ขอบคุณนะครับที่ติดตาม คอมเมนต์เล็กๆน้อยๆผมก็มีกำลังใจแล้วครับบบบ
มาต่อกันดีว่า
ตอนที่ 4 คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่
ผมว่าผมเองสติดีอยู่นะครับตอนนี้ ชุดที่ใส่ก็ยังเป็นตัวเดิมอยู่ มือก็ยังเปียกน้ำหมาดๆ ขนาดท่านั่งตอนที่ไคร์นกอดผมไว้ยังท่าเดิมเลยเอาดิ แล้วทำไมเตียงเล็กๆกับห้องสีส้มสี่เหลี่ยมขนาด 4 x 6 เมตรของโรมแรมเสียมเรียบ กลายเป็นห้องไม้ขนาดใหญ่กับเตียงขนาดดับเบิ้ลคิงไซส์ที่อยากได้หว่า ???
ผมมองไปรอบๆห้องที่ทาสีฟ้าอ่อนที่ผนังมีชั้นหนังสือสูงจรดเพดานห้อง และโต๊ะเขียนหนังสือขาดใหญ่กับจอพลาสมา 3 เครื่องตั้งเด่นหลาอยู่ที่ผนังห้องอีกด้านใกล้ประตู ผมมองไปที่ไคร์นตอนนี้เขากำลังไปที่ประตูกดอินเตอร์โฟนพูดกับใครไม่รู้ด้วยภาษาที่ผมว่ามันเพราะมากเลย ซักพักเขาก็มานั่งประจันหน้ากับผมเหมือนเดิมแล้ว
ตาเราทั้งคู่สบกันอยู่พักนึงก่อนที่ผมจะถามอะไรออกไปเขาก็ชิงพูดมาก่อน
“ผมขอโทษนะครับ น้องกาล ผมมีเหตุผลอย่างแรงจริงๆนะครับ เดี๋ยวจะถามอะไรก็ขอให้ผมไปทำธุระข้างล่างก่อนนะครับ เดี๋ยวมานะ อ่านหนังสือได้แต่อย่าออกจากห้องนะครับ”
ไคร์นยื่นหน้ามาจูบขมับผมทีนึงก่อนที่จะลุกออกไปทางประตู ผมได้ยินเสียงล็อคจากภายนอกอยู่ 3 ครั้ง ผมมองหานาฬิกาภายในห้อง ปรากฏว่าเป็นเวลา 8:00 AM ผมมอกไปอีกที AM ไหงเป็นแปดโมงเช้าหละ ผมพึ่งจะออกจากน้องน้ำยื่นหนังสือเดินทางให้ไคร์นก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้วหนิ แล้วที่นี่มันที่ไหนหละเนี่ย???
ผมค่อยๆลุกขึ้นสำรวจภายในห้อง อากาศเย็นสบายแต่พื้นอุ่นๆแฮ๊ะ ปล้วหน้าต่างอยู่ไหนหว่า อ๊ะ...เจอแล้ว ช่องเล็กๆตรงหัวเตียงแต่อยู่สูงมากคงหมดโอกาสว่าข้างนอกเป็นไงบ้าง ผมเลยหันไปดูหนังสือที่ผนังด้านที่ใกล้ตัวสุด
“ภาษากรีกเหรอ??...นี่อะไรเนี่ย...อันนี้ฝรั่งเศสนี่...แล้วอันนี้จีน...โห...มีภาษาฮินดีด้วย” หนังสือที่ชั้นนี้มันยังไงกันเนี่ย ผมเปิดดูทีละเล่ม จนผ่านไปห้าเล่ม ทั้งหมดห้าเรื่องห้าภาษาเลย แล้วทำไมมันมีหลายภาษาอย่างงี้เนี้ย ผมลองหาเล่มที่เป็นภาษาไทยบ้าง ไม่รู้ว่าจะมีบ้างไหม
“อ้าว...มีด้วยแฮ๊ะ...ประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา...ไคร์นนี่แปลกแฮ๊ะ??”
ไคร์น
ผมลงมาชั้นล่างของร้านแซงชัวรี่ของพี่สาวผม ตอนนี้ยังเช้าอยู่ไม่มีแขกแน่นอนยกเว้นคนในร้าน ผมต้องทำแบบนี้ก่อนจะต้องไปอธิบายให้น้องกาลเขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม และผมเป็นใคร
“เอมี่” ผมทักพี่สาวผม เอมี่เธอกัลังขนลังแก้วเบียร์เก็บเข้าหลังเคาเตอร์อยู่
“อ้าว...ลูกหมีน้อย กลับมาเร็วจัง...เอ๋...พาใครมาหละ” เอมี่เอียงคอเล็กน้อยเหมือนกำลังฟังเสียงอะไรซักอย่างซึ่งผมก็รู้
“เอาน่า เดี๋ยวค่อยพาลงมารู้จักตอนนี้ผมเจอปัญหาใหญ่แล้ว” เอมีทำหน้างงเล็กน้อยผมเลยยื่นฝ่ามือออกไปให้เธอดูชัดๆ
“ก...กรี๊ดดดดดดด...ลูกหมีน้อย...เธอมีคู่แล้วนี่...อะไรกันไปกัมพูชาเพื่อไปเจอคู่เหรอเนี่ย ใคร...เธอเป็นใคร...ไหนๆอย่าที่ห้องเธอเหรอ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปดูเดี๋ยวนี้เลย”
ผมต้องยกมือขึ้นดันไม่ให้เธอวิ่งขึ้นบันไดไป เห็นอาการของเธอก็รู้ว่าเธอดีใจแค่ไหน ก็ผมมันน้องรักนี่ แต่ต้องเคลียร์บางเรื่องกับเธอก่อนไม่งั้นหายนะแน่ๆ
“เดี๋ยวๆๆ เอมีใจเย้นแปปนึง...ฟังผมแปปนึงได้ไหม”
“แล้วจะให้ฟังอะไรหละ สาวเจ้าเป็นใครมีปัญหาอะไรเหรอ หรือว่า...” เอมี่มองตาผมเราเข้าใจกันมากกว่าจะพูดออกมา
“เธอยังไม่รู้เรื่องของพวกเราอีกเหรอ” ผมมองลงไปที่ปลายเท้าแล้วรวบรวมความกล้าที่เคยมีทั้งหมดก่อนที่จะเอ่ยอะไรออกไป
“เป็นเขานะ...ไม่ใช่เธอ...” ผมพูดออกไปแล้วดูสีหน้าของเอมี่ เธอดูนิ่งไปแปปนึงก่อนจะล้วงประเป๋าผ้ากันเปื้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“แอชรอนเรามีปัญหาใหญ่แล้วหละ คือว่า ไคร์น...”
เอมี่ยังพอไหมจบ ชายหนุ่มผมยาวสีดำหวีเสยทำไฮไลท์สีแดงเข็มปอยนึงก็ปรากฎตัวยืนอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เขาสูง 2 เมตร นิ๊ดๆ สูงกว่าผมอีก สวมแว่นดำมีจิ้วทับทิมที่จมูกแล้วแต่ตัวชุดหนังแบบชาวโกทส์ เขาเก็บโทรศัพท์ใส่ในเป้สพายขนาดย่อมก่อนที่หันหน้ามาทางเอมีและก็ผม แอชรอนคนนี้ในสายตาของใครๆก็บอกว่าเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่หล่อล้ำที่ตัวสูงมากๆ เดฟพี่ชายของผมเคยแซวว่าไปลองถ่ายแบบลงโฆษณาชั้นในของเควินครายดูมั่ง น่าจะได้แฟนๆจากทุกประเทศแน่ ผมก็ว่านะ ซันชายเจ้าของร้านงานศิลป์ที่จัตุรัสแจ๊คสันยังบอกเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีก้นสวยมากแล้วผิวเป็นสีแทนประกายทองน่ากัดที่สุด อันนี้ผมไม่อยากลองกัดหรอกครับก็รู้อยู่ว่าเขาหนะเป็นใคร
