ปั่นกระจุยกระจาย หลังจากอ่านของคนอื่นแล้วมันกลืนเรื่องของตัวเอง จนแต่งไม่ได้ ~ เพราะตัวตนเรื่องของเรามันหายไปอ่า
เรียกว่าทับซ้อนอ่ะค่ะ เลยต้องบิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นานไปหน่อยเน้อ ในที่สุดก็เสร็จ
:really2:อ่านให้สนุกนะคะ
อย่าลืมเม้นนะตัวเอง นอนดีกว่า ฮ่้าๆๆ
Unit 33 เรื่องของเรา
“.....แฮกๆ.....แฮกๆ.....” ผมได้แต่นั่งหายใจหอบเหนื่อย เหงื่อไหลโทรมกาย ขณะที่สายตายังจับจ้องอีกร่างที่นอนนิ่งหมดสติไปแล้ว
เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้.... เพราะผมไม่ได้นับ แต่มันคงเยอะซะจนอีกฝ่ายทนรับไม่ไหว ถึงได้หมดสติไปในขณะที่ยังทำกิจกรรมรัก
ทั้งที่ร่างกายผมกำลังขยับเข้าออกไม่หยุดหย่อน ....พร้อมกับเสียงครางของอีกฝ่าย น้องประท้วงขึ้นมาครั้งสุดท้ายแล้วสิ้นสติไป
“อือออออออออ.....ไม่ไหวแล้ว”
ทิ้งให้ห้องเงียบสงัด แม้แต่เสียงเนื้อที่กระทบกันดังสนั่นเมื่อสักครู่ ก็พลันหยุดไปเสียเฉยๆ จะเหลือ........ก็แต่เพียง
กลิ่นคาวของน้ำรักที่ฟุ้งกำจายไปทั่วห้อง ที่นอนเปียกแฉะเป็นหย่อมๆ หรือแม้แต่ไอ้นั่นของผมที่ยังสอดใส่อยู่ในช่องหวาน
เห็นจะเป็นหลักฐานอย่างไม่ต้องสงสัย ยังไงซะ...นี่มันก็ไม่ใช่ “ฝัน” ถ้าฝันแล้วได้เอาน้องมันส์ขนาดนี้ ผมควรจะขายบริษัททิ้ง
แล้วหนีมาเอาแต่นอนฝันจะดีไหม? ผมถอนพันธนาการที่เชื่อมผมกับน้องให้เป็นคนๆ เดียวกันออก ค่อยๆ ทิ้งตัวนอนลงข้างๆ อีกฝ่าย
โอบรั้งร่างบางเข้ามากอดให้ศรีษะหนุนแนบบนอก จะให้บอกความรู้สึกทั้งหมดที่มียังไงกัน มันทั้งโหยหา ทั้งต้องการเสียจน .......
แม้กระทั้งตอนนี้...........ความรู้สึกที่ว่าก็ยังถาโถมอยู่ล้นหัวใจ เพราะผมรัก............จนเกินกว่าจะทนไหว
แต่มันก็เจ็บที่อีกฝ่ายคิดจะ “ทิ้ง” กันไปเสียเฉยๆ โดยที่เรายังรักกัน ...... ช่วยบอกผมที อะไรมันเป็นสาเหตุที่น้องเลือกจะจากไป
ผมกดจูบเบาๆ ที่หัวทุยของอีกฝ่าย คืนนี้....ผมรักน้องหนักไปไหม? กลิ่นกายที่ผมโหยหา ......มันห่างหายไปนานซะจน
ผมอยากจะจับน้องข่มขืนซะให้สาแก่ใจ ผมบ้าใช่ไหม ? สายตาที่อ้อยอิ่งมองเพดานห้องในความมืด คุณเคยเป็นมั้ย?
ทั้งที่อ่อนล้า...ร่างกายต้องการพักผ่อนเต็มที่ แต่ความกลัว......กลัวว่าถ้าผมหลับไป คนที่อยู่ในอ้อมกอดของผมมันจะกลายเป็น
......ว่างเปล่า........ ผมผิดอะไร.?............ ทำไมหัวใจผมจ้องจะวิ่งหนี ถ้าตอนนี้ผมจะเลว.......น้องจะเกลียดผมไหม
แต่ผมยินดีทำทุกอย่างเชื่อสิ........เพื่อกักขังหัวใจดวงนี้.......ให้เป็นของผมแต่ผู้เดียว สัญญา....จะไม่ยอมให้ใครมาพรากไปอีกแล้ว
.
.
.
.
“อือ~....” ผมส่งเสียงครางเบาๆ บิดตัวอย่างเกียจคร้านอีกเล็กน้อย ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่สาดส่องเข้ามาในห้อง
ทุกอย่างดูเงียบงันราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากตัวผม เมื่อคืนนี้...ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้....... จำได้แต่ว่าผม “ถูกรัก”
“บทรัก” ที่ร้อนแรง แต่ก็หอมหวานพอๆ กัน สัมผัสรักจากคนที่รัก ไม่ว่าสักกี่ครั้งมันก็ดูอบอุ่น.......และชวนหลงไหล
แม้รู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งตัวจนไม่อยากขยับตัวไปไหน โดยเฉพาะทางรักด้านหลัง..... เหมือนๆ จะฉีกจนเป็นแผล ทั้งๆ ที่เจ็บขนาดนั้น
แต่ทำไม.....ถึงทำให้ผมมีความสุขได้มากขนาดนี้กันนะ “สุข”....จนหุบยิ้มไม่อยู่ ผมไม่ได้คิดจะตำหนิพี่พาร์ท......
ที่ “รัก” ผมหนักจนสลบไปเสียดื้อๆ เพราะผมเอง....ก็โหยหาอีกฝ่ายไม่ต่างกัน ถ้าทำได้.....ก็อยากจะรับมันให้ได้ทั้งหมด ทุกหยาดหยด
ที่พี่พาร์ทต้องการอยากจะรักผม หึหึ...แต่ก็นะ จะให้ทำขนาดนั้น.....ถ้าทางจะแย่จนนึกสภาพไม่ออก ขนาดแค่รับมาแค่นี้
แค่ลุกให้ไหว....ก็บุญเท่าไหร่แล้ว ขืนผมรับจนเต็มพิกัดที่พี่พาร์ทต้องการ.......มีหวังต้องละสังขารลาจากโลกเป็นการถาวรกันพอดี
แต่ทำไมนะ....ในหัวผมกับต้องการการสัมผัสที่มากขึ้นไปอีก อยากโอบกอด อยากจูบ อยากแสดงการมีตัวตนของผม ...ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้
ว่าที่ตรงนี้........ “มันเป็นที่ของผม” เอื้อมมือไปที่ว่างข้างตัวไล้มือลูบผ่านบางๆ ที่ตรงนั้น.... เมื่อวานนี้มีใครอีกคนที่เรียกร้องหาผม
และผม....ก็ถวิลหาเค้าไม่ต่างกัน ท่อนแขนแข็งแรงที่กำลังโอบกอดผม เราต่างตอบ “รัก” กัน ความรู้สึกที่หลากหลาย......
ถูกถ่ายทอดถึงกันผ่านทางสัมผัสที่เร่าร้อน แต่กลับนุ่มนวล ไม่จำเป็นต้องมีภาษา หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใด...แต่เราก็เข้าใจกัน
“คำว่ารัก” ที่ฝากบอกผ่าน....ปากหวานๆ กับลิ้นร้อนๆ ของแต่ฝ่าย
“คำว่าคิดถึง” ที่ฝากบอกผ่าน......จมูกคมที่คอยดอมดมกลิ่นหอมของกันและกัน
“คำว่าห่วงใย” ที่ฝากบอกผ่าน....อ้อมแขนแข็งแรงที่เกี่ยวกระหวัดรัดตรึงเป็นพัลวัน
“สายตาที่คงมั่น กับ หัวใจที่มั่นคง” หล่อหลอมเราทั้งสองคนให้เป็นหนึ่งเดียว
ยิ่งกว่าฝัน .....ไม่นึกจะได้อยู่ข้างกันจนถึงวันนี้ด้วยซ้ำ...... ทุกอย่างมันไปได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าครอบครัวผม หรือแม้แต่ครอบครัวพี่พาร์ท
ดีจนไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นความจริง....ไม่ใช่ฝันอย่างที่ผมกำลังนิยามอยู่นี่ แต่ตอนนี้ดูจะบางเบา...มากกว่าหนักแน่น ก็เพราะผมใช่ไหม?
พี่ผิดหวังมั้ยฮะ? ที่เลือกผมมายืนข้างๆ ...... เสียใจรึเปล่า? ขอโทษนะครับ......
.
.
“พี่พาร์ท...ปัต....รักพี่นะฮะ” ผมกำลังกระซิบบอกความว่างเปล่าแต่ราวกับมีอีกคนอยู่ตรงหน้า... ดึงผ้าห่มขึ้นห่มกลบเกลื่อนความเขินอาย
กลิ้งไปกลิ้งมาเบาๆ บนเตียงนอน เพราะยังสำเนียกได้ว่าร่างกายยังระบมอยู่มากโข กลิ่นหอมกรุ่นของความสุขที่กำจายอยู่ในอากาศ
กลิ่นคาวที่แสนหวาน~ หลักฐานของเรื่องเมื่อคืนนี้ก็ยังส่งกลิ่นหอมหวนชวนให้นึกถึงที่มาของมัน อยากหอบเอาไปเก็บไว้ในถุง....
ถ้ามันทำได้อ่ะนะ ตอนนี้ถึงทำได้แค่....อมยิ้มอยู่อย่างนั้น ...... แล้วซุกหน้าแดงๆ กับหมอน พอคิดได้ว่าเมื่อคืนนี้ซุกหน้ากับหมอนตอนไหน
แค่นึกถึงเท่านั้นแหล่ะ....ก็ถึงกลับต้องสะบัดหน้าหนี ร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ริมฝีปากเม้มแน่น บ้าจริง.....เขินได้แม้กระทั่งเจ้าตัวไม่อยู่
เสียงครางเมื่อคืนทำเอาหน้าร้อนตามไปอีก ไม่ใช่ไม่เคย......หากแต่ ไม่เคยมากมายอย่างนี้......ไม่เคยรู้สึกโหยหากันขนาดนี้ต่างหาก
แค่ทำให้พี่พาร์ทรู้.....ว่าผมก็รัก แค่ได้โอบกอดกันและกัน เมื่อคืนนี้ก็มากพอดูแล้ว มีสุขจนเกินที่คนอย่างผมควรจะได้รับแล้ว
อย่างน้อยเรื่อง ...เรื่องเดียว “ที่ไม่อยากให้พี่เข้าใจผิด” ก็คงไม่ได้มีปัญหาอันใดแล้ว สายป่านนี้อีกฝ่ายคงทำงานไปถึงไหนต่อไหน
กำลังวุ่นวายหัวฟู ปั้นหน้าผู้บริหารสุดหล่อ หรือฝึกบริหารเสน่ห์ด้วยการส่งยิ้มให้สาวๆ เหมือนเช่นทุกวัน เป็นผู้ชายที่ยิ้มสดใส
ไม่ว่ามองเมื่อไหร่ ก็เหมือนเป็นแสงสว่างให้ชีวิตพอจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อยู่ทุกครั้ง ..... ถึงได้รัก........รักมากขนาดนี้
อยากอยู่ตรงนี้ ....... อยากจะมีความสุขแบบนี้ทุกๆ วัน ถ้าทำได้ก็อยากให้เวลา....หยุดหมุน อยากลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
อยากจะมีแค่ "เรื่องของเรา" เท่านั้น จะได้ไหม? ดึงหมอนมากอด อยากสัมผัสได้ถึงเวลาที่เรามีกันและกัน..เหมือนก่อนหน้านี้
เหมือนเมื่อคืนนี้ หมอนของพี่พาร์ทยังมีกลิ่นกายของอีกฝ่ายอยู่เต็มไปหมด ขโมยไปดีมั้ย ยังไงซะตอนนี้พี่พาร์ทก็คงไปทำงานแล้ว....
แค่หมอนใบเดียว....คงไม่หวงใช่มั้ยฮะ .... ผมก็แค่ อยากอยู่ในที่ๆ มีกลิ่นของเรา มีความรู้สึกของเราอยู่ในนั้น
และมีกลิ่นอายความรักของเราลอยอบอวลอยู่ก็เท่านั้น แค่สัมผัส......ก็รู้แล้วว่าเรา “รักกันมากขนาดไหน”
ได้แต่ยิ้ม....มันคงเป็นยิ้มที่ไม่มีเหตุผลที่สุดเท่าที่เคยมีมา อยากเก็บความสุขที่มีทุกหยาดหยดของเมื่อคืนเอาไว้ตราบนานเท่านาน
กระทั่ง.......ตื่นมานานขนาดนี้ถึงไม่ยอมไปไหน ไม่อาบน้ำ ไปแปรงฟัน ไม่กินข้าว ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ขอแค่วันนี้วันเดียว ..... แค่นี้ก็พอ
เผลอลอบยิ้มน้อยๆ คิดถึงสัมผัสของอีกฝ่าย อบอุ่น......เหลือเกิน แค่คิดแค่นั้นก็นึกอยากจะกลืนน้ำลายตัวเองขึ้นมาทันที...ที่รับปากพ่อไว้
ที่ยินดียกคนที่ผมรักไปมอบให้ใคร ..... อยากจะกลืนน้ำลายตัวเอง อยากจะผิดคำพูด ..หรืออะไรก็ได้ แค่ให้เราอยู่ด้วยกัน
อยากจะเก็บพี่พาร์ทไว้เป็นของผมคนเดียว แค่คิด.....ว่าพี่กำลังนอนกอดคนอื่น กำลังมีใครมานอนแทนที่ผมตรงนี้
ก็ถึงกับคอแข็ง..... ต้องกลืนน้ำลายหนักๆ ลงคือเสียอึกใหญ่ เจ็บ....จนพูดไม่ออก เหลือบตามองนาฬิกา.....บ่ายสามแล้ว
ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อเช้า แปลกมั้ย? ผมกลับไม่รู้สึกหิวสักนิด อิ่มทิพย์เอาเสียดื้อๆ อิ่มกับความรักที่ถาโถมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
แม้จะได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องประท้วงอยู่หน่อยๆ แต่ก็ช่างประไร ในเมื่อปากผมมันยังไม่อยาก .... อีกสองชั่วโมงพี่พาร์ทเลิกงาน
และแน่นอนอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น.......พี่พาร์ทก็คงมาถึง ไม่มีเวลาโอ้เอ้แล้ว... ค่อยๆ ตะกายเตียงเพื่อลุกขึ้นนั่ง
เจ็บจนเหมือนตัวจะฉีกออกจากกัน จนต้องทิ้งตัวลงไปใหม่นอนหอบแฮ่กๆ อยู่กับเตียง กลั้นใจกัดริมฝีปากตัวเองแน่น แล้วฝืนลุกขึ้น
“อ๊ากกกกกก >////< อูยยยยยยยยยย~” เสียงครางไม่หวานนะ.....แต่โอดครวญ พอลุกขึ้นได้ขาก็ทรุดยวบ ล้มก้นกระแทกพื้นซะงั้น
เจ็บจนสะดุ้งเลยทีเดียว ผมค่อยๆ คลานเข้าห้องน้ำไป มันเสียวอ่ะ....กลัวจะล้มแบบเมื่อครู่ ดันตัวเองอย่างระมัดระวังสุดกู่
นั่งลงบนขบอ่างอาบน้ำ เอาหลังพิงผนังมือทั้งสองข้างยึดขอบอ่างเสียแน่น ก่อนจะคู้ตัวงอเข่า ยกขาทั้งสองขาขึ้นพร้อมกัน ยกลอยข้าม
มาในอ่าง อย่างยากลำบาก ก่อนจะค่อยหย่อนตัวลง ไปนั่ง ถอดเสื้อผ้าอย่างไม่ใยดี เปิดน้ำเย็น น้ำร้อน พร้อมๆ กัน ไม่นานนักก็ได้ปริมาณ
ที่ต้องการ น้ำค่อนข้างอุ่นจนค่อนไปทางร้อนเกือบมาก ตอนแผลข้างหลังโดนน้ำครั้งแรก แสบ....จนต้องกัดปากตัวเองจนปากเจ่อ
หลังจากที่เจ่ออยู่แล้ว(เพราะโดนจูบจนปากเจ่อ เหอๆๆๆ) ตอนนี้ปากผมน่าจะห้อยเหมือนปากพี่โน้ต (เชิญยิ้ม) ไปแล้ว ง่า >///<อายจัง
.
.
.
หลังจากที่แช่อยู่สักพัก ขัดสีฉวีวรรณกันจนเสร็จเรียบร้อย เมื่อคืนดุเดือดขนาดนั้นก็ขอสำรวจตัวเองเสียหน่อย มองเท่าไหร่
ก็เห็นแต่ “รอยรัก” ที่พี่พาร์ททำไว้ เผลอยิ้มกับกระจกไม่แน่ใจว่าไอ้ตัวที่อยู่ตรงหน้าจะเรียกว่า “ตุ๊กแกหรือตัวอะไรดี”
ถึงได้ลายพร้อยไปทั้งตัวขนาดนั้น แทบจะเปลี่ยนสัญชาติจากคน...ไปเป็นสัตว์เลื้อยคลานกันเลยทีเดียว หึหึ พี่พาร์ทนี่ก็SeXจัดเหมือนกันนะ
หลังจากแช่น้ำร้อนอยู่นาน ...ความเจ็บปวดทั้งหลายจางหายอย่างไม่น่าเชื่อ มองหาผ้าเช็ดตัวนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้หยิบเข้ามาด้วย
เดินกลับมาเก็บเสื้อผ้าที่ผมถอดทิ้งไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยตัวเปล่าเปลือย ด้านล่างยังขัดๆ อยู่บ้าง แต่ก็เดินสะดวกมากขึ้น
แม้จะเสียเวลาอาบน้ำไปเกือบๆ ชั่วโมงแต่ก็คุ้มค่า จัดการเช็คตัวเช็คผม แต่งตัวจนเรียบร้อย ได้แค่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดหลวมๆ ของพี่พาร์ท
มาใส่ มองไปที่เตียงสภาพกระจุยกระจายราวกับผ่านสมรภูมิรบมาอย่างหนัก แล้วทำไมต้องรู้สึกร้อนวูบวาบทั่วใบหน้าด้วยนะ
เลยหันไปจัดการเปลี่ยนผ้าปูเตียง ปอกหมอน ผ้าห่ม จนเสร็จ หยิบ MP3 มาคล้องคอ เสียบหูฟังฟังเพลงโปรด เดินออกไปห้องครัว
ค้นหาข้าวของสำหรับมื้อเย็น พี่พาร์ทกลับมาคงหิว มองเวลาที่ข้อมือบ่ายสี่โมงครึ่งแล้ว มีเวลาเหลือแค่ชั่วโมงครึ่ง.... ผมว่าพอสำหรับทำอาหาร
.
.
ทำกับข้าวไปสองสามอย่าง สำหรับคนๆ เดียวผมว่านี่ก็น่าจะพอ ผมเก็บกวาดทำความสะอาดจนเสร็จทิ้งอย่าง ยืนมอง....ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องครัว
บ้าจริง...... ในที่สุด ก็เสร็จหมดทุกอย่างจนได้ ไม่มีอะไรต้องทำอีกแล้ว ......ไม่มีแล้ว เผลอเม้มปากตัวเองแน่นๆ ใจหายอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ยิ้ม
“พี่พาร์ท....ผมรักพี่จริงๆ นะ” ผมบอกกับชุดเครื่องครัว ห้องนอน เปลี่ยนเสื้อผ้าเอาชุดเดิมมาใส่ หยิบปลอกหมอนใบเดิมที่พึ่งถอดออกไป
ก่อนหน้านี้สวมใส่หมอนใบเดิม หมอนของพี่พาร์ท มองกระเป๋าใบย่อมขนาดเท่าเน็ตบุ๊คเท่านั้น คงไม่สามารถใส่หมอนใบใหญ่ได้
เดี๋ยวหอบลงไปที่ร้านสะดวกซื้อพี่แจ๋วคงมีถุงขนาดใหญ่พอจะใส่หมอนหนึ่งใบ หยิบกระเป๋าสะพายบนบ่า อย่างรวดเร็ว จ้องมองรอบห้องอีกครั้ง
“ผ...ผม.....รักพี่นะ อันนี้....ขอนะครับเป็นตัวแทนพี่ไงมันมีกลิ่นพี่เต็มไปหมดเลย ” กดจูบที่หมอนเบาๆ กำลังส่งยิ้มให้ความรักที่มากมายในห้องนี้
“ผม...รักพี่...” พูดได้แค่นั้น ก็สะดุ้งสุดตัว รู้สึกได้ถึงแขนแข็งแรงที่โอบกอดผมจากด้านหลัง เกี่ยวหูฟังให้หลุดไป
.
“..................”
“.................”
.
“โกหก.....” เสียงรำพึงรำพันเบาๆ จากด้านหลัง อย่างน้อยใจ ผมรู้ ......ผมรู้ดีว่าพี่เสียใจ ทาบมือบนฝ่ามือหนาอย่างปลอบใจ แต่ก็...ไม่กล้าพอ
ที่จะหันไปสบตาคนข้างหลัง
“เอาแต่จะหนีพี่ไป...แล้วจะพูดทำไมว่ารักพี่ คนรักกันเค้าทิ้งกันไปอย่างหนีเหรอปัต?” น้ำเสียงที่ดูน้อยเนื้อต่ำใจ .... กำลังตัดพ้อต่อว่าผม
ได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา อีกคนจับผมหมุนให้หันหน้าเข้าไปหา ได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย
“......................”
“บอกพี่ที....เหตุผลของปัตคืออะไร ทั้ง ๆ ที่เรายังรักกัน ทำไ..ม ถึงจะทิ้งพี่ไป” พี่พาร์ทดึงผมไปกอดแน่นๆ
“ปัต.... ปัต......” ได้แต่อึกอัก จนแล้วจนรอดก็พูดไม่ออก ซุกหน้าเข้าหาอกกว้าง..... ฝามือหนาค่อยๆ ดันผมออก สายตาคาดคั้นส่งมาที่ผม
“บอกพี่...บอกกับพี่เถอะ ได้โปรด” แววตาเศร้าสร้อยนั้น ช่างเจ็บปวด จนผมต้องโอบกอดพี่พาร์ทไว้แน่นๆ
“ผม...จำเป็นฮะ อย่าโกรธปัตเลย”
“จะไม่ให้โกรธได้ยังไง เราจะทิ้งพี่ไปโดยไม่บอกเหตุผลพี่เลย พี่ทำอะไรผิดเหรอปัต บอกพี่มาสิ”
“ไม่ฮะ...พี่ไม่ผิด ไม่ผิดเลย ผมผิดเอง”
“เรา....มีคนอื่นเหรอ?” ผมรีบส่ายหน้าเป็นระวิง
“ไม่ฮะ...ไม่เคยมีใคร”
“แล้วเพราะอะไร?”
“ขอโทษฮะ ปัตบอกพี่ไม่ได้” มือพี่พาร์ทบีบแน่นๆ ที่แขนผม....จนเจ็บ
“เพราะพ่อพี่เหรอ?”
“พ่อพี่ไม่เกี่ยว”
“แล้วใครเกี่ยว?”
“ไม่มีฮะ พี่พาร์ทขอโทษฮะ ปัตต้องไปแล้ว” พี่พาร์ทจ้องลงมาสบตากับผมอย่างจัง
“จะไปจริงๆ เหรอ ถึงพี่จะขอให้อยู่?” เจ็บจนพูดไม่ออก
“...............” พยักหน้าแล้ว เม้มปากแน่น
“ไม่รักพี่แล้วใช่ไหม?”
“..............” ก้มหน้ามองพื้นส่ายหน้าไปมา
“พี่เข้าใจแล้ว....ขอโทษทีที่รั้งเราไว้” พี่พาร์ทปล่อยมือผมออก ผมก้มหน้าเดินผ่านพี่พาร์ทไปจนถึงประตูห้องนอน มือข้าหนึ่ง
ยังจับหมอนไว้จนแน่น กำลังจะเปิดประตู......แต่ก็ต้องชะงัก
“ถ้าเลือกที่จะไป.... ก็ขอให้ปัตลืมให้หมด ลืมว่าเราเคย “รู้จัก”...... ลืมว่าเราเคย “รักกัน” อย่าจดจำเรื่องที่เคยผ่านมา ลืมมันไปซะให้หมด
ในเมื่อมันไม่ได้มีค่าอะไร ก็ขอให้เราเป็นแค่ “คนแปลกหน้า”ที่ไม่เคยรู้จักกันก็แล้วกัน พี่เอง.....นับจากวินาทีนี้ก็จะลืม”
ของที่อยู่ในมือร่วงผลอยลงกับพื้นเหมือนสติขาดผึง ขาไม่รักดีทรุดฮวบลงกับพื้น ดีที่มือค้ำประตูไว้ทัน ค่อยๆ ดันตัวหันหลังกลับมามอง
คนที่พูดประโยคเมื่อครู่ รู้สึกว่าขอบตาตัวเองร้อนผ่าว เจ็บ.....ราวกับใครเอาหวายแช่น้ำมาเฆี่ยนตีผม น้ำใสๆ ไหลออกมาราวกับก็อกแตก
จะให้ทนไหวได้ไง..... คนที่ผมรักบอกจะลืมผม และให้ผมลืมเรื่องระหว่างเรา งั้นเหรอ? โกรธจนพูดไม่ออก ผมรวบรวมแรงที่เหลือ
วิ่งเข้าพุ่งชนพี่พาร์ท.....จนเราล้มคว่ำไปด้วยกัน มือทั้งสองข้างกระหน่ำรัวทุบลงบนอกพี่พาร์ท อีกฝ่ายก็ปัดป้องพัลวัน
“ไม่..ไม่!........ .ฮึก ......”
“ไม่.... อย่า.ลืม... ฮึกๆ....ปัต... ......พี่พาร์ท....อย่า...ลืม ฮึกๆ ..ม..ไม่ให้ลืม... ฮือๆ....”
“อย่าลืม......ฮือๆๆ ......อย่า...ลืม.....ฮือๆ......” ผมได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น กับอกพี่พาร์ท เพราะอีกฝ่ายกอดรัดผมเสียแน่นจนขยับไม่ได้
ผมไม่ไหวทนไม่ไหว (ฮือๆๆๆๆ) เสียใจเหลือเกิน ร้องไห้อยู่นาน......พี่พาร์ทค่อยแรงกอด ค่อยๆ ลูบหัวผมอย่างปลอบใจ
.
“อย่าลืมได้โปรด..... อย่าทำเหมือนปัตไม่มีตัวตน อย่าทำเหมือนปัตตายไปจากใจพี่แล้ว อย่าลืม...ไม่อยากให้ลืม อย่าลืมนะ พี่สัญญาสิ”
ใจผมมันเหมือนจะขาด หันไปจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง เม้มปากแน่น ดวงตาพราวไปด้วยหยาดน้ำตา
“งั้นบอกพี่มาทำไมถึงจะต้องทิ้งพี่ไป?” พี่พาร์ทหันมาสบตาผมนิ่ง ดวงตาคมจับจ้องมาที่ผม สายตาที่สอบเค้นรีดเอาความจริง
“ปัต...”
“ถ้าไม่พูด...ก็ไปซะ พี่จะลืมเราเลยคอยดู”
“อย่า!!......ฮึกๆ พี่อย่าลืมปัตนะ...... บอกแล้วปัตยอมแล้ว ปัต......สงสารพี่ปิ่น พี่ปิ่นรักพี่พาร์ท แล้วๆ พี่ปิ่นกำลังจะตายใช่ไหมฮะ? ”
“โธ่..ปัต เด็กโง่เอ้ย ” พี่พาร์ทกอดผมแน่นขึ้น มือแข็งแรงกำลังลูบหัวผมอย่างปลอบใจ แล้วกดจูบเบาๆ ที่หัว
“ทำไมไม่คุยกับพี่ครับ...พี่จะบอกให้นะถึงเราจะเลิกคบกันจริงแต่พี่ก็ไม่มีทางรักปิ่น ไม่มีทางแต่งงานกับปิ่นหรอก เพราะพี่คิดกับปิ่น
แค่น้องสาว เข้าใจมั้ยครับ? ” พี่พาร์ทประกบมือทั้งสองข้างที่แก้มผม จับให้ผมเงยหน้าขึ้นจากอก ก่อนจะรั้งผมให้เลื่อนตัวสูงขึ้น
พร้อมทั้งยื่นหน้าเข้ามามอบจูบแสนหวานที่แผ่วเบาให้กับริมฝีปากผม
“ฟังพี่นะ...เรามีอีกตั้งหลายวิธีที่จะทำให้ปิ่นมีความสุข รวมถึงตัวเราเองด้วย อย่าบอกพี่นะว่าเด็กผู้ชายที่ทำกับข้าวไปให้ปิ่นชิมบ่อยๆ
แทบจะทุกวันธรรมดา จนปิ่นชมนักชมหนานี่เป็นปัตอ่ะ?” พี่พาร์ทหันหน้ามาคาดคั้นเอาความจริง ผมพยักหน้าตอบ
“ฮะ”
“แล้วเรารู้จักปิ่นได้ยังไง บอกพี่มาตามตรงนะ....ไม่งั้นพี่จะลืมเราซะเดี๋ยวนี้”
“อือ~ พี่พาร์ทอ่ะ ขี้แกล้ง นี่แนะ!” ผมทุบอกพี่พาร์ทไปแรงๆ ทีหนึ่งข้อหาน่าหมั่นไส้
“โอยยย เจ็บ... อย่ามาเฉไฉเล่ามา ไอ้ป่วน” พี่พาร์ทยกมือขึ้นมาชี้หน้าผม ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังรวมถึงการตัดสินใจของผม
พี่พาร์ทฟังนิ่งๆ ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรจนผมเล่าจบ
“ปัตใจดีเกินไป....แต่ช่วยรักพี่ก่อนคนอื่นได้ไหม? รู้ไหมตอนที่เราทิ้งพี่ไปพี่เป็นยังไง? เสียใจแค่ไหน ? เจ็บจนคิดว่าอยู่บนโลกนี้ไม่ไหว”
“พี่พาร์ท.......”
“ยังดีที่มีพี่ภีมคอยปลอบใจพี่ ...ไม่อย่างนั้น จะมีชีวิตเหลือมาให้คนบางคนสารภาพรึเปล่าไม่รู้”
“พี่พาร์ท...ปัตขอโทษฮะ” ผมกราบลงบนอกพี่พาร์ท น้ำตาซึมน้อยๆ เสียใจจริงๆ เพราะผมเองที่คิดอะไรตื้นๆ
“ปัตเสียใจ ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว ปัตจะไม่ทิ้งหัวใจตัวเองไปไหน จะไม่เห็นใครดีกว่า จะไม่สนใจใครอีกแล้ว จะสนแต่เรื่องของเรา
คิดแต่เรื่องของเราเท่านั้นฮะ” ผมพูดเสียงเศร้า
“ไม่ใช่แค่นั้นมีอะไรเราต้องคุยกันก่อนนะเด็กดี เข้าใจมั้ย?”
“ครับ..ต่อไปปัตจะคุยกับพี่พาร์ทก่อนฮะ” เรากอดกันแน่น อยู่อย่างนั้น
.
.
.
“สรุปไม่ทิ้งพี่แล้วใช่ม่ะ?”
“ฮะ..ไม่ไปไหนแล้วจะเกาะอย่างนี้ทั้งชีวิตเลย” ผมเงยหน้าไปสบตาพี่พาร์ท ที่กำลังยกยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ผมก็ยิ้มตอบเขินๆ
ริมปากที่ผมหวงแหน .... พี่พาร์ทค่อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมหลับตาพริ้ม.....รอรับสัมผัสหวาน
จมูกคมยื่นใกล้จนเฉี่ยวกันเบาๆ รู้สึกถึงลมหายใจที่ละอยู่บนใบหน้า ขนตางอนๆ ของอีกฝ่าย ปะป่ายไปมาบนหน้าผมราวกับแกล้ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“จ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
.
.
“อุ๊บบบบ....กำลังจะ Romantic” พี่พาร์ทปิดปากแน่นกลั้นหัวเราะเต็มที่ ผมหน้างอ >////< อายจนหน้าแดงไปหมด
“ป่ะไปกินข้าวกันไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?”
“พี่รู้ได้ยังไงอ่ะ?”
“ก็พี่นั่งทำงานอยู่นอกห้องไง?”
“อ้าว..ไม่ได้ไปทำงานเหรอฮะ?”
“อืมม .. ก็อยู่บ้านทั้งวันนั่นแหล่ะ ก็เราสลบไปขนาดนั้นใครมันจะกล้าทิ้งไปหล่ะ?”
“งั้นทำไมผมถึงไม่เห็นพี่เลยหล่ะ?”
“มุมตรงนั้นจากห้องครัวมันเห็นที่ไหนหล่ะ?”
“แล้วทำไมปัตยังไม่ได้ยินเสียงอ่ะ?”
“ก็เสียบหูฟังทั้งสองข้างขนาดนี้...จะได้ยินมั้ยหล่ะ?”
“งั้นที่ปัตพูดคนเดียวตลอดเวลาพี่ก็? ... >/////////////////////////< อ๊า~” ผมเม้มปากแน่น
“ครับ...ได้ยินเต็มสองรูหูเลยแหล่ะ”
“ตุ๊บ..........โอ๊ย”
“ทำไมไม่บอกปัตอ่ะ?”
“บอกก็ไม่ได้ฟังอะไรดีๆ ดิ ว่ามีคนแถวนี้....หึหึหึ”
“พี่พาร์ทบ้า ... ชิส์” สะบัดหน้าหนี
“ฮ่าๆ โอ๋ๆ อย่างอนนะครับคนดี ป่ะไปกินข้าวกัน” พี่พาร์ทกำลังจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ผมขืนตัวไว้
“เดี๋ยวดิ”
“อะไรหึ?”
“ขอ Romantic หน่อย” พูดจบ ผมก็ก้มไปจูบพี่พาร์ทแผ่วเบา ริมฝีปากเราประกบกันบางเบาแต่อบอุ่น กำลังจะผละออก มือหนาๆ
ของอีกฝ่ายก็จับเข้าที่ท้ายทอยผม กระซิบเสียงแผ่วก่อนจะกดหน้าผมให้ก้มลงไปอีก
“ยังไม่อิ่มเลย อีกนิดนะ”
.
.
.
“อือออออ...อ๊ะ.....อ่า ”
“อืมม ....จ๊วบบ อ่า”
“อ๊ะ...พี่พาร์ท อือออออ พอก่อน” ผมผละตัวออกได้ในที่สุดหลังโดนจูบไปร่วมสิบกว่านาที พี่พาร์ทดันตัวขึ้นมาถามด้วยความสงสัย
“ทำไมครับ พี่ยังไม่อิ่มเลย”
“ปัตหิวอ่า”
“กินพี่ไปกินไม่ได้เหรอฮะ แป๊บเดียวเองนะ นะ”
“ไม่ได้ฮะ กินพี่ไม่อิ่มหรอก”
“ของพี่เล็กไปเหรอ หึหึ” พี่พาร์ทยิ้มที่มุมปากนิด ๆ ยักคิ้วกวนๆ อีกสองที ผมหมั่นไส้ เลยชกท้องพี่พาร์ทเบาๆ
“บ้า...ปัตหิวข้าวนิ ไม่ได้หิวสวาท บ้ากามอย่างบางคนอ่ะ เมื่อคืนไม่พอรึไง”
“กินปัตเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก”
“ไม่เอาอ่ะ จะกินข้าว กินข้าว ๆๆๆๆๆๆ” ผมเริ่มประท้วงจนพี่พาร์ทหัวเราะ
“โอเคๆ 5นาทีพอนะ”
“ไม่เอา 10 นาที”
“ไม่เอางั้น 6นาที”
“ไม่เอางั้น 20นาที”
“วุ้ย!! ไอ้เปี๊ยก 10 นาทีพอ”
“งั้น 1 ชั่วโมง”
“โอย ไปๆ ยิ่งพูดพี่ยิ่งเสียเปรียบไปกินกัน ไปๆๆๆๆ”
“ตุ๊บ” ผมหันไปจ้องหน้าพี่พาร์ทเขม็ง เอากับพี่แกสิพยุงผมลุกขึ้นไม่ทันไร ผลักลงเตียงซะงั้น จะได้กินข้าวมั้ยวันนี้
“อ๊ะ..โทษทีพี่เข้าใจผิด หึหึ”
“เหรอฮะ แล้วที่พี่คร่อมผมอยู่นี่หมายความว่ายังไงฮะ”
“อ๊ะเหรอพี่ไม่เห็นรู้ตัว...งั้นไปกินข้าวกันเน๊าะ ป่ะๆ”
.
.
สุดท้ายอาหารมื้อแรกของวันก็ตกถึงท้องซะที เย้......................