ตอนที่ 22
สิ้นคำกล่าวของกษัตริย์ไซมอนด์เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นทันที
โฮกกกกกก
ไคออสคำรามเสียงดังลั่นอย่างเจ็บปวดเมื่อจู่ๆ หางของมันก็กลายเป็นรอยกรีดลึกถึงกระดูก มันอ้าปากกว้างพ่นไฟบรรลัยกัลป์ใส่ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ใช้ตัวกระแทกสิ่งที่ขวางทางอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดขั้นรุนแรงกำลังทำให้มันสติแตก บางสิ่งบางอย่างกำลังกระซิบอยู่ข้างหูมันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
เหล่าขุนนางที่รู้ดีว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นต่างพากันสาวเท้าตามกษัตริย์ไซมอนด์ไปอย่างรวดเร็ว ในมือพวกเขายังคงพันธนาการองค์รัชทายามคนรองอย่างสุดชีวิตเมื่อคนถูกพันธนาการทำท่าจะคุ้มคลั่งตามสัตว์ในพันธสัญญาของตัวเอง
"ไคออส! ไคออส! ท่านพ่อ ท่านทำอะไรมัน!!!" เฟเนกส์คำรามความกราดเกรี้ยวทำให้พละกำลังที่คล้ายจะสูญหายไปกลับมาอย่างรวดเร็วหากแต่บางอย่างก็คล้ายกับจะล่วงรู้เท่าทันเฟเนสก์
"เป็นเด็กดีหน่อยสิ เฟเนกส์" มือเย็นชืดราวกับซากศพสัมผัสกับใบหน้าของเฟเนกส์พร้อมกันนั้นเจ้าของมือยังแสยะยิ้มคล้ายกับเอ็นดูในตัวเด็กน้อย "เจ้ากับข้าจะได้อยู่ด้วยกันแล้วไง.."
เฟเนกส์เบิกตาโพลงหายใจติดขัด สัญชาตญาณที่ฝังลึกลงไปในเลือดทุกหยาดหยดกำลังเตือนเจ้าของร่างอย่างดุร้ายว่าอย่าได้ไปยุ่งกับมันเด็ดขาด!!
"ไม่!! ไม่ อย่ามายุ่งกับข้า!" ปัดมือสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ตรงหน้าจนมีเสียงดังกร็อบและกระชากตัวเองแรงๆ จนสามารถหลุดออกมาจากพันธนาการได้
นัยน์ตาสีทองขององค์ชายรองเรืองรองในความมืดของบันไดชั้นใต้ดินคล้ายกับกำลังกล่าวตนเป็นปฏิปักษ์ต่อมันโดยไร้คำพูด มือกระชากดาบสีแดงชาดที่เคยเป็นสีขาวสว่างออกจากฝักและชี้ไปที่ใบหน้าของมันอย่างไร้ความเกรงกลัว
ในเมื่อท่านพ่อเลือกที่จะทอดทิ้งข้า ข้าก็จะเลือกทางของตนเอง!
เฟเนกส์คิดอย่างมาดมั่นทั้งๆ ที่หัวใจในอกนั้นแหลกละเอียด การกระทำของท่านพ่อที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ฉายชัดว่าท่านพ่อไม่ได้เห็นเขาเป็นลูกแม้แต่นิดเดียว เพราะคงไม่มีพ่อที่ไหนมาฟันแขนลูกตัวเองทั้งๆ ใบหน้ายังยิ้มแย้มแบบนั้น...
ทั้งๆ ที่ข้าให้ทุกอย่างในชีวิตของข้ากับท่านพ่อ.. แต่ท่านพ่อกลับตอบแทนข้าแบบนี้ ข้าก็แค่อยากได้ความรัก ความสนใจเหมือนที่เวสเปอร์เคยได้รับ.. ข้าอยากได้มันบ้างไม่ได้เหรอ
ทุกอย่างในชีวิตข้าเหมือนถูกเวสเปอร์ช่วงชิงไปจนหมด ไม่ว่าจะท่านพ่อหรือท่านแม่ทุกคนล้วนให้ความสนใจมัน จนกระทั่งมันปัญญาอ่อนท่านแม่ก็เลือกที่จะอยู่กับมันไม่ใช่ข้า!
น้ำตาหยดซึมเปียกใบหน้าของเฟเนกส์ขัดกับท่าทางองอาจดุจราชาแห่งเมืองเอวินด์
"หากท่านต้องการร่างของข้า ท่านก็จงฆ่าข้าให้ได้ซะก่อน"
สัตว์ประหลาดฉีกยิ้มยียวนด้วยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง นัยน์ตาที่มีเพียงดวงไฟสีขาวลุกโชนจับจ้องไปที่เฟเนกส์เขม็งรอยยิ้มบางปรากฎขึ้น "เด็กดี.. เจ้ากำลังเดินไปในทางที่ผิด"
ฉึบ
"อ้ากกกก" เฟเนกส์กรีดเสียงออกมาอย่างเจ็บปวดกุมท้องตัวเองที่กลายเป็นแผลลึกโดยไม่ทันตั้งตัว นัยน์ตาสีทองยังคงเรืองรองส่อความเป็นปฏิปักษ์หากแต่มันก็สั่นระริกด้วยความสิ้นหวังในเวลาเดียวกันเมื่อมันค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้
เสียงฝีเท้าแต่ละก้าวดังลั่นในแว่วความคิดของเฟเนกส์
"ถ้าไม่ติดว่าร่างของเจ้ามันเหมาะสำหรับข้า ข้าคงจะทำโทษเด็กดื้ออย่างเจ้าไปแล้ว" กริมม์หัวเราะหึๆ ใช้ลิ้นเลียดาบที่ชุ่มไปด้วยทั้งเลือดมังกรไฟและองค์รัชทายาทคนรองอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่มันจะจ้องไปยังเหล่าขุนนางยืนตั่วสั่นระริกใกล้ๆ เชิงออกคำสั่ง
"ขอ ขอรับ!" ขุนนางตัวอ้วนที่รู้ดีว่าร่างตรงหน้าคือใครรีบพาร่างอ้วนๆ ของตัวเองไปกระชากตัวเฟเนกส์ลงบันไดต่อโดยไม่ยากเย็นนัก
โฮกกกก
"ไม่ ไม่ ไคออส ไม่" เฟเนกส์พึมพำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด มองมังกรไฟของตัวเองด้วยความสงสารเมื่อเห็นมันกรีดร้องคล้ายกับพยายามเรียกชื่อเขาทั้งๆ ที่เนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยรอยฟันลึกจนเห็นกระดูกอีกทั้งนัยน์ตาของมันก็เหมือนจะมืดบอดไปแล้ว..
"มังกรหน้าโง่ เจ้าคิดว่าแมวน้อยจะหลงทางอีกนานไหม?" กริมม์พูดด้วยอารมณ์ดียิ่งมองมังกรไฟที่นอนสิ้นท่าอยู่บนลมหายใจขาดห้วง
ทั้งๆ ที่ดวงตานั้นมืดบอดไปแล้ว ไคออสกลับพยายามใช้นัยน์ตาสัตว์ร้ายมองกริมม์อย่างเคีียดแค้น มันพยายามยันตัวขึ้นมาสู้ต่อแต่ก็พบว่านอกจากหายใจแล้ว
มันก็คงทำอะไรไม่ได้อีก
มังกรเพลิงพ่นลมหายใจเป็นประกายไฟออกมาเหมือนพยายามให้กำลังใจตนเอง ทั้งๆ ที่มันรู้ตัวว่ามันหมดหนทางสู้แล้วและคงตายในอีกดาบเดียวของสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ตรงหน้า
ไม่แน่ใจเพราะอะไรที่ทำให้มันหวนนึกถึงตอนที่มันกับนายของมันโลดแล่นเข้าไปในสนามรบต่างๆ ด้วยกัน ในตอนที่มันส่งเสียงคำรามนายของมันก็จะฟันศัตรูไปหนึ่งทัพ หากแต่เมื่อนายของมันเรียกชื่อมัน มันก็จะพ่นไฟเผาที่แห่งให้พังพินาศ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทำให้มันรู้สึกสนุกอย่างไม่น่าเชื่อจนมันอยากให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลานิรันดร์
ที่มีเพียงนายกับมันกำลังโลดแล่นอยู่ในสนามรบ
ไคออสคิดอย่างเจ็บปวดหลับตาลงยอมจำนนแต่โดยดีทำให้กริมม์ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ
"เจ้า!"
คมดาบคมกริบสาดใส่กริมม์ทันทีเมื่อร่างๆ หนึ่งตามมาถึง
"หาทางกลับบ้านเจอแล้วเหรอแมวน้อย" หากแต่ร่างเป้าหมายก็ไม่ได้ยอมอยู่เฉยๆ ให้โดนคมดาบเล่น กระโดดหลบอย่างง่ายดายไปเหยียบอยู่บนหัวมังกรเพลิง
"ท้าคนอื่นแล้วมุดหัวหนีเข้าไปในรังอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรหรอกนะ" วิญญาณพยัคฆ์ทมิฬในร่างโลกัสมองกริมม์อย่างดูแคลน กวัดแกว่งดาบที่ส่งแสงสีดำเรืองรองในมือเตรียมจะจู่โจม
กริมม์คิ้วกระตุกเลือดในกายเริ่มเดือดดาลจึงไหวไหล่แสยะยิ้ม "ข้าก็แค่พาเจ้าชมสวนหน้าบ้านของข้าเท่านั้นเอง" ดาบกระแทกกดลงในศีรษะอันแข็งแกร่งของมังกรเพลิงจนส่งเสียงดังกร็อบเสียดหู เไคออสทันทีทำให้วิญญาณของมันค่อยๆ หลุดออกจากร่างด้วยขนาดร่างกายที่เท่าเดิม
และนั่นก็เป็นสิ่งที่กริมม์ต้องการ มันใช้มือกระชากวิญญาณของไคออสที่มีเพียงมันมองเห็นเข้ามาหาตัวมันและกัดกินอย่างตะกละตะกราม
ไคออสพยายามตะเกียกตะกายหนีสุดชีวิต นัยน์ตาของมันสิ้นหวังจนเกินทน ความเจ็บปวดที่ถูกฉีกทึ้งวิญญาณนั้นเจ็บปวดมากกว่าความตายที่มาถึงเมื่อกี้นี้ซะอีก มันอ้าปากกว้างคำรามไร้เสียงออกมาอย่างรวดร้าวก่อนที่ตัวตนของมันจะหายไปในที่สุด
คมดาบคมหนึ่งถูกแทะทะลุอกของกริมม์เมื่เจ้าตัวอเผลอเพลิดเพลินไปกับอาหารมากเกินไป
"เจ้ามันควรตายได้แล้ว!" ฮาร์เคฟคำรามหมุนควงดาบในมือตั้งใจจะคว้านร่างของกริมม์ให้ตายๆ ไป
ลูกไฟสีขาวที่โชติช่วงในดวงตากริมม์กระตุกหนึ่งครั้งก่อนที่มันจะโชติช่วงจนเบ้าตาทั้งเบ้าคล้ายกับถูกเผาด้วยไฟสีขาว "เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาฝันกลางวันนะ ฮาร์เคฟ" มันกระตุกยิ้มร้ายผลักร่างของโลกัสออกด้วยแรงที่มองไม่เห็น แผลในอกสมานกันทันทีด้วยพลังวิญญาณของไคออสที่มันเพิ่งกัดกินเข้าไป
"หุบปาก!" ร่างหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่แทบเกือบจะกลายเป็นเสือโคร่งอยู่กลายๆ โยนดาบในมือทิ้ง หอบหายใจหนัก ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงมากขึ้นอีกครั้ง
ขนสีดำขาวเริ่มปกคลุมใบหน้าของโลกัสเช่นเดียวกับกระดูกสันหลังที่โค้งงอลง หางค่อยๆ งอกออกมาจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาด จากมือมนุษย์เริ่มแปรเปลี่ยนอุ้งเท้าสัตว์นักล่า
ฮื่ออ
เสือโคร่งสีดำร่างยักษ์คำรามดังลั่นและกระโจนเข้าใส่ร่างของกริมม์ทันที
ปึ่ก
ฮาร์เคฟส่ายหัวมึนๆ เมื่อเหมือนกับเพิ่งกระโดดชนอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นไป
"เจ้าแย่งร่างมาแบบนี้ ไม่กลัวร่างเจ้าเด็กนี้ตายรึไง" กริมม์ว่าขึ้นมาขณะที่กำลังสาวเท้าลงบันไดอย่างสบายใจ จมูกรับรู้ถึงกลิ่นเลือดหอมกรุ่นที่มันชื่นชอบ ยิ่งทำให้มันสาวเท้าลงบันไดเร็วขึ้นอีกหลายระดับ นัยน์ตาสีขาวเป็นประกายระยับด้วยความพอใจและแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายอีกครั้งในแทบจะทันทีเมื่อฮาร์เคฟใช้กรงเล็บผสานกับเวทในการทำลายโล่วิญญาณที่ทำจากวิญญาณไคออสได้
"อย่าดื้อด้านให้มันมากนัก ไอ้เสือเวร!!" กริมม์แทงดาบเข้าที่ตัวของฮาร์เคฟทันทีเมื่อมันกระโจนเข้ามาหาตนเอง
เคร้ง
กรงเล็บที่แข็งดั่งเหล็กกล้ากระทบกับดาบที่สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณอัดแน่นกัน ร่างนักล่าคำรนในลำคออย่างฮึกเหิมเมื่อเท้าแตะพื้นอีกครั้งมันก็กระโจนเข้าไปหาอีกครั้งทันที ปากอ้ากว้างเตรียมจะจมคมเขี้ยวของตัวเองลงในร่างของศัตรู
"ดูเจ้าจะอยากกินเนื้อเจ้าองค์รักษ์หน้าโง่นี้ซะเหลือเกินนะ"
คำพูดแดกดันแปลกประหลาดทำเอาฮาร์เคฟรู้สึกงุนงงเล็กๆ ซึ่งหลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีมันกัดเข้าไปในคอที่ไร้ซึ่งชุดเกราะบดบัง เสียงกร็อบที่เกิดขึ้นฟังลื่นหูมันมากเช่นเดียวกับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในปาก แต่ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่มันสามารถฆ่าร่างของกริมม์ได้แล้วแต่มันกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับชัยชนะแม้แต่นิดเดียว
"อยากกินก็ตามใจ ร่างอ่อนแอแบบนี้ น่าจะพอเป็นอาหารค่ำให้เจ้าอิ่มไปหลายวัน" เสียงดังหยอกเย้าหากแต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมกระซิบข้างหูร่างเสือโคร่ง
ฮาร์เคฟขนลุกซู่ไปทั้งตัว หูตั้งชันขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงวิญญาณที่มันคิดว่าตายไปแล้ว ปากเผลอปล่อยเหยื่อออกจากปากทำให้ร่างมนุษย์ที่อ่อนปวกเปียกกองไร้ค่าอยู่บนพื้น เสียงร่างเหลวๆ กระทบทำมันหันขวับลงไปมอง ยิ่งทำให้มันผวาเฮือกถอยห่างจากศพบนพื้น
มันเป็นศพที่มีใบหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เป็นใบหน้าแท้ๆ ของเจ้าของร่าง
"กินซะสิ อร่อยนะ ก่อนที่เจ้าจะไม่มีหมดโอกาสได้กินอีก"
เสียงอันไร้ที่มายังคงดังก้องในหูของฮาร์เคฟแม้ว่ามันจะพยายามเอาอุ้งเท้าหนาๆ ปิดหูของตัวเองไว้ ความหวาดผวาที่น่ารังเกียจปรากฎในอกมัน มันในตอนนี้คล้ายกับแมวที่กำลังหวาดกลัวสุนัข ขนทั้งตัวลุกชัน มันยืนตัวแข็งชาดิกไปทั้งตัว มองศพบนพื้นด้วยความหวาดกลัว
ทั้งๆ ที่มันมั่นใจแล้วแท้ๆ ว่าตัวเองไม่หวาดกลัวทั้งวิญญาณของกริมม์ทั้งร่างของมนุษย์ที่นอนตายอยู่ตรงหน้าตัวเอง
"น่าเสียดาย ที่ข้าฆ่าเจ้าตอนนี้อีกรอบไม่ได้" พูดจบก็ทอดถอนใจคล้ายกับเสียดายนักหนา "ไว้ข้าจะมาเล่นกับเจ้าใหม่อีกครั้งแล้วกันนะ แมวน้อย"
เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกถึงความเมตตาของกริมม์
มันขดตัวแน่นหลับตาหอบหายใจหนัก หัวใจเต้นแรงรู้สึกหวาดกลัวในตัวของกริมม์แทบบ้า มันเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองที่เคยทระนงตนจนมากเกินไป ตอนนี้มันรู้แล้วว่าลำพังแค่พละกำลังกับเวทมนตร์คงจะชนะกริมม์ไม่ได้ เสียงกระซิบข้างหูมันทำให้มันรู้ตัวทันทีว่ามันคงไม่มีปัญญาฆ่ากริมม์ได้
ไหนจะร่างมนุษย์ตรงหน้าที่เคยถลกหนังมันทั้งเป็นอีก!
ร่างเสือโคร่งตัวสั่นเทาเมื่อในหัวคล้ายกับจะเห็นภาพตัวเองในอดีตที่ถูกตรึงไว้ด้วยโซ่หนักที่ลงเวทย์อย่างแน่นหนา มันในตอนนั้นถึงกับยอมทิ้งคำสาบานของสายเลือดตัวเองเป็นครั้งที่สอง ที่ว่าไว้เกี่ยวกับการห้ามพูดคุยกับมนุษย์ มนุษย์เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับปีศาจพยัคฆ์อย่างพวกมันเพราะนอกจากพลังเวทย์กับพละกำลังแล้ว เลือดและหนังของพวกมันยังถือเป็นสื่อกลางเวทย์ชั้นสูงที่หาได้ยาก การข้องเกี่ยวกับมนุษย์ที่ละโลบโลภมากจึงเป็นเรื่องที่เขลาที่สุดสำหรับพวกมัน
หากแต่ครั้งนั้นเมื่อมันเห็นมีดพร้าในมือมนุษย์คนนี้ มันก็กรีดร้องอ้อนวอนทันทีแต่ก็ไม่ได้ผล มันถูกกรีดเนื้อเอาเลือดถูกมีดเฉือนผิวหนังอย่างช้าๆ เพื่อลอกหนังที่มันภาคภูมิใจออกไป ความเจ็บนั้นยากจะระบาย มันกรีดเสียงโหยหวนจนไม่มีเสียง พยายามอ้อนวอนขอความตายแต่ก็ไม่ได้ผล แต่ละวันมันถูกมนุษย์ค่อยๆ บรรจงพรากทุกอย่างที่มีค่าไปจากมัน กรงเล็บ คมเขี้ยว ทุกอย่าง
ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นกับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์คนนี้ทำให้มันผวาจนถึงขีดสุด มันในตอนนั้นเป็นเพียงแค่ปีศาจเสืออ่อนแอ พลังเวทย์ทุกอย่างมันให้เด็กน้อยที่มันเลี้ยงดูไปแล้ว เพราะมันรับรู้ดีว่าหากมันปะทะกับพวกมนุษย์อีกครั้ง มันคงไม่มีโอกาสรอดออกมาเลี้ยงมนุษย์ที่มันเอ็นดูอีก
กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเมื่อสายลมอ่อนพัดเข้ามา
ฮาร์เคฟหลับตาแน่นกรงเล็บจิกพื้นกัดฟันกรอดๆ รู้สึกอับจนหนทางจนน้ำตาคลออย่างคับแค้นใจ
"เจ้าเสือ!"
เสียงเรียกแปร่งๆ ข้างหูทำให้ฮาร์เคฟยอมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆ ที่ตัวสั่นเทา มองเห็นใบหน้าน่ามองที่มีสีหน้าเป็นห่วงมาก มือเล็กๆ ลูบหัวเสือโคร่งตัวยักษ์โดยไม่หวาดกลัวก่อนที่จะตระคองกอดแน่นจนหัวฮาร์เคฟฝังลงไปในหน้าท้องนิ่ม
"เจ้าเสือ.. เป็นอะไร.. เจ้าเสือ ข้าอยู่นี้แล้ว" น้ำเสียงร้อนรนรวมกับอ้อมกอดที่พยายามจะอุ่นทำให้จิตใจอันว้าวุ่นของฮาร์เคฟสงบลงอย่างประหลาด
ฮาร์เคฟหลุบตาต่ำลงมองอุ้งเท้าของตัวเองที่วางเหยียบบนตักมนุษย์ตัวจ้อยตรงหน้า
เวสเปอร์..
คำๆ นี้ปรากฎขึ้นในหัวฮาร์เคฟทันที
"เจ้าเสือ เจ้าเสือเป็นเสือจริงๆ ด้วย" ร่างองค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กๆ ก่อนที่จะฝังใบหน้าลงบันหัวอันหนานุ่มของฮาร์เคฟ "
"ฮื่อ..." พยัคฆ์ทมิฬคำรามในลำคอเบาๆ มุดหัวถูไถไปกับหน้าท้องของเวสเปอร์จนเจ้าตัวหัวเราะคิกคักและเลียใบหน้าขาวๆ อย่างเอ็นดู
นานแล้ว.. ที่ข้าไม่ได้เจอมนุษย์ที่ถูกชะตาเหมือนกับโลกัส ฮาร์เคฟคิดขณะที่ปล่อยให้เวสเปอร์กอดคอตัวเองแน่น นัยน์ตาสัตว์ร้ายสบมองร่างไม่เล็กไม่ใหญ่ขององค์ชายราวกับกำลังประเมินอะไรบางอย่าง
ใช่.. มันกำลังประเมินอะไรบางอย่างจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กน้อยโลกัสที่มันเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ นี่จะถูกใจเวสเปอร์เข้าแล้วพาเดินทางไปแก้แค้นด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฮาร์เคฟหัวเราะหึในลำคอ เลิกนั่งเชิดหน้าทิ้งตัวลงนอนบนพื้น
เจ้าเด็กน้อยของข้านี่มันน่านัก... ข้าอุตส่าห์ให้พลังของข้าไปทั้งหมดให้มันไปมีชีวิตใหม่ที่ดีแทนปีศาจเสือแก่ๆ อย่างข้า แต่มันกลับเลือกที่จะไปแก้แค้นคนที่ฆ่าข้าซะอย่างนั้น ความคิดของโลกัสนั้นแรงกล้าจนข้าที่กลายเป็นวิญญาณเตรียมจะถูกยมทูตพาไปเกิดใหม่ต้องหนียมทูตกลับมาหาเจ้าเด็กนี้ด้วยความเป็นห่วง
