‘ก่อน 31’ เป็นโปรเจ็คตอนพิเศษ 6 ตอน จาก 6 เรื่อง ลงตั้งแต่วันที่ 25-30 ธันวาคม
ตอน 25 ธันวาตอน 26 ธันวาตอน 27 ธันวาตอน 28 ธันวาตอน 29 ธันวาตอน 30 ธันวา…………………………..
NOV: ก่อน 31
By: Dezair
……………....
ตอน วันที่ ๒๕ ธันวา (ภวัต-จันทร์จ้าว)
วันนี้เป็นวันหยุดของภวัต แม้จะไม่มีงาน เขาก็มีนัดกับจันทร์จ้าวในตอนกลางวันด้วยการขับรถไปรับที่สำนักงานแล้วไปหาร้านอาหารรับประทาน ส่วนตอนเย็นก็ถูกจับจองโดยจันทร์จ้าวให้มารับกลับบ้านเช่นเคย แต่แล้วจู่ๆในตอนสาย คนที่โรงพยาบาลก็วิ่งมาบอกเขาว่ามีโทรศัพท์จากสำนักงานค้าหนังสือของสามเกลอ และนั่นทำให้เขาต้องขับรถออกมาโดยด่วน
ตอนที่รถยนต์ของนายแพทย์หนุ่มจอดเลียบที่ริมฟุตบาธ คนที่ยืนรออยู่ใต้กันสาดก็วิ่งมาเปิดประตูขึ้นนั่งข้างเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“แย่แล้วหมอ! เกิดเรื่องใหญ่! วันนี้วันที่ ๒๕!”
“เรื่องใหญ่? เรื่องใหญ่อะไรหรือครับ แล้วเกี่ยวอะไรกับวันที่ ๒๕”
เพราะสีหน้าของคนรัก ภวัตก็พลอยตกใจไปด้วยเช่นกัน
“ก็วันนี้ Christmas!”
“อะไรนะครับ?”
“Christmas…อ่า วันของพวกฝรั่ง...” พอเห็นสีหน้างงงวย จันทร์จ้าวก็เพิ่งจะนึกออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมตะวันตกเช่นเขา แต่ครู่เดียว สีหน้าของภวัตก็คลายลง
“อ้อ วันคริสต์มาส แล้ว...ที่ว่าแย่...แย่อย่างไรหรือครับ” เจ้าของรถยังนึกไม่ออก ว่าเพราะเหตุใดวันนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขึ้นมาได้
“ไม่ใช่แค่แย่ แต่แย่มาก! ผมเพิ่งนึกออกว่าวันนี้เรย์จัดงานเลี้ยงที่บ้าน เป็น Christmas dinner party นี่หมอ! แล้วเราจะเอาอาหารอะไรไปบ้านเรย์ดีล่ะ” เรื่องใหญ่ที่เป็นเหตุให้จันทร์จ้าวต้องโทรศัพท์ตามตัวภวัตมาโดยด่วนก็คือเรื่องงานเลี้ยงที่บ้านนายฝรั่งนั่นเอง และนั่นทำเอาคนที่อุตส่าห์รีบเร่งออกมาจากบ้านพักแพทย์ในเขตโรงพยาบาลรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกอย่างไรชอบกล
“ที่คุณตามผมมาก็เพราะเรื่องนี้หรือ” เขาตั้งคำถาม ทอดมองเจ้าของดวงตากลมใหญ่ที่ยังคงเจือไปด้วยแววตระหนกด้วยความเอ็นดูเป็นพิเศษ จันทร์จ้าวเป็นคนแสดงอารมณ์ทางสายตาและสีหน้าเสมอ และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกราวกับคนตรงหน้าคือหนังสือเล่มใหญ่ที่ไม่ว่าอย่างไรก็อ่านไม่เคยจบเสียที
“ก็ใช่น่ะซี่! เราต้องรีบทำเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นไม่ทันแน่! ทำอะไรดีล่ะหมอ”
“ต้องทำด้วยหรือครับ”
“ไม่ทำได้อย่างไรล่ะ ก็ผมรับปากเรย์ไปแล้วว่าจะยกอาหารอร่อยๆไปร่วมด้วย”
