บทที่ 13 ไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่า?
จุนเจือนั่งคนเดียวอยู่สักพักใหญ่ ๆ เพราะไม่อยากกวนใคร ในเมื่อแต่ละคนต่างมีหน้าที่การทำงานเป็นของตัวเอง ตอนแรกจุนเจือก็แอบน้อยใจที่ ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพี่เมฆสองต่อสองแบบเต็มที่ แต่ความรู้สึกก็ดีขึ้น ตอนที่พี่เอิร์ทแวะมาสร้างเสียงหัวเราะให้คลายเหงาไปบ้าง
หลังจากจุนเจือโทรสั่งข้าวเรียบร้อย กระทั่งมีพี่วินฯ มอเตอร์ไซค์นำข้าวกล่องมาส่งจุนเจือรีบออกไปรับข้าวตามที่พี่วินฯ บอกพิกัดมา
เด็กหนุ่มพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร คิดว่าตัวเองน่าจะยกไหวก็แค่ข้าวกล่องสามสิบกล่อง แต่พอมาถึงจริง ๆ จุนเจือมองถุงพลาสติกใบใหญ่โตบรรจุข้าวกล่องจำนวนสามถุงด้วยกัน ก็เริ่มคิดจัดการว่างจะต้องหอบหิ้วมาอย่างไร
เสร็จธุระจากตรงนั้นร่างเพรียวถือของมาด้วยความทุลักทุเล เดินมาถึงประตูกระจกใส เอิร์ทที่ยืนคุยกับพี่เมฆ หันหน้ามาทางประตูพอดี ไม่รีรอปรี่มาช่วย
"ถือไม่ไหว ทำไมไม่โทรมาบอก"
จุนเจือยิ้มแห้ง
"ผมไม่มีเบอร์พี่เอิร์ทนี่ครับ"
เอิร์ทชะงักก่อนหลุดหัวเราะ
"ฮ่า ๆ เออว่ะ พี่เบลอน่ะจุน"
จุนเจือหัวเราะตามขณะที่พี่เอิร์ทช่วยแบกถุงข้าวกล่องไปวางใต้โต๊ะหน้าขาวซึ่งคลุมผ้าปูโต๊ะไว้
เมื่อวางเสร็จแล้ว เจนภพก็ไปคุยเรื่องงานที่ยังติดพันอยู่กับเมฆินทร์ จังหวะนั้น เมฆินทร์หันไปสบตาจุนเจือที่นั่งพักปาดเหงื่อ จุนเจือส่งยิ้มให้พี่เมฆทำนองให้รู้ว่าผม เป็นเด็กดีให้แล้ว ไม่ดื้อแล้วนะ
จุนเจือซับเหงื่อจนแห้ง พี่เอิร์ทเดินมาหาหลังจากพบว่าพี่เมฆินทร์หายไปคุยกับลูกค้าต่อ
"ดีใจล่ะสิ ได้มีส่วนช่วยแล้ว"
"ก็ผมไม่อยากนั่งเฉย ๆ นี่ครับ"
"เรานี่ตลกดีว่ะ"
จุนเจือยิ้ม
"เดี๋ยวพี่ไปเรียกทีมมารับข้าว เรามีกับข้าวอะไรบ้าง"
"เอ่อ กะเพราไก่ไข่ดาว กะเพราหมูสับไข่ดาว แล้วก็หมูทอดกระเทียมราดข้าวครับ"
"เออเป็นงาน" เอิร์ทว่า
"เดี๋ยวผมวางแยกเป็นประเภทไว้ให้นะครับ"
"ดี ๆ พี่ไปตามทีมล่ะ"
"ครับ" จุนเจือยิ้ม
"เออจุน"
"ครับ?"
"พรุ่งนี้ เรามาอีกไหม?"
"ไม่แน่ใจ ผมต้องถามพี่เมฆก่อนน่ะครับ เพราะผมขึ้นอยู่กับเขาครับ" จุนเจือว่าอย่างเศร้า ๆ ก็แน่ล่ะ อยู่กับพี่เมฆ จุนเจือดื้อมากไม่ได้อยู่แล้ว
"ถ้ามาได้ก็มา อยากเจอ"
ครู่หนึ่ง จุนเจือชะงักเมื่อเห็นพี่เอิร์ทส่งยิ้มจริงใจแต่แววตาคล้ายส่งความนัย เขาเป็นผู้ชายที่เท่แถมเสน่ห์เหลือร้ายจริง ๆ
"ครับ ขอบคุณที่ให้ผมได้ช่วยนะครับ พี่เอิร์ท" จุนเจือส่งยิ้ม และเห็นพี่เอิร์ทพยักหน้าก่อนจะเดินไปตามทีมงานมากินข้าว สักพัก พี่เมฆก็มาเรียกจุนเจือให้กลับบ้าน
"กลับบ้านครับ"
"ครับ"
เมฆินทร์หรี่ตามองจุนเจือที่ดูใบหน้าผิดหวัง
"จะรอลาใครก่อนไหม?"
"อ้อไม่ครับพี่เมฆ ไปกันเลยก็ได้ครับ"
จากนั้น ทั้งสองไม่คุยกันเลยทำตัวเหมือนคนแปลกหน้า จนกระทั่งถึงรถ พี่เมฆผุดรอยยิ้มและยื่นมือไปลูบผมจุนเจือ
"พี่ดีใจนะครับ ที่เห็นจุนไม่เครียดวันนี้ จุนอารมณ์ดีตลอด"
จุนเจือหันไปหาพี่เมฆ
"ครับ วันนี้ ผมเป็นเด็กดีตามที่พี่เมฆบอกเลยนะ"
"อื้ม ดีครับ น่ารัก"
"แล้วพรุ่งนี้พี่เมฆก็ให้ผมมาใช่ไหมครับ?"
เมฆินทร์เลิกคิ้วมองเด็กหนุ่ม
"อยากมาหรือเปล่า?"
"อยากมาครับ" จุนเจือยิ้มกว้าง
"ครับ อยากมาก็ให้มา" เมฆินทร์ยิ้มและจุนเจือก็ยิ้มเช่นกัน แต่ทว่าช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสและเริงร่ากว่าคนขับรถเป็นไหน ๆ
.
.
.
.
ในวันต่อมานั้น ทั้งสองยังนั่งรถมาคันเดียวกัน โดยเมื่อคืนนั้น เมฆินทร์และจุนเจือแค่อาบน้ำด้วยกัน โดยปราศจากการมีเซ็กซ์ เพราะกว่าจะหามื้อเย็นกิน เดินทางกลับถึงโรงแรมก็มืดค่ำ และต่างคนต่างเหนื่อยจึงทำได้แค่อาบน้ำและทิ้งตัวลงนอนพัก
กลับมายังปัจจุบัน ที่จุนเจือมองคนที่มุ่งมั่นและมีสมาธิกับการขับรถเกินเหตุ เขายังไม่พูดไม่จา ปล่อยให้จุนเจือได้มีเวลาใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง พี่เมฆยามอยู่ข้างนอก เขาเป็นคนจริงจังกับงาน และดูเป็นผู้ชายที่วางตัวแบบเอื้อมไม่ถึง แต่พออยู่ในห้อง Hotel room ด้วยกัน เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่อบอุ่น น่ารักและน่าอยู่ใกล้ จุนเจือรีบสลัดความคิดออกไป หากมัวแต่เอาแต่จิตใจจดจ่ออยู่กับพี่เมฆ แล้วเขาจะทำใจได้เมื่อไหร่กัน
กระทั่ง ใกล้ถึงงาน เมฆินทร์กำชับจุนเจือว่าไม่ต้องทำอะไร เพราะวันนี้เป็นวันจัดงานแถลงข่าวจริง ๆ การเข้าไปยุ่งย่าม กลัวว่าจะเกิดเหตุผิดพลาดได้
ซึ่งก่อนจะเดินทางมางาน เรื่องของตัวที่พัก เมฆินทร์ได้ทำการยืดระยะเวลาการพักในโรงแรมต่อไปอีกสองคืน เพราะความจริง เขาต้องเช็คเอาท์ในวันพรุ่งนี้
เพียงแค่เท้าก้าวถึงตัวโรงแรมในเวลาสิบโมง พี่เมฆก็ทำตัวห่างเหินทันที
งานแถลงข่าวจะเริ่มในเวลาบ่ายโมงตรง โดยที่ทั้งสองมาแต่เช้าเพื่อมาดูการตระเตรียมงานต่าง ๆ
คราวนี้ ไม่ต้องรอบอกให้ฝากฝังกับพี่เอิร์ท เจ้าตัวก็เดินมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ส่วนเด็กหนุ่มก็พนมมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ
"มาด้วยเหรอ?"
"สวัสดีครับพี่เอิร์ท มาสิครับ พี่มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับ"
"พี่เมฆบอกเหรอว่าให้ช่วยได้"
"ก็แบบยกของอะไรแบบนี้ครับ งานที่เกี่ยวกับหน้างาน ผมคงทำไม่ได้อยู่แล้ว"
"อ่า ๆ ถ้ามีจะบอกนะ ตอนนี้ไปนั่งก่อนเถอะ พี่แค่แวะมาทัก"
"ครับ"
จุนเจืออยากมีส่วนร่วมเพราะยามนี้ ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเองซึ่งต่างก็วุ่นวาย มีเพียงจุนที่ทำได้แต่มอง ครั้นจะไปหาพี่เมฆก็ไม่เหมาะสม เพราะเขาคุยกับลูกค้าอยู่มากหน้าหลายตา จบแล้วก็เห็นไปคุยงานกับกลุ่มทีมงานชุดดำ
สิบเอ็ดโมงกว่า ๆ ใกล้เวลาพักกินข้าวกลางวัน พี่เมฆไม่ได้เดินมาหา มีเพียงข้อความไลน์มาบอกว่า ถ้าจุนเจือหิวให้หาอะไรกินก่อน เพราะพี่เมฆยังไม่เสร็จงาน อาจเป็นเพราะเจ้าตัวกินอาหารเช้ามาแล้วเลยไม่หิวมาก
ไม่นานนัก พี่เอิร์ทก็เดินเข้ามา
"จุน พี่วานหน่อย ช่วยไปหยิบของที่หลังเวที เดินทะลุม่านดำไปจะมีชั้นวางของเป็นโครงเหล็ก มีกล่องลังพลาสติกฝาสีน้ำเงิน หยิบเอาออกมาวางตรงจุดลงทะเบียนให้ที"
"ครับพี่เอิร์ท"
จุนเจือเดินไปตามคำที่พี่เอิร์ทบอก เดินเข้าไปในห้องจัดงาน ปรี่ไปถึงหลังเวที ทะลุผ้าม่านบังตาสีดำ แหวกม่าน พบด้านในเป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีวางโต๊ะและเก้าอี้เป็นจุด ๆ ยามนี้ มีแค่สตาฟสองสามคน นั่งคุยและกินข้าวกันไปด้วย
จุนเจือเดินไปถึงชั้นวางของที่ทำจากโครงเหล็ก กล่องนั้นวางอยู่บนชั้นเหนือศรีษะจุนเจือไปอีก เด็กหนุ่มเขย่งเพื่อหยิบ มั่นใจว่าสองมือยึดไว้มั่นแล้ว แต่พอดึงมันออกมาพ้นชั้นวางจุนเจือไม่คิดว่ามันจะหนักจนรับน้ำหนักไม่ไหว มือสั่น พลาดท่าจนขอบลังพลาสติก เจาะเข้าตรงเหนือคิ้วข้างซ้าย
"โอ้ย!"
สตาฟรีบวิ่งมาดู ถามชื่อ ถามอาการ พอรู้ว่าเป็นคนรู้จักของพี่เอิร์ท ก็รีบวิ่งไปบอก
ขณะเดียวกัน ด้านนอก เมฆินทร์ที่คุยกับลูกค้าเสร็จ เหลือบเห็นเจนภพยืนคุยกับสตาฟมีอาการลนลานแล้ววิ่งไปด้านในห้องจัดงาน เมฆินทร์คิดว่าคงเกิดปัญหาอะไรสักอย่าง จึงเดินตามไปยังหลังม่านเวที
"เอ้ยจุน เป็นแผลเลยว่ะ น้องบอกว่าลังหล่นมากระแทกหน้าเหรอ? เป็นอะไรมากไหม?" เอิร์ทเห็นจุนกำลังยกลังพลาสติกขึ้นมาจากพื้นจะถือ เขาจับมันวางลงแล้วมองหน้าคนที่ยิ้มเจื่อน
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ตอนนี้ผมโอเคแล้ว แค่เจ็บนิดหน่อย" จุนเจือยิ้มเจื่อน แต่พอเอิร์ทเห็นรอยจุดแดงรอบแผลเกิดรอยช้ำม่วงอมเขียวเป็นวงกว้าง แม้ไม่มีเลือดไหลทะลักน่ากลัว แต่ใจก็นึกสงสาร
"ไหวไหมเนี่ย พี่ขอโทษ ไม่น่าใช้จุนเลยว่ะ"
"ผมผิดเองครับพี่เอิร์ท แค่นี้ยังสร้างเรื่องจนได้"
"มีอะไรหรือ?" เมฆินทร์ถาม ยามเดินมาถึง สายตาพลันเหลือบมองเห็นแผลที่หน้าผากเด็กหนุ่ม
"ผมขอโทษนะครับพี่เมฆที่ไม่ได้แจ้งก่อน ผมใช้จุนมายกของ แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่อง"
"อืม"
เมฆินทร์มองหน้าจุนเจือก่อนลอบถอนหายใจ และเดินไปโดยไม่คิดจะเหลียวแลยิ่งทำให้จุนเจือรู้สึกแย่กว่าตอนแรก
"พี่เมฆไม่พอใจแน่เลยว่ะ เฮ้อ! จุนไปนั่งพักก่อนพี่จะให้น้องผู้หญิงไปทำแผลให้ ส่วนของพี่จะให้สตาฟยกเอง"
"ครับ ผมขอโทษนะครับพี่เอิร์ท"
"ไม่ใช่ความผิดจุนเลย ไปรอทำแผล ไป"
จุนเจือออกมานั่งรอตรงหน้าห้องจัดงานที่เริ่มเห็นผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานดูท่าน่าจะอยู่ในตำแหน่งระดับสูง รวมถึงสื่อมวลชนทะยอยมาบ้างแล้ว ไม่นานก็มีน้องผู้หญิงอ้างตัวว่ามาจากพี่เอิร์ท ถือกล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็กมาทำแผลให้ เธอทำความสะอาดแผลด้วยสำลีจุ่มแอลกอฮอล์ จากนั้นต่อด้วย เบตาดีน และนำพลาสเตอร์มาปิดปากแผลให้ โดยตลอดเวลาการทำแผลนั้น จุนเจือสอดส่องมองหาพี่เมฆทั่วงานก็ไม่พบ ไม่รู้หายไปไหน เขาคงโกรธมากจริง ๆ
จุนเจือรู้สึกแย่ที่เป็นตัวการสร้างปัญหา เมื่อทำแผลเสร็จเขาเดินไปห้องน้ำ หวังดูหน้าตัวเอง พอเดินไปถึง ก็สวนกับชายสองคนที่เพิ่งเดินออกมา ส่วนด้านในจึงไม่เหลือใคร นอกจาก....
"พะพี่เมฆ"
เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยปุ๊ป เมื่อเห็นพี่เมฆยืนวางมือตรงอ่างล้างหน้า จ้องมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงา
เพียงได้ยินคนเรียกชื่อ หันไปเห็นจุนเจือ ร่างสูงปรี่มากระชากแขนจุนเจือให้เดินไปห้องน้ำด้านในสุด แล้วลงกลอน
"พะ...พี่เมฆจะทำอะไรครับ?"
"ทำไมจุนชอบสร้างเรื่อง พี่บอกให้ อยู่เฉย ๆ ใช่ไหม?"
"ก็...ผมอยากช่ว..."
ปัง
จุนเจือสะดุ้ง ใจตกไปที่ตาตุ่ม เมื่อพี่เมฆทุบผนังข้างห้องน้ำเสียงดังลั่น
"ทำไมถึงฟังไม่รู้เรื่อง"
จุนเจือน้ำตาคลอเมื่อโดนดุด้วยเสียงกร้าว เขาไม่เคยเห็นพี่เมฆโกรธจริงจังขนาดนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะมีแค่น้ำเสียงที่แสดงออกอย่างเดียว ไม่เคยมีอารมณ์ร่วมหรือทีท่าโกรธเกรี้ยว โมโหเท่านี้มาก่อน
"ผะ ผมขอโทษครับพี่เมฆ โอเค เดี๋ยวผมกลับไปรอที่โรงแรมแล้วครับ ฮืก.." จุนเจือว่าเสียงสั่นเครือ เขาหมุนตัวจะไปเปิดกลอนประตู
ฟึ่บ!
จุนเจือตกใจเมื่อจู่ ๆ พี่เมฆรวบเอวจุนเจือให้เข้าไปใกล้ เมฆปิดฝาชักโครกแล้วรั้งร่างเพรียวกว่าจับนั่งลงตัก
"จะไปไหน หันมาหาพี่"
จุนเจือเอี้ยวตัวหันไปมองพี่เมฆที่แววตาเกรี้ยวกราดเมื่อครู่สงบลงเหลือแววตาที่เขาคิดเองว่าพี่เมฆห่วงใย
เมฆยังคงไม่พูดอะไร ลูบแผลที่ถูกทำความสะอาดและปิดด้วยพลาสเตอร์อย่างดี
"ผมขอโทษนะครับพี่เมฆ คือ ผมแค่อยากช่วย ผมไม่อยากเป็นตัวปัญหาหรอกนะ ฮึก!"
"พี่ก็แค่...ช่างเถอะ จุนไปโรง'บาลไหม ไปเอ็กซเรย์เผื่อสมองกระทบกระเทือน หลังงานเสร็จพี่จะพาไป"
"ผมไม่เป็นอะไรจริง ๆ ครับ ผมแค่ซุ่มซ่าม พี่เมฆไปทำงานเถอะครับ ผมว่าผมกลับไปรอโรงแรมดีกว่า"
"เรามึนหัวหรือเจ็บไหม?" เมฆินทร์ถามในขณะที่มือก็ยังแตะเบา ๆ วนอยู่ตรงแผล
"ไม่มึนแล้วครับ แต่เจ็บอะ"
เมฆินทร์เงียบแล้วกระชับเอวเด็กหนุ่มมาใกล้อีกนิด
"พี่เปิดห้องให้จุนพักที่นี่แล้วกัน"
"ไม่เอา ๆ ครับ เปลืองเงินถ้างั้นผมเดินรอแถวนี้ครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ลำบากใจอีก"
ตอนจุนเจือตอบ เขาเอี้ยวตัวมาประสานสายตากัน และเป็นเมฆินทร์ที่โน้มตัวไปใกล้หวังจะจูบ สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นของทั้งคู่เป่ารดกันแล้ว แต่ทว่า คนแก่กว่าหยุดชะงักงัน
"ตามนั้นครับ ถ้างั้น จุนออกไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป"
"คะ...ครับ"
จุนเจือเดินออกมา ล้างหน้า ล้างตา เว้นตรงแผลที่ปิดพลาสเตอร์ และมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาด้วยความรู้สึกสงสัยว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่
จุนเจือลอบถอนหายใจ ขณะที่เท้ากำลังก้าวออกจากห้องน้ำ พี่เอิร์ทก็เดินเข้ามา
"อ้าวจุนอยู่นี่เองเหรอ?"
"อ่าครับ"
"ดีขึ้นรึยัง? พี่ขอโทษนะ ยังรู้สึกผิดอยู่เลยว่ะ"
"ดีแล้วครับ ตอนนี้ พี่เมฆก็ไม่ได้ว่าอะไรผมแล้ว พี่อย่ารู้สึกผิดนะครับ" จุนเจือว่าเพราะเห็นพี่เอิร์ทมีสีหน้ารู้สึกผิดจริง ๆ
"ไหนขอดูแผลหน่อยสิ เป็นไงบ้างยังเจ็บอยู่ไหม?"
จุนเจือชะงักยามที่จู่ ๆ พี่เอิร์ท ไม่พูดเปล่า เดินเข้ามาใกล้ โน้มตัวลงมองแผลจุนเจือใช้มือลูบและเป่าแผลเหมือนปลอบเด็ก
ในจังหวะที่สองคนยืนชิดใกล้เป็นจังหวะเดียวกับที่เมฆินทร์เปิดประตูห้องน้ำมาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างพอดี
เจนภพผละออกห่างจากตัวจุนเจือ
"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ไปทำงานครับ เอิร์ท" เจนภพหน้าซีดยามเห็นเจ้านายว่าเสียงเข้ม
"เอ่อะ ผมขอโทษครับ พี่เมฆ ผมไปเดี๋ยวนี้เลยครับ"
พอพี่เอิร์ทโค้มศรีษะขอโทษ เขาสบตามองจุนเจือครู่หนึ่ง ก่อนเดินพ้นห้องน้ำ ทิ้งให้จุนเจือและเมฆินทร์อยู่ด้วยกัน ยังไม่ทันที่จุนเจือจะอ้าปาก คนแก่กว่าเดินผ่านไปอย่างไม่มีเหลียวมองกลับมา
.
.
.
.
"อ้าว น้องนี่เอง"
และแล้ว งานแถลงข่าวจบลงด้วยดี จุนเจือที่พยายามยืนหลบมุมเนื่องจากมีช่างภาพ สื่อทีวี และสื่อออนไลน์มาร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มคิดว่าความวุ่นวายนี้ ไม่น่าทำให้เขาเป็นจุดเด่นได้ แต่ยังมิวายมีคนตาดีมาเห็น
"คุณเอ่อ..."
"พี่ชื่อดินไงครับ น้องชื่ออะไรนะ"
"จุนครับ คุณดิน"
"เรียกพี่เถอะครับ"
"ครับ" จุนเจือตอบพลันลอบมองใบหน้าน้องชายพี่เมฆที่ในวันนี้ดูเครียดขึง ไม่มีแววอารมณ์ขัน
"มาทำอะไร?"
"เอ่อะ..."
"ช่างมันเหอะ เห็นพี่เมฆไหม เขาอยู่ไหน?"
"ผมไม่ทราบเลยครับพี่ดิน พอดีเห็นพี่เมฆวุ่นตลอดเลยครับ"
"ขอบคุณนะ เดี๋ยวพี่ไปดูเอง"
เวลาผ่านไปผู้คนบางตาลง นักข่าวจำนวนมากก็ทะยอยกันกลับ เหลือเพียงลูกค้าบางส่วนเท่านั้น
ส่วนทีมงานเซ็ตอัพก็ทะยอยกันรื้อเวที เก็บของต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน เอิร์ทก็เดินมาหาจุนเจือ
"จุน"
"ครับพี่เอิร์ท"
"ดีขึ้นรึยัง?"
จุนเจือมองพี่เอิร์ทที่เขาถามไถ่หลายรอบ
"ดีครับพี่เอิร์ท นี่เสร็จแล้วเตรียมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ?"
"ใช่ รอทีมเซ็ตอัพเสร็จก็กลับบ้านได้แล้ว คงเบื่อแย่สินะที่ต้องมางานแบบนี้ พี่ชายจุนก็แปลกนะ ทำไมไม่ให้ไปเที่ยว ให้มาอยู่ที่นี่กับพี่เมฆ ตลกว่ะ"
นั่นสิ จุนเจือมาอยู่นี่ทำไม? เขายังงงตัวเองมาจนถึงจุดนี้ ครั้นจะบอกว่าเพื่อได้เห็นการทำงานพี่เมฆ แต่ไป ๆ มา ๆ การอยู่ตรงนี้ มันกลับทำให้เด็กหนุ่มเครียดกว่าเก่า
"ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขาสักนิดก็ยังดีมั้งครับ"
"ใกล้เขาน่ะใคร?"
"อ้อเปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก ผมเพ้อไปเรื่อยครับ" จุนเจือยิ้ม
"แล้วปกติเราเป็นคนสังสรรค์รึเปล่า แบบกินเหล้า กินเบียร์อะไรแบบนี้?"
"ก็มีบ้างนะครับ"
"เฮ้ย วันนี้พวกพี่จะไปดื่มพอดี ไปด้วยกันดิ"
จุนเจือยืนครุ่นคิดพลางเม้มปากอย่างชั่งใจ
"กลัวพี่ชายว่าเหรอ? พี่เคยถามพี่เมฆ แกบอกว่าพี่ชายจุนดุ" เจนภพเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนก็เดาได้ไม่ยาก
"ประมาณนั้นแหละครับ" จุนเจือจำต้องเล่นละครเป็นน้องชายเพื่อนพี่เมฆให้สมบทบาท
"อ้าเสียดาย ไว้วันหลังพี่ค่อยชวนแล้วกัน โอเคไหม"
"จะชวนยังไงครับ? ผมไม่มีเบอร์ติดต่อพี่"
"ก็นี้ไง ขอไลน์เลยแล้วกัน" เจนภพว่ายื่นมือถือไปตรงหน้าให้จุนเจือพร้อมเพิ่มเพื่อน จุนเจือง่วนอยู่กับการเข้าแอพพลิเคชั่น เสร็จสรรพก็ส่งคืนให้พี่เอิร์ท
"ขอบใจนะจุน ไว้พี่ชวน ขอไปดูงานก่อน"
"ครับ" จุนเจือส่งยิ้มให้ กำลังจะเดินไปที่ห้องน้ำ ได้ยินเสียงข้อความจากแอพพลิเคชั่นหนึ่งก็นึกในใจก็นึกว่าพี่เอิร์ทส่งมาทักทาย คว้ามันมาดูถึงรู้ว่าไม่ใช่
พี่เมฆนัดแนะให้จุนเจือไปหาที่ห้องน้ำ เด็กหนุ่มจึงเดินไปหาตามพิกัด
"พี่จะไปกินข้าวกับดินต่อ จุนกลับห้องไปก่อนได้ไหม?"
จุนเจือมองพี่เมฆด้วยแววตาเหงาหงอยปนน้อยใจ สรุปแล้ว ทั้งจุนเจือและพี่เมฆต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริง ๆ น้อยมาก เด็กหนุ่มไม่อยากนอนคิดมากคนเดียว จึงเอ่ยขอ
"ถ้าผมจะขอไปดื่มกับพี่เอิร์ทได้ไหมครับ พอดีพี่เขาชวน"
"ได้สิ แต่สี่ทุ่มต้องถึงห้อง"
"ครับ แล้วเราจะไปเจอกันที่ห้องใช่ไหมครับ?"
"ครับ"
จุนเจือรวบรวมความกล้า เห็นแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่ห้องน้ำ ตัดสินใจรีบจูบปากอีกฝ่ายไว ๆ แล้วยิ้มจาง ๆ อย่างคนมีความหวังเสมอ
"ถ้างั้นเจอกันที่ห้องของเรานะครับพี่เมฆ"
เมฆินทร์ชะงักงัน ตกใจไม่คิดว่าจุนเจือจะทำอะไรแบบนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะแยกย้ายไปยังจุดหมายที่ต่างกัน
.
.
.
.
"พี่เมฆ ทำไมพวกเราแม่งอาภัพรักกันอย่างนี้วะ"
เมฆินทร์ไม่ตอบ หลังจากนั่งฟังน้องชายไปอย่างเงียบ ๆ นาทีนี้สองพี่น้องนั่งดื่มกันที่บาร์แอนด์เรสเตอรองค์ได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว ส่วนสาเหตุที่ปฐพียอมหนีงาน ลงทุนมาหาเมฆินทร์ นั่นเป็นเพราะน้องชายมีปัญหาด้านความรัก
ปฐพี โดนแฟนที่กำลังจะแต่งงานด้วยนอกใจ จนทำให้เขารีบหยุดการดำเนินงานเพื่อยกเลิกงานแต่งที่กำหนดไว้ในอีกสองเดือนข้างหน้า เมฆินทร์จึงต้องมานั่งเป็นเพื่อนคนที่กำลังดื่มเหล้าย้อมใจ
"แม่ง ถ้าจะมีคนอื่น ก็ไม่ควรตอบตกลงแต่งงานกันหรือเปล่าว่ะ ผมแม่งโคตรเฟล เจอปรางจูบปากกับผู้ชายคนอื่นในผับเลย พอผมต่อยไอ้เหี้ยนั้น ปรางกลับด่าผมทั้ง ๆ ที่คนผิด คือ ไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่หรอวะ?"
"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่มีเหตุการณ์นี้ทำให้นายตาสว่าง ถ้านายไม่เจอเขาจูบกัน นายก็คงคบไปเรื่อย ๆ"
"แต่มันทั้งเจ็บทั้งโกรธไงพี่ พอจับได้ ผมเค้นถามปรางจนได้คำตอบ ว่าแอบคบมาได้แปดเดือน ซึ่งก็คบก่อนที่ผมจะขอเธอแต่งงานอยู่ดี แม่งโคตรเสียใจทำแบบนี้ได้ไงวะ"
"แล้วจะทำไงต่อไปจากนี้?" เมฆินทร์ถามน้องชาย
"ก็เลิกติดต่อไปและพยายามคิดว่า ดีแล้วที่ไม่ต้องเสียค่าสินสอด ส่วนเงินที่เสียไปกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ถือว่าเสียค่าโง่น่ะพี่"
"เงินนายหมดเลยเหรอ?" เมฆินทร์ถามอีก ฟากปฐพีพยักหน้า
"อืม ช่างมันเหอะพี่เมฆ ผมโง่เอง"
เมฆินทร์มองน้องชายที่น้ำเสียงและใบหน้าดูเครียดจัด แต่ยังไม่เห็นน้องชายร้องไห้ หรือไม่ก็อาจจะผ่านการร้องไห้มาอยู่ก่อน เพียงแต่ตอนนี้ อาการที่เห็นได้ชัด คือ การที่น้องชายกระดกเหล้าราวกับน้ำเปล่า
"พ่อ-แม่รู้รึยัง?"
ปฐพีส่ายหน้า
"ยังเลยพี่เมฆ ว่าจะหาจังหวะบอกอยู่"
"อืม ลองดูแล้วกัน"
"พี่คืนนี้ ผมไปนอนกับพี่ได้ไหม"
เมฆินทร์นิ่งไปนิด ก่อนตอบ
"อืม ได้"
"เออ ผมนึกขึ้นได้ สรุปพี่กับเด็กคนนั้นคือยังไง? มาด้วยกันได้ไง? จะถามหลายรอบแล้วก็ลืม ตั้งแต่ที่ผมเห็นที่ห้าง ไหนจะยังมาเจอที่นี่อีก" ปฐพีพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ จากเรื่องเครียดของตัวเอง ด้วยการถามเรื่องของพี่ชายบ้าง
"....."
"เท่าที่ผมเห็นคือพี่กับน้องคนนั้นสนิทกันมากกว่าตอนที่น้องเขาอยู่โรงแรมซะอีก ถามจริงเหอะ เป็นแฟนกันเหรอ?" ปฐพีย้ำพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแต่สายตายังคงแสดงออกอย่างคาดคั้นในคำตอบ
"ไม่ได้เป็น เราแค่มีเซ็กซ์กันเฉย ๆ นายไม่ต้องถามอะไรมากไปกว่านี้ เพราะฉันจะไม่ตอบ"
"แค่มีเซ็กซ์? พี่ไม่ชอบน้องเขาเลยเหรอ?"
พี่ชายปฐพีส่ายหน้า
"ผมไม่เชื่อ"
เมฆินทร์มองหน้าน้องชาย
"มันเป็นเรื่องจริง"
"
พี่ไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่า? พี่จะไม่หวั่นไหวเลยเหรอ น้องเขาก็น่ารักดีนะ อีกอย่างผมรู้สึกเหมือนน้องเขาน่าจะชอบพี่มาก เผลอ ๆ อาจจะสนใจพี่ตั้งแต่อยู่ที่เกาะ เหมือนตอนที่ผมเคยเดาไว้เล่น ๆ"
"ขอบใจนายมากนะดิน ที่นายสนใจเรื่องของฉัน แต่ไม่เป็นไร ฉันโอเคทุกอย่างที่เป็นแบบนี้ นายเถอะดูแลตัวเองให้ดี อย่าคิดวู่วาม ทำอะไรที่มันไม่ดีแล้วกัน"
ปฐพีเงียบเมื่อพี่ชายว่าแบบนั้น เขาก็เริ่มเมาเสียด้วย รู้สึกจะพูดมากเป็นพิเศษ
"ขอบคุณนะพี่เมฆ ส่วนเรื่องพี่น่ะ ผมก็แค่อยากให้พี่เปิดใจ มันไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้พี่จะเจอรักแย่ ๆ คนแย่ ๆ อย่างพี่เฟย์เสมอไป ผมเชื่อนะว่าพี่จะได้เจอคนดี คนที่คอยดูแลพี่อย่างจริงใจ อย่างน้องจุนคนนั้นก็อาจดีก็ได้ ใครจะรู้"
"เมาแล้วพูดมากนะดิน ฉันขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน" เมฆินทร์บอกน้องก่อนจะขอตัวไปคุยมือถือ
[สวัสดีครับ]
"จุน"
[อ่าครับพี่เมฆ รอแปปนึงนะครับในนี้เสียงดัง ผมจะออกไปคุยข้างนอก]
ครู่หนึ่งจากเสียงอึกทึกครึกโครมก็เริ่มเบาลง
[พี่เมฆกินข้าวเสร็จแล้วหรอครับ]
เมฆินทร์ก้มมองนาฬิกาข้อมือเรือนงาม ปรากฎเวลาสามทุ่ม
"ยังครับ จุนเมารึยัง?"
[ก็นิด ๆ ครับ]
"จุนคืนนี้เราคงไม่ได้อยู่ด้วยกัน"
[ทำไมครับ]
"พี่จะกลับคอนโด แล้วดินจะไปนอนด้วย"
[อ้อครับ]
"พรุ่งนี้ ไม่มีงานด่วน พี่จะอยู่กับจุน ไปเจอกันที่โรงแรม"
[ครับพี่เมฆ]
จบบทสนทนา จุนเจือกำมือถือแน่น เมื่อไหร่นะที่เขาจะทำใจจากพี่เมฆได้สักที ใจร้ายอย่างนี้ ก็ยังชอบเขาอยู่ได้ เห็นที จุนเจือคงต้องดื่มให้เมากันไปข้าง
'อยากรู้เหมือนกันที่คนเขาว่ากันว่า ดื่มเพื่อลืมเธอนั้น มันจะใช้ได้ผลไหม?'
.............................................................
จุน อย่าลืมเป็นเด็กดีของเมฆซี่ซซซซซซ.....