ตอนที่ 36
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ชิบหายล่ะสิลืมรับสายไอ้เหนือแหงมๆ เวรละ มันจะต้องโกรธผมแน่ๆเลยครับ! เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงรีบฝ่ากระจายจากวงล้อมของชีทและเทกส์เพื่อควานหาโทรศัพท์มือถือ สายตาพลันหันไปมองเห็นอาหารเวียดนามวางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆประตู
ตั้งแต่วันที่ไอ้เหนือถีบหน้าไอ้พีทกลางโต๊ะอาหาร ผมก็ไม่ยอมรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับยายอีกเลย
ผมมองชามอาหารที่เห็นแต่ผักวางเด่นเป็นสง่าอย่างหิวๆ เอาไว้คุยเสร็จแล้วค่อยกินละกันนะ
ไอโฟนไม่มีมิสคอล
มีแต่โซเชียลเน็ตเวิร์คเด้งขึ้นมาตามปกติทั่วไป เอ๊ะ ปกติสี่ทุ่มครึ่งเป๊ะๆเหนือจะโทรมา แต่วันนี้ไม่แฮะ
คงไม่มีอะไรผิดปกติหรอกมั้ง . .
อาจจะกำลังติวอย่างเมามันส์กับเมลิน ตุ๊ดถึกที่ชอบเข้ามาคุยเล่นกับผมในเฟสบุ๊คก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ . . โทรกวนสักหน่อยดีกว่า ! ฮี่ ๆๆๆๆๆๆ
.
.
.
โทรไม่ติด
ผมลองกดดูอีกครั้ง มันก็ออกมาอีหรอบเดิมคือติดต่อไม่ได้ ผมจิ๊ปากแล้วลองอีกที อีกที อีกที อีกที และอีกที
กูไม่ทนแล้วสัด!!!!!!!!!!!!
ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงเตรียมเหวี่ยงเต็มที่ว่าไอ้ห่าเหนือนี่มันจะต้องหาเรื่องไปเกาะสายเดี่ยวเกี่ยวชะนีในผับที่ไหนสักที่
แต่เวลานี้ . . เวลาที่ผมกับมันมีนางผญาผมแดงอย่างยายผมคอยสอดส่องและคอยกีดกันทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่ให้ผมมาเจอกับมันถึงแม้จะไม่ให้ประสบความสำเร็จนักก็ตามทีเถอะ
ผมไม่เหวี่ยง แต่ผมห่วง . .
อืมมม ไอ้คินตามึงใจเย็น เหนือมันอาจจะยังอยู่ข้างนอก แบตมงแบตหมดอะไรอย่างงี้ก็ได้นะ
ผมพยายามคิดให้ตัวเองสบายใจ ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อที่จะกลับมาอ่านหนังสืออีกรอบ อาทิตย์หน้าปลายๆสัปดาห์ผมก็เริ่มสอบแล้วครับ ถ้าจะมีปัญหาล่ะก็ . . พลีสเถอะ อย่าเพิ่งมีอะไรขึ้นมาตอนนี้เลย
เพราะกูอ่านไม่ทันแล้วว้อยยยยยยยยยยยยย
ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง วางไอโฟนไว้ในที่ที่สะดวกจะหยิบ ทิ้งตัวลงไปนอน และก็เริ่มต้นอ่านชีท . . (ผมชอบนอนอ่านหนังสือน่ะ)
ห้าทุ่ม . . ผมอัพอินสตาแกรมเล่นๆเป็นรูปชีทกองมหึมา มีคนเข้ามากดไลค์เยอะตามเคย แอบเข้าไปส่องอินสตาแกรมไอ้เหนือด้วย รูปล่าสุดยังเป็นรูปที่มันแอบถ่ายผมตอนที่ผมหันหลังให้ในห้องเรียนตอนมันเนียนมาเรียนกับคณะผมอ่ะนะ เอ . . ทำไมยังไม่ติดต่อกลับมาอีกวะ?