“เอ? แต่ถ้าไปซื้อหามาทำเอาตอนนี้ก็เห็นจะไม่ทัน ที่บ้านคุณล่ะครับ หากเราลองขอให้คุณนภาช่วย เธออาจจะพอมีอะไรให้เราถือไปงานเลี้ยงบ้าง” ภวัตเสนอหนทาง แต่คนข้างกายสั่นหน้าอย่างรวดเร็ว
“นภาออกมาแล้ว ไปหาดาราที่บ้านคุณวินิต แล้วจะไปช่วยเรย์เตรียมอาหารที่บ้าน ส่วนคุณพงศ์ รายนี้ลอยตัวแต่แรก เพราะประกาศตั้งแต่วันที่เรย์ชวนว่าจะถือไวน์ไปร่วมด้วย เหลือแค่เราสองคน...ที่ไม่รู้ว่าจะถืออะไรไป”
นายแพทย์หนุ่มนิ่งคิดตาม และพอเหลือบมองคนข้างกาย เขาก็เริ่มรู้ตัวเอาในเวลานั้นว่ากลายเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของจันทร์จ้าวเสียแล้ว เพราะดวงตากลมใหญ่จ้องมองเขาเป๋ง
“หมอเป็นความหวังของผม ถ้าไม่มีอะไรติดมือไป ผมก็ไม่กล้าไปหรอก และถ้าผมไม่ได้ไป...ผมต้องเสียใจมากแน่ๆ”
ตบท้ายด้วยประโยคอ้อนวอนแกมบังคับด้วยการยกความเสียใจขึ้นมาอ้าง ภวัตหัวเราะเบาๆ อย่างนึกขัน ก่อนจะเสนอหนทางที่ดูเหมือนน่าจะเป็นตัวเลือกเดียวในเวลานี้
“ลองไปดูที่บ้านผมก่อนแล้วกันครับ น่าจะมีอะไรพอจะติดไม้ติดมือไปงานเลี้ยงได้บ้าง”
“ผมเชื่อว่าบ้านหมอต้องมี ผมเชื่อ”
…………………….
บ้านพักแพทย์ในเขตโรงพยาบาลซึ่งอยู่ด้านหลังตึกยังคงเงียบสงบเหมือนเคย แต่เริ่มจะโกลาหลเมื่อมีแขกอย่างจันทร์จ้าวมาเยือน
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนกวาดตามองห้องครัวเล็กๆที่อยู่ด้านหลังของตัวบ้าน ห้องครัวโปร่ง สะอาด และสว่างนั้นถูกเขาเปิดรื้อทุกตู้ ทุกชั้นดูจนแทบเกลี้ยง แต่นอกจากอาหารปิ่นโตที่ภวัตฝากท้องไว้กับแม่บ้าน ไข่สด ผักสดไม่กี่อย่าง ก็มีแค่ผลไม้อีกกระจาดใหญ่ ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรติดไม้ติดมือไปร่วมงานเลี้ยงบ้านนายฝรั่งอเมริกันในเย็นนี้ได้เลย
“อย่างนี้หมดหวัง ผมไม่ได้ไปแน่แล้ว” เจ้าตัวหันมาบ่นหน้าหงิกงอกับเจ้าของบ้าน แต่นายแพทย์หนุ่มกลับยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่
“ยิ้มอะไรหมอ เห็นผมอดไป หมอมีความสุขหรือ” คนหมดหวังเริ่มพาลพาโล ภวัตจึงเดินเข้ามายืนข้างๆแล้วตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง
“ถ้าเป็นผลไม้ คุณจะว่าอย่างไรครับ” หัวคิ้วของจันทร์จ้าวที่ขมวดชิดมาตั้งแต่แรกคลายออกอย่างรวดเร็ว
“ผลไม้?”
“ครับ ผมได้มาจากคนไข้เมื่อวานนี้ น่าจะสุกพอดี คุณจะว่าอย่างไรหากเรายกไปร่วมงานเลี้ยงบ้านคุณเรย์มอนด์” ข้อเสนอของนายแพทย์หนุ่มเข้าท่าทีเดียว เพราะดวงตากลมโตเบิกกว้างและเต็มไปด้วยรอยระยิบระยับอย่างถูกใจ
“จะว่าอย่างไรล่ะ?! ก็ต้องว่าเยี่ยมน่ะซี! ถ้าปอกสักหน่อย สลักสักนิด ขี้คร้านเรย์ต้องยิ้มแป้น!”
“อะไรนะครับ?! สลัก?!” ภวัตย้อนถามอย่างรวดเร็วด้วยรู้สึกไม่ชอบมาพากลในคำพูดของคนรักที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา จันทร์จ้าวพยักหน้ารับเร็วๆ
“ใช่! สลัก! หมอทำไม่เป็นหรือ” คำถามของบุตรชายสกุลรักษพิพัฒน์นั้นแสดงให้เห็นว่าเติบโตมากับคุณหญิงผกาซึ่งมีความเป็นผู้ดีทุกกระเบียด เจ้าตัวคุ้นชินกับผักผลไม้ที่ถูกแกะสลักเสลาสวยงาม และนี่เป็นอีกครั้งที่ภวัตหัวเราะเบาๆอย่างคาดไม่ถึงกับคำถามนี้ก่อนจะตอบปฏิเสธเสียงอ่อนโยน
“ทำไม่เป็นหรอกครับ”
“อะไรกัน หมอก็มีเรื่องที่ทำไม่เป็นด้วยหรือ”
“เห็นผมเป็นเทวดาหรือไร จะให้ผมทำเป็นทุกอย่าง” นายแพทย์หนุ่มหยอก ก่อนจะยกกระจาดผลไม้ออกมาคัดเอาเฉพาะลูกที่กำลังสุกพอดี หากปอกสักหน่อยแล้วจัดใส่จานแก้วสวยๆ ก็คงจะพออะลุ่มอล่วยได้อยู่หรอก
จันทร์จ้าวมองมือใหญ่ที่หยิบจับผลไม้ขึ้นมาเลือกอย่างคล่องแคล่ว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมอย่างจริงใจ
“ก็เห็นหมอเก่ง” ดวงตาคมของนายแพทย์หนุ่มเหลือบมองคนที่ขยับมายืนข้างกาย นึกเขินอย่างไรชอบกลกับคำชมจากอีกฝ่าย หัวใจของเขาชักจะอ่อนแอกับจันทร์จ้าวมากขึ้นทุกที แค่ถูกชมสั้นๆแต่เพียงเท่านี้ ก็รู้สึกเหมือนจะยิ่งเต้นถี่ราวกับจะทะลุออกมาจากอก
“คุณเองก็เก่ง”
“ผมน่ะหรือ? ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย จะว่าผมเก่งได้ยังไร แค่จะถืออะไรไปงานเลี้ยงบ้านเรย์ ยังต้องพึ่งหมอ”
“ก็...เก่งที่ทำให้ผมมายืนเลือกผลไม้ให้คุณอย่างนี้น่ะซีครับ” ภวัตพูดแล้วหัวเราะ คนข้างกายเลยพลอยหัวเราะไปด้วย เสียงหัวเราะของจันทร์จ้าวนั้นสดใสและเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ทำเอาคนได้ยินอดไม่ได้ที่จะหันไปหยอกล้อพูดคุยอย่างสบายอารมณ์
เสียงพูดคุยดังแว่วมาจากในห้องครัวด้านหลังบ้านพักที่นายแพทย์หนุ่มผู้เป็นเจ้าของ แปลงกายเป็นขาวสวนผลไม้ ทั้งคัด ทั้งเลือก ทั้งปอก หนำซ้ำยังจัดใส่จานอย่างสวย ข้างกายมีจันทร์จ้าวปักหลักให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ทำได้เพียงหยิบผลไม้ที่ถูกเลือกไว้แล้ว ส่งให้ร่างสูงปอก
พักใหญ่ๆ ผลไม้หลากชนิดก็ถูกจัดใส่จานใบใหญ่ ภวัตเป็นคนยกจานผลไม้ออกจากครัวมาวางที่โต๊ะเล็กหน้าชุดเก้าอี้เพื่อเตรียมยกไปร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น มีคนร่างโปร่งเดินตามหลังเข้ามา
“อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลางานเลี้ยง คุณจะกลับไปสำนักงานอีกไหมครับ”
“ไม่ล่ะ ผมชักขี้เกียจแล้ว ขอรอที่นี่จนกว่าจะถึงเวลางานเลี้ยงแล้วกัน” จันทร์จ้าวพูดก่อนจะเดินไปที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เขาเลือกแผ่นเพลงที่คิดว่าน่าจะเข้ากับบรรยากาศของวันที่ ๒๕ ธันวาคม แล้วจึงเปิดฟัง
ท่วงทำนองหวานดังออกมาจากเครื่อง ทำเอาร่างสูงหัวเราะน้อยๆ นึกเอ็นดูที่อีกฝ่ายช่างเลือกเพลงได้เข้ากับสถานการณ์เสียเหลือเกิน ดวงตากลมใหญ่เหลือบมามองเจ้าของเสียงหัวเราะ แล้วพาลนึกถึงบางอย่างที่เข้ากับวันนี้ที่สุด
“หมอรู้จัก Mistletoe ไหม” คนถูกถามนิ่งไป ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย
“ช่อมิสเซิลโทว์หรือครับ” สมกับที่ถูกชมว่าเก่ง เพราะนอกจากจะเป็นหมอที่รักษาจันทร์จ้าวได้เนืองๆแล้ว ยังฟังภาษาอังกฤษเข้าใจเป็นอันดี และมีความรู้รอบตัวในวัฒนธรรมตะวันตกด้วย
“ใช่ เคยเห็นไหม?”
