Poor Boy 16
หลังจากวันนั้นที่เผลอหยุดปากท้าพนันกับสาม สไมล์ก็รู้สึกว่าเขากำลังคิดผิดเพราะแทนที่เขาจะถอยห่างจากอีกคนได้กลับกลายเป็นว่าเขาต้องมีอีกคนเข้ามาวนเวียนในชีวิตตลอดเวลาอย่างเช่นวันนี้
“มารับ” สามพูดขึ้นขณะที่มายืนรอรับสไมล์ที่หน้าตึกคณะ ผิงกับเมาส์เมื่อเห็นว่ามีหนุ่มหล่อคุ้นหน้าคุ้นตามารอรับเพื่อนสนิทก็อดที่จะมองอย่างแซวๆไม่ได้
“ไม่ได้บอกให้มาสักหน่อย” สไมล์ว่าทำท่าจะเดินหนีไปกับเพื่อนแต่ก็ถูกสามคว้าข้อมือเอาไว้
“จะพาไปกินข้าวเย็น” สามว่าต่อ ก่อนจะเปลี่ยนมือจากจับข้อมืออีกคนมากุมมือบางแล้วพาเดินไปที่รถโดยที่สไมล์ก็อดตกใจไม่น้อยกับการกระทำของอีกคน ตั้งแต่วันนั้นสามพยายามเข้าหาเขามาก ซึ่งสไมล์คิดว่าอีกคนคงอยากชนะเขามากแน่ๆถึงได้ทำแบบนี้แต่ไม่มีทางหรอก เขาไม่ใช่สไมล์คนเดิม ที่จะใจอ่อน หัวอ่อนกับอะไรง่ายๆแบบนั้นอีกแล้ว
“อยากกินร้านไหน” สามถามขึ้นขณะที่กำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมืองซึ่งเป็นโซนของร้านอาหาร สไมล์ปรายตามองร้านอาหารหลากหลายร้านอย่างครุ่นคิด
“ร้านนั้น” สไมล์ชี้ไปที่ร้านไก่ทอดเกาหลีชื่อดัง
“กินข้าวไม่ดีกว่าหรือไง” สามขมวดคิ้ว
“ก็อยากกินไก่” สไมล์เถียงพร้อมทำหน้างอที่อีกคนขัดใจ
“ก็เพราะแบบนี้ตัวเลยไม่โต ผอมจนเหลือแต่กระดูก”
“โตแล้วเถอะ คุณจะมารู้ดีกว่าตัวผมได้ยังไง” สไมล์ยังคงเถียงหน้าง้ำหน้างอ
“รู้ดิ...ก็เคยเห็นมาหมดแล้ว” สามว่าก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบประโยคหลังข้างหูบาง สไมล์ชะงัก ใบหน้าใสขึ้นสีระเรื่อทันทีแต่ร่างบางก็พยายามควบคุมสีหน้าเอาไว้ก่อนจะยกยิ้มมุมปากบ้าง
“ก็ได้แค่เห็นมั้ยล่ะ”...หลังจากที่กินไก่ทอดเกาหลีชื่อดังตามใจสไมล์เสร็จสามก็ขับรถพาสไมล์มาส่งที่คอนโดเพราะไม่ได้พาไปไหนต่อเนื่องจากอีกคนบอกว่าพรุ่งนี้มีสอบ คืนนี้ต้องอ่านหนังสือ สามเองก็ไม่อยากจะรบกวนอะไรอีกคนนัก แม้ว่าอยากจะพยายามหาทางใกล้ชิดอีกคนเพื่อหาโอกาสให้อีกคนใจอ่อนก็เถอะ แต่ก็นะ...นี่มันพึ่งผ่านไปได้แค่3วันเอง เวลายังมีอีกเยอะ หึๆ
“ไม่ลากันหน่อยหรือไง” สามท้วงขึ้นเมื่อสไมล์กำลังจะลงจากรถ สไมล์ชะงักก่อนจะหันมาเลิกคิ้ว
“ต้องล่ำลายังไงมิทราบ?”
“แบบนี้ไง” สามว่าก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาจุ๊บริมฝีปากบางทันทีโดยที่สไมล์ไม่ทันตั้งตัว
“คุณ...”
“หึๆ หน้าแดงเชียว เขินหรือไง” สามแกล้งแซวขึ้น สไมล์รีบเก็บสีหน้าทันที
“ไม่มีทางเสียหรอก” สไมล์สะบัดหน้าใส่ก่อนจะรีบลงจากรถคันหรูทันที สามหัวเราะในลำคอนิดๆกับท่าทางของอีกคนก่อนจะออกรถ สไมล์กัดปากมองตามรถคันหรูออกไปด้วยหัวใจที่สั่นไหวแปลกๆ อ่อนหัด!...เขานี่มันอ่อนหัดชะมัด ไม่ได้การแล้วล่ะ ถ้าขืนยังปล่อยให้อีกคนรุกเขาฝ่ายเดียวแบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ
“หยุดหัวเราะไอเดี๋ยวนี้นะ!” สไมล์โวยวายใส่เพื่อนสนิทคนสวยที่อยู่คนละทวีปขณะที่กำลังเฟชไทม์กันขึ้น
(“ก็มันตลกนี่ ยูท้าเขาแบบนั้นเท่ากับยูเปิดโอกาสให้เขาชัดๆ”) เอมม่าว่าตามที่ใจคิด
“ก็ตอนนั้นไอคิดอะไรไม่ออกนี่ คิดแค่ว่าต้องเอาตัวรอด” สไมล์ว่าหน้าหงิกหน้างอ เขาไม่เคยมีความลับกับเอมม่าได้จริงๆเพราะยังไงเธอก็เป็นเพื่อนที่เขาสามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องนี้
(“ที่ยูเล่า ยูบอกว่าเขาเข้าหายูมากแถมยังเปลี่ยนการกระทำ คำพูดอีก แบบนี้ยูจะไม่หวั่นไหวหรือไง”) เอมม่าว่า สไมล์ชะงักพร้อมกัดปาก
“ไอ...”
(“เห็นท่าทางยูแล้ว ไอว่าอีกไม่นาน”) เอมม่าส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีทาง ไอเคยแล้วไงว่าไอจะไม่มีทางกลับไปเป็นไอคนเดิม คนอ่อนแอ คนหัวอ่อนคนนั้นอีกแล้ว” สไมล์ว่าพร้อมกับใบหน้าเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
(“งั้นยูจะนิ่งๆไม่ได้แล้วล่ะ”) เอมม่าว่าพร้อมมองหน้าสไมล์อย่างจริงจัง
“ยูหมายถึง?”
(“ทำให้เขาหลงยู ก่อนที่ยูจะหลงเขาแล้วทำให้เขาเจ็บปวดจนไม่อยากจะมายุ่งกับยูอีก เป็นไง...แบบนี้น่าจะสมน้ำสมเนื้อกับที่เขาเคยทำกับยูนะ”)...คำพูดของเอมม่ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวของสไมล์จนเขาแทบจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง คนอย่างเขาเนี่ยนะจะทำให้สามหลงได้ เหอะๆ ยากเสียยิ่งกว่าตอนสอบเข้าทันตะแพทย์เสียอีก...วันนี้เป็นวันหยุดและสามก็มารับสไมล์ออกไปดูหนังตั้งแต่10โมง ตอนแรกสไมล์ก็ปฏิเสธแต่พอมาคิดๆคำพูดของของเอมม่าดูแล้ว เขาว่าเขาควรจะเป็นฝ่ายรุกอีกคนบ้าง ไม่ใช่ตั้งรับให้อีกคนมาทำให้ตัวเองหวั่นไหวอยู่ฝ่ายเดียว สไมล์เป็นคนใจอ่อน เขารู้จักตัวเขาดี แม้จะบอกว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วแต่ก็นะ...ยังไงตัวเราเองก็ย่อมรู้จักตัวเราเองมากกว่าใครๆทั้งหมด
“มึงอยากดูเรื่องไหน” สามถามขึ้นขณะที่กำลังยืนอยู่หน้าโรงหนัง
“อืม...” สไมล์ทำท่าคิดก่อนจะเหลือบไปเห็นโปรแกรมหนังสยองขวัญ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะกระตุกยิ้ม
“เอาเรื่องนี้”...สามซื้อตั๋วหนังสยองขวัญมาสองใบกับป๊อบคอร์นหนึ่งชุด หนังกำลังเริ่มเล่นซึ่งสไมล์ยอมรับว่าหนังน่ากลัวสมคำร่ำลืมจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาชอบหนังแนวนี้นะแต่ที่เลือกก็เพื่อ...จะอ่อยอีกคนยังไงล่ะ
“อ๊ะ” สไมล์ร้องพร้อมสะดุ้งทันทีเมื่อผีโผล่ออกมา ร่างบางเผลอไปซุกอีกคนอัตโนมัติ สามยกยิ้มนิดๆที่เห็นอีกคนซุกไซ้เข้ามาหาตัวเอง
“หึๆ กลัวหรือไง” สามถามขึ้นพร้อมยกยิ้มมุมปาก
“ก็ผีมันน่ากลัวนี่” สไมล์ว่าก่อนจะเงยหน้าจากต้นแขนอีกคนมามองหน้าอีกคนระยะห่างระหว่างใบหน้าที่มีไม่มากไม่ได้ทำให้สไมล์ผงะหรือถอยห่างออกไป สามมองร่างบางอย่างหยั่งเชิงก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้และเมื่อสไมล์ไม่หันหนี ปากหนาก็ประกบเข้ากับปากบางทันที
“อื้ออออ” สไมล์ครางในลำคอออกมาเมื่ออีกคนประทับจูบ ลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากก่อนจะเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กอย่างร้อนแรงแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน สไมล์จูบอีกคนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้รสจูบครั้งนี้ทำให้หัวใจสองดวงเผลอเต้นแรงโดยที่เจ้าของของมันไม่ทันจะได้รู้ตัว
“หายกลัวหรือยัง” สามถามหลังจากที่ถอนจูบ ไม่รู้ว่าสไมล์คิดไปเองหรือเปล่าว่าน้ำเสียงของอีกคนมันอ่อนโยนแบบแปลกๆ
“เมื่อกี้ปลอบหรือไง” สไมล์ถามกลับพร้อมมองหน้าอีกคน
“แล้วถ้าบอกว่าใช่ล่ะ?” สามเลิกคิ้ว
“งั้นปลอบอีกทีสิ กลัวอีกแล้ว” สามยกยิ้มก่อนที่ปากหนาจะประกบเข้ามาอีกครั้ง...หลังจากที่ดูหนังเสร็จสามก็เดินจับมือสไมล์ออกมาจากโรงหนัง สไมล์รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆเมื่อเห็นสายตาของอีกคนที่มองมาที่เขา มันพาลทำให้นึกถึงตอนอยู่ในโรงหนังที่เขาทั้งคู่จูบกันไปสามครั้ง...ใช่ จูบไปสามครั้งโดยที่เขาเป็นฝ่ายเชิญชวนเองด้วย! ให้ตายสิ...สไมล์ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ เขาพยายามบอกตัวเองว่าที่ทำไปก็เพราะอยากชนะในเกมส์นี้ เขาต้องทำให้อีกคนหลงเขาก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเผลอไผลไปกับอีกคน
“อยากกินอะไร” สามถามขึ้น
“อยากกินเค้ก” สไมล์ตอบพร้อมกับมองไปที่ร้านเค้กชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลนัก
“อ้วน” สามว่า สไมล์หันไปมทำหน้าง้ำงอใส่ทันที
“ไหนบอกว่าผอมเหลือแต่กระดูกไง วันนี้มาบอกอ้วน คุณจะเอายังไงกันแน่”สไมล์ว่าอย่างไม่พอใจ แหงแหละ...เขาไม่ได้อ้วนนี่เรื่องอะไรถึงมาว่าเขามาอ้วนกันล่ะ
“ตัวมึงผอมแต่แก้มมึง...” สามเว้นวรรคก่อนจะยื่นมือมาดึงแก้มกลมๆของอีกคน
“งื้ออออ ดึงทำไมเนี่ย เจ็บนะ” สไมล์ว่าพร้อมแกะมืออีกคนออก
“คนอะไรวะตัวเล็กแต่แก้มใหญ่ชิบหาย” สามว่าพร้อมดึงแก้มอีกคนอีกครั้ง
“ฮึ่ย์ ก็คนอย่างผมนี่แหละ ผมจะกินเค้ก ไม่อยากกินก็เรื่องของคุณ” สไมล์ว่าอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินนำอีกคนไปยังร้านเค้กทันที รู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดขึ้นมาแปลกๆ ทั้งๆที่เขาเป็นคนควบคุมอารมณ์ตัวเองเก่งแต่พอโดนอีกคนว่าว่าอ้วนทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ...งอน? บ้าๆๆ งอนบ้าอะไรกัน คำว่างอนมันเอาไว้ใช่กับคนที่สำคัญไม่ใช่หรือไง เขาแค่หงุดหงิดต่างหาก แค่หงุดหงิดเท่านั้น!
พลั้ก
เพราะมัวแต่รีบเดินทำให้สไมล์ไม่ได้มองทางเดินชนกับใครคนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากร้านเค้กเข้าอย่างจัง
“ขอโทษครับ” สไมล์ว่าออกมาทันทีก่อนจะเงยหน้ามองคู่กรณี
“สไมล์...” อีกคนเรียกสไมล์อย่างอึ้งๆ สไมล์อีกก็อึ้งเช่นกันก่อนที่ริมฝีปากบางจะเผลอยิ้มกว้าง
“พะ...พี่หนึ่ง”
“มึงจะรีบเดินไปไหนวะ...พี่หนึ่ง” สามที่เดินตามสไมล์มาตกใจไม่น้อยที่เจอพี่ชายตัวเองที่นี่
“สาม สไมล์ ทำไม?” หนึ่งขมวดคิ้วทันทีที่เห็นว่าทั้งคู่มาด้วยกัน ในหัวตอนนี้ของเขามีหลากหลายอารมณ์ไปหมด ทั้งดีใจที่ได้เจอสไมล์ ไม่เข้าใจที่สไมล์มากับสามและยิ่งไม่พอใจเมื่อเห็นว่าสามยื่นมือมาจับมือสมล์ นี่มันเรื่องอะไรกัน!
“พี่หนึ่งครับ เมาส์จ่ายเงินเสร็จแล้วครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่เดินออกมาจากร้านเค้ก
“เมาส์!”
“สไมล์!”
เอาแล้วๆๆ พี่หนึ่งขวัญใจทุกคนกลับมาแล้วค่า 555555 เรื่องราวกำลังเข้มข้นเลย อยากให้ติดตามกันไปจนจบเน้อออออ จุ๊บๆ
___จางบิวตี้___