45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 45 วันพนัน(ไม่)รัก.........วันแห่งความสุข(จบแล้วย้ายได้เลย)[18-05-2016]  (อ่าน 116674 ครั้ง)

ออฟไลน์ Brow_Ney

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านตั้งแต่แรกลุ้นว่าจะเป็นไง สุดท้ายก็ลงเอยรักกันด้วยดี
ติดที่น้าชาอย่างเดียว คงไม่น่ามีปัญหานะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1

วันวาเลนไทน์

เชษฐ์-ตี๊ฟ


“เล่นแบบนี้ไม่แรงไปเหรอว่ะ”ผมถามออกไปเสียงเครียด เมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้การ์ดเสนอมา เกี่ยวกับการวางแผนให้ไอ้ตี๊ฟเลิกกับแฟน แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผม ไอ้การ์ดและชาวคณะร่วมมือกันสร้างความร้าวฉานให้กับคู่รักของไอ้ตี๊ฟ แต่นี่มันวันวาเลนไทน์ ผมเลยว่ามันออกจะใจร้ายกับตี๊ฟมันไปหน่อย ที่จะให้มาเลิกกับแฟนในวันวาเลนไทน์แบบนี้

“แรงตรงไหน มึงไม่เห็นเหรอ คราวก่อนที่มีผู้หญิงมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนของคนที่มันคบ ตี๊ฟมันก็เลิกแบบชิลๆ ไม่เห็นมันจะเฮิร์ทอะไรเลย”โหไอ้การ์ด ใครบอกมึงกันล่ะว่ามันไม่เฮิร์ท ไอ้ตี๊ฟจริงๆ มันเป็นคนอ่อนไหวครับ ผมสังเกตมานานแล้ว เวลามันเลิกกับแฟนทีไรมันก็เฮิร์ททุกครั้งนะครับ แต่มันมักจะพยายามไม่แสดงออกมาให้คนอื่นๆ เห็นสักเท่าไหร่

และตอนนี้สิ่งที่ไอ้การ์ดพยายามจะทำก็คือ ช่วยให้ผมหมดคู่แข่งหัวใจ โดยการหาคนมาสวมรอยเป็นแฟนสาวของไอ้ปืน ไอ้ปืนคือใครนะเหรอครับ ปืนก็เป็นคนที่ตี๊ฟมันคบด้วยตอนนี้ และจากที่ท่านหัวหน้าทีมจอมวางแผนอย่างไอ้การ์ดไปสืบมา ไอ้ปืนถือว่ายังไม่ผ่านมาตรฐานที่จะคบกับตี๊ฟต่อได้ ก็ไม่รู้มันมีมาตรฐานจริงๆ หรือลำเอียงกันแน่ แต่นั่นแหละครับจุดนั้นผมไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าที่มันพยายามทำคือช่วยเปิดทางให้ผม ที่ป๊อด ไม่กล้าจีบตี๊ฟมันสักที

แผนการเริ่มขึ้นเมื่อไอ้การ์ดดันปิ๊งไอเดียจากแฟนไอ้ตี๊ฟคนก่อนหน้านี้ ที่เลิกกับไอ้ตี๊ฟเพราะมีหญิงสาวอีกคนโผล่มาแหกอกไอ้ตี๊ฟถึงคณะกันเลยทีเดียว ไอ้การ์ดเลยจะหาคนมาแหกอกตี๊ฟอีกรอบ โดยจัดฉากให้มันเหมือนจริงมากที่สุด และด้วยความร่วมมือจากแหม๋ว ทั้งสองสามารถหาหญิงสาวผู้โชคดีได้แล้ว ก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ เพื่อนสมัยมัธยมของแหม๋ว ที่บังเอิ๊ญ บังเอิญ ที่เค้าดันเคยรู้จักกับไอ้ปืน แถมยังมีรูปคู่ที่จริงๆ ก็คงจะถ่ายเล่นๆ แนวเพื่อนๆ กันแหละครับ แต่ทั้งแหม๋วและการ์ด สามารถครับ สามารถที่จะเอามาบิ๊ว และบอกบทให้หญิงสาวผู้โชคดี เพื่อไปแสดงต่อหน้าตี๊ฟไอ้อย่างแนบเนียน

“นี่ใกล้เวลาตี๊ฟจะมาแล้ว เดี๋ยวเรากับบิวจะไปหาที่หลบสแตนด์บายรอนะ”แหม๋วบอกกับพวกผมก่อนจะลากเพื่อนหลบฉากออกไป

“ไม่ต้องซีเรียสน่า มันเลิกกับแฟน แต่ก็มีแผนสำรองแล้วนี่นา”ไอ้การ์ดเอื้อมมือมาตบไหล่ผม เมื่อเห็นผมมีทีท่าว่ายังไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผนการของมันสักเท่าไหร่

“กูไม่อยากเห็นมันเศร้าว่ะ”ผมบอกออกไปตามตรง คนอื่นๆ อาจจะไม่ได้สังเกต แต่ผมที่สังเกตมันตลอดเวลาที่ตี๊ฟมันต้องเลิกกับใครก็ตาม แม้มันจะไปสนุกกับพวกผม แม้มันจะทำเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ทุกครั้งผมจะสังเกตเห็นแววตาเศร้าๆ ของมันเสมอ แม้หน้าตามันจะแกล้งยิ้มแย้มขนาดไหน แต่แววตามันไม่ได้แสดงออกมาว่ายิ้มแย้มเลย

“มันมาโน่นแล้ว อย่ามีพิรุธนะมึง”ไอ้การ์ดย้ำผมให้ปรับเข้าโหมดปกติเมื่อเห็นว่าไอ้ตี๊ฟกำลังเดินตรงมาที่พวกเรา

“ไงละมึง เวลามีแฟนนี่หายหัวตลอดเลยนะ เพื่อนฝูงนี่ยังจำได้หรือเปล่า”เป็นผมเองที่เปิดปากทักทายตามสไตล์ที่ช่างขัดกับความรู้สึกจริงๆ ในใจของผมเหลือเกิน แต่มันก็ไม่ได้อยากหรอกนะครับ เพราะผมสลับโหมดจนเป็นอัตโนมัติไปแล้ว เวลาอยู่ต่อหน้ากับตอนตี๊ฟมันไม่อยู่นี่ เหมือนสมองผมจะสั่งการให้แสดงออกได้แตกต่างกันได้โดยอัตโนมัติแล้ว

“แหม๋ทำยังกะตัวมึงไม่มีแฟนงั้นแหละเชี่ยเชษฐ์ กูก็เห็นมึงหายหัวไปกะแฟนบ่อยๆ เหมือนกันแหละ”นั่นแฟนกูที่ไหนเล่า

“กูก็ยังมีเวลาให้เพื่อนๆ มากกว่ามึงแล้วกันน่า”

สิ้นเสียงผมแค่ไม่นานสายตาผมก็เริ่มเห็นนักแสดงที่ไอ้การ์ดเป็นผู้กำกับ กำลังเดินตรงมาที่พวกผม นี่ละครกำลังจะเริ่มอีกแล้วใช่ไหมนี่ย จริงๆ ก็สงสารตี๊ฟมันเหมือนกันนะครับ เอาจริงๆ ที่มันเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ นี่ส่วนหนึ่งก็พวกผมนี่แหละ ที่เป็นคนจัดฉากให้มันต้องเลิกกับแฟน แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่โดนพวกผมจัดฉาก แต่นับๆ ดูก็ไม่น้อยทีเดียว

“ตี๊ฟใช่ไหม”หญิงสาวมาสะกิดคนที่กำลังต่อปากต่อคำกับผม โดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ว่าตัวเองต้องอยู่ในบทละครของไอ้การ์ดอีกแล้ว ไอ้ตี๊ฟหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ

“เรารู้จักกันเหรอ”เมื่อวิเคราะห์แล้วว่าไม่น่าใช่คนรู้จัก ไอ้ตี๊ฟก็ทักทายด้วยคำถามกลับไป พร้อมกับหันมองพวกผมทุกๆ คน เป็นการช่วยยืนยันว่าพวกผมรู้จักผู้หญิงที่เพิ่งมาทักมันหรือเปล่า

“เราไม่เคยเจอกันมาก่อนหรอก แต่พอดีมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”ผมเริ่มงงๆ หน่อยๆ ว่าบิวได้บทจากไอ้การ์ดมาว่ายังไง เพราะตอนแรกเข้าใจว่าจะให้บิวมาวีนไอ้ตี๊ฟเสียอีก แต่นี่ดูมาแบบเบาๆ หรือว่าจะค่อยๆ เทิร์นโปรความแรงขึ้นเรื่อยๆ ยังไงก็หวังว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงกันหรอกนะ สายตาผมหันไปคาดโทษไอ้การ์ดแทบจะทันที แต่มันก็ทำเพียงว่าให้ผมดูไปก่อน

“มีไรว่ามาดิ”ไอ้นี่ก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ดูตี๊ฟมันยังมีทีท่าสบายๆ

“ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหม”นี่ยังอยู่ในบทหรือเปล่าเนี่ย ดูๆ แล้วเหมือนบิวจะเล่นนอกบทยังไงไม่รู้ หรือไอ้การ์ดไปตกลงกันตอนไหนอีก

“ไปดิ”ไอ้ตี๊ฟเดินนำบิวออกไปที่โต๊ะอีกตัวซึ่งห่างจากพวกผมไปพอสมควร แม้จะยังมองเห็น แต่คาดว่าไม่น่าจะได้ยินบทสนทนาเป็นแน่แท้



“ในบทไม่ใช่แบบนี้นิมึง ยังไงว่ะเนี่ย”ทันทีที่ทั้งสองออกห่างรัศมีการได้ยิน ผมก็ยิงคำถามใส่ไอ้การ์ดทันที

“กูก็ไม่รู้ แต่คิดว่าบิวคงไม่ทำแผนเราเสียหรอกน่า ใจเย็นๆ รอดูสถานการณ์ก่อน”ใจเย็นยังไงไหว จริงๆ ตอนนี้ผมชักเริ่มหวั่นๆ ว่าไอ้พวกนี้จะมีแผนซ้อนแผนอะไรอีก อยู่กับพวกนี้นานๆ ชักระแวงครับ เพราะพวกมันชอบขู่ผม ว่าจะไปบอกไอ้ตี๊ฟเรื่องความรู้สึกของผม แต่ไอ้ผมยังไม่พร้อมนี่สิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกลัวอะไร แต่ลึกๆ ก็กลัวว่ามันจะไม่ชอบผมนั่นแหละครับ ทั้งๆ ที่จริงๆ ก็ชัดอยู่แล้ว แต่ถามว่ายังมีหวังไหม คนเรามันก็ต้องอยู่ได้ด้วยความหวัง แม้มันจะน้อยนิดก็ตามที

“เดี๋ยวกูโทรถามแหม๋ว”ไอ้การ์ดหยิบมือถือเพื่อต่อสายถึงอีกหนึ่งจอมวางแผน โดยมีผมที่ลุ้นทั้งสองด้าน สายตาก็จ้องมองไอ้ตี๊ฟกับบิว แต่หูก็ฟังบทสนทนาของไอ้การ์ดกับแหม๋ว และจากที่ฟังๆ ดู เหมือนกับว่าแหม๋วจะไปเปลี่ยนบทให้กับบิว เพราะบิวเล่นบทวีนไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไหร่จากการซักซ้อม เลยกลายเป็นว่า บิวจะมาพูดกับตี๊ฟตรงๆ และขอให้ตี๊ฟเลิกยุ่งกะไอ้ปืนนั่น

“สรุปนั่นเมียหลวงคนไหนของผัวมึงอีกล่ะไอ้ตี๊ฟ”เสียงไอ้การ์ดดังขึ้นทันทีที่ไอ้ตี๊ฟเดินกลับเข้ามาในกลุ่ม ซึ่งตอนนี้บิวได้ปลีกตัวออกไปแล้วเช่นกัน และผมเองรู้สึกอยากตบกะโหลกไอ้การ์ดเหลือเกิน คือก็ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าไอ้ตี๊ฟมันโดนอะไรมา ยังจะไปจี้ใจมันอีก
“เค้าจะเมียใครตอนนี้ไม่สำคัญหรอก เอาเป็นว่ากูโสดฉลองวาเลนไทน์แล้วกัน ใครจะไปแดกเบียร์กับกูก็เคลียร์คิวด้วยนะเย็นนี้ เจอกันร้านประจำ”แม้มันจะพูดเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ถ้าสังเกตสักนิดจะรู้ว่าในแววตาคู่นั้นกำลังซ่อนความเสียใจอยู่

“มึงโอเคป่ะว่ะ”ผมรีบเดินตามไอ้ตี๊ฟที่เดินออกจากกลุ่มเพื่อน พร้อมกับเอ่ยถาม

“กูโอเค เรื่องเดิมๆ กูชินแล้วแหละ”นั่นไงล่ะ ไอ้น้ำเสียงเศร้าๆ นี่ของมัน ผมไม่ชอบเลยจริงๆ

“เอาน่า ไม่มีแฟนก็ยังมีเพื่อน ฉลองวาเลนไทน์กับเพื่อนบ้างก็จะเป็นไรไป”ผมตบไหล่ไอ้ตี๊ฟเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ



“สรุปพวกมึงนี่มันร้ายกว่าที่กูคิดไว้เยอะเลยนะเนี่ย”ทันทีที่ผมเล่าจบ สุดที่รักของผมก็มีอาการงอนเล็กๆ ขึ้นมาทันทีครับ วันนี้เราสองคนออกมาทานข้าวด้วยกัน ฉลองวาเลนไทน์แรกของการเป็นคบกันระหว่างเราสองคน แล้วพอคุยกันไปกันมา ไอ้ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเคยได้รับความร่วมมือจากไอ้การ์ดในการสร้างความทรงจำที่ไม่ค่อยดีในวาเลนไทน์ให้ตี๊ฟมันไว้เหมือนกัน

“เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ดูนี่ดีกว่า”ผมค่อยๆ หยิบของที่ซ่อนไว้ออกมายื่นให้

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”

“อ้าวไหนตกลงกันแล้วว่าจะไม่ให้ของขวัญกันไง”ตี๊ฟเริ่มทักท้วงเพราะตอนแรก เราสองคนตกลงกันว่าไม่ต้องซื้อของขวัญให้อีกฝ่าน เพราะมันก็แค่วันธรรมดาวันนึง แค่ออกมาเจอกันทานข้าวด้วยกันก็พอ แต่ไอ้ผมก็อดไม่ได้หรอก เป็นวาเลนไทน์แรกของเราทั้งทีก็อยากจะมีอะไรพิเศษบ้าง

“กูโกหก อย่าโกรธนะ”ผมยิ้มกว้าง แม้จะรู้ว่าตี๊ฟไม่ชอบให้โกหก แต่เรื่องนี้ผมมั่นใจว่ามันคงไม่โกรธผมหรอก

“ไม่โกรธหรอกเพราะกูก็โกหกมึงเหมือนกัน สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”พอพูดจบผมก็ได้รับกล่องของขวัญกลับมาเช่นเดียวกัน เราต่างหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน แล้วต่างฝ่ายก็ต่างแกะของขวัญ ผมให้นาฬิกาข้อมือเพราะมันเป็นอีกอย่างที่ตี๊ฟชอบสะสม ส่วนผมได้กระเป๋าตังค์เพราะคุณแฟนบอกว่าของเก่าผมมันเน่าเกินจะรับไหวแล้ว แต่ไม่ว่ามันจะให้อะไรผม ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ

“ขอบคุณนะ”ผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของตี๊ฟ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1


มันส์

“แน่ใจนะว่าจะกลับมาทัน”เสียงพี่สาวผมเอ่ยอย่างเป็นห่วง เมื่อได้รับรู้ในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ

“ทันดิพี่ กว่าพ่อจะกลับมาผมก็ถึงแล้วแหละ”แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่ากลับมาทัน แต่ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ก็คงแล้วแต่ดวงแล้วกันละ กับการเดินทางไปกลับของผมที่น่าจะมากกว่า 24 ชั่วโมงเพียงเพื่อมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงจะทำในสิ่งที่ใจผมเรียกร้อง

“คิดดีแล้วเหรอ”ผู้เป็นพี่สาวถามย้ำอีกครั้ง ด้วยความที่เป็นห่วง เพราะถ้าเกิดผมพลาดขึ้นมามันคงไม่ดีแน่ๆ

