[เรื่องเล่า] เสือไบ:the series
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเล่า] เสือไบ:the series  (อ่าน 411995 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #150 เมื่อ10-07-2007 09:19:50 »

เป็นคำตอบที่ชัดเจนและเจ็บปวดจริงๆ
ชีวิตที่เหลืออยู่จะมีความสุขได้ไหมนี่สิ
 :o12: :o12: :o12: :o12:

theera

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #151 เมื่อ10-07-2007 12:48:47 »

สงสารนุ่มจังคับ :dont2: :dont2: :o11:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #152 เมื่อ10-07-2007 16:49:27 »

เศร้า  :m15:

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #153 เมื่อ10-07-2007 16:53:36 »

รัก...แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้นี้เศร้าจริงๆนะ  :m15:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #154 เมื่อ10-07-2007 16:58:44 »


..........บางทีการไม่รู้อาจจะมีความสุขมากกว่า......... :o12: :o12:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #155 เมื่อ10-07-2007 18:44:02 »

อืม พีพูดได้ตรงประเด็นดีมาก "สังคมข้าราชการ"  :m15:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #156 เมื่อ10-07-2007 21:25:19 »

ไม่เข้าใจเหมือนกันกับคำที่บอกว่าอย่างนั้นถูกอย่างนี้ผิด

เอาอะไรมาตัดสินหรอว่าอะไรถูกอะไรผิด

ผิด....เพียงเพราะว่าทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น

ผิด....เพียงเพราะว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่สังคมกำหนดมาว่าถูก

สังคมเป็นตัวกำหนดทุกๆ อย่าง

แต่จะทำอะไรได้บ้าง.....ในเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคม :เฮ้อ: :เฮ้อ:

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #157 เมื่อ11-07-2007 07:44:26 »

เสือไบ:the series (ตอน 35)

เช้าแล้ว... ผมตื่นนอนแล้ว.... เมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็เกือบตีสี่ ภาพของพี่พีคอยวนเวียนในสมองผมตลอดเวลา ผมลุกจากที่นอน หยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมตัวเข้าห้องน้ำ ส่องกระจกดู โหตาแดงเชียว เมื่อคืนผมไม่ได้ร้องไห้นะ... ผมโตพอที่จะรับความเจ็บปวดแบบนี้ได้แล้ว (ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีหวังนอนร้องไห้จนหมอนเปียก) ผมเดินเข้าห้องน้ำ... เรี่ยวแรงตอนนี้ผมมันเหมือนไม่มีเลยแฮะ มันเหมือน มีแต่ร่างกายแต่ไร้วิญญาณ ไร้หัวใจ  ผมอาบน้ำ อาบไป คิดไป เสียงของพี่พียังวนเวียนในโสตประสาทผมตลอดเวลา.......

"กรูชอบมรึงนะ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกหว่ะ "

"มรึงจะทนเสียงคนที่นินทาเรื่องกรูกับมรึงต่อหน้าและลับหลังได้เหรอวะ"

"ไงอีกหน่อยกรูว่า กรูก็ต้องแต่งงาน มีครอบครัวแล้วมรึงจะทนได้เหรอวะเมื่อถึงตอนนนั้น กรูไม่อยากทำให้มรึงเสียใจเพราะกรู มรึงเข้าใจกรูนะ "

"กรูอยากกอดมรึงหน่อยได้เปล่าวะ"

"กรูดีใจที่ได้มรึงเป็น รุ่นน้องหว่ะ "

"กรูอยากมีน้องชาย อย่างมรึงหว่ะ แม้มรึงจะขี้เมา ไร้สาระบ้าง แต่มรึงก้อดีนะ "

มันสะท้อนอยู่ในหูผมตลอดเวลา วันนี้ผมใช้เวลาในห้องน้ำนานกว่าปกติ...ผมพยายามจะลืม พยายามจะลบความทรงจำต่างๆ ระหว่างผมกับพี่พีออกไป แต่อย่างว่า ยิ่งอยากลืมแต่มันกลับจำ กลับตอกย้ำความเจ็บปวดลงในใจผมมากขึ้น ผมออกจากห้องน้ำด้วยหัวใจบอกซ้ำ เดินมาเช็ดตัว กำลังจะหยิบชุดทำงานมาใส่....ผมเบลอๆ ผมเป็นอะไรไปแล้วนี่ ถ้าผมยังเป็นแบบนี้ต่อไปมันคงไม่ดีแน่ๆ เลย .... ผมทรุดนั่งลงที่เตียง... เอามือกุมหน้าไว้ ผมพยายามรวบรวมสมาธิ รวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ คิดทวบทวนเรื่องต่างๆ ...... ผมยังไม่ได้เสียพี่พีไปนี่ ผมยังต้องทำงานกับแกอีกนาน ผมกับแกก็ยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันอยู่ แกก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดีของผม...รักต้องห้ามก้อเป็นแบบนี้ล่ะมั๊ง ได้เห็นได้สัมผัส แต่เป็นเจ้าของไม่ได้ ผมก็น่าจะยอมเจ็บปวดนะ เพื่อใด้อยู่ใกล้กับแก ได้อยู่ใกล้กับคนที่ผมรัก ได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ผมรัก......แล้วผมจะมาเศร้าโศกเสียใจทำเหมือนคนที่มีร่างกายแต่ไร้วิญญาณไปทำไมล่ะนี่..ผมคิดเท่านี้ผมก็มครับ เฮ้อ กรูจะบ้าไปใหญ่แล้ว....

หลังจากทำใจได้แล้วผมก้อไปทำงานตามปกติครับ มาถึงที่ทำงาน อ้าวพี่พีมาทำงานแล้วแฮะ แกเห็นผมแล้วแกก็มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ อย่างนั้นแหละ

ผมเดินไปที่โต๊ะทำงานครับ (โต๊ะทำงานผมก็ติดกับโต๊ะพี่พีนั่นแหละ) เปิดคอม รอคอมบู๊ตเครื่อง... ผมมองไปที่พี่พีครับ พี่พียังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป เหมือนไม่มีผมอยู่ในห้องแหละ เฮ้อ ถ้าถามความรู้สึกของผมตอนนี้ ตอบไงดีล่ะ ขอตอบเป็นเพลงล่ะกัน เอาเพลงใครดีล่ะ (ขอยืมเพลงของพี่ช่ามาล่ะกันนะครับ)

http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1180012934

ห่างไปเพียงวันเดียว ไปได้ยินอะไร
เมื่อสบตาเธอทำไมมันเศร้าอย่างนี้
มองแล้วมันสะดุดอีกแล้ว เริ่มใจไม่ดี
รู้ว่าคงต้องมีบางอย่างทำใจเธอวุ่นวาย

ไม่อยากให้ฟังใครๆ ฟังหัวใจตัวเอง
จะปากใครๆ บรรเลงไม่ต้องใส่ใจ
เราสองคนก็คุยกันแล้ว แค่เธอมั่นใจ
ฉันจะทำให้เธอรู้สึกว่าเลือกถูกแล้ว

เธอก็รู้ว่าฉันแคร์เธอคนเดียวเท่านั้น
อยากจะทำให้เธอนั้นสบายใจ
อยู่ที่ฉันอยู่ที่เธอ ไม่ใช่ใครที่ไหน
แค่เพียงสบตาก็รู้หัวใจ (ว่าเรานั้นรักกัน)

ก็อยากจะเป็นคนดี คนที่เธอภูมิใจ
ไม่อยากจะทำอะไรให้เธอผิดหวัง
เพียงแค่เธออย่าไปหวั่นไหวเรื่องราวทุกอย่าง
ฉันจะทำให้ดีที่สุด ฉันพูดจากใจ

พี่พียังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป... ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมันไม่ดีสำหรับผมแน่....

"พี่พี ไปทานข้าวกันเถอะ พี่" ผมชวนพี่พีไปทานข้าว.. แกเงียบอยู่นาน..

"อือ แป๊บนะ ขอเซิร์ฟงานแป๊บๆ" เออ ดีใจครับ ที่แกตอบออกมาได้....

หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็ไปทานข้าวกันที่โรงอาหาร.....

"เป็นไง เมื่อคืนนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยซิมรึง" เป็นคำพูดแรกที่แกพูดกลับผมที่โรงอาหาร สำหรับผมมันเหมือนเสียงสวรรค์....

"เปล่าพี่ แค่ตาแดงๆ น้องโตแล้วนะพี่ เรื่องแค่นี้ไม่รู้จะร้องไห้ไปทำไม"

"มรึงไม่โกรธกรูเหรอวะ ที่กรูพูดกับมรึงแบบนั้น"

"ไม่ครับพี่.... น้องเข้าใจ"

"เข้าใจว่าไงวะ"

"เข้าใจว่าพี่ชอบน้องไง... ฮ่าฮ่า เป็นแบบที่พี่ว่าก็ดีแหละ เป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ...น้องจะได้กวนตีนพี่ได้มากๆ หน่อย อือ อีกอย่างนะพี่....น้องก็คงทนไม่ได้ล่ะพี่ ถ้ามีคนนินทาว่าเราชอบกัน ฮ่าฮ่า"

"ไอ้สาด ...เออ กรูนึกว่ามรึงจะขาดงานแล้ว เมาแอ๋ เหมือนเมื่อก่อนอีก "

"โหไม่ล่ะพี่ ดื่มเหล้าไปมันก็ไม่ทำให้น้องสมหวัง สู้นอนแล้วมาทำงาน มาป่วนพี่ดีกว่า สะใจกว่าตั้งเยอะ"

"สาดกรูอุตส่าห์เป็นห่วงนะมรึง กะจะโทรไปหาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ไม่กล้าหว่ะ"

"ทำไมล่ะพี่"

"กรูก็เสียใจไม่น้อยกว่ามรึงแหละ เสียใจที่ตอบมรึงไปแบบนั้น  "

"ครับพี่... น้องไม่ได้คิดอะไรแล้ว พี่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก น้องมันไร้สาระไปเอง ดูดิพี่คนอกหักที่ไหนมันจะยิ้มร่าแบบนี้ล่ะพี่ "  พี่พียิ้มๆ......เห็นพี่พียิ้มได้....ผมก็ดีใจแล้ว ตอนนี้ผมยอมเจ็บ... ยอมเป็นแบบนี้ตลอดไป...ความจริงมันก็ดีไม่ใช่เหรอที่ผมได้อยู่ใกล้กับคนที่ผมรัก......เค้าจะเป็นอะไร จะอยู่สถานภาพไหน อยู่ในสถานะอะไร ...แต่สำหรับผมแล้ว พี่พีก็เป็นคนที่ผมรักตลอดไป ผมขอซ่อนความเจ็บปวดไม่ให้แกรู้อยู่คนเดียวดีกว่า...........

หลังจากวันนั้นแล้วผมกับพี่พีก็เหมือนเดิม ไม่ว่าจะทำงาน ไปเที่ยว เราสนิทกันเหมือนเดิม อาจจะมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ......


mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #158 เมื่อ11-07-2007 07:46:28 »

เสือไบ:the series (ตอน 35)

หลังจากวันนั้นแล้ว ผมกับพี่พี ก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม  อาจจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ.. ไม่ว่าจะเรื่องกิน เรื่องงาน เรื่องเที่ยว เราไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด แต่ก็แปลก.. พี่พี แกก็มีเพื่อนเยอะนะ(เพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนร่วมงาน) แต่ทำไม๊..ทำไม แกชอบไปไหนกับผมประจำ...พอหลังเลิกงานแล้วแกมักจะชวนผมไปประมาณนี้บ่อยๆแหละ....

"ไอ้นุ่ม เย็นนี้เพื่อนกรูมันชวนแทงสนุ๊กที่หน้ากรม ... มรึงไปนั่งเป็นเพื่อนกรูหน่อยนะ"

"เย็นนี้ไปไหนเหรอเปล่าวะ ไปนั่งดูหนังที่เมเจอร์กัน"

"ไอ้มั่ว มันชวนตีดรับมี่ที่ห้องมันน่ะ มรึงไปด้วยนะโว๊ย ขาขาด"

"คืนนี้ไปนั่งดูบอลที่...... บิ๊กแมท นะมรึง"

"สาดเย็นนี้ ไปโยนโบว์กันดีกว่าไม่ได้เล่นนานแล้ว" ฯลฯ

สาระพัด... อาทิตย์มีเจ็ดวันพวกผมจะเที่ยวกันอย่างน้อย 4 วัน  เที่ยวเสร็จบางครั้งเช้าก็ไปทำงานเลย..(ฮ่าฮ่า ตอนนั้นร่างกายยังเฟรชอยู่ ถึงไหนถึงกัน) บางครั้งผมปฎิเสธพี่พีนะครับ แต่....

"พี่พี เย็นน้องมีนัดกับเพื่อนน่ะ"

"นัดไรวะ โหกรูไม่สำคัญเลยนะมรึง ถามอีกคำนะเว๊ย มรึงจะไปกับกรูเหรอเปล่า" แกทำหน้าจริงจังใส่ผม

"เฮ้อ ไปก้อไป ครับ" ก็มักเป็นแบบนี้ ผมมักจะปฎิเสธแกไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เท่าที่รู้ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับแกและผมก็ไม่อยากจะปฎิเสธแกให้แกเสียใจ...

