กุญแจดอกที่ 4
นับตังค์แอบขำหนูด้วงที่กำลังเดินวนไปวนมาสลับกับการนั่งยองๆ แล้วเอียงคอมองคนสองคนที่นอนกอดกันอยู่บนดาดฟ้าเรือ ท่าทางเด็กน้อยวัยกำลังเรียนรู้คงกำลังคิดอะไรบางอย่างถึงได้ย่นคิ้วเข้าหากันแบบนั้น นับตังค์เห็นหนูด้วงเดินวนเป็นรอบที่สามแล้วจึงเดินเข้าไปหาแล้วตั้งคำถาม
“มองอะไร”
“หนูปลุดอาน้อนได้มั้ย” หนูด้วงเงยหน้ามาถามนับตังค์ก่อนจะเดินวนไปนั่งยองๆ ลงทางฝั่งเทียมฟ้า
“จะปลุกทำไม”
“หนูไม่อยาดให้อาน้อนตื่นฉาย” หนูด้วงยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“สายอะไรกันเพิ่งจะตีห้าเอง เราน่ะตื่นเช้าเกินไป”
“แต่หนูอยาดปลุดอาน้อน ยุงพะยากอดอาน้อนอยู่นั่นแหยะ”
“หวงอาน้องก็บอกมาเหอะเจ้าตัวแสบ อาน้องไม่สบายอยู่นะ” นับตังค์ส่ายหน้าขำเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้ติดเทียมฟ้าอย่างกับอะไรดี
“หนูต้อนตรวจอาน้อนก่อน อาน้องไม่ชาบาย” ว่าแล้วเจ้าตัวป่วนก็ลุกขึ้นยืน พยายามจะมองว่าตัวเองจะเข้าไปอยู่ตรงกลางได้อย่างไร สุดท้ายเด็กน้อยก็เดินมาทางฝั่งพญาแล้วล้มตัวนอนทับตัวพญาก่อนจะกลิ้งไปอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองคน
“ด้วง!” นับตังค์จะห้ามก็ห้ามไม่ทันเพราะตอนนี้ทั้งพญาและเทียมฟ้าต่างก็ตกใจตื่นเมื่อโดนร่างกลมๆ กลิ้งไปทับ เมื่อทั้งสองคนรู้สึกตัวแล้วเห็นหนูด้วงกับนับตังค์มองอยู่ก็รีบคลายกอดออกจากกันโดยอัตโนมัติ เทียมฟ้าลุกมานั่งก่อนจะยิ้มแบบเขินๆ
“อาน้อนไม่ชาบาย หนูตวดให้” หนูด้วงซึ่งนอนหงายแอ้งแม้งอยู่ตรงกลางก็รีบชูมือขึ้นเพื่อจะอังที่หน้าผากของเทียมฟ้าให้ แต่ด้วยความที่แขนสั้นเทียมฟ้าจึงต้องโน้มตัวลงมาให้หน้าผากของตัวเองไปแตะโดนมือของเจ้าตัวป่วน
“อาน้องตัวร้อนไหมครับ” เทียมฟ้าถามหนูด้วง
“ตัวไม่ย้อนไปเย่นน้ำทะเยได้” คุณหมอด้วงวินิจฉัยให้เสร็จสรรพ
“คือ...พอดีเรือมันโคลงเคลง พี่กลัวคุณชายของน้องตังจะอ้วกเลยต้องช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้” พญารีบอธิบายให้นับตังค์ฟังทั้งที่หน้าตายังดูไม่ตื่นดีเลยด้วยซ้ำ ส่วนเทียมฟ้าเมื่อเห็นพญารีบแก้ตัวเลยลุกขึ้นยืนเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจ
“ขอโทษนะที่มาปลุก หนูด้วงร้องหาคุณชายตั้งแต่เช้า” นับตังค์อยากจะหยิกพญาให้เนื้อเขียว ไปกอดเขาทั้งคืนแล้วรีบแก้ตัวแบบนี้มันน่าโดนนัก
“หนูจะพาอาน้อนไปดูปลา” หนูด้วงรีบลุกขึ้นมายืนข้างเทียมฟ้าแล้วกระตุกชายเสื้อเบาๆ
“อาน้องว่ายน้ำไม่เป็นครับ อาน้องลงทะเลไม่ได้หรอก” เทียมฟ้าหน้าเจื่อนเพราะหนูด้วงมีสีหน้าผิดหวังเมื่อได้ยิน
“เดี๋ยวไปกับน้า น้าจะพาหนูด้วงไปดูปลาเองครับ” พญารีบเสนอตัวเพราะสงสารหลาน
“หนูอยาดให้อาน้อนไปด้วย”
“ไม่ดื้อสิด้วง เดี๋ยวไปว่ายน้ำกับแด๊ดก็ได้ มาเถอะ...ไปดูว่าแด๊ดตื่นรึยัง” นับตังค์ไม่อยากให้ด้วงงอแงเลยจะพาหนูด้วงลงไปข้างล่าง
“เดี๋ยวสายๆ พี่พาหนูด้วงกับคุณชายลงน้ำเอง เดี๋ยวให้ก้านมันขับเรือไปส่งพี่แถวที่น้ำตื้นๆ น้องตังจะได้ไปดำน้ำตามตารางที่พี่จัดให้ ใช่ไหมคุณชาย” พญาพูดกับนับตังค์ก่อนจะหันไปถามเทียมฟ้า เทียมฟ้าเห็นหนูด้วงมองก็เลยพยักหน้าให้ทั้งที่ใจยังกังวล
“เย้ๆ ไปดูปลาฉีฉ้มที่อาน้อนชอบ” หนูด้วงแสดงอาการดีใจเมื่อเห็นว่าเทียมฟ้ายอมลงทะเลไปด้วย
“งั้นก็ได้ อากาศเย็นจัง คุณชายลงไปนอนที่ห้องไหม พี่คุณน่าจะตื่นแล้วล่ะ” นับตังค์ถามเทียมฟ้า
“ไม่เป็นไรครับ น้องอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น หนูด้วงอยู่กับอาน้องไหมครับ” เทียมฟ้ายังอยากให้นับตังค์มีเวลาอยู่กับมีคุณตามลำพังให้สมกับเป็นทริปที่มาฮันนิมูนกันเลยปฏิเสธไป
“หนูอยู่กับอาน้อนได้มั้ย” หนูด้วงทำหน้าอ้อนนับตังค์
“ก็ได้ก็ได้” นับตังค์ยีผมเจ้าตัวป่วนก่อนจะเดินกลับลงไปในเรือ
พอนับตังค์ไปแล้วพญาก็กระดิกนิ้วชี้ส่งสัญญาณบอกเทียมฟ้าว่าให้กลับมานั่งบนที่นอนแต่เทียมฟ้าทำเป็นไม่สนใจ พญากระดิกนิ้วแรงกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่ได้ผล เมื่ออีกฝ่ายยังยืนเฉยก็เลยต้องเล่นใหญ่กว่าเดิมจนหนูด้วงเป็นฝ่ายที่มองมาแล้วก็ทำหน้าสงสัย
“ยุงพะยาออดกำลันกายนิ้วเหมือนปู่ช้วนเยย” หนูด้วงทำท่ากระดิกนิ้วชี้เลียนแบบพญา
“อ๋อ ครับ น้าปวดนิ้ว” พญาตอบหลานรักที่เอียงคอมองตัวเองด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปทำหน้าดุใส่เทียมฟ้าที่ยืนกลั้นขำอยู่
“ยุงพะยาแก่เลยไม่ชาบาย ปวดนิ้วเหมือนปู่” หนูด้วงพูดจบก็ได้ยินเสียงเทียมฟ้าหัวเราะ หนูด้วงเห็นเลยทำเป็นขำตาม
“มึงมานั่งนี่เลย ให้ไว” พญาเค้นเสียงเรียกเทียมฟ้า อยากจะจัดการคนอกตัญญูคนนี้จริงๆ อุตส่าห์ให้ยืมอกซบนอนให้หายเมาเรือแท้ๆ ตอนนี้ทำมาเล่นตัวเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมา
“น้องจะดูพระอาทิตย์ขึ้น” เทียมฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธ
“ก็มาดูตรงนี้ ดื้อแบบนี้จะให้ไล่ออกจากงานไหม” พญาขู่
เทียมฟ้ายืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะยอมจูงมือหนูด้วงกลับไปนั่งบนฟูกนอน พญาคว้าหนูด้วงมานั่งตักแล้วดึงมือของเทียมฟ้าให้มานั่งใกล้ๆ จากนั้นก็เอาผ้าห่มผืนใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่มาคลุมตัวเองกับเทียมฟ้าเอาไว้ เมื่อเห็นว่าผ้าห่มยังคลุมไม่มิดเลยรั้งเอวของเทียมฟ้าให้ขยับมาชิดอีก สุดท้ายทั้งสามคนก็ได้รับไออุ่นจากผ้าห่มและไออุ่นจากร่างกายที่เบียดกันอยู่ด้านใน เสียงหัวเราะคิกคักของหนูด้วงบอกให้รู้ว่ากำลังสนุกกับกระโจมผ้าห่มอยู่
“ชอบไหม” พญาถามหลานรัก
“หนูชอบ ถ้ามีหมาป่ามาก็หยบในนี้เลย” หนูด้วงแกล้งผลุบศีรษะเข้าไปในผ้าห่มก่อนจะโผล่ออกมาใหม่แล้วหัวเราะสนุกสนาน
“มึงล่ะ ชอบไหม” พญากระซิบถามเทียมฟ้าหลังจากที่หนูด้วงผลุบเข้าไปในผ้าห่มอีกรอบ
“ไม่ชอบ” เทียมฟ้าตอบไปตรงๆ ซึ่งคำตอบทำให้พญาหน้าเสีย
“ทำไม”
“เดี๋ยวพี่ตังขึ้นมาพี่จะต้องหาข้อแก้ตัวอีก ลำบากพี่เปล่าๆ ให้น้องไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงโน้นก็ได้” เทียมฟ้าเหม่อมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า
“งอนกูว่างั้น”
“น้องไม่ได้งอน”
“มึงงอน”
“น้องไม่ได้งอน”
“แต่มึงไม่ยิ้ม มึงงอน”
“น้องมีสิทธิ์งอนเหรอ” คราวนี้เทียมฟ้าหันมามองหน้าพญา
“หึ ไม่มี แล้วไม่ต้องมางอนกูเพราะกูง้อคนไม่เป็น” พญายักไหล่ เทียมฟ้าเลยไม่ตอบอะไรอีกแต่หันกลับไปมองทะเลเหมือนเดิม
“อาน้อน พะอาทิดขึ้นยัน” หนูด้วงโผล่หน้ามาถาม
“ยังครับ” เทียมฟ้าตอบหนูด้วง
“เมื่อไหร่พะอาทิดจะมา” หนูด้วงเริ่มเบื่อ
“เบื่อเหรอ งั้นมาร้องเพลงกันไหม” เทียมฟ้าถามหนูด้วง เมื่อเห็นหนูด้วงพยักหน้าจึงหันไปมองที่พญา
“มองทำไม มึงชวนมึงก็ร้องไปสิ”
“แต่น้องร้องเพลงไม่เพราะ”
“เอ้า! แล้วชวนหนูด้วงทำไมวะ”
“ก็หนูด้วงเบื่อ ใช่ไหมครับ” เทียมฟ้าหันมาขอแรงสนับสนุนจากเจ้าตัวเล็ก
“หนูอยาดฟันเพลน” หนูด้วงเงยหน้าไปพูดกับพญา พญาเลยก้มลงมาหอมหน้าผากหลานรักฟอดใหญ่
“ก็ได้ เอาเพลงอะไรดี” พญาใจอ่อนเพราะไม่อยากให้หลานผิดหวัง
“เอากีต้าร์ไหมนาย ไอ้ก้านหยิบติดมาด้วย” ไอ้ก้านโผล่หน้าออกมาจากบันไดพร้อมกับชูกีต้าร์ในมือ
“มึงนี่มันสัมภเวสีเรือเปล่าวะไอ้ก้าน ผลุบโผล่มาจนกูตกใจหมด เอามา” พญาทำเป็นบ่นลูกน้องไปอย่างนั้นทั้งที่นึกขอบคุณมันในใจ ถ้าให้ร้องเพลงแบบไม่มีกีต้าร์พญารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่
“นี่ครับนาย” ไอ้ก้านส่งกีต้าร์ให้นายของมันก่อนจะผลุบหายไปอีกด้วยความรวดเร็ว
เทียมฟ้าพาหนูด้วงมานั่งที่ตักของตัวเองแล้วห่อตัวอยู่ในผ้าห่มกันสองคน ส่วนพญานั่งหันหน้าเข้าหาทั้งคู่ก่อนจะปรับจูนสายกีต้าร์ สักพักก็กระแอมเบาๆ แก้เขินเพราะน้อยคนนักที่จะรู้ว่าพญาเล่นกีต้าร์ได้ พญาไม่เคยเล่นให้ใครฟังนอกจากคนที่สนิทกันจริงๆ เมื่อเห็นเทียมฟ้าจ้องมองมาพญาก็ยักคิ้วให้ก่อนจะก้มลงมองกีต้าร์แล้วเริ่มบรรเลงเพลงโปรด
‘....ที่ดูเหมือนเก่งมันเป็นแค่การแสดง ที่แกล้งให้ดูแข็งแรงเพราะไม่ต้องการอ่อนแอให้ใครดู สิ่งที่ใครต่อใครก็รู้ ไม่ใช่ตัวจริงเลยสักนิด เป็นภาพลวงตาที่ไม่เคยมีใครเข้าใจ ใครจะรู้ว่าฉันก็เจ็บ ใครจะรู้ว่าฉันก็แพ้ ร้องไห้ในใจไม่มีใครดูแล เจ็บเองก็ต้องหายเอง ใครจะรู้ถึงความรู้สึกที่อยู่ลึกในใจของฉัน ที่มันร้อนเป็นไฟเพราะว่าใครกัน ที่ทำให้ตัวของฉันต้องเป็นคนแบบนี้ ขอเพียงสักคนที่เข้าใจกันก็พอ อยากขอเพียงสักคน ที่รักตัวตนที่ฉันนั้นเป็น สิ่งที่ใครต่อใครได้เห็น ไม่ใช่ตัวจริงเลยสักนิด เป็นภาพลวงตาที่ไม่เคยมีใครเข้าใจ ใครจะรู้ว่าฉันก็เจ็บ ใครจะรู้ว่าฉันก็แพ้ ร้องไห้ในใจไม่มีใครดูแล เจ็บเองก็ต้องหายเอง ใครจะรู้ถึงความรู้สึก ที่อยู่ลึกในใจของฉัน ที่มันร้อนเป็นไฟเพราะว่าใครกัน ที่ทำให้ตัวของฉันต้องเป็นคนแบบ จะมีใครบ้างไหม มีไหม...บนโลกใบนี้ ที่รักตัวฉันคนนี้และไม่ทอดทิ้งกันไป...’
พญายังคงก้มหน้าร้องเพลงโปรดจนจบถึงได้เงยหน้าขึ้นมา ที่เบื้องหน้าของพญาในตอนนี้มีเด็กน้อยนั่งคอพับคออ่อนดวงตาปรือปรอยเหมือนคนใกล้จะหลับอยู่บนตักของชายหนุ่มที่มักจะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเสมอ หากแต่ตอนนี้ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความสดใสกลับมีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มสองตา เมื่อเห็นว่าพญาจ้องมองมาเจ้าตัวถึงได้เงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาร่วงหล่นใส่เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตัก พญาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะวางกีต้าร์ลงข้างตัว
“หลานกูกำลังจะเคลิ้มหลับ ขืนปล่อยให้น้ำตามึงหยดใส่หัวหลานกูได้ตื่นกันพอดี” พญาเช็ดน้ำตาให้เทียมฟ้าเสร็จแล้วก็ขยับกลับมานั่งข้างๆ
เทียมฟ้าเห็นว่าพญากลับมานั่งข้างๆ จึงคลี่ผ้าห่มออกก่อนจะตวัดไปคลุมตัวให้พญาด้วย ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเอาแต่มองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าที่เริ่มจะมีแสงสีส้มโผล่พ้นขึ้นมาจากเส้นขอบของผืนทะเลเล็กน้อย เจ้าตัวน้อยที่ตื่นตั้งแต่เช้าพอได้ลมเย็นๆ กับเสียงเพลงเพราะๆ ขับกล่อมจึงผล็อยหลับสนิทไปอีกครั้ง
“กูว่าน้ำตาไม่เหมาะกับมึงหรอก” พญาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“พี่ก็ต้องทำให้น้องยิ้มสิ” เทียมฟ้าตอบกลับไป
“มึงจะยิ้มหรือร้องไห้มันเกี่ยวกับกูด้วยว่ะ” พญาย้อนถาม
“ที่ดูเหมือนเก่งมันเป็นแค่การแสดง ที่แกล้งให้ดูแข็งแรงเพราะไม่ต้องการอ่อนแอให้ใครดู สิ่งที่ใครต่อใครก็รู้ ไม่ใช่ตัวจริงเลยสักนิด เป็นภาพลวงตาที่ไม่เคยมีใครเข้าใจ...” เทียมฟ้าไม่ได้ตอบคำถามของพญาแต่ร้องเพลงที่พญาร้องเมื่อครู่ขึ้นมาแทน พญานิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะหัวเราะออกมา
“มึงร้องเพลงได้ทุเรศจริงด้วย อย่าไปร้องให้ใครฟังอีกนะ ร้องให้กูฟังคนเดียวพอ กูสงสารคนอื่น” พญาไม่ได้มองหน้าของเทียมฟ้าเลยไม่รู้ว่าคนถูกติทำหน้ายังไง
“น้องยิ้มอยู่” เทียมฟ้าบอกกับพญาเมื่อได้ฟังคำตำหนิ เป็นคำตำหนิที่ทำให้เทียมฟ้าหุบยิ้มไม่ได้จนต้องบอกอีกฝ่าย
“บอกกูทำไม” พญาถามแต่ก็ยังไม่ยอมหันมามอง
“บอกเพราะพี่ไม่ยอมมองมา”
“อยากให้กูมองเหรอ ไหนบอกว่าไม่ต้องการอะไรจากกูไง”
“ถ้าน้องเปลี่ยนใจต้องการอะไรจากพี่ น้องทำได้ไหม น้องจะลองขอดูได้ไหม” คราวนี้พญาหันกลับมามองหน้าคนพูด รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้านั้นแต่ดวงตาคู่นั้นมันทำให้พญาเดาไม่ออกว่าคนพูดรู้สึกอย่างที่พูดจริงหรือไม่
“ก็ลองดู” พญาตอบสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าเช่นเดิม
เทียมฟ้าได้ยินก็อมยิ้ม ที่ผ่านมาเทียมฟ้ามักจะบอกตัวเองเสมอว่าอย่าได้คาดหวังที่จะเรียกร้องอะไรจากใครเพราะการผิดหวังมันเจ็บปวด แล้วน้ำตาที่เสียให้กับเพลงที่พญาร้องเมื่อครู่นี้ก็เพราะเนื้อหามันโดนใจ มันทำให้เทียมฟ้ารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจพญามากขึ้น เทียมฟ้าอยากเป็นใครสักคนที่รักในตัวตนของพญาและจะไม่ทำให้พญาต้องเจ็บ เมื่ออยากได้โอกาสนั้นจึงกล้าที่จะถามพญาออกไป ในเมื่ออีกฝ่ายอนุญาตให้ลองดูได้มันทำให้เทียมฟ้ารู้สึกดีใจ นั่งชั่งใจอยู่นานในที่สุดเทียมฟ้าก็ตัดสินใจเอนศีรษะไปซบที่ไหล่ของอีกฝ่ายพร้อมกับมองดวงตะวันที่กำลังค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา อันที่จริงดวงตะวันมันก็มีอยู่ดวงเดียวแต่ทำไมวันนี้เทียมฟ้าจึงคิดว่ามันสวยงามมากกว่าทุกวันก็ไม่รู้
..
หลังจากที่ทุกคนรับอาหารมื้อเช้าแบบง่ายๆ เสร็จแล้วก้านก็นำเรือมาส่งพญา เทียมฟ้าและหนูด้วงที่ชายหาดของเกาะวงรีก่อนจะพานับตังค์กับมีคุณออกไปยังจุดดำน้ำบริเวณแนวปะการังน้ำลึก ส่วนเกาะวงรีนี้เป็นเกาะขนาดเล็กเหมาะสำหรับคนเพิ่งหัดดำน้ำเพราะเป็นชายหาดน้ำตื้นที่มีเม็ดทรายสีขาวสะอาดตาและน้ำทะเลสีเขียวใส เกาะแห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักเลยไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่ พญาจึงเลือกให้หนูด้วงมาเล่นน้ำทะเลที่นี่
“ทาครีมอะไรเยอะแยะวะ” พญาถามเทียมฟ้าที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดให้หนูด้วง เห็นทาตั้งนานไม่เสร็จเสียทีจึงถามด้วยความสงสัย
“พี่ก็ต้องทานะ ผิวเสียหมด”
“งั้นมึงมาทาให้กูด้วย”
“ยุงพะยาพูดไม่เพราะ” หนูด้วงหันมาต่อว่า
“โทษๆ น้าลืมตัว น้าจะพูดเพราะๆ นะครับ” พญายิ้มแหยๆ เมื่อถูกหลานดุ
“หนูด้วงเล่นขุดทรายไปก่อนเดี๋ยวค่อยลงน้ำนะครับ ให้ครีมมันแห้งก่อนเนอะ” เทียมฟ้าส่งชุดของเล่นที่ใช้ก่อทรายให้กับหนูด้วง หนูด้วงรับมาแล้วเดินไปนั่งเล่นทรายไม่ไกลจากจุดที่ทั้งสองคนนั่งอยู่
“หึหึ ถ่วงเวลาล่ะสิ เป็นหมาบ้ารึเปล่าถึงกลัวน้ำ” พญาหัวเราะเยาะเทียมฟ้าที่ไม่กล้าลงไปเล่นน้ำทะเล
“น้องไม่ได้ถ่วงเวลาสักหน่อย”
“ถ่วง”
“ไม่ถ่วง”
“มึงถ่วง”
“หนูยำคาน” หนูด้วงหันมาบ่นเมื่อได้ยินพญากับเทียมฟ้าเถียงกันไม่หยุด
“ฮ่าๆ ตัวแค่นี้รู้จักรำคาญด้วยเว้ย” พญาหัวเราะชอบใจที่หลานรักทำหน้ามุ่ย ท่าทางของหนูด้วงดูน่ารักจนอดใจไม่ไหวต้องลุกไปหอมแก้มยุ้ยๆ ของเจ้าตัวเล็กก่อนจะกลับมาเอนตัวลงไปนอนชันแขนกับพื้นทรายเหมือนเดิมเพื่อให้เทียมฟ้าทาครีมให้
“จะทาครีมไหม” เทียมฟ้าถามพญา
“ก็นอนรออยู่ แล้วนั่งห่างแบบนั้นทาถนัดรึไง” พญาพยักหน้าให้เทียมฟ้าขยับมาใกล้ๆ เทียมฟ้าได้แต่ลอบยิ้มให้กับการวางมาดของพญา
“พี่พญา! พี่พญาจริงด้วย”
เสียงร้องทักทำให้เทียมฟ้าชะงักมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง คนถูกเรียกก็หันไปมองเช่นกัน เจ้าของเสียงเรียกคือชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งซึ่งกำลังแสดงท่าทางดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เจอพญา
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่พญาที่นี่ เบลขอโทษนะครับที่ไม่ได้ติดต่อพี่เลยแต่เบลคิดถึงพี่มากๆ เลยนะ” เบลมัวแต่ดีใจที่ได้เจออดีตคนคุ้นเคยจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่กับพญาด้วย จนกระทั่งได้ยินเสียงใครคนนั้นเอ่ยขึ้นมา
“น้องขอตัวไปเล่นกับหนูด้วงก่อนนะครับ” เทียมฟ้าบอกกับพญาก่อนจะลุกไปนั่งเล่นกับหนูด้วง
“แฟนเหรอครับ” เบลถามพญา ซึ่งเทียมฟ้าก็ได้ยินคำถามนั้นเพราะนั่งอยู่ไม่ไกล
“ไม่ใช่ แล้วมากับใคร” พญาถามขึ้นมาบ้าง ส่วนเบลระบายยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำตอบว่าคนที่มากับพญาไม่ใช่แฟน
“มากับเพื่อนครับ เบลอยากไปหาพี่ที่ตลาดแต่ไม่อยากมีปัญหากับโจ้” เบลถอนหายใจเมื่อเอ่ยถึงชื่อคนที่ทำให้เบลต้องเลิกติดต่อกับพญา
“กูได้ข่าวว่ามึงทะเลาะกัน”
“เบลไม่อยากพูดถึงแต่พี่รู้เอาไว้เถอะว่าโจ้มันร้ายกาจมาก” เบลไม่อยากพูดถึงอดีตที่อยากลืม มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต การที่เบลหนีหายไปไม่ใช่ยอมแพ้ไอ้โจ้ เบลแค่ถอยไปตั้งหลักแล้วคิดจะกลับไปเพื่อเอาชนะมันให้ได้ ความแค้นนี้เบลไม่มีวันลืม ช่วงเวลาที่หายไปเบลไปทำตัวเองให้ดูดี ยอมไปทำศัลยกรรมจนดูดีกว่าเดิมมาก ซึ่งดูจากสายตาพญาในตอนนี้ทำให้เบลรู้ว่าที่เบลลงทุนทำมามันได้ผล พญามองเบลเหมือนอยากจะกลืนกินเสียให้ได้
“ทำไมไม่มาบอกกูว่าโดนมันรังแก”
“เบลรู้ว่าพี่ไม่ชอบเรื่องปวดหัว ไม่ชอบให้ทะเลาะกัน แล้วตอนนั้นพี่ก็ดูจะชอบมันมาก เบลเลยคิดว่าเบลขอเป็นคนออกมาดีกว่า แต่พอเบลจากมาเบลก็รู้ว่าคนที่เบลรักและอยากเห็นหน้าทุกวันคือพี่ แต่พี่ก็ไม่เคยตามหาเบลเลย” เบลตัดพ้อด้วยความน้อยใจและเอื้อมมือไปจับที่มือของพญาพร้อมกับไล้ปลายนิ้วไปมาเบาๆ
“ก็มึงหนีไปเอง ต่อไปถ้ามันทำอะไรไม่ดีมาบอก แล้วตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน” พญานึกสงสารเบลพอสมควร เขาเจอเบลในช่วงเวลาเดียวกับที่ได้เจอกับโจ้ ผู้ชายทั้งสองคนคือคนที่เขาเรียกหาบ่อยที่สุด ทั้งคู่จึงเหมือนคู่แข่งกัน แต่เบลเป็นคนหัวอ่อนและไม่ได้มีพรรคพวกเท่าโจ้จึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกครั้งเมื่อมีเรื่องกัน พญาถึงกับคาดโทษเอาไว้ว่าหากมีเรื่องกันอีกจะไล่ออกไปจากเกาะทั้งสองคน แต่จู่ๆ เบลก็ขาดการติดต่อไป พญาก็ไม่ได้สนใจที่จะตามหาเพราะนึกกว่าเบลน้อยใจแล้วหนีไปเอง เพิ่งจะรู้ว่าที่เบลหายไปเป็นเพราะโดนโจ้รังแก
“เบลไปอยู่กรุงเทพมา แต่ตอนเบลอยากกลับไปที่เกาะ เบลยังกลับไปได้ไหมครับ” เบลทำน้ำเสียงอ้อนพญา พญาเหลือบไปมองเทียมฟ้าแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งก่อทรายกับหนูด้วงอยู่ ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย เทียมฟ้าทำเหมือนว่าไม่สนใจเบลที่กำลังทำท่าออดอ้อนพญาเลยสักนิด
“อยากมาก็มา”
“แต่เบลกลัวว่า...”
“เรื่องไอ้โจ้เดี๋ยวกูจัดการให้ ต่างคนต่างอยู่ เฮ้!..มึงจะไปไหน!” พญาพูดกับเบลอยู่ดีๆ ก็หันไปตะโกนถามเทียมฟ้าที่จูงมือหนูด้วงให้ลุกขึ้น เบลถึงกับต้องหันไปมองหน้าเทียมฟ้าอีกครั้งให้ชัดๆ จากที่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนสำคัญอะไรแต่ตอนนี้เบลต้องกลับมาคิดใหม่เพราะแม้พญาจะคุยอยู่กับตัวเองแต่สายตาดันไปจดจ่ออยู่กับผู้ชายคนนั้นแทบจะตลอดเวลา
“ไปเดินเล่นริมทะเล” เทียมฟ้าตอบพร้อมกับยิ้มให้เบล
