ตอน 28 ผมและหมอก
get’s
ย่ำเดินวนหน้าบ้านเป้าหมายนาม บี-ทิวากรไม่ต่ำกว่าร้อยๆ รอบ
ที่ซักซ้อมเตรียมความพร้อมและกำลังใจเต็มถังจากไอ้ลม
นาทีนี้เหมือนจะรั่วหายสิ้นไม่มีเหลือ
แม่เจ้า ผมช่างเป็นพระเอกยอดแย่อะไรเยี่ยงนี้
เอาน่า...แค่ขอเวลาซักซ้อมเรียบเรียงประโยค
นาฬิกาบอกเวลา 22.17 น. สี่ทุ่มนิดๆ กำมือถือแน่น ก้าวจะกดกริ่งบ้านติดรูปคิตตี้สีชมพู
(Rrrrrrr!) สะดุ้งเฮือก โทรศัพท์เจ้ากรรมจังหวะนรก
ทีอยากให้มีใครโทรมากลับไม่ ทำไมตอนนี้เพิ่งมาขัดจังหวะ
แค่กดรับ...
“เก็ททททททททท! มึงอยู่ไหน มารับพวกกู 4 อ้อ 5 คนที่ 000 ด่วน เดี๋ยวนี้เลย” ไอ้เฟรมปากหนัก
ตะโกนแข่งกับเสียงรถยนต์วิ่งไล่เฟี้ยวฟ้าว
ผมเกาหน้าผากยิก เดือดร้อนตามเก็บศพเพื่อนไม่รักดีอีกแล้ว
“ไมวะ จะให้ไปประกันตัว?”
เคยช่วยครั้งแรกปีที่แล้ว ไปเอาเพื่อนออกจากโรงพักกลางดึก
อีกครั้งต่อมาคือเก้งข้อเท้าซ้นจากการถูกชน นั่นไปลากตัวจากลานรถส่งถึงโรงพยาบาล
ครั้งนี้เป็นที่ 3 แต่จะให้ถ่อไปถึงสนามแข่งยามราตรีนี่นะ
“มึงดูคลิปจากเก้งยัง อย่าถาม รีบมาถ้าไม่อยากให้มันเป็นศพ”/ติ๊ด!
เวร! กดตัดสายฉับ ไม่ทันได้อ้าปาก
‘Tttttt’ คลิปจากอีกเบอร์ก็ถูกส่งมา
“เฮ้ย!” ผมตาโตหลุดอุทานดัง กดเล่นซ้ำอีกครั้งจ้องจอลูกตาแทบทะลุ
หมวกแก็ปใบดำลายเส้นเงินอาจมีซ้ำกันได้ แต่ร่างสูงใหญ่เค้าหน้าคมสันเช่นนี้มีคนเดียว
“เอาไงดีวะ?” ละล้าละลังจับจักรยาน จะปั่นกลับก็ช้าเกินการณ์
ได้ใจกล้ากดโทรหา ‘little rabby’ เจ้าของบ้านชั้น 3
ตื๊ด! ไม่มีสัญญาณจากหมายเลขที่ท่านเรียก อ๋อย บีครับทำไมไม่ชาร์ทแบต
เงยหน้ามองหน้าต่างบานเลื่อนชั้น 3 ไม่ได้เปิดไฟ ไม่มีสัญญาณว่ามีใครอยู่ในห้อง
บ้านปิดแม้จะไฟห้องครัวชั้นล่างลอดมาให้เห็นก็ตาม
แท็กซี่เข้ามาจอดส่งบ้านข้างๆ พอดี เอาวะ จัดการกดกริ่งหน้าบ้าน
จูงจักรยานคันเก่งวางแหมะประตูรั้วติดสายคล้องกุญแจ ท่องคาถาในใจ...
‘อย่าหายนะมึง เดี๋ยวพ่อมารับ’ ก่อนก้าวขึ้นรถยนต์โดยสารกลับเข้าบ้านก่อน
อย่างน้อยต้องหาหลักทรัพย์ไว้ตุนเผื่อเพื่อนเดือดร้อน ในใจสงสัยปนทุรนทุราย
เฟรมกับแก๊งทำไมปล่อยเพื่อนผมกลายร่างเป็นโชเฟอร์ตีนผี
...ความกังวลจู่โจมจนไม่มีโอกาสเห็นหน้าต่างชั้น 3 เลื่อนครืด
...ไม่ได้มองใบหน้าตัวเล็กที่มุดโผล่ออกมาดูไฟท้ายรถแท็กซี่
...ไม่ทันได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อ ‘เก็ท’
.............
...............
จังหวัดปริมณฑลรอบนอก เลียบถนนใหญ่หน้ามหาวิทยาลัย
บอกพี่ชายเข้าจุดนัดตามที่เพื่อนโทรบอกรอบใหม่ ไม่ต้องไปถึงลานรถ
ด้วยมีสายข่าววงในอย่างลับๆ ว่าผู้พิทักษ์กฏหมายจะเข้าแทรกแซง งานเลี้ยงจึงเลิกเร็วกว่ากำหนด
“เลี้ยวซ้ายสุดถนนด้านหน้าครับ เซเว่นตรงป้ายรถเมล์ถัดจากโรงเรียนไป 200-300 เมตรครับพี่กาย...ใช่ๆ ตรงนั้น พวกมันอยู่นั่น” ผมชี้บอกขณะเวลาในรถบอก 0.02 น. เพิ่งข้ามวันใหม่
“โอเค จอดเลยป้ายหน่อยนะ” พี่กายชะลอความเร็วเข้าเทียบ
เห็นเก้งยืนใกล้ถนน ส่วนคนอื่นอยู่ละแวกริมฟุตบาทหน้าร้าน
เฟรม เอก โจโจ้และคนสุดท้าย...หมอก
ลดกระจกเรียกเพื่อนขึ้นรถ
“เฮ้! ขึ้นมา!”
“โว้วววว! มาไวว่ะเก็ท” โจโจ้ก่อน
“มากับใครวะ?” เก้ง
“เอ้า! พี่กาย หวัดดีครับเพ่” เอกเปิดเข้ามาก่อน
“หวัดดีครับ” พี่กายสารถีจำเป็นกล่าวทัก
ผมถึงบ้านขณะพี่ชายเพิ่งเข้ามาพอดี ส่วนลุงคนขับยังไม่กลับจากงานของพ่อ
พี่แสนดีถึงรับอาสาเป็นธุระให้
“โหมึง! ทิ้งบุหรี่ก่อนเลย รถพ่อกู” ผมดุเฟรมกับเอก
ส่วนโจโจ้กับเก้งจับกระป๋องสีเขียวไม่ทิ้ง ยังไงก็จะเมาน้ำหมักให้ได้
"หมอก!" ผมเรียกเพื่อนคนเดียวที่ไม่ยอมขยับ
“หมอก ไปเร็ว” เก้งหันไปช่วยอีกแรง
“ไม่! กูกลับเอง”
“กลับเองเชรี่ย อยากเสี่ยงเป็นชิ้นๆ อยู่นี่เหรอ พวกนั้นตามเช็ดล้างแน่ วันไหนตอนไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่มึงมากะกู” เฟรมยาวเต็มประโยคเสียงกร้าว
เออนะ ดาวโจรอุปภัมถ์ ยามราตรีเป็นเวลาของมัน
ผมไม่แปลกใจบุคลิกสองร่างของเพื่อนเท่าใดนัก
ขึ้นนั่งเบียด 5 คน ข้างหลังผมคือเก้งนั่งซ้อนตักเข้าหว่างขาเฟรม
โจโจ้แล้วก็เอก ติดประตูหลังคนขับมุมมืดสุดคือหมอก
"ไงวะ?" ผมเอ่ยก่อน
มองกระจกหลังดูสภาพแก๊ง ไม่ได้เอี้ยวตัวมองหน้าตรงๆ
โจโจ้กับเอกหน้าแดงเมาแอ๋ตัวไหลกับเบาะ เก้งคงแค่กึ่มๆ เอนพิงเฟรมที่กอดรวบไว้แน่น
และนั่งนิ่งกดปีกหมวกต่ำไม่เห็นนัยน์ตา...หมอก
"มีรถไอ้นี่คันเดียวแล้วดันเหยียบไปทิ้งไว้เซฟเฮ้าส์ กูบอกให้เอารถไอ้เอกมาอีกคันก็ไม่เอามา เป็นไงล่ะทีนี้" เก้งเชิงว่ากับเฟรม
ผมพอรู้บ้างแล้วด้วยโทรคุยช่วงเดินทางมา เปลี่ยนแผนกระทันหันเพราะว่าปาร์ตี้ถูกสั่งพับเก็บ
จะขับรถที่ใช้แข่งว่อนไปทั่วไม่ได้ จอดทิ้งไว้ที่ไหนซักที่ก่อนมาพบจุดนัดคือสถานที่เมื่อครู่
"ไหงมากับมึงได้?" ผม ที่อยากรู้คือเพื่อนแข้งทองนิ่งเงียบเกินนั่นต่างหาก หมอกที่ดาร์คเกินปกติวิสัย
"ก็มันมา" เฟรมตอบให้ เชิงกวนเชิงเกรียนพร้อมทะเลาะ
"นี่ให้พวกกูแวะรับแล้วมาทำเสียว มึงต้องเห็นว่ะเก็ท ฮีทแรกยังว่าฟลุ๊ครึเปล่า ต่อฮีทสองอีก แม่มเล่นโค่นไอ้ลุงพวกนั้นซะขาด หยั่งมันส์ 555" เก้งจ้อเรื่องหมอกตีนผีท้าแข่งกับพี่โจ๋เจ้าถิ่นขาใหญ่คนหนึ่ง คลิปแข่งรอบสองที่ว่าอยู่ในมือถืออันใหม่ของผม
“ฮิ้ว! เก้ท มึงต้องเห็นฮีท 3 พวกตัวใหญ่แม่ม ลงเอง ฮามาก” โจโจ้
“ถ้าบอกว่าอัพยามากูว่าค่อยน่าเชื่อหน่อย ขับวอนตายเว่อร์ 555” เอก
“ไม่คิดว่าจะได้เห็น หมอกเดอะไลท์นิ่ง” เก้งบอกสมญาสายฟ้าฟาด
“ใครจะคิด...” เฟรมตบท้าย
"ซิ่งด่วนนรกมากเพื่อน มือหน่อย เย้ววว!" โจโจ้หยัดตัวจากอ้อแอ้จะข้ามเอกไปตีมือหมอก
“...” ได้รับกลับคือความเงียบและเฉยชาเกิน
เอาล่ะเหวย ผมลอบถอนหายใจอย่างเบา ต้องมีอะไรบางอย่างแน่แท้
หมอกเคยไปดูการแข่งแบบนี้พร้อมผมช่วงรู้จักพวกเฟรมแรกๆ ตอนนั้นเฮฮาประสา
คึกคักเด็กเลือดร้อนอยากลองของแปลกใหม่ น่าจะรอยต่อ ม.1 กับ ม.2 ที่ผมตั้งใจไปจริงๆ คือครั้งนั้นครั้งเดียว
จากนั้นธุระล้วนๆ ตามเก็บกวาดเรื่องร้อนของพวกนี้ แต่หมอกมีบ้างที่ไปชวนไปกันเองด้วยนิสัยรักชอบรถยนต์พอตัว
จำได้ว่าเคยขับ 4-5 ครั้งตามประสาฮอร์โมนวัยรุ่นของขึ้นอยากลองดี ไม่ได้แข่งกับใคร
หากดูท่าหนนี้จะไม่ใช่...เพื่อนต้องมีปัญหาตรองไม่ตก
นี่เป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ที่หมอกเข้าอีหรอบนี้ ครั้งแรกนั้นคือมันไม่อยากไปอเมริกาหลังจบ ม.ต้น
สอบมิดเทอมเสร็จมาปล่อยอารมณ์เหยียบตีนผี ขณะนั้นยังพลบค่ำไม่มีคน
หมอกเหยียบคันเร่งพร้อมตะโกนดังก้องแล้วค่อยกลับเป็นเพื่อนสดใสคนเดิม...
และครั้งนี้ที่ให้บรรยากาศมาคุคล้ายกัน เพียงแต่มากกว่า รุนแรงกว่า
ผมเงียบไม่พูดเอ่ยอะไร เราผู้ชายด้วยกันพอดูออก
ถ้ามันไม่ ผมก็สุภาพพอที่จะไม่ละลาบละล้วงก่อน
..............
"เฮ้ย! ไมพี่มอสไม่มาวะ รึมาแต่กูไม่เห็นหัวแก" เฟรมเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงพี่ ม.5 ที่สนิทกันเพราะเรื่องนี้
"ไม่มั้ง แกสอบเสร็จตั้งแต่พุธ ป่านนี้คงเมาตายไหนก็ไม่รู้" โจโจ้
"กูว่า น่าจะไม่มาแต่แรก พี่มอสแกข่าวไว นกรู้จะตาย หนีก่อนอยู่แล้ว" เก้ง
"ไม่งั้นได้เห็นไอ้นี่ขับ คงช็อคไปเลย 555" โจโจ้เสียงดังก่อนยกกระป๋อง
“พี่กายหายหัวไปเลย แต่ผมเคยเห็นเพื่อนพี่ที่เป็นฝรั่งผมแดงๆ มีจรมาแข่งอยู่นะครับ” เอกขึ้นเรื่องใหม่หลังจากโม้เรื่องหมอกนานจนชืด ต่อให้เมาแค่ไหนนิสัยพูดจ้อขี้ประเหลาะยังคงเดิมไม่เปลี่ยน
“อ๋อ นั่นมันชอบรถแข่งเหมือนกัน จำได้ด้วยเหรอเรา?” พี่กายคุยพลางถาม
น่าจะหมายถึงพี่เจฟฟรี่ ต่างชาติหัวแดงมีไม่กี่คน รักชอบรถด้วยแล้วไม่แคล้วกันเท่าใด
“~จำกันได้ก๋า ชน!” เอกชูกระป๋องในมือกับโจโจ้
“เชียสสสส์” โจโจ้ชูชก
“จำได้ แต่พวกผมไม่กล้าทัก เห็นอยู่แต่กับรุ่นใหญ่” เฟรมสอดเป็นเรื่องราวมากกว่า เพื่อนไม่น่าจะเมาเลยด้วยซ้ำ
“อืม...” พี่กายพยักหน้าขณะตบเข้าเลนขึ้นทางด่วน
ปล่อยเพื่อนวาดลวดลายอวดโอ่การผจญภัยต่อ
ในรถมีเพียงแค่ผมกับหมอกที่เงียบ ปล่อยพี่กายคุยเชิงถามให้พวกนั้นกระจายข่าวในปาก
ว่าไปแข่งกับใครมา วีรกรรมความตื่นเต้นทั้งหลายแหล่ในวงการ กระทั่งเรื่องแต่งรถต่างๆ นานา
เข้าหูเออออตามเป็นพักๆ ขณะสมองประมวลผลหาเหตุใดหมอกถึงมาอยู่ที่นี่
“ผมชอบคันเดิมของพี่มากกว่า ที่ท่อแต่งน่ะ” เก้ง
“อ๋อ นั่นเพื่อนพี่เอาไปทำให้”
“555 นั่นซิ ถ้าจะทำคันนี้บอกนะครับ เดี๋ยวพวกผมแนะนำร้านคนที่รู้จักให้ ราคาพิเศษ” เอกยังฟื้นมาต่อยหอย
“ราคาพิเศษนี่หมายถึงแพงพิเศษรึเปล่า” พี่กายอมยิ้มขณะมองถนน
“555 รู้ทันนะคร้าบ” เอก
“พี่กายอย่าไปเชื่อมัน” เก้งเกาะพนักเบาะผมนั่งข้างคนขับ
ขยับมาชะโงกแจมสนุกใหญ่ เฟรมกอดรวบเอวอย่างแน่น
“~โจโจ้น้อยอยากกินสเต็กฮ้าบ ขอมือ โฮ่งๆๆ” โจโจ้เมาแล้วเรื้อนไปเรื่อย
“555” ทั้งรถเมาดิบ
ผมยิ้มออกจนได้ คิดถึงเด็กเซเว่นผู้ให้สมญาเชพเพิร์ดนี้กับเพื่อน
ป่านนี้จะนอนหลับฝันดีถึงผมบ้างไหม
ด้วยทั้งแก๊งชื่นชอบพี่กายเป็นพิเศษเพราะใจดีพาไปเลี้ยงและหาอุปกรณ์บาสเกตบอลไปแจกน้อง
ขนาดเฟรมที่ว่าไม่ค่อยเอาใครยังว่าง่ายกึ่งเคารพพี่แสนดีคนนี้
อดชำเลืองมองหมอกไม่ได้ ทุกคนเฮฮาแต่หมอก...ไม่!
สำนึกดีเปรยความคิดเข้าข้างเพื่อน ‘คงหาอะไรเล่นสนุกหลังสอบเสร็จมั้ง’
เรื่องนิสานั่นยิ่งไม่น่าใช่ประเด็น นิสาตามต้อยหมอกแทบเป็นเงาขณะเพื่อนกลับเฉยๆ
หรือเกิดเหตุอะไรช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกันหว่า นิสากับมันมีปัญหากันหรือไร
คำถามนี้ได้เฉลยไวเกินคาด...
“เมิงไม่พาน้องนิของกูมา” เอกยานคางตาเยิ้มแต่กระทำสิ่งที่คาดไม่ถึง มันหันไปคว้าคอเสื้อหมอกที่นั่งติดกัน
“ไมวะเอก?” ไม่มีเสียงเล็ดลอดจากหมอก โจโจ้คือคนเสือกแทน
“นิสากูน่ะ อ้าย-เชรี่ย!” เอกยานคาง บิดคอเสื้อยืดดำของหมอกแน่นติดมือ
“ปล่อย-มือ-จาก-เสื้อ-กู” หมอกช้าๆ ชัดๆ จนหมดรถหันควับสนใจ
ทันเห็นเอกเงอะงะคลายมือออกแต่ยังยั้งอกเพื่อนจังหวะรถเลี้ยวพอดี
"มึงแย่งกูไป เชรี่ยหมอก ไอ้เลว" เอกเปลี่ยนจากหัวเราะอยู่ดีๆ จะร้องไห้ซะงั้น
“ไรวะเอก เมาแล้วเรื้อนเหรอ” เก้งฝั่งนี้
“ป-ล่-อ-ย!” เป็นหมอกลอดไรฟันให้เอกห่างจากตัว
"แต่แม่มช่างเถอะ คงโดนใครฟันมาตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่---/เฮ้ย เอก!" เอกองุ่นเปรี้ยว เป็นผมฮึดฮัดหันควับกลับไปหา
ออกปากเสียงดังสั่งให้หยุดปากเสียเอง
ผู้ชายไม่ควรเสียมารยาทกับผู้หญิง ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม
"อย่าพูดแบบนั้นกับ...ผู้-หญิง!" หมอกคงเหลืออด ฝ่ามือยันหัวเอกกระทบหลังเบาะที่นั่งผม
โขกโดนโจโจ้ไล่ถึงต้นแขนเก้งพรวดเดียว
(โป๊ก!) “โอ๊ะ!---/ โอ๊ยยยย/” โดนกันระนาว
ผมว่าแรงขนาดนั้นคงหายเมาหรืออาจเมาหนักกว่าเดิม
"โว๊ย! พวกมึง" เก้งถูกเบียดติดกระจกฝั่งนี้ รอดเพราะท่อนแขนเฟรมบังไว้
"พวกหมานี่เมาแล้วแม่ม---พี่กายจอดข้างหน้าเลยครับ!" เฟรมจัดแจงขณะเพิ่งลงทางด่วนเข้าเขตกรุงเทพมหานคร
"เดี๋ยวพี่ไปส่ง" พี่กายไม่ยอม
"อ่อก---กูจะอ๊วก" โจโจ้ตะกาย มีเอกโอดโอยกุมหัวป้อย เห็นท่าไม่ดีชัดแจ้ง
"จอดเลยครับพี่กาย!" เก้ง
"พี่กาย!" ผมชี้ข้างทางที่ว่างสำหรับจอดแท็กซี่
"โอเค ได้!" พี่กายเหยียบเบรคหัวคะมำ
โจโจ้พุ่งออกมาโก่งคออาเจียนลงท่อระบายน้ำที่ฟุตบาท รอดอย่างหวุดหวิด
.......
.........
"พวกกูแยกไปเลยละกัน" เฟรมบอกผมขณะรับขวดน้ำจากในรถยื่นให้โจโจ้
เอกยังกุมศีรษะอยากนอนลงกับเก้าอี้รอรถประจำทาง
"เฮ้ย ไหวเหรอ ให้พี่กูไปส่งดีกว่า" ผม
"สบาย ไม่ต้องห่วง ขอบใจมึงมากเก็ท พี่ชายมึงด้วย...พี่กายพวกผมแยกไปเลยนะครับ" เฟรมเข้าไปบอกพี่กาย
คุยกันดึงดันจะไปส่งถึงบ้านแต่เฟรมไม่ยอมท่าเดียว บอกย่านนี้คุ้นเคยกันดี
จะแยกไปนอนบ้านเอกที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้น ให้เราสองคนพี่น้องขึ้นทางด่วนขั้นต่อไปได้เลย
จนได้ข้อสรุป...
