(ตอน 10) เกรดปี 1ออกมาแล้วครับ เฮ้อ สองจุดเก้า...(ขนาดผมเอฟตัวหนึ่งนะครับ) พูดถึงวิชาที่เอฟก่อนล่ะกันมันเป็นวิชาแบบว่าเป็นหัวใจของ รร. หรืออาชีพนี้ แต่ผมดันเอฟซะนี่ (ท่าทางจะไม่เหมาะกับ อาชีพนี้จริงๆ) ผมยังแปลกใจเลยครับว่ามันเอฟได้ไง ทั้งๆ ที่ทำได้ ....
"ไอ้นุ่ม มรึงเอฟได้ไง วะ มรึงบอกว่าทำได้ไม่ใช่เหรอ" ทำได้จริงๆ ครับ แต่ทำไมผลมันออกเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้คะแนนมิดเทอมก้ออยู่ประมาณเกาะกลุ่มไม่ได้ขี้เหร่อะไร
"ไม่รู้ หว่ะ กรูว่า อาจารย์เค้าคงใช้วิธีลัดตรวจข้อสอบหว่ะ"
"วิธี ไรของมรึงวะ"เพื่อนผมเกาหัวยิกๆ
"ไม่รู้ดิ กรูว่า อาจารย์เค้าคงใช้วิธิเตะในการตรวจข้อสอบหว่ะ ใครไกลก็ได้เอ เผอิญสมุดคำตอบกรูคงตกอยู่แถวปลายตีนแก กรูก็เลยได้ เอฟ" มันหัวเราะก๊ากเลยครับ (จริงเปล่าไม่รู้ แต่จากเกรดที่ออกมา พลิกความคาดหมายมากๆ บางคน แบบว่า ไม่น่าจะเก่ง ไม่น่าจะทำได้ เอ เฉยเลย)
"ปิดเทอม มรึงไปฝึกงานที่ไหนนี่" มันถามต่อ
"กรูลงชื่อไว้ฝึกที่เชียงใหม่ กับพวกไอ้.........."
"โห น่าสนุกหว่ะ กรูลงชื่อไว้ที่สงชลา....เดี่ยววันเสาร์คงต้องเดินทางไปแล้ว"
ช่วงปิดเทอมพวกเราถ้าไม่กลับบ้านก็ไปฝึกงาน....ไปฝึกประมาณหาประสพการณ์กับหน่วยงานต่างจังหวัดได้เงินด้วยประมาณลูกจ้างชั่วคราววันละร้อยกว่าบาท ฝึกประมาณ 3 เดือน ใครคิดว่าเลิกฝึกแล้วจะรวยมีเงินเก็บคิดผิดเพราะพวกผมมีความสามารถในการใช้เงินเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าจะหมดกับการดื่มเหล้า เที่ยวหญิง หรือซื้อเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เฮ้อ สามารถจริงๆ(ไม่เคยเหลือเก็บมีบางครั้งต้องชักเนื้อตัวเองอีกต่างหาก ) งานที่เราไปฝึกก็ง่ายๆประมาณ 1 ถ่ายเอกสาร 2 นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ 3 อ่านแบบ หรือ พับแบบ. 4 ทำตัวให้ร่าเริงทั้งวัน 5 ต้องเตรียมพร้อมในการออกภาคสนามตอนเย็น(บางทีอาจะถึงเช้านะ) 6 นอนรอในห้องประชุมเพื่อรอคำสั่งให้ปฎิบัติงาน... ไร้สาระจริงๆไม่น่าเสียงบประมาณจ้างพวกผมเลย....
ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของผมกับยัยกระเหรี่ยงของผมกำลังหวานชื่นเราจะโทรคุยกันแทบจะทุกวัน วันเสาร์ อาทิตย์ เราก็เจอกันระยะทางจากปากเกร็ดไปราม 2 ไม่ใด้เป็นอุปสรรคสำหรับผม.........
"เกรดตัวเอง เป็นไงบ้างล่ะ " ผมถามยัยกระเหรี่ยงของผม
"ดี น่ะเก็บได้หลายตัวแล้ว" ผมก็ไม่เข้าใจเกรด ของ มร. เท่าไหร่หรอกแต่รู้ว่าการเรียนของน้องกระเหรี่ยงออกมาดีผมก็ดีใจด้วย มีแฟนเก่งตัวเองต้องเก่งตาม......
กิจกรรมที่เราทำกันช่วงเจอกันก็แบบหนุ่มสาวทั่วไป คือ ดูหนัง ฟังเพลง เดินห้าง ไร้สาระทั้งวัน บางครั้งนั่งคุยกัน ทั้งวันก็มี.... ....
ปีสองแล้ว เป็นปีที่ผมต้องเรียนหนักคือมันไม่มีวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์แล้ว เป็นวิชาเกี่ยวกับวิศวกรรมที่ต้องเรียนขนาดตั้งใจอ่าน ตั้งใจ ฟังอาจารย์แทบจะทุกครั้งคะแนนสอบที่ออกมาไม่ดีอย่างที่คิด.. ประมาณ เกาะมีนแบบนี้แหละ หรือไม่งั้นก้อต่ำกว่ามีนครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้อยู่หอแล้วเหตุผลที่ผมไม่อยู่ก็คือต้องการความเงียบสงบในการอ่านหนังสือ .... และ .....ก็ไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้
"โครม โครม "เสียงตบประตูดังขึ้น... ผมตื่นงัวเงียไปเปิดประตู สาดป่านนี้แล้วมันจะมาเรียกทำพระแสงเหรอไง...
"มีไร .....ไอ้สาดกรูจะ นอน" ไอ้แพะเพื่อนผมมาเคาะประตูมันไม่ได้มาคนเดียวด้วยดิ มีสาวสวยมาด้วย เป็นที่รู้กันว่ามันจะมาขอใช้ห้องผมเป็นที่ปฎิบัติกามกิจ.....
"มรึงไปนอนห้องกรู ก่อน นะ... " เออ ห้องตัวเองก็มี ไม่ยักไปใช้ ฮ่า ฮ่า มันคงไม่ใช้หรอกเพราะมีบัดดี้ นอนอยู่อีกสองคน ส่วนผมนอนเดี่ยวเพราะบัดดี้ผมมันไปนอนบ้านมัน...หลังจากเลิกรับน้องแล้วผมกับบัดดี้ผมก็ตัวใครตัวมัน...มันไปนอนบ้าน ผมนอนคนเดียว...
"อือ ลำบากกรูอีกไอ้เพื่อนเฮงซวย เดี่ยวกรูก็แอบดูซะเลย " เดินไปนอนห้องมันอย่างไม่เติมใจ แต่ก็ต้องไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับ หลายครั้งแล้ว...
บางคืนกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แมร่งมีน้ำหกลงมาห้องผมอีก เฮ้อ ไอ้พวกเพื่อนเปรตมันตั้งวงกินเหล้ากัน เปิดเพลงเสียงดังลั่น ไม่ชวนกรูเลยนะไอ้เวน......ไม่ชวนแถมยังทำน้ำหกลงมาห้องกรูอีก พอพวกมันเมาได้ที มันก็จะมาตบประตู โครมๆ เฮ๊ยเปลี่ยน ชุด เปลี่ยนชุด แน่ะ มีการล้อเลียนรุ่นพี่ อีก....
ปีสองนี้พวกผมได้เป็นรุ่นพี่แล้วมีรุ่นน้องน่ารักๆเข้ามาให้ซิว ซิวทีไรนึกกถึงตัวเองอยู่ตอนปีหนึ่งทุกที ทั้งเครียด ทั้งกดดัน แต่ผมก็ไปดูน้องห้องทุกครั้งที่ซิวนะ คือแบบไปให้กำลังใจมัน ชีวิตในช่วงปีสองนี้ของผมไม่มีอะไรหวือหวา เพราะต้องตั้งใจเรียน......
