ตาลเชื่อมเหลือบเลื่อมทอง ได้ลิ้มลองทองเนื้อร่วน
หวานฉ่ำล้ำรสยวน เย้าให้หลงพะวงฝัน.......
เรียบร้อยครับ เมื่อวานนี้พอแม่กลับจากไปทำสวยผมก็เลียบๆเคียงๆถามเรื่องไอ้พี่อ๋อง พอเห็นว่าแม่คงไม่รู้อะไรด้วยผมเลยบอกไปตรงๆ ว่าไอ้บ้านั่นมันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่แม่คิด มันหวังจะมาชักจูงลูกชายตัวน้อยของแม่สู่ด้านมืดต่างหาก
ตอนแรกคุณนายผ่องพรรณได้ยินแล้วหัวเราะก๊ากเลยครับ แต่แค่พักเดียวคุณนายก็มีสีหน้าเหมือนจะฉุกใจกับอะไรขึ้นมาแล้วเลยพยักหน้าหงึกๆอยู่คนเดียว จากนั้นก็บอกว่า
“อืมๆๆ นี่น้องลองเขียนนิยายอีกแล้วเหรอลูก? เออ คราวนี้มาแปลกนะ เรื่องแนวนี้มันจะขายได้เหรอลูก? หรือน้องจะสมมติตัวเองเป็นนางเอก?”
“แม้........โห่ว นี่น้องจริงจังนะเนี่ย พ่อคุณพ่ออ๋องของแม่อ้ะ จ้องจะลวนลามน้อง แม่ไม่สนใจสวัสดิภาพน้องเลย หึ! ใช่สิ น้องมันของเก่าแล้วนี่ ยังไงๆของใหม่มันก็ต้องมีภาษีดีกว่า น่าสนใจกว่าอยู่แล้ว.....”
ตบท้ายประโยคด้วยการสะบัดหน้าไปทางซ้ายเอียงให้ได้สัก 45 องศา แถมด้วยเหลือบตาขึ้นมองพัดลมที่หมุนติ้วๆอยู่บนเพดาน แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าแม่จะปล่อยให้บทสนทนาเป็นเด๊ดแอร์นานเกินไปแล้ว มองพัดลมเพดานนานๆแล้วมันตาลายวิงเวียนนะแม่ไม่รู้เหรอ!!
พอหันกลับมา ผมถึงได้รู้ว่าแม้หายไปจากกรอบประตูแล้ว และเลยสรุปได้ว่า เรื่องนี้ผมคงต้องทำคนเดียว ปล่อยให้คุณนายผ่องพรรณไม่รู้ไม่เห็นต่อไปแบบนี้แหละดีแล้ว ดีเสียอีกถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา...เอ่อ ไม่ใช่หมายถึงน้องตัวต่อจะพลาดท่าเสียทีเสียเอกราชให้ไอ้พี่อ๋องนะครับ ผมหมายถึงเผื่อมีอะไรผิดพลาดแบบว่าถึงผมจะร้ายแค่ไหนไอ้พี่อ๋องก็จะยังร้องเพลงคุณโจอี้
‘ถึงร้ายก็รักนะ เกเรอย่างไรก็รักน้า....’ แบบว่าไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปแบบนั้นต่างหาก แม่ผ่องก็จะไม่ต้องตกเป็นจำเลยสังคมในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดกับผมไปด้วย
ก่อนนอนคืนนั้นผมก็ขอให้แม่หยิบสมุดจดพล๊อตกับดินสอสามบีคู่ชีพลงมาให้ ผ่านไปห้าวันหลังอยู่กับเฝือกอ่อนที่ข้อมือขวามาตอนนี้ผมก็ไม่ปวดเท่าไหร่แล้วล่ะครับ แม่ก็เตือนไปตามเรื่องแหละว่าอย่าเพิ่งฝืนใช้งานข้อมือมาก แหม....น้องตัวต่อก็แค่จะจดไว้คร่าวๆเท่านั้นแหละ ยังไม่คิดจะลงรายละเอียดอะไรให้มากหรอก เพราะเราเล่นกับตัวละครที่เป็นคนจริงๆอย่างไอ้พี่อ๋อง เพราะงั้นจะให้ไปกำหนดบทพูดหรือการกระทำตายตัวมันก็ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
สิ่งที่ผมมีอยู่ในมือตอนนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครหลักสองตัว ก็คือบทพระเอก ซึ่งตกเป็นของไอ้พี่อ๋อง และตัวร้ายคือน้องตัวต่อเอง
บทละครที่ดีเริ่มจากการวางโครงเรื่อง ซึ่งผมคิดไว้แล้วว่าจะเริ่มจากการที่พระเอกที่จะแทนด้วยชื่อย่อว่า นาย อ. ที่ความใกล้ชิดทำให้เข้าใจผิดว่าตกหลุมรัก นาย น. โดยไม่รู้เลยว่านาย น. แท้จริงแล้วมีนิสัยอย่างไร นาย น. เมื่อรู้ความรู้สึกพระเอกจึงคิดหาผลประโยชน์จากความรู้สึกของพระเอก ทั้งสูบเลือดสูบเนื้อโดยหลอกพระเอกว่าตนก็มีใจให้ แต่สุดท้ายเมื่อได้ทุกอย่างสมใจ นาย น. ก็ถีบหัวส่งพระเอกออกไปจากชีวิต
นาย อ. ซึ่งรู้เช่นเห็นชาติแล้วว่าคนที่ตัวเองเกือบตกล่องปล่องชิ้นด้วยที่แท้แล้วเป็นคนอย่างไรเศร้าอยู่ไม่นาน ก็ลุกขึ้นยืนใหม่พร้อมความคิดว่า ดีแล้วที่รอดพ้นมาได้ จึงทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังไม่หันกลับมาอีก ส่วนนาย น. ก็มีความสุขกับผลประโยชน์ที่ได้มา แม้จะมีความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจบ้าง แต่ด้วยความที่เป็นคนร้ายละครไทยที่ไม่คิดอะไรมาก ไม่นาน นาย น. ก็ลืมเรื่องราวทั้งหมดไปจนได้
ทีนี้ก็มาถึงข้อมูลพื้นฐานของเรื่องง่ายๆ
๑. ชื่อเรื่อง เล่ห์รักนายตัวร้าย
๒. ตัวละครในเรื่อง นาย อ. รับบท พระเอก
นาย น. รับบท ตัวร้าย
นาง ผ. รับบท ตัวประกอบ๑
๓. ฉาก บ้านไม้ใต้ถุนสูง ด้านหน้าติดถนนเลียบคลองชลประทาน ด้านหลังเป็นสวนเกษตรผสมผสาน
๔. สถานการณ์เปิดเรื่อง นาย น. ประสบอุบัติเหตุตื่นมาที่โรงพยาบาล
๕. จุดเริ่มของปัญหา นาย อ. บอกรักนาย น. ที่สวนหลังบ้าน
๖. เนื้อเรื่องตอนจบ นาย อ. รังเกียจความเห็นแก่ตัวและการหลอกลวงของนาย น. จนตัดใจจากไป
๗. ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง รักตัวร้าย ตัวร้ายพาไปหาผิด....หวัง
นี่แหละครับ ทั้งโครงเรื่องและสถานการณ์คร่าวๆที่ผมวางเอาไว้ เป็นไงบ้างครับ รู้สึกว่าน้องตัวต่อเป็นตัวร้ายขึ้นมาบ้างรึยัง? ตอนนี้ผมเขียนไว้เท่านี้ก่อน เพราะเมื่อดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆก็จะต้องคอยปรับเปลี่ยนเนื้อหาในส่วนของรายละเอียดอีกที แต่รับรองครับ ว่าตอนจบของเรื่องน่ะ ไม่เกินความสามารถในการควบคุมของผมแน่นอน
หืม? จะถามว่าแล้วผมวางโครงเรื่องเสร็จตั้งแต่คืนนั้นแล้วทำไมวันนี้ต้องห้ามไม่ให้ไอ้พระเอกของเรื่องมาอีกน่ะเหรอครับ? ฮี่ๆๆ คำตอบง่ายๆก็คือ มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนครับ น้องตัวต่อตั้งใจใช้เวลาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มค่าตัวให้ตัวเอง แถมด้วยเพิ่มความวุ่นวายใจใส่ลงไปในหัวขมองพระเอกของเรื่องด้วย
เชื่อมั้ยล่ะครับว่าถ้าผมไม่โทรหาวันนี้ พรุ่งนี้พอไอ้พี่อ๋องโผล่มา พิษรักตัวต่อจะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่าตัวเลยล่ะ แหม....แรกรักก็งี้แหละครับ อารมณ์กำลังหลงกำลังมัวเมา ใครมีสติมากกว่าก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
แต่ก็แย่นะครับ วันนี้นายไผทเลยทำความสะอาดร่างกายได้แค่เช็ดตัวนิดๆหน่อยๆ เพราะไม่อยากให้แม่ช่วย แถมแม่ผ่องยังขาดแรงงานคนสำคัญไปอีก....แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อผลประกอบการสูงสุด การอดทนกับความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวแค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ไอ้พี่อ๋องมาผมก็ได้อาบน้ำแล้วล่ะ แล้วพรุ่งนี้ก็จะพอดีครบกำหนดตัดไหมที่แผลแตกด้านหลังหัวที่ตอนนี้ผมเกรียนๆเริ่มยาวออกมาพอให้เห็นเป็นสกินเฮดที่ไร้ระเบียบแล้วด้วย น้องตัวต่อก็จะได้พี่อ๋องพาไปโรงพยาบาล ไม่ต้องให้แม่ผ่องเหนื่อยขับรถ
จะว่าไปก็คิดถึงพี่ผึ้งนะครับ ผมไม่น่าเล้ย เป็นคนยุเองแหละให้พี่โชคไปติดต่องานที่เชียงใหม่แล้วให้พาพี่ผึ้งไปฮันนีมูนต่อเลย ไม่อย่างนั้นถ้าอยู่แค่กรุงเทพฯนะ ถึงจะเพิ่งแต่งงานแค่สองสัปดาห์พี่ผึ้งก็ต้องมาหา มาดูแลน้องแน่ๆ
สามทุ่มตรงเมื่อฤทธิ์ยามื้อก่อนนอนทำให้ผมอยากล้มตัวลงนอนแล้วหลับฝันดีสักทีผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ใกล้ๆหัวนอนมากดส่งข้อความที่พิมพ์ร่างไว้ตั้งแต่บ่ายๆไปถึงคนบางคน...ฮี่ๆๆ ก็คนเดียวนั่นแหละครับที่แน่ใจได้ว่ากำลังตั้งตาคอยอยู่
....พรุ่งนี้มาหาน้องแต่เช้าเลยนะครับ น้องคิดถึง... ....น้อง..... ส่งข้อความเรียบร้อยน้องตัวต่อก็จัดการปิดเครื่องซะ แล้วก็หลับตาฟังเสียงแมลงกลางคืน สูดดมกลิ่นหอมๆของจาวตาลเชื่อมที่มีกลิ่นขนุนทั้งหวานทั้งหอมลอยอวลอยู่ไม่ไกล ก็จะไม่ให้รู้สึกดีได้ยังไงล่ะครับ วันนี้พอพี่อ๋องมันไม่มาก็ไม่มีใครมาคอยขัดตอนที่ผมเสนอตัวช่วยแม่ทำงาน จาวตาลเชื่อมที่ครอบฝาอยู่ในกระทะทองเหลืองนั่น ถึงผมจะยังเจ็บมือช่วยแม่ปอกเปลือกตาลไม่ไหว แต่ก็พอจะใช้มือซ้ายช่วยเอาลงกระทะเชื่อมให้แม่ได้อยู่หรอก
ดีล่ะ พรุ่งนี้ไอ้พี่อ๋องมันมาผมจะให้มันชิมตาลเชื่อมซะ เอาให้มันร้องจ๊ากเพราะความหวานจัดแสบไส้นี่ไปเลย ฮ่าๆๆๆๆ ค่อยๆแกล้งสะสมแต้มไปเรื่อยๆ ค่อยๆเพิ่มระดับความร้ายกาจขึ้นทีละน้อย ไม่นานหรอกครับ มันก็ต้องเลิกราไปเองแน่ๆ
“แม่ผ่อง สวัสดีครับ เมื่อวานผมไม่ได้มาช่วยเลย.....”
ไม่ได้ยินเหมือนกันครับว่าแม่ตอบไอ้ประโยคโคตรคนดีของไอ้พระเอกไปว่ายังไง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าเบาเหมือนลิงย่องมันเข้ามาจนประชิดกับเตียงที่ผมนอนอยู่แล้ว อิอิ เข้าใจถูกแล้วครับ นายไผทตื่นนานแล้ว แต่จงใจจะทำเป็นนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ก่อน
พอจะนึกภาพออกไหมครับ? ในละครน่ะ เวลาที่พระเอกเห็นหน้านางเอกตอนหลับแล้วเป็นยังไง?
ใช่เลยครับ ผมต้องการแบบนั้นแหละ ไอ้ความรู้สึกว่า...คนคนนี้ทั้งน่ารัก ทั้งน่าเอ็นดู ควรค่าแก่การปกป้องทะนุถนอม ใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา
อ้ะ...มันมาแล้วครับ ผมรู้สึกถึงสัมผัสจาก...อืม น่าจะเป็นปลายนิ้วนะครับมันเกลี่ยเบาๆอยู่ตรงคิ้ว แล้วลากผ่านมาที่สันจมูก ลากระเรื่อยลงมาจนถึงริม
ฝีปาก....ลากเบาๆไปตามรูปปาก
อ๊อย......ทำไมมันถึงรู้สึก...แปลกๆ แปลกยิ่งกว่าจั๊กจี้อีกล่ะครับ ไม่ไหวๆ รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่เข้ายังไงไม่รู้
“อือ.....”
ผมตัดสินใจขยับศีรษะนิดๆ เลื่อนเข้าหาปลายนิ้วอุ่นๆนั่น แล้วปล่อยเสียงครางเหมือนกำลังละเมอออกมาเบาๆ กะว่าเดี๋ยวต้องมีรายการขโมยหอมแก้มมาอีกแน่ๆ แล้วทีนี้ไอ้พี่อ๋องต้องสำลักหัวเหม็นเปรี้ยวจนเข็ดไม่กล้าทำอีกเลย ฮี่ๆๆ
“น้อง....น้องครับ ตื่นได้แล้วนะ วันนี้เราต้องไปโรงพยาบาลกัน ถ้าสายเดี๋ยวต้องไปรอคิวเยอะนะครับ”
หงะ....ไม่มี ทำไมไม่มีการขโมยหอมแก้มล่ะครับ? ฮึ่ยๆๆๆ ขัดใจ!!!
แต่ไม่เป็นไรครับ มันจะเล่นบทพระเอกสุภาพบุรุษสุดชีวิตก็โอเค ถือว่าผลบุญที่มันไม่ฉวยโอกาสกับคนหลับช่วยให้มันรอดพ้นจากการสำลักกลิ่นเหม็นเปรี้ยวไปแล้วกัน
น้องตัวต่อเล่นบทเด็กน้อยขี้เซาให้มันปลุกอีกสองสามคำ แล้วก็ทำเป็นงัวเงียปรือตาขึ้นมองช้าๆ สะดุ้งน้อยๆเมื่อเห็นว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างเตียงให้ดูเป็นเด็กน้อยบอบบางขวัญอ่อน แต่พอเหลือบตามองเห็นว่าเป็นคุณพี่อ๋องผมก็เปลี่ยนเป็นส่งยิ้มสายตาเยิ้มๆให้มัน กัดริมฝีปากล่างไว้นิดๆ เหมือนกำลังเขินอายอย่างที่สุด
“มาครับพี่ช่วย”
มุ้งที่กางไว้ตอนกลางคืนถูกแม่ผ่องเก็บไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ไอ้พี่อ๋องมันเห็นผมตื่นมันก็พยุงผมให้นั่งเหยียดขาพิงกับผนังด้านหัวนอน แล้วเอาแปรงสีฟันบีบยาพร้อมกับขันใส่น้ำมารอพร้อม จากนั้นน้องตัวต่อก็ให้ไอ้พี่อ๋องช่วยอาบน้ำเหมือนทุกวัน แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่อารมณ์เขินมันเกิดขึ้นจริงแบบไม่ต้องให้ผู้กำกับสั่งแอ๊คชั่น
โห.....แต่น้องตัวต่อเปล่าเคลิ้มไปกะคำรักซื่อๆของมันนะครับ เป็นใครใครก็ต้องเขินทั้งนั้นแหละ ถึงจะเป็นผู้ชายก็เหอะ ก็คนที่มันมาบอกว่าชอบเรามันมองเนื้อตัวของเราด้วยสายตาแบบว่า....เอ่อ...แบบว่าเหมือนจะกินเข้าไปอะครับ
อึ๋ยยยยย...คิดขึ้นมาตอนนี้น้องตัวต่อยังหน้าร้อนวาบอยู่เลย เนี่ย ลองเอาหลังมือแปะแก้มตัวเองมันก็ร้อนกว่าปกติจริงๆด้วยนะครับ สงสัยต้องรีบคิดหาวิธีการให้ไอ้พี่อ๋องรีบๆเกลียดน้องตัวต่อซะแล้วสิครับ
“น้อง...เป็นอะไรรึเปล่า เบื่อเหรอครับ?”
“หา?”
“ก็พี่เห็นจู่ๆก็เอามือแนบแก้มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด....อีกเดี๋ยวก็ถึงคิวเราแล้วล่ะ หรือว่าน้องกลัว แค่ตัดไหมเอง เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ไม่ต้องกลัวนะครับ”
แหม.....นี่ไอ้พี่อ๋องเห็นผมเตี้ยกว่าหน่อยเลยคิดว่าน้องตัวต่อใจมดไปด้วยเหรอครับ กะอีแค่ให้คุณหมอคีบๆไหมออกจากแผลแค่ไม่กี่จึกเอง น้องตัวต่อไม่กลัวหรอกวู้ แต่.....ถ้าอยากให้กลัว ผมจะทำท่ากลัวให้ก็ได้
“พี่อ๋อง.....ต้องเข้าไปกับน้องด้วยนะ.....” ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้รอพบแพทย์หน้าห้องตรวจครับ พร้อมกับประโยคขอร้องเมื่อกี้น้องตัวต่อเลยถือโอกาสยื่นมือที่บังคับให้ปลายนิ้วสั่นนิดๆไปแตะลงบนหลังมือใหญ่อย่างกับใบพายของไอ้พระเอก
ไอ้พี่อ๋องพลิกมือกลับมากุมมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ ส่วนมือที่ว่างอีกข้างมันก็เอาทิชชู่จากไหนไม่รู้มาซับเหงื่อให้แถวหน้าผากผมด้วย ตายๆๆๆ นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมต้องอ่อนระทวยยอมรับรักมันแหงๆ แต่เสียใจด้วยนะครับพี่อ๋อง...พอดีว่าน้องตัวต่อจิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ
“ได้สิครับ พี่จะอยู่ข้างๆน้องนะครับ” ไอ้พี่อ๋องมันเป็นพระเอกในสายเลือดโดยแท้แน่ๆเลยนะครับ ผมชักสงสัยแล้วว่าพ่อมันเคยเป็นพระเอกลิเกมาก่อนรึเปล่า หรือจะเพราะมันดูละครหลังข่าวมาเยอะน้องตัวต่อก็ไม่ทราบ แต่พอมันส่งอารมณ์มาแบบนั้น ผมก็เลยยิ่งอินเข้าไปใหญ่ เลยนั่งให้มันจับมืออยู่อย่างนั้นแหละ แล้วแถมส่งยิ้มหวานๆให้มันไปด้วย จนคุณพยาบาลเรียกชื่อนายไผท เถลิงศก ผมก็ยังยอมให้ไอ้พี่อ๋องเป็นคนจูงมือเดินเข้าไปในห้องตรวจโดยไม่ได้ปล่อยมือจากกันเลย
หลังตัดไหมเสร็จไอ้พี่อ๋องก็ตามใจพาผมขับรถวนรอบตลาดสองรอบเอาบรรยากาศ เพราะผมบอกว่าเบื่อบ้าน...อยากเห็นที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านกับโรงพยาบาลบ้าง
ฮ่าๆๆๆ จะว่าไปไอ้พี่อ๋องนี่มันน่ารักเนอะครับ ช่างเอาอกเอาใจสารพัด เสียดายที่มันดันมาชอบของแปลกแบบน้องตัวต่อเข้า นี่ถ้ามันชอบผู้หญิงน่ารักๆสักคนน้องตัวต่อจะยินยอมพร้อมใจทำหน้าที่พ่อสื่อให้เล้ย