ไม่สิ อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะไอ้เวรกริมม์มันจะกินวิญญาณข้าซึ่งนั่นก็คงทำให้พลังมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแน่ ฮาร์เคฟปล่อยให้ความคิดล่องลอยขณะที่ร่างของมันเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
"เจ้า เจ้าเสือ" เวสเปอร์หน้าแดงก่ำเมื่อรู้ตัวอีกทีพบว่าร่างที่ตัวเองกอดไม่ใช่ร่างเสือโคร่งตัวยักษ์นุ่มนิ่มอีกต่อไปแต่เป็นร่างมนุษย์วัยฉกรรจ์ที่ร้อนรุ่มดุจไฟเผา
ฮาร์เคฟลืมตาขึ้นมายิ้มจางลูบหัวเวสเปอร์และเอ่ยขอโทษเหล่าผู้มีสายเลือดปีศาจพยัคฆ์ในใจเพราะมันกำลังจะผิดคำสาบานอีกแล้วเป็นครั้งที่สามซึ่งก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของมัน
"เจ้าไม่ได้ปัญญาอ่อน ข้าเชื่ออย่างนั้น เวสเปอร์" ลูบหัวทุยเล็กๆ คล้ายกับพยายามปลอบประโลมเด็กน้อยที่หลงทางมาเกือบทั้งชีวิต
องค์ชายกระพริบตาปริบงุนงง
"ฝากเจ้าดูแลโลกัสด้วยเพราะหลังจากนี้ข้าคงจะไม่อยู่แล้ว" พยัคฆ์ทมิฬกล่าวเสียงนุ่มนวล "ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้"
ถึงแม้จะไม่เข้าใจนักแต่เวสเปอร์ก็พยักหน้าหงึกหงัก "ข้า..จะพยายาม"
"ดี" ฮาร์เคฟกล่าวสั้นๆ ทิ้งตัวลงนอนบนพื้น สีหน้าเจ็บปวดเมื่อรู้สึกรวดร้าวไปทั้งวิญญาณเพราะความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโลกัสมันใช้วิญญาณของตัวเองรับแทนทั้งหมด มันกระชากตัวเองออกจากร่างของโลกัสเพื่อคืนร่างให้กับวิญญาณที่แท้จริงของเจ้าของร่าง
สาเหตุที่คืนก็คงจะเพราะมันรู้ดีว่า มันไม่มีปัญญาไปแก้แค้นกริมม์แน่นอนและมันเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะไปฝืนดันทุรังทำในสิ่งที่รู้ว่ายังไงตัวเองก็ทำไม่ได้อีกทั้งร่างๆ นี้ไม่ใช่ของมันแต่เป็นร่างของโลกัส เด็กน้อยที่มันยอมฝืนคำสาบานเป็นครั้งแรกเพื่อตั้งชื่อให้กับมัน
เพียงไม่นานร่างของโลกัสก็ค่อยๆ ทรุดตัวขึ้นมานั่ง มือหยาบนวดขมับตัวเองเบาๆ รู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อคล้ายกับจะวูบไปสักพักใหญ่ๆ แต่เรื่องประหลาดก็คือมันรู้สึกเหมือนจะควบคุมพลังในร่างตัวเองได้ดีขึ้นมากทั้งๆ ที่ปกติแล้วจะคล้ายจะถูกกำกับหรือควบคุมพลังไว้อีกทีหากใช้พลังแปลกปลอมที่อยู่ในตัว ก่อนที่มันจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเสือโคร่งตัวยักษ์กำลังนั่งนิ่งมองมัน
"ท่านพ่อ!" โลกัสอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกมือสั่นเทา มันตื่นเต้นจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าตัวมันเปลือยเปล่าและยังกอดองค์ชายไว้แน่น "ข้าตาฝาดรึเปล่า? นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม" แม้แต่น้ำเสียงยังสั่นพร่า
ฮาร์เคฟส่งเสียงคำรามในลำคอเชิงตอบรับ เหลือบมองยมทูตหน้าโหดที่ยืนแสยะยิิ้มอยู่ข้างหลังมันในมือถือเคียวสีดำขนาดยักษ์ มันรู้ตัวว่าเวลาของตัวเองเหลือน้อยเต็มทนจึงพูดอย่างรวบรัด "เจ้าไม่จำเป็นต้องแก้แค้นให้กับคนที่ตายไปแล้วอย่างข้าเพราะยังไงข้าก็คงไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อยู่ดี" กล่าวถึงตรงนี้แววตาก็เปลี่ยนไปเมื่อต้องพูดประโยคถัดไป "แม้แต่ข้ายังไม่สามารถฆ่ามันได้ เจ้าก็ไม่มีวันฆ่ามันได้ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม"
สีหน้าของโลกัสสลับระหว่างยินดีกับซีด มันดีใจที่ได้เจอพยัคฆ์ทมิฬแต่ก็เสียใจที่นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันอีกทั้งยังถูกบอกให้เลิกทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง
"ใครเป็นคนฆ่าท่าน" หากแต่โลกัสก็ยังมีความดื้อดึงของตัวเอง
พยัคฆ์ทมิฬแยกเขี้ยวขู่ส่งเสียงคำราม "นี่เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง โลกัส เจ้าเป็นแค่มนุษย์ที่ฆ่าได้แค่มนุษย์ เจ้าไม่มีทางฆ่ามันได้!!"
