อนนั้นวิ่งเร็วจี๋จากกลางฝ่ามือตรงเข้าสู่หัวใจ

เขาสบตาแล้วเอ่ยถ้อยคำนั้น  ชัดเจน







“ผมรักพี่ฮั่น”   








“พี่ก็รักพีท” 







---------------------------------------------




 :mew1: :mew1: :mew1:






ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ gwaiplay

  • ♛ Victoria 。
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
บอกรักดันได้ซะทีนะ  o13

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ให้ตายเถอะ....ตายคาหน้าจอคอมฯ
มันฟินแบบสุดๆไปเลย ดีใจด้วยนะทั้งสองคน
เวลาที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาถึงแล้ว
#จิกหมอนรัวๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด