มนต์มาร
Part 8
ความลับปมใหม่....
.
.
.
.
.
พระลักษมณ์แอบสำรวจปาจาอย่างเงียบๆ..ยอมรับใจเต้นตึกๆตักๆ..ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...
ถึงจะเคยถูกผู้ชายหม้อมาบ้างไม่น้อย ยิ่งตอนปฏิบัติงานก็เคยเจอ แต่ไม่เคยรู้สึกพิลึกพิลั่นเหมือนที่มาได้ยินปาจาเพ้อระหว่าง
เข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้...หน้านี่ไม่ต้องพูดถึงร้อนจนจะเดือดแล้วเหอะ..ทั้งโมโห..ทั้งโกรธ...ทั้งขำ..ทั้งสงสาร...
สุดท้ายอายโคดๆ...
ยอมรับไอ้น้ำแข็งตัวโตข้างล่าง จัดเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว รูปหล่อ รวย..
ดีกรีด๊อกเตอร์ ฝีมือดีอีกตะหาก...เพียบพร้อมเพอร์เฟ็กซ์ซะขนาดนั้น...ถ้าไม่รักฝังใจจนยากจะลืม
ก็คงมีอดีตทำให้ไม่ยอมรับใครเข้ามาในชีวิตเสียมากกว่า
ส่วนที่ปั้นจิ้มปลดปล่อยกับสาวๆ สวยๆ เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย พระลักษมณ์เองเข้าใจดี
ยิ่งกรณีนี้ด้วยแล้วครูรัสสาใช่เป็นคนขี้เหร่ซะเมื่อไหร่ ออกจะสวยพริ้งซะขนาดนั้น ที่สำคัญเธอรุกนำเป็นใครก็คง
ไม่เก็บไว้ขึ้นหิ้งหรอก...แต่ไหงไปๆ มาๆ มันดันมาลงท้ายอิหรอบนี้ไปได้...
ปาจานั่งพิงโซฟาแหงนหน้าหลับตาอยู่สักครู่ ก่อนจะลุกเดินหายออกประตูไป...พระลักษมณ์
ที่รอโอกาสนี้อยู่แล้ว ค่อยโหนตัวลงจากคานหลังจากแน่ใจว่าฝีเท้าปาจาไกลออกไปพอสมควรแล้ว...
เหลือบดูนาฬิกาตั้งโต๊ะ สามทุ่มกว่าแล้วหรือเนี่ยะ....ค่อยๆลอบออกจากห้องหนังสือ...
ด้านนอกทางเดินยังเปิดไฟไว้อยู่....สี่ทุ่มทุกอย่างจะปิดโดยอัตโนมัติ..บ้านทั้งหลังต้องอาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์
กฏที่นี้ห้ามออกนอกห้องหลังสี่ทุ่ม....ข้อนี้พระลักษมณ์เข้าใจถ่องแท้...เลยรีบตรงดิ่งกลับเข้าห้องทันทีไม่ให้มีพิรุธ....
กลับเข้ามาแล้วพระลักษมณ์ไม่รอช้า เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้สดชื่น ก่อนจะกลับมาใส่ชุดอำพรางตัว
สีดำรัดรูปอีกครั้ง จัดอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ เหมือนคืนที่ออกสำรวจราตรีรอเวลาไม่ถึงสิบนาที นาฬิกาพรายน้ำบนข้อมือ
บอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง วันนี้พระลักษมณ์กะออกเร็วครึ่งชั่วโมง..กำลังจะเปิดประตู หูดันแว่วเสียงคนเดินตรงมาทางห้องตัวเอง
ถ้าไม่ตั้งใจฟังให้ดีแทบจะไม่ได้ยิน...เลยชะงักไว้ก่อน พร้อมกับค่อยๆ ส่องลอดช่องประตูออกไป
กายันต์มาทำอะไร...กำลังลุ้นว่ากายันต์จะเดินมาที่ห้องตนหรือไม่...สุดท้ายกลับเป็นห้องฝั่งตรงข้าม
ตะหากเป้าหมายของกายันต์..ก่อนจะเคาะประตูเบาๆ สองครั้ง
“ก๊อกๆ” รอไม่นานประตูเปิดออกโดยสิตาเจ้าของห้อง..เปิดประตูออกมารับกายันต์ทั้งคู่จ้องกันนิ่งๆ
ไม่พูดจา ท่าทางสิตาไม่ออกอาการแปลกใจที่กายันต์มาเคาะ แถมยังหลบทางให้กายันต์มุดหายเข้าไปก่อนจะปิดประตู
ลงกลอนตามหลัง...พระลักษมณ์สงสัยความสัมพันธ์ประหลาดๆ ของคนในบ้านหลังนี้ชะมัด ทั้งปาจา ธรรมตรัย
กายันต์ และสิตา...ตกลงอะไรมันยังไงกันแน่คนพวกนี้
อยากเคลียร์ให้กระจ่าง ยอมเสียมารยาทสอดลวดเข้าไปทางช่องประตู..พร้อมต่อสัญญาณ
กับโทรศัพท์มือถือ ภาพภายในห้องปรากฎบนจอ กายันต์กับสิตาโลมรันพันตูกันอยู่บนเตียง เกี่ยวกระหวัดจูบกัน
อย่างเร่าร้อน พระลักษมณ์ดูแค่นี้ก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง...แต่ก็ยังมีปมคำถามมากมายในหัว..ถ้าสายตาตนเองดูไม่ผิด
สิตาน่าจะหลงรักปาจาแน่นอน แล้วทำไมถึงมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกายันต์ หรือทุกอย่างเป็นแค่เซ็กส์เฟรน
หรือบ้านนี้เค้าหาวิธีปลดปล่อยกันเอง...ปาจากับธรรมตรัย กายันต์กับสิตา...น่าจะเป็น
แบบนี้มากกว่า...คิดได้ดังนั้น พระลักษมณ์เก็บอุปกรณ์ยังทันเห็นภาพสุดท้าย...เสื้อผ้าของทั้งสองคนหลุดออกจากร่าง
ทีละชิ้นๆ จนเปลือยเปล่า
ไม่เสียเวลาต่อไป พระลักษมณ์ตรงดิ่งมายังโซนชั้นล่างทันที...การเดินด้วยฝีเท้าย่องเบาแทบไม่ได้ยิน
เสียงของพระลักษมณ์ ฝึกฝนอย่างชำนาญ พอพ้นหัวมุมทางเดิน ต้องรีบหลบเข้ามุมทันที เมื่อเห็นปาจากำลังแทรกหาย
เข้าไปยังห้องธรรมตรัย..
“
หึ..คงมาปลดปล่อยอารมณ์ที่ค้างตอนเย็นละมั้ง ดีจริงพี่น้องบ้านนี้ คนน้องฟัดกับหญิง
อยู่ชั้นบน คนพี่ฟัดกับเลขาผู้ชายอยู่ชั้นล่าง...” พระลักษมณ์สบถกับตัวเองคนเดียว...ก่อนจะแอบลอบออกจากตัวบ้านเพื่อ
สำรวจหาดูห้องลับต่างๆ โดยไม่สนใจที่จะตามไปดูพฤติกรรมบ้าเซ็กส์ของพี่น้องดงพญาอีก...
เช้าวันใหม่...พระลักษมณ์ตื่นตามปกติ...วันนี้ไม่สายเพราะไม่มีเรื่องกวนใจทำให้นอนไม่หลับ
เหมือนคืนแรกมารบกวน..พอรู้พฤติกรรมของคนในบ้านแล้วพระลักษมณ์ก็ตัดความรู้สึกต่างๆ ออกได้....เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ
สำหรับคนที่มีจิตพิศวาสต่อกัน การปลดปล่อยกับคนในดีกว่าปัญหายุ่งยากจากคนนอก...พระลักษมณ์มั่นใจแล้วว่าปาจา
เป็นโฮโมฯ เต็มร้อย....ไม่ต้องไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ไรแล้ว....ที่เหลือแค่หาหลักฐานของคนร้ายก็พอ...
อาบน้ำแต่งตัวกลับมาอยู่ในลุคของรพินทร์ สำรวจตรวจดูความเรียบร้อยของตนเองหน้ากระจก
อีกครั้ง...ก่อนจะเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องอาหารทันที
วันนี้รพินทร์มาถึงเป็นคนที่สอง ไม่แปลกใจเพราะเพิ่งหกโมงครึ่งเอง...เวลาอาหารเช้าเจ็ดโมงตรง....
แต่คนแรกนั่นสิปาจากำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์หน้านิ่ง....หึ...ตัวเบาทุกคืนเลยเหอะ...
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณจา” รพินทร์ทักตามมารยาท ปาจาเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์จ้องรพินทร์
ก่อนจะยกยิ้มมุมปากทักทายกลับว่า
“อรุณสวัสดิ์ครับ...คุณคงหายแล้วสินะ...หน้าตาดูสดชื่นขึ้นแล้วนี่” รพินทร์ยิ้มปากกว้าง..
ตอบกลับไปว่า
“หายแล้วค่ะ..ฉันมันพวกหนังเหนียว..สวยถึกและบึกบึนจิ๊บๆน่า” พร้อมกับยักคิ้วให้อีกตะหาก...
ปาจาอดยิ้มขำกับท่าทางกร่างของรพินทร์ไม่ได้...ทะเร้นจริงๆ..
“กาแฟไหม?..” ปาจาถาม
“ดีเหมือนกันค่ะ..” รพินทร์ตอบ
“กริ่งๆๆๆๆ!..” ปาจายกกระดิ่งบนโต๊ะขึ้นมาสั่นเรียกคนรับใช้...ไม่นานก็มีหญิงวัยกลางคน
ที่รพินทร์พอคุ้นหน้าอยู่บ้างเดินเข้ามาก่อนปาจาจะเป็นคนสั่งว่า
“ไปชงกาแฟให้คุณรพินทร์หน่อยสิ...อืม..คุณดื่มรสชาติแบบไหนบอกไปด้วยก็ดี” ปาจาหันมาถามรพินทร์
“กาแฟสอง...น้ำตาลกับคอฟฟี่เมทอย่างละหนึ่ง” รพินทร์ยิ้มสยามให้กับคนรับใช้พร้อมบอกสูตรกาแฟ
ของตนเองไปเสร็จสรรพ..เธอยิ้มรับก่อนจะเดินหายไปชงกาแฟตามคำสั่ง
“เป็นไงบ้างเมื่อคืนหลับสบายกว่าคืนแรกไหม?” ปาจาเปิดบทสนทนาขึ้น พร้อมพับเก็บหนังสือพิมพ์
ไว้บนโต๊ะ
“ดีค่ะ...คุ้นเคยแล้ว ฉันปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ไว” รพินทร์ตอบ
“หึ...ก็ดี...วันนี้หลังอาหารเช้าคุณเข้าไปในไร่กับผมนะ...” “หืม...ทำไมค่ะ” “ผมอยากพาคุณไปแนะนำให้คนงานรู้จักอย่างเป็นทางการ” “มีใครไปด้วยบ้างค่ะ?” “คุณกับผมสองคน...ผมขับรถจิ๊ปไปเอง” “แล้วกลับกี่โมง” รพินทร์ยังคงถามให้หายสงสัย
“เย็นเลยทีเดียว มื้อเที่ยงกินในไร่กันคุณสะดวกไหม?..” ปาจามองหน้ารพินทร์รอคำตอบ
ความจริงอยากรู้เหมือนกันว่ารพินทร์ติดดินหรือเปล่า คำว่ากินในไร่ ที่จริงแล้วในไร่มีเพ้นเฮ้าส์สำนักงานอยู่..
สะดวกสบายทุกอย่างไม่ได้ไปกินกลางดินกลางป่า แต่ปาจาไม่อธิบายให้ละเอียด...อยากรู้ว่ารพินทร์ที่เห็นคนนี้
จะเป็นคนแบบไหน
“ไม่มีปัญหา แค่มีให้กินไม่อดก็พอแล้ว..สำหรับฉัน” รพินทร์ตอบยิ้มๆ พลอยทำให้ปาจาอดยิ้ม
ตามไม่ได้...กร่างอึดสมกับเป็นทอมห้าวซะไม่มี...จะว่าไปรพินทร์ก็ไม่ได้บอบบางอ้อนแอ้นไรมาก ออกจะสูงโปร่งสมส่วน...
หน้าตาก็ออกแนวหล่อใส..หน้าอกแบนราบ...แต่งตัวทะมัดทะแมง...ตาโตขนตายาว...ปากบางจมูกโด่งรั้น...เสียงแหบต่ำ...
จะว่าเหมือนผู้ชายก็เหมือนอยู่มาก...แต่ก็ไม่ทั้งหมด..จะว่าผู้หญิงจ๋าก็ไม่เชิง...สรุปทอมหน้าตาหล่อ...หึ..
“ขำอะไรคุณจา..” รพินทร์อดคิ้วขมวดไม่ได้ รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นดื้อๆซะงั้น อยู่ๆ ไอ้เจ้าน้ำแข็ง
ดันยกยิ้มหัวเราะในคอเฉยเลย ถึงจะดูดีมีเสน่ห์ก็ช่างเถอะ แต่ออกจะกวนประสาทเสียมากกว่าในสายตารพินทร์
คงคิดอะไรเกี่ยวกับตนเองแน่ๆ
“ผมไม่ปิดบังแหละ..ถามจริงเถอะรพินทร์..คุณเคยมีแฟนผู้ชายไหม?” รพินทร์งงกับคำถามของปาจา..
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ในลุคไหน ก็พอจะคาดเดาความคิดปาจาออก...ตอบกลับไปทันทีว่า
“ไม่เคย...คุณถามทำไม” รพินทร์ถามกลับหลังตอบคำถามไปแล้ว
“ผมแค่อยากรู้จักคุณมากขึ้น” ปาจายังอมยิ้มกวนๆ
“รู้จักเพื่อ” รพินทร์ไม่ชอบสายตาท่าทางกวนประสาทของปาจาเลยให้ตายพับผ่าสิ...หน้านิ่งกับมาดขี้เก็ก
ก็ดูหมั่นไส้พอแล้ว ยิ่งทำหน้าตาแบบนี้ยิ่งกวนได้ใจโคดๆ
“
ทำไม..อยู่บ้านเดียวกันผมถามไม่ได้หรือไง...การได้รู้จักเพิ่มขึ้นมันช่วยให้เราเข้าใจอีกฝ่ายดีขึ้น
ไม่ใช่หรือ..” ปาจาไม่ตอบแต่กลับย้อนรพินทร์ซะงั้น
“ก็ถูกของคุณ” พูดจบต้องหยุดกลางคัน เมื่อคนรับใช้ ยกกาแฟพร้อมชามาเสริฟ หลังจากคนรับใช้
กลับออกไป รพินทร์จิบกาแฟก่อนจะพูดต่ออีกว่า
“ฉันถามคุณบ้างได้ไหม” “คุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผม...ลองถามมาดูก่อน ตอบได้ผมยินดี” ปาจาตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้
ทั้งสองคนจ้องกันไม่มีใครหลบตาใคร..
“คุณเป็นพวกโฮโมฯ หรือเปล่า” รพินทร์ถามไปตรงๆ แต่ปาจากับขำพรืดขึ้นมาทันที
“หึ..ฮ่าๆๆๆ...โทษทีผมเสียมารยาทไปหน่อย อะไรทำให้คุณคิดว่าผมเป็นแบบนั้น” ไม่ตอบแต่ดัน
ถามรพินทร์กลับเฉยเลย...ไอ้น้ำแข็งนี่มันร้ายใช่เล่น
“เมื่อวานคุณจูบฉัน...แล้วนึกยังไงมาจูบไม่ทราบ” รพินทร์พูดได้หน้าตายมาก แถมยังลอยหน้า
ยักคิ้วใส่อีก...ปาจาเห็นแล้วอดยิ้มกว้างไม่ได้
“
ไม่มีอะไร...ผมแค่อยากสั่งสอนนิสัยปากพาจนของคุณแค่นั้น การที่ผมจูบคุณแล้วทำให้คุณเข้าใจ
ว่าผมเป็นโฮโมฯ ฟังดูผมชักงงแหะ คุณเป็นผู้หญิงผมจูบคุณแล้วมันจะเป็นโฮโมฯตรงไหน...หืม..รพินทร์” พูดไม่พูดเปล่า
ดันจ้องหน้ารพินทร์ส่งสายตาวิบวับให้อีก...ร้อยทั้งร้อยไม่ว่าชายหรือหญิงมาเห็นท่าทางกับสายตากรุ่มกริ่มของปาจาเข้า
ไม่หน้าแดงให้มันรู้ไป รพินทร์ก็อยู่ในข่ายนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะมันเกินจะต้านพลังดึงดูดที่เจ้าของส่งให้จริงๆ
ให้ตายห่าเหอะ...มึงจะหล่อสาดไปไหนหวะ..
นึกขึ้นได้...ตนเองอยู่ในลุคทอม ยังไงความเข้าใจของปาจาก็ยังคิดว่าตนเป็นหญิงอยู่วันยังค่ำ
ไม่ได้ตั้งใจยกเอาตัวเองมาเป็นประเด็น ความจริงแค่อยากฟังจากปากปาจาว่าเจ้าตัวเป็นโฮโมฯ หรือไม่ตะหาก
จะให้พูดหรือไงว่าเห็นปาจาหายเข้าไปในห้องธรรมตรัยดึกๆ ดื่นๆ สองคืนติดกัน..แถมยังอยู่ในสภาพไหนอีก...
“
พอเหอะ...เลิกจ้องฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว...ทำไมต้องย้อนถามฉันด้วย...ความจริงฉันต้องการ
คำตอบแค่ว่าคุณเป็นหรือไม่ก็แค่นั้น...เพราะฉันเองไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนนึกพิศวาสอยากจูบฉันนิ” รพินทร์คิดผิดถนัด...
ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวไปใหญ่ นอกจากปาจาจะไม่หยุดใช้สายตาสำรวจตนเองแล้ว ยังมีหน้ากอดอกมือลูบคาง จ้องสำรวจคล้ายกับ
จับตนเองแก้ผ้าซะงั้น คราวนี้หน้าร้อนของจริงเลยวุ้ย!..ปาจาเล่นมองแบบไม่ปิดบัง ไม่สนใจด้วยว่ารพินทร์จะคิดยังไง
แถมซ้ำยังยิ้มพราวอีกตะหาก เมื่อเห็นรพินทร์หน้าแดงแปร๊ด...
“
คุณคงไม่รู้ตัวละมั้งรพินทร์ ทำไมผู้ชายเค้าจะไม่สนอย่างน้อยกายันต์มันก็ออกจะเปิดเผยชัดเจน
ถึงคุณจะไม่สวยเซ็กซี่แบบผู้หญิงหลายๆ คน แต่คุณก็ไม่ขี้เหร่ ออกจะท้าทายเสียด้วยซ้ำในความคิดของผู้ชายส่วนใหญ่
ผู้หญิงห้าวๆ แกร่งๆ ถึงจะไม่เนื้อนมไข่ แต่มันก็นะ..มีอะไรให้น่าค้นหาดีออก” พูดแบบที่รพนิทร์ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปาก
คนมาดเข้มชาเย็นอย่างปาจา...ก่อนที่การสนทนาเข้มข้นจะดำเนินการต่อ ก็ต้องเบรคลงทันที เมื่อธรรมตรัยเดินเข้ามา
ตามหลังด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาจนครบองค์ ทำให้ทั้งปาจาและรพินทร์ต้องยุติบทสนทนาที่ออกจะส่วนตัวลง
โดยกระทันหัน
แต่ทั้งหมดก็ไม่รอดพ้นสายตาของ ธรรมตรัย ซึ่งสังเกตุเห็นปาจาหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสผิดปกติ
แถมรพินทร์ยังหน้าแดงก่ำ สองคนนี้คงคุยอะไรกันและคนที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบน่าจะเป็นรพินทร์
ความคิดของธรรมตรัย ก็ไม่ต่างจากกายันต์ และนมอ่อนต่างผิดสังเกตท่าทางของปาจา
ที่กำลังอมยิ้มนัยตาพราวเสน่ห์วิบวับอย่างประหลาด ปกติปาจาจะนิ่ง ไม่เคยเห็นบุคลิกลักษณะแบบนี้มานานแสนนาน
นับร่วมๆ ก็อายุของหนูผาเสียด้วยซ้ำ...แต่นี้เจ้าคุ้มสุดหล่อกลับอารมณ์ดีเช้าวันนี้เป็นพิเศษ ที่สำคัญอยู่กับรพินทร์อีกตะหาก
โดยเฉพาะคนหลังยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ หน้าหล่อใสแดงก่ำไม่รู้ว่าปะทะคารมอะไรกันอยู่....แต่ทุกคนก็ไม่มีใครกล้าถาม...
ต่างเก็บไว้ในใจ...สำหรับสิตา..เธอกับยิ้มระรื่นเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของปาจา..มุมนี้ยิ่งทำให้สิตาใจเต้นระรัวเข้าไปใหญ่
ปาจาหล่อจริงๆ หล่อจนเธอละสายตาจากใบหน้าคมเข้มนั่นไม่ได้เลยนับตั้งแต่เดินเข้าในห้องนี้......................
มาต่อให้เท่านี้ก่อนนะค่ะ.....ช่วงนี้จิตตกมากมาย
มึนตรึ๊บ...คิดไรไม่ออก...พลังใจมันหดหายไงไม่รู้
สัญญาจะไม่หายเงียบไปแน่...ถึงยังไงเรื่องนี้ก็จบแน่นอน
Luk.