"โอเค ไหวแน่นะ มีอะไรโทรบอกพี่ มีเบอร์ใช่มั้ย?" พี่กายยินยอม
"ครับ ขอบคุณครับ" เฟรม
"ขอบคุณนะคร้าบ"
"หวัดดีครับพี่" เพื่อนบอกลายกมือไหว้
หมอกยืนนิ่งอยู่ด้านโน้นกำลังจะเดินออกไปอีกทาง
"หมอก ขึ้นรถดิ!" ผมเรียกเพื่อนด้วยอยู่ละแวกเดียวกัน บ้านอยู่ห่างไม่ถึง 3 กิโลเมตร
"ไม่! กูจะกลับเอง"
"เฮ้ยหมอก! คืนนี้ยังไม่นิ่ง กลับกับไอ้เก็ทนั่นแหล่ะดีแล้ว ไว้วันหลังค่อยว่ากัน" กลายเป็นเฟรมเข้าจัดการ
ผมพอรู้ว่าการแข่งของเพื่อนค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย แน่นอนว่าส่วนใหญ่มักจะวางเดิมพันก่อนลงสนาม
แต่เท่าที่ทราบเมื่อครู่คือหมอกไม่สน ไม่คุยเงื่อนไข นั่งเงียบกริบประจำที่คนขับแล้วเหยียบอย่างเดียว
พวกที่ถือหางอยู่จึงวุ่นวายกับผลแพ้ชนะเสียเอง
"หมอก..." ผมเรียกซ้ำ
"ฮื่ย!" หมอกเข้าปิดประตูปังนั่งนิ่งมาคุด้านหลัง ให้โบกมือลาเพื่อน 4 คนที่เหลือ
...............
.................
บ้านหมอก... พี่กายวนรถกลับออกไปแล้ว แรกสุดเพื่อนจะแยกลงข้างทาง
เป็นผมดึงดันจะส่งถึงที่หมายให้จงได้ ขอพี่จะนอนบ้านเพื่อนคนนี้เอง พี่ชายถึงยอมปล่อยไม่ห่วง
ไม่ไหวต้องเคลียร์ขาด ปิดเทอมแล้วอะไรๆ ปล่อยห่างจะยิ่งไปกันใหญ่
นาฬิกาบอกเวลา 3.15 น.
"หมอก!" ผมเรียกไว้ขณะเพื่อนชี้มือที่ห้องนอนแขกด้านซ้าย
"กูจะนอน!" หมอกยั้งเท้าไม่ก้าวขึ้นบันไดเข้าห้องตัวเอง
"กูจะฟัง ถ้ามึงอยากให้กูฟัง" ผมกล้า
"กูไม่มีอะไรจะพูด!"
"หมอก...กูเพื่อนมึง" ผมอ่อนเบา
อีกฝ่ายค่อยหันกลับมาช้าๆ ผมเห็นใบหน้าที่ซ่อนบังภายใต้หมวกสีดำ
หากรู้สึกเหมือนไม่ใช่เพื่อนคนเดิมของผมซักเท่าใดนัก
"กูไม่ใช่เพื่อนมึง!"
"เฮ้!" ผมยั้งเชิงเรียกให้สนใจปนไม่เข้าใจ ใครสิงร่างเพื่อนอยู่
หมอกหันกลับก้าวรี่มาหา กำกระชากคอเสื้อทั้งสองมือ
ถึงได้เห็นนัยน์ตาดุดันที่ซ่อนไว้ใต้ปีกหมวกนั่น
"หยั่งมึงเนี่ยนะเพื่อนกู เพื่อนเค้าทำกันงี้เหรอวะ!?"
"..." เอิ่ม เก็ทไม่เก็ทครับ
"ห๊ะ! เก็ท กูถาม เพื่อนเชรี่ยๆ ประสาอะไรถึงทำกับกูแบบนี้?" หมอกตะโกน
"จะรู้มั้ยสัด มันเรื่องอะไร โกรธกูทำเชรี่ย!?" ผมสบถบ้าง
แรงที่คอผ่อนเบาลงแต่ยังไม่ปล่อยเสื้อ
อย่างน้อยก็น่าจะระบุข้อกล่าวหา จะได้รู้ใครโจทก์ใครจำเลย
"อย่างมึงนี่นะ น่าจะรู้หรอก ฮึ!" หมอกเยาะเล็กๆ ประโยคคล้ายกับเพื่อนลมเมื่อกว่า 10 ชั่วโมงก่อน
ใช่! คนอย่างผมอาจมองว่าดีเกินไป ใสซื่อไม่รู้เท่าทันคนอื่นเขา
แต่ก็ไม่จำเป็นหรอกเพราะนี่คือกิดากร คนที่พร้อมจะยืนหยัดเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้างเสมอในยามต้องการ
"...หมอก" ผมอ่อน พยายามจับนิ้วมือที่กำแน่นค้างที่เสื้อ เพื่อนพลันหรี่ตาก่อนผลักไสผม "โอ๊ะ!"
หลุดอุทานเกือบลื่นพื้น ดีที่ปะทะพนักเก้าอี้ทานข้าวช่วยยั้งทรงตัวไว้ทัน
"ทำไมต้องเป็นมึงเก็ท ทำไม!?" หมอกกร้าวเสียงดัง ชี้หน้าเขม็ง
"ทำไมวะ มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย!?" ผมหลุดโมโหเหมือนกัน ทำอย่างนี้มาชกปากกันดีกว่า
"มึงแทงข้างหลังกูเก็ท ทั้งที่อุตส่าห์ไว้ใจ เชื่อใจมึงที่สุด...แต่มึงกลับ"
"โว๊ย! กูไม่รู้เรื่อง นี่เราพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ บอกทีได้มั้ย?" ผมตะโกนบ้าง
"ก็เรื่องมึงกับมัน!" หมอกดังกลับพอกัน
"มันไหน? ใคร? บอกหน่อยเถอะ สงสารกูบ้างหมอก" ผมมึน ชักจะไปกันใหญ่
ราวอากาศธาตุหยุดไหล เงียบชั่วครู่ใหญ่แล้ว...
"...ลม" นามนั้นช่างแผ่วเบาราวสายหัวใจขาดรอน
ผมไม่เห็นแววตาเจ็บช้ำของเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยตัวเองชะงักเก้อตบหน้าผากตัวเองไปมา
"อ๋อ 555 นึกว่าเรื่องอะไร" ได้แต่หลบตาเพื่อน
อดขำไม่ได้ 5 วินาทีของเทพสีขาวแลกกับระยะเวลาทำใจถึง 5 เดือนเต็มของผม
(3 เดือนแรก หนึ่งเทอมเต็มๆ กับอาการหลงเพ้อแต่ไม่เข้าใจตัวเอง
ปฏิเสธไม่ยอมรับด้วยการเล่นกีฬาเป็นบ้าเป็นหลังปกปิดความรู้สึก
และอีก 2 เดือนให้หลังกับตัดใจว่าไม่ควรรักกับผู้ชาย ทำยังไงได้ นั่นแค่เด็ก ม.2 นี่ครับ)
แต่หมอกไม่ขำด้วย...
"มึงสองคนใจตรงกัน?"
"เออว่ะ กูว่าจะไม่เล่าให้ใครฟังแล้วนะ แต่แม่ม! บังเอิญชิบหาย ความรู้สึกมัน...ไม่น่าเชื่อว่าจะเหมือนกันได้ขนาดนั้น" ผม
เรื่องบังเอิญมีในนิยาย ไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นกับตัว
พอไม่นึกคิดอะไรด้วยแล้วกลับเป็นเรื่องขำขันซะงั้น
"พวกมึงรักกัน ชอบกันจริงๆ งั้นซิ" ผมว่าน้ำเสียงของหมอกสั่นและเบาเกินไป
"555 จะพูดงั้นก็ได้" ผมกำลังสนุกด้วยรับรู้ถึงอาการหลุดโล่งเบาโหวงในอก
ลมคือเพื่อนเหมือนหมอกหรือคนอื่นๆ ที่ไม่เหมือนและโดดเด่นเด้งนอกกรอบคือร่างเล็กอีกคนหนึ่ง
...ภาพรอยยิ้มของบีแจ่มชัดสดใส
...สัมผัสผิวเนียนติดปลายมือ
...กรุ่นกลิ่นแป้งเด็กผสมผิวกายเด็กผู้ชาย
ตัวตนเดียวอยู่ในใจไม่ลบเลือนและไม่คิดจะแปรเปลี่ยน
แปลกมาก ขนาดกรณีไอ้ลมกลับอยากขจัดทิ้ง อยากปกปิดไม่ให้ใครรู้
ทว่ากับดวงตะวันน้อยๆ ดวงนั้นกลับอาจกระทำอีกอย่าง
บีเปลี่ยนผม
บีเปลี่ยนโลกของผม
บีเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างของผม
...............
"ทำไมต้องเป็นมึง...เก็ท" เสียงหมอกอยู่ใกล้ดึงสติคืนกลับ
"หะ ว่าไงนะ?" ผมยังอยู่ในภวังค์ นึกว่าหูแว่วเพราะประโยคเดิมซ้ำๆ
"คนที่มันเลือก คนที่มันเรียกหาแทบทุกครั้ง...มึงคนเดียว" หมอกเบนหน้าเหม่อมองไกลนอกกระจกบานใหญ่
เห็นลานจอดรถข้างบ้าน บีเอ็มสีดำของเพื่อนจอดอยู่ในเงาลางเลือนเวลากลางคืน
มืดมิดเหมือนนัยน์ตาเพื่อนที่ผมมองไม่เห็น
"หึหึ งี้แหละมัน" ผมอดอารมณ์เปลี่ยนไม่ได้
สมญานามไอ้ลมว่าให้ได้ยินบ่อย 'ม้าใช้ไนซ์บอยของกู'
ถ้าอารมณ์ดีหน่อยจะมีต่อท้าย 'ผู้สามารถฝึกได้ ลูกเจี๊ยบในกำมือชื่อกิดากร' พร้อมเสียงหัวเราะ
เวลานี้เพิ่งพ้นภาระจากสองสาวเมย์กับดาวมาหมาดๆ
"...เพราะอะไร?" หมอกยังไม่หันกลับมา
"เพราะกูเป็นคนดีไง" ผมขำกับอิจฉา 5 ข้อ เลว 3 เพอร์เฟคหนึ่ง และท้ายสุด ความดีของกิดากรชนะทุกอย่าง ความคิดเด็กน้อยชัดๆ
"กูดีไม่พองั้นเหรอ...ทำไมถึงไม่ใช่กู ทำไมไม่เป็นกู ทำไมไม่เลือกกู" เพื่อนละเมอเบาจนไม่ได้ยินประโยคท้ายๆ
ปล่อยผมเอ่ยเล่าบอกเรื่อยเจื้อย
"หมอก มึงต้องรู้คนที่ไอ้ลมมันอิจฉา 3-4 คนที่มันไล่ให้ฟังนั่นนะฮามาก ตัวชั่วระดับเทพทั้งนั้นขอบอก พี่มอส พี่เชนและก็ไอ้เฟรมด้วย"
"เฟรมก็ด้วย?"
"ใช่ บอกว่าไงรู้เปล่า เลวแต่ไม่เลว หึหึ"
"งั้นกูจะเลวให้มันดู" หมอกเข่นเขี้ยวจนนึกกลัว เพื่อนคนนี้มีหลายอย่างที่ผมไม่รู้
และเหตุผลที่ต้องแยกห่างเพื่อนคนนี้กำลังจะเกิดขึ้น...
"มึงไม่เป็นไรใช่มั้ย?" ผมแอบถามอ้อมโลกอยากได้สาเหตุที่มีปัญหาจนต้องไปขับรถท้าแข่ง
"ฮึ ไม่เป็นไรมั้ง เพื่อนแอบแทงข้างหลัง รักชอบกันเองไม่ว่าแต่เห็นกูเป็นตัวตลก เป็นทางผ่าน ถูกหลอกใช้อย่างน่าสมเพช ดีมั้ยมึงว่า" หมอกประชด
"เอ่อ หมอก...รู้เรื่อง...กู...ชอบผู้ชาย?" ผมวูบไหวข้อภายในตัวตนเรื่องรักชอบเพศเดียวกัน
พ่อแม่ที่ไหนจะยินยอม กระทั่งกับเพื่อนใช่ว่าจะรับได้ง่ายๆ แม้สนิทสนมเพียงไหนก็ตามที
"มึงเป็นเกย์?" คำถามเจ็บจี๊ด เลี่ยงไม่ได้ อาจไม่มีทางเลี่ยงได้ตลอดชีวิตนับจากนี้
ยิ่งออกจากปากคนที่เราให้ความสำคัญ ช่างเจ็บแปลบเกินเอ่ย
ทว่าผมกลับทนได้ แปลกใจมาก รอยยิ้มของตัวเล็กเจิดจ้าสว่างไสว
ปัดเป่าความทุกข์ระทมทุกอย่างมลายสิ้น 'ไม่เจ็บเท่าไหร่นี่หว่า'
"ถ้าคนที่กูรักเป็นเพศเดียวกัน แล้วทั้งโลกบอกว่าเกย์...ใช่หมอก กูยอมรับ" ผมยืดอก
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ถ้ามีทิวากรอยู่เคียงข้าง กิดากรบ่ยั่นอยู่แล้ว ^^
"..." หมอกนิ่งงัน คล้ายเห็นความร้าวรานอยากร้องไห้จากแววตาคู่นั้น
"มึงเกลียดเกย์ เกลียดกูรึเปล่าหมอก?" ผมเบ้าตาร้อน พร่าเลือนกับภาพอีกฝ่ายถอดหมวกสีดำออกช้าๆ
"มึงกล้ากว่าที่กูคิดไว้มาก เก็ท...ขณะที่กูได้แต่อ่อนแอ เหนือกว่าทุกอย่างแต่กลับลังเล...ช้า"
"...หมอก!" ผมระโหย
ขณะนั้นคิดแต่ฝ่ายเดียวว่าเพื่อนอคติกับชายรักชายจนพาลรังเกียจผม
แท้ที่จริงแล้วคืออีกอย่างกลับตาลปัตรนึกไม่ถึง หรือไม่เฉลียวใจก็ไม่รู้
หมอกคิดเอาเองว่าผมรักและจะร่วมทางกับลมเหนือ
ไม่มีรักสามเศร้าเราสามคน ทิ้งหมอกอกหักอยู่คนเดียว
"ของมึง เอาไป...ต่อจากนี้เรา...คงไม่" เสียงหมอกสั่นครือขาดห้วงราวสะอื้น
ยื่นหมวกแก็ปแบบเดียวกับลม ยัดใส่อกผมแรงจนเจ็บ หันกลับก้าวขึ้นบันได
"หมอก! กูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่ใช่มั้ย!?" ผมแทบตะโกน สายน้ำจากตาไหลอาบหน้า
"..." ได้ความเงียบขณะไหล่ด้านหลังเพื่อนสั่นไหว
ถ้ามองไม่ผิดและคิดเข้าข้างตัวเอง หมอกก็กำลังร้องไห้เช่นกัน
"หมอก..." ผมอีกครั้ง
"...ไม่...เก็ท...(ไม่ใช่ตอนนี้)"
มิตรภาพยิ่งใหญ่ถูกดาบตวัดฉับฟันขาดวิ่น
ผมไม่ได้ฟังท้ายประโยคที่กลื้นสะอื้นจนเบาราวสายลมผ่าน
คิดว่าหมอกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงไร้เยื่อใยด้วยทัศนคติเรื่องเกย์
ไม่คิดว่าเพื่อนขอระยะเวลาทำใจเรื่องเราสามคน
...เรื่องของมันกับอีกคน
...เรื่องหมอกกับลมต่างหาก
ร่างหมอกหายลับจากคลองสายตา ถอยหลังชนเก้าอี้
ทรุดนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนไม่ทราบได้ กระทั่งนาฬิกาดังติ๊ดๆ เตือน 5.00 น.
ผมลุกช้าจากมาอย่างเงียบงัน
----------
ปล. เป็นครั้งแรกที่ (คิดว่าตัวเอง) ถูกหมอกปฏิเสธและไม่มีครั้งที่สองอีกเลย
เพราะนับจากวินาทีนั้น ผมไม่รู้ว่าหมอกพลิกความคิดจิตสำนึกไปทางไหน
เพื่อนคัดง้างกับที่บ้าน เกเรเลิกเล่นฟุตบอล กินเหล้าดูดบุหรี่ ที่กว่านั้น ฟันหญิงเป็นกระตัก
ตั้งฮาเร็มเป็นกิจจะลักษณะชนิดแบดบอยส์ตัวจริงยังชิดซ้าย
ข่าวโคมลอยว่ามีลองผู้ชายบ้างแต่ผมไม่แน่ใจ
ปากหนักวาจาเชือดเฉือนไม่เอาใคร ไม่มีใครเอาอยู่ยิ่งกว่าเฟรม
ทิ้งห่างข้ออิจฉา 4-5 ประการที่ไอ้ลมเคยว่าไว้ไม่เห็นฝุ่น
ด้วยเป็นอย่างที่เพื่อนสนิทของผมว่า 'เลว' สุดโต่ง
เราห่างกันโดยปริยายเพราะหมอกถอยระยะไม่ยอมให้เข้าใกล้
หมอกกลายเป็นไอหมอกเย็นยะเยือก
ไร้ตัวตน ไร้ลมหายใจ ณ สุดปลายยอดเขาสูงเสียดฟ้าที่ผมไม่รู้จักและเอื้อมไม่ถึง
คล้ายเพื่อนหลุดลอยไกลเป็นว่าวสายป่านหลุดจากมือ
ไม่มีทางได้คืนและไม่มีวันไปพบเห็น
-------------------------------------------
***murasakisama ดาร์คหมอกเปิดเผยแล้ว หุหุ
หมอกภาคเพอร์เฟคเป็นของลม แต่หมอกภาคมืดมนไม่กล้าเขียนเลยซักตัวเดียว
เพราะตี๋+หมอก ของ cn9095 ดีที่สุด (ในโลก) ณ เวลานี้
(โอ๋ๆ กอดปลอบให้หายตกกะใจ
)
................
..............
(ต่อ)
***edit เช้าวันอังคาร
เนื่องจากหลงรักหมอกเรื่อง เงินน่ะ..มีไหมวะ?! จนใส่ลิงค์ในกระทู้นี้ว่า
ควรอ่าน ของ cn9095 จากที่นั่นที่นี่กดได้ ทำนองนั้น (ซึ่งตอนนี้ลบลิงค์ไปแล้ว)
กลายเป็นความเข้าใจผิดไปด้วยตัวละครชื่อหมอกเหมือนกัน
จึงขอโทษทั้งแฟนคนอ่านและ cn9095 แล้ว
หมอกและอีกหลายชื่อในเรื่องนี้ แม้จะชื่อเดียวกันกับ ตี๋+หมอกใน 'เงินน่ะ..มีไหมวะ?!'
แต่ขอความกรุณาเข้าใจว่าเป็นคนละคน ตัวละครคนละเรื่องกัน
ที่ต้องมีชื่อหมอกเพราะ...
เป็นมีชื่อในเรื่องที่เขียนก่อนหน้า
จึงต้องใช้ชื่อนี้และมีบทในเรื่องนี้ด้วย
ไม่มีเจตนาอื่นใด ด้วยวางพล็อตไว้เช่นนี้เอง
สารภาพว่าวางโครงการจะเขียนเรื่องหมอกอีกคู่
แต่พับเก็บทันทีที่ได้อ่าน
ด้วย ตี๋+หมอกใน 'เงินน่ะ..มีไหมวะ?!' ของ cn9095
ช่าง สุดยอดเกินคำบรรยาย
หมอกต้องคนนี้เขียนเท่านั้น ถึงจะได้ฟีลอย่างที่สุด (ความเห็นส่วนตัว)
(เข้าไปเจ๊าะแจ๊ะหลังไมค์แล้วว่าชื่อหมอกนะ เหมือนนะ
มีชื่อตี๋และอีกหลายชื่อในเรื่องด้วย
คำตอบคือ cn9095 น่ารักมาก)
การใส่ลิงค์ไปหาจึงกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดแก่คนอ่าน
นึกว่าเอาหมอกเรื่องนั้นมายำหรืออะไรสุดแล้วแต่
ถ้าติดขัดใจก็ขอโทษและขออภัยมา ณ ที่นี้/puppyluv