วันที่ 46
“จำที่นี่ได้เปล่า”อยู่ๆ ไอ้เชษฐ์ก็ถามขึ้น ตอนนี้เราอยู่กันที่ศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง วันนี้ผมกับไอ้เชษฐ์นัดกันออกมาดูหนัง หรือเอาตามที่ไอ้คุณแฟนผมพูดก็ มาออกเดทนั่นแหละครับ ทั้งที่เมื่อคืนก็กลับดึก แต่วันนี้ก็ยังโทรปลุกผมแต่เช้า มันบอกว่าอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ ก็ตามใจมันหน่อยแหละครับ
“จำได้เรื่องอะไร”ผมถามออกไปด้วยความสงสัย ว่าที่ศูนย์อาหารมันมีอะไรพิเศษเหรอ เพราะผมก็มาที่นี่บ่อยอยู่พอสมควร เวลามาดูหนัง ถ้าจะหาอะไรทานก่อนก็มักจะเป็นตรงศูนย์อาหารนี้ทุกที
“มึงนี่มันต่อมโรแมนติกไม่คงที่จริงๆ ทีตอนซื้อแหวนมาให้กูก็นึกว่าจะมีแฟนโรแมนติกกับเค้าบ้าง แต่ที่ไหนได้ อย่างมึงนี่คงต้องกระตุ้นอีกเยอะ”ไอ้เชษฐ์บ่นๆ แต่ก็ดูไม่ได้จริงจังนัก เพราะดูออกจะขำๆ กับอาการงงๆ ของผมเสียด้วยซ้ำ ว่าแต่ไอ้ความโรแมนติกกับศูนย์อาหารในห้างนี่มันเกี่ยวข้องกันตรงไหน
“ศูนย์อาหารนี่มันโรแมนติกตรงไหนว่ะ”ไวเท่าความคิดครับเมื่ออีกฝ่ายไม่อธิบายอะไร
“นี่มึงจำเดทแรกของเราไม่ได้เหรอ”
“เราเคยเดทกันด้วยเหรอ”ผมถามออกไปแบบนั้นแต่ตอนนี้สมองเริ่มจะประมวลผล ว่าผมเคยมาที่นี่กับมันตอนไหนบ้าง ที่พอจะเรียกได้ว่าเดท ซึ่งถ้าให้เดาก็คงเป็นตอนเริ่มเกม 45 วันช่วงแรกๆ ที่บังเอิญมาเจอกันตรงนี้ แล้วเชษฐ์มันก็ให้ผมเลี้ยงหนังมันด้วย ว่าแต่นั่นนับเป็นเดทด้วยเหรอ ไอ้นี่ก็ขี้ตู่เกิ๊น
“มันอาจจะเป็นสถานที่ธรรมดานะ แต่ทุกที่ที่กูเคยไปกับมึง 2 คน ทั้งครั้งแรกที่เรามานั่งกินข้าวที่นี่ ที่เราดูหนังกัน 2 คน หรือจะตอนที่เราไปบางแสนกัน พอมีมึงเข้ามา มันก็เป็นที่พิเศษสำหรับกูหมดแหละ เพราะมันจะมีความทรงจำที่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้”โหมาทำซึ้งมองตาอะไรตรงนี้ละไอ้บ้าเชษฐ์ คนก็เยอะแยะ
“พอแล้ว กูเขิน”ผมรีบบอกอีกคนที่เอาแต่มองผมแล้วยิ้มจนแก้มจะปริอยู่แล้ว
“มึงรู้ไหมว่าแค่มาที่นี่ก็ทำให้กูมีความสุขแล้ว เพราะมันทำให้กูนึกถึงตอนที่เคยมากับมึงไง”นั่นยังไม่จบครับ ไอ้นี่นิก็บอกว่าเขินยังจะมาพูดอีก ว่าแต่ไอ้ผมนี่ยิ่งนับวันยิ่งจะเขินง่ายเกินไปแล้วนะ
“เออแล้วไอ้วันที่มึงว่าเป็นเดทแรกนั่น มึงบังเอิญมาเจอกูหรือมึงตั้งใจตามกูมา”จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรนะครับแต่แค่หลังจากที่โดนจัดฉากเยอะๆ เลยสงสัยว่าแทบทุกเรื่อง ทั้งไอ้เชษฐ์และเพื่อนวางแผนกันมารึเปล่า
“ไอ้การ์ดโทรบอกกูว่ามึงจะออกมาดูหนัง กูเลยเสี่ยงตามมาที่นี่ และบังเอิญหามึงเจอไง”ดูยิ้มภูมิใจในคำตอบของตัวเองเหลือเกินครับ สรุปก็กึ่งๆ วางแผนกึ่งๆ บังเอิญสินะ ผมว่ามันต้องยังมีอีกหลายเรื่องแหละที่พวกนี้พากันจัดฉากให้ผม เพราะดูมันทยอยออกมาเรื่อยๆ เสียเหลือเกิน
“จากนี้ไปไม่ต้องวางแผนอะไรอีกแล้วนะกูหลอน”ผมบอกออกไปขำๆ เพราะไม่อยากจะเจอเซอร์ไพรส์อะไรอีก เดี๋ยวจะหัวใจวายเอา
“โอเคคร๊าบบบ คุณแฟน”
“นี่มึง กูถามไรอีกอย่างดิ”ผมเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้จริงจังนัก แต่ก็เรียกความสนใจจากไอ้เชษฐ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ว่ามาเลยครับคุณแฟน”ไอ้คำว่าคุณแฟนนี่มันชักจะมาบ่อยไปแล้วนะ
“ถ้าเกิดวันนึงกูงี่เง่า ปัญญาอ่อน หรือไม่ค่อยใส่ใจมึง หรือไม่เป็นอย่างที่มึงหวัง มึงจะเบื่อกูไหม”ที่ต้องถามมันแบบนี้เพราะผมก็รู้ตัวดีแหละครับว่าบางที มุมมองคนเรามันไม่เหมือนกัน อย่างบางทีสิ่งที่ผมทำลงไป ตัวผมเองอาจจะมองว่ามันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ธรรมดา แต่กลัวว่าถ้ามันมองว่างี่เง่าอะไรแบบนี้ ก็เป็นไปได้ หรือบางอย่างที่ผมอาจจะมองข้ามไป จนมันเองกลับมองว่าผมไม่ใส่ใจมันก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกันใครจะรู้
“ถามทำไมอ่ะ”
“ก็ไม่อยากให้มึงเบื่อกูไง ถ้าอะไรที่มึงไม่ชอบก็บอกกูด้วย กูจะได้ไม่ทำ”ผมบอกออกไปตามตรง เพราะคิดว่าถ้าเราอยากจะให้ความสัมพันธ์มันยั่งยืน ก็ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้มันกลายเป็นปัญหาในวันข้างหน้า เพราะเรื่องบางอย่างที่ตอนคบกันใหม่ๆ มันอาจจะยอมให้ผมได้ ทั้งที่มันอาจจะฝืนยอม แต่มันจะกลายเป็นว่าไอ้ผมจะไม่รู้และเหมือนบังคับให้มันยอมรับในสิ่งที่มันไม่ชอบ นานวันไป อาจจะกลายเป็นสิ่งที่สะสมไว้รอวันระเบิดความไม่พอใจออกมาได้
“กูไม่เบื่อมึงหรอก แต่ไม่ใช่ว่า เพราะมึงไม่มีข้อเสียนะ แต่มันเพราะว่ากูรักมึง กูก็ต้องรักทั้งในสิ่งที่ดีและไม่ดีของมึงด้วย”โหอะไรมันจะเน่าได้ขนาดนี้ แต่ไอ้คำน้ำเน่านี่ก็ทำผมแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เหมือนกันนะ
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ อะไรที่มันแย่ก็บอกกูแก้บ้างก็ได้ กูรู้ว่ากูมีนิสัยแย่ๆ เยอะ”ผมเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ไอ้เชษฐ์อย่างจริงใจ
“ถ้ารู้ว่าเวลาเป็นแฟนกันจะน่ารักขนาดนี้ กูจีบมึงตั้งนานแล้ว”ชักจะเลี่ยนกันไปใหญ่แล้วมั้งเนี่ย พอๆ เลิกคุยเรื่องนี้กับมันดีกว่า
“ป่ะๆ รีบกินรีบไปดูหนังดีกว่า”ผมรีบตัดบท
ตอนนี้เราเข้าโรงหนังกันมาแล้ว และหนังก็กำลังดำเนินไป แต่ผมกลับเริ่มไม่มีสมาธิในการดูเอาเสียเลย มันก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่ามีมือของไอ้คนข้างๆ มากุมมือผมไว้ ซึ่งไอ้ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าจะรู้สึกตื่นเต้นทำไมกะแค่โดนจับมือ เพราะถ้าเอาจริงๆ ผมกับไอ้เชษฐ์มันก็เลยจุดนี้ไปไกลแล้วเหมือนกัน ผมเหลือบมองเจ้าของมือ แม้จะมืดแต่ก็พอจะมองเห็นว่ามันอมยิ้มเล็กน้อย แต่สายตายังจับจ้องที่จอภาพยนตร์ ทำให้ผมต้องหันไปตั้งสมาธิในการดูหนังต่อ
“สนุกดีเนอะ”ไอ้เชษฐ์พูดขึ้นเมื่อเราสองคนเดินออกจากโรงหนังมา ผมหันมองหน้ามัน ที่เห็นมันยิ้มแปลกๆ อยู่แล้ว แม้มันจะไม่พูดออกมา แต่ผมเดาว่ามันต้องกำลังอยากจะล้อผมอยู่แน่ๆ กับการที่ผมดันไม่ค่อยชินกับการโดนมันจับมือตลอดการดูหนังทั้งเรื่อง ผมไม่ได้ตอบอะไรมันแต่แค่ส่งสายตาเคืองๆ ให้เท่านั้นเอง ก็มันรู้สึกแปลกๆ นี่หว่า อยู่ดีๆ จะมาทำตัวเหมือนเพิ่งจีบกัน มาออกเดทอะไรแบบนี้ มันรู้สึกจั๊กจี้บอกอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ชอบเหรอ”อีกฝ่ายถามย้ำเมื่อเห็นผมไม่ตอบ
“งั้นมั้ง”ผมตอบออกไปอย่างเสียไม่ได้
“ไมอ่ะ กูว่าหนังก็สนุกดีนิ ปกติมึงก็ชอบหนังแนวนี้นิ”ก็ใครว่าหมายถึงหนังกันเล่า
“กูหมายถึงไม่ชอบเดท”คำตอบของผมทำเอาไอ้เชษฐ์ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนที่มันจะเข้าใจอะไรผิดมากไปกว่านี้ ผมเลยต้องรีบชิงพูดต่อ
“คือกูว่าเราก็เป็นแฟนกันแล้วไง จะมามัวเดทกันอีกทำไม กูแค่รู้สึกว่าไอ้อะไรแบบนี้มันเหมือนคนเพิ่งจะเริ่มจีบกันอะไรแบบนั้นอ่ะ แต่เรามันเลยจุดนั้นมาแล้วป่ะว่ะ”แต่ดูคำอธิบายของผมจะไม่ค่อยโดนใจของไอ้เชษฐ์มันหรือเปล่าทำไมสีหน้ามันยังดูแปลกๆ
“กูก็แค่อยากใช้เวลาส่วนตัวกับมึงบ้าง”กะแล้วผมบอกตรงไหนไหมว่าไม่อยากใช้เวลาด้วยกัน ดูทำหน้าจ๋อยเข้า
“คือกูจะว่ายังไงล่ะ แบบคือไม่ต้องมาทำเหมือนจีบกันอ่ะ มึงเข้าใจไหม คือเราก็นัดเจอกันนี่แหละ แต่เจอกันธรรมดาๆ ไม่ต้องมาแบบสูตรสำเร็จการออกเดทกินข้าวดูหนังอะไรแบบนี้อ่ะ”คือผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงอ่ะนะครับ
“คือมึงไม่อยากมากินข้าวดูหนังกับกูงั้นเหรอ”อ้าวไอ้นี่ ไปใหญ่อีก
“กูไม่ได้หมายความแบบนั้น คือ...ยังไงว่ะ...เออ ช่างเหอะ”จนปัญญาจะอธิบายครับ เพราะผมก็ไม่รู้จะบอกมันว่ายังไงดี นี่จะทะเลาะกันไหมนิ
“ฮ่าๆ ไม่ต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้น กูเข้าใจที่มึงพูดแหละ กูแค่ล้อเล่น”สรุปเอายังไงแน่นิครับไอ้คุณแฟน
“อะไรของมึงว่ะเนี่ย กูตามไม่ทัน”อดที่จะบ่นมันไม่ได้
“เวลาแกล้งมึงมันสนุกดีนี่หว่า”ตกลงคือแค่อยากแกล้งผมเนี่ยนะ แทบอยากจะเควี้ยงค้อนใส่มันเลยครับ
“จำไว้เลยนะ”ผมคาดโทษมันไว้ แค่ต้องระวังการกลั่นแกล้งจากพวกเพื่อนตัวดีก็ยากจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะยังต้องมาระวังไอ้คุณแฟนนี่อีก
“โอ๋ๆ มาๆ ไม่แกล้งแล้ว เออๆ น้าชาฝากมาถามด้วยว่าวันไหน มึงจะไปทานข้าวที่บ้าน”โหไอ้ประโยคสุดท้ายนี่ เล่นเอาผมชะงักไปเหมือนกัน คือแม้จะรู้ว่าน้าชาก็ไม่ได้กีดกันอะไรเรามากมาย แต่ไอ้ผมก็ยังเกร็งๆ อยู่ยังไงบอกไม่ถูกเหมือนกันนะ
แหะๆ หายไปหลายวันเลย
แวะมาส่งให้อีก 1 วันครับ