"ไม่เบื่อบ้างเหรอพี่พี เที่ยวได้ทุกวัน น้องยังไม่ได้นอนเลยนะพี่ ตั้งแต่เมื่อคืน" ผมถามแกในวันหนึ่ง.....

"ไม่หว่ะ กรูไม่อยากอยู่ห้องหว่ะ มันเหงา"

"เหงา แบบนี้หาเมียดิพี่" อ้าวผมปากหมาอีกแล้ว

"ก็เคยมีคนมาจีบกรูนะ แต่กรูปฎิเสธเค้าไปหว่ะ"

"อ้าวทำไมล่ะพี่"

"กรูบอกว่าความรักของกรูกับเค้ามันเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้หว่ะ"

"อ้าว ทำไมล่ะ มีความรักที่เป็นไปไม่ได้ด้วยเหรอ" ผมว่าน่าจะประมาณดอกฟ้ากับหมาวัดอะไรแบบนี้...

"แล้วเค้าว่าไงล่ะพี่" ผมยังถามต่อ....

"เขาบอกว่าเขาเข้าใจ แล้วยอมเป็นรุ่นน้องกรูโดยดี มันจะได้กวนตีนกรูได้มากๆ หน่อย"

"อ้าว" ผมเองนี่หว่ะ แกได้แต่หัวเราะคิกๆ ผมน่ะเหรอหน้าแดงไปเลย....

มีอยู่วันนะ จำได้ดีเพราะเป็นวันวาเลนท์ไทน์ วันศุกร์แหละ... เราไปดื่มกันที่ อาร์ซีเอ(ช่วงนั้นกำลังเพิ่งเปิดใหม่)

"อิจฉา คนอื่นจังเลยพี่ มาเป็นคู่ๆ เฮ้อ... เห็นแล้ว......"

"กรูกับมรึงก็มาเป็นคู่นี่หว่ะ"

"มันเหมือนกันที่ไหนล่ะพี่ "

"55555 ก็มาสองคนไง" แกตลกๆ แต่ผมตลกไม่ออกน่ะ....จะบอกว่าเป็นคู่เกย์สงสัยงานนี้มีต่อยกันแหงๆ...

นั่งดื่มกันได้ไม่นานแหละ... แกก็ทนเห็นความหวานแหววของคู่หนุ่มสาวหลายๆ คู่ในร้านไม่ไหว.....

"ไอ้นุ่ม กลับเถอะ กรูเบื่อหว่ะ"

"อ้าวรีบกลับไปไหนล่ะพี่ โห วันแห่งความรักนะพี่วันนี้"

"กรูอยากไปดูดาว ที่พัทยาจัง" แกบอกออกมา...

"ไปจริงเหรอพี่" ผมทำหน้าเอ๋อๆ

"ตอนนี้ไปได้ด้วยเหรอ"แกถามผม...

"มาเดี่ยวน้องจัดให้" ผมเดินไปโบกแท๊กซี่ .... ตกลงราคา...ถ้าได้ประมาณพันบาทผมก็จะไป....แล้วคืนนั้นผมกับพี่พี ก็ไปนับดาวที่หาดจอมเทียนกัน... หาดทราย สายลม กับสองเรา...(อาจจะเป็นคืนที่ผมมีความสุขกับพี่พีมากที่สุขก็ได้...... คืนนั้น ผมนั่งซบไหล่พี่พีจนถึงเข้าเลย)..........

เหตุการณ์เป็นแบบนี้ไปได้ประมาณ หกเดือนแหละครับ ทุกอย่างเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมก้อคือ หนี้สิน  ผมกับพี่พีมีความสามารถในการใช้เงินจริงๆ เลยแฮะ หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ของผม แสนห้า ธนวัฎ อีก เจ็ดหมื่น  บัตรเอเมก กดเงินสดได้สามหมื่น และวงเงินซื้อของได้อีกสามหมื่นเต็มเอี๊ยดเลย รวมแล้วตอนนี้ผมกับพี่พีมีหนี้กันคนละเกือบสามแสนแหละครับ.....

"ไอ้นุ่ม มรึงหาเงินมาให้กรูยืมสักหมื่นดิ กรูต้องจ่ายบัตรเครดิตหว่ะ"

"โหพี่ น้องจะไปหาไหนนี่ ของน้องยังไม่ได้จ่ายเลย"

"กรูเดือดร้อน มรึงไม่ช่วยกรูเลยนะ ไอ้ห่า เวลาเที่ยวก้อเที่ยวด้วยกัน เวลากรูเดือดร้อนมรึงทิ้งกรู"

"น้องไม่ได้ทิ้งพี่ น้องไม่รู้ไปหาไหนจริงๆ อีกอย่างน้องไปน้องก็ช่วยพี่จ่ายนี่ครับเวลาเที่ยว"

"ไม่ต้องมาพูดเลยไอ้ห่า" พี่พีเหมือนโกรธผมจริงๆ  แกเดินออกนอกห้องทำงานไปแล้ว

แกหายไปนานเลย จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว แกก็ยังไม่กลับมา....ผมชักห่วงแกแล้วดิ..

ตื๊ด ตื๊ด... เสียงโทรศัพท์ผมดัง พี่ติ๊กโทรมา....

"มีไรให้น้องรับใช้ครับพี่ติ๊ก"ผมไม่ได้เจอแกนานแล้ว....

"มีปัญญารับใช้กรูเหรอวะไอ้นุ่ม เมื่อกี๊ไอ้พี ยังมาขอยืมเงินกรูเลย"

"อ้าวแล้วพี่ติ๊กให้ยืมเปล่าพี่ ช่วยพี่พีแกหน่อยดิ น้องก็แย่เหมือนกัน"

"กรูก็แย่หว่ะ มันกลับไปขอเงินที่บ้านต่างจังหวัดแล้ว ......ลด เรื่องเที่ยวบ้างดิวะมรึง เดี่ยวเถอะได้เป็นหนี้กันหัวโตทั้งสองคน มรึงเตือนๆไอ้พีมันหน่อย"

"ครับพี่" ก็จริงอย่างพี่ติ๊กพูดแหละครับถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกผมมีหวังเป็นหนี้กันหัวโตทั้งสองคน แต่จะเตือนพี่พีคงยาก แกเคยฟังผมที่ไหนล่ะ....ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ทำไงดีล่ะ ผมรวบรวมความคิดรวบรวมสมาธิ  คิดถึงสาเหตุที่เราเป็นกันแบบนี้ .....มันอาจจะเป็นเพราะผมกับพี่พี เหมือนกันจนเกินไป... มันเลยไม่มีคนคอยห้ามคอยเตือน พี่พีชวน ผมไม่เคยปฎิเสธ ผมชวน พี่พีก้อไป มันก้อเลยเหมือนคูณสอง หรือยกกำลังสองแบบนั้น แล้วผมจะทำไงดีล่ะ เพื่อตัวผม และคนที่ผมรัก ผมต้องยอมทำทุกอย่างแล้ว.....แม้บางครั้งมันจะทำให้ผมเจ็บปวด.....

แล้วผมก็คิดออกครับ ลองวิธีนี้ดูก่อนล่ะกัน มันน่าจะใช้ได้น่ะ แต่ผมจะทำได้เปล่านี่ ผมต้องทำตัวห่างจากพี่พีไปชั่วระยะหนึ่ง แกล้งทำเหมือนทะเลาะหรือโกรธกัน แค่นี้ก็ทำให้ผมห่างจากพี่พี แล้วมั๊ง ผมรู้จักนิสัยแกดี เวลาทะเลาะกัน มีผมเท่านั้นแหละที่ต้องง้อแกก่อนทุกที (ตอนนั้นอีกด้านหนึ่งของใจผมมันต่อต้านอย่างแรงเลย โหแล้วผมจะทนได้เหรอนี่ คนที่ผมรัก คนที่ผมอยากอยู่ใกล้ อยากคุย อยากเห็นรอยยิ้ม แล้วผมต้องมาทำตัวให้ห่าง ให้โกรธกัน ทำให้แกเสียใจ....ถ้าผมทำไปแล้วผมจะไม่เสียใจเหรอไง)

ผมหลับตาพยายามคิดทบทวนแล้วลองหาวิธีอื่น บอกตรงๆผมไม่อยากใช้วิธีนี้เลย แต่คิดไงก็คิดวิธีอื่นไม่ออก    เฮ้อ...ตอนนี้ยังเป็นขนาดนี้แล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งชีวิตผม และพี่พี มีหวังพังแน่เลย ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เพื่อตัวผมเอง และ เพื่อคนที่ผมรัก ผมยอมเจ็บ ........


ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #159 เมื่อ11-07-2007 08:10:46 »

ยอม  ยอม  ยอม

ทำมายน้า

เพื่อคนที่เรารัก  ไม่ว่าเรื่องไหน  เราก็ยอมให้เขาเสมอ

แต่ทำไงได้  ก็เพื่อคนที่เรารักนี่นา

 :sad2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือไบ:the series by matheww
« ตอบ #159 เมื่อ: 11-07-2007 08:10:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #160 เมื่อ11-07-2007 11:22:12 »

ชีวิตทำไมมันยุ่งยากแบบนี้
 :m8: :m8: :m8:

luvdisc

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #161 เมื่อ11-07-2007 13:15:11 »

มันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้วเหรอครับ   :sad4:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #162 เมื่อ11-07-2007 18:12:18 »

มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว .... จริงเหยอ...เฮ้อ  :o11:



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #163 เมื่อ11-07-2007 18:29:35 »

หุหุ รวมกันเราตายหมู่ แยกกันอยู่อาจจะตายเดี่ยวมั้ง  :laugh:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #164 เมื่อ11-07-2007 18:45:45 »

เพิ่งตามอ่านทัน เฮ้อ สังคม สังคม

รักกันก็พูดไม่ได้ อึดอัดจะบ้าตายแทน

วิธีแก้ปัญหาแบบนี้ เฮ้อ  :เฮ้อ: ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรอครับ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #165 เมื่อ11-07-2007 18:49:33 »

วิธีแบบนี้เดี๋ยวก็เจ็บทั้งสองฝ่ายหรอก  :เฮ้อ:

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #166 เมื่อ12-07-2007 08:07:14 »

เสือไบ:the series (ตอน 37)

ผมตื่นมาแต่เช้า... เมื่อคืนตอนนอน...นอนคิดทั้งคืนเลยว่าผมจะทำอย่างที่ผมคิดเหรอเปล่า ถ้าผมทำผมก็ต้องยอมเจ็บปวด แต่มันก็น่าจะเป็นผลดีต่อผม และพี่พี ห่างๆ กันไปสักระยะ(อาจจะปี หรือสอง หรือสามปี) เมื่อหนี้สินของผมและพี่พีลดลง ผมจะเป็นคนไปกราบขอโทษแกเอง ผมรู้นิสัยแกดี แกโกรธผมได้ไม่นานหรอก แค่เอาไม้ไปแหย่ๆ เฮ้อ ไม่ใช่ แค่ไปอ้อล้อ...พูดจา ดีๆ เอาใจ หรือ เลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ๆ สักมื้อแถมเลี้ยงหนังอีกสักเรื่อง .... แกก็หายงอนผมแล้ว..........ผมขอเรียกสิ่งที่ผมจะทำกับพี่พีว่าภาระกิจโฉดล่ะกันนะครับ (ฮ่าฮ่า ทำให้คนที่ผมรักต้องเสียใจและตัวผมก็เสียใจด้วยที่ผมทำแบบนั้น)

ผมมาถึงที่ทำงานแล้ว..เหลือบไปมองโต๊ะพี่พี ยังไม่มานี่หว่า.. ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมแรงใจและสมาธิเพื่อปฎิบัติภาระกิจโฉดนี้ต่อไปให้ได้.....

พี่พีเปิดประตูมาแล้ว วันนี้ดูแกเบิกบานและร่าเริงเป็นพิเศษ สงสัยคงได้เงินไปจ่ายค่าบัตรเอเม็กแล้ว....

"ไอ้นุ่ม ไปกินข้าวกัน" ประโยคแรกที่แกทักผม..... เฮ้อร่าเริงจังนะพี่(ผมจะลากพี่เข้าลานประหารแล้ว)... เดี่ยวพี่จะร่าเริงไม่ออก...

"น้องกินมาแล้วพี่ พี่ลงไปกินเถอะ เดี่ยวน้องจะไปธุระ" เสียงและแววตาผมแสดงความห่างเหินออกไปด้วย ผมบอกพี่พีเสร็จแล้วผมก็เดินออกนอกห้อง พี่พีคงงง น่ะ มันเกิดอะไรขี้น.... ทุกทีผมกับแกจะกินข้าวเช้าด้วยกันทุกวันถ้าผมมีธุระ ผมก็จะกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปทำธุระ......

พี่พีกลับมาจากกินข้าวแล้ว แกก็มานั่งทำงาน...