“มานี่ก่อน” พญาออกคำสั่งแต่เทียมฟ้ายืนเฉย ทั้งคู่เล่นจ้องตากันอยู่พักใหญ่จนเบลต้องเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นเบลขอตัวก่อน แล้วเบลจะโทรหาพี่พญานะครับ” เบลรู้ดีว่าเวลาแบบนี้ตัวเองควรทำยังไง จะเป็นคนที่ยืนเคียงข้างผู้ชายอย่างพญาต้องรู้วิธี เบลรู้ว่ามันยากแต่ยิ่งยากก็ยิ่งท้าทาย ก่อนไปเบลโน้มใบหน้าไปหอมแก้มของพญาแล้วทำหน้าเขินอาย พญาตกใจอยู่เหมือนกันที่โดนจู่โจมแต่พอเห็นเทียมฟ้าทำหน้านิ่งๆ ไม่ได้มีรอยยิ้มเหมือนเคยก็นึกขำ
“กูจะรอ” พญาพูดกับเบล เบลยิ้มหวานให้พญาก่อนจะหันมายิ้มให้เทียมฟ้า เมื่อเบลไปแล้วเทียมฟ้าก็จูงมือของหนูด้วงเดินไปที่ริมทะเล
“กูบอกให้มานี่ก่อน แนะ! ทำหูตึง งอนกูอะดิ ไม่ยิ้มแล้วเหรอคุณชาย ไหนยิ้มดิ๊ งอน งอน ฮ่าๆ” พญาเรียกเทียมฟ้าแต่อีกฝ่ายไม่สนใจพญาเลยต้องลุกเดินตามไปและพูดแหย่ให้เทียมฟ้าแสดงอาการโกรธออกมา
“อาน้อนงอนอะได” หนูด้วงเงยหน้าไปถามเมื่อได้ยินพญาล้อเทียมฟ้า
“อาน้องไม่ได้งอน อาน้องแค่ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร”
“ก้านติดคอใคร” หนูด้วงทำตาโตเพราะปู่ช้วนเคยบอกว่าก้างติดคอมันเจ็บ
“อาน้องขี้งอน” พญากระซิบหนูด้วง
“น้องไม่ได้งอน” เทียมฟ้าเถียง
“มึงมันขี้งอนแล้วก็ดื้อ” พญาจิ้มไปที่หน้าผากของเทียมฟ้าเบาๆ เทียมฟ้าหยุดเถียงแต่ก็ยังไม่ยอมยิ้มเหมือนเคย
“หนูอยาดเย่นน้ำได้มั้ย” เมื่อเดินมาถึงริมทะเลหนูด้วงก็ออกอาการดีใจ กระโดดหลบฟองคลื่นแล้วอ้อนขอลงไปไปเล่นน้ำ
“พาหนูด้วงไปสิ” พญากอดอกแล้วยักคิ้วให้เทียมฟ้า
“หนูด้วงไปเล่นกับยุงพะยานะครับ” เทียมฟ้าปฏิเสธแม้ว่าน้ำทะเลบริเวณนี้จะตื้นก็ตาม พญาคว้ามือหนูด้วงมาจับแล้วพาก้าวลงในน้ำแต่เดินไปได้เพียงก้าวเดียวก็หันมาพร้อมกับยื่นมืออีกข้างไปที่เทียมฟ้า
“ลงมา”
“น้องไม่ลง”
“ลงมา”
“น้องไม่อยากเล่นน้ำ”
“อยู่กับกู กูไม่ปล่อยให้มึงจมหรอก” พญาบอกด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง เทียมฟ้ายืนนิ่งครู่หนึ่งแต่ในที่สุดก็ยอมวางมือของตัวเองบนมือของพญา พญายกยิ้มก่อนจะจับมือของเทียมฟ้าแล้วพาเดินลงไปในทะเล
พญาพาทั้งคู่ลงไปในน้ำทะเลลึกแค่ระดับอก หนูด้วงใส่เสื้อชูชีพเอาไว้และเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน แม้เจ้าตัวเล็กจะกลืนน้ำทะเลไปหลายอึกแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข็ด ส่วนเทียมฟ้าก็ได้แต่กอดแขนพญาเอาไว้แน่นด้วยความกลัว ขอขึ้นไปสวมเสื้อชูชีพก่อนแต่พญาไม่ยอมให้กลับขึ้นไป พอคลื่นสาดมาทีเทียมฟ้าก็กอดพญาทีเพราะกลัวว่าคลื่นจะซัดตัวเองจมน้ำหายไป นึกอายเหมือนกันที่เกาะพญาเป็นปลิงแบบนี้ หนูด้วงเป็นเด็กน้อยแท้ๆ ยังใจกล้ากว่า ส่วนพญาเมื่อคลื่นซัดมาก็ดึงเทียมฟ้ากับหนูด้วงมากอดแล้วหันหลังบังคลื่นให้ ซึ่งทุกอากัปกิริยาของทั้งสามคนอยู่ในสายตาของเบลตลอด
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V