ตอนที่ 25
วันเสาร์หกโมงเช้าผมก็ต้องมาทำหน้าที่พ่อ(ทูลหัว)งัดไอ้ลูกหมาออกจากเตียง อย่างกับเด็กประถมเลยครับกว่าจะแงะจะแคะจะแกะมันออกจากเตียงได้ สุดท้ายก็แบกมันเข้าห้องน้ำมันถึงยอมตื่น แถมยังหลับในแปรงฟันกว่าจะเสร็จก็แปดโมง ดีว่าจัดกระเป๋าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน มันขนชุดเก่งมันไปครบแถมบางตัวมันก็ไม่ได้แกะมาซักเพราะจะเอาไปฝากเบส น้องดีเด่นแต่ไม่เลือกให้ผมสักตัว
“นี่ลุงใส่ตัวนี้เลย”
มันถือเสื้อวิ่งเข้าห้องน้ำมาหาผมทั้งๆที่ใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ส่วนผมมีแค่ผ้าเช็ดตัวมัดเอวยืนโกนหนวดอยู่ มองผ่านกระจกก็เป็นเสื้อยืดสีขาวธรรมดา
“แขวนไว้หน้าตู้เลย โกนหนวดก่อน”
“ให้ช่วยมั้ย”
หืม… จินตนาการภาพมันนั่งบนขอบอ่าง แขนนึงโอบคอผมอีกมือค่อยๆโกนหนวดให้มันก็ดูฟินดีนะ แต่เพราะเป็นมันนี่แหละ .. หน้ากูแหกก่อน
“ไม่เป็นไร ไปแต่งตัวไปเดี๋ยวไม่สบาย”
“ค้าบบบ ใส่ตัวนี้นะอย่าลืม!”
มันออกไปผมก็โกนหนวดต่อสักพักมันกลับมาอีกรอบ
“อันนี้กางเกงใน อันนี้กางเกง ใส่แบบนี้นะคร้าบบบบ !”
มันชูให้ผมดู พอผมพยักหน้ามันก็วิ่งกลับไป นี่ทำหน้าที่ศรีภรรยาจัดเสื้อผ้าให้สามีรึไง? ผมล้างหน้าล้างตาอีกรอบก็เดินออกไปแต่งตัว มันก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
หืม … มองชุดตัวเองแล้วก็หันไปที่มันทำหน้าลุ้น .. ชุดคู่?
“ใส่เร็วววววววววววววววววววววว”
หึหึ .. ใส่ก็ใส่
สุดท้ายก็มาเป็นชุดคู่ เสื้อตัวนี้มันคงซื้อมาวใหม่เพราะผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันก็ไม่ใช่ชุดคู่แบบชัดเจนหวานๆแหววๆ แค่เป็นเสื้อสีขาวปักตัวอักษรตรงอกซ้ายว่า DB เล็กๆเหมือนยี่ห้อเสื้อซะมากกว่า กางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยสีน้ำเงินสีโปรดมัน ก็แค่นั้น
“ลุงนั่งงง จะเซ็ตผมให้”
ปกติเข้าเวรก็ไม่ได้เซ็ตผมหรอกครับ หวีให้มันไม่ยุ่งก็พอ แต่วันนี้ไปกับแฟนก็ทำตัวหล่อหน่อยแล้วกันเนอะ? ผมนั่งลงให้มันเซ็ตผมให้ มันเล่นเสยเปิดหน้าเปิดตาโชว์ลานบินเหนือคิ้วผมซะงั้น
“ลุงแอบหัวเถิกนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ แต่แบบนี้แหละหล่อม้วก ผมเซ็ตเป็นเพื่อนลุงเอง”
มันทิ้งตัวนั่งตักผม ผมก็เลยเนียนกอดเอว เอาคางเกยไหล่ดูมันเซ็ตผมผ่านกระจก สักพักเราก็กลายเป็นฝาแฝดดำขาว (ผมดำมันขาว) มันทำผมเปิดลานบินเหมือนผมเด๊ะแต่พอมันเปิดเหม่งแล้วดูน่ารักดี
“หล่อจังเลยยยยยย”
“พี่อ่ะหรอ?”
“เบียร์หรอก ฮ่าๆๆๆๆ ลุงๆ ผมดัดฟันดีปะ มีเพื่อนในคณะบอกว่าผมควรจะดัด จะได้เป็นขาวตี๋ดัดฟัน”
มันยิงฟันโชว์แถวฟันตัวเองซึ่งก็เรียงตัวสวยมีบางซี่ทีเอนบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด
“ไม่ต้องดัดหรอก ฟันสวยแล้ว ถ้าดัดแก่ไปฟันมันจะล้มง่ายนะ”
“ถ้าลุงว่างั้น ไม่ดัดก็ได้ เพราะขี้เกียจเหมือนกันดูท่าจะแปรงฟันลำบาก ติดเหล็กไปหมดอ่ะเนอะ”
มันลุกขึ้นจากตัวผมไปใส่เข็มขัด ผมก็ยืนขึ้นใส่บ้างแล้วถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่มีของๆเราสองคน แน่นอนว่าผมเป็นคนจัดกระเป๋า ให้ไอ้เบียร์จัดมีหวังขาดนู่นเกินนี่ คราวก่อนไปญี่ปุ่นมันออกตัวจะจัดให้พอผมแอบมาเชคตอนมันไปเรียน เฮ้อ … แทบกุมขมับ
จัดการคนเสร็จก็ไปจัดการแมวตัวฟูฟ่องใส่กรงสำหรับเดินทาง ก็ไม่อยากขังมันหรอกเพราะมันร้องตลอดทางแต่ถ้าปล่อยมันออกมาขนคงติดเต็มรถ
ระยะทางกรุงเทพถึงอยุธยาไม่ได้ไกลมากแต่เดินทางกับไอ้ตูบนี่ต้องเผื่อเวลาเยอะๆเพราะมันจะบ่นหิว หิว หิวและหิวตลอดทาง แวะปั๊มซื้อแต่พวกขนมนมเนยไร้ประโยชน์
“เมื่อยมั้ยอ่ะลุง”
มันส่งทาโร่เข้าปากผม
“อือ ไปหัดขับรถสิจะได้ช่วยกันขับ”
“ลุงสอนสิ ผมก็อยากขับอ่ะ ดูเท่ดี”
มันทำตาวาว ผู้ชายส่วนมากก็แบบนี้ชอบรถ ถึงไม่ได้แต่งก็ชอบดูพวกแคตตาลอคหรือรีวิวรถรุ่นนั้นรุ่นนี่แล้วเอามาคุยกัน ผมกับเพื่อนหมอร่วมโรงบาลยังเป็น
“เดี๋ยวสมัครเรียนกับพวกโรงเรียนสอนขับรถให้ สักสองคอร์สน่าจะขับได้”
“โอเคเลยยยยยยยยยยยย แต่ผมจ่ายเองนะ”
“หือ? เดี๋ยวพี่จ่ายเอง”
“โนๆๆๆ นี่ลุงทุกวันนี้แม่ส่งตังมาให้จนล้นบัญชีแล้วอ่ะ ลุงเล่นจ่ายทุกอย่างเลย ผมพึ่งคิดได้ไม่นานนี้เองว่าแบบ … เหมือนเกาะลุงกินเลยอ่ะ”
“คิดมาก อยู่ที่มหาลัยก็ใช้ตังตัวเองไม่ใช่รึไง? ค่ากินค่าหนังสือเรียนค่าเทอม ค่ารถช่วงที่พี่ยังไม่ไปรับอีกล่ะ ยังไงพี่ก็ต้องอยู่บ้านนี้ ค่าใช้จ่ายไม่ได้เพิ่มอะไรมากมาย”
ผมไม่ได้ออกตัวเรื่องค่าเทอมอะไรมันเลยนะครับ เพราะคิดว่ามันก็มีพ่อมีแม่จะไปออกให้นี่ยังไม่ได้ขอพ่อขอแม่เขาเลย ดูจากค่าเทอมก็ไม่ได้แพงมากเพราะมันเรียนมหาลัยรัฐ ค่าขนม ครีม เสื้อผ้า ของใช้นั่นนี่ที่ผมพยายามหามาให้มันใช้ของดีๆยังแพงกว่า แต่เพราะผมอยากดูแลมันเองไม่ใช่ให้มันมาคิดมาก
“ผมไม่ได้เกาะลุงกินใช่มั้ย …”
“ใช่สิ ที่เบียร์ไม่ได้จ่ายมีแค่ค่าน้ำค่าไฟเอง ไม่กี่ร้อยเองครับ นอกนั้นเบียร์ออกหมดเลย ไม่คิดมากแล้วนะ?”
ขออย่าให้มันไปนึกถึงพวกขนม นม เนย ครีม วิตามิน เสื้อผ้าทั้งหลายแหล่ก็พอ
“แต่เสื้อผ้า…”
“แฟนกัน นานๆทีให้ของขวัญกันก็ไม่แปลกนะเบียร์”
“ค่อยสบายใจหน่อย”
มันหายคิ้วขมวดทิ้งตัวพิงไหล่ผมกินขนมต่อ ไอ้ตูบมันสบายใจ … ผมก็สบายใจ
ตั้งแต่เลี้ยวเข้าซอยมาก็เห็นเรือนไม้สักหลังใหญ่อยู่ท่ามกลางสวน ไอ้ตูบที่พึ่งกินอิ่มนอนหลับมาสักพักก็ลืมตาตื่นยิ้มแป้นเพราะได้กลับบ้าน จะว่าไปผมก็น่าจะกลับบ้านบ้างป่านนี้พ่อกับแม่ลืมหน้าผมไปละ ไว้ค่อยถามมันดีกว่าว่าอยากไปเที่ยวทางใต้บ้างมั้ย
พอรถจอดสนิทตรงลานหน้าบ้านไอ้ตูบมันก็สลัดหางลงรถคว้ากรงแมววิ่งไปที่ตัวบ้านทันที ส่วนผมก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้าล็อครถตามเข้าไป เราสองคนทำตามสเต็ปบ้านคนไทยสมัยก่อนครบครับ ถอดรองเท้าวางบนชั้นเอาขัดตักน้ำล้างเท้า แล้วก็เช็ดกับผ้าเช็ดเท้าเดินขึ้นบ้าน
บ้านหลังนี่ก็ยังเหมือนเดิม เป็นสี่เหลี่ยมมีห้องอยู่ฟากซ้ายขวา ฝั่งที่ขึ้นมาก็เป็นบันได ฝั่งตรงข้ามเป็นระเบียงที่จะเห็นสวนและคลอง ตรง
กลางเป็นยกพื้นขึ้นมีผู้หญิงคนเดิมกำลังปอกฝรั่ง
“ม๊า!”
“มานั่งสิ กินฝรั่งก่อนพึ่งเก็บมาจากสวน”
“สวัสดีครับคุณแม่”
ผมยกมือไหว้ใจแอบแป้วเล็กน้อยเพราะคราวก่อนคุณแม่ไอ้ตูบต้อนรับผมอย่างดีคราวนี้มีค้อนวงโตๆมาแทนรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“ทีตอนนี้ล่ะโผล่หน้ามา”
“ผมตั้งใจมาก่อนหน้านี่แต่ว่า…”
“ต้องรอลูกฉันหน้าเป็นแผลก่อนหรอคะคุณหมอ”
เจ็บทุกประโยคเลยครับ แต่จะให้ยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ผมไปให้ปากคำเพิ่มเติมในส่วนของผมแล้วครับ ส่วนสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของเบียร์ ผมรับรองว่าผมดูแลอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง”
ไอ้เบียร์ยิ้มเขินจะอ้าปากพูดแต่แม่มันส่งสายตาพิฆาตทำเอามันตัวแข็งได้แต่เดินไปนั่งข้างแม่มัน แมวในกรงร้องเมี้ยวๆมันยังไม่กล้าปล่อยออกมา
“ลูกชายฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ คำพูดดูดีแค่นี้แก้ไขอะไรไม่ได้หรอกค่ะ เลี้ยงมากับมือนะคะไม่ใช่พึ่งเอามาเลี้ยงตอนมันโต ผิวลูกชาย
ฉันดีราวกับพอกน้ำนมทุกวัน มาเป็นแผลแบบนี้ใครจะรับได้!”
เอ่อ คุณหญิงแม่ครับ ก็ใช่ครับว่ามันขาวจั๊วแถมเจี๊ยะอร่อย แต่มันก็ไม่ได้นุ่มได้เนียนขนาดนั้น รอยสากมันก็เยอะ สิวมันก็มีแล้วแผลบนหน้ามันก็ทิ่มแทงใจผมไม่น้อยเหมือนกัน…
ได้แต่ตอบในใจเพราะพูดไปคงโดนสาปส่งออกไปนอกบ้านแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย ถ้าเอาแบบไม่เข้าข้างตัวเองมากไปก็ดูออกว่าทางคุณแม่เขาประชดและอยากได้ความมั่นใจ เพราะเขาก็ไม่ได้บังคับให้ผมกับไอ้ตูบต้องห่างกันตั้งแต่เกิดเรื่อง แถมยังมีไอ้บู้ส่งมาอยู่เป็นเพื่อนมันด้วย
สิ่งที่ทำได้คือ … ตีหน้าเศร้า สำนึกผิด ขอแก้ตัว และทำวันข้างหน้าให้ดีกว่าเดิม
“ผมขอโทษครับในทุกเรื่องที่พลาดไป แต่ผมขอยืนยันว่าผมจะดูแลเบียร์อย่างดีไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ครั้งนี้เป็นความผิดผมเอง และผมก็เสียใจมากที่มีแผลแบบนี้บนหน้าของเบียร์ แต่อยากให้มั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อความรู้สึกจริงใจของผมเลยครับ”
ผู้ว่ากรุงเทพคนต่อไปโปรดเลือกผม… ช่างเป็นคำพูดที่ดูดีซะเหลือเกิน
ไอ้ตูบทำหน้าซึ้งตาใสจ้องแป๋วราวกับภูมิใจในตัวผมเป็นล้นพ้น รู้สึกเหมือนได้หัวคะแนนคุณภาพมาเป็นพรรคพวกเลยครับท่านผู้ชม
“หึ คราวก่อนเล่นหายไปจากชีวิตลูกชายฉันตั้งนาน คราวนี้จะให้เชื่อ คุณหมอคงมั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้วค่ะ ฉันไม่ต้อนรับคุณหมอ กลับไปได้แล้ว”
“ม๊า !!! อย่าไล่ลุง!”
“เงียบ! ฉันกำลังเล่นบทแม่สะใภ้ในละครอยู่ อย่ามายุ่งนะ”
รอยยิ้มคุณแม่จ้องผมด้วยความเจ้าเล่ห์ ทำเอาผมกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อคุณแม่ท่านเล่นบอกชัดๆว่าอยากทำตามละครหลังข่าว ไอ้ผมก็คงต้องรับบทพระเอก … ให้คุณแม่แก้แค้นจนกว่าท่านจะสบายใจและปล่อยตัวคุณหนูมาครองครู่กับชาวบ้านตาดำๆแบบผม…
“ขอถามนะคะคุณหมอ จะกลับไปตอนนี้หรือจะเล่นละครกับฉัน”
“ผมขอเป็นพระเอกละครครับ…”
“โฮะๆๆๆๆๆ พระเอกละคร? ช่างมั่นใจมากกกกกกกกกก แน่นอนค่ะได้รับบทพระเอกสมใจ จัดให้เดี๋ยวนี้! แซ่บลืมบอกเลย! ไอ้เบียร์ไปช่วยงานป๊าที่ร้าน ส่วนคุณหมอนี่เดี๋ยวแม่จัดการเอง!”
ผมก็ผวาไปซะไกลแต่บทละครของคุณแม่ไอ้ตูบไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดนั้นครับ แค่พาผมเดินเข้าสวนผ่านบรรดาต้นตะเคียน ต้นกล้วย และอีกสารพัดต้นที่มีตำนานผีสางนางไม้ทุกต้น พาผมมาไหว้ฝากเนื้อฝากตัวกับศาลเจ้าเก่าหลังสวนที่เป็นบ้านของเจ้าที่เจ้าทางตั้งแต่สมัยกี่ร้อยปีก่อนก็ไม่รู้ เรียนกว่าทุกเรื่องที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ดาวโหลดเข้ามาในหัวผมจนเต็ม
แม้ลึกๆก็ไม่ได้เชื่อแต่ก็ไม่คิดจะไปท้าทายอำนาจมืดเพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา ยังไงผมก็ต้องอยู่กับเรื่องพวกนี้บ้างถ้าจะใช้ชีวิตกับไอ้ตูบ
หลังจากไหว้ทั้งศาลทั้งต้นไม้ก็พาผมเดินไปเรือนไม้สักหลังเล็กที่อยู่คนละฟากกับตัวบ้านใหญ่ เรือนหลังนี้ติดริมคลองที่เคยมาพายเรือกับเบสคราวก่อน แต่ไม่ได้พายมาจนถึงจุดนี้ เรียกว่าพื้นที่เขตบ้านของที่นี่กว้างจริงๆเพราะเดินมานานมากกว่าจะถึง
เรือนไม้หลังเก่า ไม่มีใครอยู่แต่ถูกทำความสะอาดไว้ตลอดเวลาแม้จะมีเศษใบไม้หลงมาบ้าง
“ที่นี่เป็นเหมือนห้องพระของบ้าน แต่ที่แยกมาตรงนี้เพราะไว้เก็บพวกอัฐิและตั้งโลงศพเวลามีคนที่บ้านเสียชีวิต เราจะตั้งศพไว้ร้อยวันทุก
คน ล่าสุดคือสมัยเบียร์เบสยังเด็ก ตอนคุณปู่พวกแกเสีย”
ขนลุกพรึ่งราวกับไม่ได้นัดหมาย ได้แต่เดินตามคุณแม่เข้าไปในตัวเรือนที่ปิดประตูสนิท เรือนเล็กไม่กว้างมากปิดหน้าต่างทุกบานมีเพียงแสงส่องเข้าจากทางประตูที่เราเปิด ท่ามกลางความสลัวผมเห็นทั้งรูปขาวดำที่เป็นรูปตั้งหน้าศพและป้ายบรรพชนแบบของจีน มีโกศใส่กระดูกวางเป็นระเบียบ
คุณแม่นั่งลงตรงพรหมหน้าโต๊ะหมู่บูชาที่อยู่กลางเรือน จุดธูปหนึ่งดอกแล้วส่งให้ผม
“ไหว้บรรพบุรุษ พวกท่านจะได้ปกปักรักษา บ้านนี้มีเชื้อจีน ชาวจีนยกย่องบรรพบุรุษเพราะถือว่าเป็นรากฐานมาให้ลูกหลาน”
ผมรับมาพนมมือพลางมองไปรอบๆให้ครบทุกรูป ครอบครัวนี้อยู่บนพื้นที่นี้มานานจริงๆผ่านมาหลายรัชกาลเพราะมีรูปที่อยู่ในชุดราชกาลสมัยก่อนของคนในบ้านด้วย
ทุกท่านที่ยังอยู่ที่นี้หรือได้จากไปแล้ว ผมมาที่นี้เพื่อแสดงความเคารพว่าผมเป็นหนึ่งคนที่จะมาดูแลสมาชิกของบ้านหลังนี้ อะไรที่ผมทำพลาดไปขออภัยไว้ ณ ที่นี้ดวยครับ ผมสัญญาว่าจะไม่คิดร้ายหรือทำร้ายใครที่นี่ ถ้าวันหนึ่งมีเหตุให้ผมต้องตัดขาดกับคนที่นี่ผมจะจากไปด้วยดี
ผมไหว้หนึ่งครั้งแล้วปักธูปลงบนกระถาง ไม่ใช่ว่าผมแช่งตัวเองแต่ผมไม่อาจบอกได้ว่าผมกับเบียร์จะอยู่กันได้ถึงวันไหน วันหนึ่งมันอาจจะโตขึ้นแล้วอยากบินจากผมไปก็ได้
คุณแม่ดูจะสบายใจเลยใช้ผมกวาดระเบียงรอบบ้านที่มีใบไม้ประปราย ทำแล้วก็สบายใจดีครับมาฝากเนื้อฝากตัวให้คนที่นี้ที่ถึงแม้จะไม่อยู่ให้เห็นหน้ากันแล้ว แต่กระดูกพวกเขาก็ยังอยู่
กลับถึงบ้านก็เกือบเย็นเพราะไปเดินรอบสวนจริงๆ คุณแม่ก็พาเข้าครัวไปช่วยทำกับข้าว เพราะเบียร์กลับมาบ้านทั้งที แม่ทุกคนล่ะครับลูกกลับบ้านก็อยากทำของโปรดลูก
ตึก … ตึกตึก … ตึก …. ตึก
“น้ำพริกน่ะต้องตำดังๆ สมัยก่อนนะพ่อคุณณณณ ลูกสาวบ้านไหนตำไม่ดังแม่สื่อมาที่บ้านเขาจะหาว่าลูกบ้านนี้ใช้ไม่ได้”
ป้าคนครัวแกตำให้ผมดู อื้อหือดังลั่นทุ่งจริงๆครับ…. แต่ผมผู้ชายจะมีแม่สื่อที่ไหนมาเอาผมไปแนะนำต่อละครับป้าครับบบบบ
“อย่าเหยาะแหยะสิคุณหมอ ไอ้เบียร์ยังทำได้เลย”
แม่สื่อไม่มา แม่เมียมาเอง … แค่นั้นอย่างกับข้อมือใส่แบตเตอร์รี่ตำลั่นทุ่งไปตามป้าติดๆ
ตึกตึกตึกตึกตึกตึก…..
น้ำพริกเสร็จไปต่อด้วยการเด็ดผัก … คนครัวบ้านนี้ผมเชื่อละว่าทำมีตั้งสามคนรวมแม่เป็นสี่ เพราะเขาทำอาหารกันพิถีพิถันมากกกก ผักต้องเลือกใบสวยๆ ขนาดใกล้กัน เล็กไปไม่เอา ใหญ่ไปไม่เอา ตรงไหนเปอระดินต้องล้างให้สะอาดทุกซอกทุกมุมราวกับทำสปาให้ผัก
“โถพ่อคุณ ใบนั้นเล็กไป เอาเท่าๆที่ป้าถือสิคะ”
…. มันก็เท่ากันนะป้า…
โชคดีไม่ต้องไปต้มไปผัดเพราะแม่ไอ้ตูบบอกยังไม่ไว้ใจฝีมือผมเดี๋ยวทำไม่ดีจะเสียรสชาติ ก็นึกว่าจะรอดครับแต่เจองานยากสุด … แกะสลักฟักทองสำหรับใส่น้ำพริกและต้องแกะสลักพวกผักตกแต่งไว้จัดจาน
สายตาตรงแน่วเสมือนจับมีดผ่าตัด …. จับลูกฟักไว้มั่นเหมือนเป็นร่างกายผู้ป่วย … ลงมีดช้าๆแต่ต้องมีน้ำหนักเพราะการกรีดซ้ำๆหลายๆรอบๆจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยเสียเลือด…
“คุณหมอนี่แกะสวยนะคะ”
“แหะๆ ก็คิดว่าจับมีดผ่าตัดน่ะครับ…”
ผมคว้านเนื้อฟักทองจนกลายเป็นถ้วยสวยแล้วอดภูมิใจไม่ได้ที่ได้รับสายตาชื่นชมจากแม่ไอ้ตูบ เรียนหมอมันมีประโยชน์แบบนี้นี่เอง … เอาใจแม่เมีย!
สุดท้ายผมก็แกะทุกอย่างจนเสร็จแต่แม่ไอ้ตูบก็ติดใจฝีมือเลยให้ช่วยแร่เนื้อปลาสำหรับทำเมนูโปรดไอ้ตูบ ผมก็ไม่เคยแร่ปลาละเอียดขนาดนี้เพราะทำกินเองก็ต้มไปทั้งก้าง พอมาลองแร่ก็อดผวาไม่ได้ว่าถ้าคนรอบข้างโดยฆ่าหั่นศพเขาจะคิดมั้ยเนี่ยว่าผมไปหั่นเขา
กว่าจะทำกับข้าวเสร็จก็เย็น… ผมมานอนพักอยู่แปลญวนที่ผูกข้างบ้าน นี่มันละครเรื่องไหนฟระพระเอกถึงต้องมราเข้าคอร์สแม่บ้านโชว์เสน่ห์ปลายจวักตักแกงแบบนี้ กลิ่นเครื่องแกงติดตัวผอมหอมฟุ้งไปหมด
นอนสักพักก็มีแมวตัวขาวกระโดดขึ้นมานอนด้วย ไอ้บูบู้น้องสาวไอ้เบียร์ ถ้าไม่ติดว่าแมวไอ้ปัณณ์แต่งงานสร้างครอบครัวกับแมวไอ้ปิ๊งไปแล้วคงจะทำตัวเป็นพ่อสื่อให้ไอ้เปามันอยู่หรอก
เอ๊ะ .. หรือแมวมันจะมีเมียน้อยได้?
เหมือนมันรู้ครับว่าจะได้บทเมียน้อย แม่คุณข่วยฟ่อนมาบนแขนผมเป็นรอยเลือดซิบแล้วสะบัดหน้ากระโดดหนีไปเลย…
“บูบู้ !!! พี่ขอโทษนะ พี่ผิดไปแล้ว”
เจ้าแมวบู้หันมาหาผมแล้วเชิดหน้าใส่เดินขึ้นบ้านไป ตกลงมันรู้ภาษาคนจริงๆใช่มั้ยเพราะมันเป็นแมวไสยศาสตร์? นี่ผมต้องหาของกินมาเซ่นไหว้ขอขมาแมวหรือเปล่าเนี่ย
===========================================
เล็กๆน้อยๆ >0< เรื่องเนมรอก่อนนะเคอะ