บทที่ 8
เสร็จจากงานโชว์ตัวแล้ว เริ่มมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ผมเรื่องพี่นภกับเรื่องที่ผมเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัว บางคนก็ถามว่าผมมีเรื่องขัดผลประโยชน์กับพี่ชัชจริงไหม นี่แหละครับ สามารถโยงไปได้ ผมปฏิเสธทุกข่าว ไอ้โหดมันก็โดนสัมภาษณ์ครับ นักข่าวหลายคนจำมันได้จากงานถ่ายแบบ แต่น้อยคนจะรู้ว่ามันเป็นลูกชายคุณเม เพราะคุณเมมักจะพูดถึงแต่ผมเวลาออกงาน นักข่าวแซวว่าผมเปลี่ยนผู้จัดการเพื่อจะดับข่าวคาวกับพี่นภ ผมละอยากจะขำ ก็คิดกันไปได้นะ ส่วนไอ้โหด ผมคิดว่ามันจะโมโหจนเหวี่ยงนักข่าวซะอีก แต่มันกลับตอบคำถามดี ใจเย็น ได้ใจนักข่าวไปเต็มๆเลยครับ กลับไปจะยกรางวัลนักแสดงดีเด่นที่ผมมีให้มันหมดตู้ไปเลย
“จะซื้อไปไหนเยอะแยะ” หลังจากปลีกตัวออกมาจากกลุ่มนักข่าวเสร็จ ผมกับมันก็มากินข้าวที่ร้านดังในห้างที่มาโชว์ตัวนี่แหละครับ ผมกินไปนิดเดียว ยังอิ่มก๋วยเตี๋ยวที่กินไปอยู่เลย แต่ที่ร้านนี้มีเบเกอรี่ขายด้วย ผมเลยหยิบขนมมาหลายถุง เป็นสาเหตุให้มันถามครับ
“ก็จะไปห้องอัด เอาไปฝากทีมงานเขาไง” ผมตอบจริงๆผมต้องไปซ้อมเดินแบบก่อนถึงจะไปที่บ้านพี่นภ แต่พี่นภโทรมาขอเลื่อนเวลาเป็นตอนเย็น เราเลยต้องไปที่บ้านของพี่นภก่อนแล้วถึงกลับมาซ้อมเดินแบบให้คุณเม
“จะเอาไปฝากหมอนั่นว่างั้น” มันย้อนถาม
“ถูก จ่ายให้ด้วย” ผมวางถุงขนมที่เคาท์เตอร์ มันทำท่าหงุดหงิดแต่ก็หยิบเงินมาจ่ายให้ ได้ข่าวว่าเงินผมนะนี่ ทำมาหงุดหงิด ไม่มีน้ำใจ คนเราต้องรู้จักมีของฝากติดไม้ติดมือ
“ชอบเขามากรึไง” มันถามเมื่อผมกับมันมาอยู่ในรถแล้ว ทำไมผมโดนถามแบบนี้อีกแล้ว
“จะชอบหรือไม่ชอบ พี่จำเป็นต้องรู้ไหม” ผมถามกลับ มันเรื่องส่วนตัวของผม
“พี่ต้องรายงานแม่ฉันไหม” มันถามบ้าง ผมอึ้งไป
“ตามใจ แม่พี่ ไม่ใช่แม่ผมเขาไม่มีสิทธิ์ห้ามเรื่องที่ผมจะชอบใครไม่ชอบใคร” ผมเริ่มหงุดหงิด เอะอะเอาแม่มาขู่
“แล้วรู้ได้ไงว่าเขาจะชอบนาว” มันถามคำถามที่โดนใจดำอย่างแรง
“ไม่จำเป็นต้องรู้ แค่นาวชอบเขาไม่ได้หนักหัวใครนี่”
“ถ้าเขามีคนรัก นาวแน่ใจว่าไม่หนักหัวใคร?” คำถามของมันคราวนี้ทำผมนิ่งไป ก็ไม่ได้คิดจะแย่งใครนี่หว่า ถ้าเขามีแฟน ก็ไม่ได้คิดจะยุ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะมีใคร ผมก็มีสิทธิ์
“ไม่ใช่เรื่องของพี่” ผมตอบสั้นๆ มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศเหมือนป่าช้าจนถึงบ้านของพี่นภ ถ้าเขามีเมียก็จะได้รู้คราวนี้แหละ
ผมกับมันจอดรถที่โรงจอดรถภายในบ้านของพี่นภ บ้านของพี่นภหลังใหญ่มาก อาจจะเล็กกว่าบ้านของคุณเม แต่ก็ใหญ่เกินจะอยู่คนเดียว คิดแล้วก็เริ่มห่อเหี่ยว หรือเขาจะแอบมีเมียแล้วจริงๆ พี่นภเดินออกมาต้อนรับผมกับไอ้โหด ก่อนจะพาเดินเข้าไปด้านใน บ้านพี่เขาตกแต่งแบบโมเดิร์นมากๆ เก๋ดี ผมแอบกวาดสายตาสำรวจ ไม่เห็นจะมีรูปคู่ รูปครอบครัวหรืออะไรที่บ่งบอกว่าเขามีใครเลย พี่นภเชิญผมกับไอ้โหดมานั่งในห้องนั่งเล่น ข้างในมีผู้ชายสองสามคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้ทักทายทุกคน
“นี่ทีมงานพี่เอง นี่พี่จ้อย พี่เวก พี่มิ่ง” พี่นภแนะนำ
“ตัวจริงดูเด็กมากเลยนะ แต่การแสดงไม่ธรรมดาเลย” พี่มิ่งทักผม ผมยิ้มให้ แต่ละคนดูน่าเคารพบูชามากครับ แต่ก็ดูเหมือนคนดุๆ
“ใครจะไปแก่เหมือนพวกเรา” พี่เวกแซวเพื่อน
“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ” ผมถามพี่ๆเขา ชักจะตื่นเต้น ถึงจะเคยร้องเพลงตามงานบ่อยๆ แต่มาเจอมืออาชีพแบบนี้ก็ชักจะหวั่นๆ
“ใจเย็นไอ้น้อง ไฟแรงจริงๆ” คราวนี้พี่จ้อยเป็นคนพูดครับ แกตัวเล็กสมชื่อ ผมเคยเห็นพี่แกตีกลองให้วงร็อกชื่อดังวงหนึ่ง แต่หลังๆไม่เห็นไปเล่นให้วงนั้นแล้วครับ มาทำงานเบื้องหลังกับพี่นภนี่เอง
“วันนี้พี่จะเอาเนื้อร้องให้นาวไปดูก่อน แล้วจะร้องไกด์ใส่เดโมไปให้ฟัง อยากให้นาวทำความเข้าใจกับบทละคร เนื้อเพลงด้วย ก่อนจะอัดจริง จะได้มีอินเนอร์เวลาที่ร้อง พอจะมีเวลาไหนที่ว่างบ้าง สักอาทิตย์ละวัน พี่อยากให้มาเรียนวิธีการใช้เสียงกับพี่มิ่ง” พี่นภอธิบายให้ฟัง ผมหันไปมองไอ้โหดเมื่อถูกถามเรื่องคิว
“คงเป็นวันเสาร์หรืออาทิตย์ ช่วงบ่ายๆ” ไอ้โหดมันตอบ
“งั้นเอาเป็นวันอาทิตย์บ่ายโมงแล้วกัน” พี่นภบอก ไอ้โหดหยิบสมุดคิวขึ้นมาจด
“ผมซื้อขนมมาฝากครับ ลืมเลย” ผมหยิบถุงขนมส่งให้พี่นภ
“พี่กำลังอยากกินเลย” พี่จ้อยร้องบอก ผมยิ้มให้พี่เขา เห็นท่าทางดูดุๆ แต่น่าจะใจดีกันทุกคน
“เป็นไอ้นภนี่ดีจริงๆ มีแต่ของอร่อยๆไม่ขาดเลย” พี่เวกพูดขึ้นมา คงจะได้จากแฟนคลับบ่อยๆ เป็นนักร้องขวัญใจมหาชนก็แบบนี้แหละ ขวัญใจผมด้วย คึคึ
“แกมันขี้อิจฉา เดี๋ยวพวกพี่ไปที่ห้องอัดก่อน เดี๋ยวนาวได้ตามไปฟังไกด์สดๆสักรอบหนึ่ง” พี่มิ่งบอก
“ครับ” ผมตอบรับ แล้วพี่ๆเขาก็พากันเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
“ขอตัวรับโทรศัพท์ก่อนครับ” เสียงโทรศัพท์ของไอ้โหดมันดัง ผมแอบเห็นชื่อพี่อ้นโทรเข้า แหม แฟนโทรมารีบรับเลยนะ เอาละสิ ผมอยู่กับพี่นภสองต่อสอง วี๊ดว้าย 5555
“พี่ขอเพื่อนว่าจะเป็นคนแต่งเพลงนี้เองเลยนะ พอรู้ว่านาวจะเป็นคนร้อง” พี่นภบอก ผมดีใจมากเลยครับที่ได้ยิน
“นาวจะตั้งใจร้องให้ดีที่สุดเลยครับ”
“พี่เชื่อว่านาวต้องทำได้ดี”
“ขอบคุณครับ” ผมอยากจะชวนพี่เขาคุยให้มากกว่านี้นะ แต่มันไม่รู้จะพูดอะไร มันเกร็ง กลัวทำอะไรเปิ่นๆต่อหน้าพี่เขา
“ชื่อเพลงอะไรรู้ไหม” พี่เขาถาม
“ไม่รู้ครับ ชื่อเพลงว่าอะไรเหรอครับ”
“รัก”
“....................”
“เพลง..รัก”
“....................”
“นาวครับ”
“............”
“นาว นาวครับ”
“ครับๆ แหะๆ” ผมสติกระเจิงไปสามสิบวินาที เล่นทำหน้าละมุนละไมแล้วพูดว่ารักใส่ผม ผมก็วิญญาณหลุดสิครับ ผมไม่รู้หรอกว่ามันมีความหมายอะไรไหม แต่ดวงตาพี่เขาสะกดผมมาก มันดูอบอุ่นสุดๆไปเลย
“ชื่อเพลงรัก นาวต้องหัดมีความรักแล้วมั๊ง จะได้มีอินเนอร์” พี่นภแซวผม ผมก็อยากจะบอกพี่เขาว่า พี่ก็สอนผมสิคร้าบ ผมอยากหัดกับพี่ที่ซู้ดดด
“นาวไม่มีใครให้รักนี่ครับ” ผมตอบ อุ้ย ดูอ่อยไปไหมครับ ฮ่าๆๆ
“อาจจะมีแต่นาวไม่รู้ก็ได้” พี่นภตอบกลับ โธ่ๆ พี่อย่าพูดแบบนี้ ผมมีความหวังนะคร้าบ เดี๋ยวจับปล้ำในห้องนั่งเล่นซะเลย นึกแล้วก็อารมณ์ดีจนอยากเต้นระบำรอบบ้าน
“แล้วพี่นภละครับ แต่งเพลงรักได้ ต้องมีความรักรึเปล่า” เอาซี้ๆ ได้ทีไอ้นาวหลอกถามบ้างแล้ว โอ้ย ลุ้น ถ้าตอบว่ามีแล้ว ไอ้ที่อยากเต้นๆเมื่อกี้ขาหักเลยนะนั่น
“ก็อยากจะมีเหมือนกันนะ ความรัก” พี่นภจ้องผมนิ่ง ผมรู้สึกใจเต้นมากเลยครับ ทุกอย่างกำลังลงตัว ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์มารผจญหนทางรักของผมเสียก่อนแต่เป็นสายเข้าของพี่นภครับ ไม่ใช่ของผม
“พี่ขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะครับ” พี่นภบอกก่อนจะรีบเดินออกไป ผมแอบถอนหายใจ เพราะมันเกร็งจนรู้สึกเมื่อยร่างกาย ยิ่งกว่าไปยิมอีก
“ฝันสลายเลยสิ” เสียงกระแหนะกระแหนแบบนี้มีคนเดียวครับ
“ไม่ได้ฝัน ถ้าฝันพี่จะแอบดูได้เหรอ เขาเรียกของจริง” ผมยอกย้อนมัน
“แล้วไง แฟนเขาโทรมา เขาก็รีบไป อิ่มไหม ได้กินแห้วน่ะ” ดูมันสิครับ ปากเสียๆๆ อยากตบปากมันจริงๆ
“พี่ไปตรัสรู้ได้ไงว่าแฟนเขาโทรมา ไม่เหมือนพี่หรอก แฟนโทรมารีบออกไปรับเชียว จะชวนไปกินอะไรกันอีกอะคราวนี้ ของหวานหรือของคาว” ผมเน้นคำหลัง อยากมายุ่งเรื่องผมนัก มันชักสีหน้าใส่ผม
“พี่บอกแล้วไง ว่าพี่กับอ้นไม่มีอะไรกัน”
“ใครจะไปรู้ ปากอย่างใจอย่างทำอีกอย่าง”
“แล้วแต่นาวจะคิด”
“อยู่แล้วละ นาวคิดแน่ คิดลึกด้วย”ผมพูดจบมันก็ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ
“ถ้านาวจะคิดให้ลึกจริงๆ ก็น่าจะรู้ ว่าพี่...”
“อย่ายุ่งเรื่องของนาว นาวไม่ชอบ!!” ผมพูดแทรกขึ้นมาเพื่อตัดบทสนทนา ไม่อยากให้มันมายุ่งเรื่องของผม แค่แม่ของมันคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว
“ไปที่ห้องอัดกัน” พี่มิ่งออกมาตามพอดีครับ มันเลยไม่ได้พูดต่อได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง แล้วผมกับไอ้โหดเลยเดินตามพี่มิ่งไป
ห้องอัดที่นี่ก็คล้ายๆกับของที่บ้านไอ้เกลือ แต่เล็กกว่านิดหน่อย ที่ผนังด้านหลังมีกีต้าร์ห้อยเต็มไปหมด ไอ้โหดตาเป็นประกายเลยครับ มันเดินไปคุยกับพี่เวกเรื่องกีต้าร์ ถูกคอกันเลย ส่วนผมเดินตามไปมิ่งไปนั่งที่โซฟาในห้องคอนโทรล สักพักหนึ่งพี่นภก็เดินเข้ามา สีหน้าดูเครียดๆ พี่เขาเดินเข้าไปในห้องกระจกใส ไปนั่งที่เก้าอี้หัวกลม ก่อนจะส่งเสียงมาทางไมโครโฟน
“พร้อมแล้ว” พี่นภบอก สักพักเสียงดนตรีก็ดังขึ้น พอพี่เขาเริ่มร้องเพลงผมก็เหมือนตกในภวังค์ น้ำเสียงพี่เขายังสะกดผมเหมือนเดิม ต่างกันตรงที่ผมไม่ได้ไปยืนฟังที่หน้าเวทีหรือหน้าจอโทรทัศน์ ผมได้ฟังพี่เขาร้องอยู่ตรงหน้า เพลงที่พี่เขาบอกว่าแต่งให้ผม เพลง...รัก ผมฟังทุกตัวอักษร ทุกท่วงทำนอง ใจหนึ่งก็ซาบซึ้งกับบทเพลง แต่ทำไมอีกใจหนึ่งกับคิดว่าเพลงนี้มันไม่เหมาะกับผมก็ไม่รู้ สงสัยผมฟังไอ้โหดมันเป่าหูเรื่องที่พี่เขามีแฟนแล้วมาแน่ๆ ว่าแต่..สีหน้าของไอ้พี่ธีมมันดูเศร้าๆตอนที่ผมตวาดมัน หรือผมจะแรงไป ปกติผมก็ตอบโต้กับมันตลอดอยู่แล้วไม่เห็นมันจะเป็นอะไร แล้วทำไมผมต้องมาไม่สบายใจเรื่องมันด้วย ไม่เห็นจะต้องสนใจ อาจจะเพราะหลังๆผมอยู่กับมันบ่อยเกินไป ถึงจะยังไม่ชอบหน้ามันแต่ก็ยอมรับว่ามันก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าไม่ต้องไม่ชอบมัน มันก็คงเป็นเพื่อนสนิทกับผมได้อยู่นะ
แล้วทำไมต้องไม่ชอบมัน? สมองซีกขวาถาม
ก็มันเป็นลูกคุณเม! สมองซีกซ้ายตอบ
แกมันขี้มโน สมองซีกขวาด่าซีกซ้าย
“นาว!!” สมองซีกซ้ายไม่ได้เรียกผมครับ แต่เป็นเสียงพี่จ้อยเรียกผมซะดัง ผมสะดุ้งตกใจ กำลังคิดอะไรเพลินๆเลยไม่รู้ว่าพี่เขาเรียก
“ขอโทษครับ”
“ฟังเพลงจนเคลิ้มไปเลยสิท่า ได้ข่าวว่าไอ้นภมันเป็นไอดอลด้วยใช่ไหม” พี่จ้อยแซว ผมยิ้มเขินๆ พวกพี่เขารู้กันด้วยเหรอวะเนี่ย
“มันร้องไกด์ให้ฟังเฉยๆแต่นาวต้องร้องให้เป็นแบบฉบับนาวเอง เอาเนื้อเพลงกับเดโมไกด์เสียนี้ไปฝึกจำเนื้อเพลงกับทำนองก่อน แล้วพี่จะสอนเทคนิคให้” พี่มิ่งบอกผม
“ขอบคุณครับพี่”ผมไหว้ขอบคุณพี่เขา สักพักพี่นภก็เดินออกมาจากห้องกระจกนั่น
“เป็นไง ชอบไหม” พี่นภถามผม
“ชอบครับ แต่เห็นพี่ร้องซะผมไม่กล้าร้องเลย กลัวทำเพลงพี่เสียหาย” ผมพูดไปอย่างที่รู้สึกจริงๆ
“ไม่หรอก พี่เชื่อว่าเพลงนี้ต้องดัง ถ้านาวดังขึ้นมา คราวนี้พี่ตกงานแน่” พี่นภบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาตบที่บ่าผม
“ผมจะพยายามครับ”ผมบอก เพลงที่พี่นภอุตส่าห์แต่ง ผมต้องทำให้ดีที่สุด
“งั้นวันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ พอดีพี่มีธุระด่วน เจอกันวันอาทิตย์นะครับ” พี่นภบอก ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้พวกพี่ๆเขาก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถ โดยมีพี่นภเดินมาส่งถึงรถ พี่นภเขายกมือขึ้นบ๊ายบายผมแล้วก็เดินไปขึ้นรถตัวเองเหมือนกัน จากนั้นไอ้โหดมันขับรถพาผมไปที่โรงแรม เพื่อซ้อมคิวงานเดินแบบ งานนี้มีเจ้าชายจากประเทศชื่อแปลกๆมาด้วย คนใหญ่คนโตคงมากันเต็มงาน ท่าทางงานจะใหญ่กว่าที่ผมคิด
“อะ” ไอ้โหดมันส่งถุงกระดาษสีน้ำตาลให้ผม ผมรับมาเปิดดู ข้างในมีขนมปังมันฝรั่งที่ผมชอบกิน แล้วมันก็ส่งขวดโกโก้เย็นยี่ห้อโปรดมาให้อีก มันไปซื้อมาตอนไหน ที่สำคัญรู้ได้ไงว่าผมเริ่มจะหิวขึ้นมานิดหน่อย
“ขอบคุณ” ผมบอกก่อนจะหยิบขนมปังขึ้นมากิน มันก็เงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นายๆ..” ผมเรียกมัน มันไม่ได้หันมามองหรอก แต่ก็หรี่เสียงเพลงลงแทนการรับรู้ว่าผมเรียก
“เมื่อกี้ นาว..” อยากจะพูดต่อ อยากจะขอโทษหากผมก้าวร้าวมันเกินไป แต่ปากมันขยับไม่ได้ ปากมันแข็งงง
“ว่า” มันถามสั้นๆ
“คือ เมื่อกี้ คือนาว”
“นาวตดเหรอ” มันถาม ดู๊ ดูมันกวนตีน
“อย่างพี่ไม่ได้ดมกลิ่นตดนาวหรอกจะบอกให้” ผมงับขนมปังมันฝรั่งใส่ปากต่อ ไม่ขอโทษแกละ กวนตีนนัก มันขำเบาๆ แต่ฉันได้ยินเหอะ
“พี่ขอโทษที่ขอบไปยุ่งเรื่องนาวนะ” มันบอก เออดีเว้ย ผมว่าผมจะขอโทษมัน แต่มันกลับมาขอโทษผมก่อน
“ดีมาก ผิดแล้วรู้จักขอโทษ นาวก็ต้อง..”
“ถ้าสมมุติวันหนึ่งแม่พี่ น้องสาวพี่ ตัวพี่หายไปจากชีวิตนาวจริงๆ นาวจะมีความสุขจริงๆใช่ไหม” มันถามผม เป็นคำถามที่ผมสามารถตอบได้ง่ายๆเลยนะถ้าโดนคนอื่นถาม แต่ทำไมผมกลับพูดไม่ออกเมื่อโดนมันถามต่อหน้า นี่ผมแคร์มันเหรอ
“นาวกินอยู่ เขาไม่ให้พูดไปกินไป” ผมบอกมัน ผมรู้สึกได้ว่ามันหันมามองหน้าผม แต่ผมมองไปข้างหน้า ตั้งใจกินขนมปังสลับกับโกโก้ ทำเป็นไม่สนใจมันชั่วขณะ
“พี่ดีใจนะ ที่นาวไม่ตอบ” มันพูดจบก็เร่งเสียงเพลงให้ดังเหมือนเดิม
“นาวขี้เกียจจ้างคนใช้ใหม่เหอะ ไม่ต้องมาดีใจ” ผมพูดออกไปด้วยเสียงธรรมดา ไม่รู้มันจะได้ยินไหมเพราะเสียงเพลงร็อกกระแทกหูของมันดังจนน่ารำคาญ แต่ผมก็เห็นว่ามันยิ้มไม่หุบ
..หึ แค่นี้ทำเป็นดีใจ มันแอบรักผมเปล่าวะ..
เฮ้ยยยย!!!!!!ผมคิดอะไรแบบนี้ เสนียดสมอง ไม่คิดๆ ปัดๆๆๆๆ ปัดออกจากสมองก่อนวุ้ย ผมรีบกดเปลี่ยนเพลงแกล้งมัน จะได้ไม่ต้องคิดอะไรทุเรศๆแบบนี้อีก มันก็เอื้อมมือมาเปลี่ยนกลับแบบไม่ยอมผม สงครามเปลี่ยนเพลงก็เกิดขึ้น เปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมาจนถึงโรงแรมครับ สงครามถึงได้ยุติ
เรามาถึงสถานที่จัดงานแล้วครับ ไอ้พี่ธีมมันพาผมเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับจัดงาน ด้านในยังเป็นห้องโล่งๆอยู่ ก็งานจริงมันอีกตั้งหลายอาทิตย์กว่าจะถึง คุณเมเดินมาจูงมือผมเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงเข้าไปในห้องประชุมด้านใน มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่นั่งล้อมๆกันอยู่ ด้านหน้ามีจอสีขาวขนาดใหญ่ เหมือนกำลังประชุมงานกัน
“มาพอดีเลย จะได้ฟังพร้อมกัน นี่พี่ๆทีมงานจากบริษัทบูมเมอแรงออร์กาไนเซอร์ที่จะช่วยแม่เรื่องงานในครั้งนี้นะคะ” คุณเมแนะนำ
ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้ทุกคน ผมเห็นผู้จัดการส่วนตัวของบรรดาเพื่อนๆผมมากันครบทุกคนเลย แต่พวกมันไม่ได้มากันวันนี้ เชฟปิแอร์ พ่อไอ้บิวก็มาด้วย ผมนั่งฟังแผนงานทั้งหมดอย่างเบื่อๆ ไม่รู้ว่าจะให้ผมมาทำไมถ้าไม่ได้ซ้อมเดิน เท่าที่จับใจความได้ก็คือ พ่อของไอ้บิวจะเป็นคนจัดการรับผิดชอบเรื่องอาหารและเครื่องดื่มในงานทั้งหมด ในงานกำหนดธีมเครื่องแต่งกายของแขกทุกคน คือ แต่งย้อนยุคแบบเรเนซองส์ ที่สำคัญต้องสวมใส่หน้ากากด้วย เพราะจะมีเกมเพื่อชิงรางวัลพิเศษ รายได้จากการขายบัตรไม่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะบริจาคให้องค์กรการกุศลสิบแห่งด้วยกัน ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็คือ คุณปริณ คุณเมและเจ้าชายมิคาเอลแห่งบัณตรา
ในงานจะมีการเดินแบบจากลูกหลานไฮโซ ดารานักร้องและคนที่มีชื่อเสียง มีงานเต้นรำ มีการประมูลของ งานนี้ใหญ่กว่าที่ผมคิดเอาไว้มากครับและที่ทำเอาผมเหวอไปที่ได้รู้ คือผมต้องเดินแบบในชุดสุดท้ายกับเจ้าหญิงมิเชล พระราชธิดาองค์เล็กแห่งบัณตราที่ติดตามพระเชษฐามาด้วย ทำไมต้องเป็นผมด้วย ถ้าทำผิดพลาดเหยียบขาเจ้าหญิงขึ้นมาจะโดนประหารไหมคร้าบ ในที่สุดการประชุมก็จบลงด้วยดี คุณเมจูงมือผมเดินแยกมาจากกลุ่มทีมงาน
“เดี๋ยวไปกินข้าวกับแม่นะคะ”
“แต่ว่า..” ผมไม่อยากไป แต่ยังไม่ทันจะปฏิเสธคุณเมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“กินในโรงแรมนี่แหละค่ะน้องนาว คุณปริณจะมาร่วมทานด้วยกัน”
“ก็ได้ครับ” ผมตอบเพราะชื่อแขกที่จะมาร่วมทานด้วย อยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้พูดถึงผมทำไม หรือเขาจะเป็นแฟนใหม่คุณเม แต่ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ไม่เห็นต้องพาผมมาทำความรู้จัก โน้น ไปบอกไอ้โหดมันดีกว่ามะ
“แม่จองโต๊ะเอาไว้แล้ว น้องนาวกับพี่ธีมไปรอที่ห้องอาหารก่อนนะคะ แล้วแม่จะตามไป”
“แล้วไม่ต้องซ้อมเดินแบบแล้วเหรอครับ”
“พอดีแม่เปลี่ยนแปลงชุดนิดหน่อย มันเป็นความลับเชียวนะ แม่ต้องพาน้องนาวไปลองชุดใหม่ เอาไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันที่บ้านนะคะ” คุณเมลูบผมของผมก่อนจะเดินหันหลังไปสมทบกับทีมงาน สายตาคนอื่นๆที่เดินผ่านมองมาก็อมยิ้ม คงเป็นภาพแม่ลูกที่ดูน่ารักสินะครับ ส่วนไอ้พี่ธีมมันก็อมยิ้ม ผมเลยเบ้ปากใส่มัน ก็แค่ไม่อยากทำตัวมีปัญหา เพราะนี่งานการกุศล ต้องทำใจให้ใสสะอาด ไม่ได้คิดจะญาติดีอะไรสักหน่อย มันไม่ต้องมายิ้มเหอะ
“ไป ต้องจูงมือไหม” ไอ้โหดเดินมาถามผม
“ไม่ต้อง ไม่มีหมาที่ไหนเขาเดินจูงเจ้าของหรอก” ว่ามันเป็นหมาซะเลย หึหึ
“งั้นนาวก็จูงมือพี่ดิ” มันยื่นมือมาให้ อะไรสิงมันอีกละ ทำยิ้มเล็กยิ้มน้อย ไอ้ทะลึ่ง
“พี่จะยอมเป็นหมารึไง หะ ถึงจะมาให้นาวจูง”
“ถ้านาวจะจูง พี่ยอมเป็นหมาก็ได้” มันบอกแล้วจ้องหน้าผม ผมขมวดคิ้วมองมัน แล้วก็รีบหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้นเลย
สงสัยขนมปังมันฝรั่งกับโกโก้เย็นทำพิษ ทำไมรู้สึกปั่นป่วนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำไมรู้สึกว่าไม่อยากสบตามัน สายตามันแปลกๆไป มันทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวเอง มือไม้ของผมก็ดูจะผิดที่ผิดทางทั้งๆที่มันก็ขนาบอยู่ข้างตัวของผมเหมือนปกติ เอ๊ะ หรือผมจะป่วย หรือ..ร่างกายทำงานหนักไป หรือ หรืออะไรดี นี่ผมเป็นอะไรรรรรรรรร!!!.... ผมเดินจ้ำอ้าวไปห้องอาหารของโรงแรม แล้วไอ้โหดก็มาคว้ามือผม ผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก คือ ผมไม่อยากเป็นหมาและเจ้าของหมาอะไรตอนนี้ ไม่ต้องมาจูงผ๊มมม
“นั่นมันทางไปห้องน้ำ ห้องอาหารทางนี้ หรือนาวจะไปกินในส้วม” มันถามผม เพล้งงง หน้าแตกครับ มัวแต่เดินไม่ได้มอง หึ.. วันนี้มันกวนตีนผมหลายรอบนักนะไอ้เมือกปลา
“นาวจะพาพี่ไปกินของในส้วมต่างหาก อยากเป็นหมานี่ ไปกินขี้เลยไป๊” ผมบอกก่อนจะหันหลังเดินทางห้องอาหาร ได้ยินเสียงของมันหัวเราะตามมา ฝากไว้ก่อนเหอะวันนี้ผมคงป่วย ถึงได้ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงมัน
ผมกับไอ้โหดเดินไปนั่งโต๊ะที่คุณเมจองไว้ พนักงานเอาเมนูเครื่องดื่มมาให้เลือก ผมกับไอ้โหดสั่งไป ส่วนอาหารรอคุณเมกับแขกมาก่อนแล้วกัน ผมกับมันนั่งข้างเดียวกันครับ ก็ดี ไม่อยากมองหน้ามัน มันต้องมีสปีชี่เดียวกับไวรัส ทำให้ผมรู้สึกป่วย ต้องใช่แน่ๆ ผมมั่นใจ
สักพักเดียวคุณเมก็เดินตรงมาที่ผมพร้อมกับผู้ชายที่ดูภูมิฐานคนหนึ่ง พอได้เห็นหน้าชัดๆผมก็เริ่มจะคุ้นขึ้นมาบ้าง ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกับไอ้โหดแล้วยกมือไหว้ เขาคือคุณปริณ เขาส่งยิ้มกลับมาให้ผม ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ แต่ยังดูดีมาก เป็นชายรุ่นใหญ่ที่ยังดูดีมากๆล่ะครับรอยยิ้มดูเป็นมิตร ผมรู้สึกถูกชะตา
“ตามสบายเลย สั่งอาหารกันรึยัง” คุณปริณถามพวกผม
“ยังครับ” ผมตอบ
“งั้นเดี๋ยว..เดี๋ยวลุงสั่งให้นะ” เขาคงคิดว่าจะแทนตัวเองว่าอะไรดี แต่แทนว่าลุง คงจะอายุเยอะกว่าคุณเม คุณปริณสั่งอาหารมาให้ ผมโล่งใจเลย เพราะรายการที่คุณปริณสั่งไปผมชอบกิน ขืนสั่งที่ไม่ชอบมาแล้วต้องทนกินเพื่อมารยาทผมต้องตายแน่ๆ
“น้องนาว พี่ธีมคะ นี่คุณปริณ ประธานบริษัทโกลด์ไลน์กรุ๊ปค่ะ น้องนาวอาจจะไม่ค่อยได้เห็น เพราะคุณปริณไม่ค่อยชอบออกสื่อเท่าไหร่” คุณเมแนะนำอย่างเป็นทางการ ผมกับไอ้โหดยกมือไหว้อีกครั้ง
“เรียกว่าลุงปริณแล้วกัน ลุงสนิทกับพ่อของน้องนาวมาก”
“อ๋อ ครับ” ผมตอบรับ แต่ทำไมพ่อผมไม่เคยพูดถึงคุณปริณให้ผมฟังเลย
“พ่อเราคงไม่ค่อยพูดถึงลุงสิท่า เขาคงโกรธลุงที่มัวแต่ยุ่งเรื่องงาน ไม่มีเวลาไปกินเหล้ากับเขาเหมือนตอนยังวัยรุ่น เมื่อก่อนตอนที่ลุงยังหนุ่มๆ ความรับผิดยังไม่มากเท่านี้ ก็ไปกินเหล้าที่บ้านของน้องนาวแทบทุกวัน ตอนนั้นน้องนาวยังตัวเล็กนิดเดียว” ผมหูผึ่งทันที ยังงี้คุณปริณก็รู้จักแม่ผมอะดิ ผมอยากรู้เรื่องแม่ให้มากกว่านี้จัง
“จริงเหรอครับ ผมคงยังเด็กจริงๆจำคุณลุงไม่ได้” ผมบอกตามจริงและรู้สึกสนิทสนมขึ้นมาเมื่อรู้ว่าคุณปริณสนิทกับพ่อและแม่ของผม
“เอาไว้ไปเที่ยวที่บ้านลุงสิ ลุงมีรูปพ่อกับแม่ของน้องนาวตอนยังหนุ่มสาวกันอยู่เลย”
“จริงเหรอครับ ผมดีใจจัง อยากเห็นรูปของแม่” ผมรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่สีหน้าของคุณเมดูเจื่อนๆไป คงเห็นผมดีใจที่ได้ยินเรื่องแม่ ไอ้โหดก็นั่งนิ่งๆตามสไตล์มัน
“จริงสิ อยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้เลย โทรมาบอกลุงก็ได้ จะให้คนขับรถไปรับ”
“ขอบคุณมากครับคุณลุง”
ช่วงเวลาอาหารค่ำผ่านไป เรียกได้ว่าทั้งโต๊ะมีแต่เสียงผมกับคุณปริณคุยกันอย่างถูกคอ ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางที่ดูน่าเกรงขามกลับใจดีและไม่ถือตัว บางทีก็เล่นมุขวัยรุ่นขำๆจนผมอาหารแทบพุ่ง คงเพราะสนิทกับครอบครัวผมนี่เอง ถึงได้เป็นห่วงถามไถ่ถึงผม คุณเมก็มีร่วมวงสนทนาบ้างแต่ไอ้โหดนี่สิเงียบเหมือนไม่มีตัวตน
“ยังหายใจอยู่เปล่าวะ” ผมแอบกระซิบถามมัน
อ่อ ยังไม่ตายครับ เพราะมันเหลือบสายตามามองผมแบบเคืองๆ ฮ่าๆ ผมไหว้ลาคุณปริณ คุณปริณลูบศีรษะของผมแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กก่อนจะแยกไปขึ้นรถ คุณเมชวนผมกลับด้วยกัน แต่ผมบอกจะกลับพร้อมไอ้โหดครับ ไม่อยากนั่งเกร็งตลอดทาง ไปกับไอ้โหดดีกว่า ยังได้เถียงกับมันแก้เบื่อ คุณเมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่คนขับรถขับมารอแล้ว
“มีอะไร” ไอ้โหดมันถามเมื่อเห็นว่าผมหันขวับไปมองข้างหลัง
“รู้สึกเหมือนมีใครตามอะ” ผมบอก รู้สึกตั้งแต่นั่งกินข้าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะผมเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องมีคนมองบ้างเป็นธรรมดา แต่นี่มันลานจอดรถ หรือจะเป็นไอ้เจ้าชายรองเท้าแตะที่ตามผมในไอจีคนนั้น
“คิดมาก ไม่เห็นมีใคร” มันเดินไปดูรอบๆก่อนจะบอกผม ผมเลยยักไหล่แล้วเดินขึ้นรถไป
“ก็นาวหล่อมาก ต้องระวังตัว แต่ลืมไป มีหมาดุคุมอยู่ ไม่ต้องกลัวเนอะ ใครมายุ่งกับนาวก็กัดเลยนะ” ผมได้ทีแขวะมัน
“พี่ว่าจะกัดนาวคนแรกนี่แหละ” มันบอก แหนะ หมาขู่เว้ย ผมเลยแกล้งดีดนิ้ว เดาะลิ้น ส่งเสียงเรียกหมา มันเลยดีดเหม่งผมครับ อย่างแรงเลย แม่ม หมาห่านอะไรยกขาหน้ามาดีดหน้าผากคนได้ด้วย ฝากไว้ก่อนเห๊อะ เดี๋ยวรวบยอดทีเดียวไอ้หมาเมือกปลา
โปรดติดตามตอนต่อไป