Chapter Fifteen.
ช่วงท้ายปีเป็นช่วงที่ปารินทร์ทำงานทุกวันแทบไม่ได้พัก แต่ถึงอย่างนั้นคนที่เคยชินกับช่วงเวลานี้ดีก็ไม่มีงอแง ฝุ่นใช้เวลาช่วงข้ามปีไปกับการเข้าวัดทำบุญ กระทั่งผ่านปีใหม่ไปสองอาทิตย์ทุกอย่างก็เข้าร่องเข้ารอยมากขึ้น
“พี่หวานสวัสดีครับ” ภาวิดารับไหว้ฝุ่นด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางกระเป๋าลงบนโซฟาขณะกวาดสายตาสำรวจห้องที่ถูกตกแต่งจนเสร็จเรียบร้อยแล้วไปพร้อมกัน
“จัดของเสร็จหมดแล้วเนอะ”
“ครับ แต่ว่าก็ยังมีบางมุมที่ยังดูอยู่ว่าจะตกแต่งยังไง” ฝุ่นเอ่ยเสียงเบาพร้อมรอยยิ้มบาง
พอรู้ว่าพี่หวานรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับปินแล้วมันก็คล้ายกับจะรู้สึกผิดต่ออีกฝ่าย
“จะทำอะไรยังไงก็ระวังๆ กันด้วยล่ะ” ภาวิดาย้ำอีกครั้งอย่างเป็นห่วงคนทั้งสอง ด้านฝุ่นที่เข้าใจดีก็รับคำพร้อมกับพยักหน้า
“สวัสดีครับพี่หวาน มาเร็วเชียว” ร่างสูงที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จกล่าวทักทายผู้จัดการส่วนตัวพร้อมทั้งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“เผื่อเวลารถติดน่ะ”
“นึกว่าจะพาตัวเล็กมาด้วยซะอีก”
“มาก็วุ่นวายเปล่าๆ พอดีพ่อเขาจะพาไปสนามกอล์ฟ” ภาวิดาโบกมือทั้งยังทำสีหน้าอ่อนใจเมื่อพูดถึงลูกและผู้เป็นสามี
“อ๋อ งั้นก็ไปที่โต๊ะอาหารเลยดีไหมครับ”
ปารินทร์เลิกคิ้วถามยามหันหน้ามองคนทั้งสอง เมื่อทุกคนตอบรับก็พากันเดินตรงไปยังห้องครัว เริ่มต้นมื้อเช้าของวันด้วยกัน
วันนี้ปินมีงานตอนบ่ายไปกระทั่งถึงดึก แต่ด้วยมีเรื่องชุดใส่ออกงานที่จะต้องคุยกันภาวิดาจึงถือโอกาสมาทานข้าวที่ห้องใหม่ปินพร้อมทั้งมีของขวัญติดมือมาให้
“โอเค เอาประมาณนี้นะ” ภาวิดาจดข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ลงโทรศัพท์จากนั้นจึงหันไปขอบใจฝุ่นที่เอาขนมจานใหม่มาให้ “นี่พี่แหม่มก็ตื้อให้ปินรับละครเขาใหญ่เลย”
“ยังไม่จบอีกเหรอครับ” ปารินทร์ทิ้งตัวพิงกับพนักโซฟาขณะหยิบขนมชิ้นเล็กที่ฝุ่นลงมือทำเข้าปากไปด้วย
“เขาก็อยากได้กระแสเรา ยิ่งพอไปจีนแล้วมีฐานแฟนคลับจีนเพิ่มขึ้นเขาก็เลยยิ่งอยากได้”
“แต่ผมไม่ชอบการแสดง”
“พี่รู้ ถึงได้เสียดายทั้งพี่แหม่มแล้วก็เอเจนซี่จีนไงล่ะ”
เม็ดเงินและความโด่งดังที่จะตามมามหาศาลถูกปินปฏิเสธแบบที่ไม่คิดเลยแม้แต่น้อยทำเอาภาวิดาเสียดายแทนเล็กๆ ทว่าเพราะรู้จักนิสัยคนในปกครองดีเลยเข้าใจ
ปินไม่ได้เล่นตัว แต่เจ้าตัวไม่ชอบและไม่ถนัดจริงๆ จึงไม่รับ
Rrrr
“เชอร์รีโทรมา คงจะโทรมาถามคิวงานปิน”
โทรศัพท์ในมือภาวิดาที่ส่งเสียงร้องถูกกดรับ ก่อนเธอจะกรอกเสียงทักทายผู้ช่วยตัวเองลงไป
“ว่าไงเชอร์รี ใครติดต่องานอะไรมา”
(ไม่ได้ติดต่อค่ะแต่มีเรื่องใหญ่ คุณแม่ยังไม่เห็นใช่ไหม มีภาพหลุดปินตอนไปโรงพยาบาล นี่นักข่าวก็เขียนใส่ไข่ไปว่าเห็นคนนี้อยู่กับปินในตอนนั้นแถมยังบังเอิญอยู่คอนโดเดียวกันอีก เขาเลยบอกว่าที่ปินไม่มีใครและไม่ยอมเปิดเผยเรื่องส่วนตัวอาจจะเป็นเพราะมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน)
“ว่ายังไงนะ แล้วนี่ข่าวออกไปนานหรือยัง รูปอะไรยังไงเห็นชัดแค่ไหน”
ภาวิดาถึงกับหยัดกายลุกขึ้น สายตาที่มองปินนั้นบ่งบอกว่ามีเรื่องใหญ่จนปินเปลี่ยนมานั่งหลังตรง ด้านฝุ่นที่เพิ่งเดินกลับมาก็หัวใจหล่นตุบไปอยู่ตาตุ่ม ร่างกายแข็งค้างไม่ขยับไปไหน
(เพิ่งออกไม่กี่นาทีนี้เองค่ะ แต่รูปเห็นไม่ชัดมาก ปินก็ใส่แมสก์ใส่แว่นแต่เขาแคปชุดที่ปินเคยใส่มาเทียบกัน ส่วนอีกคนก็มีรูปตอนไปซื้อของที่ห้างมั้งคะ เขาเบลอหน้าไว้นิดหนึ่ง)
“รีบส่งกระทู้ข่าวนั้นมาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้เลย”
(ได้ค่ะ)
วางสายปุ๊บนักข่าวก็โทรต่อทันใดจนภาวิดาได้แต่กุมขมับ เมื่อเชอร์รีส่งไลน์มาจึงกดตัดสายแล้วรีบเปิดเข้าไปอ่าน
“มีเรื่องอะไรครับพี่หวาน”
“พี่ขอดูก่อนนะ”
‘ภาพหลุด ปิน ปารินทร์ กับชายนิรนาม’
หัวกระทู้จั่วมาว่าอย่างนั้น ก่อนจะตามมาด้วยเนื้อหาข่าวด้านล่าง
‘ต้องบอกว่ายิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งถูกขุดคุ้ย สำหรับประเด็นที่คนทั้งประเทศสงสัยใคร่รู้มาตลอดว่า เอ๊ะ ปินนั้นไม่มีใครจริงๆ หรือ หรือว่าแอบซุกใครไว้โดยที่เราไม่รู้
จากที่เป็นข่าวกับสาวๆ มาเป็นระลอกคราวนี้เป็นเรื่องใหญ่ของวงการค่ะเมื่อปาปารัซซี่เก็บภาพนี้ได้จากการที่ปินไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล มันคงไม่น่าผิดสังเกตหากคนที่มาด้วยนั้นไม่ใช่ผู้ชายที่ดูยังไงๆ ก็ไม่ใช่น้องชายปิน อีกทั้งหน้าตายังน่ารักและตัวเล็กจนผู้หญิงบางคนอาย นอกจากนั้นปาปารัซซียังยืนยันว่าหนุ่มคนนี้อยู่คอนโดเดียวกับที่ปินเพิ่งย้ายไป และแม้คนทั้งสองจะไม่ได้ใกล้ชิดอะไรกันมากแต่ปาปารัซซีก็ตั้งข้อสงสัยว่ามันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าที่จะไปไหนด้วยกันสองต่อสอง ซ้ำยังอยู่คอนโดเดียวกัน
เอ๊ หรือว่าข่าวกับนางแบบสาวชาวจีนที่ปินออกมายืนยันหนักแน่นว่าไม่มีอะไรทั้งนั้นจะเป็นเพราะตัวจริงของเขาไม่ใช่ผู้หญิงกัน!’
“บ้าเอ้ย!” ภาวิดาสบถพร้อมทั้งยกมือขึ้นเสยหัวอย่างหงุดหงิดทันทีที่อ่านจบ
“ว่าไงครับพี่หวาน”
ผู้จัดการวัยกลางคนเลื่อนสายตาไปมองหน้าปิน จากนั้นจึงยื่นโทรศัพท์ส่งให้พร้อมเล่าให้ฟังคร่าวๆ
“มีภาพแอบถ่ายตอนปินไปโรงพยาบาลแล้วก็ภาพฝุ่นตอนออกไปซื้อของที่ซูเปอร์” ฝุ่
นที่เดินมานั่งลงเคียงข้างปินชะโงกหน้าเข้าไปดูด้วยกัน
“ตัดสายทิ้งเลยปิน” ภาวิดาเอ่ยบอกเมื่อมีนักข่าวโทรเข้ามาอีกครั้ง
ปารินทร์พยักหน้ารับพลางเลื่อนดูรูปและข่าวไปเรื่อยๆ กระทั่งเสร็จสิ้น แล้วดวงตาเรียวรีก็เลื่อนไปเหลือบมองคนข้างตัวที่มีใบหน้าซีดเซียวอย่างเป็นห่วง
“คุณกรณ์โทรมาครับ”
มือหนาส่งโทรศัพท์คืนให้เมื่อเป็นคนสำคัญโทรมา ด้านคนที่ต้องรับสายก็เม้มปากเข้าหากันก่อนจะรับไปแล้วกดรับสาย
“ค่ะคุณกรณ์...เห็นแล้วค่ะ เดี๋ยวหวานจะรีบพาปินเข้าตึก...สวัสดีค่ะ”
ปารินทร์มองหน้าผู้จัดการตัวเองขณะที่กุมมือคนข้างตัวเอาไว้ไม่ปล่อย
รูปมันอาจไม่ชัดมากแต่นั่นก็หมายความว่าปาปารัซซีกำลังจับตามองฝุ่นอยู่
“โอเค เรามาคุยกันก่อน...จากที่พี่อ่านคือเขายังไม่รู้ แต่ว่าคงว่าสงสัยเพราะฝุ่นไปโรงบาลกับปินแล้วดันมาบังเอิญอยู่คอนโดเดียวกันอีก ให้พี่เดาคงตามปินมานานแล้ว”
“...” มือที่กระชับกันไว้ถูกบีบแน่นขณะนั่งฟังการวิเคราะห์ของภาวิดาที่เดินวนไปมาช้าๆ
“ปินอาจจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เหมือนที่ผ่านมาก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องโดนจับตามองมากขึ้นกว่าที่เป็น เพราะฉะนั้นถ้าพี่จะขอให้ไม่ออกไปข้างนอกด้วยกันเลยจะได้ไหม”
ฝุ่นและปินมองหน้ากัน พลันปินจะเป็นฝ่ายเอ่ยรับคำเมื่อไม่เห็นการปฏิเสธใดๆ ในดวงตาคู่สวย
“ได้ครับ”
“เวลาออกจากห้องยังไงก็ออกประตูคนละห้องอยู่แล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“แต่ว่าพรุ่งนี้เรามีอีเวนต์ สองสิ่งที่เขาจะถามแน่ๆ ก็คือฝุ่นเป็นอะไรกับปิน แล้วก็รสนิยมปินเป็นแบบไหน”
“...”
“เดี๋ยวเรื่องนี้เราจะเข้าไปคุยกับคุณกรณ์อีกที ส่วนฝุ่น...ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งออกไปไหนนะ”
“ครับ”
“เอาล่ะ เข้าตึกกันเถอะปิน”
ภาวิดาเก็บของต่างๆ เข้ากระเป๋าขณะที่ปินก็ยกยิ้มบางเบาพลางยกมือขึ้นลูบแก้มคนที่มีสีหน้าเคร่งเครียดแผ่วเบา
“ไม่เป็นไร มันจะผ่านไปได้”
ฝุ่นอยากจะยิ้มตามแต่ความหนักอึ้งในอกนั้นมีมากเกินกว่าจะฝืนใจได้
คนทั้งสองออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เวลาต่อมาจึงเหลือเพียงฝุ่นที่ทิ้งตัวลงตรงหน้าประตูช้าๆ พร้อมกับใจที่เหมือนหลุดลอยไป
สิ่งที่กลัวมาตลอดมันมาถึงแล้ว...
--
“ผมเห็นด้วยกับการปล่อยให้มันราบเรียบไปเหมือนที่ผ่านมา ไม่ว่านักข่าวจะถามอะไรก็ตอบว่าไม่ใช่เรื่องงานเหมือนที่ปินเคยพูด สิ่งที่ต้องระวังก็คือการวางตัวของปินกับฝุ่น เป็นไปได้ผมอยากให้แยกกันอยู่ไปสักระยะ”
“...” ประโยคสุดท้ายจากผู้มีอำนาจและมีประสบการณ์สูงสุดทำให้ปินเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ทว่าก็ไม่นึกขัดเพราะรู้ว่าเป็นผลดีต่อตัวเองที่สุด
“ผมเข้าใจว่ามันยาก แต่ก็เพื่อตัวปินเอง”
“ครับ...แล้วถ้าเป็นระยะยาวล่ะ”
“ตอนนี้ให้ข่าวนี้มันซาลงก่อน จากนั้นก็ค่อยให้มันเป็นไป ปินก็ระวังตัวให้มากขึ้นไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน อย่าให้เขาได้จับประเด็นอะไรได้อีก”
“...” ใบหน้าแกร่งกดลงรับช้าๆ
“ผมรู้ว่าเราไม่อาจปกปิดมันไปได้ตลอด แต่ก็ให้มันราบเรียบที่สุดแล้วกัน”
ภาวิดาถอนหายใจขณะส่งเสียงรับคำ เธอหันไปมองปารินทร์ซึ่งนั่งนิ่งอยู่ข้างตัวก่อนจะยื่นมือไปแตะไหล่แข็งเกร็งแผ่วเบา
“ค่อยๆ ผ่านมันไป”
ปากได้รูปที่เอาแต่เม้มแล้วคลายออกยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแรกในรอบหลายชั่วโมงตั้งแต่ที่เข้าตึกมา ด้านธนกรณ์เองก็ยกยิ้มตาม
“ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอแค่ปินเป็นปิน ปัญหามันเกิดเพื่อให้เราแก้”
“ขอบคุณคุณกรณ์กับพี่หวานมากครับ”
ปินยกมือไหว้คนทั้งสองด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ขณะความกังวลในอกมีเพียงสองอย่างคือเรื่องตัวเองจะทำให้มีผลกระทบกับค่ายและทำให้แฟนคลับต้องผิดหวัง
“เอาน่า เป็นปิน ปารินทร์เต็มที่แล้วก็พอ”
ธนกรณ์เอ่ยปลอบเด็กหนุ่มรุ่นลูกด้วยรอยยิ้ม แม้จะหนักหนาเพียงใดแต่เชื่อว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้
--
‘ปินเป็นเกย์จริงๆ เหรอ’
‘ว่าแล้วทำไมไม่มีใครสักที’
‘สายเหลืองนี่หว่า’
‘เสียดายยยยยย ไม่น่าเลยอะ’
‘ยังไงก็รักและสนับสนุนปินเสมอ’
‘ไม่นะะะ ปินต้องชอบผู้หญิงสิ’
ดั่งความรู้สึกนั้นย้อนแย้ง...
ฝุ่นไม่กล้าเปิดโทรทัศน์ดูข่าวหากแต่มือกลับกดเข้ามาดูคอมเมนต์ในอินสตาแกรมทั้งยังส่องแท็กในทวิตเตอร์ไม่หยุด สุดท้ายความเครียดที่มีก็ส่งผลให้ไมเกรนกำเริบ ถึงอย่างนั้นใจและกายก็อ่อนล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นไปหยิบยามากิน
Rrrr
สายเรียกเข้ามาจากคนที่เงียบหายไปทั้งวัน มือบางค่อยๆ ยกมันขึ้นมาก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปแผ่วเบา
“อื้อ”
(ฝุ่นทำอะไรอยู่ครับ) น้ำเสียงนั้นฟังดูสดใสแตกต่างจากอารมณ์คนฟังลิบลับ
“ไม่ได้ทำอะไร”
(ทำไมเสียงเครียดแบบนั้น)
“...” ฝุ่นไม่มีอะไรจะตอบ อีกทั้งอาการปวดหัวยังเต้นตุบจนต้องก้มหน้าซบลงกับเข่าตัวเอง
(ไม่เป็นไร ผมโอเคแล้วทุกคนก็โอเค ฝุ่นไม่ต้องคิดมากเข้าใจไหม) เสียงทุ้มเอ่ยสบายๆ อย่างไม่ให้อีกคนกังวลเกินไปนัก
“อื้อ...”
(มันอาจจะยากหน่อยแต่เราจะผ่านมันไปได้)
“ปิน...โอเคใช่ไหม”
(ผมโอเคสิ ฝุ่นนั่นแหละโอเคใช่ไหม)
“โอเค”
(คุณกรณ์เขาอยากให้เราอยู่ห่างๆ กันไว้ก่อน ช่วงนี้ผมเลยอาจจะไม่ได้กลับห้องนะ)
“อืม” แม้ใจจะเกิดความวูบไหวดั่งมีมวลบางอย่างวิ่งมากระแทกให้ซวนเซซ้ำหากแต่ฝุ่นก็เข้าใจในเหตุผลนั้นเป็นอย่างดี
(ผมรักฝุ่นนะ จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด)
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นจากประโยคที่ได้ยินในเวลาที่หวั่นกลัวที่สุด
ทั้งที่ตัวเองควรจะเป็นหลักให้คนเด็กกว่าพึ่งพิงแต่ตอนนี้ปินกลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ฝุ่นก็รักปินนะ รักมาก...อยู่ตรงนี้เสมอ”
ทุกคำถูกเอื้อนเอ่ยอย่างพยายามไม่ให้สั่นไหว และเท่านั้นก็เพียงพอให้ความหนักอึ้งในอกของปินบรรเทาลง
(ดูแลตัวเองนะ ไว้ทุกอย่างโอเคแล้วผมจะกลับไป)
“ปินก็เหมือนกัน”
(ไว้พรุ่งนี้ผมจะโทรหานะครับ)
“อืม หมาปินของฝุ่นสู้ๆ”
ถึงจะเป็นประโยคที่แผ่วเบาแต่ก็ทำให้ปารินทร์หลุดยิ้ม นึกอยากคว้าคนพูดเข้ามากอดมาหอมแต่เพราะไม่อาจทำได้เลยทำเพียงตอบรับเสียงหนักแน่น
(ครับ แค่นี้เองเนอะ...ผมวางแล้วนะ)
ฝุ่นรับคำในลำคอก่อนสายจะถูกตัดไปให้ความเงียบเหงาเข้ามาแทนที่ดั่งเดิม
ต้องแยกกันอยู่งั้นเหรอ...
--
‘สำหรับข่าวที่ออกมาว่ายังไงบ้างคะปิน’
‘ก็ไม่ว่ายังไงครับ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน เพราะงั้นผมไม่ขอพูดถึงเหมือนเดิม’
‘แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องความรักแต่เป็นเรื่องรสนิยมของเราด้วย ตรงนี้ปินยืนยันไหมคะว่ายังเป็นผู้ชายปกติที่ชอบผู้หญิง’
‘การที่ใครชอบอะไรแตกต่างก็ไม่ได้หมายความว่าเขาผิดปกติใช่ไหม ผมว่าทุกคนก็เป็นผู้ชายปกติครับ’
‘สรุปปินเป็นเกย์หรือเปล่า’
‘ผมว่าเราไม่ควรจะมานิยามสิ่งที่คนอื่นๆ เป็น ผมก็เป็นผมอย่างที่เห็นนี่แหละ’
‘แบบนี้คนอื่นเขาจะหาว่าเราบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบเพราะชอบผู้ชายด้วยกันจริงๆ หรือเปล่า’
‘ผมไม่สามารถห้ามความคิดใครได้อยู่แล้ว ก็แล้วแต่ทุกคนเลย ส่วนเรื่องตอบคำถามจริงๆ ครั้งนี้ก็ถือว่าพูดเยอะที่สุดแล้ว’
‘แล้วคนในรูปเป็นอะไรกับปินคะ ทำไมถึงได้โรงพยาบาลด้วยกันสองต่อสอง’
‘ผมไม่พูดถึงคนอื่นดีกว่า’
‘เป็นญาติ พี่น้อง เพื่อน หรือว่าอะไรคะ’
‘ผมขอไม่พูดถึงครับ คนรอบข้างผมไม่ควรจะต้องมาถูกขุดคุ้ยเรื่องราวทั้งที่เขาไม่ได้อยู่ตรงนี้...แล้วก็ฝากถึงปาปารัซซีด้วยว่าเคารพคนอื่นนิดนึง ส่วนของผมผมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าส่วนของคนอื่นเช่นเรื่องคุณแม่ก็อยากให้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาดีกว่า’
‘แต่ก็มีคนบอกว่าเป็นนักร้องเป็นคนที่อยู่ในสื่อก็เท่ากับขายเรื่องส่วนตัวกินไปแต่แรกแล้ว’
‘ผมว่าทุกคนก็อยากขายความสามารถมากกว่า ทุกคนอยากอยู่ตรงนี้เพราะผลงาน เพราะงั้นเราก็อยากให้คนอื่นพูดถึงผลงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว’
‘แล้วตอนนี้ปินมีใครหรือยังคะ’
‘ผมไม่ตอบเรื่องส่วนตัวครับ’
‘แง้มสักนิดไม่ได้เลยเหรอคะ คือคนจะได้รู้ว่าปินไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน’
‘ผมว่าผมไม่จำเป็นต้องมาป่าวประกาศให้ทุกคนเชื่อว่าผมเป็นยังไง หน้าที่และอาชีพผมคือร้องเพลง ถ้าเป็นเรื่องตรงนี้ผมพูดได้และเต็มใจพูดเสมอ’
‘ถ้าจะมีใครสเป็คปินจะเป็นยังไง’
‘ถามเรื่องงานกันบ้างดีกว่า ไม่พูดถึงเรื่องอื่นแล้วนะครับ’
หลังจากนั้นนักข่าวก็ถามถึงเรื่องงานอีกเพียงเล็กน้อยก่อนจะถ่ายรูปปินหลังสัมภาษณ์แล้วการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กก็จบลง
ยิ่งได้เห็นการตอบคำถามฝุ่นยิ่งรู้สึกว่าอีกคนเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน
ลมหายใจที่เป็นดั่งควันขมุกขมัวซึ่งสุมอยู่ข้างในถูกพรูออกมาอย่างเชื่องช้า เปลือกตาสีอ่อนดำคล้ำจากการนอนไม่หลับปิดลง ยามที่อาการปวดหัวจากเมื่อคืนยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก
ถ้าตัวเองอยู่ในจุดที่ปินอยู่จะทำยังไงนะ...นึกไม่ออกเหมือนกัน
ฝุ่นรู้สึกคิดถึงน้องขึ้นมาจับใจ หากสามารถออกไปไหนได้คงไม่พ้นจะอาศัยความสงบของวัดมาช่วยเยียวยาความกังวลใจทั้งหมดที่มี
ป่านนี้ปินจะเป็นยังไงบ้างนะ
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องอ่าน”
โทรศัพท์ในมือหนาถูกดึงออกไปวางไว้ที่อื่นหลังจากปารินทร์เลื่อนสายตาอ่านสิ่งที่คนอื่นพูดถึงในแท็กปินปารินทร์มาหลายนาที
“ผมอยากรู้ว่าแฟนๆ คิดยังไง”
“พอรู้แล้วมันสบายใจขึ้นไหม”
คนถูกถามนิ่งเงียบ ก่อนปินจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของโรงแรมอย่างเหนื่อยล้า
“บางคนก็ด่าทั้งที่ไม่รู้ความจริง”
“คนเรามันก็อย่างนี้แหละ ปินอย่าไปเก็บมาใส่ใจเลย”
ภาวิดานั่งลงตรงข้างเตียงพร้อมทั้งเอ่ยปลอบเด็กหนุ่มด้วยเสียงอ่อนโยน
เธอรู้ดีว่ามันยากสำหรับปินเพียงใด
“ผมทำแฟนคลับผิดหวัง...การชอบเพศเดียวกันมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ”
น้ำเสียงนั้นอ่อนอ่อยจนคนฟังรู้สึกสงสารจับใจ
“มันไม่ผิดหรอกปิน สำหรับความรักมันไม่มีอะไรผิดทั้งนั้น เพียงแต่บางคนเขาไม่ได้เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ เหมือนกับวันหนึ่งที่หิมะตกในเมืองไทย ก็คงจะช็อกกันเป็นธรรมดา แล้วมันก็ใช่ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ คนที่ยังสนับสนุนปินก็มีอยู่เยอะ วันหนึ่งเวลาจะทำให้พวกเขาเข้าใจสิ่งที่ปินเป็นเอง”
“ขนาดไม่ได้ชัดเจนกระแสยังขนาดนี้ ถ้าเรื่องมันชัดเจนจะขนาดไหน”
ท่อนแขนแกร่งยกขึ้นก่ายหน้าผากขณะที่ดวงตาเรียวรีจับจ้องเพดานสีขาวด้านบนอย่างเหม่อลอย
“...”