“ไม่เห็นต้องคิดเลยพี่ วันวาเลนไทน์ไม่ต้องคิดแล้ว อยากทำก็ทำเลย”ผมบอกออกไปขำๆ เพื่อให้ผู้เป็นพี่สาวผ่อนคลายลงบ้าง



บทสนทนานั้นยังวนเวียนในหัวผมเช่นเดียวกับที่ผมยังคงใช้นิ้วหมุนวนไปกับแก้ว ที่มีน้ำสีอำพันนั้นอยู่อย่างไม่ได้คิดว่าจะหยุด ตอนนี้กำลังนึกขำกับตัวเอง ที่พยายามข้ามน้ำข้ามทะเลมาขนาดนี้ แต่สุดท้ายผมกลับมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียว ใช่แล้วครับทั้งที่ผมคิดว่าจะมาเจอตี๊ฟ

คือก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปสร้างความร้าวฉานอะไรให้เค้ากับแฟนเค้าหรอกนะครับ จริงๆ เค้ามีความสุขผมก็ยินดีด้วย แต่แค่คนมันคิดถึง แค่อยากมาเห็นหน้า แค่อยากคุยด้วยกับคนที่เราเคยมีความทรงจำดีๆ ด้วย แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ควรมาเจอเค้าก็เถอะ เพราะเค้าก็มีคนที่เคียงข้างอยู่แล้ว

และสุดท้ายทั้งที่ลงทุนนั่งเครื่องกลับมาถึงไทย แต่ผมก็แค่ได้แอบมองดูเค้าห่างๆ และเป็นเวลาแค่ไม่นาน ไม่กล้าเข้าไปทักเค้าเสียด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ผมกลัวว่าจะทำให้เค้าลำบากใจ หรือว่าผมเองต่างหากที่ทำใจไม่ได้เมื่อเห็นเค้าอยู่กับอีกคน แต่ก็นั่นแหละครับ ระหว่างผมกับเค้ามันก็แค่อดีต อดีตที่มันไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว อีกอย่างการมาครั้งนี้ของผมมันอาจจะช่วยให้ผมตัดใจได้สักที

เพราะผมเองก็ยังไม่มีความกล้าพอที่จะขัดใจครอบครัวของผมได้อยู่ดี ผมค่อยๆ ยกแก้วในมือขึ้นดื่ม ก่อนจะหยิบของบางอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วภาพในอดีตก็ค่อยๆ ฉายชัดขึ้นมา

“อ่ะให้”ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง เมื่อเห็นพวงกุญแจรูปหัวใจเล็กๆ ส่งมาให้ผม ซึ่งผมเองก็แทบจะชะงักไปเหมือนกันเพราะคนที่ส่งของให้ผมดันคือคนที่ผมเริ่มมีความรู้สึกๆ แปลกๆ กับเค้าเข้าให้แล้ว ซึ่งมันจะไม่แปลกเลยถ้าเพื่อนคนนี้คือผู้หญิง แต่เค้าดันเป็นผู้ชายนี่สิ

“หะ...ห่ะ...ให้ทำไม”ผมถามออกไปเสียงตะกุกตะกัก

“Happy Valentine ไง”คนพูดยิ้มกว้าง ให้ผม แต่ผมก็ยังเก้ๆ กังๆ รับของมา อย่างงงๆ เพราะไม่ค่อยเข้าใจที่เค้ากำลังทำ คือวันนี้ผมก็เห็นเค้าเดินให้ช็อคโกแลต แปะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ อยู่หรอกนะครับ แต่ทำไมกับผม มันถึงเป็นพวกกุญแจนี่ละ

“ขอบใจนะ”ผมตอบโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย เพราะกำลังทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ที่ดันรู้สึกแปลกๆ เวลาอยู่กับเพื่อนคนนี้ ผมค่อยๆ หยิบช็อคโกแลต ที่ก็ตั้งใจซื้อมาให้เค้าแหละครับ แต่ไม่กล้าให้ จนตอนนี้คิดว่ามันคงไม่แปลกที่ผมจะให้เค้าเป็นการแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ผมได้มา

“ชอบเราเหรอ”คำถามของคนตรงหน้าเล่นเอาผมแทบจะกลายเป็นหินเลยก็ว่าได้

“ตี๊ฟว่าอะไรนะ”ผมถามซ้ำเพื่อจะได้แน่ใจว่า ผมไม่ได้หูแว่วหรือฟังผิดไปในสิ่งที่เค้าถามผม

“เราถามว่ามันส์ชอบเราเหรอ”แต่ดูคนถามจะไม่ได้รู้สึกอะไรในสิ่งที่ถามออกมาเลย ผมได้แต่อึ้งๆ ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน

“ไม่ตอบแสดงว่าชอบเราจริงๆ”พอผมไม่ตอบ คำพูดของอีกฝ่ายกลับยิ่งทำให้ผมต้องตกใจขึ้นไปอีก

“เรา คือ เราไม่แน่ใจ”ผมบอกออกไปตามตรง เพราะตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงผมรู้สึกยังไงกับเพื่อนคนนี้กันแน่

“งั้นมาเป็นแฟนกันไหม”

“ห่ะ”ยิ่งคุยกันผมยิ่งงงหนักเข้าไปอีก

“ก็ถ้าชอบเรา ก็มาเป็นแฟนกันเถอะ ขี้เกียจรอให้จีบ เสียเวลา คบเลยดีกว่า”เดี๋ยวๆ นี่ตกลงมีใครเล่นตลกอะไรหรือเปล่าเนี่ย

“ฮ่าๆ เราอำเล่น พอดีไอ้การ์ดมันมาบอกว่ามันส์ชอบเรา ก็เลยแค่มาอำเล่นๆ นะ”และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้พัฒนาความสัมพันธ์กับตี๊ฟ

ซึ่งมันก็คงเหลือแค่ความทรงจำเพราะมันจบไปแล้ว ผมไม่โทษพ่อที่กีดกันผม ไม่โทษที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้ว แต่คงเป็นผมเองที่ปล่อยให้เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้

“นั่งด้วยคนนะครับ”ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่นั่งลงที่ข้างๆ ผม

“ตามสบายครับ”ผมตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม เพราะที่ผมนั่งอยู่ก็เป็นเค้าท์เตอร์บาร์ ไม่ใช่โต๊ะส่วนตัวอะไร แต่ผมก็ไม่ได้อยากทำความรู้จักกับใครใหม่เท่าไหร่ เพราะผมคงอยู่ที่ไทยนี่เป็นคืนสุดท้าย จากพรุ่งนี้ไปผมอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วก็ได้

“พี่มาคนเดียวเหรอครับ”แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้สนใจว่าผมมีปฏิกิริยาเช่นไร

“ครับ”ผมก็ยังทำเพียงแค่ตอบสั้นๆ เหมือนเดิม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทมากนัก ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง

“มาคนเดียวในวันวาเลนไทน์ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ใช่ไหมครับ”อ้าวไอ้นี่ ตกลงจะอยากมีเรื่องกับผมหรือยังไงเนี่ย ผมหันมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ จริงๆ เค้าก็ไม่ได้ดูเด็กกว่าผมเท่าไหร่ น่าจะรุ่นๆ เดียวกันเสียด้วยซ้ำ แต่ดูตัวเล็กกว่าผมแค่นั้นเอง

“อกหักเหรอพี่”นี่ผมไปสนิทกับคนข้างๆ นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมมัน มาพูดจาสนิทสนมกับผมได้ขนาดนี้

“สักหน่อยไหม เดี๋ยวเลี้ยง”ผมขยับแก้วให้อีกฝ่ายดู เมื่อเห็นว่าไอ้คนเฟรนลี่นี่ยังไม่มีเครื่องดื่ม
“อกหักจริงๆ ด้วย”อ้าวไอ้นี่ชักจะกวนบาทาเกินไปแล้ว และเจ้าตัวก็คงเห็นสีหน้าผมแล้วว่าเริ่มไม่สนุกกับสิ่งที่เค้ากำลังพูด

“ใจเย็นดิพี่ ล้อเล่นนิดเดียวเอง ทำหน้ายักษ์ไปได้”

“ชื่อไร”ผมถามออกไปสั้นๆ ห้วนๆ ในเมื่อคิดว่าคงไม่ได้นั่งคนเดียวสงบๆ ก็ถามชื่อเสียงเรียงนามกันหน่อยตามมารยาทครับ

“จะจีบผมเหรอ”เอากับมันสิครับ นี่หรือเปล่าที่เค้าบอกเล่นกับหมา หมาเลียปาก ผมได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มและเลิกสนใจไอ้คนข้างๆ นี่อีก เพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีจุดประสงค์อะไรที่เข้ามาคุยกับผม หรือเพราะเห็นว่าคนในร้านส่วนใหญ่มาเป็นคู่ ไม่ก็มาเป็นกลุ่ม แต่ผมดันมาคนเดียว และคาดว่าไอ้คนข้างๆ ผมนี่ก็น่าจะมาคนเดียวเหมือนกันนั่นแหละ

“ไม่เล่นแล้วๆ ผมชื่อห้วยพี่”ห้วย คนอะไรชื่อห้วย ผมหันมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย ประมาณว่ามึงอำกูป่ะเนี่ย

“แล้วพี่ล่ะ ชื่อไร”

“มันส์”

“ห่ะ อะไรนะพี่”ไอ้ผมก็ว่าแต่ชื่อคนข้างๆ นี่แปลก แต่จริงๆ ชื่อผมเองก็เคยมีคนบอกว่าแปลกเหมือนกันนี่นา

“ชื่อมันส์ไง”ผมย้ำอีกที

“มันเทศ มันแกว มันสัมปะหลังงี้เหรอพี่”น่านดูๆ ทีชื่อไอ้นี่ผมยังไม่ต่อให้เป็นห้วยหนองคลองบึงเลย แต่ดันมาให้ผมเป็นสารพัดมันไปซะได้

“แล้วนี่วันวาเลนไทน์ ไม่ไปสวีทกับแฟนเหรอ”ผมเป็นฝ่ายเริ่มถามอีกฝ่ายบ้าง จริงๆ การมีคนคุยด้วยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนี่เนอะ พรุ่งนี้ผมก็ไปจากนี่แล้ว ไม่เห็นต้องแคร์อะไรอีก ไอ้นายห้วยหนองคลองบึงนี่ ก็คงได้เจอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว

“เหมือนพี่แหละ”เดี๋ยวๆ ตกลงหมอนี่มันอายุเท่าไหร่ มาเรียกผมพี่ๆ อยู่เนี่ย

“อายุเท่าไหร่นิ มาเรียกๆ พี่ๆ ไม่ใช่แก่กว่านะ”ผมเอ่ยถามออกไปตามที่สงสัย เพราะคนเดี๋ยวนี้บางทีดูๆ ไปบอกอายุยากเหมือนกัน

“น้อยกว่าพี่แล้วกันน่า ไม่ต้องอยากรู้หรอก”แหม๋ทีเรื่องตัวเองมีบอกไม่ต้องอยากรู้ ทีเรื่องกูนี่ถามเอาๆ เลยนะไอ้น้อง

“แล้วตกลงนี่อกหัก โดนทิ้ง ไม่มีใครคบเหรอ ถึงมาคนเดียวเนี่ย”ผมเปลี่ยนท่าทีคุยกับอีกคนด้วยอาการสบายๆ ก็แปลกใจเหมือนกันที่พอเริ่มคุยผมกลับรู้สึกจะถูกชะตากับหมอนี่ขึ้นมาหน่อยๆ

“ก็แค่เพิ่งรู้ว่าโดนหลอกนะพี่ เลยเซ็งๆ นิดหน่อย จริงๆ ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์นึงแล้วแหละ จริงๆ ปีก่อนผมกับเค้าเคยมาฉลองวาเลนไทน์ด้วยกันที่นี่ แล้วเค้านั่งตรงที่พี่นั่งนี่แหละ”ผมฟังด้วยความไม่เข้าใจว่าในเมื่อโดนหลอกมา แล้วยังจะอยากมาในที่ที่เคยมากับคนที่ทำเราเสียใจอีกทำไม

“ไปตระเวนเที่ยวกันไหม เอาแบบเช้าไม่กลัวกันเลย”ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอ่ยออกไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็จะสนใจในสิ่งที่ผมเสนออยู่ไม่น้อย

“ผมไม่เที่ยวกับคนแปลกหน้านะ”แหม๋ ช่างกล้าพูดแล้วไอ้ที่มานั่งดื่มกับพี่นี่คืออะไรครับน้อง

“งั้นมาเป็นแฟนกันคืนนึง”ผมพูดออกไปขำๆ แต่ดูอีกคนจะเห็นดีเห็นงามด้วยเสียอย่างนั้น

แล้วเราทั้งคู่ก็ตระเวนทั้งดื่มทั้งกิน เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ พอแอลกฮอล์ในร่างกายเริ่มมีมากขึ้น มันยิ่งเหมือนทำให้เราสองคนสนิทกันมากขึ้น พูดคุยกันออกรสออกชาดกันยิ่งขึ้น ยังกับว่าสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน เราต่างคนต่างสนุกสนานกับการเที่ยวกรุงเทพในยามราตรี

“พี่ๆ ตื่นได้แล้ว”ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงเขย่า สายตาค่อยๆ มองไปรอบๆ ทำให้รู้ว่าผมถึงสนามบินแล้ว หลังจากที่ผมและอีกคนท่องราตรีกันยันเช้า ตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่ผมต้องกลับไปสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

“ต้องไปแล้ว ไว้มาเป็นแฟนกันใหม่นะ”ผมบอกลาอีกฝ่ายพร้อมพูดติดตลก ในสิ่งที่เราสองคนเล่นกันเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย อย่างน้อยๆ การมาไทยครั้งนี้ของผมก็ไม่ได้สูญเปล่าเพราะก็ได้เพื่อนใหม่มาคนนึง เราแลกอีเมลกันก่อนจะจากเพราะคงเป็นทางเดียวที่จะติดต่อกันง่ายที่สุดแล้ว

“นี่จะเป็นวาเลนไทน์ที่ผมจะไม่ลืมเลย”ผมยิ้มให้เจ้าของคำพูดนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินห่างออกมา



Happy Valentine's Day ทุกคนนะคร๊าบบบบ

เกือบมาไม่ทัน 555

แอบมีเรื่องมันส์มานิดนึง

อาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรกันมากเนอะ

แต่แวะมาลงเดี๋ยวจะลืมกันเสียก่อน o13

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
รู้สึกไม่ดีนิดนะกับเชษฏ์-การ์ดที่วางแผนให้ตี๊ฟเลิกกับแฟน
คือปืนอาจจะเป็นคนดีก็ได้
ยอมให้เพื่อนเสียใจ?

มันส์ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองนิดหนึ่ง ก็ยังดี

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
การ์ดนิช่างวางแผนเสียจริง.แต่ละอย่าง.แสบสันต์ทั้งนั้น. :hao3: หึหึ.

ออฟไลน์ Brow_Ney

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
การ์ดนี่จอมวางแผนตัวพ่อเลยนะ
มันส์จะได้สานต่อกับห้วยรึป่าว

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เปิดเรื่องใหม่เลย เชียร์ อิอิ  :z2:

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
แผนการ์ดนายมันช่างโหดร้ายจริง ๆ แต่โอเค เข้าใจ คนไม่ดีก็ไม่อยากให้คบ

ออฟไลน์ Nano PL

  • ขอร้อง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 869
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-7
โถ่วมันส์ T^T

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ดีใจกับมันส์มีห้วยมาดูแลใจ
แบบว่าจอมวางแผนเนี่ย น่าจับมาตีทั้งคู่เลย แต่ต้องขอบคุณที่ทำให้เชร์ษฐได้เข้าฝกล้ติ๊ฟ
เมื่อไรเชรษฐหื่นๆๆๆบทนี้จะมาน่ะ อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
แอบสงสารมันส์ ขอให้ได้เจอคนดีๆที่ครอบครัวยอมรับเร็วๆนะ
รอตอนต่อไปปปปป

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โหหห เพื่อนของตี๊ฟกับเชษฐ์ช่างน่ากลัว
โดยเฉพาะคู่รักแอบคบอย่างการ์ดกับแหม๋ว

สงสารมันส์อยู่นะ ใจจริงอยากให้มันส์เจอรักกับสาว

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
สงสารมันส์อะ..

การ์ดนี่เล่นแรงนะ เป็นเราเราคงโกรธอะ55

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันค้างคืน

“คือทำไมต้องมาติวที่บ้านมึงด้วยว่ะ”ผมเริ่มอิดออดเมื่อมาถึงบ้านของไอ้เชษฐ์ คือจริงๆ ผมเองบ่ายเบี่ยงการที่จะมาบ้านมันหลายวันแล้วแหละครับ จริงๆ ก็พอเข้าใจว่าเชษฐ์เองอยากให้ผมมาเจอกับน้าชา และแม้ผมจะรู้ว่าจริงๆ น้าชาก็คงไม่ได้จะมากีดกันอะไรเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้เชษฐ์อีกหรอกครับ สิ่งที่น้าชาทำมันก็เหมือนเปิดโอกาสให้เราเต็มที่แล้วต่างหาก แต่กลับเป็นผมเองที่เกิดอาการเกร็ง ประหม่าเอาเสียดื้อๆ

คือจะว่ายังไงดีล่ะครับ มันแบบเราก็ไม่ค่อยรู้จักวิธีการเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ อีกอย่างผมเองก็เคยเจอน้าช้าแทบจะนับครั้งได้ แถมตอนที่เคยเจอ น้าชาก็ยังเข้าใจว่าผมกับไอ้เชษฐ์เป็นแค่เพื่อนกัน จะให้มาเจออีกผมเลยยังไม่รู้จะวางตัวยังไง เพราะผมไม่รู้ว่าพอมาเจอเป็นทางการแบบนี้ เกิดน้าชาไม่ชอบผมขึ้นมา จะเป็นยังไง

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ว่ามึงพยายามเลี่ยงไม่มาบ้านกู”ไอ้เชษฐ์กึ่งดึงกึ่งลากผมเข้าบ้าน พร้อมจ้องผมเพื่อจะจับผิด

“รู้แล้วยังจะรีบพามาทำไมเล่า”ผมยังมิวายบ่น แม้จะเข้ามานั่งบนโซฟาบ้านมันเรียบร้อยแล้ว

“จะกลัวไรว่ะ น้ากูออกจะใจดี”เดี๋ยวๆ โซฟาก็ออกจะกว้าง ไอ้นี่จะมานั่งเบียดกันทำไม ผมเหล่มองด้วยหางตาหวังให้เจ้าตัวมันรู้สึกว่านั่งเบียดเกินไปแล้ว เบียดขนาดนี้ เข้าสิงมาเลยจะดีกว่าไหม

“อะไรนังแนบชิดแค่นี้ทำเป็นมองตาขวาง ทีตอนอยู่คอนโดด้วยกัน ชิดกว่านี้ก็เคยมาแล้วนะจ๊ะที่รัก”นั่นไง จากที่ตอนแรกตัวชิดเฉยๆ ตอนนี้หน้าแทบจะชนกันอยู่แล้วครับ

“หยุดเลย”ผมรีบปัดมือของไอ้เชษฐ์ที่กำลังจะเชยคางผมออก เผลอเป็นไม่ได้เลย แล้วนี่บ้านมันนะเนี่ย แถมห้องรับแขกอีกต่างหาก เกิดน้าชาโผล่มาเห็น แกจะมองผมเป็นคนยังไงกันละ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ค่อยอยากมาบ้านมันครับ กลัวมันรุ่มร่ามแล้วน้าชาเค้าจะมองไม่ดีนี่แหละ

“กลัวน้าชามาเห็นรึไง”คือดูๆ ไปมันก็รู้หมดนี่ว่าผมคิดอะไร รู้สึกยังไง แต่ทำไมมันยังทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ผมอยากให้ทำทั้งนั้นเลย สรุปนี่มันแกล้งผมใช่ไหมเนี่ย

“อือ...อืม”และไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว ริมฝีบากนั่นก็ประกบเข้ามาที่ปากผมอย่างรวดเร็ว และผมก็เกลียดตัวเองทุกครั้งเลย เพราะไม่เคยต่อต้านไอ้คนตรงหน้านี่ได้สักครั้ง เลยเหมือนยิ่งทำให้ไอ้คนหื่นนี่ยิ่งได้ใจเข้าไปอีก

“กว่าน้าชาจะกลับมาอีกเป็นชั่วโมงแหละ ขอชื่นใจหน่อยเหอะ ขนาดแค่จูบยังหาโอกาสยากเลย กูแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วมึงรู้ไหม”ผมพยายามขืนตัวออก แม้ในใจเองก็โหยหาสัมผันจากไอ้เชษฐ์อยู่เหมือนกัน แต่ดูสถานที่แล้วมันไม่น่าจะเหมาะสักเท่าไหร่

“ไหนว่าเราจะทำอาหารรอน้าชาไง”ผมเริ่มเปลี่ยนประเด็นเมื่อจำได้ว่า ไอ้คนตรงหน้านี่บอกจะแสดงฝีมือทำอาหาร อย่างง่ายๆ รอคุณน้าสุดที่รักกลับมาทาน ซึ่งจากที่ผมเองเคยทานโจ๊กฝีมือมันมา ก็น่าจะพอทานได้ แต่อย่างอื่นนี่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกินได้หรือเปล่า

“โอเค งั้นเข้าครัวกันดีกว่า”ผมลุกตามอีกคนโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ซึ่งก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี ว่าคนอย่างไอ้เชษฐ์นี่เหรอจะทำอาหาร ดูมันไม่เข้ากับบุคคลิคเลยสักนิด แต่พอถึงห้องครัวก็ดูมันคล่องแคล่วเหลือเกิน ไอ้เชษฐ์ลงมือเตรียมทำทั้งไก่ทอด ไข่เจียว และแกงจืด ซึ่งจริงๆ มันจะทำมากกว่านี้ แต่ผมมองว่าทานกันแค่ 3 คนนี้ แค่นี้มันก็เกินพอแล้วแหละครับ จะกินอะไรเยอะแยะกับมื้อเย็น

“ไม่ยักรู้ว่ามึงทำอาหารคล่องขนาดนี้”ผมพูดขึ้นขณะที่เป็นลูกมือให้อีกคน สำหรับผมเองก็เคยช่วยแม่ทำอาหารอยู่บ้าง แต่จะให้ทำเองเลย ก็คิดว่าซื้อกินน่าจะปลอดภัยกับชีวิตมากกว่า

“ก็อยู่กับน้าชาสองคน ตั้งแต่เด็ก ก็ช่วยๆ กันทำ จริงๆ เด็กๆ กูมีพี่เลี้ยงด้วยแหละเพราะตอนกูไม่ยอมย้ายไปอยู่กับแม่ที่เมืองนอก การมาอยู่กับน้าชาที่ก็ไม่เคยมีลูก มันเลยลำบากเหมือนกัน แม่กูเลยจ้างพี่เลี้ยงไว้ให้ กูก็เลยได้เรียนรู้จากพี่เลี้ยงแหละ จนขึ้น ม.ปลาย น้าชาก็ให้กูรับผิดชอบเอง”จะว่าไปนอกจากน้าชาแล้วไอ้เชษฐ์เองก็ยังมีคุณแม่อีกคนนี่นา แล้วนี่มันบอกเรื่องระหว่างเราให้แม่มันฟังหรือยัง

พอมันพูดถึงแม่ ผมเองกลับรู้สึกหนักใจเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าคุณแม่ของไอ้เชษฐ์จะคิดยังไงกับความสัมพันธ์ระหว่าง ผมกับลูกชายเค้า ขนาดน้าชา ยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเรา แล้วนี่คนเป็นแม่ละ ท่านจะคิดยังไงกันนะ ผมว่าคงหวังให้พ่อแม่ทุกคนมาเข้าใจลูกอย่างพ่อแม่ผมไม่ได้

“ตี๊ฟ คิดอะไรอยู่”เมื่อเห็นผมนิ่งไปทำให้อีกฝ่ายถามอย่างสงสัย

“เปล่าหรอก...แค่คิดว่าน่ากินดี”

“กับข้าว หรือกู”แหม๋ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยครับ ดูสายตากับคำพูดนี่ แทบไม่ได้หมายถึงกับข้าวเลย  ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ พร้อมยิ้มอย่างขำๆ ก็จะไม่ให้ขำได้ยังไง ดูมันทำหน้าเข้า ยังกะจะยั่วผมงั้นแหละ แต่ผมว่ามันตลกเสียมากกว่า

“แล้วนี่น้าชาจะมาตอนไหนเหรอ”ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอาหารก็ใกล้เสร็จเต็มที

“เดี๋ยวกูโทรถามก่อน...อ้าวนี่ไงน้าชาโทรมาพอดีเลย”

ผมยืนคิดอะไรพลางๆ ระหว่างที่รอไอ้เชษฐ์ รับโทรศัพท์ ผมกำลังคิดว่าจะควรถามถึงแม่ของไอ้เชษฐ์ไหม หรือว่าผมควรรอให้มันเป็นคนเอ่ยถึงเอง ยิ่งนานวัน ผมยิ่งรู้ว่าไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของไอ้เชษฐ์เลย

“คุยกับน้ากูหน่อย”ผมแทบสะดุ้งที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ แต่ไอ้เชษฐ์ดันยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมได้แต่ทำหน้างงๆ แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงพยักหน้าให้ผมรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ”ผมกรอกเสียงลงไปในสายอย่างสุภาพ

“ตี๊ฟ น้าต้องขอโทษที พอดีคงกลับไปทานข้าวด้วยไม่ทัน น่าเสียดายที่อุตส่ามาทั้งทีเนอะ แต่น้ามีเคสด่วนเข้ามาจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังผมมารบกวนใหม่ก็ได้ครับ”ผมไม่รู้จะโล่งใจหรือจะกังวลต่อดี ใจนึงก็เหมือนจะโล่งเพราะยังไม่ค่อยพร้อมจะเจอน้าชาสักเท่าไหร่ แต่อีกใจก็กังวลว่าน่าจะได้เจอให้จบๆ จะได้ไม่ต้องกังวลต่อ

“ถ้าติวหนังสือกันดึก ก็ค้างเสียที่บ้านก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องขับรถดึกๆ มันอันตรายๆ”ฟังๆ ดูแล้วมันเหมือนผมเองที่กังวลเกินไปหรือเปล่า น้าชาก็ออกจะดูสบายๆ ยิ่งสิ่งที่คุณน้าเพิ่งพูดนี่ คุณน้าลืมไปหรือเปล่าว่าตั้งกฎอะไรให้ผมกับไอ้เชษฐ์ไว้ หรือว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบ

“ป่ะ กินข้าวกันดีกว่า”หลังจากผมวางสายจากน้าชา พ่อตัวดีก็จัดแจงอาหารทุกอย่างมาจัดวางเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ แวบนึงผมอดคิดไม่ได้ว่า ตกลงน้าชากับไอ้เชษฐ์วางแผนกันมาเพื่อให้ผมต้องกินข้าวกับไอ้คนตรงหน้านี่สองต่อสอง แล้วยังอาจจะต้องค้างที่นี่อีกด้วยหรือเปล่า คือหลังจากที่รับรู้หลายๆ เหตุการณ์มันทำให้ผมเริ่มระแวงไปเสียหมด

“เฮ้ยยยย”เราสองคนอุทานแทบจะพร้อมกัน เพราะอยู่ดีๆ ไฟก็ดับเฉยเลย

“เดี๋ยวกูไปหยิบไฟฉาย มึงอยู่กับที่ก่อนนะ”

“ไม่ต้องๆ มือถือก็มีไฟฉาย”ผมรีบบอกก่อนที่ไอ้เชษฐ์จะเดินออกไปพร้อมกับเปิดไฟฉายจากมือถือ และหลังจากดูบ้านข้างเคียงแล้วว่าไฟน่าจะดับทั้งซอย ไอ้เชษฐ์ก็ไปขนเทียนมาจุดเสียทั่วห้อง

“เยอะไปป่ะเนี่ย”เมื่ออีกฝ่ายเล่นจุดโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำให้ผมต้องห้าม กลัวว่าจากที่ไฟดับ จะกลายเป็นไฟไหม้ไปเสียก่อน แล้วเราสองคนก็ต้องนั่งทานข้าวใต้แสงเทียนอย่างเสียไม่ได้

“ดีจังที่ไฟดับ”

“ดีตรงไหน”คือจากที่เห็นนี่ผมว่ามันไม่ได้มีความรู้สึกว่ามันดีตรงไหนเลยนะครับ ที่ไฟดับ

“ก็ดีที่เราได้กินข้าวใต้แสงเทียนนี่ไง ออกจะโรแมนติก”นั่นไงมาอะไรเลี่ยนๆ อีกแล้วสิเนี่ย

“แล้วที่บอกจะติวหนังสือให้กูนี่จะได้ติวไหม”จุดประสงค์แรกของการที่ผมมาบ้านมันวันนี้คือ ไอ้เชษฐ์บอกว่าจะติวให้ผมก่อนสอบ เพราะวิชานี้ผมทำคะแนะในช่วงกลางภาคได้ไม่ค่อยดี แล้วก็เป็นการให้ผมมาเจอน้าชาด้วย แต่จริงๆ ก็พอรู้แหละครับว่าเรื่องติวนั่นนะข้ออ้างแค่อยากจะให้ผมมาบ้านแค่นั้นแหละ

“เราก็จุดเทียนติวที่ห้องนอนกูก็ได้ไง ไม่เห็นจะยาก”คงจะได้ติวหนังสือหรอกมั้ง ดูจากสายตาคนพูดแล้วเนี่ย แล้วเราก็ลงมือทำล้ายล้างกับข้าวบนโต๊ะจนเกลี้ยง ฝีมือการทำกับข้าวของไอ้เชษฐ์ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว หลังจากทานเสร็จ ช่วยกันเก็บจาน เก็บเทียนที่เยอะเกินไป และผมคิดว่าในเมื่อหนังสือก็คงไม่ได้ติว และจริงๆ เรื่องติวก็แค่ข้ออ้างตั้งแต่แรกแล้ว เลยคิดว่าจะกลับบ้านน่าจะดีกว่า

“ค้างนี่แหละ น้ากูไม่ว่าหรอก กูไม่ทำผิดกฎหรอกน่า”ผมยังคงมองด้วยสายตาไม่ค่อยวางใจนัก แม้ตั้งใจจะปฏิเสธแต่สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับสายตาอ้อนๆ นั้นจนได้

และจนแล้วจนรอดไฟก็ยังดับอยู่เหมือนเดิม แถมดูเหมือนว่าข้างนอกฝนก็เริ่มเทลงมาอย่างหนักเสียแล้ว นั่นยิ่งเป็นข้ออ้างจากอีกคนว่าผมต้องค้างที่นี่ ในที่สุดผมก็ต้องมานอนอยู่ที่เตียงของอีกคนจนได้ ก็แปลกๆ ดีเหมือนกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาบ้านไอ้เชษฐ์ ครั้งแรกที่ได้เข้ามาในห้องนอน ครั้งแรกที่ได้มานอนเตียงนี้ ครั้งแรกที่ต้องยืมเสื้อผ้าของมันใส่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเผื่อว่าจะค้าง

“หลับยัง”อีกคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและล้มตัวนอนข้างๆ ผมเอ่ยถามขึ้น

“หลับแล้ว”ผมแกล้งตอบพร้อมหันหน้ามองอีกคนที่ตะแคงมองผมอยู่ก่อนแล้ว หน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนริมฝีปากผมสัมผัสกับรสจูบ ที่เร่าร้อน เนิ่นนาน

“ด...ดะ...เดี๋ยว”ผมรีบใช้มือผลักไอ้เชษฐ์ออกเบาๆ ในจังหว่ะที่มันถอนริมฝีปากออก ซึ่งมันดูไม่ค่อยจะเข้าใจท่าทีของผมสักเท่าไหร่

“เรายังอยู่ในกฎของน้าชาไม่ใช่เหรอ”ผมรีบเตือนความจำของอีกฝ่าย

“มึงว่าที่น้ากูบอกให้มึงค้างที่นี่มันหมายความว่ายังไงเหรอ”ผมไม่รู้หรอกนะว่าน้าชาพูดกับไอ้เชษฐ์ว่ายังไง แต่ผมคิดว่าน้าชาก็คงพูดธรรมดาว่าให้ผมค้างที่นี่ได้ถ้ามันดึกมาก แกคงไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น

