ตอนที่ 16 [พาร์ตของลูดี้]
เมื่อคืนผมรู้สึกว่าตัวเองจะหลับไปก่อนวูฟซะด้วยซ้ำ ช่วงนี้ผมค่อนข้างง่วงนอนง่ายน่ะครับ เลยหลับไม่รู้เรื่องเลย รู้เพียงแค่ว่าอ้อมกอดเขาที่กอดผมไว้มันอบอุ่น ไม่รู้เขาได้กินข้าวที่ผมบอกป้านมทำมาให้รึเปล่า ผมไม่ได้ถามเลยว่าตกลงเจ้าตัวเขาหายไปไหนมา ผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้ไปงานราชการ เดาเอาจากความรู้สึกผมครับ
ฮ่า...ไม่รู้จริงรึเปล่านะ
ผมตื่นนอนมาก็ไม่เห็นร่างสูง หายไปไหนอีกแล้ว ผมบิดขี้เกียจคลายเส้นก่อนจะเห็นประตูห้องนอนเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงถือถาดอาหารอยู่ ผมเลิกคิ้วกับวูฟที่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินอยู่ด้วย
“อรุณสวัสดิ์ยามเช้าลูดี้ หิวรึยัง”
“คุณวูฟ ตื่นเช้าจังครับ กลิ่นอะไรหอมจัง” ผมสูดลมหายใจเข้าได้กลิ่นอาหารมันหอมมาก ชวนให้ท้องร้องจ๊อก ๆ ขึ้นมาทันที วูฟวางลงข้างเตียงแล้วเดินไปเปิดผ้าม่านออก เขาดูเป็นคุณพ่อบ้านจัง...ไม่คิดว่าจะเห็นเขาในลุคนี้
แค่ผมหรือเปล่านะ ที่ได้เห็น ผมอมยิ้มเล็กน้อยจนร่างสูงหันมามอง
“ยิ้มอะไรคนเดียว หืม?...ลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนไป จะได้มาทานข้าว ค่อยอาบน้ำตอนสาย ๆ ก็ได้” เขาบอก ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวลงจากเตียงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมรู้สึกว่าผมของผมข้างหน้ามันยาวลงมาปิดตาผมแฮะ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่เปียกน้ำ ลืมเอาผ้าขนหนูเข้าไปด้วย
“ทำไมออกมาเปียก ๆ แบบนี้ล่ะ มานี่เลยเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
“ผมไม่ได้เป็นไข้ง่ายขนาดนั้นซะหน่อย” ผมเถียง จริงนี่นา...ผมไม่ได้อ่อนแอนะครับ แข็งแรงออก โชว์กล้ามแขนให้ดูเลย (ไหนกล้ามแขนของลูดี้....แฮะ ๆ) วูฟเอาพามาเช็ดหน้าให้ผมพร้อมกับเช็ดปลายผมที่มันเปียกด้วย
“ตัวเองกำลังท้องกำลังไส้อยู่ ต้องระวังไว้ให้มาก ๆ รู้ไหม อย่าทำให้ฉันเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายเล่นสิ”
“ครับ รู้แล้ว ผมก็ดูแลตัวเองดี ๆ อยู่” ผมยิ้มกว้างให้เขา วูฟยิ้มตอบเล็กน้อย
“ดีมาก เด็กดี มาดูสิว่า วันนี้ฉันทำอะไรมาให้นายกิน” เขาชวน ผมมองอย่างตื่นเต้น เขาบอกว่าเขาทำเองงั้นเหรอ??
“คุณทำเองเหรอครับ ว้าว...เมนูนี้ไม่ใช่ข้าวต้มแฮะ” ผมล้อ คราวก่อนที่เขาดูแลผม ผมได้กินแต่ข้าวต้มนิครับ แต่วันนี้เป็นสปาเก็ตตี้ที่หอมเหมือนกลิ่นสมุนไพรเลย ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงโดยมีร่างสูงถือจานไว้ให้
“อย่าล้อฉันแบบนั้นสิ รู้ไหมว่านี่ตื่นไปทำตั้งแต่ตีห้าเชียวนะ” ดูท่าทางเขาภูมิใจมากกับเมนูนี้
“ล้อเล่นรึเปล่าครับเนี่ย” ผมเลิกคิ้ว วูฟไม่มีท่าทีว่าล้อเล่น เขายิ้มเขินเมื่อผมหัวเราะออกมา
“โอ๊ย คุณวูฟ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากขนาดนั้นล่ะครับ จริง ๆ ให้ป้านมทำมาให้ผมก็ได้...”
