บทที่ 8 รอ
“ว่าไงครับน้องเดียร์”
(อยู่ไหนเหรอคะ)
“พี่อยู่ที่ร้านเฮียเจ๋งครับ น้องเดียร์มีอะไรรึเปล่า”
(เดียร์จะถามพี่เฌอว่าวันนี้พี่จะมาค้างที่ห้องเดียร์รึเปล่า)
“น้องเดียร์อยากให้พี่ไปค้างด้วยไหมล่ะ”
(เดียร์ตามใจพี่เฌอค่ะ)
“งั้นวันนี้พี่คงไม่ได้ไปค้างนะเพราะว่าอาจจะเมา กลับไปห้องตัวเองน่าจะดีกว่า”
(เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ งั้นเดียร์ไปปอาบน้ำนอนละ พี่เฌอก็อย่าดื่มเยอะนักล่ะ)
“ค้าบ ฝันดีนะครับน้องเดียร์”
(ฝันดีค่ะ)
ผมกดวางสายก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซดพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เชื่อป้ะว่าช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาแม่งโคตรหม่นเลย ปกติผมไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความรู้สึกเทาๆ แบบนี้เลยนะ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ชรันยังไงก็ไม่รู้ คนรอบข้างผมก็รู้สึกได้แบบนั้นเหมือนกัน รู้สึกผิดนะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง เอาน่ะ อดทนอีกหน่อย เดี๋ยวอะไรๆ มันก็อาจจะดีขึ้นล่ะมั้ง ความจริงตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน เตรียมใจและรอเวลาเท่านั้น
ลางสังหรณ์หลายอย่างมีให้เห็นแล้ว
ตั้งแต่วันรับน้องใหญ่ของคณะก็ผ่านมา 3 อาทิตย์กว่าแล้วครับ มันค่อนข้างเป็นช่วงเวลาอึดอัดใจสำหรับผมพอสมควร อาจเพราะเรื่องที่รับรู้และการกระทำของแฟนตัวเองที่เริ่มจะแปลกๆ ไปด้วยล่ะมั้ง ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองนะ พักหลังมานี้น้องเดียร์หาเรื่องชวนทะเลาะผมบ่อยมาก บางทีเรื่องเล็กๆ นี่แหละ แล้วเวลาทะเลาะกันผมก็จะเป็นฝ่ายยอมเพราะอยากให้มันจบๆ ผมมักง้อเธออยู่เสมอถึงแม้ว่าผมจะไม่ผิดเลยก็ตาม
ความรู้สึกเหนื่อยในความสัมพันธ์ยิ่งชัดเจนขึ้น
เหนื่อยจนรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขเลย
เมื่อเช้าผมก็ทะเลาะกับแฟนนิดหน่อย แต่วันนี้เธอเป็นฝ่ายยอมขอโทษและก็คุยกับผมดีดีซึ่งหลายครั้งมันควรเป็นแบบนี้แหละ แต่มันจริงเลยนะที่ผมมองน้องเดียร์ต่างไปจากเดิม ความรู้สึกในตอนนี้ที่มีอยู่ก็ไม่เท่าเดิม ผมเผื่อใจเอาไว้มากๆ เพราะคำพูดของนังน้อน ตื่นมาแล้วคิดอยู่ทุกวันว่าวันนี้รึเปล่าที่ความสัมพันธ์ของผมกับน้องเดียร์จะจบลง ถ้ามันเกิดเรื่องนั้นขึ้นจริงๆ ผมควรจะทำยังไงต่อ
เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาตั้งเยอะ
แต่มาครั้งนี้กลับไม่รู้ว่าควรทำอะไร
“ดื่มเก่ง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นซองบุหรี่มาทางผม ชื่อยี่ห้อบุหรี่ที่ปรากฏอยู่บนหน้าซองทำให้ผมย่นจมูกทันที แค่นึกถึงความรู้สึกตอนสูบก็แสบคอแล้ว
“ซ้อเอาไว้สูบเองเถอะ” ผมดันซองแบล็คสโตนกลับไปหาเจ้าตัว “กลับมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อวานซืน คิดถึงเฌอจังเลยอะ ซ้อซื้อของมาให้เยอะเลยนะ แบมือมา”
ผมยื่นมือไปทางเธอ “ไหนของ”
“นี่ไง” มือเรียวหยิบของบางอย่างจากถุงกระดาษก่อนจะยัดใส่มือผม “ของดีทั้งนั้นเลยนะ”
“ซ้อออออ”
ถุงยางเต็มเลยแม่ง
“ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้ว คนนี้คบกันมาสักพักแล้วด้วยหนิ พกไว้นะเผื่อเกิดเรื่องฉุกเฉิน” ซ้อแจมยิ้มร่าเหมือนชอบใจ เดี๋ยวผมจะฟ้องผัวซ้อ คอยดูเถอะ
“ซ้อเอาไว้ใช้กับเฮียเลย เฌอไม่เอา ไม่ใช้” ผมทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะส่งถุงยางทั้งหมดคืนให้
“ไม่ใช้ไม่ได้นะ เกิดมีเบบี๋ขึ้นมาทำยังไงล่ะ” เธอเลื่อนมากระซิบข้างหูผม “เฌอจะเบบี๋ตอนนี้ไม่ได้นะ เพราะว่าเฌอจะต้องมาช่วยซ้อเลี้ยงลูกก่อน”
“หืม....เลี้ยงลูกอ๋อ นี่อย่าบอกนะซ้อ”
“ 2 เดือนแล้ว”
“เห้ยยยยย” ผมโผกอดซ้อแจมด้วยความดีใจ “เฌอยินดีด้วยนะซ้อ เฮียเจ๋งรู้ไหม เฮียรู้รึยัง แล้วๆ ๆ ๆ ผู้หญิงหรือผู้ชายเหรอซ้อ”
“คลัมดาวน์ก่อนเฌอน้องรัก กอดแน่นขนาดนี้ เดี๋ยวลูกซ้อจะไหลออกมาก่อนไหมหืม....”
