(Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Omegaverse) Believe in me เชื่อฉันว่ามันคือรัก |EP.20 (100%) | 5/11/2561 อัพ!  (อ่าน 23214 ครั้ง)

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
(ต่อจากข้างบน...)


        “ลูดี้! แกเป็นใคร จะทำอะไรเมียฉัน อึก!!”


   “คะ..คุณวูฟ..” ผมเรียกเขาที่โดนผู้ชายอีกคนใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตเข้าให้แบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาล้มสลบไป ผมจะเอื้อมมือไปหาเขาก็สลบไปตาม ๆ กัน...



   “บ้าเอ๊ย อย่าทำรุนแรงสิวะ ยังไม่ทันให้เซ็นเอกสารอะไรเลย” ผมได้ยินเสียงพวกมันสบถแค่นั้นและผมก็ไม่รับรู้อะไรอีก....


   
ิ         จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มใกล้หู ผมจำได้ว่ามันเป็นเสียงของวูฟ...



   “ลูดี้...ได้ยินฉันไหม ลูดี้ได้โปรด ตื่นเถอะ...ลูดี้” ผมค่อย ๆ ลืมตาก็พบร่างสูงที่กอดผมอยู่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยช้ำที่มุมปาก ผมรีบลุกขึ้นก่อนจะร้องเจ็บแปล๊บ...ตรงหลังคอที่โดนตี


   “โอ๊ย..”


   “เป็นอะไร เจ็บเหรอ ตรงไหน...” เขาทำหน้าตกใจมาก “ฉันไม่คิดว่าระบบความปลอดภัยของเราจะถูกคุกคามขนาดนี้” วูฟสบถเล็กน้อยพลางจับหน้าจับตาของผมดู เขาเลื่อนมือมาลูบที่ท้องของผมเบา ๆ



   ผมมองรอบห้องสี่เหลี่ยมเล็กเหมือนกรงขัง ก็รับรู้ได้ว่าเราถูกขัง...แถมยังพอเดาออกอีกว่าพวกที่จับเรามาก็น่าจะเป็นพวกเดียวกันที่วางยาพ่อของวูฟ...


   “คุณไม่เจ็บใช่ไหมครับ คุณปากแตกตรงมุมปากด้วย” ผมแตะมุมปากของเขา วูฟส่ายหน้าปฏิเสธและพูดประโยคที่ทำให้ผมชะงักไป


   “สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บได้ คือ น้ำตาของลูดี้...หน้าเศร้า ๆ ของลูดี้ และความเฉยชาของลูดี้...”


   “คุณวูฟ...” ผมมองเขาที่เอื้อมมือมากุมมือของผมไว้


   “ฉันรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรจะมาพูดตื้ออะไรนายตอนนี้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็พานายออกไปจากที่นี่ให้ได้ ฉันจะพาลูดี้กับลูกกลับบ้าน ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น” ผมไม่จำเป็นจะต้องปิดกั้นตัวเองอีกแล้วใช่ไหม...ผมทนไม่ได้แล้วที่ต้องเห็นเขาทำหน้าเศร้าแบบนี้...


   “ผมเชื่อคุณแล้วนะครับ...” ประโยคของผมทำให้ร่างสูงตาโตพร้อมกับยิ้มออกมา


   “จริงเหรอ...นายกำลังบอกว่านายเชื่อฉัน....”


   “ครับ ไม่ใช่แค่ผมกับลูก...แต่คุณก็ต้องกลับไปกับผมด้วย สัญญาสิครับ ว่าเราจะหนีออกไปด้วยกัน” ผมใช้สองมือประคองหน้าของเขาไว้ วูฟยิ้มบาง ๆ


   “ถ้านายขอมา ฉันก็พร้อมจะทำตาม...พวกมันต้องการให้ฉันเซ็นเอกสารยินยอมถอนอำนาจการเป็นผู้นำอัลฟา” เขาพูดออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืน


   “ทำไมล่ะครับ ก็ในเมื่อคุณได้รับตำแหน่งแล้วทำไมพวกเขายังไม่ยอมเลิกรา...”


   “เพราะพวกเขาคัดค้านงานพิธีไม่ได้ แต่พวกเขาสามารถบีบฉันออกได้ยังไงล่ะ ...นี่ดูท่าทางมันจะจับลูดี้มาเป็นตัวประกัน แต่ฉันดันมาช่วยนายไว้ได้ดัน มันก็เลยดูผิดแผนของพวกนั้นไปหมด...ไม่ต้องกลัวนะ อีกไม่นานฉันเชื่อว่าคนของพ่อจะส่งคนมาที่นี่ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราคงต้องหาทางออกไปจากที่นี่....” เขาบอกพลางมองหาช่องทางหนี ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องอยากได้อำนาจขนาดนั้นด้วย


   “แต่พวกเขาก็ไม่ทำร้ายคุณนี่ครับ” ผมตั้งข้อสงสัย วูฟก็เลยหยิกแก้มผมเบา ๆ ...มันเป็นการกระทำที่ทำให้ผมเองที่เป็นคนอึ้ง...ขี้เล่น นี่ใช่นิสัยของเขาเหรอ


   “ก็เพราะฉันได้ขึ้นเป็นผู้นำอัลฟาแล้วไง การทำร้ายผู้นำเป็นกฎข้อห้าม ก็อย่างที่บอกพวกมันคงพยายามจะเข้ามาในงานก่อนพิธีจะเริ่ม แต่เราก็วางกำลังไว้แน่นหนา ฉันเดาว่าพวกมันแอบเข้ามาตอนงานเริ่มซา ๆ และใช้โอกาสนั้นแฝงตัวเข้ามา และนาย...ก็ออกไปห้องน้ำพอดี รู้ไหมว่าฉันตกใจมากแค่ไหนที่เห็นนายวิ่งแวบหายไปกับผู้ชายคนอื่น...”


   ผมมองเขาที่จ้องหวง ๆ เอ๊ะ...แสดงว่าตอนที่ผมออกไปข้างนอกเหรอ เขามองดุผมก็เลยก้มหน้างุด


   “ขอโทษครับ ผมออกไปเองโดยที่ไม่ได้ขอคุณ”


   “ฉันไม่ได้ว่า...ถึงแม้อยากจะดุก็เถอะ ก็ดูสิ เกือบพาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายแล้ว...” เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบกาย ผมเบิกตากว้างกับการโดนกอดแบบไม่ทันได้ตั้งตัว


   “คุณวูฟ นี่ไม่ใช่เวลาจะมากอดนะครับ...” เราควรจะหนีต่างหากเล่า...แต่ทำไมผมเขินล่ะ


   “รู้ ว่ามันไม่ใช่เวลา แต่ก็อยากกอด...กอดไว้ให้แน่น ๆ” วูฟดันผมออกและประคองไหล่สองข้างของผมไว้ รอยยิ้มของเขาทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้... “ขอบคุณที่ยอมเชื่อฉันอีกครั้ง ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่นะลูดี้” ผมพยักหน้าตกลง


   พวกเรามองช่องทางการหนีคือกรงเหล็กที่มันถอดออกได้ วูฟจะเป็นคนออกไปรอรับผมข้างนอกก่อน ผมมองเขาที่ขึ้นไปและลอดออกไปจากห้องนี้

   ตุบ...


   “ลูดี้มาเร็ว ฉันรอรับอยู่” ผมปีนขึ้นไปตามเขา พอผมโผล่หน้าออกไปก็ชะงักกับความสูง แต่แขนแข็งแกร่งตรงหน้าของวูฟทำให้ผมไม่รู้สึกกลัวอะไร... “ไม่เป็นไร โดดเบา ๆ นะ ฉันจะรอรับ...”


   “ผมจะเป็นอะไรใช่ไหมครับคุณวูฟ...” ผมบอกเสียงสั่น เขาพยักหน้า ผมเลยหลับตาปี๋แล้วทิ้งตัวลงไปข้างล่าง


   หมับ! วงแขนแกร่งอุ้มผมไว้ในอ้อมกอด...


   “ฟู่ว...เก่งมากคนดี” ผมลืมตามองร่างสูงที่ยิ้มให้ผม เขาวางผมลงก่อนเราสองคนจะสะดุ้งกับเสียงของพวกตรวจการอยู่รอบ ๆ ที่ที่พวกผมถูกขัง


   “เสียงอะไรวะ...เฮ้ย! พวกแกจะหนีไปไหน” ชายสูงที่ตรวจการอยู่ตะโกนขึ้น วูฟยกเท้าเตะฟาดจนมันสลบลง  แต่เสียงที่ได้ตะโกนออกไปแล้วกลับดังไปทั่ว


   “รีบไปเร็ว พวกมันรู้แล้ว ลูดี้วิ่งไหวรึเปล่า” วูฟหันมาคว้าข้อมือของผมให้วิ่งตามเขาไป ผมกับเขาวิ่งผ่าป่าทึบที่อยู่ในบริเวณนี้


   “คุณวูฟ...ผมกลัว” ผมวิ่งตามเขาด้วยใจที่เริ่มกลัวเพราะเสียงฝีเท้าที่เริ่มวิ่งไล่ล่าเราสองคน วูฟกำมือของผมแน่น


   “ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มองแค่ฉันเท่านั้น ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่ แค่ออกจากรั้วนี่ไปได้ เราจะปลอดภัย” ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่เสียงปืนที่ดังสนั่นขึ้นทำให้ผมแทบร้องออกมา


   ปัง!!


   “เฮ้ย อย่ายิงสิวะ ยังไม่ทันจะให้เซ็นเอกสารอะไรเลย เดี๋ยวก็ติดคุกหัวโตหรอก!” เสียงพวกมันวิ่งตามกันมาร้องตะโกนใส่กัน ส่วนวูฟกับผมก็กระโดดเข้าไปหลบในพุ่มไม้ก่อน ผมมองร่างสูงหายใจหอบทั้งที่เขาไม่น่าจะเหนื่อย ดูเขาหน้าซีด ๆ จังครับ


   “คุณวูฟเป็นอะไรรึเปล่าครับ” เขาส่ายหน้า


   “เปล่า...ลูดี้ฟังฉันให้ดีนะ เราต้องแยกกันหนีแล้วล่ะ” ผมตาโตพร้อมกับส่ายหน้า “อย่าดื้อสิ นายต้องหนีออกไปทางนั้นประตูทางออก ส่วนฉันจะล่อพวกมันไปอีกทาง”


   “ไม่เอานะครับ ไหนคุณบอกเราจะหนีไปด้วยกัน ผมไม่ยอมให้คุณเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนี้แน่ ๆ”


   “ลูดี้...ถือว่าฉันขอ ฉันเป็นห่วงลูดี้กับลูก...นะ หนีออกไปก่อน ฉันจะตามไปแน่นอน” เขาขอร้องอีกครั้ง ผมเริ่มน้ำตาซึม ฮึก...ผมไม่อยากห่างเขาไม่เอา ผมสวมกอดวูฟไว้แน่น ร่างสูงเองก็กอดผมตอบไว้แน่น


   “ฉันรักนายนะ รักที่สุด....” เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูทำให้เบิกตากว้างเมื่อวูฟดันผมออกเบา ๆ ก่อนเขาจะลุกขึ้นล่อพวกนั้นไปอีกทาง


   “ไม่นะครับคุณวูฟ...”


   “เฮ้ย มันอยู่ทางนั้น!” เสียงฝีเท้าหลายคนรีบวิ่งมา วูฟขยี้ผมของผมเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม


   “แล้วเจอกันนะลูดี้” เขาพูดทิ้งไว้แค่นั้นและวิ่งหนีออกไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางออก ผมน้ำตาไหลออกมาแต่ขาก็ต้องลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งออกไปทางออกที่เขาชี้ไว้

 
   ผมวิ่ง...


   วิ่งไปพร้อมกับน้ำตา


   “ฮึก...ฮือออ....เราจะร้องไห้ไม่ได้นะลูดี้ เราต้องเข้มแข็ง ฮือออ” ผมพยายามวิ่งไม่เร็วมากเพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนถึงลูก วิ่งมาได้สักพักผมก็เริ่มเหนื่อยแทบขาดใจ ทั้งเสียงสะอื้นน้ำตาที่ผมร้องออกมาทำให้ผมหัวสมองตื้อไปหมด


   “แฮ่ก...ฮึก เมื่อไหร่จะถึงทางออกนะ” ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาหลายเสียงก็สะดุ้งกลัว ก่อนจะเบิกตากว้างกับลูกน้องของวูฟ!! และพ่อของร่างสูง


   “หนูลูดี้!! เป็นยังไงบ้างลูก พาลูดี้ไปที่ปลอดภัยก่อน”


   “คุณพ่อ ฮึก ช่วยคุณวูฟด้วยครับ เขากำลังถูกล่า” ผมจับแขนของพ่อวูฟพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัด ทางด้านที่ร่างสูงวิ่งหนีไป


   “สั่งกำลังไปทางนั้นทั้งหมด! พาลูกชายฉันกลับมาให้ได้!! ล้อมบ้านหลังนี้ไว้ ช่วยดูแลลูกสะใภ้ให้ฉันด้วย” พ่อของวูฟสั่งลูกน้องที่ตามมาทั้งหมดให้วิ่งตามเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็ถูกพาออกมาที่รถ แต่ผมไม่ยอมไปจนกว่าจะได้เห็นวูฟ ออกมา

   “คุณลูดี้ครับ คุณต้องออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยนะครับ”

   “ไม่ครับ! ผมจะรอคุณวูฟอยู่ตรงนี้”

   “ไม่ได้นะครับ พวกผมจะต้องพาคุณออกไปจากที่นี่ก่อน ความปลอดภัยของคุณกับทายาทคนสำคัญในท้องของคุณ สำคัญไม่ต่างไปจากคุณวูฟนะครับ”  พวกเขากำลังพยายามร้องขอให้ผมขึ้นรถ ก่อนจะมีผู้ชายจากพวกศัตรูวิ่งออกมาพร้อมกับปืน ผมเบิกตากว้างกับกระบอกปืนที่เล็งมาทางผม

   “คุณลูดี้!!”

   ปัง!!! ผมเบิกตากว้างกับลูกน้องทุกคนวิ่งกรูเข้ามากันผมไว้ทันที ปัง!! เสียงอีกนัดดังขึ้นทำให้ผมตาโต


   “คุณลูดี้ ปลอดภัยรึเปล่าครับ”


   “ผมปลอดภัย พวกคุณบาดเจ็บเหรอ...” ผมมองผู้ชายสองคนที่ยืนบังผมเลือดไหลลงแขนเต็ม แต่ศัตรูที่ยิงโจมตีมาเมื่อกี้ก็โดนผู้ชายที่ถือปืนอยู่ข้างหลังเขายิงซะแล้ว....และผู้ชายคนนั้นคือวูฟ ร่างสูงอยู่ในสภาพหัวแตกเหมือนไปฟัดกับใครมา


   “คุณวูฟ!!” เขายิ้มบาง ๆ ให้ผม เขาทิ้งปืนในมือ ผมวิ่งเข้าไปสวมกอดเขา ร่างสูงเองก็สวมกอดผมแน่น


   “บอกว่าให้หนี ทำไมยังมายืนอยู่ตรงนี้....รู้ไหมว่าถ้าพวกลูกน้องฉันไม่บังตัวนายไว้ หรือฉันมาไม่ทัน นายจะบาดเจ็บนะลูดี้....”


   “ฮึกฮืออออ ผมจะหนีได้ยังไง ในเมื่อคุณยังอยู่ในนั้น ฮึก คุณไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหมครับ ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม” ผมดันตัวเองออกมาพลางจับดูหน้าของเขาไปมาด้วยหัวใจที่กำลังตกใจ หน้าเขาซีดมาก วูฟเม้มปากเล็กน้อยเหมือนอดทนอะไรอยู่


   “ฉันไม่ได้บาดเจ็บหรอก ไม่เป็นไร ออกไปจากที่นี่เถอะ....พ่อฉันกำลังออกมา พวกนายเตรียมรถอีกคันรอพ่อฉัน ส่วนอีกคันเอาไปส่งลูดี้” วูฟหันไปสั่งเสียงเข้มกับลูกน้อง  “ปะ ขึ้นรถ” เขาบอก ผมก็เช็ดน้ำตาออกและกำลังจะเดินไปที่รถ


   ก็ได้ยินเสียงล้มลง...ตุบ ผมหันกลับไปก็ตาโตกับร่างสูงที่ล้มลงนอนคว่ำกับพื้น


   “คุณวูฟ! เป็นอะไรครับ ...อ๊ะ คุณบาดเจ็บ” ผมพลิกเขาให้นอนหงายก่อนจะเห็นเลือดมากมายไหลออกมาตรงไหล


   เขาโดนยิง...   

   “รีบเอารถออกเร็วเข้า พาคุณวูฟไปโรงพยาบาล คุณลูดี้ครับ พวกผมจะพยุงคุณวูฟเอง คุณลูดี้ไปรอในรถนะครับ” ลูกน้องของร่างสูงช่วยกับโจมปีกข้างของวูฟไป พ่อของวูฟที่เพิ่งวิ่งออกมาก็ตกใจเล็กน้อย


   “เกิดอะไรขึ้นหนูลูดี้ เจ้าวูฟมันถูกยิงเหรอ” ผมพยักหน้าและทำอะไรไม่ถูก


   “ครับ เขาเสียเลือดมากเลย ผมจะทำยังไงดี” พ่อของร่างสูงแตะบ่าของผมเบา ๆ เพื่อให้ผมสบายใจลง


   “เจ้าวูฟมันโดนยิงเฉียด ๆ ไหล่เท่านั้นเอง ไม่ได้โดนยิงจุดสำคัญ ลูดี้ไม่ต้องตกใจมากเกินไปหรอกนะ อีกอย่างพ่อว่าที่มันล้งลงไปเมื่อกี้ คงเป็นเพราะเลยขีดจำกัดความอดทนของมันแล้ว” ผมเลิกคิ้ว

   “ขีดจำกัดอะไรเหรอครับ”

   “วูฟมันเห็นเลือดน่ะ...ปกติมันเป็นคนไม่ชอบเลือดเยอะ ๆ ที่ไหลออกมาจากตัวเอง”


   “ครับ?”


   “วูฟเขากลัวเลือดน่ะ กลัวมาตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าเห็นเยอะ ๆ มันจะเป็นลม ฮ่า ๆ ปะขึ้นรถตามมันไปโรงพยาบาลกัน ส่วนพวกนายเคลียร์ให้หมด จับมันมัดรวม ๆ กันแล้วส่งขึ้นศาลไปเลย” พ่อของวูฟสั่งลูกน้องที่เหลืออีกส่วนอยู่เฝ้าสะสางที่นี่ ส่วนอีกส่วนก็พาผมไปโรงพยาบาล


   หา...อย่างคุณวูฟเนี่ยเหรอครับ กลัวเลือด....ก็เล่นเห็นต่อยกำแพงเป็นว่าเล่น หรืออันนั้นมันเป็นเลือดน้อย ๆ




...........................100%.............................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารักค่ะ  :กอด1: :pig4: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2017 22:38:14 โดย vampire_rose »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 14

   [พาร์ตของลูดี้]



   กลิ่นของดอกไม้หอมจาง ๆ กับผ้าม่านปลิวไสว ผมจัดดอกไม้ในมือพลางเหลือบมองร่างสูงที่นอนหลับไปเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวด บนหัวก็มีผ้าพันแผลพันไว้ เขาไม่ได้เป็นอะไรมากครับ โดนยิงก็จริงแต่แค่เฉียด ๆ เท่านั้น กระสุนไม่ได้เข้าไปฝังอยู่ภายในร่าง กับแผลช้ำตามร่างกาย เขาเสียเลือดไปมากจนเกือบช็อค ดีที่พามาโรงพยาบาลทัน เฮ้อ...ทำเอาหัวใจของผมแทบวาย เมื่อวานตอนเห็นเขาล้มลง บอกเลยว่าหัวใจของผมแทบสลาย ผมดีใจมาก ๆ เลยครับ ที่เขาไม่เป็นอะไร

   ความแข็งแกร่ง ย่อมมีความอ่อนแอซ่อนอยู่เสมอ...


   ผมแอบยิ้มเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่วูฟกลัวเลือด เรื่องนี้ไม่มีใครรู้หรอกครับ นอกจากคนในตระกูลที่สนิทจริง ๆ กับพวกลูกน้องที่ทำงานกันมานาน (ขนาดผมเองยังเพิ่งรู้เมื่อวานเลย) ผมเอามือจิ้ม ๆ จมูกของร่างสูงที่นอนหลับสนิทอยู่


   “รีบ ๆ ตื่นได้แล้วครับ คุณวูฟ...” เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ผมละสายตาจากร่างสูง มองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา


   “ลูดี้ เดี๋ยวไปหาคุณหมอกับแม่หน่อย ให้เขาตรวจดูครรภ์ของหนู” แม่กับพ่อของวูฟเดินเข้ามา ผมก็ยกมือไหว้พวกท่านสองคนและทำหน้าแปลกใจ


   “ตรวจท้องของผมเหรอครับ”


   “ใช่ ยังไงก็ไปให้หมอตรวจดูหน่อยก็แล้วกันนะ แม่เขาจะได้สบายใจไม่กังวล ตามประสาแม่ผัวเห่อหลานนั่นแหละ ฮ่า ๆ” พ่อของวูฟว่า เลยโดนกำปั้นจากแม่ไปหนึ่งทีครับ ผมเกือบหลุดขำ


   “เอ๊ะ! คุณ ไม่ต้องมาว่าฉันเห่อเลยนะ คุณนั่นแหละไม่ต่างกันเลย ปะ ลูดี้ ไปหาหมอกับแม่ก่อน เดี๋ยวให้พ่อเขาอยู่เฝ้าวูฟไป” แม่ของวูฟมาโอบไหล่ของผมไว้ด้วยความเอ็นดู ผมก็พยักหน้ายิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับแม่


   ผมไปตรวจดูเรียบร้อย เด็กแข็งแรงดีครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอยืนยันเรียบร้อย ผมกับแม่เดินมามินิมาร์ทชั้น 1 ด้วยกัน หลังจากที่ตรวจเสร็จ กะว่าจะเอาไว้ขึ้นไปกินตอนเฝ้าวูฟด้วย แม่ก็เลยขนซื้อให้ผมเยอะมาก จนเกรงใจเลยล่ะครับ แต่ผมก็ห้ามแม่ไม่ได้เพราะแม่อยากซื้อให้ผมกินจริง ๆ ผมกำลังถือถุงของกินอยู่ถุงใหญ่ โทรศัพท์ของแม่ก็ดังขึ้น


   “โอ๊ะ เพื่อนแม่โทรมา...หนูลูดี้ขึ้นไปข้างบนคนเดียวก่อนได้ไหมลูก”


   “ได้ครับ แม่คุยโทรศัพท์ตามสบายเลยครับ” ผมบอกพร้อมกับหิ้วถุงของกินใหญ่สองถุงไว้ในมือ และเดินกลับไปที่หน้าลิฟท์ ผมกำลังจะเอามือไปกดก็ชะงัก อ้าว...หิ้วถุงอยู่ กดไม่ได้ ผมกำลังจะเปลี่ยนแขนไปถือฝั่งเดียวก็มีมือยื่นมากดเปิดลิฟท์ให้ผมพร้อมกับยื่นมือมาทางถุงขนมใหญ่ ๆ ของผม


   “ให้ช่วยไหมเอ่ย” ผมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของวูฟที่เคยเจอคราวก่อน ที่เป็นหมออยู่ที่นี่อะครับ


   “เออ ไม่เป็นไรครับ คุณ...?” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแต่เขาก็เอาถุงขนมใหญ่ไปถือไว้หมดเลย และเดินนำเข้าไปในลิฟท์ผมก็เลยรีบเดินตาม


   “เซย์ครับ เพื่อนเจ้าวูฟมันน่ะ...นี่มันยังไม่ฟื้นอีกเหรอ?”


   “อ๋อ คุณเซย์ ครับ...คุณวูฟยังไม่ฟื้นเลย คือผมถือเองได้นะครับ” เซย์ยิ้มพร้อมกับเอาถุงไปซ่อนไว้ด้านหลังของเขา ก่อนจะหันไปกดชั้นที่วูฟอยู่


   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวถือให้ ปล่อยให้คนท้องมาถือของหนัก ๆ แบบนี้ได้ยังไง...ดีใจด้วยนะสำหรับลูกน้อยในท้อง ดีใจที่เห็นเพื่อนไร้หัวใจของฉัน มันตกหลุมรักคนน่ารัก ๆ แบบ...เออ ชื่ออะไรนะครับ ลืมถาม ฮ่า ๆ” เขาหัวเราะร่าแบบอารมณ์ดีมาก ๆ

 
   “ชื่อลูดี้ครับ..”


   “อ้อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะ” เซย์ยิ้มแสนดีมาอีกรอบ ผมก็ยิ้มก่อนที่ลิฟท์จะเปิดมาเจอกับร่างสูงที่ยืนกอดอกใบหน้าขรึมอยู่ ผมตาโต


   “คุณวูฟ! คุณฟื้นแล้วเหรอครับ” ผมรีบออกมาจากลิฟท์ด้วยความดีใจที่เห็นเขาฟื้น ส่วนเซย์ก็เดินตามออกมาเช่นเดียวกัน


   “ทำสายตาเหมือนจะมากระชากเสื้อฉันอย่างนั้นแหละไอ้วูฟ ฮ่า ๆ ฉันช่วยเมียแกถือของขึ้นมาเชียวนะเว้ย” ผมหน้าร้อนวูบกับคำว่าเมียชัดเจน วูฟยื่นมือไปรับถุงขนมใบใหญ่มาถือไว้เอง


   “เออ ขอบใจมากที่มีน้ำใจ แล้วแกมาทำอะไรชั้นนี้ไม่ทราบ?” นี่เขาเรียกว่าทักทายกันของเพื่อนสนิทใช่ไหมครับ เซย์กระตุกยิ้มกวนใส่วูฟ แล้วยักไหล่ชิว


   “อ้าว ฉันก็มีคนไข้ชั้นนี้ไง ก็เลยเดินขึ้นมา...”


   “งั้นก็รีบไปหาคนไข้ของแกได้แล้วไป ปล่อยให้คนไข้รอนานมันจะไม่ดี” วูฟกล่าวไล่กวน ๆ เซย์ก็เลยยิ้ม


   “หึ ถ้าคนไข้ของฉันเขาอยากเจอฉัน ฉันก็จะรีบไปเลย...แต่นี่มันไม่ใช่ไง” เซย์ทำหน้าหนักใจ ผมกับวูฟได้แต่มองหน้ากันงง ๆ กับสิ่งที่เซย์พูดบ่นพึมพำออกมาคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เห็นเดินหายไปทางห้องไกลสุดของชั้นนี้


   ผมที่มองตามก็สะดุ้งกับมือเย็นของร่างสูงที่จับแขนผมไว้


   “เข้าห้องได้แล้ว ไหนพ่อบอกลงไปกับแม่ ทำไมนายถึงได้ขึ้นมาคนเดียว”


   “พอดีแม่ของคุณคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ครับ ท่านก็เลยให้ผมขึ้นมาก่อนน่ะครับ” ผมอธิบายแล้วเดินตามเขาที่พาผมเดินเข้าไปในห้อง นี่เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมาก็มายืนรอผมอยู่หน้าลิฟท์แบบนี้เลยเหรอ


   “อ้าว หนูลูดี้ มาแล้วเหรอ แม่แกเพิ่งโทรมาบอกว่าจะรอข้างล่าง ยังไงพ่อก็ฝากดูไอ้วูฟมันด้วยนะ ฉันสั่งบอดี้การ์ดมาเฝ้าหน้าห้องรักษาความปลอดภัยให้แกแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง ฉันจะไปจัดการธุระสะสางพวกที่คิดปองร้ายให้เสร็จก่อน แกก็พักผ่อนไปก่อนละกัน” พ่อของวูฟพูดกับผมตอนแรกและหันไปบอกร่างสูงแทน


   “ครับ ขอบคุณพ่อมาก” ร่างสูงพูดแค่นั้น


   ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่เราเพียงสองคนเท่านั้น...ผมมองร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียง เขาหันมามองผมที่ยืนอยู่ปลายเตียง


   “ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มานี่” เขาตบเตียงที่ว่างอยู่ให้ผมเข้าไปนั่งด้วย ผมก็เลยเดินไปนั่งลง ผมเหลือบมองแผลตรงหัวของเขาที่แตก มันยังมีเลือดซึมอยู่เลยครับ ท่าทางจะเจ็บไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ดีนะมันไม่เป็นแผลเป็น แล้วก็มีแผลตรงหัวไหล่ เสื้อคนไข้ของโรงพยาบาล วูฟไม่ได้ติดกระดุมเผยให้เห็นกล้ามเป็นลอน ๆ...ไม่ดีต่อใจคนมองเลยครับ


   “รู้แล้วใช่ไหม” จู่ ๆ เสียงเข้มก็เอ่ยขึ้น ผมเลิกคิ้ว มองเขาที่ยกยิ้มนิด ๆ “รู้ว่าฉันกลัวเลือด”


   “อ๋อ...ครับ รู้แล้ว”


   “นายอาจจะคิดว่ามันตลกก็ได้นะ ที่คนเข้มแข็งแบบฉัน ดันมามีจุดอ่อนเล็ก ๆ แบบนี้” เขาว่ายิ้ม ๆ แต่ผมก็รีบตอบกลับไป และประโยคของผมก็ทำให้วูฟยิ้มออกมา


   “ไม่นะครับ ไม่เห็นมันจะตลกตรงไหนเลย ผมคิดว่ามันคือเสน่ห์ของคุณมากกว่า...”


   “หา? นายว่าอะไรนะ”


   “ไม่ว่าใครก็มีจุดอ่อนกันทั้งนั้นแหละครับ ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหน เราก็มักจะมีด้านอ่อนแอเสมอ เพราะเรามีความเป็นมนุษย์เราก็เลยมีความแข็งแกร่งที่ซ่อนความอ่อนแอไว้ภายใน ผมดีใจนะครับที่คุณช่วยผมไว้...คุณแข็งแกร่งมากในความคิดของผม คุณคือผู้ชายที่ปกป้องผมได้” ผมบอกออกไปจากใจจริง วูฟที่ฟังก็นิ่งไป เขาเอื้อมมือที่สั่นเทามาประคองหน้าของผมไว้


   ผมเบิกตากว้างกับแววตาไหววูบของเขา


   “ลูดี้...นายกำลังทำให้ตกหลุมรักนายช้า ๆ จนหาทางออกไม่เจอ ฉันถูกปลูกฝังมาให้เข้มแข็ง ห้ามแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น เพราะฉันต้องขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุด...แต่พอฉันเจอนาย ฉันกลับอยากแสดงความอ่อนแอออกมา”


   “คุณวูฟ”


   “ให้ฉันได้แสดงความอ่อนแอทั้งหมดออกมาให้นายเห็นได้รึเปล่า...” เสียงเข้มสั่นเทาทำให้ผมรับรู้ว่าเขาต้องเก็บทุกอย่างไว้ในใจเรื่อยมา ผมรับรู้ได้ครับว่าวูฟเหงามาโดยตลอด...


   “ได้สิครับ ถึงคุณจะร้องไห้ไม่ได้....แต่ผมจะร้องแทนคุณเอง ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง” ผมน้ำตาไหลออกมาพร้อมกับสวมกอดผู้ชายตรงหน้าของผมไว้ วูฟกอดผมไว้แน่น


   “ใครบอกให้นายร้องไห้กัน...ฉันบอกแล้วไงว่าสิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บได้ ไม่ใช่กระสุนที่ถูกยิงออกมาจากศัตรู แต่น้ำตาของนาย มันกรีดใจของฉัน....”


   “ฮึก...ครับ ผมไม่ร้องก็ได้ แต่คุณเองก็อย่าเก็บเรื่องเศร้าไว้คนเดียว มีอะไรระบายกับผมได้ เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ คุณคือครอบครัวของผม”


   “ใช่แล้วล่ะ ฉันคือครอบครัวของนาย และนายเองก็เป็นครอบครัวของฉัน...และลูกของเรา” เขาดันผมออกเล็กน้อยพร้อมกับใช้สองมือประคองใบหน้าของผมไว้ให้เงยหน้ามองเขา


   “ฉันขอโทษที่เคยดุ ที่เคยผลักไส ที่เคยดูถูกรักแท้ของนาย....”


   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”


   “แต่ตอนนี้ฉันพร้อม พร้อมที่จะดูแลรักแท้ของฉัน คู่แห่งโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกหนีได้....” ผมมองแววตาเข้มที่จ้องจริงจังไม่หลบสายตา แววตาที่ผมเลือกแล้วว่า ‘ผมพร้อมที่จะอยู่กับเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น’


   ริมฝีปากหนากำลังเลื่อนมาช้า ๆ ในระยะประชิดก่อนจะประกบลงอย่างแนบแน่นกับริมฝีปากบางของผม สัมผัสอ่อนนุ่มที่ทำให้ใจของผมละลายได้ ปลายลิ้นร้อนสอดเข้ามาเกี่ยวรัดลิ้นเล็กของผมอย่างไม่ยอมปล่อย กลิ่นหอมจาง ๆ ของยาทำเอาผมเบลอไปชั่วขณะ...เราจูบกันอยู่สักพัก และผละออกจากกัน


   ผมหน้าร้อนวูบเหมือนเสียการควบคุม เพียงแค่จูบที่มันเต็มไปด้วยความรัก...มันมีพลังมากขนาดนี้เลยเหรอครับ


   “อย่าทำหน้ายั่วฉันสิ นายทำสายตาแบบนี้ ฉันจะแย่เอาได้...” วูฟยื่นมือมาแตะริมฝีปากของผมเบา ๆ ผมหลบตาของเขาด้วยความเขิน


   “ผมไม่ได้ทำหน้ายั่วซะหน่อยครับ ผมทำไม่เป็นหรอก”


   “หือ ไม่รู้เหรอว่า...ตอนนายทำหน้าแบบนี้ มันยั่วมาก” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจงใจแกล้ง ผมก็เลยเผลอชกไหล่ที่เขาโดนยิงเต็ม ๆ จนร่างสูงร้อง ผมตกใจ


   “อัก ลูดี้”


   “อ๊ะ ขอโทษครับ คุณวูฟเจ็บมากไหม ให้ผมไปตามหมอ...” ผมจะลุกขึ้นไปตามหมอก็โดนร่างสูงฉุดแขนจนเซไปซบกับอกกว้างตรงหน้า


   เสียงหัวใจของเขา เต้นแรงมาก...มากซะจนผมได้ยินมันชัดเจน


   “ไม่เป็นไร เจ็บนิด ๆ จูบลูดี้หน่อยเดี๋ยวก็หาย” ผมตัวแข็งทื่อเมื่อเขาก้มลงมาจูบผมของผม...วูฟทำอะไรของเขากันครับ จะรู้ไหมว่าผมหัวใจจะวายอยู่แล้ว!!


   “ผมไม่ใช่ยานะครับ จะมาจูบผมได้ยังไงกันเล่า...” ผมประท้วง เสียงหัวเราะเข้มดังขึ้นในลำคอ


   “ไม่เชื่อเหรอ ว่านายเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับฉันเลยนะ รู้ตัวรึเปล่า” ถ้อยคำธรรมดาจากปากของวูฟ มันช่างไม่เหมือนถ้อยคำธรรมดาสักนิด มันเหมือนคำพูดแสนวิเศษมากกว่า


   “พูดอะไรของคุณครับ ผมจะเป็นยาที่ดีที่สุดของคุณได้ยังไง คุณคิดเองเกินไปรึเปล่าครับ”



   “ฉันไม่ได้คิดเอง แต่หัวใจของฉันมันบอกฉันต่างหาก ว่านายคือสิ่งพิเศษ...” คำหวานอีกคำถูกหยอดออกมาจากเขาทำเอาผมเหวอไปชั่วครู่ โอ๊ยลูดี้...เจอคุณวูฟเวอร์ชั่นนี้แล้วเหวอไปไม่เป็นเลย


   “..........” ผมถึงกับไม่มีอะไรจะตอบเขาออกไป วูฟเลื่อนมือมาจับปลอกคอสีแดงที่ผมใส่อยู่


   “ขอบคุณนะที่นายยอมอยู่กับฉันตรงนี้ และขอบคุณที่พร้อมจะเป็นครอบครัวเดียวกัน” ผมมองมือของตัวเองที่วูฟจับขึ้นมา มือข้างซ้ายมีแหวนวงที่เขาสวมให้กับมือในวันประกาศหมั้น


   “ฉันก็บอกความรู้สึกไปแล้ว...แล้วความรู้สึกของลูดี้ล่ะ” ผมชะงักก่อนจะถอยออกจากเขา คือผม...เขินอะครับ ใครจะกล้าพูด


   “เออ คือ ผมว่าคุณวูฟน่าจะนอนพักผ่อนได้แล้วนะครับ พักเยอะ ๆ จะได้หายไวไว” ผมลงจากเตียง มือหนาจะยื่นมาคว้าแต่เขาก็ชะงักเมื่อเห็นผมเขยิบออกห่างจากเขา แววตาเศร้าของเขาก็ทำให้ผมหยุดกึก


   “นายยังไม่หายโกรธฉันอีกงั้นเหรอ ถึงไม่ยอมเข้าใกล้” ผมรีบส่ายหน้า


   “เปล่านะครับ ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณวูฟแล้ว ไม่ได้โกรธอะไรแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่...เรื่องของความรู้สึก ขอเวลาผมอีกหน่อยได้ไหมครับ” ผมก้มหน้าไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับแววตาคมเข้ม


   “ได้สิ ฉันไม่ได้เร่งเร้าอะไรลูดี้หรอก ฉันรอได้เสมอ...ไม่ต้องเก็บเรื่องที่ฉันถามไปคิดมากก็ได้” เขาบอก ผมก็เลยยิ้มออกมา


   “ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ แม่ของคุณเอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนด้วยพอดี” ผมบอกพร้อมกับรวบ ๆ เสื้อผ้าไว้ในมือและเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยที่ไม่ทันสังเกตแววตาเข้มที่หม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด


   “อย่าอาบนนานล่ะ เดี๋ยวไม่สบาย” ผมได้ยินเพียงน้ำเสียงห่วงใยพูดตามหลังมา


   น้ำเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นมาก...



   ผมอาบน้ำไปได้สักพักด้วยความเพลินจนไม่รู้ว่าตัวเองอาบน้ำนานมาก ผมรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ระหว่างที่ใส่กางเกงผมก็ชะงักกับเสียงเหมือนของล้มดังอยู่ข้างนอก

   โครม...สิ่งที่ผมคิดในตอนนี้คือ คุณวูฟ...เขาล้มรึเปล่า

   “คุณวูฟ! เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมจะเปิดประตูแต่มันกลับล็อค


   “ไม่ต้องออกมาลูดี้ ฉันไม่เป็นไร อยู่ในนั้นก่อน...” เสียงเข้มตอบกลับมาแผ่วเบา ผมเอามือดันประตูด้วยความรู้สึกห่วงขึ้นมาแปลก ๆ ยิ่งเราเพิ่งผ่านเรื่องพวกนั้นมา ผมยิ่งกลัว


   “ทำไมผมออกไปไม่ได้ครับ คุณวูฟ! คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณถึงไม่เปิด....” ผมจะทุบประตูอีกครั้งก็หยุดเมื่อประตูถูกเปิดออก


   “บอกว่าให้รอก่อนไง....” วูฟยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผม ผมรีบจับหน้าของเขาดูด้วยความเป็นห่วง


   “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ ผมได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่น....แล้วนี่อะไรครับ” ผมมองตรงพื้นก่อนจะเบิกตากว้าง ก็เพราะว่าพวกขนมที่ผมเพิ่งจะซื้อมา ถูกเอามาวางเรียงกับพื้นตรงหน้า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับคำที่เขาต้องการจะสื่อ


   ผมอ่านคำตรงหน้าด้วยความตะลึง...ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ถ้าผมฝัน...มันคงเป็นฝันที่ดีมาก


   MARRY ME


   “อาจจะดูรวบรัด ไม่โรแมนติกมาก แต่ฉันก็มีอุปกรณ์เพียงแค่นี้ ดีหน่อยที่ลูดี้ซื้อขนมมาเยอะ ต่อพอดีคำเลย...” เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่สวมกอดผมจากด้านหลัง นี่เขาเรียกไม่โรแมนติกเหรอครับ....


   สำหรับผมมันโรแมนติกมาก…


   “พูดอะไรบ้างสิ คือ ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่ชอบเหรอ” ดูเหมือนว่าผมจะเงียบนานเกินไปจนวูฟทำอะไรไม่ถูก หน้าเขาดูลุ้นกับสิ่งที่ทำลงไปมาก นี่คิดเองรึเปล่าครับ...แทบไม่เชื่อว่าเขาจะคิดเอง


   แต่ก็คงต้องเชื่อ เพราะห้องนี้ไม่มีใครนอกจากเรา


   “ผมแค่...ตกใจกับการกระทำของคุณน่ะครับ” ผมบอกตามตรง ก็มันน่าประหลาดใจไหมล่ะ…จริง ๆ ผมเขินด้วยนั่นแหละครับ ผมเอียงตัวไปมองเขาที่ผละออกจากผม


   “ฉันรู้ ว่ามันดูเร่งรัดไปหน่อย แต่ที่จริงเราสองคนก็หมั้นกันแล้ว ที่เหลือก็แค่แต่งงานกันอย่างถูกต้อง ถ้านายยังไม่พร้อม ฉันรอ...” วูฟดูจริงจังมาก ผมรู้ครับ....ผมดูออก ว่าเขาเริ่มมือสั่นเล็กน้อยเหมือนเพิ่งทำอะไรที่ไม่เคยทำเป็นครั้งแรก การกระทำที่เขาแสดงออกมาทำให้ผมหลุดยิ้ม


   เขาโดนยิง ไม่ได้สมองกระทบกระเทือนนี่นา...ทำไมน่ารักขึ้นขนาดนี้ล่ะ


   “ผมพร้อมครับ” ผมตอบออกไปเรียกความสนใจของวูฟได้ทันที ร่างสูงตาโตและคลี่ยิ้มออกมา เมื่อผมเอื้อมมือไปแตะแก้มของเขา


   “ลูดี้...จริงเหรอ นายไม่โกรธฉันจริง ๆ ใช่ไหม”


   “อ๊ะ คุณวูฟ เดี๋ยวผมจะไปโดนแผลคุณเข้า” ผมสะดุ้งกับวงแขนกว้างที่ดึงผมเข้าไปแนบกาย อ้อมกอดแน่นหนากำลังโอบกอดผมไว้ไม่ปล่อย...ราวกับเสียงเพลงดนตรีเบา ๆ กำลังบรรเลงประกอบ ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีตึกส่องแสงอยู่ระยิบระยับเต็มไปหมด


   “โดนก็ช่าง ไม่เจ็บสักนิด โอ๊ย...” ผมตีเขาด้วยความหมั่นไส้ ร่างสูงก็ร้องออกมา “ตีทำไมเล่า”


   “ไหนบอกว่าไม่เจ็บไงครับ อีกอย่างคุณเลิกพูดได้แล้วนะครับว่าผมโกรธคุณ ผมบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ” ผมกำชับ วูฟก็พยักหน้าเข้าใจ ไม่รู้จะเข้าใจจริงรึเปล่า แต่รอยยิ้มมุมปากของเขาตรงหน้าทำเอาผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ และผมก็ต้องผงะออกกับใบหน้าคมที่ยื่นเข้ามาหาผม


   “รับทราบ ฉันรับรู้แล้วว่าลูดี้ไม่ได้โกรธฉัน เพราะฉะนั้น...” เขาเว้นวรรคด้วยน้ำเสียงขี้เล่น...วูฟขี้เล่นเป็นด้วย!?


    “ฉันขอคำตอบชัด ๆ จากปากของนายได้รึเปล่าว่า นายจะแต่งงานกับฉันใช่ไหม” ผมตาโต


   มาถามอะไรเอาป่านนี้ครับ...ทั้ง ๆ ที่ทำเรื่องแบบนั้นกับผมตั้งเยอะ ผมก้าวถอยหลังออกจากเขาและกระตุกยิ้มเล็ก ๆ

   “ถ้าผมไม่ยอมตกลงล่ะครับ” ผมแกล้ง


   “หา? ทำไมล่ะ ฉันขอไม่โรแมนติกเหรอ เออ แล้วลูดี้ชอบแบบไหน หรือว่า...” ผมมองดูปฏิกิริยาของเขาว่าจะทำอะไรต่อ ก่อนผมจะหลุดยิ้มกว้างกับร่างสูงที่นั่งคุกเข่าลงกับพื้น


   “ฉันอาจจะไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกเหมือนในนิยายของนาย แต่...ฉันให้ลูดี้ได้ทุกอย่างในชีวิตของฉัน” ผมนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของเขาเช่นเดียวกัน ใครบอกล่ะครับ...ว่าวูฟไม่โรแมนติก นี่มันเกินคำว่าโรแมนติกไปแล้ว และที่ผ่านมาเขาเองก็เป็นคนที่โรแมนติกโดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ


   ผมรับรู้มาตลอดว่าลึก ๆ เขาเป็นคนยังไง…

   “คุณวูฟเนี่ย คิก ๆ โวยวายทำไมกันครับ ใจเย็น ๆ ก่อนสิ” เขาชะงักก่อนจะยิ้มออกมา เขาเอามือมาขยี้หัวของผมเบา ๆ ...มือที่กุมมือของผมออกมาจากอันตราย


   “ลูดี้...แกล้งฉันเหรอ” ผมยิ้มกว้าง


   “เอาคืนไงครับ คุณเคยดุผมตั้งเยอะ ผมจำได้” วูฟเลิกคิ้วขำเล็กน้อย


   “อ้าว ก็ตอนนั้นฉันมันปากแข็งนี่....ตอนนี้ปากอ่อนแล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจะแตะแก้มของผมอยู่แล้ว ผมจะเบี่ยงออก เขาก็เลื่อนมาโอบเอวของผมไว้


   “จะเป็นคุณแม่แล้ว ยังกล้าดื้อกับคุณพ่ออีกเหรอ หืม”


   “อ๊ะ คุณวูฟอย่าแกล้งผมสิ” ผมใช้มือปิดแก้มของเขาที่ก้มลงมาหมายจะหอมแก้ม งื้อ....ผมเขิน


   “ถ้าไม่อยากให้แกล้งก็ตอบตกลงมาก่อนสิ” ไหงเมื่อกี้ผมแกล้งเขาอยู่หยก ๆ กลายมาเป็นผมที่โดนเขาแกล้งคืนซะงั้น ผมมองแววตาคมเข้มที่รอฟังคำตอบชัดเจนจากผม ที่จริง...ไม่บอก เขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงว่าผมจะตกลง

   “ผม...”


   “รอฟังอยู่”


   “ผมตกลงครับ ผมจะแต่งงานกับคุณ” ผมตอบชัดเจนก็เรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้ทันที ก่อนผมจะร้องเสียงหลงเมื่อร่างสูงอุ้มผมขึ้น


   “อ๊ะ!! คุณจะทำอะไรครับ ปล่อยลงเลยนะ คุณวูฟไม่เอา” วูฟเดินดุ่ม ๆ ไปตรงเตียงของโรงพยาบาลและวางผมลง


   “คืนนี้นอนเตียงนี้ด้วยกันนะ”


   “ไม่เอาครับ!!” ผมยืนกราน ใครจะไปนอนด้วยกันเล่า...เตียงเล็กมากขนาดนี้ ผมไม่ไปนอนเบียดเขาหรอกครับ


   “ทำไมล่ะ นอนด้วยกันไม่ได้เหรอ”


   “ไม่ได้ครับ! คุณวูฟคุณยังไม่ได้เก็บขนมที่คุณวางไว้เต็มพื้นเลยนะ” ผมจะก้าวลงจากเตียงจะไปเก็บขนมที่ร่างสูงมาขอเซอร์ไพร์ คือมันวางยายเต็มห้องไงครับ เดี๋ยวพยาบาลเข้ามาตอนเช้าจะตกใจกันพอดี


   แต่ร่างสูงก็จับผมนอนลงเหมือนผมเป็นเด็กอนุบาล ระหว่างที่ยื้อยุดกันอยู่ เท้าน้อย ๆ ของผมก็เผลอดิ้นไปถีบตรงจุดศูนย์กลางของวูฟเต็มแรง


   ตุบ!


   “อึก!” ร่างสูงร้องออกมาพร้อมกับล้มลงไปข้างเตียง ผมตาโต แย่แล้ว...


   “คุณวูฟ!! ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ เจ็บมากไหม คุณเจ็บ...” ผมรีบวิ่งไปข้างเตียงฝั่งที่ร่างสูงล้มลงไปนอนกุมจุดยุทธศาสตร์ของเขา ผมถามด้วยความร้อนรนและจับตรงนั้นของเขาอย่างลืมตัว ผมดึงมือของตัวเองออก


   “ฉันไม่เป็นไร ไม่เจ็บเท่าไหร่ แค่จุก...” วูฟนั่งพิงกับโต๊ะตรงเตียงคนไข้มองผมยิ้ม ๆ ส่วนผมก็ยิ้มแห้ง


   “หึ นายเนี่ยชอบทำร้ายร่างกายฉันอยู่เรื่อยเลยนะ ครั้งที่แล้วตอนนายกลิ้งตกเตียงมาก็เหมือนกัน จุกไปจนถึงเช้าเลยล่ะ...ฮ่า ๆ” ผมหน้าร้อนวูบเหมือนจำได้ว่าตอนนั้นผมกระหน่ำตีเขาที่มานอนกอดผมตอนเช้า และเขาก็พูดว่าผมกลิ้งตกเตียงไปหาเขาเอง...


   อย่าบอกนะครับว่า มันคือเรื่องจริง ผมกลิ้งลงไปหาเขาเองวันนั้นเหรอ...โอ๊ย ลูดี้ นอนดิ้นอะไรขนาดนี้ล่ะ



................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารักค่า  :กอด1:  :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ sanax00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณวูฟหวานมากๆ :o8: เขินแทนลูดี้เลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รักก็บอกว่าเนอะวูฟฟฟ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขออย่าให้มีอุปสรรคอะไรเลยน้า

ออฟไลน์ lalun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
งืออคุณวูฟน่ารัก
 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sanax00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค่ะ

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 15


   [พาร์ตของลูดี้]



   “คุณวูฟครับ ช่วยสนใจข้าวที่ผมตักให้ทาน แทนที่จะจ้องหน้าของผมได้ไหม” ผมเริ่มทำหน้ามุ่ยกับคนตรงหน้าที่เอาแต่มองหน้าของผม ไม่ยอมกินข้าว! วูฟกระตุกยิ้ม...ดูเขายิ้มบ่อยจนผิดปกติมาก


   ก็ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาขอผมแต่งงาน (อันที่จริงเราก็เหมือนแต่งแล้ว ผมก็ใส่แหวนของเขาอยู่นี่ไง) แต่เหมือนร่างสูงอยากประกาศชัด ๆ อีกรอบ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าอยากจัดงานให้ใหญ่โต...เรื่องนี้เขาโทรไปบอกพ่อกับแม่ของเขาเรียบร้อย พวกท่านก็ดีใจใหญ่เลยล่ะครับ เตรียมหาวันมงคลสำหรับจัดงานแต่งงานของผมกับเขา เห็นว่าน่าจะรอให้วูฟหายดีซะก่อน ผมว่าเขาก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ...ดูสิ มือกอดเอวของผมแจเลย


   ผมเขินเป็นนะ...


   “ก็คนตรงหน้า น่ากินกว่าข้าวของโรงพยาบาลซะอีกนี่...” เสียงเข้มหยอดมาทำเอาผมชะงักไป


   “คุณวูฟ! พูดอะไรก็ไม่รู้ กินเข้าไปเลยครับ ถ้าคุณไม่กิน ผมจะไปบอกพยาบาลเข้ามาป้อนแทนนะ” ผมขู่ แขนแกร่งก็รั้งเอวของผมเข้าไปหาเขาที่นั่งอยู่บนเตียง


   “กล้าให้พยาบาลสาว ๆ เข้าใกล้ฉันรึไง” วูฟพูดเหมือนรู้ว่าผมไม่ยอม...ก็ใครอยากจะให้คนอื่นมาเข้าใกล้เขาล่ะ


   ผมหวง...ผมเอามือตีปึ่กเข้าที่แผงอกตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้วูฟเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงเสียงหัวเราะพอใจ


   “คุณก็กวนผมตลอด รีบทานเลยครับ จะได้ทานยา”


   “ฮ่า ๆ โอเค ไม่กวนก็ได้ ทานแล้ว อ้าม” เขายิ้มมุมปากแล้วอ้าปากกินข้าวต้มที่ผมเป่าให้เรียบร้อย ทานไปได้สักพักเขาก็บอกว่าอิ่ม ผมเองก็ไม่ได้เซ้าซี้จัดแจงยาให้เขาทานหลังอาหาร วูฟมองหน้าผมที่ยื่นยาให้ทาน


   “อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้าง ยังรู้สึกอยากจะอาเจียนหรือเวียนหัวอยู่บ้างไหม?”


   “ไม่แล้วล่ะครับ ผมรู้สึกว่าผมเริ่มกินของได้เยอะขึ้นแล้วนะ แถมเข้าใกล้คนอื่นก็ไม่ได้กลิ่นฉุนอะไรแล้วครับ” ผมตอบ เขาก็เลยหัวเราะเล็กน้อยและล้อผม


   “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะเห็นนั่งกินขนมเคี้ยวตุ้ย ๆ อยู่คนเดียวจนหมดไปหลายถุง”


   “คุณวูฟก็...ผมหิวนี่ครับ ก็ต้องกินเยอะเป็นธรรมดาแหละ” ผมว่าเขิน ๆ ผมกินเยอะมากกว่าเดิมจริง ๆ ครับ รู้สึกเห็นอะไรก็เจริญอาหารไปซะทุกอย่าง อันนั้นก็น่ากิน อันนี้ก็น่ากิน...


   “ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าอยากกินอะไรก็อ้อนฉันได้เสมอ ยินดีให้อ้อน” ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า


   “ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ใช่คนขี้อ้อน...” ไม่อ้อนน้อย...แต่อ้อนมาก วูฟยิ้มตอบพร้อมกับเอามือมาบีบแก้มของผมเล่น ก่อนเราจะสะดุ้งกับประตูที่เปิดพรึบเข้ามา คนที่เปิดประตูเข้ามาคือผู้ชายตัวขาวผอมบางในชุดคนไข้ ที่คอมีปลอกคอสีทองสวมอยู่ ปกติคนที่ใส่ปลอกคอเป็นพวกโอเมก้าเท่านั้นครับ แววตาใสกลมโตมาก เขาดูตกใจนิด ๆ


   “เออ...คือ ขอหลบหน่อยนะ” เขาพูดแค่นั้นก็วิ่งเข้าไปซ่อนในห้องน้ำ ผมกับวูฟมองหน้ากันงง ๆ


   “คนไข้ของห้องไหนหลุดมาล่ะเนี่ย?” ร่างสูงพูดกับผมพร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เป็นเซย์ที่เปิดเข้ามาครับ


   “ไง ไอ้เซย์? โทษนะ ห้องพักฉันไม่ใช่ห้องสาธารณะนะเว้ย” วูฟว่าแซว ๆ เซย์ดูหอบนิดหน่อยเหมือนวิ่งมา


   “เออ โทษที เห็นคนไข้ที่วิ่งเข้ามาทางนี้ไหม?” ผมชี้ไปที่ห้องน้ำแทนคำตอบ  เซย์ถอนหายใจนิด ๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องน้ำที่เด็กหนุ่มเข้าไปเมื่อกี้ คาดว่าเขาน่าจะอายุเท่ากันกับผม


   “นายอยู่ข้างในนั้นใช่ไหม ออกมาเถอะ...นายจะหนีออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ” ภายในห้องน้ำยังคงเงียบ


   “ไปทำอีท่าไหนล่ะ เด็กมันถึงได้หนีมาแบบนี้” วูฟถามเพื่อนของเขาด้วยน้ำเสียงกวนนิด ๆ เซย์ยกยิ้มมุมปากแต่ดูเหมือนเป็นยิ้มที่เหนื่อย ๆ

   “ก็หลายท่า หึ....” สมกับเป็นเพื่อนรักกันมากครับ ตอบกวนกลับมาได้เด็ดมาก “ออกมา! น้ำแข็ง อย่าให้ฉันต้องพังประตูของโรงพยาบาลนะ...” เซย์แกล้งทำเสียงโหดขึ้น และเสียงที่ได้กลับมาคือเสียงหวานของคนที่อยู่ในห้องน้ำ


   “อย่านะครับ...อย่าพังนะ”


   “ถ้าอย่างนั้นก็ออกมาซะ หนีออกมาจากห้องแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คนไข้ควรทำหรอกนะ...”