ความสัมพันธ์ผมกับยัยกระเหรี่ยงเหมือนเดิมแต่ไม่ค่อยได้เจอกันมีแต่โทรคุยจ๊ะจ๋ากัน จากปีหนึ่งเราเจอกัน อาทิตย์ละครั้งแต่ตอนนี้เดือนละครั้งแต่ก็คุยกันตลอด
ปีนี้บ้านลุงผม และบ้านที่ต่างจังหวัด มีโทรศัพท์ใช้แล้ว ดีครับจะได้โทรไปขอตังส์ได้ง่ายขึ้น (แม่ผมส่งให้ใช้เดือนละ 3000 บาท ครับ ตอนนั้นพอใช้บางเดือนเหลือเก็บด้วยซ้ำเนื่องจากอยู่บ้านลุงกินฟรีอยู่ฟรีไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเท่าไหร่)
เกรดปี สองนี้ ออกมาแล้ว.... เฮ้อสุดยอดเลยครับ ตั้งใจอ่านแทบตาย เกรดออกมาได้แค่ สองกว่านิดเดียวเอง.....ปีนี้เลือกไปฝึกงานที่อุตรดิตถ์ ฝึกที่นี่ก็เหมือนกับฝึกที่เชียงใหม่เลยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย.....ดีนะที่เอามอเตอร์ไซด์ไปด้วย (อุปกรณ์ในการจีบหญิง) อุตรดิตถ์ก็ดีเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่าอยู่มากๆ ....มาฝึกที่นี่เกือบพลาดท่าโดนลูกสาวหัวหน้าคนงานจับทำแฟนซะแล้ว....
ปีสาม...เหลืออีกปีก็จะจบแล้วต้องตั้งใจเรียนหน่อยเห็นเกรดปีสองแล้วแทบเข่าอ่อน นี่ละนะ เลือกเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบและไม่ถนัด พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ได้ดี.... แต่ทำไงได้มาถึงขนาดนี้แล้ว.....
ผมยังเดินทางไป*กลับ ระหว่างเรียนเหนื่อยหน่อยแต่ก็ต้องทน อยู่หอทีไร สติแตกทุกที ปีนี้เริ่มวางอนาคตตัวเองแล้วว่าจะไปทำงานที่ไหนทำงานอย่างไง ผมเริ่มวางแผนอย่างคร่าวๆ แล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับยัยกระเหรี่ยงก็ยังเหมือนเดิมแต่เราไม่ค่อยได้เจอกัน คือผมยุ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังไปไม่รอดแน่ และแล้วไอเดียบรรเจิดก็เข้ามาในหัวผม.... วันลอยกระทงนี่แหละผมต้องจัดการเผด็จศึกยัยกระเหรี่ยงของผมให้ได้ (คิดชั่วแบบนี้จริงๆ ตอนนั้น) อย่างน้อยก้อผูกมัดกันไว้ก่อน (ตอนนี้เริ่มมีประสพการณ์แล้วเรียนที่นี่สองปีแล้วประสพการณ์เพียบ)
วันนั้นผมชวนยัยกระเหรี่ยงผมไปลอยกระทงที่ภูเขาทอง บรรยากาศงานวัดจริงๆเดินไปจูงมือกันไป สวีทหวานแหววกันนานๆ จะได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ แต่ต้องระวังประทัดและพลุเป็นระยะ....เราซื้อกระทงมาคนละกระทง อธิษฐานพอเป็นพิธี.....ผมกับยัยกระเหรี่ยงมาอยู่กรุงเทพ 3 ปี ลอยกระทงด้วยกันทุกปี
ผมกับยัยกระเหรี่ยงเดินไปเที่ยวกันไปเรื่อยๆ บอกตรงๆนะตอนนี้ยังคิดวิธีชวนเข้าโรงแรมไม่ได้เลยพวกเราเดินเที่ยว ต่อ จนเกือบจะตีหนึ่ง..... เมื่อยแล้ว ยัยกระเหรี่ยงชวนผมกลับแล้ว ผมขอไปส่งบอกว่าเป็นห่วง... ได้ไง มายังไปรับเลย กลับก้อต้องไปส่ง (ตอนนั้นไม่คิดพาเข้าโรงแรมแล้วครับ ไม่มีช่องทางเหนื่อยเพลียเมื่อยขา)
ผมนั่งแท๊กซี่ไปส่งตรงรามคำแหง 53 อยู่บนแท๊กซี่ผมกอดยัยกระเหรี่ยงผมตลอด เฮ้อ ไม่ได้เข้าโรงแรม ได้กอดก็พอแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมมีแผนสำรองอยู่แล้ว ถึง ปากซอยรามคำแหง 53 ผมชวนยัยกระเหรี่ยงกินข้าว
"กินข้าวกันก่อนนะตัวเอง เค้าหิว"
"อือ เค้าไม่กินนะ นั่งเป็นเพื่อน"
"ได้ " ไปถึงร้าน ประมาณร้านข้าวต้มโต้รุ่ง.. ผมถามยัยกระเหรี่ยงผมอีกครั้งว่ากินไรเหรอเปล่า
"ไม่เอา น่ะ กลัวอ้วน ตัวเองสั่งคนเดียวล่ะกัน"ผมเลยสั่งข้าวราด ผัดกะเฉดไฟแดง
"ตัวเอง " ผมเรียก
"ยังรักเค้าอยู่เหรอเปล่า" ผมรีบจู่โจมเลยครับ
"ถามทำไมล่ะ รักมั๊ง" เค้าทำท่าอายๆ น่ะ
"จริงเหรอ ถ้างั้นหลับตาดิ ยื่นมือมาด้วย "ผมบอก
ผมรีบควักแหวนเป็นประมาณแหวนเงิน สองวง วงหนึ่งสลักคำว่าเอก อีกวงหนึ่งสลักคำว่า พิศ ผมเลือกวงที่สลักคำว่าเอก สวมให้
"หมั้นไว้ก่อนนะ แม้มันจะไม่มีค่าแต่เค้าก็ทำให้ตัวเองด้วยใจรักนะ"
"อือ"
"ของเค้าก็มีนะ แต่สลักชื่อตัวเอง"ผมบอกแล้วก็สวมแหวนชื่อพิศลงในนิ้วนางของผม
"สัญญาใต้แสงจันทร์เลยนะ ว่าจบมาเราจะแต่งงานกัน"ละครน้ำเน่าอีกแล้วครับท่าน
"ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฎิเสธ"แต่ที่แน่ๆ รู้ว่า เค้าอาย เป็นอันว่าความคิดที่จะลากยัยกระเหรี่ยงผมเข้าโรงแรมเป็นหมันไปแล้วแต่ไม่เป็นไร เราหมั้นกันเงียบๆ ไปแล้ว.... มานั่งคิดว่าผมทำไปได้ไง คิดทีไรขำทุกทีเลย
จบปี 3 แล้ว เกรดผมออกมาแล้วสรุปแล้วจบมาประมาณ 2.70 ไม่น่าเชื่อเกือบตายถึงตอนนี้ต้องเลือกสถานที่ทำงาน ผมได้เลือกเป็นคนที่ 10 (คือเกรดเป็นอันดับ 10)ตำแหน่งที่ผมต้องเลือกแปลกแฮะ ไม่มีใครเลือก ประมาณว่าต้องไปทำงานคนเดียว ในสาขาใหญ่ที่ กทม. ดีๆ ตอนนี้ชักหลงแสงสั ของ กทม.แล้ว จบปีสามผมยังไม่ได้ทำงานแต่ต้องไปฝึกงาน อีก 6 เดือน (ต่างจังหวัด) และผึกเสร็จแล้วก็มาอบรมกฎระเบียบของราชการอีก 2อาทิตย์........ถึงจะได้ทำงาน หลังจากทำสัญญามารายงานตัวที่ทำงานใหม่ รสชาดชีวิตช่วงทำงานจะเป็นไงบ้างนี่ จะใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาทำงานซะทีผมคิดอย่างมีหวัง
ทำงานไปอีกสองเดือนผมถึงได้รับประกาศนียบัตร(ตอนนั้นไม่ได้ปริญญานะได้ แค่อนุปริญญา) รับกับสมเด็จพระเทพครับที่หอประชุมของหน่วยงานที่ผมทำงานอยู่ แม่ผมดีใจมากเลยที่ผมจบมาได้ แกร้องไห้ด้วยความดีใจ นี่แหละครับรางวัลสำหรับนักศึกษาที่เรียนจนจบ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
แต่ถ้าจาให้ดีช่วยเม้นท์ให้ด้วยนะจ๊ะ จุ๊ฟๆ