“แต่ในเมื่อเราสองคนยอมรับในกฎนั้นมาแล้วก็ควรทำให้มันถูกต้องไม่ใช่เหรอ”ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะครับว่าผมเองก็ต้องการมันเหมือนกัน แต่ถ้าเราทำแบบนั้นแล้วผมว่าผมอาจจะรู้สึกผิดกับการที่เป็นคนไม่รักษาคำพูด เพราะผมเองก็ยังไม่ชอบคนโกหก แล้วจะมากลายเป็นคนที่เหมือนจะโกหกเสียเองมันก็คงไม่ดีแน่ๆ

“งั้นก็...นอนเหอะ”สัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากของผม ก่อนที่อ้อมกอดนั่นจะกระชับผมเข้าหา

“อยากให้ครบ 100 วันเร็วๆ จังเนอะ”



แวะมาทักทายคร๊าบบบ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ลืมคุณแม่ไปจริงๆแหละ
น้าชา 100 วัน
ด่านคุณแม่ 1000 วัน? แซวเล่นน้า

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
กรี๊ดดดดดดด คิดถึงจังงงงงง หายไปนานนน
นั่นสิ เรายังไม่ค่อยรู้เรื่องบ้านเชษฐ์เลยนะ
แล้วแม่จะเป็นคนยังไงล่ะน้อออออ
รอตอนต่อไปปปป

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เชษฐ์ดูเป็นคนดีขึ้นมาเลยอ่ะ.จุ๊บ!  :-[

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ง่าาาาาา.  อดทนไว้   :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
สู้สู้เชษฐ์ รักติ๊ปต้องอดทน

ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
น้าชาเปิดโอกาสให้(น่าจะบังเอิญ)แถมบรรยากาศก็มาเป็นใจอีก ไฟดับพร้อมกับมีฝนตก
โอ๊ย.... เชษฐ์เอ๋ย นะโมอดทน พุทโธอดทนนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เชษฐ์น่ารัก ไม่ทู้ซี้หื่น

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
หายไปหลายวันเพิ่งจะแวะมาอ่าน  ตอนนี้บรรยากาศมันเป็นใจถ้าไม่ติด 100 วันนี่เชษฐ์คงจัดตี๊ฟแล้วมั้ง 555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ทนหน่อยค่ะเชษฐ์

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
พอครบ 100 วันแล้วโดยจัดหนักแน่  :laugh:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ฮ่าๆๆๆๆๆ เชษฐเหี่ยวแน่ อิอิ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คิดถึงเรื่องนี้แล้วนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ยังไม่มาต่ออีกเหรอคะ รออยู่นะ สู้สู้

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คิดถึงเชษฐ์กับตี๊ฟแล้วค่ะ มาต่อไวๆ น้าาคะ ^^

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
วันนี้





“เดี๋ยวนี้ไม่ตื่นเต้นแล้วเหรอ”ไอ้เชษฐ์เอ่ยถามผมเมื่อเห็นท่าทางสบายๆ ของผม ทั้งที่หลายครั้งก่อนที่ต้องมาทานข้าวกับน้าชา ผมมักจะอิดออดและมีอาการเกร็งๆ ทำตัวไม่ค่อยถูก แต่หลังจากที่ผมได้เจอกับน้าชาบ่อยๆ อาจจะด้วยความคุ้นเคยกันมากขึ้น ทำให้ผมก็เริ่มรู้สึกว่าน้าชาก็เหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงแหละ ที่แกก็เป็นห่วงทั้งไอ้เชษฐ์และผมด้วย

“ตื่นเต้นไร ใคร ไหนใครเคยตื่นเต้นที่ไหน”ผมลอยหน้าลอยตาตอบ กะกวนคนที่ถามด้วยแหละครับ

“เอาจริงๆ ตอนแรกน้าก็เกร็งๆ นะ แบบนึกว่าจะมีสาวน้อยมาเป็นหลานสะไภ้ แต่กลายเป็นว่ามีหนุ่มน้อยมาเป็นหลานสะไภ้ซะงั้น”เอ่อคุณน้าครับ ผมไปเป็นสะไภ้คุณน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แค่ที่บ้านผมพากันเรียกไอ้เชษฐ์ว่าลูกเขย ผมก็รับมือแทบไม่ไหวแล้ว นี่น้าชายังจะมาให้ผมใช้คำว่าสะไภ้อีกเหรอครับ โถ ชีวิตน้อยๆ ของตี๊ฟ

“พูดแบบนี้ผมขอลาออกจากตำแหน่งทันไหมเนี่ย”ผมแกล้งแหย่ทั้งคุณน้าคุณหลานแหละครับ หมั่นไส้ เพราะไปๆ มาๆ ผมว่าไอ้นิสัยต่างๆ ของไอ้เชษฐ์นี่มันถอดแบบมาจากน้าชาทั้งนั้นเลยนะเนี่ย

“ไม่ได้กูไม่อนุมัติ”แหม รีบตอบเลยนะไอ้คุณแฟน รู้หรอกน่าว่ารักจริงหวังแต่ง

“เออๆ น้าว่าจะถามหลายทีแล้ว คือ เราสองคนเป็นแฟนกันทำไมไม่คุยกันให้มันดูมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกว่านี้หน่อย นี่อะไร แฟนกันยังมามึงๆ กูๆ กันยังกะเพื่อนเหมือนเดิม”

“ก็มันชินแล้วมั้งครับ”ผมตอบออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไร

“เดี๋ยวๆ ก่อนจะมาเรื่องสรรพนามของผมสองคน ไอ้มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งนี่ ไปเอามาจากไหนครับคุณน้า”พ่อหลานชาย ย้อนถามคุณน้าพร้อมกับทำหน้าล้อเลียน ก่อนจะหัวเราะลั่น

“อ้าว ดูหน้าซะก่อน วันก่อนยังมีคนไข้ทักว่าเป็นนักเรียนแพทย์อยู่แลย”โหคุณน้าครับได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะครับ จะว่าไปจริงๆ น้าชาแกก็ยังไม่ได้แก่จริงๆ นั่นแหละครับ แต่อาจเพราะแกต้องดูแลไอ้เชษฐ์มาตั้งแต่เด็กด้วย เลยกลายเป็นแกต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุมาแต่ไหนแต่ไรละมั้ง

“น้าใครเนี่ย หลงตัวเองจริงๆ”ก็น้ามึงนั่นแหละไอ้คุณแฟน

“ถามจริงๆ นะ ทั้งสองคนเลย”น้าชาถามนิ่งๆ พร้อมกับมองหน้าเราสองคนสลับกัน ซึ่งทั้งผมและไอ้เชษฐ์ก็รอฟังว่าแกจะถามอะไร เพราะดูจะออกแนวจริงจังกว่าปกติ

“ถ้าเกิดวันนึงต้องเลิกเป็นแฟนกัน จะยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ไหม”

“ไม่ได้”เป็นเสียงไอ้เชษฐ์ที่ตอบแทบจะทันที พร้อมกับหันมาสบตาผม แต่ผมยังไม่ทันได้คิดเลยว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมจะเป็นยังไงจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม แล้วถ้าเราต้องเลิกกันจริงๆ มันจะมาจากสาเหตุอะไร แต่คำตอบของไอ้เชษฐ์ก็ทำเอาผมแปลกใจเหมือนกัน ที่มันตอบได้เลยแบบนี้คือหมายความว่าถ้ามันเลิกกับผมมันจะไม่ยอมเป็นเพื่อนกับผมอีกงั้นเหรอ

“ตี๊ฟล่ะว่าไง”เมื่อเห็นผมไม่ตอบ น้าชาจึงถามย้ำผมอีกครั้ง

“ก็ถ้าวันนึงมันมีเหตุให้เราไม่สามารถคบกันต่อไปได้ ในเมื่อสถานะมันต้องเปลี่ยนไป ซึ่งแต่ก่อนเราก็เป็นเพื่อนกัน สำหรับผมก็คงยังเป็นเพื่อนกันได้แหละครับ”ผมตอบออกไปตามที่คิด เพราะอย่างผมกับมันส์ ที่เคยคบกัน แต่ ณ วันนี้ ผมก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกับเค้าได้

“เราละไอ้เสือ เหตุผลที่ว่าไม่ได้คืออะไร”หลังจากฟังคำตอบผมเสร็จ น้าชาก็หันไปถามพ่อหลานชายต่อ

“ก็ผมไม่มีวันจะเลิกกับตี๊ฟไง เพราะงั้นยังไงก็เป็นเพื่อนไม่ได้”เอ้าไอ้นี่ มันเข้าใจคำถามไหม ก็สมมติไง ถ้าเกิดมันเป็นแบบนั้นอ่ะ อนาคตใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น อีกอย่างก็ใช่ว่าเราจะเลิกกันจริงๆ ซะหน่อย

“มึงเข้าใจคำถามป่ะเนี่ย”

“เข้าใจ แต่กูมั่นใจไงว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นกูก็จะไม่เลิกกับมึงไง อีกอย่างถ้าเรามีวันนี้ไปด้วยกันตลอด วันหน้ายังไงเราก็ต้องยังมีกันต่อไปอยู่แล้ว”สมองน้อยๆ ของผมเริ่มคิดตามสิ่งที่ไอ้เชษฐ์พูด

“กูต้องซิ้งไหมเนี่ย”ผมพูดยิ้มๆ พร้อมกับเอาไหล่กระทบคนข้างๆ ออกไปเบาๆ

“ควรจะนะ”แล้วดูคำตอบมันเถอะครับ น้าชาก็เอาแต่ยิ้มขำ พร้อมส่ายหน้าให้เราสองคน จริงๆ แกกะคงเอือมพวกผมสองคนไม่มากก็น้อยแล้วแหละเนี่ย จากนั้นเราก็ทานอาหารกันไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเคล้าไปตลอดมื้ออาหาร

“ขอตัวไปห้องน้ำแปปนึงนะ”ไอ้เชษฐ์บอกกับน้าชาและผมก่อนจะลุกออกไป

“น้าชาครับ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”ผมตัดสินใจเอ่ยปาก ในเรื่องที่ผมยังคงสงสัย ในเรื่องที่ผมรอให้ไอ้เชษฐ์มันบอก แต่มันก็ไม่บอกผมสักที น้าชาดูแปลกใจนิดหน่อย คงเพราะคิดว่าทำไมผมเลือกที่จะถามแกในตอนที่ไอ้เชษฐ์ไม่อยู่ แต่แกก็ตอบรับในคำขอของผม

“คือเรื่องของคุณแม่เชษฐ์นะครับ คุณแม่รู้เรื่องที่เชษฐ์คบกับผมแล้วหรือยังครับ”นั่นแหละครับมันเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้ผมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“อ้าว น้านึกว่าเชษฐ์คุยเรื่องนี้กับตี๊ฟไปแล้วเสียอีก เพราะเห็นเคยคุยกับน้าเรื่องนี้ไปแล้ว เชษฐ์ยังบอกเลยว่าจะคุยกับตี๊ฟ”แล้วทำไมไอ้คุณแฟนมันไม่มาเล่าให้ผมฟัง หรือว่ามีปัญหาอะไร งั้นเหรอ

“แล้วตกลงคุณแม่ทราบแล้วใช่ไหมครับ”ผมถามย้ำอีกที เพราะเหมือนน้าชาเองก็ดูมีทีท่ากังวลอยู่เหมือนกันที่ผมถามเรื่องนี้

“ตี๊ฟรอไอ้เสือมันมาเล่าเองดีกว่าเนอะ เพราะมันขอน้าไว้ว่าขอเป็นคนเล่าเอง จริงๆ น้าจะคุยเรื่องนี้กับตี๊ฟตั้งแต่เรานัดทานข้าวกันครั้งแรกแล้วแหละ แต่ขานั้นเค้าไม่ยอม บอกจะไปคุยกันเอง น้าก็นึกว่าเคลียร์แล้วเสียอีก”แสดงว่าคงจะมีอะไรบางอย่างจริงๆ สินะ หวังว่ามันจะไม่ได้ร้ายแรงอะไรก็แล้วกันเนอะ

“ป่ะ เสร็จแล้ว”ไอ้เชษฐ์กลับมาที่โต๊ะพร้อมกับชวนกลับ

“ไปกันก่อนเลยเดี๋ยวค่าอาหารน้าเคลียร์เอง กลับบ้านกันดีๆ ล่ะ”น้าชาบอกพร้อมกับส่งสายตามาทางผม เหมือนใบ้เป็นนัยๆ ว่าให้ผมถามไอ้เชษฐ์ได้เลย

หลังจากทานข้าวน้าชาจะต้องกลับไปขึ้นเวรต่อที่โรงพยาบาล ส่วนไอ้เชษฐ์จะเป็นพลขับไปส่งผมที่บ้าน เพราะมันเป็นคนไปรับผมมา และตอนนี้ผมกำลังคิดว่าจะถามมันตอนไหนดี ถามเลยตอนนี้ ถามระหว่างที่มันไปส่งผมที่บ้าน หรือไว้ถามวันหลัง

“โอ๊ย”ไม่ใช่เสียงผมครับ แต่เป็นอีกคนที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามาในร้าน แล้วดันเป็นจังหว่ะที่ผมดึงประตูพอดี ผลก็คือเค้าล้มลงมาตรงหน้าผมพอดีเลย คือคาดว่าเค้าคงจะไม่ทันได้ระวังและทิ้งน้ำหนักจะดันประตูพอดีเลยเสียหลัก

“เป็นอะไรมากไหมครับ”ผมเอ่ยถามพร้อมเอื้อมมือจะฉุดให้อีกคนลุก แต่เค้ากลับเอาแต่จ้องหน้าผม จ้องแบบเหมือนกำลังพิจารณาอะไรสักอย่าง จนผมต้องถามย้ำอีกรอบ เค้าถึงลุกขึ้น

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”ไอ้เชษฐ์เข้ามาแทรกระหว่างผมกับอีกคน พร้อมกับเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง

“มะ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ แค่เสียหลักเฉยๆ”ดูแล้วเค้าก็คงไม่ได้เป็นไรจริงๆ นั่นแหละ แต่ทำไมเค้าต้องจ้องผมขนาดนี้ หรือเค้ารู้จักผมงั้นเหรอ แต่ผมว่าผมไม่รู้จักเค้านะ

“โทษทีนะครับ พอดีมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ได้ดูว่ามีคนจะเปิดเข้ามา”คือจริงๆ กระจกมันก็ใสพอที่จะมองเห็นนะครับ อยากจะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ระวังเอง แต่ผมก็ไม่ได้มองจริงๆ นั่นแหละ ยังไงผมก็คงมีส่วนผิด เลยชิงขอโทษก่อน

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอโทษพี่เหมือนกันเพราะผมก็ไม่ทันได้มอง”

“ไอ้ห้วย มีอะไรหรือเปล่า”มีแขกในร้านเดินออกมาหาคนที่ล้มเมื่อสักครู่ ซึ่งน่าจะชื่อห้วย ตามที่เพื่อนเค้าเรียกแหละครับ

“ไม่มีไรแค่เสียหลักล้ม เดี๋ยวตามเข้าไป”นายน้องห้วยหันไปบอกกับเพื่อน

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ”เป็นไอ้เชฐ์ที่ตัดบท พร้อมกับจับมือผมเดินออกมา

“มึงว่าน้องเค้ามองกูแปลกๆ ไหมว่ะ”ผมเอ่ยถามไอ้เชษฐ์ทันทีที่ออกมาจากร้าน

“มึงเคยไปแย่งผัวน้องเค้ามารึเปล่า”อ้าวไอ้นี่ดูพูดเข้า แล้วอีกอย่าง น้องเค้าก็ผู้ชายไหม จะไปมีผัวที่ไหนเล่า แต่ไม่อยากจะเถียงประเด็นนี้ครับเพราะเดี๋ยวมันจะย้อนมาว่าผมเองก็เป็นผู้ชายแต่ก็มีผัว ซึ่งก็คือมันนั่นแหละครับ

“แต่กูว่าน้องเค้าอาจจะปิ๊งกูก็ได้นะ”

“พอๆ เลิกเพ้อ แฟนมึงอยู่นี่ทั้งคน มึงอย่าแม้แต่จะคิดมองคนอื่น หรืออย่าได้คิดว่ากูจะยอมให้คนอื่นมองมึง”จร้าคุณแฟน ว่าแต่ผมเลยยังไม่ได้ถามเรื่องคุณแม่ของไอ้เชษฐ์เลยสิเนี่ย เอาไว้ค่อยถามอีกทีแล้วกันเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด