มีลูกกันไหม ?
[เอส]
“มีลูกกันไหมปุณ..”
เขาทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินคำถามของผม ก่อนจะวางข้าวของในมือลงบนโต๊ะแล้วเดินเข้ามาใกล้
“ทำไมจู่ ๆ นายถึง..”
มันก็น่าตกใจจริง ๆ แหละครับ ที่จู่ ๆ ผมก็ถามเขาแบบนี้ อีกอย่างเราต่างก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วเขาจะมีลูกให้ผมได้ยังไง และดูจากท่าทางของเขาตอนนี้ก็คงจะกำลังคิดมากกับเรื่องที่ผมพูดอยู่แน่ๆ
“ผมหมายถึงไปรับเด็กมาเลี้ยงน่ะ” บอกแล้วเกลี่ยนิ้วลงบนแก้มเขา “คิดว่าผมจะให้ปุณท้องเองหรือไง..”
“ก็..”
นั่นไง..เขากำลังคิดมากอยู่จริง ๆ ด้วย
“ผมรักปุณนะ..”
“อืออออ”
รีบบอกรัก..เพื่อป้องกันไม่ให้เขาคิดเตลิดไปไกล เพราะปุณเป็นคนคิดมากและชอบคิดไปเอง ผมไม่อยากให้คำพูดแค่เพียงสองสามคำที่ผมพูดมาทำให้เราต้องรู้สึกคลางแคลงใจกัน
“จำเด็กแฝดที่เดินมาเกาะชายเสื้อปุณได้ไหม..”
“ที่ห้างน่ะเหรอ..”
“ครับ..นั่นละ ปุณคิดว่าน่ารักไหม”
“ก็..น่ารักดี” เขายิ้มออกมาแบบฝืน ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปัดผมที่หล่นมาปรกหน้าตัวเอง “นายชอบเหรอ..”
“ครับ..ชอบมากเลย” ยื่นมือไปหยิบผมขึ้นทัดหูเขา “ยิ่งตอนที่ปุณจูงมือเขากลับไปหาแม่ มันดูน่ารักมาก ๆ เลยนะ”
“งะ..งั้นเหรอ”
“ปุณดูเหมือนคุณแม่เลย..”
“เหอะๆ”
“ปุณไม่อยากมีลูกเหรอครับ”
“เอ่อ..”
“ปุณ..”
สุดท้ายไอ้ท่าทางที่ดูลังเลของเขาก็ทำให้ผมรู้สึกคิดมากขึ้นมา..ทำไมเขาจะต้องคิดนานขนาดนั้น หรือเพราะเขาไม่ได้อยากมีลูกกับผม..ไม่ได้คิดอยากจะสร้างครอบครัวด้วยกัน
“ฉันไปเก็บของก่อนละกัน..”
เขาบอกก่อนจะรีบเดินหนีเข้าห้องครัวไป ทิ้งผมไว้กับความสงสัย..สงสัยกับไอ้ท่าทางแบบนั้นของเขา
.
.
“เอส..”
“ครับ”
“นายโกรธฉันเหรอ..เรื่องเอ่อ..เรื่องลูก”
“เปล่านี่ครับ” ผมตอบไปแบบไม่ใส่ใจ
“เอส..”
“ไม่คุยเรื่องนี้กันดีกว่าครับ”
ตัดบทไป..ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ อย่าไปรื้อไปถามอะไรให้มากไปกว่านี้ดีกว่า..ปล่อยให้เรื่องนี้มันจบ ๆ ไป จะได้ไม่ต้องมาอึดอัดใจกันทั้งสองฝ่าย เขาไม่อยากมีลูก..ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ผมก็ไม่ควรจะไปฝืนไปบังคับเขา แค่ทุกวันนี้เขายังอยู่กับผมก็ดีมากแค่ไหนแล้ว
“คือจริง ๆ แล้วฉัน..”
“ผมอิ่มแล้ว” รวบช้อนกับส้อมให้เข้าที่แล้วลุกขึ้นเดินออกมา
คิด ๆ ดูแล้ว..คงจะเป็นผมเองซะมากกว่าที่ชอบคิดมากและชอบคิดไปเอง ขนาดเรื่องนี้ผมยังไม่อยากจะฟังเลย ว่าเขาคิดจะพูดหรือบอกเหตุผลอะไรกับผม มันเบื่อ..และเหนื่อยที่จะฟังยังไงก็ไม่รู้
“นายเบื่อที่ต้องอยู่กับฉันสองคนแบบนี้หรือเปล่า”
ผมหันกลับไปมองหน้าเขาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ถามผมว่าเบื่อหรือเปล่างั้นเหรอ..เป็นตัวเขาเองหรือเปล่าที่เบื่อกับการที่ต้องอยู่กับผม
“กับผู้ชายอย่างฉัน..ที่คงไม่มีวันให้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับนายได้”
“ปุณ..”
ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ..หมายความว่ายังไง ?
“นายอยากแต่งงานหรือเปล่า..หมายถึงแต่งงานกับผู้หญิงจริง ๆ”
“คิดอะไรของคุณ”
นี่เหรอเหตุผลที่เขาไม่อยากมีลูกกับผม..เพราะเขาคิดว่าเขาไม่ดีพอ หรือเพราะเขาไม่ใช่ผู้หญิงจริง ๆ งั้นเหรอ?
“ความจริงผู้ชายก็เกิดมาเพื่อคู่กับผู้หญิงอยู่แล้วนี่”
“หยุด..หยุดคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะ” ผมบอกก่อนจะรีบตรงเข้าไปกอดเขาเอาไว้ “ทำไมถึงได้คิดแบบนั้น”
“ก็พอฉันอึกอักเรื่องลูก..นายก็ทำท่าทางหมางเมินใส่ฉัน”
“...”
“จะให้ฉันคิดยังไงได้..นอกจากนายเองก็คงอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบฮึก..” เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดผม “เหมือนที่คุณพุฒก็เคยอยากมี”
“คุณพุฒมาเกี่ยวอะไรด้วย”
ทำไมจะต้องมีชื่อของคน ๆ นี้ในบทสนทนาทุกครั้งที่เรามีปัญหากัน..ทำไมเขาจะต้องคอยเปรียบเทียบระหว่างผมกับคุณพุฒอยู่เรื่อย และเมื่อไรคน ๆ นี้จะหายไปจากชีวิตพวกเราสักที
“อย่าเอาเขาเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องของเรา”
“ฉันไม่รู้..ฉันคิดอะไรไม่ออก”
“เฮ้อ..”
เหมือนที่ใคร ๆ เคยบอก..กับเรื่องของความรักบางครั้งเราก็ต้องเป็นฝ่ายยอม ๆ บ้าง เพราะหากเราคิดแต่จะเอาชนะ..นั่นหมายถึงว่าเราไม่ได้รักเขาจริง ๆ
“ผมแค่น้อยใจ..ที่ปุณทำท่าว่าไม่ได้อยากมีลูกกับผม” กอดเขาให้แน่นขึ้นอีก “แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องมีคนอื่น หรือคิดว่าปุณไม่ดีพอเลยนะ”
“ฮึก..”
“ผมรักปุณจะตาย..รักมากขนาดนี้แล้วจะไปมีคนอื่นได้ยังไง”
“เอส..” เขากอดตอบผมก่อนจะซุกหน้าลงกับอก
“ผมบอกปุณไปหมดแล้ว..แล้วปุณล่ะจะบอกเหตุผลที่ไม่อยากมีลูกกับผมได้หรือยัง”
รู้จักยอมเพื่อความรักแล้ว..ก็ต้องรู้จักรอฟังเหตุผลของฝ่ายตรงข้ามบ้าง วิธีการรักษาความรัก..มันก็มีเพียงเท่านี้ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมา..ผมถึงได้กลายเป็นคนไร้เหตุผลไปได้มากมายขนาดนั้น
“ฉัน..ฉันแค่..”
“หืม..” ผมก้มลงไปหอมเบา ๆ บนหัวเขา
“ไม่ชอบเด็ก”
“ห๊ะ !”
เขาไม่ชอบเด็ก..งั้นเหรอ ?
“ลูกคนเดียว..ไม่เคยมีพี่น้อง” ผมรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่มีมากกว่าเดิม “แต่ไหนแต่ไรก็รู้สึกว่าตัวเองรำคาญเด็กมาตลอด”
“ก็เลยไม่อยากมีลูกงั้นเหรอ..”
“อือ..” เขาถูหน้าไปมากับอกผม “นะ..นายเลี้ยงหมาแทนได้ไหม..”
“หึ ๆ” ผมหัวเราะกับท่าทางของเขา “ปุณไม่ชอบหมาไม่ใช่หรือไง”
“ก็เกลียดน้อยกว่าเด็ก” เขาบ่นอุบอิบ “ทำไมอยู่กับฉันสองคนไม่ได้”
“เปล่าซะหน่อย..” บอกแล้วขยี้หัวเขา “ผมแค่คิดว่าปุณน่ารักเวลาอยู่กับเด็ก”
“...” เขาดึงตัวออกไป ก่อนจะนั่งจ้องผมตาแป๋ว
“เลยคิดไปชั่ววูบหนึ่งว่าอยากเห็นปุณเป็นคุณแม่บ้าง”
“โทษทีนะ..”
“ขอโทษทำไม ปุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” ลูบแก้มเขาเหมือนทุกที “ไอ้การอยู่ด้วยกันแค่สองคนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“เอส !” เสียงดังใส่ผม
“ฮะ ๆ ล้อเล่นครับ” ยกมือขึ้นขยี้หัวเขาอีกครั้ง “สำหรับผมแค่มีปุณคนเดียวก็พอแล้ว”
“จิ๊..” เขาส่งเสียงในลำคอ
“ขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจนะ”
ถึงจะมีเรื่องให้ต้องเข้าใจผิดกันแบบนี้..แต่ผมก็ถือว่ามันคุ้มนะ เพราะมันทำให้ผมได้รู้จักปุณมากขึ้นกว่าที่เคยรู้จัก เขาไม่ได้แค่ไม่รักสัตว์..แต่ไม่รักเด็กด้วย ปกติคนที่มีนิสัยแบบนี้มักไม่ใช่คนอ่อนโยน (ในสายตาผม) แต่สำหรับเขา..ทำไมถึงได้กลายเป็นข้อยกเว้นก็ไม่รู้
เพราะในสายตาผมเขาดูอ่อนโยนมาก..จนผมหลงแบบโงหัวไม่ขึ้นเลย
Ma-NuD_LaW
ท้องไม่ได้นะครับ .. คือแอบตกใจเม้นเบาๆ
แค่อยากให้รู้จักปุณในอีกมุมนึง
แอบแปะแฟนเพจนะครับ >> Manud_law ลิงภูเขา
คือเฟสส่วนตัวก็แอดได้เหมือนเดิมนะ .. เข้าไปคุยกันได้ครับ แต่แฟนเพจนี่ผมทำเอาไว้ลง "เรื่องสั้น" น่ะ
ผมแต่งลงทีละหน่อยๆ ลงในทวิต แล้วจะก๊อบมาลงในนี้ด้วย ((ถ้าอยากอ่านก็กดเข้าไปอ่านได้นะครับ))
ขอบคุณครับ