   “ฮึก...แต่ผมไม่อยากกินยา” เสียงหวานปนสะอื้นที่ดังออกมาและตามมาด้วยเสียงเหมือนอะไรล้มลงในห้องน้ำ ทำให้เซย์ที่ยืนอยู่หน้าประตูถึงกับอยู่ไม่เป็นสุข


   “งั้นก็เปิดประตูสิ น้ำแข็ง! น้ำแข็ง...เฮ้ยไอ้วูฟ เดี๋ยวฉันจะให้คนมาซ่อมประตูห้องนี้ให้” เซย์หันมาบอกวูฟที่นั่งกอดเอวผมอยู่ เขาพูดแค่นั้นก็ถีบประตูห้องน้ำ พังเรียบร้อย...พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าผู้ชายคนนั้นเป็นลมไปซะแล้ว


   “ผมช่วยไหมครับ คุณเซย์” ผมถามอย่างตกใจ เซย์ส่ายหน้าพร้อมกับอุ้มน้ำแข็งไว้ในอ้อมแขน


   “ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร ขอโทษทีที่มารบกวนที่ห้องพัก ส่วนประตูเดี๋ยวจะบอกให้คนมาจัดการอีกที” เซย์ยิ้ม วูฟกระตุกยิ้มให้กับเพื่อนของเขาที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง


   “แกเชื่อในเรื่องของโชคชะตาไหม ไอ้เซย์...” วูฟพูดขึ้น เซย์หันมามองพวกผม ผมเองก็เหลือบมองร่างสูงข้างกายเหมือนกัน ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา


   “เชื่อสิ...แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะมีโอกาสได้เจอคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองหรอก เพราะครอบครัวของฉันกำหนดคู่หมั้นมาให้ฉันเองแล้วนิ” เซย์พูดออกมาแค่นั้นก่อนจะออกไปจากห้อง ผมก็มองตามงง ๆ


   ผมมองร่างสูงที่เอาหน้ามาซบที่ไหล่ของผม


   “ทำหน้าสงสัยแบบนั้นอยากรู้ล่ะสิ ว่าพวกฉันพูดเรื่องอะไรกัน?” โอ๊ะ...ผมทำหน้าตาอยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ


   “แฮะ...ถ้าคุณไม่สะดวกบอกก็ไม่เป็นไรนะครับ” วูฟยิ้มและกอดเอวผมจากด้านหลังแน่นขึ้น


   “เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก บอกได้...ฉันกับไอ้เซย์เป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้วล่ะ มันเป็นคนที่นิสัยต่างกับฉันคนละขั้ว....” เขาเริ่มเล่า ผมก็ตั้งใจฟัง “คือลูดี้ก็รู้ว่า ฉันมันเป็นคนไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง หรือคู่แห่งโชคชะตา ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันก็เลยดูเหมือนเป็นคนไร้หัวใจ ต่างกับไอ้เซย์ มันเป็นหมอที่แสนดี ห่วงใยคนอื่นสุด ๆ เรียกได้ว่าสนใจคนอื่น มากกว่าตัวเอง...แต่เรื่องความรักของมัน ไม่ได้ราบรื่นแบบนั้น”



   “ทำไมล่ะครับ”


   “เพราะเซย์มันโดนพ่อจับหมั้นกับผู้หญิงที่เป็นโอเมก้ามีเชื้อสายตระกูลดัง เพื่อผลประโยชน์ของบ้านมันน่ะ...เห็นว่าจะหมั้นเร็ว ๆ นี้แหละ” ผมฟังก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ฝืนใจมาก...


   “ตอนแรกฉันได้ยินมันพูดเรื่องนี้ ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่งานหมั้น...แต่พอฉันได้รู้จักลูดี้ ฉันก็เข้าใจว่า...การแต่งงานกับคนที่เราไม่ได้รัก มันเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน...การที่เราได้อยู่กับคนที่เรารัก มันช่างแสนวิเศษ” เขาเล่าเรื่องของเพื่อนอยู่ดี ๆ กลับมาทำซึ้งกับผมซะงั้น ผมยิ้มบาง ๆ ให้กับวูฟที่มองผมด้วยแววตาอ่อนโยน



   “ผมหวังว่าเพื่อนของคุณจะได้พบกับรักแท้ของเขานะครับ”


   “ฉันก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน....” วูฟว่า ผมเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของร่างสูงตรงหน้า


   “คุณวูฟครับ ที่ผ่านมา...คุณเหงามาโดยตลอดใช่ไหม” เขาเงยหน้ามองผม แววตาที่ฉายแววออกมา สะท้อนเห็นผมอยู่ในนั้นด้วย....

   “ใช่...ฉันเหงา และฉันก็ไม่คิดว่าความเหงาของฉัน มันจะถูกทำลายลง เมื่อวันที่เดินชนนายวันแรก...” ผมตาโตแล้วคลี่ยิ้มออกมา ก็เขาพูดถึงวันแรกที่ผมกับเขาเจอกันนี่นา


   เขาจำได้...


   “คุณจำได้ด้วยเหรอครับ” ผมหัวเราะ วูฟเองก็หัวเราะตามผม ราวกับว่าเรานั่งเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เขากับผมเคยเจอกันครั้งแรก เหมือนย้อนความทรงจำเล็ก ๆ ที่เคยเจอกัน ความประทับใจเมื่อแรกเจอ...


   ..........
   ..........

   ผมกำลังยืนมองหมอที่เข้ามาตรวจอาการของวูฟอยู่ในตอนเย็น ประตูห้องน้ำมีคนมาซ่อมให้เรียบร้อยแล้วล่ะครับ เห็นคุณเซย์โดนคุณหมออาวุโสดุเล็ก ๆ ด้วย ฮ่า...ก็เขาเล่นถีบประตูกระเด็นขนาดนั้น


   “เมื่อไหร่จะกลับบ้านได้เหรอ หมอ” เสียงเข้มถามขึ้นหลังจากที่หมอสั่งพยาบาลจัดยา


   “อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง กระดูกไม่มีอะไรได้รับกระทบกระเทือน คาดว่าพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ” หมอตอบสุภาพ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม


   “ยิ้มให้เมียผมทำไมหมอ” เสียงเข้มของวูฟดังขึ้น อ้าว..หมอเขายิ้มทักทายครับคุณวูฟ...


   “หวงภรรยาจังเลยนะครับ คุณวูฟ หมอก็แค่ยิ้มทักทาย” หมอว่าขำ ๆ แล้วเดินออกจากห้อง ผมหัวเราะเบา ๆ วูฟที่นอนอยู่บนเตียงกวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปหาเขา


   “หัวเราะอะไรลูดี้ มานี่เลย” ผมก็เลยเดินเข้าไปหาเขา ก็โดนดึงให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงกับเขา



   “คุณวูฟ...อย่าดึงมือสิครับ” ผมว่า


   “ไปยิ้มตอบหมอทำไม...รอยยิ้มของนายเป็นของฉันคนเดียว” โอ๊ย...มีอย่างที่ไหนหวงรอยยิ้ม


   “ผมก็ต้องยิ้มตอบคนที่ยิ้มมาสิครับ นั่นหมอนะ”


   “ผิดเหรอที่จะหวง...ก็เล่นน่ารักขนาดนี้” เขาชมโต่ง ๆ ออกมา ผมถึงกับเหวอ


   “เลิกหยอดผมเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย...” ผมว่า วูฟก็หัวเราะพอใจ มือหนาเลื่อนมาดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบกายจนผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ผมรับรู้มาตลอดจากตัวของเขา


   “อะแฮ่ม ๆ” ผมสะดุ้งกับเสียงประตูที่เปิดเข้ามาพร้อมเสียงไอของพ่อวูฟ ผมเลยผลักวูฟออกหัวไปโขกผนังเต็ม ๆ


   “อัก ลูดี้”


   “โอ๊ะ คุณวูฟเจ็บมากไหมครับ”


   “ฮ่า ๆ มันหัวแข็งไม่เจ็บหรอก หนูลูดี้” พ่อของวูฟถือพวกของกินเยอะแยะเข้ามาตามแม่ของวูฟ แม่เดินเข้ามากอดผมไว้ ร่างสูงลูบหัวของตัวเองปอย ๆ


   “ใช่ค่ะ ลูดี้ วูฟหัวแข็งไม่เจ็บหรอก...แล้วนี่แกมากอดน้องไว้ทำไมฮะ จะรังแกน้องเหรอ” แม่ของวูฟดึงผมออกห่างจากร่างสูงทันที ผมถึงกับหัวเราะเล็กน้อย


   “โหย แม่ ใครจะไปรังแกกันเล่า ถึงอยากจะทำก็เถอะ...” เขายิ้มขี้เล่น  “แล้วมาทำอะไรกันครับ?”


   “แหม ฉันก็มาเยี่ยมคนป่วยอย่างแกยังไงล่ะ” แม่ของวูฟว่า ก่อนจะหันมาพูดกับผม


   “ลูดี้ เดี๋ยวออกไปเดินเล่นกับแม่ก่อนดีกว่า ปล่อยให้พ่อลูกเขาคุยธุระไป” ผมพยักหน้ารับรู้ แม้จะแอบสงสัยว่าพ่อกับวูฟจะคุยธุระอะไรกัน แต่ผมก็ยอมเดินออกไปข้างนอกห้องกับแม่ของวูฟ


   ผมเดินตามหลังแม่ออกมาตรงระเบียงที่เป็นที่สำหรับพักผ่อน อากาศวันนี้ดีสุด ๆ เลยครับ...


   “รู้ไหมว่า ตอนที่แม่ได้ยินว่าวูฟเขาขอให้จัดงานแต่งงานขึ้น ทำเอาแม่นึกถึงตอนที่พ่อของวูฟมาขอแม่แต่งงานเลย ใครจะคิดล่ะว่า วูฟจะมีมุมน่ารักขอแต่งงานก่อน นี่แม่ตกใจมากเลยนะ” แม่ของวูฟมายืนอยู่ตรงระเบียง ผมยิ้ม


   “ผมเองก็ตกใจเหมือนกันครับ ตอนคุณพ่อขอคุณแม่แต่งงาน แม่ตื่นเต้นไหมครับ” ผมถาม แม่หัวเราะ


   “แม่ด่าซะด้วยซ้ำจ๊ะ รู้สึกเหมือนตอนนั้นแม่กับพ่อจะไม่ค่อยถูกกัน เขาก็เป็นเหมือนวูฟนั่นแหละ ปากไม่ตรงกับใจ พ่อเขาไม่ได้ยอมรับแม่ แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่คอยปกป้องแม่เสมอ ปากบอกไล่แต่เขากลับมีอ้อมกอดอบอุ่นไว้เพื่อแม่เสมอ” แม่บอกด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เหมือนกับวูฟเลยครับ...เขาเองก็เคยไล่ผม แต่การกระทำที่เขาแสดงออกมา


   มันช่างสวนทางกัน...


   “ว่าแต่จะมาพูดเรื่องของแม่ทำไมกันล่ะเนี่ย โฮะ ๆ เขินแปลก ๆ...แล้วตาวูฟเขาขอหนูลูดี้แต่งงานยังไงคะ แม่จินตนาการไม่ออก เจ้าตัวก็ไม่ยอมเล่าให้แม่ฟังด้วย ไหนเล่าให้ฟังซิ” ผมยิ้มก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์น่ารัก ๆ ของวูฟให้แม่ฟัง มันเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ...


   หลังจากที่พ่อของวูฟคุยธุระกับร่างสูงเสร็จพวกท่านสองคนก็พากันกลับบ้าน โดยบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งคนมารับกลับ วันนี้ก็ยังมีลูกน้องมาเฝ้าหน้าห้องของวูฟเหมือนเดิม ผมเลยซื้อขนมนมเนยไปฝากพวกเขา


   “จริง ๆ คุณลูดี้ไม่ต้องลำบากซื้อมาก็ได้นะครับ พวกผมเกรงใจ” ลูกน้องสองคนรับกาแฟเย็นเป็นกระป๋องที่ผมยื่นให้


   “ถ้าลูดี้อยากให้ก็ปล่อยให้เขาให้ไปเถอะ” เสียงเข้มที่ยืนพิงประตูห้องทำให้ลูกน้องโค้งตัวเคารพ


   “นายน้อยวูฟ...ครับ ๆ พวกผมขอบคุณคุณลูดี้มากๆ นะครับ” พวกเขาพยักหน้าหงึก ๆ ผมหันไปยิ้มให้วูฟที่มองผมอยู่ ผมชูถุงขนมที่ลงไปซื้อกับคุณแม่อีกเช่นเคย ขนมเยอะแยะเมื่อวานกินหมดแล้วล่ะครับ เกลี้ยงเลย แฮะ ๆ...


   “ผมซื้อขนมมาฝากคุณตั้งหลายอย่าง”


   “เข้ามาในห้องได้แล้วมา ฉันถือให้...” เขารับถุงจากผมไปถือไว้และโอบไหล่ของผมเข้าไปในห้อง “ซื้ออะไรมาเยอะอีกแล้ว จริง ๆ ฉันไม่ได้หิวอะไร....”


   “ก็ผมอยากให้คุณกินด้วยนี่ครับ คุณจะไม่ทานเหรอ เมื่อวานผมเพิ่งทานไปมันอร่อยมาก นะ นะ...ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบของหวานแต่ผมอยากให้คุณลองชิม....” วูฟขยี้ผมของผมเบา ๆ


   “ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่กิน มาสิ ถ้าลูดี้ขอ กินก็ได้ ไหน...ซื้ออะไรมาบ้าง” ผมยิ้มกว้างออกมาแล้วไปนั่งลงข้างวูฟที่นั่งลงตรงโซฟา เลือกของกินที่ผมซื้อมาเยอะแยะ...


   เขายอมกินของที่ผมเสนอให้เขาชิมด้วยล่ะครับ น่ารักจัง...


   |เช้าวันต่อมา|


   วูฟออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ พวกเรากลับมาถึงบ้านเรียบร้อย แต่ว่า!! ตั้งแต่กลับมาบ้าน ผมก็ไม่รู้ว่าร่างสูงหายแวบไปไหน ตอนผมเข้าไปอาบน้ำพอออกมาก็ไม่เจอร่างสูงซะแล้ว? ผมเปิดประตูออกมาก็เจอกับลูกน้องสองคนที่ยืนเฝ้าหน้าห้องของผมอยู่



   “เห็นคุณวูฟไหม? เขาไปไหน” ผมถาม พวกเขาก็พากันทำหน้าเลิกลัก


   “เออ นายน้อยวูฟไปราชการครับ”


   “หา? ไปราชการ ทั้งที่ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาลน่ะเหรอ ไหนคุณพ่อบอกว่าวันนี้เขาไม่มีงานยังไงล่ะ” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย


   “อ้อ คือมันเป็นงานกะทันหันน่ะครับ นายน้อยสั่งพวกผมว่าถ้าคุณลูดี้อาบน้ำเสร็จให้นั่งเล่นอยู่ในห้อง เดี๋ยวจะมีอาหารมาเสิร์ฟครับ”


   “พวกคุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่รึเปล่าครับ คุณวูฟเขาไปงานราชการจริง ๆ ใช่ไหม” ผมถามย้ำ ยิ่งทำให้ลูกน้องทั้งสองคนมีอาการอ้ำอึ้ง


   “ชะ...ใช่ครับ คุณวูฟไปราชการ....”


   “คุณลูดี้คะ อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ” เสียงป้านมดังขึ้นเหมือนเสียงช่วยลูกน้องของวูฟที่กำลังทำหน้าเกร็ง ๆ ผมเลยละสายตาจากพวกเขา


   “พวกคุณไปพักเถอะ เดี๋ยวผมให้ป้านมอยู่เป็นเพื่อนเอง” ผมบอก พวกเขาก็เลยพยักหน้ารับรู้ ผมเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ป้านมก็เดินตามเข้ามาด้วย


   “เป็นยังไงบ้างคะ ร่างกายโอเคขึ้นมากแล้วใช่ไหม ป้าทำอาหารอ่อน ๆ แต่รสชาติเข้มขึ้นหน่อย หนูลูดี้น่าจะชอบ” ป้ายิ้มให้ผม พร้อมกับวางอาหารหน้าตาน่าทานลง


   “ร่างกายของผมโอเคมากครับ ขอบคุณนะครับ ป้านมดีกับผมมาก ๆ เลย”


   “ก็หนูลูดี้ทั้งน่ารัก ทั้งแสนดีขนาดนี้ ใครไม่รักก็ถือว่าใจด้านชาไปแล้วล่ะค่ะ ว่าแต่...นายน้อยไปไหนล่ะคะ?” ป้าถามคำถามที่ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า วูฟหายไปไหนครับ...ผมส่ายหน้า


   “ไม่ทราบเหมือนกันครับ พอผมอาบน้ำเสร็จก็ไม่เห็นเขาเลย” ผมว่า และเลิกคิดเพราะคิดว่าวูฟคงไปทำงานราชการ แต่ผมจะวีนใส่เขาดีไหมที่จู่ ๆ ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแท้ ๆ แต่กลับไปทำงานราชการ


   ไม่บอกผมสักคำอีก....มันน่านัก!


   หลังจากผมกินข้าวจนอิ่ม ตอนนี้ผมก็นั่งเล่นอยู่ในห้องเพียงคนเดียว แอร์ที่ถูกเปิดอยู่ทำให้อากาศในห้องเย็นสบายสุด ๆ ผมหยิบหนังสือมาเปิดอ่านดูก็ต้องเงยหน้าขึ้นกับประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ...วูฟนั่นเอง


   เขาดูตกใจผมนิดหน่อยที่เห็นผมนั่งอยู่ตรงโซฟา สายตาของผมเหลือบไปเห็นมือของเขาเปื้อนดินมา


   “ลูดี้...ทำอะไรอยู่เหรอ” เสียงเข้มถามพร้อมกับยิ้ม ผมมากกว่านะที่ควรถามเขา


   “อ่านหนังสือครับ คุณวูฟไปไหนมาเหรอครับ?”


   “อ้อ พอดีฉันไปคุยกับคุณแม่มาน่ะ” ผมเลิกคิ้ว ไหนลูกน้องบอกเขาไปงานราชการ?


   “เหรอครับ ทำไมมือของคุณเปื้อนล่ะ” เขากำลังจะเอามือไปซ่อนไว้ด้านหลังแต่ไม่ทันแล้วครับ วูฟชะงัก


   “อ๋อ พอดีฉันเดินผ่านเข้ามาทางสวน มือก็เลยไปละต้นไม้มาด้วยน่ะ ฮ่า ๆ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้กลับมากอดลูดี้ได้” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ผมก็เลยยิ้มตอบ


   “ก็ได้ครับ คุณไปอาบน้ำเถอะ แล้วคุณได้ทานอะไรรึยังครับ ผมจะได้บอกป้านมทำมาให้”


   “ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ลูดี้เลือกเมนูให้ฉันหน่อยก็แล้วกัน” เขาบอกและเดินเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ จังหวะนั้นผมก็ได้กลิ่นดอกกุหลาบที่ลอยฟุ้งออกมาจากตัวของเขา


   ราวกับว่าวูฟไปอยู่ในดงกุหลาบมาอย่างงั้นแหละ...



   “ตกลงเขาหายไปไหนของเขามากันแน่ จะทำยังไงให้ยอมเปิดปากบอกเรานะ...” ผมพึมพำอย่างใช้ความคิด




..............................................................................
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารัก  :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
วูฟไปแอบทำเซอร์ไพรส์อะไรให้ลูดี้อีกหรือป่าว?

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 16


   [พาร์ตของลูดี้]


   เมื่อคืนผมรู้สึกว่าตัวเองจะหลับไปก่อนวูฟซะด้วยซ้ำ ช่วงนี้ผมค่อนข้างง่วงนอนง่ายน่ะครับ เลยหลับไม่รู้เรื่องเลย รู้เพียงแค่ว่าอ้อมกอดเขาที่กอดผมไว้มันอบอุ่น ไม่รู้เขาได้กินข้าวที่ผมบอกป้านมทำมาให้รึเปล่า ผมไม่ได้ถามเลยว่าตกลงเจ้าตัวเขาหายไปไหนมา ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ไปงานราชการ เดาเอาจากความรู้สึกผมครับ

         ฮ่า...ไม่รู้จริงรึเปล่านะ


   ผมตื่นนอนมาก็ไม่เห็นร่างสูง หายไปไหนอีกแล้ว ผมบิดขี้เกียจคลายเส้นก่อนจะเห็นประตูห้องนอนเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงถือถาดอาหารอยู่ ผมเลิกคิ้วกับวูฟที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินอยู่ด้วย


   “อรุณสวัสดิ์ยามเช้าลูดี้ หิวรึยัง”


   “คุณวูฟ ตื่นเช้าจังครับ กลิ่นอะไรหอมจัง” ผมสูดลมหายใจเข้าได้กลิ่นอาหารมันหอมมาก ชวนให้ท้องร้องจ๊อก ๆ ขึ้นมาทันที วูฟวางลงข้างเตียงแล้วเดินไปเปิดผ้าม่านออก เขาดูเป็นคุณพ่อบ้านจัง...ไม่คิดว่าจะเห็นเขาในลุคนี้


   แค่ผมหรือเปล่านะ ที่ได้เห็น ผมอมยิ้มเล็กน้อยจนร่างสูงหันมามอง


   “ยิ้มอะไรคนเดียว หืม?...ลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป จะได้มาทานข้าว ค่อยอาบน้ำตอนสาย ๆ ก็ได้” เขาบอก ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวลงจากเตียงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมรู้สึกว่าผมของผมข้างหน้ามันยาวลงมาปิดตาผมแฮะ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่เปียกน้ำ ลืมเอาผ้าขนหนูเข้าไปด้วย


   “ทำไมออกมาเปียก ๆ แบบนี้ล่ะ มานี่เลยเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”


   “ผมไม่ได้เป็นไข้ง่ายขนาดนั้นซะหน่อย” ผมเถียง จริงนี่นา...ผมไม่ได้อ่อนแอนะครับ แข็งแรงออก โชว์กล้ามแขนให้ดูเลย (ไหนกล้ามแขนของลูดี้....แฮะ ๆ) วูฟเอาพามาเช็ดหน้าให้ผมพร้อมกับเช็ดปลายผมที่มันเปียกด้วย

   “ตัวเองกำลังท้องกำลังไส้อยู่ ต้องระวังไว้ให้มาก ๆ รู้ไหม อย่าทำให้ฉันเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายเล่นสิ”


   “ครับ รู้แล้ว ผมก็ดูแลตัวเองดี ๆ อยู่” ผมยิ้มกว้างให้เขา วูฟยิ้มตอบเล็กน้อย


   “ดีมาก เด็กดี มาดูสิว่า วันนี้ฉันทำอะไรมาให้นายกิน” เขาชวน ผมมองอย่างตื่นเต้น เขาบอกว่าเขาทำเองงั้นเหรอ??


   “คุณทำเองเหรอครับ ว้าว...เมนูนี้ไม่ใช่ข้าวต้มแฮะ” ผมล้อ คราวก่อนที่เขาดูแลผม ผมได้กินแต่ข้าวต้มนิครับ แต่วันนี้เป็นสปาเก็ตตี้ที่หอมเหมือนกลิ่นสมุนไพรเลย ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงโดยมีร่างสูงถือจานไว้ให้


   “อย่าล้อฉันแบบนั้นสิ รู้ไหมว่านี่ตื่นไปทำตั้งแต่ตีห้าเชียวนะ” ดูท่าทางเขาภูมิใจมากกับเมนูนี้


   “ล้อเล่นรึเปล่าครับเนี่ย” ผมเลิกคิ้ว วูฟไม่มีท่าทีว่าล้อเล่น เขายิ้มเขินเมื่อผมหัวเราะออกมา


        “โอ๊ย คุณวูฟ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากขนาดนั้นล่ะครับ จริง ๆ ให้ป้านมทำมาให้ผมก็ได้...”


   “ผิดไหมถ้าอยากทำให้ภรรยากินเอง” ประโยคสั้น ๆ แต่พลังการทำลายล้างสูงมาก



   “คุณวูฟ...” เขายิ้มแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากผม บอกตรง ๆ ว่าผมยังไม่ชินที่เขาหวานใส่แบบนี้


   “ทานเยอะ ๆ นะ ถ้าหิวอีก บอกฉัน ตอนนี้เรียนรู้การทำอาหารหลายอย่างไว้แล้ว เหลือที่ยังไม่เคยศึกษาก็คือ ขนมชั้นที่ลูดี้ชอบ กำลังพยายามหาวิธีทำมาอ่านอยู่” เขาบอกออกมาด้วยความใส่ใจทุกอย่างจนผมอึ้ง ผมหุบยิ้มแทบไม่ได้


   เหมือนเขากำลังพยายามเอาอกเอาใจคนท้องอย่างผมเต็มที่



   “ขอบคุณนะครับ ผมจะทานเยอะ ๆ เลย” ผมบอกแล้วตักอาหารที่เขาทำมาให้กิน มันอร่อยมาก...
ผมว่าฝีมือการทำเมนูครั้งแรกของเขาถือว่าเยี่ยมยอดมาก ดูวูฟจะดีใจเหมือนกันที่ผมบอกว่าชอบเมนูนี้ของเขา


     หลังจากกินเสร็จเขาเอาจานไปเก็บ ส่วนผมเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจเฉิ่ม ผมอาบน้ำอยู่สักพักก็เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตามองหาร่างสูงที่หายตัวไปไหนอีกแล้วไม่รู้ เอ๋...ผมว่าเขาเริ่มจะหายบ่อยเกินไปจนน่าสงสัยแล้วล่ะครับ ไม่ใช่ผมระแวงอะไรเขานะ แต่ผมกลัวว่าเขาเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายโดยที่ไม่ยอมบอกผม


   ช่วงที่ผมกำลังท้องอยู่ ฮีทเลยไม่ทำงานครับ ผมเลยค่อนข้างสบายตัวไม่ต้องกลัวอาการฮีทขึ้นกระทันหัน ผมใส่เสื้อไหมพรมสีน้ำเงิน วันนี้อากาศหนาวหน่อย ๆ (เมื่อวานเห็นบอกมีพายุเข้าด้วยล่ะครับ วันนี้เลยค่อนข้างมีลม) ผมเลือกเสื้อตัวอุ่น ๆ เพื่อทำให้ร่างกายไม่เย็นเฉียบจนเกินไป เอาล่ะ...ถ้าวูฟยังไม่กลับมาภายใน 5 นาที ผมจะออกไปหาเขา


   ผมนั่งมองเวลาอยู่สักพักจนครบ ไร้วี่แววของร่างสูง...ผมเลยเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปตามหาเขา แต่พอเปิดประตูออกถึงกับชะงักกับกล่องกระดาษที่มีลูกโป่งห้อยอยู่ด้วย พร้อมกับโน้ตเล็ก ๆ อะไรเนี่ย...


   “ใครเอามาวางไว้ตรงนี้...” ผมพึมพำก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นที่ใบหน้าผม เมื่อเห็นข้อความในโน้ต


   ‘ลงมาหาหน่อยสิ รออยู่ที่สวนนะ’


   “จะเล่นอะไรของเขากันนะ...ถ้าแกล้งเราจะโมโหให้ดูเลย” ผมว่าแต่ขาของผมก้าวเดินออกไปตามทางเดินตรงไปยังสวนดอกไม้


   ผมเดินตามทางที่ถูกถางไว้อย่างดี ก้อนหินแต่ละก้อนเหมือนถูกเอามาเรียงใหม่ ผมเดินเข้ามาในสวนดอกกุหลาบถึงกับเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้า ดอกกุหลาบสีแดงสดถูกปลูกใหม่ทั้งหมดแทบจะเรียกได้ว่าเป็นทุ่งของดอกกุหลาบ และผู้ชายที่ยืนอยู่ในวงของดอกกุหลาบคือ วูฟ...เขากำลังส่งรอยยิ้มหวานมาให้ผม


   “คุณวูฟ นี่มันอะไรกันครับ ทำไมดอกกุหลาบเยอะแยะขนาดนี้” ผมเดินเข้าไปหาเขาที่ยืนอยู่ตรงกลางของดอกกุหลาบมากมายที่ส่งกลิ่นหอม ลมก็พัดเอื่อย ๆ วูฟเอามือซ่อนไว้ข้างหลังสองข้างก็ลดมือลงยื่นสิ่งที่เขาซ่อนไว้


   “สำหรับลูดี้” ผมตาโตอึ้งกับสิ่งตรงหน้ามันคือ หนังสือเล่มที่ผมหา...หนังสือเชื่อฉันว่ามันคือรัก...


   “คุณไปหามาได้จากไหนกันครับ?” ผมรับมาอย่างดีใจ วูฟยิ้มตาม เขาเอื้อมมือมารั้งเอวผมเข้าไปหา ผมหน้าร้อนวูบกับลมหายใจที่รดต้นคอผมอยู่ 


   “ความจริงฉันเจอมันนานแล้ว เจอตั้งแต่วันที่ลูดี้ไปหาที่ร้านหนังสือ เพียงแต่ฉันอยากจะเซอร์ไพร์เลยไม่ได้เอาให้...จริง ๆ ต้องขอบคุณเล่มนี้ด้วยซ้ำ ที่ทำให้ฉันเริ่มจะเชื่อว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือรัก...” เขาเน้นย้ำตรง ๆ แววตาคมโตประดุจเหยี่ยวกำลังจ้องผมใกล้ ๆ


   ผมหลบสายตาของเขาด้วยความเขิน แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมให้ผมหันหน้าหนี มือหนาเชยคางของผมขึ้น


   “ลูดี้ ถ้าฉันจะขอฟังความรู้สึกของนายชัด ๆ สักครั้ง ได้ไหม”


   “.........”


   “ถ้าฉันบังคับนายมากเกินไปก็ไม่....”


   “ผมก็รักคุณครับ...” ผมสารภาพออกไป แต่กลับไม่กล้าที่จะมองตาของเขา วูฟรั้งเอวผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม วูฟยิ้มออกมาเหมือนดีใจมากที่ได้ยินคำเล็ก ๆ จากปากของผม


   “ตั้งแต่เมื่อไหร่” คำถามเขาทำเอาผมไปไม่เป็น ผมเงยหน้ามองเขาที่จ้องผมตาไม่กระพริบ โอ๊ย...ลูดี้ ไม่รอดจากคำถามนี้แน่นอน

   “ผมต้องตอบด้วยเหรอครับคำถามนี้...”


   “ตอบสิ ฉันอยากฟัง” เขายืนยัน ผมเม้มปากนิด ๆ


   “ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีคุณเข้ามาอยู่ในหัวใจ รู้ตัวอีกที ผมก็มีคุณในใจแล้ว...”


   “เหมือนกันเลย” เสียงเข้มกระซิบข้างหู ผมมองหน้าเขาอึ้ง ๆ

        “ฉันเองก็ไม่รู้ว่า มีนายอยู่เต็มหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...” มือหนาเลื่อนมาลูบหน้าผมอย่างแผ่วเบา


   “งานแต่งงานของเราพร้อมแล้วนะ เจ้าสาวของฉัน...” ผมตาโตกับการ์ดที่เขาหยิบออกมาจากเสื้อสูทของเขา มันเป็นชื่อของผมและวูฟ...


   “เอ๊ะ เดี๋ยวนะครับ แต่งพรุ่งนี้เหรอครับ” ผมดูวันที่ถึงกับอึ้งไปอีกรอบ วูฟกระตุกยิ้มแล้วก้มลงมาหอมแก้ม


   “ใช่ แม่ของฉันหาวันมงคลเองเลยนะ พรุ่งนี้เหมาะที่สุด เลื่อนไม่ได้ด้วย งานเราไม่ได้จัดใหญ่โตมากหรอก แค่เชิญคนครึ่งแสน สื่ออีก 10 สำนักมาทำข่าว” เขาพูดทีเล่นทีจริง ผมทุบไหล่ของเขาด้วยความหมั่นไส้


   “คุณวูฟ พูดจริงหรือพูดเล่นครับ เรื่องคนมาร่วมงานกับสื่อเนี่ย”

   “จริงสิ จะหลอกทำไมล่ะ” เขายิ้มกวน ๆ ดูเหมือนวูฟจะแสดงอารมณ์มากกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ เลยครับ

         ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้ ผมเปิดดูการ์ดในมืออย่างสนใจ


   “เอาหนังสือมานี่ก่อนมา เดี๋ยวฉันถือไว้ให้” เขาว่าแล้วเอาหนังสือเล่มที่เขาเพิ่งยื่นมาเซอร์ไพร์ให้ ผมดูก่อนจะถาม



   “คุณวูฟครับ เออ ที่คุณปลูกดอกกุหลาบเป็นทุ่งให้ผมแบบนี้...”


   “รู้เหรอว่าฉันปลูก” เขาทำตาโตเหมือนผมไม่รู้...คุณวูฟไม่เนียนครับ ผมรู้หมดแล้ว โฮะ ๆ


   “รู้สิครับ มือเปื้อนดินกับกลิ่นกุหลาบเต็มตัวขนาดนี้ เหนื่อยไหมครับ ผมเห็นเหมือนมือของคุณมีแผลด้วย” ผมถามพลางเอื้อมมือไปจับมือเขาดู มันมีแผลจากหนามของกุหลาบจริง ๆ ด้วย


   “ไม่เจ็บหรอก แค่นี้จิ๊บ ๆ ฉันแค่อยากทำอะไรให้ลูดี้ แบบว่าในหนังสือพวกเทพนิยายเห็นเขาชอบปลูกกุหลาบกันน่ะ ก็เลยคิดว่าปลูกเป็นทุ่งน่าจะสวย” เขาพูดออกมาอาย ๆ นิดหน่อย แต่มันเรียกรอยยิ้มของผมได้


   “คุณอ่านนิยายโรแมนติกเหรอครับ”


   “ใช่ แอบอ่านตอนที่ลูดี้นอนแล้วน่ะ แล้วก็ไปขอคำปรึกษาจากแม่มาด้วยอีกแรง” เขาอธิบายเบื้องหลังทุ่งกุหลาบสวย ๆ ตรงหน้า ผมเดินไปจับดู มันหอม แถมยังสีสดอีกด้วย ดูก็รู้ว่ามันเป็นพันธุ์กุหลาบอย่างดี ผมยิ้มให้เขาที่เดินมาดูด้วย


   “ขอบคุณนะครับ ผมชอบมันมากเลย จริง ๆ สวนตรงนี้ถ้ามีที่ไว้นั่งเล่นเป็นศาลาด้วย น่าจะเหมาะเป็นที่อ่านหนังสือได้” ผมเสนอ วูฟพยักหน้ารับรู้เห็นตาม


   “อืม ฉันเองก็คิดเหมือนกัน งั้นไว้เรามาออกแบบสวนนี้ด้วยกันนะ” ผมพยักหน้าสนใจ ผมอยากออกแบบสวนแบบนี้มานานแล้วครับ จริง ๆ เคยอ่านแต่พวกตกแต่งสวนในหนังสือ ผมไม่เคยคิดหรอกครับว่าชีวิตของผมจะได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้...

   “ตกลงครับ” วูฟยิ้มตอบผมแล้วเงยหน้ามองแดดที่เริ่มแรงขึ้น เขาเอามือมาป้องตรงหน้าผมไว้


   “เดี๋ยวเข้าไปในบ้านกันดีกว่า แดดอ่อน ๆ ก็จริง แต่มันคงไม่ดี ถ้าให้คนท้องตัวเล็ก ๆ แบบนายมายืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ” เขาพูดห่วงใยจนผมรู้สึกได้


   วูฟพาผมกลับเข้าไปในบ้านแล้วพาผมขึ้นไปห้องนอนที่เปิดแอร์อุณหภูมิพอเหมาะ เขาดูแลผมดีมากเลยครับ เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนท้อง...น่ารักจัง ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนเดียว ส่วนร่างสูงออกไปข้างนอก คราวนี้เขาไม่ได้หายไปเฉย ๆ ครับ แต่เขาบอกผมว่าจะไปดูสถานที่จัดงานที่แม่กับพ่อของเขาเตรียมไว้ ตอนแรกผมจะไปด้วย แต่วูฟก็ยืนยันว่าอยากให้ผมพักอยู่ที่ห้อง ผมเลยไม่อยากขัดเขาอ่ะครับ เห็นเขาทำหน้าเป็นห่วงผมเลยยอมอยู่ในห้อง


   ผมเปิดหนังสืออ่าน พลางคิดถึงเรื่องที่ผมได้เข้ามาอยู่ในบ้านของวูฟ มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับผมเลยครับ ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสได้เจอกับคนที่เป็นคู่แห่งโชคชะตา แถมตอนนี้ผมกำลังจะมีลูกกับเขา ผมลูบท้องของผมเบา ๆ ผมนอนลงแล้วเอาหนังสือมาเปิดดูไปเรื่อย ๆ...ใช้เวลาไม่นานผมก็อ่านเล่มนี้จบ ผมลุกขึ้นนั่งมองหาหนังสืออีกเล่มที่ตัวเองยังอ่านไม่จบ


   “หนังสือเล่มนั้นเอาไปวางไว้น๊า...” ผมคิด ผมว่าผมเอาไว้แถวนี้นี่ครับ ผมมองหาแล้วเห็นมันอยู่บนตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหนังสืออีก 2-3 เล่ม ใครเอาไปไว้บนนั้น? เดาว่าอาจจะเป็นร่างสูง เขาอาจจะไม่รู้ที่เก็บเลยเอาขึ้นไปวางไว้


   ผมเอื้อมมือจะไปหยิบแต่ปรากฏว่า ขาผมสั้นไป...แฮะ เอื้อมไม่ถึง ผมเลยไปลากเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งมา ผมจับ ๆ ดู มันมั่นคงดีครับ ผมน่าจะเหยียบได้ ผมขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้ก่อนจะหยิบหนังสือได้ แต่ผมลืมว่าตัวเองอยู่บนเก้าอี้ ผมรับรู้ว่าตัวเองกำลังก้าวพลาด

   “เหวอ...”

   หมับ

   วูฟเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าเขารับผมที่กำลังจะตกจากเก้าอี้พอดิบพอดี เฮือก เกือบไปแล้ว...

   “ลูดี้! ทำอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมด ไปยืนบนเก้าอี้ทำไมกัน???” เขาพูดดุขึ้น ผมเลยยิ้มแห้งเมื่อเขาอุ้มโดยใช้สองมือประคองตรงเอวของผม แล้วพาเดินไปที่เตียง วูฟวางผมลงบนเตียง

   “เออ ผมหาหนังสือเล่มที่อ่านค้างไว้อยู่ครับ เห็นมันอยู่บนนั้นก็เลย...” เขามองตามสายตาของผมขึ้นไปบนตู้ที่ผมเพิ่งจะไปหยิบหนังสือมาเมื่อกี้ วูฟเอามือแปะหน้าผากตัวเอง

   “เฮ้อ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรให้ฉันหัวใจจะวาย ถ้าฉันไม่เข้ามาพอดี รู้ไหมถ้าล้มไป ตัวเองอาจจะบาดเจ็บได้ หืม?” เขาถามเสียงเข้ม ผมพยักหน้าสำนึกผิด เมื่อกี้จับเก้าอี้ดูแล้วมันแน่นหนานี่นา...

   “ผมขอโทษครับ” ผมก้มงุด วูฟนั่งลงข้างผมแล้วดึงแก้มของผมเบา ๆ


   “ไม่ต้องขอโทษหรอก แค่สัญญากับฉันว่า จะไม่ทำอะไรที่ดูอันตรายสำหรับนายแล้วก็ลูก”


   “โอเคครับ ผมจะไม่ทำอะไรที่มันอันตรายอีก” ผมพยักหน้าหงึก ๆ ทำตาปริบใส่เขา วูฟหลุดยิ้มออกมาแล้วมองหนังสือในมือ


   “ดีมาก ดูเหมือนหนังสือเล่มนี้ ฉันจะเป็นคนเอาขึ้นไปวางไว้เองล่ะมั้ง เพราะเห็นมันวางกองอยู่กับพื้น ตู้หนังสือก็เต็มแล้ว...ไว้จะสั่งชั้นมาให้เพิ่มละกัน” เขาว่า วูฟนอนตะแคงข้างลงบนเตียงมองผมที่เปิดหนังสือเล่มหนา (ที่เพิ่งปีนเสี่ยงอันตรายไปเอามาเมื่อกี้ ฮ่า...เกือบโดนวูฟดุอีกแล้ว


   “ไปดูสถานที่มา เป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามขึ้น เขาเอามือค้ำหัวเขาไว้มองผมนิ่ง ผมเลยจับหน้าของตัวเอง

   “มีอะไรติดหน้าของผมเหรอครับ” เขาส่ายหน้า ก่อนหน้าของผมจะร้อนวูบ เมื่อร่างสูงเอานิ้วแตะปากของเขา


   “จูบฉันหน่อยสิ ถึงจะบอกว่าสถานที่งานแต่งเราเป็นยังไงบ้าง” เอ๋...เขากระตุกยิ้มกวน
   “คุณวูฟ อย่ามาแกล้งสิครับ ใครจะไปจูบกันล่ะ...”


   “แค่จูบเอง ให้แค่นี้ไม่ได้เหรอ” เสียงเข้มถามจริงจัง ผมเขยิบออกห่างจากเขาไปอยู่อีกมุมของเตียง วูฟเลิกคิ้วสูงมองผมที่หนีเขา


   “ให้เวลา 3 วิ เขยิบมาใกล้ ๆ ฉัน ไม่ทำอะไรหรอกน่า จะคุยเรื่องไปฮันนี่มูน” เขาว่า ผมมองอย่างไม่ไว้ใจ


   “แต่ผมไม่จูบคุณนะครับ” ผมยืนยัน ก็มันเขินไงครับ...ใครจะไปกล้าจูบก่อนเล่า


   “1” เขาเริ่มนับ

   “....” ผมมองหน้าเขา


   “2” เขายังนับต่อ นี่เอาจริงเหรอ ผมรีบเขยิบเข้าไปหาเขา วูฟฉุดแขนผมให้เข้าไปใกล้เขา ทำให้ผมล้มลงไปหาร่างสูงที่พลิกตัวนอนหงาย ผมซบลงตรงแผงอกพอดีเป๊ะ...


   “คุณวูฟ!”


   “อยู่นิ่ง ๆ ขอนอนกอดแบบนี้หน่อย” ผมดิ้นขลุกขลักชะงักกับมือหนาที่ยกมาโอบกอดเอวผมไว้ ผมหยุดดิ้น ผมนอนอยู่บนตัวเขาโดยที่หน้าแนบอยู่ตรงหัวใจวูฟ


   ใจของเขาเต้นแรงจัง...แรงพอ ๆ กับของผมเลย



   “ตัวของนายเล็กจังลูดี้ แต่นายเข้มแข็งกว่าคนตัวโต ๆ อย่างฉันซะอีก” เสียงเข้มพูดออกมาเรียบ ผมยิ้ม


   “ใครว่าคุณไม่เข้มแข็งครับ สำหรับผม คุณเข้มแข็งมาก”


   “อย่าชมฉันสิ เดี๋ยวฉันก็ได้ใจ...” ผมสะดุ้งเมื่อเขาพลิกตัวผมลงไปอยู่ใต้ร่างของเขา วูฟใช้มือกั้นผมไว้ ผมดันแผงอกตรงหน้า ใจเขาเต้นตุบ ๆ


   “อ๊ะ คุณวูฟจะทำอะไรครับ” ผมหลับตาปี๋กับใบหน้าหล่อคมที่ก้มลงมา


   “ถ้าบอกว่าจะปล้ำ จะยอมให้ทำไหมล่ะ” น้ำเสียงขี้เล่นทำเอาผมเหวอ เดี๋ยวนี้เขากล้าเล่นมุขแบบนี้ด้วยเหรอครับ หรือเขาคิดจะทำจริง...


   “ไม่ได้นะครับ ผมท้องอยู่ อีกอย่างผมไม่ได้ฮีทขึ้นซะหน่อย” ผมบ่นอุบอิบก่อนจะตาโตกับสิ่งที่เขาพูดออกมาข้างหู


   “เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องฮีทขึ้น ฉันพร้อมจะกินนายได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว” ผมสะดุ้งแล้วหน้าร้อนฉ่า วูฟก้มลงมาจูบไหล่ของผม จุ๊บ ๆ อยู่นั่นแหละ  ผมหัวเราะออกมาอย่างจั๊กจี๊


   “คุณวูฟ ฮะ ๆ หยุดแกล้งผมได้แล้ว ถอยออกไปเลย” ผมเอากำปั้นทุบเขา แต่มันไม่สะเทือนเลยสักนิด...


   “ผลักออกให้ได้สิ หึหึ โอเค ไม่แกล้งก็ได้” เขาหัวเราะพอใจที่เห็นผมทำหน้ามุ่ย วูฟยอมลุกออกจากตัวผมแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างผมแทน “ว่าแต่ คิดไว้ด้วยนะว่าอยากไปฮันนี่มูนที่ไหน” เขาหันมาบอกผม


   “จริง ๆ คุณคิดก็ได้นะครับ ผมไปที่ไหนก็ได้” ผมหันไปสบตากับเขา


   “ฉันให้ลูดี้เลือก เพราะฉันตามใจภรรยาเสมอ”


   “ก็ผมไม่มีไอเดียอะไรนี่นา คุณมีที่อยากไปไหมครับ?” ผมถาม จริง ๆ ผมไม่เคยคิดอยากจะไปเที่ยวไหน ส่วนมากผมไม่เคยไปเที่ยวหรอกครับ เลยไม่รู้รายละเอียดสถานที่ วัน ๆ อยู่แค่ในเมืองที่ตัวเองทำงานอยู่ก็เท่านั้น


   “ปกติไม่ค่อยไปไหนซะด้วยสิ” เขาเกาหัวแกรก ๆ จนผมหัวเราะออกมา จริงด้วย...ผมว่าวูฟเองคงชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องมากกว่า เราสบตากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกันอีก


   “แสดงว่า เราสองคนไม่รู้จักสถานที่ที่จะไปฮันนี่มูน ผมว่า...ความจริงเราไม่ต้องไปก็ได้นะครับ”


   “ไม่ได้! ต้องไป ไม่งั้นมันก็จะไม่ครบสูตรการแต่งงานสิ” วูฟพูดจริงจัง



   “ก็ได้ครับ ไป ๆ คุณมีหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสักเล่มไหมครับ เราจะได้เอามาเปิดดูกันว่ามีที่ไหนบ้างที่น่าสนใจ”


   “อืม เหมือนจะมี เดี๋ยวไปหาดูให้ก่อน” เขาลุกขึ้นไปค้นแถว ๆ ตรงกองหนังสือทันที ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น


   “วูฟ แม่พาคนมาติดตั้งที่กันกระแทกตามเครื่องใช้แล้ว” แม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองสามคน วูฟหยิบหนังสือได้พอดี


   “พอดีเลยครับ เดี๋ยวผมจะพาลูดี้ออกไปสูดอากาศตรงระเบียง งั้นช่วยจัดการให้ด้วยนะ ตามขอบมุมเตียง อย่าให้มีอะไรแหลม ๆ เดี๋ยวมันจะเป็นอันตรายต่อลูดี้” วูฟว่า ผมมองงง ๆ แต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเขาก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง


   “ออกไปรอข้างนอกกับฉันก่อนดีกว่า” ผมมองสาวใช้ที่พากันเอาผ้านุ่ม ๆ ไปผูกไว้ตามขอบเตียง ที่มันแหลม ๆ  (ประมาณว่าวูฟหาทางปกป้องผมเต็มที่ ไม่ให้ร่างกายของผมกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย) ผมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อเขาพาผมออกมาตรงระเบียงที่ผมเคยเจอเขาตอนที่เขาโยนเงินใส่ผม คิดแล้วก็ขำ...ไม่คิดเลยนะครับ ว่าผู้ชายตรงหน้าตอนนี้ จะเป็นคน ๆ เดียวกัน



   “หัวเราะอะไรคนเดียว หือ?” เขาวางผมลงตรงที่นั่ง

 
   “เปล่าครับ แค่คิดอะไรนิดหน่อย นั่งสิครับ ผมอยากเลือกที่ไปฮันนี่มูนกับคุณ” ผมว่าพลางกางหนังสือท่องเที่ยวที่เขาหยิบออกมาด้วยดูแต่ละหน้าไป วูฟนั่งลงแล้วตบระหว่างขาของเขา


   “มานั่งใกล้ ๆ ฉันนี่มา ฉันจะได้ดูถนัด” เขากางแขนให้ผมเข้าไปในอ้อมกอดเขา

   “ทำไมต้องใกล้ขนาดนั้นด้วยล่ะครับ...ก็ได้ครับ ผมจะเขยิบเข้าไปเดี๋ยวนี้” ผมปฏิเสธแต่เขาหรี่ตาลงแบบบังคับ ผมเข้าไปนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา แถมยังอยู่ระหว่างขาของเขาอีก...บอกทีว่าผมจะปลอดภัย


   “เกร็งขนาดนี้ กลัวฉันทำอะไรรึไง หือ...” ผมยังไม่ทันได้ตอบก็โดนคนตัวโตกว่าขโมยหอมแก้ม

   ฟอด...

   “อ๊ะ คุณวูฟ หอมแรงไปแล้วแก้มจะช้ำ...เอาเปรียบผมอีกแล้ว” ผมดันหน้าเขาที่จะมาขโมยหอมอีกแก้ม

   “ฉันให้หอมคืนเลย เอ้า...หอมสองข้างเลยก็ได้” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ มีอย่างที่ไหนกันครับแบบนี้


   บ้า...


   “ไม่เอาหรอกครับ ไหนบอกว่าเราจะมาหาสถานที่ไปฮันนี่มูนไง”


   “เอาสิ รีบเลือกเลย วันนี้ต้องนอนเร็ว ๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าสาวจะขอบตาคล้ำได้” เขาพูดพลางลูบใต้ตาผม ตาของผมเหมือนหมีแพนด้าเหรอ...ผมยิ้มออกมาก่อนจะเปิดหนังสือผ่าน ๆ ส่วนวูฟจ้องหน้าของผมแบบว่า...ละสายตาบ้างก็ได้ครับ ผมไม่ได้จะหายไปไหนซะหน่อย

   ผมเขิน...ผมดูไปได้สักพักเลยเงยหน้าถามเขาที่จ้องหน้าของผมอยู่เหมือนเดิม

   “ผมให้คุณตัดสินใจนะครับ ผมจะเสนอสถานที่ให้” ผมปรบมือแปะ ๆ แล้วโชว์มือซ้ายขึ้น เขาดูจะตั้งใจฟังผมมาก

   “คุณจะไป ทะเล หรือ จะไปเที่ยว ภูเขา...” มือขวาของผมโชว์ขึ้น “เลือกมาหนึ่งครับ” แต่คำตอบที่ผมได้รับทำเอาผมหลุดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้


   “ฉันเลือกลูดี้...” เขาชี้มาที่ผม “เพราะไม่ว่าที่ไหนฉันก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น ขอแค่ คนที่ฉันได้ไปด้วยคือ นายเท่านั้น”


   “ไหงมาโยนให้ผมเป็นคนตัดสินใจล่ะครับ” ผมว่าขำ ๆ เขาดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด มือหนาเลื่อนมาจับท้องของผมจนรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ส่งมา


   “ตกลงอยากไปที่ไหน ฉันคิดว่าภูเขานายไม่น่าจะขึ้นได้นะ เอาเป็นที่ราบไม่สูงน่าจะดีกว่า” เขาเสนอ เห็นด้วยเลยครับ ตอนแรกเสนอไปก็อยากไปทะเลนี่แหละ คิก ๆ แต่แกล้งเอาภูเขามาเฉย ๆ


   “เอาตามนั้นก็ได้ครับ ผมอยากเห็นทะเลสวย ๆ เหมือนกัน” ผมเคยเห็นแค่ในรูปภาพเท่านั้น แค่คิดก็แอบตื่นเต้นแล้ว


   “ฉันอยากเห็นลูดี้ ใส่เสื้อผ้าสีขาวบาง ๆ อยู่ริมสระน้ำเหมือนกัน...”เขากระซิบข้างหู


   “คุณวูฟ!! ใครจะไปใส่เสื้อผ้าแบบนั้นกันล่ะครับ” ผมตีเขา วูฟหัวเราะพอใจแล้วก้มหน้าลงมาหาผม จนจมูกเราจะแตะกันอยู่แล้ว...ทำไมผมไม่หลบล่ะ แต่ริมฝีปากของเขาไม่ทันจะแตะกับผม พวกเราก็ต้องผละออกจากกัน


   “อะแฮ่มๆ” เสียงแม่ของวูฟดังขึ้นพร้อมยิ้มล้อ ๆ “ขอขัดจังหวะนะจ๊ะ วูฟถอยไปห่าง ๆ ลูกสะใภ้แม่เลย หนูลูดี้ เดี๋ยวไปลองใส่สูทที่จะใส่ในงานพรุ่งนี้กับแม่หน่อย” ผมพยักหน้า


   “ครับ” ผมลุกออกจากตักร่างสูง


   “อ้าว แล้วผมไม่ต้องลองเหรอครับ” วูฟถามเหมือนอยากจะตามไปด้วย แต่โดนแม่พูดกวนใส่


   “ของแกอ่ะ ไม่ต้องลองหรอก ใส่ไรก็ใส่ไปเถอะ ปะ หนูลูดี้ไปกับแม่ค่ะ ปล่อยตาวูฟไว้นี่แหละ” ผมหลุดหัวเราะ    แม่จูงมือผมให้เดินไปด้วย โดยที่ร่างสูงบ่นอุบอิบตามหลังมา แต่เขายิ้มให้ผม


   “โหย ไรอ่ะแม่ ทำแบบนี้กับลูกชายได้ยังไง อวยลูกสะใภ้จังเลยน๊า...”




=========================100% ================
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจจากคนอ่านที่น่ารักค่ะ ^^ เเงง หายไปนาน ยังจำคุณวูฟกับลูดี้ได้อยู่ใช่ไหมมม

*เนื้อหาบางส่วนของตอนข้างบนมีการเปลี่ยนเเปลงบางส่วนเล็กน้อย เดี๋ยวไรท์จะค่อยๆทำการเเก้ไขไปนะคะ

อ่านให้สนุกน๊าาาาา   :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หวานมากรอเจ้าตัวเล็ก

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักมาก หวานจริงๆตอนนี้

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 17

   [พาร์ตของลูดี้]


   ช่อดอกกุหลาบในมือผมมันส่งกลิ่นหอมจนฟุ้งทั่วห้อง ผมยิ้มมองตัวเองในกระจกที่อยู่ในชุดสูทสีขาว บนผมของผมมีโบว์เล็ก ๆ ห้อยอยู่ด้วย (แบบว่าแม่ของวูฟรีเควสมา ขัดไม่ได้ครับ ฮ่า...) ผมตื่นเต้นจัง แม้จะเคยผ่านการหมั้นกับวูฟมาแล้ว แต่นี่ผมกำลังจะแต่งงานกับเขา


   “ตื่นเต้นงั้นเหรอ” เสียงเข้มดังขึ้นด้านหลัง วูฟอยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าคมกับผมถูกเซ็ทอย่างดี เผยให้เห็นใบหน้าหล่อ รัศมีผู้นำจับมาก เขากอดผมจากด้านหลัง


   “ตื่นเต้นสิครับ ผมต้องออกไปเจอคนเยอะ ๆ ผมจะทำให้คุณอายไหม” ผมถาม เขาหันหน้าผมไปหาเขา


   “ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันต้องอายทั้งนั้น ฉันภูมิใจด้วยซ้ำ และยินดีที่จะรับลูดี้เป็นภรรยาอย่างเต็มใจ”


   “ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้ม ก่อนเสียงเคาะตรงประตูจะดังขึ้น พ่อของวูฟนั่นเองครับ


   “ได้เวลาแล้วล่ะ เดี๋ยววูฟพาลูดี้เดินออกมาได้เลยนะ” ผมกับวูฟพยักหน้ารับ เขายื่นมือมาให้ผมพร้อมกับพูดประโยคที่สร้างความเชื่อมั่นให้ผมอีกครั้ง


   “พร้อมจะเป็นภรรยาของฉันอย่างเต็มตัวรึยังลูดี้” มือหนาตรงหน้ายื่นมา ผมไม่ลังเลเลยครับที่จะส่งมือไปให้เขา


   “พร้อมครับ...” ผมวางมือลง และผมก็เชื่อว่า...ผมเลือกไม่ผิดแน่นอน


   ความรักของผม ผมเชื่อว่าผมเลือกแล้ว...


   พิธีแต่งงานของเราผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรติดขัด ทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้มีสื่อหลายที่ที่ทำข่าว เป็นการประกาศการแต่งงานอย่างสมเกียรติผู้นำอัลฟาอย่างเต็มตัว และตอนนี้ผมกำลังมองวูฟที่คุยกับพ่อของเขาอยู่ เขาน่ะสิครับ ไม่รู้ว่ารีบหรือยังไง ก็เขาจะไปฮันนี่มูนวันนี้เลยน่ะสิ บอกเลยครับว่าผมยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลย


   “คุณวูฟครับ เราจะไปกันวันนี้เลยเหรอ” ผมถามเขาที่เดินกลับมาหาผม


   “ใช่ ปกติเขาก็ไปฮันนี่มูนหลังงานแต่งเสร็จนี่...แต่แอบเสียดาย ที่จะไม่ได้กินนาย” เขากระซิบคำหลังให้ได้ยินแค่สองคน ผมเข้าใจนะคำว่า กิน ในความหมายของเขา...


   “คุณวูฟพูดอะไรของคุณเล่า”


   “ก็พูดในสิ่งที่คิด” เขายิ้ม รู้สึกว่าเขายิ้มบ่อย ๆ แบบนี้ ไม่ดีต่อหัวใจของผมเอาซะเลย...


   ก็ใจของผมมันจะละลายเอาซะดื้อ ๆ


   “เลิกลวนลามน้องเลยตาวูฟ หนูลูดี้ ถ้าโดนรังแกบอกแม่นะ แม่จะสั่งลูกน้องตามไปกระทืบ” แม่ของวูฟเดินมาดันลูกชายอย่างแกล้งหยอกออกจากผม เรียกเสียงหัวเราะจากผมและวูฟทันที


   “โหย แม่ ใครเขาจะไปรังแกกัน ผมมีสัจจะในตัวเองหรอกน่า ใช่ไหมลูดี้”


   “ดูแลน้องให้ดี ๆ ด้วยนะ อย่าปล่อยให้คลาดสายตาเชียวนะ” แม่ย้ำอีกทีแต่คราวนี้น้ำเสียงจริงจังจริง ๆ วูฟพยักหน้ารับหนักแน่น มือหนาเลื่อนมาโอบเอวผมเข้าไปใกล้ตัวเขา


   “ครับ ๆ ผมจะดูแลเขาดี ๆ ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแน่นอน”


   หลังจากพวกผมคุยกับพ่อแม่เรียบร้อย พวกเราก็ไปสนามบิน เห็นว่าวูฟจองไว้ เขาบอกว่ามันน่าจะไปถึงเร็วกว่า แต่ผมแอบเกร็ง แบบว่าผมไม่เคยนั่งนี่...ระหว่างที่อยู่บนเครื่องผมแทบไม่กล้าจะขยับตัวกระดิกแม้แต่นิดเดียว จนวูฟที่นั่งข้างกันเหลือบมองท่าทางของผมอย่างเอ็นดู มือหนาเลื่อนมาแตะหน้าผากของผม


   “กลัวเหรอ”


   “นิดหน่อยครับ ผมไม่เคยขึ้นเครื่องก็เลยเกร็ง...” ผมหันไปยิ้มให้เขา เพราะไม่อยากให้เขากังวล


   “จะนอนก็ได้นะ เดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว” เขาเลื่อนมือมากุมมือผมไว้ อุณหภูมิอุ่น ๆ จากฝ่ามือหนาทำให้รู้สึกปลอดภัย


   “ผมคิดว่าผมเริ่มจะง่วง ๆ แล้วล่ะครับ งั้นคุณปลุกผมด้วยนะ” ผมบอกเขาไว้แค่นั้น ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราโดยที่ผมรู้สึกว่าผมเอนไปนอนซบไหล่ของวูฟ


   อบอุ่นมาก...


   ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเครื่องจอดเรียบร้อยแล้ว วูฟปลุกผมที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือ บอกตรง ๆ ว่าผมหลับสนิทมาก วูฟพาผมลงจากเครื่อง สนามบินคนเยอะมาก คนมากหน้าหลายตา (ผมตื่นเต้นตามประสาคนที่ไม่เคยออกไปไหนมาไหนแหละครับ)   มีคนมารอรับเราไปที่โรงแรมห้าดาวที่จองไว้อย่างดี ก็รู้ๆ กันอยู่ว่า วูฟเป็นคนระดับไหน ต้องหรูหราเป็นธรรมดา


   วูฟเลือกที่พักเป็นบ้านหนึ่งหลังที่อยู่ติดทะเลเป็นส่วนตัวมากๆ ผมมองรอบห้องใหญ่ไม่อึดอัดอย่างตื่นเต้น และตรงระเบียงข้างหน้าของผมคือ ทะเล...ว้าว


   หมับ อ้อมกอดแข็งแกร่งสวมกอดผมจากด้านหลัง


   “ชอบที่พักไหม” เสียงเข้มกระซิบแผ่วเบา ผมเอียงคอมองเขายิ้ม ๆ


   “ชอบสิครับ ที่พักสวยมาก แถมยังมองเห็นทะเลอีกด้วย เราไปเดินเล่นกันเลยไหมครับ” ผมชวน วูฟยกยิ้ม


   “จะออกไปเลยเหรอ ตื่นเต้นล่ะสิ งั้นเดี๋ยวมาทาครีมกันแดดก่อนมา” เขาบอกห่วง ๆ แล้วเดินไปหยิบครีมกันแดดมาทาให้ผมตามแขน ผมกับเขาใส่เสื้อยืดสบาย ๆ กับกางเกงขาสั้นสามส่วน  วูฟใส่ปลอกคอบ่งบอกความเป็นเจ้าของผมให้ดี ๆ เขาจูบตรงขมับผม


   “ปะ พร้อมจะไปเดินเล่นแล้วใช่ไหม?” ผมพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมมากครับ!


   ผมกับเขาเดินออกมาทางบ้านพักเพราะมันมีทางเดินลงมาพอดี ตามชายหาดสีสวยมาก วันนี้เป็นวันธรรมดา  คนเลยไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ แต่นักท่องเที่ยวที่มามีอยู่ตามหาดให้เห็นอยู่ประปลาย ผมเห็นผู้หญิงเหลือบมองมาทางผมด้วย เดาว่าเธอคงไม่ได้มองผมหรอกครับ ผมหันไปมองวูฟก็ตาโต เพราะเขากำลังถอดเสื้อออกน่ะสิ!!


   “คุณวูฟ ถอดเสื้อทำไมครับ” เขากระตุกยิ้ม


   “อ้าว ก็จะไปเล่นน้ำกัน จะใส่เสื้อเล่นเหรอ” ผมทำท่าจะถอดเสื้อออกด้วยแต่โดนเขารีบรวบมือไว้


   “หยุดเลย จะทำอะไรน่ะ” วูฟเลิกคิ้ว


   “ก็จะถอดเสื้อไปเล่นน้ำกับคุณยังไงล่ะครับ” ผมยิ้มกว้าง เขาถึงกับเอามือแปะหน้าผากตัวเองเหมือนผมทำอะไรเอ๋อ ๆ ใส่เขาอีกแล้ว


   “ไม่ต้องเลย ลูดี้ไม่ต้องถอด ฉันหวง ไม่อยากให้ใครเห็นร่างกายที่เป็นของ ๆ ฉันคนเดียวเท่านั้น” เขากระซิบแผ่วเบา ทำเอาผมหน้าร้อนวูบ คำว่า ‘หวง’ เขาย้ำชัดเจนมาก ทีเขายังถอดเลย ผมก็หวงเหมือนกันนะ!


   แต่ใช่ว่าผมจะพูดโวยวายออกไปใส่เขา...


   “น้ำไม่เย็นเลยครับคุณวูฟ!” ผมเดินลงทะเลไปก่อนเขา ร่างสูงเดินตามผมมาติด ๆ เขาเอามือมากุมมือผมไว้ ไม่ให้ออกห่างจากเขาสักนิด ผมมองเท้าตัวเองที่เหยียบลงทรายในน้ำใส


   “ใช่ อากาศวันนี้ สบายดีด้วย ไม่ร้อนจนเกินไป” เขาว่า ผมมองออกไปไกล ๆ เหมือนน้ำทะเลมันอยู่ติดกับท้องฟ้าเลย สวยชะมัด ผมยิ้มออกมาโดยมีวูฟที่มองไม่ละสายตากับรอยยิ้มผม


   “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาทะเลครับ ไม่คิดว่ามันจะสวยขนาดนี้ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี้ โดยมีคุณยืนอยู่ข้าง ๆ” วูฟยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับมือเลื่อนมาโอบผมเข้าไปซบตรงไหล่เขา


   “ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อลูดี้เสมอ และก็ลูกของเรา”


   “อนาคตจะเป็นยังไง ก็ไม่รู้นะครับ...” ผมพึมพำ วูฟลูบผมของผมเล็กน้อยแล้วพูดประโยคที่ทำให้ผมยิ้ม


   “แค่รู้ว่าปัจจุบันตอนนี้ ฉันกับลูดี้ยังมีกันและกันแบบนี้ ก็พอแล้วล่ะ อนาคตปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันจะดูแลลูดี้เอง....”
 คำพูดจริงใจเปรียบเสมือนดั่งคำสัญญาของเราสองคนถูกเอ่ยขึ้นจากปากของเขา



   “คุณกำลังทำให้น้ำทะเลกลายเป็นน้ำหวานนะครับ” ผมหัวเราะคิกคัก แล้ววิ่งออกจากอ้อมแขนเขา


   “ลูดี้ จะหนีไปไหน กลับมานี่เลยนะ” เขาวิ่งตามผมที่เดินหนีออกมาจากเขา แต่คลื่นซัดเข้ามาทำให้ผมวิ่งไปได้ไม่ไกลก็ล้มลงไป เปียกหมดเลยครับ



   “อ๊ะ...”

   “ว๊า...เปียกหมดเลยแฮะ รัดรูปหมดแล้ว” วูฟก้มลงมาแกล้งผมที่นั่งอยู่ในน้ำครึ่งตัวเชียวครับ เสื้อมันเปียกจนรัดรูปจริง ๆ ผมสาดน้ำใส่เขาที่ยิ้มแกล้ง

   “ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนหัวเราะผมเลยนะครับ นี่แหนะ! ฮ่าๆ” ผมเอามือกวักน้ำใส่เขาเต็มๆ เลย


   “จะเล่นใช่ไหม? ได้ ๆ มานี่เลยลูดี้” วูฟสาดน้ำคืนมาใส่ผมเบา ๆ (เขาไม่กล้าสาดผมแรงหรอกครับ คิกๆ) ผมกับเขาหัวเราะออกมาพร้อมกัน ราวกับว่าทะเลนี้เป็นของเราสองคน...


   หลังจากเล่นน้ำจนเหนื่อย วูฟเอาเสื้อของเขามาใส่ให้ผมก่อน ส่วนเขาเดินโชว์ซิกแพคโต่ง ๆ ไม่อายเดินตามผมมา       ผมมองข้าวโพดต้มกลิ่นหอมน่ากินมาก แม่ค้าขายอยู่ข้างหาดนี่แหละครับ วูฟสังเกตเห็นเลยยื่นเงินมาให้


   “ถ้าอยากกินก็เอาไปซื้อกินได้เลย เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำหวานตรงนั้นให้” เขาชี้ไปทางร้านขายน้ำที่ไกลหน่อย ผมพยักหน้ารับรู้


   “คุณจะกินด้วยไหมครับ ผมจะได้ซื้อให้ด้วย”


   “เอาตามที่ลูดี้อยากทานเลย ไว้ฉันไปแย่งลูดี้กินก็ได้” เขาพูดขี้เล่นทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปซื้อน้ำ ผมมองร้านขายข้าวโพดตรงหน้า แม่ค้าเงยหน้ามองผมแวบหนึ่งแล้วมองตรงปลอกคอผม


   “เอาข้าวโพดชุดหนึ่งครับ” ผมสั่ง และชะงักเมื่อยื่นเงินให้แม่ค้า


   “หนูเป็นโอเมก้าเหรอคะ?...โชคดีจังนะหนู ที่ได้ตกถังข้าวสาร ถูกอกถูกใจพวกอัลฟาตระกูลดัง” น้ำเสียงที่เค้นออกมา   ผมรู้จักมันดีครับ น้ำเสียงของคนที่ชอบดูถูกโอเมก้าอย่างเรา...ป้าของผมเองชอบใช้สายตาแบบนี้มองผม


   ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงจะไม่พูดอะไรโต้ตอบก้มหน้ารับสิ่งที่เขาดูถูกมา แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าผมไม่ได้ทำตัวไร้ค่า


   “ครับ ผมเป็นโอเมก้า และก็โชคดีมากที่ได้เจอคนรักที่เป็นคู่แท้ของผม ผมไม่ได้ตกถังข้าวสารอย่างที่ป้าพูดหรอกนะครับ” แม่ค้ายื่นถุงข้าวโพดให้ผม


   “หนูคิดว่าโอเมก้ามีสิทธิ์ทำอะไรในสังคมงั้นเหรอ ยังไงพวกเราก็เป็นได้แค่ทาสไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ” ผมมองป้าที่ท่าทางจะมีอคติกับเรื่องชนชั้นน่ะครับเนี่ย ผมเลือกที่จะยิ้มบาง ๆ ให้เธอ เธอถึงกับชะงัก


   “ถึงชนชั้นของโอเมก้าจะไม่มีวันเปลี่ยน ถึงจะอยู่ในชนชั้นล่างสุด แต่มันก็ไม่ได้ความว่า จิตใจของเราจะต่ำลงไปด้วยนี่ครับ อย่าทำให้ตัวเองไม่มีค่าเพียงเพราะฐานะที่ถูกกำหนดมา แต่จงยกจิตใจของเราเองให้สูงขึ้น เพื่อก้าวเดินต่อไปในชีวิตข้างหน้า จะดีกว่านะครับ” ผมพูดจบก็เดินออกไปจากตรงนี้


   ผมเดินกลับมาทางบ้านพักโดยที่ไม่ได้รอวูฟ เพราะคิดว่าเดี๋ยวเขาคงเดินตามกลับมา จริง ๆ ผมเดินมาเหม่อ ต่างหาก ผมยิ้มออกมาให้กับตัวเองที่เข้มแข็งขึ้นมาก ผมกล้าจะตอบสิ่งที่คนอื่นพูดว่ามา ผมไม่ได้นิ่งเฉยเวลาโดนดูถูก    ผมภูมิใจที่ผมได้เกิดเป็นโอเมก้า...เพราะมันทำให้ผมได้เจอกับผู้ชายที่ดีที่สุดอย่างวูฟ


   “ลูดี้! ฟู่ว วิ่งตามมาตั้งไกล กว่าจะเดินตามทัน ทำไมเดินกลับมาก่อนล่ะ หือ?” วูฟหายใจหอบมองผมหันกลับไปหาเขา และเขาเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อผมสวมกอดเขาไว้ “เป็นอะไรไป ไม่ได้ของกินที่อยากกินเหรอ”


   “ได้ครับ ซื้อมาฝากคุณด้วย เยอะเลย” ผมบอกแต่เอาหน้าถูไปมาตรงแผงอกเขาจนวูฟหยุดยิ้มไม่ได้


   “หยุดอ้อนก่อนดีกว่า ดูนี่ ฉันซื้อไอศกรีมมาฝากด้วยนะ น่าจะถูกใจลูดี้ ป่ะ ๆ กลับที่พักกัน” เขาขยี้ผมของผมด้วยความเอ็นดู ผมเลยยิ้มกว้างพยักหน้าเดินตามเขากลับไปที่บ้านพัก


   วูฟสั่งให้ผมไปอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเขาไปอาบน้ำอีกห้องน้ำหนึ่งเหมือนกัน (เขาไม่ยอมอาบห้องเดียวกับผมเพราะว่า กลัวคุมตัวเองไม่อยู่ครับ...) ผมใช้เวลาไม่นานก็อาบน้ำเสร็จ ผมใส่เสื้อสีขาวแขนยาว...ถามว่าใครหาเสื้อตัวนี้มาให้ผม จะมีใครจะอีกล่ะครับ ถ้าไม่ใช่วูฟ แถมกางเกงที่เขาให้ผมใส่ยังเป็นกางเกงขาสั้นอีก


   คงถูกอกถูกใจเขามากที่ผมใส่ชุดแบบนี้ ดูสายตาผู้ชายตรงหน้าที่มองผมอึ้ง ๆ สิครับ วูฟยืนเช็ดผมที่เปียก ๆ อยู่ ร่างสูงใส่แค่กางเกงนอนสีดำ ส่วนท่อนบนเปลือย...ทำไมไม่ใส่เสื้อล่ะเนี่ย...หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเลย กล้ามเขาโอเคมาก...อย่าว่าแต่เขาจ้องผมเลย ผมจ้องเขาเหมือนกันนั่นแหละ


   “ว้าว คิดไว้แล้วว่ามันต้องเหมาะกับลูดี้ เสื้อขาวบางกับกางเกงขาสั้น ปลุกใจดีจัง” เขาทำท่ายกมือขึ้นมาถ่ายรูปผมดู ผมเดินไปนั่งลงตรงปลายเตียง


   “ปลุกใจอะไรล่ะครับ คุณไปเตรียมเสื้อพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้” ผมถามเขางง ๆ เขาเอามันออกมาจากกระเป๋าเดินทางของเขานี่นา วูฟขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วเช็ดผมให้ผมอย่างอ่อนโยน


   การกระทำแบบนี้ของเขาที่แสดงออกมา มักทำให้ผมอึ้งเป็นประจำ...


   “จริง ๆ แม่ เป็นคนหามาให้ต่างหาก เพราะฉันรีเควสไปน่ะ” เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูจะพออกพอใจมาก


   “คุณแม่ก็สนับสนุนให้คุณแกล้งผมจังเลยนะครับ” ผมว่าขำ ๆ


   “ใครว่าแกล้ง ก็แค่อยากเห็นภรรยาที่แสนสวย แต่งชุดแบบนี้ให้ชื่นใจสักครั้ง...ขาขาวเนอะ” เขาเช็ดผมไปด้วยพลางใช้สายตาสอดส่องมองผมไปด้วย ผมที่นั่งอยู่เลยเอามือมาปิดขาของตัวเองไว้ มันสั้นจริง ๆ แหละครับ


   “คุณวูฟ! ใช้สายตาลวนลามผมไม่ได้นะครับ” ผมใช้นิ้วชี้ขู่เขา แต่ถามว่าเขากลัวไหม? ร่างสูงกระตุกยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อะไรสักนิด


   “ยังไม่ได้ใช้สายตาลวนลามสักนิด เขาเรียกว่าใช้คำพูดชมต่างหาก...หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ แล้วดมผมของผมเล็กน้อย “กลิ่นแชมพูนี้หอมดีแฮะ”


   “เหรอครับ ยี่ห้อที่คุณ...คุณวูฟไม่เอา” ผมหันหน้าไปมองหน้าของเขาที่ยื่นเข้ามาใกล้จนจมูกของเขาแตะกับผม


   “นิดเดียวเอง น่านะ”


   “ไม่เอา ผมเขิน...” ผมดันเขาออกแต่โดนรวบมือไว้ พร้อมกับริมฝีปากหนาที่ประกบลงริมฝีปากของผม มันช่างแผ่วเบาและนุ่มนวล กลิ่นกายของเขาที่ผมรู้จักดี ทำให้ผมหลับตาพริ้มรับจูบตรงหน้าด้วยความเต็มใจ


   หัวใจราวกับจะละลาย...


   “น่ารักจัง” เขาถอนจูบออก แต่ไม่ยอมเอาหน้าของเขาออกไปห่าง ๆ  ผมยิ้มแล้วใช้จมูกถูกับจมูกของเขา


   “ผมก็น่ารักแค่กับคุณคนเดียวนั่นแหละครับ” คำตอบของผมเรียกรอยยิ้มของร่างสูง


   “ก็ลองไปน่ารักกับคนอื่นดูสิ ฉันจะจับขังไว้ในบ้าน ไม่ให้ออกไปไหนเลย คอยดู” เขาแกล้งทำเสียงดุ แต่ผมยิ้ม เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้ดุจริง


   “คุณกล้าทำเหรอครับ? ผมจะฟ้องคุณแม่นะ” ผมบอกกลับทำให้เขาเอามือมาหยิกแก้ม


   “โหย เดี๋ยวนี้มีคุณแม่เป็นฝ่ายสนับสนุนนี่นา ท่านน่ะชอบลูดี้มากเลยนะ ฉันตกกระป๋องเลยแฮะ” วูฟหัวเราะแล้วลุกขึ้นจากเตียงไปหยิบไอศกรีมที่เขาเอาเข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็น


   เขายื่นไอศกรีมมาให้ผม


   “มันน่ากินมากเลยครับ คุณไปซื้อมาจากตรงไหนกัน” ผมถามด้วยความสนใจ วูฟมองผมเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ


   “เห็นเขาขายอยู่ถัดจากที่ฉันไปซื้อน้ำน่ะ อร่อยไหม ไอศกรีมกะทิสดเลยนะ” ผมตักขึ้นมากิน มันอร่อยมากครับ เนื้อมะพร้าวนุ่มมาก ผมเคี้ยวตุ้ย ๆ โดยมีวูฟนั่งข้าง ๆ รู้สึกว่าเขาจะไม่ให้ผมกินข้าวโพดแฮะ...ไม่รู้เขาเอามันไปเก็บไว้ไหน ผมเองก็ไม่ได้ถาม


   “อร่อยครับ คุณลองชิมหน่อยไหม” ผมตักป้อน เขาอ้าปากรับไปกินไม่มีการขัดเลยสักคำ “เป็นยังไงครับ?”


   “อือ อร่อยแฮะ เนื้อมะพร้าวไม่แข็งไปใช่ไหม ถ้ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินนะ ไม่ต้องเสียดาย” เขาบอกห่วง ๆ


   “ครับ ๆ ผมกินได้หมดแหละ ของพวกนี้ ถือว่าเป็นของที่ดีที่สุดด้วยซ้ำครับ...” ผมบอกก่อนจะหันไปมองเขาที่ใช้มือโอบไหล่ผมเข้าไปหาเขา


   “อดีตของนายน่ะ ลืม ๆ มันไปก็ได้นะ อะไรที่มันเป็นความทรงจำไม่ดีก็ลืม ๆ มันไปซะ...” เสียงเข้มบอกออกมาทำให้ผมเผลอกำถ้วยไอศกรีมแน่น ราวกับว่าเขารู้ว่าผมถูกว่ามาเมื่อกี้


   “........”


   “ฉันรู้ว่า ถึงแม้มันจะลืมไม่ได้ง่าย ๆ แต่อย่าลืมว่า นายคือหัวใจของฉัน นายมีค่าสำหรับฉันนะลูดี้” คำพูดที่แสนจริงใจและหนักแน่นทำให้ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตามันเอ่อล้นไหลอาบแก้มผม


   “คุณวูฟ...ขอบคุณครับ ขอบคุณ...”


   “ชู่ว เด็กดี ต้องไม่ร้องไห้นะครับ ลูกของเราจะตกใจนะ ว่าอยู่ดี ๆ คุณแม่ที่เขารัก ร้องไห้ทำไม” เขาเช็ดน้ำตาผมออกอย่างเบามือ


   มือหนาที่ไม่เคยคิดจะปล่อยมือของผม มือหนาที่ช่วยผมออกมาจากอันตรายโดยไม่ห่วงตัวเองเลยสักนิด...


   ผมยิ้มให้เขาอย่างจริงใจแล้วซบหน้าลงตรงไหล่เขาที่นั่งอยู่ตรงหน้า


   “วันนี้ผมมาเที่ยวสนุกมาก ๆ เลยครับ เล่นน้ำทะเลครั้งแรกตื่นเต้นมาก เราเขียนไดอารี่บันทึกไว้ดีไหมครับว่าเรามาที่นี่ด้วยกัน” ผมเสนอ วูฟพยักหน้าเห็นด้วย


   “เอาสิ น่าสนใจดี ไว้พรุ่งนี้ ฉันจะพาไปกินอาหารทะเลให้เต็มอิ่มไปเลย อาหารอร่อย ๆ แถวนี้มีเยอะเชียวล่ะ”


   “จริงนะครับ! ผมชักอยากจะกินเร็ว ๆ แล้วสิ” ผมยิ้มกว้าง ช่วงนี้ผมเริ่มกินอาหารได้เยอะขึ้นแล้วล่ะ แบบว่ากินอะไรก็เริ่มจะอร่อย แอบสังเกตตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่อาหารทุกมื้อที่ผมทาน วูฟจะเป็นคนลงมือเป็นพ่อครัวทำให้เองหมดทุกอย่างเลย     ผมเลยได้กินแต่อาหารฝีมือเขา (เขาพัฒนาการทำอาหารขึ้นมาก ๆ เลยล่ะครับ อร่อยทุกอย่าง...แอบชม)


   “ถ้าอยากกินก็นอนพักผ่อนเยอะ ๆ ไม่ดื้อนะครับ กินอิ่มรึยัง” เขาถามผมที่ตักไอศกรีมกินจนหมด

        “ถ้าอิ่มแล้ว ส่งมาให้ฉัน เดี๋ยวจะเอาไปทิ้งให้ ไปแปรงฟันให้เรียบร้อยนะ” ผมยื่นถ้วยไอศกรีมให้เขาไป เขาเอาไปทิ้ง ส่วนผมเดินเข้าไปแปรงฟันให้ห้องน้ำอย่างว่าง่าย เขาดูแลผมระเอียดยิบเลยครับ อะไรที่แม่ครรภ์อ่อน ๆ อย่างผม ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง เขาก็จะฟิคตารางไว้หมด

   “มานอนได้แล้ว เร็ว ๆ มานอนข้างฉัน” เขาตบเตียงปุ ๆ ผมยิ้มกว้างเดินเข้าไปนอนลงข้างเขา

   “ฝันดีนะครับ คุณวูฟ”


   “ฝันดี ลูดี้...” ผมหลับตาลง ไม่นานก็หลับสนิทไปในอ้อมกอดของเขา โดยที่ไม่รู้ว่าวูฟยังไม่ได้นอนแต่จ้องหน้าของผมที่เหนื่อยจากการเล่นน้ำมาทั้งวัน...



   “นายเข้มแข็งขึ้นมากเลยลูดี้...” วูฟลูบหน้าของคนรักตรงหน้า ที่จริงเขาเองก็เดินกลับมาได้ยินประโยคที่ลูดี้โดนว่าเหมือนกัน
   “เฮ้อ ฉันจะทำยังไงให้เรื่องชนชั้นทุกชั้นกลายเป็นชนชั้นที่เท่าเทียมกัน ไม่มีระบบผู้นำและทาส สงสัยเราคงต้องกลับไปคุยกับพ่อเรื่องนี้จริง ๆ จัง ๆ ซะแล้ว”





================100%==========
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดีๆค่า  :L2: :L2: :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ทะเลกลายเป็นน้ำเชื่อมไปแล้วค่ะคุณณณ

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 18
   [พาร์ตของลูดี้]



   ผมตื่นนอนตั้งแต่เช้า ใส่ผ้ากันเปื้อนที่ทางรีสอร์ทมีไว้ให้ (สำหรับทริปที่อยากทำอาหารเอง อะไรประมาณนี้อ่ะครับ) รู้สึกว่าวูฟจะหลับสนิทเลยล่ะ ผมเดาว่าเขาคงเหนื่อยมาก ก็เขาเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่าง ตั้งแต่งานแต่งงานของเรา แล้วนี่ยังพาผมบินมาฮันนี่มูนเลย จะเหนื่อยก็เป็นเรื่องธรรมดา แถมวันนี้เขายังบอกว่าจะพาผมไปหาทานอาหารทะเลตอนเย็นด้วย เพราะงั้นตอนเช้าแบบนี้ผมก็เลยกะจะทำอาหารให้เขาทาน

   เมนูที่ผมเลือกเป็นข้าวผัดหมูธรรมดานี่แหละครับ มีวัตถุดิบที่เขาจัดหามาไว้ในตู้เย็นพอดี ผมเริ่มลงมือทำไปสักพัก โดยที่ไม่รู้ตัวว่าวูฟตื่นแล้ว และเขามายืนอยู่ข้างหลังของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกที เขาสวมกอดเอวผมไว้หลวม ๆ ตอนผมผัดข้าวอยู่


   ผมสะดุ้ง


   “คะ...คุณวูฟ? ตื่นแล้วเหรอครับ”


   “ขอโทษ ตกใจเหรอ...” เขาพูดเสียงง่วงๆ แล้วเอาคางมาเกยไหล่ของผม โอ๊ย...คิดว่าหัวใจผมจะวายไหมครับ มาทำท่าทางแบบนี้ใส่เนี่ย


   “ตกใจนิดหน่อยครับ คุณมาเงียบๆ” ผมตอบและพยายามมีสมาธิกับการผัดข้าวผัด แทนที่จะสนใจใบหน้าหล่อที่คลอเคลียอยู่ตรงไหล่ของผม


   “ฉันได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหาร ทำเอาท้องร้องเลยล่ะ ก็เลยตื่นมาดูว่าลูดี้ทำอะไรให้กิน” เขาว่ายิ้ม ๆ


   “ผมทำข้าวผัดครับ กะจะทำให้เสร็จก่อนคุณตื่น จะได้ทานเลย คุณวูฟไปอาบน้ำก่อนสิครับ ออกมาน่าจะเสร็จพอดี”


   “ไม่ให้ฉันช่วยเหรอ” เขาถาม ผมเบาไฟลงนิดหน่อย


   “ไม่ต้องหรอกครับ มื้อนี้ผมขอโชว์ฝีมือละกัน คุณไปอาบน้ำเถอะนะ” วูฟพยักหน้าเข้าใจแล้วยอมปล่อยมือออกจากเอวของผม


   “เอาแบบที่ลูดี้บอกก็ได้ ทำอร่อย ๆ นะ”


   “รับทราบครับ อร่อยแน่นอน” ผมชูนิ้วเยี่ยม การันตีฝีมือของตัวเอง ทั้งที่ยังทำไม่เสร็จ ฮ่า ๆ มันต้องออกมาอร่อยสิครับ มีผงปรุงรสอย่างดีขนาดนี้ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วเดินหายไปอาบน้ำ ปล่อยให้ผมอยู่กับข้าวผัดหอมฉุย (คาดว่ามันน่าจะอร่อยมาก ฮ่า...)

   หลังจากใช้เวลาไปพอสมควร ผมได้ข้าวผัดที่น่าอร่อยมาสองจาน ผมวางจานลงตรงหน้าของวูฟที่นั่งรอ เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย

   “นี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของลูดี้ ? ถ้าจำไม่ผิด...” เขาทำท่าคิด ผมหัวเราะและนั่งลงตรงข้าม

   “น่าจะครั้งแรกนะครับ เพราะว่าปกติจะเป็นแม่บ้านทำให้ ส่วนตอนที่ผมแพ้ท้อง คุณก็เป็นคนทำให้ผมกิน”

   “จริงด้วย ฉันควรถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก...เอ๊ย ระลึกไหม” วูฟถามขี้เล่น

   “คุณวูฟทำเอาผมแอบเสียความมั่นใจเลย”

   “หึหึ ฉันหยอกเล่นน่า ภรรยาของฉันน่ารักขนาดนี้ อาหารก็ต้องอร่อยสิ” เขาว่า ผมส่ายหน้าเอือม ๆ

   “ทำอาหารอร่อย ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับความน่ารักของผมเลยนี่ กินข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะเย็นหมดก่อน” ผมชวน เพราะเห็นว่าข้าวผัดมันจะเย็นแล้ว วูฟมัวแต่จ้องหน้าของผมตาหวาน ๆ อยู่นั่นแหละ...

   เขาพยักหน้ารับ “ไหนดูสิว่า จะอร่อยเหมือนลูดี้ไหม” วูฟว่าขำ ๆ ยังไม่หยุดพูดแกล้งผมอีก


   “ค่อย ๆ กินนะครับ เป่าก่อนด้วยเผื่อมันร้อน” ผมเตือน มองเขาอย่างใจจดใจจ่อ ไม่รู้เขาจะชอบไหม ก็ผมไม่ได้ชิมเลยนี่นา (ปกติเป็นคนทำอาหารแล้วไม่ชิมครับ ฮ่า...ปล่อยมันไปตามความรู้สึก)

   วูฟตักเข้าไปในปาก เขามองหน้าของผมที่ลุ้นมาก...


   “มัน....” เสียงเข้มเริ่มพูด


   “มันเป็นยังไงครับ?”


   “มันอร่อยมาก” เขายิ้มออกมา ผมยิ้ม


   “คุณวูฟอะ ทำหน้าเหมือนมันไม่อร่อย ผมตกใจหมด” เขาหัวเราะตักมาให้ผมด้วย ผมมองช้อนที่ยื่นมา


   “อ้าปากเร็ว ฉันจะป้อน”


   “ไม่เป็นไรครับ ผมทานเองได้ ไม่เห็นจะต้อง...” ผมจะปฏิเสธแต่เขายื่นมาจ่อปากผมเรียบร้อย ผมเลยยอมอ้าปากกินข้าวผัดคำโตที่เขาตักมาให้ ผมเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ “มันอร่อยจริง ๆ ด้วยครับ ว้าว...” ผมตาโตกับรสชาติข้าวผัดฝีมือของตัวเอง


   “สงสัยฉันอาจจะน้ำหนักขึ้นก็ได้ ถ้าลูดี้เล่นทำอาหารอร่อยขนาดนี้” เขาชมซะเวอร์ แต่ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้


   “คุณชมผมเกินไปครับ อ้อ ว่าแต่วันนี้เรามีโปรแกรมจะไปไหนบ้างครับ” ผมทานข้าวไปด้วยพลางถามไปด้วย


   “ว่าจะพาไปที่พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ ไปถ่ายรูปเล่นกัน แล้วตอนเย็นค่อยไปหาร้านอาหารอร่อย ๆ ทานกัน” วูฟอธิบายระเอียดยิบ ผมพยักหน้ารับรู้อย่างสนใจที่จะได้ไปสถานที่ที่ไม่เคยไป


   “ฟังดูน่าไปจังครับ งั้นรีบกินข้าวดีกว่า” ผมบอกอย่างกระตือรือร้น


   “ค่อย ๆ กินก็ได้ ฉันจะพาไปแน่นอน ลูดี้อย่าลืมกินยาบำรุงด้วยนะ เม็ดหนึ่ง เห็นแม่บอกว่าหมอเป็นคนจัดมาให้ มันจะช่วยบำรุงเจ้าตัวเล็กในท้อง” เขากำชับไม่พอ วูฟลุกขึ้นไปหยิบยามาวางไว้ให้ผม เหมือนกลัวว่าผมจะลืม


   “ครับ ๆ ผมกินข้าวเสร็จ จะกินยาบำรุงนี่ด้วย”


   “ดีมาก” เขาขยี้ผมของผมแล้วหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะมาดื่ม จะบอกว่าเขากินข้าวไวมาก ผมคุยแป๊ปเดียวเขากินหมดจานแล้ว วูฟเขยิบมานั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ ผมแทน


   ผมที่กินข้าวอยู่ ชะงัก...เพราะโดนจ้อง เขาเอามือเท้าคางมองผมตาปริบ ๆ


   “จ้องหน้าผมทำไมเหรอครับ...”


   “กำลังคิดว่า ลูกของเรา จะหน้าตาเหมือนใคร เพศอะไร...ฉันว่าเขาคงจะน่ารักเหมือนลูดี้แน่ ๆ” ผมวางช้อนลงเพราะรู้สึกอิ่ม “อิ่มแล้วเหรอ ทำไมกินน้อยจัง หรือเพราะฉันมานั่งจ้องหน้า?”


   “เปล่าครับ ผมอิ่มแล้วจริง ๆ พอดี ผมตักมาเยอะ ผมกินเยอะจริง ๆ นะครับ” ผมยืนยันเมื่อเห็นเขามองห่วงกลัวว่าผมจะกินน้อย ความจริงผมแอบกินผลไม้ในตู้เย็นไปแล้ว ระหว่างที่ทำอาหาร 


   วูฟพยักหน้ารับรู้แล้วเอายาบำรุงให้ผมกิน ก่อนที่พวกเราจะได้เวลาออกไปเที่ยวกันแล้วล่ะครับ เย้! พร้อมลุยมาก


   ผมกับเขาเดินมาตามถนน ที่มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด บนถนนนี้ เราไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นอัลฟา โอเมก้าบ้าง เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนสนใจกันแถวนี้ วูฟเหลือบมองผมที่ตื่นตาตื่นใจกับของฝากข้างทาง มีของทั่วไปครับ พวกหมวก แว่นสวย ๆ

   “คุณวูฟ ดูนี่ หมวกใบนี้เหมาะกับคุณเลย” ผมเอาหมวกที่มีหูไปใส่ให้ร่างสูงแล้วหัวเราะเบา ๆ


   “แน่ใจนะว่าเหมาะ หัวเราะพอใจที่ได้แกล้งฉันเหรอลูดี้ ฉันว่าใบนี้เหมาะกับนาย” เขาหยิบอีกใบมาสวมให้ผม


   ผมหันไปส่องกระจกก็หลุดหัวเราะ


   “น่ารักดีครับ เราไปดูร้านนั้นต่อดีกว่า” ผมวางหมวกลง ก่อนจะลากร่างสูงให้เดินไปดูร้านอื่น


   ของฝากแต่ละร้านน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลยครับ วูฟบอกผมว่าถ้าอยากได้อะไรก็บอก เขายินดีจะซื้อให้ทุกอย่าง ตามใจผมมากเลย เราเดินเล่นจนมาถึงสถานที่ที่เราตั้งใจจะมา คือ พิพิธภัณฑ์ภาพวาดสามมิติ


   บอกเลยว่า ภาพทุกภาพอลังการมาก วูฟเดินตามผมโดยเขาตามเก็บรูปของผม และถ่ายรูปคู่กับผมไปตลอด ทริปนี้ ผมรับรู้ได้เลยครับว่า วันนี้เป็นอีกวันที่มีความสุขมาก สนุกสุด ๆ


   เราเดินเล่นกันอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์จนถึงเวลาเย็น เวลาวันนี้เดินเร็วมาก สงสัยผมสนุกจนลืมเวลาไปเลย


   “เย็นขนาดนี้แล้วเหรอ ลูดี้ หิวอะไรรึยัง ต้องทานข้าวให้ตรงเวลานะ” วูฟทักขึ้นเมื่อเราเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ที่ใกล้จะปิดแล้ว ผมมองโปสการ์ดในมืออยู่เลยไม่ได้ฟังที่เขาพูด

   มือหนาเอื้อมมาหยิกแก้มผมหยอก ๆ


   “อ๊ะ...ครับ?” ผมเงยหน้ามองเขาที่เอาแขนมาคล้องคอผมเข้าไปใกล้


   “มัวแต่สนใจโปสการ์ดอยู่นั่นแหละ ไม่สนใจฉันเลย เฮ้อ....” เขาแกล้งบ่น ผมรีบส่ายหน้า


   “เปล่านะครับ! ผมสนใจคุณอยู่ พอดีดูรูปเพลิน”


   “ล้อเล่นน่า ไม่โกรธหรอก เมื่อกี้ฉันถามว่าหิวรึยัง จะได้พาไปกิน” ผมเก็บโปสเตอร์ใส่ถุงกระดาษ พลางคิดไปด้วย ถามว่าหิวไหม ก็หิวนะครับ แต่ไม่รู้จะกินอะไรเหมือนกัน


   “มื้อนี้ ผมตามใจคุณละกันครับ คุณบอกมีร้านอยากจะแนะนำผมใช่ไหม”


   “ใช่ งั้นเอาเป็นว่าไปร้านที่ฉันค้นไว้ก็แล้วกันเนอะ” เขาดีดนิ้ว ผมพยักหน้า


   “ตามนั้นเลยครับ ถ้าไม่อร่อยผมจะลงโทษคุณนะ” ผมแกล้งพูดขำ ๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวออกจากเขาที่กำลังก้มหน้าลงมาใกล้แก้มผม เผลอเป็นไม่ได้...จ้องจะเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมตลอด


   “หาร้านไม่อร่อยดีกว่าถ้างั้น อยากโดนลูดี้ลงโทษ...” เสียงเข้มพูดเจ้าเล่ห์นิด ๆ


   คำว่า ลงโทษ ของเขา คิดในแง่ไหนครับเนี่ย


   “คุณวูฟ! เราอยู่ข้างนอกนะครับ ยื่นหน้ามาใกล้ผมทำไมล่ะ” ผมดันเขาออกเขิน ๆ เมื่อเห็นว่าคนที่เดินผ่านมามองเราสองคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักวูฟ (ตอนนี้พวกเราอยู่นอกเมืองครับ คนไม่ค่อยสนใจเรื่องข่าวสารดัง ๆ เท่าไหร่        ผมก็เลยคิดว่าพวกเขาน่าจะไม่ค่อยรู้จักวูฟ) ไม่งั้นเราคงต้องมีลูกน้องตามประกบเวลาออกไปไหนมาไหนแน่ ๆ แต่นี่วูฟต้องการมาฮันนี่มูนกับผมเงียบ ๆ สองคน แสดงว่าที่เที่ยวตรงนี้ต้องปลอดภัยพอสมควร


   ร้านอาหารริมทะเล


   ร้านที่เขาเลือกเป็นร้านริมทะเล ได้ยินเสียงคลื่นชัดเจนสุด ๆ บรรยากาศตรงหน้าทำเอาผมยิ้มตามไปด้วย มีเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ พวกเราสั่งอาหารไปเรียบร้อย มาทะเลก็ต้องกินอาหารทะเลใช่ไหมล่ะครับ วูฟเล่นสั่งมาให้ผมเยอะแยะเลย แอบกลัวว่าจะกินไม่หมด เบียร์ถูกเอามาเสิร์ฟก่อนรายการอาหารที่สั่ง


   “อย่าดื่มเยอะนะครับ เดี๋ยวเมา” ผมบอกร่างสูงที่กำลังยกเบียร์ซด


   “รับทราบ...” เขากระตุกยิ้มมองผมที่มองออกไปทะเลไกล ๆ “ลูดี้...”


   “ครับ?” ผมหันกลับมามองวูฟ และตาโตกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า


   กล่องสีน้ำเงินกำมะหยี่ถูกเลื่อนมาตรงหน้าผม


   “อะไรเหรอครับ”


   “เปิดดูสิ ฉันให้ลูดี้” เขาเลื่อนกล้องมาใกล้ผมอีก ผมเลยเอามาเปิดออกดูก็พบว่ามันคือ ‘สร้อยข้อมือที่มีจี้เป็นตราประจำตัวของวูฟ’ มันสวยมาก


   เขาเซอร์ไพร์ผมอีกแล้วใช่ไหม?


   “คุณวูฟ สวยจังครับ ทำไมคุณถึงให้ผมล่ะ” เขายื่นมือมาหยิบสร้อยข้อมือไปถือไว้ และจับแขนข้างขวาผมไว้


   “เพราะนายคือ คนสำคัญของฉันยังไงล่ะ...ฉันเลยอยากให้สิ่งที่พิเศษ” ผมตาโตมองสร้อยข้อมือที่ถูกสวมลงเบาๆ ที่ข้อมือผม วูฟก้มลงจูบตรงหลังมือของผม จนคนที่นั่งอยู่ในร้านมองกันยิ้มๆ จะบอกว่าผมแทบหุบยิ้มไม่ได้เลย


   งื้อ...คุณวูฟมาหวานๆ แบบนี้ ผมตั้งตัวรับแทบไม่ทัน


   “คุณให้ผมมาตั้งหลายอย่าง แต่ผมกลับยังไม่ได้ให้อะไรคุณเลย” ผมมองหน้าเขาและต้องหน้าร้อนวูบกับประโยคต่อมาที่เขาพูดออกมาอย่างขี้เล่น


   “ลูดี้ให้ทั้งตัวและหัวใจกับฉันแล้วไง นั่นก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว” ผมเอาน้ำมาดูดแก้เขิน


   “พูดอะไรของคุณครับเนี่ย” วูฟหัวเราะออกมาเล็กน้อยที่เห็นผมหน้าแดงเขินเขา


   อาหารที่สั่งไว้เยอะ ๆ ถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ ตอนแรกเราคิดว่าจะกินไม่หมดครับ แต่พอกินไปกินมา มันอร่อยและเพลินมาก ผมกินหมดเกลี้ยงเลย โดยมีวูฟคอยบริการแกะกุ้งให้ (เขาน่ารักอีกแล้วครับ...) มุมนี้ของเขาแทบจะมีแค่ผมเท่านั้นที่ได้รับรู้ใกล้ๆ ขนาดนี้ว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนมากแค่ไหน


   บ้านพักริมทะเล

   ผมนอนกลิ้งเล่นอยู่บนเตียงหลังจากกินจนอิ่มแปล้ ผมอาบน้ำเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ส่วนร่างสูงเพิ่งเข้าไปอาบเมื่อกี้ ผมเอาปากกากับสมุดที่แวะซื้อมาระหว่างทางตอนขากลับ พอดีเจอร้านขายของที่ระลึก มีสมุดน่ารักๆ ด้วย ผมจดรายละเอียดสถานที่ที่เราไปกันมา คล้ายๆ กับจดความประทับใจนั่นแหละครับ ผมเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงแล้วขีดๆ เขียนๆ ลงในสมุด เขียนได้ไม่นานผมก็เริ่มขี้เกียจ


   และร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน กางเกงขายาวสีดำ เสื้อไม่ใส่ นั่นคือชุดนอนของวูฟครับ...ชุดนอนที่ทำให้ใจของคนอื่นเต้นแรง


   “ทำอะไรอยู่ เขียนไดอารี่เหรอ” เขาเช็ดผมที่เปียกแล้วขึ้นมานั่งบนเตียงข้างผมที่นอนหันหลังให้เขา ผมพลิกตัวหันหน้าไปหาเขา


   “ใช่ครับ ผมเขียนไดอารี่อยู่ คุณอยากเขียนอะไรลงไปด้วยไหมครับ” ผมยื่นให้เขา วูฟรับไปดูยิ้มๆ


   “ไม่หรอก ฉันให้นายเขียนเลย เดี๋ยวไว้ค่อยไปล้างรูปมาติดใส่ด้วยคงจะน่ารักน่าดู” เขาเสนอทำให้ผมยิ้มกว้าง เป็นความคิดที่ดีจริงๆ


   “ผมเองก็คิดแบบนั้น คุณวูฟครับ” ผมเรียก เขาเลิกคิ้วเชิงคำถาม “คือว่า ผมขอดูรูปที่คุณถ่ายวันนี้หน่อยได้ไหม”


   “ได้สิ รึว่าจะบอกว่าหิวอะไรซะอีก” วูฟว่าขำๆ เอื้อมหยิบกล้องที่วางอยู่ข้างเตียงมายื่นให้ผม


   “ผมไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นซะหน่อยครับ อิ่มแล้ว...อ๊ะ” ผมกำลังจะหยิบกล้องแต่เขาชูสูงขึ้นไม่ให้ผมจับ


   “ท้องเริ่มย่อยหรือยัง จะให้กินนมบำรุงครรภ์หน่อย” วูฟลงจากเตียงไปค้นในกระเป๋าเดินทาง ผมเลิกคิ้วขึ้น นี่เขาเตรียมของบำรุงลูกในท้องของเรามาทุกอย่างเลยเหรอครับ (พอดีผมเห็นเขาเอาพวกยาบำรุงออกมาจากกระเป๋าเขาเพียบ เดาว่าแม่ของร่างสูงต้องเอาติดมาให้ด้วยแหง)


   “คุณเตรียมมาพร้อมจังเลยนะครับ” วูฟหยิบนมผงไปชงใส่น้ำร้อนที่อุ่นพอดีอยู่ เขายิ้มเล็กน้อย มันเป็นยิ้มที่ภูมิใจกับการดูแลผมสุดๆ เขาเดินกลับมาพร้อมแก้วนม หอมมาก


   “ฉันต้องเตรียมพร้อมสิ จะเป็นพ่อคนแล้วขืนไม่ดูแลเมีย มีหวังแม่มาบิดหูของฉันแน่” เขาว่า ผมหัวเราะออกมาเมื่อจินตนาการโดนแม่ของเขาดุ ผมรับแก้วมาจากเขาที่นั่งลงข้างผม


   “คุณแม่ไม่โหดขนาดนั้นซะหน่อยครับ ผมเห็นท่านเป็นใจดีมากๆ”


   “ใจดีกับลูดี้ แต่ไม่ได้ใจดีกับฉันนี่นา รู้ไหมว่าตอนนี้นายเป็นคนสำคัญของทุกคน ไม่ว่าใครก็เอ็นดูนายทั้งนั้น” วูฟพูดจริงจัง ผมยิ้มให้เขา ผมรู้ครับว่าเขาเป็นห่วงผมเสมอ...เขากลัวว่าผมจะคิดน้อยใจที่ตัวเองเป็นเพียงโอเมก้า


   ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคิดว่าผมต้องกลัวแน่นอน แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้วครับ ผมสามารถยืนขึ้นภูมิใจกับการเป็นโอเมก้า เพราะผมมีคนที่ผมรัก และเขาก็รักผมรออยู่


   ผมเข้มแข็งขึ้น เพราะมีวูฟอยู่เคียงข้าง...


   “จ้องหน้าฉันทำไม ไม่กินนมเหรอ” เสียงเข้มปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมพยักหน้าหงึกๆ ยกแก้วนมซดกินจนหมดรวดเดียว เขาก็มองผมไม่ละสายตา แววตาคมเข้มพาใจผมละลาย


   “นมรสนี้อะไรจังเลย” ผมบอกอย่างถูกใจกับรสชาติที่ถูกปาก วูฟยิ้มพอใจและรับแก้วจากมือของผมไป ผมหน้าร้อนวูบกับร่างสูงโน้มตัวลงมาเลียข้างริมฝีปากของผมที่มีคราบนมติดอยู่


   “อ๊ะ...”


   “นมรสนี้อร่อยจริงด้วย” เขาผละออกพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมเอามือเช็ดปากตัวเองด้วยความเขิน


   “คุณวูฟแกล้งผม”


   “ใครแกล้ง ยังไม่ได้แกล้งสักนิด เขาเรียกว่า เช็ดนมออกจากปากก็เท่านั้น” ผมเม้มปากมองเขาที่หัวเราะอารมณ์ดีเดินเอาแก้วเข้าไปเก็บในครัว ส่วนผมหยิบกล้องมาเปิดดูรูปที่เขาถ่ายไว้


   พอผมเปิดดู ผมยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่ารูปทั้งหมดที่เขาถ่ายวันนี้ มันมีแต่รูปผมแทบจะทุกท่าทาง กล้องตัวนี้แทบจะเหมือนสายตาของเขาที่มองผมอยู่ตลอดเวลา


   รูปผมยิ้ม...

   รูปผมหัวเราะ...

   รูปผมทำแก้มป่อง...

   รูปผมทำหน้าเหม่อ...

   เขาถ่ายเก็บไว้หมด แถมถ่ายแบบมือโปร ภาพคมชัดอีก ผมดูเพลินจนไม่รู้ว่าเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงแล้ว

   “ชอบไหม รูปที่ฉันถ่าย” ผมเงยหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้ม

   “ชอบครับ! คุณวูฟถ่ายสวยทุกรูปเลย ดูสิ รูปคู่ของเราน้อยจังเลยครับ ส่วนมากคุณถ่ายแค่ผม” ผมเลื่อนๆ ดู
 
   “ฉันกับลูดี้ก็คนๆ เดียวกัน ให้ฉันถ่ายแค่นายก็พอแล้ว” เขาพูดหวานใส่จนผมส่ายหน้าเอือมๆ ที่จริงเขินหนักมาก

   “ไม่ต้องมาเล่นมุขหวานเลยครับ ผมเริ่มง่วงแล้ว” ผมบอกพลางหาว สงสัยวันนี้ไปเดินทั้งวันจนรู้สึกปวดเมื่อยและง่วงเร็วผิดปกติ วูฟหยิบกล้องจากมือผมไปเก็บไว้โต๊ะข้างเตียง เขาขึ้นมานั่งบนเตียง

   “ถ้าง่วงก็นอนพักได้แล้ว พักผ่อนเยอะๆ นะ” เขาเอาแขนมาวางให้ผมหนุน ผมยิ้มและนอนลง

   “งั้นฝันดีนะครับ ขอบคุณสำหรับทริปฮันนี่มูนครั้งนี้นะครับคุณวูฟ”

   “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...” เสียงพูดขี้เล่นแต่ผมทำในสิ่งที่เขาอึ้ง คือผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาแล้วจูบปากเขาแบบแตะๆ


   วูฟตาโตอึ้ง ปากเขายิ้มกว้างออกมาโดยอัตโนมัติ

   “ทำไมน่ารักแบบนี้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวอะไรเลย เอาใหม่ได้ไหม” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก ผมเลยรีบดันไว้

   “อ๊ะ พอเลยครับ รอบเดียวพอ! นอนได้แล้ว” ผมรีบหลับตาลงด้วยใบหน้าที่แดงฉ่าไปหมด ผมได้ยินแค่เสียงหัวเราะในลำคอของวูฟที่ดังอยู่ใกล้ๆ เขาเอื้อมมือมากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

   “ราตรีสวัสดิ์ลูดี้...” ผมได้ยินแค่นั้นก็ผล็อยหลับไป

   หลับไปได้สักพักเหมือนผมละเมอตื่นเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ร่างสูงดังลั่น ผมลืมตานิดๆ มองวูฟที่กดรับโทรศัพท์ เขาเอามือลูบหัวผมเบาๆ

   “นอนซะนะลูดี้ ไม่มีอะไร เสียงโทรศัพท์ฉันเอง” ผมมองเขาอย่างงัวเงียไม่ได้ใส่ใจอะไร

   “รีบคุยรีบนอนนะครับ...” ผมบอกแค่นั้นและหลับไปอีกรอบ คราวนี้ผมหลับไปจริงๆ ด้วยความเหนื่อย...




   “โทรมามีอะไร ห๊ะ...ว่าอะไรนะ หัวหน้าแก๊งค์มาวินหนีออกจากการจับกุมระหว่างที่ขึ้นรถไปศาล ทำไมไม่มีคนคอยสกัด ปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง” เสียงสบถของวูฟดังขึ้นเบาๆ
   “บอกทุกคนเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ฉันจะกลับไปจัดการปัญหานี้ให้สิ้นซากเอง ถ้ามันยังลอยนวลอยู่ ตระกูลเฮอร์คิวของเราก็ยังไม่ปลอดภัย สั่งทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เงียบๆ ห้ามบอกให้ลูดี้รับรู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด!...” วูฟสั่งเสียงเข้มผ่านทางโทรศัพท์ที่ลูกน้องของพ่อโทรมารายงาน






==========100%=========
ขอบคุณกำลังใจดีๆจากคนอ่านที่น่ารักค่ะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
งานเข้าแล้ว

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 19


                [PART : ลูดี้]



                ผมกับวูฟมารอเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทที่เรามาพัก ผมมองทะเลเบื้องหน้าอีกครั้งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ    จนร่างสูงหันมามองยิ้ม ๆ



                “ถ้าอยากมาอีกเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ ฉันจะพามาเอง”



                “คุณจะพาผมมาอีกเหรอครับ” ผมถามตื่นเต้น ก็แค่คิดว่าจะได้กลับมากับวูฟอีก ผมก็ดีใจมาก ๆ แล้วล่ะครับ       วูฟยิ้มพยักหน้ารับ



                “ใช่ ถ้ามันเป็นความต้องการของลูดี้ ป่ะ เดี๋ยวเราต้องไปขึ้นเครื่องกันอีก อยากได้ของฝากอะไรเพิ่มเติมไหม       ถ้าอยากได้อะไรก็บอกได้นะ จะได้ซื้อกลับไปด้วย” เขาบอกตามใจผมสุดๆ ผมส่ายหน้า เพราะเมื่อกี้เขาก็เหมาะซื้อของฝากให้ผมไปแล้ว เยอะมาก แทบจะเหมาหมดร้านด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่ห้ามไว้ วูฟได้กวาดของที่ระลึกกลับไปให้ทุกคนในบ้านแน่ ๆ เลยครับ



                ผมเลือกของฝากชิ้นน่ารักๆ ไปฝากทุกคนที่บ้านด้วย ก็เป็นพวกพวงกุญแจ ผ้าพันคอลายสวย



                “ไม่เอาแล้วล่ะครับ เมื่อกี้ก็ขนซื้อมาเยอะแล้ว” ผมยิ้มให้เขาที่เลื่อนมือมากุมมือของผมไว้ มือที่แสนอบอุ่นเหมือนที่พักพิงของผมที่เชื่อมั่นได้....





                บ้านตระกูลเฮอร์คิว



                ใช้เวลาขึ้นเครื่องกลับมาไม่นาน เราก็กลับมาถึงบ้านโดยที่มีรถของทางตระกูลเฮอร์คิวไปรับเรา ที่น่าแปลกใจก็คือ ทำไมในบ้านใหญ่ถึงดูมีคนเยอะ ๆ แบบนี้ พวกเขามาทำอะไรกัน ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องฝ่ายสนับสนุนต่าง ๆ ของตระกูลเฮอร์คิว



                “กลับมากันแล้วเหรอจ๊ะ เป็นยังไงบ้างหนูลูดี้ สนุกไหมคะ” แม่ของวูฟยิ้มต้อนรับผม ผมยกมือไหว้



                “สนุกมากเลยครับ ทำไมวันนี้บ้านดูคึกคักจังเลยล่ะครับ” ผมถามด้วยความอยากรู้ กำลังจะมีสาวใช้เผลอตอบก็หยุดชะงักกึกไปซะก่อน เมื่อเสียงเข้มที่เดินตามหลังของผมมาพูดขึ้น



                “ลูดี้กลับมาเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนที่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาพ่อหน่อย” วูฟว่า



                “ครับ งั้นผมไปรอคุณวูฟอยู่ที่ห้องนะครับ” ผมพยักหน้าหงึก ๆ แม้ในใจจะรู้สึกเหมือนว่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็เถอะ ไม่รู้สิครับ...ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าตระกูลเฮอร์คิวกำลังมีเรื่องอะไรอยู่ แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะถามเขา



                วูฟยิ้มให้ผมนิด ๆ พร้อมกับลูบผมของผม



                “อย่าดื้อนะ เดี๋ยวฉันตามขึ้นไปบนห้อง” เขาพูดจบก็เดินไปทางบ้านใหญ่ ส่วนผมก็เดินกลับไปทางบ้านของเรา โดยมีแม่บ้านถือข้าวของช่วยผม ด้วยความที่ไม่อยากนั่งอยู่ในห้องเฉย ๆ ระหว่างรอร่างสูงกลับมา ผมก็เลยเอาพวกของฝากที่ซื้อมาไปให้ทุกคนในบ้านที่ผมตั้งใจซื้อมาฝากพวกเขา



                จะว่าไปแล้ว พวกผู้หญิงของพวกท่านทูตผมก็ไม่เห็นเลยนะครับ เหมือนผมได้ยินป้านมเล่าว่า วูฟเป็นคนสั่งให้พ่อของเขาจัดการให้กันผู้หญิงของท่านทูตให้ห่างจากผมด้วยความเป็นห่วง น่ารักจังครับ เขาใส่ใจผมมาก...มากซะจนผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุด



                ผมอยู่ทำขนมช่วยป้านมอยู่ในครัวจนเย็น ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างสูง ทำไมเขายังไม่กลับมาอีกล่ะครับ



                “คุณลูดี้คะ ไปพักที่ห้องก็ได้นะคะ ช่วยป้าทำขนมมาตั้งนานสองนาน จะเหนื่อยเอานะคะ” ผมที่กำลังนั่งปั้นแป้งทำบัวลอยอยู่เหม่อ ๆ ก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อป้านมแตะผม “ป้าขอโทษค่ะ ตกใจเหรอคะ”



                “เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย กี่โมงแล้วเหรอครับ” ผมเช็ดมือกับผ้าสะอาดพลางถามเวลา



                “18:00 น. ค่ะ เป็นห่วงคุณวูฟหรือคะ” ป้านมถามเหมือนผมแสดงความห่วงใยออกไปหาร่างสูง ผมพยักหน้า



                “ครับ หายไปนานมาก...ไหนบอกว่าจะกลับมาเร็ว ๆ” ผมบ่น



                “ป้าว่าเดี๋ยวก็คงจะกลับมานั่นแหละค่ะ...”



                “ผมว่าผมไปดูเขาสักหน่อยดีกว่าครับ” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะขอตัวเดินไปทางตึกใหญ่ ผมเดินมาตามทางเดินเรื่อย ๆ และก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกัน ผมชะลอฝีเท้าการเดิน



                “ลูกชายฉันไปไหน ฉันถามว่าลูกชายของฉันไปไหน!” เสียงเข้มที่ดังทุ้มอยู่เป็นเสียงพ่อของวูฟที่กำลังเค้นถามลูกน้องคนสนิทสองคนของร่างสูงที่ทำหน้าหนักใจกับการตอบคำถามนี้



                “คือว่านายน้อย...นายน้อยออกไปหาหัวหน้าตระกูลมาวินคนเดียวครับ” คำตอบของลูกน้องทำเอาผมใจหล่นวูบเมื่อได้ยิน อะไรนะครับ เขาไปหาตระกูลศัตรูคนเดียว...ทำไมล่ะ ก็ไหนวูฟบอกว่าพวกนั้นถูกจับได้แล้ว



                “ว่าไงนะ ทำไมไอ้วูฟถึงไปคนเดียว ทำไมพวกนายปล่อยให้ลูกชายฉันไปคนเดียว!”



                “นายน้อยบอกว่าหัวหน้าตระกูลขอเจอตัวต่อตัวเพื่อเจรจาครับ พวกผมเองก็ห้ามแล้วแต่นายน้อยยืนยันว่าจะไปตามข้อตกลงของมัน เพราะนายน้อยบอกว่า เราต้องรู้จักเชื่อมั่นบ้างครับ...” ประโยคที่ลูกน้องของวูฟพูดออกมาอีกทำให้ผมเดินออกไปจากผนังกำแพงที่ซ่อนอยู่ ทุกคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ตกใจนิด ๆ เมื่อเห็นผมมายืนอยู่ตรงนี้



                “เฮ้อ ท่าทางจะจำคำของภรรยาตัวน้อยมา รักภรรยาจริง ๆ ไอ้วูฟ...ไอ้พวกนั้นมันเคยรักษาคำสัตย์เมื่อไหร่ล่ะ” พ่อของวูฟที่หันหลังอยู่ทำหน้าหนักใจเลยไม่เห็นผม



                “คุณลูดี้...” ลูกน้องของวูฟโค้งให้ผม พ่อของร่างสูงก็หันมาตามสายตาของลูกน้อง



                “ลูดี้ หนูมาตั้งแต่เมื่อไหร่”



                “สักพักแล้วครับ ขอโทษที่แอบฟัง” ผมโค้งนิด ๆ



                “ไม่เป็นไร เรื่องของวูฟหนูเองก็มีสิทธิ์จะรับรู้ทั้งหมดเหมือนกัน แต่ที่มันไม่บอกหนูก็คงเป็นเพราะไม่อยากให้กังวลนั่นแหละ” ผมกำมือนิด ๆ ก่อนจะขอในสิ่งที่ทำเอาทุกคนส่ายหน้ารัว



                “ผมขอไปตามคุณวูฟกลับได้ไหมครับ ถ้าผมไปตามเขา ผมเชื่อว่าเขาจะกลับกับผม”



                “ไม่ได้เด็ดขาด” พ่อของวูฟปฏิเสธ



                “ไม่ได้นะครับ คุณวูฟสั่งพวกผมไว้ว่าห้ามคุณลูดี้มารับรู้เรื่องพวกนี้” ลูกน้องของเขาก็บอกอีกเสียง



                “หนูลูดี้พ่อรู้ว่าหนูเป็นห่วงไอ้วูฟแต่การที่หนูจะไปตามกลับมาเอง มันอันตรายเกินไป ถึงจะมีแค่หัวหน้าตระกูลมาวินแต่เราก็ไม่รู้ว่าพวกมันมีแผนอะไรอย่างอื่นรึเปล่า วูฟเองก็ประมาทพวกมันเกินไป”



                ผมทำหน้าเศร้าลงจนทุกคนเริ่มกังวล เพราะมันคงไม่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ท้องอ่อนแบบผมนัก



                “เรื่องนี้พ่อจะจัดการตามหาเอง กัสนายพาลูดี้กลับไปที่บ้านของวูฟ ไป” พ่อของวูฟหันไปสั่งกัส หัวหน้าโอเมก้าที่เดินผ่านมาทางนี้พอดี ผมจะอ้าปากคัดค้านก็ไม่ทันเมื่อพ่อของร่างสูงเดินลิ่ว ๆ หนีไปอีกทางพร้อมกับลูกน้องอีก 3-4 คน



                ผมเดินกลับมาห้องโดยมีกัสมาเฝ้าด้วย ผมนั่งอยู่บนเตียงด้วยความกังวลใจแปลก ๆ ผมไม่รู้ว่าวูฟอยู่ที่ไหน ทำไมเขาถึงต้องไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวด้วย



                “กัสครับ” ผมเรียกผู้ชายสูงโปร่งที่อยู่ในชุดเครื่องแบบ ผมเจอเขาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ เหมือนกัสรู้ว่าผมจะพูดอะไร



                “คุณลูดี้จะขอผมออกไปหาคุณวูฟใช่ไหมครับ ผมว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย คุณต้องอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุดนะครับ”



                “แต่ผมเป็นห่วงคุณวูฟนี่ครับ ผมอยากไปช่วยเขา” ผมบอกเหมือนเด็ก ความกังวลใจตอนนี้ทำเอาผมไม่อยากนั่งรอเขาอยู่ที่นี่ ตอนผมตกอยู่ในอันตราย วูฟเองก็ไปช่วยผมโดยไม่ห่วงตัวเองสักนิด แล้วมันจะผิดอะไรถ้าหากผมอยากจะปกป้องคนที่ผมรักบ้าง



                “คุณลูดี้รู้เหรอครับว่าจะไปตามหานายน้อยได้ที่ไหน” เขาถาม ผมชะงัก จริงด้วยไปตามหาได้ที่ไหนล่ะ ผมมองกัสตาปริบ ๆ อย่างต้องการความช่วยเหลือจนเขาถอนหายใจเบา ๆ “หากมีคนรู้ว่าผมช่วยคุณลูดี้มีหวังโดนลดเงินเดือนแน่ ๆ ครับ” เขาพูดติดตลกและกดเครื่องไอแพดที่ถือไว้ ผมยิ้มกว้าง



                “กัสจะช่วยผมตามหาคุณวูฟใช่ไหมครับ ขอบคุณนะครับ!”



                “ช่วยครับ ผมเองก็จะไปกับคุณด้วย ปล่อยคุณไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวไม่ได้หรอก” ผมรีบส่ายหน้า



                “ไม่ได้นะครับ ถ้าคุณไปด้วยก็จะผิดสังเกตสิ คุณอยู่นี่ก็ได้ ผมไปเองคนเดียวได้ ผมว่าเราน่าจะไปถึงก่อนพวกคุณพ่อกับลูกน้องแน่ ๆ” ผมเหลือบมองไอแพดที่กำลังค้นข้อมูลก็เห็นมันระบุตำแหน่งของร่างสูงจากเครื่องตามหาที่ติดตั้งไว้กับนาฬิการ่างสูง พอมันระบุตำแหน่งได้ผมก็เอาเสื้อกันหนาวตัวบางมาสวมไว้



                “คุณลูดี้ผมปล่อยให้คุณไปคนเดียวไม่ได้นะครับ” ผมยิ้มพร้อมกับชูสองนิ้ว



                “ผมไหวครับ ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวผมกลับมา” ผมบอกและใช้จังหวะความไวของตัวเองวิ่งหนีออกไปทางประตูลับในสวน ช่วงตัวเล็กของผมผ่านไปได้สบาย ๆ ผมรีบโบกมือเรียกแท็กซี่หน้าปากซอยทันที



                ความรู้สึกกลัวของผมตอนนี้แทบจะไม่มีเลย ในหัวของผมคิดแค่ว่า อยากเจอวูฟเร็ว ๆ อยากเห็นว่าเขาปลอดภัยดี รอผมก่อนนะครับคุณวูฟ...ผมกำลังจะไปหาคุณ ว่าเเต่ผมจะไปถูกตามตำเเหน่งไหมล่ะ...เเฮะ





                โกดังร้าง



​เเล้วผมก็มาถูกจนได้...



                ผมมองโกดังตรงหน้าด้วยความกลัวขึ้นมา ก็ดูสิมันมืดมาก...ผมกำลังจะเดินเข้าไปก็ต้องรีบหลบหลังพุ่มไม้เมื่อได้ยินเสียงคนคุยโทรศัพท์



                “ไม่คิดว่าลูกชายคนเดียวของตระกูลเฮอร์คิวจะรักครอบครัวขนาดนี้ หึ มันโง่ยอมมาคนเดียวจนได้” เสียงเย็นเฉียบเอ่ยขึ้น ทำเอาผมใจหาย ผมเหลือบมองดูก็จำได้ว่าเป็นหัวหน้าตระกูลมาวินครับ แสดงว่าวูฟอยู่ข้างในนั้น ผมมองไปรอบตัวเพื่อหาทางเข้าก็เจอช่องเล็ก คล้ายประตูช่องหมาแต่ผมน่าจะเข้าได้นะ



                ผมตัดสินใจคลานกระดึ้บเข้าไป ก่อนจะเจอห้องที่มีกรงขัง และผู้ชายที่นั่งหันหลังพิงลูกกรงอยู่คือ คนรักของผม แถมเขายังดูอาการไม่ดีเลย ผมยังไม่ทันจะเดินเข้าไปใกล้ วูฟก็หันขวับมาทางผม เขาตาโตเมื่อเห็นผม



                “ลูดี้...มาที่นี้ได้ยังไง อย่าเข้ามาใกล้ฉัน...” ผมเดินเข้าไปหา ร่างสูงกลับถอยหนีด้วยอาการหอบ เหมือนคนกำลังติดฮีท



                “คุณวูฟ ผมมาช่วยคุณ พวกเขาทำอะไรกับคุณ ทำไมหน้าคุณมีเลือดล่ะครับ” วูฟเอื้อมมาจับลูกกรงไว้ด้วยมือสั่นเทา ใบหน้าหล่อคมมีรอยช้ำของการโดนซ้อม เขายิ้มเล็กน้อย ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาหน่อย



                “มันฉีดยาอะไรให้ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้ มันอาจจะเป็นยาปลุกฮีทให้ตัวฉันทำให้ได้กลิ่นของลูดี้มากขึ้น....ออกไปห่าง ๆ ฉันก่อน...นายไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำลูดี้ แฮ่ก...ลูกน้องฉันมันดูแลยังไงถึงปล่อยนายออกมาหาฉัน”



                “อย่าโทษลูกน้องคุณเลยนะ เป็นผมเองแหละที่หนีมาแบบนี้”



                “แสดงว่าไม่มีใครรู้ว่านายหนีมา งั้นเหรอ...เด็กดื้อ” เขาหัวเราะในลำคอ แต่สภาพของร่างสูงดูไม่โอเคเลย       ลมหายใจของเขากำลังหายใจแรงขึ้น ผมรู้ครับว่าเวลาฮีทขึ้นมันทรมานและเจ็บปวดแค่ไหน เขาระบายไม่ได้...



                ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ผมก็สะดุ้งกับเสียงเย็นเฉียบที่ดังขึ้น



                “โอ๊ะ ไม่คิดว่าจะมีอะไรน่ารัก ๆ รนมาหาถึงที่นี่เลยแฮะ ไม่ต้องเสียเวลาไปจับมาให้ยาก” มือหนาหยาบกระชากคอเสื้อของผมโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว จนผมลอยขึ้นไปตามแรงของหัวหน้าตระกูลมาวิน



                “แกจะทำอะไร!! อย่ายุ่งกับลูดี้เด็ดขาดนะ ฉันก็ยอมมาถามที่แกตกลงแล้วไง แกบอกว่าจะไม่ยุ่งกับครอบครัวฉันอีก”



                “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะยุ่งกับคนรักของแกนิ หึ แต่คนที่จะทำน่าจะเป็นแกมากกว่ามั้ง” ผมกับวูฟมองงงกับสิ่งที่เขาพูดขึ้น ก่อนจะเริ่มเข้าใจเมื่อเขาเปิดประตูห้องขังของวูฟและโยนผมเข้าไปในนั้น เฮือก...กลิ่นฟีโรโมนของผมกำลังไปยั่วสติของร่างสูงให้ขาดลงช้า ๆ



                “ดูซิว่า ถ้าแกขาดสติพลั้งพลาดทำอะไรคนรักขึ้นมา คงจะเจ็บปวดน่าดู” เสียงชั่วร้ายพูดออกมา เสียงล็อคประตูพร้อมกับรอยยิ้มสะใจปรากฏขึ้น วูฟกำมือแน่นกัดฟันกรอด



                “แก!! ครอบครัวฉันไปทำอะไรให้นักหนา แฮ่ก...แฮ่ก ลูดี้ถอยไปห่าง ๆ ฉันก่อน”



                “คุณวูฟไหวไหมครับ อ๊ะ!...” ผมจะเข้าไปแตะเขาด้วยความเป็นห่วงก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อร่างสูงกระโจนใส่ผมเพราะกลิ่นที่กำลังฟุ้งกระจาย เขากำลังบังคับร่างกายบวกกับฤทธิ์ยาอะไรก็ไม่รู้ที่เขาได้รับไป



                ถ้าเขาทำอะไรผมตอนนี้ คนที่เป็นอันตรายที่สุดคือผมเองครับ ร่างกายของผมรับแรงทั้งหมดจากเขาไม่ไหวหรอก ผมพยายามดิ้นหนีออกจากเขา วูฟเองก็พยายามขืนร่างกายของตัวเองออกจากผม



                “แฮ่ก บ้าเอ๊ย!! ฉันกำลังจะพาลูดี้เข้าใกล้อันตรายอีกแล้ว ฉันทำไมไม่ดูแลนายให้ดีกว่านี้! แฮ่ก...ลูดี้หอม หอม...”



                “คุณวูฟตั้งสติไว้นะครับ ผมจะออกไปห่าง ๆ คุณเอง อ๊ะ!” ผมจะถอยห่างแต่วูฟคุมสติไว้แทบจะไม่อยู่กำลังจะก้มลงมากัดซอกคอของผม แรงขนาดนี้ผมไม่รอดแน่ ผมหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ



                กึก...



                เสียงความคมของฟันกัดลงแต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บ พอลืมตาก็พบว่าวูฟกำลังกัดข้อมือของเขาอยู่ แรงกัดมหาศาลทำให้เลือดไหลออกจากข้อมือของวูฟ ร่างสูงรีบผละออกจากผม



                “คุณวูฟ เจ็บไหมครับ ฮึก...คุณวูฟ”



                “ไม่เป็นไร อย่า...อย่าร้อง ฉันโอเค” เขาถอดเข็มขัดของตัวเองและมัดมือของเขาติดไว้กับขอบโต๊ะเพื่อยึดสติตัวเองไว้ เขากำลังหายใจหอบอย่างทรมาน จนผมหยุดร้องไห้ไม่ได้...ผมไม่อยากเห็นเขาทรมาน ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย



                “ยังมีสติอยู่อีก ทั้งที่โดนยาไปขนาดนั้น” เสียงเย็นเฉียบที่ยืนมองอยู่ข้างนอกกระตุกยิ้มเยือกเย็น ผมลุกขึ้นไปจับประตูไว้



                “ปล่อยพวกเราออกไปนะ คุณจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร บอกมาสิว่าคุณต้องการอะไร ฮึก...ขอร้องล่ะ ปล่อยพวกเราไปนะ ผมไม่อยากให้วูฟทรมาน ฮือออ...” ผมร้องไห้ออกมา



                “ลูดี้...อย่าร้อง ฉันไม่เป็นไร” เสียงเข้มดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ผมหันไปสบตากับเขาด้วยน้ำตาที่อาบเต็มแก้ม      วูฟมองด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่สามารถจะปลอบโยนผมได้ เพราะเขาล็อคตัวเองไว้เพื่อลดความคลุ้มคลั่งของตัวเอง



                เลือดเขายังไหลไม่หยุดเลย...



                “ฉันอยากให้ไอ้เฮอร์คิวมันรู้ว่า ฉันเองก็ทรมานเหมือนกัน! อยากรู้ว่าถ้าลูกชายที่มันรักมากถูกทรมาน มันจะเป็นยังไง” หัวหน้าตระกูลมาวินเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ถ้าให้เดา...ผมว่าเฮอร์คิว คือชื่อพ่อของวูฟใช่ไหมครับ



                “พ่อของผมไปทำอะไรให้คุณ ถ้าเรื่องตำแหน่ง พ่อของผมก็ได้มาโดยชอบธรรม และความสามารถของพ่อ” วูฟถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง



                “ไม่ใช่เรื่องตำแหน่ง! แต่สิ่งที่พ่อแกทำคือ พ่อแกเป็นคนได้หัวใจของน้ำ พ่อของแกมีอะไรคู่ควรตรงไหน! ทั้งที่ควรจะเป็นฉันสิที่ได้หัวใจของเธอ....ทำไม” ความจริงถูกเอ่ยออกมาทั้งหมด วูฟได้ฟังก็หัวเราะออกมาในลำคอ



                “แกหัวเราะอะไรของแก แย่ขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาหัวเราะ” มาวินด่าทอ



                “จะบอกอะไรให้นะ ว่าพ่อไม่เคยทำอะไรเพื่อให้ได้ใจแม่มาไม่เคยขอให้เเม่มารัก แต่สิ่งที่พ่อของผมทำ คือ ปกป้องแม่ด้วยชีวิต โดยที่ไม่ห่วงตัวเอง!!! ยอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องแม่ !! นั่นแหละคือสิ่งที่แกไม่มี” วูฟตะโกนระบายออกมาอย่างเหลืออด ทำให้หัวหน้าตระกูลมาวินเลือดขึ้นหน้า หยิบปืนที่อยู่ใกล้มือขึ้นมา ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นปืนเล็งไปทางร่างสูง



                “ปากดีนักนะแก!”



                “อย่านะ อย่า...” ผมกางแขนออกแล้วบังวูฟเอาไว้



                “ลูดี้ถอยไป อึก...” เสียงเข้มจะลุกขึ้นมาหาผมก็หยุดกึกเมื่อถูกตรึงไว้ด้วยเข็มขัด แถมเลือดที่ไหลออกมาเยอะทำให้เขาเริ่มมึน แต่เขาก็พยายามจะไม่ดูของเหลวสีแดงที่ไหลเต็มไปหมด “ถ้าจะเล็งก็เล็งมาทางฉัน ฉันเป็นตัวแทนของพ่อ  แกคงอยากแก้แค้นมาก ถ้าจะแก้แค้นก็ให้มันจบที่ฉัน!” เสียงเข้มประกาศ



                “ไม่นะครับคุณวูฟคุณพูดอะไรออกมา เราจะออกไปจากที่นี่พร้อมกัน” ผมตาโตอีกรอบเมื่อปืนเล็งไปทางร่างสูง ผมไปยืนบังเขาไว้อีกรอบ แววตามุ่งมั่นไม่กลัวของผมจ้องหัวหน้าตระกูลมาวินที่ชะงักไป



                “ผมรู้นะครับว่า คุณเจ็บปวดกับการรักสักคนแล้วไม่สมหวัง ผมรู้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน ถ้าคนที่เรารักไม่รักเรา...” ผมพูดขึ้นเสียงนุ่มพยายามกล่อมเขาให้เย็นลง สายตาก็เหลือบมองวูฟด้วยความเป็นห่วง



                “จะมารู้อะไรกับความเจ็บปวด ในเมื่อนายก็มีคนที่เขารักนาย!” หัวหน้าตระกูลมาวินตวาดลั่น ผมสะดุ้งนิด ๆ แต่ก็ทำใจแข็งพูดต่อ



                “คุณวูฟไม่ได้รักผมตั้งแต่ตอนแรกครับ แต่ผมก็ใช้ใจของผมคว้าใจของเขามา แต่กว่าจะได้ใจเขามา ผมเองก็ผ่านความรู้สึกมาหลายอย่าง...ผมยอมรับว่าผมโชคดีมาก โชคดีที่มีคนที่รักในตัวตนของผมขนาดนี้” ผมยิ้มบาง ๆ



                “ถ้าคุณเข้าใจคำว่ารักจริง คุณก็คงอยากจะเห็นเขามีความสุขใช่ไหมครับ...” คำถามเดียวของผมทำเอาหัวหน้าตระกูลมาวินเงียบไป ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อไหม แต่ผมเชื่อนะครับว่า คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดได้    เราอาจะหลงทางไปสักหน่อย ถ้าเราเจอป้ายบอกทางที่ถูกต้อง เราก็จะเดินไปถูกเอง...



                ปืนในมือคนตรงหน้าลดลงนิด ๆ ก่อนผมจะตาโตเมื่อเห็นผู้ชายใบหน้าเค้าโครงเดียวกันกับวูฟจู่โจมอย่างรวดเร็ว มาจากด้านหลังของหัวหน้าตระกูลมาวิน ปืนสีดำสนิทจ่อมาตรงหัวของหัวหน้าตระกูลมาวินทันที



                “วางปืนลงซะ พวกของฉันล้อมนายไว้หมดแล้ว” เสียงเข้มเด็ดขาดสั่งสมกับเป็นอดีตหัวหน้าตระกูลเฮอร์คิว ปืนในมือของหัวหน้าศัตรูทิ้งลงกับพื้นเบา ๆ



                “ถ้านายอยากจะเคลียร์เรื่องอะไร ก็มาเคลียร์กับฉันตรง ๆ ตัวต่อตัว อย่าเอาลูกชายและลูกสะใภ้ของฉันมาเกี่ยวข้องด้วย!! เพราะฉันเชื่อว่า ฉันรักเมียของฉันมากกว่าที่แกรัก!!” ผมสะดุ้งกับเสียงเข้มของพ่อวูฟไปหนึ่งรอบ พ่อเขามีบทโหดด้วยแฮะ แม่ของวูฟเองก็เดินตามหลังเข้ามาด้วย แม่เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ และยกมือห้ามปราบคนรัก



                “พอเถอะค่ะที่รัก ปล่อยให้เป็นเรื่องของกองปราบปรามเถอะนะ ฉันให้อภัยนายมาวินอย่าทำร้ายพวกเราอีกเลย คุณคะไปช่วยลูกชายคุณดีกว่าค่ะ นู่น จะช็อกกับกองเลือดอยู่แล้ว” พอได้ยินแม่พูดแบบนั้น ผมก็หันขวับไปมองร่างสูงที่เอามือข้างหนึ่งปิดตาตัวเองไว้ไม่มองเลือด  ส่วนหัวหน้าตระกูลมาวินก็โดนกองปราบปรามพิเศษคุมตัวออกไปเรียบร้อยโดยไม่ขัดขืน มีเพียงน้ำตาที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาอาจจะสำนึกผิดได้เเล้ว



                อุบ...ผมเกือบหลุดขำกับท่าทีของวูฟ งื้อ ผมไม่ได้จะหัวเราะเขานะ...



                วูฟเอามือออกจากตานิดหนึ่ง ดูเหมือนยาจะคลายลงนิดหน่อยแล้วล่ะครับ พ่อของวูฟถือเซรุ่มแก้ฤทธิ์ยามาฉีดเข้าที่แขนของเขาเพื่อลดพิษ ผมเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ ๆ เขา



                “ทำไมทุกทีที่เรื่องมันจบ แทนที่ฉันจะเท่ที่สุดในสายตาของลูดี้ ไหงมาจบสภาพแบบนี้ได้ล่ะ เฮ้อ...” วูฟเอามือไปแปะหน้าผากของตัวเอง จนทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะสวมกอดร่างสูงไว้โดยไม่ห่วงว่าตัวเองจะเปื้อน



                “คุณวูฟคือคนที่เท่ที่สุดในสายตาของผมนะครับ” วูฟยิ้มออกมาแล้วสวมกอดผมตอบไว้อย่างห่วงใย เขาจูบตรงผมของผมเบา ๆ



                “ดีใจจัง ฉันได้เป็นคนเท่ในสายตาของเด็กดื้อแล้วแฮะ...” เขากระซิบแผ่วเบาจนผมอดยิ้มไม่ได้ ก่อนผมจะสะดุ้งกับเสียงร้องของวูฟ



                โป๊ก! พ่อของวูฟเขกหัวของร่างสูงไม่แรงนักอย่างหมั่นไส้



                “โอ๊ยพ่อ เขกหัวทำไม เจ็บ...”



                “เลิกอ้อนเมียเลยแก นึกจะมาฝ่ายศัตรูไม่ถามความเห็นพ่อแม่สักคำ ดูสิ ทำเมียแกเป็นห่วงตามมาถึงที่นี่           ถ้าหลานฉันกับหนูลูดี้เป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะจับแกไปขึงไว้กลางแดดเลยคอยดู! ไอ้ลูกงั่งเอ๊ย” พ่อของร่างสูงสบถทำหน้าดุใส่วูฟ แต่พอหันมาหาผมก็ยิ้มอ่อนโยนให้



                “โหย อะไรอะ สองมาตรฐานชัด ๆ ลูกตัวเองจะเลือดไหลหมดตัวอยู่แล้ว” วูฟบ่นงอน ๆ



                “ไหลไปให้หมดตัวเลย ป่ะหนูลูดี้ปล่อยไอ้วูฟทิ้งไว้นี่แหละ” พ่อของเขาพูดตลกแต่ท่านก็ไปช่วยพยุงลูกชายของเขาให้ลุกขึ้นยืน แม่ของวูฟจับมือของผมไว้และมองสองพ่อลูก



                “หนูลูดี้อย่าทำให้ตัวเองอยู่ในอันตรายแบบนี้อีกนะคะ รู้ไหมว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงหนูมากเลย” แม่เอ่ยอ่อนโยน       ผมพยักหน้าสำนึกผิด 



                “ครับ ทีหลังผมจะไม่ทำให้ตัวเองอยู่ในอันตราย...”



                “ดีแล้วค่ะ แม่เชื่อว่าต่อจากนี้จะไม่มีเรื่องอันตรายอีกแล้วล่ะ เพราะแม่เชื่อว่าวูฟเขาจะไม่ปล่อยให้หนูคลาดสายตาแม้แต่นิดเดียว” แม่ของวูฟบอกผมด้วยรอยยิ้ม และมันก็เป็นอย่างที่แม่บอกจริง ๆ ว่าเขาจะไม่ปล่อยผมคลาดสายตาเด็ดขาด



เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ร่างสูงตระหนักว่า ผมดื้อและกล้าหาญ (ซน) แค่ไหน...







...............................................................................................

ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจจากคนอ่านที่น่ารัก ^^
งื้อออ คิดถึงจังเลยยยยยยยยย จุ๊บบบ  :กอด1:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หวานกันมากๆรอหลานตัวน้อยน้า

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
มีคนหัวเน่า

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เรื่องราวร้ายๆผ่านไปแล้วต่อไปนี้ครอบครัวของลูดี้น่าจะเจอแต่เรื่องดีๆนะ โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กสมาชิกใหม่ที่กำลังจะเกิดมา

ออฟไลน์ vampire_rose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ตอนที่ 20

   [PART : ลูดี้]


   “คุณวูฟครับ ทำไมต้องขังผมไว้ในห้องด้วยล่ะ!” ผมนั่งมองตาปริบ ๆ อยู่บนเตียง ส่วนเขานั่งพิงขอบเตียงอ่านหนังสือไม่สนใจ


   “...”


   “ทำไมต้องกักบริเวณผมด้วยล่ะ” เสียงเล็กยังคงถามต่อ


   “...”


   “อยู่แต่ในห้องมาสองวันแล้ว ผมเริ่มเบื่อ...” ผมบ่นอุบอิบกับร่างสูงที่ยังอ่านหนังสือไม่สนใจเสียงผมเลย สาเหตุเรื่องทั้งหมดมาจากผมเองแหละครับ ก็ตอนนั้นหนีออกไปตามวูฟกลับมา ทั้งบ้านเลยค่อนข้างเป็นห่วงผมมากกว่าปกติ ถึงขั้นไม่ให้ผมออกไปไหนเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของผมและลูก แต่ผมอยากไปร้านหนังสือนี่นา!


   พอดีว่าผมอยากไปหาหนังสือนวนิยายเล่มใหม่มาอ่านอีก 



   “ถ้าเบื่อก็ไปหาหนังสือมาอ่านเล่น แค่นี้ก็ไม่เบื่อแล้ว” เขายอมเปิดปากพูดเมื่อเห็นผมทำหน้าเศร้า ผมจะบีบน้ำตาอ้อนเขาดูดีไหมนะ ผมว่านั่นคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ฮ่า ๆ วูฟอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้



   “คุณวูฟครับ...คุณวูฟ” จึก ๆ ผมเขยิบเข้าไปหาเขาพร้อมกับจิ้มซิกแพคเขาเบา ๆ วูฟลดหนังสือลงมองหน้าผม


   “ถ้าจะขอออกไปเล่นข้างนอก ฉันไม่อนุญาตเด็กดื้อที่ถูกกักบริเวณหรอกนะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนบ่อย เมื่อวานดูเหมือนจะมีไข้ด้วยนิด ๆ บอกให้กินข้าวเยอะ ๆ กินน้อย ดูสิ เหมือนแก้มเล็กลงเลย” วูฟบ่นยาวและเอื้อมมือมาลูบแก้มผมอย่างสังเกต


   “ผมอยากให้คุณพาไปร้านหนังสือนี่นา ไม่ได้ไปซื้อหนังสือนานแล้วด้วย” ผมทำแก้มป่อง หวังว่ามันจะน่ารักพอให้เขาเห็นใจได้บ้าง และมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ วูฟจ้องอยู่สักพักก่อนจะเบนสายตาหนีผมด้วยใบหูที่แดงนิด ๆ

   เขาเขินผมใช่ไหมนะ


   “ตอนนี้แดดร้อนอยู่ รอแดดร่มกว่านี้ก่อนก็แล้วกัน ฉันจะพาออกไป” เสียงเข้มพูดขึ้นเก๊ก ๆ ผมยิ้มกว้างแล้วใช้แขนเล็กโอบกอดรอบคอวูฟ


   “เย้ ขอบคุณนะครับ” เขากอดผมตอบเบา ๆ ผมผละออกมองหน้าเขาที่มองผมอยู่


   “แต่ต้องมีกฎข้อตกลงในการออกไปนอกบ้านครั้งนี้ด้วย อย่าอยู่ไกลจากสายตาฉัน ห้ามเกินหนึ่งเซนติเมตรเลยยิ่งดี” เสียงเข้มพูดจริงจังแต่ถ้อยคำของเขาขี้เล่นมาก ผมหัวเราะ


   “ห้ามเกินหนึ่งเซนติเมตร คุณล้อผมเล่นรึเปล่าเนี่ย...ครับ ผมจะอยู่ใกล้ ๆ คุณ” ผมหยุดหัวเราะกึกเพราะสายตาเข้มมองจริงจังมาก


   “ดีมาก” เสียงเข้มตอบกลับมา จู่ ๆ ผมก็หาวขึ้นด้วยความง่วง “ถ้าง่วง นอนพักผ่อนซะ จะได้ไม่เพลีย” เสียงเข้มพูดด้วยความเป็นห่วงเป็นใยคนท้องอย่างผม

   “งั้นผมขอนอนพักสักหน่อยนะครับ” ผมว่า วูฟเลื่อนแขนออกมาให้ผมหนุน ผมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วซุกตัวเข้าใกล้ร่างสูงจนตัวติด ใบหน้าของผมซุกลงกับแผงอกแกร่งตรงหน้า ความอบอุ่นที่ผมชอบกำลังทำให้ผมหลับสู่ห้วงนิทราช้า ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า ผมกำลังทำให้ความปรารถนาของร่างสูงคลั่งเพราะกลิ่นหอมจากตัวผมแต่เขาก็ต้องข่มใจไว้...


    15:00 น.

   ผมนอนหลับเต็มอิ่มแบบสุด ๆ บนที่นอนแสนนุ่มพร้อมกับแอร์อุณหภูมิพอดี พอลืมตาขึ้นมาผมไม่เห็นวูฟซะแล้วผมลุกขึ้นนั่งขยี้ตาพลางเหลือบมองนาฬิกาตรงหัวเตียง เสียงปิดน้ำในห้องน้ำทำให้ผมรู้ว่าวูฟไปอาบน้ำ แถมเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวหมิ่น ๆ เขาชะงักกึกเมื่อเห็นผมตื่นแล้ว

   “กำลังว่าจะมาปลุกพอดี ตื่นแล้วเหรอ” เขาเดินเข้ามากใกล้ก่อนจะใช้มือแตะแก้มผมเบา ๆ มือเย็นสัมผัสแก้มผม

   “ครับ ผมต้องไปอาบน้ำใหม่ไหม”


   “ไม่ต้องหรอก ลูดี้ไปล้างหน้าก็พอ อากาศเหมือนฝนจะตกเดี๋ยวเปลี่ยนใส่เสื้อหนา ๆ ซะนะ” เขามองออกไปนอกหน้าต่างและหันมากำชับผม ผมพยักหน้ารับรู้

   กว่าเราจะออกมาได้ ผมต้องกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน วูฟแทบจะป้อนข้าวป้อนน้ำผมอยู่แล้ว เขาหาว่าผมไม่กินข้าวอะครับทุกคน ผมกินอยู่นะ แค่กินไม่เยอะเท่าไหร่ก็มันไม่หิวอะไรขนาดนั้นนี่นา แต่ผมพยายามกินเข้าไปเยอะอยู่เหมือนกันเพราะจะได้ออกไปร้านหนังสือ เย้ ๆ

   ร้านหนังสือ

   “ไม่ได้มาตั้งนานเลย สวัสดีจ๊ะยินดีต้อนรับ” คุณยายเจ้าของร้านทักทายด้วยความเป็นมิตรเมื่อพวกเราเข้ามาในร้าน  กลิ่นอายหนังสือทำให้ผมยิ้มกว้าง

   “สวัสดีครับ”

   “พวกหนังสือนวนิยายเปลี่ยนโซนไว้นะจ๊ะ พอดีจัดร้านใหม่ อยู่ทางนู่นนะคะ เชิญเลือกได้ตามสบายเลย” ไม่ต้องรอให้บอกเจ้าของร้านที่คุ้นเคยกันดี แนะนำโซนนวนิยายมุมโปรดของผม

   “จะหยิบเล่มไหนบอกฉันนะ ฉันหยิบให้เอง” วูฟเดินตามหลังมาพูดขึ้นมา ผมหันไปมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน


   “ครับ รู้แล้วว่าคุณเป็นห่วงผมม๊ากมาก ผมจะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเป็นอันตราย อ๊ะ...” ผมทำท่าโชว์กล้ามเล็กก่อนจะสะดุดแผ่นกระดานไม้ตรงหน้า วูฟจับเอวผมไว้ไม่ให้ล้มหน้าคะมำลงไปตรงพื้น


   “ลูดี้ระวัง เฮ้อ เกือบล้มไปแล้วเห็นไหม” เขาถอนหายใจเล็กน้อยที่คว้าเอวผมไว้ได้ทัน

        “นี่เหรอที่บอกดูแลตัวเองได้” เขาถามเสียงเข้ม ผมก้มหน้างุด


   “ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามีไม้อยู่ตรงนี้...คุณวูฟ” ผมเงยหน้าขึ้นและหน้าร้อนวูบเมื่อเขาก้มลงมาหอมแก้มผม


   “ลงโทษเด็กดื้อ ฉันไม่ได้จะดุหรอก ฉันเองก็เป็นห่วงนายมาก อยากดูแลใกล้ ๆ ไปดูสิ ว่ามีหนังสือเล่มไหนอยากขนกลับไปบ้านบ้าง วันนี้ฉันพาลูกน้องมาด้วยจะให้ขนกลับไปเท่าไหร่ก็ได้” เขาบอกอย่างตามใจ ผมยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกๆ


   ผมเลือกดูหนังสือด้วยความสุขโดยมีร่างสูงคอยหยิบเล่มนั้นเล่มนี้ให้อย่างตามใจ บอกเลยครับว่าเขาตามใจผมมากจริง ๆ วันนี้ วูฟเลือกหนังสือไปอ่านด้วยเหมือนกัน พวกผมเลือกกันอยู่นานถึงกับต้องเบรกไว้เท่านี้ ผมเกรงว่าเราอาจจะเหมาหมดร้านก็ได้

   “แน่ใจนะว่าพอแล้ว ยังน้อยอยู่เลย” เสียงเข้มถามขึ้นระหว่างที่เขาหันไปสั่งลูกน้องให้ขนไปไว้ในรถ กองหนังสือเป็นตั้ง ๆ นี่เรียกว่าน้อยเหรอ...

   “ผมว่าพอแล้วครับ ขืนเอาไปเยอะกว่านี้อ่านไม่หมดกันพอดี” ผมยิ้ม เขายิ้มตอบและหันไปจ่ายเงินให้เรียบร้อย
 
   “คุณวูฟเราจะกลับบ้านกันเลยไหมครับ” ผมถามเป็นจังหวะที่โทรศัพท์เขาดังขึ้นพอดี วูฟรับสาย

   “ครับพ่อ ผมพาลูกสะใภ้พ่อมาดูหนังสือครับ กำลังจะกลับ...ได้สิครับ ไม่ต้องห่วงพวกผม” เขาพูดกับคนในสายก่อนจะวางสายไป วูฟหันมามองผม ไม่ต้องเอ่ยถามเขาก็พร้อมบอก

   “พอดีพ่อกับแม่บอกว่าจะไปธุระนอกเมือง เลยโทร.มาบอกให้เราอยู่บ้าน ท่านบอกจะซื้อขนมกลับมาฝากด้วย พวกท่านกำชับว่าให้ฉันดูแลลูดี้ดี ๆ” เขาบอกรายละเอียดและเน้นย้ำคำตรงดูแลผมดี ๆ

   “ผมไม่ได้ซนขนาดนั้นซะหน่อย คุณวูฟก็...งั้นเรากลับบ้านกันเลยดีกว่าครับ” ผมชวน เขาพยักหน้าตามใจ


   บ้านวูฟ

   หลังจากลูกน้องของวูฟขนหนังสือขึ้นมาไว้ให้ห้องรับแขกจนหมด เขตบริเวณบ้านของวูฟก็เงียบลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาสั่งให้ลูกน้องไปเฝ้าบ้านใหญ่แทน ส่วนบ้านของวูฟไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่จำเป็นต้องมีคนคุ้มกันแน่นหนา เหมือนผมจะได้ยินเขาพูดประมาณว่า...อยากได้ความเป็นส่วนตัวระหว่างอยู่กับผม ผมไปแอบฟังมาแหละ

   พวกผมนั่งทานข้าวด้วยกันตามปกติ วันนี้ผมเป็นคนทำข้าวเองครับ เมนูง่าย ๆ คือ ข้าวผัด...ผมกำลังยืนล้างจานอยู่ในห้องครัวคนเดียวเงียบ ๆ โดยไล่วูฟให้ไปอาบน้ำก่อน เขาพาผมออกไปเกือบครึ่งวัน กลัวเขาจะเหนื่อย แต่จะว่าไปวันนี้เขาใจดีมากเลยแฮะ ตอนแรกเขากักบริเวณผมไว้นี่นา รึว่าจะไม่ให้ออกไปไหนซะแล้ว

   ระหว่างเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยผมก็ต้องสะดุ้งกับวงแขนกว้าง วูฟสวมกอดเอวผมไว้หลวม ๆ

   “อ๊ะ คุณวูฟ ผมตกใจหมดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ใบหน้าหล่อคมซบลงตรงซอกคอผมเหมือนอ้อน...ลุคนี้ของเขาทำเอาหัวใจผมแทบวาย

   “ฉันเดินเข้ามาเสียงดังอยู่นะ ลูดี้แหละใจลอยทำไม”


   “ผมไม่ได้ใจลอย จะทำอะไรครับ” ผมเอียงคอมองเขาก่อนจะดันใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้ วูฟกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์


   “รู้ไหมว่าฉันไม่ได้แตะต้องนายมานานแค่ไหนแล้ว” คำถามช่วยเร่งอัตราการเต้นของหัวใจผม


   ตึกตัก ตึกตัก...


   “มะ หมายความว่ายังไงครับ อ๊ะ คุณวูฟจะอุ้มผมไปไหน” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเขาอุ้มผมขึ้นในอ้อมแขนแกร่ง วูฟเอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำ


   “ให้ฉันได้สัมผัสลูดี้ได้ไหม แค่นิดเดียวก็ยังดี” น้ำเสียงเขาขอร้องและดูเหมือนเขาเองจะทรมานจริง ๆ วูฟเดินตรงกลับไปยังห้องนอนของเรา เขาวางผมลงบนเตียงเบา ๆ นี่สินะ...คือสาเหตุที่เขาสั่งห้ามลูกน้องมาอยู่บริเวณแถวบ้านของเขา


   “เราทำเรื่องอย่างว่าได้ด้วยเหรอครับ หมอสั่งให้คุณงดไม่ใช่เหรอ” ผมถามด้วยความเขิน วูฟอมยิ้มกับท่าทีของผม เขาดึงมือผมให้เขยิบเข้าไปหาเขาจนผมเซไปนั่งอยู่บนตักเขาเรียบร้อย


   “หมอเคยบอกด้วยเหรอ” เขาเลิกคิ้วกวน


   “ผมก็จำไม่ได้...” ผมตอบตามความจริง ไม่รู้หมอได้กำชับไหม อันนี้ผมจำไม่ได้จริง ๆ เขายิ้ม


   “ทำได้ ถ้าฉันไม่ได้กลิ่นฮีทของนายมากระตุ้น ฉันจะไม่รุนแรง ไม่เป็นอันตราย...ฉันยั้งแรงได้ ให้ฉันทำได้ไหม ฉันอยากสัมผัสคนที่ฉันรัก แค่สัมผัสก็ได้” คำขอของคนขี้โกง เล่นอ้อนแบบนี้คิดว่าผมจะว่าอะไรเขาได้ครับ ผมเม้มปาก

   “ถ้าคุณอยาก ก็ได้ครับ” ผมพยักหน้าตอบรับ ใจสั่นไปหมด

         ริมฝีปากหนาตรงหน้าเลื่อนมาใกล้จนประกบกับปากของผม


   จูบรสหวานเหมือนความรักของเรากำลังละลายผมลงช้า ๆ มือหนาเลื่อนมาจับกุมแก่นกายเล็กผมจนร่างกายผมสั่นไหวขึ้นมาทันที


   “อือ จุ๊บ อา...” เขากำลังใช้มือสัมผัสผมด้วยความอ่อนโยน ผมหุบขาอย่างเขินอายเมื่อรู้ว่าตัวเองปลดปล่อยออกมาเพียงเพราะโดนสัมผัสเท่านั้น


   “อ๊ะ!! ขอโทษครับ ผมทำมือคุณเปื้อน อื้อออ อ๊า...คุณวูฟ” เขาผลักผมลงตรงเตียงนุ่มเบา ๆ ก่อนถอดเสื้อผ้าของผมออกจนหมด เหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าที่ปรากฏต่อสายตาเขาหลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงยังคงอายและไม่กล้าสบตากับเขาอยู่ดี สายตาเข้มจ้องตามเรือนร่างของผม โอ๊ย...ผมกำลังจะละลาย


   “ฉันยินดีเปื้อน สัมผัสฉันด้วยได้ไหม ฉันจะไม่ใส่เข้าไป ฉันว่าฉันน่าจะทนไหว” เสียงเข้มกระซิบอย่างอึดอัด ผมเหลือบมองสิ่งแข็งแกร่งตรงหน้า ผมรู้ครับว่าเขาอึดอัด ผมไม่ชอบเห็นเขาทำหน้าแบบนี้เลย


   “คุณวูฟ คุณทำได้นะครับ ผมรับไหว” ผมยกมือโอบรอบคอเขาไว้ วูฟตาโตเล็กน้อย และเหมือนผมไปจุดประกายความรู้สึกปรารถนาให้มันรุนแรงขึ้น


   “อึก อย่าสิลูดี้ อย่ายั่วฉันแบบนั้น ฉันอยากทำกับนายมาก นายก็รู้” ผมยิ้มพร้อมกับกอดคอเขาแน่นขึ้นให้ก้มลงมาหามากกว่าเดิม ร่างกายสองร่างกายกำลังร้อนประดุจความปรารถนาของผมกับเขากำลังรวมกัน


   “คุณเองก็คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าผมรักคุณมาก ผมเป็นของคุณเสมอ...” เสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ดังก้องไปทั่วทั้งหัวใจของวูฟ ร่างสูงมองผมด้วยแววตาอึ้ง เขาคลี่ยิ้มบาง ๆ ออกมาแล้วจูบหน้าผากผม


   “ฉันรักลูดี้ รักมาก...และก็รักเจ้าตัวน้อยด้วยนะ” ผมยิ้มเล็กน้อย ก่อนเขาจะค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้รุกล้ำสิ่งที่เป็นของเขาเข้ามาในกายของผมช้า ๆ วูฟพยายามทำให้เบาสุด ๆ แต่ร่างกายของเราสองคนก็เหมือนดึงดูดหากัน


   สวบ

   “อื้อออ!! คุณวูฟ...อือ” ผมจับไหล่เขาไว้แน่น ผมเสียววาบร้อนวูบตามร่างกายไปหมด

   “เจ็บรึเปล่าให้ฉันหยุดดีกว่า” น้ำเสียงเข้มเป็นห่วงชัดเจนออกแนวกังวลด้วย


   อย่างว่าครับ ถ้าไฟปรารถนาถูกจุดขึ้นแล้วอะไรจะมายั้งมันก็ค่อนข้างยาก...


       “อย่านะครับ...ผมไม่เป็นไร ทำตามที่คุณต้องการเถอะนะ” คำขอแสนอ้อนของผม ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอดอีกเลย...ผมหายใจหอบแรง ๆ เล็กน้อย

   ความรู้สึกเจ็บแปล๊บกำลังเข้ามาเติมเต็มความรู้สึกของผม กลิ่นหอมหวานของความรักแสนกลมกล่อม จนร่างกายแทบจะหลอมละลายไปในอ้อมกอดของเขา วูฟไม่ได้ทำรุนแรง เขาทะนุถนอมผมจนผมรับรู้ได้ อ่อนโยนทุกอย่าง เหมือนเขาจะรู้ท่าที่ทำได้ไม่เป็นอันตราย ไม่กระทบกระเทือนต่อผมมากเกินไป...


   ผมรู้สึกดี...รู้สึกดีจนผมรู้สึกว่าโลกมันมืดดับไปเมื่อผมปลดปล่อยออกมา...เสียงสุดท้ายก่อนผมจะหลับไป คือเสียงคนรักของผมเรียกชื่ออย่างตกใจ


   “ลูดี้!!...” เขาเรียกผมเสียงดังจัง...



   22:00 น.
   ผมลืมตาขึ้นมาด้วยรู้สึกเย็น ๆ ตรงหน้าผาก แผ่นเจลติดอยู่แผ่นใหญ่เชียว ผมเหลือบมองวูฟที่นั่งพิงขอบเตียงอยู่ข้างผม บนตักของเขามีโน้ตบุ๊กเปิดหางานอยู่ล่ะมั้ง ผมมองไม่ชัด ใบหน้าของเขาเงียบขรึม ตอนทำงานเขามักจริงจังแบบนี้เสมอ ก็เขาเป็นถึงผู้นำอัลฟาแล้วนี่นา


   “คุณวูฟ” ผมเรียก เขาหันมาทันที ผมกำลังจะขยับตัวถึงกับต้องร้องโอ๊ยกับช่วงล่างที่ชาไปหมด เฮือก...


   ผมจำได้ลาง ๆ ว่าเขาทำไม่แรงนี่ หรือจริง ๆ เขาทำแรงแล้วผมจำไม่ได้..


   “ลูดี้ตื่นแล้วเหรอ เจ็บตรงไหน ตรงนี้เหรอ” เขาถามอย่างตกใจและรีบสำรวจร่างกายผม วูฟทำหน้าคิดมากจนผมต้องเอามือไปจิ้มตรงคิ้วเขา ขมวดเป็นปมหมดแล้ว


   “ผมปวดตรงนั้นเฉย ๆ ครับ ไม่ได้บอกว่าเจ็บมากซะหน่อย อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ”


   “ฉันไม่ห้ามใจตัวเอง...ฉันทำให้นายเป็นลม นี่ถ้าแม่รู้ ฉันโดนจับแยกห้องนอนกับลูดี้แน่ ๆ” เขาพูดเสียงเครียด  ผมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี วูฟขมวดคิ้วอีกครั้งกับเสียงหัวเราะเล็ก


   “หัวเราะฉัน ดูท่าทางพอใจเชียวนะลูดี้”


   “อ๊ะ ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณนะครับ ก็แค่เพิ่งเคยเห็นคุณทำหน้าเครียดเรื่องอะไรแบบนี้...”


   “ก็เพราะเป็นเรื่องของเมียฉัน ฉันต้องเครียดเป็นธรรมดา” คำตอบของเขาทำให้ผมหยุดชะงักกึกกลายเป็นหน้าร้อนวูบแทน เขายิ้มมุมปากนิด ๆ


   “เรื่องแบบนี้มันห้ามไม่ได้นี่นา ถ้าคุณอึดอัด บอกผมได้นะครับ ผมยินดีจะทำให้” ผมพูดออกไปเสียงแผ่วแต่เรียกความสนใจจากคนตรงหน้าได้ทันที วูฟเลิกคิ้วก่อนจะก้มลงมาใกล้ผมอย่างเจ้าเล่ห์


   “จริงเหรอ ถ้าฉันอยากให้ลูดี้ทำให้ จะทำจริง ๆ เหรอ” เหมือนเปิดประเด็นให้ตัวเองลำบาก...


   “เออ ถ้าคุณอึดอัดจริง ๆ ก็ทำให้ได้ครับ แต่ห้ามอึดอัดบ่อยๆ นะ!” ผมกำชับใช้นิ้วชี้เขา วูฟงับนิ้วของผมไว้

   “อ๊ะ คุณวูฟมางับนิ้วผมทำไม...”

   “ฉันเป็นคนอึดอัดบ่อย ๆ ซะด้วยสิ ระบายบ่อย ๆ ได้ไหม” เขายื่นหน้ามาจนจมูกจะชนกับผมอยู่แล้ว โอ๊ย ไม่น่าไปเปิดประเด็นเลยลูดี้เอ๊ย...ผมดันหน้าของเขาออก


   “คุณวูฟ! ไม่ต้องมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมเลยครับ อ๊ะ” ผมหัวเราะเมื่อเขาเอาหน้ามาคลอเคลียใกล้ผม วูฟเอาแผ่นเจลเย็นออกจากหน้าผากผม ก่อนจะเอามือทาบไว้ตรงหน้าผากผมอีกรอบ เหมือนเขากลัวว่าผมจะตัวร้อน

   “นอนต่อได้แล้ว พักผ่อนเยอะ ๆ จะได้ไม่เพลีย” เขาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวผมไว้ ผมเหลือบมองเขาที่หันกลับไปมองจอโน้ตบุ๊กต่อ

   “คุณทำงานอยู่เหรอครับ”

   “เออ ใช่ พอดีฉันเปิดดูแผนการประชุมสัมมนาที่กำลังจะถูกจัดขึ้นน่ะ...” เขาตอบตะกุกตะกัก ผมเลยไม่ได้สนใจอะไร ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูง

   “ถ้าดูเสร็จแล้วรีบนอนนะครับ ฝันดีครับคุณวูฟ”


   “ฝันดีลูดี้ที่รัก...” เสียงเข้มบอกด้วยความรัก ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนหลับตาลงและหลับไปด้วยความเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างสูงแอบมองใบหน้าเล็กที่หลับพริ้มอยู่


   วูฟมองหน้าจอโน้ตบุ๊กตรงช่อง Google ค้นหาแล้วอมยิ้มออกมาคนเดียว
        ‘ของแฮนด์เมดสำหรับเซอร์ไพร์แฟน’ วูฟเลื่อนดูไปเรื่อย ๆ อย่างต้องการหาอะไรบางอย่าง....







-----------------------------
ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักที่ติดตามกันเเละยังรออยู่ ฮรุก จะกลับมาลงเรื่องนี้ต่อให้จบนะครับผม  :pig4: :pig4: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดีใจที่กลับมานะคะ จะรออ่านนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด