Poor Boy 11
“ทำไมต้องไปอยู่บ้านแกรมม่าล่ะลูก” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นในขณะกินข้าวเช้าร่วมกันเมื่อสามบอกว่าอยากจะไปเที่ยวบ้านของแกรมม่าสักสองสามวัน ซึ่งบ้านตายายของแกรมม่าอยู่ในเมืองหลวงก็จริงแต่อยู่แถบชานเมืองเป็นบ้านสวน อากาศดีกว่าแถวบ้านของเขาที่เป็นใจกลางเมือง
“เที่ยวน่ะครับม๊า” สามตอบ
“เที่ยวอะไรกัน กลับจากอังกฤษไม่ทันให้ม๊าหายคิดถึงตะลอนไปโน่นไปนี่อีกละ” ผู้เป็นแม่ว่าอย่างน้อยอกน้อยใจ
“กลับมาเป็นเดือนละครับม๊า อีกอย่างแค่ไปเที่ยวสองสามวันเองเดี๋ยวก็กลับ”สามว่าก่อนที่ตาคมจะไปสบกับตากลมของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนที่สไมล์จะเป็นฝ่ายหลบสายตาไป
“ก็ดี ไปพักบ้านสวยอากาศดีๆ ป๊าก็สนับสนุน” ผู้เป็นพ่อว่า
“ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะไล่ลูกไปไกลๆหรอกนะคะ” ผู้เป็นภรรยาเหน็บแนม
“คุณหญิงทำไมพูดแบบนี้”
“ชิ” ผู้เป็นภรรยาเบ้ปากใส่ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตอนเช้าผ่านไปก่อนที่สไมล์จะแยกตัวเองไปช่วยในครัว ส่วนสามก็เตรียมตัวไปเที่ยวบ้านตายายของแกรมม่าพอช่วยงานในครัวเสร็จก็เหมือนทุกวันที่สไมล์จะมานั่งเล่นที่สวนโดยมีหนังสือสำหรับเตรียมสอบติดมือมาด้วยเพียงแต่วันนี้เนื้อหาในหนังสือไม่เข้าสมองเขาเลยสักนิด ไม่ว่าจะพยายามรวบรวมสมาธิอ่านแค่ไหนแต่ในหัวของสไมล์ก็ยังมีภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ข้อมือบางยังคงมีรอยบีบของอีกคนอยู่จางๆ แถมเนื้อตัวใต้ร่มผ้าก็ยังคงมีรอยที่อีกคนประทับไว้ดีที่เมื่อเช้าสไมล์ใส่เสื้อผ้าเข้าไปห้องน้ำและเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำพี่หนึ่งที่มาช่วยเขาอาบน้ำเลยไม่ได้สงสัยอะไร
“อ่านถึงไหนแล้ว” หนึ่งถามขึ้นเสียงนุ่ม สไมล์เงยหน้าขึ้นมามองอีกคนนิดๆ
“เอ่อ...ก็เยอะแล้วครับ” สไมล์ตอบ
“เข้าใจมั้ย? ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนบอกพี่นะ พี่มีเพื่อนเป็นหมอหลายคนถ้าสไมล์ต้องการพี่จะให้มันมาช่วยติว ช่วยแนะนแนวทางให้” หนึ่งว่ายิ้มๆ
“อย่าเลยครับพี่หนึ่ง” สไมล์ช้อนตาขึ้นมามองอีกคนพร้อมกับพูดออกมา
“สไมล์” หนึ่งเรียกอีกคนเสียงแผ่ว
“พี่หนึ่งอย่าดีกับสไมล์มากไปกว่านี้เลยครับ” สไมล์ว่าอย่างรู้สึกผิด
“ทำไมพี่จะดีกับสไมล์ไม่ได้ในเมื่อพี่...”
“แต่สไมล์ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น สไมล์รักพี่หนึ่งแบบพี่ชาย พี่ชายที่แสนดี” สไมล์ว่าขัดออกมา
“แต่สไมล์ก็ไม่ได้ปฏิเสธพี่นี่ แปลว่าสไมล์ให้โอกาสพี่” หนึ่งว่า
“สไมล์ไม่อยากทำให้พี่หนึ่งเสียใจ สไมล์ไม่อยากทำให้พี่หนึ่งโกรธหรือเกลียด...อื้อออ” เสียงหวานหายไปในลำคอเมื่อปากหนาประทับลงมา สไมล์เบิกตากว้างก่อนจะรีบดันหนึ่งออกอย่างรวดเร็ว
“ทำไมล่ะสไมล์? เป็นพี่ไม่ได้หรือไง สไมล์ก็เห็นว่าสามมันไม่ได้แคร์สไมล์เลย”หนึ่งว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ทั้งๆที่เขาพยายามขอโอกาสจากอีกคนแต่สไมล์ก็ทำท่าปฏิเสธทุกอย่าง ปฏิเสธทุกหนทางจนเขาไม่เหลือทางที่จะเดินหน้าต่อไปแล้ว
“ขอโทษครับ”...เหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ในสายตาคมตลอดเวลา สามกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าพี่ชายจูบกับร่างบางอีกคน เขาไม่ได้ตั้งใจจะมองลงมาแต่แค่ออกมาสูบบุหรี่ก่อนไปบ้านแกรมม่าแต่กลับเห็นเหตุการณ์นั้นเข้าเขาก็รีบเดินกลับเข้าห้องทันที แรด! ร่าน! อ่อย! ทีกับเขาทำเป็นสะดีดสะดิ้ง ร้องไห้จะเป็นจะตายแต่กลับพี่หนึ่ง...แม่ง แล้วทำไมเขาต้องหัวเสียขนาดนี้วะ! ว่าแล้วสามก็หยิบกระเป๋ามาพาดบ่าแล้วถือกุญแจรถเดินดุ่มๆมาที่โรงรถแล้วขับรถคันโปรดออกไปทันทีด้วยอารมณ์ที่ยังคุกกรุ่นไม่หาย...แกรมม่าอดแปลกใจไม่ได้ที่เพื่อนสนิทบอกว่าจะมาอยู่บ้านเขาสักสองสามวัน อดสงสัยไม่ได้ว่าบ้านสวนตากับยายของเขามีอะไรดึงดูดตรงไหน หรือว่ามันพิศวาสไอ้เข้ม สุนัขพันธุ์ไทยที่ยายเขาเลี้ยงไว้วะ
“หนีอะไรมาวะ” แกรมม่าถามขึ้น
“เปล่า” สามตอบสั้นๆพร้อมกับพ่นควันออกจากปาก
“แต่หน้ามึงเหมือนคนกำลังมีเรื่องในใจตลอดเวลา” แกรมม่าว่าก่อนจะหยิบบุหรี่มาจุดสูบเช่นเดียวกับสาม สามนิ่งกับคำพูดของเพื่อนสนิทก่อนจะนึกถึงสาเหตุที่ทำให้อยู่ๆเขาก็มาอยู่บ้านแกรมม่ากะทันหัน สาเหตุก็คือใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้อ้อนวอนให้เขาหยุดปรานจะขาดใจ ให้ตายสิ....แม่งพอนึกถึงหน้ามันทีไรหัวใจของเขาก็กระตุกขึ้นมาแปลกๆ ซึ่งมันช่างน่าหงุดหงิดสิ้นดี
“มึงเคยเกลียดใครมากๆจนมีหน้ามันมาวนเวียนตลอดเวลามั้ยวะ” สามถามขึ้นแกรมม่าเลิกคิ้ว
“เกลียดหรือรักวะ ทำไมต้องมีหน้ามาวนเวียนตลอดเวลา” แกรมม่าถามอย่างไม่เข้าใจ
“เกลียดสิวะ!” สามว่าเสียงดัง
“เออๆ เกลียดก็เกลียด แล้วไงวะ เพราะมึงเกลียดใครในบ้านเลยหนีมาอยู่บ้านกู?” แกรมม่าเลิกคิ้วถาม
“กูไม่ได้หนี!” สามเถียง
“เออๆ จะเกลียดจะรัก จะหนีไม่ได้หนีก็เรื่องของมึงเถอะ” แกรมม่าขมวดคิ้ว
“กูเกลียดมัน เกลียดมันที่เข้ามาอยู่ในบ้านกู...มันทำให้ม๊ากูเป็นทุกข์ มันทำให้ป๊ากูเอ็นดู มันทำให้พี่ชายกูหลงรัก มันทำให้กู...” สามเงียบไปครู่หนึ่ง
“...เป็นบ้าอยู่แบบนี้” สามว่าต่อก่อนจะพ่นควันออกมาอีกครั้ง แกรมม่ารับฟังเพื่อนเงียบๆซึ่งก็พอจะรู้อยู่บ้างว่ามีคนเข้ามาอยู่ในบ้านของสามเลยทำให้เจ้าตัวต้องกลับไทยมาจัดการ แต่เขากลับสงสัยว่าถ้าสามเกลียดอีกคนขนาดนั้นทำไมกลับคิดถึงคนๆนั้นตลอดเวลา
“เขาทำอะไรให้มึงวะ?” แกรมม่าถาม สามเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ
“ไม่เคย...มันไม่เคยทำอะไรให้กูแต่กูกลับหงุดหงิดใจที่เห็นมัน กูหงุดหงิดชิหายเวลาที่เห็นมันอยู่กับพี่ชายของกูจนกูเกือบปล้ำมัน” แกรมม่าเบิกตากว้างทันทีกับคำพูดที่ออกมาจากปากของเพื่อนสนิท
“สัส นี่ตกลงมึงเกลียดยังไงวะ? “แกรมม่าถาม
“กูก็ไม่รู้ แม่ง...กูจะบ้าอยู่แล้วเนี่ย เห็นหน้ามันแล้วรู้สึกแปลกๆในใจ แม่ง กูเป็นเชี่ยอะไรวะ!” สามสบถออกมาอย่างหงุดหงิดใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น
“เอาที่กูสันนิฐานนะ อย่าด่ากูนะเว้ย?” แกรมม่าพูด สามเลิกคิ้ว
“อะไร?”
“กูว่ามึง...ชอบเขาว่ะ”
“ไอ้เชี่ยแกรมม่า!!”...วันต่อมา...เสียงพูดคุยในห้องรับแขกทำให้สไมล์ที่พึ่งตื่นนอนอาบน้ำอาบท่าเสร็จอดสงสัยไม่ได้ว่าที่บ้านมีแขกกะทันหันหรือยังไง ทำไมเขาไม่รู้มาก่อน ร่างบางเข็นรถเข็นมาที่ห้องรับแขกเพื่อจะดูแต่กลับถูกลุงนทีเรียกให้เข้าไปซะงั้น
“นี่น่ะเหรอสไมล์?” สไมล์มองผู้หญิงวัยชราอายุอานามน่าจะ70กว่าๆที่นั่งข้างผู้ชายวัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกับลุงนทีพูดขึ้น
“ใช่ค่ะ คนนี้แหละค่ะ” ผู้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านพูดซึ่งนั่นก็ทำให้สไมล์งุนงงเข้าไปใหญ่
“โถ่...สไมล์หลานย่า” สไมล์เบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีกับสรรพนามที่หญิงชราใช้เรียกเขา หญิงชราทำท่าจะโถเข้ามาหาสไมล์แต่หนุ่มวัยกลางคนรั้งไว้ก่อน
“คุณมีหลักฐานอะไรที่ชี้ชัดว่านี่คือลูกชายของบวรพจน์” สไมล์ตาสั่นระริกเมื่อหนุ่มวัยกลางคนพูดถึงชื่อนั้น...ชื่อของพ่อของเขา
“บวรพจน์คือชื่อของพ่อของผมครับ” สไมล์พูดขึ้น คุณผู้หญิงของบ้านยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“หมายความว่าเธอคือลุกชายของบวรพจน์จริงๆใช่มั้ย ไม่โกหกคนแก่ใช่มั้ย”หญิงชราว่าน้ำตาซึม
“ผมยืนยันอีกเสียงครับว่าสไมล์คือลูกของศศิและบวรพจน์ เอกสารเกี่ยวกับสไมล์อยู่ที่ผม” นทีพูดขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับลุงนที” สไมล์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันช่วยตามหาญาติของกะ...เธอให้ ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอต้องไปอยู่กับญาติของเธอ” คุณผู้หญิงของบ้านเป็นคนตอบ
“ย่าขอโทษ ขอโทษที่ไม่เคยรู้เรื่องสไมล์เลย” หญิงชราว่า เรื่องราวของเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อ25ปีก่อนที่ลูกชายคนเล็กของเธอทะเลาะกับสามีของเธอแล้วหนีออกจากบ้าน จากนั้นเธอก็ไม่ได้รู้เรื่องของบวรพจน์อีกเลย รู้เพียงแค่ว่าบวรพจน์มาอยู่ที่ไทยส่วนครอบครัวของเธอใช้ชีวิตกันอยู่ที่นิวซีแลนด์
“คุณคือย่าของผมจริงๆเหรอครับ?” สไมล์ถาม
“ใช่...ฉันคือแม่ของบวรพจน์ ส่วนนี่บวรพงษ์ ลุงของหนู” หญิงชราว่า สไมล์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจแปลกๆแม้จะไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนแปลกหน้าสองคนก็ตามแต่อะไรบางอย่างมันกลับบอกเขาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องโกหก
“จริงๆนะครับ ฮึก สไมล์ยังเหลือย่า ฮึก กับลุงจริงๆนะครับ” สไมล์ถึงกลับน้ำตาซึมเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวคนเดียวบนโลกอีกต่อไป หญิงชราพยักหน้ารับก่อนจะลุกเข้าไปโผกอดสไมล์ทันที...สไมล์อดตกใจไม่ได้ที่อยู่ๆย่ากับลุงจะพาเขาไปด้วยวันนี้ซึ่งมันกะทันหันมากโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ย่าบอกว่าจะพาเขาไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ พาไปรักษาขาและอาจจะให้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ช่วยลุงดูแลฟาร์มแกะ ซึ่งเขาก็อดตกใจอีกไม่ได้ว่าย่าของเขาเป็นระดับมหาเศรษฐีผู้มีพื้นที่ไร่ในประเทศสงบๆอย่างนิวซีแลนด์หลายร้อยกว่าไร่
“สไมล์จะไปวันนี้จริงๆเหรอ” หนึ่งถามเสียงเศร้าหลังจากที่รับรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับอีกคน
“คุณย่าบอกแบบนั้นน่ะครับ เห็นว่าจะรีบกลับนิวซีแลนด์ด้วย” สไมล์ว่า
“แต่พี่...”
“สไมล์ขอบคุณพี่หนึ่งทุกๆอย่างนะครับ พี่หนึ่งดีกับสไมล์ทุกอย่าง สไมล์รักพี่หนึ่ง รักแบบพี่ชายที่แสนดีที่สุด” สไมล์ว่าขณะที่กำลังจะขึ้นรถไปกับย่าและลุง
“แต่พี่...”
“สไมล์เชื่อว่าสักวันพี่หนึ่งจะเจอคนที่คิดเช่นเดียวกัน คนดีๆอย่างพี่หนึ่งต้องได้เจอคนดีๆแน่นอนครับ” สไมล์จับมือหนึ่งมาบีบเบาๆพร้อมรอยยิ้ม หนึ่งอยากจะยิ้มตามแต่อารมณ์ตอนนี้เขายิ้มไม่ไหวจริงๆ
“คุณลุงนทีครับสไมล์ขอบคุณคุณลุงมาเลยนะครับที่เอาสไมล์มาอยู่ด้วย ถ้าไม่มีคุณลุง สไมล์ก็ไม่รู้ว่าชีวิตของสไมล์จะเป็นยังไงต่อไป” สไมล์ว่าด้วยความซาบซึ้งใจ
“ลุงเอ็นดูสไมล์เหมือนเป็นลูกอีกคนของลุง สไมล์เป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก” นทีว่าพร้อมลูบหัวอีกคนอย่างเอ็นดูจนผู้เป็นภรรยาอดหมั่นไส้ไม่ได้
“พี่สองครับ...สไมล์ขอบคุณพี่สองมากนะครับที่ไม่รังเกียจสไมล์ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกันเท่าไหร่แต่สไมล์ก็รู้สึกดีกับพี่สองเหมือนเป็นพี่ชายอีกคนนะครับ” สไมล์ว่าด้วยรอยยิ้ม สองพยักหน้ารับนิดๆแต่ในใจก็ใจหายอย่างมากที่อีกคนกำลังจะไป
“ส่วนคุณผู้หญิง...ขอบคุณที่ยอมให้สไมล์มาอยู่ด้วยนะครับ” สไมล์ว่าแต่ก็หลบตาอีกคนที่มองมา คุณผู้หญิงของบ้านพยักหน้ารับนิดๆ สไมล์มองทุกคนอีกครั้งก่อนจะมองบ้านที่เขาเคยอยู่ในระยะเวลาหลายเดือนอย่างใจหาย ในหัวกลับนึกถึงใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ใครอีกคนที่คอยทำร้ายเขาตลอดแต่ทำไมกันนะ คนๆนั้นถึงได้มาทำให้เขารู้สึกใจสั่นหวั่นไหวแบบนี้
“ลาก่อนนะครับ” สไมล์พูดลาอีกครั้งก่อนจะขึ้นรถออกไป...สามกลับมาบ้านในตอนเย็นทั้งๆที่วางแผนว่าจะกลับมาพรุ่งนี้ ตอนแรกคิดว่าไปบ้านแกรมม่าจะเลิกฟุ้งซ่านแต่กลับไม่ใช่เลย เขากลับฟุ้งซ่านยิ่งกวาเดิมเสียอีก
“อ้าว ไหนบอกม๊าว่าจะกลับพรุ่งนี้ไงคะ?” ผู้เป็นแม่ทักขึ้นเมื่อลูกชายคนโปรดกลับมา
“ม๊าดูอารมณ์ดีนะครับ” สามถามขึ้น ผู้เป็นแม่ยกยิ้ม
“แน่นอนในเมื่อไอ้กาฝากมันออกไปจากบ้านของเราแล้ว” ผู้เป็นแม่ว่า สามขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน
“ทำไมครับ?”
“เพราะแม่ตามหาญาติของมันมารับตัวมันไปแล้วไง ป่านนี้คงเตรียมตัวบินไปนิวซีแลนด์แล้วมั่ง ไม่คิดว่าอย่างมันจะเป็นหลานคนรวยแบบนั้นแต่ก็ช่างเถอะมันไปแล้ว ม๊าก็มีความสุข” ผู้เป็นแม่พูดไปยิ้มไปแต่สามกลับไม่ยิ้มด้วย ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปมรู้สึกใจหายแปลกๆกับสิ่งที่ได้ยิน...สไมล์ไปจากที่นี่แล้วงั้นเหรอ?
ตอนนี้ยาวกว่าปกติมากกกกกก 55555 เล่นเอาหลังเคล็ดไปเลย งื้อออออออ ต่อไปจะแต่งคู่รองก่อนนะคะ พักคู่หลักให้น้องสไมล์ไปเลี้ยงแกะก่อนนะคะ 5555
___จางบิวตี้___