"ใครเป็นคนฆ่าท่าน" โลกัสถามต่อสีหน้าเครียดขึ้ง
"อย่าทำอะไรโง่ๆ" ฮาร์เคฟตะคอกด่าเสียงดังลั่นผลุดลุกขึ้นยืนเมื่อเจ้ายมทูตส่งยิ้มเหี้ยมและผายมือไปยังหลุมมิติที่มันสร้างขึ้น
"ท่านพ่อ ท่านจะไปไหน?" โลกัสมองไม่เห็นยมทูตเห็นเพียงร่างจางๆ ของพยัคฆ์ทมิฬที่หันหลังให้และสาวเท้าออกไป "ท่านตอบข้ามาสิ ข้าไม่สนใจหรอกนะว่า ข้าจะฆ่ามันได้ไหม ถ้าหากฆ่าวันนี้ไม่ได้วันหน้าข้าก็ต้องฆ่ามันให้ได้!"
ความมุ่งมั่นจนเกินไปของโลกัสอดทำให้ฮาร์เคฟอดส่งเสียงหัวเราะไม่ได้ มันส่ายหางตัวเองไปมาหยัดเท้าเข้าไปในหลุมมิติข้างหนึ่งและหันหน้ากลับมาพูด "คนที่เป็นลงดาบสุดท้ายฆ่าข้าก็คือ กริมม์ มันเป็นวิญญาณประหลาดที่สามารถยึดร่างของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ถ้าหากเจ้าอยากฆ่ามันจริงๆ เจ้าต้องหาร่างจริงของมันให้เจอ"
มันเคยคิดว่าการฆ่ากริมม์ในร่างคนอื่นน่าจะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้แต่ก็อย่างที่เห็นเมื่อกี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงมันพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
ฮาร์เคฟฟเหลือบมองเวสเปอร์ที่มองมาที่ตนเองด้วยสายตาใคร่รู้ "ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตต่อไปก็จงพาองค์ชายหนีไป ไม่ต้องมาห่วงเรื่องแก้แค้นให้ข้าเพราะนอกจากท่านโฟเทียสแล้ว ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีใครสามารถฆ่ามันได้อีก"
สองเท้าหลังถีบตัวขึ้นกระโดดหายเข้าไปในหลุมมิติเป็นอันตัดจบบนสนทนา
ไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรต่อทุกสิ่งก็เหลือเพียงความว่างเปล่า โลกัสขบกรามแน่นรู้สึกสับสนในตนเอง
ข้าควรทำอะไรต่อไปดี? ในเมื่อแม้แต่ท่านพ่อยังบอกให้ข้าเลิกทำ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ข้าฝันหาและต้องการที่จะทำมันมาทั้งชีวิตเลยนะ..
ถ้าหากข้าล้มเลิกไป สิ่งที่ผ่านมานั้นคืออะไร แล้วทุกอย่างที่ข้าทุ่มเททำลงไปล่ะ.ดาบของข้าตัดหัวคนไปนับไม่ถ้วนเพื่อที่จะแก้แค้นให้ท่านพ่อ ข้ายอมสู้กับจิตใจอันอ่อนแอในช่วงแรกๆ ที่เกือบจะฆ่าตัวตายหลังจากฆ่าคนตายคนแรก บาดแผลฉกรรจ์มากมายบนตัวข้าอีกล่ะ..
ทุกอย่างที่ข้าทำมาเพื่อความสูญเปล่างั้นเหรอ..?
พยัคฆ์ดำตัวสั่นเทา สีหน้าเจ็บปวด
".. โลกัส" เสียงเรียกแผ่วเบาข้างหูทำเอาโลกัสสะดุ้งสุดตัวและเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างองค์ชายอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง ร่างนักฆ่ารีบอุ้มเวสเปอร์วางลงข้างกาย สีหน้าแตกตื่นซึ่งก็แตกตื่นขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าตัวเองนั้นเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าใดๆ ปกปิดร่างกาย!
ทั้งๆ ที่ปกติโลกัสจะไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำแต่เมื่อถูกองค์ชายมองมากลับรู้สึกกระดากอย่างประหลาด นัยน์ตาสัตว์ป่าลุกวาวใส่เจ้าม้าดำที่ยืนนิ่งอยู่ไกลๆ บนหลังของมันมีฟินน์คาบกระเป๋าที่ขนาดใหญ่กว่าตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น
เจ้าม้าดำส่งเสียงฮื่อๆ คล้ายกับกำลังขำ มันแสร้งสาวเท้าเชื่องช้าจนสีหน้านักฆ่าดุร้ายมากขึ้นไปอีก ทำให้ฟินน์ทนไม่ได้ที่จะกระโดดลงไปก่อนและลากกระเป๋าวิ่งไปหาโลกัส
"ขอบใจ" โลกัสลูบหัวฟินน์ที่มองมาอย่างเป็นห่วงและดึงกระเป๋าไปควานเอากางเกงมาสวมใส่ทันที
ตลอดระยะเวลาที่โลกัสจัดการกับตัวเองนั้นเวสเปอร์ไม่ได้มองเลยแม้แต่น้อย จิตใจยังคงหมกมุ่นกับร่างเสือยักษ์สีดำที่หายไปในอากาศซะเฉยๆ
"เจ้าเสือตัวโต.. หายไปแล้ว"
"ท่านพ่อกลับคืนสู่แผ่นดินไปแล้วล่ะ.." โลกัสเหยียดยิ้มลูบหัวเวสเปอร์เมื่อใส่กางเกงเสร็จ ความรู้สึกที่สงบลงเล็กน้อยทำให้ไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น
ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ท่านพ่ออาศัยอยู่ในร่างของข้ามาตลอด.. มิน่าล่ะ บ่อยครั้งที่ข้ามักจะควบคุมพลังตัวเองไม่ได้และเผลอวูบเป็นพักๆ ทีแรกข้าคิดว่าอาจจะเป็นอาการล้าของร่างกายข้า แต่ไม่ใข่ สาเหตุที่แท้จริงก็คือวิญญาณเจ้าของพลังที่แท้จริงกำลังอาศัยอยู่ในร่างของข้าต่างหาก
ไม่แน่ใจว่าความเคียดแค้นของท่านพ่อนั้นส่งผลต่อข้ารึเปล่า ถึงทำให้ข้าหมกมุ่นกับการแก้แค้นถึงขนาดนี้ จุดมุ่งหมายนี้กลายเป็นสิ่งที่มากกว่าความคิดแต่เป็นสัญชาตญาณที่ต้องทำ จนร่างกายข้าตอบรับกับมันว่าหากข้าทำไม่สำเร็จมันจะทำให้ข้าอยู่ไม่สุข คอยกระตุ้นให้ข้าหาทางมาแก้แค้นให้ได้
แต่แล้วยังไงล่ะ.. ในเมื่อตอนนี้เจ้าของวิญญาณที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าไปตามแก้แค้นกลับบอกให้ข้าเลิกลาซะอย่างนั้น
"เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำยังไงดี เวสเปอร์.." โลกัสพูดเสียงแหบพร่าทรุดตัวลงนั่งและรวบเอวเวสเปอร์ขึ้นมานั่งบนตักตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าที่ถึงแม้จะบาดแผลฉรรจ์พาดที่แก้มแต่ก็ยังคงความหล่อเหลาไว้อย่างเหลือเชื่อวางเกยบนไหล่องค์ชาย แขนสองข้างกอดองค์ชายแน่นจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
เวสเปอร์ไม่ได้ตอบทำเพียงแค่กอดเจ้าเสือตอบ มือลูบหลังเจ้าเสือตัวใหญ่ที่ทำท่าจะร้องไห้กลายเป็นเสือขี้แย
"ไม่!! ท่านพ่อ ไม่!! ฮือ ท่านอย่าทำแบบนี้กับข้า!" เสียงตะโกนดังลั่นอย่างเสียขวัญดังมาจากความมืดมิดของชั้นใต้ดิน
"เจ้าเป็นลูกข้า ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า!!" มือเล็กที่ลูบหลังโลกัสแข็งค้างเช่นเดียวกับใบหน้าของเวสเปอร์ที่ซีดเผือด
"เฟเนกส์... ท่านพ่อ" ครางชื่อออกมาโดยไม่รู้ตัว
อ้อมกอดอุ่นคลายออกแทนที่ด้วยจูบบนริมฝีปากเวสเปอร์ โลกัสจูบเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นจึงผละออกไป แววตาคล้ายกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
"งั้นข้าจะทวงสิ่งที่เป็นของๆ เจ้าคืนมาให้เจ้าเอง เวสเปอร์.."
------------------
TBC.
ตอนหน้าก็จุดพีคเรื่องแล้ววว
ตอบคุณ บลูเชอร์รี่ : เรื่องฟาร์คัสว่าจะกลับไปแก้ทามไลน์ใหม่ค่ะ
สงสัยแต่งตอนง่วงๆ แล้วรนเกิน เวลาในเรื่องเลยผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก 5555