“ขอโทษทีซ้อ ก็เฌอดีใจอะ” ผมคลายกอดก่อนจะหยิบบุหรี่ที่ซ้อส่งมาให้ตอนแรกใส่กระเป๋าเอาไว้ “ท้องแล้วก็ต้องสูบบุหรี่ไม่ได้ใช่ป้ะ เพราะงั้นเดี๋ยวเฌอจะรับผิดชอบน้องบุหรี่นี่เอง ถึงแม้จะทรมานใจก็เถอะ”
“อะไรทรมานใจ” เสียงเข้มของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถาม คนๆ นั้นไม่ใช่ครับ ก็ผัวซ้อแจมนั่นแหละ
ผมมองซ้อที่เดินเข้าไปหาเฮียแล้วคุยอะไรกันไม่รู้ เฮียเจ๋งรู้รึยังวะว่าเมียตัวเองท้องเนี่ยะ ผมเคยถามพวกเขามาตั้งแต่แต่งงานกันใหม่ๆ เมื่อหลายปีก่อนแล้วนะว่าเมื่อไหร่จะมีลูก แล้วตอนแรกซ้อแจมแอบมาบอกว่าเพราะเฮียไม่มีน้ำยาก็เลยทำให้ซ้อท้องไม่ได้สักที เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกยินดีกับทั้งคู่เลยนะ จะเป็นปะป๊ากับหม่าม้าแล้ว ลูกของเฮียกับซ้อต้องน่ารักมาแน่ๆ ผมซื้ออะไรไว้เตรียมรับขวัญหลานดีน้า
เหมือนรีบมากอะจริงๆ
ถ้าวันนึงผมมีครอบครัวบ้างมันจะเป็นยังไงนะ คนที่อยู่กับผมในตอนนั้นจะใช่คนที่อยู่ด้วยกันในตอนนี้รึเปล่า น้องเดียร์จะใช่คนนั้นไหมวะ ตอนแรกหลังจากที่ผ่านอาถรรพ์เลข 13 มา มันก็ทำให้ผมมั่นใจจึ๋งนึงนะ แต่พอมารู้อะไรบางอย่าง ไอ้ความมั่นใจจึ๋งนึงนั่นก็หายไปเลย จิ๊....หงุดหงิดอีกแล้วว่ะ หรือผมไปถามน้องเดียร์ตรงๆ เลยดีไหมว่าที่สิบสามพูดมันจริงรึเปล่า ถ้าน้องเดียร์บอกว่าไม่ ผมจะได้ลากเธอไปหาสิบสามแล้วก็นั่งจับเข่าคุยกันไปเลยว่าระหว่างเราสามคนเนี่ยะมันคือยังไงกันแน่
สับสนมึนงงมาเดือนกว่าแล้วนะ....มันใช่ป้ะเนี่ย
“ทำหน้ามุ่ยอีกละ เมื่อกี๊ยังดูอารมณ์ดีอยู่เลย”
“หงุดหงิดอะซ้อ”
“เรื่องไร”
“ก็เฌอมีแฟน คบกันมาเดือนกว่าแล้ว ซึ่งคนนี้เฌอคบมานานกว่าคนอื่นเลย แล้วเหมือนตอนที่เฌอเจอแฟนคนนี้ เฌอก็เจอรุ่นน้องคนนึงเคยเป็นเดือนแพทย์ฯ แล้วเฌอก็สนิทกับเขา จนมีวันนึงแฟนเฌอบอกให้เฌอเลิกยุ่งกับรุ่นน้องที่เฌอสนิทซึ่งโอเค เฌอก็ยอม เฌอไม่ยุ่งกับรุ่นน้องคนนั้นเลย แบบตัดขาดทุกอย่าง”
“แล้วไงต่อ”
“คือเฌอก็รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น แล้วทีนี้เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน รุ่นน้องคนนั้นมาบอกว่าแฟนเฌออะชอบเขา ที่แฟนเฌอมาคบกับเฌอเพราะอยากกันเฌอออกจากเขา”
“จริงจังป้ะเนี่ยะ”
“เขาบอกเฌอแบบนี้อะ แล้วเขาก็บอกว่าเขาชอบเฌอ”
“เฌอบอกว่ารุ่นน้องคนนั้นเคยเป็นเดือนก็แปลว่าเป็นผู้ชายอะดิ”
“ใช่ แล้วเขาบอกว่าให้เฌอรอดูได้เลยว่าแฟนเฌอจะทิ้งเฌอไปไหมหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเฌอกับเขาไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกัน คือมัน 3 อาทิตย์แล้วซ้อที่เฌอรู้สึกหม่นๆ อะ คือเขาเป็นคนที่เฌอมั่นใจว่ายังไงก็จะไม่มีทางโกหก แล้วตอนนี้เฌอก็มองแฟนเฌอไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกก็ไม่เหมือนเดิม ทุกวันนี้เหมือนเตรียมใจรอวันโดนทิ้งอะ แม่งโคตรแย่เลย”
“คือพูดยากเหมือนกันนะ ถ้าสมมุติว่าเรื่องมันเป็นความจริงเหมือนกับที่รุ่นน้องคนนั้นพูด ผู้หญิงคนที่คบกับเฌออยู่ถือว่าร้ายกาจมากที่ทำเรื่องแบบนี้ แต่อย่างว่าล่ะนะ มันยังเป็นแค่คำพูดของทางฝั่งนั้น ซึ่งมันไม่มีหลักฐานที่มากกว่านี้ เพราะงั้นเราก็ตัดสินไปทันทีเลยไม่ได้ว่าแฟนเฌอเป็นแบบนั้นจริงๆ ”
“ใช่ซ้อ เพราะแบบนั้นแหละเฌอถึงได้แค่รอดูว่ามันจะเป็นไปอย่างที่เขาบอกเฌอรึเปล่า ใจนึงเฌอก็อยากจะจับแฟนเฌอกับรุ่นน้องมานั่งคุยกันให้รู้แล้วรู้รอด”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกเพราะว่ามันก็โกหกกันได้ เรื่องนี้มันต้องจับให้ได้แบบคาหนังคาเขาอะเฌอ คนที่โกหกอะ ยังไงมันก็ต้องมีหลุดออกมาอยู่แล้ว ซ้ออยากให้เฌอใจเย็นๆ ก่อนนะ แล้วตอนนี้กับแฟนน่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีเลยซ้อ ทะเลาะกันบ่อย บ่อยจนเฌอเหนื่อย”
“แล้วคิดว่านี่เป็นสัญญาณรึเปล่า”
“....ก็อาจจะ”
ครืดดดด.....ครืดดดด..... ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง”
(ให้ทายว่ากูเจอใคร)
“กูจะรู้กับมึงไหมไอ้เวร เจอใครก็เอ่ยชื่อมาเลยเถอะ”
(....น้องเดียร์แฟนมึงอะ)
ไหนบอกจะอาบน้ำนอนแล้วไง
“เจอที่ไหน”
(BB-Club)
“โอเค....เดี๋ยวกูไป”
BB-Club
ผมเดินเข้ามาด้านในพลางมองหาไอ้แช่ม มืดชิบหาย มองยากมากอะ ทำไมคลับนี้มันมืดจังวะ ผมไม่เคยมาที่นี่ด้วยเพราะไกล ไกลจนแปลกใจว่าไอ้แช่มมาทำอะไรที่นี่ แล้วอีกอย่างมันอยู่ในช่วงงดเหล้างดเบียร์ด้วยเพราะต้องรักษา PTSD เดี๋ยวก่อนเถอะ เดี๋ยวกูจะฟ้องหมอโทษฐานที่มึงหนีเที่ยว โอเค เอาเรื่องนี้ไว้ก่อนตอนนี้สิ่งที่ผมควรทำคือการหาไอ้เพื่อนเวรให้เจอ
อยู่ไหนของมันวะ
“พี่เฌอครับ”
ผมหันตามเสียงเรียกก็พบกับประธานคณะกรรมการฯ ของปี 1 “อ่าวบวร คุณเข้ามาในนี้ได้ด้วยเหรอ”
“อ๋อ คลับนี้เป็นของพี่ชายผมน่ะครับ”
“งี้นี่เอง เออบอกพี่ชายคุณให้ติดไฟเพิ่มเยอะๆ หน่อย มืดไปอะ มองไม่เห็น” หวังว่าถ้ามีโอกาสได้มาอีกมันจะสว่างกว่านี้น่ะ เนี่ยะ มืดๆ แบบนี้ไปเดินเหยียบตีนใครแล้วมีเรื่องขึ้นมาก็จะแย่มาก
“โซน VIP จะสว่างกว่านี้ครับพี่เฌอ ไปเถอะ พวกพี่แช่มรออยู่ครับ” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินนำผมขึ้นไปชั้น 2 ของร้าน โซน VIP ที่ว่าคือสว่างมากกว่าจริงๆ นั่นแหละ แบ่งห้องเป็นบล็อกชัดเจนด้วย
“เฌอเพื่อนรัก” ไอ้เพื่อนตัวแสบกวักมือเรียกผมยิกๆ ก่อนจะส่งเบียร์ให้ “กินแทนกูที กูกินไม่ได้”
“มึงกินไม่ได้แล้วมึงมาทำไรที่นี่”
“วันนี้วันเกิดเบย์น่ะพี่เฌอ ผมก็เลยชวนข้าวหอมกับพี่แช่มมาด้วย หลายๆ คนน่าจะสนุกดี” ข้าวก้องตอบแทน
ผมพยักหน้ารับรู้ “สุขสันต์วันเกิดละกันนะบวร”
“ขอบคุณครับพี่เฌอ”
“ไอ้แช่ม” ผมล็อกคอเพื่อนรักเข้ามาใกล้ “ไหนน้องเดียร์”
“อยู่ห้องบล็อกต่อไป มึงได้ยินเสียงผู้หญิงป้ะล่ะ ที่ดังๆ อยู่เนี่ยะ”
“ได้ยิน” เสียงน้องผึ้งแน่นอน ผมจำได้ สงสัยเหมือนกันนะ ถ้าจะออกมาเที่ยวทำไมไม่บอกกันตรงๆ ผมคงไม่ห้ามเธออยู่แล้ว ปกติก็ไม่เคยห้ามด้วย มันออกจะแปลกๆ ที่โกหกกันแบบนี้
ผมนั่งจิบเบียร์พลางตั้งใจฟังเสียงของห้องข้างๆ มันได้ยินครับแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ส่วนนึงคงเพราะว่าแต่ละห้องต้องเก็บเสียงในระดับนึง รวมถึงเพลงที่เปิดในร้านด้วย เอาไงดีวะ กับเหตุการณ์นี้ผมควรทำยังไงอะ คือรู้ว่าแฟนตัวเองโกหกเพื่อมาเที่ยว พูดถึงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอกถ้าเธอมากับเพื่อน สำหรับผมถ้าไม่มีลักษณะที่แสดงถึงอาการนอกใจมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกหกด้วย
ชรันควรจะเป็นคนที่ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนอะเพราะงง
แม่งเอ๊ย
“กูไปสูบบุหรี่ก่อน”
“สูบอีกแล้วเหรอวะ”
“เออน่ะ” ผมดันไอ้แช่มที่วอแวตัวเองอยู่ออกพลางหันไปหาบวร “ที่สูบบุหรี่อยู่ตรงไหนอะคุณ”
“ตรงหัวมุมน่ะครับพี่เฌอ มันมีจะมีป้ายเขียนอยู่ เป็นดาดฟ้าของชั้น 1 ครับ”
“โอเค” ผมรับคำก่อนจะเดินออกไปตามทางที่บวรบอก
ป้ายชี้ไปยังสถานที่สำหรับสูบบุหรี่ซึ่งเป็นดาดฟ้าของชั้น 1 ผมเดินเข้ามาก็พบว่าไม่มีใครเลยครับ ดีแล้วแหละ อยากคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ อยู่เหมือนกัน ผมเดินไปนั่งหลบมุมตรงเก้าอี้ที่ถูกคั่นด้วยต้นไม้ที่วางประดับอยู่ คือถ้ามีคนเดินเข้ามาก็จะไม่เห็นผมแน่ๆ ล่ะเพราะเป็นมุมอับแถมยังมืดด้วย หลังจากที่ได้มุมดีดีแล้วผมก็หยิบซองบุหรี่ที่ซ้อซื้อให้ขึ้นมาแกะแล้วเอามันใส่ลงตลับเก็บบุหรี่ หยิบมาหนึ่งตัวก่อนจะคาบไว้ที่ปากแล้วจุดไฟเพื่อสูบมัน
โคตรไม่ชอบเลยกลิ่นวนิลา
ยังไงบุหรี่กลิ่นมิ้นท์ก็ยังคงครองใจผม แบล็คสโตนแม่งไม่ใช่กลิ่นที่ผมชอบเลย แต่ซ้ออะชอบ รสชาติแย่จะตาย ชอบไปได้ยังไงวะ ช่างเถอะ มันก็เป็นรสนิยมของแต่ละบุคคลน่ะนะ เหมือนไอ้หมีอะ ก่อนเลิกบุหรี่ก็สูบมาโบโร่เรดอย่างเงี้ยะ ร้อนยันหัว ไม่มีหรอกที่สูบแล้วหัวจะโล่ง ผมเคยลองครั้งนึงแล้วพอเลย ไม่ไหวจริงๆ กับบุหรี่สายร้อน จะว่าไปก็หลายปีแล้วนะที่ผมสูบบุหรี่น่ะ ครั้งแรกน่าจะตอนหลังจากที่แม่เสียไปแล้ว
ถ้าแม่ยังอยู่....ผมคงโดนฟาดหลายทีอยู่แหละ
พักหลังมานี้ผมสูบบุหรี่หนักมาก หนักในระดับที่ก็รู้ตัวอยู่ว่าสูบจัด พยายามอยากจะเพลาๆ ลงเหมือนกันแต่ว่ามันก็นะ พอคิดเรื่องฟุ้งซ่านมันก็อยากสูบอีกแล้ว เวลาหงุดหงิดก็อยากสูบ แล้วบางทีคือหงุดหงิดแม่งทั้งวันเหมือนเป็นบ้า ไม่ดีเลยว่ะ ผมไม่ควรปล่อยให้เฌอทำร้ายตัวเองมากไปกว่านี้แล้ว กลัวว่าจะตายก่อนได้ทำในสิ่งที่อยากทำนี่ดิ หึ....ถึงในหัวจะคิดแบบนั้นแต่สุดท้ายผมก็ยังนั่งสูบบุหรี่อยู่ดี
ไอ้เฌอเวร
“ทางนี้ไงเดียร์”
หืม....เสียงนี้มัน
“บุหรี่อะ”
“อะ” น้องผึ้งส่งบุหรี่ให้แฟนผม “คิดยังไงถึงอยากสูบ”
“ก็อยากเฉยๆ ” เธอบอกก่อนจะจุดบุหรี่สูบ คือตั้งแต่ที่เป็นแฟนกันมาผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องเดียร์สูบบุหรี่ด้วย ที่เห็นกับตาตัวเองนี่ครั้งแรกเลย
การที่เธอสูบบุหรี่ผมไม่ได้มีปัญหาเพราะตัวผมก็สูบ แต่แค่นึกไม่ถึงมากกว่า น้องผึ้งเป็นเจ้าของบุหรี่งั้นก็แสดงว่าตัวน้องผึ้งเองก็สูบเหมือนกัน สำหรับผมแล้วเด็กแพทย์ฯ ที่สูบบุหรี่ไม่ใช่เรื่องแปลกนะ คือคนเรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ถ้าไม่เดือดร้อนคนอื่น อีกอย่างเพื่อนผมที่เรียนคณะแพทย์ฯ ก็สูบเหมือนกัน ดูทรงแล้วน้องเดียร์น่าจะไม่ใช่พวกที่สูบบุหรี่บ่อย เพราะเวลาอยู่ด้วยกัน ผมไม่ได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเธอเลย
มีอะไรที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับน้องเดียร์อีกไหมนะ
“อาการมันเป็นยังไงไหนพูดซิ”
“เดียร์เบื่ออะผึ้ง อยากจบเรื่องนั้นสักที”
“เรื่องนั้นที่ว่า....”
“ก็เรื่องของเดียร์กับพี่เฌอไง”
เธอ....ว่ายังไงนะ
ผมเงี่ยหูฟังพร้อมกับหวังว่าให้ตัวเองหูฝาด ใจไม่อยากยอมรับในสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี๊แต่มันก็ชัดเจนอยู่ในโสตประสาท อะไรที่หมายความว่าอยากจบเรื่องของผมกับเธอ อยากจบในที่นี้มันมีความหมายแบบที่ผมคิดใช่ไหม
“ก็เลิกเลยสิ ตอนนี้สิบสามก็เป็นเหมือนเดิมแล้วป้ะ วันๆ ก็เห็นแค่เรียนแล้วก็ไปซ้อมคฑากร ทำตัวไร้วิญญาณเหมือนแบบที่เคยเป็นแล้วหนิ”
“อย่าว่าสิบสามแบบนั้นนะ” น้องเดียร์ทำหน้าตึงใส่เพื่อนตัวเอง “คือตอนนี้เดียร์ก็มั่นใจแล้วแหละว่าสิบสามกับพี่เฌอไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันแล้ว เดียร์เช็กโทรศัพท์พี่เฌอ ก็ไม่เจอว่าเขาคุยกับสิบสาม”
“กับคนอื่นล่ะ”
“กับคนอื่นก็ไม่คุย เอาจริงๆ ก็อยากให้คุยกับคนอื่นเหมือนกันนะ จะได้หาเรื่องเลิกได้ง่ายๆ หน่อย แล้วพอเป็นแบบนี้เดียร์ก็เลยไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลไหนไปบอกเลิกพี่เฌอดี ใจนึงก็อยากบอกไปตรงๆ ว่าไม่ได้รักพี่เฌอแล้วแต่แบบนั้นเดียร์ก็ดูแย่อะ”
มันก็แย่จริงๆ ไม่ใช่เหรอวะ
แย่ตั้งแต่เข้ามาเล่นกับความรู้สึกผมแล้ว
ผมกำมือแน่นพลางข่มอารมณ์และฟังสิ่งที่พวกเธอพูดกันต่อไป ในใจเดือดดาลมาก สิ่งที่สิบสามพูดเป็นเรื่องจริง ผมถูกหลอกมาตั้งแต่แรก ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องหลอกลวง น้องเดียร์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม ที่เธอทำทุกอย่างไปนั้นมันเป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้ผมมีตัวตนอยู่ในชีวิตของคนที่เธอชอบ ทำกับผมถึงขนาดนี้เพราะเรื่องแบบนั้นเนี่ยนะ คิดว่ามันตลกมากใช่ไหม เธอคิดว่าความรักของผมเป็นอะไร
เธอทำมันได้ยังไง
“แล้วจะทำยังไงล่ะ ถ้าไม่บอกไปตรงๆ ”
“ก็ยังไม่รู้อะ แต่คงเร็วๆ นี้แหละ เดียร์เบื่อที่ต้องทำตัวเป็นแฟนที่แสนดีแล้ว” เธอเบ้ปากเพื่อแสดงว่าตัวเองเบื่อจริงๆ
“การเลิกกับพี่เฌอ คือสิ่งที่เดียร์ฝันถึงทุกวัน” ขนาดนั้นเลยนะ
“ก็ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอก ไปเถอะ เบียร์หมดแล้วมั้งป่านนี้” น้องผึ้งลากเพื่อนของตัวเองกลับเข้าไปด้านใน ตอนนี้บนดาดฟ้าเหลือเพียงแค่ผมกับความรู้สึกที่พังไม่เป็นชิ้นดี
แม่งเอ๊ย
“ทำไมต้องทำแบบนี้วะ!!!!” ผมระบายความโมโหลงผนังที่อยู่ตรงหน้า ความเจ็บจากแผลบนมือยังไม่ได้ครึ่งที่รู้สึกเจ็บหัวใจเลย ทำไมอะ ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย
ไม่รักกันแล้วทำแบบนี้ทำไมวะ
ผมโกรธและโมโห ในหัวมีแต่คำว่าทำไมๆ ๆ ๆ ๆ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับชีวิตผมด้วยวะ ความประทับใจวันนั้นที่ผมมีต่อเธอ ผมไม่คิดเลยว่ามันจะทำร้ายผมแบบนี้ ผมหวังให้ความรักครั้งนี้ต่างจากเดิมที่ผมเคยเจอมา และใช่ มันต่างจริงๆ เพราะมันเลวร้ายมาก มันไม่ใช่ความรักด้วยซ้ำ มีแค่ผมที่คิดไปเองคนเดียว ทุกอย่างมันเป็นละครเหมือนที่สิบสามบอกผมจริงๆ นั่นแหละ เพราะละครเรื่องนี้ยังไม่จบ น้องเดียร์ถึงยังไม่ทิ้งผมไป
มันเป็นความจริงที่ว่าสุดท้ายแล้วผมก็จะเสียใจอยู่ดี
ผมหยิบบุหรี่อีกตัวมาสูบเพื่อข่มอารมณ์ให้ตัวเองใจเย็นขึ้นอีกหน่อย ผมจะจบทุกอย่างเองแต่ต้องตั้งสติก่อน ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันแหลกละเอียดยิ่งเม็ดทรายอีก รู้สึกยิ่งกว่าคำว่าแย่ ถึงเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วแต่พอเจอกับตัวเองจริงๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
โอเค.....ไปทำให้มันจบดีกว่า
พอคิดได้แบบนั้นแล้วผมก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ผ่านห้องบล็อกที่พวกไอ้แช่มอยู่ไปที่ห้องบล็อกของน้องเดียร์ทันที ร่างบางที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนดูตกใจมากที่เห็นผม
“พี่เฌอ.....พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าพี่มาที่นี่ได้ไงเพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องที่น้องเดียร์พูดออกมาเมื่อกี๊ต่างหาก.....สนุกมากไหมอะที่ทำกับพี่แบบนี้”
“พี่เฌอพูดอะไรคะ เดียร์ไม่รู้เรื่อง” เธอบอกปัด
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้เฌอ” ไอ้แช่มโผล่เข้ามาพร้อมกับคว้ามือผมไปดู “ไปทำไรมา ทำไมมือแตกอย่างนี้”
“จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อน้องเดียร์เป็นคนพูดออกมาเองน่ะ พูดเองไม่ใช่เหรอว่าการเลิกกับพี่เป็นสิ่งที่ตัวเองฝันอยู่ทุกวัน ทำไมไม่บอกกันมาตรงๆ จะยื้อเวลามาจนถึงตอนนี้ทำไม จะทำให้พี่จมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ แบบนี้ทำไม”
“พี่คิดว่ามีแค่ตัวเองงั้นเหรอที่รู้สึกแย่ เดียร์ก็รู้สึกแย่เหมือนกันนั่นแหละที่ต้องทนคบกับพี่เฌอน่ะ” เธอตวาดลั่น “เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เดียร์จะได้ไม่ต้องฝืนตัวเองทนเป็นแฟนพี่อีก”
“พี่ไม่เคยขอให้น้องเดียร์มาทน คนที่เข้ามาในชีวิตพี่ก่อนก็คือน้องเดียร์ พี่แม่งโง่เองที่คิดว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันคือความรัก แล้วพี่ก็เพิ่งมารู้ทุกอย่างว่าทั้งหมดมันก็แค่เรื่องหลอกลวง ยอมทำถึงขนาดนี้ ยอมเป็นแฟนกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ยอมได้ยังไงอะ ทำได้ยังไง”
ซ่าาาาา มือบางวางแก้วเหล้าที่สาดใส่ผม “เดียร์จะทำอะไรมันก็เรื่องของเดียร์ แล้วหลังจากนี้เราก็ไม่ต้องมีอะไรมายุ่งเกี่ยวกันอีก.....
เราเลิกกัน” “หึ....ทุกอย่างเป็นจริงตามที่สิบสามพูด”
“พี่หมายความว่ายังไง”
“พี่ไม่จำเป็นต้องบอกหรอก แต่ขอให้รู้เอาไว้เลยว่าต่อให้น้องเดียร์จะชอบสิบสามมากแค่ไหน จะใช้วิธีสกปรกยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะทำให้เขาหันมามองน้องเดียร์หรอก” ผมเค้นหัวเราะ “นึกถึงคำที่น้องเดียร์เคยถามพี่ว่าระหว่างน้องเดียร์กับสิบสาม ให้พี่เลือก พี่จะเลือกใคร”
“.....นี่พี่”
“น้องเดียร์ลองคิดดูว่าถ้าตอนนี้พี่ไปถามสิบสามบ้างว่าระหว่างพี่กับน้องเดียร์ เขาจะเลือกใคร”
“.....”
“คิดว่าคำตอบจะเป็นยังไง”
“อร๊ายยยยยยยยยยย” เธอกรี๊ดดังลั่น “ระหว่างพี่กับสิบสามมันจบไปแล้ว”
“ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามสบายนะ” ผมหันไปหาไอ้แช่ม “มึงไปเอาเบียร์โต๊ะเรามา”
“เออๆ ” ไอ้แช่มไปหยิบแก้วเบียร์ที่โต๊ะส่งมาให้ผม
“ที่น้องเดียร์บอกว่าหลังจากนี้ระหว่างเราไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก พี่ก็ขอให้มันเป็นไปตามนั้น” ว่าแล้วผมก็ยกแก้วขึ้นดื่มเบียร์จนหมดก่อนจะวางมันกระแทกกับโต๊ะเสียงดัง
“ดื่มฉลองให้กับความโสด....และการจบลงของความสัมพันธ์เหี้ยๆ ละกันนะ” ลาก่อน....
ผมเดินออกมาทันทีโดยไม่สนใจเสียงกรี๊ดหรือเสียงด่าไล่หลัง มันจบแล้วครับ จบตามอย่างที่เธอต้องการ ไม่ต้องทน ไม่ต้องฝืนอะไรอีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ อย่าได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีกเลย เวลาที่เสียไปก็ให้มันเสียไป ช่างมัน ผมอยากออกไปจากที่นี่ ไปไหนสักที่ที่คิดว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ขับรถออกมาจาก BB-Club ทันที
ครืดดดด....ครืดดดดด หน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงรายชื่อว่าชริตเป็ด ผมไม่พร้อมรับสายหรือคุยอะไรกับใครทั้งนั้น รู้อยู่แก่ใจเลยล่ะว่ามันต้องเป็นห่วง กูขอโทษนะแช่ม ไว้ดีขึ้นแล้วเดี๋ยวกูโทรหามึงเอง ผมกดตัดสายก่อนจะขับรถมาเรื่อยๆ ในหัวก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เจ็บปวดว่ะ หลายความรู้สึกมากเลยที่มันสุมอยู่ในนี้ ทุกครั้งที่ความรักของผมจบลง ไม่มีครั้งไหนรู้สึกเจ็บเท่านี้เลย ไม่ไหวอะ ผมไม่ไหว....
ฮึก....
ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าเซเว่นฯ ข้างทางก่อนจะฟุบหน้าร้องไห้กับพวงมาลัยอย่างหมดสภาพ ฮึก....ทำไมต้องเป็นผมด้วยวะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้นแหละ ไม่ควรมีใครโดนล้อเล่นกับความรู้สึกทั้งนั้น ผมเสียใจที่อะไรๆ ก็ไม่เป็นตามที่ผมคิด ผมเจ็บปวดที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ผม.....
แหมะ เสียงน้ำที่กระทบกระจกรถทำให้ผมยิ่งรู้สึกแย่ และที่ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่คือหน้าปัดรถผมที่แสดงว่าน้ำมันถึงระดับต่ำสุด เชื่อได้เลยว่ามันคงขับไปได้แค่อีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนและฝนตกหนักมาก ผมนึกออกอยู่ที่เดียวที่สามารถไปได้ในตอนนี้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลงจากรถก่อนจะเดินไปตามทาง
ปล่อยให้ฝนที่ตกลงมาช่วยล้างน้ำตาทั้งหมดออกไป
ผมไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ ด้านหน้าผมเป็นคอนโดฯ ของใครบางคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขานอนไปแล้วรึยัง ผมหยิบโทรศัพท์ที่ยังไม่ดับกดโทรไปหาเขา เพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ
ไม่ได้ยินเสียงนี้มานานจริงๆ
“ผมอยู่หน้าคอนโดฯ คุณ” ผมพูดแค่นั้นและกดวางสายทันที คำที่เขาบอกเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน ผมยังจำได้ดี และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยู่ตรงนี้
ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาจากตึกพร้อมกับกางร่มสีดำคันเดิมที่ผมเคยเห็น สิบสามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขามองผมอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา พอผ่านไปสักพักมือเรียวก็ลดร่มที่ถืออยู่ลง มันเหมือนกับวันนั้นแลย วันที่ผมเสียใจ ตัวเปียกฝน เขาก็ทำแบบนี้ ยอมเปียกไปด้วยกันเพื่อให้ผมรู้สึกว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว
ผมยังมีเขาอยู่ด้วยเหมือนกัน
“ผม....เลิกกับเดียร์แล้วนะ”
“.....”
“มันเป็นแบบที่คุณพูดจริงๆ คำที่คุณบอกว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้ความสัมพันธ์ของผมกับน้องเดียร์จบลง มันเป็นจริงตามนั้นด้วย”
“พี่เฌอ”
“ผมเสียใจและรู้สึกเจ็บปวดมากๆ ” ผมยกมือขึ้นจับที่กลางอกเสื้อของเขา “เพราะงั้น....”
“.....”
“คุณต้องรับผิดชอบ” “.....ได้สิครับ” ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้
“ผมรอพี่พูดคำนี้ตั้งนานแน่ะ....พี่เฌอ”***
“เสร็จแล้วครับ”
“....ขอบคุณนะ”
ผมมองมือตัวเองที่สิบสามเพิ่งทำแผลให้ เห็นแล้วนึกถึงวันที่ผมเมาแล้วเขาทำแผลให้เหมือนกันนะ จากวันนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมด ผมไม่อยากคิดอะไรเลยแต่เหมือนจะห้ามสมองไม่ได้ ผมอยากจะพาตัวเองออกจากความรู้สึกนี้ให้ไวไวแต่ก็นะ แผลมันยังใหม่ ไม่แปลกที่มันยังเจ็บอยู่ ต้องใช้เวลารักษาจนกว่าจะหาย หรือไม่ก็ต้องให้ใครสักคนช่วยรักษามัน
ใครสักคนที่ว่าก็อยู่แค่มือเอื้อมถึงนี่เอง
“ผมเช็ดหัวให้นะครับ” เจ้าตัวบอกก่อนจะจับผมนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมถึงแม้ว่าเราจะห่างกันไปขนาดนั้น เขาไม่เปลี่ยนไปเลย
“เหมือนวันนั้นเลยเนอะคุณ ที่คุณทำแบบนี้ให้”
“เหตุผลของผมก็เหมือนในวันนั้นครับ”
“ผมขอโทษนะสิบสาม สำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ มันไม่ใช่ความผิดพี่เลยนะ” เขาเลื่อนมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าผมออกให้ “อะไรที่ผ่านไปแล้ว ให้ผ่านไปนะครับ ผมอยากเห็นพี่เฌอที่เหมือนวันแรก คนที่ล้มลงไปแล้วยังหัวเราะได้ สีหน้าแบบนี้ไม่เหมาะกับพี่เลย”
นั่นสินะ
ผมหันกลับมาหาสิบสาม “ขอกอดหน่อยดิคุณ....นะ”
“อะไรที่พี่ต้องการ....ได้ทั้งนั้นแหละครับ”
“นังน้อน” ผมกอดคนตรงหน้าเอาไว้อย่างนั้น “พรุ่งนี้ผมจะดีขึ้น จะดีขึ้นกว่านี้มากๆ ๆ ๆ ๆ คุณคอยดูนะ”
“.....ผมจะรอดูครับ”
ขอให้เรื่องเลวร้ายทุกอย่างและความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดจบลงในค่ำคืนนี้ ชีวิตผมต้องไปต่อให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำร้ายความรู้สึกผมได้แค่วันนี้เท่านั้นแหละ ผมจะต้องมีความสุข มีความสุขให้มากๆ เหมือนอย่างที่ควรเป็น ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และการที่ผมมีสิบสามอยู่ด้วยในตอนนี้มันช่างดีมากจริงๆ
อย่างน้อยในวันนี้ผมก็คงหลับได้สนิทแล้วล่ะ
ขอบคุณนะ....นังน้อน
.
.
.
.
.
TBC.
สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้ว เขียนนานมากๆ เลยสำหรับตอนนี้ ตั้งแต่บ่ายโมงอะ ก็บทต่อไปอาจจะทิ้งช่วงสัก 2-3 วัน หรือถ้ากำลังใจดีก็อาจจะมาไวนะคะ
ก็เป็นตอนที่บีบคั้นหัวใจเหมือนกันนะแต่ผลลัพธ์ของทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีนะคะ หลังจากนี้ก็จะปลื้มปริ่มหัวใจกันขึ้นมาจึ๋งนึง รอติดตามกันน้า
สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค้้าบ