ตีหนึ่งครึ่ง . . ผมนอนหงายโทรคุยกับไอ้มิก ปรึกษามันเรื่องเรียนนิดหน่อย โทรได้ไม่นานก็วาง รออีกนิดไอ้เหนือก็ยังไม่โทรมา อืม เย็นไว้คิน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละน่ะ
ตีสาม . . ตาผมชักจะปิดจึงกองชีทไว้อย่างนั้น แล้วก็หันมาเล่นโน่นนี่นั่นในไอโฟนแก้ง่วงอย่างหงอยๆ ใจผมเริ่มแป้วพลางคิดไปต่างๆนานาว่าไอ้เหนือมันเป็นเหี้ยอะไรกันแน่!!!
จนในที่สุด
ตีสี่กว่าๆ . .
ผมวิ่งตึงตังๆลงบันไดลงไปข้างล่างบ้าน เชื่อว่าการลงบันไดของผมครั้งนี้จะทำให้บริวารทั้งหลายเหล่านี้(?)ตื่นขึ้นมาเดินสวนสนามกันได้เลย
“จะไปไหน”
เสียงเย็นๆดังขึ้นที่ตีนบันไดชั้นล่างสุด ยายผมเจ้าของผมแดงใส่แว่นเฉี่ยวในชุดคลุมชุดนอนสีขาวยาวเหยียด นี่ถ้าไม่มองดีๆล่ะก็ผมอาจแต๋วแตกก็ได้ เพราะยายมาแบบ - - พลังลึกลับอ่ะ น่าตกใจโคตรๆ
“ไปหาเหนือครับ”
“จะไปทำไม ดึกแล้ว กลับไปนอนซะ”
“ยายสิครับไปนอนนี่มันดึกมากแล้ว” ทำไมยายยังไม่นอนอีกหว่า?
“ก็ยายไม่มีหลานคอยช่วย ก็เลยต้องทำงานหนัก”
อื้มมมมมมมมมม . . วกกลับเข้ามาเรื่องนี้อีกจนได้
“ขอทางคินด้วยครับ”
“ไม่มีประโยชน์หรอกน่ะ กลับขึ้นไป”
“ยายพูดแบบนี้ แสดงว่ายายรู้เรื่องที่ไอ้เหนือมันหายไปงั้นเหรอ”
“…”
ยายไม่ตอบอะไร ยอมหลีกทางให้ผมผ่านไปอย่างง่ายดาย
นั่นยิ่งทำให้ผมวิตกมากขึ้นไปอีก ถ้าเป็นยายล่ะก็ . . อาจจะอัดไอ้เหนือให้น่วม ใบหน้าเสียโฉม หรือถ้าหนักมากล่ะก็อาจจะถึงขั้น . . เข้าโรงพยาบาล
เอาละไงผม พล็อตนิยายพล็อตละครพล็อตภาพยนตร์ตีกันหนักๆในหัวผมมั่วไปหมด ผมสามารถแต่งเรื่องให้ไอ้เหนือประสบชะตากรรมอันแสนยากลำบากได้จำนวนมหาศาล . .
ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล
แน่นอนว่าพวกที่ทำไอ้เหนือจะต้องเป็นการ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านผม
ผมเปิดประตูบ้านบานใหญ่ยักษ์ผางออก . .
เผยให้เห็นการ์ดจำนวนมหาศาลเต็มอัตราศึก
ทุกคนกำลังทำงานตามปกติ บ้างก็หันมาหาผมอย่างงงๆและก็ทำงานกันต่อ . . ผมพอจะจำใบหน้าคนเหล่านี้ได้ นี่มันอยู่กันแทบจะครบคนกันเลยนี่นา
อืม พวกนั้นอาจจะจัดการเสร็จแล้วจึงกลับมาเดินเพ่นพ่านแบบนี้ก็ได้
ผมคว้ากุญแจแล้ววิ่งไปที่รถบีเอ็มคู่ใจ แต่ทว่า . .
ได้ยินเสียงไก่ขัน
นี่กูอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเรียนเลยไม่ดีกว่าเหรอวะ
เอางั้นก็ได้ . . ผมจึงวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วก็จัดการทำภารกิจส่วนตัวซะเลยด้วยความเร็วแสง
วันนี้เป็นวันที่ผมไปมหาลัยเช้าที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ . .
หอไอ้เหนือ
ฮอนด้าซิตี้จอดอยู่ใต้หอที่เดิม นั่นก็แสดงว่าไอ้เจ้าของห้องที่อยู่บนชั้นสี่มันกลับมาแล้วสินะ ผมกำลังจะเดินไปหาพี่ยามเรื่องขอเข้าไปในตึกเพราะไม่มีคีย์การ์ด(เรื่องไฟไหม้ผ้าม่านผุดขึ้นมาในหัวผมทันทีเมื่อผมเห็นหน้าเขา) แต่ทว่า . .
“พี่คิน”
“อ้าวเฮ้ยยย ไอ้ภีม” ผมยิ้มทันทีเมื่อเห็นหน้าน้องที่เหมือนน้องในไส้ ขอกระโดดตีลังกาหอมแก้มมันได้มั้ยเนี่ยไม่ได้เจอตั้งนาน
“ไม่ได้เจอตั้งนาน ทำไมตุ๊ดขึ้นล่ะพี่” มันยิ้มตาหยี
เปลี่ยนเป็นกระโดดตีลังกาเตะเวิร์คกว่า . .
“กวนตีนละมึง และเนี่ยทำไมแต่งตัวแต่เช้า”
“หึหึ ถามแต่ผมพี่คินก็ชุดนักศึกษาเหมือนกันเหอะ” ภีมท้วง “มีเรียนเช้าน่ะสิ ถูกพี่รหัสปลุกแต่เช้าให้มาหยิบของให้ โคตรง่วงอ่ะพี่”
“พี่รหัสมึงเป็นไร!!!” มีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆด้วย
“เอ่อ . .” ภีมหน้าเจื่อน
“ช่างมันเถอะ ขึ้นไปดูมันพร้อมกันนี่แหละ”
“พี่คิน” ผมโดนน้องคว้าหมับเข้าไปที่ข้อมือ มองงงๆ
“อะไรวะ จะช้าอยู่ทำไมล่ะ เผื่อมันเจ็บหนัก” ฉากหนังบู๊ลอยเข้ามาในหัวผม ไม่แน่เมื่อคืนไอ้เหนืออาจผ่านฉากนั้นมาก็เป็นได้
“พี่เหนือเค้าไม่ได้อยู่ข้างบนครับ”
“แล้วมันอยู่ไหนล่ะ” อย่าช้ามากได้ป่ะ อยากพูดไรรีบพูด กูร้อนรน
“เอ่อ...” ภีมทำหน้าไม่ถูก ผมชักหมดความอดทน เขย่าไหล่เปราะของมันอย่างเซ้าซี้
“แล้วมันอยู่ไหน!!!”
“พี่คิน..”
“ว่ามา!!!”
“ผมบอกไม่ได้ครับ”
พูดจบแม่งก็วิ่งฉิวขึ้นหอไอ้เหนือไปโดยที่มันก็มีคีย์การ์ด(ไปเอามาจากไหน?) ผมหน้าเสียทันที งงกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ ทำไม อะไร เกิดอะไรขึ้น?
รู้แค่ว่า . . ยิ่งเป็นอย่างงี้ ผมก็ยิ่งห่วงมันแทบบ้า
และยิ่งไปกว่านั้น ความสงสัยใครรู่เพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณในทุกวินาที
มันปิดบังผมทำไม
ผมตัดสินใจกลับมาที่รถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกหาไอ้เหนือ ซึ่งก็ลงท้ายอีหรอบเดิมก็คือไม่ติด โทรยังไงก็ไม่ติด
ฮ่วย! นี่กูคิดมากแล้วนะเนี่ย . .
