ต่อ
ร่างบางกำลังยกหีบเงินขึ้นรถอยู่ถึงกับสะดุ้ง เขาเห็นคนที่มาเป็นใครก็รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว
“หนีเร็วเข้า ....มะรุม!!!”
“พี่ภูริ” มะรุมกำลังซักผ้าที่ริมลำธารห่างออกไป เขากลับมาไม่ทัน
ณภูริตบสะโพกม้าให้พาลุงสุธนกับคนอื่นๆหนีไปก่อน ส่วนตัวเองคว้าธูนยิงเข้าใส่ศัตรูทันที
คามินโดดลงจากหลังม้าหลบธูนที่วิ่งผ่านไปอย่างฉิวเฉียด “ณภูริ!”
“เจ้าตามข้ามาทำไม” ร่างบางง้างธูนเล็งอยู่
ปวฤทธิ์ศรมองร่างเล็กในชุดมอซอ ผ้าคลุมหน้าปกปิดมิดชิดดูยังไงก็แค่ชาวบ้านสกปรกเท่านั้น
มีตรงหน้าที่น่าประทับใจ เขาส่ายหน้าไม่ชอบ
“พี่สร” คามินส่งสายตาให้หันไปมองอีกคนที่ริมแม่น้ำ
“เอ้อ....ได้ ข้าจัดการเอง” เขาดึงบังเหียนมุ่งหน้าไปหา
“อย่านะ! อย่ายุ่งกับเขา....มะรุม วิ่ง!” ณภูริตะโกนบอก เด็กชายที่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นรีบหันหลังหนีทันที
เขามัวแต่เป็นห่วงพี่น้องไม่ทันระวังตัว คามินพุ่งเข้าหารวบเขาล้มลงกับพื้นทันที
“อ๊า! ปล่อยนะ เจ้าคนขี้ขลาด” ร่างเล็กดิ้นรนเป็นพัลวัน อาวุธป้องกันตัวหลุดออกจากมือไปแล้ว
เขาถูกจับตรึงกับพื้น ผ้าโพกหน้าถูกดึงออก ใบหน้าที่ตราตรึงในความทรงจำยังเหมือนเดิม
เว้นแต่ถูกทาด้วยยางไม้ให้ผิวขะมุกขะมอมสกปรก อุ้งมือใหญ่ช้อนปลายคางให้หันมามอง
“เจ้าต้องการอะไร!! ปล่อยข้านะ”
“ชูว.....ณภูริ ข้าปล่อยเจ้าไม่ได้ กลับไปอยู่กับข้าเถอะ”
“ไม่....ข้าตกลงกับมารดาเจ้าแล้วแค่ 7 วันเท่านั้น เจ้าไม่สนใจจะร่วมห้องกับข้า สัญญาก็จบเพียงแค่นั้น
เราต่างคนต่างไปก็ถูกต้องแล้วเจ้าจะมารังควานข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ”
“ได้ไม่ได้ข้าก็มาแล้ว และจะพาเจ้ากลับไปด้วย” คามินพลิกร่างเล็กจับแขนไขว้หลังเอาผ้าคลุมหน้านั้นแหละมัดมือเข้าด้วยกัน
“ปล่อยข้านะ....เจ้าคนชั่ว เจ้ามันเลวที่สุด” ณภูริดิ้นรนด่าทอจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ คามินอุ้มเขาขึ้นพาดบนหลังม้า
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจ แต่ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีตลอดไปเลย”
ร่างสูงขึ้นนั่งบนหลังม้าเหลียวมองหน้าอีกคน พี่ชายเขาไปไหนล่ะ??
“หยุดนะ” ปวฤทธิ์ศรขี่ม้าไล่ ร่างเล็กวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานในลำธารตื้นๆเต็มไปด้วยก้อนกรวด
เขาเร่งม้าไปดักหน้า มะรุมก็หันไปหลบหลังก้อนหินใหญ่ทำให้ต้องวนม้าไล่ต้อนไปรอบๆ
“มานี่นะ เจ้าหนู”
คำพูดเขาเหมือนไม่มีความหมาย เจ้าหนูผอมกระร่องหน้าตามอมแมมโผล่หน้ามองตาปริบๆเท่านั้น
น่าโมโหจริงๆร่างสูงโดดลงจากหลังม้าลงเท้าแช่น้ำเย็นเฉียบสูงแค่ข้อเท้า เขาเดินไล่ต้อนร่างเล็กไปรอบๆก้อนหินใหญ่
“อย่าเข้ามานะ....ถอยไป” มะรุมคว้าก้อนหินไว้ป้องกันตัว แต่มัวแต่มะมุ้งมะหงาหรา
พอเงื้อมือจะขว้างร่างสูงใหญ่ก็พรวดพราดเข้าประชิดแล้ว “หย๊า!!”
มือแข็งคว้าคออีกมือคว้าแขนจับหักบิดไขว้หลังทันที มะรุมเข้าทรุดลงคุกเข่าในน้ำ
ต้องปล่อยก้อนหินในมือ หันมาแงะมือที่บีบคอเขาอยู่
“ปล่อยนะ...ปล่อยสิ”
“หยุดได้แล้ว ข้าไม่ชอบเด็กดื้อนะ โอ้ยย...” ปวฤทธิ์ศรสะดุ้ง จู่ๆก็โดนกัดเข้าที่มือ จำต้องปล่อยให้ร่างเล็กหลุดมือไป
เขาสะบัดมือร่าก่อนจะเห็นคราบเหลืองๆดำๆเปื้อนมือ อะไรเนี่ย?? พอดูดีๆแล้วถึงรู้ว่าเป็นผงถ่านและสีขี้ผึ้ง
เอาทาตัวหรือ?? จะหาคำตอบได้ก็ต้องถามเจ้าตัวเล็กนี่ล่ะ
“หยุดนะ!” ร่างสูงไล่กวดเด็กชายตัวเล็กในลำธารเย็นๆ เขารวบเอวเล็กยกขึ้นทั้งตัว
“ไม่! ปล่อยนะ ปล่อยข้า...” มะรุมดิ้นรนด้วยความกลัว ชาวนนทิการมักถูกคนอื่นรังแก เอารัดเอาเปรียบ
ถูกล่ามโซ่ กักขัง ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้นอย่าไว้ใจคนต่างเผ่าเด็ดขาด ต้องหนีให้ไกล อยู่ให้ห่าง
เพราะทุกคนในโลกนี้ล้วนแต่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจทั้งนั้น คำสอนที่เหมือนกฎเหล็กทำให้กลัว เขาไม่อยากถูกทำร้าย
ปวฤทธิ์ศรหิ้วเอวเล็กไปที่น้ำลึกประมาณเข่าจับกดตัวลงในน้ำทันที
“พี่สร” คามินอยู่บนหลับม้าริมตลิ่ง
“รอเดี๋ยว” ร่างเล็กดิ้นรนในมือบุรุษหนุ่มก็ไม่สนใจ เขาดึงขึ้นมาคราบผงถ่านกับขี้เถ้าละลายเต็มหน้า
จึงกดลงน้ำอีกที หน้าตาถึงสะอาดสะอ้านขึ้นมาก ผิวขาวกระจ่างตา เส้นผมดำดุจเส้นไหม ริมฝีปากแดงสีชาด
“แค่ก.....แค่ก” มะรุมสำลักน้ำ เขาหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างกระหาย อุ้งมือใหญ่ช้อนใบหน้าขึ้นมอง
เด็กชายน้ำตาไหลด้วยความกลัว ที่ผู้ใหญ่สอนนั้นเป็นความจริง ผู้คนชอบที่จะรังแกพวกเขา ปวฤทธิ์ศรหันมายิ้มให้น้องชาย
“เจ้าพูดจริงแฮะ....ข้าชอบคนนี้” เขาช้อนร่างเล็กไว้ในวงแขน
(ติดตามตอนต่อไป)