“ไม่หรอกครับ แต่เคยอ่านจากหนังสือ เห็นว่าเป็นกาฝากชนิดหนึ่ง” คำตอบของภวัตสมกับเป็นนักวิชาการเสียจริง คนถามเดินเข้าทรุดตัวลงนั่งข้างๆในขณะที่ท่วงทำนองเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเพลงยังดังกังวานอยู่รอบตัว
“แล้ว Mistletoe Kiss ล่ะ รู้จักไหม”
“รู้จักครับ” ดวงตากลมใหญ่ที่แสนระยิบระยับนั้นเบิกโตขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าของจะขยับเข้าใกล้ร่างสูงมากขึ้นอีกนิด
“แล้วเคยทำไหม”
“คุณล่ะครับ อยู่อเมริกาตั้งหลายปี เคยไหม” ภวัตไม่ตอบแต่ย้อนถาม รอยยิ้มที่แย้มกว้างจนเห็นลักยิ้มนั้นดูเหมือนจะเจือแววทะเล้นอย่างน่าหมั่นเขี้ยวมากกว่าเดิมเมื่อถูกถามในสิ่งที่น่าจะคาดเดากับคำตอบได้ดี
...คนรุ่มรวยเสน่ห์อย่างจันทร์จ้าวน่ะหรือ จะพลาดเรื่องแบบนี้...
“ไม่เคยก็เห็นจะแปลก แล้วคนที่ยืนใต้ Mistletoe กับผมก็ไม่เคยซ้ำกันสักปีด้วย...อื้อ...” ท้ายประโยคนั้น ร่างถูกรั้งเข้าใกล้ แล้วถูกฉกฉวยเข้าที่ริมฝีปากเบาๆด้วยริมฝีปากของนายแพทย์หนุ่ม แต่ก็เพียงแค่บางเบาและจากไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น ยิ่งทำให้หัวใจถวิลหามากกว่านี้อย่างบอกไม่ถูก
“จากนี้ไป ไม่ให้ยืนใต้ช่อมิสเซิลโทว์กับใครแล้วนะครับ” ภวัตพูดเบาๆเหมือนจะขู่ในที แต่ริมฝีปากกลับยิ้มกว้างราวเอ็นดูคนในอ้อมแขน มือของเขาลูบแผ่นหลังของจันทร์จ้าวเบาๆอย่างคุ้นเคย คบหากันมาพักใหญ่ แนบชิดกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่การเคียงใกล้ในวันสบายที่แสนสงบ มีเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังเบาๆให้กันและกันกลับเป็นเวลาที่นายแพทย์หนุ่มชอบที่สุด และดูเหมือนจันทร์จ้าวเองก็ชอบที่จะถูกเขาโอบกอดอย่างนี้เช่นกัน เพราะเจ้าตัวขยับมาเกยอก ตาจ้องเขาอย่างทะเล้น ยินดีอยู่ในอ้อมแขนโดยไม่ขยับหนีไปไหน
“จะไปยืนได้อย่างไร ที่เมืองไทยมี Mistletoe เสียที่ไหนล่ะ”
คนไม่ได้เป็นหมอแต่หัวหมอเกินใครรีบตอบ ร่างสูงเลยหันมาจ้องทำหน้าเคร่งขรึมแต่ดูก็รู้ว่าแค่ทำการแสดงไปอย่างนั้น
“หมายความว่าถ้ามี คุณก็จะไปยืนอย่างนั้นหรือ” คนถามทำเคร่งทั้งสีหน้าและน้ำเสียง แต่สายตากลับแพรวพราวราวกับจะหยอกเย้า ทว่าสำหรับจันทร์จ้าวแล้ว คำถามนี้...กลับไม่อาจตอบอย่างทะเล้นได้อีกแล้ว
...ถ้าหากมีช่อมิสเซิลโทว์อยู่ที่นี่เวลานี้ คนรักสนุกอย่างเขาก็คงกระโจนเข้าไปยืนอยู่ใต้ช่ออย่างรวดเร็วเหมือนทุกๆที แต่...ที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คือคนที่ยืนใต้ช่อมิสเซิลโทว์กับเขาต่างหาก...
...จะไม่ใช่ใครก็ได้อีกแล้ว จะไม่ใช่ใครสักคนที่ไม่ซ้ำหน้าไม่ได้อีกแล้ว...
“ถ้ามี Mistletoe...หมอสัญญากับผมได้ไหม ว่าหมอจะไปยืนกับผม”
สายตาที่ทอดมองภวัตนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ล้นปรี่ไปทั้งอก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชั่วชีวิตนี้จะรู้สึกกับใครสักคนได้มากถึงเพียงนี้ ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นบุรุษเพศเหมือนตนเอง แต่ความรู้สึกลึกล้ำในอกนี้ กลับพอกพูนไม่รู้จักจบสิ้น ยิ่งรู้จัก ยิ่งคบหา ยิ่งใกล้ชิด ก็ยิ่งผูกพันจนไม่อาจแยกจากกันได้อีกแล้ว
ไม่มีเสียงหัวเราะจากภวัต แม้ว่าคำขอของคู่รักของเขาจะฟังดูน่าขันเพียงใดก็ตาม เพราะนายแพทย์หนุ่มรู้ดี หากมีช่อมิสเซิลโทว์ เขาก็อยากจะลองไปยืนอยู่ใต้นั้นดูสักครั้ง และแน่นอน...คนที่เขาจะพาไปยืนด้วยกันก็คือจันทร์จ้าวแต่เพียงผู้เดียว
“ถ้าคุณสัญญาว่า คุณจะไม่ยืนใต้ช่อมิสเซิลโทว์กับใครอีก...” จันทร์จ้าวยิ้มน้อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมจนรับรู้ถึงไออุ่นของลมหายใจที่เป่ารดบนริมฝีปากของชายหนุ่มร่างสูง
“...นอกจากหมอแล้ว ผมจะไม่ให้ใครยืนใต้ Mistletoe กับผมอีก...ผมจะไม่จูบกับใครที่ไม่ใช่หมอภวัตคนนี้อีกแล้ว...”
เป็นคำสัญญาที่นุ่มนวลทว่าจริงจังจนหัวใจคนฟังไหวสะท้าน คนถูกยกให้เป็นคนเพียงคนเดียวที่จะได้ครอบครองริมฝีปากของจันทร์จ้าวได้แต่ยิ้มน้อยๆ ความอบอุ่นจากหัวใจไหลวาบไปทั้งสรรพางค์ เขากระชับกอดแน่นขึ้น ดวงตาสองคู่สบกันอีกหน ก่อนที่ใบหน้าจะเคลื่อนเข้าใกล้ แล้วแตะริมฝีปากเข้าหากันอย่างแผ่วเบา
จูบครั้งนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้าและอ่อนหวาน ริมฝีปากบดเบียดกันและกันราวกับจะส่งมอบความรักและความปรารถนาดีให้แก่กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แม้ที่นี่จะไม่มีช่อมิสเซิลโทว์ แต่จุมพิตของพวกเขา...ก็หวานล้ำเหมือนเดิมเสมอ
จบ
อย่างที่เคยบอก...ว่าจะมีตอนพิเศษมาช่วงสิ้นปี แต่ทีนี้ ก็มีคนรีเควสมาหลากหลาย ตัวบัวเองก็ไม่รู้จะเขียนเรื่องไหนดี ก็เลย...ได้ออกมาเป็น 6 วัน 6 ตอน(อย่างสั้นๆ) ค่ะ
ซึ่งทั้ง 6 ตอนนี้ จะลงตั้งแต่วันที่ 25-30 ให้สมกับชื่อ โปรเจ็คคือ ‘ก่อน 31’ นั่นเองค่ะ ส่วนวันไหนจะเป็นเรื่องไหน อันนี้ต้องติดตามตอนต่อไป
ตอนแรกที่คิดจะเขียนโปรเจ้ค 6 วัน 6 ตอนเนี่ย เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลยค่ะ ไม่รู้จะเอาเรื่องไหนมาลงวันไหนดี แต่ไหนๆ คุณจันทร์กับคุณหมอเขามาจากยุคเรอเนสซอง เลยให้เขาก่อน กร๊ากกกกกก ซึ่ง มิสเซิลโทล์ คิสกับคุณจันทร์นี่มันก็ช่างเคมีดี๊ดีจริงๆ
เจอกันพรุ่งนี้ กับตอนพิเศษตอนต่อไป ’26 ธันวา’
ส่วนวันนี้ เมอรร์รี่ คริสต์มาส & แฮปปี้ มิสเซิลโทล์ คิส เดย์ นะคะ
ป.ล. ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ ทุกกำลังใจ และทุกความคิดถึงที่ยังมีให้คุณจันทร์และคุณหมอนะคะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