พิมพ์หน้านี้ - [เวลา] จบในตัว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: BaoBao ที่ 28-03-2012 14:03:19

หัวข้อ: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 28-03-2012 14:03:19
**************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

**********************************************************************

รวมงานเขียนของ BaoBao จ้า (https://www.facebook.com/notes/baobao-story/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2-baobao-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%A1/105373206277195)

อ่านก่อน ชั่งใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีชมพู คือ แนวน่ารักไม่ปวดใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีม่วง คือ แนวเจ็บปวดหน่วงหัวใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีเขียวฟ้า คือ แนวที่จัดอารมณ์ไม่ได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องสั้น

 [หึง & ง้อ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32258.0)
 [ข้างๆ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32730.0)
 [บังเอิญ]… ณ โรงพยาบาล  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34345.0)
 [อย่าเงียบสิวะ!]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34200.0)
 [แค่นี้ได้มั้ย?]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34200.30)
  [บังเอิญ]… คำบางคำกับช่อดอกไม้   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37207.msg2319691#msg2319691)
ซีรีย์สั้นกุด [บังเอิญ]...คน (ไม่) รู้จัก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43183.msg2778253#msg2778253)
ซีรีย์สั้นกุด คำ บ า ง คำ [Silence speaks...]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39086.msg2471624#msg2471624)

เรื่องกึ่งสั้น-กึ่งยาว
 [แอบ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32607.0)
 [สองก้าว]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32258.msg1903406#msg1903406)
 [เวลา]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32382.0)
 [รู้แล้ว]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33130.msg1981862#msg1981862)


เรื่องยาว
 [กระดาษ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32535.0)
 [กระซิบ]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32646.0)
 [บอก]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32646.msg1970179#msg1970179)
 [บังเอิญ]… สวนทาง   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34952.0)


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/153176291_1930046247143206_9165019793219568163_o.jpg?_nc_cat=109&ccb=3&_nc_sid=0debeb&_nc_ohc=744de3WEk-0AX9fgjH6&_nc_ht=scontent.fbkk5-1.fna&oh=694fe0141deb20721da961500d304d00&oe=605BBFAF)

เวลา




จริงๆ มันลืมไปแล้ว มันจำไม่ได้แล้วจริงๆ

ถึงรู้ว่าสิ่งที่ลืมมันยังคงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง เนื่องจากมันไม่ได้สลายตัวไป แต่มันลืมไปแล้ว ทำไมต้องรื้อฟื้น ไม่สิ ทำไมต้องออกมาจากที่ซ่อน ทำไมต้องมาแสดงตัว......

เป็นเพราะ------คุณ กับแค่ประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำของคุณ!

งั้นก็อย่าเจอกันอีกเลย อย่าพบกันอีกเลย อย่าคุยกันอีกเลย.....

จงลืมมันเถอะ!

ลืมซะ!

ได้โปรด...


.

..

...

....

.....

......

.......


“ขอสายคุณธีปสุวรรณครับ” เสียงหนึ่งกรอกมาตามสาย

“ครับ พูดสายอยู่ครับ ไม่ทราบจากไหนครับ?” อีกฝ่ายตอบรับ

“ผมโทรจาก O.P.M. คุณนุชาให้โทรมาแจ้งเรื่อง......” เขาพูดรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่หัวหน้าบอกไว้ไปตามหัวข้อ ทีละรายการ จวบจนหมดสิ่งที่เขาต้องแจ้งกับอีกฝ่าย

คุณธีปสุวรรณสอบถามบ้างในบางหัวข้อ บางรายละเอียด ซึ่งไม่ได้เกินกว่าที่พฤกษรู้ เขาจึงสามารถตอบคุณธีปสุวรรณได้โดยทันที แต่แล้วเมื่อประโยคหนึ่งเอ่ยถาม ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ และทั่วไปมาก ทว่า เขากลับไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ในทันที

“ผมพูดสายกับใครครับ?”

จะบอกชื่ออื่นไปก็ได้ หากที่นี่ไม่ใช่ที่ทำงาน จะบอกแค่ว่าหัวหน้า...คุณนุชาสั่งมาแค่นั้นก็ได้ หากแต่ถ้าก่อนที่เขาจะโทรไปหาอีกฝ่าย คุณนุชาได้กำชับเขาไว้ว่า “พฤกษ เรื่องนี้พี่ให้เธอจัดการเลยนะ ลองดู หากทำผ่าน เธอจะได้ขึ้นมาช่วยพี่สักที”

พฤกษพยายามปฏิเสธหัวหน้าที่เคารพด้วยความสุภาพ ไม่ใช่ว่าฝีมือไม่ถึง ไม่ใช่ว่าไม่อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ให้เขาติดต่อประสานงานกับใครก็ได้ ขอแต่ไม่ใช่คนนี้.... ใบสั่งงาน รายละเอียดเกี่ยวกับงาน และชื่อคนที่เขาต้องติดต่อแผ่หราอยู่ในมือของพฤกษ งานนั้นไม่ยาก ท้าทายเล็กน้อย หากงานแค่นี้ทำให้เขาขยับตำแหน่งได้ก็ถือว่าเขาโชคดีมาก

แต่ความโชคดีของเขามันได้หายไปเมื่อเขาเห็นชื่อผู้ที่เขาต้องติดต่อด้วย----ธีปสุวรรณ นามสกุลนั้นก็ใช่!

อันที่จริง เขาลืมไปหมดแล้ว........อย่างน้อยก็เชื่อว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น ตราบจนเวลานี้ ความรู้สึกที่คิดว่ามันหมดสิ้นไปแล้ว กลับเผยอหน้าออกมาเยี่ยมมองโลกภายนอก.....เพื่ออะไร?

“ผมชื่อพฤกษครับ” พฤกษบอกอีกฝ่าย

“นามสกุลครับ” อีกฝ่ายถามต่อ

“xxxxxxx ครับ” พฤกษตัดใจบอก

“................................. พฤกษครับ เราต้องคุยกัน!” อีกฝ่ายเงียบไปนานก่อนจะพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“คุณนุชาให้แจ้งเท่านี้ครับ หากทางเรามีสิ่งใดเพิ่มเติม ทางเราจะแจ้งให้คุณทราบอีกครั้ง ขอบคุณมากครับสำหรับความกรุณาที่ผ่านมา สวัสดีครับ” พฤกษกล่าวรัวเร็วและวางสายไป

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

เพราะ------คุณ

แค่ได้ยินเสียง...คำคำนั้น ประโยคสั้นๆ แค่ไม่กี่คำ มันก็ทำให้เขารู้ตัวเองว่า ตกหลุมรักคุณ...มันง่ายแค่นี้เองน่ะเหรอ

พฤกษถอนหายใจ รวบรวมสมาธิแล้วหันกลับมาทำงานต่อ... ยังมีงานกองอยู่เต็มโต๊ะ มีโครงการให้สาง มีเรื่องให้ทำอีกเพียบ ตอนนี้พฤกษไม่มีเวลาว่างสำหรับเรื่อง----หัวใจ



********************************


ธีปสุวรรณวางหูโทรศัพท์และระบายลมหายใจ เขาทั้งดีใจและผิดหวัง เขานั่งจ้องโทรศัพท์และใคร่ครวญอีกครู่หนึ่ง หัวใจยังคงเต้น เขายังหายใจเข้าออกได้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งความรู้สึกที่มีต่อปลายสายซึ่งตัดสายจากเขาไปโดยไม่ใยดีกันเลย

“คุณธีคะ ไม่สบายรึเปล่าคะ?” เสียงหนึ่งถามเขา

“อืม..... เปล่าครับ พอดีคิดอะไรนิดหน่อย มีอะไรครับ?” ธีหันหน้ามาถามเธอ

“โปรเจคกับ บ. A.N.P. ฝ่ายการตลาดคืนมาให้แล้วค่ะ ส่วนโปรเจคจาก บ. O.P.M. ฝ่ายตลาดบอกว่า อยากได้รายละเอียดภายในอาทิตย์นี้ เพื่อสรุปให้ทันก่อนเข้าที่ประชุมวันจันทร์หน้านี้ค่ะ” เธอแจกแจงงานให้ผู้จัดการฟัง

“ครับ O.P.M. โทรมาแล้วเมื่อกี้ น่าจะเปลี่ยนคนดูแลงานใหม่” ธีหยิบกระดาษขึ้นมาเขียน

“อ้าว ไม่ใช่คุณนุชาหรือคะ?..... ฝ่ายตลาดได้เกร็งกันแน่ๆ คนก่อนนี้ท่าดีทีเหลวไปคนแหละ เครียดแทนคุณนุชาเธอนะคะ” เธอพูด

“ก็ค่อยๆ ดูกันไป คนละคนกัน อาจไม่เหมือนกันก็ได้ นี่ชื่อเขาครับ หากผมได้แฟ๊กซ์รายละเอียดงานแล้ว จะส่งไปให้คุณ คุณไปแจ้งฝ่ายตลาดให้รู้กันไว้ก่อนก็คงดี บรีฟให้แน่นๆ เผื่ออย่างไรจะได้ไม่เป็นเหมือนคราวก่อน” ธีสรุป

“ค่ะ คุณธี” เธอรับกระดาษจากมือธีแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง

รอจนเธอไปแล้ว และประตูถูกปิดลง ธีค่อยเปิดลิ้นชักของโต๊ะทำงาน เขาหยิบกระเป๋าใส่เงินออกมา เปิดมัน และจ้องมองมัน.....

ภาพของเขาสมัยที่ยังวัยรุ่นสวมกอดคนอีกคนที่อิงแนบอกของเขาด้วยรอยยิ้ม....


....


...


..


.



ครั้งหนึ่งเมื่อใจคิดว่า ไม่ไหวแล้ว พอแล้ว เบื่อ เซ็ง

ต่อมาเขากลับพบว่า คิดผิดแล้ว มันไม่ใช่ ไม่เอาแบบนี้

หากแต่เวลาได้ไหลผ่านไปแล้ว เขาไม่อาจเรียกคืนมันมาได้ ที่สำคัญเขาหาตัวคนคนนั้นไม่เจอ

หากเขาพยายามมากกว่านั้นเขาอาจตามตัวเขาเจอก็เป็นได้ ทว่าเขากลับหยุดมันไว้เอง...เพราะคิดว่าน่าจะดีต่ออีกฝ่าย

ใช่มันดีแล้ว ดีที่สุดตราบเท่าที่เขาจะไม่ได้ยินเสียงนั้น!

ครั้งแรกที่รับสายและได้ยินเสียง ใจเขาฉุกคิดว่าเป็นเขารึเปล่า ใจมันเต้นรัว...

จะเต้นทำไม จะเอาอะไรกับเขาอีกไอ้ธี จบกันไปแล้ว ให้เขาไปดีเถอะ แต่แล้ว.....เมื่อได้ยินชื่อนั้น ใจเขาบังเกิดความมุ่งมั่นหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ไม่เคยลืมเขาเลยสักนาที ทุกครั้งที่หายใจก็ยังคิดถึงแต่เขา รู้ตัวอยู่เสมอว่าตัวเองทำผิดพลาดลงไป รู้ตัวดีว่าปล่อยเขาไปเองกับมือ

ทว่า เสียงของเขามีพลังกับหัวใจธีมากอย่างที่ธีไม่เคยคาดคิด... แค่ได้ยินเสียง แค่รู้ว่าเจอแล้ว เขาเจอเขาสักที... เพียงแค่นั้นใจก็ร่ำร้องว่า อยากกลับไปหาเขา อยากเอาเขากลับมา

จากวันนั้นถึงวันนี้เวลาผ่านไปหลายปี เวลาไม่ไหลคืนกลับเฉกเช่นเดียวกับใจคนที่เปลี่ยนไปได้เสมอ... ธีสำนึกถึงความจริงข้อนี้


ในเมื่อยังรัก!

ธีตัดสินใจจะลองดูสักตั้ง หากเขายังไม่มีใคร หากเขาสามารถให้อภัยกันได้ ครั้งนี้ล่ะ ครั้งนี้เขาจะ.....................................


*****************************

[/color]  :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแรก
เริ่มหัวข้อโดย: goonglovenut ที่ 28-03-2012 16:06:59
 :really2:มีอะไรซ่อนอยู่ คอยลุ้นต่อจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแรก
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 28-03-2012 16:45:48
มารอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแรก
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 28-03-2012 17:57:41
 :mc4:

ยินดีต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ  รอเวลาใหม่เริ่มต้น

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสอง
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-03-2012 19:38:13
วรรคสอง




“อ้าวพี่ธี เป็นไงบ้างลูก? งานยุ่งมากมั้ย?” ชายน้ำเสียงสูงวัยกล่าวถาม

“ครับพ่อ ได้บรรจุแล้วครับ ลำบากอยู่พอควรครับ ว่าแต่พ่อสบายดีมั้ยครับ?” ธีกล่าวถามพ่อของพฤกษด้วยความเป็นห่วงจากใจ

“อื้ม พ่อก็ตามอัตภาพล่ะพี่ธี...ได้บรรจุก็ดีแล้วลูก แรกๆ เราต้องอดทน ต้องเรียนรู้งานให้มากๆ อย่าเกี่ยงนะพี่ธี ลำบากยังไงพี่ธีต้องอดกลั้นไว้นะ หากมันมากไปก็ถือเสียว่าเรากำลังทดสอบตัวเองอยู่” พ่อสอนธี

“ครับผม ธีจะจำให้ขึ้นใจครับ” ธีรับคำด้วยความตื้นตัน

“ขยัน ซื่อสัตย์... พี่ธีจำให้ขึ้นใจสองอย่างเท่านี้ เดี๋ยวสิ่งที่เราเหนื่อยยากกับมัน มันจะมาตอบแทนเราในวันข้างหน้าเอง อย่าท้อนะพี่ธี ชีวิตมันไม่ลำบากนักหรอกหากเราใช้มันเป็น” ชายหนุ่มยังคงสอนธีด้วยความห่วงใย

“ครับพ่อ ไม่ท้อครับ ธีจะสู้” ขณะที่โทรหาพ่อ ธีเหนื่อยใจและท้อกับชีวิตเหลือเกิน ทั้งงานที่รุมเร้า ทั้งหัวใจที่ขาดหาย พ่อจะรู้มั้ย ลูกชายของพ่อทำหัวใจเขาแหว่งอยู่ในเวลานี้

“ดีลูก เนี่ยเดี๋ยวไอ้ลูกหมามันจะรู้สึก รออีกไม่กี่เดือนหรอก พี่ธีรู้แล้วเนอะว่าวันนี้แม่ไอ้ลูกหมามันไปส่งไอ้ลูกหมาเข้าหอ ฮึ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแหละ ยังต้องไปส่งกันอีก พ่อก็บอกว่าหากเป็นไรขึ้นมาจริงๆ พี่ธีก็อยู่ใกล้ๆ แม่มันยังจะไป หมั่นไส้จริงๆ” พ่อบ่นอุบ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... แม่อาจห่วงน้องก็ได้ครับพ่อ ช่วงหลังมาธีก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลน้องเลย” ธีออกตัว น้องไม่อยู่ด้วยแล้ว เขาเองก็ติดต่อน้องไม่ได้ เป็นห่วง อยากถาม...อยากรู้ว่าสบายดีมั้ย อยากรู้ว่า....อยากรู้อะไรหลายๆ อย่าง แต่น้องไม่รับสาย หลังๆ มาก็เจอแต่เสียงที่บอกว่า

‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

นานวันไปก็เปลี่ยนเป็น... ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง’

ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เหลือแค่โทรมาหาพ่อ ธีรู้ว่าหากโทรหาแม่เขาจะได้เจอตัว แต่ไม่ได้ หากทำแบบนั้น น้องคงเก็บอาการไม่อยู่ แม่คงจับได้ว่าโกรธกัน

ธียังไม่อยากให้แม่รู้ ธียังไม่อยากให้พ่อรู้... เขายังอยากเหลือแม้เพียงช่องว่างเล็กๆ ให้กับตัวเอง

“โหย คนทำงานพี่ธี พ่อรู้ดี พ่อผ่านมาก่อน แต่ดีแล้วล่ะพี่ธี ให้ไอ้ลูกหมามันไปอยู่เองคนเดียวมันจะได้รู้ว่า การอยู่คนเดียวในสังคมมันทรมานใจขนาดไหน ฮึ แล้วมันจะรู้สึก!”

พ่อเตรียมซ้ำลูกชายตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่า หากลูกชายตัวเองต้องอยู่คนเดียวในสังคมแล้วล่ะก็ ใครอีกคนที่กำลังพูดสายอยู่กับพ่อ เขาเองก็ต้องเดียวดายอยู่ในสังคมเช่นเดียวกัน... เพราะการบีบคั้นของสังคมทำงาน ทำให้เขาออกปากท้าทายไปกับพฤกษ และพฤกษเองก็รับคำท้านั้น โดยเดินออกไปจากชีวิตของเขา ห้องของเรา...


.........

........

.......

......

.....

...

..

.



พี่ธีไม่เหมือนเดิม พี่ธีไม่ค่อยใส่ใจเขา พี่ธีชอบทำหน้าเซ็ง ถึงเขาพยายามร่าเริงยังไง ชวนพี่ธีให้สดชื่นยังไง พี่ธีก็ยังเซ็ง เครียด และเบื่อ..... พฤกษรู้ว่างานมันเครียด งานมันหนัก แต่พฤกษอยากให้พี่ธียิ้มออก และสบายใจเวลาที่อยู่กันสองคน อยู่ในห้องของเรา พื้นที่ของเรา

พฤกษเองก็พยายาม... แต่เมื่อนานวันไป สิ่งที่ไม่ควรคิดมันก็คิดขึ้นมา

ความเซ็งเครียดและเบื่อ มันถ่ายทอดกันทางอากาศ หากคนหนึ่งเป็นโรคนี้ อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็จะเป็นไปด้วย...ในสักวัน

พฤกษเริ่มนอยด์ว่าพี่ธีไม่สนใจตัวเอง พี่ธีเบื่อตัวเองแล้วใช่มั้ย พี่ธีรักตัวเองน้อยลงแล้วใช่มั้ย?... กระทั่งพี่ธีหมดรักกันแล้วใช่มั้ย?

การถามคำถามคนอื่นแต่ต้องมานั่งวนเวียนอยู่ในคำตอบที่คิดเอาเอง...นานวันเข้า ความน้อยเนื้อต่ำใจก็เริ่มปรับนิสัยของคนที่ตั้งคำถามให้แปรเปลี่ยนเป็นใครอีกคนที่... งี่เง่า พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ใจ ไม่ยอมเข้าใจ----- สุดท้าย “คนน่าเบื่อ”

“ทำไมต้องทำตัวน่าเบื่อห๊า พฤกษ แค่งานพี่ก็เครียดพอแล้วนะ ไหนว่าเข้าใจ นี่เหรอเข้าใจ!” ธีตวาด

“น่าเบื่อเหรอ ใครกันแน่ที่น่าเบื่อ ไปส่องกระจกดูตัวเองก่อนเถอะ!” พฤกษปาหมอนอิงที่กอดไว้ตลอดเวลาพื้น

เป็นสัญญาณบอกว่าด้ายเส้นสุดท้ายเริ่มขาดแล้ว

“อย่าทำเป็นเด็ก โตแล้วพฤกษ เข้าใจพี่บ้าง พี่ไม่ทะเลาะด้วยนะ พอ! จบ! ไปกินข้าว” ธีเดินนำไปที่โต๊ะทานข้าวซึ่งพฤกษจัดอาหารเช้าง่ายๆ เตรียมไว้เสร็จแล้วเหมือนเช่นทุกวัน

ปุ๊! หมอนอิงใบหนึ่งลอยไปตกที่บนโต๊ะกินข้าว....

ธีหันขวับมาทำตาขวาง เขาสุดจะทนแล้วจริงๆ

“ผมเบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ... ผมเบื่อพี่!” พฤกษตะโกนเสียงดังสุดเสียงจนหน้าแดง

“เออ! เบื่อนักก็เลิกกันไปเลย จบมั้ย จบกันสักที พี่ก็รำคาญเป็นเหมือนกันนะ งี่เง่า!” ธีตวาดเสียงดังไม่แพ้กัน

เขาก้าวแบบย่างสามขุมเข้าไปหา จับใบหน้านั้นแล้วก้มลงไปจูบอย่างรุนแรง ก่อนจะถอนจูบแล้วพูดเสียงแบบได้ยินกันแค่สองคนว่า “ถ้าอยู่แล้วทำดีได้แค่เป็นเพื่อนนอน ก็พอเหอะ แบบนั้นหาที่ไหนก็ได้!”

............

..........

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.


หลังจากเสียงปิดประตูดังขึ้น พฤกษทรุดฮวบลงกับพื้น เขาไม่อยากเชื่อว่าเมื่อกี้เขาได้ยินอะไรจากพี่ธี คำนั้นหรือคำที่พูดกับคนที่รักกัน....

ไม่รักกันแล้วใช่มั้ยพี่ธี หมดรักแล้วจริงๆ สินะ......

เขาไล่แล้ว คงหน้าด้านอยู่ไม่ได้อีกต่อไป... หรือความจริงแล้วที่ยังอยู่อยู่นี่ล่ะคือ “เราหน้าด้าน”... อยู่มาได้เป็นนานจนเขาต้องออกปากไล่

ทำไมไม่บอกผม...พี่ธี

ทำไมไม่พูด

ทำไมครับพี่ธี

ทำไม

ทำไม

ทำไม

ทำไม

ทำไม

...



















พออารมณ์โมโหที่ปะทุขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าบรรเทาลง ธีจึงสำนึกว่าพูดไม่ดีออกไป แต่เมื่อเขาง้อพฤกษอีกหลายครั้ง และไม่ประสบความสำเร็จ เขาอยากให้อีกฝ่ายเข้าใจเขาที่ทำงานหนักและเครียด แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเข้าใจ ธีรู้สึกว่าพวกเขาเดินมาถึงทางตันกันแล้ว

เมื่อรักกัน แต่ปราศจากความเข้าใจกัน ธีคิดว่าจะปล่อยรักนี้ไปซะ เพราะขืนยังดึงรั้งกันไว้ อนาคตต่างก็จะเจ็บกันไปกว่านี้

เวลานี้แค่สองปีเท่านั้น ความผูกพันยังไม่มากเท่าไหร่ เขาน่าจะตัดได้ เจ็บก็มีนะ มากทีเดียวเชียวล่ะ แต่นี่ยังน้อย ยังน้อย เท่านั้นธีสามารถปล่อยไปได้ ถึงจะเจ็บแต่เท่านี้ธียังพอทำใจได้...

เสียใจให้พอแล้วเงยหน้าสู้กับชีวิตต่อไป----- ธีสรุปเช่นนั้นทั้งน้ำตา

พฤกษนั้นก็สภาพไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ต่างกันอย่างเดียวคือ เขารอคอย เขารอคนที่เขารักมาขอโทษ เพื่อจะคืนดีกันอีกครั้ง แม้หลายๆ ครั้งที่ผ่านมาพฤกษเองนั่นแหละที่ตัดเยื่อตัดใจกับเขา... ด้วยความโกรธ ด้วยความน้อยใจ

ระหว่างธีและพฤกษ...พวกเขาเดินไปถึงทางแยก โดยที่ต่างไม่เคยนึกฝัน แม้ในฝันที่ผ่านมาของพวกเขาก็ไม่เคยมีวันนี้........

.......

.....

....

...

..

.








*****************************


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสอง
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-03-2012 20:02:55
พี่ธีทำตัวเองนะ แล้วก็ปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเนิ่นนาน จะยังต่อกันติดเหรอ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสอง
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 30-03-2012 20:14:33
ลุ้นตัวโก่ง .. พี่ธีจะทำอย่างไร เพื่อตามรักมาคืนใจ
เชียร์ทั้งๆที่หมั่นไส้นี่แหละ  :beat: ทำน้องพฤกษเสียใจ

บวกและเป็ดจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสอง
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-03-2012 20:59:19
ถามใจตัวเองก่อนดีกว่านะนายธีว่าต้องการคู่นอนเพื่อระบายความใคร่


หรือต้องการคนรักที่เข้าใจซึ่งกันและกันมีปัญหาอะไรค่อยแก้ใขเป็นกำลังใจให้กัน

ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ความใครหรือที่ระบายโทสะ ไม่เช่นนั้นครั้งต่อไปมันก็เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสอง
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 30-03-2012 21:58:08
หนักเหนื่อยก็ห่างกันไป  บางทีเวลาอาจจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ได้
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสอง
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 31-03-2012 12:04:21
เหนื่อยนักก็พัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสาม
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 13:01:39
วรรคสาม



จริงๆ มันตัดใจไปแล้ว ไม่อยากรื้อฟื้นแล้วจริงๆ

...หรืออย่างน้อยก็เคยตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้น

ถึงรู้ว่าความรู้สึกนั้นมันยังคงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง เนื่องจากมันไม่ได้สลายไป แต่ตัดใจไปแล้ว  ไม่สิ ตั้งใจที่จะตัด แล้วทำไมต้องออกมาจากที่ซ่อน ทำไมต้องมาแสดงตัว......

เป็นเพราะ------เขา แค่รู้ว่านั่นเป็นเสียงของเขา แค่รู้ว่าเป็นเขา!

อย่าเลย!

อย่า...

อย่า...

อย่า...


.

..

...

....

.....

......

.......

ประชุมช่วงเช้าเสร็จสิ้น ธีปสุวรรณปิดแฟ้มและเดินเข้าไปหาผู้บริหาร เขารับคำสั่งเป็นการส่วนตัวสักพักจึงเดินมาหาผู้ช่วยของตัวเอง ธีบอกผู้ช่วยให้ไปพักกลางวันก่อนแล้วถึงเข้ามาทำงานต่อ

ธีสั่งงานเสร็จก็เดินเข้าไปเก็บเอกสารในห้องของตัวเอง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องทำงานของตัวเอง ตาเขาเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งเลื่อนออกมาจากเครื่องโทรสาร เขาเดินกลับไปดูเอกสารนั้น

รายละเอียดงานเปิดตัว “xxxxxxxxx”

ผู้จัดงาน: บริษัท O.P.M.


ธีรีบไล่สายตาลงด้านล่าง....

ผู้ดูแลโครงการ นายพฤกษ  xxxxx
(e-mail: p_opm@opm.co.th   Tel: 02-xxxxxxx ต่อ xxx)

ธีถอนหายใจทันทีที่ยังเห็นรายชื่อนั้นอยู่บนกระดาษ เดิมเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะถอนตัวจากงานนี้ไปแล้ว...กระนั้น ธีก็รีบยั้งความโล่งใจของตัวเองเอาไว้

เขาไม่ควรรื้อฟื้น...ก็จริง แต่ใจเขามันร่ำร้องว่าลองดูก่อน ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

ธีหวังว่า เวลาอาจช่วยชำระล้างความขุ่นเคืองที่มีในใจของอีกฝ่ายลงได้

เวลาอาจช่วยธีได้...

แม้เป็นแค่ “อาจ” แต่ธีก็อยากที่จะลอง

..........

........

.......

......

.....

....

...

..

.


“คุณดาครับ ช่วยเอารายละเอียดงานนี้ส่งให้ฝ่ายการตลาดด้วย สำหรับงานนี้ หากฝ่ายการตลาดวางแผนหรือประชุมความคืบหน้าอะไรยังไง ให้เขาทำรายงานสรุปมาให้ผมด้วยทุกครั้งนะครับ ผมไม่อยากให้เป็นเหมือนคราวที่แล้ว ผู้บริหารค่อนข้างเป็นกังวลมาก เราช่วยๆ กันดูน่าจะดีกว่า” ธีสั่งผู้ช่วยพร้อมยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้เธอ

“ค่ะ...คุณธี” ผู้ช่วยสาวรับเอกสารไป และเดินออกไปจากห้อง

ธีปสุวรรณไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันที่เอาเรื่องส่วนตัวมาพันกับเรื่องงานแบบนี้ ทว่า หากไม่ใช้โอกาสนี้ คาดว่าอีกฝ่ายคงไม่เปิดโอกาสให้เขาอีกเป็นแน่

ธีเริ่มวางแผนการเอาไว้ในใจหลายๆ ทาง เมื่อคิดตามนิสัยของอีกฝ่ายแล้ว... จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย...

ธีไม่คาดหวัง ธีพยายามไม่คาดหวัง... เวลานี้เขาขอเพียงแค่โอกาส


*****************************


พฤกษนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงานของหัวหน้า

ช่วงบ่ายของวันจันทร์ หลังจากที่บริษัทลูกค้าประชุมภายในกันเสร็จ ที่ประชุมลงความให้โครงการที่เขาเป็นเฮดผ่าน... โครงการไปต่อได้ก็น่าจะเป็นเรื่องดี หากแต่ว่าพนักงานคนก่อนจะไม่ทิ้งงานไปกลางคันด้วยเหตุผลส่วนตัว จนทำให้งานเปิดตัวสินค้าของบริษัทลูกค้าเกือบล่ม ตอนนั้นเดือดร้อนด้วยกันทั้งสองฝ่าย...

“ถือว่าเป็นการพิสูจน์ตัวของบริษัทเรานะพฤกษ พี่พยายามช่วยพูดแล้ว แต่เสียงพี่มันไม่มีน้ำหนักพอ คิดแล้วก็โมโห มันน่านัก!” คุณสุชาเริ่มคิ้วขมวด 

ลูกน้องที่เธอไว้ใจ คนที่เธอกะไว้ว่าจะเลื่อนมาเป็นมือซ้าย มีปัญหาหัวใจจนแยกแยะงานไม่ถูก และท้ายที่สุดเขาก็ทิ้งงานไปในหยดสุดท้าย เดือดร้อนถึงเธอที่มีงานล้นมืออยู่ในขณะนั้นต้องลงมาจัดการเอง โชคดีที่เธอรู้จักกันดีกับคนภายใน และทางบริษัทลูกค้าไว้วางใจ เชื่อใจ และให้อภัย เธอจึงจัดงานนั้นรอดมาได้อย่างลุล่วง และด้วยความกรุณาของผู้ช่วยผู้บริหาร บริษัทเธอจึงยังคงได้เป็นคู่ค้ากันต่อ งานที่เธอให้พฤกษไปทำครั้งนี้คืองานแรกหลังจากที่เกิดเรื่องที่ว่า

พฤกษรู้ดีถึงความรู้สึกและเจตนาของคุณนุชา เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาหลายคนที่ต้องวางงานของตัวเองไปช่วยกู้งานนั้นไม่ให้ล่มด้วยเช่นเดียวกัน

“ผม... พิสูจน์อะไรผมไม่ว่าหรอกครับหัวหน้า ผมก็เข้าใจทางเขาครับ แต่วิธีการประสานงานแบบนั้น มันค่อนข้างจะเปลืองเวลาไปเปล่าๆ นะครับ ทำไมผมต้องเทียววิ่งเข้าบริษัทลูกค้าขนาดนั้น มัน...” พฤกษพยายามจี้จุดที่เขาไม่เห็นด้วย และอยากหาทางออกอื่น

“พฤกษ ทนนิดนึงนะ งานนี้สองเดือนก็เสร็จ พี่ให้พฤกษทำรายละเอียดอยู่ที่ออฟฟิชเรา แต่นอกเหนือจากนั้น พี่ขอร้องให้พฤกษไปหาเขาอย่างที่เขาขอ...นะ ค่าเสียเวลา ค่ารถ ค่าน้ำมัน เธอเบิกได้หมด พี่อยากเรียกความเชื่อมั่นคืนมาจากลูกค้า ถึงพี่จะสนิทกับผู้ช่วยผู้บริหาร แต่ครั้งนี้ผู้บริหารเขาเป็นฝ่ายไม่ไว้ใจเราเอง แต่พนักงานเขาก็เข้าใจเราดี พี่ว่าเธอไม่มีปัญหาเวลาทำงาน ..... เข้าไปให้ผู้บริหารเขาเห็นหน้า เข้าไปให้เป็นข่าวว่าเราไปจริง ตามคำขอ... แค่นี้เอง นะ ได้มั้ย?” หัวหน้าสุชาทำหน้าเอาจริงเอาจังที่สุด

พฤกษเข้าใจดี งานไม่น่าจะมีปัญหา พนักงานของฝ่ายลูกค้าที่ประสานงานกับเขาก็เป็นกลุ่มเดิม การันตีว่าต่างจะเข้าใจในเนื้องานกันดี แถมสิ่งที่เขาทำก็แค่... เข้าไปให้ผู้บริหารเห็นหน้า เข้าไปให้เป็นข่าวว่าเข้าไปแล้วนะ มันไม่ได้ยากเลยสำหรับพฤกษ หากแต่ชื่อของคนที่มีอำนาจตัดสินใจในโครงการนี้จะไม่ใช่ชื่อนั้น----- ธีปสุวรรณ ผู้ช่วยผู้บริหารของบริษัทที่เขาต้องทำงานให้!

“ครับ หัวหน้า” พฤกษรับปากด้วยความกล้ำกลืน นอกจากจะต้องเตรียมงานให้เนี๊ยบที่สุดแล้ว เขายังต้องเตรียมหน้าตา มารยาท และคำพูดสำหรับเข้าสังคมเพิ่มด้วย แต่นั่นยังไม่เท่ากับที่เขาต้อง......เตรียมใจ!

............

...........

..........

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสาม
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 13:08:19
 :กอด1: อาจสั้นไปหน่อย
แต่ขอลงเป็นฉากๆ ก่อน เพื่อกันผู้อ่าน อ่านแล้วสับสนนะคะ

อากาศที่ตจว.ร้อนมากมาย
เครื่องปรับอากาศก็ไม่มี
คุณธีกับพฤกษกำลังละลายไป....ทีละน้อย ทีละน้อย

 o22

คุณธีขากลับมาก่อน คุณพฤกษขาเดินกลับมาค่ะ เรายังไปไม่ถึงครึ่งเรื่องกันเลยนะคะ
อย่านั่งเฉยๆแบบนั้น  :monkeysad:

------ รำพึงรำพัน --------
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสาม
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-03-2012 13:26:33
เข้าขอลุ้นด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสาม
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 13:34:08

.......

......

.....

....

...

..

.

การเข้าไปอธิบายงานด้วยตัวเอง รับงานกลับมาแก้ด้วยตัวเอง นำงานที่แก้ไปให้ดูด้วยตัวเอง ทุกอย่างอยู่ในรูปแบบของการประชุมย่อยภายในของบริษัทลูกค้า... ยุ่งยากไม่ต่างจากที่พฤกษคาดการณ์ไว้ ทว่าสิ่งที่พฤกษไม่ได้คิดไว้นั่นคือ การสรุปงานให้จบได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

พนักงานที่ประสานงานกับเขาช่วยบรีฟงานให้ดีที่สุด เร็วที่สุด และง่ายต่อกันทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้งานเป็นรูปเป็นร่างในเวลาอันสั้น เพียงหนึ่งเดือนพฤกษก็ไม่มีสิ่งที่ต้องแก้ ปรับ หรือเปลี่ยนอีก สมกับที่เคยร่วมงานกันมานาน สมกับความเป็นมืออาชีพด้วยกันทั้งสองฝ่าย

เช่นนี้เอง เวลานี้พฤกษจึงเหลือแค่งานของทางเขาล้วนๆ เตรียมสั่งทำของ จองสถานที่ ควบคุมดูแลทุกๆ อย่างให้เป็นไปตามแผน และตามกำหนดการ

“เหลือขนาดของเปียโนนะครับคุณพฤกษ ไว้ทางเราจะประสานกับนักเปียโนได้แล้ว ผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง อืม..... สถานที่เราคงไม่ได้มีจุดอับของเสียงนะครับ คุณพฤกษเช็คให้ผมรึยัง” หัวหน้าโครงการถามพฤกษ

“ครับ ไม่มีครับ หากขนาดกับสถานที่ไม่เหมาะสมกัน ถ้าทางผมรู้ล่วงหน้า ทางที่จัดงานเขาสามารถปรับช่วยให้ได้ครับ  ทางผมแค่ขยายพื้นที่เวทีอย่างเดียว อืม... ไว้ผมจะส่งแบบเผื่อขยายเวทีมาให้ดูเป็นไกด์ดีกว่านะครับ”
 พฤกษบอก ว่าจะไม่แก้แล้ว แต่ทำเผื่อไว้เลยก็ดี ในเมื่อเปียโนยังสรุปขนาดไม่ได้

   “ดีครับ งั้นก็....เป็นอันจบ เสร็จ ฮ้า----------” หัวหน้าโครงการบิดขี้เกียจ

ถึงแม้เรียกว่าการประชุมย่อยภายใน แต่สำหรับพฤกษ มันเหมือนเขากำลังคุยปรึกษางานกับคนในแผนกเสียมากกว่า ทางลูกค้าให้ความเป็นกันเองกับเขามาก คุยกันแบบง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตอง ส่วนผู้บริหารรู้ได้ยังไงว่าเขามาและทำอะไรบ้าง ผู้ประสานงานบอกว่า ทางเค้าจะมีคนทำรายงานสรุปขึ้นไปให้ทุกครั้งที่มีการประชุมย่อยกัน เช่นนี้พฤกษจึงไม่ต้องพบหน้ากับผู้บริหาร.....หรือแม้กระทั่งผู้ช่วยผู้บริหารก็ตาม

“ป๊ะ กลับบ้านกันคุณพฤกษ” หัวหน้าโครงการชวนเขาพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ครับ” พฤกษยิ้มและรับคำพร้อมลุกขึ้นตาม

“คุณพฤกษทานข้าวกันนะคะ หิวมากเลยค่ะ เสร็จงานแล้วด้วย ลำบากคุณพฤกษเยอะเลย ขอเราเลี้ยงสักมื้อนะคะ” น้องดาที่เป็นคนทำรายงานการประชุมทุกครั้งเอ่ยชวน

“เออ ไปนะคุณพฤกษ ผมน่ะอยากช่วยไม่ให้คุณต้องเทียวไล้เทียวขื่อที่นี่สุดใจขาดดิ้น แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ผู้บริหารท่านเด็ดขาดมาก ครั้งก่อนท่านโกรธมาก เพราะเกือบเสียหน้า ถึงสุดท้ายแล้วไม่เสียก็เหอะ แต่ท่านฝังใจ” หัวหน้าโครงการบอก

“เป็นหน้าที่ครับคุณเชน ผมเข้าใจท่านครับ ทางเราก็ทำไม่ดีจริง” พฤกษบอกด้วยความจริงใจ

“งั้น เพื่อความสบายใจของพวกผม ขอเลี้ยงมื้อนึงนะ ไม่หรูหรอกเอาแบบนั่งสบายๆ... ถือว่าเราไปฉลองที่เราช่วยกันวางโครงงานให้แล้วเสร็จได้เร็วขนาดนี้.. โอเคมั้ยครับ”

พฤกษยิ้ม “งั้นไม่ต้องเลี้ยงผมนะครับ เราไปกินกัน ช่วยกันหาร ถ้าแบบนี้ผมเต็มใจไป”

“อ๊ายยย คุณพฤกษเนี่ย ไม่ยอมกันเลยนะคะ ป๊ะๆ ใครจ่ายก็ได้ ดาไม่ถือ แต่ดาหิวค่ะ” คุณดาสรุปให้และเดินนำออกไปจากห้อง คุณเชนบอกว่าจะไปเก็บของแล้วเดี๋ยวเจอกันที่หน้าประตูของแผนก พฤกษจึงค่อยๆ เก็บของตรงนั้นใส่กระเป๋าตนเอง

ขณะที่เขารูดซิปปิด และเหลียวมองว่าลืมอะไรมั้ย ดวงไฟในห้องที่เคยเปิดถูกดับลง แสงสลัวที่ลอดมาจากทางประตู ส่งเงาของคนคนหนึ่งทาบทับอยู่บนพื้น

ทันทีที่พฤกษกำลังจะเงยหน้าขึ้น เสียงของคนคนหนึ่งดังขึ้น... “พฤกษ... พี่อยากคุยด้วยครับ”

พฤกษกลั้นลมหายใจ ก่อนจะระบายมันออกมาอย่างช้าๆ ปล่อยลมหายใจให้ไหลเวียนทั่วท้อง ---- เตรียมใจไว้แล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ ....... “คุณดาคงทำรายงานส่งท่านทีหลัง วันนี้ผมเสร็จงานแล้วครับ คุณเชนสรุปงานกับผมเรียบร้อยแล้ว และผมกำลังจะกลับ”

“ไม่พูดเรื่องงานครับ เราต้องคุยกัน พี่ขอเวลาแป๊บเดียว” ธีปสุวรรณเดินก้าวเข้ามา ทว่า ขณะที่เขาก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย อีกฝ่ายกลับก้าวถอยหนีเขา

.....จะถามว่า “ทำไม” ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเองนี่ล่ะที่ทำให้อีกฝ่ายต้องถอยห่างไปจากเขา

“พี่ขอคุยด้วยเฉยๆ ไม่กี่คำ พี่อยากพูด...” ธีรอดูปฏิกิริยาจากเขาก่อนที่จะเอ่ยอะไรออกไป “บางอย่าง......” ครั้นเมื่อเขานิ่ง ไม่เดินหนี ธีจึงค่อยๆ เอ่ยพูดในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจมาบอกเขา

“พี่อยากบอกพฤกษว่า พี่ขอโทษ ขอโทษที่พี่พูดไม่ดีกับพฤกษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นความโมโหชั่ววูบ พี่... พี่ขอโทษที่ไม่ถนอมกันไว้อย่างที่เคยบอกกัน พี่ตั้งใจกับงานมากเกินไป พี่ผิด พี่...”

“มีอีกมั้ยครับ ที่นอกเหนือจากคำว่าขอโทษ...” พฤกษถาม

“.......พี่เสียใจครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจพูดคำนั้น พี่...” ธีบอก

“แค่นี้ใช่มั้ยครับ” พฤกษถาม

“...........ครับ... แค่นี้....” ธีบอก

“งั้นผมขอตัวนะครับท่าน หมดเวลางานผมแล้ว และสิ่งที่นอกเหนือจากงาน ผมไม่อยากเสียเวลาครับ” พฤกษบอก และเดินไปทางประตู

“เวลาผ่านไป ใจคนเปลี่ยนได้....ใช่มั้ยครับ?” ธีเอ่ยถามตอนที่พฤกษก้าวสวนกับเขาในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล

“หากถามผมนะครับ .... เวลาผ่านไป คนเราย่อมเปลี่ยน แล้วทำไมใจคนจะไม่เปลี่ยนล่ะครับ ขนาดใจผมมันยังเปลี่ยนไปแล้วเลย” พฤกษก้าวขาออกไปจากห้องนั้น โดยที่ไม่หยุดก้าวแม้ได้ยินเสียงหนึ่งไล่ตามหลังมา

“แต่ใจพี่ไม่เคยเปลี่ยน” เสียงเบาๆ ทว่าหนักแน่น ราวกับก้องมาจาก----หัวใจ

พฤกษสาวเท้าก้าวไปไม่หยุด จากห้องนั้น จากแผนกนั้น จากชั้นนั้น.... เขาอยากก้าวออกไป----- จากหัวใจ....ของใคร?

ของเขา?

หรือของตัวเอง?

หากเป็นวันนั้น วันที่แผลเพิ่งสดๆ ร้อนๆ... วันที่เขายังรอ... วันที่เขาคอยให้เขามาพูดเช่นนี้

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นฝ่ายตัดการติดต่อกับเขาไปอย่างที่เขาบอก แต่เขารู้มั้ย ยังมีอีกทางที่เขาจะรั้งคนคนนี้ไว้ได้ แต่เขากลับไม่มาทางนั้น! เพราะอะไร?

ในเมื่อต้องการปล่อยเขา แล้ววันนี้ต้องการอะไร ต้องการอะไรจากเขาอีก!

ลืมไปแล้ว...

มันจำไม่ได้แล้ว...

ถึงรู้ว่าสิ่งที่ลืมมันยังคงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง เนื่องจากมันไม่ได้สลายตัวไป แต่มันลืมไปแล้ว ทำไมต้องรื้อฟื้น ไม่สิ ทำไมต้องออกมาจากที่ซ่อน ทำไมต้องมาแสดงตัว......

เป็นเพราะ------คุณ กับแค่ประโยคสั้นๆ ไม่กี่คำของคุณ!












ใครกันที่ใจไม่เคยเปลี่ยน

ใครกันที่ใจเปลี่ยนไปแล้ว ตามกาลเวลา












ใครล่ะที่เป็นฝ่ายโกหก

แล้วคนที่โกหกเขารู้ตัวเองไหม




หลอกอะไรหลอกได้ แต่เขาอย่าหลอกใจตัวเอง------- เพราะเราเองนั่นล่ะที่จะเจ็บ

........

.......

......

.....

....

...

..

.

ธียังยืนนิ่งอยู่ในห้องมืดแห่งนั้น

เขาเตรียมใจมาแล้วกับการที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเขา กับการที่ต้องมองดูความห่างเหินนั้น แต่พอถึงเวลาจริง......

งานคืองาน ธีรอจนงานสรุปเสร็จแล้วเขาถึงมารบกวนเวลาของเขา

คำตอบที่ได้ ไม่ต่างจากที่เขาคาดไว้ แม้กระนั้นเขาก็ยังเกือบรับไม่ทัน

ขออีกนิด ขอความมั่นใจกับเขาอีกนิด

หากเวลามันผ่านไปแล้ว เขาจะปล่อยให้มันผ่านไป......

ธีล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา กดเลือกรายชื่อ “คุณดา กลับหรือยังครับ”

เขารับฟังที่ปลายสายพูด และถามต่อ “อ้าว เราควรเลี้ยงเขานะครับ ทางเขาคงลำบากมาตลอดทั้งเดือน”

เมื่อปรายสายบอกเหตุผลที่อีกฝ่ายรับเลี้ยงจากบริษัทเขา ธีเสียอีกที่ยกยิ้มที่มุมปาก “ทานที่ไหนล่ะครับ?”

ธีจำร้านที่คุณดาบอกได้ เพราะเป็นร้านประจำของพนักงานในออฟฟิช บรรยากาศดี ใกล้บริษัท... และร้านนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาคิดถึงพฤกษอยู่ไม่ขาด


















ทุกครั้งที่เห็น คือทุกครั้งที่คิดถึง.....

--

----

------

---------

------------

----------------


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสาม
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 13:52:00


--

----

------

---------

------------

----------------

การเจอกันครั้งแรกของพวกเขาไม่เหมือนฉากหนึ่งในนิยาย ไม่ใช่ฉากหวานซึ้งที่ชวนให้เขิน ไม่ใช่อุบัตเหตุรัก...... ไม่ใช่อะไรเลย ก็แค่เห็นหน้ากัน มองหน้ากัน แล้วต่างก็แยกกันไป.....

พฤกษและธีปสุวรรณ พวกเขาเรียนอยู่มหาลัยเดียวกัน โดยที่อายุห่างกันสองปี ตอนที่ทั้งสองรู้จักกัน เวลานั้นพฤกษอยู่ปี 2 ธีอยู่ปี 4

ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งหลังมหาลัย T

เด็กหนุ่มผอมสูงผมเกรียนคนหนึ่งจอดมอเตอไซด์คู่ชีพที่หน้าร้าน แดดเปรี้ยงปร้างแยงตาจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ขณะที่เขาเดินก้าวเท้าไปถึงร่มเงาสดชื่นของตัวร้าน เสียงเบรคจากรถจักรยานคันหนึ่งดังเสียดแทงเข้ามาในหูของเขา.... ‘กูให้เงินฟรี จ้างแม่งไปซ่อมเบรค เจ้าของมันจะตื๊บกูมั้ย?’ ธีคิดในใจ

ธีเดินไปถึงหน้าตู้เย็น เลื่อนฝาตู้เย็นให้เปิด เขามองภาพข้างในด้วยความพล่าเลือน แสงจากแดดยังทำร้ายดวงตาของเขาสักพัก เขาจึงมองเห็นสิ่งที่เขาต้องการ ชั่วขณะที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบถ้วยไอศครีม มือสีแทนข้างหนึ่งก็มาคว้ามันไป

เสาวรสเชอเบทเท่านั้นที่ธีต้องการ!

ธีเป็นผู้ชายเกลียดของหวาน แต่เสาวรสเชอเบทเป็นข้อยกเว้น... มันอร่อยดี กินแล้วสดชื่น

“เฮ้ย!” ธีเผลออุทานออกเสียง

“หือ?” เสียงระคนสงสัยดังขึ้น

ธีหันหน้าไปมองเจ้าของมือนั้น เขาเห็นเด็กหนุ่มซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นน้อง ผมรองทรงค่อนข้างยาว หัวยุ่งเหยิง เสื้อยืดที่สวมเปียกชุ่มเหงื่อเป็นวงใหญ่.....

“พี่จะเอาถ้วยนี้เหรอ?” ถามเหมือนงั้นๆ แต่สายตาเว้าวอนและเสียดายมาก ราวกับจะบอกว่า จะเอาเหรอ จะเอาจริงๆ น่ะ ผมหยิบก่อนนะ

เออ ไม่เอาก็ได้วะ..... “ไม่เป็นไร เอาไปเหอะ” พูดจบธีก็เดินไปถามเด็กในร้าน “น้องครับ มีเสาวรสอีกมั้ยครับ”

“ไม่มีแล้วค่ะพี่ เหลือแค่ในตู้นั่นแหละค่ะ” เด็กสาวร้องบอก

“ในถังมีมั้ยครับ” ธีถาม นั่งกินที่นี่ก็ได้ ยังไงก็อยากกิน

“หมดแล้วค่ะพี่ วันนี้ขายดีมากเลยค่ะ ตู้สำหรับตักเหลือแค่สตอเบอรี่กับวนิลา ส่วนเป็นถ้วยก็เหลือแค่ที่เห็นในตู้ค่ะ” เด็กสาวบอก

“อื้ม...ขอบคุณครับ” ธีเดินหน้าเซ็งออกไปจากร้าน

“เดี๋ยวพี่!” คนที่ร้องเรียกจับแขนเขาไว้ พอเขาหันไป เด็กหนุ่มรุ่นน้องก็ถามเขาต่อ “พี่ไม่กินรสอื่นเหรอ?”

ธีส่ายหน้าแทนคำตอบ มันร้อนมากวันนี้ หากไม่ได้กินไอศครีม เขาอยากรีบกลับหอไปอาบน้ำสักที

ขณะที่ธีจะเดินไปขึ้นมอเตอไซด์ เด็กหนุ่มคนเดิมเดินถือถุงหิ้วตามหลังเขาออกมาแล้วร้องบอกเขาว่า “พี่เข้าไปเอาดิ ผมเอารสอื่นไปแหละ แบ่งๆ กัน”

เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้แล้วก็ปั่นจักรยานหน้าตั้งไปในทิศทางที่สวนทางกับเขา ธีมองตามหลังเด็กหนุ่มรุ่นน้องไป เสียงเบรคอันเสียดหูของจักรยานคันนั้นเรียกรอยยิ้มของธีขึ้นมาได้จางๆ----- ช่างเป็นเสียงที่รำคาญหูดีแท้

ธีเดินเข้าไปในร้าน เด็กผู้หญิงที่เฝ้าร้านก็ยิ้มให้ แล้วยิ้มไอศครีมถ้วยหนึ่งมาให้เขา น้องพนักงานจำเขาได้ เขาเป็นขาประจำที่จะมาซื้อและกินแต่เสาวรสเชอเบทเท่านั้น

ธีมองถ้วยให้แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ต้องการมั้ย ตอนรับเงินทอนมาน้องพนักงานบอกว่า รอสักสามวันถึงจะได้ทำรสนี้อีกที พอดีเสาวรสหมด แต่สั่งไว้แล้ว

ธีจำไว้ในหัว อีกสามวันต้องหาอย่างอื่นกินแทนไอศครีม... และเสียงบาดหูของจักรยานคันนั้น

ระหว่างพวกเขาไม่มีอุบัติเหตุรัก ไม่มีรักแรกพบ ไม่มีเหตุทะเลาะกัน ไม่มีเหม็นขี้หน้ากัน ไม่แม้แต่จะจำหน้ากันได้!!!

ระหว่างพวกเขาไม่มีสิ่งใดเชื่อมโยงถึงกันด้วย.......ธีและพฤกษต่างก็เป็นนิสิตเหมือนกับนิสิตคนอื่นๆ ไม่ได้เป็นเดือน หรือเพื่อนของเดือน หน้าตาก็ธรรมดา ไม่มีความโดดเด่น  ไม่ได้รวย ไม่ได้เรียนเก่งมาก แค่นิสิตธรรมดาจริงๆ

เพื่อนรู้จักกัน? ก็ไม่....

เพื่อนของเพื่อนรู้จักกัน? ก็ไม่.....

ธีกับพฤกษเรียนกันคนละคณะ ต่างชั้นปีกันถึงสองปี หอคนหนึ่งอยู่หน้ามอ หออีกคนอยู่หลังมอ ตลอดเวลาเกือบสองปีทั้งสองไม่เคยเจอกันเลย หรือหากเดินสวนกัน ต่างก็ไม่ได้สนใจที่จะมองหรือสนใจกันสักนิด

ถึงทั้งสองชอบมาซื้อไอศครีมร้านเดียวกัน แต่เกือบสองปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเพิ่งได้มองหน้ากัน แต่ก็นะ ไม่มีใครจำอีกฝ่ายได้สักคน-----ฮา

โชคชะตายังไม่ได้ขีดเส้นมาถึงพวกเขา โชคชะตายังไปทำสิ่งอื่นอยู่ ทั้งสองจึงแค่สวนกันไปสวนหันมาโดยที่ไม่มีใครจำใครได้

อย่าไปว่าโชคชะตากลั่นแกล้ง ผมว่าโชคชะตาไม่มี “ตา” ซะมากกว่า... ดูเอาเหอะ นึกจะเลยไปก็เลยไป นึกจะลากมาก็ลากมา และนึกจะตวัดตัดกันก็ตัดมันซะเฉยๆ... อืม ผมว่า คนที่ขีดโชคชะตาเค้าเหมือนจะไม่มี “หัวใจ” ด้วยนะ คุณว่าจริงมั้ย?

..........

........

.......

......

.....

....

...

..

.



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 14:41:36
วรรคสี่




เสียงรถวิ่งผ่านไปมาดังกราวไม่หยุด บ่ายสี่โมงของวันศุกร์ในช่วงอาทิตย์ของการสอบกลางภาค นิสิตที่สอบเสร็จแล้วต่างกระจัดกระจายกันอยู่ตามร้านค้า บ้างก็ขับรถกลับไปนอนก่อนถึงค่อยออกมาตอนที่เย็นกว่านี้ พฤกษเป็นหนึ่งในพวกที่กำลังจะกระจายอยู่ในร้านค้า ส่วนเพื่อนเขาที่เอาเขามาหย่อนไว้เป็นอีกพวกซึ่งอยากกับไปนอนเต็มแก่

พฤกษไม่ดูหนังสือดึก เพราะถึงอ่านไปก็ไม่เข้าหัว เขาดูรายการโชว์เสร็จก็เข้านอน แต่เพราะลืมกดตั้งเวลา จึงตื่นสายและเข้าไปสอบทั้งๆ ที่ไม่ได้กินข้าวเช้า กลางวันได้กินแค่จานเดียวไม่พออิ่ม แต่คนเยอะมากจนกลับไปซื้อจานที่สองไม่ไหว ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงบ่ายสี่โมงเย็น ข้าวตกถึงท้องพฤกษแค่จานเดียว... ผิดปกติมาก

พฤกษเดินด้อมไปเรื่อยๆ จนเจอร้านที่เคยกินและว่างจากผู้คน ร้านนี้ทำไม่ค่อยอร่อย แต่มีรายการนึงที่เด็ด!

“ป้า ข้าวผัดไข่ครับ” เขาร้องบอกป้าเจ้าของร้านแล้วเดินไปตักน้ำมาวางที่โต๊ะ รอสักพักอาหารที่ถูกวางอยู่ตรงหน้า พฤกษนั่งกินอย่างสบายใจ เพียงสิบนาทีจานนั้นก็ว่างเปล่า...ไม่เหลือข้าวแม้สักเม็ดเดียว เรียบกระทั่งต้นหอมที่วางประดับจาน!

พฤกษเดินไปจ่ายเงินแล้วเดินอย่างสบายใจออกมาจากร้าน… บ่ายแล้ว แต่อากาศยังอ้าวอยู่ ที่นี่ไม่สมกับที่จัดอยู่ในภาคเหนือเลย หน้าร้อนร้อนตับแตก หน้าฝนก็ยังร้อนอ้าว ขนาดใกล้หน้าหนาว ก็ยังร้อน... ช่างเป็นจังหวัดที่น่าสงสาร คนภาคเหนือบอกว่าไม่ใช่ภาคเหนือ จังหวัดนั้นคือภาคกลางตอนบน แต่คนภาคกลางบอกว่าจังหวัดนั้นไม่ใช่ภาคกลาง แต่เป็นภาคเหนือตอนล่าง------เอาเข้าไป!!

หลังมอที่พฤกษเช่าหออยู่ มีร้านอาหารตั้งอยู่เยอะ ถึงช่วงกลางวันจะดูร้างๆ บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าหน้ามอที่ร้างยิ่งกว่า...

เพิ่งอิ่ม พฤกษก็ยังเดินฝ่าอากาศอบอ้าวเพื่อไปที่หอ ระยะไม่ไกลกันหรอก ผู้ชายแมนๆ อย่างเขาเดินได้ ชิวๆ แต่........

“กินติมหน่อยดีกว่า” ว่าแล้วพฤกษก็เดินเข้าไปในร้าน เขาเดินไปที่ตู้ขายไอศครีม มองหาถ้วยที่มีรูปมะไฟของโปรด

“โทษนะครับ ไม่มีมะไฟเหรอครับ” พฤกษถาม

“เสาวรสหมดแล้วเหรอครับ?” เสียงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของพฤกษ

*0* มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ต๊กใจหม๊ดเลย

“อ้อ เป็นถ้วยหมดค่ะพี่ เอาแบบตักได้มั้ยคะ แต่ต้องทานนี่นะคะ ถ้วยหมด โคนหมด ขายดีอ่ะ คิกคิก” น้องที่เฝ้าร้านคนเดิมบอกด้วยหน้ายิ้มแย้ม ขายดีเธอดีใจ เพราะนั่นหมายถึงเม็ดเงินที่เข้าร้าน

“ขอสามก้อน ไม่ใส่เครื่องนะครับ” พฤกษบอกแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งว่างอยู่ตัวเดียวในร้าน ไม่นานก็มีคนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ โต๊ะที่เขานั่ง พร้อมเสียงถามประโยคหนึ่ง

“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับน้อง?”

พฤกษเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ขอแล้วส่งยิ้มเชื้อเชิญ “ตามบายครับพี่”

ไม่มีโต๊ะว่างเหลือแล้ว และโต๊ะที่ว่างตัวอื่นเขามากันเป็นคู่!!!!

“ได้แล้วค่ะ เอาน้ำอะไรดีคะพี่ วันนี้มีน้ำมะไฟปั่นกับน้ำเสาวรสปั่นด้วยนะคะ” เด็กสาวนำเสนอ

“เอาครับ” พฤกษบอก

พอหันหน้าไปหาอีกคนที่นั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะขนาดเล็กแคบ เขาไม่พูด แต่ยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว จากนั้นพฤกษก็ได้ยินเสียงน้องผู้หญิงรับคำว่าค่ะ แล้วเดินจากไป สักพักก็กลับมาด้วยน้ำปั่นสองแก้ว

ต่างคนต่างกิน กินเสร็จก็ลุกไปจ่ายตังค์

พฤกษเดินออกมาจากร้านได้ไม่เท่าไหร่ รถมอเตอไซด์คันนึงก็มาเทียบข้างๆ เขา “หอไหนล่ะ ทางผ่าน ไปส่งให้มั้ย?”

ด้วยความใหญ่ของมหาลัย การรับคนอื่น คนที่ไม่รู้จักกันขึ้นรถไปส่งระหว่างทาง ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่... น้ำใจมีพบเห็นได้ตลอดทางและตลอดเวลา

“ไม่ต้องหรอกครับพี่ ใกล้แค่นี้เอง” พฤกษบอกพี่คนที่เมื่อกี้นั่งกินไอศครีมด้วยกัน

“อือ... ว่าจะขอบใจที่น้องนั่งกินที่ร้าน ถ้าเมื่อกี้มีพี่คนเดียว พี่ไม่กล้ากินว่ะ อายบรรยากาศ” เขาบอก

พฤกษขำคิกกับสิ่งที่เขาพูด ส่วนตัวเขาน่ะไม่เคยอายหรอก อยากกินก็กิน แต่เพื่อนเขาก็เป็นเหมือนพี่คนนี้ ชอบไอศครีมร้านนี้ แต่ไม่ค่อยชอบกินในร้าน หากให้เข้าร้านหวานแหววแบบนั้นคนเดียว ถึงตายมันก็ไม่เข้า แค่เข้าไปซื้อมันยังไม่เอาเลย เดือดร้อนเขาต้องปั่นจักรยานฝ่าแดดมาซื้อให้บ่อยๆ... ถ้าไม่ได้ค่าแรงเป็นไอศครีมถ้วยนึงนะ พฤกษไม่ยอมเสียเหงื่อหรอก

ลงท้าย….คนเขามีน้ำใจพฤกษก็เลยรับน้ำใจเขาสักหน่อย หออยู่แค่นี้เอง แป๊บเดียวก็ถึง ทว่า พอพฤกษขอบคุณแล้วมองส่งเขา----- อ้าว พี่แกเลี้ยวกลับไปทางนั้นทำไมอ่ะ

ทางที่มอเตอไซด์ของพี่คนที่มาส่งเขาเลี้ยวไป คือย้อนกลับไปในทางที่เขาเพิ่งผ่านมา นี่หรือคือทางผ่าน... ใครเข้าใจผิดกันแน่???

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-03-2012 15:12:37
เอาไงล่ะ สิ่งที่มันผ่านไปแล้วจะเรียกกลับคืนได้ไหม

ขอติงนิดนึงค่ะ อย่าโกรธกันนะ "เขา" เยอะไปหน่อย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-03-2012 15:45:40
 :L1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 15:47:18





.....




....




...




..




.




หลังจากวันนั้นมา พฤกษก็เจอพี่เสาวรสที่ร้านนั้นทุกวัน เขาทักทายแบบพอประมาณ เพราะดูอาการพี่เค้าแล้ว ไม่ใช่คนที่ชอบพูดคุยเฮฮา แต่พี่เขาก็ยังทักตอบทุกครั้ง ไม่ให้พฤกษเสียหน้า




จนการสอบเสร็จสิ้นลง ปิดเทอมก็มาถึง 




นิสิตส่วนใหญ่กลับบ้าน แต่พฤกษยังนอนเล่นที่หอ เพื่อเช่าการ์ตูนมาอ่านให้หนำใจต่ออีกเดือน... ไหนๆ ค่าหอก็ยังต้องจ่าย กลับบ้านไปก็ไม่มีอะไร แถวบ้านไม่มีร้านเช่าการ์ตูนด้วย ตอนเรียนเขาต้องทนกับการไม่มองการ์ตูนแทบเป็นบ้า... 




อาทิตย์แรกเขาต้องเทียวอยู่กับการส่งเพื่อนไปขึ้นรถ แล้วเอารถเพื่อนกลับมาจอดที่หอให้ กว่าแต่ละคนจะจองตั๋วได้ กว่าจะวนส่งจนครบคน ก็เสียเวลาไปทั้งสิ้นหนึ่งอาทิตย์เต็ม แต่พอพ้นจากอาทิตย์นั้นมา.... สวรรค์ของพฤกษก็บังเกิด




การ์ตูนเป็นตั้ง ขนมเป็นกองข้างตัว ไม่มีเพื่อนมาชวนคุย ไม่มีใครมาบ่นว่าอย่าทำรก----- ฮา... อ๊ะ แต่เสียอยู่อย่าง ไม่มีตู้เย็น จะกินของโปรดทีต้องปั่นจักรยานไปซื้อ *0*




......




.....




...




..




.




เสียงเบรคเอี๊ยดของจักรยานคันหนึ่งดังเสียดหู จนคนที่อยู่ในร้านสองสามคนต้องเหลียวมามอง พฤกษไม่แคร์สายตาทิ่มแทงจากใคร เขาเดินก้าวฉับๆ ด้วยเสื้อที่เปียกเหงื่อมายังตู้ไอศครีม




“มะไฟหมด เหลือแต่ในถัง เอามั้ย?” 




ไม่ใช่เสียงของน้องผู้หญิง คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชาย พฤกษหันไปหาเจ้าของเสียงนั้นแล้วส่งยิ้ม




“เหรอพี่ ว๊า-------- อ้าวของพี่ล่ะ?” 




“หมดเหลือแต่ในถัง” เขาตอบ




“กินป๊ะ?” พฤกษถามเขา




“กินมั้ยล่ะ?” เขาถามกลับ




มีคู่รักวัยเรียนนั่งอยู่ในร้านแค่คู่เดียว แต่อย่างว่า คนมันอายก็อายอยู่วันยังค่ำ..... “เอาดิ สามก้อนนะพี่ วันนี้ขอหยอดช็อคด้วยนะ เยอะๆ” พฤกษเน้น ขอใช้สิทธิของขาประจำหน่อย




“พี่เอาสามเหมือนกัน” เขาบอกน้องผู้หญิงคนเดิม




“ค่ะ หยอดช็อคมั้ยคะ พี่ธี” น้องผู้หญิงถาม




“ไม่ครับ” เด็กหนุ่มบอกแล้วเดินตามมานั่งที่โต๊ะตัวเดียวกัน




ระหว่างรอของ พฤกษนึกอารมณ์ดี ชวนอีกฝ่ายคุย “พี่ไม่กลับบ้านเหรอครับ” 




“กลับมาแล้ว” เขาตอบ




“หือ?.....” พฤกษนั่งนึก แล้วถามต่อ “อาทิตย์เดียวเองนะพี่ นี่ปิดเทอมนะพี่ ไม่ใช่หยุดสงกรานต์”




อีกฝ่ายที่หันหน้าไปมองถนน หันขวับมามองหน้าเขาทันควัน “พี่มาช่วยอาจารย์ทำงาน เดี๋ยวค่อยกลับไปใหม่ ว่าแต่คนอื่น แล้วตัวเองล่ะ มาร้านนี้ได้ทุกวัน”




“รู้ได้ไง! ไหนว่ากลับบ้าน” พฤกษยียวน




“หนูบอกเองค่ะพี่ คิกคิก เมื่อกี้กำลังเม้าท์ให้พี่ธีฟังว่าพี่อ่ะ ไม่ยอมกลับบ้านเพราะจะอ่านการ์ตูน” น้องผู้หญิงพูดพลางเอาไอศครีมสองถ้วยมาวางให้พวกเขา และนั่งด้วย...ปิดเทอม คนจะเข้าร้านบางตา น้องหวานจึงนั่งคุยเล่นได้




“ฮึ เรียนหนักจะตาย พักผ่อนบ้างสิครับน้อง” พฤกษไม่ใส่ใจจ้วงเส้นช็อคโกแลตเข้าปากก่อน ไอศครีมไม่ต้อง!




“เดือนนึงเนี่ยนะ ไร้สาระไปรึเปล่า?” คนที่ตักไอศครีมเสาวรสเข้าปากเริ่มปากไม่ดี




“พี่ อย่ามาว่าการ์ตูนไร้สาระนะ ถึงดาร์ก้อนบอลมันจะไม่มีสาระมาก แต่มันสอนเด็กให้ทำดีนะพี่ จำดีติดหัวมากกว่าเอาพระมานั่งสอนอีก ฮึ” 




.... อย่าหมิ่นของรักของใคร จำไว้นายธี *0*




“ฮ่าฮ่าฮ่า... พี่พฤกษอ่ะ เวอร์” น้องหวานขำ




“อื้อ โทษที ไม่เคยอ่านการ์ตูน พี่เข้าไม่ถึงสาระ” คำขอโทษที่ฟังแล้วแปล่งๆ---- ขอโทษแล้วใช่มั้ย? พฤกษยังสงสัย




จากนั้น พฤกษถึงรู้ว่าพี่เสาวรส มีชื่อตามบัตรนิสิตว่า ธีปสุวรรณ.... หรูมากสำหรับพฤกษที่ชื่อจริงว่าพฤกษ ชื่อเล่นว่าพฤกษ




พี่ธีมาช่วยอาจารย์หัวหน้าสาขาของพี่ธีตรวจหนังสือ อาจารย์ตั้งใจเขียนขาย แต่เพราะหน้าที่การงานที่หนักพอดูเลยทำเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จ ประกอบกับความสนใจส่วนตัวของพี่ธีเอง ปิดเทอมนี้พี่ธีจึงมาอยู่ช่วยอาจารย์ราวๆ เดือนเศษ ถึงกลับบ้านได้... ค่าแรงไม่มากเลยหากเทียบกับเวลาที่เสียไป แต่อย่างว่าประชากรไทยมีแค่รังมด จะให้ยอดขายเปรี้ยงปร้างได้เงินเป็นกอบเป็นกำแบบประเทศใหญ่ๆ เขาได้อย่างไร




หลังจากวันนั้น เจอกันอีกหลายครั้ง  แรกๆ ก็ทักกันแล้วแยกกันกลับ สองสามครั้งผ่านไป ธีและพฤกษก็เปลี่ยนมานั่งกินที่ร้าน คุยกันไปด้วย นั่งตากแอร์ไปด้วย




จากแทบทุกวันก็กลายเป็นทุกวัน




จากที่รู้จักกันเผินๆ ก็กลายเป็นคนสนิทคุ้นเคย




จากที่ได้คุยกันมากขึ้น พฤกษคิดว่าพี่ธีเป็นคนไม่ค่อยพูดเหมือนที่ตาเห็นนั่นแหละ พี่ธีคิดเยอะ แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ดี เทียบกับตัวเองที่ไร้สาระใช้ชีวิตเล่นๆ ไปวันๆ แล้ว พฤกษนับถือพี่ธีโคตรๆ... 




พี่ธีมองเป้าหมายชีวิตไว้แล้ว งานที่อยากทำพี่ธีก็เริ่มต้นศึกษาบ้างแล้วด้วย ทีแรกพฤกษก็โวยพี่ธีว่า เพราะพี่ธีอายุมากกว่าเลยต้องมองไกลกว่า..... แต่ไม่ใช่เลย พี่ธีเค้าเริ่มคิดเรื่องพวกนี้ไว้ตั้งแต่เริ่มขึ้นปีสองแล้วครับคุณพฤกษ




“การ์ตูนหมดชั้นแล้วอ่ะพี่ธี เบื่อชะมัด ปีนี้ออกน๊อยน้อย” พฤกษบ่น




“ก็กลับบ้านสิ” พี่ธีบอก




“ไม่อ่ะ บ้านผมไม่มีความบันเทิง” พฤกษบอก




“อืม.... พาไอ้ทุยไปกินหญ้าก็ได้นี่ ระหว่างรอไอ้ทุยกินอิ่ม ก็ไปยิงหนังกระติ๊กจับกิ้งก่า ดีออก ได้กับข้าวตอนเย็นด้วย” พี่ธีเสนอความเห็น




พฤกษกำหมัดชกไปที่ต้นแขนของพี่ธีอย่างแรง เคยลองแล้ว หลายครั้งด้วย พี่ธีไม่เคยเอาคืน... แต่ก็สมควรโดนชก เห็นเงียบๆ แบบนี้จิกกันดีนัก




“โอ๊ย! เจ็บนะ” พี่ธีโอย ช้อนไอศครีมตกพื้น




“พี่ธีเอาอันใหม่ค่ะ” น้องหวานพูดแล้วเดินเอาช้อนใหม่มาให้




“สมควร ปากดี... อย่าดูถูกคนต่างจังหวัดนะ” พฤกษชี้หน้าว่า




“พี่ธีเค้าดูถูกตรงไหนพี่พฤกษ ไหนเคยบอกว่ากิ้งก่าอร่อยไง” น้องหวานถาม




“บ้านพี่ไม่มีควาย ส่วนกิ้งก่าน่ะมีคนเอามาให้ ไม่ใช่ไปจับเอง... พี่ธีแอบด่าผมล่ะซี่ นิสัยนะ นิสัย” พฤกษหันไปบอกน้องน้ำหวาน แล้วกลับมาชี้หน้าธีอีกครั้ง




“วันนี้ว่าง?” พี่ธีถามหน้าตาเฉย




“อื้อ” พฤกษรับคำอย่างเสียมิได้




“งั้นพาทุยไปอ่านหนังสือมั้ย? แต่ขากลับคงไม่มีกิ้งก่าติดมือมานะ” พี่ธีบอก




“พี่ธี!!!!!!!” พฤกษลุกพรึ๊บ ไปล็อคคออีกฝ่ายแรงๆ จนธีทำช้อนตกพื้นอีกอัน




เสร็จจากมวยปล้ำไฟร์ทย่อมๆ ธีก็พาทุย เอ้ย พาพฤกษมาที่คณะของเขาด้วย ธีแนะนำอาจารย์ให้รู้จักกับรุ่นน้องต่างคณะ และบอกอาจารย์ว่า




“เด็กมีปัญหาทางบ้านครับ ไม่ยอมกลับบ้าน เลยพามาช่วยตรวจตัวเลข” 




ไอ้พี่ธี จะไม่หยุดใช่ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!    :m31:

**********************



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-03-2012 16:28:25
 :laugh:น่ารักอ่ะ


แล้วทำไม!
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 17:04:37


ปิดเทอมนั้น สุดท้ายพฤกษก็อยู่ช่วยพี่ธีทำงานจนเสร็จ และแยกย้ายกันกลับบ้านพร้อมพี่ธี...
“ถึงบ้าน โทรมาด้วยนะ” พี่ธีบอกตอนที่รถซึ่งพฤกษจองไว้ กำลังจะจอดเทียบท่ารถ

“ไม่!” พฤกษบอก

“......” ไม่ได้พูดอะไร แค่ใช้สายตาข่ม

“จะโทรหาได้ไงไม่ทราบ” ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ธีคอยไปรับไปส่งที่หอของเขาตลอด นัดเวลากัน แล้วพี่ธีก็มาตามนัด ส่วนวันไหนที่สายคือพฤกษลืม เพิ่งตื่นตอนที่พี่ธีมาเคาะประตูห้องนั่นเอง พี่ธีว่าจนเลิกว่า ก็นะปิดเทอมจะซีเรียสไปทำไมกัน กินข้าวพี่ธีก็พาไป จะไปกินอะไรพี่ธีก็พาไป จะไปซื้ออะไรพี่ธีก็พาไป จบวันพี่ธีก็พามาส่งที่หอ แล้วเดี๋ยวเช้าพี่ธีก็ขี่มอเตอไซด์มารับ ด้วยเหตุนี้พฤกษจึงไม่เห็นความสำคัญที่จะโทรหา... เพราะไม่เรียกพี่ธีก็มาทุกวัน

“เบอร์อะไร?” พี่ธีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกด พฤกษบอกเบอร์โทรของตัวเอง พอเสียงเรียกเข้าดังขึ้น เขาจึงเมมเบอร์อีกฝ่ายลงเครื่อง

“รถเที่ยว 10 โมง 15 ค่ะ ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วแล้ว เชิญขึ้นรถได้ค่ะ” พนักงานบริการร้องบอก

พี่ธีหิ้วกระเป๋าของพฤกษไปให้กระเป๋ารถที่เป็นผู้ชายเอาเข้าไปเก็บไว้ในใต้ท้องรถ

“พี่ธีไปเลยก็ได้นะ ผมขึ้นรถแหละ คงไม่มีไรหรอก” พี่ธีต้องไปขึ้นรถที่อีกท่ารถหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากท่ารถของพฤกษมากนัก พี่ธีบอกจะเดินไป เพราะก่อนหน้าที่จะมานั่งคอยอยู่ที่นี่พี่ธีแวะไปซื้อตั๋วแล้วเอากระเป๋าฝากไว้ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว

“กี่ชั่วโมงถึงนะ” พี่ถีถามย้ำ

“บ่ายสี่โมงมั๊ง ผมต้องรอพ่อมารับอ่ะ ไม่รู้จะมากี่โมง” พฤกษบอก

“ลงจากรถก็โทรมาเลย ไว้ถึงบ้านค่อยบอกอีกที พี่ไปล่ะ” พี่ธีพูดจบก็โบกมือให้ แล้วหันหลังเดินไปทางทิศที่ท่ารถของพี่ธีตั้งอยู่

พฤกษเป็นลูกคนเดียว เขานึกอยากมีพี่ชายกับเค้าสักคนมานานแล้ว พี่ธีถึงไม่ค่อยพูด แต่ก็ดูแลเอาใจใส่กันดี ----- รู้สึกดีอ่ะ ต้องเก็บเอาไปเล่าให้แม่ฟัง เดี๋ยวให้แม่คุยกับพี่ธีดู หากถูกโฉลกก็เอาเนี่ยแหละ ‘พี่ชายของไอ้ลูกหมา’ พ่อจะตกใจมั้ยที่อยู่ดีๆ ไอ้ลูกหมาของพ่อก็มีพี่ชาย ------ ฮา


********************

ธีเดินไปที่ท่ารถของตัวเอง เขาไปถึงท่ารถไม่นาน รถที่เขาซื้อตั๋วไว้ก็เข้ามาจอด เขานำกระเป๋าขึ้นไปยังที่นั่งด้วย ธีไม่นิยมแบกของเป็น “ภาระ” เหมือนอีกคนที่เขาเพิ่งไปส่งขึ้นรถ รายนั้นขนซื้อของกลับบ้านไปเยอะแยะ อันนี้จะให้พ่อ อันนี้จะให้แม่ อันนี้จะให้............. สภาพตอนที่เขาไปรับเพื่อมาขึ้นรถพร้อมกัน จากที่กะว่าจะขึ้นรถประจำทางไปกัน กลายเป็นต้องจ้างรถตุ๊กตุ๊กเข้ามาในเมือง ธีแวะเอากระเป๋าลงที่ท่ารถนี้ ฝากกระเป๋าของตัวเองไว้ แล้วให้รถพามาส่งที่ท่ารถของพฤกษ

เด็กคนนี้แลดูน่าเป็นห่วง คราวก่อนเห็นเล่าว่า เพราะกลัวลืมของฝากเลยกอดของฝากไว้กับตัว ก่อนขึ้นรถมองสามีของบัสโอสเตสมาโวยวายว่าเธอคบชู้เพลิน หิ้วแต่ของฝากขึ้นรถไป... ถึงบ้านเล่าให้แม่ฟัง ถึงนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าอีกใบไว้ที่ท่ารถ!!!!

ยังมีคนแบบนี้อยู่โลกด้วย... บอกตรงๆ ธีไม่เคยเจอ

ระหว่างนั่งอยู่บนรถ เขานึกถึงคำที่เพื่อนใหม่ของเขาจ้อมาตลอดช่วงเดือนกว่าๆ ที่ได้รู้จักกัน... ก็สนุกดี ฟังเด็กคนนี้คุยมันก็เพลินดี... ดีกว่าดูละครช่องหลายสีด้วยซ้ำ เด็กคนนี้มีความสามารถ เล่าเรื่องของคนอื่นได้เป็นฉากๆ จนเขาลุ้นตามอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว... หากจบไปแล้วพฤกษบอกว่าไม่รู้จะทำงานอะไร เขาจะแนะนำให้ไปเอาดีทางพากษ์การ์ตูน......

ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด..... เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ ดังขึ้นเมื่อธีรดน้ำต้นไม้อยู่นอกบ้าน

“ถึงแล้วเหรอ?” ธีสงสัย ไหนว่าบ่ายสี่รถจะถึง นี่เพิ่งบ่ายสามทำไมโทรมาแล้ว

“ยังพี่ธี แต่คันปากอ่ะ เนี่ยยยยย-------” แล้วก็เล่าอีกยาว

สรุปว่า รถยังไม่ถึง แต่ผ่านทางที่เกิดอุบัติเหตุ รถจอดรอเพื่อให้ทางข้างหน้าขยับรถ ด้วยความอยากรู้พฤกษเลยเดินลงไปจากรถ ไปยืนอยู่กับกระเป๋ารถของรถตัวเอง เลยได้ข่าวมาเล่าสู่กันฟัง... เป็นอันว่าวันนั้น กว่ารถจะไปถึงอำเภอของพฤกษเวลาก็ปาไปทุ่มนึงแล้ว พ่อมารออยู่นานเป็นชาติ แค่ 20 นาทีจากที่ลงรถ พฤกษก็ไปถึงบ้าน

สามทุ่มพฤกษโทรมาหาธีอีกรอบ ธีเข้านอนไปแล้ว แต่ก็รับสาย ปรากฏว่าอยู่ดีๆ เขาดันส่งสายไปให้ธีคุยกับแม่ บอกว่าที่กลับบ้านช้าเพราะพี่คนนี้พาเถลไถล ธีเลยต้องขอโทษแม่และบอกว่าที่น้องกลับบ้านช้าเพราะอะไร...บอกความจริงล้วนๆ

ก่อนวางสาย พ่อมาคุยด้วยและถามธีว่า “พี่ธี ชอบกินอะไร เดี๋ยวพ่อฝากไปให้”

ธีกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ ไม่ได้ตอบคำถามของพ่อ แต่พ่อบอกว่า “ถือเป็นคำขอบคุณที่พี่ธีช่วยดูแลไอ้ลูกหมามาตั้งเดือนกว่า พ่อรู้ว่าไอ้ลูกหมามันดูแลยากขนาดไหน.....”

ไอ้ลูกหมา!!!!----- ถึงว่า ตะหงิดๆ อยู่ว่าเหมือนอะไร พ่อเรียกซะธีหายข้องใจไปเลย

ธีวางสายไปทั้งที่เสียงโวยวายจากปลายสายยังดังโหวกเหวกไม่สิ้นสุด... ลูกชายเขาโวยพ่อตัวเองว่าเรียกชื่อก็ได้ ตั้งเองแท้ๆ ทำไมต้องเรียกคำอื่น-------ฮา

ธีวางมือถือไว้ข้างเตียง ขณะที่กำลังจะหลับ เสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้น เขาลุกไปเปิดประตู และพบว่าน้าสาวของเขามาหา

“ธียังไม่นอนเหรอ น้าได้ยินเสียงคนคุย”

ปกติธีไม่นอนดึก น้ารู้อยู่แล้ว จึงรู้สึกว่าแปลกๆ และเดินมาถามด้วยความเป็นห่วง

ธีบอกว่าคุยกับเพื่อน แต่ก็จะนอนแล้ว ไม่มีอะไร น้าสาวบอกว่า ไม่เป็นไร หากมีอะไรให้บอกได้ และไม่รบกวนธีอีก 

เสียงโทรทัศน์จากชั้นล่างดังลอดกระดานไม้ขึ้นมานิดหน่อย ไม่ถึงกับทำให้รำคาญ บ้านนี้เป็นบ้านของน้องสาวแม่ของธี สามปีก่อนพ่อกัแม่ประสบอุบัติเหตุ อีกฝ่ายหลับในและขับรถมาชนพ่อและแม่ของธี ท่านเสียชีวิตคาที่ไม่ต้องเจ็บปวดกับบาดแผล ต่างกับธีที่แผลแม้ไม่สดแล้ว แต่แผลนั้นกลับยังไม่หาย

หลังจากเสร็จงานพิธีศพ น้าสาวมาขอให้ธีไปอยู่ด้วยกัน ซึ่งที่ที่เขามาอยู่ก็คือบ้านหลังนี้ น้าสาวดีกับธีเหมือนแม่ เดิมทีครอบครัวเราก็สนิทกันดี แต่อย่างไรธีก็ไม่รู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน

บ้านที่เคยอยู่กับพ่อแม่เป็นบ้านเช่า พ่อมีโครงการจะซื้อบ้านและเก็บตังค์อยู่ ธียังพูดกับพ่อเลยว่า หากเรียนจบและได้ทำงานแล้ว จะช่วยออกเงินซื้อบ้านกัน

ตอนนี้... บ้านถึงมีก็ไม่รู้ว่าดีมั้ย

การอยู่ในบ้านคนเดียว แม้หลังไม่ใหญ่ แต่มันก็เคว้งได้เหมือนกัน


********************




 :pig4: ขอพิมพ์ก่อนแล้วจะกลับมาแก้ทีหลังนะคะ
ส่วนคำว่าเขา ขอบคุณมากๆ ค่ะ จะปรับแก้ในช่วงแรกอีกครั้ง

เพลานี้ พี่ธีกับน้องพฤกษกินไอติมแล้วอารมณ์ดี ขอรีบพิมพ์ที่เค้าเล่าก่อนน๊า  :กอด1:

รักผู้มีอุปการะคุณทู๊กคนคร่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 31-03-2012 17:32:28
รอลุ้นว่าจะลงเอยยังไง

บวกเป็ดทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: posh ที่ 31-03-2012 18:38:46
ืทรมารใจยิ่งกว่าเรื่องที่แล้ัวอีกนะเนี่ย :(
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 19:10:17



เปิดเทอมสอง ซึ่งเป็นปลายภาค สำหรับนิสิตปีสี่นั้นมีเรื่องให้ทำมากมาย ส่วนนิสิตปีสอง....เค้าเฮฮากัน

“อ้ายธี ว่างมะใดมาปิ๊กห้องเฮาโดยเน้อ พ่อหื้อเอาหนมมาฝาก” ยับเยิน------พูดไม่เป็นแต่อยากพูด

ไอ้เพื่อนมันก็นะ พูดแต่คำเมือง จากที่ได้ยินครั้งแรกบื้อรับประทาน หลังๆ มาพฤกษฟังออกหม๊ด ถึงมันด่าพฤกษก็ฟังออก!

ธีเสียวแวบ ทีแรกนึกว่าอีกฝ่ายเรียกเขาว่า --- ไอ้ธี “อื้ม อยู่หอตอนไหนล่ะ ดึกหน่อยได้มั้ย อาจารย์พี่เรียกประชุมเอก ไม่รู้เพื่อนมันจะไปต่อกันมั้ย?”

“คืนนี้รอดูเดอะสตาร์ ไม่ไปไหนหรอก” พฤกษบอก

*0*.... สบายจริง ไอ้ปีสอง!

.......

......

.....

....

...

..

.

ธีจอดรถที่ด้านล่างของตึก ไม่ทันที่เขาจะโทรไปหา อีกฝ่ายก็ตะโกนเรียกชื่อเขาให้ได้ยินแล้ว ไม่ทันไรคนที่แหกปากเมื่อกี้ก็วิ่งมาหาเขา---- เหมือนมากครับพ่อ .... ธีนึกในใจ

“ช้ามาก จะมาทำไมตอนนี้เนี่ย โชคดีนะ กำลังโฆษณา อ๊ะ ของพี่ธี พิเศษจากพ่อ” ของหอบใหญ่ถูกยื่นมาให้เขา

“มันเยอะไปมั้ยพฤกษ เอาเก็บไว้กินบ้างเหอะ” ธีมองห่อของฝากพิเศษจากพ่อแล้วกลืนน้ำลายไม่ลงคอ

“แห๊บไว้แล้วพี่” ส่งยิ้มหน้าเป็น

“ไอ้พฤกษ มาแล้วเว้ย เร็วๆ” เสียงร้องเรียกดังมาจากชั้นสี่

“เออ... ไปแหละพี่ธี” พฤกษร้องบอกเพื่อนและหันมาบอกแล้ว จากนั้นก็วิ่งปร๋อเข้าไปชั้นสี่---- ไม่รู้ก้าวขึ้นทีละกี่ขั้น ถึงไวอย่างกับปรอท

ธีรับของฝากไปแบบเหวอๆ เขาเอามันกลับไปแบ่งให้เพื่อนที่อยู่หอเดียวกัน เพื่อนก็แปลกใจว่าไปเอามาจากไหน ธีเลยเล่าว่ารู้จักรุ่นน้องคนนึงตอนไปกินไอศครีมหลังมอ ปิดเทอมพอดีน้องไม่ได้กลับบ้านเลยได้คุยกัน

แรกๆ เพื่อนก็แซวว่า ผู้หญิง... กิ๊กหรือเปล่า? พอบอกว่าผู้ชายก็เงียบกันไป แต่ยังไม่วายบอกว่า “มึงจะนิยมแนวนั้นก็บอกกูมั่งนะเพื่อน กูขอเตรียมใจกันนิดนึง ฮ่าฮ่าฮ่า”

แต่ก็นั่นล่ะ ไม่มีอะไรในก่อไผ่ พี่ธีก็ยังเป็นธีปสุวรรณที่เงียบเชียบคนเดิม ไม่มีวอกแวกให้เห็นว่า “กำลังคบใคร” เพื่อนๆ เลยหมดความสนใจ แต่ชมว่าให้คบน้องคนนี้ดีๆ นานๆ เพราะของฝากอร่อยเหาะ!!!

.....

....

...

..

.

“อื้อ ยังไม่ได้ขอบคุณพ่อเลย ของฝากอร่อยดีนะ” ธีนึกขึ้นได้เลยบอกกับพฤกษ

“เหรอ เดี๋ยวนะ” ล้วงมือถือมากดๆ สักพักก็พูดว่า “คุยกับพี่ธีนะ” แล้วก็วางโทรศัพท์มาไว้ตรงหน้าเขา ส่วนตัวเองลุกขึ้นไปหยิบคุ๊กกี้อีกถุงมากิน

“สวัสดีครับพ่อ ธีนะครับ” ธีแนะนำตัวก่อน

“ว่าไงพี่ธี” พ่อพูดด้วยเสียงอารมณ์ดี

“ครับ คือจะขอบคุณพ่อน่ะครับ ของฝากอร่อยมากเลยครับ เยอะมากเลย” ธีบอก

“น้อยไปๆ มี...........” พ่อบอกว่ามีอะไรอีกหลายอย่างจะให้ไอ้ลูกหมา เอ้ย ให้ลูกชายถือมาให้ธีด้วย แต่ถุงมันเต็มหมดแล้ว ไว้คราวหน้าจะเอาไปให้ และพ่อยังถามอีกว่า คราวนี้ที่เอาไปอะไรที่ธีชอบบ้าง ธีก็บอกให้พ่อทราบ เพราะหากบอกว่าชอบทุกอย่าง คงไม่วายได้มาอีก (พี่ธีปาดเหงื่อ)

คุยกับธีอีกสักพัก พ่อก็วางสายไป ธีส่งมือถือให้พฤกษที่ยังเคี้ยวคุ๊กกี้ตุ้ยๆ หน้าตาเฉย

“วันหลังฟังให้จบก่อนนะ พี่จะฝากขอบคุณ ไม่ใช่จะคุยเอง” ธีก้มหน้าตักไอศครีมเข้าปาก

“หึหึหึ...พ่อเค้าอยากคุยกับพี่อ่ะ แต่ผมไม่เจอพี่เลย เลยกดสายให้... ผมมีมารยาทหรอกน่า นี่เห็นแก่พ่อน๊า”

“........” ธีไม่อยากเถียง เลยเงียบดีกว่า อีกฝ่ายก็จ้อไปเรื่อย

ตั้งแต่เปิดเทอมมา ธีไม่ค่อยได้ซื้อไอศครีมถ้วยไปกินที่ห้องแล้ว ส่วนใหญ่จะกินที่ร้านพร้อมคนนี้ แต่คนนี้เขาปั่นจักรยานมาซื้อเรื่อย เพิ่งรู้ว่าได้ค่าปั่นเป็นไอศครีมถ้วยนึง แต่วันไหนที่เจอกัน ก็เห็นยังนั่งกินกับธีอีก----- ไม่รู้เอาที่กินไปเก็บไว้ไหนหมด ตัวยังผอมเหมือนเดิม

ปลายภาคนี้ ธีลังเลว่าจะสมัครงานที่ไหนดี งานที่อยากทำมี 2 แบบ รายละเอียดต่างกันบ้าง แต่จัดอยู่ในแผนกเดียวกัน ธียังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทางไหน ก่อนนี้เขาเคยไปปรึกษาอาจารย์ อาจารย์บอกว่า ให้ลองทั้งสองแบบ แล้วค่อยมาเลือกก็ได้ เพราะที่ทำงานส่วนใหญ่จะให้ฝึกงานสามเดือน อาจารย์บอกเป็นวิทยาทานว่า ระหว่างสามเดือนนั้น ต้องมองระบบงานให้ออกว่านั่นใช่แบบที่เราชอบมั้ย... แต่มองยังไง ธียังไม่รู้เลย

“พี่ธี ปีสี่นี่ยุ่งมากเลยเหรอ” น้องลูกหมา เอ้ย นายพฤกษถาม

“ไม่หรอก แต่มีเรื่องให้คิดเยอะ คิดไม่ออก” ธีบอก

“คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด ผ่อนคลายพี่ เดี๋ยวสบายใจมันก็คิดออกเอง หาไรทำแก้เครียดไม่ให้จำเจงี้ก็ได้ อ่านการ์ตูนมั้ยพี่ เดี๋ยวผมแนะนำหนุกๆ ให้”

ชวนเข้าลัทธิมืดอีกแล้ว----- ธีบโบกมือแทนคำตอบ

“ชิ... ดูถูก” ชี้หน้าธีแบบไม่สบอารมณ์

ธีไม่ใส่ใจ ไม่อาฆาต อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์....ปกติ หากไปว่าการ์ตูนเขาแล้วเขาเห็นด้วยนี่สิ ต้องรีบพาเข้าโรงบาล “ทำไมวันนี้คนเยอะจัง แต่งตัวกันแปลกๆ”

พอมองออกไปนอกร้าน ธีจึงสังเกตเห็นว่าคนที่เดินและนั่งรถผ่านไปมาดูแปลกตาไปกว่าปกติ พวกเขาต่างแต่งตัวกันเต็มที่ วันนี้ไม่มีงานพิเศษอะไรในมอนี่นา....

“เค้าจะไปเที่ยวกัน รู้เรื่องกับเค้ามั้ยว่าวันนี้วันอะไร” พฤกษเขี่ยไอติมในถ้วยไปพลางมองออกไปนอกร้านเหมือนกัน

ธีหันหน้ามามองคนที่นั่งแก้มป่องอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความฉงน---- เที่ยวอะไร?

พฤกษหันมาเจอธีทำหน้างง “นี่พี่ธีไม่รู้เหรอวันนี้วันอะไร?”

ธีส่ายหน้าแทนคำตอบ

“วันลอยกระทงพี่ นี่ตกลงทุกวันที่ไปเรียนพี่ดูปฏิทินมั่งป่าว? หรือไปด้วยสัญชาติญาณ!” ได้ทีต้องรีบขี่แพะไล่

“อ๊ะ!” ธีนึกออกแล้ว ปฏิทินน่ะมองนะ มองทุกวัน แต่ดูแค่วันนี้วันอะไร จันทร์-ศุกร์ พระจันทร์เต็มดวงหรือครึ่งดวง วันพระรึเปล่า? ส่วนตัวแล้วธีไม่เคยคิดอะไรกับวันเทศกาล

“ไปหาหมอมั้ยพี่ธี” ยังขี่แพะไม่เลิก

“เราน่ะไม่ลอยกับเขาเหรอ?” ธีถาม

“ไม่อ่ะ!” พฤกษทำหน้าเซ็ง

“ทำไมไม่ไปกับเพื่อนล่ะ” ไม่ไปกับเพื่อนผิดวิสัยของคนคนนี้ ธีไม่เข้าใจ

“มันไปกับแฟน ไม่อยากไปเป็นกขค.มันอ่ะพี่” ยังคงทำหน้าเซ็ง

“อื้ม” ธีรับคำ

พฤกษเคาะนิ้วก๊อกๆ กับโต๊ะ จนธีทานไอศครีมหมดถ้วยก็ยังไม่เลิกเคาะ ธีลุกไปจ่ายเงิน นิ้วนั้นก็ยังเคาะ เมื่อกี้เพื่อนของพฤกษมาส่งพฤกษที่ร้าน ซึ่งหมายความว่าเป็นหน้าที่เขาที่ต้องไปส่ง...

ธีถอนหายใจพรืดก่อนจะบอกว่า “อยากไปลอยไหนล่ะ พี่พาไป......ก็ได้”

“พี่ธีคะ รับกระทงหนมปังฝีมือหนูมั้ยคะ?” น้องหวานถามแทรกมา

“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจถือ โทษนะครับน้องหวาน ป๊ะพี่ไปกันเลย! เดี๋ยวดึกมันจะไม่ทัน!” พฤกษหันไปปฏิเสธน้องหวาน แล้วลุกจากที่นั่ง เดินฉับๆ ไปที่มอเตอไซด์ของเขาพร้อมหมวกกันน๊อค----- เอามาจากไหน????

“นี่มันเพิ่งห้าโมง จะรีบไปทำไมพฤกษ” ธีไม่เข้าใจ วัด...ก็อยู่แค่นี้เอง 15 นาทีก็ถึง!!!

“กว่าจะถึงสุโขทัยอ่ะพี่ธี ไม่ทันงานแสดงแสงสีก็ช่างมัน แต่ผมอยากลอยโคม ไป ไป เร็วดิ๊ พี่ธี” พูดจบก็ใส่หมวกกันน๊อค แล้วนั่งควบแต่รอท่า โดยไม่ต้องให้เจ้าของรถเชิญ

ธีถอนหายใจหนักกว่าเดิม... ให้ขี่คันนี้ไปถึงสุโขทัยมันก็ได้อยู่ แต่ไม่ได้เตรียมใจ

“เดินทางปลอดภัยค่ะพี่ธี” น้องหวานตบปุ๊ๆ ที่แผ่นหลังของธี และก้มหน้าก้มตาเก็บถ้วยไอศครีมเข้าไป

ของฝากปีหน้า เขาคงไม่เกรงใจพ่ออีกแล้ว เพราะลูกชายพ่อ...... ดูแลยากสมกับที่พ่อเกริ่นไว้จริงๆ ครับ

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 31-03-2012 19:18:09
รออ่านต่อ อ่านตอนแรกแบบว่า ไม่ชอบพี่ธีเลย เราอคติไปป่าวหว่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 31-03-2012 19:44:03
เอาแล้วไงไปลอยกะทงด้วยกันแล้ว

ด้วยสถิติเค้าว่ากันว่าวัยรุ่นเสียตัวกันวันนี้มากที่สุด  555
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (สุดท้าย)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 20:08:52

........

.......

......

.....

....

...

..

.

ปุ๊ง ปุ๊ง ปุ๊ง เสียงพลุดังขึ้นแสบหูทันทีที่ถอดหมวกกันน๊อคออก

ธีเงยหน้ามองท้องฟ้า พลุสวยดี คนที่นั่งซ้อนท้ายบอกว่า รอให้พลุจุดเสร็จก่อน ค่อยเดินเข้าไปในงาน ลานจอดรถ ไม่ค่อยมีคน เงียบๆ อากาศเย็นนิดๆ หากจะบอกว่าที่ตรงนี้เป็นที่สำหรับดูพลุได้ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันเห็นได้ไม่สวยเท่าจุดที่เขาจัดไว้ ทว่ากว่าเขาจะขี่มอเตอไซด์จากมอ มาถึงที่นี่...ตอนนี้ มันเร็วสุดแล้ว

สักพักใหญ่ พลุก็หมด คนที่ซ้อนท้ายชวนเขาให้เดินเข้าไปในงาน... ธีเห็นโคมลอยอยู่บนท้องฟ้าบ้างประปราย---- ก็สวยดี

“พี่ธี ลอยกระทงก่อนนะ” พฤกษร้องบอกเขา

“อ้าว ไหนว่าจะลอยโคม” ธีแย้ง เขาฟังไม่ผิดสิน่า ตอนอยู่ที่ร้านบอกจะมาสุโขทัย เพราะอยากลอยโคม

“อ๋าว มาทั้งทีก็เอามันทุกอย่างสิพี่”

“............” ธีไม่ค้านอีกแล้ว เขาเดินเข้าไปในงานอย่างเงียบๆ ว่าไงว่าตามกัน

แต่แล้ว------

“อ้าว เหลืออันเดียวเหรอครับ?” ธีถามย้ำ

“ครับหนุ่ม กระทงหมดแล้วล่ะ” พ่อค้าบอก

“ไว้ค่อยเดินไปดูข้างในอีกทีก็ได้พี่ธี” พฤกษจ่ายเงินแล้วรับกระทงอันสุดท้ายมาจากพ่อค้า

พวกเขาพากันเดินไปด้านใน จนกระทั่งถึงจุดที่จะลอยกระทง แต่ก็ไม่มีร้านไหนมีกระทงเหลืออีก พวกเขามาเลทกันมากสำหรับการลอยกระทง

ธีไม่ใส่ใจกับเทศกาลอยู่แล้ว เขาจึงเฉยๆ แต่อีกคนเขาไม่ได้...

“มะพี่ ลอยด้วยกัน มาทั้งทีไม่ลอยไม่เป็นศิริมงคลกับชีวิตนา” พฤกษคว้าข้อมือเขาที่ปฏิเสธว่าไม่ลงไปข้างล่างริมน้ำเพื่อลอยกระทง จะยืนคอยอยู่ตรงนี้

“ไม่เอา เราไปลอยเถอะ เดี๋ยวพี่รอ....” ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็หันหน้าขวับมาแว๊ดเบาๆ

“พี่ธี มาคลายเครียด อย่ามาทำตัวเครียด ไปลอยเอาทุกข์เอาโศกออกไป เผื่อกลับไปไอ้ที่พี่คาใจคิดไม่ออกมันจะได้คิดออกไง ลงมานี่” พูดจบก็ฉุดรุ่นพี่ลงไปยังริมน้ำ

ผู้ชายสองคน กระทงใบเดียว…. ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่า จุดธุปและเทียน ยกกระทงขึ้นเหนือศรีษะ สักพัก ก็ยื่นกระทงให้ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ......!!!!

ไม่อายใครเลยใช่มั้ย?......

ธีมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง โดยไม่รับกระทงมาไว้ในมือ

สายตาที่ทิ่มแทงธีอยู่ในเวลานี้ทำให้มือธีแข็ง แต่ถึงไม่มีสายตาพวกนี้ธีก็ไม่รับมันเด็ดขาด

ข้อมือของธีถูกฝ่ามือเย็นๆ หนึ่งคว้าขึ้นมาแล้วกระทงก็ลอยมาอยู่ในมือของธี!!!

“เฮ้ย!” ธีอุทานเพราะกระทงเกือบถูกตัวเองทำคว่ำ โชคดีที่เขาเอาอีกมือมาประคองไว้ได้ทัน

สายตามทุกคู่ที่ยังอยู่ ณ ที่นี้ ทิ่มแทงมาที่ธีเป็นจุดเดียว.... ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเป็นจุดสนใจใคร เคยแต่ได้ยินเพื่อนในเอกที่เป็นดาวคณะบอกว่า “เวลาสายตาของคนอื่นมองมาที่เราคนเดียว มันหนาวพิกลว่ะ ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น”----- ธีซึ้งใจกับตัวเองก็วันนี้!

“เร็วดิพี่ธี เดี๋ยวต้องไปลอยโคมอีกนะ” พฤกษร้องเร่ง

เอาว่ะ ลอยๆ จบๆ---- ธียกกระทงขึ้นจรดหน้าผาก... ไม่มีคำอธิษฐาน ไม่รู้จะอธิษฐานอะไร..... ‘ขอให้ความทุกข์ที่มีสลายหายไป ขอให้วันข้างหน้าสดใส ขอให้มีใครสักคนเข้ามาอยู่ด้วยกัน ขอให้ต่อไปชีวิตผมอย่าได้โดดเดี่ยวเหมือนอย่างทุกวันนี้อีกเลย สาธุ’

กระทงถูกลดลงมา เห็นกล้วยไม้สีขาวแล้วธีเกิดนึกถึงแม่ แม่ชอบไหว้พระด้วยดอกไม้ขาว เวลามาลอยกระทงกับพ่อและแม่ แม่จะเอากล้วยไม้ติดมาเองด้วย ตัวกระทงซื้อเอา แต่แม่จะเอาดอกกล้วยไม้แซมเสริมเข้าไป หรือเอาแทนที่ของเดิม แล้วแต่ว่าของเดิมสวยแค่ไหน....

“พี่ธีไปลอยป๊ะ” พฤกษบอกให้เขาเป็นคนเอากระทงไปลอย

“ไปด้วยกันป๊ะ” ธีเปลี่ยนใจ------มองได้มองไป ไม่ได้รู้จัก เจอกันแค่หนเดียว

พฤกษยิ้มร่า “อื้ม”

........

.......

......

.....

....

...

..

.

อนิจจา ฟ้าเล่นตลกกับธีเหลือเกิน เพราะพอลอยกระทงเสร็จ โคมก็หมด ซื้อมาได้แค่อันเดียว เดินไปทั่วงานก็แล้ว มันก็ไม่มีอีก------ ฮา

ลอยกระทง ลอยโคม.....ร่วมกัน ชาติหน้าคงไม่แคล้วได้เจอตัววุ่นนี่อีกแน่นอน

“พี่ธีทำเป็นมั้ยอ่ะ” พฤกษถาม

“เป็น” ธีบอกแล้วเริ่มกวาดลมตั้งโคมให้เป็นทรง “เอ้า” จากนั้น “จับไว้ อย่ายุกยิกนะ” ธีจุดไฟ ให้ไอความร้อนระอุอยู่ข้างใน สักพัก โคมก็พร้อม “ลองยกมันดูสิ”

“อื้ม” พฤกษค่อยๆ ยกโคมให้ลอยขึ้น

“เดี๋ยวพี่ลองก่อน พี่จะคอยจับไว้ พอบอกว่าปล่อย พฤกษปล่อยมือนะ” ธีบอก

โคมลอยตัวได้เองแล้ว จากนั้นก็อธิษฐาน.... ตลอดเวลาที่เตรียมโคม ธีเห็นคนรอบๆ ตัว จับโคมไว้ด้วยกันเหนือหัว และอธิฐานพร้อมกันก่อนที่จะปล่อยมันไป เขาจึงยกโคมขึ้นสูงเท่าจมูก เพื่อให้ไม่สูงเกินควรสำหรับพฤกษ

“อ๊ะ อธิษฐาน อย่าช้านะ เดี๋ยวไฟมอด” ธีบอก “โอ๊ย!”  โดนแตะหน้าแข้ง

......

.....

....

...

..

.

โคมสีขาวที่มีแสงเรืองจากภายในค่อยๆ ลอยขึ้นสู่อากาศ เลยหัวของธีไป ลอยขึ้นไป สูงขึ้น และสูงขึ้น จนไปรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าสีนิลสนิท

“สวยจังเนอะพี่ธี สีเหมือนชื่อพี่ธีเลย” คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองตามโคมของตัวเองอย่างไม่วางตากล่าวเช่นนั้น

-------ธีปสุวรรณ

...........

..........

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.
















 :m20: ใครเสียตัวไม่มี๊ ไม่มี .... ใส ใส อ่ะ
ตอนหน้าขึ้นวรรคห้าแหละน๊าทู๊กคน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 31-03-2012 20:32:25
สนุก ชอบที่เริ่มรู้จักกันเรื่อยๆ

มันเหมือนจะให้ความรู้เเบบพี่น้องมากกว่า

เเล้วไปรักกันตอนไหนเนี๊ย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสี่ (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-03-2012 20:50:59
ที่ผ่านมาก็มีอดีตอันหวานชื่นด้วยกันนี่นา ไม่น่าปล่อยให้หลุดลอยไปได้
ชอบคุณพ่อ เรียกพี่ธี ๆ น่ารัก...
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 31-03-2012 21:31:25
วรรคห้า






นั่งกินขนมสายไหมที่เบาะรถจนหมดถุง คนซ้อนถึงบอกว่า “ป๊ะ กลับได้! แต่เดี๋ยวถึงทางแยกกลับมอเรา พี่ธีแวะร้านก๋วยเตี๋ยวไก่หน่อยนะ ไอ้โจ้มันบอกว่าอร่อย ถ้ามาต้องแวะให้ได้”

*0*------ สารภาพออกมาแล้วว่าวางแผนมาล่วงหน้า

....

...

..

.

กินก๋วยเตี๋ยวไปคนละสองชามก็เอาพุ่งยื่นๆ กลับมอ ขากลับมีคนที่ขี่มอเตอไซด์กลับมาทางเดียวกันอยู่หลายคัน คาดว่าหนึ่งในหลายคันนั้นอาจร่วมเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกัน

ธีขี่รถมาเรื่อยๆ ไม่เร็วมาก จนมาถึงทางหลังมอ ร้านค้าปิดหมดแล้ว ก็สมควรเพราะตอนนี้เวลาไม่ใช่น้อยๆ

ธีลดความเร็วลง เพราะถนนหลังมอค่อนข้างขรุขระด้วยหลุมเล็กบ้างใหญ่บ้าง....เลาะไปเรื่อยๆ ก็มาถึงหอของคนที่นั่งซ้อนท้าย

“ฮึ๊บ” แล้วโดดปุ๊ลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคออกมา ใบหน้ายิ้มกริ่มก็ปรากฏขึ้น “ขอบคุณครับพี่ธี หนุกมากๆ เลยอ่ะ พี่ใจดีที่สุดเลย” ก้มหัวมาถูกับต้นแขนของธี

------- เหมือนมากครับพ่อ ไอ้ลูกหมาเอ๊ย!

ธีถอดหมวกแล้วส่งยิ้มให้แทนคำตอบ พอหัวทุยๆ นั้นตั้งกลับมาที่เดิม ธีจึงวางฝ่ามือลงบนนั้น “คราวหลังบอกกันก่อนนะ แค่อยากเตรียมใจ”

----------ก็หนุกดีอ่ะนะ เลยว่าเค้าไม่ได้เต็มปาก

“อื้ม ไว้ปีหน้าไปกันใหม่เนอะ อ่ะ ดึกแล้ว พี่ธีขับรถดีๆ น๊า บายคร๊าบ” โบกมือส่ง

“ปีหน้าก็ไปกับแฟนล่ะมั๊งเราน่ะ” ธีพูดกลั้วหัวเราะ

“หือ? ไปกะพี่ธีหนุกกว่า ผมขี้เกียจแทคแคร์คนอื่น” ส่ายหน้าพรืด

ไอ้ขี้เกียจเอ๊ย!..... “งั้นคบกันมั้ยล่ะ จะได้มีคนแทคแคร์”

!!!!!! .......ฉิบแล้วไอ้ธี มึงพูดอะไรออกไป

ใจมันสั่นระทึกทันทีที่รู้ตัวว่า....พูดอะไรไปเมื่อกี้

แช๊ก แช๊ก บรื๊นนน.... สตาร์และเร่งเครื่องทันควัน “พี่ไปก่อนนะ บาย” ใส่หมวกกันน๊อค แล้วโค้งรถวนตัวอีกฝ่ายกลับออกไปทางตรงทางออกของหอ แต่เขาไปไม่ทันได้ไกล เสียงร้องเรียกชื่อเขาก็ดังไล่ตามหลังมา....เสียงนั้นดังชนิดที่ไม่เกรงใจคนที่เขาหลับไปแล้วด้วยซ้ำ

ธีเบรค ถอดหมวก และหันกลับหลัง เขาเห็นพฤกษวิ่งตรงมาหาเขา ใจของธีสั่นระรัว เขาพยายามเค้นคำแก้ตัวออกมาให้ได้ เอาที่ฟังดูดีมาสักอย่าง เอาอะไรดี เอาอะไรดี เร็วสิไอ้ธี!!!

“พี่ธีบอกว่าอะไรนะ ขอใหม่สิ” พฤกษถามเขาทันทีที่วิ่งมาถึงตัวรถ

“หือ? ไม่มีไร ไปนอนเถอะ” เยี่ยมที่สุด.....ไม่ได้ยินก็ดีแล้ว

“จะให้คบเป็นเพื่อนหรือแฟน?” พฤกษจ้องหน้าเขา

ธีเงยหน้ามองรุ่นน้องที่เคยยิ้มแป้นแล้น แต่เวลานี้ใบหน้านั้นเรียบ นิ่ง.... เคยเห็นบ้าง สีหน้าแบบนี้ แต่ไม่อยากเห็นในสถานการณ์นี้

“...........” ธีตอบไม่ถูก อันที่จริงต้องเรียกว่าตัวแข็งไปแล้วต่างหาก-------ฮา

“เอาไงพี่ธี ไร? พูดแล้วไม่รับผิดชอบเหรอ?” ท้วงหนักขึ้น

“........ แฟน...... แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เหมือนเดิมก็ได้ พี่ไปล่ะ” ขณะที่จะใส่หมวกกันน๊อค ธีก็ได้ยินเสียงจากอีกฝ่าย

“โอเค แฟนก็แฟน ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ ถึงหอแล้วโทรมาบอกด้วยนะ”

ธีหันขวับกลับไปทั้งที่ยังไม่สวมหมวกกันน๊อค

พฤกษวิ่งกลับไปแล้ว วิ่งขึ้นตึกไปแล้ว ไปถึงชั้นสี่แล้ว พฤกษชโงกหน้ามาโบกมือให้....พร้อมยิ้ม

ธีก้มหน้า สวมหมวก แล้วบิดมอเตอไซด์ออกไปจากหอ

ผ่านป้อมยาม เข้าสู่เขตของมหาลัย

ผ่านตึกสูงของคณะอื่นที่ปิดไฟมืดสนิท

ผ่านสนามโล่งๆ ที่มีต้นไม้ต้นใหญ่ปลูกเรียงราย

ใจธีสั่น มันสั่นไปตลอดทาง ตอนนี้มันเหมือนกับหายใจไม่ออก

ธีจอดรถที่ข้างทาง บริเวณนั้นเป็นสนามกีฬา

ธีปลดขาตั้ง ถอดหมวกกันน๊อค แล้วเดินดุ่ยเข้าไปหาสนามฟุตบอล

ธีปีนรั้ว และตรงเข้าไปหาสนามหญ้าขนาดใหญ่

เขาเดินเข้าไปจนถึงตรงกลางของสนาม แล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอนหงาย

ธีเดินไม่ไหว ธีขับรถไม่ไหว มันทรุด มันเปลี้ย ขามันหมดเรี่ยวแรง แขนมันแข็งชา ... เขาหมดแรงทั้งตัวไปดื้อๆ จนต้องเข้าต้องมานอนหายใจระรินให้ยุงมันหอมอยู่ตรงนี้!

สายตาธีเหม่อมองท้องฟ้า วันนี้จันทร์เต็มดวง ดาวระยิบระยับ อากาศเย็นสดชื่นผิดกับช่วงกลางวัน มหาลัยที่นี่แปลกมาก พอใกล้หน้าหนาว ช่วงที่ไม่มีแสงแดดอากาศจะเย็นจนสมกับเป็นภาคเหนือ สมกับเข้าสู่หน้าหนาว......

ธีเคยได้ยินเพลงหนึ่ง...เพราะดี จังหวะก็ดี คำก็ดี

ธีเคยคิดเล่นๆ ว่าตัวเองจะมีวันนั้นบ้างไหม...วันที่จะได้รู้สึกเหมือนเพลงนั้น

http://www.youtube.com/watch?v=pVBbwVigsdc













ธีให้อาหารยุงด้วยรอยยิ้ม ยิ้มให้พระจันทร์ ยิ้มให้ดวงดาว

ธีนึกขอบคุณพระแม่คงคา ที่ช่วยทำคำอธิษฐานของเขาให้เป็นจริง

........

.......

......

.....

....

...

..

.



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 31-03-2012 21:44:14
ยิ่งอดีตมีความทรงจำดีๆ มากตอนที่ย้อนนึกยิ่งเศร้า
สงสารธีและสมน้ำหน้า
มีแต่รักษาไว้ไม่ได้ ก็นอนกอดอดีตไปเหอะ

จะตื้อก็เต็มที่หน่อยสิ ไม่สืบไม่ดูไม่ทำอะไร นั่งรอโอกาส
มันจะมาถึงมั้ยล่ะนั่น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-03-2012 22:42:28
*ธีนึกขอบคุณพระแม่คงคา ที่ช่วยทำคำอธิษฐานของเขาให้เป็นจริง*



แล้วก็บอกเลิก :z6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: mira ที่ 01-04-2012 02:52:35
เรื่องชื่อตัวละครค่ะ วรรคแรก เป็น ทีปสุวรรณ กับ นุชา  แต่วรรคสาม เป็น ธีปสุวรรณ กับ สุชา นะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 01-04-2012 09:08:07
เริ่มรักมันก้หวานอย่างนี้ละนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 01-04-2012 09:37:55
อดีตหวาน  ปัจจุบันขม  อยากรู้ทั้งคู่จะไปทิศทางไหน

สถานที่นี้มันคุ๊นคุ้น  นึกออกแล้วว่าที่ไหน 555

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 09:47:43
 :pig4:


ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน

สำหรับคำติชมและที่ตรวจเจอที่ผิด

เนื่องด้วยเรื่องนี้พิมพ์ในถิ่นทุรกันดาน สัญญาณเน็ท ไม่อำนวยดั่งใจ
หากท่านผู้มีอุปการะคุณท่านใด เจอจุดแปลกๆ คำผิด โปรดแจ้ง จักเป็นพระคุณยิ่ง

อนึ่ง เจอที่รีพลายใด โปรดแจ้งรีพลายกำกับด้วยนะคะ....เปิดทียากเหลือเกิน.... :z3:

กะว่าวันนี้จะโซโล่ให้จบ... เพราะตอนจบนั้นมีแย้ววววววว
แต่หากวันนี้ผู้เขียน ลงเรื่องไม่จบโปรดโทษ "ดีแต๊ก" นะคะ  :laugh:

สุดท้าย ก่อนเริ่มพิมพ์ ขอบคุณทุกรีพลาย ทุกตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
ทุกท่านเป็นแรงใจให้ผู้เขียนเสมอมา  :pig4: อีกครั้งค่ะ
  :pig4:


ย้ำกับท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน อีกครั้ง

หากท่านไม่คุ้นและทำใจไม่ได้กับ [สองก้าว]+ [ก้าวต่อไป] ท่านควรเลี่ยงเรื่องสั้น ตอน  [เวลา] นี้เสีย

สำหรับท่านที่หัวใจไม่แข็งแรง ผู้เขียนขอแนะนำว่า โปรดรอจนขึ้นหัวข้อว่า [เวลา] จบในตัว เสียก่อนจึงกลับมาอ่านจะเป็นการทรมานหัวใจน้อยที่สุด

ด้วยความห่วงใยจากใจ

ผู้เขียน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 09:50:06
อดีตหวาน  ปัจจุบันขม  อยากรู้ทั้งคู่จะไปทิศทางไหน

สถานที่นี้มันคุ๊นคุ้น  นึกออกแล้วว่าที่ไหน 555

บวกเป็ด

เย้ย ไม่มีนะ สถานที่นี้ไม่มีอยู่จริง
นี่มันเรื่องแต่ง ก๊ากกกกกกกกกก

(จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าระบุเป็นตัวอักษรเชียว)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 01-04-2012 10:01:01
^
^
^
จิ้ม  จึกๆๆๆ

รู้กันๆ  ไม่บอกใคร   :laugh:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 11:16:46


........

.......

......

.....

....

...

..

.

ตึก ตึก ตึก---- เสียงฝีเท้าก้าวย่างอย่างสม่ำเสมอขึ้นบันไดมา ที่ด้านบน เขาได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งคุยกันเฮฮา ตึกนี้เป็นหอชาย วันนี้เป็นวันเทศกาล ผู้ชายส่วนใหญ่ยังไม่นอน หรือจะบอกว่าคืนนี้จะไม่นอนกันเลยก็ว่าได้ ธีเดินยิ้มขึ้นมาถึงชั้นสามซึ่งเป็นชั้นของห้องพักตัวเอง

“อ้าว ไอ้ธี มาเข้าวงกะ..... เหี้ย! หน้ามึงไปโดนอะไรมาวะ ทำไมมันเป็นจ้ำแดงงั้นล่ะมึง” เพื่อนคนหนึ่งในวงเหล้าที่ออกมาตั้งกันตรงระเบียงทางเดิน แผ่อาณาบริเวณไปครึ่งทางเดินของชั้นที่สามตกใจกับตุ่มยุงกัดบนหน้าธี

ธีไม่รู้หรอกว่ามันมากหรือน้อย แต่มันก็คันอยู่เหมือนกัน

ธีเดินยิ้มกริ่มเข้าไปในวงเหล้า ไม่ได้ชอบดื่มเหล้าหรอก แต่ชอบนั่งฟังเพื่อนคุย...

ธีบอกเพื่อนว่ายุงกัด เพื่อนก็ถามว่าไปลอยกระทงหรือไปทำตามประเพณีวัยรุ่น ยุงถึงกัดหน้า กัดตูดด้วยรึเปล่า?

“ป่าว ไปนอนที่สนามฟุตบอลมา ไปดูดาว” ธีบอก เพื่อนหน้างงเต๊กกันทั้งวง

“คนเดียว สองคน..... สามคน หลายคน” เพื่อนคนหนึ่งถาม...และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกว่าความคิดที่เริ่มฟุ้ง

“คนเดียว” ธีบอก

“เป็นไรวะ ดีใจอะไรมามึงอ่ะ กูเห็นตั้งกะมึงขึ้นมาแหละ ยิ้มไม่หุบเลย” เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขายื่นตลับลิงถือลูกท้อมาให้เขา ถึงดื่มกันในตึก แต่ยุงก็มาแวะชิมเลือดกันได้ ดังนั้นนอกจากสุรา น้ำแข็ง และโซดาแล้ว ต้องมีอันนี้ “ลิงถือลูกท้อ”

ธีรับตลับยาหม่องมาเปิด แล้วใช้นิ้วคลำตุ่มบนหน้า ค่อยๆ ทาพลางเล่าให้เพื่อนๆ ฟังไปเนิบๆ “ไอ้ทศ มึงจำเพลงนั้นได้ป๊ะ ที่มึงชอบเปิดก่อนนอนน่ะ ที่พี่โจ้เค้าร้องน่ะ..... กูเข้าใจเพลงนั้นแล้วนะมึง ตรงมากเลยว่ะ....”

“อ๊ะ.......เว๊ย! พวกมึงชนแก้ว เพื่อนเรามันมีแฟนแล้วเว้ย!” ทศมองหน้าที่ยิ้มไม่หุบของธี พอนึกความหมายที่ธีพูดออก เขาก็ยิ้มแฉ่ง ยกแก้ว ขึ้นเสยกับคนในวง

“ฮ้า-------- มึงเล่ามาไอ้ธี เป็นไงมาไงวะ เอาละเอียด ถือซะว่าพวกกูเป็นญาติผู้ใหญ่มึงละกัน” เพื่อนที่นั่งอยู่สุดปลายวง บอกเขาหลังจากที่ซดฉลองให้ธีแบบหมดแก้ว

เพื่อนกลุ่มนี้สนิทกันดี นิสัยเข้ากันได้ ธีจึงไม่คิดที่จะปิดอะไรกับเพื่อน ธีไว้ใจและเชื่อว่าเพื่อนต้องรับได้ “น้องเค้าอยู่ปี 2 ว่ะ คนนั้นไง ที่พวกมึงแดกของฝากจากพ่อเค้าน่ะ ที่พวกมึงว่าอร่อยดีน่ะ”

ทศสะกิดแขนธี แล้วถามเสียงเรียบว่า “คนนั้นเค้าผู้ชายใช่มั้ย มึงบอกกูงั้นนะ”

“อื้ม!” ธีพยักหน้าด้วยความมั่นใจ

“มึงแน่ใจนะ สรุปว่ากูมีเพื่อนเป็นเกย์?” ทศถามย้ำ

“ไม่ได้เป็นเกย์ แต่น้องน่ารักว่ะ... จริงๆ ไปรักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เมื่อกี้ตอนไปส่งน้องเค้าที่หอกูเผลอถามเค้า พอน้องเค้าตอบโอเคมา ก็เลยเพิ่งรู้ว่า กูรักน้องเค้าอ่ะมึง” ธีบอกตามความรู้สึกจริง

“ไอ้ธี ตกลงเมื่อเย็นมึงไปไหนมา” เพื่อนที่อยู่กลางวงถาม

“ไปลอยกระทงที่สุโขทัยกับน้องเค้านั่นแหละ” ธีหันหน้าไปตอบ

“เว้ยยยยยยยยย!” เสียงอุทานดังขึ้นทั้งวง และตามมาด้วยคำถามมากมาย

“หยุด! หยุด!..... พวกมึงแยกกันถามแบบนี้ กูไม่รู้เรื่อง” ทศหันไปด่าเพื่อนๆ แล้วหันมาบอกธี “มะ มึงเล่าตั้งกะเมื่อเย็นที่แยกกับพวกกูไปหาน้องมึง... เอาจบที่มึงมาถึงหอเนี่ย อย่ากั๊กนะ ถ้าไม่ละเอียด พวกกูจะไปถามแฟนมึงด้วยตัวเอง.....”

ฮ่าฮ่าฮ่า------ เสียงฮาดังครื้นขึ้นมาทั้งวง ที่เห็นเพื่อนหน้าแดงฉ่า เพื่อนธีมันน่ารัก บอกเพื่อนว่าไปสารภาพรักมา เค้ารับคำสารภาพ เล่ามาได้ตั้งนานไม่หน้าแดง พอมีคนบอกว่า “แฟนมึง” แค่นั้น เพื่อนธีหน้าแดงขึ้นมาทันที

หลังจากที่ธีเล่ารายละเอียดจนจบแบบจุใจเพื่อนๆ ธีก็ต้องชนแก้วกับเพื่อนทั้งวง... เพื่อนดีใจด้วย เพราะเพื่อนต่างรู้ว่า ถึงฝูงเพื่อนอยู่หอเดียวกับธีกันหมด แต่เพื่อนก็ทดแทนครอบครัวให้เพื่อนธีไม่ได้ เพื่อนหวังกันเสมอว่าเพื่อนธีจะได้พบรัก และมีความรัก เพื่อนธีจะได้ไม่เหงาใจ

......

.....

....

...

..

.

“ทศ พวกมึงรับได้จริงๆ ใช่มั้ย?” ในความเชื่อใจและมั่นใจของธียังมีเศษเสี้ยวหนึ่งผุดขึ้นมา

“อ้าว ไอ้นี่ มึงดู มีใครมันลุกออกไปจากวงมั้ย?” ทศบอกเสียงเข้ม เพื่อนธีพูดแบบนี้หยามน้ำใจกันมาก แต่เห็นเพื่อนหน้าเครียด ทศจึงบอกให้เพื่อนสบายใจอีกนิด “พวกกูดีใจนะ ใครก็ได้ที่มึงรักและเค้ารักมึง พวกกูไม่อยากเห็นมึงเหงา.... ส่วนเรื่องชอบผู้ชาย กูว่ามึงไม่ต้องคิดมากหรอก.... หากใครในหมู่เรามันจะเลิกคบมึงเพราะมึงชอบผู้ชาย มันคงต้องเลิกคบกูด้วย เพราะคนที่กูชอบก็เป็นผู้ชาย” ทศกอดคอเพื่อนธีให้กำลังใจ

“หือ....” ธีหันไปมองหน้าทศ.... เพื่อนทศเล่นมุกเหรอ? แต่สีหน้าไม่ใช่นะ? “อำกูเหรอ?” ธีถามเพื่อความแน่ใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า... จริงๆ” ทศย้ำ

“มึงมีแฟนเป็นผู้ชายแต่ไม่เคยบอกเพื่อนเนี่ยนะ” ธีถามอีกครั้ง

“ไม่ใช่แฟน คนที่กูชอบเค้าเป็นผู้ชาย...ว่าแต่ตอนมึงไปนอนให้ยุงตอมอ่ะ รู้สึกไงวะ เสียงพี่โจ้ดังขึ้นมาเลยมั้ยวะ” ทศอยากรู้ เขาชอบเพลงนั้นมาก และก็อยากมีสักวันที่จะได้รู้สึกเหมือนเพลงที่เขาร้อง

“อื้อ! รู้สึกดีว่ะทศ นี่กูหุบยิ้มมั่งยังวะ” ธีหันหน้าไปให้เพื่อนช่วยดู

“เอออออ ไม่หุบเลย เชี่ย ดีใจกับมึงนะ แต่หมั่นไส้ว่ะ” ทศพูดจบก็ล็อคคอเพื่อนไปยีหัวเล่นด้วยความอิจฉาตาร้อน

เสียงของทศกับธีดังเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในวงเหล้าซึ่งล้มพับกันเป็นโดมิโน่ไปหมดแล้ว ขณะที่เสียงหัวเราะดังปนกับเสียงโอยนั้นเอง เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องหนึ่งดังขึ้น เพื่อนธีและเพื่อนทศมองหาที่มาของเสียง

“อ๊ะ ของกู” ธีบอก พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกง.... พฤกษโทรหาทำไม ธีมองเวลาในเครื่อง---- ตีสอง

.....????......!!!!!!! ตายล่ะมึงไอ้ธี

“ครับ” ไม่แก้ตัว ไม่ถาม ไม่อะไรทั้งนั้น นิ่งไว้เป็นดีที่สุด

“...... พี่ธีอยู่ไหนอ่ะครับ” พฤกษถาม เสียงไม่ร่าเริงเหมือนเดิม

“อยู่ที่หอครับ” อย่าไปถาม นิ่งไว้นะไอ้ธี

“ถึงนานแล้วเหรอครับ?” ถามย้ำเข้าจุด

“.....ครับ.....” นิ่งไว้นะไอ้ธี

“.......................”  เงียบกริบ

ความเงียบทำให้ธีทรมานใจพิกล “โทษที พอดีเข้าหอมาแล้วเจอเพื่อนมันตั้งวงกัน คุยกันเพลิน เลยลืมโทรบอกพฤกษ”

“อื้ม....” สั้นๆ และเงียบต่อ

“พี่ขอโทษครับ รอพี่เหรอ?” เริ่มเสียใจ

“มันไม่ไกลหรอกหน้ามอน่ะ แต่ผมก็ห่วง.... เออออ ถึงก็ดีแล้ว แค่นี้ล่ะ นอนล่ะครับ” พฤกษบอก น้ำเสียงไม่ได้ดุอะไรเลยสักนิด

“พี่..... พี่ดีใจไปหน่อย หน้ามันเก็บไม่อยู่ เพื่อนมันเห็นเลยให้เล่าให้พวกมันฟัง พี่เลยลืมโทรบอกว่าถึงหอแล้ว แต่นี่ยังไม่ได้เค้าห้องเลยนะ ยังอยู่หน้าห้องอยู่เลย” ธีบอก อยากให้น้องไม่ได้คิดผิดไปเป็นอื่น

“เล่าอะไร?” พฤกษไม่เข้าใจ

“ก็เล่าว่า วันนี้ไปสุโขทัยมา กลับมาก็สารภาพรักกับเค้า แล้วก็ได้แฟนมากับเค้าคนนึง พวกมันเลยฉลองให้ นี่เพิ่งเมาหลับกันไป เหลือกันอยู่แค่สองหน่อเนี่ย” ธีบอก

“อ๊ะ........พี่ธี-------------------” เสียงลากยาวดังแสบหู ฟังดูอาจบ่งบอกความรู้สึกจากผู้พูดได้ยาก แต่สำหรับธีมันมีความหมายแค่หนึ่ง..... น้องเขินอยู่

“พฤกษอยากฟังมั้ยว่าพวกมันบอกพี่ว่าไรมั่ง?” ธีแหย่

“หยุดเลยพี่ธี! แค่นี้นะ!” พูดจบปุ๊บสายก็ตัดไปเลย

ธีมองหน้าจอมือถือของตัวเอง แต่มองเห็นหน้าของอีกฝ่ายซึ่งอยู่ในจินตนาการ

“ไหลเชี่ยวเลยนะเพื่อนธี” ทศแซว พร้อมเอามือยีหัวเพื่อนเล่น

“...... เป็นไปเองว่ะ” ธีขำร่วน ไม่ได้จะแถกับน้อง แต่แค่อยากบอกน้องว่า ถึงลืมโทรหาตอนถึงหอแล้ว เขาก็ไม่ได้ลืมน้องเลยสักนาทีเดียว.... แค่นั้นเอง
 




********************





หลังจากฟ้าเปิด โลกทั้งโลกของธีและพฤกษก็เป็นสีชมพูกันอยู่เงียบๆ สองคน

ก่อนหน้าที่จะคบกันในฐานะแฟน พี่ธีเคยพาพฤกษมาร้านต้มหน้ามอครั้งเดียว พฤกษชอบร้านนี้ แต่ให้ปั่นจักรยานไปเอง เกรงว่าปั่นกลับมาก็ต้องกินเสริม... เปลืองเงินเปล่า ซ้อนพี่ธีมาสบายจะตาย ทว่าครั้งนั้นพฤกษมาเจอเพื่อนพี่ธี และพี่ๆ เค้าก็มาร่วมโต๊ะด้วย ก็รู้ว่าพี่ๆ เขาให้ความเป็นกันเอง แต่พี่คนอื่นๆ ไม่สนิทใจเท่าพี่ธี พฤกษเลยพูดน้อยลง พี่ธีเลยคิดว่าพฤกษไม่สะดวกใจ และไม่ค่อยขี่รถพามาที่ร้านข้าวต้มนี้อีก... พอเปิดตัวกันแล้ว พี่ธีก็พาไปกินข้าวต้มที่หน้ามอบ่อยขึ้น... และทุกครั้งก็จะแยกโต๊ะกับเพื่อน

พฤกษเคยถามพี่ธีครั้งนึง แล้วก็เลยรู้ว่าพี่ธีเข้าใจผิด แต่พอแก้ความให้พี่ธีเข้าใจถูกแล้ว เพื่อนพี่ธีก็ยังให้นั่งแยกโต๊ะกันเหมือนเดิม

ระหว่างพฤกษกับธีความสัมพันธ์ไม่ได้หวือหวาเหมือนคู่อื่น ทั้งสองสุขใจสบายใจที่จะทำอะไรก็ทำ อยู่ตรงไหนไปตรงไหนแล้วสนุกก็ไปกัน ในสายตาคนภายนอกก็เหมือนเดิม สนิทกว่าเดิมนิ๊ดเดียว

พอช่วงสอบปลายภาค ต่างก็เก็บตัวอ่านหนังสือมากขึ้น อันที่จริงพฤกษไม่ได้สนใจอ่านหนังสือเลย ก็หัวไม่ดี อ่านแล้วไม่จำเท่าไหร่ แต่พี่ธีเรียนเทอมสุดท้ายแล้ว พี่ธีบอกว่าพี่ธีไม่เก่งมาก เลยต้องพยายามเยอะกว่าคนอื่น  พฤกษจึงทำทีเป็นว่าจะอ่านหนังสือบ้าง เพื่อให้พี่ธีกลับไปอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจ

เหงา....ก็มีบ้าง แต่ไม่เป็นไร พฤกษทนได้ สอบเสร็จพี่ธีก็มาอยู่ด้วยเหมือนเดิมเองล่ะ----พฤกษคิดเช่นนั้น

ทว่า สอบปลายภาคเสร็จ พี่ธีก็ต้องวุ่นกับการขอใบรับรองสภาพนิสิตเอกสารหลายๆ อย่างเพื่อเตรียมนำไปประกอบการสมัครงาน ไหนจะลำบากกับการเลือกบริษัทที่จะส่งใบสมัครเข้าไป ไหนจะต้องค้นว่าแผนกที่อยากทำงานมีที่ไหนเปิดรับบ้าง พี่ธียังต้องวุ่นกับความวายป่วงของส่วนงานที่ออกเอกสารให้นิสิต

กองงานนี้ พิลึกมาก ก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว แต่ทำไมชอบทำเอกสารง่ายๆ ให้เป็นเรื่องที่ยากโคตรๆ ด้วยนะ...... พฤกษได้เห็นพี่ธีที่ใจเย็นนิ่งเสมอสบถกับเค้าก็เพราะการออกเอกสารของสำนักงานนี้นี่ล่ะ ไม่ได้ตกใจนะ ดีใจที่พี่ธีก็เป็น “คน” เหมือนคนอื่นนี่นา เคยหลงคิดอยู่บ่อยๆ ว่าแฟนเป็นรูปปั้นที่ขยับได้รึเปล่าหนอ

“ใจเย็นพี่” พฤกษยื่นแก้วน้ำเสาวรสปั่นไปให้พี่ธีจิบดับร้อน

“ก็พูดดีๆ ก็ได้.... ขอพี่พูดแบบผู้หญิงหน่อยนะ จะ “จิก” ให้มันได้อะไรขึ้นมา เฮ้------อ” พี่ธีฉุนขาด

พี่ธีไปถามว่าเอกสารได้รึยัง เพราะบริษัทที่พี่ธีเล็งไว้เปิดรับแล้วเมื่อวานซืน ยื่นคำขอไป 2 อาทิตย์แล้ว เอกสารยังไม่ไปไหนเลย ถามพนักงานก็ว่าให้รอ ถามบ่อยก็ชักสีหน้า..... แต่เมื่อวานพี่ธีทนไม่ไหว เลยไปถามอีกที.... เจอสองเด้ง----- “คนเซ็นต์ไม่อยู่ กลับต้นเดือนค่ะ และถ้าได้แล้วเราจะปิดประกาศแจ้งหน้าตึก หากไม่มีประกาศนิสิตก็ควรรู้ด้วยตัวเองนะคะ”

“พี่ดูที่สำรองไว้ยังอ่ะ หาเผื่อไว้ ฆ่าเวลาอ่ะพี่” พฤกษนึกขึ้นมาได้ ช่วยพี่ธีคิด

“พี่ดูหมดแล้ว จดไว้หมดแล้ว” ธียกแก้วน้ำปั่นขึ้นมาดู หน้าเซ็งสุดบรรยาย แต่น้ำเสียงกลับมาเรียบๆ เหมือนเดิมแล้ว

“กลับบ้านดิพี่ ไว้เอกสารมาแล้วค่อยกลับมาเอา อยู่ตรงนี้ไปก็ของขึ้นเปล่าๆ” พฤกษยกแก้วน้ำปั่นขึ้นดูดบ้าง ไอศครีมหมดแล้ว ก็นั่งเล่นไปเรื่อยๆ เฝ้าร้านให้น้องหวาน

น้องหวานฝากร้านไว้กับทั้งสองคน ส่วนตัวเองออกไปซื้อข้าวกลางวันมากิน... พฤกษขายของได้ พี่ธีตักไอติมเป็น อันที่จริงน้องหวานสอนทั้งสองคนนั่นแหละ แต่พฤกษชอบตักแบบเอาสะใจตัวเอง น้องหวานบอกว่า “ตักแบบพี่พฤกษ ร้านพี่หวานเจ๊งกันพอดี พี่พฤกษยกไปให้ลูกค้าพอนะ ห้ามจับที่ตักเด็ดขาด!”

ธีวางแก้วน้ำแล้วเอามือข้างหนึ่งมาท้าวคาง สายตามองตรงมาที่พฤกษ “ถ้าพี่กลับบ้านพี่ก็ไม่เห็นหน้า........”

ประโยคแบบจงเติมคำในช่องว่างเรียกสีแดงเรื่อขึ้นมาบนหน้าพฤกษได้ในทันที “ถ่ายรูปเอาไปเก็บไว้ดูสิ”

“ไม่ได้ยินเสียง” ยังขาดอยู่

“ก็โทรมา เดี๋ยวคุยให้ฟัง” เติมให้

“จบแล้วนะ ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วนะ” นี่คือสิ่งสำคัญ ธีเรียนจบแล้ว และต้องไปหางานทำ ซึ่งแน่นอนว่าที่ทำงานซึ่งธีเลือกไว้ ไม่ได้อยู่ในระแวกมหาลัยนี้เลย

ถึงเรียนจบแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเลิกคบกัน แต่เพิ่งได้เป็นแฟนกันแค่ไม่กี่เดือนกลับต้องมาอยู่ห่างกันซะแล้ว... ถึงทำใจได้ตั้งแต่เริ่มคบกัน พอเวลามาถึงจริง...หัวใจต่างคนต่างก็เสียดายและห่วงหา

คบกันรักกันมันเป็นเรื่องง่าย

ความรักมีไม่ยาก เพราะจู่ๆ มันก็มา.... บางคนยังไม่ทันทรมานกับการแอบรักก็มีความรักซะแล้ว.... เช่นธีเป็นต้น

“ความรัก” จะมีให้กันมากแค่ไหนก็ย่อมได้ ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดในความสัมพันธ์สีชมพูแบบนี้------- เราจะรักษามันให้คงอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ได้อย่างไร

ไม่มีใครรู้เลย.............

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 12:02:48

ปิดเทอมปลายภาคมาแล้วหนึ่งเดือน

พฤกษอ่านหนังสือการ์ตูนจนหมดทั้งร้านแล้ว ครบเดือนแล้ว และพฤกษต้องกลับบ้านเสียที คราวนี้อาจารย์ไม่มีงานให้พี่ธีช่วยทำ พี่ธีเหลือแค่อยู่รอเอกสาร หรืออันที่จริงพี่ธีรออยู่ที่มหาลัยเพราะคนคนเดียว

“ผมรอกลับพร้อมพี่ก็ได้นะ แต่พี่ธีโทรบอกแม่ให้ด้วย” พฤกษไม่อยากกลับก่อน แล้วทิ้งให้พี่ธีอยู่รอเอกสารที่มอ แค่คนเดียว.... ใจมันไม่อยากไปจริงๆ นะ

“แม่เค้าก็คิดถึงลูกชายของเค้านะ มาเรียนตั้งกี่เดือน กลับไปให้เค้าเห็นหน้าแค่เดือนกว่าๆ ลูกชายก็ต้องกลับมาเรียนแล้ว”

พรุ่งนี้เป็นวันที่ธีบอกให้พฤกษกลับบ้าน เอกสารที่เขาต้องการ ไม่แน่ว่าจะได้เมื่อไหร่ แต่ระหว่างรอเขาก็มีอะไรให้ทำ ไปช่วยอาจารย์จับนู่นทำนี่ก็ได้ความรู้ดี เป็นกังวลตลอดว่าหน้าอย่างตัวเอง เรียนแค่พอได้ จะทำงานรอดมั้ย แต่อาจารย์ก็ไม่เบื่อที่จะให้กำลังใจ ธีเลยไม่กลับบ้านและขอเติมความมั่นใจอยู่กับอาจารย์

แฟนก็เป็นอีกแรงใจที่ทำให้ธีอยากก้าวหน้า... ธีอยากดูแลน้อง อยากขอน้องจากพ่อแม่มาเลี้ยงดูเอง แต่ก่อนหน้าที่จะทำแบบนั้นได้ เขาต้องพยายามอะไรอีกหลายอย่าง นี่ยังเพิ่งจะเริ่ม...... การเริ่มต้นมันยังไม่มาถึงเลยด้วยซ้ำ

หากให้พฤกษกลับไปบ้านพรุ่งนี้ ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอหน้าเห็นตัวจริง ในระยะที่เอื้อมมือถึงแบบนี้อีก ปิดเทอมคราวก่อนใจยังไม่ได้ติดอยู่กับเขาขนาดนี้ แยกกันไปไม่กี่เดือนเดี๋ยวก็เจอกัน เปิดเทอมที่ผ่านมา มาส่งน้องที่หอ เดี๋ยวหลับสักตื่นก็เจอหน้ากันได้แล้ว...แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา

ถึงทำใจไว้แล้ว แต่หัวใจมันยังเคว้งพิกล.....

“พี่ธีอ่ะ ใจดำ!”

โดนว่าจนได้.... ธีระบายลมหายใจ แล้วเลื่อนศรีษะลงไปพักที่ไหล่ของคนซึ่งนั่งข้างๆ กัน ... อากาศหน้าหนาว ยิ่งดึกก็ยิ่งเย็น แต่ธีอยากดูดาว วันนั้นดูดาวคนเดียว วันนี้มาดูดาวกันสองคน------ที่สวนหย่อมใกล้ห้องสมุด

จันทร์วันนี้ครึ่งดวงพอดี ดาวที่เห็นไม่ระยิบระยับเท่าคืนนั้น แต่มันสวยกว่าคืนนั้นเยอะ ---- ในความคิดของธี

“ไม่ได้อยากให้ไปหรอกนะ แต่พี่ไม่อยากเห็นแก่ตัวจนไม่คิดถึงใจของพ่อกับแม่เรา” ธีถอนหายใจอีกครั้ง

พี่ธีเป็นคนตรง ซื่อสัตย์ มีระเบียบ มีสัมมาคารวะ และพูดน้อย แต่พี่ธีคิดเยอะ.... พฤกษเข้าใจพี่ธี แต่วันนี้ไม่เหมือนคราวก่อน หากไปแล้วเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีกก็ไม่รู้ ถึงรู้ว่ายังรักกัน ยังคบกันเหนียวแน่น แต่พฤกษก็อยากมีช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันให้นานที่สุดก่อนที่จะต้องห่างกัน... พ่อกับแม่อ่ะ เจอกันมาทั้งชีวิตแล้วน๊า

“ไม่เคยถามความเห็นกันเลย” บ่นอุบ เถียงไม่ได้ ก็ว่าเขา... โบ้ยซะ พี่ธีผิด!

มือที่ใหญ่กว่าโอบเอวของอีกฝ่ายรั้งเข้ามาหา ไม่มีการโอนอ่อนผ่อนตามในช่วงแรกๆ แต่พอธีใช้ทั้งสองมือรวบอีกฝ่ายเข้ามารัดไว้กับอกสักพัก อีกฝ่ายก็นิ่งไป... พูดไม่เป็นนะคำหวาน รู้ดีว่าน้องโมโหเพราะอะไร รู้ดีว่าน้องกำลังรู้สึกอะไร

อากาศเย็นขึ้นอีกแล้ว แต่ธีกลับรู้สึกอุ่นมากขึ้น------พฤกษเองก็ไม่ต่างกัน

อ้อมกอดยังคงอ้อยอิ่งอยู่เป็นนานสองนาน....สามสี่นาน นานแค่ไหนไม่มีใครจับเวลา จวบจนกระทั่ง แขนที่รัดอีกฝ่ายคลายลง แล้วคนที่คลายแขนก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากศาลานั่งเล่น....แสดงความหมายว่า กลับกันได้แล้ว

พฤกษลุกขึ้นเดินลงส้นมาถึงบันไดเล็กๆ ซึ่งเป็นทางขึ้นลงของศาลานั้น “พี่ธี....”

คนที่ถูกเรียกหันหน้ามาหา

“เป็นคนหรือรูปปั้นอ่ะ อยากรู้!”

ถามอย่างนี้ได้ไงครับ กว่าจะปล่อยได้ไม่ใช่ทำใจง่ายๆ นะ....มันน่านัก!

ธีคล้องคอของคนที่ที่ถามเขาเข้ามาหา แนบริมฝีปากกับอีกฝ่าย และเอาแขนอีกข้างที่เหลือรวบตัวอีกฝ่ายลอยหวือมาหาตัวเองที่ยืนอยู่ในระยะที่ต่ำกว่า...จูบที่คิดว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้น กลับยั้งไม่อยู่อีกต่อไป และเมื่อแขนของคนที่ถามเขาคล้องรัดหลังคอของเขาแบบไม่เบาและไม่แรงนัก ธีก็ยิ่งห้ามใจไม่อยู่ เขาจูบเท่าที่ใจสั่ง... ปล่อยใจให้เป็นไปตามสถานการณ์

ตักตวงให้ได้มากที่สุด... เท่าที่จะทำได้

.......

......

.....

....

...

..

.

หลังจากกลับมาบ้าน พี่ธีก็โทรหาเรื่อยๆ เหมือนเดิม พฤกษไม่รู้สึกว่าห่างจากพี่ธีเท่าไหร่ เพราะถามพี่ธีว่าทำไรมั่ง ไปไหนมา กินอะไรอยู่ พี่ธีก็บอกหมด.... เหมือนพฤกษมองเห็นด้วยตาตัวเอง

อยู่บ้านคราวนี้ซึมนิดๆ แม่ก็ห่วง พอรู้ตัวว่าเผลอใจลอย พฤกษจึงตั้งสติให้ดี... คิดไปก็ขำ ครั้งนึงแม่ให้ตำพริกแกงให้ เขาก็ใจลอยคิดถึงพี่ธี จนแม่ทำอย่างอื่นเสร็จจะมาเอาพริกแกงไปทำกับข้าว ปรากฏ ตำเสร็จแค่กระเทียม เครื่องอย่างอื่นเหลืออีกบาน แม่บ่นไปสามบ้านแปดบ้าน แม่ปิดเตาแล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปฟ้องพ่อที่รอกินข้าวว่า อีกชั่วโมงก็คงยังไม่ได้กิน เพราะไอ้ลูกหมามันนั่งเหม่อจนพริกแกงไม่เสร็จ พ่อก็มาเบิ๊ดกระโหลกพฤกษถึงห้องครัว คราวนี้ต้องรีบตำหน้าตั้ง คุณพ่อหิวจัด!!!

“ฮ่าฮ่าฮ่า....” ขำแบบไม่เกรงใจกัน

“พี่ธี ไม่ขำนะ ฮู๊ย...เกือบโดนงดข้าวแน่ะ” พฤกษบอก

ขำที่อีกฝ่ายยังอุตสาห์เอามาเล่าให้ฟัง ไม่มีอายกันเลย อีกอย่างดีใจที่อีกฝ่ายก็คิดถึงกัน.......ไม่ต่างกัน...

พฤกษใกล้เปิดเทอมแล้ว ธีส่งใบสมัครไปหลายที่ได้ครบตามเป้า และส่งไปนอกเหนือจากที่ตั้งเป้าไว้ด้วย บางที่แจ้งวันสัมภาษณ์มาแล้ว

“แล้วพี่ธี จะไปพักไหนอ่ะ ไปเช้าเย็นกลับเหนื่อยนะ กี่ที่ล่ะนั่น” พฤกษถาม

“อ๋อ จะไปนอนที่หอเพื่อนไอ้ทศมัน มันว่ามีหลายคน ก็จริงของมัน ทางนั้นก็มี ทางนี้ก็มี ใกล้ทางไหนก็ไปนอนทางนั้น” ธีบอก

“พี่ทศเขาสมัครเหมือนพี่เหรอ?” พฤกษจำได้ว่า พี่ทศจะทำงานใกล้บ้านนี่ รึฟังผิดหว่า?

“ป่าวหรอก มันหาข้ออ้างลงไปเจอเพื่อนมันมากกว่า หากบอกแม่ว่าจะไปหาเพื่อนก็ยาก เอาพี่ไปอ้างเฉยๆ ล่ะ” ธีบอก

พฤกษคิดว่าหากพี่ธีได้ที่ทำงานเร็วๆ จะดีกว่า เพราะหากว่างหรือคิดถึงมากๆ พฤกษจะได้มีจุดหมายว่าจะไปหาได้ที่ไหน... บ้านของน้าพี่ธี อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยก็จริง แต่พฤกษเกรงใจ มันไม่สะดวกเหมือนอยู่หอ รุ่นน้องไปหารุ่นพี่จะว่าไม่แปลกก็ไม่แปลก----- แต่หากว่าแปลกมันก็แปลก!!

พอเปิดเทอม พฤกษขึ้นปีสาม การเรียนเริ่มเข้มข้นขึ้น งานที่อาจารย์สั่งให้ไปทำมีเยอะชนิดไม่ขาดมือ ของเก่าส่ง แต่ระหว่างจะส่งของเก่าก็ต้องเริ่มทำของใหม่ไปด้วยในตัว พอส่งของเก่าเสร็จก็ต้องกลับมาปั่นของใหม่ให้เสร็จ.... ชีวิตของช่วงเทอมนั้น พฤกษรู้สึกว่าสุดเหวี่ยงมากๆ

พอขึ้นภาคต้นมาได้ครึ่งเทอม พี่ธีก็โทรมาบอกว่าได้งานแล้ว ที่เดียวที่อื่นชวดหมด... ไม่มีทางเลือกแล้ว พี่ธีเลยเข้าไปทำงานในที่เดียวซึ่งเขาตอบรับมา แรกๆ ไม่เข้าใจพี่ธี พฤกษเลยบอกว่าก็รอให้ได้ทำที่ที่ชอบหรือแผนกที่อยากทำก็ได้ แต่พี่ธีบอกว่า ไม่ได้หรอก ปล่อยเวลาไปเปล่าๆ ไปทำงานอย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์

พฤกษไม่เห็นด้วย แต่พอเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนมันว่าพี่ธีทำถูกแล้ว แล้วพอพวกเราเรียนจบ พวกเราก็จะเป็นเหมือนพี่ธี

เมื่อพี่ธีเริ่มทำงาน พี่ธีก็บอกล่วงหน้าว่าอาจโทรมาวันละหลายๆ ครั้งเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะที่ทำงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้คุยโทรศัพท์ในเวลางาน พี่ธีเลยขอโทรเฉพาะตอนที่กลับมาถึงหอแล้ว แต่พี่ธียังไม่วายบอกว่า

“ถ้ามีธุระสำคัญ โทรได้นะครับ.... เข้าใจพี่นะครับ”

พฤกษรู้ พฤกษเข้าใจพี่ธี พฤกษไม่ว่า...เพราะพฤกษแอบตะล่อมถามที่ตั้งของหอพักพี่ธีไว้แล้ว------ ฮา

ทว่า จากที่เคยวางแผนว่าหยุดเสาร์อาทิตย์จะแอบไปหาพี่ธี ที่ไหนได้ คนคิดแผนซะเองละที่ไม่ว่างเลย.... งานเยอะมาก มากถึงมากที่สุด พฤกษเห็นงานแล้วก็เหนื่อยใจ ยิ่งรุ่นพี่ขู่ว่าพอขึ้นปีสี่จะยิ่งกว่านี้อีก----- เถียงไม่ออก เพราะดูจากสภาพศพของพี่ปีสี่แล้ว..... คงเป็นความจริง

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 12:51:15


.......

......

.....

....

...

..

.


พี่ธีทำงานได้สามเดือนก็ลาออกจากที่เดิมไปเข้าที่ใหม่... ซึ่งคราวนี้ได้อยู่แผนกหนึ่งในสองที่พี่ธีอยากทำ แต่บริษัทนั้นยังไม่ใช่แนวเดียวกับที่พี่ธีต้องการ พี่ธีบอกว่าเอาประสบการณ์ไว้ก่อน ค่อยไปต่อเรื่อยๆ.....

พฤกษเองก็ต้องเกี่ยวความรู้ที่โถมเข้ามาอย่างหนัก เพื่อเตรียมพื้นฐานให้แน่นสำหรับอนาคต ถึงเรียนไม่เก่ง ได้คะแนนไม่ดี พฤกษก็ใช่ว่าจะแคร์ เข้าใจที่เรียน ชอบในสิ่งที่เรียน สอบเสร็จถึงเพิ่งจำไอ้ความรู้ที่เรียนมาได้ก็ช่างมัน เอาไว้ไปเสี่ยงโชคอีกครั้งตอนทำงานจริง!

อย่าไปว่าคุณพฤกษเค้านะ.... การทำงาน เกรดและคะแนนเป็นตัวช่วยกรุยทางให้เราได้ แต่นอกเหนือจากนั้น เราก็ต้องมีใจตั้งมั่นที่จะทำงานด้วย สมองอยู่กับเรา ความชอบอยู่กับเรา พรสวรรค์สอนกันไม่ได้ มันติดอยู่กับตัวเอง

.....

....

...

..

.

สอบกลางภาคเสร็จสิ้น พฤกษเทียวส่งเพื่อนกลับบ้านจนครบหมดทุกคน โทรหาพี่ธีล่าสุดเห็นพี่ธีว่ากำลังยุ่งกับเรียนงานใหม่ ซึ่งพี่ที่เทรนพี่ธีให้เข้าไปช่วยทำ... งานจริง ของจริง

พี่ธีดีใจมาก ถึงรู้ว่ามันต้องหนักมาก และอาจมีความผิดพลาด อาจเจอด่า อาจเจออะไรไม่ดีหลายอย่าง แต่พี่ธีก็สรุปเช่นเดิม..... ถือเป็นประสบการณ์

ด้วยเหตุนี้ถึงใจอยากนั่งรถไปหาพี่ธีใจจะขาด พฤกษก็ยั้งไว้ และปั่นจักรยานไปเช่านารุโตะมาอ่านตั้งแต่เล่ม 1 ใหม่....

...

..

.

หนึ่งเดือนที่พฤกษอยู่ที่หอเพื่ออ่านการ์ตูนกำลังจะหมด ใกล้กลับบ้านแล้ว ดูจากที่ผ่านเทอมนี้มาได้ พฤกษคิดว่า ถึงเปิดเทอมหน้า เขาก็คงไม่อาจไปหาพี่ธีตอนวันเสาร์-อาทิตย์ได้ เหลือเวลาแค่ 4 วันก่อนกลับบ้าน และถึงรู้ว่าพี่ธียุ่งกับงานสุดๆ แต่พฤกษก็อยากลองดู....

“พี่ธี น้องคิดถึงน๊า ไปหาพี่ธีนะ นะ นะ แค่ 4 วันเอง... ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เอาแต่ใจ จะอยู่หอพี่ธีเฉยๆ 4 วันครบกลับบ้านเลย สัญญา น๊า น๊า นะนะนะนะนะนะนะ--------” หลับหูหลับตา “นะ” ได้หนึ่งนาที พอเงียบรอคำตอบ....

“.......”

“พี่ต้องคิดหนักขนาดนั้นเลยเหรอ? ไปให้ลำบากใจใช่มั้ยครับ?” อ่ะนะ น้อยใจเป็นเหมือนกัน

“เปล่านะ....... พี่กลัวว่าจะดูแลพฤกษไม่ได้ เท่าที่มองตัวเองตอนนี้ กลับห้องมาก็หลับเป็นตาย ข้าวก็ไม่มีเวลาไปนั่งกินดี กินๆ พอให้อิ่มไปวันๆ .... พี่กลัวน้องเบื่อสิครับ” พี่ธีบอก

ทีแรกพฤกษก็เผลอคิดนะว่า จะรอดมั้ยคบทางไกล ถึงพี่ธีเสมอต้นเสมอปลายให้เห็นให้รู้อยู่ตลอด แต่คนนะ ยังไงมันก็แอบคิดไม่ได้ ขนาดตอนนี้ที่พี่ธีไม่ตอบ ไม่ดีใจเมื่อเขาบอกจะขึ้นไปหา----- น้อยใจนะ เสียใจด้วย.... กลัวอีกต่างหาก

“อื้อ..... ไม่ดื้อไง สัญญา น้องกินไงก็ได้ อยู่ไงก็ได้ พี่ธีไม่ต้องแทคแคร์ก็ได้..... คิดถึงพี่ธีอ่ะ อยากกอดพี่ธี...........” คิดถึงจริงๆ นะพี่ธี อดทนมาตั้งกี่เดือนแล้ว แค่สี่วันเอง แค่สี่วันเอง...... สี่วันหากได้อยู่กับพี่ธี มันไม่ได้ทำให้หายคิดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่วันเดียว ไม่สิ คืนเดียว ถึงชั่วโมงเดียวก็ยังดี.... ดีกว่าคิดถึงและกอดอากาศอยู่แบบนี้

.....

....

...

..

.

“แล้วใครจะมาส่งเราขึ้นรถ” ยอมแพ้ ก็คิดถึงเหมือนกัน อยากกอดเหมือนกัน

“ไปเองได้ ชิวๆ น่า งั้นไปเลยนะ เก็บกระเป๋า 10 นาที!” พฤกษกระโดดผึงจากที่นอน เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วคว้าเอาเป้ใบเก่งออกมา ความดีใจหยุดกึกทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย

“เฮ้ย! เดี๋ยว! มาไม่ได้นะ อย่าเพิ่ง!”

“ไอ้พี่ธี! ตกลงมีกิ๊กใช่มั้ย! ทำไมไปหาไม่ได้ ทำตัวแปลกเกินไปแล้วนะ!” มันเดือดขึ้นมาแล้ว ไม่พูดดีแล้วโว้ย

“พฤกษ! ขึ้นไอ้กับพี่เลยเหรอ?” ธีเสียงเข้ม

“เออสิวะ! ไอ้พี่ธี! ถ้ามีตัวเลือกอยู่นะ เลิกกันไปเลย!” รู้ว่าพี่ธีไม่ชอบให้เรียกพ่วงคำว่า “ไอ้” รู้ว่าพี่ธีไม่ชอบให้พูดกับพี่ธีว่า กู มึง หรือแม้แต่ วะ โว้ย ...... แต่มันเหลืออดแล้วโว้ย!

“กว่าจะถึงที่นี่มันดึก ไว้มาตอนเช้า!” ธีตะโกนแข่ง

อุ๊ย *0* เหวอแดกเลยมั้ยล่ะ ไอ้น้องพฤกษ

“....................”

เงียบกันไปได้สักพัก พฤกษกับธีต่างก็เงียบกันไปนานจนกระทั่ง ... ใครไม่รู้ขำขึ้นมาก่อน พี่ธีบอกว่า โมโหยังไงก็ห้ามพูดว่าเลิกกันเด็ดขาด เรียกว่า “ไอ้พี่ธี” นี่ไม่โกรธนะ....แค่ท้วงเฉยๆ    ว่าว่ามีกิ๊กยังเฉยๆ แต่ “เลิกกัน!” อันนี้ขอซื้อ ห้ามใช้อีก พี่ธีบอกว่าได้ยินแล้วใจเสีย.....

สรุปว่า ถึงจะอ้อนต่อยังไง พฤกษก็ยังต้องมาพรุ่งนี้อยู่ดี พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ พี่ธีไม่แน่ใจว่าจะกลับได้เร็วมั้ย แต่ไม่เป็นไร.... เสาร์นี้พี่ธีไม่ต้องไปทำงาน พฤกษจะได้อยู่กับพี่ธี 4 วัน... เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร.... ส่วนเช้าวันพุธก็กลับบ้าน ไปตอนเช้าพี่ธีจะไม่ค่อยห่วง

หือ? พี่ธีไปทำงานแล้วพรุ่งนี้ไปถึงที่นั่นแต่วัน แล้วจะไปหอพี่ธียังไงน่ะเหรอ!---- บ้าเปล่า โตจนอยู่มหาลัยปีสามแล้ว แค่บางกอกเคยไปน่า!

......

.....

....

...

..

.



“อยู่ไหนครับ ทำไมยังไม่ไปเอากุญแจกับป้าที่หอพี่” ธีโทรติดซะที

“พี่ธี--------”

ลากเสียงยาวทีไร ธีอยากกุมขมับ ยังไม่รู้สาเหตุ ธีจึงยังนิ่งรอฟัง

“พี่ๆ ตรงนี้เรียกว่าไงนะครับ” ได้ยินเสียงพฤกษถามคนอื่น แต่อะไรก็ไม่กระตุกต่อมของธีได้เท่าคำตอบที่ดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์----- ‘บางมดน้อง’

ไอ้ลูกหมา! หอแฟนตัวเองน่ะอยู่บางนา แล้วไอ้บางมดเนี่ยไปทำติ่งไรครับ!

“แหะแหะ น้องเจอรถตู้ไปบางนาพอดีเลย เนี่ย รอคนเต็มอยู่ เดี๋ยวก็ถึงอ่ะพี่ธี ไม่เป็นไรเนอะ” พฤกษบอกแฟนให้สบายใจ

ตอนลงรถมาก็พูดงี้ เดี๋ยวก็ถึงพี่ธี ไม่เป็นไร------ โน่น ไปถึงบางมด ได้ไง? ธีไม่เข้าใจจริงๆ..... “น้องพฤกษ แฟนห่วงครับ พี่ทำงานแล้วนะครับ พี่ไปตามน้องไม่ได้นะครับ ถ้าก่อนพี่กลับ น้องไปไม่ถึงห้องพี่นะครับ น้องช่วยนั่งเลยไปหมอชิตแล้วกลับไปหาแม่เลยนะครับ”

ตั้งแต่เป็นแฟนกันมา น้อยคำไม่เคยว่า ดุสักนิดก็แทบไม่เคย แคร์ตลอด ธีตามใจแฟนตลอด แต่แฟนน่ะเค้า.......!!

“พี่ธี---------------------------------”

ธีวางสาย ปิดเสียง เปิดระบบสั่น และไม่สนใจโทรศัพท์อีก

.....

....

...

..

.

สองทุ่มของวันนั้น พอยืนอยู่หน้าประตูห้องก็ได้ยินเสียงทีวีดังลอดออกมาจากภายใน ธีระบายลมหายใจ.... ถึงซะที

ธีไขกุญแจ แล้วเปิดประตูเข้าไป มองหาคนที่อยากเจอแต่ไม่เจอใคร ทีวียังคงเปิดทิ้งไว้ ธีเดินไปดูที่ห้องน้ำ ประตูเปิดโล่งโจ้ง ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต...

“อ๊าว กลับมาแล้วเหรอพี่ธี”

ธีหันไปตามเสียงเรียก ประตูที่เขายังไม่ได้ปิด ถูกคนที่เข้ามาทีหลังปิดมันให้.... บรรยายไม่ถูกหรอกนะว่ารู้สึกยังไงที่ได้เห็นหน้าคนนั้น

แซก แซก แซก.... คุ้ยถุง หยิบโค้กกระป๋องออกมาเทใส่แก้ว

ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง.... ทุ่มถุงน้ำแข็งกับพื้น เสร็จแล้วก็เอาก้อนน้ำแข็งใส่แก้ว

“อ๊ะ พี่ธี” แก้วโค้กเย็นเจี๊ยบถูกยื่นมาให้ธีที่นั่งนิ่งอยู่ขอบเตียง

ธีส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วถึงพูดว่า “คิดถึงจัง”

พฤกษจิบโค้กแล้ววางแก้วลง ผายมือทั้งสองข้างออกกว้าง “มาขอกอดหน่อยสิ”

ธีส่ายหน้า แล้วผายมือออกกว้าง กวักมือให้อีกฝ่ายมาหาเขาแทน.... ไม่ได้อยากแย่งจับทัพพีข้างบนเหมือนคู่แต่งงาน ไม่ได้อยากอวดเบ่งว่าเหนือกว่าอีกฝ่าย แต่ธีขาอ่อนลุกไม่ขึ้น... ช่วยเดินมาหาทีเถอะ คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว

ธีรวบแขนทั้งคู่ของตัวเองกอดอีกคนที่เดินเข้ามาสวมกอดเขาด้วยความอบอุ่นใจ... ห้องเล็กๆ แห่งนี้ แคบแสนแคบ แต่ความเหงาทำให้ธีรู้สึกว่ามันกว้าง..... มันมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ การที่คนคนหนึ่งมาอยู่ในห้องนี้ และคนคนนี้จะต้องไปจากห้องนี้ในอีก 4 วันข้างหน้า กลับยิ่งตอกย้ำความกว้างของรูหนูแห่งนี้ให้กว้างไปยิ่งกว่าเดิม

ธีกอดคนที่รัก พลางคิดถึงอนาคต... ทำยังไงให้ไม่ต้องเป็นอย่างนี้ ทำยังไงบ้างถึงจะเอาน้องมาอยู่ด้วยกันได้ และต้องทำยังไงเพื่อที่จะเลี้ยงดูน้องได้... จริงอยู่ว่าน้องเองก็เป็นผู้ชาย น้องมีพ่อมีแม่.... แต่ธีเองก็เป็นผู้ชาย เมื่อมีคนที่รัก เมื่อเจอคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วย เขาก็อยากดูแลอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เท่าที่อีกฝ่ายจะยอมให้เขาทำให้

สักวัน... อีกไม่นานหรอก.... อีกปีกว่าน้องก็จบแล้ว หลังจากนั้นเราอาจได้อยู่ด้วย---- ธีคิดเช่นนั้น

.....

....

...

..

.



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 01-04-2012 13:18:11
เรื่องเริ่มจะเข้าดราม่าเเย้วววววอ่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-04-2012 13:18:25
แอบเห็นมีทศโผล่มาแว๊บ ๆ
อดีตที่เต็มไปด้วยความสุขและความทรงจำ
เห็นแบบนี้แล้วก็อยากให้รีเทิร์น เสียดาย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 13:23:58

สี่วันแสนหวาน ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ต่างก็ไม่อยากให้มันสิ้นสุด แต่เวลาเดินไปข้างหน้าเท่านั้น มันไม่เคยย้อนกลับ.... หากต้องมีชีวิตอยู่กับเวลาแบบนี้ ธีและพฤกษต้องปรับตัวเองให้เข้ากับมัน

เมื่อเราจับมือกันแน่นพอ มือที่สามก็ไม่มีทางมาแยกมือที่เรากุมกันได้!.... มีคนหนึ่งเคยพูดไว้

อยู่ภายนอก ธีไม่เคยจับมือหรือกุมมือกับพฤกษ.... แต่หัวใจของพวกเขากุมกันและกันไว้แน่น และพวกเขาเองต่างก็รู้กันดี

.....

....

...

..

.




ถึงได้เจอกันในเวลาที่สั้นมาก ถึงได้ใกล้ชิดกันมากยิ่งกว่าตอนอยู่มหาลัย แต่เท่านั้นหาได้พอเพียงและเป็นที่พอใจสำหรับพฤกษและธีเลย.... เมื่อความรักเพิ่มขึ้น ใจคนจะเกิดความอยากและความต้องการมากยิ่งๆ ขึ้นเป็นเงาตามตัว

ธีปล่อยพฤกษกลับไปในวันที่สี่เพื่ออนาคต

พฤกษกลับไปและขยันมากยิ่งๆ ขึ้นในเทอมต่อมา

ต่างก็สำนึกอยู่ในใจกันเงียบๆ ว่า.... รักระยะไกล หากไม่มีมือที่สามแต่อย่างไรมันก็ทรมาน

หนึ่งปีที่อยู่ห่างกัน ธีพิสูจน์ตัวได้อย่างสนิทใจกับพฤกษว่าเขาไม่ลังเลที่จะรัก และไม่วอกแวกไปฝากใจกับใครคนอื่น..... ส่วนพฤกษถึงแม้เทอมปลายจะวุ่นสุดๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พี่ธีคิดถึงจัง” พูดทุกครั้งที่รับสาย

“รักนะครับ” พูดทุกครั้งก่อนวางสาย

พฤกษบอกพี่ธีเสมอ ไม่มีขาดเลยสักครั้งเดียว... ถึงแม้นั่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนซึ่งหัวยุ่งกับการทำงานส่งอาจารย์ก็ตาม แล้วทำไมต้องอาย บอกรักแฟนมันผิดตรงไหน ก็รักจริงๆ นี่นา แล้วก็คิดถึงจริงๆ ด้วยไม่ได้โกหกสักหน่อย...  พฤกษรู้ใจพี่ธีเหมือนกันนะ ไม่ใช่แฟนที่ให้แต่อีกฝ่ายแทคแคร์และแคร์อยู่ฝ่ายเดียว ในเมื่อพฤกษยังเผลอคิดได้ว่า พี่ธีจะมีกิ๊กรึเปล่า แล้วทำไมพี่ธีจะคิดว่าตัวเองจะมีกิ๊กมั้ย?... บ้างไม่ได้

รัก.... เกิดง่ายมาก บางครั้งรักเกิดมานานโดยที่เจ้าตัวไม่รู้

รักที่ว่าเกิดง่าย แต่รักที่ว่านี้กลับรักษามันได้ยาก

เพราะอะไร?....... ถามไปก็มีหลายคำตอบ

แต่พฤกษและธีไม่เคยเสียเวลาที่จะหาคำตอบพวกนี้ พวกเขาแค่ทำอย่างที่อยากทำ... รักอีกฝ่ายให้มากๆ และรักษาความรักระหว่างกันให้ดีที่สุด

หากแฟนคือคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน... พฤกษและธีก็เริ่มทำความรู้จักกับอีกฝ่าย และเปิดตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้จักแบบซื่อสัตย์ต่อกันและจริงใจต่อกัน

เมื่อต่างก็มองไปข้างหน้า..... อนาคตที่ว่าไกลก็ใกล้แค่นี้เอง

......

.....

....

...

..

.

สอบกลางภาคของปี 4 เสร็จสิ้น

หลังจากส่งเพื่อนๆ กลับบ้านแล้ว ปีนี้พฤกษไม่อ่านการ์ตูนที่มอเหมือนทุกครั้ง

คราวก่อนที่ไปหอพี่ธีเห็นร้านการ์ตูนร้านนึงจะมาเปิด พฤกษให้พี่ธีดูลาดเลาว่า หนังสือมีเยอะมั้ย.... พี่ธีไปร้านการ์ตูนด้วยบ่อยๆ พาเอาไปคืน พาไปเช่า พี่ธีจำได้ว่าอ่านแบบไหน และร้านไหนที่เรียกว่า “ของเยอะ” ....ซึ่งร้านที่มาตั้งใหม่ใต้หอพัก พี่ธีส่งรายงานกลับมาว่าเป็นร้านที่ “ของเยอะ”---เสร็จไอ้พฤกษ คราวนี้ได้สองเด้ง

อยู่กับพี่ธีตั้งเดือนนึงแน่ะ.......ว้าว การ์ตูนเยอะแยะเลย!!???

.......

......

.....

....

...

..

.

ธีเดินเข้าห้องมาด้วยความแปลกใจ.... ระเบียบ เรียบร้อย สะอาด

ไม่ต้องถามคนที่ทำเค้าก็บอกเขาเอง “แม่บอกว่า ไปเล่นห้องพี่ธีต้องทำแบบนี้ ห้ามทำเหมือนอยู่บ้าน ทำตัวไม่น่ารักให้พี่เค้าลำบาก ระวังจะเป็นหมาหัวเน่า” เลียนเสียงแม่จ้อๆ

ธีขำในลำคอ.... ก็ดี ทำดีต้องรีบชม

กอดหนึ่งที หอมแก้มหนึ่งที แล้วธีก็เดินไปอาบน้ำ... วันนี้ร้อนมาก ไม่ไหว ไม่ไหว
พฤกษมาอยู่ด้วยสิบห้าวันแล้ว ครั้งนี้น้องมาหนึ่งเดือน ถึงน้องมาช่วงที่เขายุ่งที่สุดตั้งแต่ทำงานมา เขาก็ไม่เกี่ยง คิดถึงมาก แค่ได้เห็นหน้ากันทุกวันก็ดีมากแล้ว แต่หากช่วยไม่ทำห้องรก หรือทำความสะอาดห้องให้ด้วย.... เยี่ยมที่สุด เยี่ยมจริงๆ

ธีอาบน้ำไปพลางนึกอยากนั่งรถไปกราบแม่ของพฤกษเหลือเกิน

“พี่ธี หยุดเดือนหน้ากี่วันนะ” พฤกษหมายถึงหยุดสงกรานต์

“อืม....” ธีเช็ดหัวพลางเดินไปหยิบปฏิทินมาดู “ห้าวัน ทำไม?” ธีถามกลับ

“กลับหลังจากนั้นได้ป๊ะ พี่ธี” เอาหัวมาถูกต้นแขนของธีเป็นท่าไม้ตาย

แล้วธีก็ต้องมานั่งเถียงกับแฟนเรื่องกลับวันไหน ทั้งๆ ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งเลื่อนเวลาให้อีก 5 วัน หากรวมสงกรานต์อีก ไม่ใช่เดือนนึงแหละ มันจะกลายเป็นสองเดือนเลยนะนั่น----- เกรงใจพ่อแม่มากๆ

แต่คราวแฟนธีเขาไม่ดื้อ ไม่เอาแต่ใจ แฟนธีเค้าเปลี่ยนมาอ้อนด้วยการทำความดี ทำตัวดี...... ธีก็รับน้ำใจจากแฟน แต่ไม่ได้ก็คือไม่ได้!

หักหน้าสองครั้งก็แล้วคราวนี้แฟนยังมาแปลก ปกติถ้าไม่ได้รอบสอง แฟนจะหน้าบึ้ง.... แต่คราวนี้แฟนยังยิ้ม แฟนยังเอาใจธีเหมือนเดิม ------- เหมือนไม่รู้สึก เหมือนฟังผ่านหูไปงั้นๆ

วันนี้ครบเดือนแล้ว และวันพรุ่งนี้คือวันทดเวลา 5 วันตามที่สัญญากันไว้.....

“พฤกษ อีกแค่ห้าวันนะ ฟังอยู่มั้ย?” ธีถามย้ำ

“รู้แล้วพี่อ่ะ ย้ำทำไม เร่งวันเร่งคืนเหรอออออ” ย้อนหน้ากวน

“...... เทอมหน้าค่อยมาใหม่นะ ปีหน้าก็จบแล้วนะเรา” ธีโล่งใจที่น้องไม่ได้โกรธ

“อื้ม.... ผมว่าจะหางานทำที่นี่อ่ะ” ยิ้มกริ่ม

“อย่าเอาพี่เป็นที่ตั้ง งานคืองาน อยากทำที่ไหนก็ที่นั่น” ธีบอกแกมสอนด้วยความเป็นห่วง พฤกษดูไม่ค่อยเอาจริงกับชีวิตเสมอ ธีอยากให้น้องคิดบางเรื่องให้จริงจังดูบ้าง--- เช่นเรื่องงานเป็นต้น

“ผมอยากเป็นออแกไนท์อ่ะพี่ ถ้าไม่ได้ก็ให้ได้อยู่ในบริษัทแบบนั้นก็ได้ สนุกดีอ่ะ ได้คิดนู่นนี่เยอะแยะ” พฤกษบอกธี

“อ้าว คนละอย่างกับที่เรียนมาเลยนะ” ธีลูบหัวที่มาซบอยู่บนหน้าตัก

“อื้ม แต่มันก็ใช้กันได้นะ ผมว่าปีหน้าจะเรียนคอมเพิ่ม โปรแกรมที่ต้องใช้กับงานงี้” พฤกษบอก

“งั้นที่นี่ก็เหมาะล่ะ งานแบบนั้นเยอะ ชอบจริงน่ะ” ยังไม่วายไม่เชื่อ

“อื้ม!” รับคำหนักแน่น

.....

....

...

..

.
มาคราวนี้แล้วเห็นพี่ธีผอมลง พฤกษรู้สึกไม่ดี คิดว่าตัวเองต้องเป็นผู้ใหญ่ให้พี่ธีเห็น รู้ตัวแหละว่าชอบทำให้พี่ธีห่วง ชอบทำให้พี่ธีเป็นกังวลโดยไม่รู้ตัวเสมอ แต่ใกล้เรียนจบแล้ว อะไรคือสิ่งที่ชอบก็เพิ่งคิดออกตอนมาอยู่กับพี่ธีครั้งนี้นี่ล่ะ

ไปซื้อของเข้าห้องกับพี่ธี เห็นคนกลุ่มหนึ่งรุมกันอยู่ในบริเวณหนึ่งของห้าง ผู้ชายตัวใหญ่ๆ กันทั้งนั้น แต่งานที่ออกมากลับเป็นเวทีเปิดตัวอะไรสักอย่างที่หวานแหววมาก ขอให้พี่ธีเล่าให้ฟังว่าแบบนั้นเรียกงานอะไร... พอลองเข้าไปดูในเน็ท อ่านที่เค้ามาเขียนในบล็อก พฤกษก็คิดว่าสนุกดี.... ไม่ต้องอิงเกรดจากใบปริญญาที่ร่ำเรียนมา แถมสาขาที่เรียนมาก็เอื้อให้เข้าใจระบบการทำงานและต่อยอดงานนั้นได้ด้วย.... พฤกษเจอความลงตัวจากมัน

เมืองใหญ่ สายเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจ หากงานแบบนี้ไม่รุ่งที่นี่แล้วจะให้ไปรุ่งที่ไหน?..... ที่สำคัญ ได้ทำงานที่ชอบและได้อยู่กับคนที่ชอบด้วย อ๊ะ ต้องเรียกว่า “ได้อยู่ใกล้กับคนที่ชอบ” มากกว่าสิ.... เป็นแฟนกัน แต่พี่ธีอาจอยากมีพื้นที่ว่างเป็นการส่วนตัวบ้างก็ได้----- พฤกษคิดเช่นนั้น

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-04-2012 15:14:52
 :กอด1:ก็ดูดีนี่



แล้วอะไร
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคห้า (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-04-2012 15:37:35
อดีตหวานชื่นจังเล้ย  ส่วนปัจจุบันสุดจะขม เพราะไอ้พี่ธี ชิส์
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 16:45:47
วรรคหก




เทอมสองของปีที่สี่

พี่ธีกลับมารับปริญญาที่มอ หลังจากที่ปีก่อนเกิดเหตุซึ่งจำเป็นต้องเลื่อน แต่เมื่อเหตุนั้นสิ้นสุด ทุกอย่างจึงเริ่มเคลื่อนต่อไปเหมือนเดิม

ธีและพฤกษเหมือนได้กลับมาอยู่ในช่วงแรกกันอีกครั้ง แม้แค่ไม่กี่วันก็ตาม...

วันจริงพ่อกับแม่ของพฤกษมาเซอร์ไพร์ท อยู่ๆ พ่อก็โทรมาหาพฤกษ บอกว่าจอดรถไว้ที่หลังมอ มารับด้วย จะไปถ่ายรูปกับพี่ธี!!!

พฤกษยืมรถมอเตอไซด์ของเพื่อน ขี่ไปหาพ่อกับแม่ที่ลานจอดรถซึ่งอยู่หลังสุดของสถาบัน เจอตัวพ่อแม่ก็ไหว้สวัสดีทั้งที่หน้ายังตกใจไม่หาย “พ่อหวัดดี แม่หวัดดี จะมาก็ไม่บอก แล้วคืนนี้จะนอนไหน หื๊อ?”

“คิกคิก เค้าจองห้องไว้แล้วจ๊ะ” แม่ขำกิ๊ก

“โห ปิดนะ ปิดนะ” ไปกอดแม่แล้วเขย่าๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว คุยกับแม่ทุกวัน แม่ไม่บอกอะไรให้ผิดสังเกตุเลย

“พี่ธีรับอยู่รึเปล่า? หรือรับช่วงบ่าย” พ่อถาม

“พี่ธีรับอยู่ครับ” พฤกษบอกพ่อ

“เพื่อนแม่บอกว่าเดี๋ยวนี้เค้ามีฉายภาพให้ดู ที่นี่มีแบบนั้นมั้ยลูก” แม่ถาม

“มีสิครับ ป๊ะๆ ซ้อนแมงกะไซด์ไปนะ เอารถไปก็ไม่มีที่จอด” พฤกษเดินนำไปที่รถ

พอเดินไปถึงรถ พ่อก็แบบมือ พฤกษส่งกุญแจมอเตอไซด์ให้..... พ่อขับ แม่ซ้อนใน ลูกชายปิดท้าย.... อย่าตกใจบ้านนี้เค้าทำแบบนี้กันเป็นประเพณี ... เคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไมมหาลัยกว้างมาก แต่พฤกษถึงมีแค่จักรยาน.... นั่นเพราะพ่อห่วงว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น ด้วยความโก๊ะกังของลูกชายตัวเอง เลยให้แค่จักรยานติดตัวลูกมาที่มหาลัยนี้

และไม่ว่าอยู่ที่ไหน หากพ่ออยู่ด้วยพ่อต้องเป็นคนขี่ ส่วนอยู่บ้านหากพ่อไม่อยู่พฤกษขี่ได้ตามสบาย

พฤกษพาพ่อแม่ไปนั่งดูที่จอใหญ่ของคณะพี่ธี เพราะนัดกันไว้ที่คณะพี่ธี นั่งไปเป็นนานหลายชั่วโมง ถึงขานชื่อพี่ธี พฤกษรีบสะกิดพ่อที่ก้มหน้าเขี่ยหาลูกชิ้นที่ชอบให้เงยหน้าขึ้นมา

“อ๊ะ นั่นๆ คนนั้นแม่ กำลังเดินไป โค้งแล้วแม่ เดินเข้าไปแล้ว รับแล้วแม่ ไปแหละ!”

น้องพฤกษ.....เปลี่ยนไปพากษ์การ์ตูนมั้ย เหมาะกว่านะ------ฮา

.....

....

...

..

.

พี่ธีเดินมาแต่ไกล แม่อุทานว่า เอ๊ะ ให้ได้ยิน..... แม่มีรูปพี่ธีที่พฤกษถ่ายเอาไปอวด คาดว่าคงมองจนจำได้ ส่วนพ่อหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย... เป็นปกติสำหรับพฤกษ ไม่ได้ใส่ใจ เขาเป็นลูกชายที่มีหน้าที่ดูแลแม่ แต่ปล่อยพ่อไปตามใจท่าน.....

พฤกษยกมือโบกให้ ทีแรกธีเห็นก็ยิ้ม พยักหน้า แต่แล้วก็เหมือนหน้าตึงขึ้นในฉับพลัน.... ไม่รู้ก็อาจรู้ เพราะแม่ลูกเค้าหน้าคล้ายกัน.... ธีค่อยๆ เดินตรงมาหาพฤกษอย่างช้าๆ แหวกผ่านกลุ่มคนมาจนถึงตรงนั้นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก พลางนึกภาวนา ‘ขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด’

“พี่ธี นี่แม่ผม พ่อกับแม่มาหาพี่ธีอ่ะ” พฤกษบอก

ทั้งที่เตรียมใจไว้ครึ่งตั้งแต่ที่สะดุดตาเมื่อกี้ แต่ตอนนี้ธียังตกใจได้อีก รีบยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับแม่”

“ไหว้พระเถอะลูก แม่ดีใจด้วยนะ” แม่โผเข้ากอดธี แล้วเอาถุงเล็กๆ อันหนึ่งวางบนมือของธี ธีหันไปมองหน้าพฤกษ พฤกษพยักหน้าแบบให้เปิดเลย ธีเลยแกะเอาของที่อยู่ในห่อเล็กๆ นั้นออกมาดู

“แม่ครับ ผมรับไม่ได้ แม่เอาคืนไปเถอะครับ เอาเก็บไว้ให้น้องนะครับ” ธีรีบเอาของนั้นใส่ถุงอันเดิมของมัน แล้ววางมันลงบนมือแม่

“พ่อเค้าตั้งใจเอามาให้ธีเลยนะ นี่เสียเวลาให้เค้าเลี่ยมทองอยู่หลายวัน ไม่งั้นแม่กับพ่อมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วลูก” แม่ไม่รับของคืน ปล่อยของไว้บนมือของธีดังเดิม

“แต่แม่.....” ขณะที่ธีจะค้าน ก็มีคนสะกิดเขาจากด้านหลัง พอเขาหันไป คนที่สะกิดเขาก็ถามว่า “คุณธีปสุวรรณใช่มั้ยครับ?”

“ครับ” ธีพยักหน้าให้เขา

“อ้าว พี่ธี มาแล้วเหรอ?” ชายสูงวัยผมดอกเลาทั้งหัว รวบตัวเขาเข้าไปกอดหมับอย่างแรง สักพักจากนั้นถึงปล่อยให้เขาได้หายใจ “แม่ เอาของให้พี่ธียัง?”

“ให้แล้วพ่อ พี่ธีไม่เอา” แม่บอกพ่อ

“เฮ้ย! ไม่ได้ ขับรถมาตั้งไกล เอาไปเลยพี่ธี ไหนๆ” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปหาลูกชาย เมื่อกี้พ่อแอบถามไว้แล้วว่า พี่ธีฝากสร้อยคอไว้มั้ย ซึ่งก็ถูกอย่างที่พ่อคิด

พฤกษยื่นสร้อยคอของพี่ธีให้พ่อโดยไม่สนใจหน้าตาที่แสดงความหมายว่า ...อย่า ของพี่ธีเลย

พ่อรับสร้อยไป และเอาถุงที่อยู่ในมือของธีไปแกะ พระที่เลี่ยมทองขนาดพอเหมาะอันหนึ่ง ถูกพ่อใส่ไปในตะขอ พ่อพนมมือทำปากขมุบขมิบ แล้วเอามันคล้องรอบคอของธี ขณะที่ติดตะขอให้ธีพ่อบอกกับธีว่า “ดอกไม้ให้ไปก็เหี่ยว วันดีๆ แบบนี้พ่อกับแม่ให้พระไว้คุ้มครองพี่ธีนะ พ่อกับแม่อยู่ไกล อาจช่วยอะไรไม่ทัน ไอ้ลูกหมามันก็ไม่เป็นโล้เป็นพายดีแต่สร้างความลำบากให้พี่ธี รับพระไว้คุ้มตัวนะลูก... อ๊ะ เสร็จแล้ว พ่อดีใจด้วยนะพี่ธี”

ต่อมน้ำตาธีแตกทันทีตั้งแต่พ่อของพฤกษบอกว่า “พ่อกับแม่อยู่ไกล”....ธีไม่มีแล้วพ่อกับแม่ผู้ให้กำเนิด ตลอดหนึ่งปีกว่าที่คบกับน้องพฤกษ ธีรู้ว่าพ่อกับแม่ของพฤกษให้ความเอ็นดูตัวเองเหมือนลูก แต่ธีไม่คาดคิดว่าจะมากเท่านี้

คุณค่าของพระหรือทองที่เลี่ยมมัน ไม่ได้สำคัญเท่าการที่คนสูงวัยสองคนขับรถจากบ้านเป็นเวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมง ไหนจะตื่นแต่เช้า กว่าจะมาถึงที่นี่ นั่งรอเขาอีกกี่ชั่วโมง และยังต้องนั่งรถกลับไปด้วยความเหนื่อยเพลีย.......

ถึงการที่อนาคตเขาอาจทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจที่ได้รู้ว่าเขารักน้องในอีกแบบหนึ่ง แต่ธีไม่ถอยหลังกลับไปอีกแล้ว เขาจะเดินหน้า.... สร้างอนาคตไว้เผื่อน้อง เขาจะทำให้ดีที่สุด ให้พ่อแม่วางใจ ให้พ่อแม่ได้ภูมิใจว่า เขาสามารถรับน้องไปดูแลต่อได้..... ดีเทียบเท่าที่ พ่อและแม่ดูแลลูกชายของตัวเอง

“พ่อเลย พ่อเลย ทำพี่ธีร้องไห้ เห็นมั้ย โอ๋เลยนะ โอ๋เลย” พฤกษได้ทีขี่แพะไล่พ่อ

“พ่อพูดดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องพูดให้พี่ธีร้องไห้ด้วย ไม่รักษาน้ำใจกันเลย” แม่สวมบทบาทเสริมคำพูดให้ลูกชาย

“เฮ้ย! ก็อวยพรเฉยๆ ไม่ร้องพี่ธีไม่ร้อง เอาเช็ดน้ำตา เว้ย! ลูกผู้ชายร้องไห้ได้ไง” พ่อเอาผ้าเช็ดหน้ามาโปะที่หน้าของธี....

วันนี้น้าสาวของธีมาไม่ได้มาเพราะติดงาน แต่น้าสาวมาแล้วเมื่อวาน... ธีเคยคิดว่าวันจริงกับวันซ้อมไม่ต่างกันสำหรับตัวเอง.... แต่คนบางคนทำให้ธีรู้ถึงความแตกต่างของสองวันนี้

.......

......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-04-2012 17:24:16
อิพี่ธีบ้า พ่อแม่น้องพฤกษรักและเอ็นดูขนาดนี้ ยังทำลูกชายเขาเสียใจ มันน่านัก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-04-2012 17:44:42
 :กอด1:ฮี่ๆๆๆๆๆๆเข้ามาดูและอ่านทุกตอนได้อารมณ์ดี

อีพี่ธีน่าเตะฉิบหาย :z6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 01-04-2012 18:03:46
พ่อเเม่รักพี่ธีมากเลยเนอะ

อ่านตอนที่ยังรักกันดีอยู่

็เหนื่อยใจเรื่องนิดเดียว ช่วงเวลาดีๆเลยหายไปหมดไม่เหลือเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 01-04-2012 18:20:21

...

..

.

ปิดเทอมปลายภาคของปีสี่ ซึ่งพูดได้อีกอย่างว่าพฤกษเรียนจบแล้ว

จะอยู่อ่านการ์ตูนต่ออีกเดือน ดูจะเป็นข้ออ้างที่เด็กเกินไป.... จากที่เคยเห็นพี่ธี ตีรันฟันแทงกับเอกสารประกอบการสมัครงานคราวนั้นแล้ว พฤกษเลือกที่จะ......ขนของในหอกลับบ้าน คราวนี้เขาเป็นคนแรกที่ขนของกลับ เพื่อนทุกคนยังอยู่กันครบหน้า เสียงแรงนิดหน่อยพฤกษก็เอาของทั้งหมดขึ้นรถได้ โดยมีพ่ออาสาขับรถกระบะมารับของกลับไป....??!!

ส่วนตัวพฤกษนั้น มีกระเป๋าเป้ใบเดียวและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งติดตัวไปยังบางกอก-----ฮา

“เพื่อพี่ธีเค้าเป็นคอม จ้างพี่เค้ามาสอนเป็นช่วงๆ ถูกกว่าไปเรียนตามโรงเรียนสอนพิเศษอีกนะพ่อ แบบนั้นนะใช้จริงไม่ได้ เรียนกับเพื่อนพี่ธีนะ เรายังถามได้ตลอด เรียนกันเสร็จแล้วยังได้รู้จักคนเป็นงานเพิ่มอีกคนด้วยนะพ่อ สามเด้งเลยหนา”

เบิ๊ดกระโหลกลูกชายด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วเดินลอยหน้าเข้าบ้านโดยไม่ให้คำตอบ...... ใกล้ถึงวันที่จะย้ายหอ แม่จึงโทรมาบอกว่า โอนค่ากินอยู่ไปให้พี่ธีแล้ว -----แม่ขอเบอร์พี่ธีไว้ตอนวันงานรับปริญญา ก่อนนี้จะคุยกันต้องผ่านลูกชายคนเล็ก เดี๋ยวนี้ไม่ต้อง โทรตรงหาลูกชายคนโตได้ตลอด

พ่อต้องขับรถกระบะมารับของไปบ้านโดยไม่มีลูกชายคนเล็กติดรถไปด้วยเพราะเหตุนี้เอง

.....

....

...

..

.

ระหว่างรอเอกสารจากทางมหาลัย พฤกษมาพักกับพี่ธี โดยวันที่พี่ต้นไม้ (เพื่อนพี่ธี) ว่าง พี่เค้าจะมาสอนโปรแกรมให้ที่ห้องพี่ธี บางครั้งก็ฝากการบ้านไว้ให้ลองทำ พร้อมหนังสือคู่มือเล่มหนึ่ง เจอกันอีกทีก็ให้ถาม พอพฤกษเป็นแล้วหรือเข้าใจแล้วก็สอนอันใหม่ แล้วก็ให้การบ้านไว้ฝึกทำอีก วนไปวนมาแบบนี้เรื่อยๆ ..... เหมือนเล่นมากกว่าเรียน

พี่ต้นไม้เก็บค่าสอนนิดเดียว เพราะรู้ๆ กันว่าพวกเราไม่ใช่คนชนชั้นเงินถุงเงินถังแบบใครเขา.. ประกอบกับความเอ็นดูพฤกษที่อยากฝึกด้วยตัวเอง

พี่ต้นไม้เล่าว่า ก่อนนี้พี่เขาก็ไม่ได้เรียนทางนี้มาโดยตรง พอรู้ตัวว่าชอบก็แถไปเข้าบริษัทที่ทำงานออกแบบกราฟฟิค ไปเป็นเด็กเดินเอกสาร ทำงานธุรกรรม แล้วก็ไปตี้ซี้พี่ๆ ที่ทำฝ่ายออกแบบ อ้อนเค้าจนพี่เค้าเจียดเวลาสอนให้ คนละนิดละหน่อย....

พอเริ่มเป็น พี่คนนึงจะขายเครื่องเก่าซื้อเครื่องใหม่ พี่ต้นไม้ก็ไปอ้อนขอซื้อแบบผ่อนกับพี่เค้า....จนได้ คราวนี้ล่ะ มีฝึกเองที่ห้อง เจออะไรก็ไปถามที่ออฟฟิช หัวมันชอบทางนี้ ลำบากให้ตาย ฝึกเลือดตาแทบกระเด็นยังไง ก็ยังรักมันอยู่ดี....

พี่ต้นไม้เห็นพฤกษซึ่งไม่ต่างจากแกเท่าไหร่นักก็ใจอ่อน เจียดเวลามาสอนให้----- ตอนนี้พี่เค้าได้เลื่อนขั้นไปอยู่ฝ่ายออกแบบแล้วนะ ถึงยังไม่โปรก็เหอะ แต่วันข้างหน้ามีแววสดใส

พี่ธีเคยติงว่าพฤกษทำเหมือนเล่น แต่พฤกษก็บอกว่า นี่แหละเอาจริงสุดๆ แล้ว.... อ่านการ์ตูนวันละเล่มเองนะ เห็นมั้ย?...... พอพูดไปแบบนั้นพี่ธีก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

....

...

..

.

เอกสารประกอบการสมัครงานส่งมาที่หอธีแล้ว เขารับมันไปด้วยรอยยิ้มจางๆ .... เหลือแค่เลือกส่งและที่ไหนจะตอบรับ ตั้งแต่น้องเรียนจบ เขาอยากพูดประโยคหนึ่งมากๆ แต่เขาก็พูดไม่ได้ เพราะกลัวว่ามันจะผูกมัดน้องเกินไป

“พี่ธีกลับมาแล้วเหรอ” เสียงร้องทักที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลัง

ธีหันกลับไปและส่งยิ้มให้ “ไปไหนมาน่ะเรา”

พฤกษชูถุงอาหารที่ออกไปซื้อให้พี่ธีดู.... ก่อนนี้พี่ธีเคยพูดว่ากินพอให้อิ่ม ก็เห็นกับตาล่ะว่าแบบนั้นคืออะไร ทุกครั้งที่มาอยู่ด้วย พฤกษจึงออกไปหาอะไรอร่อยๆ มาให้พี่ธีกินทุกเย็น

“ของเราน่ะ จากมอ” พี่ธียกซองสีน้ำตาลขึ้นมาให้เขาดู

“เหรอ!” พฤกษดีใจหน้าบาน วิ่งล่วงหน้านำขึ้นไปก่อน

พอขึ้นไปถึงห้อง ธีก็เห็นน้องนอนอยู่ในกองกระดาษที่กระจายอยู่ทั่วเตียง------ถึงขยันเก็บห้อง แต่ก็ขยันทำรก....

ธีวางกระเป๋า ล้างมือ แล้วมาแกะกับข้าวออกมาวาง เรียกพฤกษให้มาทานข้าวก่อน ค่อยไปดูเอกสาร คนถูกเรียกก็ว่าง่าย ลุกมากินข้าว แล้วก็คุยจ้อ ว่าเอาที่ไหนดี ที่นี่ดีแบบนั้น ที่นั่นแบบนี้ จนกินข้าวเสร็จ ก็ยังสาธยายถึงสรรพคุณของบริษัทที่เล็งไว้ทั้งหมดให้ธีช่วยเลือกไม่ได้..... ต้องพัก นอน แล้วค่อยมาต่อวันรุ่งขึ้นอีกครั้ง

วันเสาร์นั้น ธีฟังที่พฤกษบอกทั้งหมด แล้วช่วยคิดว่าที่ไหนน่าสนใจในความรู้สึกของตัวเอง... แต่ก็ยังทิ้งท้ายให้พฤกษไปลองด้วยตัวเองเหมือนกัน พฤกษก็รับฟังดี เตรียมเอกสารส่งไปสมัครและเดินไปสมัครด้วยตัวเองในบางที่

ระหว่างที่รอเรียกไปสัมภาษณ์พฤกษมุ่งมั่นมากๆ กับการฝึกโปรแกรม ถึงเช่าการ์ตูนมาก็ไม่อ่าน จะอ่านก่อนนอนแค่นั้น ธีเห็นแล้วค่อยโล่งใจว่าน้องเริ่มจริงจังกับชีวิตขึ้นมาบ้างแล้ว.... คำที่อยากพูดเขาคงได้พูดในเร็ววันนี้---ล่ะมั๊ง

ช่วงเวลาที่รอเรียกตัวไปสัมภาษณ์ ไปสัมภาษณ์ และรอผลสัมภาษณ์ เป็นเวลาที่ไม่นานไม่ช้าเดือนกว่าๆ เท่านั้น ต้องเรียกว่าเท่านั้นเพราะระหว่างที่รอหลายๆ อย่างที่ว่า พฤกษก็เริ่มเป็นโปรแกรมที่ต้องการเพิ่มขึ้น สามารถคิดได้เอง ต่อยอดได้เอง จนครูยังออกปากชมว่ามีแววรุ่ง..... ว่าแล้วครูก็เลิกสอน ปล่อยให้ลูกศิษย์ไปเรียนต่อเอาเอง โดยที่ให้ถามได้เฉพาะเวลาที่สงสัย

เมื่อมีบริษัทตอบรับกลับมา พฤกษกลับนั่งหน้าเศร้าเพราะที่ที่อยากได้ไม่รับ ที่ที่รับไม่เปิดรับในแผนกที่ต้องการ.... พฤกษเข้าใจแล้ว ทำไปก่อนเอาประสบการณ์มันเป็นยังไง

“พี่ธี ที่อยู่ที่สะดวกในการติดต่อ...เอาหอพี่ธีนะ” พฤกษบอก

“เดี๋ยว! จะเอาหอพี่ได้ไง?” ธีห้ามไว้

“อ้าว เอาที่อยู่บ้านแม่เหรอ?” พฤกษถามหน้าเหวอ

“ไม่ใช่แบบนั้น ที่อยู่ที่สะดวกในการติดต่อน่ะมันต้องลงของจริง ที่ที่พฤกษอยู่ตอนเดินทางไปทำงาน เผื่อเกิดอะไรขึ้นกับเรา บริษัทเค้าจะได้รับรู้ มีข้อมูลถูกต้อง” ธีอธิบาย

“ก็หอพี่ธีไง ถูกแล้ว” พฤกษบอก

“บริษัทเราน่ะอยู่ไหน? หอพี่น่ะอยู่ไหน? ไกลกันเป็นโยชน์ แค่เดินทางก็เหนื่อยแล้ว” ธีบอก

“พี่ธีจะไล่ให้ผมไปอยู่คนเดียวเหรอ?” พฤกษถามหน้าเหวอ

“.......... มันไกล พี่กลัวพฤกษเหนื่อย....” ธีหน้าเหวอตาม

“ไม่เอานะ งั้นเอาอีกที ถ้าเอาที่นี้อยู่กับพี่ธีได้ใช่มั้ย?.....” แล้วหันหน้าไปบ่นพึมพัมกับตัวเอง “ ไม่เอาหรอก หางานทำที่นี่เพราะจะได้อยู่กับพี่ธีนี่นา เขียนใหม่ เขียนใหม่” พฤกษค้นเอกสารของอีกบริษัทขึ้นมาดู และกะว่าพรุ่งนี้จะโทรไปยกเลิกที่ที่วันนี้รับเค้าไว้ แล้วโทรไปตอบรับกับอีกที่ที่อยู่ใกล้กับหอของพี่ธีมากกว่า

“หยุดๆ พฤกษ เดี๋ยวก่อน! คุยกันก่อน! กรุงเทพมันแค่นี้เอง ไม่ใช่คนละภาคแบบคราวก่อน ต้องโตแล้วนะครับ งานก็คืองาน มันเป็นชีวิตของพฤกษทั้งชีวิตนะครับ” ธีแจงให้น้องยั้งความคิด

เอาปากกาในมือชี้หน้าพี่ธีอย่างเอาเรื่อง “ไม่แค่นี้นะพี่ธี จะอยู่ด้วยก็อยู่ด้วยสิ ไล่กันนักนะ แอบเก็บเด็กไว้ใช่มั้ย?”

“......... บ้าละ” ธีหยิบกระดาษที่พฤกษถือค้างไว้มาดู “อีกที่ก็ไกล นั่งรถชั่วโมงครึ่ง รถติดมากด้วย เหนื่อยตาย ไม่ไหวหรอกพฤกษ”

“ทนได้น่า!” พฤกษขึ้นเถียง

“ไม่ได้! ทำงานมันหนักนะ ต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนสิครับ” ธีไม่ลดให้

“แต่พี่ธีสำคัญกว่าอ่ะ เอาที่นี่แหละ พรุ่งนี้จะโทรไปบอกเค้า!” แย่งเอากระดาษคืนมา

ธีลุกขึ้นออกไปนอกระเบียง...... พอเย็นลงแล้วหันมามองในห้อง คนที่ควรนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องหายไปแล้ว .... ไม่ได้ยินเสียงเดินปึงปัง ไม่ได้ยินเสียงเสียงปิดประตู---น้องไปไหน?

......

.....

....

...

..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 01-04-2012 22:23:21
เรื่องเริ่มขมวดปมเข้าทุกทีแล้ว  จะถึงจุดแตกหักแล้วซิ

ลุ้นๆ

บวกเป็ด

ปล. ข้ามต้มหน้ามอนี่สวดดดยอดดด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-04-2012 22:30:48
 :serius2:ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 02-04-2012 08:48:10
สวัสดี ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน


เมื่อวานโพสไม่จบ มะช่าย ทำการตลาดใดๆ นะคะ ด้วยความสัตย์จริง
ตั้งแต่ทุ่มของเมื่อวาน พยายามเอาลงหลายรอบ ไม่ได้เลยจนเที่ยงคืน
(ดีแต๊กของเราสู้เค้ามะไหว)
และวันนี้ก็วันทำงานแล้ว คงไม่ได้พิมพ์แล้วลงแบบเมื่อวันอาทิตย์อีก

 :z3: ไม่จบจนได้ พอไม่ลง มาพิมพ์ต่อมือมันไม่ไปแฮะ โรคจิตมากเลยผู้เขียนเนี่ย

ไว้เจอกันอาทิตย์หน้าละกันนะคะ อย่าว่ากล่าวกันน๊า
เช่นเดิม หากท่านใดกลัวอ่านแล้วขัดเคือง รอจนจบค่อยมาอ่านนะคะ

ปล. เห็นมีส่วนที่ผิดบานเลย จะเก็บแก้จะโพสใหม่ให้นะคะ
แต่ไม่มีตอนใหม่นะเอ้อ เอ๊ะ มีอีกเล็กน้อย ให้จบปิดวรรค.... น่าจะใช่

 :pig4: ทุกรีพลาย ขอบคุณทุกตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ทุกๆ ท่านเป็นแรงใจให้ผู้เขียนเสมอ


อีกนิด.... เรื่องนี้ คงไม่บีบใจเท่าสองก้าว แต่มันอาจแบบว่า ขัดใจว่ะ ไอ้พี่ธี งี้.... อ่ะนะ
เขียนไปเขียนไป มันหวานอ่ะ ไม่ใช่แนวคนเขียนเลย แต่มันหวานไม่หยุดไม่หย่อน


อย่าไปคุ้ยว่า มอ อยู่ที่ไหนหว่า...... มันไม่มีอยู่จริง ( :laugh: จุ๊จุ๊จุ๊)
อ๊ะ!!!! ลืมลงฉากพี่ธีพาน้องพฤกษไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่อ่างเก็บน้ำ ใกล้มอ อ่ะ
อุกี๊ดดดดดดดดด สองหนุ่มใต้ซันเซต o22
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 02-04-2012 08:57:36

.....

....

...

..

.

เห็นตัวของคนที่มองหาทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง คนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ซบหน้าอยู่กับหมอน ห้องทั้งห้องเงียบสนิท แต่คนที่ยืนอยู่ไม่คิดหรอกว่าเขาคนนั้นจะนอนเฉยๆ

คนที่ยืนอยู่ระบายลมหายใจเบาๆ ก่อนเดินเข้าไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนตะแคงเหยียดยาวอยู่ข้างๆ ใครอีกคน เขายกมือขึ้นลูบศรีษะของใครคนนั้น พออยู่ใกล้ถึงได้ยินเสียง.... ธีท้าวแขนแล้วชโงกหน้าไปมองอีกฝ่ายที่ตะแคงหน้าเอียงไปทางกำแพง ทันเห็นสายนั้นของอีกฝ่ายนิดเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็หันหน้าหนีธีไปอีก ธีนอนทับ เกยคางกับหัวไหล่ของใครคนนั้น...

“ร้องไห้ทำไมล่ะครับ” ถามทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหันหน้าหนีนั่นแหละ

“............ซื๊ด”

ธีสอดมือสองข้างไปช้อนตัวคนที่กำลังร้องไห้เข้ามากอด ทั้งๆ ที่นอนทับตัวเขาอยู่ “..... ปล่อยให้น้องลำบาก แล้วพี่จะบอกพ่อกับแม่เรายังไงหือ?”

“...... ผมไปอยู่หอก็ได้.... แต่พี่ธีไม่เหงาเหรอ..... ผมเหงามากนะ..... แต่ผมไม่ดื้อก็ได้.... อย่าโกรธผมนะ.......”

ใจธีเหมือนหล่นไปอยู่ตาตุ่ม “เหงาสิครับ แฟนพี่ทั้งคนนะ.....”

พฤกษขยับตัวพลิก.... ดวงตาฉ่ำน้ำจับจ้องที่ดวงตาของธี “เหงาก็ให้ผมอยู่ด้วยสิ จะให้แยกไปอยู่ที่อื่นทำไม ผมไม่เข้าใจแฟนผมเลยอ่ะ” ..... อ้อนที่สุดในชีวิต หวังว่าพี่ธีจะไม่รู้ตัวซะก่อน

“แต่มันไกลกันจริงๆ.... เข้าใจพี่นะครับ” ธียันคำเดิม

“อื้อ... ครับ เข้าใจ” ยื่นแขนทั้งคู่ไปโอบรอบคอของพี่ธี “พี่ธี.....ยังรักผมอยู่มั้ย? เบื่อผมรึเปล่า?”

ธีโอบกระชับแฟนให้แน่นยิ่งขึ้น การกระทำบ่งบอกว่ารัก และยังรักอยู่.... จูบที่อ่อนละมุนบ่งบอกว่ารักคนนี้สุดหัวใจ

จูบที่สอง....หลังจากที่คบกัน ใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ นอนเตียงเดียวกันมาจนนับครั้งไม่ถ้วน จับมือเอย กอดเอยไม่ต้องนับกันแล้ว แต่สำหรับจูบครั้งนี้นับได้---- สอง

เมื่อริมฝีปากถอนห่างออกจากกัน ธีเช็ดน้ำตาที่ยังเปียกแก้มให้คนรัก และบอกในสิ่งที่เขาอยากบอกกับอีกฝ่ายมานาน “ย้ายหอกัน เอาตรงกลางระหว่างที่ทำงานของพี่กับของน้อง... แล้วก็ถ้าย้ายไปห้องนั้น น้องเตรียมใจไว้ด้วยนะครับ”

“เตรียมใจ?..... อะไรอ่ะพี่ธี” ....งง พูดไรครับ?

“ห้องนี้ผนังมันบาง ไว้ต้องหาห้องที่ผนังหนาๆ” พี่ธีพูดหน้าตาเฉยๆ แล้วลุกพรวดขึ้นไปดูที่อยู่จากใบสมัครของพฤกษ เข้าเน็ตและค้นหาหอพักที่อยู่ตรงกลางระหว่างกันอย่างเงียบๆ

บรึ๊บบบบบบบบบบ!!! แล้วทุ่งโกโก้ก็กลายเป็นโกโก้ครั้นซ์

พฤกษขว้างหมอนที่หนุนไปใส่หัวพี่ธี “ทะลึ่ง! โรคจิต!”

พี่ธีขว้างหมอนกลับขึ้นมาที่เตียงพร้อมพูดโดยที่หน้าเฉยไม่เปลี่ยนว่า “ถ้าไม่คิดทะลึ่ง ของพี่มันก็เสื่อมสิครับน้อง” แล้วหันกลับไปค้นหาต่อ

พฤกษเอาผ้าห่มคลุมโปง...... โชคดีที่หอนี้ผนังบาง ถึงดับไฟก็ไม่มีผีผ้าห่ม------ฮา

......

.....

....

...

..

.





















 :pig4: ไว้เจอกันใหม่น๊า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-04-2012 09:31:23
อ่านจบ รู้สึกโหวงๆเลย
อะไรก็ทำท่าจะดี แต่นะเวลาและเงื่อนไขบางอย่างมันมีแววแล้ว


คนบ้างาน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 02-04-2012 09:33:57
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ^^

หวานมาก

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 02-04-2012 09:34:43
อยากอ่านผีผ้าห้มง่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 02-04-2012 09:43:21
อยากอ่านผีผ้าห้มง่ะ
จัดให้ 20+
ท่านผู้มีอุปการะคุณท่านใดต่ำกว่าตัวเลขนี้ โปรดยื่นบัตรประชาชน ก่อนรับตอน "ผีผ้าห่ม"
ก๊ากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-04-2012 10:45:12
รออ่านตอนต่อไปนะ
(ยิ่งอ่านยิ่งหมันไส้ไอ้พี่ธี) 
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 02-04-2012 10:59:29
 :o8:อาทิตย์หน้าเลยเหรอ แง่ๆๆ จะรอนะ แต่งได้สนุกมากนะ
พฤกษ์ก่อนเลิกกับธี น่ารักนะ หลังเลิกดูเปลี่ยนไป เหมือนเก็บๆอะไรมากขึ้น แสดงว่าเจ็บเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคหก (ต่อจนครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 02-04-2012 11:22:15
ให้ตายเถอะทำไม
น้องพฤกษ์แสนดีขนาดนี้ :กอด1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 09:46:43
วรรคเจ็ด




ธีเลือกหอ จองหอ ยกเลิกการเช่า และย้ายไปอยู่หอใหม่ในเวลาเดือนเศษ

วันที่ย้ายของพฤกษไม่ได้อยู่ด้วยเพราะกลับไปเอาของจากที่บ้าน.... ธีเข้าไปอยู่ล่วงหน้าก่อนอาทิตย์หนึ่ง พ่อกับแม่ถึงเอาของของพฤกษและตัวพฤกษมาให้ที่ห้องใหม่ในวันก่อนไปทำงานวันแรกแค่คืนเดียว

ห้องคราวนี้กว้างกว่าเดิม ค่าเช่าห้องหารคนละครึ่ง ส่วนค่าน้ำและไฟธีขอร้องว่าจะออกเอง หากไม่....ธีจะออกค่าห้องคนเดียวแทน.... ซึ่งพฤกษก็เลือกแบบแรกอย่างเสียมิได้

ทำงานวันแรก เดินทางชั่วโมงนึงถึงที่ทำงานไม่ต่างจากพี่ธีเกริ่นให้ฟัง------ “เหนื่อยชะมัด...” พฤกษบ่นอุบหลังจากที่เข้ามาถึงบริษัทและกำลังนั่งรอรายงานตัว ทว่า ขากลับเหนื่อยกว่าเดิมเพราะเป็นวันศุกร์สิ้นเดือน รถจึงแห่โขยงและแน่นิ่งอยู่กับที่มากกว่าที่เรียกมันว่า “รถติด” พฤกษต้องยืนขาแข็งมาจนถึงหอ

ตอนเข้าห้องถึงพยายามเก็บสีหน้าก็แล้ว พี่ธียังจับได้ เถียงเค้าไม่ออก เลยปล่อยให้เขาถากถางจนเตียน... 'รมณ์เสีย'

“นอนก่อนนะพี่ธี!”

ไม่นานนักไฟที่ห้องก็ดับ คนที่ปิดไฟมุดเข้ามาในผ้าห่ม เอาแขนมาคล้องตัวพฤกษเข้าไปกอดไว้โดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“เฮ้ยยยยย!” พฤกษร้องเสียงหลง

“ทดสอบความหนาของผนังห้องกันมั้ยครับ” ถามเพื่อ?.......

“มีชกนะ!” ว่าไว้ก่อน....ยันต์กันเหนียว

“อือ.....นอนนะ....” เสียงงึมงัมดังอยู่บนหัวของพฤกษ 

เสียงเงียบไป การเคลื่อนไหวไม่ได้มากไปกว่าเดิม พฤกษฉงนอยู่ในใจคนเดียวเงียบๆ .... อย่าให้เขารู้ว่าผิดหวัง เอ้ย! โล่งใจ

......

.....

....

...

..

.






ช่วงดึกพฤกษรู้สึกเหมือนถูกผีอำ มันหนักบนตัว ขยับไม่ได้ เหมือนมีลมหวิวมากรีดผิวเป็นพักๆ ตรงนั้นทีตรงนี้ที

พฤกษจำได้ว่าพี่ธีดับไฟแล้วและนอนอยู่ข้างๆ แต่จะให้ลืมตาไปดูก็กลัว...

เมื่อวานตอนพ่อมาส่ง พ่อก็พาพฤกษไหว้เจ้าที่ฝากเนื้อฝากตัวแล้ว คืนแรกยังเฉยๆ ทำไมมาเป็นคืนสองล่ะ------ ‘โอย----จะบอกพี่ธียังไงเนี่ย กลัวจนไม่กล้าลืมตาเลยอ่ะ’

พฤกษรู้สึกว่าตัวมันเย็นๆ วาบๆ ไงพิกล---- ‘สงสัยเป็นไอเย็นของผี’

ถึงกลัวแต่พฤกษก็ทำใจดีสู้เสือ ‘พ่อบอกว่าคนดีผีคุ้ม! เอาวะ!’------ตัดสินใจลืมตา

เงาดำตะคุ่มขนาดใหญ่พอดีๆ กับตัวพฤกษลอยอยู่เหนือตัวเขา!!! ----- พฤกษตกใจขนลุกเกรียว เขาขยับมือของตัวเองข้างที่อยู่ใกล้พี่ธีปัดป่ายหาตัวพี่ธีหวังว่าจะปลุกให้ตื่นมาช่วยน้อง....

ดูหนังผีมาก็เยอะ ไม่น่าเชื่อว่า เวลาโดนผีหลอก เราคว้าหาใครสักคนเท่าไหร่มันก็ยังวืด เหมือนที่ตรงนั้นมีแค่เราคนเดียว พฤกษอึ้งจนตัวสั่น เขาลองค่อยๆ หันหน้าไปทางที่พี่ธีนอน....!!!!!!

“พี่ธี------” เสียงสั่นเครือด้วยความกลัว ‘พี่ธีหายไปไหน ผีพลางตาผม ผมมองไม่เห็นพี่-----’

“ครับ” เสียงนุ่มเบาดังลอยขึ้น

พฤกษใจชื้น แต่แล้วเมื่อสมองเริ่มประมวลผล..... พฤกษหันหน้าขวับไปหาผี!!!

......

.....

....

...

..

.

“พี่ธี!!!” เรียกเสียงหนัก

“อยู่กันแค่นี้ จะเสียงดังทำไมครับ” คนถูกเรียกย้อนถาม

พลั๊ก---- ชกหน้าหนึ่งหมัดด้วยความโมโห “ตกใจแทบตาย! นึกว่าโดนผีหลอก ทำบ้าอะไรน่ะพี่ หัวใจจะหยุดเต้น!”

โมโหจริงๆ นะ ตกใจมากด้วย.... ‘ไอ้พี่ธีบ้า! บ้า! บ้า! บ้า! บ้า!’

พฤกษเห็นเป็นเงาลางๆ ว่าธียกฝ่ามือขึ้นกุมแก้มที่โดนหมัด “เจ็บ.....”

“ก็เล่นบ้าอะไรล่ะ! จะแกล้งกันก็ให้มันมีขอบเขตบ้างสิพี่!” ว่ากราวด้วยความเดือดดาล ผุดลุกพรวดพราดไปจากเตียง กะว่าจะลุกไปเอาโค้กมาดื่มดับอารมณ์ ที่ไหนได้....พฤกษลุกจากเตียงมาเดินได้ไม่กี่ก้าว ถึงรู้สึกตัว....!!!

“เฮ้ย! ไรเนี่ย!” พฤกษก้มมองร่างเปลือยของตัวเองซึ่งมีแค่แสงรางๆ จากนอกระเบียงส่องผ่านมาให้เห็น .... กระทั่งกางเกงในก็ไม่ได้ใส่ ทั้งๆ ที่ก่อนนอนใส่ชุดนอนเต็มยศกับมือตัวเองแท้ๆ!!!

ระหว่างที่ยืนอึ้งก้มมองตัวเอง เท้าคู่หนึ่งก็เข้ามาอยู่ในสายตา พอค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นจากเท้าคู่นั้น พฤกษก็เห็นสภาพของคนอีกคนซึ่งไม่ต่างกัน...เปลือยทั้งตัว ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยสักชิ้น

เวลานี้พฤกษบรรยายไม่ถูก ทั้งโมโห ทั้งตกใจ ทั้งอึ้ง.... และขำ

เมื่อดวงตาพฤกษเลื่อนขึ้นมาสบกับดวงตาของอีกฝ่าย ใจมันก็สั่นระทึกในอีกแบบ....เขิน

“โกรธพี่เหรอครับ?” ผีผ้าห่มถาม

“เออสิ เห็นเงาดำๆ นึก....ว่า....ผี....หลอก....”  พฤกษพูดไม่ประติดประต่อเนื่องด้วย สะดุ้งเป็นช่วงๆ จากการที่อีกฝ่ายไล้นิ้วสัมผัสบนตัวของตัวเอง “ทะลึ่ง!” เสียงเบาลง-----ได้ยินแค่คนสองคน

“โกรธพี่จริงๆ น่ะ” ถามซ้ำ แต่มือลูบเลื่อนลงมาที่สีข้างแบบเต็มฝ่ามือ ไม่ใช่แค่นิ้วเดียวเหมือนที่ไล้จากช่วงบนลงมา

“เล่น....บ้า.... ผม....นอน.....แล้ว.........ตก...ใจ....” เมื่ออีกฝ่ายซุกหน้าลงที่ลาดไหล่ พฤกษยิ่งพูดไม่เป็นประโยค

“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้ตกใจ... ขออีกนิดนะ อีกนิดพอ” เขาพูดไปพลางพรมจูบไล่ไล้ลำคอของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน

จูบพรมเลื่อนมาที่แก้ม และค่อยๆ เลื่อนมาที่ปลายจมูกไปหาแก้มอีกข้าง จูบแผ่วเบาซุกไปที่ใบหูของด้านนั้น แล้วค่อยๆ เลื่อนไล้มาที่ลำคอ.... เมื่อสองมือของเขายกขึ้นมาประคองใบหน้าของอีกฝ่าย เขาก้มลงไปพรมไล้ริมฝีปากของอีกฝ่ายเพียงเบาๆ .... รั้งรออ้อยอิ่งอย่างอยู่เช่นนั้นสักครู่ จึงถอยริมฝีปาก มือ และตัว ออกห่างจากอีกฝ่าย

หมุนตัวเดินไปที่เตียง และซุกตัวไปในผ้าห่ม... “มานอนเถอะครับ พี่ไม่ทำอะไรเราแล้วล่ะ”

รู้ว่าฆ่าคนมันผิดกฏหมาย.... แต่พฤกษอยากฆ่าคนกวนโอ้ยที่อยู่ตรงหน้าตัวเองแทบขาดใจ..... มาทำคนเขาเป็นขนาดนี้แล้วยังมีหน้าไปนอนอีกเรอะ!!!

พฤกษหันขวับเดินไปที่ตู้เย็น หยิบกระป๋องเบียร์ที่ซื้อติดมือขึ้นมาเมื่อเย็นมาดื่มอักอักจนหมดกระป๋อง บีบบี้กระป๋องเสียงดังสนั่นห้อง ขว้างมันลงไปที่ถังขยะเสียงดังกราว---- เกรงใจทำไม ห้องนี้มันเก็บเสียงได้นิ ค่าห้องตั้งเท่าไหร่!

พฤกษเดินกลับไปที่เตียง ก้าวข้ามตัวคนกวนโอ้ยไปแบบตั้งใจให้เสียมารยาท ผ้าห่มไม่จำเป็น นอนทับมันไปเลย----- พฤกษนอนคว่ำแล้วหันหน้าไปหาคนกวนโอ้ย ปล่อยให้แสงรำไรจากระเบียง อาบไล้แผ่นหลังเปล่าเปลือยของตัวเอง ซึ่ง....... ไม่ใช่แค่หลังเฉยๆ ในเมื่อไม่ใส่เสื้อผ้ามันต้องเห็นหมดสิครับ



พนันกันว่าใครจะเสียม้า.....

.........

........

.......

......

เมื่อทุกอย่างในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง สักพักใหญ่ธีจึงพลิกตัวตะแคงหันไปทางคนรัก!

ตาสบตา.... เขาผิดเองที่เลื่อนสายตาไปจากดวงตาคู่นั้น เลื่อนมันลงไปดูจนถึงปลายเท้าของเขา...

ธีข่มใจตัวเองอย่างหนัก แต่จะหลับตาก็ไม่ได้ จะเลื่อนสายตาขึ้นมาจาก “จุดสนใจหนึ่ง” นั้นก็ไม่ได้ เขาจำได้ถึงสัมผัสนุ่มเลื่อนของผิวที่เมื่อครู่ตนได้ลูบไล้และพรมจูบลงไป.....

“พี่ธี จำไว้นะ ถึงผมจะโกรธพี่ยังไง ผมก็รักพี่”

เขาเงยหน้าขึ้นมามองตาคนที่พูดว่ารักเขาในฉับพลันทันใดที่ประโยคนี้ลื่นเข้าไปในหูของเขา นิ้วของคนที่พูดจิ้มเล่นที่หน้าผากเขาพลางพร่ำพูดว่า “ลามก ทะลึ่ง เจ้าเล่ห์ ขี้เกรงใจ ปากหนัก เห็นแก่ตัว คิดเยอะ.....” ธีคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของอีกฝ่าย แล้วจูบที่กลางฝ่ามือนั้น

“พี่ธี......” เสียงครางฮึมเรียกขานชื่อเขา

“ครับ” รับคำแต่ไม่หยุดมือ

“หน้าไม่ให้แต่มือไวนะครับ” ว่าจากใจจริงเลย 'มือน่ะพี่ธี โอย....ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว'

“ฮึฮึฮึ... เห็นน้องแล้วมันเป็นไปเองนี่ครับ” โบ้ยความผิด

“เป็นด้วยตัวเองเหอะ! อย่ามาโบ้ยให้คนอื่น!” ไม่ลดให้ โบ้ยคืน

“ฮึฮึฮึ” เสียงหัวเราะของหมาป่าเจ้าเล่ห์ดังขึ้นได้ไม่นาน... เจ้าหมาป่าก็เริ่มขั้นตอนการทดสอบความหนาของกำแพงห้องกับลูกแกะน้อย

......

.....

....

...

..

.


ชีวิตรักที่อบอุ่นแบบหวานนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ ใครมองใครเห็นก็อิจฉา.... รักที่ไม่หวือหวา ค่อยเป็นค่อยไป เข้าใจกัน จับมือกันแน่น มันดูมีแต่ 'อนาคต'

.....

....

ความหวาน เมื่อเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง มันจะยังคงอยู่ตลอดไป เพราะความหวานเป็นโมเลกุลเล็กๆ ที่ง่ายต่อการติดตรึงอยู่ในหัวใจ----ทุกดวง

...

..

.
ความหวาน ไม่เคยมีใครอยากลืมมัน........ คิดถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจ---- ต่างกับความขม.... ที่ใครก็ต่างอยากจะลืมมัน

ความขมเป็นโมเลกุลที่เล็กพอๆ กับความหวาน แต่ความขมมันหนัก ยิ่งเกาะหัวใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหนัก... ยิ่งเกาะหัวใจดวงนั้นนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเจ็บ---หัวใจ

การลืม เป็นยาชนิดเดียวที่แก้อาการที่ว่านี้ได้....

หากลืมได้ ก็จะไม่เจ็บอีก...



************************









สำหรับท่านผู้มีอุปการะคุณที่หัวใจไม่แข็งแรง
ผู้เขียนขอแนะนำว่า โปรดรอจนขึ้นหัวข้อว่า [เวลา] จบในตัว เสียก่อนจึงกลับมาอ่าน
จะเป็นการทรมานหัวใจน้อยที่สุด

ด้วยความห่วงใยจากใจ

ผู้เขียน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 11:31:17



‘กูไปช้าหน่อยนะ’

ชายหนุ่มอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมาหา เขาปิดหน้าจอแล้วเงยหน้ามองจุดหมายเดิมของสายตา... โต๊ะหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เขานั่ง คนสามคนกำลังนั่งทานอาหารกันอย่างสนุก... ต่างจากเขา

โต๊ะหนึ่งในมุมมืด บดบังจากสายตาของใครหลายคนในร้านอาหารแห่งนี้ เขาคนเดียวที่กำลังนั่งอยู่ที่ตรงนั้น.... แต่จุดนี้สามารถมองเห็นคนคนหนึ่งได้ถนัดตา

เมื่อยิ่งมองนานเท่าไหร่เขาก็ยังอยากที่จะเชื่อ... ‘พี่ธี จำไว้นะ ถึงผมจะโกรธพี่ยังไง ผมก็รักพี่’

แต่หากวันนี้ไม่รักแล้วล่ะ...

หากเขาลืมไปแล้วล่ะ...

หากเขาเปลี่ยนไปแล้วล่ะ...

ความเป็นไปได้มีสูงมาก แต่ทำไมธีถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ ความห่างเหินและกำแพงสูงตะหง่านเมื่อครู่ยังตอกย้ำเขาไม่พอ... เพราะไม่เคยตัดใจได้ เขาจึงต้องมาหาบางอย่าง

ธีนิ่งอยู่ในความคิดของตัวเอง... ภาพที่เคลื่อนไหวได้ตรงหน้า ดูดีกว่าในความฝันมากมาย

ยิ่งมองก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งคิดถึงคืนวันเก่าก่อนก็ยิ่งปวด---- หัวใจ ....... ทว่า อีกฝ่ายคงเจ็บไม่น้อยกว่าไปเขาหรอก ดังนั้นแค่นี้ธีจึงทนได้

ครื๊อ ครื๊อ ครื๊อ.... เสียงสั่นกระพือของวัตถุที่อยู่บนโต๊ะ เพื่อนของเขามาแล้ว.... ธีรับสายและบอกทางเดินมาที่โต๊ะให้กับเพื่อน เขาสั่งอาหารเบาๆ มาก่อน ต่างก็ยังอยากคุยกันสักหน่อยก่อนเริ่มมื้อเย็น

“จิบกันหน่อยมั้ยวะ ท่านผู้ช่วย” เพื่อนเงยหน้าขึ้นมาถามเขา

“ตามสบายคุณเถอะครับ ผมนิดเดียวพอ” เพื่อนประชด

เพื่อนสั่งเบียร์ 2 ขวดสำหรับวันนี้ เพราะเขาต้องขับรถกลับเองจึงไม่อยากดื่มเยอะ แค่จิบๆ ระหว่างคุยกันก็พอ

นานแล้วที่เขาไม่ได้เข้ามาที่เมืองหลวงของประเทศ และเพื่อนคนนี้ก็ยุ่งมากจนเจอกันได้ยาก ถึงได้คุยกันบ่อยก็ตาม แต่ยังไงก็ไม่เหมือนนั่งคุยแบบเห็นหน้ากันแบบนี้

“มึงขับมาเอง?” ธีถามเพื่อน

“เออสิ กูมีสารถีกับเค้าเรอะ” ตอบเพื่อน

“อ้าว ไปนอนห้องเค้าก็ใช้เค้ามารับมาส่งสิ” แซวเพื่อน

“สัด คนเรานะเว้ย ต้องอยู่ด้วยตัวเองให้เป็น” โอ่กับเพื่อน

“กูพูดกับน้องพฤกษแล้ว เมื่อสักพักนี้เอง” ธีเปิดประเด็น

เพื่อนคนนี้ เข้าใจเขา เพราะมีบางอย่างที่เหมือนกัน นิสัยก็เข้ากันได้ดีเพราะความคิดคล้ายกันในบางเรื่อง ทศจึงเป็นที่ปรึกษากลายๆ ให้เขามาตลอด.... จะบอกว่าที่ปรึกษาก็ยากนะ เพราะทศไม่เคยให้ทางอะไรกับธีเลย ทศมักแค่รับฟังและพูดคุยด้วยเฉยๆ... แต่ก็นั่นแหละที่ธีชอบ ธีชอบคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่บางครั้งที่ธีตันเขาอยากลองฟังทางอื่นจากคนอื่นบ้าง

“แล้ว?” หน้าลุ้น

“หึ ก็อย่างที่กูบอกมึงไว้.....เฮ้อ------” ธีบอก

 ทำหน้าเซ็ง “แล้วจะจบมั้ย?” โบกมือพนักงานว่าไม่ต้องเทเบียร์ให้ แล้วทศก็รับขวดและแก้วมารินเบียร์เอง

“ไม่รู้วะ ไม่แน่ใจ” เสียงอ่อยลง ธีรับแก้วเบียร์ไปจิบ “มึงทรมานใจมากมั้ย? อย่าปิดกู เอาความจริง”

“ไม่ละ... ชิวๆ ว่ะ มึงไม่ต้องเสือกมาห่วงกู! ห่วงตัวมึงเองเหอะ ถึงกูจะอยู่แบบเจ็บๆ แต่กูมันเจ็บจนเป็นเรื่องปกติแล้วว่ะ แม่งก็เหมือนๆ หายใจเข้าออกนั่นแหละวะ” รินเบียร์ใส่แก้วของตัวเอง

“........” ธีเริ่มเข้าสู่ภวังค์

ไม่มีคำพูดคุยกันของเพื่อนทั้งสอง จวบจนอาหารว่างเริ่มมาวางบนโต๊ะ พออาหารตกลงท้อง... ทศจึงสรุปประสบการณ์ตัวเองให้เพื่อนรัก

“คนนะมึง แม่งต้องฝึกเดินกันทั้งนั้นละ... พอเดินได้หน่อยแม่งก็ต้องก้าวพลาด อนาคตกูแม่งจะดีหรือเลวกูก็ไม่รู้ แต่กูจะก้าวต่อไปว่ะ”

“........” ธียังอยู่ในภวังค์ แต่เขาก็ได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูด เขาเอากล่องใบหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะและไถมันไปทางเพื่อน

ทศรับมามาเปิดดูด้วยความงง ทว่าพอเขาเปิดกล่องมาแล้วเห็นของที่อยู่ด้านในนั้น ทศก็ยิ้มกริ่ม “นี่มึงจะขอกูแต่งงานเหรอ....”

“กูคงไม่ใช่คนที่มึงอยากให้พูดประโยคนั้นมั๊ง...ว่าแต่ชาตินี้มึงจะมีวันนั้นมั้ย กูจะได้เตรียมซองหนาๆ ไว้ให้!” ตอกกลับเพื่อนให้หน้าหงาย

“สัด! ทำเป็นสู่รู้! ปากนะปาก! ขอให้มึงเจอแต่ทางวิบาก สาธุ!” พนมมือไหว้...สาปแช่งด้วยความหมั่นเขี้ยว

“เอาแบบนี้ล่ะ! กูตัดสินใจแล้ว” ธีบอกด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“มึงเอาจริงน่ะ เล่นของใหญ่เลยนะมึง” พฤกษปิดกล่องแล้วไถมันส่งคืนเจ้าของ พลางขนลุกกับตัวเลขในหัว

“ตั้งใจให้น้องมาแต่แรกอยู่แล้วว่ะ จะให้กูไปใช้คนเดียวใจกูมันไม่กล้าพอ ให้น้องเขาไปยังดีกว่า” ธีรับกล่องนั้นไปเก็บ.... เขาเพิ่งได้มันมาเมื่อบ่ายนี้

สิ่งที่เขาต้องฟันฝ่าและบากบั่นมากถึงได้มันมาไว้ในมือ.... ครั้นวันที่มันมาอยู่ในมือจริง กลับไม่มีคนที่จะไปใช้ประโยชน์จากมัน----- แล้วเขาจะมีมันไว้เพื่ออะไร?

........

.......

......

.....

....

...

..

.

ความขม มันเป็นตะกอนเกาะกินหัวใจ----ทุกดวง

ความขมใครต่างก็อยากลืมมัน

....

...

..

.

หากแต่เราจะก้าวต่อไป เราต้องขุดความขมนั้นขึ้นมา.......อีกครั้ง


******************************
[/size]


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 04-04-2012 11:41:30
อยากกรี๊ดดดดดังดัง :L1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 12:33:02


เมื่อพฤกษทำงานได้เกือบครบสามเดือน ธีได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ.... ทั้งที่อายุยังน้อยสำหรับตำแหน่งที่ว่า ทั้งที่ยังด้อยประสบการณ์ ทว่าเมื่อมีโอกาสธีต้องรีบคว้ามันไว้----- ตำแหน่งหน้าที่ที่ดี มีผลต่ออนาคตที่เขากำลังสร้าง ถึงตำแหน่งใหม่ของธีจะต้องมีภาระและหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น งานหนักขึ้นเป็นสองเท่าตัว แต่ด้วยตำแหน่งใหม่นี้ ธีจะสามารถยื่นเรื่องขอกู้ซื้อบ้านได้

“บ้าน” ที่ธีเคยคิดว่ามันใหญ่ไป กว้างไป ..... ตอนนี้ไม่แล้ว

ถึงบ้านไม่ใช่คำตอบของคำว่า “ครอบครัว” สำหรับใครหลายคน แต่บ้านก็เป็นพื้นที่ส่วนตัว บ้านเป็นหลักประกันให้กับพ่อแม่ได้ว่า คนเลวคนนี้ถึงทำให้พ่อแม่เสียใจ แต่คนคนนี้สามารถดูแลให้ความคุ้มครองและที่พักพิงแก่ลูกชายของพ่อแม่ได้------ ธีคิดเช่นนั้น

ธีตั้งใจเก็บอุบเรื่องบ้านเอาไว้คนเดียว ไม่ให้ใครรู้ ไม่ว่าน้าสาว เพื่อนสนิท พ่อแม่ของพฤกษ และแม้กระมั่งตัวพฤกษเอง.... ธีกะเก็บไว้เป็นความลับให้คนรักตกใจเล่น..... ก็ผู้ชายอ่ะนะ อยากดูแล อยากแทคแคร์ มีพลังเหลือเฟือหากได้ทำเพื่อคนที่รัก และธีก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเช่นกัน

พฤกษรู้ล่วงหน้าว่าธีได้เลื่อนตำแหน่ง แรกๆ ก็ดีใจด้วย แต่พอสองเดือนผ่านไปพฤกษเริ่มไม่ชอบ... ธีทำงานหนักมากเกินไปในสายตาพฤกษ เขาพยายามทำความเข้าใจธี

เห็นธีผอมลงพฤกษพยายามดูแล เห็นธีเงียบขรึมพฤกษพยายามทำให้ธีผ่อนคลาย แต่ธีไม่หือไม่อือกับเขาเลย.... แต่จะน้อยใจงานธีไม่ได้ นั่นงานเค้า งานของใครใครก็อยากทำให้มันดีที่สุด... พฤกษซึ้งในจุดนี้ จึงไม่เอ่ยปากว่าอะไรกับธี------และเก็บมันไว้ในใจ

เมื่อเก็บมันไว้มากๆ พฤกษก็เริ่ม “น้อยใจ” แต่พฤกษก็ดับมันด้วยคำว่า---- ไม่เป็นไร

.

..

...

....

.....

ธีตั้งใจทำงาน บางครั้งก็ลืมที่จะดูแลน้อง แต่พอนึกได้ทีถามน้องที น้องตอบเขาว่าไม่เป็นไร ธีจึงทำงานต่อไปด้วยความสบายใจ.... ธีคิดว่า มีคนที่รักอยู่ด้วยกันในห้องของเรา ได้นอนกอดคนที่รักทุกคืน ธีมีความสุขและมีแรงใจไปสู้กับงานที่หนักหน่วง

หกเดือนแล้วที่เขากรำงานหนักอยู่ที่ออฟฟิชจนต้องค้างที่นั่นในบางช่วง บ้างครั้งก็เอางานกลับมาที่ทำที่ห้องบ้าง... สงสารเหมือนกันที่เห็นน้องนั่งดูทีวีคนเดียว สิ่งที่เคยทำด้วยกันธีก็ไม่ได้ทำมันเลย เขามัวแต่ทุ่มเทกับงานนี้ เพราะหากมันสำเร็จ----- โบนัส

หกเดือนผ่านพ้น โบนัสของธีกลายสภาพไปเป็นเงินดาวน์บ้าน

ด้วยความดีใจ.... เขารับงานใหม่ที่ผู้จัดการเสนอมาให้ทำต่อในทันที----- เหนื่อยเท่าไหร่เขาทนได้ เพื่อน้อง เพื่ออนาคตของเรา

ตะกอนชั้นที่หนึ่งเริ่มค่อยๆ  ก่อตัวบนทางรักของพฤกษและธีโดยที่ทั้งสองต่าง---- ไม่ทันใส่ใจ

ความน้อยใจ นำมาสู่.....ความไม่เข้าใจ

ความไม่เข้าใจ นำมาสู่.....ความเบื่อ

ความเบื่อเซ็ง นำมาสู่......ความเหงา

ความเหงา นำมาสู่......ความฟุ้งซ่าน

สองอันดับท๊อปไฟว์ของสาเหตุที่คู่รักต้องเลิกกันมากที่สุดคือ “มือที่สาม” และ “รักระยะไกล”

แต่นั่นคือปัจจัยภายนอก หากปัจจัยภายนอกไม่เกี่ยวมือที่จับกันแน่นให้แยกจากกันได้ ปัจจัยภายในนั่นแหละที่อาจทำให้มือที่จับกันแน่นนั้นคลายกัน

.......

......

.....

....

...

..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 12:38:15

.....

....

...

..

.

“ธี คุณหวังเรียกพบจ๊ะ” พี่หญิงหัวหน้าฝ่ายเลขาเดินมาบอกเขา ธีสงสัยเล็กน้อยกับหน้าที่กระอักกระอ่วนของเธอ

ก่อนที่ธีจะเดินไปจากโต๊ะ เธอมาจับแขนของธีไว้ และกระซิบแบบให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า “ธี... พี่เชื่อใจธีนะ ไปซะ อย่าช้า” แล้วเธอก็เดินไปจากตรงนั้น เลี้ยวหายเข้าไปในฝ่ายบัญชี

บริษัทที่ธีทำงานอยู่ เป็นธุรกิจขนาดกลางที่พยุงตัวเองรอดในกระแสเศรษฐกิจที่ผันเปลี่ยนฉับไวในทุกวันนี้ ถึงตำแหน่งที่ธีได้มาอาจดูน่าปรามาสสำหรับคนที่ทำงานในบริษัทใหญ่โต ทว่า กับบริษัทขนาดเท่านี้ อายุและประสบการณ์ของธีสามารถนำบุคลากรคนหนึ่งมาถึงจุดนี้ได้ ไม่แปลก.....

ธีรับมันมาพร้อมความตั้งใจที่ดี เขาทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้กับบริษัท เขาพยายามไม่รู้กี่เท่าตัว เพื่อเรียนรู้งานและลงมือกระทำมันด้วยความละเอียดรอบคอบ จะได้รับคำชมหรือไม่ธีไม่คาดหวัง เขาเพียงแค่ทำให้ดีที่สุดเพื่อทดแทนโอกาสที่ลอยเข้ามาสู่มือของเขา...เท่านั้น

ธีเดินมาถึงห้องผู้บริหารของบริษัทตัวเอง เคาะประตูสามทีตามมารยาท แล้วจึงเปิดประตูเข้าไป

“เชิญครับคุณธี นั่งก่อนครับ” คุณหวังบอก

“ขอบคุณครับ” ธีนั่งลง แล้วมองผู้บริหารนิ่ง

“คุณเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการได้......” คุณหวังก้มหน้าดูแฟ้มที่กางไว้ตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “6 เดือนสินะครับ”

“ครับ ย่างเดือนที่เจ็ดแล้วครับ” ธีเริ่มใจสั่น ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี บรรยากาศแบบนี้ถือว่าไม่ปกติ

“คุณทำงานกับเรามาได้ 2 ปีแล้ว นานนะครับ หากเป็นคนหนุ่มมีความสามารถจะมาถึงขั้นนี้...มันก็ไม่ยาก” คุณหวังบอกเขา

คำในประโยคนั้นฟังดูแปลกพิกล จะว่าเป็นคำชมมันก็ไม่ได้ ธีไม่รู้ว่าผู้บริหารหมายถึงอะไร และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาที่นี่ ธีเลือกที่จะเงียบและนั่งฟังต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่เอ่ยถามอะไรจากเขา

“ผู้จัดการของคุณถูกไล่ออกไปเป็นการภายในเมื่อวานนี้ โดยผม.... ส่วนเอกสารผมเพิ่งส่งให้เลขาดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้” น้ำเสียงเรียบลื่นคล้ายการบอกเล่าให้กันฟัง

ธีใจหายวาบ นึกถึงคำพูดเมื่อกี้ขึ้นมาได้ ‘พี่เชื่อใจธีนะ’

“คุณอยากถามมั้ยครับว่าผมไล่เขาออกเพราะอะไร?” คุณหวังเปิดประเด็นให้ธี

“ครับ ผมอยากทราบ” ธีตอบ

“ยักยอกเงินบริษัทในโครงการที่คุณดูแลเมื่อหกเดือนก่อน ซึ่งคุณจะตอบว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม ผมรับฟัง แต่กระบวนการตรวจสอบ ผมก็ยังต้องให้เขาดำเนินการต่อ หวังว่าคุณคงเข้าใจ”

ราวกับฟ้าฝ่ากลางห้อง ความเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ ไม่อาจห้ามธีไม่ให้มีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากได้

สายตาของคุณหวังไม่ได้ตัดสินเขา แต่สายตานิ่งๆ แบบนั้นก็มีความหมายว่า---- ไม่ไว้ใจ

“ผมไม่ทราบครับ ผมทำงานของผม ตามหน้าที่ ด้วยความสัตย์จริง และไม่พบสิ่งผิดปกติ”

“คุณต้องไม่พบครับ ถึงคุณทำงานมาหลายปี แต่ประสบการณ์เท่านั้น คุณไม่ทันเล่ห์แบบเขาหรอกครับ แม้ผมก็ตาม.... เจอก็เมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว” คุณหวังบอก

“ผมต้องถูกปลดใช่มั้ยครับ” ธีชิงถามก่อน

“ยังครับ ให้การตรวจสอบเสร็จก่อน หากคุณคลีน ผมจะพิจารณาต่อว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งหรือไม่ ที่สำคัญในตอนนี้ผมต้องหาผู้จัดการคนใหม่ที่เป็นงานและไว้ใจได้”

คำพูดที่ดูเป็นเหตุเป็นผลแต่สรุปจบอย่างเด็ดขาดจนธี----เจ็บ

ธีเจ็บใจที่ตัวเองด้อยประสบการณ์แบบที่คุณหวังว่า.... ถึงแม้คุณหวังเข้าใจว่าเขายังเด็กเกินไป ทว่า ในอีกแง่นั่นคือการการันตีว่า “ธีความสามารถไม่ถึงกับตำแหน่งที่ได้มา”

อนาคตที่เป็นรูปร่างพังคลืนลงในพริบตา

..........

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.

“พี่ธีเป็นอะไรครับ”

แขนของเขาถูกเขย่า

“อ๊ะ เปล่า... ยังเหลืออะไรอีกมั้ย?” ธีถาม

“ไปดูของสดกัน ทุ่มนึงแล้ว น่าจะลดราคาแหละ” พฤกษเดินนำธีไปที่แผนกของสด ธีเข็นรถตามไป พร้อมตั้งสติให้ได้.... ยังไม่ได้ถูกไล่ออก ยังมีความหวังว่าจะได้อยู่ในตำแหน่ง ธีมั่นใจในฝีมือ และความซื่อสัตย์ต่อองค์กรของตัวเอง ---- ‘อย่าตีตนไปก่อนไข้’ ธีบอกตัวเองเช่นนั้น

“พี่ธี เอาหมูไปนะ ผมอยากกินหมู” พฤกษชูหมูที่ลดราคาให้ธีดู ธีพยักหน้ารับ

พฤกษถือหมูมาวางในรถเข็นแล้วบอกว่ากลับกันได้ ... ธีเลยเข็นไปรอชำระเงิน

ช่วงหลังมีปากเสียงกันบ่อย เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนั้น.... พฤกษเริ่มโวยที่เขาคร่ำเคร่งอยู่แต่กับงานมากจนเกินไป เสียสุขภาพบ้างล่ะ ซีเรียสกับชีวิตเกินไปบ้างล่ะ ไม่มีเวลาให้กันน้อยบ้างล่ะ ไม่ชอบพี่ธีแบบนี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

แรกๆ ธีฟังผ่านหูไป แต่พอนานวันเขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มเกิดความไม่พอใจ

‘เขาทำงานหนักเพื่อใคร...’ คิดประโยคนี้ขึ้นมาทุกครั้งที่เริ่มน้อยใจกับคำว่ากล่าวหรือท่าทางไม่พอใจของคนรัก

สำหรับคนที่ไม่มีเงินมารองให้ใช้แบบคนอื่นอย่างเขา ธีเหลือแค่ต้องพยายามให้หนัก และหนักที่สุด เขาถึงได้ในสิ่งที่ต้องการ.... โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ เขาต้องคว้าและจับมันไว้ให้สุดความพยายาม สุดกำลังทั้งหมดที่มี

ความเครียดสุมหัว งานก็ต้องมีเรื่องให้คิดมากมาย เจอปัญหาร้อยแปดพันเก้าในที่ทำงาน กลับห้องมาเจอประโยคเดิมๆ ของพฤกษ ถึงรู้ว่าน้องพูดเพราะไม่ชอบใจและไม่ได้เอาความอะไรจริงจัง แต่พอได้ยินซ้ำหลายครั้งเข้า ธีก็เจ็บและน้อยใจเป็นเหมือนกัน....

จริงอยู่ว่าหากรักกันเราต้องแชร์ชีวิตกัน แชร์ทุกข์สุขกัน แต่ธีเป็นผู้ชายที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอ เขาจึงไม่เล่าความผิดพลาดของตัวเองให้พฤกษฟัง.... ธีเก็บมันไว้...ในใจคนเดียว โดยมองคนที่รักเป็นแรงใจให้ตัวเอง

หลายครั้งแล้วที่หงุดหงิดโมโหจนเผลอตะคอกใส่น้อง กว่าจะกดอารมณ์ลงได้มันยิ่งใช้เวลานานขึ้นทุกวันๆ.... หลังจากที่มีปากเสียงกันทุกครั้ง น้องจะเฉย เขาก็เฉย.... แล้วเดี๋ยวไม่กี่วันก็กลับมาพูดกันได้ใหม่

‘แบบนี้ก็ดี’ พฤกษคิดในใจ

ธีง้อไม่ค่อยเป็น และยิ่งช่วงนี้ในหัวมันเครียดจนแทบระเบิด ธีไม่อยากปวดหัวกับอะไรอย่างอื่นนอกจากเรื่องงาน

ระหว่างทางไปที่รถ พฤกษหยุดดูของอยู่ที่ร้านหนึ่ง ทีแรกธีใจลอยจนเดินเลยไปไกลแล้ว พอรู้สึกว่าคนที่เดินนำหายไป ธีเหลียวหลังมาดู จึงพบตัวพฤกษและเดินลากรถเข็นถอยหลังกลับไปหา

“อยากได้อะไรเหรอครับ?” ธีถาม

“พี่ธี อันนี้สวยมั้ย เรียบๆ ดีเนอะ” พฤกษชี้ให้ดูแหวนวงหนึ่ง

“อือ... นี่เหรอ.... ก็ดีนะ เรียบแต่ไม่น่าเบื่อ” ธีบอก

“พี่ครับ วงเนี้ย...เท่าไหร่ครับ?” พฤกษถาม

พนักงานขายบอกราคาของมัน.... ไม่ได้แพงเวอร์ แต่ก็มีราคาสูง

“ลายนี้มีอีกมั้ยครับ” พฤกษถามต่อ

“ลายนี้....ไม่แน่ใจว่าจะมีมาอีกไหมนะคะ” พนักงานยิ้มแย้ม

“มีวงเดียวเหรอ” เสียงเสียดายมาก

“เอ่อ...คือวงนี้มีคนจองไว้แล้วค่ะ แต่ยังไม่มารับของ ต้องขออภัยด้วยที่นำมาโชว์โดยไม่ได้ติดป้ายจอง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” พนักงานก้มหัวนิดๆ อย่างมีมารยาท

“อ้าว เหรอครับ” เสียงเสียดายยิ่งกว่าเดิม

“ลายเราสั่งทำได้ใช่มั้ยครับ?” ธีถามให้

“ได้ค่ะ แต่ลายนี้ถึงดูเรียบแต่มันมีความละเอียดอยู่ ลองดูใกล้ๆ นะคะ” พนักงานหยิบออกมาให้ธีและพฤกษดู

“ช่างไม่ค่อยรับทำกันค่ะ วงนี้พอดีเจอช่างคนใหม่ แต่ช่างก็มาประสบอุบัติเหตุ ไม่แน่ใจว่าจะหายดีเหมือนเดิมมั้ย เค้าต้องพักฟื้นทำกายภาพบำบัดค่ะ มือจะแข็งแรงจนกลับมาทำงานช่างได้เหมือนเดิมไหม ยังไม่แน่เลยค่ะ” เธอบอก

ก่อนเดินออกมา ธีขอนามบัตรของร้านไว้ และแจ้งที่ร้านว่า หากสามารถทำได้ให้ช่วยแจ้งด้วย เธอรับคำและกล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพนอบน้อม

“เค้าพูดดีเนอะพี่ธี” พฤกษชม

“อื้อ คนค้าขายนะ ถึงเราไม่ซื้อ แต่หากพูดอย่างนี้ เราเองล่ะที่ติดใจแล้วจะกลับมาซื้อจนได้” ธียังอดชมไม่ได้

“เนอะ ไว้มาลุ้นกันว่าจะได้ลายนั้นมั้ย เดี๋ยวผมเก็บเงินตั้งแต่วันนี้เลย” พฤกษบอก

“แหวนหมั้นพี่ซื้อให้ได้นะ” ธีส่งยิ้ม

“หื๊อ...มีใครเค้าซื้อแหวนหมั้นให้ตัวเองมั่งมั้ย” พฤกษตอกกลับ

ธียิ้มให้กับรอยยิ้มยียวนของคนที่เดินอยู่เคียงข้าง

ไม่ว่าพายุจะลมแรงแค่ไหน หากมีคนที่รักอยู่เคียงข้าง เราก็เดินฝ่าพายุนั้นไปได้...... เดินก้าวต่อไปด้วยความเชื่อมั่น

ทว่า.....

.....

....

...

..

.

หลังจากวันนั้น คุณหวังเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมาก น้อยครั้งที่จะกลับมาไทย งานที่เมืองไทย คุณหวังฝากให้ญาติคนหนึ่งมาดูแลแทนโดยประจำอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการชั่วคราว เมื่อไม่มีคุณหวังอยู่ที่บริษัท อำนาจสิทธิ์ขาดจึงอยู่ที่ผู้จัดการชั่วคราว

คนในบริษัทไม่มีใครรู้เรื่องที่ผู้จัดการคนก่อนยักยอกเงินไป คุณหวังต้องการให้เรื่องเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ดังนั้นคนที่รู้เรื่องนี้จึงมีแค่ คุณหวัง พี่หญิง หัวหน้าฝ่ายบัญชี.....และผู้จัดการชั่วคราว

ผู้จัดการชั่วคราวแต่ในนามทำงานเป็นไหม ทำงานไหม...ธีไม่แคร์ งานเป็นไปตามทางของมันได้ เพียงแค่เขาและคนอื่นๆ ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าก็เท่านั้น การเหนื่อยครั้งนี้ไม่ต่างจากที่อดีตผู้จัดการเคยให้ธีลงมือทำ.....

ความเหนื่อยไม่ได้บั่นทอนใจของธีเท่าการกระแหนะกระแหนจาก..... ผู้จัดการชั่วคราว

ญาติคุณหวังปักใจเชื่อว่าเขามีส่วนรู้เห็นกับการยักยอกเงิน พอพี่หญิงเข้ามาช่วยแก้ต่างให้ ก็ถูกเพ่งเล็งไปด้วย.... งานที่ว่าหนัก มันจะหนาเท่าไหร่ก็ไม่สู้.....คับใจ

.......

......

.....

....

...

..

.

ธีกลับมาฉุนเฉียวเหมือนเดิมอีกครั้งโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลย คราวนี้ธีเงียบกว่าเดิม และยิ่งน่ากลัวมากขึ้นทุกวัน บางวันพฤกษเองยังเข้าหน้าไปติด

ครั้งหนึ่ง...

“ที่บริษัทพี่เค้าทำงานกันไม่เป็นเหรอ งานแค่นี้ก็ต้องให้พี่ทำเองด้วย”

“ปึ๊ง....” เสียงกระแทกโต๊ะปังด้วยกำปั้น เอกสารกองพะเนินล่วงกราวลงสู่พื้น

พฤกษยืนทื่อกับที่

คนที่เคยนั่งลุกขึ้นและเดินตรงไปทางระเบียงห้อง เขาพูดทิ้งท้ายก่อนปิดประตูกระจกว่า “ไม่ต้องเก็บ! ปล่อยมัน!”

พฤกษเดินเข้าไปเก็บเอกสาร รวบรวมมันไปเป็นกองๆ ทางทิศทางที่มันล่วงมา กะว่าเดี๋ยวพี่ธีอารมณ์เย็นลงแล้วจะไปขอโทษ ที่ไหนได้ พอเก็บกระดาษที่เกลื่อนพื้นเสร็จไม่ทันไร กระจกก็เลื่อน และเสียงตวาดก็ดังตามมา “บอกว่าไม่ต้องเก็บ เก็บทำไม!”

พฤกษตัวแข็งอีกครั้ง

“มันรก...หูรกตา แต่หากอยากได้เหมือนเดิม...” พฤกษกวาดกระดาษที่เป็นตั้งหลายกองบนโต๊ะเลื่อนให้ตกลงมากระจายเต็มพื้น...ยิ่งกว่าเดิม

“พฤกษ! ทำไมทำแบบนี้!” ทีตวาด

“อยากเก็บเองไม่ใช่เหรอครับ เชิญ!” พฤกษพูดจบก็เดินกระแทกเท้าปึงออกไปจากห้อง กระแทกประตูห้องตอนปิด----- ทำทุกอย่างที่พี่ธีไม่ชอบ

สนใจกันบ้าง

ฟังกันบ้าง

หากพูดดีๆ ไม่ฟังก็พูดกันแบบนี้ล่ะ!

ครั้งหนึ่งไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งหนึ่งไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เมื่อเรื่องมันวนเวียนซ้ำเดิมไปมาหลายครั้งเข้า... ความอดทนของคนก็มีขีดจำกัด

เคยยอมแล้ว เคยเลี่ยงแล้ว เคยเฉยแล้ว.... แต่ไม่ใช่ถังขยะรองรับอารมณ์ใคร หากไม่รู้ตัว คนที่รักกันต้องบอกกันให้รู้สึกตัว

.....

....

...

..

.













ค่อยๆ ลงนะ
กลัวว่าวันอาทิตย์ "ดีแต๊ก" จะสู้เขามะด้าย
(แต่ไม่จบอยู่ดีอ่ะ  :monkeysad: ทำไมยาวอีกแย้วววว)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 14:54:54

...

..

.

พี่ธีไม่เหมือนเดิม พี่ธีไม่ค่อยใส่ใจกันเหมือนเก่า พี่ธีชอบทำหน้าเซ็ง ถึงเขาพยายามร่าเริงยังไง ชวนพี่ธีให้สดชื่นยังไง พี่ธีก็ยังทำหน้าเซ็ง เครียด และเบื่อ..... พฤกษรู้ว่างานมันเครียด งานมันหนัก แต่พฤกษอยากให้พี่ธียิ้มออกและสบายใจเวลาที่อยู่กันสองคน อยู่ในห้องของเรา พื้นที่ของเรา

ความเซ็งเครียดและเบื่อ มันถ่ายทอดกันทางอากาศ หากคนหนึ่งเป็นโรคนี้ อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็จะเป็นไปด้วย...ในสักวัน

พฤกษเองก็พยายาม... แต่เมื่อนานวันไป สิ่งที่ไม่ควรคิดมันก็คิดขึ้นมา

ไม่ได้อยากทะเลาะด้วยเลย ไม่ได้อยากเถียงด้วยเลย... แต่เห็นพี่ธีแบบนั้นแล้วมันอดปากไม่ได้

ยิ่งคิดก็ยิ่งใจเสีย ไม่มีพี่ธีอยู่ใกล้ๆ ยิ่งใจหาย ยิ่งพี่ธีไม่อยู่ในห้องด้วยกันมากวันมากแค่ไหน ความฟุ้งซ่านมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ... ถึงรู้ว่าพี่ธีไม่มีคนอื่น แต่ห้ามความกลัวไม่ได้----- กลัวพี่ธีเบื่อ กลัวพี่ธีรักน้อยลง กลัวพี่ธีไม่รัก

การถามคำถามคนอื่นแต่ต้องมานั่งวนเวียนอยู่ในคำตอบที่คิดเอาเอง...นานวันเข้า ความน้อยเนื้อต่ำใจก็เริ่มปรับนิสัยของคนที่ตั้งคำถามให้แปรเปลี่ยนเป็นใครอีกคนที่... งี่เง่า พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ใจ ไม่ยอมเข้าใจ----- สุดท้าย “คนน่าเบื่อ”......โดยไม่รู้ตัว

.....

....

...

..

.

“โจ้.... มึงว่าพี่ธีหมดรักกูแล้วรึเปล่า?” พฤกษถามเพื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้าม

นานแล้วที่ไม่ได้กินข้าวที่ห้อง และนานยิ่งกว่าคือไม่ได้กินข้าวร่วมกับคนที่ตัวเองรัก... กินข้าวอยู่คนเดียวมันเหงา พฤกษเลยต้องชวนใครก็ได้มากินข้าวด้วย

“มึงอย่าคิดมากสิ มึงบอกกูเองว่าพี่เค้าทำงานหนักมากไม่ใช่เหรอ?” โจ้ท้วงเพื่อน

“เออ ไม่กลับมานอนที่ห้องจะสองอาทิตย์แล้ว อีกห้าวันก็ครบเดือนละมึง... คนรักกันทำกันอย่างนี้เหรอมึง” พฤกษเริ่มน้ำตาเอ่อ

“พี่ธีมีกิ๊กมั้ย?” โจ้ถามเพื่อน

“เชี่ย ไม่มี ถามเหี้ยอะไรเป็นลาง” ด่าสวนทันที

“แล้วมึงจะห่วงอะไร พี่เค้ารักมึง ที่เค้าทำงานหนักเพราะอยากมีอนาคตไง... ยิ่งสูงยิ่งหนักนะมึง” โจ้พูดถึงตำแหน่งของแฟนเพื่อน

“เอาต่ำแหน่งธรรมดา แล้วได้อยู่ด้วยกันแบบเดิมดีกว่า” พฤกษคิดถึงวันวาน

“มึงน่ะ นิสัยเสีย ไม่ชอบคิดไกล สาระในชีวิตมีน้อย ให้พี่ธีที่มีสาระในชีวิตเยอะๆ นำทางชีวิตให้มึงเถอะ” โจ้เริ่มฉิวเพื่อน คนดีๆ แบบที่ธีใครเห็นใครก็อยากได้... มันน่าด่ามั้ย

“อยากได้แบบเดิมอ่ะโจ้ ไม่เอาแบบนี้ กูเหงา” พฤกษครางครวญ

“มึงต้องทนนะ คนจนๆ อย่างเรา หากไม่ขยันมากๆ มันไม่ก้าวหน้านะมึง มึงก็ทำตัวเป็นเมียที่ดีหน่อย ไม่ใช่เอะอะก็ว๊ากใส่พี่เขา.... พี่เขากลับมาเหนื่อยๆ ให้เค้าพักบ้างไรบ้างสิวะ” โจ้สอนเพื่อน

“........ ก็พี่ธีอ่ะ ทำแต่งาน งาน งาน อะไรๆ ก็งาน งาน งาน กูเห็นแล้วเบื่อ.... ที่ออฟฟิชกูแม่งก็น่าเบื่อ มีแต่ขัดขากัน ชิงดีชิงเด่นกัน กูเซ้ง กูเครียด กลับบ้านกูไม่อยากได้ยินเรื่องงาน เปิดประตูเข้าไป พี่ธีนั่งหน้าทื่อเป็นรูปปั้นอยู่กับงาน! กูเห็นก็เครียดตามดิ เสาร์เอย อาทิตย์เอย วันหยุดเอย ไม่ให้ปี๊ดได้ไงวะ” ว่าแล้วก็เทเบียร์ใส่แก้ว

นี่ก็อีกเรื่อง รู้ว่าพี่ธีไม่ชอบให้ดื่มของมึนเมา แต่เพราะพี่ธีนั่นแหละทำให้เขาต้องดื่ม... ไม่กรึ่มมันนอนไม่หลับ นอนคนเดียวมันเหงา ยิ่งพี่ธีไม่อยู่ในห้องด้วยยิ่งเหงาไปกว่าเดิม แล้วพอได้เจอพี่ธีสักทีหลังจากที่ทนเหงามานาน พี่ธีก็ไม่ใส่ใจกันอีก

มีก็เหมือนไม่มี แล้วจะมีพี่ธีไปทำไม-------- โมโหทีก็คิดแบบนี้ที นึกได้ทีก็คิดถึงเขาอีก วนไปเวียนมาอยู่แบบนี้

“มึงไปบ่นพี่เค้ามาก ระวังเหอะ เค้าจะเบื่อมึงมั่ง ทำตัวไม่น่ารัก” โจ้จิ้มหน้าผากเพื่อน

“ไม่ได้บ่น แค่บอกให้รู้สึกตัวเฉยๆ ว่า ทำงานเยอะเกินไปแล้ว” เถียงคอเป็นเอ็น

“มึงยังไม่ได้ทำงานที่มึงชอบจริงๆ ลองมึงได้ทำแผนกที่มึงฝัน สักวันนะ มึงจะเป็นแบบพี่ธี จำไว้ถึงมึงเป็นเมียพี่ธี แต่มึงก็เป็นผู้ชาย!” โจ้ท้าพนัน

“ทำไมมึงต้องเข้าข้างพี่ธี! กูเพื่อนมึงนะ” ทวงความเป็นเพื่อน

“เพราะแฟนกูเค้าก็เป็นแบบมึงเนี่ยล่ะ กูล่ะเริ่มเบื่อแหละ กลับห้องแล้วไม่เป็นห้อง เบื่อมากๆ กูจะเลิกแหละ กูเลยเตือนมึงไว้ก่อน!” โจ้ขู่เพื่อน

“ปากหมา คนเค้ารักกันดีเว้ย” เถียงเพื่อน

“แบบเนี้ย เฮอะ” โจ้ชี้หน้าว่าที่พูดมานั่นไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป

“กูโกรธมึง” พฤกษลุกพรึบออกไปจากโต๊ะ

ก้าวจ้ำด้วยความโมโหมาได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเพื่อนไล่ตามหลังมา “ร้อนให้น้อยๆ หน่อยเดี๋ยวจะหาว่ากูไม่เตือนนะ!”


**********************************





หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 15:30:31


เมื่อมีปากเสียงกันมากขึ้น รุนแรงมากขึ้น ธีหาได้ทันเอะใจอะไรไม่ เพราะในขณะเดียวกันกับที่เกิดไฟลุกใน “บ้าน” ที่ทำงานของธีก็กำลังจะเกิด “การวางเพลิงไหม้” เช่นกัน

ญาติคุณหวังเธอไม่ทำงานธีไม่ว่า แต่เธอเอาเงินในบริษัทไปใช้ส่วนตัวโดยไม่มีการยั้งคิด ถึงแม้มันไม่ใช่จำนวนมากแต่ควรหรือที่เอาเงินจากน้ำพักน้ำแรงคนอื่นไปใช้แบบนี้.... ถึงเป็นญาติก็ตาม ธีจึงเริ่มขอความร่วมมือจากคนอื่นๆ ให้ช่วยกันคุมก็แล้ว ทว่า----- นึกถึงคำของคุณหวังขึ้นมา

คุณไม่ทันเล่ห์ของคนแบบนั้นหรอก------

เป็นความจริง!

คนที่ซื่อสัตย์มาตลอดชีวิตแบบนี้แบบธี จะคิดตามเล่ห์คนโกงทันได้ยังไง

ด้วยเหตุนี้ ช่วงหลังธีจึงอยู่โยงที่ออฟฟิชและไม่ค่อยกลับมาที่ห้อง... นอกจากความมุมานะที่จะสางปัญหาภายในแล้ว ธีเลี่ยงที่จะกลับบ้านเพราะไม่อยากมีปากเสียงกับพฤกษ

พฤกษเถียงเขามากขึ้นทุกวัน พูดแรงๆ ใส่กัย แดกดันกัน ทำปึงปัง.... ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ ธีไม่อยากให้คำว่า “เบื่อ” กับคนที่รัก แต่เวลานี้เขา “เบื่อ” ........ ทว่าเพราะยังรักถึงเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากันเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น

อีกไม่กี่เดือนคุณหวังจะกลับมาแล้ว เมื่อพ้นช่วงนั้นไป ธีคิดว่าจะลาออกไปสมัครงานที่ใหม่..... และกลับไปฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่กระเซอะกระเซิงของตัวเอง....

ขอเวลาอีกนิด---- ธีบอกกับตัวเองเช่นนั้น

.......

......

.....

....

...

..

.

ธีนั่งหน้าตึงฟังคนคนหนึ่งรายงานสิ่งที่ไม่ได้เป็นจริงในเรื่องของตัวเองด้วยใบหน้านิ่งขรึม แต่ใจธีนั้นเดือดเป็นไฟ

พี่หญิงช่วยเถียงแทนธี เสียงโต้ตอบกันไปมาระหว่างผู้หญิงสองคนทำเอาธีปวดหัวตุบ ญาติคุณหวังยืนยันที่จะไล่ธีออก และให้คืนเงินโบนัสก้อนนั้นภายในหนึ่งอาทิตย์

“ได้ครับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้.... คุณเป็นผู้จัดการชั่วคราวเท่านั้น!”

“ชั้นมีสิทธิ์เทียบเท่าผู้บริหาร ไอ้คนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา!”

ธีกัดฟันกรอด “หากคุณหวังได้ดูรายงานการตรวจสอบนี้แล้ว และคุณหวังพิจารณาด้วยตนเองว่าผมสมควรต้องลาออก ผมจะไปก็ต่อเมื่อคุณหวังมาพูดกับผมด้วยปากตัวเอง โดยไม่ผ่านปากใคร! และเงินก้อนนั้น ผมจะคืนให้กับมือคุณหวังเท่านั้น!”

“ทำเป็นผยองไปเถอะ เอกสารปลดเธอจากตำแหน่งชั้นเซ็นต์แล้ว มีผลทันที ฮึ” เธอวางเอกสารไล่ออกไว้บนโต๊ะ และเดินหน้าเชิดออกไป

น้องชายคุณหวังไม่ประสงค์ดี ธีกับคุณหญิงและคนเก่าแก่ในบริษัทระแคะระคาย น้องชายคุณหวังอยากได้บริษัทนี้ไปทำต่อ เพราะเล็งเห็นว่าทำกำไรได้ในช่วงนี้ ภรรยาของเขาที่มาอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการชั่วคราวแอบทำให้งานดูยุ่งยากและมีแต่ปัญหา ด้วยหวังให้คุณหวังปล่อยมือจากบริษัทนี้

คุณหวังมีหุ้นอยู่ในหลายบริษัท หากอยู่เฉยๆ ก็มีเงินใช้สบายไปทั้งชีวิต แต่บริษัทนี้คุณหวังทำด้วยตัวเองมานาน นานจนเลิกไม่ลง บริษัทนี้ถึงแม้ไม่ใช่งานในแบบที่ธีชอบ แต่ด้วยที่มีคุณหวังเป็นผู้บริหารธีจึงอยากเรียนรู้งานที่นี่... คนซื่อสัตย์ย่อมอยากเรียนรู้งานจากคนซื่อสัตย์

ด้วยเหตุนี้ธีจึงยอมสู้หัวชนฝากับญาติคุณหวังคนนี้... เขาตัดสินใจไว้นานแล้ว เสร็จงานนี้เขาลาออกแน่

เงินหลักแสนต้นๆ ตั้งแต่มันมาอยู่ในบัญชีของธีมันมากหรือน้อยธีไม่เคยเห็นความสำคัญของมัน ธีไม่เคยคิดที่จะมองและแตะต้องมันด้วยซ้ำ ชั่วชีวิตนี้เขาคิดว่าจะไม่ใช้มันเด็ดขาด! เงินจำนวนหนึ่งซึ่งแลกมาด้วยชีวิตของผู้เป็นที่เคารพรักของธี

เงินเก็บที่ได้มาจากประกันชีวิตของพ่อและแม่ซึ่งธีไม่เคยแตะเลย เขาอาจต้องเอาเงินก้อนนี้ไปคืนบริษัท หรือเขาอาจใช้อีกวิธี..... ทว่าหากธียอมเป็นหนี้  มันจะสร้างภาระให้กับธีและพฤกษในอนาคต

สุดท้ายธีจึงไม่เลือกทางนั้น ธีตัดใจที่จะนำเอาเงินประกันมาใช้ และเตรียมใจเดินหน้าหาเอาใหม่....

อีกหนึ่งเดือนคุณหวังจะกลับ... ทนอีกแค่เท่านี้

ธีตั้งมั่นว่า หากเขาจะไปเขาต้องส่งงานและเงินคืนสู่มือคุณหวังไม่ใช่มือคนอื่น!

.....

....

...

..

.

อนาคตที่มืดมัวกองอยู่ข้างหน้า

เดือนหน้าต้องเริ่มผ่อนบ้านแล้ว เขายังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปเข้าธนาคาร ธีไล่คิดค่าใช้จ่ายรายเดือนแล้ว มันพออยู่ได้สัก 2 เดือนหลังจากที่เขาลาออกโดยที่ว่ามานี้ ไม่ได้ร่วมค่าผ่อนบ้านแต่อย่างใด

ธีละอายและอับอายกับความผิดพลาดพลั้งของตัวเอง... จนไม่มีหน้าไปมองน้อง แต่ก็อยากเจอใจจะขาด อยากคุยด้วย แต่เขารู้ว่าน้องอารมณ์ไม่ดีมาก ธีไม่อยากปะทะกันให้เจ็บมากไปกว่านี้อีก ธีสั่งตัวเองให้เลี่ยงจากน้อง...

“ธี มากินไอติมกัน” พี่หญิงเรียกชวน

ธีเดินไปหาพี่หญิงที่โต๊ะ แบบซังกะตาย เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ หากได้ยินเสียงน้องคงดีกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้ “ของผมอันไหนครับ?”

“นั่นจ๊ะ สีเขียว มะไฟนะ เสาวรสหมด” พี่หญิงบอก

ธีหยิบไอศครีมเชอเบทไปกิน.... ก่อนนี้เคยชอบแต่เสาวรส แต่ตอนนี้กินได้สองอย่าง ครั้งแรกที่ชิมพฤกษบอกให้น้องหวานตักรวมกันมาในแก้วเดียว... ตอนนั้นขัดใจแฟนไม่เป็น เลยกินแบบเสียไม่ได้ไปคำ---- ก็อร่อยดี

“พี่...ผม.....” ธีมองถ้วยไอศครีมและพูดค้างไว้

“ผมอะไร? เธอจะอย่าพูดค้างๆ คาๆ แบบนี้นะ ขัดใจเจ๊นะยะ” พี่หญิงแว๊ดให้

“ผมกลับบ้านนะ! ผมคิดถึงแฟน!” ธีพูดปุ๊บก็วางถ้วยที่กินคาไว้ครึ่งลงบนโต๊ะ ลุกพรวดจากเก้าอี้ไปเก็บของเสียงดังกุกกัก

งานยังต้องทำต่อ พนักงานที่อยู่ดึกก็ยังนั่งกันหน้าสลอน.... สายตาทุกคนมองตามธีไปจนธีลับหายไปจากทางเดิน

...........

..........

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.

“อ๊ะ!” ชายหนุ่มผมรองทรงอุทาน

“.....!” ชายหนุ่มที่สูงกว่าสะดุ้ง

เกือบเลี้ยวมาชนกันแล้ว โชคดีที่ต่างก็ยั้งเท้าไว้ได้ทัน เมื่อต่างคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร กลับยิ่งมีอาการกระอักกระอ่วนกันมากขึ้น ----- ครั้งล่าสุดที่เจอหน้ากัน ต่างคนต่างออกไปทำงานด้วยความโมโหอีกฝ่าย

“...จะไปไหนครับ?”

“ซื้อข้าว... เอาไรมั้ยครับ?”

“เอาเหมือนกัน” ธีบอก

“อื้อ” แล้วเดินเลี่ยงออกไป

ธีมองตามเขาไปจนเขาเลี้ยวเข้าไปในซอยที่จะทะลุไปถึงร้านโต้รุ่ง

ธีถอนหายใจและเดินขึ้นไปบนห้อง ธีอาบน้ำเสร็จพฤกษก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องมา เขาแต่งตัวเสร็จอาหารก็ถูกแกะวางไว้แล้วบนจานเรียบร้อยแล้ว ธีเดินไปเปิดโทรทัศน์ ฟังเสียงรายงานข่าวไปพลางกินข้าวไปพลาง

หากน้องยังไม่มีอารมณ์คุยก็ดี ธีไม่ตื๊อ ขอแค่ได้อยู่ตรงนี้ ได้มองเห็นคนคนนี้ ถึงไม่พูดกันแต่อยู่เงียบๆ ไม่ทะเลาะกัน ธีว่าแบบนี้ก็ดี... เขาเหนื่อยเหลือเกิน ให้ทะเลาะด้วยไม่ไหวแล้ว

ธียกแก้วน้ำดื่ม พฤกษก็หยิบจานไปล้าง ล้างเสร็จก็เดินไปเปิดคอมแล้วนั่งทำอะไรไปเงียบๆ... ธีหยิบเอกสารที่เอาติดมามาตรวจต่อแบบเริ่มสบายใจ สักพักก็เดินไปนอกระเบียงกะว่าจะออกไปรดน้ำต้นไม้ ตอนที่ก้มลงหยิบฝักบัว ธีได้กลิ่นหนึ่ง เขามองที่ตะกร้าผ้า สักพักก็ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา ทุกชุดในนั้นมีแต่กลิ่นนั้นกลิ่นเดียว... ธีเริ่มฉุน

ทำไมเหลวไหลแบบนี้ เขาทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ เขาเครียดกับงานจนแทบไม่มีเวลานอน เขาอดทนแทบตายที่จะไม่กลับมาที่ห้องเพื่อให้มีเรื่องทะเลาะกัน อยากให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจ.... แต่คนที่อยู่ห้องนี้เขากลับทำตัวเหลวไหลแบบนี้ได้ยังไง ธีนึกถึงว่าหากพ่อแม่รู้ว่าน้องดื่มทุกวันแบบนี้ เขาจะมีหน้าที่ไหนไปพบพ่อแม่ของน้อง

“ดื่มทำไมทุกวัน รู้ว่าพี่ไม่ชอบ ทำไมยังทำ!” ธีกอดอกยืนค้ำเสียงแข็ง

“แค่กินแกล้มข้าวเฉยๆ” เสียงเนือย

“ทุกวันนี่นะ เหล้านะไม่ใช่น้ำ!” ธีตวาด---- ทำไมทำตัวไร้สาระแบบนี้ ทำไมต้องทำเล่นๆ ทำไมไม่โตสักที

“เบียร์” เสียงเนือย

“ต่างกันมั้ย? เมื่อไหร่จะโตซะที!” ธีตวาดใส่ด้วยความเหลืออด

“แล้วพี่ล่ะ! เมื่อไหร่จะหายบ้าซะที! รักมันนักใช่มั้ยงานที่ทำน่ะ ไปอยู่กับมันซะสิ กลับมาทำไม!” ลุกพรวดขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่าย-------ทนแล้วนะโจ้ กูทนแล้ว!

“แล้วพี่ทำเพื่อใคร? คิดเป็นบ้างมั้ย?” ธีของขึ้น

“เพื่อตัวพี่เองไง! อย่าบอกว่าทำเพื่อผม! ผมไม่ต้องการ! โว้ย! เบื่อโว้ย!” พฤกษเก้าอี้ล้มคว่ำ

“ห้ามทำแบบนี้นะพฤกษ!” ธีเสียงเข้มหนักกว่าเดิม

“แล้วผมห้ามพี่ทำไรมั้ย? พี่ฟังที่ผมพูดบ้างมั้ย!?” เถียงกลับทันควัน

เสียงโทรศัพท์ดังสวนขึ้น ธีหันควับไปมองหา

“ห้ามรับนะพี่ธี กลับมาคุยกันเดี๋ยวนี้!”

“ครับ.. อะไรนะครับ... เดี๋ยว...อ๊ะ”

โทรศัพท์ถูกแย่งไปจากมือธี คนที่แย่งไปกดตัดสาย เอามันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง “ตายมั้ย?”

“ตายอะไร? เอาคืนพี่มา เขามีธุระด่วนนะพฤกษ” ธีถอนหายใจเฮือกใหญ่

“พี่ธีไม่ทำงานสักนาทีมันจะตายมั้ย?” ตะคอกเสียงดัง ผนังห้องนี้หนา พวกเขาเคยทดสอบมาแล้ว----- ความหนาของมันเคยให้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว ทว่าหลายเดือนมานี้ ความหนาของมันกลับเอื้อประโยชน์อีกอย่างที่ “พวกเขา” ไม่น่าจะได้ใช้มัน!

ธีเดินเข้าไปประชิดตัวพฤกษ จ้องตากับพฤกษเขม็งกร้าว พูดพลางล้วงมือเข้าไปเอาโทรศัพท์คืนมา “โตได้แล้ว พฤกษ! หรือถ้าอยากเป็นเด็กก็อย่าทำตัวน่าเบื่อแบบนี้!”

พูดจบก็เดินไปที่ระเบียง กดสายไปหาคนที่โทรเข้ามาโดยไม่ใยดีกับคนที่อยู่ในห้องนั้นเลย... หากได้ยินไม่พลาด---- งานกำลังเข้าธีอย่างหนัก

ธีไม่รู้ตัวเลยว่าพูดอะไรออกไป ถึงรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป แต่ธีไม่ทันคิดว่าความหมายของประโยคนั้นบั่นทอนจิตใจของคนฟังเขาไปได้มากมายแค่ไหน

“พรุ่งนี้เช้าลองดูอีกที หากไม่ได้ค่อยมาคุยกัน วันนี้ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว” ธีฟังที่ปลายสายแจ้งทั้งหมดและสรุปความให้อีกฝ่ายไปจัดการต่อ

ธีถอนหายใจ เห็นลองของปัญหามาแต่ไกล.... เซ็นต์สัญญากับลูกค้าต่างประเทศว่าจะทำออเดอร์ของส่งไปให้ แต่ไม่มีคนเซ็นต์สั่งการ! และไม่มีการเซ็นต์เช็คเบิกจ่ายค่าทำงาน!

คนที่ควรทำหน้าที่ไม่ยอมทำ แต่ที่จะเดือดร้อนคือทั้งบริษัท... เสียลูกค้าไม่หนักเท่า “จำนวนเงิน” ของค่าเสียหายจากการผิดนัด! ถ้าบริษัทต้องจ่ายเป็นเงินขนาดนั้น พนักงานตาดำๆ กี่สิบคนต้องรับกรรม ธีไม่อยากคิดต่อว่าคนที่ทำงานได้เงินเดือนน้อยๆ ในตำแหน่งล่างจะเป็นยังไง หากจู่ๆ บริษัทล้มไปอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว คุณหวังต้องให้เงินชดเชย แต่!!.... มีงานทำทุกเดือนย่อมดีกว่ากำเงินชดเชยแค่ก้อนเดียว

ธีถอนหายใจอีกครั้ง พลางคิดคำนวนในใจ......

ตอนที่เขาหันหน้ากลับมา คิดว่าจะเดินเข้าห้องก็พบว่าไฟในห้องดับแล้ว ธีเดินเข้าไปและโล่งใจเมื่อเห็นตัวคนนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง... มาถึงวันนี้ธีคิดว่าดีอย่าง ถึงทะเลาะกันขนาดไหน พฤกษก็ไม่หนีไปไหน หรือหากไปก็ไปไม่นานก็กลับ หรือหากนานก็ยังกลับมาอยู่ดี

ธีเดินไปที่เตียง เลิกผ้าห่ม แล้วซุกตัวเข้าไปในนั้น ธีหันหลังชนหลังกับคนที่เข้าไปนอนอยู่ก่อน

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเคยชนะระยะทางมาแล้ว แต่วันนี้ระยะทางที่ใกล้กันจนรับรู้ถึงอุณหภูมิจากแผ่นหลังของอีกฝ่าย กลับไกลแสนไกลเกินกว่าที่สองใจจะสื่อถึงกัน

หากได้ยินเสียงสะอื้น....ธีจะหันไป

การง้อแบบผู้ใหญ่ ธีเคยใช้... จริงอยู่ว่ามันได้ผล แต่สำหรับธีเขาไม่อยากใช้วิธีนั้น

เมื่อทะเลาะกัน ธีอยากให้น้องเข้าใจมากกว่าที่จะลืม... เซ็กส์ไม่ใช่การระบายความโมโห เซ็กส์ไม่ใช่การระบายความเครียด

สำหรับธี การมีอะไรกันคือ "ความรัก"

การมอบความอบอุ่นให้แก่กัน

การผูกด้ายแห่งสัญญา.... ว่าเราจะผูกพันกันมากขึ้น มากขึ้นทุกๆ ครั้ง ทุกวินาที ทุกลมหายใจ

....

...

..

.



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 15:32:07

....

...

..

.

ทว่า รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ไม่ทำเสียงอะไรออกมาเลยสักนิดเดียว-------- กลับมาเพราะคิดถึงใจจะขาด ไม่ใช่กลับมาเพื่อให้ใจมันเจียนขาดแบบนี้!

ธีพลิกตัวไปกอดแนบชิดกับแผ่นหลังของคนที่ตัวเองรัก... ศอกกระทุ้งกลับมาใส่ธีแบบกะให้เจ็บ ธีจุกแต่ไม่ได้คลายวงแขนของตัวเอง

“ผมขอโทษ” คนที่หันหลังให้ธีบอกกับเขา

“ครับ พี่ก็ขอโทษด้วย ดีกันนะครับ” ธีพูดพึมพำบนหัวของอีกฝ่าย

“......ต้องไปอีกเหรอ พรุ่งนี้วันอาทิตย์นะ” พฤกษถาม

“อื้อ ไม่หรอกครับ ช่างมัน” ธีบอก

“กินข้าวเช้ากับผมนะ ไปซื้อของกัน ดูหนังก็ได้ หรือจะอยู่ในห้องเฉยๆ ก็ได้ ขอเวลาพี่ธีวันนึงนะครับ ได้มั้ยพี่ธี” พฤกษถาม

“ครับ”

“สัญญานะ”

“ครับ พี่สัญญา”

พูดจบธีก็ผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อย หลับไม่เต็มที่มาหลายอาทิตย์แล้ว พอมากอดคนคุ้นเคยได้ไม่ทันที ใจมันก็เคลิ้ม.... หลับไปโดยไม่รู้ตัว

พฤกษได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอ ซึ่งบ่งบอกว่าพี่ธีหลับไปแล้ว จึงหันหน้ามาดู พอเห็นว่าหลับจริง เขาเลยพลิกตัวมาหาธี สอดแขนกอดตอบธี และค่อยๆ หลับไปในที่สุด

.......

......

.....

....

...

..

.

“พี่สัญญากับผมแล้ว!” พฤกษกระแทกเสียงใส่ธีทันทีที่อีกฝ่ายแต่งตัวเตรียมออกไป---- ทำงาน!

“พี่ต้องทำงานครับ นี่เรื่องด่วนครับ” ธีไม่มองหน้าคนที่ถาม กลัวว่าจะรู้สึกบางอย่างขึ้นมาอีก....

“กี่ครั้งแล้วที่พี่ไม่รักษาคำพูดตัวเอง! เคยนับมั้ย?” กระฉากกระเป๋าสะพายของธีไป เหวี่ยงมันไปกองกับพื้นโดยไม่เหลียวแล สายตาของคนที่คว้ากระเป๋าไปจับจ้องเขาเขม็ง----ท้าตีท้าต่อย

ปึง! โครม..... เคร้ง! ตึก! ตึก! ------ เสียงข้าวของที่หล่นระเนระนาดดังกราวขึ้นทันที

“พฤกษ.........” เสียงต่ำลึก....

ธีกดความรู้สึกที่ค่อยๆ แย้มเยื่อนหน้าออกมาทันควัน เขาเลี่ยงที่จะไม่พูด เฉยเสีย เดี๋ยวก็ดีเอง

ธีค่อยๆ เดินไปเก็บกระเป๋าที่ไถลไปกองกับพื้น มันไปชนชั้นหนังสืออย่างแรง ของที่ตั้งรวมอยู่กับหนังสือ หล่นตกพื้นแตกหักบ้าง ยังอยู่ดีบ้าง..... ธีหยิบที่ยังอยู่ดีขึ้นมาวางไว้ที่ชั้น ยังไม่เรียง...เขาเดินไปเอาไม้กวาดและที่ตักผงมาเตรียมจะเก็ษเศษไปทิ้ง

“ผมเกลียดพี่! ผมเกลียดงานของพี่!” พฤกษกระแทกตัวลงบนโซฟา เอาหมอนอิงมากอดแนบอกไว้แน่น

ธีกำไม้กวาดในมือแน่น------ ไม่เคยมีคำนี้สักครั้ง โมโหยังไงก็ไม่เคยพูดว่า “เกลียด” มีแต่บอกว่ารัก ประชดกันบ้างก็มี โมโหกันกี่ครั้งแล้วแต่ปากของคนนั้นไม่เคยพูดว่าเกลียดเขาเลยสักครั้งเดียว

คำว่าเกลียดที่ออกมาจากปากคนที่รัก---- สามารถกรีดแทงหัวใจของใครคนหนึ่งให้เป็นแผลตื้นได้

“.......” ธีอดกลั้นและข่มใจที่เจ็บปวดด้วยความน้อยใจไว้ยังส่วนลึกของในอก เขาเดินไปเทขยะและเก็บไม้กวาดอย่างเงียบๆ

“ถ้ามีแฟนแบบพี่ธี ผมยอมไม่มีแฟนซะดีกว่า ห่วยแตก!” พูดลอยๆ เป็นเชิงประชดประชัน

ฉุนกึก----- คำนั้นเขาขอซื้อไว้แล้ว ทว่าประโยคนี้ไม่ต่างจากคำว่า “เลิกกัน” เลยในความรู้สึกของธี

“ทำไมต้องทำตัวน่าเบื่อห๊า พฤกษ แค่งานพี่ก็เครียดพอแล้วนะ ไหนว่าเข้าใจ นี่เหรอเข้าใจ!” ธีตวาดใส่อย่างเหลืออด

“น่าเบื่อเหรอ ใครกันแน่ที่น่าเบื่อ ไปส่องกระจกดูตัวเองก่อนเถอะ!” พฤกษปาหมอนอิงที่กอดมาตลอดลงพื้น

สัญญาณบอกว่าด้ายเส้นสุดท้ายเริ่มขาด------ “น่าเบื่อ” คำต้องห้ามของใครอีกคน…. โมโหใส่กันกี่ครั้งแล้วแต่ปากของคนนั้นไม่เคยพูดว่าเบื่อเขาเลยสักครั้งเดียว

“อย่าทำเป็นเด็ก โตแล้วพฤกษ เข้าใจพี่บ้าง พี่ไม่ทะเลาะด้วยนะ พอ! จบ! ไปกินข้าว” ธีข่มใจตัวเองและเดินนำไปที่โต๊ะทานข้าวซึ่งพฤกษจัดอาหารเช้าง่ายๆ เตรียมไว้เสร็จแล้วเหมือนเช่นทุกวัน

ปุ๊! หมอนอิงใบหนึ่งลอยไปตกที่บนโต๊ะกินข้าว....

ธีหันขวับมาทำตาขวาง เขาสุดจะทนแล้วจริงๆ

“ผมเบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อ... ผมเบื่อพี่!” พฤกษตะโกนเสียงดังสุดเสียงจนหน้าแดง

“เออ! เบื่อนักก็เลิกกันไปเลย จบมั้ย จบกันสักที พี่ก็รำคาญเป็นเหมือนกันนะ งี่เง่า!” ธีตวาดเสียงดังไม่แพ้กัน

เขาก้าวแบบย่างสามขุมเข้าไปหา จับใบหน้านั้นแล้วก้มลงไปจูบอย่างรุนแรง ก่อนจะถอนจูบแล้วพูดเสียงแบบได้ยินกันแค่สองคนว่า “ถ้าอยู่แล้วทำดีได้แค่เป็นเพื่อนนอน ก็พอเหอะ แบบนั้นหาที่ไหนก็ได้!”

ธีเดินไปคว้ากระเป๋า ใส่รองเท้า และเดินออกไปจากห้อง… “ปัง” เสียงปิดประตูดังสนั่นลั่นหู-----สั่นไปถึงขั้วหัวใจ

............

..........

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.


หลังจากเสียงปิดประตูดังขึ้น พฤกษทรุดฮวบลงกับพื้น เขาไม่อยากเชื่อว่าเมื่อกี้เขาได้ยินอะไรจากพี่ธี คำนั้นหรือคำที่พูดกับคนที่รักกัน....

ไม่รักกันแล้วใช่มั้ยพี่ธี หมดรักแล้วจริงๆ สินะ......

ทำไมไม่บอกผม...พี่ธี

ทำไมไม่พูด

ทำไมครับพี่ธี

ทำไม

ทำไม

ทำไม

ทำไม

ทำไม

สิ่งที่กลัวอยู่ในใจพฤกษเริ่มเผยตัวออกมาปกคลุมหัวใจของเขาให้มืดดำ

กลัวที่สุดคือกลัวพี่ธีไม่รัก หมดรัก….. “ถ้าอยู่แล้วทำดีได้แค่เป็นเพื่อนนอน ก็พอเหอะ แบบนั้นหาที่ไหนก็ได้!”

สำหรับพี่ธีคนแบบพฤกษหาที่ไหนก็ได้…

สำหรับพฤกษคนแบบพี่ธีหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว…

พฤกษตกอยู่ในภวังค์ความคิด…. น้ำตาห่าใหญ่ตกลงสู่อาบสองแก้มราวกับมันจะไม่มีวันหมด

ในห้องนั้นมีเพียงหนึ่งชีวิต… เสียงร้องไห้ที่ดังสุดเสียง ทว่า ไร้ซึ่งใครที่จะได้ยินมัน---- ผนังของห้องที่หนาเก็บเสียงภายในได้อย่างหมดจดยังคงทำหน้าที่ของมันโดยไม่แล “หัวใจ” ของเจ้าของห้องนั้นเลย

http://yourepeatr.com/watch/?v=2PUtnhMX7fo

…………

………..

……….

………

……..

…….

……

…...

…..

….



..

.

วันที่เจ็ด….. ชายหนุ่มยืนมองวันที่ในปฏิทิน

หนึ่งอาทิตย์แล้วจากวันนั้น ไม่มีการโทรหามาเขาจากอีกฝ่าย ไม่มีใครก้าวเข้ามาในห้องนี้นอกเสียจากเขา

ห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากเวลานี้มันกว้างเหลือเกินสำหรับพฤกษ

เตียงที่ไม่ได้ใหญ่มากหากต้องนอนกันสองคน ทว่าแค่จะกลิ้งไปให้ถึงอีกฝั่ง ทำไมถึงได้รู้สึกว่าแค่ขยับไปทางนั้นมันก็เหนื่อยได้ถึงขนาดนี้….

เตียงกว้างๆ ไม่ได้มีไว้เพื่อให้คนคนเดียวนอนกลิ้งเล่นไปมา….มันควรต้องมีใครอีกคนมานอนอยู่ที่อีกฝั่ง…ด้วยกัน

“โจ้… วันนี้มึงว่างมั้ย?” ถามเสียงเนือย

เมื่อได้ยินคำตอบรับจากอีกฝ่าย เขาจึงบอกสิ่งที่คิดกับเพื่อน “มารับกูหน่อย เดี๋ยวนี้เลยนะ”

“กุ……” ก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ “กูขอไปอยู่กับมึงนะ มาเอากูไปที” น้ำตาไหลทะลัก… เสียใจที่ต้องพูดแบบนั้นออกไป ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้

เขาไล่แล้ว คงหน้าด้านอยู่ไม่ได้อีกต่อไป... หรือความจริงแล้วที่ยังอยู่อยู่นี่ล่ะคือ “เราหน้าด้าน”.... อยู่มาได้เป็นนานจนเขาต้องออกปากไล่

รักมันเป็นยังไงพฤกษเคยคิดว่ารู้จัก….. รักคือความหวาน รักคือการมีกันและกัน

แล้วตอนนี้ล่ะ…. รักคืออะไร?

พฤกษเริ่มไม่แน่ใจ…. หากรักแล้วต้องมีวันนี้ หากรักแล้วต้องเศร้า หากรักแล้วหัวใจต้องเจ็บระบมแบบนี้

อย่ามีเลยดีกว่า….ความรัก!














*******************



หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-04-2012 15:40:37
เฮ้อ...ทุ่มเทเพื่อใคร เพื่ออะไร ถ้าวันนึงไม่มีสิ่งนั้นอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเจ็ด (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 04-04-2012 15:43:15
นี้คือตอนจบของคนไม่พูดกัน สุดท้ายเรื่องมันก็เกิดจากความไม่เข้าใจกันเท่านั้น  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 21:08:16
วรรคแปด




เพื่อนทุกคนต่างมองเพื่อนที่เทเหล้าเข้าปากแบบไม่ยั้งด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก

ห้ามแล้วแต่เพื่อนมันไม่ฟัง! เลยได้แต่มองมัน

“มึงโทรไปเรียกพี่ธีมาเอามันไปเหอะ” เพื่อนคนหนึ่งทนดูไม่ไหวกระซิบบอกโจ้ เขาไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองเป็นแบบนี้สักครั้ง

“กูไม่มีเบอร์พี่ธี” โจ้กระซิบบอกเพื่อนๆ

“อ้าว....” อุทานเบาๆ หน้าเหวอแดกไปทั้งบาง

สำหรับธีและพฤกษ ความรักของทั้งสองอยู่ในขอบข่ายของคนสองคน เพื่อนฝ่ายพฤกษไม่ค่อยกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับแฟนของเพื่อนตัวเอง เพราะหนึ่งพี่ธีโตกว่าสองปี แถมยังเป็นคนเงียบนิ่งไม่พูดเฮฮา พวกเพื่อนๆ จึงรู้ตักแค่หน้าตา ทักทายบ้างตามสมควรแต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ไอ้โจ้สนิทกับพฤกษที่สุด หากไอ้โจ้ไม่มีที่ติดต่อแฟนไอ้พฤกษแล้วหมาตัวไหนจะมี!

หลายปีที่ผ่านมา รู้ข่าวความรักของเพื่อนก็จากปากเพื่อนตัวเอง นอกนั้นไม่เคยไปขออะไรกับพี่ธี เพราะไม่เคยมีใครคิดว่าจะมีวันนี้!

“งั้นมึงก็โทรเข้าห้องสิ” ก้องกระซิบเสนอความคิด

“กูโทรแล้ว ไม่มีคนรับ!” โจ้กระซิบบอก

“พากูไปห้องพี่ธีเลย ป๊ะ มึงไปกะกูไอ้โจ้” เอกกระซิบบอก

“กูไปที่ห้องพี่ธีแล้ว เหมือนไม่มีคนอยู่ ไอ้พฤกษมันเคยบอกกูว่าช่วงนี้พี่ธีไปค้างที่ที่ทำงานบ่อยๆ หลายวันถึงจะกลับมาที” โจ้กระซิบหน้าเครียด “..... กูไม่ได้ทิ้งเพื่อนนะ แต่กูว่าเพื่อนเรามันก็มีส่วนผิด!”

“อ๊าว....” หน้างงแดกไปทั้งบาง

เพื่อนกันเองซึ้งใจดีกว่าเพื่อนตัวเองมันแสบขนาดไหน เอาแต่ใจขนาดไหน!

แต่พวกเขามันน่ารักนะ เคยเห็นมันอ้อนพี่ธีสองสามครั้ง ก็เข้าใจละว่าทำไมพี่ธีแคร์มันไม่ลืมหูลืมตาได้ขนาดนั้น.... รักให้เห็นแทงลูกกะตามาตลอด แล้วมันมีวันนี้ได้ยังไง...เพื่อนๆ สุดจะงง

“กูเตือนมันแล้ว คนเค้าทำงานมาเครียดๆ อย่าไปชวนทะเลาะ มันจะน่ารำคาญ กูอ่ะ โดนยังไม่ถึงครึ่งของพี่ธี กูยังตะเพิดแฟนกูไปแหละ” โจ้กระซิบบอก

“เออๆๆๆ.... ถึงไอ้พฤกษมันก็ผิด แต่เราก็เพื่อนมัน มึงพยายามบอกติดต่อพี่ธีให้ได้ละกัน... ปล่อยแม่งเมาเป็นหมามาอาทิตย์นึงแหละ กูไม่ไหวนะเว้ย ถึงกูไม่ได้ทำงานแต่กูยังมีเรียนนะเว้ย!” ฟ้ากระซิบท้วงหนักแน่นหลังจากที่ตัวเองซึ่งเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังไม่ได้ทำงาน ต้องขาดเรียนมาอยู่โยงเฝ้าเพื่อนรักคนนี้!

ฟ้าไม่ได้ว่าเอาจริงเอาจัง ใจจริงฟ้าก็กลัวใจไอ้พฤกษมันเหมือนกัน...

คนที่เคยถูกเขาเทคแคร์เอาใจดูแลมาตลอด คนที่รักกันหวานเชื่อมน้ำตาลหยด คู่รักที่ไม่เคยผิดใจอะไรกันนี่แหละตัวดี... แม่งอาจคิดสั้นอะไรขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้!!!



**********************




หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 21:11:03


ธีเดินสะโหล่สะเหล่เข้ามาในห้อง

ภายในห้องไม่มีแสงไฟ ทุกอย่างเงียบสงบ… สามทุ่มอาจไม่ดึกมาก แต่สำหรับบางคนที่ทำงานอาจเป็นเวลาที่สมควรพักผ่อน

ธีเดินอย่างเงียบๆ เข้าไปวางกระเป๋า มองหาผ้าเช็ดตัวที่พับอยู่เหนือราวตากผ้าซึ่งวางไว้ตรงทางเข้าห้องน้ำ---ไม่มี

ธีชโงกหน้าไปที่ระเบียง มันยังคงอยู่ที่นั่น…. ปกติพฤกษจะเอามาพับไว้ที่ตรงนั้นให้เขาเสมอ แรกๆ มีลืมบ้างแต่หลังๆ ก็จำได้เอง

ธีเดินไปเอามันมาและเดินเข้าไปในห้องน้ำ…. ขณะที่เขาสระผม เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น หนึ่งครั้งและดับไป

ธีไม่ใส่ใจ เขาล้างหัวและอาบน้ำอย่างสบายใจ จนกระทั่งตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ธีกลัวว่าคนที่นอนอยู่จะตื่น เขาจึงรีบเดินไปรับสาย

“ครับ” ธีรับคำ

“พี่ธี! พี่ธีใช่มั้ยครับ!” เสียงปลายสายฟังดูตื่นเต้นมาก

“ครับ” ธีสงสัย เสียงนั้นไม่คุ้นหูเขาเลย

“พี่ ผมโจ้เพื่อนไอ้พฤกษนะพี่” ปลายสายแนะนำตัว

เพื่อนสนิทของพฤกษ ธีจำชื่อได้ พฤกษเคยพูดถึงบ่อยๆ “อ้อ ครับ พฤกษนอนไปแล้วนะโจ้ มีอะไรค่อยโทรมาใหม่นะครับ” ธีบอก

“พี่! ไอ้พฤกษมันอยู่นี่….” โจ้หยุดพูดไปพักหนึ่งจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “พี่ธี…พี่…. พี่จะเลิกกันมันจริงๆ เหรอ?” โจ้ถามเสียงอ่อย เขาชักจะแน่ใจแล้วว่าเพื่อนตัวเองอกหัก พี่ธีอยู่ห้อง ทำไมไม่รู้ว่าพฤกษไม่อยู่?

“หือ?...... เลิกอะไร? พฤกษ? พฤกษก็นอนอยู่นี่นะโจ้” ธีเดินไปที่เตียง เอามือวางลงไปตรงตำแหน่งเดิมที่พฤกษนอนเป็นประจำ---- ไม่มี!

ธีเดินไปเปิดไฟ….. เมื่อไฟสว่างเขามองไปที่เตียง เรียบไม่มีส่วนนูนขึ้นมา ธีเหลียวไปมองรอบห้อง ไร้วี่แววของคนที่เขามองหา ธียกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู “โจ้…พฤกษไปอยู่หอโจ้ได้ยังไง?”

โจ้บอกว่าพฤกษโทรหาโจ้และเรียกให้เข้าไปรับ เขาบอกพี่ธีว่า ตั้งแต่พฤกษมาอยู่ที่หอโจ้ พฤกษก็เอาแต่ดื่มเหล้าเมาจนหลับ เช้าก็ออกไปทำงานทั้งที่แฮงค์ๆ แบบนั้น ทำอยู่แบบนี้เป็นอาทิตย์แล้ว

“ผมโทรหาพี่ก็ไม่ติดสักที พี่ทำงานที่ไหนผมก็ไม่รู้ ไอ้พฤกษมันก็เผลอทำโทรศัพท์ตกชักโครก จะเอาเบอร์พี่จากในเครื่องมันก็ไม่ได้ มันไม่ยอมไปเปลี่ยนซิมใหม่ซะที ผมเเลยคอยโทรมาที่ห้องพี่อย่างเดียว…. พี่….พี่จะเลิกกับมันจริงๆ น่ะเหรอ เพื่อนผมมันเป็นเด็กไม่หายก็จริง แต่มันก็รักพี่นะ พี่ทำงานหนัก ผมก็คอยเตือนมันแล้ว ให้เวลามันหน่อยได้มั้ยพี่”

ถึงบอกว่าเพื่อนตัวเองก็มีส่วนผิด ถึงเข้าใจพี่ธีว่าทำไมถึงโกรธเพื่อนตัวเอง แต่โจ้ก็ยังอยากให้เพื่อนมีความสุข ตอนที่พี่ธีกับเพื่อนโจ้รักกันดี ดูแล้วน่าอิจฉา…..เขาไม่อยากให้ภาพนั้นไม่มีอีกต่อไป

“พี่ไม่ได้จะเลิก!..... พี่ไปค้างที่ทำงาน เพิ่งจะได้กลับมาห้อง มันมีเรื่องวุ่นๆ…. พี่ขอคุยกับพฤกษหน่อย” ธีบอก

“มันเมาคุยไม่รู้เรื่องหรอกพี่ หมดสภาพแหละ…เฮ้อ….” โจ้ถอนหายใจ

“พรุ่งนี้พี่ต้องไปต่างประเทศ พี่มีธุระต้องไปหาผู้บริหาร อีกสี่วันถึงจะได้กลับมา พี่ฝากโจ้บอกพฤกษด้วยว่า พี่โทรมาหา หากอยากอยู่ห้องโจ้ก็แล้วแต่ แต่ถ้าพี่กลับมาแล้วพี่จะไปรับพฤกษ…. ระหว่างนั้นบอกให้พฤกษไปเปลี่ยนซิมให้ได้นะโจ้ พี่จะโทรเข้าไปหาพฤกษเอง” ธีสรุปให้โจ้ฟัง

“ได้! พี่ได้! เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะบอกมัน พี่ๆ จดเบอร์หอผมไว้นะ เอาเบอร์ผมไปด้วย ขอเบอร์พี่ด้วย” โจ้ขอหมด ไม่เกรงใจแล้วคราวนี้…. เกือบไม่เป็นอันทำการทำงานกันทั้งก๊วน

หลังจากวางสายของโจ้ ธีทรุดเข่าลงนั่งข้างเตียง เห็นเตียงแล้วใจหาบวาบ….. ธีเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า

ไม่มีเสื้อผ้าของพฤกษเหลืออยู่ในตู้เลยสักชิ้น… ตั้งแต่เข้ามาอยู่ พฤกษมาแค่ตัวกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต คอมพิวเตอร์ตัวเดียว หนังสือคู่มือโปรแกรมสองสามเล่ม---- เท่านี้

ธีบอกเขาเองว่าไม่ต้องเอาอะไรมามาก เพราะเขาซื้อและเตรียมไว้ให้หมดแล้ว…. เพื่อให้น้องสะดวกสบาย---- ไม่เคยคิดเลยว่าการที่ย้ายเข้ามาอย่างง่ายๆ จะทำให้เขาเดินออกไปจากห้องนี้แบบง่ายๆ ด้วยเช่นกัน!!

ธีมองกระเป๋าสะพายที่ใช้ประจำเวลาออกไปทำงาน ตั๋วเดินทางและวีซ่าพร้อมแล้ว อีก 3 ชั่วโมงเขาต้องเดินทาง ไม่สามารถเลื่อนหรือเปลี่ยนคนไปได้อีก!

เอกสารว่าจ้างทำงานที่ไม่มีลายเซ็นต์ของผู้บริหารหรือผู้จัดการชั่วคราว ธีและคนในบริษัทช่วยกันขอร้องจนทางโรงงานรับทำให้ก่อน โดยมีใบว่าจ้างที่ยังมีลายเซ็นต์ไม่ครบเป็นหลักฐานแบบแค่นๆ ทว่าถึงรู้จักและเข้าใจ “เงินก็ยังมีอำนาจ” อยู่ในทุกๆ ที่

ค่าของทั้งหมดไม่ใช่แค่ 50 % เหมือนเดิม ทางบริษัทของธีต้องจ่ายก่อนส่งมอบสินค้า

เงินมากขนาดนั้น อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่มี….. ถึงไม่ใช่ญาติ ถึงเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง แต่ธีกับคุณหญิงก็จะเดินทางไปหาคุณหวัง บอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดจึ้นตามความจริง เอาเช็คที่ผู้จัดการชั่วคราวไม่ยอมเซ็นต์ไปให้คุณหวังเซ็นต์และเดินทางกลับมา---- โดยที่มันจะสำเร็จหรือไม่ ธีและคุณหญิงไม่คาดหวัง

ขอแค่ทำให้ดีที่สุด….. อีกอาทิตย์เดียวเท่านั้น!



**********************

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-04-2012 21:11:38
จิตตกแทน เรื่องแบบนี้มีแต่ต้องคุยกันอย่างเดียว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 21:14:50

....

...

..

.

เช้านี้โจ้ต้องรีบออกไปทำงานเร็วกว่าปกติ วันนี้คือวันประชุมประจำสัปดาห์ เขาต้องไปเตรียมเอกสาร เพื่อนอีกคนก็หยุดเรียนมานานแล้ว

“กูให้รุ่นพี่ของแฟนกู ออกใบรับรองว่าแม่กูผ่าตัดให้ได้ถึงแค่เมื่อวานนี้ว่ะ… กูโกหกอาจารย์ว่ามาเฝ้าแม่อาทิตย์นึงแล้วนะ มึงจะให้แม่กูอาการโคม่าอีกก็กระไร กูไม่ได้แล้วจริงๆ ว่ะ!” ฟ้าบอก

“….. เอ้า! เขียนจดหมายบอกมันไว้ละกัน ไว้กลับมาค่อยว่ากัน” โจ้สรุป และคว้ากระดาษมาร่างสิ่งที่โจ้ทำ และสิ่งที่พี่ธีฝากบอกพฤกษลงบนกระดาษ

“มึงหาเทปใสสิวะ” โจ้ร้องบอกเพื่อน นิ้วชี้ไปที่กล่องอันหนึ่งใต้เตียง

ค้นสักครู่ ก็เจอ ทว่า “เชี่ย เก่าเน่าฉิบหาย กาวหมดอายุรึยังวะเนี่ย”

“ลองดูก่อนมึง” โจ้ร้องบอก เพื่อนก็พยายาม แกะมันออกมา ลองแปะมันกับหน้าประตู----- ก็ติดดี

ว่าแล้วเพื่อนทั้งสองก็ออกไปจากห้อง ถึงยังเช้าอยู่แต่มันสายแล้วสำหรับคนเมืองกรุง!

เมื่อเสียงประตูปิดดังปัง พฤกษรู้สึกตัวตื่น….. อากาศร้อนอ้าว เพราะฤทธิ์ของน้ำเมา พฤกษกดพัดลมที่ปลายเตียงให้เป็นเบอร์สูงสุด ทั้งสามตัว แล้วนอนอีกสักงีบ กะว่าเดี๋ยวลุกไปอาบน้ำ… หอของโจ้อยู่ใกล้ที่ทำงานของพฤกษเพียงสามป้ายรถเมล

กระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งแปะไว้ด้วยกาวที่เกือบหมดอายุ ถูกแรงจากลมตีกระพรือและหลุดล่วงลงสู่พื้นอย่างง่ายดาย….. ลมที่พัดจากพัดลมสามตัวส่งกระดาษแผ่นนั้นให้เลื่อนลอดออกไปจากห้อง โดยผ่านช่องว่างด้านล่างของประตู









แปดโมงเช้า

แม่บ้านประจำหอเริ่มต้นทำงานของเธอ เธอกวาดทุกสิ่งที่อยู่บนพื้นทางเดินจนเกลี้ยง โดยไม่สนว่ามันคืออะไร ด้วยเพราะระเบียบของหอที่เคร่งครัด!....

ห้ามทิ้งทุกสิ่งไว้นอกห้องเพื่อความสะอาดของส่วนรวม หากทางหอพบว่ามีสิ่งใดก็อยู่นอกห้อง! ทางหอจะจัดการกับมันอย่างเหมาะสม!

กระดาษแผ่นเดียว… หาใช่สิ่งของใหญ่โตที่แม่บ้านจะเอื้อเฟื้อเคาะประตูถามเจ้าของห้องว่า ลืมวางไว้มั้ยจ๊ะหนุ่ม…..

แค่กระดาษแผ่นเดียว…เธอจริงกวาดมันเข้าที่ตักผงโดยไม่แม้แต่จะเหลียวตามองว่ามันเขียนอะไรไว้บนนั้น!!

……

…..

….



..

.

อนิจจา คนที่ขีดเส้นโชคชะตา เขาไม่มีตาจริง ฤา………..



**********************

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-04-2012 21:18:56
ต้องโทษสกอตเทป และป้าแม่บ้านแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 21:34:22


พฤกษเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยความเศร้าซึม

วันนี้ไปทำงานสาย สายมากๆ…. เกือบเที่ยง

พฤกษถูกหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกไปหา… หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขามีแต่กลิ่นเหล้าติดตัวมาทำงาน สติในการทำงานก็ไม่มี

คนที่รอทำงานมีเยอะเป็นก่ายกอง มีหรือเขาจะง้อเด็กที่พึ่งจบแบบพฤกษ

พฤกษถูกเชิญออกในทันทีของวันนั้น

หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่หอโจ้ด้วยความเคว้งคว้าง

อีก 2 วันก็เป็นวันหยุดเทศกาลปีใหม่ไทยแล้ว หากกลับบ้านตอนนี้ คงไม่น่าผิดสังเกตุ เขาจะบอกพ่อแม่ว่าเขาขอหยุดเพิ่มได้ แล้วจะทำชดเชยในวันเสาร์อื่นแทน…. ไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว พ่อแม่คงไม่ผิดสังเกตุ

ก่อนไป พฤกษเขียนข้อความบอกโจ้เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ เป็นห่วง วางมันไว้ที่โต๊ะกระจก เอาขวดสักอันวางทับ…..

ไม่อยากไปเปลี่ยนซิม ตอนนี้ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น พฤกษอยากไปอยู่เงียบๆ….. เขาอยากอยู่คนเดียวสักพัก
 
…..

….



..

.


ธีลงจากเครื่องด้วยความผิดหวัง…. ไม่สิ ไม่ได้คาดหวัง แต่เขาและพี่หญิงทำดีสุดแล้ว และพวกเขาก็เข้าใจคุณหวัง

ความเชื่อใจและสายสัมพันธ์ทางสายเลือด---- คนที่ไม่อาจเชื่อคนอื่นได้เพราะหมดความเชื่อใจที่เคยมี จึงหันไปเชื่อญาติตัวเอง…. แต่แล้วญาติที่ตัวเองเชื่อใจกลับตลบหลังกัน ข้อนี้คุณหวังคงไม่คาดคิด

พวกเขาเป็นแค่คนนอก ไหนเลยจะฝ่าความเชื่อใจในสายเลือดนั้นไปได้

ธีแยกกับพี่หญิงและตรงกลับบ้าน… เขาเหนื่อยเหลือเกิน ช่างมันแล้ว ช่างทุกอย่าง…. เขาอยากกลับไปหาคนที่รัก------- พอแล้ว เขาเต็มที่ที่สุดแล้ว!

…..

….



..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-04-2012 21:38:29
ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-04-2012 21:41:03
ไม่อยากคาดคิดกับตอนจบจัง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 04-04-2012 21:47:52


“ไอ้เหี้ย! ถึงแล้วใช่มั้ย?” โจ้ด่าเพื่อนด้วยใจระทึก เพราะติดต่อเพื่อนไม่ได้ ไอ้เพื่อนมันไม่มีมือถือ

พอโจ้กลับห้องมา เห็นเพื่อนๆ นั่งหน้าสลอน ไอ้เอกยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้เขา

กูกลับบ้านแม่นะ ไม่ต้องเป็นห่วง… พฤกษ

แค่นี้! ไม่มีบอกอะไรอีก จะโทรหาเพื่อนก็ไม่ได้ ได้แต่รอ รอ รอ รอจนดูเวลาแล้วว่า เพื่อนน่าจะถึงบ้านแล้ว เลยโทรเข้าไปที่บ้านเป็นครั้งที่ 10 ----- ถึงมีคนรับ!!

“เออ ถึงแล้ว เมื่อกี้เอง” พฤกษบอก

“มึงเป็นไร? กลับบ้านทำไม?” โจ้ถาม พลางเกิดลำโพงให้เพื่อนทุกคนได้ยิน

“กู….. กูโดนไล่ออกว่ะ แต่มึงเฉยๆ ไว้…. กูทำตัวเองแหละ ช่างมันเหอะ ไว้ค่อยกลับไปหางานใหม่” พฤกษบอกเพื่อน

“…….” เพื่อนทุกคนต่างอึ้งบรรยายไม่ถูก

“…. เออ ไว้กูจะช่วยหา มึงกลับไปพักให้สบายใจเหอะ อย่าคิดมากนะเว้ย ชีวิตต้องสู้นะมึง” เอกบอก

“มึงไมไม่กลับห้องมึงล่ะ” โจ้ถาม พี่ธีบอกแล้วว่าไม่ได้จะเลิก มันจะนอยด์ทำไม โจ้ไม่ค่อยเข้าใจเพื่อน

“ไม่ล่ะ พอเหอะ!”  พฤกษบอก

“มึงยังรักพี่ธีไม่ใช่เหรอ? แล้วมึงจะปล่อย….” โจ้แย้งไม่ทันจะครบประโยคพฤกษก็พวกสวนขึ้นมาก่อน

“กูพอแล้วโจ้… หากต้องรักแล้วเป็นแบบนั้นกูเหนื่อย ขอกูพอเหอะ…… กูขอแค่เวลาทำใจเฉยๆ พวกมึงไม่ต้องห่วง กูขอบใจพวกมึงมาก แต่แค่ก่อนนี้นะ” พฤกษพูดรัวเสียงแข็งและหนักแน่นกับเพื่อนๆ เพื่อแสดงความรู้สึกที่มีภายใน

โจ้และเพื่อนพูดอะไรไม่ออกเลย….

โจ้หวังมากที่กลับมาวันนี้แล้วจะได้เห็นว่าห้องเขาไม่มีไอ้พฤกษ หรือจะเห็นว่าไอ้พฤกษมันวิ่งโร่กลับห้องมันไปแล้ว หรือจะได้กลับมานั่งบอกมันเพื่อเป็นการช่วยพี่ธีย้ำว่า “ไม่ได้จะเลิก รักจริงๆ กลับมาเถอะ ถึงไม่กลับก็จะไปรับนะ”

ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ถึงยังรักแต่หากความสัมพันธ์นั้นเหนื่อย คนนอกอย่างพวกเขาจะบังคับอะไรเพื่อนได้

เพื่อนแต่ละคนทำหน้าเศร้าบ้างขัดใจบ้าง แต่แล้วก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก----- ในเมื่อเพื่อนเราตัดสินใจแล้ว ก็ต้องแล้วแต่เพื่อน….

วางสายไปไม่เท่าไหร่ เสียงเรียกเข้าจากมือถือของโจ้ก็ดังขึ้นมาอีก โจ้หยิบมันขึ้นมาดูด้วยใจที่ห่อเหี่ยว

แต่แล้วไม่ใช่เลย ไม่ใช่เลยสักอย่างที่โจ้คาดการณ์ไว้ มันผิดไปชนิดฟ้ากับเหว

“พี่ธีว่ะ” โจ้อุทาน

เพื่อนๆ หันกันขวับ และยุให้รับสาย… สายตาทุกคนบ่งบอกว่า เอาเลยมึง ช่วยมันอีก! จะเลิกกันเหรอ… แต่ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกหนาไอ้พฤกษ

“ครับพี่” โจ้รับสาย

“โจ้ ตอนนี้อยู่ห้องมั้ย? แล้วพฤกษอยู่ที่ห้องมั้ย?” พี่ธีถามเข้าประเด็นทันที

“ผมอยู่ห้องแต่ไอ้พฤกษมันกลับบ้านอ่ะพี่” โจ้บอก

“อื้ม ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรไปหาเอง ว่าแต่จะถึงบ้านรึยัง?” ธีพูดพึมพัมกับตัวเอง

“ถึงแล้วพี่ ผมเพิ่งวางสายจากมันเมื่อกี้ มันยังไม่ได้เอาซิมไปเปลี่ยนนะพี่ พี่ธีโทรเข้าบ้านนะ” โจ้รีบบอก

“ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ อ้อ ขอบคุณนะโจ้ ฝากบอกเพื่อนๆ เราด้วยว่าพี่ขอบคุณมาก”

“ครับพี่” โจ้วางสายแล้วหันไปชูสองนิ้วให้เพื่อนว่า พี่ธียังโอเค “พี่ธีฝากบอกขอบคุณพวกมึงทุกตัวด้วย”
เพื่อนระบายลมหายใจด้วยความโล่งอกอย่างถ้วนหน้า… จากนั้นก็ดีใจกันว่าพี่ธีคงง้อเพื่อนตัวเองได้สำเร็จ โดยที่ต่างหารู้ไม่ว่า------

กระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน ข้อความหนึ่งไม่ได้ถูกสื่อสารไปถึงผู้รับ…. กระดาษแผ่นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตา

โชคชะตากำลังหมดความสนใจในตัวพฤกษและธี โชคชะตากำลังไปสนใจคู่อื่น เส้นชีวิตของพวกเขากำลังจะขนานกันไปอีกครั้ง…….

โชคชะตาเอาแน่ไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าเส้นที่ขนาดนั้นจะกลับมาบรรจบกันได้อีกมั้ย? และเมื่อไหร่?

…..

….



..

.

[/size]






 :pig4: คืนนี้เท่านี้นะคะ พรุ่งนี้ไม่อยู่ เจอกันวันเสาร์ละกันนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-04-2012 21:58:09
ไอสามสี่บรรทัดสุดท้ายนี่หมายความว่าไงเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-04-2012 23:57:28
เจอแบบนี้เข้าทางใครทางมันเถอะ


เป็นตูๆก็ไม่คอยเหมือนกันละวะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 05-04-2012 01:01:55
 :monkeysad:

เข้าใจทั้งคู่  รอว่าเวลาจะหมุนมาให้เจอกันยังไง

และจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้นมั้ย

บวกเป็ดทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 05-04-2012 12:27:24
เจอกันครั้งนี้ก็ขอให้ปรับตัว ปรับความเข้าใจกันได้นะครับ สู้ๆ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-04-2012 21:17:17
ขอบคุณจ้าที่มาลงยาวๆ  ให้อ่านกันนะ

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 05-04-2012 23:58:12
 :a6: เพลียเล็กน้อย
หากเหนื่อยอาจไม่ได้ลงคืนนี้นะคะ
เจอกันพรุ่งนี้นะคะ

แต่หากพอไหว ก็ทยอยไปเรื่อยๆ คืนนี้เลย :z10: ถึงที่สุด

(จะจบม๊ายยยยยยยยย  :monkeysad: )

ใครไม่สะดวกก็ไปนอนกันนะคะ พรุ่งนี้ตื่นมาอ่านเลยมะคาใจ :กอด1:

ขอบคุณท่านผู้มีอุปการะคุณทู๊กท่าน
ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นและทุกความเห็นเป็นแรงใจให้ผู้เขียนเสมอค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 00:54:03
ยาวๆเลยคืนนี้
รอจ้า มาเมื่อไหร่กดอ่านเมื่อนั้น
คนเขียนไปพักผ่อนก่อนก็ได้เน่อ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 00:55:33

….



..

.

ธีโทรเข้าบ้านพฤกษ ไม่มีคนรับสาย เขาปล่อยสายไว้จนมันตัดไปเอง เขาทำแบบนี้อยู่สองครั้ง แล้วเขาก็พัก

เพิ่งมาถึงห้อง เข้าห้องมาแล้วก็ไม่เจอคนที่หวัง เขาจึงโทรหาโจ้เลย...


พฤกษอาจไม่อยู่ในบ้าน----ธีจึงคิดว่าจะไปอาบน้ำหาของกินก่อนแล้วค่อยกลับมาโทรอีกรอบ

….



..

.

ธีโทรอีกครั้ง ครั้งนี้กดรอบเดียวก็มีคนรับสาย “เอ่อ....”

ด้วยกลัวว่า พฤกษจะวางสายหนี ธีจึงรีบพูดโดยไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัว “พฤกษ พี่ขอโทษที่พี่พูดไม่ดี แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่เจตนา พี่ขอโทษที่ระบายอารมณ์ใส่พฤกษ.... พี่เสียใจครับ ขอโอกาสพี่นะครับ ขอพี่แก้ตัวอีกครั้งนะ พี่รักพฤกษนะครับ พฤกษยกโทษให้พี่นะ เรายังรักกันอยู่ใช่มั้ยครับ”

แม้พูดไปจนจบแล้ว ทวนอีกครั้งก็แล้ว ทว่ากลับไม่มีเสียงขานรับใดจากปลายสาย.... แต่มีเสียงเคลื่อนไหวดังลอดมาในโทรศัพท์.....ไม่นานนักสายก็ถูกวางลง

ธีรีบกดเบอร์อีกครั้ง แต่ไม่ว่าวันนั้นเขากดเรียกไปอีกกี่ครั้งก็ไม่มีคนรับสายอีกเลย

ธีกดเบอร์พ่อ....ได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติ “หมายเลขนี้ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ เนื่องด้วยอยู่นอกพื้นที่สัญญาณ กรุณาฝากข้อความหรือ..........”

ธีวางสายแล้วกดอีกเบอร์---ของแม่.....เสียงต่อสายดังขึ้น แต่ไม่ว่าโทรอีกกี่ครั้งก็ไม่มีการรับสาย.... นานครั้งเข้า เสียงตอบรับอัตโนมัติก็ดังขึ้น “หมายเลขนี้ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาฝากข้อความหรือติดต่อ..........”

ธีกลับมากดเบอร์บ้านตามเดิม....

….



..

.

สามทุ่มแล้ว.... กดจนเจ็บนิ้ว ก็ยังไม่มีคนรับ ธีตัดใจและตั้งใจว่าจะโทรไปใหม่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้

….



..

.

วันหยุดเทศกาลหมดแล้ว

เช้านี้ทุกที่ต้องเริ่มวันทำงาน ทว่าธียังไม่สามารถติดต่อกับพฤกษได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับสายอีกเลย พฤกษน่าจะโกรธไม่หาย แต่กระนั้น....ตอนนี้ธีก็ยังกดเบอร์เดิมๆ ที่กดซ้ำไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ในหลายวันนี้

อยากขับรถไปหาน้องแทบขาดใจ แต่ไม่รู้จักบ้านของพฤกษ อันที่จริงจะถามโจ้ก็ได้... แต่ธีไม่อยากไปกระโตกกระตากให้พ่อแม่รู้... และที่สำคัญขนาดได้คุยกับน้องแล้ว น้องยังวางหูใส่ หากเห็นหน้าเขาน้องคงเก็บอาการไม่อยู่.... แม้ตัวเขาเองก็เหมือนกัน

ถ้ากลับมากรุงเทพฯ เรื่องอาจง่ายกว่านี้!

“ฮัลโหล!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากปลายสาย

????!!!!!....

“ครับ สวัสดีครับ เอ่อ....” สายถูกรับโดยที่ธีไม่ทันตั้งตัว

“อ้าว พี่ธี ไอ้เสียงที่โทรเข้ามาตลอดเนี่ย พี่ธีเหรอ มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า?” พ่อถามด้วยความตื่นเต้น

“เปล่าครับพ่อ คือ..... ธีคุยกับน้องค้างไว้ แต่พอโทรมาอีกที น้องไม่รับสาย เลยห่วงว่าเป็นอะไรรึเปล่าน่ะครับ โทรเข้ามือถือก็ไม่รับด้วยน่ะครับ” ธีเลี่ยงไป

“โหย ไอ้ลูกหมามันนั่งรถกลับไปทำงานแล้วล่ะพี่ธี สงสัยนอนบนรถ เลยปิดเครื่อง ดู๊มัน ทำพี่ทำเชื้อเขาเป็นห่วง กดโทรศัพท์มือหงิกเลยสิเนี่ย กลับถึงห้องพี่ธีเตะมันเลยนะ บอกมันว่าพ่อฝากสองป๊าบ นี่พ่อไปงานแต่งงานของญาติตั้งแต่ห้าวันก่อน เพิ่งกลับมาเนี่ยล่ะ....” พ่อบอก และชวนธีคุยต่ออีกสักพักถึงขอตัวไปพักก่อน เพราะขับรถกลับมาทั้งคืนแล้ว

….



..

.

พฤกษเคาะประตูห้องของโจ้ โจ้ยังไม่ได้ออกไปทำงาน

โจ้ไม่ถามอะไรพฤกษมากนักเพราะเห็นหน้าเนือยๆ ของเพื่อนแล้ว… โจ้อยากให้เพื่อนพักผ่อน อยากให้มีพื้นที่ให้เพื่อนได้ใช้ความคิดและปล่อยวาง

กับความรัก… เราบังคับใครไม่ได้

เราเห็นว่ามันดี แต่เจ้าตัวอาจไม่ดีด้วยกับเรา

โจ้จึงหยุดที่จะพูดถึงพี่ธี หยุดที่จะลุ้นเพื่อน เขาคิดว่าจะบอกเพื่อนๆ ว่าอย่าไปสะกิดเรื่องนี้อีก…. หากเรื่องนี้จะเป็นประเด็นขึ้นอีกครั้งก็ขอให้มันเริ่มมาจากเจ้าตัวเขาเอง… เท่านั้น!

……

…...

…..

….



..

.

พฤกษรวบรวมเอกสารเตรียมสมัครงานใส่กระเป๋าเสื้อผ้า… เขาเตรียมเริ่มชีวิตใหม่

แม้จะเจ็บไม่จางแต่ชีวิตต้องเดินต่อ เขาเงียบไป เขารู้ดี ตอนที่กลับบ้านเขาก็เก็บอาการไม่อยู่จนแม่ทักมาทีหนึ่ง เขากลัวว่าแม่จะจับได้ กลัวว่าตัวเองจะเผลอร้องไห้ต่อหน้าแม่ พฤกษจึงออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่หยุดงานและกลับมาบ้านเหมือนๆ กันทุกวัน แม่เองก็ไปงานบุญทุกวัน พ่อไม่อยู่บ้านช่วงนี้พอดี...โชคดีที่เขาไม่ต้องโดนพ่อหนีบไปไหนมาไหนด้วย

ตลอดเวลาที่กลับบ้าน เช้ามืดพฤกษก็จะพาแม่ไปส่งที่ที่แม่ต้องไปช่วยงานบุญเค้า แล้วตัวเองก็ไปรวมตัวกับเพื่อน เที่ยวกันไปเรื่อยๆ จนช่วงดึกราวสี่ทุ่ม พฤกษจะไปรับแม่แล้วกลับเข้าบ้านมาด้วยกัน

วันสุดท้ายที่จะกลับกรุงเทพฯ แม่กับลุงเต๋อเพื่อนข้างบ้านขับรถมาส่งเขาเพื่อขึ้นรถ แม่อวยพรให้หน้าที่การงานก้าวหน้าโดยหารู้ไม่เลยว่า… ลูกชายถูกเขาไล่ออกจากงานมาแล้ว

ลุงเต๋อบอกให้ขยัน อดทน มองไปข้างหน้า แล้ววันข้างหน้าจะดีเอง….. ลุงเต๋อยังไม่วายพูดเลียนแบบโฆษณา “อุปสรรคเค้ามีไว้ให้พุ่งชน! เอ็งจำไว้”

------ สมกับเป็นเกลอเกลียวแน่นของพ่อไอ้ลูกหมา มุกไม่ขาด ร่าเริงตลอดเวลา

เช่นนี้เอง จากเดิมที่เคยคิดว่าอย่าไปเลยบางกอก…. กลับกลายเป็นว่าเขาต้องกลับมาสู้อีกครั้ง

งานที่อยากทำ เขายังไม่ได้เริ่มทำเลยสักนิด หลายเดือนที่ผ่านมาในบริษัทเก่า เขาได้แค่เมียงมอง… คอยมอง คอยฟัง หากมีคนที่ดีพอถามได้ก็ให้ถาม---- ทำแบบที่พี่ธีสอนตลอด และมันก็เป็นผล

คิดขึ้นมาแล้วน้ำตาก็รื้อ น้ำตาหยดแรกไหลกลิ้งลงจากหางตา ผ่านแก้มของเขาให้เป็นร่อง มันกรุยทางให้หยดอื่นๆ ไหลตามมาได้โดยสะดวก

ทุกครั้งที่คิดถึงคือทุกครั้งที่เจ็บปวด แต่ใจเจ้าเอย มันยังไม่วายประหวั่นคิดถึงเขา

เขาเหลียวแลหัวใจดวงนี้บ้างมั้ย

ตั้งแต่เกิดเรื่อง… ตั้งแต่ออกปากไล่กันครั้งนั้น เคยโทรหากันสักครั้งมั้ย?

ไม่มีทางที่โจ้จะไม่หาทางบอกพี่ธี หากไม่ใช่โจ้เพื่อนเขาคนอื่นก็ต้องบอก…. แต่ไม่มีวันไหนเลยที่อยู่ที่นี่แล้วเพื่อนคนใดคนนึงบอกเขาว่า “ไอ้พฤกษ พี่ธีโทรหามึงว่ะ….”

จนกลับบ้านพ่อแม่ก็ไม่มี…

พี่ธีไม่ได้โทรหา พี่ธีไม่ได้ถามถึงเขากับโจ้ พี่ธีไม่ได้โทรหาตัวเขากับแม่หรือว่าพ่อ-----ไม่มีเลย

พฤกษบอกตัวเองว่าต้องทำใจ… ‘ต้องอยู่ต่อไปให้ได้’ พฤกษบอกตัวเองทั้งที่ไม่สามารถหยุดน้ำตาของตัวเองได้!

อยากร้องก็ร้องไป ร้องให้พอ ร้องให้มันหมดตัว เอามันออกมาให้หมดจากในส่วนที่เหลือของทั้งชีวิต แล้วอย่าได้ร้องไห้อีกล่ะ ไอ้พฤกษ!

พอกันที “ความรัก”…… มันหวานนะ แต่มันก็ขม!

งั้นลืมมันซะ

อย่าไปจำมัน

ถ้าลืมมันได้ หัวใจมันก็จะไม่เจ็บอีก


.....

….



..

.

“โจ้ พฤกษกลับมาที่โจ้รึยัง?” ธีถามทันทีที่ปลายสายครับ

“มาเมื่อเช้าครับ เจอกันก่อนออกจากหอ” โจ้บอก

“หอโจ้อยู่ไหน บอกพี่หน่อย” ธีถามด้วยความร้อนใจ

“พี่ธี คือผมไม่ขอบอกพี่นะ… ผมไม่รู้หรอกว่าพี่กับมันทะเลาะอะไรกัน คุยอะไรกันบ้างแล้ว แต่เพื่อนผมมันบอกพวกผมว่า “อยากพอแล้ว” ผมเข้าใจพี่ธีนะครับ เพราะผมเองก็เคยอยู่ในฐานะเดียวกับพี่มาก่อน แต่ไอ้พฤกษมันก็เพื่อนผม วันนี้มันกลับมาที่ห้องผม พวกผมก็ดีใจที่พวกผมยังมีพื้นที่ว่างให้มันได้อยู่อย่างสบายใจ ผมจึงไม่อยากให้เพื่อนผมต้องเสียพื้นที่นี้ของมันไป… มันเสียใจมากนะพี่ และผมว่าพี่ก็คงไม่ต่างกันกับมัน แต่มันเป็นเพื่อนรักผม เพราะเหตุนี้…. ผมคงช่วยอะไรพี่ไม่ได้อีก ขอโทษด้วยครับพี่ธี ผมขอตัวทำงานต่อก่อนนะครับ” โจ้บอกอย่างรัวเร็วและตัดสายไปทันที

อยากพอแล้ว!----- หมายความว่าไง….

ธีรู้แต่เขาไม่อยากตีความหมาย ใจมันไม่อยากยอมรับ….

ธีเข้าใจโจ้ดี หากวันนี้ต้องช่วยเหลือตัวเอง ธีก็ควรต้องทำ! เพื่อให้ได้ไปขอโทษคนที่รัก เพื่อเอาตัวคนที่รักคืนมา… หากงอนต้องง้อ

ธีโทรหาเพื่อนๆ ของตัวเอง บอกว่าต้องการติดต่อรุ่นน้องที่มอคนหนึ่งให้ได้ เป็นเรื่องด่วน ให้ช่วยหาที่อยู่หอให้หน่อย…. และบอกชื่อ นามสกุล และคณะกับสาขาของโจ้ไป

ก่อนเลิกงานสิบนาที เพื่อนสองคนก็ส่งที่อยู่ของหอพักโจ้มาให้เขา---- ที่อยู่ตรงกัน

ทันทีที่เลิกงานธีรีบขับรถไป… ขณะที่เขาจะเดินเข้าไปในตึก เสียงคนหนึ่งเรียกชื่อเขา “พี่ธี!” ธีรีบหันหน้าไปหาทันที…. ด้วยหัวใจที่พองโต

“พี่มาที่นี่ได้ยังไง” เสียงนั้นแสดงความไม่พอใจ

“พี่มาพาพฤกษกลับไปครับ” ธีบอกอีกฝ่าย

“ผมพูดกับพี่ไปแล้ว พอเหอะพี่ ถ้าพี่ขึ้นไปมันจะเข้าใจว่าผมไม่เข้าข้างมัน ถ้ามันน้อยใจผม มันจะเตลิดไปไหนบ้างผมก็ไม่รู้ ห้ามเด็ดขาดเลยนะพี่!” โจ้บอกด้วยอาการร้อนรน

“โจ้ไม่ได้บอกพี่ และพี่ก็พยายามหาของพี่เอง ทำไมพี่จะพยายามเพื่อแฟนของพี่ไม่ได้!” ธีเสียงเข้ม

“ห้ามขึ้นไปครับ!” โจ้เอาจริง เขารู้ดีว่าเพื่อนเขาไม่พร้อม หากมันพร้อม แค่คุยกันต้องรู้เรื่องแล้ว หากคุยแล้วมันบอกว่า อยากพอ… นั่นคือเพื่อนรับไม่ไหว!