"ไอ้นุ่ม กรูได้เงินเสียค่าบัตรแล้วนะ ไปยืมพี่ชายกรูหว่ะ แม่ง กว่าจะได้...."

"ครับ" ผมพูดได้แค่นี้ ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป... ในใจตอนนี้ผมอยากคุยกับพี่พีนะแต่เหตุผลอย่างที่บอกแหละผมต้องใจแข็งเริ่มต้นปฎิบัติการะกิจโฉดแล้วนี่.....

"เป็น ห่าไร วะ พูดได้แต่ครับ ครับ..." แกเริ่มบ่นแล้ว... ผมลุกเดินออกจากโต๊ะทำงานผมแล้วครับ เดินไป นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะรับแขก...แกคงเริ่มสงสัยแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น....

ผมกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกรอบหนึ่งตอนนี้พี่พี ก็มองผม แต่ไม่พูดอะไร ประมาณสักสิบโมงครึ่งแหละ..ผมออกไปเข้าห้องน้ำ... หันหลังมองไป อ้าวพี่พีเดินตามมานี่หว่า...

"ไอ้นุ่ม มรึงเป็นห่าอะไรวะ ถ้ามรึงโกรธกรูเรื่องเมื่อวานกรูขอโทษนะ กรูใช้อารมณ์กับมรึง" โหมีสำนึกผิดแล้ว ผมเกือบจะใจอ่อนยอมยกเลิกภาระกิจนี้แล้ว แต่... ไม่ดีกว่าครับ ไหนๆ ก็ก้าวมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าผมยอม......ทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิมอีกแหละ ผมต้องใจแข็ง.....

"ครับ" แล้วผมก็หายเข้าไปในห้องน้ำ เข้าไปนานมากๆ เลย ไม่นั่งทำใจจริงๆ .... ใจอยากจะตะโกน อยากจะร้อง อยากจะต่อยตัวเอง....อยากจะทำอะไรสักอย่าง มันเหมือนขัดแย้งในจิตใจตัวเองอะไรแบบนั้น....หลังจากกลับเข้าห้องทำงานแล้วผมก็นั่งทำงานต่อไป... จิตใจตอนนี้ว้าวุ่น ไม่มีสมาธิในการทำงานเลย...

ก่อนเที่ยงประมาณ สิบห้านาที ผมต้องรีบลงไปทานข้าว ถ้ารอให้ถึงเที่ยงพี่พีอาจจะชวนผม...ก่อนลงไปผมตะโกนบอกไอ้แจ๊ค ความจริง ก็กะให้พี่พีได้ยินด้วยแหละ...

"แจ๊ค ถ้ามีโทรศัพท์มาถึงกรูบอกว่า กรูไปทานข้าวนะ ให้โทรมาอีกตอนบ่าย" แล้วผมก็เดินออกไปครับ พี่พีคงได้ยินแล้วแหละ ทุกทีผมกับพี่พีจะไปกินข้าวตอนเที่ยงพร้อมกันแหละ... วันนี้ผมเดินออกไปกินข้างนอกไม่ใช่โรงอาหารนะครับ กินไปจิตใจก้อว้าวุ่น เฮ้อเป็นบ้าอะไรไปนี่ ...ออกจากร้านลืมจ่ายเงินอีกต่างหาก เกือบโดนเจ้าของร้านด่าแล้ว...

กลับเข้าห้องทำงานอีกครั้งพี่พียังไม่ขึ้นมา... เหลือบไปมองโต๊ะทำงานพี่พี ก็อยู่ติดกับโต๊ะผมแหละ เฮ้อ มันใกล้กันแบบนี้ มันจะดีเหรอนี่ ย้ายไปนั่งไกลๆ แกดีกว่า ... เหลือบมองไป ไอ้แจ๊คมันเคยบอกนี่หว่ะมันอยากจะมานั่งตรงนี้..เอมันอยู่พอดีเลย ผมเดินไปหามัน....

"แจ๊ค มรึงย้ายไปนั่งข้างพี่พี ได้เปล่าวะ กรูขี้หนาวหว่ะ แอร์มันลง พักนี้ไม่ค่อยสบาย" ผมโกหกหน้าด้านๆเลย...

"ไร พี่ เห็นนั่งมาหลายปีแล้ว มาหนาวอะไรตอนนี้" มันย้อนถาม...

"ก็ตอนนี้มันหนาวไงวะ มรึงช่วยกรูหน่อยนะ กรูจะไม่ขออะไรมรึงอีกเลย" ฮ่าฮ่า ขอร้องแกมขู่บังคับไอ้แจ็คมันคงเข้าใจผม  น่ะ ....

"โห ย้ายก็ย้าย ตอนนี้เลยเหรอเปล่า"

"อือ ตอนนี้เลยแหละ ของไม่มีอะไรมากนี่ แค่โต๊ะกับคอม" มันตกลงแล้ว ผมกับมันก็เลยสลับกันนั่ง ย้ายของมันมาตรงมุมที่ผมนั่งก็แป๊บเดียวไม่ถึงสิบนาที...หัวหน้างานผมเห็นแกเลยถามว่าทำไมถึงย้าย...

"หนาวพี่ แอร์มันลงที่หัวเลยครับ ฮ่าฮ่า อีกอย่าง เปลี่ยนนวิวบ้างพี่ เบื่อนั่งที่เดิม"

"ตั้งนานไม่ย้ายน่ะมรึง " แกได้แต่หัวเราะ ...

พี่พี กลับเข้ามาแล้ว... แกเดินไปนั่งที่โต๊ะแก อ้าว เห็นไอ้แจ๊คนั่งอยู่ตรงที่ผมเคยนั่ง  แกมองมาที่ผม ผมได้หลบตาแก ไม่อยากจะมองแกเลย... แค่นี้ผมก็แย่แล้ว ผมรู้ทำแบบนี้...พี่พีแกจะรู้สึกอย่างไร...(ผมก็เจ็บไม่น้อยกว่าแกหรอก มันเหมือน ทำร้ายตัวเองดัว ทำร้ายคนที่ผมรัก ก็เหมือนทำร้ายตัวผมเองด้วยแหละ) ประมาณบ่ายสามโมงเกือบสี่โมง ผมกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่ห้อง อยู่ไปก็ทุกข์ใจ ผมบอกกับตัวเองว่าผมเดินหน้าไปแล้ว ผมจะไม่ยอมถอยหลังอีก......

เช้าวันต่อมา ผมมาทำงานตามปกติ  ความจริงอยากจะหยุดสักวัน วันนี้วันศุกร์แล้วด้วย  แต่มาทำงานดีกว่าอยู่ห้องยิ่งว้าวุ่นใจ ผมรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมทำไปแบบนี้ ถ้ากับคนอื่นผมจะไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ แต่นี่กับพี่พี...

เกือบสิบโมงแล้ว แกยังไม่มาทำงานเลย... ผมชะโงกมองไปที่โต๊ะแกบ่อยๆ วันนี้ (ทุกทีนั่งติดกันแค่ชำเลืองก้อเห็นแล้ว) เฮ้อชักเป็นห่วงแกแล้วซิ ทุกทีแกไม่เคยขาด ไม่เคยสายเลยนะ จะป่วยก็วันที่ผมไปเฝ้าแกก้อแค่นั้นแหละ....จะโทรไปถามก็ไม่ได้(ทำขนาดนี้แล้ว แกคงจะให้อภัยแหละ)...เลยคิดแผนการณ์ให้ไอ้แจ๊คโทรหาล่ะกัน.....

"แจ๊คมรึงโทรไปหาพี่พี เรื่องงาน ตัวนี้หน่ยอ มี เจ้าหน้าที่ต่างจังหวัดเค้าสงสัยหว่ะ โทรศัพท์กรูโทรออกไม่ได้"

ผมโกหกหน้าตาซื่อ ไอ้แจ๊คมันก็น่าจะรู้แหละ ว่าโทรศัพท์ผมมันเป็นโปรโมรชั่น....แต่มันก็โทรหาพี่พีให้ผมนะ มันคุยกับพี่พีได้สักแป๊บมันก้อบอกผม

"พี่นุ่ม พี่เปิดเข้าไปดูไฟล์นี้นะ พี่เค้าเอางานไว้ตรงนี้"

"อือ แล้วไมพี่พีเค้าไม่มาทำงานล่ะ" ผมเข้าเรื่องในสิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆ

"ไม่รู้ดิ แกบอกว่าแก เบื่อๆ ขอหยุดพักสักวันสองวัน เดี่ยววันจันทร์ แกคงมาแหละ พี่นุ่มโทรไปคุยกับแกดิ"

"อือ" ผมได้แต่ตอบมันแค่นี้... ก้มหน้าต้มตา ทำงานและรับกับความเจ็บปวดในสิ่งที่ผมทำต่อไป.....

วันจันทร์ พี่พีมาทำงานแล้วมาสายด้วยแฮะ เกือบสิบเอ็ดโมง..สภาพแกวันนี้ ผมเห็นแล้วผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำไปมากๆเลย พี่พีวันนี้แกโทรมๆ  เหมือนแกไม่ได้นอน(เอ หรือว่าจะไปเล่นไพ่ จนเช้านี่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ วันเสาร์กับอาทิตย์แกจะไปเล่นทีไหนล่ะ) วันนี้แกไม่ได้โกนหนวดมาด้วยแฮะ เมื่อก่อน หนวดสักเส้นแกไม่ให้โผล่มาดูโลกได้เลย เสื้อผ้าที่แกใส่วันนี้แกเหมือนไม่ได้รีดมา แต่ก็ไม่ยับมาก แกมองมาที่ผม(เหมือนแกจะถามว่าดีใจล่ะซิที่เห็นแกสภาพแบบนี้) ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตา.... วันนี้ทั้งวันผมไม่มีสมาธิ ไม่มีจิตใจที่อยากจะทำงานเลย.. ผมเริ่มจะสติแตกแล้ว ตอนนี้ เฮ้อ ผมเดินไปหยิบไปลาพักร้อนมาเขียน ผมขอไปทำใจกับสิ่งที่ผมได้ทำ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ เห็นพี่พีในสภาพแบบนี้ ผมรู้สึกแย่  ขอไปพักร้อนทำใจ สักสามวัน เผื่ออะไรจะดีขึ้นมาบ้าง....

ตอนนี้ถ้าถามผมว่าผมรู้สึกไง ผมบอกได้คำเดียวว่าแย่มากๆ มันบอกไม่ถูก มันเหมือนอกหัก มันเหมือนทำร้ายคนดีๆ คนหนึ่ง ที่เค้าไม่รู้เรื่องอะไร ผมมาคิดได้น่ะ....น่าจะคุยกับพี่พีด้วยเหตุและผล ไม่ใช่มาทำแบบนี้ แต่ผมเดินหน้าไปแล้วนี่ มันสำเร็จตามที่ผมคิด

ผมกับพี่พีไม่คุยกันเกือบๆ สามปี ถ้าเรื่องงานเราคุยกัน แต่ถ้าเรื่องส่วนตัวไม่ได้คุยกัน...... ผมกับแกห่างกัน ช่วงเย็นผมก็ไม่เห็นแกไปเที่ยวที่ไหน มีบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าที่อยู่กับผม แกสามารถเคลียร์หนี้สินได้หมดภายใน สองปี ส่วนผมเคลียร์ได้หมดก่อนแก ฮ่าฮ่า อยากรู้ล่ะซิว่าผมทำอย่างไร ติดตามต่อไปตอนหน้าๆ ล่ะกัน ต่ออีกนิดล่ะกัน มีคนถามผมว่าพี่พีเป็น.... ด้วยเหรอเปล่า อันนี้ผมบอกไม่ได้นะ แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้แกแต่งงานแล้ว กำลังจะมีเจ้าตัวเล็กด้วย ผมกับพี่พีเราสนิทกันเหมือนเดิม แต่ไม่ได้เที่ยวหัวราน้ำเหมือนเดิม ผมกับแกอาจจะคิดได้..............เรื่องราวของผมกับนัมเบอร์วันก็มีแค่นี้แหละครับ ...

มันเป็นความสัมพันธ์ที่ผมเรียกว่าความรัก ผมไม่เคยคิดเรื่องเซ็กส์กับแก มันเหมือนความรักในอุดมคติ แค่ได้เห็น ได้อยู่ใกล้ ผมก็มีความสุขแล้ว....ผมเริ่มต้นจากทฤษฎีความใกล้ชิด แล้วผมก็ทำลาย มันด้วยทฤษฎีการเดินจาก.....


mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #167 เมื่อ12-07-2007 08:09:54 »

เสือไบ:the series (ตอน 38)

วันนี้เป็นวันที่ผมลาพักร้อนวันแรก ตื่นขึ้นมาเฮ้อรู้สึกแย่(มันเป็นความรู้สึกเหมือนผมอกหักครั้งแรกอย่างไงอย่างงั้นเลย). เมื่อคืนเฝ้าคิดเรื่องที่ผมทำลงไปทั้งคืนเลย...คิดว่าผมทำผิดมากไปเหรอเปล่า ยิ่งได้เห็นพี่พีสภาพแบบนั้น มันยิ่งตอกย้ำความผิดที่ผมทำลงในจิตใจผมมากขึ้น  ผมทำอะไรลงไปนี่...ผมทำแบบนั้นกับพี่พีได้ไง.... แต่อีกเสียงหนึ่งมันสะท้อนมาว่า......ถ้าไม่ทำแบบนี้อีกหน่อยผมอาจจะทำร้ายแกมากกว่านี้ก็ได้ ผมนั่งสงบจิตสงบใจสักพัก  ผมตัดสินใจทำไปแล้ว..ผมก็ต้องเตรียมพร้อมรับผลของการกระทำที่ผมได้ทำไป... ผมจะมาเสียใจไปทำไม ในเมื่อผมเองแหละที่ตัดสินใจทำไป.... ทำไปทั้งๆ ที่คิดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์ที่มาคิด มาใคร่ครวญแบบนี้ (นิสัยผมก้อแบบบนี้แหละ) แต่อย่างที่ผมบอกแหละ ผมรักพี่พี....แม้จะเป็นความรักในอุดมคติ แต่มันก็เป็นความรัก ผมผูกพันธ์กับแกมากมาก จะให้มาเลิกคิดเลิกผูกพันง่ายๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

วันนี้ผมไม่จำเป็นต้องเร่งรีบอะไร เป็นวันลาพักร้อนของผม แต่วันนี้ทั้งวันผมจะทำอะไรดีล่ะ ถ้าไม่หาเรื่องทำภาพของพี่พีคงจะมาหลอกหลอนผมทั้งวันแน่เลย ภาพในอดีตต่างๆ ภาพที่ผมเจอเมื่อวาน เฮ้อ มันทรมานจริงๆ  (ฮ่าฮ่า ขอบรรยายโดยใช้เพลงนะ... มุขเดิม)

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=blueberrycpie&month=11-2005&date=17&group=11&gblog=60

ตื่นขึ้นมาด้วยความตั้งใจ จะทำอะไรที่ยังค้างคา
อยากทำตัวให้มันวุ่นวายจนกว่า วันจะผ่านเลยไป
เช็ดฝุ่นตามแจกันล้างจาน และจัดห้องนอนให้มันดูใหม่
จัดดอกไม้พรวนดินรดน้ำเล็มใบ วันนี้คงยาวนาน

ผ่านเวลามาเกินเที่ยงวัน ถึงทำอะไรที่เป็นเรื่องราว
แต่ที่ทำลงไปก็เปลืองแรงเปล่า ยังไม่ลืมความหลัง
ทั้งที่ทำอะไรเรื่อยไปไม่หยุด ไม่ยอมให้ใจมันว่าง
แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยสักอย่าง ยังทุรนทุราย

ก็ในใจฉันมันยังรักเธอ มันยังฝังใจ มันยังไม่ลืม
เกลียดที่หัวใจที่ยังฝังจำ ที่ยังฝังใจ ที่ยังไม่ลืม
ไม่เข้าใจทำไมยังเป็นแบบนี้

เกือบเที่ยง ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย.. เฮ้อ ทำไมจะทำอะไรสักอย่างมันยากมันเย็นแบบนี้ จะนั่งดูทีวีก้อไม่มีสมาธิ  ผมเหลือบไปเห็นแร๊กเก็ตเทนนิส หยิบมันขึ้นมาดู  โหฝุ่นจับเพียบเลย นี่ผมไม่ได้ตีเทนนิสมานานเท่าไหร่แล้วนี่ ร่วมๆ สามปี เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะผมโดนทฤษฎีความใกล้ชิดเล่นงานล่ะซิ เทนนิส เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรัก.....แต่ผมก็ยอมทิ้งมันเพื่อไปหาอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรักมากกว่า แต่ตอนนี้ผมทิ้งสิ่งนั้นมาแล้วผมก็เลยกลับมาหามัน (ฮ่าฮ่า ถ้ากีฬาเทนนิสเป็นคน ผมคงโดนมันงอนหรือด่าผมน่าดู หนีไปแล้วจะกลับมาทำไมอีก ไปไม่รอดล่ะซิถึงซมซานกลับมาแบบนี้ ฮ่าฮ่า)

ผมมองที่ด้ามจับเป็นขุ๋ยแล้ว.. เฮ้อเดี่ยวคงต้องไปเดินเดอะมอลล์ซื้อที่พันกริฟมาเปลี่ยนแล้ว เย็นนี้จะได้ไปตีที่คอร์ท(คอร์ทเทนนิสที่ปากเกร็ดก้ออยู่ใกล้บ้านพักผม) ดีเหมือนกันออกไปข้างนอกบ้างจะได้เห็นผู้คน จะได้ลืมสิ่งที่มันติดตาติดใจแบบนี้ .....

หลังจากสามสิบนาทีผ่านไปผมมาถึงเดอะมอลล์แล้ว เดินซื้อที่พันกริฟ ซื้อเสร็จไม่รู้จะทำอะไรดี เฮ้อ จะดูหนัง ก็คิดถึงคนที่เคยมาดูด้วย จะนั่งกินอะไรก็คิด คิดอีกแล้ว.... ผมเลยมานั่งมองวิวที่หน้าเดอะมอลล์ จุดนี้จะมีคนเข้าคนออกเยอะมองๆ ไปก็เพลินดี..เด็กเทคนิคจับกลุ่มคุยกัน คู่หนุ่มสาวกำลังสวีทกัน ผู้ชายผู้หญิงกำลังโทรศัพท์หาเพื่อน เจ้าหน้าที่กำลังโบกแท๊กซี่  ไม่น่าเชื่อว่าผมจะนั่งมองภาพต่างๆ เหล่านี้ได้นานขนาดนี้(ร่วมๆ สามชั่วโมง)

กำลังเพลินๆ   ตื๊ดๆ เสียงโทรศัพท์ผมดัง..... อ้าวไอ้กายโทรมานี่หว่ะ.

"ว่าไง หายไปเลยนะมรึง" ผมทักทายมันก่อน

"กรูไปต่างจังหวัดมา มรึงว่างเปล่าคืนนี้หาเหล้าแด ...ก กัน"

"คืนนี้เหรอ ไม่ดีกว่าหว่ะ กรูไม่ว่าง"

"ไรฟะ กรูอยากเจอมรึงนะ"

"ไว้วันอื่นล่ะกัน ช่วงนี้กรูไม่ว่างจริงๆ" ผมโกหกมันไป ช่วงอกหักแบบนี้ ดื่มเหล้ามันจะทำให้ผมสติแตก

"อือ ไม่เป็นไร เดี่ยวกรูชวนคนอื่นก็ได้ แค่นี้นะเฟ๊ย เซ็งหว่ะ"

"อือ บาย" มันวางหูไปแล้ว...

ตอนนี้ผมไม่อยากดื่มเหล้า เหตุผลน่ะเหรอ ก็เพราะตอนที่ผมอกหักจากยัยกระเหรี่ยงครั้งแรกผมเกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว..ก็เพราะดื่มเหล้านี่แหละ ...(ใครงง ไปหาอ่านตอนเก่าๆ เองนะครับ)

ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราเวลาอกหักหรือเสียใจทำไมต้องใช้เหล้าเป็นตัวช่วย มันช่วยได้จริงเหรอ ดื่มไปก็เมา เมามาแม้มันจะทำให้หลับ... ทำให้ลืม แต่หลังจากนั้นล่ะ หลังจากที่ตื่นขึ้น มันก็จำทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิมน่ะแหละ...

แล้วถ้าถามว่าทำไมผมชอบดื่มเหล้า ผมไม่ได้ชอบเหล้า ขมจะตายแต่ผมชอบบรรยากาศในการดื่ม ชอบบรรยากาศแบบมิตรภาพ เพื่อนฝูง คนรัก...(ถ้าเปลี่ยนเหล้าเป็นนม หรือเป็นน้ำอัดลมล่ะ ผมว่าก็ทำได้นะ แต่มันคงดื่มได้ไม่นานเท่าดื่มเหล้าหรอก) เหมือนในโฆษณาล่ะมั๊ง อยู่ได้นาน ก็สนุกได้นาน ใครเค้าจะดื่มนม หรือน้ำอัดลมยันเช้าได้ล่ะ ฮ่าฮ่า

ห้าโมงแล้วผมกลับมาจากเดอะมอลล์ตอนนี้มันเหมือนเดิมอีกแล้วแฮะ ภาพต่างๆ มันไหลเข้ามาอีกแล้ว ... เฮ้อ ทำไมเป็นแบบนี้ฟะ.... อยากลืมแต่มันก็กับจำ...หลังจากเปลี่ยนที่พันกริฟแล้ว อาบน้ำแต่งตัวชุดกีฬา สะพายแร๊ตเก็ตเทนนิสเดินทางไปคอร์ทเทนนิส ลงมาที่ลานจอดรถ (ฮ่าฮ่า ไม่มีรถหรอกครับ มีแต่จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ คันเดียว)โห บีเอ็มเอ็กซ์ผม ฝุ่นเขรอะ ยางแบน เฮ้อ คงต้องเดินไปแล้วแหละ...(ระยะทางไม่ไกลนะครับ ประมาณ 300 เมตร) ระหว่างเดินไป ช่วงนี้เบลอๆ มันเป็นอาการของคนอกหักอย่างไงอย่างงั้นเลยแหละ ใกล้ถึงคอร์เทนนิส แล้ว

เอี๊ยด...........................!  เสียงรถมอเตอร์ไชด์เบรก......

ผมสะดุ้งตกใจ เฮ้อ ผมเหม่อๆ อยู่ ตายละหว่า ตอนนี้ผมยืนอยู่กลางถนนเลย เดินตัดหน้ามอเตอร์ไซด์

"เอ๊ย อยากตายเหรอไง ครับ เอก อยู่ๆ เดินตัดหน้ารถผม...." มีเสียงด่ามาด้วย อ้าวพี่พันนี่เอง

อะแน่....คงสงสัยล่ะซิ....ว่าเค้าเป็นใคร แนะนำตัวละครตัวนี้ก่อนนะครับ

พี่พันเป็นเพื่อนที่ตีเทนนิสด้วยกัน  ผมรู้จักพี่พันก่อนรู้จักพี่พีรู้จักตอนไปตีเทนนิสที่คอร์ทนี้ตอนปีสี่    หน้าตาแกดีนะ สูง 185 ซม.  หุ่นประมาณคล้ายภราดร หน้าตาก็ประมาณ คีนูรีฟเมืองไทย...หล่อ ล่ำ นิสัยดี แต่แกขี้เก๊กบ จะประมาณพี่พี ไม่ค่อยพูด แกทำงานที่เดียวกับผม แต่คนละตึกกัน แกไม่ได้จบปริญญาตรี จบ ประมาณ ปวส.ที่จังหวัดมหาสารคาม.....

"ลมอะไรพัดมานี่ หายไปนาน"

"ลมไม่ได้พัดมาหรอกพี่ เดินมาครับ จะแข่งแล้ว ต้องมาซ้อมหน่อย เดี่ยวแพ้พี่อีก" ฮ่าฮ่า มีมุขด้วยผม ช่วงนี้มันต้นเดือนพฤศจิกายน ครับ ใกล้แข่งกีฬาหน่วยงานแล้ว(ประมาณ 13 -15 ธันวาคมของทุกปี)

หลังจากที่วอร์มอัพร่างกายและน๊อคบอร์ดประมาณ 15 นาที ผมก้อมาน๊อคบอลกับพี่พัน  เฮ้อไม่ได้ตีมาเกือบๆ สามปี ตอนนี้ ไม่เนท ก้อรั้ว แต่ผมก็พยายาม จะฟื้นฟอร์มเก่าๆ ให้คืนมาโดยเร็ว...น๊อคประมาณ 30 นาที พี่กวางกับพี่ต้น มาขอเล่นเซทด้วย ผมอยู่ข้างพี่พัน ส่วนพี่กวาง กับพี่ต้นคู่กัน (คอร์ทที่นี่เค้านิยมเล่นเซทกันแบบคู่ไม่เล่นเดี่ยวเพราะสมาชิกมันเยอะ) เล่นกันไปอย่างสนุกสนาน  ฟอร์มผมก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ เล่นวันแรกอะนะจะให้มันดีได้ไงล่ะ อีกอย่างใจผมมันยังว้าวุ่นกับเรื่องพี่พีอยู่ด้วย.....จนกระทั่ง ...มาถึงซอร์ตนี้ พี่กวางตีลูกโด่งมาที่ฝั่งผมกับพี่พัน ลูกมันมาตกอยู่ใกล้ๆ ผม ผมจะหลบไปด้านซ้าย พี่พันเตรียมจะตบลูก แต่มันเร็วมากๆเลย ครับ ผมจะหลบให้แกตบ แต่ .......

เปรี้ยง......

พี่พันตบโดน แต่ไม่ได้โดนลูกเทนนิส แต่โดนหัวผมเต็มๆ โดนที่ประมาณ ปลายคิ้ว ศรีษะด้านขวาแหละ... หลังจากที่สิ้นเสียง แล้ว ผมมองเห็นดาวมยุรี เอ๊ย ดาว เต็มหัวผมไม่หมด มึนสุดๆ...... ผมเอามือกุมศรีษะไว้ตอนนี้ต้องนั่งยองๆ แหละ.... เจ็บมากๆ พี่พัน พี่ต้น พี่กวาง รีบวิ่งเข้ามาดูผม...

"เป็นไงบ้าง  ขอโทษครับ ไม่นึกว่าจะโดนหัว " พี่พันขอโทษผม

"ไม่เป็นไรมากพี่ มึนๆ พักแป๊บนะพี่ ดาวเต็มหัวแล้ว" ผมนั่งยองๆ รอให้มันหายมึน มือก็กดตรงหางคิ้วตรงที่โดนแร๊กเก็ตฟาดเมื่อกี๊ ตอนนี้เริ่มเจ็บแล้วด้วย.. หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจผมก็หายมึนแล้ว.. แต่เดอะเกมส์มัสโกออน ยังเล่นไม่จบเซ็ทเลย  ไงก็ต้องเล่นให้จบ กำลังสูสี

"เล่นต่อได้เลย พี่" ผมลุกขึ้นมาแล้ว  เตรียมพร้อมที่จะไปเสิร์ฟลูก..กำลังจะโยนบอลขึ้น มีน้ำสีแดงๆ หยดแหมะๆ บนบ่าด้านขวาผม .... เลือดผมออกจากแผลเมื่อกี๊แหละตอนนี้มันหยดลงแหมะๆ ผมเห็นเลือดแล้วแทบจะลมใส่...(ฮ่าฮ่า ปกติผมกลัวเลือดอยู่แล้ว แค่เห็นลมมันจะใส่ทุกที)

"เอก เลือกคุณไหล ครับ มีแผลแตกด้วย เอานี่ผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้ ไปโรงบาลดีกว่า ผมไปส่ง" พี่พันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผมครับ ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูก... เห็นเลือดทีไรเข่าอ่อนทุกที

"ครับ" เหมือนว่าง่าย ผมเดินตามพี่พันไปขึ้นมอเตอร์ไซด์ เป็นอันว่าเซ็ทนั้นยกเลิกไป ผมรีไทร์เพราะได้รับแผลแตก(แอลตาซิลทำไมไม่ได้จ่ายให้ผมบ้างนี่)

ระหว่างทางไปโรงพยาบาล (ไม่ไกลนะแค่สามร้อยเมตร) ผมเผลอไปซบแผ่นหลังพี่พันเข้าแฮะ เฮ้อ ก็คนมันทำอะไรไม่ถูกนี่ครับ มือขวาเอาผ้าเช็ดหน้ากดผล  มือซ้ายกอดเอวแก ....ไม่ถึงสองนาทีก็ถึงโรงพยาบาล โหผมโดนเย็บแปดเข็มแหละ เฮ้อ ครั้งแรกจริงๆ ที่มีแผลแตก ตอนนี้ผมเลยเป็นอินทรีย์คิ้วขาว (ขาวเพราะมีผ้าปิดแผลปิดที่หางคิ้วด้านขวา ฮ่าฮ่า)

หลังจากจ่ายเงินค่าเย็บแผล และรับยาแล้ว ผมกับพี่พันก้อกลับไปที่อคอร์ทเทนนิสอีกครั้ง

"เลิกดีกว่า ครับ "

"อ้าวทำไมล่ะพี่ พี่เล่นเถอะ ผมกลับบ้านได้"

"ไม่ดีกว่า ครับ ผมทำคุณเจ็บนะ มา... ไปบ้านผม เดี่ยวผม ทำข้าวต้มให้กิน จะได้กินยา ที่ได้มา"

"ครับ" เฮ้อ ไม่รู้จะปฎิเสธแกไปทำไม ตอนนี้ผมต้องการกำลังใจอยุ่แล้วนี่... พี่พันกับเผมเก็บแร๊กเก็ตเสร็จก็ออกมาจากคอร์ทเทนนิสเลยเราไปสโมสรกันก่อน (ซื้อพวกเครื่องข้าวต้ม และน้ำเต้าหู้ ) ซื้อเสร็จก็ไปบ้านพี่พันเลย...

มาถึงบ้านพี่พันแล้ว.. บ้านพี่พันเป็นบ้านพักราชการเหมือนกัน แต่เป็นประมาณบ้านพักชั้นโท(สองชั้น ประมาณบ้านไม้ เก่าๆ คล้ายๆ เทาว์เฮ้าส์ แต่เป็นไม้ อายุน่าจะเลย 20 ปีขึ้น อยู่ใกล้กับโรงเรียนของหน่วยงานที่ผมเคยเรียนและหลังโรงพยาบาลชื่อเดียวกับหน่วยงานของผม)

"โห พี่ อยู่คนเดียวไม่กลัวเหรอครับ ทั้งเงียบ ทั้งเปลี่ยว ทั้งไกลผู้คน" ผมบอกแกหลังจากที่ผมกับแกมาถึง..

"ทำไงได้ล่ะ ขอได้แค่นี้ จะเหมือนเอกได้ไงล่ะครับ ได้แฟลต" อ้าวประชดผมอีก ความจริงผมว่าได้บ้านดีกว่าได้แฟลตนะ พื้นที่ความเป็นส่วนตัวมันต่างกันเยอะ

"ครับ"  ไม่อยากเถียงไรกับแก.....

แกเเก็บอุปกรณ์กีฬาไปเก็บขั้นบนส่วนผมนั่งรอแกอยู่ที่โต๊ะรับแขกแหละ แกเดินมาอีกที....

"ไปหลังบ้านกัน เดี่ยวผมทำข้าวต้มเครื่องให้กิน" แกเดินนำผมไปแล้ว.... ผมเดินตามไป

หลังจากที่เตรียมอุปกรณ์ เครื่องปรุง เฮ้อ คล่องแคล่ว จริงๆ  ไม่น่าเชื่อมันขัดกับหน้าตาที่เข้มๆ หล่อๆ ของแกไงไม่รู้...

"กินได้แน่เหรอพี่ ฮ่าฮ่า" ผมแซวแก ครับ ทีแรกไม่อยากจะเชื่อครับ ว่าจะทำเป็น ผมคิดว่าแกน่าอยากจะทำเพื่อไถ่บาปที่ทำให้ผมได้แผล...

"โหอยากมาดูถูกผมนะเอก ผมทำกับข้าวกินคนเดียวทุกเย็น"

"จริงเหรอพี่ ดีจัง ว่างๆ ผมแวะมาฝากท้องด้วยดีกว่า" ฮ่าฮ่า ....

"เอาเลย ผมกินคนเดียว มันเหงาอยู่แล้ว มาได้เลย แต่ต้องหลังจากเล่นเทนนิสแล้วนะ"

"ได้พี่ ผมไม่เกรงใจนะ" หลังจากนั้นไม่นาน เฮ้อ ข้าวต้มเครื่องฝีมือพี่แกก้อมาอยู่หน้าผม หอมฉุ่ยเลย สีสันนี่ไม่ต้องพูดถึง น่ากิน(พูดจากใจจริงนะครับ ผมยังจำติดตาได้ดีเลย)

"มากินกันได้แล้ว อ้าวนี่ น้ำเต้าหู้ กินกับข้าวต้ม"

"โหสูตรไหนล่ะนี่ พี่ กินน้ำเต้าหู้กับข้าวต้ม" ผมงง เกิดมาก็ไม่เคยกินแบบนี้

"เปล่าหรอก ผมกินทุกเย็นแหละน้ำเต้าหู้  กินแล้วมันมีประโยชน์นี่ กินแล้วหน้าใส ดีกว่ากินเหล้าซะอีก" เฮ้อ ก็ถูกของแก.....

ผมตักข้าวต้มใส่ปากคำแรก โหอร่อยจริงๆ  ไม่น่าเชื่อ แกยิ้มๆ

"เป็นไงครับ ใช้ได้เปล่า นี่เครื่องปรุง" แกยื่นพริก น้ำปลา มะนาวมาให้ผม

"ไม่ต้องหรอกพี่ รสชาด กำลังดีครับ ไม่ต้องปรุง" เป็นข้าวต้มที่ผมคิดว่าอร่อย อีกชามหนึ่ง อาจจะเพราะเห็นพี่พันตั้งใจทำด้วย และอีกอย่างมันก็อร่อยจริงๆ

กินเสร็จดื่มน้ำเต้าหู้ที่พี่พัน ใส่แก้วให้ผม ฮื้อ อิ่ม..หลังจากนั้น สักระยะผมก็กินยาตาม โดยพี่พันเป็นคนจัดยาจัดน้ำให้ เฮ้อ ......แกทำให้ผมคิดมากเลยครับตอนนี้ (คิดไรไม่บอกนะครับ)

"รีบกลับเปล่า ครับ นั่งดูโทรทัศน์ก่อนนะ เดี่ยวผมไปส่ง ขอตัวอาบน้ำก่อนนะ" แกบอก พร้อมเดินไปเปิดโทรทัศน์ให้ผมดู

"ครับ พี่" พี่พันเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำแล้ว ผมนั่งดูทีวีไปพลางๆ เฮ้อ บรรยากาศยามนี้มันวังเวงไงไม่รู้ มันไม่เหมือนบ้านผม ที่ค่อนข้างเปลี่ยว ได้ยินเสียงจิ้งหรีดจั๊กจั่นร้องด้วย....ดูไปตามันจะหลับเอาคับ เพราะฤทธิ์ยาบวกกับออกกำลังกายวันแรกและบวกกับการที่ผมไปนั่งเตร็ดเตร่หน้าเดอะมอลล์หลายชั่วโมงเลยทำให้ผมเพลียๆ อีกอย่างผมเสียเลือดด้วยมั๊งวันนี้.....

พี่พันออกมาจากห้องน้ำมาแล้ว... โหผมกำลังจะหลับๆ อยู่ตอนนี้ผมหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลย ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะพี่พันแหละ แกออกมาจากห้องน้ำนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว (เฮ้อ ไม่เกรงใจแขกบ้างเลยนะพี่) มีกล้ามอกด้วยแฮะ เห็นแล้วแมนจริงๆ  แต่เดี๋ยวครับ ที่กลางอกแกมีแผลด้วยแหละ เหมือนเอาเนื้อมาปะที่อกแบบนั้น....

"แผลอะไรเหรอพี่ ใหญ่จัง" ผมชี้ไปที่แผงหน้าอกของแก

"หน้าอกมันเป็นซีส น่ะ ต้องผ้าตัด หมอก็เลยตัดส่วนนี้ไป แล้วเอา หนังที่ขา มาปะ" แกชี้ให้ดูรอยตัดหนังตรงต้นขา..เห็นแล้วสยอง แต่ตอนนี้ผมเสียวน่ะ พี่พันเล่นยกขาตอนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว

"ครับ"

"รอแป๊บนะ จะเสร็จแล้วไปใส่เสื้อก่อน " ไม่ถึงสิบนาที แกก็ออกมา และหลังจากนั้นแกก้อขี่มองเตอร์ไซต์ไปส่งผมที่บ้านผม ผมอยากจะอยู่ต่อ แต่มันง่วงจริงๆ แล้วช่วงนี้ผมกำลังว้าวุ่นใจอยู่ด้วยไงครับก็เลยกลับ...

"พรุ่งนี้ไปตีเทนนิสอีกเปล่า" แกถามผมหลังจากที่ถึงตึกผมแล้ว...

"โหพี่ เป็นอินทรีคิ้วขาวแบบนี้นะพี่ พักก่อน ครับรอแผลหายก่อน"

"งั้นสองทุ่มพรุ่งนี้ผมมารับนะครับ ไปกินข้าวบ้านผม เดี่ยวทำของอร่อยให้กิน"

"จะดีเหรอพี่ ผมเกรงใจครับ"

"เอาน่า สองทุ่มนะ เดี่ยวมารับถึงห้อง เตรียมตัวไว้ล่ะกัน เออ ขอเบอร์ไว้ด้วย เผื่อไว้.." หลังจากที่ผมให้เบอร์แล้วแกก็นั่งมอเตอร์ไซด์กลับ  ผมเดินขึ้นห้องไป ......

ตอนนี้ ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น..... อาการเบลอๆ เมื่อตอนกลางวันตอนี้เริ่มหายไป... ภาพของพี่พันเริ่มเข้ามาแทนภาพของพี่พีแล้ว (ฮ่าฮ่า ต้องมีมิตรรักนักอ่านว่าผมแน่ๆเลยครับว่าทำไม ผมถึงเป็นแบบนี้ เฮ้อ ผมขอตอบด้วยคำถามนะครับ ....ว่า....ทำไมผมต้องทนกับความเจ็บปวดแบบนั้นด้วยล่ะ ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บ...สู้ลืม แล้วเริ่มต้นใหม่ไม่ดีกว่าเหรอจะมัวมาจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดไปทำไม)


suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #168 เมื่อ12-07-2007 08:48:17 »

พี่พีคือ นัมเบอร์วัน  :m15:
ตกลงพี่พันคือ นับเบอร์ทู คนต่อไปใช่มะเนี่ย คริ คริ ลุ้น ๆๆๆ  :m1:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #169 เมื่อ12-07-2007 14:02:37 »

เรื่องพี่พีก็จบลงจนได้........... อุตส่าห์ลุ้น  o7 ลุ้นไม่ขึ้นซะงั้น

เรื่องพี่พันจะเป็นไงน๊า  o3 สงสัยข้าวต้มจะใส่รากราคะ   :haun5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือไบ:the series by matheww
« ตอบ #169 เมื่อ: 12-07-2007 14:02:37 »





ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #170 เมื่อ12-07-2007 14:23:29 »

สงสารพี่พีจัง  :เฮ้อ:

รอลุ้นพี่พีนต่อ  :m4:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #171 เมื่อ12-07-2007 15:33:51 »

บางทีถ้าลองคุยด้วยความเข้าใจ อาจแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้
แต่หักดิบก็เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีก็มีอยู่เยอะ
 :m4: :m4: :m4:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #172 เมื่อ12-07-2007 16:33:57 »


...........รักแล้ว....ลืมได้จริงหรอ..... :o12: :o12:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #173 เมื่อ12-07-2007 16:46:38 »

รออ่านนัมเบอร์ทูดีกว่า นัมเบอร์วันลุ้นไม่ขึ้นแระ  :m1:  :m1:

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #174 เมื่อ13-07-2007 08:04:54 »

เสือไบ:the series (ตอน 39)

เสียงอึกทึกครึกโครมมากเลยครับตอนนี้ ผมยืนอยู่ที่ไหนนี่ อ๋อสนามมวยในโรงเรียนของหน่วยงานที่ผมทำงานอยู่ โหผมมาทำอะไรที่นี่ล่ะนี่ ....

ผมยืนอยู่กลางเวที... เหลือบมองไปที่มุมแดง เอ นั่นพี่พีนี่หว่ะ แล้วผมก็เหลือบมองไปทางมุมน้ำเงิน อ้าว พี่พันเอง ไหงมายืนกันบนเวทีแบบนี้ล่ะ....ทันใดนั้นเสียงโฆษกข้างสนามประกาศดังชัดเลยครับ

"ต่อไปเป็นการชกของมวยคู่เอก ระหว่าง มุมแดง พีสนิท ศิษย์ส.สุพรรณ กับ มุมน้ำเงิน ฉายา หมัดพญายม  พันน้อย ลูกมหาสารคาม" เสียงปรบมือของผู้ชมข้างล่างดังสนั่นเลย แฮะ....

แต่เอ นี่ผมมาเป็นกรรมการตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ .... ผมมองไปทางพี่พี มุมแดง โห ขี้ก้างจังนะพี่(พี่พีสูงแค่ หนึ่งร้องหกสิบเจ็ด ซม.เอง น้ำหนักก็ไม่น่าจะเกินหกสิบ กก. ส่วนพี่พัน สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบห้า น้ำหนักร่วมร้อย มันจะชกกันไงล่ะนี่มวยกันคนละรุ่นกันเลยนะ) สายตาแกตอนนี้ พี่พีดูกังวลไงไม่รู้ แต่พี่พันดูมั่นใจเป็นพิเศษ ... นี่เดิมพันเงินแสนกันนะนี่ แต่ลึกๆ นอกเวทีที่ตกลงกันไว้ระหว่างพี่พี กับพี่ พันเดิมพันอีกอย่างก็คือตัวผม เฮ้อ กรูจะบ้าตาย (เค้ามีแต่ศึกชิงนาง แต่นี่เป็นศึกชิงนายเฉยเลย)

ผมเดินไปที่ฝ่ายแดง พี่พี พูดออกมาว่า

"ไอ้นุ่ม กรูต้องชนะนัดนี้ หว่ะ กรูจะเอามรึงคืนกลับมาให้ได้" ผมได้แต่มองพี่พี  ...สายตาแกมุ่งมั่นจริงๆ... ผมเดินไปที่มุมน้ำเงิน บ้าง พี่พันยามนี้ แววตากระเหี้ยนกระหือมากเลยแฮะ แกชกลม วอร์ม ไม่หยุด...

"เอก เชื่อดิ ผมจะน๊อค มันไม่เกิน นาที" เฮ้อ ตอนนี้ ผมตัดสินใจไม่ได้เลยแฮะ ว่าผมจะเชียร์ใครดี....

ยกที่หนึ่ง เริ่ม... ผมเป็นกรรมการนี่ เรียกนักมวยฝ่ายแดงและฝ่ายน้ำเงิน มากลางเวที เช็คนวม  ตรวจฟันยาง ตรวจกระจับ (อาจึ๋ย อยากตรวจส่วนนี้ให้นานๆ จัง ฮ่าฮ่า ล้อเล่น) โห ตอนนี้รังสีอำหิตบนเวทีมีมากเลยผมรับรู้ได้ดี.....พี่พีเดินเข้าหาพี่พันก่อน ...พี่พันปล่อยหมัดฮุค ไป พี่พี ยกการ์ด ป้องกัน แกเดินโยกหลบไปมา อาศัยที่แกตัวเล็กสามารถ เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่า พี่พัน พี่พีปล่อยหมัดออกไปบ้างพี่พันโยกหัวหลบ ... มวยกลางเวทียังชกได้อย่างดุเดือด และแล้ว...ก็มาถึงช๊อตเด็ด พี่พันต่อยหมัดเปรี้ยงมาที่ปลายคางพี่พี(เสียงดังคล้ายๆ หมัดของ เคนใน สตรีทไฟท์เตอร์) ก่อนที่หมัดพี่พันจะโดนปลายคลางพี่พี....พี่พีก็อัพปะคัทไปที่ปลายคางพี่พันเหมือนกัน(เสียงก็ดังคล้ายๆ หมัดของ ริว ในสตรีทไฟท์เตอร์เหมือนกัน) ทั้งพี่พีและพี่พันต่างโดนหมัดของกันและกัน แกทั้งสองกระเด็นไปด้วยแรงหมัด เลือดที่ปากกระเซ็นออกมาสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ฟันยาง กระเด็นไปคนละทิศละทาง..

โหทั้งคู่ ล้มลง ครับ น๊อคไปแล้ว ผมเป็นกรรมการ นี่จะนับใครดีล่ะ นับไงดี ล่ะ อ้าวไงก็ต้องนับทั้งคู่

" 1  2 3 4 5 ..............8 9 10" อ้าว ยังไม่มีใครลุกเลย ผมทำไงดีล่ะนี่ .....กรรมการข้างล่างเวทีประกาศชัดว่าแมทนี้ต้องมีคนชนะ ใคร ลุกขึ้นมา แล้วชูสองนิ้ว ก่อน เป็นฝ่ายชนะ....สิ้นเสียงประกาศแค่นั้นแหละ พี่พี กับพี่พันเริ่มพยายามลุก พี่พี ดูจะพยายามเป็นพิเศษเลย ส่วนพี่พัน ก็พยายามเหมือนกัน....

ตอนนี้ท่าทางพี่พี จะทำสำเร็จก่อนแน่เลย แกยืนได้แล้ว พยายามชูสองนิ้ว  ขาแกสั่นมากเลย แกยืนแล้ว โครม แกล้มไปแล้ว ผมรีบวิ่งเข้าไปดูแก  ส่วนพี่พันยืนได้แล้ว ตอนนี้แกชูสองนิ้วเป็นผุ้ชนะไปแล้ว...

"ไอ้นุ่ม กรูเอามรึงคืนมาไม่ได้หว่ะ กรูขอโทษ กรูเสียใจ" แกพูดได้แค่นี้ เลือดจากปากแกก็กระฉอกออกมา แล้วแกก็นิ่งไป...

"พี่พี ไม่........................." ผมตะโกนออกมาด้วยความเสียใจสุดเสียง......

ผมสะดุ้งสุดตัวบ ตอนนี้เหงื่อผมออกมากๆ เลย....อ้าว ผมฝันไปเหรอนี่ ฝันบ้าฝันบออะไรแบบนี้ล่ะ ตกใจหมด...เหลือบไปมองนาฬิกา เฮ้อ แปดโมงแล้ว ไอ้แจ๊คคงไปทำงานแล้ว (คงสงสัยล่ะซิครับว่าเกี่ยวอะไรกับไอ้แจ๊ค ผมกับมันเป็นบัดดี้ห้องกันไง บ้านพักที่ผมอยู่(แฟลต) มันเป็นห้องใหญ่ แยกย่อยเป็นสองห้องเล็ก ผมอยู่ห้อง ไอ้แจ๊คอยู่อีกห้อง ผมกับมันไม่ค่อยได้เจอกันหรอก มันกลับมา...ก็ไปเตะบอล เตะเสร็จ มันก็ไปหาแฟนมัน จะกลับมานอนก็ตอนหลังเที่ยงคืน ผมนอนหลับไปแล้ว เช้าก่อนไปทำงานก็อาจจะเจอกัน เพราะมีห้องน้ำอยู่ห้องเดียว แบ่งเวลากันอาบ เราจะคุยกันก็ช่วงนี้แหละ)

ผมตื่นขึ้นมาวันนี้ดีหน่อย แม้ภาพต่างๆ ของพี่พีจะเข้ามาในสมองผม แต่ผมก็ไม่รู้สึกแย่เท่าเมื่อวานแล้วเวลามันช่วยผมได้มากเลย อีกอย่างอย่างที่บอกแหละ ภาพพี่พันตอนนี้มันเริ่มมีอิทธิพลกับผมแล้ว...แม้เมื่อวานจะเป็นการเจอแกครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เจอแกนาน ....แต่ผมจะเอาแกนี่แหละมาช่วยเยียวยารักษาแผลใจผม..(อย่าว่ากันนะพี่พัน ตอนนี้ผมไม่มีใครก็มีพี่นี่แหละ ที่หลงเข้ามาถูกจังหวะดีจริงๆ...ฮ่าฮ่า..)

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมก็หาอะไรกิน  (ก็ขนมปัง นม ที่แช่ไว้ในตู้เย็นแหละ) จะได้ทานยา... ตอนนี้ระวังไม่ให้น้ำเข้าแผลอย่างเดียว อาการบวม เมื่อวานคงหายแล้วแหละ เพราะมันไม่ปวด ไม่เหมือนเมื่อวาน รู้สึกปวดๆ ..

ทานยาเสร็จแล้ว ดูทีวี เฮ้อ วันนี้ผมจะทำไรนะ กว่าจะได้ไปบ้านพี่พัน ก็เกือบๆ สองทุ่ม เฮ้อ หาไรทำดีกว่ามั๊ง... เย็นนี้ ผมไปกินข้าวบ้านพี่พันนี่ จะไปมือเปล่าได้ไง ต้องหาอะไรติดไม้ติดมือไปบ้างดีกว่า แกจะได้ไม่ว่า หรือให้แกดูผมในสายตาที่ดีๆ หน่อย....ว่าแล้วผมตัดสินใจไปเดอะมอลล์อีกวัน ไปเดินดูพวกอาหารสด และผลไม้ (ตอนนั้นคาดว่าคงได้ไปบ้านพี่พันบ่อยๆ)

เฮ้อ สิบโมงกว่าๆ อยู่เลย ไม่มีอะไรจะทำจริงๆ ไปเดอะมอลล์เลยดีกว่า เออ หาเพื่อนไปสักคนก็น่าจะดี ผมเลยตัดสินใจโทรหาไอ้เรย์ (ความจริงกะจะชวนไอ้กาย แต่คาดว่าเมื่อคืนมันคงหนัก เลยไม่อยากรบกวนมัน)

"เรย์ ว่างเปล่าวะ ไปเดินเดอะมอลล์เป็นเพื่อนกรูหน่อย" งานของไอ้เรย์ก็อย่างที่ผมบอก ทำสองวัน หยุดสองวัน (ที่ทำงานก็ที่ tags แถวดอนเมืองครับ ตอนนี้คงย้ายไปสุวรรณภูมิหมดแล้ว)

"กรู หยุด เอาดิ เบื่อๆเหมือน กัน แต่ ช่วงสี่เย็นกรูต้องไปรับแฟนกรูนะ"

"อือ ไม่เป็นไร เดินเล่น ดูหนังสักเรื่อง ก้อประมาณบ่าย สาม บ่ายสี่แหละ"

"โอเค เที่ยง เจอกันที่ เคเอฟซี นะ บาย"

ไอ้เรย์ก็แบบนี้แหละ เป็นเพื่อนที่น่าคบ มันไม่เคยทิ้งหรือลืมผมเลย แม้มันจะมีแฟนเยอะ แต่ถ้าผมมีปัญหามีเรื่องทุกข์ใจผมก็มักจะปรึกษามัน เสมอ มันเป็นเพื่อนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนตายได้เลย ไอ้กายก็เหมือนกัน มันก็คล้ายๆ ไอ้เรย์แหละ แต่ไอ้นี่ มันไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพเท่าไหร่ เพราะมันมีงานต้องออกต่างจังหวัดเสมอ..

สี่โมงกว่าๆ  ผมอยู่กับไอ้เรย์ตอนนี้ผมกำลังจะส่งมันขึ้นรถเมล์แล้ว หลังจากที่ดูหนังไปหนึ่งเรื่องพามันเดินซื้อของสดและผลไม้ ...

"มรึงซื้อไปทำไมมากมายวะ บ้านมรึงทำครัวไม่ได้นี่"

"เปล่า กรูซื้อไปทำที่บ้านเพื่อนกรู" ผมโกหกมันอีก ไม่อยากให้มันถามเซ้าซี้มาก เดี่ยวความลับแตกหมด..

"รถมาแล้วกรูไปก่อนนะ แล้วโทรคุยกัน"

หลังจากที่ส่งมันขึ้นรถเมลล์กลับแล้วผมก้อกลับเหมือนกัน วันนี้ไม่มีอารมณ์จะดูวิวหน้าเดอะมอลล์ ใจมันกระวนกระวายอยากให้ถึงสองทุ่มเร็วๆ.....

ทุ่มครึ่งแล้ว ตื๊ด ตื๊ด.. โทรศัพท์ผมดังขึ้น อ้าวพี่พันนี่เองโทรมาไวจัง มีอะไรเหรอเปล่านี่นัดกันไว้สองทุ่มนี่... หรือแกจะแคนเซิลนัด....

"เอก อยู่ห้องเปล่า ผมจะไปรับ ไปทานข้าวที่บ้านผม แล้วนะ"

"อยู่พี่ อ้าวนี่เพิ่งทุ่มครึ่งเอง นัดกันสองทุ่มไม่ใช่เหรอพี่"

"ที่คอร์ทมันไม่มีคนตีด้วย ครับ ก้อเลยกลับ โอเคเดี่ยวผมไปรับเลยล่ะกัน"

"ได้พี่ รับตรงที่พี่ส่งผมลงเมื่อวานล่ะกัน ผมรออยู่ที่นั้น" หลังจากวางสายเสร็จก็รีบขนของที่ซื้อมาจากเดอะมอลล์ลงไปรอแกที่เกส่งผมลงเมื่อวานนี้ ผมไม่ต้องแต่งตัวไรมากหรอกไปแค่นี้เอง กางเกงบอล เสื้อยืด รองเท้าแตะ..

ไม่ถึงสิบนาทีครับ แกก็มา.....

"อ้าวหิ้วอะไรมาเยอะแยะ ครับ"

"วันนี้ผมไปเดอะมอลล์มาพี่....ก็ลย ซื้อของสดกับผลไม้มาด้วย เอาไปทำกินบ้านพี่กัน"

"ทีหลังไม่ต้องซื้อมาหรอก ของสด ผมตุนไว้เยอะ "

"ได้ไง พี่ อีกหน่อยผมก็ต้องฝากท้องมื้อเย็นไว้ที่บ้านพี่แหละ" ฮ่าฮ่า ตู่ไปงั้นแหละ ...ตอนนี้ผมยังคิดวิธีที่จะเข้าประชิดตัวและหัวใจของพี่พันไม่ออก....เอาแค่กินข้าวกันไปก่อนล่ะกัน.....

ไม่ถึงสิบนาที พวกเราก็มาถึงบ้านพี่พัน ตอนขี่รถมาหมาเห่ากันเกรียวเลยแฮะ (หมาที่นี่เยอะ แบบว่าไม่เคยมีใครจับพวกมันทำหมันบ้างเลย มันก็เลยเยอะขึ้นเยอะขึ้น) พอมันเห็นพี่พันแค่นั้นแหละ ฮ่าฮ่า วิ่งกระดิกหาง แล้วิ่งตามกันเป็นแถว ผมน่ะกลัวมันจะงับขาจังเลยยิ่งใส่ขาสั้นอยู่....

ผมเอาข้าวของที่ซื้อมาแช่ตู้เย็น ส่วนพี่พัน กำลังง่วนกับการเด็ดผัก เย็นนี้ เมนูที่แกจะทำให้ผมกิน ก้อง่ายๆ  แกบอกว่าจะทำ แกงจืด ไข่เจียว และก้อ น้ำพริกกะปิ...

"พี่ให้ผมช่วยทำไรเปล่าครับ" อานะ มาฝากท้องบ้านชาวบ้านแล้วจะมางอมืองอเท้ารอกินอย่างเดียวได้ไง...

"อยู่เฉยๆ ก็ได้ครับ เดี่ยวแผลกระเทือนหมด"

"โหพี่ มันแตกไม่กี่เข็มเองนะพี่ อีกอย่างผมก็ไม่ปวดแล้ว มาผมช่วยเด็ดผัก"

แกมองผมแล้วก็ให้ผมช่วยล่ะ อือ ค่อยดีหน่อย เด็ดผักเสร็จผมก้อช่วยแกปลอกแตงกวาอีกอย่าง....

ตอนนี้แกตำน้ำพริกอยู่ โหคล่องแคล่วดีจริงๆ ตำไปพร้อมกับ ต้มจืดไป ส่วนผมหลังจากปลอกแตงกวาเสร็จก็มาตีไข่รอพี่พันเจียว .....

เป็นอันว่า มื้อนี้ ผมช่วยพี่พันทำกับข้าว  แล้วกับข้าว สามอย่างก็มาวาง อยู่หน้าผม พร้อมข้าวสวยร้อนๆ เฮ้อ เก่งแฮะ ทำไม่ถึงชั่วโมง ได้กับข้าวตั้งสามอย่าง.....ผมกับพี่พันกินอย่างเอร็ดอร่อย อย่างว่าแหละมันทำมากับมือนี่ ไม่อร่อยได้ไง ....ผ่านไปครึ่งชั่วโมง กับข้าวหมดเกือบทุกอย่างยกเว้นน้ำพริก.... ผมกับพี่พัน พุงกางแล้ว อิ่มจริงๆ.... เสร็จจากกินข้าวแล้ว พวกผมต่อด้วยแตงโมงที่ผมซื้อมาจากเดอะมอลล์กันอีกคนล่ะซีก ....

สามทุ่มครึ่งแล้ว หลังจากผมช่วยพี่พันเก็บกวาดล้างจานเสร็จ ผมก็ออกมานั่งดูทีวีรอแกไปพลางๆ ตอนนี้แกขอตัวไปอาบน้ำก่อน ...... แกเดินลงบันไดมาที่ห้องรับแขกตรงที่ผมนั่งรอ อาแน่ถือกีตาร์มาด้วย ไม่น่าเชื่อว่าแกจะเล่นเป็นเห็นหน้าตาขี้เก๊กเงียบๆ แบบนี้ล่ะนะ...มีดนตรีในหัวใจเหมือนกันแฮะ...

"เอกคุณรีบกลับเปล่า ถ้าไม่รีบมาร้องเพลงกันดีกว่า "

"ไม่ ครับ กลับดึกๆ ก็ได้ ผมกลับบ้านก็ไม่ได้ทำอะไร กลับไปก็นอนเลย พรุ่งนี้ผมก็ลาพักร้อนอีกวันหนึ่งพี่"

"มาไป ร้องกันข้างนอก หยิบ เก้าอี้ตัวนั้นไปด้วย " แกชี้ไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง... ผมเห็นแล้วผมก็หยิบตามแกไป หน้าบ้านแกจะมีแคร่ตัวหนึ่ง อยู่หน้าบ้าน แกเดินมาหยุดอยู่ ผมยกเก้าอี้ลงแล้วก็นั่ง

"เดี่ยวจุดเทียนก่อน มันมืด" หือบรรยากาศโรแมนติกดีแฮะ ท้องฟ้าตอนนี้เปิด มันเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าระยิบระยับ เลย... แกกางหนังสือเพลง ประมาณเก่าๆ เล่มใหญ่ ผมว่ามันน่าจะรวมเพลงเก่าๆ ไว้เยอะแหละ...

"เพลงไรดีล่ะ เริ่มด้วยเพลงนี้ก่อนล่ะกัน"

"อยู่โรงบาลนั้น แสนยากเข็ญ
ไม่มีใครเห็นใจพวกเรา
อยู่อย่างคนที่ไร้ญาติขาดมิตร
เราเลยไม่คิดจะรักใคร

ด้วยไม่มีใครเข้าใจเรา
ชอบมองเราในแง่ไม่ดี
ชอบเหยียดหยามพวกเรายิ่งนัก
เศร้าใจสิ้นดี

หลงรักสาวสักคน (หลงรักสาวสักคน)
เขาไม่สนใจเรา (เขาไม่สนใจเรา)
ชีวิตจำต้องเศร้า
เพราะเราเป็นผีโรงเย็น "

ผมเริ่มช่วยพี่พันร้องและคอรัสด้วย อยู่กันสองคนนี่ ก็ต้องช่วยๆ กัน ฮ่าอ่า ตอนนี้ ผมเริ่มมาองตาแกบ้างแล้ว อือไม่น่าเชื่อ หล่อ ทำกับข้าวเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง แถมยังมีอารมณ์ศิลปินด้วยแฮะ.... จบเพลงผีโลงเย็นแล้วผมก็ร้องกันต่ออีกหลายๆ เพลงบ ส่วนใหญ่ก็จะสใตล์เพื่อชีวิต ร๊อคประมาณพงพัฒน์ อิทธิ อำพล บิลลี่อะไรแบบนี้ ....

กว่าจะจบกับกิจกรรมร้องเพลงก็ร่วมๆ ห้าทุ่ม ร้องกันนานไม่ได้ ละแวกที่นี่มันเงิยบ เกรงใจบ้านข้างๆ เค้า..

"เลิกก่อนนะ เสียงมันดัง เกรงใจข้างๆบ้าน เดี่ยวพรุ่งนี้ค่อยโซโล่กันใหม่"

"ครับ พี่ เออ พี่สอนผมเล่นบ้างดิ ผมอยากเล่นเป็น "

"ได้ๆ ปะ ผมไปส่ง พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่"

"เออ พรุ่งนี้ผมไม่มานะพี่ ติดธุระ ที่พระรามสี่" ฮ่าฮ่า ผมโกหกแกไปงั้นแหละครับ ทำไมล่ะเหรอ....ตอนนี้ผมตั้งใจแน่วแน่แล้ว ว่าจะเอาพี่พันนี่แหละมาช่วยสมานบาดแผลใจของผม แต่ผมยังไม่กระโตกกระตากไป ค่อยๆคิดหาทางว่าจะเข้าหาแกโดยวิธีไหนดี .......

"ไว้วันจันทร์เลยนะพี่ ผมต้องไปให้หมอ ดูแผล ตัดไหม อยู่แล้ว"

"อือ ได้ๆ วันจันทร์ผมไปรับไปหาหมอที่โรงบาลล่ะกัน"

"เออ จะดีเหรอพี่ แต่ถ้าพี่อยากมารับ....ก็ได้ครับ" ท่าทางเหมือนแกจะทำไปเพราะเหมือนแกสำนักผิดที่ทำให้ผมมีแผลแตกอะไรแบบนั้นล่ะ...แต่ก็ไม่ว่ากัน แกอยากจะบริการ ผมก็จัดให้...... มันเข้าทางผมอยู่แล้วนี่ ฮ่าฮ่า...

คืนนั้นผมหลับอย่างมีความสุขครับ เฮ้อ เจ้าความรักมันเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ผมอีกแล้ว....ตอนนี้ผมแค่ต้องการใครสักคน..... ใครสักคนที่เข้ามารักษาแผลใจผม.......


mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #175 เมื่อ13-07-2007 08:06:58 »

เสือไบ: the seres (ตอน 40)

วันจันทร์แล้ว ผมมาทำงานแล้ว(ฮ่าฮ่า ความจริงลาพักร้อนถึงวันพฤหัสบดี  แต่อารามขี้เกียจ ก็เลยขอลาป่วยวันศุกร์อีกวัน ช่วงนี้กำลังคิดแผนที่จะเข้าประชิดตัวพี่พันน่ะ ฮ่าฮ่า)


วันนี้อากาศเย็นมากเลย กรุงเทพเพิ่งหนาวได้สองวันเอง ผมงัดเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ เสื้อกันหนาวแขนยาวสีแดงมีหมวก(ฮุค)ด้วย (ตัวนี้ไปซื้อกับพี่พีที่สะพานพุทธเมื่อปีที่แล้ว  กะจะใส่ตอนหนาวๆ แต่เผอิญปีที่แล้วมันหนาวไม่ถึงอาทิตย์) มาถึงที่ทำงานเซ็นชื่อเสร็จ เฮ้อ เปิดประตูห้องไปทำงาน พี่พี มาทำงานแล้ว แกเหล่ๆ มองผมแล้วก็ก้มหน้า ก้มตาทำงานต่อไป ฮ่าฮ่า เห็นเสื้อกันหนาวสีแดงที่เราไปซื้อด้วยกัน แกจะคิดไงนี่...... สักพักแกก้อเดินออกนอกห้องไป... คาดว่าคงไปทานข้าวเช้า วันนี้สภาพแกดูเหมือนเดิมแล้วผมเห็นผมก็สบายใจขึ้น ตอนนี้ผมกับพี่พีคงเปิดสงครามรบกันอย่างถาวรแล้วแหละ(คือไม่พูดไม่คุยกัน แต่ถ้าเรื่องงานก็คุย).......ผมนั่งทำงานไป..... วันนี้คงไม่ไปกินข้าวเช้าเพราะเดี่ยวลงไปเจอพี่พี อีก ....จะแยกนั่งคนเดียว...ไม่ไปนั่งโต๊ะเดียวกับแกก็คงไม่ดี เดี่ยวแกจะยิ่งเกลียดผมมากกว่าเดิมอีก ก็เลยตัดสินใจอดข้าวเช้าไปเลย...


ผมนั่งทำงานไปเผลอไปลูบผ้าปิดแผลที่คิ้วด้านขวา เฮ้อ...คิดถึงพี่พันทันทีเลยแฮะ  ...ผมจะทำไงดีล่ะนี่ ที่จะลากพี่พันมาช่วยเยียวยารักษาแผลใจ..... ผมวิเคราะห์คร่าวๆ  พี่พันไม่น่าจะเป็นเกย์นะ.. แกผู้ชายธรรมดา แมนๆ ล่ำๆ ขี้เกีก พูดน้อย แต่งตัวดี  แต่คนขี้เกีก พูดน้อย แต่ตัวดี ก็ไม่ใช่จะเป็นเกย์ทุกคนนี่หว่ะ เอาวะตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับแกมากมาย งั้นช่วงนี้ผมจะใช้ ทฤษฎีความใกล้ชิด กับแกล่ะกัน ผมเชื่อว่าความใกล้ชิดมันจะทำให้เกิดความรัก ความผูกพัน (อย่างที่ผมโดนเต็มๆ มากับพี่พี) หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที.......


ตอนเที่ยงผมออกจากห้องทำงานไปกินข้าวก่อน ประมาณสิบเอ็ดโมงห้าสิบ เหล่มองๆ พี่พี แกยังก้มหน้าก้มตาทำงาน(คงเห็นผมเหล่แล้วแหละ แต่แกคงไม่อยากคุยกับผมตอนนี้) ตอนนี้ บรรยากาศผมกับแก ก้อคงเหมือนเพลงนี้แหละ


http://www.ijigg.com/songs/V24DF0EPA0

จากคนคนที่เคยมีใจกันอยู่
เปลี่ยนไปเป็นไม่มีเยื่อใยต่อกัน
อยากลืมลืมทุกสิ่ง ลบล้างเรื่องวันวาน
หากเราไม่เห็นกันคงลืมกันได้
หนักใจตรงที่ความจำเป็นบางอย่าง
กดดันทำให้เราเจอกันต่อไป
ยิ่งเจอใจยิ่งเจ็บมันทรมาณเกินไป
ห่างไกลไปให้ไกลมันยังดีกว่า
 คนที่รัก ร้างไกลนั้นเจ็บไม่นาน
คนไม่รักใกล้กันช้ำใจยิ่งกว่า
แต่ว่าหนทาง ทางของคน
ไม่มีให้เลือกเท่าไหร่
เจ็บซักเท่าไหร่ ก็ต้องรับมา
อีกนานนานเท่าไรมันจึงจะจบ
จบไปไปให้ไกลไกลกันสุดตา
อยากมีชีวิตไหม่ ไม่ต้องมีเธอมา
ต้องเจอกับสายตาเย็นชากันอยู่
เจ็บปวดเสมอที่ต้องเจอกัน
เอ่ยปากต่อกันเหใอนคนใหม่
จำใจแสดงแกล้งทำกันไป
อย่างไม่ค่อยเต็มใจอย่างกับคนไม่เคยรักกัน

 (เจ็บไงทนๆ หน่อยนะพี่ น้องก็เจ็บไม่แพ้พี่เหมือนกันแหละ....แต่ขอพ้นช่วงนี้ไปก่อนนะครับ)


ผมกำลังเดินไปถึงที่โรงอาหาร มีมืออันกำยำมาจับที่ไหล่ขวาผม ใครวะ มาหาเรื่องผมเหรอไง หรือเห็นว่าผมมาคนเดียว ผมหันไปนึกว่า เจ้าถิ่นที่ไหน อ้าว พี่พันน่ะเอง......


"อ้าวพี่มากินข้าวเหรอครับ นั่งกับใครล่ะ"


"คนเดียว ครับ มานั่งกินด้วยกันดิ" อาแน่ เข้าทางผมนะพี่ แต่แปลกนะ ที่แกมานั่งกินคนเดียว แต่วิเคราะห์คร่าวๆ นะ....แกไม่ได้จบมาจากโรงเรียนของหน่วยงานของผม(แกจบมาจาก มหาสารคาม) ก็อย่างว่า พวกผมก็มักจะคบกันหรือซี้กันเฉพาะพวกที่จบมาจากโรงเรียนนี้เหมือนกันเท่านั้น.......


บรรยากาศมื้อนี้ก็สนุกสนาน ข้าวใหม่ปลามัน ฮ่าฮ่า มีเรื่องให้คุยให้แซวให้ถามเยอะ....สักพักผมเหลือบไปเห็นพี่พี แกไม่ได้มาคนเดียวมากับรุ่นน้องที่ทำงานห้องเดียวกับผมแหละ เฮ้อ ดีหน่อย ผมจะได้ไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้....


"แผลเป็นไงบ้างครับ" พี่พันแกไม่ถามเปล่าแก เข้ามามองใกล้ๆด้วย


"ไม่บวมแล้วนี่ แผลคงแห้งแล้ว ไปตัดไหมกี่โมงครับ"


"ทุ่มครับ พี่"


"งั้นผมไปรับนะครับ ตอนทุ่ม หลังจากนั้นไปทำไรกินบ้านผมกัน"


"ครับพี่" ไม่มีปฎิเสธหรอกครับ ผม ฮ่าฮ่า ....ผมจะใช้ทฤษฎีความใกล้ชิดนี่แหละจัดการแก...


"แล้วตอนเย็นพี่กลับบ้านที่ปากเกร็ดไงล่ะครับ" ผมถามแกต่อ อยากหาข้อมูล....


"เรือกรม ครับ" ฮ่าฮ่า เสร็จผม แน่ๆ แต่ไว้พรุ่งนี้ล่ะกัน....หลังจากกินอิ่มแล้วผมก้อขึ้นทำงานต่อครับ...


ประมาณทุ่ม พี่พันโทรหาผมอีกครั้ง.....


"จะไปเหรอยังครับ ผมรออยู่ข้างล่างแฟลตแล้ว"


"อ้าวเหรอพี่" ผมเผลอหลับไปครับ ก้อเพราะรอแกนี่แหละ...


"ห้านาทีนะครับ แต่งตัวก่อน" ห้านาทีผมก็ไปหาแก.... แล้วก็ซ้อนท้ายแกไปที่โรงพยาบาล.. ฮ่าฮ่า ตอนนั่งมอเตอร์ไซด์ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไปกอดเอวแก ครับ (ตีซี้ ไว้ก่อน จะได้ทำบ่อยๆ แต่แกก็ไม่มีท่าทีอึดอัดหรือรังเกียจ อะไรผมนะ สังเกตุได้จากระหว่างทางผมคุยกับแกไปตลอดจนถึงโรงพยาบาล)


หมอตัดไหมที่ปลายคิ้วขวาแล้วครับ ตอนนี้ผมไม่เป็นอินทรีย์คิ้วขาวแล้ว ค่อยดีหน่อย ค่อยมั่นใจ...หลังจากนั้นพี่พันก็พาผมไปที่บ้าน...


"ทำไรกินครับ วันนี้" ผมถามแกหลังจากที่แกเอาอุปกรณ์กีฬาไปเก็บ เฮ้อ ถอดเสื้อมาด้วยแฮะ ไม่เกรงใจผมเลยนะ..แกชี้ไปที่ถังน้ำข้างๆ ตู้เย็น ...ผมเดินไปดู อ้าวมีปลาตัวหนึ่ง ครับ อยู่ในถัง ปลาช่อน....


"ต้มยำปลาช่อนดีกว่า เมื่อวานไปตกมา"


"อ้าวพี่ตกเป็นด้วยเหรอ ตกที่ไหนล่ะครับ"


"ตกที่สระน้ำหลังโรงบาลนี่เอง ตัวบักเอ้กเลย" อือ หลังโรงพยาบาลที่ผมอยู่มีสระน้ำขนาดใหญ่ สำหรับเป็นที่พักน้ำและรับน้ำเสียจากโรงพยาบาลแหละ แต่ก้อไม่ใช่น้ำเสียหมดนะครับ เพราะมีน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาด้วย..


"โหพี่...." เฮ้อ ผมสงสารปลา ครับ แต่อย่างว่าแหละครับ มันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์นี่หว่ะ....


หลังจากนั้นไม่นาน ต้มยำปลาช่อน ชามย่อม ๆ ก็วางข้างหน้าผม ...พร้อมไข่เจียวอีก 1 จาน ...ผมกับพี่พันกินกันอย่างเอร็ดอร่อย  ฝีมือใช้ได้จริงๆ.....


"ว่างๆ มาตกปลากันดิ"


"ที่ไหนล่ะพี่" ผมชักสนใจแล้วแฮะ บอกแล้วตอนนี้ต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ประมวลผล....


"ก็ที่ที่มีน้ำ" แน่ะ กวนอีก...


"ที่สระหลังโรงบาล ร้าน(แกบอกชื่อร้านที่ตกปลา) แม่น้ำเจ้าพระยา และก็ ทะเล...."


โหน่าสนเหมือนกันแฮะ ดีๆ ผมชอบแบบนี้อยู่แล้ว...แม้จะตกไม่เป็น แต่บรรยากาศแบบนั้นมันน่านั่งดื่มเบียร์ มองวิวมองแม่น้ำ หรือทะเล โหโรแมนติกโคตร ยิ่งได้อยู่กับพี่พัน......


คืนนี้ผมต้องรีบกลับ พี่พันบอกว่าเอางานมาทำด้วยเพราะต้องใช้ประชุมในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ แกไปส่งผมเหมือนเดิมแหละ...... แล้วผมกับแกก็นัดกันตีเทนนิสกันตอนเย็นวันพรุ่งนี้.......


ตอนนี้พี่พันเหมือนเอนไซโคบีเรีย สำหรับผมไปแล้วแฮะไม่น่าเชื่อเลย ผมคิดว่าชีวิตแกน่าจะเป็นชีวิตที่เรียบง่าย คือจากการที่แกเป็นคนพูดน้อย ขี้เก๊ก ไม่ค่อยจีบหญิง แต่เท่าที่คุยๆ กับแกในช่วงหลัง ช่วงที่ผมทำความคุ้นเคยกับแกมากขึ้นผมกับคิดว่า ชีวิตแกน่าตื่นเต้นดี (ส่วนใหญ่ผู้ชายหล่อๆ หน้าตาดีๆ เค้าก็จะมีแต่ม่อสาว หลีหญิง แต่สำหรับพี่พันไม่ใช่ แกไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้เข้ามาให้ผมเห็นเลย แม้บางครั้งผมจะชวนแกคุยเรื่องผู้หญิง แกก็คุยนะ แต่ก็ไม่แสดงอาการ กามหรือขี้หลีให้ผมเห็นเลย)


suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #176 เมื่อ13-07-2007 15:00:57 »

เสือไบ: the seres (ตอน 40)


ตอนนี้พี่พันเหมือนเอนไซโคบีเรีย สำหรับผมไปแล้วแฮะไม่น่าเชื่อเลย ผมคิดว่าชีวิตแกน่าจะเป็นชีวิตที่เรียบง่าย คือจากการที่แกเป็นคนพูดน้อย ขี้เก๊ก ไม่ค่อยจีบหญิง แต่เท่าที่คุยๆ กับแกในช่วงหลัง ช่วงที่ผมทำความคุ้นเคยกับแกมากขึ้นผมกับคิดว่า ชีวิตแกน่าตื่นเต้นดี (ส่วนใหญ่ผู้ชายหล่อๆ หน้าตาดีๆ เค้าก็จะมีแต่ม่อสาว หลีหญิง แต่สำหรับพี่พันไม่ใช่ แกไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้เข้ามาให้ผมเห็นเลย แม้บางครั้งผมจะชวนแกคุยเรื่องผู้หญิง แกก็คุยนะ แต่ก็ไม่แสดงอาการ กามหรือขี้หลีให้ผมเห็นเลย)




สงสัยพี่พันแกจะไม่ชอบผู้หญิงอ่ะดิ  :m14:  ฮิฮิ  :m12:  มีสิทธิ์ ๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #177 เมื่อ13-07-2007 15:59:21 »

รอลุ้นต่อ  :m4:

แต่อีกใจก็สงสารพี่พี  :เฮ้อ:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #178 เมื่อ13-07-2007 16:31:32 »


............ใครจะได้นายเอกไปกันหนอ........ :m13: :m13:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #179 เมื่อ13-07-2007 16:39:21 »

แล้วจะผิดหวังเหมือนเดิมอีกป่าวเนี่ยะ
 :m13: :m13: :m13:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด