หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นวันเกิดผม วันนั้นข้อความสุขสันต์วันเกิดเข้ามือถือผมทั้งวันและทุกครั้งที่เสียงจากมือถือดังขึ้นผมก็อดที่จะถอดใจไม่ได้เพราะคนที่ส่งข้อความมานั้นไม่ใช้คนที่ผมรอ ... เที่ยงก็แล้ว 6 โมงเย็นก็แล้ว 5 ทุ่มแล้วก็ยังไม่มี ข้อความจากเอ็ม จนกระทั้งวันนั้นผ่านพ้นไป
น้อยใจมากครับ ที่ผ่านมาเอ็มไม่เคยลืมวันเกิดผมและไม่ว่าเอ็มอยู่ที่ไหนเขาจะเป็นคนแรกเสมอที่โทรมาบอก happy birthday ผมแต่วันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จากพฤติกรรมของเขาในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่แม้แต่จะโทรหาผม
สัปดาห์นึงหลังจากนั้นเพื่อนๆผมนัดกินข้าวกันที่สยาม ผมมาถึงเป็นคนสุดท้ายเพราะไอ้บิวมันโทรมาชวนผมไปเดินเล่นก่อน เข้ามาร้านผมก็เห็นเพื่อนอยู่ 2-3 คน ผมรู้ว่าเอ็มมาถึงแล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน ตั้งแต่วันเกิดผม เราสองคนยังไม่ได้คุยกันเลย ผมวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้แล้วเดินขึ้นไปเข้าห้องนำ้ชั้น 2 กลับลงมาอีกที ผมให้พี่ๆทายว่ากระเป๋าใครมาวางอยู่ข้างๆ … กระเป๋าเอ็มครับ ผมแอบขำในใจนะเพราะขนาดผมวางกระเป๋ามั่วๆไม่ได้สนใจอะไรแต่สุดท้ายแล้วดูเหมือนผมจะไม่มีทางหนีเขาพ้น พอเห็นหน้าผมเอ็มมันก็ยิ้มให้ ผมก็พูดกับเอ็มเหมือนปกติ คือผมงอนมันจนหายงอนไปแล้ว
นั้งกินข้าวกันไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีข้างนอกก็มืดแล้ว ผมกำลังคุยกับไอ้บิวอย่าเมามันแล้วอยู่ๆร้านเขาก็เล่นเพลง happy birthday ตอนแรกผมก็ไม่สนใจครับคิดว่าเป็นวันเกิดคนอื่น จนเหลือไปเห็นแสงเหลืองๆสว่างมาจากข้างๆเลยหันกลับไปมอง เห็นเอ็มกำลังยืนถือเค้กแล้วส่งยิ้มมาให้ อายครับเพราะไม่เคยโดน surprise แบบนี้มาก่อน คนทั้งร้านก็หันมามองผม แล้วพอเพลง happy birthday จบผมอธิฐานแล้วก็เป่าเค้ก … คำอธิฐานของผมเหรอครับ ผมขอให้เรื่องของผมกับเอ็มมันจบลงได้ด้วยดี ไม่ว่าสุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ของเรามันจะเป็นอะไรก็ตาม อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้ตลอดไป
กินเค้กเสร็จก็ถึงเวลาฉลองแบบจริงจัง เด็กไอ้แจ๊สครับสั้งเบียร์มา 1 tower เขารินแล้วก็ยื่นแก้วมาให้ผม (เผื่อพี่จะสงสัยเด็กไอ้เเจ๊สเป็น ญ. ครับ น่าตาน่ารักเชียว) ผมก็จำใจรับมา ผมเคยเล่าแล้วเนอะว่าผมนะคออ่อน แล้วในบรรดาเครื่องดื่มนำ้เมาทั้งหลายผมไม่ชอบเบียร์มากที่สุด ผมนั้งจ้องแก้วเบียร์ตาปลิบๆ คิดในใจว่าถ้าหมดแล้วนี้กรูเมากลับบ้านแน่ แต่ซักพักเอ็มมันก็มากระซิบข้างหู
“กินเข้าไปหน่อยนะนิว เดียวเด็กไอ้แจ๊สจะเสียใจ ที่เหลือเดียวกรูช่วย”
ผมแบบว่าแอบกรีดในใจครับ คนอะไรแมร่งจะ man ได้ขนาดนั้น ผมก็ทำตามที่เอ็มบอกยกแก้วชนแล้วก็จิบไปหน่อยนึง พอผมวางแก้วเอ็มก็หยิบไปกินต่อ ผมกินไปไม่ถึงครึ่งที่เหลือฝีมือเอ็มครับแต่แค่นี้ผมก็รู้สึกแล้วนะครับว่าหน้าตัวเองมันร้อนผ่าวไปหมด หลังจากคนอื่นๆแยกย้ายกันผมนั้ง taxi กลับมาพร้อมเอ็ม
“เอ็ม กรูถามมรึงจริงๆนะ ห้ามโกหกกรู”
“อืม เรื่องไร”
“มรึงลืมหรือเปล่า” มันทำหน้าคิดนิดนึงครับ
“โทษที ช่วงนี้งานยุ่งเลยลืม”
“กรูน้อยใจนะ มรึงไม่เคยลืมวันเกิดกรู
“กรูรู้ … กรูถึงขอเป็นคนถือเค้กให้มรึงไง”
“แล้วมรึงรู้ได้ไงอะ”
“ไอ้บิวบอก” ไอ้บิวไอ้เพื่อนเลว
กรูอุตสาห์บอกมรึงนะว่าอย่าบอกเอ็ม
ช่วงนั้นผมเลยกลับมามีความฝันลมๆแล้งๆอีกครั้ง มันเหมือนเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายอะครับ ผมเอารถไปมหาลัยทุกวันเผื่อว่าเอ็มจะกลับบ้านพร้อมผม ผมโทรหาเขาทุกเย็น ถามเขาว่าอยู่ไหน กลับบ้านด้วยกันไหมแต่มันก็เหมือนตำนำ้พริกละลายแม่นำ้ ผมทำแบบนั้นอยู่ได้เกือบ 2 เดือนก็ต้องเลิกเพราะเอ็มเขากลับบ้านกับผมแค่ครั้งเดียว จะให้ผมทำไงได้ละครับก็เวลาของเรามันไม่ตรงกัน
ถัดมาอีกหน่อยแพรก็กลับมาจากต่างประเทศ แน่นอนครับว่าเวลาของเอ็มส่วนนึงเขาก็ต้องเอาไปให้แพร ผมรู้อยู่แล้วว่าช่วงที่เเพรกลับมาเอ็มเขาไม่มีเวลาให้ผมแต่ผมก็ยังดันทุรังจะนัดเอ็มไปไหนมาไหนซึ่งส่วนมากเอ็มก็จะปฎิเสธ จนมีอยู่เสาร์อาทิตย์นึงผมว่างตรงกับเอ็มเลยชวนเขาดูหนัง เอ็มมันก็อยากดูนะครับแต่ติดอยู่ตรงที่มันทะเลาะกับแพรเมื่อคืนแล้ววันนี้แพรมากินข้าวกับแม่ที่สยาม มันเลยขอมาง้อแพรก่อน ตอนแรกผมก็ไม่อยากไปเพราะกลัวว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นผมที่ต้องรอเก้อแต่เพราะผมอยากใช้เวลาอยู่กับเอ็มผมเลยเลือกที่จะลองเสี่ยง
“นิวกรูเกรงใจมรึงวะ ไม่อยากให้มรึงรอกรูนาน”
“ไม่เป็นไรเดียวเดินเล่นรอ”
“เอางี้ไหม ไปกินข้าวเย็นกับกรูกับแพร” ตอนแรกเอ็ม plan ว่าจะไปง้อแพรที่ร้านอาหารแล้วกลับมากินข้าวเย็นกับผม
“ไม่เป็นไร ไปเถอะกรูอยู่คนเดียวได้ ไปไม่นานอยู่แล้วนิ”
“เกรงใจมรึงอะ ไปเฮอะ แพรเขาไม่ว่าหรอก แม่เขาก็ใจดี”
“ฮึ ไม่อะ อยากเดินเล่นมากกว่า” ผมเริ่มอารมณ์เสียแล้วครับ ผมว่าสีหน้าผมก็ออกนะว่าไม่อยากไปแต่เอ็มก็ง้ออยู่นั้น
“นะๆ มรึงไปเถอะ ไปเป็นเพื่อนกรู” ได้ยินมันพูดครั้งที่ 3 ผมถึงฟิลว์ขาด
“ไม่ไป!! ถ้าจะให้กรูไปกินข้าวกับแพรกรูแด๊กข้าวคนเดียวดีกว่า” เอ็มมันก็เงียบไปครับ สรุปคือเขาขอเวลาชั่วโมงนึงไปง้อแพรแล้วจะกลับมากินข้าวกับผม
เย็นนั้นผมนั้งรอเอ็มที่ Paragon เดินเล่นได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว ความรู้สึกตอนนั้น เริ่มกลัวแล้วครับว่าเอ็มจะให้ผมรอเก้อจริงๆ ผมโทรไปตามเอ็ม 2-3 ครั้งเขาก็ทำเสียงเบื่อๆบอกว่าอยากแยกออกมาแล้ว ผมนั้งรอเอ็มเกือบ 2 ชั่วโมงครับกว่าจะได้กินข้าว
ตลอดเวลาที่ดูหนังยอมรับตรงๆเลยครับว่าผมไม่มีความสุขเลย ผมคิดถึงเอ็มมากนะครับแต่การที่ต้องมานั้งรอเอ็มเกือบ 2 ชั่วโมงคิดแล้วมันก็น้อยใจนะครับมันเหมือนผมเป็นตัวอะไรไม่รู้ที่จะต้องมานั้งรอเศษเวลาที่เอ็มเขาเหลือมาจากแพร ผมอยากซบไหลเอ็มดูหนังเหมือนเมื่อก่อนแต่ผมทำไม่ได้แล้วละครับ ผมกล้วว่าถ้าผมทำแบบนั้นแล้วเขาจะขยับไหลหนีผม สุดท้ายแล้วคืนนั้นผมก็ต้องกลับบ้านไปพร้อมกับความผิดหวังที่จะทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม
เเละแทนที่ผมจะจำแต่ก็เปล่า ผ่านมาได้อีกหน่อยแพรกลับไปเรียนต่อผมก็คิดว่าเอ็มจะมีเวลาให้ผมมากขึ้นผมเลยชวนเอ็มไปดูหนังอีก วันนั้นพวกผมนัดกินข้าวกันแล้วผมก็ชวนเอ็มดูหนัง ผมโทรไปจองรอบหนังแต่ยังไม่ทันได้ออกจากร้านเอ็มก็ลุกออกไปโทรศัพท์ ซัก 10 นาทีมันก็กลับมาทำหน้าหงอยๆ
“นิวกรูขอโทษวะ … กรูไปดูหนังกับมรึงไม่ได้เเล้ว กรูไม่อยากมีปัญหากับแพร”
“อืม ไม่เป็นไร” แล้วผมจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ละครับ
คืนนั้นมีเพื่อนผมอีกคนนั้งรถกลับมาด้วย ระหว่างทางผมไม่พูดอะไรเลยครับปล่อยให้เอ็มกับเพื่อนอีกคนพูดกันไม่หยุดจนมันขอลงไปซื่อของที่ seven ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนโทรหาเอ็ม ดีครับเพราะผมจะได้ไม่ต้องมานั้งตอบคำถามว่าทำไมผมถึงเงียบลง พอจอดรถผมก็นั้งเงียบมองออกไปนอกรถแล้วก็ฟังเอ็มคุยโทรศัพท์
“เฮ้ย!! มรึงแค่นี้ก่อนนะเดียวโทรกลับ” ก็ประมาณ 15 นาทีครับเอ็มมันถึงรู้สึกตัวว่าผมกำลังโกรธ
“นิว มรึงเป็นไรวะ”
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร” ผมตอบมันแต่ผมก็ยังมองออกไปข้างนอก อึดอัดครับตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหารผมยังไม่มองหน้าเอ็มเลย
“เป็น!! มรึงโกรธ”
“กรูไม่ได้โกรธ”
“มรึงโกรธ”
“กรูไม่ได้โกรธ” มันก็ถามผมประโยคเดิมแล้วผมก็ตอบมันเหมือนเดิมจนเอ็มมันทนไม่ไหวครับ
“ถ้ามรึงไม่เป็นอะไรก็หันมามองหน้ากรู” ผมอึ้งไปครับไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้ เออ!!มรึงเริ่มก่อนนะ
“กรู-ไม่-ได้-เป็น-ไร พอใจยัง!!” ผมพูดกระแทกเสียงคำต่อคำแล้วมองเข้าไปในตามันครับ ผมเองก็เริ่มจะเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้เเล้วเหมือนกัน
“นิว มรึง...”
“อย่าเริ่ม!! เดียวมันจะไม่จบ พูดไปมันก็ทำร้ายจิตใจกันเปล่าๆ” ผมพูดแทรกแล้วเอานี้วชี้ชี้หน้าเอ็ม เอ็มมันชักสีหน้านิดนึงแต่ก่อนที่มันจะพูดอะไรเพื่อนผมมันก็กลับขึ้นมาบนรถ ผมก็รีบเปลี่ยนอารมณ์ชวนมันคุยโน่นคุยนี่ แอบเหลือบมองเอ็มมันทำหน้าเซ็งๆแล้วก็ส่ายหัว
ผมเลือกที่จะส่งเอ็มลงก่อนเพราะไม่อยากอยู่ในบรรยากาศอึดอัดและเหมือนเอ็มมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรเพราะปกติแล้วผมจะส่งมันเป็นคนสุดท้าย มันลงจากรถแล้วหันมาโบกมือให้ผม ผมไม่ได้โบกตอบแค่ยิ้มมุมปากให้นิดๆให้ก็ขับรถออกมา กลับถึงบ้านผมก็โยนทุกอย่างลงบนเตียงแล้วเดินไปอาบนำ้ ไม่โทรไป missed call เอ็มเหมือนทุกครั้ง เกือบชั่วโมงแหละครับเอ็มมันถึงได้โทรมา
“อืม ว่า” ผมพยายามทำเสียงเหมือนกำลังทำงานอยู่ทั้งที่จริงๆแล้วนั้งดู TV
“มรึงกลับถึงบ้านนานแล้วเหรอ”
“ซักชั่วโมงได้แล้ว ไมอะ”
“เปล่า!! ก็เห็นไม่โทรมา เลยคิดว่ายังไม่ถึง”
“เออเหรอ พอดีคุยเรื่องงานกับเพื่อนนะ” แล้วต่างคนก็ต่างเงียบครับ
“เอ็มกรูว่างก่อนนะ จะไปนอน” ผมตัดบทวางสายครับเพราะยิ่งทิ้งไว้บรรยากาศมันก็ยิ่งอึดอัด ผมว่าคราวนี้ผมโกรธมันมากกว่าดีใจนะที่มันโทรมา อยากถามกลับไปครับว่าเคยเเคร์ผมด้วยเหรอ มันไม่ใช้ครั้งแรกที่ผมไม่โทรไปแต่ทุกทีก็ไม่เห็นจะใส่ใจแล้ววันนี้พอรู้สึกว่าผมโกรธแล้วจะมาสนใจทำไม ยังไงก็เลือกแพรมากกว่าผมอยู่แล้ว ผมรู้ว่าผมเป็นแค่เพื่อนแต่อย่างน้อยผมก็น่าจะได้รับอะไรที่มันดีกว่านี้ ผมจะไม่โกรธเลยถ้าเอ็มเขาบอกไม่ไปตั้งแต่แรกแต่ไม่ใช้รับปากแล้วเดินมาบอกว่า “ไม่” มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ
พอวางจากเอ็มผมก็โทรหาบิว
“มรึง กรูไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเอ็มอีกแล้วใช้ไหม” ผมถามมันหลังจากระบายความนอยด์ทุกอย่างให้มันฟัง
“มรึงก็รู้คำตอบแล้วจะมาถามกรูทำไม”
“แต่กรูเสียใจนิ”
“มรึงเสียใจแล้วไง มรึงก็ว่ามันเป็นเป็นเวลาของแพรแล้วยังกล้าไปแย้งมันมาอีก กรูว่ากรูบอกมรึงมาหลายครั้งแล้วนะว่าควรวางตัวยังไงแต่มรึงไม่เคยฟังแล้วตอนนี้มรึงจะมาบ่นทำไมวะ”
“ก็กรูรักมันนิ กรูทำใจไม่ได้”
“มรึงทำใจไม่ได้เลยพยายามไปแย้งมันกลับมาใช้มะ เป็นไง!! รักมันมากแล้วมันมานั้งเสียใจกับมรึงไหม ตอนนี้แมร่งก็คงมีความสุขนั้งคุยนอนคุยโทรศัพท์กับแพร แล้วมรึงละ ต้องมานั้งทำเสียงหงอยๆให้กรูฟัง”
“มรึงไม่เห็นต้องพูดแรงแบบนี้เลย กรูรู้ว่าที่กรูทำมันผิด กรูน้อยใจกรูแค่อยากระบาย … ที่ผ่านมามันยังไม่ดีพออีกเหรอ กรูทำดีที่สุดแล้วนะ คนเรานะเวลาโกรธก็อยากให้อีกฝ่ายรู้ทั้งนั้นแต่กรูเลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เอ็มลำบากใจ มันยังไม่ดีพอสำหรับมรึงอีกเหรอ ความรักของกรูมันต่างจากของมรึงตรงไหน”
คืนนั้นผมกับไอ้บิวคุยกันยาวครับมันถามผมว่าถ้าผมกับเอ็มใจตรงกันจริงๆแล้วเราสองคนจะคบกันได้เหรอ มันบอกให้ผมมองความจริง มองสังคมที่ผมกับเอ็มอยู่ มองครอบครัวของเรา ที่บิวมันไม่เห็นด้วยไม่ใช้เพราะมัน anti เรื่องแบบนี้ซะทีเดียว ถ้าเป็นคนอื่นมันก็ไม่อะไรแต่เพราะผมเป็นเพื่อนสนิท มันเลยอยากให้ผมลองคิดดูดีๆว่าถ้าผมกับเอ็มคบกันแล้วจะได้ยังไงต่อ จะอยู่ด้วยกันได้จริงๆเหรอ ถ้าผมมีคำตอบให้มันมันก็ไม่ว่าอะไร จะไปอยู่ต่างประเทศหรือจะไปซื่อคอนโดอยู่ด้วยกันสองคนมันก็ ok คืนนั้นเป็นคืนแรกครับที่ผมหยุดใช้อารมณ์แล้วมองโลกตามความเป็นจริง (ในมุมของผม) … ครับมันไม่มีทางไหนง่ายและเป็นไปได้เลยสำหรับผม
สองวันต่อมาผมรู้มาจากไอ้บิวว่าเพื่อนคนนึงในกลุ่มโทรไปวีนแตกใส่เอ็มเรื่อง cancle นัด ผมเลยโทรไปหามัน มันก็ไม่พอใจคล้ายผมแต่คนละเหตุผล ถ้าผมคุยกับมันก่อนหน้านี้ผมว่าอารมณ์มันคงแรงจนฉุดไม่อยู่แต่นี่ผมใจเย็นแล้ว ผมบอกมันว่าผมก็ไม่พอใจเหมือนกันที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้แต่ผมก็เชื่อว่าเอ็มเขาทำดีที่สุดแล้วและผมก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร
“มรึงไม่โกรธเหรอวะนิว”
“โกรธดิ แต่กรูรักมันมากพอที่จะไม่ทำให้มันลำบากใจ”
ดึกของวันนั้นผมโทรกลับไปหาเอ็ม เขาถามผมตรงๆครับว่าผมโกรธเขาหรือเปล่า
“มรึงโกรธกรูเรื่องคืนนั้นปะ”
“โกรธ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” แล้วก็เงียบ ความรู้สึกตอนนั้นผมนำ้ตาจะไหลแล้วครับ มันเหมือนอยากบอกให้เขารู้ว่าเราเสียใจแต่มันก็พูดออกไปไม่ได้
“เอ็ม กรูไปนอนแล้วนะ ไว้คุยกันพรุ่งนี้ละกัน”
ก่อนเข้านอนผมไม่ค่อยสบายใจเรื่องนี้เท่าไหร่เลยส่ง massage ไปหาเอ็ม
“Do not worry about everything b'coz I know that u do your best for everyone and I always stay by your side”
ความรู้สึกของผมเหรอครับ … นี่ผมจะต้องทนเจ็บไปอีกนานเท่าไหร่ ทำไมทั้งๆที่เขาก็มีแฟนแล้วแต่ผมก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เมื่อไหร่ผมถึงจะหยุดรักคนๆนี้ได้ซักที
ปล. ช่วงนี้มาแต่แนว drama อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะคร้าบบบบบ ... ราตรีสวัสดิ์ครับ