........
.......
......
.....
....
...
..
.
ตึก ตึก ตึก---- เสียงฝีเท้าก้าวย่างอย่างสม่ำเสมอขึ้นบันไดมา ที่ด้านบน เขาได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งคุยกันเฮฮา ตึกนี้เป็นหอชาย วันนี้เป็นวันเทศกาล ผู้ชายส่วนใหญ่ยังไม่นอน หรือจะบอกว่าคืนนี้จะไม่นอนกันเลยก็ว่าได้ ธีเดินยิ้มขึ้นมาถึงชั้นสามซึ่งเป็นชั้นของห้องพักตัวเอง
“อ้าว ไอ้ธี มาเข้าวงกะ..... เหี้ย! หน้ามึงไปโดนอะไรมาวะ ทำไมมันเป็นจ้ำแดงงั้นล่ะมึง” เพื่อนคนหนึ่งในวงเหล้าที่ออกมาตั้งกันตรงระเบียงทางเดิน แผ่อาณาบริเวณไปครึ่งทางเดินของชั้นที่สามตกใจกับตุ่มยุงกัดบนหน้าธี
ธีไม่รู้หรอกว่ามันมากหรือน้อย แต่มันก็คันอยู่เหมือนกัน
ธีเดินยิ้มกริ่มเข้าไปในวงเหล้า ไม่ได้ชอบดื่มเหล้าหรอก แต่ชอบนั่งฟังเพื่อนคุย...
ธีบอกเพื่อนว่ายุงกัด เพื่อนก็ถามว่าไปลอยกระทงหรือไปทำตามประเพณีวัยรุ่น ยุงถึงกัดหน้า กัดตูดด้วยรึเปล่า?
“ป่าว ไปนอนที่สนามฟุตบอลมา ไปดูดาว” ธีบอก เพื่อนหน้างงเต๊กกันทั้งวง
“คนเดียว สองคน..... สามคน หลายคน” เพื่อนคนหนึ่งถาม...และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกว่าความคิดที่เริ่มฟุ้ง
“คนเดียว” ธีบอก
“เป็นไรวะ ดีใจอะไรมามึงอ่ะ กูเห็นตั้งกะมึงขึ้นมาแหละ ยิ้มไม่หุบเลย” เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขายื่นตลับลิงถือลูกท้อมาให้เขา ถึงดื่มกันในตึก แต่ยุงก็มาแวะชิมเลือดกันได้ ดังนั้นนอกจากสุรา น้ำแข็ง และโซดาแล้ว ต้องมีอันนี้ “ลิงถือลูกท้อ”
ธีรับตลับยาหม่องมาเปิด แล้วใช้นิ้วคลำตุ่มบนหน้า ค่อยๆ ทาพลางเล่าให้เพื่อนๆ ฟังไปเนิบๆ “ไอ้ทศ มึงจำเพลงนั้นได้ป๊ะ ที่มึงชอบเปิดก่อนนอนน่ะ ที่พี่โจ้เค้าร้องน่ะ..... กูเข้าใจเพลงนั้นแล้วนะมึง ตรงมากเลยว่ะ....”
“อ๊ะ.......เว๊ย! พวกมึงชนแก้ว เพื่อนเรามันมีแฟนแล้วเว้ย!” ทศมองหน้าที่ยิ้มไม่หุบของธี พอนึกความหมายที่ธีพูดออก เขาก็ยิ้มแฉ่ง ยกแก้ว ขึ้นเสยกับคนในวง
“ฮ้า-------- มึงเล่ามาไอ้ธี เป็นไงมาไงวะ เอาละเอียด ถือซะว่าพวกกูเป็นญาติผู้ใหญ่มึงละกัน” เพื่อนที่นั่งอยู่สุดปลายวง บอกเขาหลังจากที่ซดฉลองให้ธีแบบหมดแก้ว
เพื่อนกลุ่มนี้สนิทกันดี นิสัยเข้ากันได้ ธีจึงไม่คิดที่จะปิดอะไรกับเพื่อน ธีไว้ใจและเชื่อว่าเพื่อนต้องรับได้ “น้องเค้าอยู่ปี 2 ว่ะ คนนั้นไง ที่พวกมึงแดกของฝากจากพ่อเค้าน่ะ ที่พวกมึงว่าอร่อยดีน่ะ”
ทศสะกิดแขนธี แล้วถามเสียงเรียบว่า “คนนั้นเค้าผู้ชายใช่มั้ย มึงบอกกูงั้นนะ”
“อื้ม!” ธีพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“มึงแน่ใจนะ สรุปว่ากูมีเพื่อนเป็นเกย์?” ทศถามย้ำ
“ไม่ได้เป็นเกย์ แต่น้องน่ารักว่ะ... จริงๆ ไปรักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เมื่อกี้ตอนไปส่งน้องเค้าที่หอกูเผลอถามเค้า พอน้องเค้าตอบโอเคมา ก็เลยเพิ่งรู้ว่า กูรักน้องเค้าอ่ะมึง” ธีบอกตามความรู้สึกจริง
“ไอ้ธี ตกลงเมื่อเย็นมึงไปไหนมา” เพื่อนที่อยู่กลางวงถาม
“ไปลอยกระทงที่สุโขทัยกับน้องเค้านั่นแหละ” ธีหันหน้าไปตอบ
“เว้ยยยยยยยยย!” เสียงอุทานดังขึ้นทั้งวง และตามมาด้วยคำถามมากมาย
“หยุด! หยุด!..... พวกมึงแยกกันถามแบบนี้ กูไม่รู้เรื่อง” ทศหันไปด่าเพื่อนๆ แล้วหันมาบอกธี “มะ มึงเล่าตั้งกะเมื่อเย็นที่แยกกับพวกกูไปหาน้องมึง... เอาจบที่มึงมาถึงหอเนี่ย อย่ากั๊กนะ ถ้าไม่ละเอียด พวกกูจะไปถามแฟนมึงด้วยตัวเอง.....”
ฮ่าฮ่าฮ่า------ เสียงฮาดังครื้นขึ้นมาทั้งวง ที่เห็นเพื่อนหน้าแดงฉ่า เพื่อนธีมันน่ารัก บอกเพื่อนว่าไปสารภาพรักมา เค้ารับคำสารภาพ เล่ามาได้ตั้งนานไม่หน้าแดง พอมีคนบอกว่า “แฟนมึง” แค่นั้น เพื่อนธีหน้าแดงขึ้นมาทันที
หลังจากที่ธีเล่ารายละเอียดจนจบแบบจุใจเพื่อนๆ ธีก็ต้องชนแก้วกับเพื่อนทั้งวง... เพื่อนดีใจด้วย เพราะเพื่อนต่างรู้ว่า ถึงฝูงเพื่อนอยู่หอเดียวกับธีกันหมด แต่เพื่อนก็ทดแทนครอบครัวให้เพื่อนธีไม่ได้ เพื่อนหวังกันเสมอว่าเพื่อนธีจะได้พบรัก และมีความรัก เพื่อนธีจะได้ไม่เหงาใจ
......
.....
....
...
..
.
“ทศ พวกมึงรับได้จริงๆ ใช่มั้ย?” ในความเชื่อใจและมั่นใจของธียังมีเศษเสี้ยวหนึ่งผุดขึ้นมา
“อ้าว ไอ้นี่ มึงดู มีใครมันลุกออกไปจากวงมั้ย?” ทศบอกเสียงเข้ม เพื่อนธีพูดแบบนี้หยามน้ำใจกันมาก แต่เห็นเพื่อนหน้าเครียด ทศจึงบอกให้เพื่อนสบายใจอีกนิด “พวกกูดีใจนะ ใครก็ได้ที่มึงรักและเค้ารักมึง พวกกูไม่อยากเห็นมึงเหงา.... ส่วนเรื่องชอบผู้ชาย กูว่ามึงไม่ต้องคิดมากหรอก.... หากใครในหมู่เรามันจะเลิกคบมึงเพราะมึงชอบผู้ชาย มันคงต้องเลิกคบกูด้วย เพราะคนที่กูชอบก็เป็นผู้ชาย” ทศกอดคอเพื่อนธีให้กำลังใจ
“หือ....” ธีหันไปมองหน้าทศ.... เพื่อนทศเล่นมุกเหรอ? แต่สีหน้าไม่ใช่นะ? “อำกูเหรอ?” ธีถามเพื่อความแน่ใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า... จริงๆ” ทศย้ำ
“มึงมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ไม่เคยบอกเพื่อนเนี่ยนะ” ธีถามอีกครั้ง
“ไม่ใช่แฟน คนที่กูชอบเค้าเป็นผู้ชาย...ว่าแต่ตอนมึงไปนอนให้ยุงตอมอ่ะ รู้สึกไงวะ เสียงพี่โจ้ดังขึ้นมาเลยมั้ยวะ” ทศอยากรู้ เขาชอบเพลงนั้นมาก และก็อยากมีสักวันที่จะได้รู้สึกเหมือนเพลงที่เขาร้อง
“อื้อ! รู้สึกดีว่ะทศ นี่กูหุบยิ้มมั่งยังวะ” ธีหันหน้าไปให้เพื่อนช่วยดู
“เอออออ ไม่หุบเลย เชี่ย ดีใจกับมึงนะ แต่หมั่นไส้ว่ะ” ทศพูดจบก็ล็อคคอเพื่อนไปยีหัวเล่นด้วยความอิจฉาตาร้อน
เสียงของทศกับธีดังเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในวงเหล้าซึ่งล้มพับกันเป็นโดมิโน่ไปหมดแล้ว ขณะที่เสียงหัวเราะดังปนกับเสียงโอยนั้นเอง เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องหนึ่งดังขึ้น เพื่อนธีและเพื่อนทศมองหาที่มาของเสียง
“อ๊ะ ของกู” ธีบอก พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกง.... พฤกษโทรหาทำไม ธีมองเวลาในเครื่อง---- ตีสอง
.....????......!!!!!!! ตายล่ะมึงไอ้ธี
“ครับ” ไม่แก้ตัว ไม่ถาม ไม่อะไรทั้งนั้น นิ่งไว้เป็นดีที่สุด
“...... พี่ธีอยู่ไหนอ่ะครับ” พฤกษถาม เสียงไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
“อยู่ที่หอครับ” อย่าไปถาม นิ่งไว้นะไอ้ธี
“ถึงนานแล้วเหรอครับ?” ถามย้ำเข้าจุด
“.....ครับ.....” นิ่งไว้นะไอ้ธี
“.......................” เงียบกริบ
ความเงียบทำให้ธีทรมานใจพิกล “โทษที พอดีเข้าหอมาแล้วเจอเพื่อนมันตั้งวงกัน คุยกันเพลิน เลยลืมโทรบอกพฤกษ”
“อื้ม....” สั้นๆ และเงียบต่อ
“พี่ขอโทษครับ รอพี่เหรอ?” เริ่มเสียใจ
“มันไม่ไกลหรอกหน้ามอน่ะ แต่ผมก็ห่วง.... เออออ ถึงก็ดีแล้ว แค่นี้ล่ะ นอนล่ะครับ” พฤกษบอก น้ำเสียงไม่ได้ดุอะไรเลยสักนิด
“พี่..... พี่ดีใจไปหน่อย หน้ามันเก็บไม่อยู่ เพื่อนมันเห็นเลยให้เล่าให้พวกมันฟัง พี่เลยลืมโทรบอกว่าถึงหอแล้ว แต่นี่ยังไม่ได้เค้าห้องเลยนะ ยังอยู่หน้าห้องอยู่เลย” ธีบอก อยากให้น้องไม่ได้คิดผิดไปเป็นอื่น
“เล่าอะไร?” พฤกษไม่เข้าใจ
“ก็เล่าว่า วันนี้ไปสุโขทัยมา กลับมาก็สารภาพรักกับเค้า แล้วก็ได้แฟนมากับเค้าคนนึง พวกมันเลยฉลองให้ นี่เพิ่งเมาหลับกันไป เหลือกันอยู่แค่สองหน่อเนี่ย” ธีบอก
“อ๊ะ........พี่ธี-------------------” เสียงลากยาวดังแสบหู ฟังดูอาจบ่งบอกความรู้สึกจากผู้พูดได้ยาก แต่สำหรับธีมันมีความหมายแค่หนึ่ง..... น้องเขินอยู่
“พฤกษอยากฟังมั้ยว่าพวกมันบอกพี่ว่าไรมั่ง?” ธีแหย่
“หยุดเลยพี่ธี! แค่นี้นะ!” พูดจบปุ๊บสายก็ตัดไปเลย
ธีมองหน้าจอมือถือของตัวเอง แต่มองเห็นหน้าของอีกฝ่ายซึ่งอยู่ในจินตนาการ
“ไหลเชี่ยวเลยนะเพื่อนธี” ทศแซว พร้อมเอามือยีหัวเพื่อนเล่น
“...... เป็นไปเองว่ะ” ธีขำร่วน ไม่ได้จะแถกับน้อง แต่แค่อยากบอกน้องว่า ถึงลืมโทรหาตอนถึงหอแล้ว เขาก็ไม่ได้ลืมน้องเลยสักนาทีเดียว.... แค่นั้นเอง
********************
หลังจากฟ้าเปิด โลกทั้งโลกของธีและพฤกษก็เป็นสีชมพูกันอยู่เงียบๆ สองคน
ก่อนหน้าที่จะคบกันในฐานะแฟน พี่ธีเคยพาพฤกษมาร้านต้มหน้ามอครั้งเดียว พฤกษชอบร้านนี้ แต่ให้ปั่นจักรยานไปเอง เกรงว่าปั่นกลับมาก็ต้องกินเสริม... เปลืองเงินเปล่า ซ้อนพี่ธีมาสบายจะตาย ทว่าครั้งนั้นพฤกษมาเจอเพื่อนพี่ธี และพี่ๆ เค้าก็มาร่วมโต๊ะด้วย ก็รู้ว่าพี่ๆ เขาให้ความเป็นกันเอง แต่พี่คนอื่นๆ ไม่สนิทใจเท่าพี่ธี พฤกษเลยพูดน้อยลง พี่ธีเลยคิดว่าพฤกษไม่สะดวกใจ และไม่ค่อยขี่รถพามาที่ร้านข้าวต้มนี้อีก... พอเปิดตัวกันแล้ว พี่ธีก็พาไปกินข้าวต้มที่หน้ามอบ่อยขึ้น... และทุกครั้งก็จะแยกโต๊ะกับเพื่อน
พฤกษเคยถามพี่ธีครั้งนึง แล้วก็เลยรู้ว่าพี่ธีเข้าใจผิด แต่พอแก้ความให้พี่ธีเข้าใจถูกแล้ว เพื่อนพี่ธีก็ยังให้นั่งแยกโต๊ะกันเหมือนเดิม
ระหว่างพฤกษกับธีความสัมพันธ์ไม่ได้หวือหวาเหมือนคู่อื่น ทั้งสองสุขใจสบายใจที่จะทำอะไรก็ทำ อยู่ตรงไหนไปตรงไหนแล้วสนุกก็ไปกัน ในสายตาคนภายนอกก็เหมือนเดิม สนิทกว่าเดิมนิ๊ดเดียว
พอช่วงสอบปลายภาค ต่างก็เก็บตัวอ่านหนังสือมากขึ้น อันที่จริงพฤกษไม่ได้สนใจอ่านหนังสือเลย ก็หัวไม่ดี อ่านแล้วไม่จำเท่าไหร่ แต่พี่ธีเรียนเทอมสุดท้ายแล้ว พี่ธีบอกว่าพี่ธีไม่เก่งมาก เลยต้องพยายามเยอะกว่าคนอื่น พฤกษจึงทำทีเป็นว่าจะอ่านหนังสือบ้าง เพื่อให้พี่ธีกลับไปอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจ
เหงา....ก็มีบ้าง แต่ไม่เป็นไร พฤกษทนได้ สอบเสร็จพี่ธีก็มาอยู่ด้วยเหมือนเดิมเองล่ะ----พฤกษคิดเช่นนั้น
ทว่า สอบปลายภาคเสร็จ พี่ธีก็ต้องวุ่นกับการขอใบรับรองสภาพนิสิตเอกสารหลายๆ อย่างเพื่อเตรียมนำไปประกอบการสมัครงาน ไหนจะลำบากกับการเลือกบริษัทที่จะส่งใบสมัครเข้าไป ไหนจะต้องค้นว่าแผนกที่อยากทำงานมีที่ไหนเปิดรับบ้าง พี่ธียังต้องวุ่นกับความวายป่วงของส่วนงานที่ออกเอกสารให้นิสิต
กองงานนี้ พิลึกมาก ก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว แต่ทำไมชอบทำเอกสารง่ายๆ ให้เป็นเรื่องที่ยากโคตรๆ ด้วยนะ...... พฤกษได้เห็นพี่ธีที่ใจเย็นนิ่งเสมอสบถกับเค้าก็เพราะการออกเอกสารของสำนักงานนี้นี่ล่ะ ไม่ได้ตกใจนะ ดีใจที่พี่ธีก็เป็น “คน” เหมือนคนอื่นนี่นา เคยหลงคิดอยู่บ่อยๆ ว่าแฟนเป็นรูปปั้นที่ขยับได้รึเปล่าหนอ
“ใจเย็นพี่” พฤกษยื่นแก้วน้ำเสาวรสปั่นไปให้พี่ธีจิบดับร้อน
“ก็พูดดีๆ ก็ได้.... ขอพี่พูดแบบผู้หญิงหน่อยนะ จะ “จิก” ให้มันได้อะไรขึ้นมา เฮ้------อ” พี่ธีฉุนขาด
พี่ธีไปถามว่าเอกสารได้รึยัง เพราะบริษัทที่พี่ธีเล็งไว้เปิดรับแล้วเมื่อวานซืน ยื่นคำขอไป 2 อาทิตย์แล้ว เอกสารยังไม่ไปไหนเลย ถามพนักงานก็ว่าให้รอ ถามบ่อยก็ชักสีหน้า..... แต่เมื่อวานพี่ธีทนไม่ไหว เลยไปถามอีกที.... เจอสองเด้ง----- “คนเซ็นต์ไม่อยู่ กลับต้นเดือนค่ะ และถ้าได้แล้วเราจะปิดประกาศแจ้งหน้าตึก หากไม่มีประกาศนิสิตก็ควรรู้ด้วยตัวเองนะคะ”
“พี่ดูที่สำรองไว้ยังอ่ะ หาเผื่อไว้ ฆ่าเวลาอ่ะพี่” พฤกษนึกขึ้นมาได้ ช่วยพี่ธีคิด
“พี่ดูหมดแล้ว จดไว้หมดแล้ว” ธียกแก้วน้ำปั่นขึ้นมาดู หน้าเซ็งสุดบรรยาย แต่น้ำเสียงกลับมาเรียบๆ เหมือนเดิมแล้ว
“กลับบ้านดิพี่ ไว้เอกสารมาแล้วค่อยกลับมาเอา อยู่ตรงนี้ไปก็ของขึ้นเปล่าๆ” พฤกษยกแก้วน้ำปั่นขึ้นดูดบ้าง ไอศครีมหมดแล้ว ก็นั่งเล่นไปเรื่อยๆ เฝ้าร้านให้น้องหวาน
น้องหวานฝากร้านไว้กับทั้งสองคน ส่วนตัวเองออกไปซื้อข้าวกลางวันมากิน... พฤกษขายของได้ พี่ธีตักไอติมเป็น อันที่จริงน้องหวานสอนทั้งสองคนนั่นแหละ แต่พฤกษชอบตักแบบเอาสะใจตัวเอง น้องหวานบอกว่า “ตักแบบพี่พฤกษ ร้านพี่หวานเจ๊งกันพอดี พี่พฤกษยกไปให้ลูกค้าพอนะ ห้ามจับที่ตักเด็ดขาด!”
ธีวางแก้วน้ำแล้วเอามือข้างหนึ่งมาท้าวคาง สายตามองตรงมาที่พฤกษ “ถ้าพี่กลับบ้านพี่ก็ไม่เห็นหน้า........”
ประโยคแบบจงเติมคำในช่องว่างเรียกสีแดงเรื่อขึ้นมาบนหน้าพฤกษได้ในทันที “ถ่ายรูปเอาไปเก็บไว้ดูสิ”
“ไม่ได้ยินเสียง” ยังขาดอยู่
“ก็โทรมา เดี๋ยวคุยให้ฟัง” เติมให้
“จบแล้วนะ ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วนะ” นี่คือสิ่งสำคัญ ธีเรียนจบแล้ว และต้องไปหางานทำ ซึ่งแน่นอนว่าที่ทำงานซึ่งธีเลือกไว้ ไม่ได้อยู่ในระแวกมหาลัยนี้เลย
ถึงเรียนจบแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเลิกคบกัน แต่เพิ่งได้เป็นแฟนกันแค่ไม่กี่เดือนกลับต้องมาอยู่ห่างกันซะแล้ว... ถึงทำใจได้ตั้งแต่เริ่มคบกัน พอเวลามาถึงจริง...หัวใจต่างคนต่างก็เสียดายและห่วงหา
คบกันรักกันมันเป็นเรื่องง่าย
ความรักมีไม่ยาก เพราะจู่ๆ มันก็มา.... บางคนยังไม่ทันทรมานกับการแอบรักก็มีความรักซะแล้ว.... เช่นธีเป็นต้น
“ความรัก” จะมีให้กันมากแค่ไหนก็ย่อมได้ ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดในความสัมพันธ์สีชมพูแบบนี้------- เราจะรักษามันให้คงอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ได้อย่างไร
ไม่มีใครรู้เลย.............