เอาเข้าจริงๆบ้านของแอชรอนอยู่เลยไปอีก 3 บล็อกแค่นั้นเอง เป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารัก อยู่กับภรรยาของเขา โซเทอเรีย ตอนนี้เขายังทำงานช่วยพัฒนาและบำบัดผู้ประสบภัยจากพายุแคทเธอรีน่าอยู่เลย แต่ใครจะรู้หละว่าชายที่ใครต่อใครก็คิดว่าเขาเลิศเลอหนะเป็นผู้กุมชะตาสุดท้ายของทุกสรรพสิ่งไว้ อ๋อ เขาแค่เป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างของแอตแลนตีสก็เท่านั้น
“ปัญหานี่จริงๆดูจะว่าเล็กก็เล็กจะว่าใหญ่ก็ใหญ่อยู่นะ ไคร์น แต่นายก็รู้ใช่ไหมว่า นายมีเวลา 3 สัปดาห์ที่จะให้เขาเป็นคู่ของนายอย่างเต็มใจ” เขาเอ่ยออกมาจนได้ ผมนึกว่าจะต้องยืนเมื่อยกันต่อ
“ใช่ซิ...เรื่องเล็กที่ว่าคือทำให้เขารักผมภายใน 3 สัปดาห์ แต่ปัญหาใหญ่คือ เขาเป็นผู้ชายหนะซิ” ผมอยากจะบ้าเลย ขอสาปแช่ง เดอะเฟทส์ จริงๆ พวกเธอชอบสันหาชะตาแบบแปลกๆให้กับพวกเรากันจัง
“ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะ ไคร์น ปัญหาเล็กที่ว่าคือเป็นผู้ชาย ปัญหาใหญ่หนะคือทำให้เขารักนายต่างหาก” แอชรอนพูดขึ้นมาแล้วเกาท้ายทอยตัวเอง ขอแอบบอกน๊ดนึงนะว่า เห็นเขาเป็นเทพเจ้าแบบนี้ก็เคยมีปัญหาความรักมาก่อนที่จะได้แต่งกะโซเทอเรียอีก
“แล้วผมควรทำยังไงดีหละ แอชรอน”
“ไคร์น นายเคยช่วยซิมมี่กะเซดดิกซ์ ฉันยังสำนึกถึงความช่วยเหลือของนายตลอด แต่นายขอคำพยากรณ์มันต้องมีของแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ากันนายก็รู้” ผมกำลังจะพูดเขาก็ยกมือห้ามไว้
“แต่นายเป็นเพื่อนฉันนะไอ้หนู เพื่อนคนนี้จะให้คำปรึกษาแทนก็แล้วกัน” เขายิ้มแบบกวนๆมาให้ผม แหมน่าซัดซักหมัดจริงๆ ในฐานะเพื่อนนะ (ใครจะกล้าคร้าบพี่ เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างนะนั่นหนะ)
“เริ่มจากอะไรหละ”
“ความจริงอย่างจริงใจและซื่อสัตย์กับใจของเธอเองก็แล้วกันหละไอ้หนู”
“แล้วไงต่อหละ...”
“จากนั้นก็อย่าคิดถึงอนาคตไง” หายนะครับ หายนะแน่ๆ ถ้าทำอะไรแล้วไม่ต้องคิดเนี่ย
“แล้วพวกเราเคยมีบันทึกไหมครับกันเหตุการณ์แบบนี้หนะ” ผมถามเพราะเขาน่าจะรู้มากกว่าที่ผมรู้ ก็เขาอยู่มาตั้งหนึ่งหมื่นกว่าปีแล้วหนิ
“ก็หลายรายนะ ญาตินายก็ใช่ เวนกะไบร์ดไง” ผมลองนึกถึงคู่ของเวน แคตตาราคีส คู่ของเขาเป็นมนุษย์ผู้หญิง น่ารักมากเลย
“ยังไงก็ยังเป็นผู้ชายกับผู้หญิงหนิครับ” ผมคิดถึงน้องกาลแล้วก็ต้องถอนหายใจ
“อีกอย่าง ผมกะเขาก็พึ่งจะเจอกันวันเดียวเอง ยังไม่ได้รู้สึกรักอะไรเลย”
“อันนั้นนั่นแหละที่บอกว่าเรื่องใหญ่ ไคร์น นายต้องทำให้เขารักนายโดยที่นายก็ต้องรักเขาด้วย ทีนี้ก็เข้าใจแล้วนะ ไอ้หนู เอาหละ กลับขึ้นไปหาคู่ของนายได้แล้ว” แอชรอนพูดเสร็จก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“เอมี่...” ผมหันไปหาพี่สาวผมอย่างขอความช่วยเหลือ
“อันนี้...พี่คงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ แต่...ลองคิดในแง่ดีสิ มีเวลาอีกตั้ง 3 สัปดาห์เชียวนะ” เอมี่พูดให้กำลังใจผม ผมก็คิดนะเรื่องจะทำให้ใครมารักผมหนะ ไม่ยาก แต่ที่จะให้ผมไปรักใครนี่ซิ...คืองี้นะ...ก็ผมยังไม่เคยมีความรักเลยหนะซิ
“เอาหละ...ทีนี้ก็ขึ้นไปบอกเขาได้แล้ว มีอะไรก็เรียกพี่นะ เธอก็รู้ว่าพี่อยู่ที่ไหนนะ ลูกหมีน้อย” เอมี่เดินเข้าไปหลังร้านคงไปทำความสะอาดครัวต่อ ผมเลยต้องขึ้นไปเผชิญกับชะตากรรมของตัวเองแล้วหละครับ
ผมขึ้นมาถึงห้องแล้ว จะเปิดเข้าไปก็ยังลังเลอยู่เลย ความจริงเหรอ มันเป็นยังไงหนะ ถ้าน้องเขารู้ความจริง ถ้าเขารับได้ก็ดีไปแต่ปัญหาข้างหน้าก็มีอีกมาก แต่ถ้าเขารับไม่ได้หละ แค่คิดก็สยองแล้ว เอาหละ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้ว แต่ขอให้เป็นไปในทางที่ดีทีเถอะ
ผมเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็น กองหนังสือหลายตั้งวางเกลื่อนพื้นห้องไปหมด ส่วนตัวต้นเหตุกำลังนอนหงายไขว่ห้างกระดิกเท้าอ่านหนังสืออย่างสบายใจบนเตียง
“อ่านอะไรอยู่ครับ น้องกาล”
“หนูน้องหมวกแดง”
“นิทานกลิมป์ผมมีเวอร์ชั้นภาไทยด้วยนะ”
“อ้าว...ผมก็หาแบบภาษาไทย แต่ไม่เจอ ก็เลยเอาภาษาอังกฤษมา อ่านยากนะเนี่ย”
“อ๋อ...เล่มนี้ครับ”
“ขอบคุณมากนะ ไคร์น แล้วไปทำอะไรมาหละครับ นานจัง” อ้าวน้องกาล ทำไมเอาขนมในตู้ผมมากินเฉยเลยอะ
“คืองี้ครับ ผมถามอะไรน้องกาลหน่อยได้ไหมครับ”
“ว้าวมาโลด” อ้าวออกอีสารแล้ว
“น้องกาลชอบหมีไหมครับ”
“ชอบนะ อย่างหมีพูก็น่ารักนะ แต่กาลชอบพวกขนปุกปุยมากกว่า” เยี่ยมเลยน้องตอบแบบนี้เดี๋ยวจัดให้
“แล้วชอบคนอายุมากกว่าหรือน้อยกว่าหละครับ”
“ส่วนตัวกาลชอบคุยกับผู้ใหญ่นะ ชอบฟังประสบการณ์หนะ สนุกดี” โอ้เยส ชอบผู้ใหญ่ พอมีหวังแล้ว
“แล้วชอบเอเซียหรือต่างชาติหละครับ”
“ไม่รู้นะ เอาแบบที่ชอบเหรอ...ขอแค่คุยกันรู้เรื่องก็พอนะ” อืมม อันนี้น่าจะผ่านแฮ๊ะเรา
“ไคร์น...กาลขอถามซักสองสามข้อได้ไหม” อ้าวอยากรู้เรื่องอะไรหละเนี่ย น้องกาลปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นมายืนแบบชิดผมมากเลยปลายเท้าเกือบชนกัน ใจผมสั่นเลย ยิ่งใกล้ยิ่งน่ารักนะเนี่ย
“คุณเป็นหมีใช่ไหมครับ ไคร์น”