----------| S i n c e r e |----------(ต่อ)
ผมโดนเพื่อนทักเรื่องยิ้มคนเดียวราวสามครั้งแล้ววันนี้น่าอยู่หรอก โล่งใจสุด ๆ ไปเลยหลังจากคุยกับวินเมื่อวานนี้ แม้นึกถึงทีไรก็รู้สึกหน้าร้อนจนไม่อยากมองสิ่งมีชีวิตใดในโลกอีก แถมในอกยังคอยจะหวิว ๆ อย่างน่าประหลาด แม้อาการคล้ายตกหลุมรักเช่นนี้ออกจะช้าไปหน่อยหากนึกถึงว่าเราอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต แต่ผมก็นึกคำจำกัดความอื่นไม่ออกจริง ๆ
“มีเรื่องอะไรดี ๆ รึไง” เพื่อนซึ่งทักเป็นคนที่สามของวันเอ่ยแซวต่อ “สองสามวันก่อนยังตาบวมตุ่ย ทำหน้าเหมือนญาติเสียอยู่เลย”
ผมเลิกคิ้ว พยายามวางตัวเป็นปกติ ก้มลงทำเป็นรื้อสมุดไปด้วยให้ดูไม่ว่าง จะได้ไม่ต้องมองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มจนนึกระแวงว่าอาจโดนรู้ทัน
“..เปล่านี่”
“เอาเหอะ” อีกฝ่ายโคลงศีรษะ “ไม่เสือก ๆ”
ผมหัวเราะ พึมพำเบา ๆ ทีเล่นทีจริง “รู้ก็ดี”
“มึงนี่..”
“หิวแล้ว” ผมเปลี่ยนประเด็น เหลือบมองจอแล็ปท็อปของเขา “งานเสร็จแล้วนี่ จะบ่ายแล้ว หาอะไรกินกัน เดี๋ยวไม่ทันเข้าอีกคาบ”
“เออใช่” อีกฝ่ายเออออ “เมื่อวานกูเห็นมีร้านสเต็กเปิดใหม่ข้างมอ ว่าจะไปลอง มึงกินยังวี...”
“...”
“...วี?”
“แจ็ค..นายไปก่อนก็ได้”
“หือ?”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วพร้อมทำหน้างง ก่อนจะมองตามสายตาผมซึ่งไปหยุดอยู่กับร่างผู้หญิงคนหนึ่ง คนเดียวกับที่เพิ่งเล่าเรื่องโกหกให้ผมฟังเมื่อวานนี้
“สวยนี่หว่า” แจ็คพึมพำ ทำท่าเป่าปากแบบไม่มีเสียง “รู้จัก?”
ผมพยักหน้าน้อย ๆ บางทีเรียกอย่างนั้นก็อาจไม่ผิดนัก
“จองที่เผื่อที สั่งเผื่อด้วย เอาเหมือนของนายก็ได้”
“อ้าว?”
“มีธุระนิดหน่อยน่ะ” ผมบอกปัด “เดี๋ยวตามไป”
แจ็คพยักหน้ารับอย่างเสียมิได้ พับจอแล็ปท็อปลงแล้วตบไหล่ผมเบา ๆ ก่อนลุกออกจากตรงนั้น ไม่วายส่งสายตาสงสัยไปยังผู้หญิงที่กำลังเดินเข้ามาทางนี้
พี่จูนยิ้มละมุน ก้าวขาเข้ามาใกล้ แต่เมื่อถึงระยะที่สามารถมองได้ชัด ๆ กลับพบว่าสายตาเธอไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย
“น้องวี” เธอทักเสียงหวาน
“ครับ?”
เพียะ!แม้จะเป็นแรงจากฝ่ามือผู้หญิง แต่ก็มากพอจะทำให้ใบหน้าผมสะบัดไปด้านข้างนิดหน่อย
เธอยักยิ้มมุมปาก เชิดคางขึ้น ส่งสายตาสะใจเจือสมเพชมาทางผม แก้มซ้ายที่ถูกฟาดเข้าเมื่อครู่เริ่มรู้สึกแปลบขึ้นมาหลังจากพ้นอาการชาไปแล้ว
“เมื่อวานไปพูดอะไรกับวิน ไปเป่าหูอะไรเขาล่ะ? วันนี้เขาถึงได้ทำท่าจงเกลียดจงชังฉันนัก คิดว่าอยู่ใกล้เขาแล้วจะทำอะไรก็ได้รึไง?”
ชัดเจนว่าเธอมาอย่างศัตรู“แค่นี้ใช่ไหมครับ?”
“อย่ายุ่งกับวิน” เธอกระซิบเสียงหวาน แต่แววตากลับคล้ายว่าฉาบไว้ด้วยยาพิษ
“ทำไม่ได้หรอกครับ”
“เขาเป็นของฉัน”
โกหก...วินไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องดีด้วยอีกแล้ว พอระลึกได้ก็โกรธขึ้นมาบอกไม่ถูก
“เขาเป็นของผม”
“คิดว่าฉันจะรับได้หรือ? เรื่องที่พวกเธอพี่น้องทำตัวเหมือนเป็นคู่รักน่ะ! เป็นแค่พี่น้องไม่ใช่รึไง ลืมไปแล้วใช่ไหมว่าสายเลือดเดียวกัน แล้วเป็นผู้ชายทั้งคู่อีก ไม่ขยะแขยงตัวเองบ้างเหรอ!?”
น่าหน่ายเหลือเกิน ผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่องและทำตัวร้ายกาจ ทั้งที่เธอมีใบหน้าสะสวย รูปร่างดี น้ำเสียงน่ารัก แต่การกระทำนั้นไม่เหมือนรูปลักษณ์เอาเสียเลย
“คนที่น่าขยะแขยงคือพี่จูนต่างหาก”
“แก!”
ฝ่ามือเธอเงื้อขึ้นอีกครั้ง การที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอคิดว่าจะทำอะไรผู้ชายได้ด้วยวิธีแบบนั้นถือเป็นเรื่องงี่เง่า แม้เป็นเรื่องงี่เง่าที่อาจพอรับได้ เพราะปกติผมมักยอมให้ผู้หญิงอยู่แล้ว เพียงแต่พวกเธอจะรู้ตัวหรือเปล่าเท่านั้นเอง สิ่งที่โง่ที่สุดคือเมื่อเธอคิดว่าจะทำแบบนั้นได้เป็นครั้งที่สองต่างหาก
“หยุดเถอะครับ”
“!?”
คราวนี้ผมคว้าข้อมือเธอไว้ได้ง่ายดาย สบตาโดยไม่เลี่ยงจนเกือบจะเป็นจ้องเขม็ง ผู้หญิงตรงหน้านี้ทำให้ผมรู้สึกแย่
เธอคิดจะแย่งวินไปจากผม โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้เต็มใจด้วยซ้ำ“ทำแบบนี้ไม่กลัวหรือครับ?”
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วย”
“อย่างนิ้วสวย ๆ นี่...” ผมปรายตาไปยังนิ้วมือของเธอ มันเรียวยาว สวย..และท่าทางอ่อนนุ่ม เล็บทาสีสวยหวานเป็นมันวาว ดูเหมือนจะได้รับการบำรุงอย่างดี ถ้านอกจากมือแล้ว จะบำรุงจิตใจตัวเองบ้างก็คงดีหรอก
ผมดันนิ้วนางของเธอไปด้านหลังจนตึงมือ นิ้วนางข้างซ้ายที่เธอจะใช้สวมแหวนหากวันหนึ่งได้แต่งงาน “...ถ้าผมหักมันซะตอนนี้...”
“...แกจะทำอะไร..”
เธอเบิกตากว้าง ริมฝีปากสั่นระริก พยายามสะบัดมือหนีอย่างไร้ผล ก็แค่แรงผู้หญิงเท่านั้นเอง
“เพิ่งบอกไปนี่ครับว่าจะหักมันทิ้ง”
“ไอ้เด็กเลว! ฉันจะฟ้องวิน”
“ครับ” ผมพยักหน้า ออกแรงดันขึ้นอีกนิดจนเธอหน้าแหย “งั้นผมจะรอฟังจากวินอีกที เพราะเราคุยกันทุกเรื่อง”
“อย่ามาขู่ฉันนะ คิดว่าจะกลัวรึไง!”
ผมส่ายหน้าน้อย ๆ มองเธอด้วยสายตากึ่งจะเวทนา “ไม่คิดแล้วครับ..เพราะถ้าพี่กลัวจริง จะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้ แต่ถึงคิดได้ตอนนี้ก็ช้าเกินไปนะว่าไหม”
หยดน้ำเอ่อคลอในดวงตาอีกฝ่าย ข้อนิ้วเธอส่งเสียง
‘กร๊อบ’ เบา ๆ แต่ไม่น่าใช่เสียงกระดูก อาจจะแค่เคล็ดเท่านั้นหากผมหยุดมือไว้แค่ตรงนี้ แย่หน่อยตรงไม่รู้สึกอยากหยุดเท่าไรนัก ราวกับสวิตช์บางอย่างในตัวถูกสับ ไม่ต้องการอดทนกับการกระทำเธออีกแม้แต่วินาทีเดียว
“...ปะ...ปล่อยฉัน!”
ผมรู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย ภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างเรียบร้อยของผมอาจทำให้คนประเภทนี้หลงเข้าใจไปว่าจะเอาเปรียบกันได้ง่าย ๆ แต่นอกจากวินแล้วผมไม่คิดยอมใครอื่นที่มาทำตัวไม่ดีใส่ สมัยก่อนตอนเขาร้องไห้เพราะโดนแกล้ง ใครเป็นคนจัดการให้กันล่ะ? หากคนพวกนั้นจะกลัวละก็ พวกเขาควรกลัวผมมากกว่าวินเสียอีก
“ได้ครับ” ผมพยักหน้า ปล่อยมือซ้ายของเธอ ขณะที่กระตุกมือขวาเข้ามาแทน จ้องมองใบหน้าสวย ๆ นั้นเหมือนจะฆ่าเธอทิ้งด้วยสายตา “..เพราะข้างซ้ายเป็นมือที่ไม่ถนัด คิดว่าถ้าหักนิ้วทิ้งไปคงจะไม่เดือดร้อนนัก”
“เลว!”
เธอสบถเสียงสั่น น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนแก้ม แต่คงลำบากสำหรับเธอหน่อยที่ผมไม่รู้สึกสงสารเลย พอโกรธเข้าจริง ๆ แล้วก็เป็นคนนิสัยไม่ดีอย่างนี้เอง ทั้งที่หากพี่จูนหยุดแค่ตบผมเสร็จแล้วจากไป เรื่องคงจบลงโดยง่ายแท้ ๆ
“ไอ้เด็กเลว!”
เธอย้ำอีกครั้งด้วยเสียงสั่นเครือ จากนั้นปล่อยโฮออกมาในที่สุด
ผมแค่นหัวเราะใส่คำผรุสวาทของเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำพูดอย่างว่า เป็นใครคงก็ช็อคทั้งนั้นเมื่อเห็นว่าผู้ชายเรียบร้อยซึ่งคิดจะมารังแกแต่แรก กลับกลายเป็นคนเดียวกับที่กำลังขู่กรรโชกตัวเองตอนนี้
“มือขวาสักสองสามนิ้วก็ดีนะครับ เรียนถา’ปัตย์ฯ คงต้องใช้งานมันเยอะ เอาไปพักบ้าง”
“วี!” ใครสักคนร้องเรียกจากข้างหลัง น้ำเสียงตื่นตระหนกจนไม่น่าเชื่อว่าออกมาจากปากเจ้าตัว
“บาส!” พี่จูนร้องครางทั้งน้ำตา “...ชะ...ช่วยฉันด้วย”
บาสวิ่งเข้ามาใกล้อย่างร้อนรน ประเมินแล้วไม่เหมือนคนที่จะวิ่งเข้ามาทำร้าย ผมจึงเพียงแต่ยืนระวังตัวอยู่ที่เดิม มือยังไม่ปล่อยจากพี่จูน
“วี” เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้า ไม่ยักรู้ว่าบาส..ผู้ชายตัวใหญ่ที่ดูไม่เกรงกลัวอะไร จะทำท่าทางแบบนี้ก็เป็นด้วย “...ปล่อยเถอะวี...ปล่อยจูนเถอะนะ ขอร้อง”
“ทำไมล่ะ?”
“ขอโทษ” เขาโพล่งขึ้นมา “ขอโทษแทนจูนด้วย จากนี้จะไม่ให้เขามายุ่งกับนายหรือวินอีก..เพราะฉะนั้นช่วยเลิกแล้วต่อกันเถอะ”
“...เกี่ยวอะไรกับนายหรือ?”
เขามองหน้าพี่จูน จากนั้นผ่อนลมหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าข้อมือผมไว้อีกทอด คำขอร้องอย่างเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเพียงคำบอกเล่าเจือสายตาข่มขู่
“เกี่ยว เพราะเขาเป็นคนรักฉัน”
“หือ?”
“และถ้านายไม่ปล่อยดี ๆ ก็จะใช้กำลัง ต่อให้ไม่อยากไปทะเลาะกับไอ้วินทีหลังก็เถอะ”
“อ้อ” ผมเลิกคิ้ว พยายามจับต้นชนปลาย มองหน้าพี่จูนพี่ผงกศีรษะรับ เมื่อวานเธอเพิ่งบอกว่าเป็นแฟนของวินแท้ ๆ แต่วันนี้กลับบอกว่าเป็นคนรักกับบาส พูดเรื่องโกหกออกมาได้อย่างไม่ละอายปาก แล้ววันที่ผมเจอพี่จูนอยู่กับวินครั้งแรก บาสยังพูดเหมือนตัวเองและผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกัน จะด้วยความละอายใจที่คบอดีตแฟนเพื่อนหรืออะไรก็ตาม แต่หากบอกผมก่อนวันนั้นคงไม่เข้าใจผิดขนาดนี้
“ตกลงเป็นแฟนกับใครกันแน่ครับ” ผมหันกลับไปถามเธอเสียงเย็น กำข้อมือเธอไว้แน่นจนฝ่ามือนั้นซีดขาว “วิน..หรือบาส? ช่วยตอบให้เข้าหูหน่อย”
“...บะ...บาส...” เธอส่งเสียงครวญ ไม่รู้เป็นคำตอบหรือเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากคนข้าง ๆ แต่บาสก็กระชากมือผมออกจากคนที่เหมือนจะเป็นผู้หญิงของเขาในตอนนั้นเอง
“พอเถอะ!” เขาร้องขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ “จูนก็อย่ายุ่งเรื่องนี้ ฉันเตือนแล้วใช่ไหม”
“..ก็...” เธอเริ่มส่งเสียงสะอื้น จากนั้นไปซบไหล่บาสร้องห่มร้องไห้ “...ก็ฉันน่ะ....มันน่าเคืองไม่ใช่หรือไง...ทำไมฉันถึงได้แพ้ไอ้ผู้ชายคนนี้ล่ะ!? ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็ยังจะพอทำใจได้อยู่หรอก..แล้ววันนั้นอีก นายจูบเขาทำไมล่ะ!? ทุกคนอยากแกล้งฉันงั้นหรือไง!”
ผมกลอกตาเหนื่อยหน่าย พยายามสงบจิตสงบใจตัวเอง จำไม่ได้ว่าโกรธขนาดนี้ครั้งสุดท้ายนี่เมื่อไรกัน บางทีอาจเป็นสมัยมัธยมต้นที่วินไปมีเรื่องกับเด็กต่างโรงเรียนโดยไม่ได้ตั้งใจ จนเกือบโดนหักนิ้วเหมือนที่ผมเพิ่งทำกับพี่จูน
บาสมองมาด้วยสายตากระอักกระอ่วน พึมพำว่า "ไปนะ ขอบใจ" พร้อมกับดึงพี่จูนออกจากตรงนั้น
เหลือเพียงผมยืนอยู่กับความเงียบ เลิกสนใจหญิงชายที่เพิ่งประคองกันไปทางอื่น ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ลูบแก้มตัวเองตรงที่ถูกฝ่ามือเธอฟาด พลางคิดว่าเท่านี้คงไม่ถึงครึ่งของที่วินถูกบาสต่อยเมื่อวาน
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ใกล้ต้องไปเข้าคาบบ่ายแล้ว ตัดสินใจกดโทรออกหาแจ็ค รอสัญญาณดังสองสามครั้งก็มีคนรับ เสียงบ่นอุบจากปลายสายตามมาโดยไม่ตั้งตัว
“ช้าจังวะเฮ้ย! กูฟาดเรียบละแม่ง”
“ขอโทษที” ผมงึมงำ จิตใจกลับมาเป็นปกติในที่สุด “สงสัยจะออกไปกินไม่ทันแล้ว ช่วยใส่กล่องกลับมาให้หน่อยได้ไหม”
“เชี่ย!”
ได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ตอบ
“มึงแนะนำผู้หญิงคนนั้นให้กูเป็นการตอบแทนเลย สวยเชียวนะ”
ผมส่ายหน้ากับมือถือ ยิ้มอ่อนใจออกมาเพียงลำพัง เอ่ยเตือนแจ็คด้วยความเป็นห่วง
“คนนั้นนิสัยแย่เกินไป ไม่คู่ควรหรอก เอาไว้ฉันจะแนะนำคนอื่นให้แทนนะ”
“กั๊กนี่หว่า”
ผมหัวเราะอีกครั้ง “งั้นมั้ง” แล้วถอนหายใจยาว ก่อนจะกดวางสายไปเงียบ ๆ
วินมาหาผมที่คณะอีกแล้ว คราวนี้รีบมารอก่อนเวลาเลิกด้วยซ้ำ ท่าทางจะนั่งเฝ้าอยู่นานทีเดียว พอเจอกันก็เอ่ยปากทักเรื่องรอยแดงบนหน้าทันที ทั้งที่ผมออกจะมั่นใจว่ามันจางไปเยอะแล้วแท้ ๆ
“หน้านายไปโดนอะไรมาน่ะ”
“หือ?” ผมยิ้ม ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“แก้มซ้ายน่ะ”
“มดกัด” ก็เลยย้อนคำเดิมที่เขาตอบเมื่อวานนี้
“มดอะไร” เขาครวญ “วีอย่าทำขำ”
ผมโคลงศีรษะ มองเขาที่ทำหน้ามู่ทู่ แก้มบวม ๆ ของตัวเองยังไม่ทันยุบด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกว่าก็น่ารักอยู่ดี
“ไม่มีอะไรหรอก” ผมก้มหน้าก้มตา “แย่งของรักของหวงนิดหน่อยเอง”
“ของรักของหวงอะไร?”
“....”
“มีอะไรที่รักที่หวงมากกว่าฉันอีกหรือ?”
เขาบ่นทีเล่นทีจริง แต่ทำเอากลั้นยิ้มไม่ได้เลย ขณะที่ตัวเองก็พลอยหน้าร้อนฉ่าไปด้วย
“ไม่มี..”
“หา?”
“..ฉันบอกว่าไม่มีอะไรที่รักที่หวงมากกว่านายหรอก..”
เท่านั้นเอง วินก็ทำหน้าบาน เหมือนจะลืมคำถามแรกไปดื้อ ๆ เอื้อมมือมาประสานนิ้วไว้กับมือผมเหมือนเมื่อวาน ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับผม ...แต่ผมว่าเขาน่ารักกว่า...ไม่รู้สิ...สำหรับผมแล้ววินน่ารักมาตลอด
“เอ้อ ใช่..วันนี้ฉันต่อว่าพี่จูนมาด้วยละ”
“หืม?”
เขาหันมาทำสีหน้าเหมือนเป็นผู้ชนะ ราวกับว่าได้แก้แค้นให้ผมสำเร็จ
“ก็ที่เขามาพูดอะไรไม่ดีใส่นายเมื่อวานไง! เจอหน้ากันตอนเช้าเลยเผลอว่าเขาไปเยอะเลย จากนั้นก็บอกจะไม่พูดด้วยอีกแล้ว เลิกยุ่งเด็ดขาด”
นี่ไง..เจอตัวแล้ว คนที่ไปทำพี่จูนปรี๊ดแตกแล้วเดินมาตบผม
“..นายเป็นเด็กประถมเหรอวิน?”
ผมหัวเราะเบา ๆ กับหน้าตาเหลอหลาของเขา ความขุ่นเคืองทั้งหมดละลายไปจนเกลี้ยงในตอนนั้น ไม่เหลือใจไว้โกรธใครอีกแล้ว แค่มีวินอยู่ข้าง ๆ อย่างนี้ก็พอ
“ไหงงั้นล่ะ!?” เขากระแซะ พอเข้าสู่ทางเดินหน้าห้องพักซึ่งไม่มีใครอื่นก็เปลี่ยนมาโอบไหล่ไว้แทน “ฉันนึกว่านายจะดีใจแล้วชมฉันเสียอีก”
“ดีใจสิ”
“ไม่จริงใจเลย!”
ฟังแล้วก็อดกระเซ้าเสียยาวเหยียดไม่ได้ “...อะไรกัน...น้องชายที่น่ารักของฉัน บอกให้ชมเองแท้ ๆ พอชมก็หาว่าไม่จริงใจ”
วินหันมางอแงใส่ กระทั่งเราเดินถึงหน้าประตูห้องตัวเอง พอเปิดเข้าไปได้ เขาก็หันมารวบตัวผมแล้วยกขึ้นลอยหวือ ดูง่ายดายกว่าครั้งก่อนเสียอีก เขาตัวโตขึ้นหรือไงกันนะ
“วีอย่าแกล้งแบบเมื่อกี้ ฉันไม่อยากเป็นแค่น้องชายเสียหน่อย!”
ผมไม่ดิ้น ยอมโดนอุ้มไปโดยดี ต่อให้หน้าร้อนจนแทบไหม้ ใจเต้นแรงจนอกจะระเบิด ส่งเสียงพูดคุยกับเขาโดยไม่ตะกุกตะกักไม่ได้ แต่ก็ยินดีให้มันเป็นแบบนั้น
“อ๊ะ!”
“หวา!?”เขาสะดุดที่กลางห้องโถง และเพราะยังอุ้มผมซึ่งก็ตัวหนักไม่ใช่น้อยไว้ด้วยจึงยิ่งเสียศูนย์ เซถลาลงไปกลิ้งบนพื้นอย่างหมดท่า ถึงกระนั้นกลับยังไม่ยอมปล่อยมือที่กอดไว้ ผมตกใจแต่ไม่รู้สึกเจ็บสักนิด รู้หลังลืมตาขึ้นจากที่เผลอหลับตาปี๋ว่าเป็นเพราะเขาเอาตัวเองลงกระแทกพื้นแทน
“วิน!?”
“....อุ!”“เจ็บหรือเปล่า”
ผมรีบลุกขึ้นนั่ง เตรียมจะพยุงเขาตามขึ้นมาอีกคน แต่เจ้าตัวกลับทำหน้าเหยเก ทำผมใจไม่ดีเลย
“..นะ..นายเจ็บมากเลยเหรอ...เจ็บตรงไหน”
"..โอย.." วินอ้าปากพะงาบ ทำท่าเหมือนจะลุกแต่ลุกไม่ขึ้น พอผมประคองก็นิ่วหน้าจนไม่รู้ควรจับตรงไหน กลัวไปหมดว่าหากไปแตะตรงที่เป็นอะไรเข้าแล้วอาจยิ่งเจ็บกว่าเก่า
“..พูดก็ไม่ไหวหรือ..” ผมเริ่มร้อนร้นขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ไม่นึกว่าแค่อุ้มเล่นกันอย่างนั้นจะบานปลายไปได้ “..งั้นชี้หน่อยได้หรือเปล่าว่าเจ็บที่ไหน”
เขาพยักหน้าอ่อนแรง จากนั้นจับมือผมไว้ แล้วเอาไปแนบกับอกซ้ายของตัวเอง
ผมรีบแกะกระดุมเสื้อเขาออก ตั้งใจจะดูว่ามีรอยช้ำแถวนั้นหรือเปล่า แต่แล้วกลับต้องชะงักมือลงเมื่อได้ยินเสียงอ้อน ๆ ของวินข้างหู
“เป็นได้แค่น้องชายแล้วมันเจ็บที่หัวใจจังเลย...”
“....”
“อยากเป็นมากกว่านั้นทำไงดี”
น่าทุบเหลือเกิน คนเขาเป็นห่วงแทบแย่ ยังมีหน้ามาทำให้ใจเต้นโครมครามแบบนี้อีก
“วิน!”
“ฮะ ๆ ๆ” อีกฝ่ายหัวเราะร่า ลุกขึ้นมานั่งเองหน้าตาเฉยเหมือนคนที่นอนโอดโอยเมื่อครู่ไม่มีอยู่จริง ยื่นหน้ามาคลอเคลียอย่างกับเป็นลูกแมว “วีน่ารักจัง เห็นหน้านายตอนนี้แล้วอยากกินเข้าไปทั้งตัวเลย”
ไม่พูดเปล่า มือยังตามมากอดจนแน่น ดึงร่างให้ล้มทับลงไปบนตัวเขา ย้ำจูบซ้ำ ๆ บนต้นคอ แตะโดนตรงไหนก็คอยจะร้อนผ่าวไปหมด
“..อยู่กับฉันนะวี..”
“....”
“ได้ไหม...?”
“...อยู่..” ผมพึมพำ แทรกนิ้วไปตามเส้นผมนุ่มนิ่มของเขา หายใจไม่ค่อยออกเลย บางอย่างพองฟูจนแน่นไปทั้งอก ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจะบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น “...อยู่กับนายเสมอ..”
“เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน..” เขายังอ้อน
“..ได้สิ...” ผมยิ้ม แต่น้ำตากลับรื้นขึ้นมา จูบตอบเขาเบา ๆ บนหน้าผาก คนเดียวที่ผมจะยอมให้โดยไม่มีเงื่อนไข “...เป็นอะไรของนายก็ได้...”
“...รักนาย...”
“...อือ...”
ผมร้องไห้จริง ๆ เข้าแล้ว แต่ก็เป็นน้ำตาที่มาจากความสุข มันต่างจากก่อนหน้านี้มากมายนัก
“ฉันก็รักนาย”
วินยิ้มละมุน ผมรู้สึกได้ขณะที่ริมฝีปากเราแนบกันอ่อนโยน นิ้วมือสอดประสาน และลมหายใจหลอมรวมจนราวกับจะเป็นหนึ่งเดียว
พี่น้อง...ผิดบาป...เพศเดียวกัน...? คำเหล่านั้นลอยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผมไม่สนใจเรื่องที่ว่าอีกแล้ว พี่น้องแล้วทำไม...เป็นผู้ชายเหมือนกันแล้วผิดตรงไหน? ในเมื่อรักก็คือรัก
เราสองคนเหมือนเป็นเงาสะท้อน ทั้งผมและเขาอาจเป็นแค่ไอ้โง่ที่หลงรักเงาของตัวเอง
แต่ก็เป็นเงาที่มีหัวใจรักเฉกเช่นเดียวกันปฏิเสธสิ่งอื่น
ชัดเจนเพียงรัก
ด้วยคำสัตย์คงมั่น
จากนี้...ชั่วกาล
----------| S i n c e r e |----------
[End]
จบแล้วค่ะ...อา...
ถึงแม้จะสั้น (ก็มันเป็นเรื่องสั้น) แต่มันก็สั้นละนะคะ ฮา ไม่ผูกปมใหม่ เพราะเตือนตัวเองไว้อย่างนั้นค่ะ *หัวเราะ* ถ้าจะมีอีก คงเป็นตอนพิเศษ(มั้ง)ค่ะ แหะ ๆ
อ่านตอนนี้จบ เชื่อว่าบางคนอาจเปลียนความคิดเรื่องพี่วี...เอิ๊ก.. อย่างที่เล่ามาเรื่อย ๆ ว่าไม่ได้เป็นคนอ่อนแอค่ะ ก็มาตรฐานผู้ชายปกตินี่เอง แต่เรียบร้อยและยอมให้วินมาก ๆ ความจริงก็เข้าข่ายยันเดเระอยู่เหมือนกันนะคะนี่ คนที่คิดว่าพี่วีน่าแกล้งโดยไม่โดนอะไรกลับมาก็คงจะมีแต่น้องวินคนเดียว ฮืออ ขี้โกงจัง XD
จบอีกเรื่องแล้ว ขอบคุณคนอ่านผู้น่ารักที่ติดตาม ทั้งบวกเป็ดและกำลังใจ แม้จะมีจุดบกพร่องนู่นนี่ แต่จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะ *กอดก่าย* ขอหวีดอีกทีว่าทวินเซสต์นี่ก๊าวใจจังเลย เรามีความสุขกับการเขียนเด็กแฝดมากค่ะ ฮรือออ ถึงจะมีแค่ 6 ตอนแต่รักสองคนนี้จริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเขียนตอนมุ้งมิ้งนะคะ แฝดอ้อนกันมันดีเหลือเกิน *ใจสั่น* //// ไหนจะครูเอครูบีที่รั่วสุดติ่งอีก 5555
อนึ่ง บาสกับพี่จูน ก็ตามที่วีเห็นค่ะ ที่เหลือเปิดกว้างให้เดาต่อได้ ฮา
แปะส่งท้าย เรารักแฝดจริง ๆ นะ รักคนอ่านด้วย ม๊วฟฟฟฟ /////
่ส่วนอันนี้แถม เมื่อวันที่หงส์ชนะ 4-0 วานนี้ค่ะ พี่วีลั้ลลา น่าอิจฉาจริง ๆ
ด้วยรักค่ะ
พบกันในเรื่อง "แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน" นะคะ
Edit - แปะเพิ่มส่งท้ายอีกรูปค่ะ (ฮา)
ลูกแหง่ก็ยังเป็นลูกแหง่วันยังค่ำ... XD