“จริงๆ ผมอยากเปิดเผย ไม่อยากปิดบังอะไร แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะต้องรับผิดชอบความรู้สึกทุกคน คงได้แต่รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม”
“ก็ให้มันค่อยๆ เป็นไปอย่างที่คุณกรณ์แนะนำนั่นแหลนะนะ...สิ่งที่พี่จะบอกคือไม่ว่าอะไรจะเข้ามาปินต้องรู้หน้าที่ตัวเอง รู้ว่า ปิน ปารินทร์ ควรทำอะไรและทำมันให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ”
“ผมสัญญาว่าจะไม่ให้งานบกพร่องแม้แต่จุดเดียว”
ถึงคำพูดอื่นจะอ่อนล้าเพราะความเหนื่อยแต่ประโยคนี้ปินยังคงพูดมันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ดีแล้ว...ถ้าเรารักงาน งานก็จะรักเรา เคยได้ยินใช่ไหม”
ใบหน้าหล่อเหลาเอียงกลับไปมองทางผู้จัดการตัวเองพร้อมทั้งพยักหน้ารับ เห็นดังนั้นภาวิดาก็ยิ้มบางแล้วหยัดกายขึ้น
“วันนี้ก็พักผ่อนเถอะ แล้วก็มีอะไรจะฝากไปให้ฝุ่นไหม พรุ่งนี้พี่จะให้คนเอาของเข้าไปให้ฝุ่น”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ความจริงไม่อยากฝากแต่อยากไปหาเอง ทว่าเมื่อทำไม่ได้ก็ได้แต่ฝากสิ่งที่อีกคนชอบทานไปแทน
“ช็อกโกแลตแล้วกันครับ”
“แค่นั้นนะ”
“ครับ แค่นั้น”
“โอเค งั้นพี่กลับล่ะ เจอกันตอนเช้า”
ร่างสูงดึงตัวเองขึ้นมาไหว้ลาภาวิดา จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิมยามที่ในหัวคิดถึงคนอยู่สองคน
‘เข้าใจธรรมชาติของคน เข้าใจธรรมชาติชีวิต แล้วใจปินจะเบาลงนะลูก’
คำพูดของแม่ที่โทรมาหาดังเข้ามาในหัวให้ความว้าวุ่นใจค่อยๆ สงบลง
ชีวิตมันก็อย่างนี้สินะ...ไม่ใช่แค่เขาที่ต้องเจอสักหน่อย
--
ฝุ่นถอนหายใจออกแผ่วเบาหลังจากที่ไหว้พระเสร็จ ร่างเล็กพลิกตัวนอนพิงกับพนักเตียงก่อนที่สุดท้ายจะอดกดเข้าไปในแท็กปินปารินทร์ไม่ได้เช่นเดิม
‘บ่ายเบี่ยงขนาดนี้คือแฟนชัวร์ ถ้าไม่ใช่ก็ต้องปฏิเสธออกมาแล้วสิ...ต่อไปกูจะฟังเพลงของเขาอินได้ยังไงงงงง’
‘ชะนีก็คือเลิกมโนเพ้อพกไปเลย สรุปเขาชอบเก้งจ้า’
‘เพลงรักนี่คือแต่งมาจากชีวิตจริงงี้ป้ะ กุร้องไห้แล้ว’
‘ทำใจไม่ได้จริงๆ อะ’
‘เขายังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นเกย์ ยังไม่ได้บอกว่าคนนั้นเป็นแฟน อย่าเพิ่งมโนกันจ้ะ’
‘ช็อกแล้วก็เสียใจกับข่าวนี้ที่สุดตั้งแต่ติดตามปินมา ขอหายไปสักพักนะ สัญญาว่าเข้มแข็งเมื่อไหร่จะกลับมา’
สุดท้ายเมื่อตามอ่านไม่ไหวและใจไม่เข้มแข็งพอจะอ่านต่อฝุ่นก็วางโทรศัพท์แล้วหลับตาลง
ทำให้ปินลำบากอีกแล้ว
Rrrr
เพราะไม่ต้องเดาว่าเป็นใครมือจึงรีบหยิบโทรศัพท์มากดรับวิดีโอเฟซไทม์
“ยังไม่นอนอีกเหรอ” ทักทายปินด้วยประโยคนี้เนื่องจากเป็นเวลากว่าเที่ยงคืนเศษ
(พี่หวานเพิ่งกลับไปน่ะครับ ฝุ่นเองก็ยังไม่นอนเหมือนกัน)
“...รอสายอยู่”
คนโทรมาระบายยิ้มบางเบา
(ขอโทษนะ พอดีผมยุ่งมาก เพิ่งจะว่างก็ตอนนี้เอง)
“อื้ม เข้าใจ...หลังจากสัมภาษณ์แล้วเป็นยังไงบ้าง”
สายตาคนถามเจือความเป็นห่วงระคนกังวลจนปินต้องเอ่ยตอบด้วยสีหน้าที่พยายามผ่อนคลายลง
(ก็มีกระแสเป็นธรรมดา แต่ผมยังไหว ฝุ่นไม่ต้องห่วง)
“ขอโทษที่ทำให้ปินลำบาก” ดวงตาโตหลุบลงมองมือที่วางอยู่บนตักของตัวองขณะเอ่ยพูดเสียงแผ่ว
(ฝุ่นอย่าพูดอย่างนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาในอาชีพผมอยู่แล้ว)
“...”
(ห้ามโทษตัวเอง ผมกำลังต่อสู้อยู่ ฝุ่นต้องอย่ายอมแพ้)
“อื้อ” ฝุ่นเลื่อนสายตาขึ้นมองคนในหน้าจออีกครั้งยามส่งเสียงรับคำ
(พรุ่งนี้พี่หวานจะให้คนเอาของเข้าไปให้ ผมฝากของไปให้ด้วย คิดถึงเมื่อไหร่ก็หยิบทานนะครับ)
“ถ้าอย่างนั้นไม่ถึงนาทีก็หมดแล้ว”
ริมฝีปากได้รูปคลี่ออกเป็นรอยยิ้มกว้าง ดวงตาทอดมองฝุ่นด้วยความเอ็นดู พลังกายและใจที่เหลือเพียงน้อยนิดเหมือนถูกเติมจนเกือบเต็ม
แมวฝุ่นน่ารักอีกแล้ว
(ผมก็คิดถึงฝุ่นเหมือนกัน)
“วันนี้เหนื่อยหรือเปล่า”
คนถูกถามพยักหน้ารับโดยไม่ปฏิเสธ
(แต่แค่มีฝุ่นอยู่ตรงนี้ผมก็พร้อมจะสู้ต่อแล้ว)
“มัน...มีผลกระทบกับเรื่องงานหรือเปล่า”
(ไม่มีหรอกครับ)
“แล้วแฟนคลับล่ะ”
(อืม ก็มีคนรับไม่ได้บ้างเป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้ที่มาหากันก็ยังน่ารัก เป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุดของผมเลยล่ะ) ปารินทร์ไม่คิดโกหก แต่เลือกจะพูดถึงเรื่องราวดีๆ มากกว่าเรื่องราวที่แย่ให้อีกคนฟัง
“ดีแล้ว”
(แม่บอกว่าเราจะผ่านทุกเรื่องไปได้ถ้าปล่อยวางและมีสติ ที่สำคัญคือต้องไม่ยอมแพ้...ผมไม่อยากให้ฝุ่นจมปลักกับกระแสด้านลบ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไงเราก็แค่ใช้ชีวิตในแบบของเรา ทำทุกวันให้ดี แค่นั้นก็พอ)
“อืม” ฝุ่นได้แต่รับคำอย่างไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น
(งั้นคืนนี้ฝุ่นก็นอนนะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ฝันดีครับ)
“ฝันดี...คนเก่งของฝุ่น”
คนฟังยังคงนิ่งค้างกับคำที่ได้ยินทว่าภาพใบหน้าน่ารักนั้นถูกตัดไปตั้งแต่ที่อีกคนพูดจบ ไม่เปิดโอกาสให้ปินได้พูดหรือถามอะไรต่อจากนั้น
คนสองคนอยู่คนละแห่งแต่กลับกำลังรู้สึกแบบเดียวกัน
บนใบหน้ามีรอยยิ้ม หัวใจเป็นสุขแม้จะมีเรื่องหนักอึ้ง...แล้วก็ข้ามพ้นอีกหนึ่งวันไปด้วยกำลังใจจากกันและกัน
TBC.
ให้กำลังใจหมาปินกับแมวฝุ่นกันด้วยน้า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
#secrecyลับรัก