“ผิดไหมถ้าอยากทำให้ภรรยากินเอง” ประโยคสั้น ๆ แต่พลังการทำลายล้างสูงมาก
“คุณวูฟ...” เขายิ้มแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากผม บอกตรง ๆ ว่าผมยังไม่ชินที่เขาหวานใส่แบบนี้
“ทานเยอะ ๆ นะ ถ้าหิวอีก บอกฉัน ตอนนี้เรียนรู้การทำอาหารหลายอย่างไว้แล้ว เหลือที่ยังไม่เคยศึกษาก็คือ ขนมชั้นที่ลูดี้ชอบ กำลังพยายามหาวิธีทำมาอ่านอยู่” เขาบอกออกมาด้วยความใส่ใจทุกอย่างจนผมอึ้ง ผมหุบยิ้มแทบไม่ได้
เหมือนเขากำลังพยายามเอาอกเอาใจคนท้องอย่างผมเต็มที่
“ขอบคุณนะครับ ผมจะทานเยอะ ๆ เลย” ผมบอกแล้วตักอาหารที่เขาทำมาให้กิน มันอร่อยมาก...
ผมว่าฝีมือการทำเมนูครั้งแรกของเขาถือว่าเยี่ยมยอดมาก ดูวูฟจะดีใจเหมือนกันที่ผมบอกว่าชอบเมนูนี้ของเขา
หลังจากกินเสร็จเขาเอาจานไปเก็บ ส่วนผมเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจเฉิ่ม ผมอาบน้ำอยู่สักพักก็เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตามองหาร่างสูงที่หายตัวไปไหนอีกแล้วไม่รู้ เอ๋...ผมว่าเขาเริ่มจะหายบ่อยเกินไปจนน่าสงสัยแล้วล่ะครับ ไม่ใช่ผมระแวงอะไรเขานะ แต่ผมกลัวว่าเขาเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายโดยที่ไม่ยอมบอกผม
ช่วงที่ผมกำลังท้องอยู่ ฮีทเลยไม่ทำงานครับ ผมเลยค่อนข้างสบายตัวไม่ต้องกลัวอาการฮีทขึ้นกระทันหัน ผมใส่เสื้อไหมพรมสีน้ำเงิน วันนี้อากาศหนาวหน่อย ๆ (เมื่อวานเห็นบอกมีพายุเข้าด้วยล่ะครับ วันนี้เลยค่อนข้างมีลม) ผมเลือกเสื้อตัวอุ่น ๆ เพื่อทำให้ร่างกายไม่เย็นเฉียบจนเกินไป เอาล่ะ...ถ้าวูฟยังไม่กลับมาภายใน 5 นาที ผมจะออกไปหาเขา
ผมนั่งมองเวลาอยู่สักพักจนครบ ไร้วี่แววของร่างสูง...ผมเลยเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปตามหาเขา แต่พอเปิดประตูออกถึงกับชะงักกับกล่องกระดาษที่มีลูกโป่งห้อยอยู่ด้วย พร้อมกับโน้ตเล็ก ๆ อะไรเนี่ย...
“ใครเอามาวางไว้ตรงนี้...” ผมพึมพำก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นที่ใบหน้าผม เมื่อเห็นข้อความในโน้ต
‘ลงมาหาหน่อยสิ รออยู่ที่สวนนะ’
“จะเล่นอะไรของเขากันนะ...ถ้าแกล้งเราจะโมโหให้ดูเลย” ผมว่าแต่ขาของผมก้าวเดินออกไปตามทางเดินตรงไปยังสวนดอกไม้
ผมเดินตามทางที่ถูกถางไว้อย่างดี ก้อนหินแต่ละก้อนเหมือนถูกเอามาเรียงใหม่ ผมเดินเข้ามาในสวนดอกกุหลาบถึงกับเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้า ดอกกุหลาบสีแดงสดถูกปลูกใหม่ทั้งหมดแทบจะเรียกได้ว่าเป็นทุ่งของดอกกุหลาบ และผู้ชายที่ยืนอยู่ในวงของดอกกุหลาบคือ วูฟ...เขากำลังส่งรอยยิ้มหวานมาให้ผม
“คุณวูฟ นี่มันอะไรกันครับ ทำไมดอกกุหลาบเยอะแยะขนาดนี้” ผมเดินเข้าไปหาเขาที่ยืนอยู่ตรงกลางของดอกกุหลาบมากมายที่ส่งกลิ่นหอม ลมก็พัดเอื่อย ๆ วูฟเอามือซ่อนไว้ข้างหลังสองข้างก็ลดมือลงยื่นสิ่งที่เขาซ่อนไว้
“สำหรับลูดี้” ผมตาโตอึ้งกับสิ่งตรงหน้ามันคือ หนังสือเล่มที่ผมหา...หนังสือเชื่อฉันว่ามันคือรัก...
“คุณไปหามาได้จากไหนกันครับ?” ผมรับมาอย่างดีใจ วูฟยิ้มตาม เขาเอื้อมมือมารั้งเอวผมเข้าไปหา ผมหน้าร้อนวูบกับลมหายใจที่รดต้นคอผมอยู่
“ความจริงฉันเจอมันนานแล้ว เจอตั้งแต่วันที่ลูดี้ไปหาที่ร้านหนังสือ เพียงแต่ฉันอยากจะเซอร์ไพร์เลยไม่ได้เอาให้...จริง ๆ ต้องขอบคุณเล่มนี้ด้วยซ้ำ ที่ทำให้ฉันเริ่มจะเชื่อว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือรัก...” เขาเน้นย้ำตรง ๆ แววตาคมโตประดุจเหยี่ยวกำลังจ้องผมใกล้ ๆ
ผมหลบสายตาของเขาด้วยความเขิน แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมให้ผมหันหน้าหนี มือหนาเชยคางของผมขึ้น
“ลูดี้ ถ้าฉันจะขอฟังความรู้สึกของนายชัด ๆ สักครั้ง ได้ไหม”
“.........”
“ถ้าฉันบังคับนายมากเกินไปก็ไม่....”
“ผมก็รักคุณครับ...” ผมสารภาพออกไป แต่กลับไม่กล้าที่จะมองตาของเขา วูฟรั้งเอวผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม วูฟยิ้มออกมาเหมือนดีใจมากที่ได้ยินคำเล็ก ๆ จากปากของผม
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” คำถามเขาทำเอาผมไปไม่เป็น ผมเงยหน้ามองเขาที่จ้องผมตาไม่กระพริบ โอ๊ย...ลูดี้ ไม่รอดจากคำถามนี้แน่นอน
“ผมต้องตอบด้วยเหรอครับคำถามนี้...”
“ตอบสิ ฉันอยากฟัง” เขายืนยัน ผมเม้มปากนิด ๆ
“ผมไม่รู้หรอกครับ ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีคุณเข้ามาอยู่ในหัวใจ รู้ตัวอีกที ผมก็มีคุณในใจแล้ว...”
“เหมือนกันเลย” เสียงเข้มกระซิบข้างหู ผมมองหน้าเขาอึ้ง ๆ
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่า มีนายอยู่เต็มหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...” มือหนาเลื่อนมาลูบหน้าผมอย่างแผ่วเบา
“งานแต่งงานของเราพร้อมแล้วนะ เจ้าสาวของฉัน...” ผมตาโตกับการ์ดที่เขาหยิบออกมาจากเสื้อสูทของเขา มันเป็นชื่อของผมและวูฟ...
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะครับ แต่งพรุ่งนี้เหรอครับ” ผมดูวันที่ถึงกับอึ้งไปอีกรอบ วูฟกระตุกยิ้มแล้วก้มลงมาหอมแก้ม
“ใช่ แม่ของฉันหาวันมงคลเองเลยนะ พรุ่งนี้เหมาะที่สุด เลื่อนไม่ได้ด้วย งานเราไม่ได้จัดใหญ่โตมากหรอก แค่เชิญคนครึ่งแสน สื่ออีก 10 สำนักมาทำข่าว” เขาพูดทีเล่นทีจริง ผมทุบไหล่ของเขาด้วยความหมั่นไส้
“คุณวูฟ พูดจริงหรือพูดเล่นครับ เรื่องคนมาร่วมงานกับสื่อเนี่ย”
“จริงสิ จะหลอกทำไมล่ะ” เขายิ้มกวน ๆ ดูเหมือนวูฟจะแสดงอารมณ์มากกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ เลยครับ
ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้ ผมเปิดดูการ์ดในมืออย่างสนใจ
“เอาหนังสือมานี่ก่อนมา เดี๋ยวฉันถือไว้ให้” เขาว่าแล้วเอาหนังสือเล่มที่เขาเพิ่งยื่นมาเซอร์ไพร์ให้ ผมดูก่อนจะถาม
“คุณวูฟครับ เออ ที่คุณปลูกดอกกุหลาบเป็นทุ่งให้ผมแบบนี้...”
“รู้เหรอว่าฉันปลูก” เขาทำตาโตเหมือนผมไม่รู้...คุณวูฟไม่เนียนครับ ผมรู้หมดแล้ว โฮะ ๆ
“รู้สิครับ มือเปื้อนดินกับกลิ่นกุหลาบเต็มตัวขนาดนี้ เหนื่อยไหมครับ ผมเห็นเหมือนมือของคุณมีแผลด้วย” ผมถามพลางเอื้อมมือไปจับมือเขาดู มันมีแผลจากหนามของกุหลาบจริง ๆ ด้วย
“ไม่เจ็บหรอก แค่นี้จิ๊บ ๆ ฉันแค่อยากทำอะไรให้ลูดี้ แบบว่าในหนังสือพวกเทพนิยายเห็นเขาชอบปลูกกุหลาบกันน่ะ ก็เลยคิดว่าปลูกเป็นทุ่งน่าจะสวย” เขาพูดออกมาอาย ๆ นิดหน่อย แต่มันเรียกรอยยิ้มของผมได้
“คุณอ่านนิยายโรแมนติกเหรอครับ”
“ใช่ แอบอ่านตอนที่ลูดี้นอนแล้วน่ะ แล้วก็ไปขอคำปรึกษาจากแม่มาด้วยอีกแรง” เขาอธิบายเบื้องหลังทุ่งกุหลาบสวย ๆ ตรงหน้า ผมเดินไปจับดู มันหอม แถมยังสีสดอีกด้วย ดูก็รู้ว่ามันเป็นพันธุ์กุหลาบอย่างดี ผมยิ้มให้เขาที่เดินมาดูด้วย
“ขอบคุณนะครับ ผมชอบมันมากเลย จริง ๆ สวนตรงนี้ถ้ามีที่ไว้นั่งเล่นเป็นศาลาด้วย น่าจะเหมาะเป็นที่อ่านหนังสือได้” ผมเสนอ วูฟพยักหน้ารับรู้เห็นตาม
“อืม ฉันเองก็คิดเหมือนกัน งั้นไว้เรามาออกแบบสวนนี้ด้วยกันนะ” ผมพยักหน้าสนใจ ผมอยากออกแบบสวนแบบนี้มานานแล้วครับ จริง ๆ เคยอ่านแต่พวกตกแต่งสวนในหนังสือ ผมไม่เคยคิดหรอกครับว่าชีวิตของผมจะได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่แบบนี้...
“ตกลงครับ” วูฟยิ้มตอบผมแล้วเงยหน้ามองแดดที่เริ่มแรงขึ้น เขาเอามือมาป้องตรงหน้าผมไว้
“เดี๋ยวเข้าไปในบ้านกันดีกว่า แดดอ่อน ๆ ก็จริง แต่มันคงไม่ดี ถ้าให้คนท้องตัวเล็ก ๆ แบบนายมายืนอยู่ตรงนี้นาน ๆ” เขาพูดห่วงใยจนผมรู้สึกได้
วูฟพาผมกลับเข้าไปในบ้านแล้วพาผมขึ้นไปห้องนอนที่เปิดแอร์อุณหภูมิพอเหมาะ เขาดูแลผมดีมากเลยครับ เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนท้อง...น่ารักจัง ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนเดียว ส่วนร่างสูงออกไปข้างนอก คราวนี้เขาไม่ได้หายไปเฉย ๆ ครับ แต่เขาบอกผมว่าจะไปดูสถานที่จัดงานที่แม่กับพ่อของเขาเตรียมไว้ ตอนแรกผมจะไปด้วย แต่วูฟก็ยืนยันว่าอยากให้ผมพักอยู่ที่ห้อง ผมเลยไม่อยากขัดเขาอ่ะครับ เห็นเขาทำหน้าเป็นห่วงผมเลยยอมอยู่ในห้อง
ผมเปิดหนังสืออ่าน พลางคิดถึงเรื่องที่ผมได้เข้ามาอยู่ในบ้านของวูฟ มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับผมเลยครับ ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีโอกาสได้เจอกับคนที่เป็นคู่แห่งโชคชะตา แถมตอนนี้ผมกำลังจะมีลูกกับเขา ผมลูบท้องของผมเบา ๆ ผมนอนลงแล้วเอาหนังสือมาเปิดดูไปเรื่อย ๆ...ใช้เวลาไม่นานผมก็อ่านเล่มนี้จบ ผมลุกขึ้นนั่งมองหาหนังสืออีกเล่มที่ตัวเองยังอ่านไม่จบ
“หนังสือเล่มนั้นเอาไปวางไว้น๊า...” ผมคิด ผมว่าผมเอาไว้แถวนี้นี่ครับ ผมมองหาแล้วเห็นมันอยู่บนตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหนังสืออีก 2-3 เล่ม ใครเอาไปไว้บนนั้น? เดาว่าอาจจะเป็นร่างสูง เขาอาจจะไม่รู้ที่เก็บเลยเอาขึ้นไปวางไว้
ผมเอื้อมมือจะไปหยิบแต่ปรากฏว่า ขาผมสั้นไป...แฮะ เอื้อมไม่ถึง ผมเลยไปลากเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งมา ผมจับ ๆ ดู มันมั่นคงดีครับ ผมน่าจะเหยียบได้ ผมขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้ก่อนจะหยิบหนังสือได้ แต่ผมลืมว่าตัวเองอยู่บนเก้าอี้ ผมรับรู้ว่าตัวเองกำลังก้าวพลาด
“เหวอ...”
หมับ
วูฟเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าเขารับผมที่กำลังจะตกจากเก้าอี้พอดิบพอดี เฮือก เกือบไปแล้ว...
“ลูดี้! ทำอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมด ไปยืนบนเก้าอี้ทำไมกัน???” เขาพูดดุขึ้น ผมเลยยิ้มแห้งเมื่อเขาอุ้มโดยใช้สองมือประคองตรงเอวของผม แล้วพาเดินไปที่เตียง วูฟวางผมลงบนเตียง
“เออ ผมหาหนังสือเล่มที่อ่านค้างไว้อยู่ครับ เห็นมันอยู่บนนั้นก็เลย...” เขามองตามสายตาของผมขึ้นไปบนตู้ที่ผมเพิ่งจะไปหยิบหนังสือมาเมื่อกี้ วูฟเอามือแปะหน้าผากตัวเอง
“เฮ้อ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรให้ฉันหัวใจจะวาย ถ้าฉันไม่เข้ามาพอดี รู้ไหมถ้าล้มไป ตัวเองอาจจะบาดเจ็บได้ หืม?” เขาถามเสียงเข้ม ผมพยักหน้าสำนึกผิด เมื่อกี้จับเก้าอี้ดูแล้วมันแน่นหนานี่นา...
“ผมขอโทษครับ” ผมก้มงุด วูฟนั่งลงข้างผมแล้วดึงแก้มของผมเบา ๆ
“ไม่ต้องขอโทษหรอก แค่สัญญากับฉันว่า จะไม่ทำอะไรที่ดูอันตรายสำหรับนายแล้วก็ลูก”
“โอเคครับ ผมจะไม่ทำอะไรที่มันอันตรายอีก” ผมพยักหน้าหงึก ๆ ทำตาปริบใส่เขา วูฟหลุดยิ้มออกมาแล้วมองหนังสือในมือ
“ดีมาก ดูเหมือนหนังสือเล่มนี้ ฉันจะเป็นคนเอาขึ้นไปวางไว้เองล่ะมั้ง เพราะเห็นมันวางกองอยู่กับพื้น ตู้หนังสือก็เต็มแล้ว...ไว้จะสั่งชั้นมาให้เพิ่มละกัน” เขาว่า วูฟนอนตะแคงข้างลงบนเตียงมองผมที่เปิดหนังสือเล่มหนา (ที่เพิ่งปีนเสี่ยงอันตรายไปเอามาเมื่อกี้ ฮ่า...เกือบโดนวูฟดุอีกแล้ว
“ไปดูสถานที่มา เป็นยังไงบ้างครับ” ผมถามขึ้น เขาเอามือค้ำหัวเขาไว้มองผมนิ่ง ผมเลยจับหน้าของตัวเอง
“มีอะไรติดหน้าของผมเหรอครับ” เขาส่ายหน้า ก่อนหน้าของผมจะร้อนวูบ เมื่อร่างสูงเอานิ้วแตะปากของเขา
“จูบฉันหน่อยสิ ถึงจะบอกว่าสถานที่งานแต่งเราเป็นยังไงบ้าง” เอ๋...เขากระตุกยิ้มกวน
“คุณวูฟ อย่ามาแกล้งสิครับ ใครจะไปจูบกันล่ะ...”
“แค่จูบเอง ให้แค่นี้ไม่ได้เหรอ” เสียงเข้มถามจริงจัง ผมเขยิบออกห่างจากเขาไปอยู่อีกมุมของเตียง วูฟเลิกคิ้วสูงมองผมที่หนีเขา
“ให้เวลา 3 วิ เขยิบมาใกล้ ๆ ฉัน ไม่ทำอะไรหรอกน่า จะคุยเรื่องไปฮันนี่มูน” เขาว่า ผมมองอย่างไม่ไว้ใจ
“แต่ผมไม่จูบคุณนะครับ” ผมยืนยัน ก็มันเขินไงครับ...ใครจะไปกล้าจูบก่อนเล่า
“1” เขาเริ่มนับ
“....” ผมมองหน้าเขา
“2” เขายังนับต่อ นี่เอาจริงเหรอ ผมรีบเขยิบเข้าไปหาเขา วูฟฉุดแขนผมให้เข้าไปใกล้เขา ทำให้ผมล้มลงไปหาร่างสูงที่พลิกตัวนอนหงาย ผมซบลงตรงแผงอกพอดีเป๊ะ...
“คุณวูฟ!”
“อยู่นิ่ง ๆ ขอนอนกอดแบบนี้หน่อย” ผมดิ้นขลุกขลักชะงักกับมือหนาที่ยกมาโอบกอดเอวผมไว้ ผมหยุดดิ้น ผมนอนอยู่บนตัวเขาโดยที่หน้าแนบอยู่ตรงหัวใจวูฟ
ใจของเขาเต้นแรงจัง...แรงพอ ๆ กับของผมเลย
“ตัวของนายเล็กจังลูดี้ แต่นายเข้มแข็งกว่าคนตัวโต ๆ อย่างฉันซะอีก” เสียงเข้มพูดออกมาเรียบ ผมยิ้ม
“ใครว่าคุณไม่เข้มแข็งครับ สำหรับผม คุณเข้มแข็งมาก”
“อย่าชมฉันสิ เดี๋ยวฉันก็ได้ใจ...” ผมสะดุ้งเมื่อเขาพลิกตัวผมลงไปอยู่ใต้ร่างของเขา วูฟใช้มือกั้นผมไว้ ผมดันแผงอกตรงหน้า ใจเขาเต้นตุบ ๆ
“อ๊ะ คุณวูฟจะทำอะไรครับ” ผมหลับตาปี๋กับใบหน้าหล่อคมที่ก้มลงมา
“ถ้าบอกว่าจะปล้ำ จะยอมให้ทำไหมล่ะ” น้ำเสียงขี้เล่นทำเอาผมเหวอ เดี๋ยวนี้เขากล้าเล่นมุขแบบนี้ด้วยเหรอครับ หรือเขาคิดจะทำจริง...
“ไม่ได้นะครับ ผมท้องอยู่ อีกอย่างผมไม่ได้ฮีทขึ้นซะหน่อย” ผมบ่นอุบอิบก่อนจะตาโตกับสิ่งที่เขาพูดออกมาข้างหู
“เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องฮีทขึ้น ฉันพร้อมจะกินนายได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว” ผมสะดุ้งแล้วหน้าร้อนฉ่า วูฟก้มลงมาจูบไหล่ของผม จุ๊บ ๆ อยู่นั่นแหละ ผมหัวเราะออกมาอย่างจั๊กจี๊
“คุณวูฟ ฮะ ๆ หยุดแกล้งผมได้แล้ว ถอยออกไปเลย” ผมเอากำปั้นทุบเขา แต่มันไม่สะเทือนเลยสักนิด...
“ผลักออกให้ได้สิ หึหึ โอเค ไม่แกล้งก็ได้” เขาหัวเราะพอใจที่เห็นผมทำหน้ามุ่ย วูฟยอมลุกออกจากตัวผมแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างผมแทน “ว่าแต่ คิดไว้ด้วยนะว่าอยากไปฮันนี่มูนที่ไหน” เขาหันมาบอกผม
“จริง ๆ คุณคิดก็ได้นะครับ ผมไปที่ไหนก็ได้” ผมหันไปสบตากับเขา
“ฉันให้ลูดี้เลือก เพราะฉันตามใจภรรยาเสมอ”
“ก็ผมไม่มีไอเดียอะไรนี่นา คุณมีที่อยากไปไหมครับ?” ผมถาม จริง ๆ ผมไม่เคยคิดอยากจะไปเที่ยวไหน ส่วนมากผมไม่เคยไปเที่ยวหรอกครับ เลยไม่รู้รายละเอียดสถานที่ วัน ๆ อยู่แค่ในเมืองที่ตัวเองทำงานอยู่ก็เท่านั้น
“ปกติไม่ค่อยไปไหนซะด้วยสิ” เขาเกาหัวแกรก ๆ จนผมหัวเราะออกมา จริงด้วย...ผมว่าวูฟเองคงชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องมากกว่า เราสบตากันแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกันอีก
“แสดงว่า เราสองคนไม่รู้จักสถานที่ที่จะไปฮันนี่มูน ผมว่า...ความจริงเราไม่ต้องไปก็ได้นะครับ”
“ไม่ได้! ต้องไป ไม่งั้นมันก็จะไม่ครบสูตรการแต่งงานสิ” วูฟพูดจริงจัง
“ก็ได้ครับ ไป ๆ คุณมีหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวสักเล่มไหมครับ เราจะได้เอามาเปิดดูกันว่ามีที่ไหนบ้างที่น่าสนใจ”
“อืม เหมือนจะมี เดี๋ยวไปหาดูให้ก่อน” เขาลุกขึ้นไปค้นแถว ๆ ตรงกองหนังสือทันที ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้น
“วูฟ แม่พาคนมาติดตั้งที่กันกระแทกตามเครื่องใช้แล้ว” แม่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองสามคน วูฟหยิบหนังสือได้พอดี
“พอดีเลยครับ เดี๋ยวผมจะพาลูดี้ออกไปสูดอากาศตรงระเบียง งั้นช่วยจัดการให้ด้วยนะ ตามขอบมุมเตียง อย่าให้มีอะไรแหลม ๆ เดี๋ยวมันจะเป็นอันตรายต่อลูดี้” วูฟว่า ผมมองงง ๆ แต่ไม่ทันที่จะถามอะไรเขาก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง
“ออกไปรอข้างนอกกับฉันก่อนดีกว่า” ผมมองสาวใช้ที่พากันเอาผ้านุ่ม ๆ ไปผูกไว้ตามขอบเตียง ที่มันแหลม ๆ (ประมาณว่าวูฟหาทางปกป้องผมเต็มที่ ไม่ให้ร่างกายของผมกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย) ผมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อเขาพาผมออกมาตรงระเบียงที่ผมเคยเจอเขาตอนที่เขาโยนเงินใส่ผม คิดแล้วก็ขำ...ไม่คิดเลยนะครับ ว่าผู้ชายตรงหน้าตอนนี้ จะเป็นคน ๆ เดียวกัน
“หัวเราะอะไรคนเดียว หือ?” เขาวางผมลงตรงที่นั่ง
“เปล่าครับ แค่คิดอะไรนิดหน่อย นั่งสิครับ ผมอยากเลือกที่ไปฮันนี่มูนกับคุณ” ผมว่าพลางกางหนังสือท่องเที่ยวที่เขาหยิบออกมาด้วยดูแต่ละหน้าไป วูฟนั่งลงแล้วตบระหว่างขาของเขา
“มานั่งใกล้ ๆ ฉันนี่มา ฉันจะได้ดูถนัด” เขากางแขนให้ผมเข้าไปในอ้อมกอดเขา
“ทำไมต้องใกล้ขนาดนั้นด้วยล่ะครับ...ก็ได้ครับ ผมจะเขยิบเข้าไปเดี๋ยวนี้” ผมปฏิเสธแต่เขาหรี่ตาลงแบบบังคับ ผมเข้าไปนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา แถมยังอยู่ระหว่างขาของเขาอีก...บอกทีว่าผมจะปลอดภัย
“เกร็งขนาดนี้ กลัวฉันทำอะไรรึไง หือ...” ผมยังไม่ทันได้ตอบก็โดนคนตัวโตกว่าขโมยหอมแก้ม
ฟอด...
“อ๊ะ คุณวูฟ หอมแรงไปแล้วแก้มจะช้ำ...เอาเปรียบผมอีกแล้ว” ผมดันหน้าเขาที่จะมาขโมยหอมอีกแก้ม
“ฉันให้หอมคืนเลย เอ้า...หอมสองข้างเลยก็ได้” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ มีอย่างที่ไหนกันครับแบบนี้
บ้า...
“ไม่เอาหรอกครับ ไหนบอกว่าเราจะมาหาสถานที่ไปฮันนี่มูนไง”
“เอาสิ รีบเลือกเลย วันนี้ต้องนอนเร็ว ๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าสาวจะขอบตาคล้ำได้” เขาพูดพลางลูบใต้ตาผม ตาของผมเหมือนหมีแพนด้าเหรอ...ผมยิ้มออกมาก่อนจะเปิดหนังสือผ่าน ๆ ส่วนวูฟจ้องหน้าของผมแบบว่า...ละสายตาบ้างก็ได้ครับ ผมไม่ได้จะหายไปไหนซะหน่อย
ผมเขิน...ผมดูไปได้สักพักเลยเงยหน้าถามเขาที่จ้องหน้าของผมอยู่เหมือนเดิม
“ผมให้คุณตัดสินใจนะครับ ผมจะเสนอสถานที่ให้” ผมปรบมือแปะ ๆ แล้วโชว์มือซ้ายขึ้น เขาดูจะตั้งใจฟังผมมาก
“คุณจะไป ทะเล หรือ จะไปเที่ยว ภูเขา...” มือขวาของผมโชว์ขึ้น “เลือกมาหนึ่งครับ” แต่คำตอบที่ผมได้รับทำเอาผมหลุดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันเลือกลูดี้...” เขาชี้มาที่ผม “เพราะไม่ว่าที่ไหนฉันก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น ขอแค่ คนที่ฉันได้ไปด้วยคือ นายเท่านั้น”
“ไหงมาโยนให้ผมเป็นคนตัดสินใจล่ะครับ” ผมว่าขำ ๆ เขาดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด มือหนาเลื่อนมาจับท้องของผมจนรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ส่งมา
“ตกลงอยากไปที่ไหน ฉันคิดว่าภูเขานายไม่น่าจะขึ้นได้นะ เอาเป็นที่ราบไม่สูงน่าจะดีกว่า” เขาเสนอ เห็นด้วยเลยครับ ตอนแรกเสนอไปก็อยากไปทะเลนี่แหละ คิก ๆ แต่แกล้งเอาภูเขามาเฉย ๆ
“เอาตามนั้นก็ได้ครับ ผมอยากเห็นทะเลสวย ๆ เหมือนกัน” ผมเคยเห็นแค่ในรูปภาพเท่านั้น แค่คิดก็แอบตื่นเต้นแล้ว
“ฉันอยากเห็นลูดี้ ใส่เสื้อผ้าสีขาวบาง ๆ อยู่ริมสระน้ำเหมือนกัน...”เขากระซิบข้างหู
“คุณวูฟ!! ใครจะไปใส่เสื้อผ้าแบบนั้นกันล่ะครับ” ผมตีเขา วูฟหัวเราะพอใจแล้วก้มหน้าลงมาหาผม จนจมูกเราจะแตะกันอยู่แล้ว...ทำไมผมไม่หลบล่ะ แต่ริมฝีปากของเขาไม่ทันจะแตะกับผม พวกเราก็ต้องผละออกจากกัน
“อะแฮ่มๆ” เสียงแม่ของวูฟดังขึ้นพร้อมยิ้มล้อ ๆ “ขอขัดจังหวะนะจ๊ะ วูฟถอยไปห่าง ๆ ลูกสะใภ้แม่เลย หนูลูดี้ เดี๋ยวไปลองใส่สูทที่จะใส่ในงานพรุ่งนี้กับแม่หน่อย” ผมพยักหน้า
“ครับ” ผมลุกออกจากตักร่างสูง
“อ้าว แล้วผมไม่ต้องลองเหรอครับ” วูฟถามเหมือนอยากจะตามไปด้วย แต่โดนแม่พูดกวนใส่
“ของแกอ่ะ ไม่ต้องลองหรอก ใส่ไรก็ใส่ไปเถอะ ปะ หนูลูดี้ไปกับแม่ค่ะ ปล่อยตาวูฟไว้นี่แหละ” ผมหลุดหัวเราะ แม่จูงมือผมให้เดินไปด้วย โดยที่ร่างสูงบ่นอุบอิบตามหลังมา แต่เขายิ้มให้ผม
“โหย ไรอ่ะแม่ ทำแบบนี้กับลูกชายได้ยังไง อวยลูกสะใภ้จังเลยน๊า...”
=========================100% ================
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจจากคนอ่านที่น่ารักค่ะ ^^ เเงง หายไปนาน ยังจำคุณวูฟกับลูดี้ได้อยู่ใช่ไหมมม
*เนื้อหาบางส่วนของตอนข้างบนมีการเปลี่ยนเเปลงบางส่วนเล็กน้อย เดี๋ยวไรท์จะค่อยๆทำการเเก้ไขไปนะคะ
อ่านให้สนุกน๊าาาาา