แต่ด้วยความที่ผมฉลาดแถมยังหล่ออีกต่างหาก(นี่มึงซีเรียสจริงป่ะ) ผมจึงดักรอไอ้ภีมที่ไปเอาของข้างบนห้องไอ้เหนืออย่างอดทน มึงไม่บอกกุก็จะสะกดตามรอบมึงไปนี่แหละ หึหึ ระหว่างที่รอผมก็กดเบอร์ไอ้เหนือ ซึ่งแน่นอน ผมได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้บ่อยจนจะกลายเป็นญาติสนิทผมอยู่ละ!
เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ . .
ผมรอไอ้ภีมมาสองชั่วโมงเต็มๆ ไอ้เหนือใช้ให้มึงแบกเตียงแบกตู้ลงมารึไง!! ทำไมไม่ลงมาซักทีวะเห้ย!! ข้าวกูก็ยังมิได้แดก แฟนกูก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง . .
เซ็งโว้ย
นี่ถ้าผมเรียนอยู่คณะที่มันชิวกว่านี้ล่ะก็ผมคงตัดสินใจโดดเรียนวันนี้เสีย แต่ทว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น เลคเชอร์ครั้งท้ายๆนี่อาจารย์จะบอกแนวข้อสอบ และก็สอนเรื่องสำคัญอีกบลาๆๆ แม้จะยังห่วงๆเรื่องไอ้เหนือ แต่เรื่องเรียนผมเองก็ทิ้งไม่ได้ ให้ตาย
เหนือ ถ้ามึงอยากมีจะบทในตอนนี้ล่ะก็ . . รีบโผล่ๆหน้ามาให้กูเห็นซะ!!!
เฮ้อ อีกสิบนาทีคาบแรกจะเริ่ม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจถอยทัพมาจากตึกของหอไอ้เหนืออย่างหงอยๆ
เหนือ . . กูจะไม่งอนไม่เหวี่ยงไม่อะไรมึงก็ได้
เปิดมือถือสักทีเถอะ TT
ตลอดคาบเช้าผมที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างฟิล์มและมิกเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แม้จะมีไอ้ฟิล์มที่แอบลอบมองไอ้มิกอยู่บ่อยๆนั้นคอยกวนประสาทมาแล้วแปดสิบห้าครั้งก็ตาม ผมก็ไม่มีแรงโวยวาย ยิ้มไม่ค่อยจะออก
“เป็นห่วงขนาดนั้นเที่ยงนี้มึงก็ไปหาที่วิศวะเลยดิวะ” ฟิล์มกระซิบแผ่ว
“วราธร คินตา วาธุสิทธิ์ มาวิน อาจารย์ที่ปรึกษานัดพบเที่ยงนี้นะจ๊ะ”
“เวรกรรม” ไอ้ฟิล์มบ่น “กูยังพูดไม่ทันจะขาดคำเลย”
อยากจะบ่นมากกว่ามันอีกหลายพันคำ แต่ก็ทำได้เพียงถอนหายใจเหนื่อยๆแทน
“ไอ้คิน” ไอ้มิกที่เพิ่งเดินไปเข้าห้องน้ำมายื่นแซนวิช นมจืด และช็อคโกแลตบาร์มาให้ผม “ไอ้ภีมวิ่งเอามาให้อยู่หน้าห้องเมื่อตะกี้”
“มันรู้ด้วยแฮะ ว่ามึงยังไม่ได้แดกข้าว” ฟิล์มตั้งข้อสังเกต
“อืม” ผมพึมพำรับคำ หวังเล็กๆว่าของเหล่านี้จะส่งมาจากไอ้เหนือ แต่มันก็ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งชี้เลยว่าเจ้าตัวเป็นคนส่งมา
เหนือ มึงทำกูคิดมากมึงรู้ตัวมั้ยเนี่ย
“เห็นมันแบกกระเป๋าเป๋พะรุงพะรัง ปากแม่งก็บ่นว่าต้องเอาไปให้พี่เหนือเย็นนี้ๆ อะไรของมันก็ไม่รู้” มิกเกาหัวงงๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมชะงักกึก
“มันพูดอย่างนั้นจริงเหรอ”
“อืม”
หึหึ . . ดีละ เย็นนี้ใช่มั้ย ผมคิดในใจอย่างมีแผน
“ไอ้เชี่ยคิน”
“ฮะ?” ผมหันไปตามเสียงเรียก
“ส่งไอ้นี่ไปให้ไอ้เชี่ยมิกที” ฟิล์มยื่นลูกอมรสนมยี่ห้อคูก้ามาให้ผมกำมือหนึ่ง
นี่พวกมึงยังไม่คุยกันอีกเหรอ ?!!!!!
“ทำไมไม่ส่งให้เอง”
“มันจะไม่รับน่ะสิ กูอาย”
แอบขำได้มั้ยเนี่ย หน้าโหดๆอย่างไอ้ฟิล์มมีน้อยครั้งครับที่จะต้องมาอายเพราะเรื่องแบบนี้
“ลองส่งไปก่อนดูสิ” ผมยักคิ้วเอาใจช่วยมัน จนมันเริ่มอ่อนใจ ไอ้มิกจ้องมองจอที่ฉายสไลด์บทเรียนอยู่ไม่ได้สนใจเสียงที่ผมกับฟิล์มยุกยิกๆกันหรอกครับ
“อะแฮ่มๆ” ฟิล์มกระแอมเรียกความกล้า “มิก”
สงสัยจะเบาไป
“มิก”
เสียงของฟิล์มดังขึ้นอีกนิดหน่อย แต่ไอ้มิกแม่งก็ยังไม่สนใจอีกอ่ะแหละ ผมรู้ทุกเรื่องครับเพราะผมเป็นคนกลาง ฮา
“มิก”
ไอ้เชี่ยมิกแม่งก็ยังไม่หัน โอเค ความผิดปกติไม่ได้อยู่ที่เสียงไอ้ฟิล์ม แต่เป็นที่ความหูตึงของไอ้มิกต่างหาก!
ด้วยความหมั่นไส้ กึ่งอารมณ์หมดความอดทนผมจึกโกยเอาคูก้าทั้งหมดนั่นลงบนโต๊ะเลคเชอร์ของไอ้มิกเสียเลย
ไอ้ภัทรได้แต่กลั้นหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ส่วนไอ้ฟิล์ม มันได้แต่ขมุบขมิบปากด่าผมว่าผมไม่ยอมฟังมัน ทำให้มันเสียหน้า . .
แต่ที่ไอ้มิกมันนั่งแกะนั่งเคี้ยวคูก้าตลอดทั้งคาบอยู่เนี่ย มึงยังไม่ฟินนาเล่อีกเหรอ ?
พอเลิกเรียนปุ๊บผมก็ขึ้นรถขับไปยังตึกวิศวะปั๊บ การจอดแอบๆหน้าตึกเรียนของพวกวิศวะแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ผมแอบชอบไอ้เหนือชะมัด แต่วันนี้ผมไม่ได้มามองหามัน ต้องมองหาไอ้ภีม เพื่อที่จะได้เจอมันอีกที . .
ทำไมการเจอแฟนของกูนี่ . . มันเป็นอะไรที่ลำบากยากเข็ญมากเลยฟะเนี่ย
ผมนั่งในรถได้ไม่นานก็ต้องออกมาข้างนอกรถเพราะที่จอดแดดมันส่อง สายตาสอดส่องมองหาไอ้ภีม รถมันก็ยากแล้ว ตัวคนยิ่งหายากกว่า
เออ . . ทำไมผมไม่โทรหามันล่ะ ?
คิดแล้วก็เซ็งตัวเอง กดโทรออกหาภีมทันทีที่คิดได้ แต่ทว่า . .
ติดต่อไม่ได้
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
วันนี้กูเกลียดสายรหัสนี้ชิบเป๋ง กูจะไม่ซื้อหวยที่มีเลขสายรหัสนี้ตลอดชีวิต! แม่ง เป็นกันทั้งพี่ทั้งน้อง ไม่รู้รึไงว่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเนี่ยอกมันจะแตกตายอยู่แล้วเพราะคิดมากไปต่างๆนานา
“แล้วเนี่ยมึงจะไปไหนวะ?”
“ไปคณะทันตะอะ”
ผมได้ยินเสียงคุ้นๆแถมยังพูดถึงคณะผมอีก ผมจึงหันขวับไปมองคนสองคนที่กำลังเดินผ่านมา
หะ . .
“ไปอีกละ ไปแม่งทุกวันเลยนะ เย็นนี้ติวไอ้มิ่ง อย่าลืม”
“เออ”
ไอ้ปอนด์ . .
พวกมึงเล่นหายกันไปนานเลยนะ บทจะโผล่มาก็โผล่มาพร้อมกันทั้งปอนด์และภีม อาเมน - -
มันยังไม่ทันสังเกตเห็นผม ผมหันซ้ายหันขวาเตรียมหาที่หลบ แต่ทว่า . .
มันก็เห็นผมจนได้
“เฮ้ยยยยยย” มันร้องเสียงหลง แทบจะสะดุดก้อนหินหัวทิ่ม
“เอ่อ หวัดดี” อดที่จะทำตัวไม่ถูกไม่ได้แฮะ
“พี่คิน ทำไมมาอยู่ตรงนี้อ่ะ” ปอนด์ที่มีมีไรหนวดบางๆยิ้มแหยๆ มันเกาหัวเก้อๆ
“พอดีกูมาตามหาภีมน่ะ”
“ไอ้ภีม?” ปอนด์ทวนคำ “ผมเห็นมันออกไปตั้งแต่บ่ายสามแล้วอ่ะ”
เหี้ย!!!!!!!!!!!!!!!!
วันนี้มันเป็นวันอะไรของพ้มมมมมมมมมมมมมมมม T^T
ซวยซับซวยซ้อน เวรตะไล!
ตอนนี้เกือบจะสี่โมงเย็นเข้าให้แล้ว
“แล้วมันบอกมั้ย ว่าจะไปไหน!”
“เอ่อ . .”
“รู้ก็บอกมา”
“ไม่ทราบครับ”
ณ เวลานี้อยากจะต่อยทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจริงๆ ท่าทางไอ้ปอนด์มันคงจะไม่ทราบจริงๆว่าไอ้ภีมมันไปไหน ผมได้แต่หงุดหงิด ถอนใจ และก็ท้อแท้อยู่ตรงหน้ามันอย่างนี้
ไอ้ปอนด์มองหน้าผมอย่างนึกสงสาร
“เวลานี้มันชอบกลับหอนะพี่คิน”
“วันนี้มันไม่กลับหอหรอก” ผมตอบอย่างรู้ดี
“ไม่แน่เหมือนกันนะ”
“อย่าทำเป็นรู้ดีได้มั้ย” ผมสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วิผมก็พึงสำนึกได้ว่าผมได้ทำสิ่งผิดพลาดไป ผมมองหน้าปอนด์ที่มองมาที่ผมอย่างเข้าอกเข้าใจ “ขอโทษ”
“สำหรับพี่ . . หนักกว่านี้ผมกว่าไหวนะ ฮ่าๆ” มันแกล้งทำเป็นหัวเราะ
“มึง . .”
“…”
“.. ยังไม่ลืมกูอีกเหรอ”
ผมพอจะจำบทสนทนาเมื่อสักครู่ของมันกับเพื่อนได้ ปอนด์หลุบตาลงต่ำ
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
“อ่อออออ” ผมรับคำเสียงอ่อย “กูขอโทษนะ” ก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี
“ก็เหมือนกับพี่คิน . . เมื่อปีสองปีก่อนล่ะมั้งครับ” ปอนด์เอ่ย คลองสายตามองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย “พี่คินไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมไม่ทำให้พี่คินลำบากใจหรอก”
“…” ผมไม่รู้จะพูดอะไร
“มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ . . ก็บอกนะครับ”
ผมทอดถอนใจ(วันนี้ถอนหายใจไปกี่รอบแล้วฟะ?) ครั้นสายตาหันไปเห็นเป้าหมายของผมวันนี้เลี้ยวมอไซเข้ามาจอดในที่ๆไม่ไกลจากตรงที่ผมยืนอยู่
ถ้ากูไม่ได้คำตอบ . . กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่!!!!!!!!!!!!!!
“ไอ้เหี้ยภีม!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ผมแผดเสียงดังลั่นแล้ววิ่งเข้าไปหาไอ้ภีมที่เพิ่งถอดหมวกกันน็อคออก มันทำหน้าตื่นใหญ่เลยเมื่อเห็นใบหน้าที่กินคนได้อย่างผม มันกำลังจะลงจากรถมอไซแต่ผมวิ่งเข้าไปคว้าตัวมันได้ทัน
“มีอะไรจะพูดมั้ย” ผมพูดอย่างเย็นชา
“โอ๊ยยยย พี่คินนนน จะมารัดคอทำไมเนี่ยยยย”
“ไม่อยากให้รัดคอมึงก็บอกกูมาว่าพี่รหัสตัวแสบของมึงอยู่ไหน ปลอดภัยมั้ย”
“พี่คินนนนน อายเค้า ปล่อยก่อนๆๆ เดี๋ยวบอกน้า”
“ให้มันจริง” อยากจะซ้ำด้วยการที่โบกหัวเด็กทุนที่ผมอุตส่าห์เลี้ยงมาแล้วมันดันทรยศ . .
“อูยยยย”
“จะบอกได้ยัง”
“ครับๆๆๆ” มันหลบมะเหงกของผม “พี่เหนือปลอดภัยดีครับ”
โล่งอกไปเปราะหนึ่ง . .
“แล้วมันอยู่ไหน!!!”
“ง่ะ อย่าร้องใส่หูผมสิ TT”
“กูไม่สงสารหรอกว้อย”
“ตอนนี้เหรอครับ เอ่อ ..” ภีมมันดูสับสนในตัวเองเป็นที่สุด “ที่จริงพี่เหนือไม่ให้บอกพี่คิน แต่ - -โอ้ย เอาไงดีเนี่ยกู”
“มึงช่วยกูเรื่องไอ้เหนือมาตั้งแต่ต้นแล้ว แค่นี้มึงช่วยกูอีกไม่ได้รึไงวะ”
“บนเครื่องครับ!”
เครื่อง
เครื่องงั้นเหรอ ?
ผมช็อคตัวแข็งทื่อไปหมด ในสมองตีกันมั่วไปหมดแล้วว่าเวลานี้มันจะต้องไปไหน หรือที่เลวร้ายที่สุดก็คือ . . ยายเป็นคนส่งมันไปไหนหรือเปล่า
ไปในที่ที่ไกลแสนไกลจากผม . .
หรือสิ่งที่ผมกลัวมันกำลังจะเกิด
เหนือ . . มึงไม่น่ายอมอะไรง่ายๆนี่หว่า
“แล้วมันจะไปไหน”
“กลับบ้านครับ ที่เชียงใหม่”
รักคนอ่านค่ะ