ตอนที่ 3เวลาพักผ่อนหนึ่งวันของผมหมดไปอย่างรวดเร็วกับการนั่งๆนอนคุยเล่นทั้งวันกับอาร์ม และทำขนมเล็กๆน้อยๆรับขวัญสมาชิกชั่วคราวคนใหม่ของห้องพักแห่งนี้ และแล้ว...วันนี้คือวันที่ผมจะไปสมัครงานใหม่ที่รัตน์แนะนำมาครับ
ถึงรัตน์เธอจะบอกว่าไม่ต้องเอาเอกสารอะไรไปก็ได้ แต่ยังไงด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบทำอะไรเผื่อๆเอาไว้ก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องพกเอกสารใบรับรองต่างๆนาๆของตัวเองใส่กระเป๋าสะพายข้างไปด้วยอย่างเสียไม่ได้
ผมจัดการขับรถมาตามทางที่รัตน์เคยให้ไว้ซึ่งเมื่อไปทางลัดก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีเท่านั้น นับว่าสะดวกมากสำหรับคนมีรถใช้เองเพราะทางลัดมันเป็นซอกซอยแคบๆ ไม่มีรถโดยสารประจำทาง ดังนั้นคนที่ไม่มีรถจึงต้องไปนั่งรถที่ถนนใหญ่ อ้อมโลกรอบหนึ่งถึงจะถึงที่ทำงาน ใช้เวลาไปน่าจะเกือบๆชั่วโมงได้
บริษัทนี้ใหญ่มากเลยครับ ตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่ แถมระบบรักษาความปลอดภัยก็เรียไกได้ว่าเข้มงวดมากทีเดียว
"ผมติดต่อสมัครงานครับ"ผมเปิดหน้าต่างบอกลุงยามที่ทำหน้าที่แข็งขันซึ่งวิ่งเข้ามาถามผม ซึ่งลุงแกก็ยิ้มบางๆให้อย่างเป้นมิตร พร้อมยื่นบัตรผู้มาเยี่ยมชมให้
"จะมาสมัครงานตำแหน่งอะไรเหรอครับ"
"เห็นว่าตำแหน่งเลขาท่านประธานยังว่างอยู่ ผมก็เลยจะลองมาสมัครดูน่ะครับ"ผมตอบกลับไปอย่างสุภาพ โชคดีที่ไม่มีรถมาต่อท้าย ไม่อย่างนั้นผมคงโดนด่ายาว
"อ๋อ ถ้าเช่นนั้นขอให้คุณโชคดีนะครับ"ลุงยามยิ้มแบบมีเลศนัย แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ยิ้มบางๆกลับ แล้วขับรถไปในโซนที่จอดรถ'ผู้เยี่ยมชม'ซึ่งแบ่งแยกออกมาจากที่จอดรถของพนักงานอย่างชัดเจน
ผมปิดประตูเดินลงมาจากรถ มืออีกข้างหิ้วกระเป๋าเอกสารที่เตรียมเอาไว้ลงมาด้วย ยามที่เฝ้าหน้าประตูบริษัทขอดูป้ายVisitorของผมอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ผมเดินผ่านเข้าไปข้างในได้
ผมเดินตรงไปยังประชาสัมพันธ์สาวที่มอบรอยยิ้มต้อนรับอันน่าประทับใจให้ หล่อนถามเสียงหวาน
"มีอะไรให้ดิฉันช่วยค่ะ"
"ผมมาสมัครงานครับ"หล่อนทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าอ๋อ แล้วยิ้มบางๆให้ผม"ตำแหน่งเลขาท่านประธาน"
"สักครู่นะค่ะ"หล่อนต่อสายหาใครคนหนึ่งเห็นคุยกันสักพัก หล่อนก็คลายสีหน้าเคร่งเครียดลงแล้วหันมาบอกผม"ท่านประธานยังไม่เข้าบริษัทค่ะ เชิญคุณไม่นั่งรอให้ห้องรับรองก่อนนะค่ะ"ผมพยักหน้า ผายมือออกเป็นเชิงให้เดินตามเธอไป
เธอเดินเข้าไปในลิฟต์ที่บ่งบอกชัดเจนว่าของพนักงานกดชั้นบนสุดพร้อมรหัสเลขแปดตัว ก่อนที่ลิฟต์จะเริ่มเคลื่นที่
ติ๊ง!
ลิฟต์เปิดอีกครั้งเผยให้เห็นโถงกว้างที่มีทางแยกไปอีกสามทาง ประชาสัมพันธ์สาวเดินนำผมไปยังทางตรงกลางพอเจอทางแยกก็เลี้ยวซ้าย
เชิญคุณรอในนี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวท่านประธานมาแล้วจะมีคนมาเรียกคุณ
ผมพยักหน้าเงียบๆ เอ่ยขอบคุณประชาสัมพันธ์สาวที่ำกลังเดินออกไป แล้วจึงนั่งลงบนโซฟากำมะหยี่นุ่มน่านั่งสีดำ ตรวจดูเอกสารและซ้อมบทพูดไปพลางๆระหว่างนั่งรอ พอเริ่มไม่มีอะไรทำ ผมก็เลยนั่งนิ่งๆคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่หลังยังคงตั้งตรง
เห็นอย่างนี้แต่พ่อผมก็เรียกได้ว่าผู้ดีเหนาะๆเลยนะครับ บ้านผมเองก็เรียกได้ว่ารวยล้นฟ้าเหมือนกัน...แต่ครอบครัวของที่บ้าน..กับผมมันคลละอย่างกัน บ้านผมรวยไม่ได้หมายความว่าผมรวยไปด้วยเสียหน่อย
อย่างมากที่พวกเขาให้ผมได้ก็แค่การศึกษา เงินเล็กๆน้อยๆนิสัยที่ติดมาจากบ้านหลังนั้นและกริยามารยาทในการเข้าสังคม....
แต่ก็สิ่งนั้นแหละที่ทำให้ผมมักได้เปรียบคนอื่นๆเสมอ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สมองของผมยังคงแล่นช้าๆเอื่อยๆไหลไปเรื่อยๆ นนึกเรื่องนู้นเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ขาด จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตู
"คุณ ทัชนัย์ เชิญด้านนี้ค่ะ"รัตน์นั่นเองที่เดินมาเรียกผม เธอดูแปลกตาไม่น้อยเลยเมื่ออยู่ในเครื่องแบบทำงาน
ผมลุกขึ้นแอบรู้สึกเหมือนเหน็บกินนิดๆเนื่องจากนั่งโดยไม่ได้เปลี่ยนท่วงท่ามานานมากเกินไปหน่อยจึงต้องใช้เวลาชั่วครู่กว่าจะเดินได้เป็นปรกติโดยไม่รู้สึกจี๊ดๆที่ขา
"ท่านประธานจะเป็นคนสัมภาษณ์ด้วยตัวเองนะค่ะ เชิญค่ะ"รัตน์ยิ้มบางๆให้ผม ในขณะที่เคาะประตูห้องเบาๆ เป็นเชิงขออนุญาติ ก่อนจะเปิดเข้าไป
"โชคดีนะค่ะเกล"คราวนี้เธอกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคนด้วยนำ้เสียงที่ค่อนข้างเป็นห่วงเป็นใย ผมเลยได้แต่ยกยิ้มบางๆกลับไปให้ แล้วจึงสูดหายใจเฮือก เดินด้วยจังกวะเท้าที่มั่นคงไปยังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่เพียงตัวเดียวในห้อง
"เชิญนั่ง"ท่านประธาน...บุรุษหนุ่มที่ดูอายุไม่น่าจะเกินสามสิบ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนรวบตึงเป็นทรงหางม้า ไม่มีปล่อยผมให้หลุดออกมาสักเส้น แสดงความเจ้าระเบียบและจริงจังของอีกฝ่ายได้ดี เสื้อสูทเนี๊ยบกริบสีดำทั้งนอกและในยิ่งทำให้เขาดูหยิ่งยโสเย็นชา ใบหน้าคมคายที่ปราศจากรอยยิ้มนั่นกำลังเงยหน้าจากงานเอกสารมาจ้องผมที่กำลังทรุดนั่งลงบนเบาะ เขาดูคุ้นๆตาผมอยู่นะเหมือนจะเคยเจอที่ไหน?
"คุณชื่ออะไร"เขาเริ่มถามก่อน ท่านั่งสบายๆแต่หลังตรงของผู้ดีที่เขากำลังทำอยู่สามารถทำให้คนอื่นๆเกร็งได้ไม่ยาก
"ผมชื่อ ทัชนัย์ ครับ"ผมเองก็วางตัวนิ่งๆแบบเดิมกลับไป พยายามไม่แสดงความกระอักกระอ่วนเล็กๆที่ก่อเกิดขึ้น ไม่เคยรู้สึกกดดันมากขนาดนี้มาก่อนเลยแฮะ
"คุณมีความสามารถทุกอย่างครบตามที่ผมกำหนด?"สีหน้าของท่านประธานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงนั่งเฉยๆถามสั้นๆแต่ผมเชื่อว่าเขาต้องการให้ผมตอบยาวๆ
"ครับผมจบวุฒปริญญาตรี มาจาก หมาวิทยาลัย XX คณะ YY และไปต่อปริญญาโท ที่XX ผมสามารถใช้ภาษา อังกฤษ จีน ญุี่ปุ่น ฝั่งเศษ และสเปนได้ เคยผ่านการทำงานมาแล้วจากบริษัท RR TT และ UU ในตำแหน่งเลขา มีคุณสมบัติครบทุกอย่างตามที่ท่านต้องการครับ"ผมตอบเนิบๆไปตามความเป็นจริงแต่ไม่ได้บอกว่าผมพูดอิตาเลี่ยนในระดับพอสื่อสารได้ แต่ไม่สามารถอ่านเขียนได้คล่องเหมือนภาษาที่ผมกล่าวไปเบื้องต้น
"แล้วทำไมถึงออกจากงานที่ บริษัท UU มาล่ะ"ผมคิดว่าต่อจากประวัตินี้เขาคงคิดจะลองเชิงผม ทั้งในด้านการแก้ปัญหา การตอบคำถามที่ค่อนข้างละลาบละล้วงให้เหมาะสม
"เพราะผมไม่สามารถทำงานนอกหน้าที่ได้ครับ"ผมยิ้มเล็กน้อยตามมารยาท ตอบอะไรที่บอกกลายๆว่าผมจะไม่พูดอะไรมากกว่านี้อีกในเรื่องนี้ออกไป
"คุณคิดว่าบริษัทนี้เป็นอย่างไร"จู่ๆเขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด สายตาคมๆนิ่งๆยังคงจ้องผมเหมือนผู้คุมนักโทษดุจเดิม
"เป็นบริษัทใหญ่ที่ค่อนข้างจะมีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด และเอาใจใส่พนักงานดี มีการรณรงค์ให้พนักงานช่วยกันลดภาวะโลกร้อนโดยการตั้งตั้งถังขยะแยกประเภทไว้ชัดเจน และ...^(^$$@^#$"แล้วผมก็เริ่มพล่ามถึงสิ่งที่ผมสังเกตุได้ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในตึกหลังนี้ไปเรื่อยๆ นึกขอบคุณความช่างสังเกตุของตัวเองที่ทำให้ผมมักจะคิดและจดจำสิ่งรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว
"ทำไมคุณถึงอยากจะมาทำงานที่นี่"นั่นแหละคำถามเด็ด ถ้าตอบไม่ตรงใจมีสิทธิ์ไม่ได้งานเอาง่ายๆ
"เพราะผมได้ยินเพื่อนบอกว่าตำแหน่งเลขาของบริษัทKRกำลังจะว่าง และเธอยังบอกอีกว่า งานที่นี่ค่อนข้างหนักและเหนื่อย แต่ได้เงินเดือนสูง เหมาะกับคนที่ไม่มีภาระและต้องการงานหนักๆ ทำให้ผมลองมาสมัครงานที่นี่"
"ขอบคุณที่มาในวันนี้ คุณ ทัชนัย์ เชิญ"ท่านประธานผายมือออกเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้ผมออกไปได้แล้ว ผมจึงลุกขึ้น สวัสดีเป็นมารยาท แล้วยิ้มให้กับรัตน์ที่มาเปิดประตูเล็กน้อย
"เดี๋ยวคุณรอคำตอบที่บ้านนะค่ะ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงรัตน์จะแจ้งให้ทราบอีกที"
ผมเอ่ยขอบคุณรัตน์ ก่อนจะลงลิฟต์ตัวเดิมมายังชั้นล่าง เตรียมตัวจะกลับคอนโดที่ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ เพราะอาร์มมีคลาสช่วงเช้า เลิกบ่ายสาม แต่แล้วผมก็นนึกได้ว่าของที่บ้านใกล้หมด คงต้องไปซื้อเข้าคอนโดเสียหน่อย....
พอเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาในรถแล้วทำให้ผมตระหนักได้ว่าตัวเองใช้เวลาไปมากพอตัวในการสัมภาษณ์งานครั้งนี้ เพราะนี่เกือบจะเที่ยงแล้ว
ไหนๆก็ไหนๆผมก็เลยนั่งกินข้าวในห้างในร้านโปรดเสียเลย ก่อนจะเดินไปเลือกซื้อของในซุปเปอร์
ตอนนี้ผมกำลังหาซุปกระป๋องแคมเบลรสโปรดอยู่ครับ แล้วก็เจอพอใจ เหลือกระป๋องสุดท้ายเสียด้วย...
หมับ!
มือของผมกับมือของใครอีกคนคว้ากระป๋องซุปข้าวโพดที่ำกลังลดราคาเอาไว้ได้พร้อมกัน ผมหันหน้าไปมองเจ้าของมือใหญ่ที่จับมือผมเอาไว้อีกทีอย่างไม่พอใจเล็กน้อยที่ไม่ยอมปล่อยมือ
"เกล...?"น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นทำให้ผมกลับไปพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายดีๆอย่างถี่ถ้วน
ใครจะไปนึก.... ว่าจะเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานระหว่างเดินซื้ของแบบนี้!!>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เปิดตัวท่านประธาน
เตรียมพบกับตอนหน้า เปิดตัวเพื่อนเก่า? หึหึหึ
ป.ล.เรื่องนี้มาม่าน้อยค่ะ เพราะจากนิสัยพระนางแล้วอารมณ์ดราม่ามันไม่ค่อยจะมี เรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ย์Fate or Destiny เช่นเดียวกับFri[end]นะค่ะ เกลมีส่วนเกี่ยวดองกับมีนอยู่อ่านไปแล้วจะรู้
:pig4:ขอบคุณที่ติดตามนะค่ะ รักคนอ่านทุกคน