ธีไม่สนใจเขา และวิ่งขึ้นไปยังห้องที่จำหมายเลขไว้ได้ขึ้นหัว โจ้วิ่งตามหลังเขาไปติดๆ ทันทีที่เห็นป้ายหมายเลขห้อง ธีเคาะประตูเสียงปึงปัง เขาร้องเรียกชื่อของคนที่เขาตามหา และขอให้น้องออกมาคุยกันก่อน…. น้ำเสียงอ่อนโยนต่างจากเสียงเคาะประตูอย่างสิ้นเชิง

“พี่ธี หยุด!  หยุด!” โจ้ร้องห้าม

ธีหยุดมือ และหันไปบอกโจ้ “เจอกันครึ่งทางนะครับ โจ้เข้าไปบอกพฤกษว่าพี่มาหา พี่ขอคุยด้วย และพี่จะรอตรงนี้ พี่จะไม่เข้าไปในห้องโจ้จนกว่าพฤกษจะอนุญาต”

โจ้ถอนหายใจและล้วงกุญแจออกมาไขห้อง เขาระแวงระวังว่าพี่ธีจะฉวยโอกาสตอนที่เขาเปิดประตูหรือเปล่า?.... แต่ก็ไม่ พี่ธียังคงยืนอยู่นิ่งๆ อยู่กับที่

โจ้มองพี่ธีไม่วางตาและปิดประตูห้อง.... “ไอ้พฤกษ!” โจ้สอดส่ายสายตามองหาเพื่อน---- ไม่มี

ไม่ว่าจะที่ไหน ไม่มีเงาของคนอยู่ในห้องนี้ โจ้ใจหายวาบรีบวิ่งไปที่ระเบียงห้อง และมองลงไปข้างล่าง…. มีแต่พื้นปูนไม่มีร่างคน!

จะว่าคิดมากก็ได้ แต่อกหักแล้วคิดสั้นมันเกิดขึ้นได้นี่นา… โจ้ลองหันกลับมามองรอบๆ ห้อง เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า กระเป๋าของพฤกษไม่อยู่แล้ว ถุงเอกสาร กระเป๋าคอมก็ไม่มี ระหว่างนั้นโจ้หันไปเจอกระดาษแผ่นใหญ่วางอยู่บนหมอน เขาเดินไปหยิบมันมาดู

โจ้ถอนหายใจด้วยความอึดอัดขัดใจ… เขาทำใจสักพักจึงเดินไปที่ประตูห้อง เปิดมัน แล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้พี่ธี

พี่ธีรับไปอ่านด้วยความดีใจ…

รอยยิ้มนั้น….บาดหัวใจโจ้เล็กน้อย---- หากได้อ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้ว รอยยิ้มนั้นคงไม่มีอีก… และมันจะมีอีกครั้งเมื่อไหร่ โจ้ก็สุดที่จะรู้

ไอ้โจ้ ไอ้ฟ้า ไอ้เอก ไอ้ก้อง

กูขอบใจพวกมึงมาก กูซึ้งใจมากที่พวกมึงห่วงกู ช่วยดูแลกู…. แต่พอดีแหละที่กูโดนไล่ออก มันก็ดีนะ กูจะได้มีเวลาทำใจ ไว้กูโอเคแล้วกูจะกลับมาหางานใหม่ แต่ตอนนี้กูขอไปไกลๆ หน่อย…. อยากอยู่คนเดียวว่ะ แต่กูไม่คิดสั้นหรอกนะ กูยังมีแม่ มีพ่อ มีพวกมึงทุกตัว

ไว้กูจะโทรหาพวกมึงทีหลังนะ

ปล. อย่าบอกอะไรพ่อแม่กูนะ กูไม่ได้บอกเค้าเรื่องที่กูถูกไล่ออกจากงาน

รักพวกมึงว่ะ

ไอ้พฤกษ


….



..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 01:03:14
แล้วเมื่อไหร่จะได้เข้าใจกันนิ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-04-2012 01:17:12
กรรมเวร เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว

แปลว่าคนที่รับโทรศัพท์แล้วได้ยินธีพูดเป็นคุณแม่สินะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 01:21:49
เพราะสก็อตเทปม้วนนั้นม้วนเดียวจริงๆ  ให้ตายสิ

 :เฮ้อ:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-04-2012 01:24:02
เหมือนวิ่งไล่จับ แต่ไม่เคยทัน คลาดกันตลอด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 01:33:03


พฤกษเดินเข้าไปในร้านอาหาร เขากวาดตามองไปรอบร้าน ไม่มีคุณดาหรือคุณเชน หนึ่งอาทิตย์หลังจากที่สรุปงานกันได้ วันนี้พวกเขากลับต้องมานัดสรุปนอกรอบกันอีกครั้ง ด้วยเหตุของ ---- เปียโน

เปียโนที่นักเปียโนจะใช้บรรเลงมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เสียงนั้นน่ะเหรอ ไม่ต้องพูด... เรียกได้ว่า ห้องที่จัดงานเทียบคุณค่าของเสียงที่มันจะบรรเลงไม่ได้เลย

ครั้งแรกที่ได้ยิน พฤกษหาข้อมูลเป็นไก่ตาแตก และแจ้งแก่เจ้าของสถานที่ เท่านั้นละ งานที่จะจบเริ่มเห็นแววของความยุ่งยากมารำไร

คุณภาพของของมากเกินการรองรับของสถานที่... ด้วยเจตจำนงค์ของเจ้าของงานที่สามารถขอเปียโนล้ำค่านี้มาได้ แล้วสถานที่ที่จะอำนวยเสียงให้มัน...น้อยหน้ากันได้หรือ?!

ด้วยการเค้นความคิดอย่างหนักของเจ้าของสถานที่ประกอบกับกำลังความสามารถของบริษัทพฤกษ พฤกษจึงได้ทางเลือกสองทางเพื่อนำมาปรึกษากับคุณเชนและคุณดา.... เพราะทั้งสองทางนั้นมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

พฤกษมองนาฬิกาที่ข้อมือ เขามาตรงเวลา แต่คนที่เขานัดยังไม่มา

เขาเลือกที่นั่งหนึ่ง และสั่งของว่างมาทานเล็กน้อย เวลานี้ใกล้ช่วงเย็นแล้ว หากคุยยาว คงต้องทานข้าวกันไปคุยกันไปแน่

“ครับ ผมมาแล้วครับคุณเชน.... อ๊ะ ไม่ต้องรีบครับ... ครับ ได้ครับ ไว้คุณเชนมาค่อยสั่งละกันนะครับ” พฤกษวางสายไป พร้อมขอเมนูจากทางร้านมานั่งดูเล่น ยังไม่ทันเริ่มงาน ท้องก็ร้องกันแล้ว งานนี้เห็นท่าจะต้องเค้นสมองกันสุดๆ

......

.....

....

...

..

.

สักพักคุณเชนก็เดินเข้ามาในร้าน

“โทษทีครับ เดี๋ยวดาเค้าจะตามมา ฮ้า เราสั่งอาหารก่อนเถอะ กว่าจะทำ นานเอาการ คนเริ่มเข้าร้านเยอะแล้วด้วย” คุณเชนพูดพลางรับเมนูจากพนักงาน

“เท่านี้พอมั้ยครับ คุณพฤกษอยากได้อะไรอีกสั่งเลยครับ เงินบริษัท เอาให้เปรม!” คุณเชนยิ้มร่า

“ไม่แล้วล่ะครับ ไว้ไม่พอค่อยสั่งก็ได้มั๊งครับ” วันนี้คุณเชนสั่งอาหารได้ตรงใจเขาทุกรายการ ถืออว่าโชคดีในโลคร้ายสำหรับพฤกษ ได้อาหารอร่อยๆ งานหนักแค่ไหนเขาก็สู้ไหว

ไม่นานนัก อาหารชุดหนึ่งก็มาวางอยู่บนโต๊ะ ยังไม่ทันได้ลงมือตักชิม คุณดาก็วิ่งมา เธอเดินมานั่งลงข้างๆ เขา อาหารที่สั่งมาจนครับระหว่างที่คุณดาโอดโอยว่ามาสายเพราะหาโทรศัพท์ไม่เจอ สุดท้ายคุณเธอก็ลืมวางไว้ในห้องน้ำนั่นเอง

“น้องครับ ช่วยเก็บจานชุดนั้นให้ด้วยครับ” พฤกษบอกพนักงาน หลังจากส่งยิ้มและบคุณดาว่า ไม่เป็นไร

“ไม่ต้องน้อง เดี๋ยวมีคนมาเพิ่ม” คุณเชนร้องบอกแล้วหันไปต่อว่าคุณดาแบบสนิทชิดเชื้อ

พฤกษงงอยู่ในทีว่าใครกันที่จะมา.... ทว่า ไม่นานหนักหรอกที่เขาตกอยู่ในอาการงงงวย คนที่สี่ของนัดครั้งนี้ก็เดินตรงมาทางพวกเขา

“คุณพฤกษคะ ขอแนะนำนะคะ ทางนี้คุณธีปสุวรรณ ผู้ช่วยผู้บริหารของเราค่ะ คุณธีคะ นี่คุณพฤกษค่ะ” คุณดาทำหน้าที่คนกลางให้พวกเขา

“ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า จริงๆ ผมก็ไม่อยากรบกวนเวลาคุณธีเลยครับ แต่หากเชิญคุณธีมาเลย งานจะสรุปง่ายขึ้น คุณพฤกษจะได้ไปจัดการต่อได้เลยน่ะครับ... นี่ผมยังอึ้งอยู่นะครับคุณธี บอสเค้าไปขอมันมาจนได้” คุณเชนบอกพฤกษ แล้วหันไปคุยกับหัวหน้าของตัวเอง

“ใช่ค่ะ ดายังพูดอยู่เลยนะว่า เจ้าของเค้าไม่ให้แน่ๆ ขนออกมาจากบ้านมันอาจเสียหายได้นะคะ เฮ้อ... ทั้งดีใจทั้งกลัวนะคะคุณธี” คุณดาบอก

“ถ้าจะกลบข่าวเก่าให้มิด เราก็ต้องทำข่าวใหม่ให้เขาลืมของเก่ามันไปซะ” ธีบอกสิ่งที่ผู้บริหารบอกเขาไว้

งานคราวก่อนที่เกือบล่ม แม้ไม่มีใครรู้ แต่ก็ยังมีคนรู้จนได้ ที่สำคัญคนที่ล่วงรู้ดันเป็นบริษัทคู่อริกันอีก! ... เสียหน้าแม้เล็กน้อยมันก็คือเสียหน้า ระดับผู้บริหารไหนเลยจะยอมได้

“เอ้า! เพื่อบอสครับ เราทำได้! ฮ่าฮ่าฮ่า.... มากินกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน” คุณเชนสรุป

พฤกษก้มหน้ากินไปอย่างเงียบๆ ไม่แสดงอาการ

“คุณธี ชวนคุณพฤกษคุยบ้างสิคะ เกร็งไปหมดแล้วเนี่ย ไม่กินเลยนะคะคุณพฤกษ” คุณดาร้องบอก

“ฮ่าฮ่า คุณพฤกษ เกร็งเสียเปล่าน่า ตำแหน่งสูงเฉยๆ ไม่มีไรหร๊อก กันเองๆ นอกบริษัทด้วยไม่ต้องมีพิธีหรอกครับ” คุณเชนช่วย... แต่เหมือนไม่ได้ช่วย

เขาไม่อยากสนิท ไม่อยากแม้เสวนา แค่เรื่องงาน ยังพอทำใจเอ่ยปากได้ แต่หากไม่ใช่เรื่องงาน พฤกษไม่รู้จะคุยไปทำไม

“ไม่ชอบอาหารหรือครับ ผมสั่งรายการมากับคุณเชน จำไม่ผิดนะครับว่าคุณชอบ ไม่มีรายการไหนเลยที่คุณไม่ชอบไม่ใช่หรือครับ ร้านนี้เค้าทำฝีมือดี น่าจะถูกปากคุณนะครับ” ธีส่งยิ้มให้

“หือ?” คุณเชนเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก

“ฮื๊อ!” คุณดาหันหน้ามามองเจ้านายตัวเองทั้งที่ช้อนแกงจืดผักกาดดองยังคาอยู่ที่ชาม

ทุกสรรพสิ่งบนโต๊ะเงียบกริบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเริ่มเกิดขึ้น

พฤกษเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่รับรอยยิ้มที่เขาส่งมา “ท่านคงจำคนผิดแล้วล่ะครับ”

“อืม... ไม่ผิดหรอกครับ” ธียืนยันทั้งรอยยิ้ม

“งั้นผมเองล่ะครับที่เปลี่ยน ของที่ชอบ ตอนนี้แค่เฉยๆ ครับ” พฤกษบอกพร้อมร้อยยิ้มเย้ยที่มุมปาก

“อื้ม... สั่งใหม่มั้ยครับ เอาที่คุณชอบ ของพวกนี้ผมเคยชอบยังไงก็ยังชอบอยู่อย่างนั้น ไม่ได้เปลี่ยนครับ” พูดจบธีก็ตักกับข้าวและข้าวกินต่อไปอย่างหน้าตาเฉย

คุณเชนและคุณดายังมีความยั้งคิด พวกเขาจึงก้มหน้าก้มตาทานกันต่อไปอย่างเดิม...

ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว เรื่องที่อยากรู้ใช่ว่าจะได้รู้เสมอ เรื่องของเจ้านาย ยิ่งเป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว หากเจ้านายไม่บอกเอง ไม่ควรยุ่ง....แม้รู้ตัวแล้วว่า ถูกเจ้านายหลอกใช้อยู่ก็ตาม ลูกน้องที่ดีต้องหุบปากให้เงียบ

พฤกษรวบช้อน และยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“อ้าว อิ่มแล้วรึครับ ไม่เอาน่า สั่งเพิ่มได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวเสียดายของ ผมทานหมด คุณเชนก็ทานได้ ใช่มั้ยครับ” ธีหันไปถาม

ถึงพุงจะแตกเชนก็ต้องตอบว่า “สบายมากครับ แค่นี้เอง!”

“เชิญทานกันตามสบายครับ ผมรอได้” พฤกษบอก

“อื้อ งั้นก็อิ่ม... น้องครับ ช่วยเก็บโต๊ะให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ” ธีเรียกพนักงาน

คุณดามองปลาหมึกนึ่งมะนาวตาละห้อยพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม... หากนายสบายดี เธอจะขอบางจานไว้ทานเล่นจุ๊บจิ๊บตอนคุยงาน แต่นายที่ไม่เคยสั่งเก็บทั้งโต๊ะ ไม่ว่าจะมาทานด้วยกันกี่ครั้ง ไม่ว่าจะมาทานด้วยกันเรื่องงานหรือเวลาพักผ่อนสบายๆ นายที่ใจดี วันนี้ดูนายมาคุพิกล... คุณพฤกษก็ไม่ต่างกัน----

.....

....

...

..

.

งานสรุปจบได้ในเวลาอันสั้น ปัญหาที่พฤกษขบไม่แตกและเป็นกังวล หัวหน้าของคุณเชนและคุณดาเสนอทางแก้มาให้...ไม่เลวเลยทีเดียว
 
ระหว่างที่คุณดาพิมพ์รายละเอียดงานลงคอมขนาดเล็ก เขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากโต๊ะ พฤกษใช้แค่หางตามองตามเขาไป... สักพักพนักงานก็เอาสิ่งหนึ่งมาให้เขาและคนที่เหลือบนโต๊ะ แค่เพียงสามที่ ไม่มีที่ที่สี่

“เอ๊ะ! ไม่ได้สั่งนะครับ” คุณเชนบอกพนักงาน

“อืม... แต่ใบสั่งของโต๊ะนี้นะคะ” พนักงานยืนยัน

“ไม่นะ ไม่ใช่หรอกค่ะ น้องไปตรวจดูอีกทีนะคะ” คุณดาเงยหน้าขึ้นมามองของหวานที่อยู่ตรงหน้า
พนักงานของร้านเดินไปด้านใน สักพักก็มีคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะ เธอบอกว่าคนที่เพิ่งลุกไปเป็นคนสั่งไว้ให้ ก่อนที่เขาจะกลับไป

“อุ้ย เหรอคะ? แหม คุณธีนี่นะ อือ.....” คุณดาจ้องของหวานที่อยู่ตรงหน้าของพฤกษและหันไปบอกกับเธอว่า “นี่ไอศครีม เสาวรสกับมะไฟใช่มั้ยคะ?”

“ค่ะ” เธอรับคำ

“ว้าว คิดถึงจัง ขอเพิ่มสักถ้วยสิคะ พี่เชนเอาด้วยมั้ย? ไม่ได้กินกันนานแล้วน๊า”

“อ้อ ตอนนี้ทางร้านไม่มีค่ะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“อ้าว แล้วนี่ล่ะคะ ทำไมอันนี้มีล่ะคะ” คุณดาเริ่มงอแง

“ถ้วยนี้ปกติเรามีขายเฉพาะหน้าที่มีวัตถุดิบ แต่พอดีคุณคนที่สั่งของหวาน หามาให้เราได้ เราเลยทำให้เป็นพิเศษค่ะ” เธอบอก

พฤกษรู้ที่มาที่ไปของมันแล้ว เขายื่นแก้วไอศครีมไปหาคุณดา และบอกว่า “เชิญครับคุณดา ผมไม่ค่อยอยากเท่าไหร่ มาเปลี่ยนกันครับ” ว่าแล้วก็เลื่อนถ้วยไอศครีมรสสตอเบอรี่กับช๊อคโกแลตของคุณดามาหาตัวเอง

คุณดาเลื่อนถ้วยคืนพฤกษและเลื่อนถ้วยของตัวเองคืนกลับมา “เกรงใจค่ะ แต่ดาเคยชิมแล้ว ของที่ร้านเค้าอร่อยมากนะคะ คุณพฤกษลองทานดูสิคะ” ว่าแล้วเธอก็ตักไอศครีมสตอเบอรีเข้าปาก แล้วก้มหน้าพิมพ์รายงานต่อ

“เมื่อวานพี่กลับมาจากเฝ้าคุณแม่ที่โรงพยาบาล เห็นคุณธีเอาของมาฝากไว้ ก็เหนื่อยนะคะ แต่หากไม่สำคัญ คุณธีคงไม่รบกวนพี่ หากไม่ถูกปากคุณพี่ก็ขอโทษนะคะ... อ๊ะ ต้องขอตัวก่อนนะคะ เชิญตามสบายกันนะคะ” เธอเดินจากไปเมื่อถูกพนักงานในร้านเรียกหา

“เอาน่า อย่าคิดมากครับ กินทิ้งกินขว้างสงสารเด็กนะครับ” คุณเชนบอก

“คุณเชนเอาไปสิครับ” พฤกษยังยืนกราน

“เอ่อ... ถึงใจจะกล้า แต่มันไม่ด้านพอครับ” คุณเชนส่งยิ้มแห้งๆ มาให้พฤกษ

.........

........

.......

......

.....

....

...

..

.















หมดแรง  :a12:

พรุ่งนี้เจอกันจ้า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 01:42:46
กลับมาปัจจุบันแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-04-2012 07:14:29
อยากให้ต่างคนต่างอยู่แบบนี้


เจ็บกันคนละนิดละหน่อย



ให้ไอ้คนที่พูดไม่คิดมันรู้สึกซะบ้าง ว่าทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายเสมอไป
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 09:10:01
พฤกษ์ใจแข็งจริงๆเนอะ  อยากให้ทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุข

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 11:19:13

.......

......

.....

....

...

..

.

ขณะที่ลาคุณเชนและคุณดาแล้ว พฤกษแยกออกมาทางลานจอดรถด้านหลังของร้าน….. ต้นไม้สูงรายล้อมแทนรั้ว เมื่อมองใจพฤกษยิ่งคิดถึง… ทางเดินเข้าห้องสมุดของมอ

เมื่อเวลาเดินผ่านจากอดีต และมุ่งสู่ปัจจุบัน เวลาจะทิ้งความทรงจำไว้ให้…กับเรา

ไม่ว่าดีหรือไม่ดี เมื่อมันเกิดขึ้น…มันจะยังคงอยู่---เสมอ

.....

....

...

..

.

พฤกษล้วงกุญแจในกระเป๋าออกมาไข เสียงฝีเท้าคนเดินใกล้เข้ามาหาเขา… พฤกษรีบหันหลังไปดูทันที---- ในเมืองใหญ่แห่งนี้ เหตุปล้นชิงฆ่ามีได้ทุกที่ทุกเวลา…. ทว่า ครั้งนี้ชีวิตพฤกษจะยังคงอยู่ แต่หัวใจเขาอาจถูก “ฆ่า” อีกครั้ง!

รอยยิ้มถูกคลี่ส่งมาให้ “ก็ทานได้นี่ครับ ไหนว่าไม่ชอบแล้ว?”

พฤกษหันหน้ากลับมาทันทีที่ดวงตาของตัวเองสะท้อนภาพของเขา---- ไม่อยากเห็นอีกแล้ว

ต้องการอะไร…. ทำแบบนี้ทำไม…. หยุดเสียทีเถอะ!

.....

....

...

..

.

“พฤกษครับ พี่ขอคุยกับน้องหน่อยได้ไหมครับ หากเราได้คุยกันแล้ว พี่จะไม่มารบกวนให้น้องรำคาญใจอีกเลย”

ไม่มีคำพูดใดๆ จากคนที่ธีร้องขอ แต่ร่างของคนคนนั้น ยังหันหลังนิ่งและยังไม่เข้าไปในรถ ธีจึงเริ่มพูดอีกครั้ง “พี่อยากบอกว่าพี่ขอโทษ…”

“ไม่จำเป็น พูดครั้งเดียวผมก็รู้แล้ว… คุณไม่ต้องพยายามขนาดนี้ก็ได้ ยังไงผมมันก็แค่ ‘เพื่อนนอน’ ถ้าจะพูดแบบเดิม เอาเป็นว่าผมได้ยินแล้ว” พฤกษดึงประตูรถให้เปิด

“พี่ทำผิด พี่ขอโทษ พี่รักพฤกษนะครับ! รักมาตลอด! ยกโทษให้พี่เถอะนะ!” ธีเอามือไปจับที่ขอบประตูก่อนที่พฤกษจะดึงประตูปิด

ลูกนัยน์ตาของพฤกษสะท้อนดวงตาของอีกฝ่าย----- จริงจังและจริงใจ

...

..

.

แต่ทำไมมาพูดตอนนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่พูด…. วันที่เขารอ วันที่เขายังคงรอคอย วันที่เขา… ยังไม่ลืม!

“คุณทำเพื่ออะไร? มันกี่ปีแล้ว? เวลาที่ผ่านมาคุณหายหัวไปไหนไม่ทราบ? เพิ่งคิดได้เหรอว่าต้องขอโทษ! ทำไมตอนนั้นไม่มาพูดคำพวกนี้!” พฤกษของขึ้น

“…. ตอนนั้นงานพี่มีปัญหามาก แต่พี่คอยถามเรื่องเราจากโจ้ตลอด พี่รู้ว่าน้องโกรธ….” ธียังพูดไม่จบอีกฝ่ายก็สวนขึ้นมาก่อน

“อย่ามาโกหก! คุณเห็นผมเป็นอะไร ไอ้หน้าโง่?.....” พฤกษหยุดพูดและขบฟันแน่น สักพักเขาจึงตัดสินใจพูดต่อ “ไม่มีเพื่อนผมคนไหนมาบอกผมว่าคุณติดต่อกับพวกเขา! ผมไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากคุณ! ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว! จนถึงวันนี้!” น้ำเสียงเริ่มรุนแรงขึ้นตามความคับแค้นที่มีในอก

“พฤกษ! พี่บอกโจ้แล้วว่าเสร็จจากงานพี่จะไปรับน้อง… แต่พอพี่จะไปรับ น้องก็กลับบ้านพ่อแม่ พี่โทรไปหาน้องที่บ้าน ไม่ว่าพี่จะพูดยังไง อธิบายยังไง น้องก็ไม่ยอมพูดกับพี่! น้องรับสายพี่ แต่น้องไม่พูดกับพี่! …” ธีเร่งเสียงตามอีกฝ่าย

“คุณธีปสุวรรณ! ผมว่าคุณคงจำผิดคนนะครับ! หลังจากประโยคที่ว่า ‘ถ้าอยู่แล้วทำดีได้แค่เป็นเพื่อนนอน ก็พอเหอะ แบบนั้นหาที่ไหนก็ได้!’ ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงคุณอีกเลย!”

“ไม่ผิด! พี่ไม่ได้โกหก น้องไปถามโจ้หรือเพื่อนคนอื่นๆ ก็ได้! ถามพ่อแม่ด้วยก็ได้!” ธีบอกเสียงแข็ง

“ไม่มี! ไม่เคยมี!” พฤกษเองก็แข็งไม่แพ้กัน

“มีครับ! พี่ไปหาน้องที่หอโจ้…. แต่น้องหายไปไหนก็ไม่มีใครรู้เป็นเดือน น้องรับสายพี่ครั้งเดียววันที่น้องกลับบ้านหลังจากที่ถูกไล่ออกจากงาน! น้องรับสายพี่แต่น้องไม่พูดกับพี่…. หลังจากนั้นพี่โทรหาน้องกี่พันรอบ! ไม่ว่าน้องเปลี่ยนกี่เบอร์พี่ก็โทรหาตลอด! พี่ไม่ได้โกหก!” ธีไม่ยอมอีกแล้ว...

“เปลี่ยนกี่เบอร์ก็โทรหาตลอด… เป็นความจริงครับ! แต่คุณยังมีหน้ามาพูดได้อีกเหรอ? ตอนนั้นเรื่องมันเกิดตั้งเป็นเดือนคุณถึงเพิ่งคิดโทรหาผมเนี่ยนะ!  คุณธีปสุวรรณ! หัวใจคุณทำด้วยอะไร! คุณเห็นผมเป็นตัวอะไร!” พฤกษปัดมืออีกฝ่ายให้ออกไปพ้นรัศมีของประตูและปิดมันด้วยความรำคาญทันที



..

.

พฤกษขับรถออกมาสู่ถนนใหญ่ เขาพยายามเก็บความขุ่นเคืองในใจเอาไว้ และตั้งสมาธิกับการขับรถ

คนคนนั้นต้องการอะไรจากเขา?

วันที่เขารอ… คนคนนั้นไม่ติดต่อเขาเลยสักครั้งเดียว

วันที่เขารอคอย เขาไม่เคยมาตามเขา... เขาไม่เคยตามหาเขา---- ทำไมต้องโกหกกันแบบนี้! เลวที่สุด!

...

..

.

หลังจากที่เขากลับไปห้องโจ้วันนั้นแล้ว เขาไปขออยู่กับพี่ศักดิ์ที่เป็นลูกชายของลุงเต๋อเพื่อนบ้าน…ที่เกาะช้าง----หนึ่งเดือนที่เขารอ…พี่ธี

ไปถึงเกาะได้สองวันเขาก็ไปเปลี่ยนซิม และรอคอยการติดต่อ ทว่า ---- ไม่เคยมี!

ครบเดือนหลังจากที่อยู่ที่นั่น มีงานหนึ่งเรียกเขาไปสัมภาษณ์ เขาไปเช้าเย็นกลับ

อาทิตย์หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้งานใหม่…

วันที่เขาลบเบอร์พี่ธีออกไปจากเครื่อง… คือวันเดียวกับที่เขาเปลี่ยนเบอร์โทร... คือวันเดียวกับที่เขาตั้งใจว่า... เขาจะไม่รอใครอีกแล้ว!

อีกวันเขาได้รับสายจากพี่ธี เพราะเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้ในเครื่อง… แต่ตอนนั้น เขากำลังจบ “ความรัก” ที่มีระหว่างกัน… เขากำลังตั้งใจที่จะลืม----พี่ธี

… ทำไมต้องโทรมาตอนนี้ กี่วันแล้ว กี่เดือน ทำไมถึงเพิ่งคิดถึงกัน---- นี่หรือที่บอกว่ารัก!

ยิ่งมองหน้าจอที่โชว์เบอร์ซึ่งกระหน่ำโทรเข้ามาหาเขา พฤกษก็ยิ่งโมโหทั้งน้ำตา น้ำตาเจ้าเอ๋ย ทำไมยังไม่หมดสักที รู้ไหม เจ้าของดวงตาเขาเหนือยและล้าเพียงใด แม้ดวงตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว แต่เจ้าของดวงตาก็ยังปล่อยให้น้ำตาเจ้าเอ๋ย รินไหล----- เห็นใจกันบ้างเถอะน้ำตา หยุดเสียที ได้โปรด

...

..

.

พฤกษเปลี่ยนเบอร์อีก 3 ครั้ง เบอร์ของพี่ธีก็ไม่ได้โทรเข้ามาที่เครื่องเขาอีกเลย---- น่าตลกมั้ย? ไม่ได้เมมเบอร์เขาไว้ในเครื่อง แต่รู้ได้ด้วยว่า---- ไม่มีเบอร์ของพี่ธีโทรเข้ามาหาเขาอีก

......จวบจนกระทั่งวันนี้ก็ไม่เคยมี

พฤกษกำพวงมาลัยแน่น สัญญาณไฟแดงยังขึ้น อีกสักพักมันถึงจะเลื่อนลงมาถึงสีเขียว ม่านน้ำตาบดบังทัศนะการมองของเขา….

แม้วันนี้น้ำตาของเขาก็ยังไหล มันยังไม่หมดตัว----- เมื่อไหร่นะที่มันจะไหลจนหมดสักที.... ปวดหัวใจจนเจียนขาดอยู่แล้ว…

ลืมหน้าเขาไปหมดแล้ว รูปที่มี...ทั้งอยู่กับตัวและที่อยู่ที่บ้าน เขาเอามันไปเผาทิ้งหมด!

ของทุกอย่างที่เอามาเก็บที่บ้านพ่อแม่เขาเอาไปบริจาคจนหมด!

พฤกษคุยกับพ่อให้น้อยลงเพราะไม่อยากได้ยินคำพูดที่เกี่ยวกับพี่ธีของพ่อ

แม่อาจจับสังเกตุได้ จึงไม่เอ่ยถึงพี่ธีอีกเลยนับแต่ที่เขาย้ายไปอยู่หอเพื่อเริ่มงานใหม่….เพื่อนๆ ทุกคนของเขาหยุดพูดถึงพี่ธี

ทุกอย่างถูกเวลาทำให้กลายเป็นอดีต…. เวลาฝังกลบทุกความทรงจำที่มีร่วมกันไปหมดแล้ว…

เสียงเรียกเข้าดังขึ้น พฤกษเช็ดน้ำตาแล้วก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์…. น้ำตาไหลทะลักลงมาอีกครั้ง หัวใจบีบตัวอย่างแรง-------ปากบอกว่าลืมไปหมดแล้ว…. ทำไมถึงจำเบอร์เขาได้ขึ้นใจ!

สัญญาณไฟเขียวขึ้น พฤกษปาดน้ำตาที่นองดวงตาของตัวเองออกไป เขาขับรถให้เคลื่อนต่อไปข้างหน้า…. พลางสั่งตัวเองในใจให้ลืมมันซะ!

ทั้งคำพูดที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อกี้

ทั้งใบหน้าที่เพิ่งสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาเมื่อครู่

ทั้งความรู้สึกที่กำลังแย้มหน้าออกมา

ทั้ง…. เบอร์ที่เผลอจำจนขึ้นใจ!

……

…..

….



..

.

จะรื้อฟื้นไปทำไม!

เจ็บขนาดนั้นยังไม่จำอีกเหรอ... ไอ้พฤกษ! ไหนว่าลืมได้แล้วก็ลืมไปสิ!

….



..

.

เป็นเพราะ------เขา แค่เสียงของเขา!

สิ่งที่คิดว่าสลายไปหมดแล้ว มันกลับเริ่มแสดงตัวตน… งั้นก็อย่าเจอกันอีกเลย!

….



..

.

พอสักที!


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 06-04-2012 11:31:51
มาลงชื่ออ่านจ้า

สงสารพฤกษ์และพี่ธีนะ
เป็นกำลังใจให้พี่ธีนะ  พี่ธีสู้ๆ 
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-04-2012 12:01:09
กรรมของความหวังดีจากเพื่อน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-04-2012 12:12:06
พูดดีดีกันสักครั้ง
ไม่ได้เลยหรอ
แค่หยุดฟังกันสักนิด :z3:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 12:32:02
นอกจากสก๊อตเทปม้วนนั้นที่เป็นตัวแปรแล้ว

ต้องมีคุณแม่ของพฤกษ์ด้วยแน่ๆ  รอตอนต่อไปค่ะ

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 12:36:09



รถวิ่งผ่านทุ่งนาเขียวสด ต้นอ่อนของข้าวเพิ่งพากันแทงยอดอ่อน หน้าต่างของรถยนต์ถูกลดลง ไอเย็นสดชื่นของกลิ่นหญ้าอ่อนและดินที่ชุ่มน้ำโชยเข้ามาในรถ

ไม่มีเสียงเพลงบรรเลงขับกล่อม มีแต่เสียงลมที่ตีพัดเข้ามาในหู ชายหนุ่มที่วางสองมือบนพวงมาลัย ก้มลงหยิบแผนที่ขึ้นมาดูอีกครั้ง เมื่อถึงจุดหนึ่งซึ่งเป็นแทงแยก เขาแตะเบรคแล้วชะลอรถ เขามองเทียบระหว่างแผนที่กับทางที่อยู่ตรงหน้า... คำอธิบายเมื่อมาถึงจุดนี้ค่อนข้างบอกชัดเจน

ชายหนุ่มหักพวงมาลัยไปทางแยกซ้ายมือ เขาขับรถเข้าไปยังถนนสองเลนแคบๆ เส้นหนึ่ง ซึ่งตรงลึกเข้าไปหาทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่นานนักรถก็ขับมาถึงทางลูกลัง และตัวบ้านกลุ่มหนึ่งซึ่งปลูกไว้ห่างๆ กัน ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของชายหนุ่ม ชายหนุ่มจอดรถอีกครั้งที่ริมทาง เขามองคำอธิบายบนแผนที่

บ้านที่มีมะไฟสองต้นคู่เรียงไปกับมะพร้าวอีกห้าต้นตรงกับคำบอกในกระดาษ หน้าบ้านมีพุ่มเฟื่องฟ้าสีขาวและแดงปลูกอยู่ทั้งสองฝั่งของรั้วหน้าบ้าน... ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปข้างหน้า พุ่มเฟื่องฟ้าที่มีดอกสีขาวสะพรั่งเคียงข้างกับสีชมพูพาเบ่งบานอวดความสวยของมันอยู่หน้าบ้านขนาดกระทัดรัดหลังหนึ่ง

ธีจอดรถในระยะห่างจากที่แห่งนั้น.... ยังต้องตัดสินใจ ยังต้องเรียบเรียงคำพูด

เขานึกถึงคำพูดของพฤกษที่ได้คุยกันในคืนนั้นขึ้นมา... น้องคงเสียใจมากจนจำไม่ได้ว่าเขาติดต่อไปหา ฝากข่าวไปหากับโจ้ และไปตามไปหาน้องถึงหอโจ้

“อยากพอแล้ว” ความคิดของคนที่รัก แม้ไม่ได้ยินจากปากของคนที่รักมันก็ทำให้เขาปวดหัวใจ---- ความหมายเดียวกันของคำว่า “เลิกกันเถอะ”.... ซื้อมาแล้วคำนี้ คนที่เขารักจึงใช้คำอื่นที่มีความหมายเดียวกัน...กับเขา

เขานอยด์อยู่เป็นเดือน เอาสติที่มีไปฮึดกับงาน

ปัญหาในที่ทำงานวันนั้นไม่ได้ลุกลามไปแบบที่ธีและพี่หญิงคาดคิด เพราะในเฮือกสุดท้าย คุณหวังให้ลูกสาวของเขานำเช็คไปให้โรงงาน ก่อนวันที่จะส่งมองของหนึ่งวัน... งานในครั้งนั้นจึงลุล่วงไปได้ด้วยดี

ญาติคุณหวังถูกเชิญให้ออกไปจากบริษัท... ลูกสาวของคุณหวังเข้ามาดูแลแทนให้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ลูกสาวคนนี้อยู่กับแม่ของเธอ แม่ของเธอซึ่งก็คือภรรยาคุณหวัง เธอขอหย่ากับคุณหวังและแยกไปอยู่กับลูกสาว

อดีตภรรยาคุณหวังเกลียดชังน้องชายคุณหวังมากจนอยู่ร่วมบ้านกันไม่ได้... เมื่อแต่งงานกับเขาก็ต้องแต่งกับญาติเขาด้วย... ถึงกระนั้นเมื่ออยู่ร่วมกันไม่ได้ เธอจึงขอหย่าทั้งๆ ที่ยังรักคุณหวัง

ในความรักบางครั้ง เมื่อใกล้กันมากเกินไปแล้วอยู่ลำบาก... การรักกันแบบห่างๆ ถึงแม้จะแปลกในสายตาของคนอื่น ทว่า สำหรับคนสองคนนี้ สิ่งนี้อาจช่วยเยียวยาความรักที่มีต่อกันได้...ก็ได้

ถึงลูกสาวคุณหวังจะมีสิทธิในบริษัทของพ่อตัวเอง แต่คณาญาติของคุณหวังก็หาได้สรรเสริญยินดีด้วยไม่... ลูกสาวคุณหวังเห็นแก่คำขอร้องของแม่ และด้วยความอยากช่วยพ่อที่ตัวเองรัก เธอยอมมานั่งในตำแหน่งแทนพ่อเป้นการชั่วคราว ท่ามกลางกระแสจิกว่ามาจากทั่วทุกสารทิศ

ใครที่ได้เห็นภาพนั้นก็นึกสะท้อนใจด้วยกันทั้งนั้น..... คนในบริษัทพยายามช่วยกัน “คนนอก” ไปจากตัวแทนผู้บริหารชั่วคราวอย่างสุดความสามารถ จวบจนคุณหวังเดินทางกลัมาจากต่างประเทศ ทุกคนเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

วันที่ธีนำใบลาออกไปให้คุณหวัง พร้อมเงินโบนัสก้อนนั้น.... คุณหวังปฏิเสธและบอกว่า ถึงแม้ว่าเขาหมดความเชื่อใจในตัวคนไปสิ้นแล้ว แต่ในเมื่อบริษัทยังคงอยู่ เขาก็ขอเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

คุณหวังให้ธีอยู่ในตำแหน่งเดิม และไม่รับโบนัสก้อนนั้นคืน... ด้วยความเป็นค่าแรงที่เหมาะสมสำหรับงานที่ธีได้ทำ และที่ธีทุ่มเททำในไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ด้วย

ความดีใจนี้.... อัดอั้นอยู่ในอกของธี

คนที่ควรได้รับรู้ความสุขนี้---- ไม่อยู่แล้ว

ขณะที่นั่งอยู่ในห้องเดิมของ “เรา” ธีที่กำลังมีความสุขและโล่งใจ มองตามภาพลวงตาที่ฉายขึ้นมา

ภาพของคนที่รัก ใช้ชีวิตอยู่ในห้องห้องนี้ เขาเดิน เขาล้างจาน เขารีดผ้า เขานั่งดูทีวี เขามานอนกลิ้งอยู่ข้างๆ ธี เขาขอหนุนตักและนอนพักช่วงบ่ายระหว่างที่ธีนั่งทำงาน... วันวานที่หวานสุขมีขึ้นทุกวัน

มีแต่วันหวาน ไม่มีวันขม----สำหรับธี

ธีไม่นึกถึงวันที่ขมเหล่านั้น ธีไม่อยากร้องไห้ด้วยสิ่งนั้น

เขาอยากร้องไห้เมื่อนึกถึงวันคืนที่มีความสุข---- แม้การนึกถึงคราใดหัวใจจะเจ็บปวด ทว่า ความเจ็บที่นึกถึงความสุข สร้างกำลังใจให้ธีมีชีวิตต่อไปได้... วันที่ขมแม้เพียงเสี้ยวนาทีสามารถหยุดลมหายใจของธีได้ในพริบตา...ธีรู้ตัวดี!

“ครับ” ธีรับสาย

“แดกข้าวกันมั้ย?” เพื่อนถาม

“เอาสิ ที่ไหน?” ธีถามสถานที่จากเพื่อน เพื่อนบอกสถานที่และเวลา

คืนนั้น ธีระบายความในใจกับเพื่อนทั้งหมด ตลอดเวลาที่เขาได้ตำแหน่งผู้ช่วยนั้นมา เขาบอกข่าวดีกับเพื่อนและไม่ได้บอกข่าวคราวอะไรกันอีกเลย แต่วันนี้เขา...อยากระบายให้ใครสักคนรู้ เก็บมันไว้ในอกคนเดียว มันเกินทานทน....

“มันก็ดีเรื่องงานมึงน่ะ สมค่าความเหนื่อย...” ทศยกเบียร์ขึ้นจิบ เพื่อนเขายังเงียบเป็นหมาหงอย ทศทนไม่ไหว “รักมึงน่ะ เกิดง่ายๆ แล้วมึงจะให้มันจบง่ายๆ ด้วยเหรอวะ?”

ธีระบายลมหายใจ “มึงบังคับใจคนได้เหรอ? กูทำน้องเขาเจ็บขนาดไหน กูรู้ดี เขาบอกว่า ‘อยากพอแล้ว’ มึงจะให้กูหน้าด้านไปลากเขามาอยู่แบบเจ็บๆ อีกงั้นเหรอ?”

“มึงเคยเห็นมั้ย คนที่ ‘ปากไม่ตรงกับใจ’ น่ะ.... มันมีอยู่จริงนะคนแบบนี้” ทศบอก

......

.....

....

...

..

.

ธีจ้องโทรศัพท์ในมือ ใจน่ะคิดถึงจนจะขาดใจ แต่ไม่มีหน้าไปสู้เขา

หัวใจสั่งให้ธีกดเบอร์ไปหาคนคนนั้น.... เสียงตอบรับอัตโนมัติดังขึ้น

“ไม่มีเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณา.......”

ธีวางสายและกดใหม่อีกครั้ง เสียงเดิมยังดังขึ้น เขากดเลือกรายชื่อค้างไว้ที่ชื่อของพฤกษ ยืนโทรศัพท์ตัวเองไปให้ทศ

ทศรับไปอย่างงง แต่ก็กดเรียกโทร สักครู่เสียงตอบรับอัตโนมัติดังขึ้น “ไม่มีเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณา.......”

ทศกดปิดการโทรออก เขาเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนที่นั่งแบบหมดอะไรตายอยาก.... ทศยื่นโทรศัพท์คืนให้

“ไม่เคยเจ็บเพราะรักมึงก็เจ็บแม่งซะให้พอ... พอใจมึงแล้วมึงเงยหน้ามามองกูนะ เห็นกูเป็นแบบนี้ แต่กูยังสู้ มึงไม่ได้มีบุคคลที่สามในความรักของมึงแบบกู ลำบากตรงไหนกับการง้อคนที่มึงรัก แต่หากมึงจะเอาแค่นี้ก็เรื่องของมึง! หากรักมึงมีให้น้องเค้าแค่นี้ มึงปล่อยน้องเขาไปดีเหอะ ไอ้ห่วยแตก!” ทศด่าเสร็จก็ลุกไปจากโต๊ะทันที

......

.....

....

...

..

.

“อ้าวพี่ธี เป็นไงบ้างลูก? งานยุ่งมากมั้ย?” ชายน้ำเสียงสูงวัยกล่าวถาม

“ครับพ่อ ได้บรรจุแล้วครับ ลำบากอยู่พอควรครับ ว่าแต่พ่อสบายดีมั้ยครับ?” ธีกล่าวถามพ่อของพฤกษด้วยความเป็นห่วงจากใจ

“อื้ม พ่อก็ตามอัตภาพล่ะพี่ธี...ได้บรรจุก็ดีแล้วลูก แรกๆ เราต้องอดทน ต้องเรียนรู้งานให้มากๆ อย่าเกี่ยงนะพี่ธี ลำบากยังไงพี่ธีต้องอดกลั้นไว้นะ หากมันมากไปก็ถือเสียว่าเรากำลังทดสอบตัวเองอยู่” พ่อสอนธี

“ครับผม ธีจะจำให้ขึ้นใจครับ” ธีรับคำด้วยความตื้นตัน

“ขยัน ซื่อสัตย์... พี่ธีจำให้ขึ้นใจสองอย่างเท่านี้ เดี๋ยวสิ่งที่เราเหนื่อยยากกับมัน มันจะมาตอบแทนเราในวันข้างหน้าเอง อย่าท้อนะพี่ธี ชีวิตมันไม่ลำบากนักหรอกหากเราใช้มันเป็น” ชายหนุ่มยังคงสอนธีด้วยความห่วงใย

“ครับพ่อ ไม่ท้อครับ ธีจะสู้” ขณะที่โทรหาพ่อ ธีเหนื่อยใจและท้อกับชีวิตเหลือเกิน ทั้งงานที่รุมเร้า ทั้งหัวใจที่ขาดหาย พ่อจะรู้มั้ย ลูกชายของพ่อทำหัวใจเขาแหว่งอยู่ในเวลานี้

“ดีลูก เนี่ยเดี๋ยวไอ้ลูกหมามันจะรู้สึก รออีกไม่กี่เดือนหรอก พี่ธีรู้แล้วเนอะว่าวันนี้แม่ไอ้ลูกหมามันไปส่งไอ้ลูกหมาเข้าหอ ฮึ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแหละ ยังต้องไปส่งกันอีก พ่อก็บอกว่าหากเป็นไรขึ้นมาจริงๆ พี่ธีก็อยู่ใกล้ๆ แม่มันยังจะไป หมั่นไส้จริงๆ” พ่อบ่นอุบ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... แม่อาจห่วงน้องก็ได้ครับพ่อ ช่วงหลังมาธีก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลน้องเลย” ธีออกตัว น้องไม่อยู่ด้วยแล้ว เขาเองก็ติดต่อน้องไม่ได้ เป็นห่วง อยากถาม...อยากรู้ว่าสบายดีมั้ย อยากรู้ว่า....อยากรู้อะไรหลายๆ อย่าง แต่น้องไม่รับสาย หลังๆ มาก็เจอแต่เสียงที่บอกว่า

‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

นานวันไปก็เปลี่ยนเป็น... ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง’

ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เหลือแค่โทรมาหาพ่อ ธีรู้ว่าหากโทรหาแม่เขาจะได้เจอตัว แต่ไม่ได้ หากทำแบบนั้น น้องคงเก็บอาการไม่อยู่ แม่คงจับได้ว่าโกรธกัน

ธียังไม่อยากให้แม่รู้ ธียังไม่อยากให้พ่อรู้... เขายังอยากเหลือแม้เพียงช่องว่างเล็กๆ ให้กับตัวเอง

“โหย คนทำงานพี่ธี พ่อรู้ดี พ่อผ่านมาก่อน แต่ดีแล้วล่ะพี่ธี ให้ไอ้ลูกหมามันไปอยู่เองคนเดียวมันจะได้รู้ว่า การอยู่คนเดียวในสังคมมันทรมานใจขนาดไหน ฮึ แล้วมันจะรู้สึก!”

พ่อเตรียมซ้ำลูกชายตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่า หากลูกชายตัวเองต้องอยู่คนเดียวในสังคมแล้วล่ะก็ ใครอีกคนที่กำลังพูดสายอยู่กับพ่อ เขาเองก็ต้องเดียวดายอยู่ในสังคมเช่นเดียวกัน... เพราะการบีบคั้นของสังคมทำงาน ทำให้เขาออกปากท้าทายไปกับพฤกษ และพฤกษเองก็รับคำท้านั้น โดยเดินออกไปจากชีวิตของเขา ห้องของเรา...

เบอร์ใหม่ของพฤกษ ธีได้มาแล้ว

น้องรับสายเพียงครั้งเดียว และไม่รับสายของเขาอีกเลย… ผ่านไปอีกหลายร้อย หรือว่าพันครั้งก็ไม่ทราบได้ เบอร์นั้นก็ถูกเปลี่ยนอีก

เสียใจจุกอยู่เต็มอก โทรหาเขาขนาดไหนเขาย่อมรู้ แต่เขาไม่รับสาย….และเปลี่ยนเบอร์!

ทว่า เมื่อธีนึกถึงทศ นึกถึงสิ่งที่ทศพูด นึกถึงความรักที่เจ็บปวด รักกันแต่จะก้าวต่อไปด้วยกันก็ทำไม่ได้ เงื่อนไขมากมายรุมเร้าความสัมพันธ์ของทางรักนั้น ต่างกับทางรักของเขา…. ที่หากง้อได้ และคนที่รักหายโกรธ ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ธีแกล้งโทรหาพ่ออีกครั้ง ทำทีเป็นว่าทำโทรศัพท์หาย เบอร์ใหม่ของพฤกษลืมจดไว้ เลยรบกวนขอกัยพ่ออีกที

ครั้งนี้ไม่มีแม้การรับสาย…. ไม่ว่าจะกดกี่ร้อยกี่พันครั้ง ก็ไม่มีการรับสาย ขณะที่เขาลังเลว่าได้เบอร์ผิดมารึเปล่า จู่ๆ เบอร์นั้นก็หายไปอีก

ธีเริ่มแน่ใจว่า เขาโทรไปหาถูกเบอร์และอีกฝ่ายเปลี่ยนเบอร์… ทว่า ครั้งนี้คงโทรหาพ่อไม่ได้แล้ว ธีกลั้นใจและเตรียมบทพูดให้แม่ไม่ทันจับสังเกตุได้…. และเขาก็ได้เบอร์ใหม่ของพฤกษมาอีกครั้ง

ไม่มีการรับสายเช่นเดิม…. ธีกดจนมือระบบ วันรุ่งขึ้นเบอร์นั้นก็หายไป----- อีกครั้ง

.........

........

.......

......

.....

...

..

.

พวกเขาเดินมาถึงทางตันกันแล้ว

ธีคิดว่าจะปล่อยรักนี้ไปซะ เพราะขืนยังดึงรั้งกันไว้ อนาคตต่างก็จะเจ็บกันไปกว่านี้

เวลานี้แค่สองปีเท่านั้น ความผูกพันยังไม่มากเท่าไหร่ เขาน่าจะตัดได้ ความเจ็บก็มี มากทีเดียวเชียวล่ะ แต่นี่ยังน้อย แค่นี้เท่านั้น เท่านี้ธียังสามารถปล่อยไปได้

เจ็บแต่เท่านี้ธียังพอทำใจได้...

เพื่อคนที่รัก….ธีทำให้ได้

เสียใจให้พอแล้วเงยหน้าสู้กับชีวิตต่อไป----- ธีสรุปเช่นนั้นทั้งน้ำตา

.......

.....

....

...

..

.

ระหว่างธีและพฤกษ...พวกเขาเดินไปถึงทางแยก โดยที่ต่างไม่เคยนึกฝัน

แม้ในฝันที่ผ่านมาของพวกเขาก็ไม่เคยมีวันนี้........

นับแต่วันนั้น ธีก็ไม่ได้โทรไปรบกวนพฤกษอีก เขาทำงานต่อไป จนกระทั่งคุณหวังขายกิจการ… ธีไม่ชอบผู้บริหารรายใหม่

คุณหวังจึงแนะนำเขาให้กับเพื่อน…. ธีได้เข้าไปอยู่ในบริษัทใหม่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ


เวลาเดินทางไปเรื่อยๆ…..


จากผู้ช่วยผู้จัดการเลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการ…. หลายปีผ่านไปจวบจนวันนี้---- ผู้ช่วยผู้บริหาร

……

…..

….



..

.


แม้วันนี้เขาก็ยังจำความรู้สึกตอนที่ตนเองเดินออกมาจากห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นได้

วันที่เข้ามาอยู่ในห้องนี้ ธีเข้ามาคนเดียวก่อน....

ธียืนมองห้องว่างเปล่านั้นอย่างนึกไม่ถึงว่าวันที่ย้ายออก ตัวเองจะต้องย้ายข้าวของมันออกมาแค่คนเดียวเหมือนเดิม.....ธีฝันว่า วันที่จะย้ายออกจากห้องนี้ เขากับน้องจะได้ช่วยกันเก็บของ และเอามันไปไว้ที่บ้านของเรา บ้านจะได้มาแล้ว แต่ “เรา” ไม่มีอีกแล้ว



..

.

“มึงไม่รู้อนาคตหรอกไอ้ธี วันนี้มึงอาจเดินกันคนละทาง แต่วันข้างหน้ามันอาจมีทางเบี่ยงผุดขึ้นมาก็ได้...ใครจะรู้!” ทศพูดทิ้งท้ายก่อนขับรถจากไป


..

.

ธีก้มลงมองกล่องใบหนึ่งที่เขาวางมันไว้ตรงที่นั่งข้างคนขับ

ในเมื่อของสิ่งนี้ มีเพื่อ “คนคนเดียว”

วันนี้เขาจะนำมันไปให้เขาอย่างที่ตั้งใจไว้มาตลอด.... ไม่ว่าเขาจำเต็มใจรับหรือไม่ แต่ธีอยากมอบมันให้กับ “คนผู้เป็นที่รัก” คนเดียวของเรา----- ตลอดมา

รถยนต์ถูกเร่งเครื่อง ล้อทั้งสี่พามันไปในทิศทางของบ้านหลังนั้นอย่างช้าๆ



..

.





หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 12:57:13
รออย่างต่อเนื่องว่าธีจะสมหวังมั้ย
อยากให้พฤกษ์ไปถามคนรอบตัวจัง
จะได้รู้ความจริงซะที
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคแปด (ครบ)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-04-2012 13:19:28
เมื่อไรจะเข้าใจกันซะที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 13:20:44
ลุ้นกันต่อไป  บวกเป็ด

รอค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-04-2012 13:28:39
ลุ้นจนเกร็งหมดแล้วค่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 15:21:34


เสียงปิดประตูรถดังลอยเข้ามาในบ้าน หญิงสูงวัยลุกเดินออกมาจากกองกระด้งที่วางรายรอบตัว เธอเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน เธอเห็นรถคนหนึ่งจอดอยู่ในบ้าน ผู้ชายคนหนึ่งมองเข้ามาด้านใน เขาเห็นเธอและยกมือไหว้ เธอรับไหว้และร้องถาม

“มาหาใครจ๊ะพ่อหนุ่ม” เธอร้องถาม

“ไม่ทราบว่านี่บ้านของลุงหมายกับน้าสร้อยหรือเปล่าครับ?” ชายหนุ่มตะโกนถาม

“ใช่จ๊ะ แล้วพ่อหนุ่มมาหาตาหมายแกเหรอ?” เธอเดินออกมาจากประตู และค่อยๆ เดินลงมาจากกระไดบ้านที่สูงชัน

“ครับแม่ พ่อไม่อยู่หรือครับ?” ชายหนุ่มเดินจากตัวรถเข้ามาทางตัวบ้าน

“ตาหมายแกไปทุ่งแน่ะ! จะให้ไปตามมั้ยล่ะหนุ่ม ว่าแต่หนุ่มมาจากไหน น้าจะได้บอกพ่อหมายแกถูก” หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มให้พลางกล่าวถาม

“แม่บอกทางผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเอง” ชายหนุ่มบอกด้วยความเกรงใจ

“โน่นแน่ะพ่อ เห็นกระต๊อบหลังนั้นมั้ย พ่อหมายแกอยู่นั่นแหละจ๊ะ” หญิงสูงวัยชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มหันไปมอง และหันกลับมาบอกเธอ “เห็นแล้วครับ ขอบคุณครับแม่ อ้อ!” ชายหนุ่มเดินกลับไปที่รถ เขาเปิดท้ายรถออก และหยิบของฝากที่นำติดมาออกไปให้หญิงสูงวัย

“ของฝากของแม่กับพ่อนะครับ เดี๋ยวผมกลับมาคุยกับแม่นะครับ ขอไปหาพ่อก่อนนะครับ” ชายหนุ่มพูดพลางเดินเอาของฝากไปวางที่หัวกระไดบ้าน จากนั้นก็ส่งยิ้มให้หญิงสูงวัยและเดินดุ่ยไปที่กระต๊อบหลังนั้น พร้อมกล่องใบหนึ่ง...ในเมือ

หญิงสูงวัยก้มมองของฝากด้วยความแปลกใจ...ระคนสงสัย หญิงสูงวัยสะดุดคิดขึ้นมาแวบหนึ่ง และลองเอ่ยปากร้องถาม “พี่ธีไม่เข้ามาดื่มน้ำก่อนรึ?”

คำตอบของเขาทำเอาเธอรู้สึกหลายอย่าง...บอกไม่ถูก

“เดี๋ยวธีกลับมาครับแม่!” ชายหนุ่มร้องบอกแล้วเดินข้ามทางลูกลังนั้นไป...และค่อยๆ เดินลึกเข้าไปตามคันนา

ทว่า นึกจะทำอะไรตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว.... พ่อธีเดินไปหาพ่อหมายแล้ว

หญิงสูงวัยนึกคร้ามครั่นในใจ เธอจำหน้าพ่อธีไม่ได้เลย... เจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเท่านั้น หากยังมีรูปให้คอยมองเธออาจจำเขาได้ หรือนึกเอะใจได้ในทันที

ทว่ารูปที่มีทั้งหมด ลูกชายเธอขอไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือกับเธอเลยสักใบ.... หัวอกคนเป็นแม่จะไม่รู้เทียวหรือว่า----เกิดอะไรขึ้น!

หญิงสูงวัยมองของฝากแล้วก็นึกให้ใจหายวาบ... สิ่งใดที่พ่อแม่ชอบ พ่อธียังจำได้ และนำมาให้----เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า ทำเป็นเด็กได้ยังไงยัยสร้อย... อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เธอห้ามโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตได้เทียวรึ...!

เธอถอนลมหายใจ สะบัดความคิดขุ่นมัวทั้งหลายทิ้งไป... เรื่องที่แล้วก็ให้แล้วไป ปล่อยไปไว้กับเวลาที่ผ่านไป

เธอหิ้วถุงของฝากขึ้นกระไดบ้านไปไว้ในด้านใน และนั่งทำงานของเธอต่อไปอย่างเงียบเชียบ

.....

....

...

..

.

“สวัสดีครับพ่อ” ธีร้องบอกเงาคนที่ตะคุ่มอยู่อีกด้านของหลังกระท่อม

“ใครวะ?” เสียงนั้นร้องถาม ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นยื่นออกมามองเขา

“ธีครับพ่อ” ธีบอกด้วยรอยยิ้ม

“เหยยยยยยย! พี่ธี! มาแล้วเหรอ? พ่อรอตั้งแต่เช้ามืดแน่ะ!” พ่อร้องโหวกเหวกและรีบเดินมากอดเขา

“มายากมั้ย? แผนที่ที่ให้เต๋อมันเขียนให้ ดูรู้เรื่องมั้ยพี่ธี? เนี่ยพอบอกให้มันเขียนละเอียดๆ มันก็ว่าเท่านั้นพอแหละ พ่อนะอยากจะชกมันตั้งหลายที!” พ่อพูดพลางโอบไหล่ทีให้เดินไปนั่งด้วยกันที่แคร่ ข้างกระท่อม

“เข้าใจดีครับพ่อ ธีก็ขับมาเรื่อยๆ ครับ พอดียังไม่คุ้นทาง” ธีบอกชายสูงวัย

“นี่เอารถไปจอดที่ไหน รู้ได้ไงว่าพ่ออยู่นี่?” ชายสูงวัยสงสัย

“เมื่อกี้เอารถเข้าไปจอดในบ้าน เอจแม่ธีเลยถามแม่น่ะครับ” ธีบอก

“อ้อ อ้อ.... ไหนขอดูหน่อยสิ กี่ปีแล้วเนี่ย พี่ธีหน้าเปลี่ยนไปหน่อยนะ ทำงานหนักเลยสิ” ชายสูงวัยมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาแสดงความห่วงใยด้วยความจริงใจ

“ก็ครับ หน้าที่สูงขึ้น ภาระก็เยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ธีทำตามที่พ่อสอนเสมอครับ หากไม่ได้คำสอนพ่อ ธีคงมาไม่ได้ถึงวันนี้” ธีบอกพ่อด้วยน้ำใสใจจริง...

หลายครั้งที่เหนื่อย หลายครั้งที่ท้อ หลายครั้งที่หมดกำลังใจ...เพราะไม่รู้จะทำงานให้ได้ดีเพื่อใคร... คำสอนของพ่อเป็นแรงนำใจเขาให้ทำมันให้ดีที่สุดได้เสมอ ----- ‘อย่าท้อนะพี่ธี ชีวิตมันไม่ลำบากนักหรอกหากเราใช้มันเป็น’

“มาเยี่ยมพ่อมีอะไรหรือเปล่า? มีปัญหาปรึกษาพ่อได้นะ ถึงพ่อจบไม่สูงแต่พ่อมีปริญญาชีวิตนะเว้ย! ฮ่าฮ่าฮ่า” พ่อตบมุก

“เปล่าครับพ่อ พอดีได้ของมาแล้ว เลยจะเอามาให้พ่อสักที นี่ครับ” ธียื่นกล่องที่ถือไว้ติดมือให้พ่อ

พ่อรับมันไปพลิกๆ ดู แล้วเปิดมันออกมา….. กุญแจหนึ่งชุด พร้อมป้ายพลาสติกที่เขียนว่า “ณ กาล”

“อะไรน่ะพี่ธี กุญแจอะไรเหรอ?” พ่อมองมันด้วยความงงพลาง พูดท่องคำที่เขียนอยู่บนป้ายพลาสติก

ธียิ้มให้พ่อก่อนบอกคำที่เขาท่องมาตลอดทางให้พ่อฟัง “บ้านครับพ่อ ธีกับน้องช่วยกันหาร ธีเพิ่งได้กุญแจมา เลยอยากเอามันมาให้พ่อกับแม่ด้วยตัวเอง”

“ห๊า! บ้านอะไร? บ้านที่ไหน?” พ่อตาเหลือก

“ที่กรุงเทพฯ ครับพ่อ” ธีบอก

“ฮ๊ายยย------- เอาไปๆ เอาไปอยู่กันเองซี่ พ่อแม่มีบ้านนี้แล้ว ไม่เอาหรอกบางกอก ไม่อยากไปว่ะพี่ธี หายใจลำบากไม่โล่งคอพ่อเล๊ย” พ่อเอากุญแจชุดที่อยู่ในมือใส่กล่องและปิดมัน ส่งมันคืนมาให้ธี

ธีผุดลุกขึ้น “น้องเค้าโกรธผมครับ แต่ผมก็ทำไม่ดีจริงๆ ธีขอฝากพ่อเอาของนี้ไปให้น้องทีนะครับ ธีกับน้องตั้งใจเอามันมาให้พ่อกับแม่ และธีเอามันมาให้พ่อกับแม่แล้ว พ่ออย่าคืนธีเลยนะครับ หากพ่อไม่เอา พ่อช่วยเอาไปให้น้องแทนธีทีนะครับ”

พ่อมองธีหน้านิ่งนาน…..















“เฮ้อ คนหนุ่มเลือดร้อนเอ๊ย!..... เอ้า เอาละ เห็นลูกๆ ได้ดีพ่อแม่ก็ชื่นใจ ไว้จะเข้าไปดูเป็นบุญตาละกัน แต่ไม่อยู่หรอกนะไอ้บ้านเนี่ย เอาไปอยู่กันเองเหอะ!.... ป๊ะๆ แดดร้อนแล้ว กลับเข้าบ้านไปกินข้าวกลางวันกันดีกว่า”

พ่อพูดพลางลุกไปหยิบผ้าขาวม้าที่พาดไว้ตรงหัวกระไดกระต๊อบมาเคี่ยนที่พุง และเดินกอดคอธีไปที่บ้าน

……

…...

…..

….



..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 15:30:08
หรือว่าโทรศัพท์วันนั้นแม่จะเป็นคนรับหว่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 15:41:24
ถ้าทั้งคู่รู้เรื่องทั้งหมดคงนึกเสียดายเวลาที่ปล่อยให้ผ่านไปเนอะ

ย้อนเวลาไม่ได้แต่เริ่มต้นใหม่ได้  เหมือนชื่อบ้าน  "ณ กาล"

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-04-2012 15:41:49
 :call: :call:มาเลยๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 15:59:11


…...

…..

….



..

.

ระหว่างกินข้าวกลางวันอยู่บนบ้าน เสียงโหวกเหวกเรียกตาหมาย ตาหมาย ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ตาหมายที่เขาเรียกก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวพลางร้อง เอ้ย เอ้ย ขานรับ แต่ไม่วางจานข้าวไปดูว่าใครเรียกขา....สักที

ธีมองพ่อด้วยความขบขัน

“ไอ้หน้าหมา! เอ้ยอยู่ได้ ตั้งให้กูลำบากเดินขึ้นกระไดมาอีก!” ชายสูงวัยที่เข้ามาใหม่ เดินปึงปังเข้ามาในบ้านอย่างสนิทชิดเชื้อ

“แดกข้าวอยู่ ไม่รู้จักเวล่ำเวลานะมึงน่ะ” พ่อกล่าวต้อนรับแขกสนิท

“อ้าว นี่นั่งหัวโด่นั่น คลอดมาเมื่อไหร่ หื๊อ แม่สร้อย ไอ้ลูกหมามันไม่ได้หน้าตาแบบนี้นะ ฉันว่าฉันยังไม่แก่จนลืมไอ้พฤกษมันนา” ผู้มาเยือนนั่งลงร่วมวงเข้า เขาโบกมือให้แม่ทันทีที่แม่หยิบจานข้านจานใหม่ขึ้นมาเตรียมจะตักข้าวไปให้

“หึหึหึ พี่ธีสิ ตาเต๋อ ลูกชายคนโตของพ่อหมายแกไง ถ้าจำไม่ได้ก็แก่มากละนะ” แม่บอก

“เฮ้ย! พี่ธีหรอกเหรอ ไม่เคยเห็นหน้านี่เว้ย! ไปไงมาไงล่ะลูก ไอ้ลูกหมามันมาด้วยมั้ยล่ะ?” ตาเต๋อยิ้มทักทาย

ธีได้โอกาสยกมือไหว้ลุงข้างบ้านที่พฤกษเคยเล่าให้ฟังว่า คนนี้สนิทกับพ่อมานานมาก เรียนประถมมาด้วยกัน บ้างอยู่ข้างกันมาตลอด

“เปล่าครับ พอดีน้องไม่ว่าง ธีเลยมาเยี่ยมพ่อกับแม่น่ะครับ” ธีบอกผู้ใหญ่แบบเป็นกลาง

“เออ ดีๆ มาให้เห็นหน้ากันบ้าง ได้ยินแต่ชื่อ.... เอ้า กินข้าวกันไปเหอะ มึงไอ้หมาย ไว้ค่อยกลับมาแดก ไปกับกูก่อน!” พูดจบก็คว้าแขนเกลอให้ลุกขึ้น พ่อหมายก็บ่นอุบแต่ก็ยังเดินตามเกลอไป

“หึหึหึ... กินต่อไปเถอะพี่ธี ช่างพวกแกเถอะ สงสัยมีอะไรจะอวด พ่อเค้าน่ะ เดี๋ยวสักพักก็กลับกันมาเองแหละ” แม่บอก

“ครับ” ธีตักข้าวเข้าปาก

ขณะที่กำลังหยิบผักและห่อเครื่องเคียงม้วนเป็นก้อนและส่งเข้าปาก แม่ก็เอ่ยถามเขาประโยคหนึ่ง “พี่ธีกลับมาคบกับเจ้าพฤกษเมื่อไหร่รึ”

ธีกำลังเคี้ยวเมี่ยงก๋วยเตี๋ยว ทว่า ทันทีที่ได้ยินคำที่แม่พูด เขาก็สำลักขึ้นมา

แม่ตบหลังลูบหลังให้เขา พลางส่งน้ำเปล่าให้ดื่ม.... หลังจากหายใจหายคอโล่งแล้ว ธีก็ยังก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองแม่

ไม่เคยรู้เลยว่าแม่จะรู้....

หรือพฤกษบอกแม่แล้ว....

แต่ทำไมแม่ดูไม่ได้โกรธเขาเลย พ่อก็ยังปกติ....

นิ่งไปนานสองนาน แม่ถึงเอ่ยมาอีกคำ “แม่รู้เองแหละพี่ธี พ่อเขายังไม่รู้อะไร แม่ก็ไม่ได้บอกเขา เจ้าพฤกษก็ไม่ได้บอกอะไรแม่เลย แต่หัวอกคนเป็นแม่นะพี่ธี ทำไมจะดูลูกตัวเองไม่ออก”

“แม่รู้ได้ยังไงครับว่า.... ผมรักน้องแบบนั้น” ธียังสงสัยหากแม่ไม่บอก มีอะไรที่แม่จะจับได้

“พี่ธีโทรเข้าบ้านมาตอนช่วงสงกรานต์หลายปีก่อน ตอนนั้นลูกน่าจะมีเรื่องผิดใจกันมั๊ง แม่รับสาย แต่พอดีวิ่งเข้ามาในบ้านเลยไม่ได้พูดอะไร พี่ธีก็พูดมาเยอะแยะเลย... ทั้งขอโทษ ทั้งให้กลับมาคบกัน ทั้งบอกว่ารักลูกชายของแม่...” แม่พูดจบก็ถอนหายใจ

“แม่-------” ธีใจสั่นระรัว “หลังจากนั้นทำไมแม่ไม่รับสายผมอีก ผมโทรเข้ามาอีกหลายครั้งนะครับ”

“แม่....ทำใจรับไม่ได้น่ะพี่ธี เป็นพี่เป็นน้องแม่ไม่ว่า แต่รักกันแบบอื่น....แม่ทำใจไม่ได้” แม่เสียงเครือ

ธียื่นมือไปกุมมือของแม่ที่กำผ้าถุงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก... แม่ค่อยๆ พูดทั้งน้ำตาให้ธีฟัง

ทั้งความรู้สึกในตอนนั้นที่ได้รู้ว่าลูกชายคนโตมีความรักและคบอยู่กับลูกชายคนเล็ก

ทั้งเรื่องที่เธอรู้ว่าสายที่โทรมาต่อจากที่เธอวางต้องเป็นของธี แต่แม่ก็ยังหาวิธีให้พฤกษออกไปจากบ้าน ไม่ได้อยู่ติดบ้าน.... หากเธอกัลบมาบ้านพร้อมลูกชาย เธอจะเอาสายโทรศัพท์ออก และก่อนออกจากบ้านเธอจะนำมันเสียบคืน

ทั้งเรื่องที่ลูกชายได้ที่ทำงานใหม่ และเธอส่งเสริมทางอ้อมว่าให้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวด้วยเหตุว่า---- เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิต

พ่อหมายเห็นดีด้วย เพราะอยากให้ลูกคนเล็กเป็นโล้เป็นพายกับเค้า พ่อหมายไม่ได้ห่วงเพราะพ่อหมายคิดเสมอว่า ลูกชายคนโตอยู่ใกล้ๆ กัน ลูกชายของพ่อหมายจะดูแลกันเองได้

เธอไม่เคยพูดอะไรให้ทั้งพ่อหมายและพฤกษลูกชายของเธอผิดสังเกตุ

เห็นมองเห็นช่องให้แยกจากกันได้ เธอก็ใช้ช่องนั้นให้เป็นประโยชน์ และทำหลายสิ่ง เพื่อให้ช่องว่างนั้นกว้างยิ่งๆ ขึ้น

ถึงเห็นลูกเสียใจจนผ่ายผอมเธอก็กัดฟันอดทน.....

ทว่า.....

.....

....

...

..

.

เมื่อได้รับสายของธีในครั้งหนึ่งก่อนนั้น เธอกลับเผลอให้เบอร์โทรใหม่ของลูกชายกับธีไป.... ครั้งนั้นเธอวางสายลงด้วยความว้าวุ่นใจ


ไม่มีใครให้ปรึกษา

ไม่ใครหยุดพรหมลิขิตได้

เธอจึง.... ปล่อยมันไปตามยถากรรม

ธีเป็นเด็กดีในสายตาเธอ ธีทำให้ลูกเธอเอาอ่าวมากขึ้น เธอเคยสงสารและเวทนาธีที่ขาดพ่อแม่และรับธีมาเป็นลูกในอุทรคนหนึ่ง

มนุษย์ หากได้มิตรแท้สักคน.... เธอต้องผูกใจเจ็บตัดมิตรแท้ในชีวิตออกไปได้ลงคอเทียวรึ?

เมื่อแม่สร้อยทำใจได้ เธอจึงยุติทุกการกระทำ และกลับมาเป็นแม่ของลูกเหมือนเดิม... มันจะช้าไปหรือไม่ เธอไม่รู้

ปล่อยมันให้เป็นไปตามโชคชะตา......


เธอช่วยได้แค่นี้เท่านั้น
 
.....

....

...

..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-04-2012 16:08:18
 :call: :call: :z3: :z3:มาเลยนะๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 16:08:39
ก็เข้าใจแม่พฤกษ์นะ
รู้แบบไม่ทันตั้งตัว
ตอนนี้ต้องอยู่ที่ตัวพฤกษ์เองแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 16:17:41

....

...

..

.

ธีมองแม่และพ่อผ่านกระจกหลัง

ทันทีที่เลี้ยวผ่านทางลูกลังและเข้าสู่ถนนลาดยาง ธีนน้ำตาปริ่ม...

เขานึกถึงหน้าของแม่ที่มีน้ำตาอาบแก้มพลางเล่าเรื่องราวที่แม่รับรู้ให้แก่เขาฟัง ทั้งเรื่องเขาและเรื่องของน้อง... ผ่านสายตาของแม่

ธีเคยเตรียมใจไว้ว่า ตัวเองจะต้องทำให้พ่อแม่ของพฤกษเสียใจเพราะความรักที่พวกเขามีให้กัน  ทว่า..... เขาไม่เคยคิดที่จะให้แม่มาเสียใจอยู่คนเดียวเงียบเป็นเวลานานถึงเพียงนี้....

ธีเข้าใจถึงหัวอกคนเป็นแม่ดี

ธีเข้าใจถึงความรู้สึกผิดของแม่ดี

ธีรู้ว่าแม่ละลายใจมากแค่ไหน

ธีรู้ว่าแม่เสียใจมาตลอด

และธีรู้ว่าแม่รักตัวเองแค่ไหน.... การที่แม่นำเรื่องเหล่านั้นมาบอกเล่าให้ธีฟัง มันเป็นเครื่องยืนยันกับธีได้อย่างดี----- คนเป็นแม่โกรธลูกยังไงก็ยังรักอยู่ดี

ธีเริ่มกลับมาละอายใจตัวเอง

แม่รักเขาได้ขนาดนี้ เขากลับทำกับน้องได้แบบนั้น

แต่เขาย้อนเวลาไม่ได้อีกแล้ว... ไม่มีใครทำได้

หากน้องไม่กลับมาแล้ว... ธีก็ตั้งใจจะแอบดูแลอย่างเงียบๆ

“บ้าน” เขาส่งมอบให้พ่อกับแม่แล้ว เขาย้ำกับแม่ว่า เขาจะไม่รับมันคืนเด็ดขาด... หากบ้านนั้นไม่มีน้องอยู่ด้วย มันไร้ความหมายกับเขา

ในเมื่อหัวใจคน เปลี่ยนไปแล้วตามเวลา... ธีตัดใจแล้วว่าจะไม่ไปรบกวนให้น้องรู้สึก “เจ็บ” อีก.... เขาอยากเห็นน้องมีความสุข.... สิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาปรารถนา

....

...

..

.





























************************************

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 16:31:27
มันจะยังไงกันต่อหนอ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 16:35:13
เหลือแต่พฤกษล่ะเนอะว่าจะตัดสินใจไปทางไหน

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 16:48:00



พฤกษนั่งหน้ามึนอยู่ที่นั่งด้านหลัง

พ่อกับแม่ขึ้นมาหาเขาในวันอาทิตย์... จู่ๆ ก็มาเคาะประตู บอกว่าไปเที่ยวกัน แล้วพ่อก็เร่งๆ ให้เขาไปอาบน้ำ สักพักล็อคคอเข้าขึ้นรถ ขึ้นรถมาปุ๊บแม่ก็เอาปิ่นโตเถาสามชั้นส่งมาให้เขาที่นั่งหน้าบูดอยู่

ง่วงมากๆ .... แต่โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงก็แล้ว ไม่เคยเอาชนะพ่อได้สักที!

“ค่อยๆ กินนะลูก ขนมก็มี เอาให้หมดเลยนะ ไว้ขากลับเราค่อยไปนั่งกินที่ร้านกันเนอะ” แม่หันมาพูดกับพฤกษและหันไปบอกกับพ่อที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ

ทางที่จะไปเที่ยว พ่อศึกษามาแล้ว ให้เจ้าศักดิ์ลูกไอ้เต๋อวาดแผนที่มาให้ ถกกับไอ้เจ้าศักดิ์จนแผนที่ซึมเข้าสมอง นึกทางออกแหละว่าต้องขับไปยังไง.... พ่อหมายกะว่า หากใกล้ๆ แล้วไม่แน่ใจ ไปถามถนแถวนั้นน่าจะรู้เรื่องเร็วกว่าคิดเอาเอง

เส้นทางในเมืองกรุง เปลี่ยนไปเกือบทุกปี หากไม่ขับมาเรื่อยๆ ก็ไม่ต้องไปนั่งจำมันหรอก .... มีปากถามมันไปเรื่อยๆ.... เวลาพ่อหมายแกมีเหลือเฟือครับ *0*

.....

....

...

..

.


พฤกษกินหมดทั้งปิ่นโตและนั่งเหม่อไปเรื่อยๆ แม่ชวนคุยบ้าง พ่อชวนคุยบ้าง....สักพักใหญ่รถที่พ่อขับก็เลี้ยวเข้าไปในทางแห่งหนึ่งที่แม่ร้องบอกว่า “นั่น นั่น ชื่อนั้นแหละ พ่อ เลี้ยวเลย!”

พฤกษมองทางเข้าที่ตั้งตะหง่านตรงหน้าด้วยความงุนงง... เขายังไม่ถามอะไรพ่อแม่---- พ่อหมายแกชอบอวดไม่แพ้ตาเต๋อเกลอเค้า ถึงสงสัยแทบตายก็ห้ามถาม เดี๋ยวพ่อหมายแกเสียอารมณ์!

แม่นั่งไล่เลขตั้งแต่ 1  2  3  4  5  6  7  8..... และก็ร้องบอกให้พ่อเลี้ยว

ตาหมายก็เลี้ยวทันควัน..... รถถูกขับวนไปวนมาอยู่รอบหนึ่ง แล้วรถที่ตาหมายขับก็มาจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งขับผ่านไปเมื่อครู่นี้

“ป๊ะ ลูก... ลงมาเร๊ว!” แม่ร้องบอก แล้วเปิดประตูออกไป

พฤกษเปิดประตูลงไป เขาเดินตามหลังแม่ไปเรื่อยๆ ..... พ่อเดินไปที่รั้วหน้าบ้านหลังนั้น พ่อเหลียวซ้ายแลขวา ไม่นานนักก็มีเสียงร้องทัก

“ใครน่ะครับ!?”

ทั้งสามคนหันไปหาเสียงคนที่ร้องถาม

“เจ้าของบ้านครับ” ตาหมายร้องบอกพร้อมร้อยยิ้ม

“อ้าว......” ชายเจ้าของเสียงหยุดอุทานแล้วเงียบไปครู่หนึ่งคล้ายว่ากำลังคิดอะไรสักอย่าง แล้วถึงค่อยพูดต่อ “อ้อ ลุงหมายใช่มั้ยครับ”

“ใช่ นั่นเมียลุง ป้าสร้อย นั่นก็ลูกชายลุง” ตาหมายแนะนำให้คนข้างบ้านรู้จักวพกตัวเอง

“โทษทีครับ นึกว่าใคร? มาดูบ้านกันรึครับ” ชายหนุ่มเดินออกมาจากบ้าน

ตาหมายล้วงกุญแจออกมาไข ประตูค่อนข้างหนัก ชายหนุ่มจึงเดินไปช่วยดันประตู ดันเปิดเสร็จเขาถึงบอกว่า “ไม่ค่อยได้เปิดมันก็ฝืดอย่างนี้ล่ะครับลุง เดี๋ยวเปิดทุกวันก็ลื่นเองล่ะครับ”

“ขอบใจพ่อหนุ่มมากนะจ๊ะ” แม่บอกเขา

“ไม่เป็นไรครับ ผมคนหนุ่มๆ มาเปิดทุกวันยังต้องออกแรงเลยครับ” เขาบอก

“อ้าว เหรอ ไปไงมาไงล่ะพ่อหนุ่ม?” พ่อหมายร้องอุทานเชิงถาม

“อ๋อ ผมมารดต้นไม้ให้บ้านนี้ทุกวันแหละครับ” ชายหนุ่มบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสอง

ทักทายอีกสักพัก ชายหนุ่มก็ขอตัวเดินเข้าบ้านของตัวเองไป เขาบอกทิ้งท้ายว่า หากอยากได้อะไรก็ให้เรียกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ

“แม่ซื้อบ้านนี้เหรอ?” พฤกษกระซิบถาม แม่หันมาขมุ่นคิ้วใส่ลูกชาย แต่ยังไม่ทันที่แม่จะเอ่ยปาก พ่อก็เรียกหาลูกชาย

พฤกษผละจากแม่ไปหาพ่อ..... พ่อพูดชมนู่นนี่ไปเรื่อยไม่หยุดปาก ทั้งต้นไม้ที่ขึ้นดก ออกผลน่ากิน ทั้งทรงของบ้านที่พอมีบริเวณทั้งภายในภายนอก.... แล้วพ่อก็บอกว่าดีแล้ว รู้จักเก็บเงินซื้อบ้าน บอกว่ามาดูเฉยๆ ล่ะนะ พ่อกับแม่ไม่มาอยู่หรอก... คนไหนหารค่าบ้านกันก็ไปคุยกันเอาเองว่าใครจะเข้ามาอยู่!!!!!

หญิงสูงวัยซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชาวจีน ร้องถามรอดรั้วบ้านอีกฝั่งมาว่า “ใครน่ะ”

พ่อหมายจึงเดินไปแนะนำตัวกับเพื่อนบ้านที่อยู่อีกฝั่ง และทิ้งพฤกษให้ยืนอึ้งอยู่กับที่....

นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่พฤกษมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อแม่จับมือของเขา

หน้าของพฤกษที่หันไปหาแม่ มีแต่ความตกใจระคนสงสัย.... แม่เริ่มสะกิดใจ

....

...

..

.

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 17:10:54
คุณแม่บอกความจริงพฤกษ์ไปเลย นั่งลุ้นยิ่งกว่าอะไรเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 17:23:37
ใกล้แล้วๆ  ลุ้นที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-04-2012 18:42:50
เกร็งตัวตะคริวกินหัวใจแล้วค่ะ ฮือออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 06-04-2012 18:45:54
กดดันยิ่งกว่าจะสอบพรุ่งนี้อีกอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 19:06:52



“เอาอีกแล้วหรือคะคุณธี” ดาเสียงอ่อย เธอมองถ้วยไอศครีมที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกพะอืดพะอมไม่ต่างจากคุณเชนนั่งอยู่ข้างๆ

ช่วงนี้พวกเขาวิ่งวุ่นกับที่จัดงานเกือบทุกวัน.... ปัญหาของขนาดเปียโน มีทางปรับแก้ได้ แต่พวกเขาต้องคอยระวังอย่างใกล้ชิด... ใกล้วันงานเต็มทีแล้ว อีกไม่กี่อึดใจ

นอกจากงานที่เร่งและลุ้นระทึก ทว่า หัวหน้าของเขายังส่งความระทึกมากให้พวกเขาอีกหนึ่งอย่าง

ทุกครั้งที่ไปเจอกับคุณพฤกษของบริษัท O.P.M. ไม่ว่าจะดาไปเองคนเดียว หรือคุณเชนไปเองคนเดียว พวกเขาต้องถือสิ่งหนึ่งไปให้คุณพฤกษด้วย----- ไอศครีมถ้วยหนึ่งจากคุณธีที่ไม่เคยได้รับการเหลียวแลเลยแม้แต่น้อย

เชนและดาครางครวญอยู่ในใจว่าไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวของหัวหน้า...ได้โปรดอย่าทำค้างๆ คาๆ ให้เห็นแบบนี้ ..... เพราะมันยิ่งกระตุ้นต่อม “อยากรู้เรื่องชาวบ้าน” ของพวกเขา!!!

“เอ่อ... คุณธีไม่ลองเปลี่ยนเป็นวิธีอื่นดูบ้างล่ะครับ” เชนกลั้นใจเสนอแนะ.... ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก แต่เห็นกับตาว่า ส่งไอศครีมน่ะมันไม่ work !!

“ครับ... กำลังทำอยู่ แต่อย่างนี้ก็ต้องทำต่อไป ผมฝากด้วยนะครับ” ธียิ้มบางๆ และเดินจากไป

เชนและดามองหน้ากัน และต่างก็ถอนหายใจ....

....

...

..

.

วันนี้น้องไอศครีมคงเป็นหมันอีกเช่นเคย....

....

...

..

.

ธีเดินเข้ามาในห้องทำงาน เสียงมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น

แม่โทรมาหาเขาและต่อว่าเขาที่โกหกว่าบ้านหลังนั้นหารกับพฤกษกันคนละครึ่ง แม่บอกว่าหากเป็นอย่างนั้นจริง ธีต้องเอาบ้านนั้นคืนไป!
 
“พี่ธี.... พี่ธีจะให้แม่ทำยังไง เมื่อวานพ่อกับแม่พาเจ้าพฤกษมันไปบ้านนั้น... เจ้าพฤกษโมโหใหญ่... นี่ยังดีนะว่าพ่อไม่รู้เรื่อง หากพ่อรู้.... แม่ช่วยพี่ธีไม่ไหวนะ... ธีเอาคืนไปเถอะนะลูก แม่ขอล่ะ” แม่พุดด้วยน้ำเสียงว้าวุ่นใจ

“แม่ครับ ผมตั้งใจให้มันกับน้อง ผมบอกแม่แล้วนะครับ ผมไม่รับคืนครับ!” ธีเสียงแข็งและยืนยัน

“...... ถึงไม่มีบ้านนี้ พ่อกับแม่ก็รักลูกชายคนโตนะลูก กุญแจอยู่กับเจ้าพฤกษแล้ว ลูกไปคุยกันเอาเองนะ” แม่พูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่.... ปวดหัวกับลูกๆ คนนั้นก็โมโหว่าแม่ คนนั้นก็เสียงแข็งกับแม่

“...... แม่ครับ....” ธีลังเล

“หือ... พี่ธีมีอะไร?” น้ำเสียงของแม่ฟังดูเนือยๆ แต่หามีเสียงขุ่นเคืองไม่

“....หากว่าธี.....ถ้าทุกอย่างเป็นความเข้าใจผิด ถ้าพฤกษยังรักธี.... ธีขอคบกับน้องได้ไหมครับ?” ธีกลั้นใจถามแม่

“..................” แม่ไม่ตอบ ธียังถือสายนิ่งและรอ

....

...

..

.

“เรื่องของหัวใจบังคับกันไม่ได้หรอกลูก....พ่อมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะ!”  แม่ตัดสายไป

....

...

..

.

หนึ่งคำพูด..... สองความหมาย

ใช่! หัวใจบังคับกันไม่ได้..... แต่หากไม่ได้ลืม หากยังรัก หากทุกอย่างเป็นความผิดพลาด

....

...

..

.

เราแก้มันได้!!

....

...

..

.

หากคำพูดของน้องหวานเป็นความจริง.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 19:08:00


....

...

..

.

วันนั้นขากลับจากบ้านพฤกษ ถนนเส้นเดิมที่ธีมาปิดการสัญจรเนื่องด้วยอุบัติเหตุ ธีจึงเลี่ยงมาใช้ทางที่อ้อมกว่า ถึงอ้อมไกล แต่ยังดีกว่าจอดนิ่งรออยู่เฉยๆ

เมื่อรถวิ่งมาถึงทางเส้นหนึ่ง ภาพที่คุ้นตาลอยเข้ามาในสายตาของธี...

ธีมองนาฬิกา ยังมีเวลาอยู่.... ธีจึงหักพวงมาลัยและค่อยๆ ประคองรถให้วิ่งลึกเข้าไป..... เขาขับรถไปด้วยสัญชาติญาณ จนมาถึงร้านน่ารักหวานแหวนเกินกว่าที่ผู้ชายทั่วไปจะกลั้นใจเดินเข้าไปได้

แต่ไม่ใช่ครั้งแรกของธี...

เขาเดินเข้ามาในร้านนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

ทั้งในฐานะลูกค้า และพนักงานขายชั่วคราว!

....

...

..

.

ธีสั่งไอศครีมถ้วยหนึ่งและนั่งละเลียดกินมัน พลางนึกถึงใครอีกคนที่เคยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

....

...

..

.

“พี่ธี” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมการสะกิดจากด้านหลัง

ธีหันไป และเมื่อเห็นหน้าของคนที่เรียกเขา เขาจึงส่งยิ้มให้

หวานกล่าวทักทายธีด้วยความดีใจ ธีนั่งตอบคำถามจากหวานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคำถามวนมาถึงคนอีกคนที่ไม่ได้มาด้วยในเวลานี้ คำถามนั้นตอบยากมากสำหรับธี เขานิ่งไปเป็นนาน

หวานหุบยิ้มที่มีลงและพูดด้วยน้ำเสียงเครือๆ ว่า “พี่ธีกับพี่พฤกษเลิกกันแล้วจริงๆ เหรอคะ?”

“....... พี่ไม่เคยคิดว่าจะเลิก” ธีบอกน้องหวาน

“แล้วทำไมวันที่พี่พฤกษมารับปริญญาพี่พฤกษถึงบอกหวานว่า พี่ธีบอกเลิกคบกับพี่เค้า พี่พฤกษเค้าพูดทั้งน้ำตาเลยนะคะ ว่าพี่ธีไม่รักเค้าแล้ว พี่ธีไล่เค้าออกมากจากห้อง พี่พฤกษรอพี่ธีมาหาเค้า รอพี่ธีโทรหาเค้า แต่พี่ธีไม่เคยทำเลยสักอย่างเดียว.... หวานไม่เข้าใจ... พวกพี่เข้าใจอะไรกันผิดรึเปล่า? พี่พี่ทะเลาะกันกี่ครั้งคะเนี่ย?”

ธีเริ่มประมวลผล.... รับปริญญาของช่วงนั้น ต้องเลื่อนห่างไปอีกปีต่างจากปกติ วันที่รับปริญญาคือช่วงที่พฤกษไม่รับสายเขาและย้ายไปหอใหม่ เข้าทำงานที่ใหม่....นานแล้ว ถึงจะได้กลับมารับปริญญา!!!

น้องไม่ได้โกรธเขา?!

น้องไม่ได้ “อยากพอแล้ว”?!

น้องยังรอเขาอยู่...เหรอ?!

....

...

..

.

ธีไม่เข้าใจ?!

“หวานแน่ใจนะ พฤกษบอกจากปากเลยเหรอว่ารอพี่โทรไปหา รอพี่ไปหาเขาน่ะ หวานคิดเองรึเปล่าครับ?” ธีถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“อุ๊ย...พี่ธี! ใครเค้าจะพูดเล่นหรือคิดเองเออเองล่ะคะ อ๊ะ เดี๋ยวนะ!” น้องหวานลุกจากโต๊ะ และเดินหายเข้าไปข้างในร้าน สักพักเธอก็ออกมาพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง น้องหวานบอกว่าคนนี้เป็นแฟนของเธอ

“เล่าให้พี่เค้าฟังสิ วันที่แกไปชวนพี่พฤกษเค้ากินเหล้าจนพี่เค้าเมาหัวราน้ำก่อนวันรับปริญญาน่ะ เล่าให้หมดเลยนะว่าพี่พฤกษเค้าเมาแล้วพูดอะไรเกี่ยวกับพี่ธีบ้าง พูดให้ดี อย่ามาใส่โจ๊กนะยะ ชั้นนั่งดูอยู่ตลอด!” หวานบอกแฟนเสียงเข้ม

“อ๊ะ! พี่พฤกษคนนั้นอ่ะนะ ..... คือพี่เค้าถูกแฟนทิ้งอ่ะพี่ แฟนพี่เค้าบอกว่าเบื่อเค้าแล้ว เลยขอเลิกกับพี่เค้า แถมยังไล่พี่เค้าออกจากห้องด้วยนะพี่!...”

เด็กหนุ่มถือโอกาสนั่งลงพูดต่อ “คนแม่งเลวว่ะพี่ บอกมาได้ว่าพี่พฤกษเป็นเพื่อนนอน ปล่อยให้เค้าคิดว่าเป็นแฟนกันได้ตั้งนาน ถึงเป็นเกย์นะพี่ แต่คนเราคบกันมันก็ต้องจริงใจต่อกัน ไม่ใช่มาหลอกกันแบบนี้!....  ผมยังบอกพี่พฤกษเลยนะว่า หากผมเจอตัวไอ้เลวนั่น ผมจะตื๊บมันให้แทนพี่พฤกษเล๊ย... แต่พี่พฤกษนี่ก็น๊า รักเค้าอ่ะนะ จนเกือบปีแล้วก็ยังรอเค้า รอเค้าโทรมาหา รอเค้ามาหา.... เป็นผม ผมไม่รอหร๊อก ไม่มีติดต่อกันเลยสักคำ จะรอทำซากอาร๊าย!!!”

แฟนของหวานเล่าอย่างเมามันส์ 

“พฤกษเค้าบอกเราแน่นะว่า ตอนนั้นก็ยังรอให้แฟนเค้าโทรหา ยังรออยู่จริงๆ น่ะเหรอ?” ธีไม่ค่อยอยากเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน

“จริงดิพี่ ผมจะโกหกทำไม หวานก็ได้ยินเหมือนเราใช่ป๊ะล่ะ เราพูดผิดสักคำมั้ยล่ะ?” แฟนของหวานหันไปขอการการันตี

“ค่ะพี่ธี ไม่ผิดเพี้ยนค่ะ วันนั้นหวานก็นั่งอยู่ด้วยค่ะ.....” หวานบอกเขา

“ไม่ใช่ละ.... พี่ติดต่อตลอด โทรหาตลอด ถึงไม่ได้พูดกับตรงๆ......” ธีเริ่มคิดถึงสิ่งที่แม่บอกกับเขา เขาที่เข้าใจผิดคิดว่าพฤกษรับสาย และพูดขอโทษไปมากมาย แต่เขาเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ว่า... นั่นไม่ใช่พฤกษ

ธีเริ่มคิดมาทีละลำดับ.... ธีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาแล้วกดเบอร์ของ......โจ้

....

...

..

.

 “โจ้ ขอโทษนะ พี่ขอถามคำเดียว เรื่องสำคัญ! วันนั้นโจ้ได้บอกพฤกษมั้ยว่าพี่โทรหา และพี่กลับมาจากทำงานแล้วจะไปรับพฤกษ” ธีรีบถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย

“บอกครับ....ผมเขียนจดหมายแปะไว้ก่อนออกไปทำงาน” โจ้ตอบด้วยเสียงงุนงง

“โจ้แน่ใจได้ไงว่าพฤกษอ่านจดหมายนั่นแล้ว พี่จะแน่ใจได้ไงว่าโจ้บอกพฤกษจริงๆ” ธีซักเข้าประเด็น

“อ๊าว.... พี่ธี ทำไมถามหมาๆ แบบนั้นล่ะครับ!” โจ้ของขึ้น วันนี้ไอ้พี่ธีมันกินยาลืมเขย่าขวดรึไง ถึงได้โทรมาหมากับคนอื่นแบบนี้

“โจ้ พี่ถามตรงๆ นะ.... เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อรึเปล่า?” ธีถาม พอเขาเงยหน้า เขาก็เห็นน้องหวานกับแฟนทำหน้า.....บอกไม่ถูกแต่เห็นแล้วธีตลก

พอนึกได้ว่าตัวเองถามอะไรออกไป ธีก็อยากขำ --- เขาพูดไปได้ยังไง

ระหว่างที่โจ้ด่ากราดอยู่ในสาย ธีเริ่มเบาใจ..... เพื่อนยังเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็น “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” แบบที่เขากังวล

“โทษที โจ้ โอเค พี่ถามเฉยๆ เพื่อนรักก็เพื่อนรัก ไม่ได้ว่า.... แค่ถามเฉยๆ ครับ” ธีพยายามพูดให้อีกฝ่ายลดอารมณ์ลง

“เป็นบ้าอะไรน่ะพี่ธี! ถามให้ได้พระแสงของ้าวรึไง... จะเอาอะไรห๊า! โทรมาเนี่ยจะเอาอะไร!” โจ้ยังเดือดไม่หาย

“โจ้ สมมุตินะ หากวันนั้นพฤกษไม่ได้อ่านจดหมาย” ธีเกริ่นนำให้โจ้

“ถึงไม่ได้อ่าน แต่พี่ก็โทรหามันแล้ว พี่กับมันคุยกันแล้ว มันกลับมาแล้วบอกว่าผมพอแล้วก็พอแล้ว ไม่เห็นเป็นไงนิ” โจ้ยักไหล่แบบไม่แคร์

“ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องพี่ยังไม่ได้คุยกับพฤกษด้วยตัวเองเลยสักครั้งครับ” ธีบอกโจ้แบบตรงประเด็น

“....บ้าละ แล้วไอ้พฤกษ...............มันจะ...นอยด์....ทำไม....” โจ้เริ่มพูดไม่ประติดประต่อ

“วันที่โจ้บอกว่าพฤกษกลับถึงบ้านแล้ว พี่ก็โทรไป แต่ไม่มีคนรับ พอมีคนรับพี่ก็รีบพูด....” ธียังพูดไม่จบ โจ้ก็สวนขึ้นมาก่อน

“ก็นั่นไง แล้วจะเอาอะไรอีกพี่?!”

“วันนี้พี่มาหาพ่อแม่พฤกษ แม่บอกพี่ว่าคนที่รับสายวันนั้นเป็นแม่... พี่เข้าใจผิดว่าได้พูดกับพฤกษ เข้าใจผิดว่าได้ขอโทษพฤกษไปแล้ว!”

ธีสรุปให้ทั้งตัวเองและโจ้ฟังไปในตัว

หวานกับแฟนนั่งอ้าปากเหวออยู่ตรงหน้าของธี

“หยุ๊------------ด   เกินระดับสติปัญญาผมแล้วพี่!...... เอาสั้นๆ นะพี่กำลังจะบอกว่าไอ้พฤกษมันเข้าใจผิด บังเอิญมันไม่ได้รับข่าวสารจากพี่เลย..... มันเลยเข้าใจผิด!”

“สมมุติว่าใช่ล่ะโจ้” ธีถาม

“โอยยยยยยยยยยยยยย! เหี้ยไรกันเนี่ย! พี่ธีอำผมอยู่รึเปล่า? อย่ามาล้อเล่นนะ เพื่อนผมทั้งคน ผมซีเรียสนะพี่!” โจ้ตะโกนลั่น

“วันนี้พี่เอาบ้านที่ซื้อไว้ตั้งแต่ตอนนั้นมาให้แม่กับพ่อ... พี่เอามันมาให้พฤกษ....” ธีบอกกับโจ้

โจ้ไม่ตอบอะไรเขาอีก มีแต่เสียงร้อง โอยยยยยยย ดังลอดมาอย่างเดียว

หลังจากโจ้สงบสติอารมณ์ได้แล้ว ธีจึงเล่าให้โจ้ฟังอีกว่า สามวันก่อนเขาไปคุยกับพฤกษแล้ว พฤกษยืนยันว่าไม่เคยรู้เลยว่า ธีติดต่อมาหา หรือโทรมาหา ยกเว้นตอนที่เปลี่ยนเบอร์โทรแล้วเท่านั้น!!!

โจ้เลยบอกว่า ตั้งแต่วันที่พฤกษกลับมาจากบ้านก่อนที่จะหายตัวไปเดือนหนึ่ง เขาคิดว่าพฤกษคบกับพี่ธีไม่ไหวแล้ว เขากับเพื่อนๆ เลยตกลงกันว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก! ซึ่งพวกเขาก็ยังทำมาจนกระทั่งวันนี้ โดยไม่มีหลุดกันเลยสักครั้งเดียว!!!!


....

...

..

.




















ชิ้นส่วนที่หล่นหายไปตามเวลาด้วยคำสั่งของโชคชะตา กำลังถูกหยิบขึ้นมาเรียงให้เห็นภาพของอดีต......


....

...

..

.

วันนั้นธีขอไอศครีมรสมะไฟและเสาวรสจากน้องหวานมาหมดตู้

“ถ้าหมดนะ พี่ธีโทรมาหาหวานเลย หวานจะทำส่งไปให้! อย่ายอมนะพี่ธี! หวานเชื่อว่าพี่พฤกษรักพี่คนเดียว! รักนะพี่มันไม่ได้ลืมกันง่ายๆ หรอก!”...... หวานเขย่งมากระซิบให้เขาฟัง “ดูอย่างแฟนหวานนะ ขี้เกียจก็ปานนั้น ไม่ได้ดั่งใจหวานสักอย่าง ทะเลาะกันทีมันก็ว่าเลิกๆ หายหัวไปสามสี่วันมันก็ขับมอไซด์กลับมาที่ร้าน เดินเข้าร้านมาตักไอศครีมขายหน้าตาเฉย... กี่รอบแล้ว ไม่นับแล้วพี่!”


....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 19:18:36
พฤกษ์จะว่าไงเนี่ยยย
ลุ้นๆๆๆๆ  ลุ้นยิ่งกว่าหวยออกอีกเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-04-2012 19:45:40
 :call: :call:มาเลยนะ  มาๆมากินไอติมกันเค้าเลี้ยง


เปรมงานนี้ :pigha2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคเก้า (ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 06-04-2012 19:57:53
เข้ามากรี๊ดให้แฟนน้องน้ำหวานจ้า 
น้องน้ำหวานกับแฟนน่ารักมากก

พี่ธีสู้ๆๆ  เป็นกำลังใจให้พี่ธีนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 20:28:33
วรรคสิบ





ในร้านอาหารสไตล์คันทรีแห่งหนึ่ง

เสียงดนตรีจังหวะเนิบๆ เบาๆ ดังบรรเลงคลอไปกับเสียงของแขกที่เข้ามาใช้บริการ

ที่โต๊ะขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีผู้ชายห้าคนนั่งคุยกันสนุกเฮฮา

เพื่อนที่ต่างมีงานการทำ นานๆ ทีถึงได้พบกัน ต่อให้พฤกษยุ่งแค่ไหนเขาก็อยากมาหาเพื่อน....ในเมืองเหล็กขนาดใหญ่แห่งนี้ การอยู่คนเดียวในสังคม...คือความโดดเดี่ยว

แม้แค่ไม่กี่ชั่วโมง หากมันทำให้พฤกษลบความรู้สึกนั้นไปได้ พฤกษก็อยากทำ...... วันนี้เพื่อนมาพร้อมหน้าพร้อมตา พฤกษสุดเหวี่ยงและดื่มไม่อั้น! เขานั่งแท๊กซี่มา กะแล้วว่าหากเมาก็จะนั่งแท๊กซี่กลับ

“เบาๆ มึงเหล้านะไม่ใช่น้ำชา....” เอกร้องบอกเพื่อน แต่มือกับรับแก้วจากมือเพื่อนไปเติม....ใหม่!?

“ตาหมายมึงเค้าไปคุยโวที่บ้านกูว่ามึงซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ ให้แก เลวนะ! ไม่เคยบอกเพื่อนเลย” ฟ้าแซวพฤกษ

บ้านของฟ้าไม่ได้อยู่ใกล้บ้านพฤกษเลย แต่บ้านฟ้าอยู่ในตลาด!

บอกแล้ว ไม่อยู่หรอกนะ ไอ้บ้านหลังนั้น หายใจหายคอไม่โล่ง.....แต่ตาหมายเขาอยากอวดครับท่าน ตาหมายเค้าขี้เห่อ*0*

“มึงไม่ต้องเลย... คนบางคนมันเอาแต่ใจ จะเอาอะไรกับกู เลิกกันไปแล้ว! เหอะ! กูไม่ได้อยากได้ไอ้บ้านนั่น กูบอกให้แม่เอาไปคืนแล้ว!” พฤกษเสียงอ้อแอ้

“มึงเลิกแค่ฝ่ายเดียวรึเปล่าวะ” ฟ้ายอกย้อน

พฤกษหันไปมองฟ้าตาขวาง “ไอ้ทรยศ! มึงพูดงี้หมายความว่าไง!”

เอกยื่นแก้วใหม่ให้พฤกษแล้วบอกว่า “พี่ธีเค้าบอกว่าจะมารับมึง มึงก็หนีเค้าไปบ้านแม่...มึงน่ะ เบื่อพี่ธีเองรึเปล๊า” ช่วยสุมไฟ

“ไม่เคยพูด! ไม่เคยโทรมาหา ไม่เคยขอโทษ.... ทำไมต้องมาขอโทษ ทำไมไม่พูดตั้งแต่วันนั้น พูดทำไมตอนนี้ มันกี่ปีแล้ว เอามาทำไมบ้าน กูไม่เอา!” พฤกษเริ่มหัวเสียและ....เสียสติ

พฤกษยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด “กูรักของกู! กูไม่เคยเบื่อพี่ธี! สัดเอก มึงอย่ามาสู่รู้! มึงนั่งอยู่ในหัวใจกูรึไง! หึ แล้วมึงรู้มั้ย? ตอนนี้กูก็ยังรัก ยังรอ....โง่ ไอ้หน้าโง่ โง่ โง่....” พฤกษด่าตัวเองไม่หยุด

โจ้จับหน้าเพื่อนให้หันมามองตัวเอง “หลังจากที่มึงมาอยู่ห้องกูหนึ่งอาทิตย์ พี่ธีบอกกูว่าไม่ได้จะเลิกกับมึง แต่พี่ธีติดงานมาหามึงไม่ได้ พี่ธีบอกว่าหากมึงจะอยู่ห้องกูก็อยู่ไป แต่หากพี่ธีกลับมาจากต่างประเทศแล้วพี่ธีจะมารับมึง”

“ไม่มีทาง.... ไม่มีทาง....” พฤกษยิ้มแบบผู้ชนะ

“พี่ธีโทรมาหามึง แต่มึงเมา พี่ธีฝากกูบอกมึง กูเขียนจดหมายบอกมึงไว้ก่อนออกไปทำงาน ไอ้ฟ้าก็อยู่ด้วย เช้าวันที่มึงโดนไล่ออกจากงาน!” โจ้บอกต่อ

“ไม่มี..... ไอ้ทรยศ! มึงทรยศกู! ทุกตัว! ทำไมต้องเสือกไสเพื่อนมึงไปให้คนที่เขาไม่ต้องการ! เพื่อนนอนแบบกูน่ะ เค้าจะหาที่ไหนก็ได้ แต่กูไม่ต้องการเป็นเพื่อนนอนของใคร! มึงได้ยินมั้ย? ได้ยินมั้ย?!” พฤกษเสียงแข็งใส่เพื่อน

“เวลาโมโห คนเรามันก็พูดอะไรออกมาก็ได้ แต่เขาขอโทษมึงแล้ว เขายังรักมึง มึงก็ยังรักพี่เค้า มึงก็ลืมๆ มันไปเหอะ จะทรมานตัวเองทำไมว๊า” ก้องที่เงียบมาตลอดพูดแทรกขึ้น

พฤกษลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเซซัดออกห่างจากเพื่อน พฤกษเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็สะดุดล้ม เพื่อนๆ รีบเข้าไปช่วยแต่พฤกษฮึดฮัดและปัดมือ ผลักเพื่อนๆ ให้ไปห่างๆ

“มึงตั้งสติดีๆ แล้วกลับไปลองคุยกับพี่ธีเถอะ กูว่ามึงเข้าใจอะไรผิดหลายอย่าง”

“เวลาเปลี่ยนหัวใจคนมันก็เปลี่ยน! มึงคิดเรอะว่าเขาจะเหมือนเดิม!” พฤกษบอกและทรงตัวเดินต่อไป

“ก็จริงของมึง แต่กูว่าไม่ใช่สำหรับทุกคน... มึงน่ะ เคยลืมพี่ธีได้บ้างมั้ย? ใจมึงน่ะเคยเปลี่ยนแน่เหรอ?” โจ้ตั้งใจพูดให้จี้ใจดำ

พฤกษไม่สนใจเพื่อน

เขาเดินเซไปเซมาจนมาถึงริมถนน เขาโบกรถแท๊กซี่คันหนึ่ง และเดินเข้าไปในรถ บอกจุดหมายและนั่ง...ใจลอย

เสียงเรียกเข้าจากมือถือดังขึ้น พฤกษก้มลงมองดูเลขหมาย------ แม่

“ครับแม่” พฤกษพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด

“ลูก แม่โทรหาพี่เค้าแล้วนะ แต่พี่เค้าไม่รับคืน พฤกษไปคุยกับพี่เค้าเองนะ แม่พูดอะไรไม่ได้มาก พ่อยังไม่รู้เรื่อง.... แม่ไม่อยากบอกอะไรพ่อตอนนี้ ลูกๆ ไปคุยกันก่อนนะ ได้มั้ยลูก?” แม่บอกลูกชายด้วยเสียงที่อ่อนโยนระคนเป็นกังวล

“เค้าไม่รับก็ช่าง เราไม่เอา ส่วนพ่อผมจะบอกพ่อเอง!” พฤกษเสียงแข็ง

“.......... ถ้าพี่ธีเค้ายังรักลูกมาตลอดล่ะพฤกษ ลูกน่ะ ยังรักพี่ธีอยู่ใช่มั้ย? .....ให้อภัยคนที่รักมันยาก หากต่างคนต่างยังรักกันอยู่ แม่ว่ามันสำคัญกว่านะ” แม่พูดกับลูกชายด้วยความอ่อนโยน

“อะไรนะแม่?!” พฤกษมึนงงในความหมายของแม่ รักอะไร? ยังไง?.... จริงอยู่ว่าตั้งแต่วันที่ไปดูบ้านมา แม่ก็รู้ว่าเขากับพี่ธีโกรธกัน แต่อันที่จริงแล้วแม่อาจรู้มาตลอดอยู่แล้วก็ได้

แต่แม่รู้แค่นั้น...ไม่ใช่เหรอ?!

แล้วรักที่แม่ว่ามานี่คืออะไร?

“เฮ้ออ...... พ่อเค้าไม่ได้รู้ด้วย แม่ยังไม่ได้บอกพ่อ แม่กลัวว่าพ่อจะทำใจไม่ได้”

“อะไรแม่?!” พฤกษยิ่งมึนงงในความหมายของแม่

“แม่ไม่รู้หรอกนะว่าก่อนนี้ลูกทะเลาะอะไรกับพี่ธีจนต้องเลิกกัน แต่กี่ปีแล้วที่แม่เห็นลูกอยู่แบบทรมานใจอย่างนี้... อย่างน้อยนะ ไปคุยกันให้ลูกเรื่อง หากลูกไม่รักพี่ธีแบบนั้นแล้วจริงๆ ก็บอกพี่เค้าไป ให้เราสบายใจกันทั้งสองฝ่าย.... ถือว่าแม่ขอร้องนะพฤกษ เห็นลูกเป็นแบบนี้แล้ว แม่ไม่เคยสบายใจเลย แม่หลับไม่เต็มตาเลยพฤกษ แม่ละอายใจมาตลอด ถึงพี่ธีบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่แม่ก็ยังรู้สึกไม่ดีไม่หายอยู่ดี” แม่พูดเจื้อแจ้วโดยที่พฤกษประมวลผลไม่ทัน

ด้วยฤทธิ์ของเมา พฤกษจึงอ้าปากถามแม่ของตัวเองแบบสั้นๆ “แม่... พี่ธีกับพฤกษเป็นอะไรกัน? แม่คิดว่าพวกผมรักกันในความหมายไหน?”

“หื๊อ.... ก็เป็นแฟนกันน่ะสิ! รักก็คือรัก มันจะแบบไหนล่ะลูก หรือลูกจะถามอะไร แม่เริ่มงงแหละนะ” แม่ย้อนถาม

“แม่รู้ได้ยังไงว่าผมกับ.....” จะเอ่ยคำนั้นก็ลำบากใจ “เขา เป็นแฟนกัน?”

“ก็ตอนนั้นพี่ธีเขาโทรมาขอโทษลูก เขาขอคืนดีกับลูก เขาบอกว่าเขารักลูก... บังเอิญแม่รับสาย แล้วพี่เค้าไม่รู้ว่าเป็นแม่ พี่ธีเค้าคิดว่าเป็นลูกน่ะ” แม่บอก

“เมื่อไหร่ครับ?” พฤกษใจสั่น

“ช่วงวันหยุดสงกรานต์.... ก่อนที่ลูกจะเปลี่ยนงานไง” แม่นึกถึงช่วงเวลานั้น

พฤกษใจหายวาบ ตั้งแต่เริ่มทำงานเขาเปลี่ยนที่ทำงานเพียงครั้งเดียว...และไม่เคยเปลี่ยนอีก!

............

...........

..........

.........

........


“...... มันนานมาแล้วครับแม่ ช่างมันเถอะ! แม่ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ!” พฤกษบอกคำที่ตัดสินไว้ในใจกับแม่---ไม่ย้อนกลับไปอีกแล้ว .... ความรักสำหรับพฤกษ มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน

“ยังไงก็ต้องไปคุยกับพี่ธีเค้านะ ผัวเมียกันตัดยังไงก็ตัดไปขาดหรอกลูก.... อุ้ย! พ่อมาแล้ว แม่วางก่อนนะลูก!”

“แม่!!!!!” พฤกษกรอกเสียงดังสนั่นไปยังปลายสายที่ชิงวางไปก่อน

............

...........

..........

.........

รู้ไปถึงไหน?! แม่รู้ไปถึงไหน?!

........

.......

......

.....

....

...

..

.


พฤกษเดินซัดเซลงจากรถแท๊กซี่ เขาเดินเข้าไปในตัวตึก รถคันหนึ่งที่ขับตามหลังมาตลอด หยุดอยู่หน้าหอพักของพฤกษ

ไม่มีใครสังเกตุ ไม่มีใครรู้.... คนที่ขับรถเห็นเป้าหมายเดินเข้าไปในตึกแล้ว เขาจึงหักพวงมาลัยกลับออกไปจากทางเดิม

รถคันนี้จอดอยู่นอกร้านอาหารแนวคันทรีนั้นมาตลอดตั้งแต่พฤกษและเพื่อนๆ เริ่มเข้าไปในร้าน

ทุกคำพูดที่พวกเขาพูดคุยกัน ถูกถ่ายทอดผ่านโทรศัพท์ของ----ก้อง

....

...

..

.

หากใจคนยังไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา...... เขาก็มีทางให้เดินไปหาคนคนนั้น

....

...

..

.

“พฤกษถึงหอแล้วนะครับ ขอบคุณพวกเรามาก” คนที่ถือพวงมาลัยบอกทุกคนที่อยู่ปลายสายซึ่งต่างยังนั่งดริ๊งส์อยู่ที่ร้าน

“ครับพี่ ให้ช่วยอะไรก็บอก” ก้องบอก

“พี่ธี คืบหน้ายังไงบอกกันบ้างนะครับ” ฟ้าบอก

“แล้วแม่จะเป็นอย่างที่โจ้บอกมั้ย?” ธียังสงสัย

“เป็นสิพี่ ผมรู้นิสัยน้าสร้อยแกดี หากแกไม่โกรธพี่ธีนะ ยังไงแกก็ต้องบังคับให้ไอ้พฤกษมาพูดกับพี่เองอยู่ดี ว่าแต่กุญแจอยู่ที่มันหรือแม่ล่ะ” โจ้บอก

“แม่บอกว่าให้กับพฤกษมาแล้ว” ธีบอก

“งั้นก็รอไป” โจ้บอก

“พี่ธี ผมสั่งเด็กๆ ไป “อุ้มตัว” ให้ได้นะ เดี๋ยวจะเอามันไปทิ้งให้ที่เกาะร้าง รับรองเนียน.... ถือเป็นวิธีสุดท้ายละกัน” เอกบอกพี่ธี....

เด็กๆ ก็คือเหล่านักฟุตบอลที่เขาเป็นโค๊ชนั่นแหละ ไม่ใช่มาเฟียที่ไหน พวกเล่นกีฬาแรงจะดี ไอ้พฤกษสู้แรงไม่ไหวแน่ 55555+

“อี๋----------”


เสียงชมเชยดังลอยฟุ้งขึ้นมาจากในวง.... วงแตกในทันควัน!!


....

...

..

.


****************

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 20:35:50
เย้ ในที่สุดพฤกษ์ก็รู้ซะที
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 20:57:46
 :เฮ้อ:

เหนื่อยใจกับพฤกษจริงๆเนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-04-2012 21:01:29
เอาอีกๆๆๆๆๆๆงานนี้ไม่มีไอติม



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 21:04:50



วันที่สับสนอลหม่าน เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่.....ตีห้า

ผู้คนในสนามหญ้าด้านนอกกำลังจัดพุ่มดอกไม้... ทางเดินถูกปูไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ผู้คนต่างเดินขวักไขว่อยู่ในบริเวณนั้น.... ทั้งในสนามหญ้าและตัวอาคารทรงโดมกว้าง

เสียงเริ่มดังโหวกแหวกทันทีที่แสงอาทิตย์เริ่มเยื้องย่างขึ้นมาจากขอบฟ้า.... แปดโมงเช้าคือเวลาที่งานจะเริ่มต้นขึ้น

“หลิว เตรียมนะ เดี๋ยวพี่จะเดินเช็คเป็นส่วนๆ” พฤกษสั่งพนักงานของตัวเอง

เธอรับคำและป่าวประกาศผ่านไมค์ เสียงเฮรับคำดังมาจากทุกจุด.... พฤกษเริ่มตรวจความเรียบร้อยไปตามจุดที่เรียงลำดับความสำคัญเอาไว้

สักพักใหญ่ พฤกษก็เดินมาที่บนเวที..... เขาบอกให้เด็กที่เดินสายไฟอยู่ อย่าลืมเก็บสายไฟที่พาดหมิ่นแหม่อยู่ตรงทางขึ้นลง---- หากเดินแล้วเกิดสะดุดตอนงานเริ่มไปแล้ว คงเป็นภาพไม่น่ามอง

ขณะที่เขาจะเดินลงมาจากเวที เขาก็ชนกันคนคนหนึ่งเข้า---- กลิ่นอ่อนๆ หนึ่งโชยติดจมูก.... กลิ่นนุ่มละมุมที่แสนคุ้นเคย

พฤกษไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง เขาแน่ใจว่าคนที่เขาเดินชนนั้นใคร!!

ลืมแล้ว! 

ท่องมาตลอด..... แต่อันที่จริงแล้วกลับจำได้ทุกอย่าง ทั้งเบอร์โทรของเขา ทั้งกลิ่นของเขา ทั้งเสียงของเขา....

แต่พฤกษเจ็บและจำ! เข้าใจผิดแล้วยังไง?

ทำไมปล่อยจนเวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้!

นี่รักแล้วเหรอ?!

“นักเปียโนขอซ้อมมือก่อนเวลา ไม่ทราบว่าจะรบกวนการทำงานหรือเปล่าครับ?” คนที่ไม่หลีกทางให้พฤกษเอ่ยถาม

“เชิญครับ” พฤกษบอก แล้วหันไปบอกพนักงานของตัวเองที่ยังเดินสายไฟอยู่ “เปียโนพร้อมรึยัง? นักเปียโนจะขอซ้อมก่อน”

“เหลือแค่เสียบปลั๊กครับพี่พฤกษ มาซ้อมได้เลยครับ!”

“เชิญครับ” พฤกษหันมาบอกอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หลีกทางให้เขา พฤกษกลับหลังหัน และเดินไปทางหน้าเวที กะว่าจะโดดลงไปแทนเดินลงจากบันได

“คุณพฤกษครับ” เสียงหนึ่งเรียกเขา----เป็นคนละเสียงกัน

“ครับ” พฤกษหันไป

ชายคนหนึ่งเดินถือสมุดและถุงกระดาษมาทางเปียโน พฤกษเดินเข้าไปหาเข้า “ต้องการอะไรเพิ่มรึครับ?”

“ผมอยากลองแบบไม่เสียบสายก่อน แล้วค่อยลองแบบเสียบสายทีหลัง ผมอยากทดสอบเสียง... หากมันพอดีแล้วผมไม่อยากให้เสียบเครื่องขยายเสียงน่ะครับ ไม่ทราบว่าทำแบบนี้จะเป็นการรบกวนทางคุณมั้ยครับ?” นักเปียโนถามเขา

“อ๋อ! ได้ครับ! เดี๋ยวผมสั่งคนไว้ คุณบอกเขาได้เลยครับ....ขาม เก็บสายเสร็จช่วยอยู่กับคุณเค้าหน่อยนะ เผื่อเปียโนหลังนี้จะไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียง สรุปได้ยังไงมาบอกพี่ด้วย จะได้ไม่ผิดคิว” พฤกษบอกพนักงาน และหันหน้ากลับมาบอกนักเปียโนให้ตามสบาย

ก่อนที่พฤกษจะเดินไปทางบันไดทางลงเวทีซึ่งเวลานี้ไม่ร่างของคนที่ไม่พึงประสงค์อยู่ตรงนั้นแล้ว นักเปียโนก็เรียกเขาไว้อีก

“มีคนฝากมาให้ครับ” พฤกษยื่นมือไปรับถุงกระดาษ ทันทีที่ถุงมาอยู่ในมือพฤกษ นักเปียโนก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้และเริ่มทดสอบเสียง

พฤกษเห็นของที่อยู่ในถุงแล้ว... เขารู้ว่ามันคืออะไร มันคือสิ่งเดียวกับที่คุณเชนและคุณดาถือติดมือมาให้เขาทุกครั้งที่ได้เจอกัน.... พอดีเลย.. วันนี้เขามีของอีกอย่างที่ต้องคืน--- เขา!

....

...

..

.

ก่อนงานเริ่ม 30 นาที

พฤกษเดินเข้าไปด้านหลังของธี เขาเอาถุงกระดาษใส่เข้าไปในมือธี ธีสะดุ้งตกใจและหันหลังกลับมา

“หยุดสักทีนะครับ เอาคืนไปให้หมด! มันจบมานานแล้ว! อย่ารื้อฟื้น! คุณเสียเวลาเปล่าๆ” พฤกษพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน

หากคืนกันเป็นการส่วนตัว อีกฝ่ายต้องไม่รับแน่.... พฤกษต้องฉวยโอกาสนี้ และทันทีที่เสร็จงาน เขาจะกลับก่อน ไม่รออยู่เก็บของด้วย...

“ไม่รักกันแล้วเหรอครับ ไม่เคยคิดถึงกันเลยเหรอครับ เรื่องที่พลาดไปแล้วน้องให้อภัยกันไม่ได้เลยเหรอครับ เรารักกันไม่ได้อีกแล้วเหรอครับ” ธีถามเสียงแผ่ว

“ไม่ได้ครับ! และโปรดหยุดสักที!” พฤกษพูดสียงแข็ง

....

...

..

.

แค่พูดก็จบ...งั้นเหรอ?

แค่พูดก็หาย...งั้นเหรอ?

แล้วไม่ใช่คำพูดงั้นเหรอที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนั้น?!

คนพูดอาจลืมมันไปง่ายๆ

แต่คนฟังนั้น เขาฟังด้วยความรู้สึกยังไง..... เคยรู้บ้างมั้ย?

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 21:10:22
พูดไปแล้วพฤกษต้องแอบเจ็บเองด้วยแน่

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ (ต่อ ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 21:22:38


งานจบลงด้วยดี พิธีปิดงานกำลังเริ่มขึ้น พฤกษโล่งใจและคว้าแก้วน้ำมาดื่มดับกระหาย ทว่า พอจรดริมฝีปากกลับพบว่าแก้วมันผิดปกติไป

“แก้วอะไรวะ เย็นฉิบ!” พฤกษบ่นกับตัวเอง และไม่นานเขาก็เห็นว่ามันคืออะไร.....

เห็นแล้วก็เปรี้ยวปากอยากกินขึ้นมาไม่ได้ พฤกษยื่นมืออีกข้างไปหยิบช้อนมาตักไอศครีมเข้าปาก----มะไฟ  รสชาติเหมือนที่กินตอนอยู่มหาลัย..... กินแล้วเพลิน หมดไม่รู้ตัว

กี่ปี่แล้วก็ไม่รู้ ไม่อยากนับแล้ว แล้วก็ไม่อยากจำ ช่างมัน! ก็แค่ไอศครีม.... พฤกษถอนหายใจ

“พี่พฤกษจะกลับตอนไหนครับ” พนักงานในทีมของพฤกษเข้ามาถาม

“เดี๋ยวกลับเลย โทษทีนะไม่ได้อยู่ช่วยตอนเก็บ พี่มีธุระอีกที่” พฤกษบอก

แขกเริ่มลุกและทยอยกันกลับ คนในงานที่ยังอยู่คุยเล่น และคุยกับเจ้าภาพมีเหลือประมาณครึ่งหนึ่งจากเดิม...

หากกลับตอนนี้ถือว่าไม่เสียมารยาทนัก พฤกษเตรียมตรวจของในกระเป๋าว่าลืมอะไรรึเปล่า... ขณะที่เขารูดซิปเปิด

กล่องใบหนึ่งมาอยู่ในกระเป๋าเขา...

กล่องใบเดิมที่ถูกส่งไปส่งมา.....

พฤกษถอนหายใจและรูดซิปปิดมัน----- ไว้ค่อยหาวิธีคืนทางอื่น

....

...

..

.

“ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ ดวงดาวจะหายไปไหน”

เสียงชายคนหนึ่งพูดผ่านไปไมค์ เสียงนั้นหยุดไปชั่วอึดใจ จากนั้นเสียงเดิมจึงกล่าวต่อ..... “ฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะเป็นอย่างไร แต่ฉันรู้หัวใจของฉัน”

เสียงหยุดไปชั่วขณะ เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นตามมา.... ผู้ที่มาร่วมงานและนักแสดงซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากหลังเวทีต่างเหลียวหลังแลหน้า ชะเง้อคอมองหาต้นเสียงที่ไม่มีที่มาที่ไปนั้น

เสียงที่ราบเรียบ เสียงที่เหมือนใครสักคนกำลังบอกเล่าสู่กันฟัง เสียงทุ้มนุ่มละมุนไปถึงหัวใจ.... คนบางคน

นักเปียโนซึ่งเดิมนั่งอ้อยอิ่งอยู่บนเวทีลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เขาลุกขึ้นมาเก็บสมุดโน้ต และเอาสมุดโน้ตอีกอันที่วางไว้บนเปียโน มาวางแทน......ไม่นานนักเสียงลึกลับเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“จะมีเพียงเธอ....รักเพียงแต่เธอ จะโอบกอดเธอด้วยรัก ด้วยความห่วงใย”

ขาคู่หนึ่งพาชายคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที เมื่อชายคนนั้นเดินไปที่เปียโน เขายังคงก้มหน้าและยกไมค์ขึ้นมาใกล้ปาก....กล่าว “ใจฉันมอบให้เธอ มันเป็นของเธอรู้ไหม”

เขาเงยหน้าขึ้น หันหน้ามาหาผู้คน แล้วกล่าว “ทุกคำ....มันกลั่นออกมาจากหัวใจ”

พูดจบเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ โดยหันหน้าเข้าหาเปียโน นักเปียโนคนเก่า เอาไมค์ไปจากเขา และเสียบเข้าที่ขาไมค์ให้ ชายเจ้าของเสียงลึกลับสำหรับคนอื่น ทว่าเป็นคนเคยคุ้นสำหรับพฤกษยกมือขึ้นวางเนือแป้นคีย์

เสียงระบายลมหายใจดังลอดเข้ามาในไมค์ราวกับเขากำลังรวบรวมสมาธิ

เมื่อทุกอย่างพร้อม เขาจึงเอ่ยออกมาอีกว่า

“เราจะลอยข้ามฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกลาย.... เพลงนี้เพื่อเธอ มันเป็นของเธอรู้ไหม  ฉันสัญญา ฉันจะดูแลเธอจากนี้ และตลอดไป”

สิ้นคำพูดนั้น ชายหนุ่มลึกลับก็บรรเลงเพลงหนึ่งขึ้นมา อย่างช้าๆ ทว่าตรึงทุกความประทับใจ.....

http://www.youtube.com/watch?v=hxXhAeUchg4&feature=related

.......

.....

....

...

..

.


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] วรรคสิบ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 06-04-2012 21:24:32
ให้โอกาสพี่ธีอีกสักครั้งนะพฤกษ  :sad4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-04-2012 21:39:18
มือกด f5
ปากก็กระอัดเลือดออกมาเป็นลิ่ม


อย่าใจแข็งเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 22:06:21
เอาล่ะสิงานนี้ไม่ใจอ่อนให้มันรู้ไป
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 22:06:29

เสียงเพลงนุ่มหวานจากการพรมนิ้วไปบนแป้นเปียโนดังกึกก้องไปทั่วห้องจัดงาน ทุกครั้งที่นิ้วมือนั้นกดลงบนไปในแต่ละคีย์ หัวใจของพฤกษราวกับฟองฟูมากขึ้น มากขึ้นจนเจียนที่จะระเบิด

คนที่กำลังดีดเปียโน....

คนที่นิสัยแข็งในแบบผู้ชาย...

คนที่อายแม้กระทั่งนั่งกินไอศครีมคนเดียวในร้านก็ยังไม่กล้า...

คนที่ไม่เคยจับมือแฟนตอนอยู่ข้างนอก...

คนที่....... ภาพในอดีตมากมายของคนคนนั้นลอยพรั่งพรูขึ้นมาจากหีบแห่งความทรงจำ ------------นับแต่วันที่เจอหน้ากัน เดินจากกัน และกลับมาเจอกันอีกครั้ง....























วันที่ได้นั่งทานไอศครีมด้วยกันและได้รู้จักกัน....เป็นครั้งแรก

วันที่เขาขับมอเตอไซด์ย้อนกลับมาส่งเขาที่หอ...

วันที่เขานั่งรอส่งเขาขึ้นรถ..เพื่อกลับบ้าน และเขาต้องเดินไปที่ท่ารถของตัวเอง

วันที่เขารับกระทงใบนั้นไปอธิษฐานต่อ....ด้วยหน้าปุเลี่ยน

คืนที่เขาบอกว่า “คบกันมั้ย” .....

คืนที่เขาโบกมือให้เขา....เขาคงไม่รู้หรอกว่าหน้าเขานั้นแดงขนาดไหน

วันที่ได้กินไอศครีมถ้วยเดียวกัน.... เป็นครั้งแรก และเขาบอกว่า “เออ มะไฟก็อร่อยดีนะ”

จูบแรกในค่ำคืนที่หนาว... แต่สุขล้นหัวใจ

ครั้งที่ได้เจอกันหลังจากที่ต้องห่างกัน.... กอดที่เขาต้องเดินเข้าไปหา... เขารู้ว่าเขาลุกไม่ขึ้น...เขารู้จักแฟนตัวเองดี

คืนแรกที่ทดสอบความหนาของผนังห้อง... ความหวานที่ติดตรึงใจตราบจนวันนี้

ทุกวัน ทุกคืน ทุกเดือน ทุกปี ทุกนาทีและชั่วโมง.... ยังคงอยู่

มันไม่เคยหายไป และมันกำลังกลับมาตอกย้ำ
ให้พฤกษได้------รู้ตัว

.......

......

.....

....

...

..

.













คำสัญญาเดิมถูกรื้อฟื้นอีกครั้ง ทั้งที่คำสัญญาในครั้งนั้นสะบั้นไปด้วยคำคำเดียว

‘เออ! เบื่อนักก็เลิกกันไปเลย จบมั้ย จบกันสักที พี่ก็รำคาญเป็นเหมือนกันนะ งี่เง่า!’

‘ถ้าอยู่แล้วทำดีได้แค่เป็นเพื่อนนอน ก็พอเหอะ แบบนั้นหาที่ไหนก็ได้!’


.....

จากคนคนเดียวกัน









....

...

..

.

จะเชื่อได้อีกหรือไม่.... พฤกษต้องชั่งหัวใจตัวเอง

ระหว่างที่เพลงนี้ยังบรรเลงพฤกษยังมีเวลาใคร่ครวญ.... เมื่อเขาหลับตา

























....

...

..

.

คำตอบมันอยู่ตรงหน้าเขาเสมอ เพียงแค่เขาไม่สนใจที่จะมองมัน

คำตอบมันลอยอยู่ในทุกลมหายใจ เพียงแต่เขาไม่ยอมรับมัน


















....

...

..

.

พฤกษไม่เคยลืมเขาได้เลย แม้เคยคิดว่าตัวเองลืมไปได้แล้ว แต่แท้จริง... “รัก” ยังซุกซ่อนอยู่ในหัวใจของพฤกษโดยที่พฤกษนำมันใส่ลิ้นชักแล้วล็อคมันไว้.... และรอ

รอคอยโดยไม่รู้ตัว......






....

...

..

.


ดนตรีบรรเลงทวนมาเป็นรอบที่สอง ทุกผู้ทุกคนที่อยู่ในงานนั้นต่างนิ่งสงบ เคลิ้มไปกับท่วงทำนองที่หวานนุ่มละมุนนั้น...

เมื่อเริ่มรัก คุณควรทำใจไปด้วย.... มีคนหนึ่งเคยพูดไว้

....

...

..

.


เสียงบรรเลงหยุดลง ชายที่ดีดเปียโนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันมาทางหมู่คนดูที่นั่งรายล้อมเวทีเป็นรูปทรงครึ่งวงกลม เขาโดดลงจากหน้าเวที และเดินตรงมา...เรื่อยๆ

เรื่อยๆ.......................

เขามาหยุดยืนอยู่ที่เก้าอี้รวมของเหล่าสต๊าฟ

เขาหยุดอยู่ตรงหน้าของคนที่ใส่ชุดของสต๊าฟคนหนึ่ง

เขาจ้องใบหน้าของคนคนนั้น และยกไมค์ขึ้นมา.....

“ต่อให้โลกสลายหายไปกับตา ต่อให้ดาวบนฟ้าลบเลือนห่างไกล..... ใจผมให้คุณ มันเป็นของคุณรู้ไหม ทุกคำมันกลั่นออกมาจากหัวใจ”

เสียงทุ่มนุ่มเรียบทว่ามีจังหวะในแบบของตัวเองดังแหวกเสียงฮือฮาที่ค่อยๆ เริ่มดังขึ้น

“เราจะลอยข้ามฟ้า ท่ามกลางหมู่ดาว จะไม่มีความเหงาเข้ามากล้ำกลาย.... เพลงนี้เพื่อคุณ มันเป็นของคุณรู้ไหม ผมสัญญา ผมจะดูแลคุณจากนี้ ตลอดไป”
















‘ตลอดไป’
คำสั้นๆ หนึ่งคำ แต่เสียงของผู้พูดหนักแน่นมั่นคง สายตาของเขา บอกล่าวความจริงใจและมั่นใจแก่ผู้รับสารของเขา

กึก----ไมค์ถูกวางลงบนโต๊ะใกล้มือ มือหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อ ไม่มีกล่องเก๋ๆ ไม่มีถุงสวยหรู ไม่มีแม้การห่อหุ้ม ไม่มีแม้กระทั่งริบบิ้น...


แค่แหวนทองเกลี้ยงเกลาที่พฤกษเคยชี้ไว้ว่าจะเอาอันนี้


.... ลายเรียบง่าย ทว่าต้องสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ บ่งบอกว่ามันคือวงเดียวกับเมื่อครั้งก่อน... และเขายังคงกลับไปเอามันมา เขาเก็บมันไว้ เพื่อนำมันมาให้เขา พร้อมกับสัญญาที่เคยให้ไว้!!!



มันเป็นของคุณรู้ไหม ผมสัญญา ผมจะดูแลคุณจากนี้ ตลอดไป-----------

















“ถึงโกรธยังไง แต่ก็ยังรัก... พี่เชื่อมาตลอด” ธีทวนคำที่เขาท่องไว้ในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้อีกฝ่ายฟัง

........

......

.....

....

...

..

.

“ความรัก” เกิดขึ้นได้ง่ายๆ....

.....

....

...

..

.

และความรักก็จบลงได้ง่ายๆ

.....

....

...

..

.

แต่หากรู้ว่า “รัก”

หากรู้ว่าอีกฝ่ายก็ยังรัก

หากต่างก็ยังรัก

แล้วเราจะทรมานตัวเองไปทำไม

เมื่อฝ่ายที่ทำผิดสำนึกผิด จงวางอดีตไว้ข้างหลัง หากโกรธอยู่ก็จงให้อภัยซะ

วันนี้ที่มีเรา วันนี้ที่เราต่างยิ้มให้กัน.... ความอบอุ่นนี้สิที่น่าเก็บรักษามันเอาไว้

.....

....

...

..

.






















เอวัง


ขอบคุณอย่างสุดซึ้งกับวง [วัชราวลี] ที่สรรสร้างเพลง “ลูกอม” นี้ขึ้นมา
ขอขอบคุณการบรรเลงของคุณ [ตองพี] ที่ช่วยประกอบงานนี้ให้มีตัวตน
ขอบคุณอีกครั้งด้วยใจ......
ผู้เขียน







หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 22:13:55
โอ้ววววว ตกลงเค้ากลับมารักกันอีกครั้งใช่มั้ย
อ่านแล้วใจละลายไปกับเพลงลูกอม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 06-04-2012 22:53:53
ทิ้งอดีตที่เจ็บปวดไว้ด้านหลังมุ่งตรงสู่อนาคตที่มีแต่ความสุขดีกว่า  เนอะ

 :กอด1:

ขอบคุณเรื่องราวหน่วงๆแต่แฮปปี้ในตอนจบ (ที่คิดเอาเองว่าพฤกษอภัยและรับรัก)

 :pig4:

รอผลงานต่อๆไปค่ะ  หรือจะมีตอนพิเศษหวานๆของทั้งคู่เมื่อกลับมาอยู่ร่วมกันก็ได้  รอค่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว [เวลาต่อมา]
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-04-2012 23:15:20
 :impress2: ไม่อยากรู้ [เวลาต่อมา] กันหรือคะ?
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-04-2012 23:17:08
อยากรู้จ๊ะ แต่ไม่ใช่ เวลาต่อมา
แล้วมันจะ แซด เหมือนเรื้องก้าว เน้อออ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-04-2012 23:26:19
 :กอด1:จบซะแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 06-04-2012 23:53:29
อยากได้ ตอนพิเศษ แบบ หวานๆ อ่ะ   นะนะนะนะนะนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-04-2012 00:42:13
ต่อมา เลยค่า
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-04-2012 01:03:18
อยากอ่านเวลาต่อมา จ้า

ลงให้อ่้านด้วยนะจ๊ะ please....
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 07-04-2012 01:09:51
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วปวดตับที่สุดเรื่องนึง แล้วก็เป็นเรื่องที่จบได้อิ่มเรื่องนึง  o13

ปล.หวังว่า เวลาต่อมา จะไม่เศร้านะครับ   :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-04-2012 01:49:18
ลุ้นจนเหนื่อย
นานแค่ไหนพฤกษก็ยังรอ
นานแค่ไหนพี่ธีก็ไม่ท้อที่จะตาม
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 07-04-2012 01:59:58
[เวลาต่อมา]    ในวันทำงาน





เสียงนกร้องระเบ็งเซ็งแซ่….ปลุกคนที่ยังนอนซุกอยู่ในเตียงให้ลืมตาขึ้นมา

เขาขยับตัว… เสียงลมหายใจจากใครอีกคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง

เขาขยับตัวพลิกไปหาอีกฝ่าย

แขนที่ยังกระหวัดรัดเขา… คลายลงจากในตอนแรก--- ของเมื่อคืน…. ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ผลักดันรอยยิ้มของเขาขึ้นมาพร่างพรายอยู่บนใบหน้า

เขายื่นปลายนิ้วชี้ไปลูบไล้ที่ข้างแก้ม ไล้เลื่อนลงมาตามรอยแนวของเคราจางๆ…. คนคนนี้--- หน้าไม่ให้แต่มือไวชะมัด!

เขายื่นหน้าเข้าไปจูบอีกฝ่ายซึ่งยังนอนหลับอยู่… เขาค่อยๆ ขยับตัวให้หลุดออกมาจากวงแขนของอีกฝ่าย---ลำบากหน่อยแต่ก็หลุดมาจนได้

เขายืนขึ้นบนพื้นด้วยร่างกายเปลือยเปล่า… ช่วงนี้แทบไม่ต้องใช้ชุดนอน ถึงใส่ก็โดนถอด

ถึงถอดแล้วใส่….ตื่นเช้ามาก็ยังถูกถอดอีกอยู่ดี!!------ ขยันจริ๊ง พ่อคุณ!

…..

….



..

.

เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ คนที่นอนอยู่บนเตียงยังคงนอนอยู่… ไม่ใช่เวลาที่คนคนนั้นจะตื่น แต่สำหรับเขา เขามีสิ่งที่ต้องทำ

เขาเดินออกไปจากห้องนอน ปิดประตูอย่างเบามือ และเดินลงบันไดไปที่ชั้นล่าง

เขาเดินไปที่หน้าประตู หยิบลูกกุญแจจากในกล่องที่แขวนไว้ตรงข้างฝา เขาเอากุญแจไขเปิดประตูไม้และประตูเหล็ก

เขาเดินออกไป อากาศกำลังดี…. เขายืนนิ่งๆ สักครู่ ฟังเสียงผู้คนที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่รายรอบ… ผู้คนกำลังตื่นจากการหลับ บ้างก็ตื่นนานแล้ว และบ้างก็กำลังจะออกเดินทาง----เหมือนเช่นเขา

เขาหันหลับมาปิดประตูไม้ แต่ไม่ได้ล็อคกุญแจ…เขาล็อคกุญแจแค่ส่วนของประตูเหล็ก จากนั้นเขาจึงเดินไปที่ส่วนของที่จอดรถ ลากจักรยานคันหนึ่งออกไปทางประตูบ้าน เขาล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมาอีกครั้งเพื่อไขประตูรั้วของบ้าน…. เขาลากจักรยานไปจอดไว้ด้านนอก และหันกลับมาล็อคมัน

เขาเอากุญแจใส่คืนไปในกระเป๋ากางเกง และตบที่กระเป๋ากางเกงอีกข้าง----โอเค ไม่ลืมตังค์ ไปได้!

ทันทีที่เขาขึ้นขี่จักรยานและกำลังจะปั่นออกไป เสียงหนึ่งดังขึ้น “อาตี๋”

เขาหันกลับไปหาเสียงเรียก “ครับม่า มีไรครับ?”

“อาตี๋ปายตาหลาดช่ายม๊าย ม่าฝักซื้อผักชีโหน่ย” อาม่าร้องบอกเขา

“ครับม่า เอาคนละครึ่งนะ” เขาบอก…ปกติ เขาจะซื้อมา 10 บาทและแบ่งกับอาม่าข้างบ้านคนละครึ่ง ใช้ให้หมดเป็นวันๆ ไป

เขาลาอาม่าแล้วปั่นจักรยานไปที่ท้ายหมู่บ้าน…. หน้าหมู่บ้านเป็นถนนใหญ่ แต่ท้ายหมู่บ้านเป็นของคนในพื้นที่นี้เดิม คนที่อยู่กันมาก่อนที่บ้านจัดสรรของเขาจะมาสร้าง… ผักปลูกเอง ขึ้นตามฤดูกาล มีไงก็กินงั้นไป หากต้องการอะไรนอกเหนือจากนั้นชาวบ้านเขาก็มีเอามาขาย…แต่เขาชอบซื้อกับร้านเล็กๆ ที่ชาวบ้านแถวนี้ปลูกไว้กินเองในสวน เหลือกินก็นำมาขาย

ที่ตลาดมีปาท่องโก๋เจ้าอร่อยร้านหนึ่งหลบมาซุกซ่อนอยู่ตรงนี้ได้ไงก็ไม่รู้…. เขาชอบมาซื้อไปเยอะๆ เผื่อพนักงานคนอื่นๆ ในบริษัท ซาลาเปาทอดของเขาก็อร่อย ไม่มัน แป้งเหนียวนิดนึง เคี้ยวมันดี.... คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงในบ้านชอบมาก

“อ้าว! วันนี้มาสายนะ เอาเท่าไหร่ล่ะ?” เจ้าของร้านที่กำลังทอดซาลาเปาเอ่ยถามเขา

“ปาท่องโก๋ 50 บาท ซาลาเปา 3 ลูกพอครับ” เขาบอก

“รอแป๊บนะ เดี๋ยวเอาเปาในกระทะ โก๋ 50 บาทลูก” เจ้าของร้านบอกเขาและหันไปสั่งลูกสาวให้หยิบปาท่องโก๋ใส่ถุงไว้เลย

“เดี๋ยวผมมาเอานะครับ” เขาบอกเจ้าของร้าน และเดินลึกเข้าไปในฝั่งที่ขายผัก…

ผักชีให้อาม่า…แบ่งกันคนละครึ่ง

วันนี้มีผักกวางตุ้งกับตำลึง------เอาตำลึงผัดเห็ดหอมดีกว่า!

เขาหยิบตำลึงจากคุณยายที่ซื้อกันประจำมาสองกำ และผักชีหนึ่งกำ จากนั้นถึงเดินไปที่ร้านผักร้านใหญ่เพื่อซื้อเห็ดหอมสด

เขาเดินกลับมาที่ร้านขายปาท่องโก๋ ลูกสาวเจ้าของร้านยื่นของให้เขาพร้อมบอกราคา เขาจ่ายเงินแล้วเดินหิ้วถุงไปที่รถจักรยาน

เขาปั่นกลับบ้านอย่างเมามัน… นับว่าสายแล้ว แต่ก็ยังทันสำหรับการเตรียมอาหารมื้อเช้า----ต้องรีบหน่อย! ลืมหุงข้าวจนได้!

เขาไม่อยากให้อีกคนที่นอนหลับอยู่ กินอาหารถุงบ่อยๆ รายนั้นผอมเอาผอมเอา…. ถ้าปล่อยให้ไปหาข้าวกินเอง รายนั้นก็------กินพอให้อิ่มอย่างที่เคยพูด!

ก่อนนี้เคยคิดว่าจะทำข้าวกล่องไปให้ แต่หากให้กินข้าวกล่องรายนั้นเค้าก็จะต้องนั่งแหมะอยู่แต่ในออฟฟิช…. คิดแล้วเบื่อแทน เลยไม่ทำ ให้เขาไปกินแถวที่ทำงานเอาเอง แต่มื้อเย็นต้องกลับมากินที่บ้านเท่านั้น! ดึกแค่ไหนก็ต้องมากินที่บ้าน

หากเขาทนไหวก็รอกินพร้อมกัน หากไม่ไหวก็จะทำเก็บไว้ให้ แล้วค่อยมาเวฟให้ตอนที่อีกฝ่ายกลับมาถึงบ้านแล้ว…. เวฟเสร็จก็จะมานั่งเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้เขาฟัง พลางมองดูเขากินข้าว อร่อยรึเปล่าไม่รู้ แต่มันมีประโยชน์….ฝ่ายนั้นก็ต้องกิน-------ฮ่าฮ่าฮ่า

….



..

.

เอี๊ยดดดดด---- เสียงเบรคของจักรยานดังเสียดแก้วหู

อาม่าเดินออกมาหาเขา ให้เงินเขาห้าบาท และก็แย่งผักชีกันไปคนละครึ่ง อาม่าขอบใจเขายกใหญ่….เสมอ

เขาเดินลากจักรยานเข้าไปในบ้าน หิ้วของทั้งหมดเดินขึ้นบันไดเล็กๆ สองขั้นที่ยกระดับเข้าไปหาตัวบ้าน…เขามองประตูไม้ที่ถูกเปิดอ้าไว้แล้ว เขาใช้เท้าเขี่ยประตูเหล็กให้เปิดตามความเคยชิน---- อย่าให้เขารู้เชียว เคยโดนว่ามาแล้วว่านิสัยเสีย คนนั้นบอกเสมอว่าให้เขามือเปิดประตู…แต่พอเห็นประตูเหล็ก----เท้ามันก็ไปเองทุกทีสิน่า!

“แน่ะ! มือก็ว่างทำไมไม่ใช้ครับ! นิสัยเสีย!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

เขาสะดุ้งโหยง เพราะนึกว่าอีกฝ่ายอยู่ในบ้าน… เมื่อกี้ตอนเดินเข้าบ้านมาทำไมไม่เห็นตัวคนหน้าดุเลยล่ะ?

“ไปไหนมาน่ะครับ” แถไปเรื่องอื่น

“เอามะไฟไปให้คุณยมเค้า ปีนี้ออกดกอีกแล้ว แจกไม่หวาดไม่ไหว” คนหน้าดุพึมพัม

ไม่รู้พ่อคนหน้าดุเค้าไปเอาพันธุ์ต้นมะไฟสองต้นที่ปลูกในบ้านมาจากไหน ออกผลมาให้ไม่เกรงใจเจ้าของเขาจะเบื่อเล๊ย!!

“ทำกับข้าวก่อนนะครับ ผมลืมหุงข้าวก่อนออกไปอ่ะ” รีบเอาตัวรอดก่อนโดนทำโทษเรื่องเขาเท้าเขี่ยประตู

เขาวิ่งตื๋อเข้าไปที่ห้องครัว เปิดน้ำที่อ่างล้างจานไว้เตรียมล้างผัก จากนั้นก็หันไปกดน้ำร้อนที่กาต้มน้ำ แล้วหันไปหยิบหม้อหุงข้าวออกมา เปิดตู้ที่อยู่ตรงข้ามกับที่ล้างจาน เอาข้าวสามสี่อย่างผสมรวมกันไปในหม้อ และซาวข้าว

ปิดน้ำที่รองไว้ และเอาผักลงไปแช่ พร้อมเห็ดหอมสด

ติ๊ก!-----น้ำร้อนเดือดแล้ว

เขาเอาน้ำที่เพิ่งเดือดเทลงไปในหม้อหุงข้าว กะปริมาณน้ำด้วยสายตา แล้วปิดฝาหม้อ กดหุง…. เขาหันไปที่อ่างซึ่งแช่ผักไว้อยู่ เขาเอามือจุ่มลงไปในน้ำ และเลือกเด็ดใบตำลึงทิ้งลงไปในน้ำ ก้านตำลึงเขาเอาทิ้งหมด…

“อุ้ย!” แขนคู่หนึ่งรัดเอวเขาเข้าไปแนบกับเจ้าของแขนคู่นั้น… แก้มเขากำลังจะช้ำ!

เขาดิ้นขลุกๆ อยู่ในวงแขนของอีกฝ่าย “เดี๋ยวไม่ได้กินข้าวนะพี่! ปล่อยสิครับ”

“เมื่อกี้พี่ยังไม่ได้ลงโทษนะ บอกแล้วนะว่าห้ามใช้เท้าเปิดประตู ทำไมชอบทำนักหื๊อ?” เจ้าของแขนคู่นั้นขมวดคิ้ว

“อ่ะ อ่ะ อ่ะ…. เร็วๆ นะ!” เขาหันไปหาอีกฝ่าย เงยหน้าหลับตาและเตรียมรับโทษ……

……

…..

….



..

.

ริมฝีปากอุ่นแนบชิดกับริมฝีปากของเขา

เขาได้กลิ่นของน้ำยาโกนหนวดจากอีกฝ่าย

แขนของเขาโอบรอบคอของอีกฝ่ายเมื่อเขาสอดลิ้นเข้าในปากของเขา….ต้องพยุงตัวเองไว้ ไม่งั้นอาจวืดไปกองกับพื้นให้เขาหัวเราะเยาะเอาได้!!

……

…..

….



..

.


เป็นนานสองนาน จนเขาทนไม่ไหว!

เขาเบี่ยงหน้าหนีอีกฝ่าย------ซอกคอเขาเริ่มเป็นเป้าหมายต่อไป!!

“อย่านะพี่ เดี๋ยวไม่ได้กินข้าวเช้า” เขาร้องท้วงและพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนของอีกฝ่าย

“กินน้องก่อนไปทำงานได้มั้ยครับ?” เขากระซิบถามริมใบหูของเขา

“เกินไปแหละ! ไม่เคยพอเนอะคนเรา! ไปโน่นเลย…ซาลาเปาวางอยู่บนโต๊ะนั่น เหงาปากนักก็ไปกินมันซะ!” เขาพูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงเข้มเอาจริงเอาจัง

ไม่ไหวนะ! เมื่อคือก็สามรอบกว่าจะได้นอน…. เช้ามาเลยตื่นสายเลย เห็นบ้างมั้ย!!----คงไม่รู้สึกรู้สา!

อีกฝ่ายหอมแก้มเขาหนักๆ อีกครั้ง แล้วปล่อยตัวเขา…ก่อนเดินไปหยิบจากข้าวและช้อนส้อมไปวางเรียงบนโต๊ะกินข้าว

เขาเดินไปหยิบเต้าหู้ออกมาจากตู้เย็น ลวกมันด้วยน้ำร้อนที่เหลือ ปิดฝา…และปล่อยมันไว้

เขาหันกลับไปเด็ดผักที่ทำคาไว้จนเสร็จ ล้างน้ำอีกสองครั้ง แล้วเอามันขึ้นมาพักไว้ในตระกร้า จากนั้นก็หันไปผานเห็ดหอมสดเป็นแผ่นบางๆ ได้ขยุ้มหนึ่ง และนำมันไปโรยไว้บนใบตำลึง

เขาเดินไปเปิดตู้เย็นอีกครั้ง… หยิบเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นออกมา เดินกลับไปตั้งเตา เอาน้ำร้อนในกระติกเทลงไป รอจนน้ำเดือดแล้วเขาจึงตักเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นลงไปในน้ำเดือดนั้น คนให้มันละลายแล้วยกลงมาจากเตา แบ่งมันใส่ถ้วยสองถ้วย โรยผักชีนิดหน่อย และยกมันไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว

ซาลาเปาทอดหมดแล้ว คนคนนั้นกำลังนั่งดูข่าว….รอมือเช้าที่เขาทำ

ทันทีที่เขาวางชุปลงบนโต๊ะ คนที่นั่งดูข่าวก็หันหน้ากลับมา “ข้าวสุกยังครับ?”

“ยังอ่ะ แต่คงอีกเดี๋ยว ผมไปผัดตำลึงก่อนนะ” เขาบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว

เขาเอากระทะตั้งบนเตา เทน้ำมันนิ๊ดเดียว และรอน้ำมันร้อน….. ไม่นานนัก เขาก็นำกระจาดใบตำลึงเทลงบนกระทะ เสียงแตกโป๊ะของน้ำมันดังเกรียวกราว

ตึ๊ก!---- หม้อหุงข้าวดีดแล้ว เขาร้องบอกคนที่นั่งดูข่าว “พี่ข้าวสุกแล้ว!”

เขาตั้งหน้าพลิกตำลึงและเห็ดไปทั่วกระทะเพื่อให้มันสุกพร้อมๆ กันทั้งหมด เขาคอยมองไม่ให้สลดจนเกินไป

เขาปิดเตาและตักมันใส่จาน….เดินไปเอากระชอนออกมาตักเต้าหู้สองก้อนวางลงบนจานเล็กๆ ใบเดียว และถือขานตำลึงและเต้าหู้มาวางที่โต๊ะกินข้าว

ข้าวถูกตักไว้ให้เขาแล้ว มือเช้าเริ่มต้นขึ้นและหายวับไปในชั่วพริบตา

เขากินเสร็จ ดื่มน้ำ แล้วลุกจากโต๊ะเดินขึ้นไปอาบน้ำ…. ล้างจานชามเป็นหน้าที่ของคนที่ไม่ได้ทำกับข้าว

เขาอาบน้ำเสร็จ คนคนนั้นก็เดินขึ้นมาบนห้อง…จังหวะนี้หากเขาเผลอ จะต้องเสียตัว!----- โดนหอมแก้มแล้วฟังอีกฝ่ายพูดว่า “หอมจัง!” ….. หากเจอแบบนี้ต้องรีบชิ่งออกมาให้ห่างไม่งั้นอาจไปทำงานสายได้!!

เคยมาแล้ว!!

วันนี้วิชาตัวเบาเอาเป็นเลิศเลยไม่เสียตัว และสวมเสื้อผ้าครบเซ็ตออกมาจากห้องนั้น…ด้วยความสวัสดิ์ภาพ

เขาเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีมานั่งจิบกาแฟที่คนซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ด้านบนชงไว้ให้อยู่หน้าทีวี…พลางรออีกฝ่ายแต่ตัวเสร็จและออกไปทำงานพร้อมกัน

เมื่ออีกฝ่ายเดินลงมาจากบันได เขาจึงเดินไปสำรวจประตูหน้าต่าง เสร็จแล้วจึงเดินออกไปใส่รองเท้า รถถอยออกไปจากบ้านและจอดรออยู่ข้างนอก เขามีหน้าที่ปิดประตูบ้าน…. ปิดล็อคประตูรั้วบ้าน แล้วเดินไปนั่งที่ข้างคนขับ

รถถูกขับออกไปตามถนนของหมู่บ้าน และค่อยๆ ทะยานไปสู่ถนนใหญ่….หนึ่งชั่วโมงจากนั้น รถก็มาถึงที่ทำงานของเขา คนขับนำมันจอดเทียบเยื้องกับหน้าบริษัท เพราะคนขับเขาต้องไปต่อ

“ขอบคุณครับ! ตอนเย็นอยากกินอะไรโทรมานะครับ!” พูดจบก็หันไปหอมแก้มของคนขับรถเขาสักหน่อย---- เป็นค่ารถ….ต้องจ่ายให้เขาทุกเช้า

“ครับ! รักนะครับ” คนขับหันมาส่งยิ้มให้เขาพร้อมพูดคำเดิมๆ ที่ต้องพูดทุกเช้า

หอมแก้มคนขับอีกครั้ง แล้วถึงบอกว่า “รักพี่ธีเหมือนกันครับ ไปนะ….” พุดจบก็ลงจากรถ และเดินเข้าไปในรั้วของบริษัท

คนขับรถมองตามร่างของคนที่รักจนเขาเดินลับเข้าไปในตึกแล้วถึงออกรถ…ขับต่อไปที่บริษัทตัวเอง

----เป็นเช่นนี้ทุกเช้า

พอตกเย็น ก่อนออกจากบริษัทธีต้องโทรมาหาพฤกษเพื่อบอกรายการอาหารที่อยากกิน พฤกษจะซื้อเครื่องทุกอย่างจากตลาดที่อยู่ใกล้กับบริษัทของพฤกษ และกลับมารอธีที่บริษัท

หากวันไหนที่พฤกษมีงานออกไปข้างนอกจนเย็น เขาจะโทรบอกสถานที่กับพี่ธี และนัดเวลาให้พี่ธีมารับ

หากวันไหนที่พฤกษต้องออกไปทำงานข้างนอกทั้งวัน พฤกษจะขับรถแยกคันกัน และจะทำมื้อเย็นเตรียมไว้ให้ธีในตู้เย็น หากธีกลับไปก่อนก็ให้กินก่อน บางครั้งธีก็รอพฤกษกลับมาแล้วค่อยกินพร้อมกัน….ซึ่งพี่ธีรอกินพร้อมกันเป็นส่วนใหญ่

เสร็จจากทานมื้อเย็นก็ตัวใครตัวมัน

เวลากลางคืนไม่เคยแน่นอน เพราะงานของแต่ละคนก็ยุ่งในแบบของตัวเอง…บางทีก็นอนดึก บางทีก็เข้านอนแต่หัวค่ำ บางทีก็ต้องอดหลับอดนอน

แต่ตื่นมาทุกเช้าต่างก็จะรับรู้ถึงไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย…เสมอ

….



..

.

ก็แบบนี้แหละ ชีวิตคนเมืองกรุง ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นนักหรอก

เคยบอกแล้วนะว่าพฤกษกับธีเขาเป็นคนธรรมดา….

คนธรรมดาในวันทำงานเขาก็เป็นกันแบบนี้แหละ *0*



*********************************





เอวังในวันทำงาน  :pig4:



ปล. [เวลาต่อมา] ในวันอื่นๆ..... จะไปต่อในห้องจบแล้วนะคะ
ท่านผู้มีอุปการะคุณค่อยไปตามกันทีหลังนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 07-04-2012 02:19:01
หวานกันจริงเชียวว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 07-04-2012 02:51:03
น่ารักมาก ขออีกได้ไหมอ่ะ หุหุ  :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: atblueann ที่ 07-04-2012 05:08:30
เป็นเรื่องที่น่ารักมากน้า อ่านไปยิ้มไป หลังๆมีลุ้นไป น้ำตาไหลไปด้วย ซึ้งอ่ะ ชอบพี่ธี หลงน้อง อยากอ่านภาคพิเศษหวานๆๆของพี่ธีกับน้องอีกได้ไหมอ่ะ อยากเห็นพี่ธีอ่ะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-04-2012 06:33:57
 :pig4:แวะเข้ามาดูฟลุก  ได้อ่านตอนเช้าๆอีกตอน


หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 07-04-2012 09:33:05
 o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-04-2012 09:50:15
ชีวิตธรรมดาแบบนี้ที่มีตลอดเนี่ยล่ะ ดีแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-04-2012 10:08:11
ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งช่างมีความสุขจริง ๆ
ต่อไปนี้ถ้ามีเรื่องทะเลาะก็คุยกันดี ๆ อย่าได้เดินหนีกัน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: TiiTa ที่ 07-04-2012 14:15:01
ขอบคุณคุณนักเขียนที่สรรค์ผลงานนี้มาให้อ่าน แม้จะไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น รู้สึกสะกิดตรงคำว่าจบในตอนนึกว่าเป็นเรื่องสั้นที่ตอนเดียวจบ ในความคิดตอนกดเข้ามาคิดว่าอ่านเรื่องสั้นฆ่าเวลาที่เหนื่อยจากการทำงานเล่นๆ แล้วค่อยทำงานต่อ พอเห็นวรรคสองว่าจะเลิกอ่านเพราะคงยาวไปเดี๋ยวจะเยื้อพาลให้ไม่ได้ทำงาน แต่เรื่องนี้มันทำให้ฉันหยุดไม่ได้แม้ในวรรคแรกที่อ่านฉันจะรู้สึกงงๆ กับการใช้คำไปบ้าง แต่ด้วยเนื้อเรื่องมันทำให้ฉันสนใจที่จะติดตามไปจนถึงจุดสุดท้ายที่จะเขียนไปถึง แม้ในใจไม่ได้หวังว่ามันจะจบลงด้วยดีหรือไม่ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังฉันรู้สึกว่าฉันเข้าถึงตัวละครทุกคน
ยิ่งตอนที่อ่านแรกๆ เห็นหลายรีพลายที่ดูจะไม่พอใจพี่ธีนัก แต่ฉันกลับรู้สึกถึงตัวตนของพี่ธีตั้งแต่คุณคนเขียนยังไม่ได้บรรยายลงไป อาจเป็นเพราะหลายๆ คนบอกว่าฉันเป็นคนที่เข้าใจผู้ชายหลากหลายนิสัย แต่ถามว่าตลอดเวลาที่อ่านฉันแอบเข้าข้างพี่ธีไหม? ใช่ฉันยอมรับว่าเป็นอย่างนั้น อย่างตอนที่พฤกษน้อยใจพี่ธีเรื่องงานตรงนั้นเรายังแอบคิดว่าพฤกษดูนิสัยเด็กไปสักหน่อย ถามว่าทำไมพี่ธีมีเรื่องที่ทำงานถึงไม่พูกให้พฤกษฟังยังแอบเข้าข้างพี่ธีว่า นิสัยผู้ชายเรื่องเหล่านี้มันเหมือนศักดิ์ศรีที่คำคอ รู้ว่ามันกินไม่ได้แต่มันก็มีมาตั้งแต่เกิด เวลามีเรื่องมักจะไม่ระบายกับใครมักจะต้องลองแก้ไขด้วยตัวเองจนสุดๆ แล้วถ้าไม่ไหวถึงระบายออกมา ถ้าเป็นผู้หญิงมักจะหาที่ปรึกษา แต่ผู้ชายนั้นไม่ยิ่งถ้า ก็คิดว่าพฤกษก็ผู้ชายไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เหรอ แต่ก็นั่นแหละเราไม่ได้เจอกับตัวคนนอกมักมองได้ชัดเจนกว่าคนใน
แต่เรื่องนี้ก็เดินไปในทางที่เหมาะสม  เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น จุดพีคของเนื้อเรื่องไม่ได้หวือหวาแต่มันเข้ากับสถานการณ์ในตอนนั้นของเนื้อเรื่องซึ่งเป็นไปได้ดี ฉันบอกเลยว่าประทับใจเรื่องนี้มาก ประทับใจตัวละครทุกตัว ทั้งพี่ธี น้องพฤกษ คุณพ่อ คุณแม่ และเพื่อนๆ ของพี่ธี ของน้องพฤกษ
ในวรรคสุดท้าย วรรคที่มาถึงจุดส่งท้ายของเรื่องนี้ฉันแอบลุ้นนะ ไม่สิเรียกว่าคิดไปก่อนเองเลยดีกว่าเพราะทั้งจะยิ้ม ทั้งจะร้องไห้ ฮ้า ก่อนที่พี่ธีจะเริ่มปฏิบัติการขอคืนดีอีก อีกอย่างเพลงลูกอม มันเป็นเพลงที่คนรักของฉันชอบล่ะ เรื่องนี้ทำให้ฉันมีความสุขจังที่ได้อ่านจบจบ(ถึงจะเสียงานไปบ้างนิดหน่อย) ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่กดเข้ามมา ขอบคุณ คุณนักเขียนอีกครั้ง ออกจะพล่ามยาวไปหน่อยไร้สาระด้วย ฮ่าๆ ฉันไม่ได้หื่นนะแต่อยากบอกว่าแอบอมยิ้มตอนที่น้องพฤกษย้อนความหลังคิดถึงคืนแรกที่ทดสอบความหนาของผนังล่ะ ฮ้า.. เอาล่ะคงต้องพอแล้วบ่นเยอะไปหน่อยงานการไม่ทำ ไว้ว่างๆ อีก เจอกันใหม่นะคุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Nima4 ที่ 07-04-2012 22:48:51
ตอนแรกมีความรู้สึกว่า...มันคือ ทิฐิ แต่พอเราปล่อยไว้ นิ่งคิดสิ่งที่ได้ก็คือ...คำพูดมันทำร้ายใจกันได้มากกว่าอาวุธใดๆ

หลายอย่างที่ได้รับจากนิยายเรื่องนี้ คือหลายอย่างที่นิมาเองได้เคยเรียนรู้มาในชีวิตจริงและหลงลืมไป... ขอบคุณที่ทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตเพราะเรื่องสั้นเรื่องนี้นะคะ....


ความรัก...มันมาหาเรา มันไม่ยากที่จะไขว่คว้ามันมา แต่สิ่งที่ยาดที่สุดคือการ "รักษา ดุแล ใส่ใจ ความรักนั้นให้อยู่กับเราไปตลอด"

บางวรรคบางตอนตอนขอยอมรับว่านิมาข้ามที่จะไม่อ่าน เพราะอ่านแล้วมันจี้ใจดำจนนึกเกลียดตัวเองที่มีนิสัยไม่ดีแบบนี้ ขอโทษนะคะนักเขียน TT^TT



เข้าใจตัวเอกทั้งสองว่าเพราะอะไรจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดเรื่องเข้าใจผิดมากมายขนาดนั้น...

ขอโทษนักเขียนอีกทีนะคะที่เม้นต์ที่เดียวอย่างนี้ รู้สึกเสียมารยาทมากๆ แต่อ่านเกือบทุกวรรคมันจุกจนกระดิกนิ้วไม่ค่อยได้(อย่ารู้ทันนะคะว่ามันคือข้ออ้าง)

ตอนที่ย้อนเวลาไปตอนที่ทั้งคู่รู้จักกัน รักกัน มันเจ็บจนอึ้งไปเลย เพาะรู้ว่าตอนไปต้องเจอกับอะไร และมันก็เป็นสะท้อนออกมาในหัวตอนที่อ่านตัวอักษรที่เรียงรายอยู่นั้น...

อ่านจบตั้งนานแล้วกว่าจะทำใจเข้ามาเม้นต์ แต่ก็เม้นต์ไม่ได้มากอย่างที่ใจคิดเลย...

ขอโทษนักเขียนอีกครั้งนะคะ TT^TT และก็ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องสั้นที่ทำให้นิมามีโอกาสนึกถึงเรื่องเดิมๆ ที่คล้ายๆ กันในอดีต (แต่มันไม่ได้จบสวยแบบนี้อะน้าาาา)



เรื่องสั้นเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า...เราควรหันกลับมาดูแล รักษาความรักของเราให้มันอยู่กับเราไปนานๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน (จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 07-04-2012 23:31:41
ขอบคุณคุณนักเขียนที่สรรค์ผลงานนี้มาให้อ่าน แม้จะไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น รู้สึกสะกิดตรงคำว่าจบในตอนนึกว่าเป็นเรื่องสั้นที่ตอนเดียวจบ ในความคิดตอนกดเข้ามาคิดว่าอ่านเรื่องสั้นฆ่าเวลาที่เหนื่อยจากการทำงานเล่นๆ แล้วค่อยทำงานต่อ พอเห็นวรรคสองว่าจะเลิกอ่านเพราะคงยาวไปเดี๋ยวจะเยื้อพาลให้ไม่ได้ทำงาน แต่เรื่องนี้มันทำให้ฉันหยุดไม่ได้แม้ในวรรคแรกที่อ่านฉันจะรู้สึกงงๆ กับการใช้คำไปบ้าง แต่ด้วยเนื้อเรื่องมันทำให้ฉันสนใจที่จะติดตามไปจนถึงจุดสุดท้ายที่จะเขียนไปถึง แม้ในใจไม่ได้หวังว่ามันจะจบลงด้วยดีหรือไม่ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังฉันรู้สึกว่าฉันเข้าถึงตัวละครทุกคน
ยิ่งตอนที่อ่านแรกๆ เห็นหลายรีพลายที่ดูจะไม่พอใจพี่ธีนัก แต่ฉันกลับรู้สึกถึงตัวตนของพี่ธีตั้งแต่คุณคนเขียนยังไม่ได้บรรยายลงไป อาจเป็นเพราะหลายๆ คนบอกว่าฉันเป็นคนที่เข้าใจผู้ชายหลากหลายนิสัย แต่ถามว่าตลอดเวลาที่อ่านฉันแอบเข้าข้างพี่ธีไหม? ใช่ฉันยอมรับว่าเป็นอย่างนั้น อย่างตอนที่พฤกษน้อยใจพี่ธีเรื่องงานตรงนั้นเรายังแอบคิดว่าพฤกษดูนิสัยเด็กไปสักหน่อย ถามว่าทำไมพี่ธีมีเรื่องที่ทำงานถึงไม่พูกให้พฤกษฟังยังแอบเข้าข้างพี่ธีว่า นิสัยผู้ชายเรื่องเหล่านี้มันเหมือนศักดิ์ศรีที่คำคอ รู้ว่ามันกินไม่ได้แต่มันก็มีมาตั้งแต่เกิด เวลามีเรื่องมักจะไม่ระบายกับใครมักจะต้องลองแก้ไขด้วยตัวเองจนสุดๆ แล้วถ้าไม่ไหวถึงระบายออกมา ถ้าเป็นผู้หญิงมักจะหาที่ปรึกษา แต่ผู้ชายนั้นไม่ยิ่งถ้า ก็คิดว่าพฤกษก็ผู้ชายไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เหรอ แต่ก็นั่นแหละเราไม่ได้เจอกับตัวคนนอกมักมองได้ชัดเจนกว่าคนใน
แต่เรื่องนี้ก็เดินไปในทางที่เหมาะสม  เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น จุดพีคของเนื้อเรื่องไม่ได้หวือหวาแต่มันเข้ากับสถานการณ์ในตอนนั้นของเนื้อเรื่องซึ่งเป็นไปได้ดี ฉันบอกเลยว่าประทับใจเรื่องนี้มาก ประทับใจตัวละครทุกตัว ทั้งพี่ธี น้องพฤกษ คุณพ่อ คุณแม่ และเพื่อนๆ ของพี่ธี ของน้องพฤกษ
ในวรรคสุดท้าย วรรคที่มาถึงจุดส่งท้ายของเรื่องนี้ฉันแอบลุ้นนะ ไม่สิเรียกว่าคิดไปก่อนเองเลยดีกว่าเพราะทั้งจะยิ้ม ทั้งจะร้องไห้ ฮ้า ก่อนที่พี่ธีจะเริ่มปฏิบัติการขอคืนดีอีก อีกอย่างเพลงลูกอม มันเป็นเพลงที่คนรักของฉันชอบล่ะ เรื่องนี้ทำให้ฉันมีความสุขจังที่ได้อ่านจบจบ(ถึงจะเสียงานไปบ้างนิดหน่อย) ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่กดเข้ามมา ขอบคุณ คุณนักเขียนอีกครั้ง ออกจะพล่ามยาวไปหน่อยไร้สาระด้วย ฮ่าๆ ฉันไม่ได้หื่นนะแต่อยากบอกว่าแอบอมยิ้มตอนที่น้องพฤกษย้อนความหลังคิดถึงคืนแรกที่ทดสอบความหนาของผนังล่ะ ฮ้า.. เอาล่ะคงต้องพอแล้วบ่นเยอะไปหน่อยงานการไม่ทำ ไว้ว่างๆ อีก เจอกันใหม่นะคุณนักเขียน


คุณ TiiTa

 :pig4: ด้วยความจริงใจ กับการเสียสละเวลามาอ่านเรื่อง [เวลา]
หากอยากอ่านเรื่องสั้น (ของจริง) ที่จบแบบน่ารัก ให้ไปหาเรื่อง [หึง & ง้อ]

แต่อย่าหลงอ่าน [สองก้าว] + [ก้าวต่อมา] เด็ดขาด!!!.....

------ คำเม้นท์ทุกถ้อยคำ ผู้เขียนชื่นชอบมากค่ะ (ถอนสายบัวให้ค่ะ)
หากไปเยือนเรื่องไหน และอยากเม้นท์อีก
เชิญตามสบายนะคะ ผู้เขียนชอบอ่านคำพูดจากความรู้สึกของผู้อ่านค่ะ

ด้วยใจและจริงใจ :กอด1:

ตอนแรกมีความรู้สึกว่า...มันคือ ทิฐิ แต่พอเราปล่อยไว้ นิ่งคิดสิ่งที่ได้ก็คือ...คำพูดมันทำร้ายใจกันได้มากกว่าอาวุธใดๆ

หลายอย่างที่ได้รับจากนิยายเรื่องนี้ คือหลายอย่างที่นิมาเองได้เคยเรียนรู้มาในชีวิตจริงและหลงลืมไป... ขอบคุณที่ทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตเพราะเรื่องสั้นเรื่องนี้นะคะ....


ความรัก...มันมาหาเรา มันไม่ยากที่จะไขว่คว้ามันมา แต่สิ่งที่ยาดที่สุดคือการ "รักษา ดุแล ใส่ใจ ความรักนั้นให้อยู่กับเราไปตลอด"

บางวรรคบางตอนตอนขอยอมรับว่านิมาข้ามที่จะไม่อ่าน เพราะอ่านแล้วมันจี้ใจดำจนนึกเกลียดตัวเองที่มีนิสัยไม่ดีแบบนี้ ขอโทษนะคะนักเขียน TT^TT



เข้าใจตัวเอกทั้งสองว่าเพราะอะไรจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดเรื่องเข้าใจผิดมากมายขนาดนั้น...

ขอโทษนักเขียนอีกทีนะคะที่เม้นต์ที่เดียวอย่างนี้ รู้สึกเสียมารยาทมากๆ แต่อ่านเกือบทุกวรรคมันจุกจนกระดิกนิ้วไม่ค่อยได้(อย่ารู้ทันนะคะว่ามันคือข้ออ้าง)

ตอนที่ย้อนเวลาไปตอนที่ทั้งคู่รู้จักกัน รักกัน มันเจ็บจนอึ้งไปเลย เพาะรู้ว่าตอนไปต้องเจอกับอะไร และมันก็เป็นสะท้อนออกมาในหัวตอนที่อ่านตัวอักษรที่เรียงรายอยู่นั้น...

อ่านจบตั้งนานแล้วกว่าจะทำใจเข้ามาเม้นต์ แต่ก็เม้นต์ไม่ได้มากอย่างที่ใจคิดเลย...

ขอโทษนักเขียนอีกครั้งนะคะ TT^TT และก็ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องสั้นที่ทำให้นิมามีโอกาสนึกถึงเรื่องเดิมๆ ที่คล้ายๆ กันในอดีต (แต่มันไม่ได้จบสวยแบบนี้อะน้าาาา)



เรื่องสั้นเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า...เราควรหันกลับมาดูแล รักษาความรักของเราให้มันอยู่กับเราไปนานๆ

ขอบคุณค่ะ

 :กอด1: โอ๋นะคะ คุณNima4
ชีวิตจริงมันไม่จบแบบพี่ธีและน้องพฤกษหรอกค่ะ .... เป็นความจริง!
ถึงจะรู้ทุกอย่างแต่ ทิฐิ... เป็นตัวขวางเราทุกกรณี....
ผู้เขียนก็พิมพ์มันไปทั้งที่ใจเจ็บๆ ไม่ต่างจากคุณผู้อ่าน
 :monkeysad:

อ่านข้ามบ้าง ไม่เป็นปัญหาค่ะ.... รับรู้และเข้าใจ-----"ความขม" ใครๆ ก็อยากลืมมัน








ใจจริงผู้เขียนเคยอยากให้จบแบบ----ความจริง ในโลกของจริง.... เกรียนงานตัวเองแบบสองก้าว!!
ทว่า.... พอพิมพ์คำพูดของพ่อ "ชีวิตมันไม่ได้ใช้ยากนักหรอกหากว่าเราใช้มันเป็น"
ผู้เขียนเลยเปลี่ยน---บทจบ
และเพิ่ม [เวลาต่อมา]......

ด้วยอยากสื่อสารว่า........
 :n1: หากยังรัก หากยังมีกันอยู่ ทิ้งความขุ่นมัวทุกอย่างไว้ซะ แล้วพวกคุณจะกลับไปสู่ "ความหวาน" ที่น่าภิรมณ์


ขอให้รักคงอยู่ในหัวใจเราทุกคน
ขอให้ความเข้าใจยั่งยืน
ขอให้ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...เป็นประสบการณ์

 :pig4: ผู้อ่านทุกท่าน.... ทั้งผู้ที่เข้ามาอ่าน ผู้ที่เข้ามาเม้นท์ ผู้ที่เพิ่มตัวเลข
ทุกๆ ท่านคือแรงใจของผู้เขียนเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-04-2012 01:54:37
อ่านไปหน่วงใจจริงๆ รู้สึกสงสารในโชคชะตาของทั้งคู่
แต่มันก็ทำให้ความรักครั้งใหม่ถักทอสายใยได้เหนียวแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
ดีใจที่เรื่องนี้แฮปปี้
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 09-04-2012 10:17:46
อ่านรวดเดียวจบ

ชอบเรื่องนี้ หลายๆอย่าง เช่น เรื่องความรักที่มั่นคงของคนทั้งคู่  เรื่องความรักความอบอุ่นของครอบครัวและเพื่อนฝูง

แถมยังให้ข้อคิดหลายอย่างในเรื่องของการรักษาความรัก ไม่ว่าจะความเข้าใจ ความให้อภัย และความเชื่อใจ และที่สำคัญคือการพูดคุยกัน ถ้าเราไม่บอกสิ่งที่เรากำลังประสบ ใครมันจะรู้จะเข้าใจเราได้ 

จบแบบอิ่มเอมใจจริงๆนะ

ปล. มหาวิทยาลัยนี้มันคุ้นมากมายอ่ะ  ข้าวต้มหน้ามอ  หลังมอผิวดวงจันทร์ที่คิดถึง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 09-04-2012 15:35:03
เริ่มแรกที่อ่าน มันอึดอัดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
เราเข้าใจธีนะ แต่แค่คำพูดเล็กๆน้อยๆที่ออกมาจากปากยามที่โมโห มันก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนที่รักมากเหมือนกัน นิสัยพฤกษ ก็รู้อยู่

แต่ไม่รู้สิ...ก็ยังอดเข้าข้างในทุกการกระทำของธีไม่ได้ อาจเพราะเรามีอะไรที่ไกล้เคียงกัน(เรื่องงาน) ^
อีกอย่าง ถ้าไม่เป็นเพราะเข้าใจผิด บางทีทั้งสองอาจกลับมาคืนดีกันแล้วก็ได้ ...ทำไมเราถึงแอบโกรธแม่ของพฤกษอยู่ลึกๆก็ไม่รู้ ถึงแม้ในเรื่องจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นแหละ ที่ทำให้เรื่องมันบานปลาย
รวมถึงกาวที่แปะกระดาษ ถ้าหากมันจะติดแน่นมากกว่านี้

ตอนจบ ชอบเพลงลูกอมมาก ฟังเปียโนสบายๆแล้วอ่านไปด้วยเคลิ้มเลย พองฟู ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หวือหวา
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 13-04-2012 16:17:13
และแล้วก็แฮปปี้ อึมครึมมาทั้งเรื่อง

น่ารักมากเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 14-04-2012 15:23:15
[เวลาต่อมา] ในวันอื่นๆ..... จะไปต่อในห้องจบแล้วนะคะ
ท่านผู้มีอุปการะคุณค่อยไปตามกันทีหลังนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 14-04-2012 21:33:18
คำว่า "เวลา"
ทำให้มึความสุข
ทำให้เจ็บปวดอย่างมากมาย
ทำให้เรื่องราวต่างๆ ยุ่งเหยิง ปนเป
.....
.....
และเวลาก็ทำให้ทุกอย่างกลับมาเข้ารูปเข้ารอยเหมือนเดิม
เรื่องราวของ ธี กับ พฤกษ
หมุนวนในช่วงเวลาหลายปี
ชีวิต ความรัก กว่าจะลงตัว
 :เฮ้อ: 

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ เรื่องนี้อย่างมากมาย

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 15-04-2012 12:31:58
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วจึกกะด๊าวว๊าวกิ๊วก๊าวหัวใจเป็นอันมาก (ศัพท์อะไรของเมริง ฮ่าๆ)
ชอบตอนที่พี่ธีเล่นเปียโนร้องเพลงลูกอมอ่า กรี๊ด มิอยากจะแซดว่าพี่ธีช่วงที่พยายามทำให้พฤกษ์กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมด้วยพลังใจเต็มเปี่ยมเนี่ยพี่ธีหล่อม๊ากกก!!! เท่เวอร์ ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาทันตา รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะ เฮ้อ ปลาบปลื้ม เห็นคนรักกัน
ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณคนแต่งมากที่แต่งเรื่องนี้ให้อ่าน น่ารักมากๆ เลย
บางช่วงบางตอนก็แทรกอารมณ์ขันให้เราสามารถหลุดยิ้มเล็กๆ (แบบที่คนมองเห็นว่าสวย) กับยิ้มกว้าง บิดเขินไปมา (แบบที่คนมองเห็นว่า อินี่บ้า!) ได้อยู่เรื่อยๆ เป็นระยะ กร๊าก
โชคดีที่ว่านี่เป็นวันหยุด อ่านที่บ้านไม่มีใครเห็นให้ต้องอาย... แล้วเมริงจะพูดเพื่อ! เอิ๊ก
เข้าเรื่องดีกว่า รู้สึกตัวเองบ้าบอ บ้าตั้งแต่จึกกะด๊าวว๊าวละ ฮา
ชอบค่ะ ชอบตัวละครเรื่องนี้นะ โดยเฉพาะตัวของพี่ธี รู้สึกว่าคนที่เป็นแบบนี้หายาก มั่นคง อบอุ่น ใจเย็น หายากจริงๆ นะ เว้นเสียตอนพี่แกเครียดเรื่องงาน คือถ้าไม่ได้อ่านความเป็นมาความเครียดของพี่ธีก็คงมองว่าพี่ธีงี่เง่าละ แต่ตอนนี้ไม่ละเพราะมองว่าขณะที่พฤกษ์ต้องอดทนกับพี่ธี พี่ธีต้องอดทดกว่าพฤกษ์หลายเท่ามากกว่า ด้วยสิ่งที่พี่ธีต้องแบกไว้บนบ่าในขณะนั้น แต่ด้วยการมองคนละมุมมอง มองแค่ในมุมมองของตัวเองซึ่งอันนี้ที่จริงแล้วก็ไม่มีใครผิดแต่มันก็เพราะตรงนี้ละที่ทำให้ปัญหาความไม่เข้าใจตามมาและบานปลายไปเรื่อยๆ ในเมื่อไม่มีใครคุยกัน
เรื่องนี้จึงทำให้เห็นชัดจริงๆ ว่า คำพูด สำคัญมาก เช่นนั้นแล้ว ฟังไม่ได้ศัพท์อย่าจับไปกระเดียด! ไม่ใช่ละ ฮา เริ่มหลุดออกนอกเรื่อง เอาเป็นว่า ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายที่ตั้งชื่อเรื่องได้เข้ากับเนื้อเรื่องเรื่องดีจริงๆ
บวกหนึ่งๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: HETATaughT ที่ 15-04-2012 18:32:31
คือแบบว่า ผมอินตามไปเลยอะ ผมก็ได้แต่คิดตามไปเรื่อยๆ แต่หลายครั้งที่ผมก็บ่อนํ้าตาแตกไปเหมือนกัน คือผมจะอ่อนไหวกับคำพูดที่เกี่ยวข้องกับ การเลิกลา ถ้าผมได้ยินหรือได้อ่านหัวใจผมมันรู้สึกวูบไปเลย เหมือนที่คนเขียนพิมพ์ไว้แหละครับ

เป็นเรื่องสั้นที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆครับ  o13

รักคนเขียน :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 15-04-2012 23:36:35
กว่าจะกลับมารักกันให้อภัยกันได้คนอ่านก็เสียน้ำตาเป็นปี๊บๆเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 16-04-2012 04:58:51
สงสารธี แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะธีเองที่ไม่พูดไม่คุยกับพฤษภให้รู้เรื่อง ปล่อยให้พฤษภคิดเองแบบนั้น ส่วนพฤษภก็อยากจะฟังแต่ก็ไม่เปิดโอกาสให้ธีบ้าง เพื่อน ๆ ก็อะไรกันนั่น ดีที่เข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 17-04-2012 00:53:27
เขียนดีมากค่ะ บีบอารมณ์มากฝ
อยากอ่านต่อจังงงงงงงง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 17-04-2012 15:33:54
 o13   เป็นเรื่องที่ดีนะ

สอนเรื่องชีวิตคู่ได้ดีเลยล่ะ

พี่ธี  ตัวแทนของผู้ชาย  ที่ไม่ค่อยพูด  บ้างาน

พฤกษ  ตัวแทนอีกฝ่าย เป็นห่วงคนรักแต่โดนมองว่าจุ้นจ้าน  รอแค่คำขอโทษ

คนเขียนเขียนได้ดีเลย  บีบหัวใจมากกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: nco1236 ที่ 17-04-2012 23:50:10
อ่านแล้วเครียดแต่ก็มาพร้อมกับความรู้สึกดี ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 18-04-2012 00:52:15
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 18-04-2012 14:24:31
ประทับใจมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับนิยายที่ดีมากๆ ขอบคุณจริงๆ นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 18-04-2012 15:48:22
อ่านรวดเดียว (แอบอ่านตอนจบก่อนด้วย)
เข้าใจพี่ธีนะ -_- พี่ธีทำทุกอย่างก็อยากตั้งใจให้ได้ดีที่สุด ช่วงนั้นนึกๆอยู่เหมือนกันว่าน้องไม่เข้าใจพี่เลย แต่จริงๆเรื่องทั้งหมดคือพี่ทีหงุดหงิดแล้วมาลงที่คนอื่นซึ่งจุดนี้ไม่ชอบเลย
พี่น้องควรคุยกันให้เคลียร์ๆนะ รักกันมากแต่คำพูดบางครั้งคำแรงๆจากคนที่อ่อนโยนกับเราอยู่เสมอเนี่ย มันเจ็บนะพี่ที
มันเหมือนคนหมดรักกันแล้ว ไม่แคร์แล้ว ซึ่งความเข้าใจๆม่ได้ช่วยอะไรเลย
สงสารทั้งคู่ แต่ก็เข้าใจ เวลาคงอยากให้ทั้งสองคนโตขึ้น
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaelover ที่ 18-04-2012 19:07:06
เป็นเรื่องสั้นที่ประทับใจอีกเรื่องนึง  บรรยายเป็นความรู้สึกไม่ได้ รู้แต่ว่า ตื้นตัน จนน้ำตาไหล อ่ะ :monkeysad: แล้วยิ่งอ่านไป เปิดเพลงไป ได้จังหวะกับบทพูดในเรื่อง ทำให้อินเข้าไปใหญ่ 

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่สร้างนิยายดีๆ ให้คนอ่านได้อ่านกันนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: GEMSTONEz ที่ 20-04-2012 00:58:08
บางที...การไม่พูดหรือไม่ชัดเจน ก็ทำให้เราต้องผิดใจกัน

แต่ยังไงความรู้สึกมันก็เปลี่ยนไปไม่ง่ายหรอก

ชอบบบบอ่า เรื่องเศร้าๆเนี่ยชอบมากก ขอบคุณค่ะ o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 20-04-2012 19:51:16
น้ำตาตกเลยทีเดียวอ่านเรื่องนี้
แต่สนุกมากๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 20-04-2012 23:28:37
น่ารักดีอ่านได้สบายๆ ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 22-04-2012 16:38:58
สนุกค่ะ แม้จะหนักไปทางหน่วง และลุ้นให้เข้าใจกันเร็วๆ
แต่ชอบผู้ชายแบบพี่ธี พูดไม่เก่งแต่รักจริง (แม้จะแอบเคืองตอนว่าธี ว่าเป็นคู่นอนก็เถอะ)
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 24-04-2012 00:02:37
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ
ตอนจีบกันน่ารักมากๆ ชอบตอนที่ทะเลาะกันด้วยนะ
ไม่มีเวลาให้กัน ไม่เข้าใจกัน คิดอยู่แต่ในมุมของตัว ไอ้พวกนี้มันตัวสร้างปัญหาของมนุษย์ชัดๆ
และดีใจที่สุดที่กลับมาคืนดีกันได้
รักมากคือตอนสุดท้าย ดูเป็นชีวิตซ้ำๆเรียบง่าย แต่มีความสุขอบอวลยังไงบอกไม่ถูก

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆดีๆเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-04-2012 14:46:54
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
น้ำตาร่วงเลยล่ะ ยิ่งเป็นช่วงท้ายๆนะ
ฮืออ ช่วงนี้พฤกษย้อนอดีต มัให้ความรู้สึกที่แบบว่า
ใช่อะ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน
มัยเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆ ถึงมันจะมีช่วงที่ต้องเจ็บปวดบ้าง
แต่นั่นก็คือชีวิตล่ะนะ ชีวิตจริงหลายคนก็มีอันต้องเลิกลากันไปด้วยเหตุผลเดียวกันนี้
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดี ก็อย่างที่คนเขียนว่าล่ะนะคะ
บางครั้งโชคชะตาก็ไม่มี ตา 
ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เขียนอะไรดีๆแบบนี้ออกมา อบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 27-04-2012 15:42:49
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้ค่ะ
แอบลุ้นอยู่ทุกวรรค ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ
สุดท้ายก็เข้าใจกัน ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: yayaya112 ที่ 28-04-2012 14:16:54
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 29-04-2012 12:10:31
ประทับใจกับฉากพี่ธีร้องเพลง ซึ้งอ่ะ (คนทั้งบริษัทรู้หมดเลย อิอิ)
เรื่องดำเนินเรียบเรื่อย แต่ความรู้สึกสุข เศร้า เจ็บหน่วงๆ ลุ้น  มีอยู่ตลอด
ชอบที่ตัวละครเรื่องนี้ เป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นหน้าตาดีเป็นเดือนดาว ไม่ได้รวย  ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่คุณคนแต่งก็สามารถดึงให้คนอ่านอินไปด้วยจนจบ แถมยังแทรกแง่คิดดีๆอีก ทั้งการทำงาน ความรักแบบคู่รัก รักแบบครอบครัว รักของเพื่อนๆ
 :pig4:
+vote+ :3123: ja^^
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 14-05-2012 22:05:11
กว่าจะลงเอยกันได้ ความหวังดีของคนรอบข้างมันทำให้เราเจ็บหนักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 16-05-2012 01:56:31
จะเม้นละนะ  :z2:

เรื่องนี้สนุกมาก ถามว่าบีบหัวใจมั๊ย? ผมว่าไม่นะครับ (หรอ?) คือความคิดผมอ่า ผมว่าเจ้าพฤกษอ่านิสัยเด็กจริงๆอย่างที่พี่ธีเค้าว่า

คือไม่ได้เข้าข้างพระเอกนะ แต่เป็นคนรักต้องเข้าใจดิ ถึงเค้าจะไม่พูดแต่ไม่คิดจะพยายามเข้าใจหรืออย่างไรหึ?

ความเหงา ผมเข้าใจนะ น้อยใจ ผมเข้าใจ แต่...จะว่าไงดี? คือแบบนายเอกนิสัยเด็กจริง ๆ
ู่
มาที่พระเอก แหล่ะเราก็รักก็หลงเค้าอยู่หน่ะนะ ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งอายุและนิสัย

แต่เค้าติดจะพูดน้อยเนอะ บางอย่างถ้าไม่พูดออกมาอีกฝ่ายก็ไม่รับรู้หรอก และพอพูดทีก็...แหม่ะ แรงเชียว

เล่นเอาเข้าหน้ากันไม่ติดไปชาติกว่าเลยเป็นไง :เฮ้อ:

นี่ขนาดข้างบนบอกไปว่าไม่บีบ แต่ก่อนหน้าที่จะมานั่งเม้นได้อ่านไปร้องไป  :m20:

อย่าแปลกใจครับ ผมไวต่อความรู้สึก และก็ขี้แยเป็นเรื่องปกติ

เป็นเพราะเรื่องของคุณทำให้ผมเข้าถึงเป็นตุเป็นตะเลยนะเนี๊ยะ

ผมบ่นเพราะผมอิน อย่าโกรธเลยนะครับคุณนักเขียน

อ่านแรกๆนะ ยุให้มันไม่สมหวังซะงั้นทั้งที่น้ำตาแตก แต่พอเค้าดีกันก็ยิ้มแก้มซาลาเปาแตกอีกเช่นกัน (เอากับมันสิ :z6:)

ขอบคุณมากนะครับสำหรับเรื่องดี ๆ o13

แล้วจะติดตามผลงานต่อไป :L2:

อ่อ แล้วยังอยากอ่านเรื่องนี้ไม่วันอื่นๆด้วยนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: imissyou ที่ 16-05-2012 05:24:02
คุณค่าของการให้อภัยนะคะนะ

แต่โดยรวมงานนี้พี่ธีผิดเต็ม ๆ นะคะ

มีอะไรทำไมไม่พูดคุยกับน้อง มาว่าเป็นแค่เพื่อนนอนกันได้อย่างไร

น่าจับตีนัก  o12

ชอบเรื่องนี้นะคะ เด๋วจะตามไปอ่านเรื่องอื่นต่อ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Demure ที่ 21-05-2012 14:32:28
ฮ้าฮ.. ถอนหายใจ
แอบลุ้นเหมือนกัน ดีใจที่เรื่องนี้จบแบบเข้าใจกัน
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้น..... [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: nana20367 ที่ 23-05-2012 22:18:25
อ่านเรื่องนี้ช้ามากกกกกว่าจะจบ
เพราะอ่านไปทำใจไป 55++ ทำไงดี ปวดใจจังเลยย ต้องไปนั่งทำใจก่อนค่อยมาอ่านต่อ//อินไปมั้ย55+
แต่ก็ประทับใจมากเลย เรื่องนี้สอนอะไรหลายๆอย่างเลย
 คำพูดนี่ทำร้ายคนที่เรารักได้มากกว่าที่เราคิดเลยนะเนี่ย เฮ้ออออ
ดีที่เรื่องนี้จบแฮปปี้ ไม่งั้นเราคงนอยไปหลายวัน

ปล.วลีเด็ดจากคุณแม่
 
“ยังไงก็ต้องไปคุยกับพี่ธีเค้านะ ผัวเมียกันตัดยังไงก็ตัดไปขาดหรอกลูก” ชอบมากกกกก>.< 555++
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 19-08-2012 00:43:38
สรุปว่าเวลาที่คลาดเคลื่อนของทั้งสองคน
มาจากคนรอบข้างนี่เอง :seng2ped:
กว่าจะเข้าใจกัน :เฮ้อ:
อยากอ่านตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 04-09-2012 14:02:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 17-10-2012 20:50:02
ประทับใจจัง ตอนแรกงงนิด ๆ ต่อแต่ไปก็เข้าใจ
อ่านที่คนเขียนขู่ว่ามันบีบหัวใจ ไอ้เราก็ลุ้น แต่พออ่านแล้วก็สมเหตุผลที่มันจะบีบหัวใจ กดดันจริง ๆ
เป็นกำลังใจให้ต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 04-12-2012 00:14:40
อ่านจบแย้ววว แอบย่องตามคุณเบาเบามา ก๊ากกกก
ชอบเวลาพี่ธีเรียกน้องว่า "น้อง" มันดูน่ารักๆไงไม่รู้
เรื่องนี้เหมือนสวนทางกันไปมาเลยยยย
ไม่เข้าใจกันหลายปี
แต่ก็กลับมาเข้าใจกกันได้ด้วยดี
ไม่น่าเลยยยยยยยย เพียงเพราะกระดาษแผ่นเดียวแท้ๆ
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 04-12-2012 17:24:55
เวลา ก้าวเดินไปข้างหน้า เรื่อย ๆ เวลา ไม่เคยหยุดรอใครจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 05-12-2012 04:35:16
ค่อยยังชั่ว... งานนี้หัวอกเดียวกับธี เพียงแต่เบื่อนิสัยที่เอาศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้งไม่ยอมพูดสิ่งที่ยากลำบาก
การไม่พูดคุยเพราะคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่อีกฝ่ายก็คงเข้าใจนั่น ไม่เป็นเรื่องจริงเลย ไม่ว่ากับความสัมพันธ์
ใดๆ เสียดายก็แต่เวลาที่ต่างฝ่ายต่างหันหลังให้กันแบบนั้น

เห็นทศโผล่มาเรื่องนี้ก็เลยอยากชักชวนให้คุณเบาๆ ช่วยไปต่อเรื่องเสือ กรและทศที
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 12-01-2013 11:46:42
เค้าเพิ่งรู้ว่านิยายเรื่องแรกในเล้าที่เค้าอ่าน...ไม่ได้ re
โฮ้ส ตอนนั้นคงยังไม่ได้สมัครสมาชิก

เอาเป็นว่ามาบอกรักพี่ธีกับน้องพฤกษ แล้วก็
บอกขอบคุณคนเขียนค่ะ><
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: MonkeYMauS ที่ 12-01-2013 17:04:36
ขอบคุณครับที่เขียนเรื่องราวดีๆให้อ่าน
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 25-01-2013 08:51:40
เผลอน้ำตาล่วงบน BRT โคตรอายเลย แต่ก็ยังอ่านต่อจนจบ
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-03-2013 19:16:00
กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกรอบก็ยังบ่อน้ำตาแตกได้เหมือนเดิม
งื้อออออออออ
มันจี๊ดในใจดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เวลา] + [เวลาต่อมา] ในวันทำงาน -----(จบในตัว)
เริ่มหัวข้อโดย: PazZ ที่ 29-03-2013 20:52:54
น้ำตา..มาจากไหน TT
ขอบคุณมากค่ะที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน
บีบ+หน่วง เเต่จบดี มีเเง่คิดให้ได้คิดตามหลายเรื่อง
ขอบคุณมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 12-05-2013 03:50:49
อ่านนิยายของคุณเบาเบา ทีไรมีร้องไห้ทุกที คราวนี้แค่น้ำตาคลอๆ

[เวลาต่อมา] น่ารักมากเลยค่ะ

สนุกมากเลยค่ะ!!!!!
หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 19-06-2013 02:29:08
ซาบซึ้ง  ตรึงใจมาก 

ขอบคุณ  และขอบคุณอีกครั้ง สำหรับเรื่องราวดีๆ 

หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: care_me ที่ 17-04-2014 03:01:00
ชอบบรรยากาศเรื่องนี้นะ

คือบรรยายความรู้สึกของคนที่คบกันเป็นระยะเวลานาน แล้วแฟนเป็นคนไม่ค่ยพูดได้ดี
 :o12: อ่านแล้วมันซึ้ง กินใจ
หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-10-2014 01:37:51
สนุกมากชอบมากขอบคุณค่ะ <3

หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-02-2015 00:40:06
เพิ่งเข้ามาอ่าน รวดเดียวจบ ชอบค่ะ

มีประเด็นสุดท้ายที่ยังค้างคาว่าใครบล็อคเบอร์ของธีที่โทรศัพท์พฤกษ
จนน้องนอยด์ว่าธีไม่ติดต่อ
หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 03-02-2015 12:07:57
เพิ่งเข้ามาอ่าน รวดเดียวจบ ชอบค่ะ

มีประเด็นสุดท้ายที่ยังค้างคาว่าใครบล็อคเบอร์ของธีที่โทรศัพท์พฤกษ
จนน้องนอยด์ว่าธีไม่ติดต่อ

 :man1: คุณแม่ค่ะ 
อาจสับสนหน่อย เพราะบรรยาย 2 ช่วงเวลา คาบเกี่ยวกัน
ซึ่งตอนหลัง คุณแม่สารภาพกับพี่ธีก่อน  แล้วตอนหลังค่อยสารภาพกับลูกชาย
หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 21:54:03
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 16-04-2018 06:57:57
 :o8: สนุกมากเลยค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบพระคุณนักเขียน ที่เขียนเรื่องราวสนุกๆแบบนี้มาให้อ่าน เป็นเรื่องสั้นที่ยาวเว่อร์วังอลังการมากค่ะ 5555 นักเขียนถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีนะคะ ทั้งเนื้อเรื่องและที่มาที่ไปของตัวละคร ความรู้สึกของพวกเค้า ทำไมคนนี่ถึงคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ ทุกอย่างมีเหตุผลของตัวมันเอง ใครจะไปคิดว่าคู่รักที่รักกันหวานชื่นจนมดยังอิจฉาจะมาเลิกกัน แล้วเหตุผลก็เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ต่างคนต่างมองข้าม อันดับแรกเราโทษพี่ธีเลยนะ พี่ธีควรจะบอกพฤกษ์บ้าง ทำงานมันเครียด เข้าใจ แล้วหัวอกคนรอละ? รออยู่ดีๆก็โดนอารมณ์เสียใส่ อ้าว ทำไมทำงี้ แต่พออ่านๆไปก็เข้าใจละค่ะ แต่อีกอย่างนึงที่ชอบมากๆคือ บุคลิก นิสัยขอพฤกษ์ งื้อออออ เป็นเด็กร่าเริง เฮฮาตลอดเวลาเลย 55555 เหมือนตุ๊กตาใส่ถ่านสองก้อน ส่วนพี่ธีก็อารมณ์แบบผู้ใหญ่หน่อยๆ.จะนิ่งๆ แต่เรื่องบนเตียงนี่ไม่นิ่งนะคะ! อ๊ายยย เขิน :hao7:
หัวข้อ: Re: [เวลา] จบในตัว
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-04-2018 13:27:47
 :pig4: :pig4: